Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=  (อ่าน 228246 ครั้ง)

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
คู่นี้ผ่านไปได้ดวยดี
คิดถึงราม อิน แล้วอะ

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 886
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0

ออฟไลน์ ASAMENG

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ ราตรีสีน้ำเงิน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 25
หวั่นไหวเอง



ตั้งแต่วันที่ปลายฝันมาที่นี่เมื่อวานนี้รามินทร์ก็ดูเหมือนว่าจะดูแลแขกคนนี้พิเศษกว่าคนอื่น ทั้งๆ ที่ปลายฝันก็มาของานทำ นั่นก็เท่ากับว่าเป็นพนักงานของรีสอร์ทเหมือนกัน

ไม่ใช่สิ ไม่เหมือนกัน...

“เหอะ! กูมันก็แค่ทาสสินะ”

เขาหงุดหงิด ไม่พอใจมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่รู้ทำไม ไม่ชอบใจที่รามินทร์ทำดีกับคนอื่น อ่อนโยนกับคนอื่น แต่เขาไม่เคยได้รับ ถามว่าน้อยใจไหม มันก็น้อยใจสิ มันไม่ควรทำให้เขารู้สึกว่ามีแค่เขาคนเดียวที่ไม่เคยได้รับความสุภาพอ่อนโยนนั้น นั่นเป็นเพราะความเกลียด ความโกรธแค้นของรามินทร์ที่เขา...ไม่ได้ผิดอะไรเลย

“ช่างหัวมันไปสิ! เดี๋ยวมึงก็ได้กลับบ้านแล้ว” ปลอบตัวเองเบาๆ

เขาไม่ได้เรียกร้องหรืออยากให้รามินทร์มาเอาใจ มาอ่อนโยน แค่ไม่ต้องให้เขารับรู้ก็พอว่าเขามันต่างจากคนอื่นๆ ขนาดไหน...

ยิ่งการแสดงละครตบตาแฟนเก่าของรามินทร์ ทำให้เหล่าคนงานยิ่งพูดถึงและเชื่อสนิทว่าอินทัชคือคนรักของรามินทร์ ตอนนี้...ร่างโปร่งกลายเป็นคนนิสัยแย่หลายใจที่ทำให้รามินทร์โกรธมาก และพูดกันต่างๆ นาๆ ว่าที่เขายอมอยู่ในสภาพคนใช้ก็เพื่อที่จะง้อขอคืนดี

หึ! คนมันมีหัวคิด มีปากพูด ก็มโนไปต่างๆ นาๆ ได้แหละ อย่าให้ถึงวันที่เขาได้ไปจากที่นี่ก็แล้วกัน จะไม่มีวันมาเหยียบอีกเด็ดขาด!!

“เตรียมตัวเสร็จหรือยัง” เสียงของเจ้าของบ้านพักถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ยืนกอดอกพิงประตูมองร่างโปร่งที่ยืนอยู่ในห้องนอนเล็กของบ้านพัก

“อือ...”

“งั้นก็ไปได้แล้ว”

“ถามจริงๆ จะพากูไปไหน” อินทัชถามขึ้นมา น้ำเสียงจริงจัง แล้วก็ครุ่นคิดไปต่างๆ นาๆ ว่าคนตัวสูงกว่าจะพาเขาไปไหน

มันก็อดที่จะระแวงไม่ได้ เพราะกลัวว่าถูกพาไปขายหรือไปฆ่า

“กูไม่พามึงไปฆ่าหรอก”

“งั้นมึงก็บอกมาสิว่าจะพากูไปไหน”

“เลย” รามินทร์ตอบสั้นๆ

“เลย? ไปทำไมที่เลย”

“ไม่ต้องรู้อะไรมากได้ไหม กูบอกให้ไปก็คือไปสิวะ”

“มึงทำเหมือนว่ามึงกำลังพากูหนี มึงพากูหนีใคร?” อินทัชถามออกไปตรงๆ ซึ่งร่างแกร่งตรงหน้าก็ชะงักไป นั่นทำให้อินทัชยิ้มมุมปาก

ไม่รู้ว่ายิ้มทำไม อาจจะยิ้มเพราะสมเพชมัน...หรือสมเพชตัวเองที่รู้แต่ทำอะไรไม่ได้

“ฉลาดนี่...งั้นกูคงไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะ  ตามมาเถอะ หรือจะให้อุ้ม?” เลิกคิ้วถามกวนๆ ซึ่งอินทัชก็เดินไปหารามินทร์ที่หน้าประตูทันที

“ก็นำไปสิ!!”

“ก็แค่นี้ ถามมากมายอยู่ได้”

อินทัชเดินฟึดฟัดตามรามินทร์ไป พอไปถึงรถกระบะสีดำที่จอดเอาไว้ รามินทร์ก็พยักเพยิดหน้าให้ขึ้นไปนั่งบนรถ ส่วนเจ้าตัวก็เดินไปยังฝั่งคนขับแล้วขึ้นไปประจำที่ตัวเอง ร่างโปร่งถอนหายใจออกมาก่อนจะเปิดประตูขึ้นไปนั่งอย่างเงียบๆ

จากนั้นทั้งคู่ก็เดินทางยาวสู่จังหวัดเลยทันที...


ใช้เวลาเดินทางสามชั่วโมงกว่าๆ รามินทร์ก็พาอินทัชที่นอนหลับตลอดทางมาถึงรีสอร์ทที่จังหวัดเลยของตน เพราะตรงมาเลยไม่มีการจอดพักที่ไหน มาถึงก็จัดการตบหน้าคนที่นอนหลับเป้นการปลุก จนอินทัชสะดุ้งตื่น มองหน้ารามินทร์อย่างหงุดหงิด

เพี๊ยะ!!

“ปลุกดีๆ ก็ได้มั้ง”

“อย่างมึงปลุกดีๆ ไม่ได้หรอก เดี๋ยวได้ใจ”

ถุย!! ได้ใจห่าเหวอะไรล่ะ

“ลงไป”

“เออๆ”

ทันทีที่อินทัชเปิดประตูรถลงมาก็มีคนงานชายคนหนึ่งมารอต้อนรับอยู่แล้ว

“สวัสดีครับคุณราม”

“อืม...เดี๋ยวฉันจะเข้าบ้านพักเลย ไปทำงานของตัวเองเถอะ” รามินทร์เดินมาคว้าแขนของอินทัชก่อนจะบอกคนงานของตัวเองเสร็จก็ลากร่างโปร่งให้ตามตัวเองไปทันที

“มึงจะรีบร้อนไปไหน”

“ก็พามึงไปที่พักไง”

อินทัชปิดปากเงียบไม่คิดจะถามอะไรอีกเพราะถามไปก็เหมือนว่าจะไม่ได้คำตอบอะไรมากมายเท่าไหร่นัก รามินทร์พาคนตัวบางไปที่ส่วนตัวของตัวเองซึ่งเป็นบ้านพักหลังเล็กๆ มีหนึ่งห้องนอน แต่มีครัว มีห้องรับแขกพร้อม ส่วนตัวแล้วรามินทร์ไม่ค่อยมาที่นี่เท่าไหร่ จะมาก็ต่อเมื่อมีงานหรือมีปัญหาเท่านั้น เพราะจะอยู่ที่เพชรบูรณ์ซะส่วนใหญ่ ที่นั่นเป็นเหมือนบ้านของตัวเองไปแล้วทั้งๆ ที่ก็มีบ้านใหญ่อยู่ แต่ก็ไม่ค่อยไปเช่นกัน

“มึงพากูมาไว้ที่นี่แล้วมึงก็จะไปเลยใช่ไหม” ถามพลางใช้สายตามองไปรอบๆ ตัวบ้านพัก

“ใครบอกมึง”

“อ้าว? แล้วมึงจะพักไหนล่ะ”

“ที่นี่ไง”

“มันมีห้องเดียวนี่ มึงจะให้กูไปอยู่ไหน หรือมีกระท่อมร้างๆ อยู่?” ถามแกมประชดประชัด ซึ่งเสี้ยววินาทีชั่วครู่ใบหน้าของรามินทร์แสดงความรู้สึกผิดออกมา แต่ก็ปัดมันออกไปอย่างเร็ว

“มึงก็พักที่นี่ไง”

“กับมึง?”

“เออ!!”

“ฆ่ากูให้ตายเถอะให้นอนกับมึงเนี่ย!!!” อินทัชโวยวายเสียงดัง ส่ายหน้าไปมาไม่ยอมรับในสิ่งที่ร่างสูงพูดเด็ดขาด!! ไม่มีทาง อินทัชไม่นอนห้องเดียวกับมันเด็ดขาด

“ทำไม? รังเกียจกูหรือไง” ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจใบหน้าหล่อคมสันฉายแววโหดจนร่างโปร่งแอบขนลุก จะว่ากลัวก็ใช่...ไม่ใช่กลัวมันทำร้าย

แต่กลัว...ว่ามันจะเกิดขึ้นอีก

“รีสอร์ทมึงมีห้องเยอะแยะ ให้กูได้นอนคนเดียวมันจะขาดทุนหรือไงวะ!”

“ห้องมีเอาไว้รับรองแขก และนี่บ้านพักกู แล้วกูก็พอใจที่ให้มึงนอนที่นี่ จะทำไม”

“ก็ไหนว่าจะมีงานสำคัญ มึงกลับไปเถอะ”

“ไม่เป็นไร ไอ้ขรรค์กับคุณดรีมจัดการได้ กูจะไปวันงานวันเดียว แล้วจะกลับมารับมึงคืน”

ได้ยินชื่อปลายฝันก็ชะงักไปทันที ก่อนจะถอนหายใจแล้วพาเปลี่ยนเรื่อง

“เฮ้อ...ถามจริงเถอะ มึงพากูหนีอะไรกันแน่ มีคนรู้จักกูจะมาในงานนั้นหรือไง” ใบหน้าสวยชักสีหน้าสุดจะหน่ายใจ กอดอกถามร่างสูงอย่างจริงจัง

อย่างน้อย...ก็ขอรู้เหตุผลที่รามินทร์พาหนีมาไกลถึงนี่ก็พอ

“วันอาทิตย์เป็นวันเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานคุณดรีมที่คุณปฐพีกับคุณอัคนีเตรียมเอาไว้” รามินทร์เดินไปทรุดตัวนั่งที่โซฟานุ่ม ตอบคำถามที่อินทัชอยากรู้ด้วยสีหน้านิ่งๆ

“หึ!”

ก็เลยพากูหนี ‘ไอ้ธีร์’ เพื่อนของกูสินะ

เพราะคนสนิทของปฐพีและอัคนีต้องตามผู้เป็นนายไปทุกที่...วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ เพื่อนของเขากำลังจะมาถึงตัวเขา แต่ก็ไม่...เราต้องคลาดกัน ไม่ใช่เพราะโชคชะตากำหนด แต่เป็นปีศาจอย่างรามินทร์ต่างหาก

“มึงเลวร้ายกว่าที่กูคิดอีกนะ”

“ก็ถือซะว่ากูพามาเปลี่ยนบรรยากาศ”

“มึงกำลังจะทำให้กูรู้สึกเกลียดที่นี่อีกที่หนึ่ง”

“แล้วแต่มึงเลย...”

อินทัชเดินเข้าไปในห้องนอนเพราะไม่อยากจะมองหน้าหรือฟังเสียงของรามินทร์อีกต่อไปแล้ว จะไปข้างนอก คนเป็นเจ้าของที่นี่ก็คงจะไม่ยอมให้ออกไปแน่ๆ

นอกจากพ่อ แม่ และพี่สาวแล้ว คนที่อินทัชปรารถนาจะเจอก็คือธีร์เพื่อนรักของเขา

“ตามหากูให้เจอ...กูอยากกลับบ้านแล้ว”

หวังว่าคำภาวนาของเขาจะสื่อไปถึงเพื่อนรัก...


ทางด้านร่างสูงก็นอนแหงนหน้าศีรษะพิงที่พนักของโซฟาแล้วครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆ นาๆ ไปด้วย โดยเฉพาะคำพูดของอินทัช สีหน้า และแววตาของคนที่เขาจับตัวมา

“ทำไม...กูถึงรู้สึกแบบนี้วะ!!”

รามินทร์อยากให้อินทัชยิ้มให้เขาเหมือนที่เราแสดงละครตบตามิวในวันนั้น อยากได้รอยยิ้มนั้นบ้าง แต่ว่า...สิ่งที่เขาทำไปทั้งหมด คงจะไม่ได้รับในเร็ววัน

ร่างสูงกำลังที่จะรู้สึกผิด ยกเลิกการแก้แค้นแต่จะให้หยุดเลยเขาก็ทำไม่ได้ เลยได้ให้งานเล็กๆ น้อยๆ ให้อีกคนทำ ดึงรั้งความผิดของอินทัชเอาไว้ให้อยู่กับเขา โกหกตัวเองว่าอินทัชยังชดใช้ไม่หมด...ทั้งๆ ที่มันหมดไปตั้งแต่เขาทำให้มันตายทั้งเป็นในครั้งแรกแล้ว หากมันก็มีครั้งที่สองและครั้งที่สาม...

เขาพยายามที่จะชดเชยความผิด พยายามทำตัวดีๆ แต่ว่า มันก็รู้สึกอายเกินกว่าที่จู่ๆ ก็มาพูดดี ทำดีใส่ เพราะถ้าทำแบบนั้น อินทัชก็จะขอให้ปล่อยมันไป ซึ่งเขาไม่อยาก...

แล้วนี่...ก็จะพาอีกคนมาอยู่ในบรรยากาศใหม่ๆ เผื่อจะสร้างความทรงจำดีๆ ได้บ้าง แต่ก็เปล่า เพราะความปากหนัก ปากแข็ง และปากร้ายของเขานี่แหละ ที่ทำให้เรื่องมันพังตั้งแต่เขายังไม่ได้เริ่ม

พอคิดอะไรมากๆ เพลินๆ ความเหนื่อย ความเมื่อยล้าจากการขับรถนานทำให้ร่างสูงเผลอนอนหลับไป...


อินทัชออกมาจากห้องนอนเมื่อเข้าไปนอนขลุกอยู่ในห้องหลายชั่วโมงจนตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว อาการหิวจนแสบท้องทำให้อินทัชไม่อยากนอนต่อ เลยจะออกไปให้คนที่พามาหาอะไรให้กิน...

“ไอ้เหี้ยนี่ก็หลับนี่หว่า”

ร่างโปร่งเดินผ่านร่างแกร่งที่นอนเหยียดกายไปตามความยาวของโซฟาตัวใหญ่ มือขาวบิดลูกบิดประตูออกไปเพื่อรับลมเย็นๆ

“ถ้าออกไปข้างนอกมันต้องด่าและทำโทษแน่ๆ”

พึมพำเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับมาแล้วตรงไปยังห้องครัวทันที เปิดตู้เย็นดูก็พบว่ามีของสดอยู่เต็มตู้ที่พอจะทำกินทั้งอาทิตย์ แล้วหัวเราะเยาะตัวเองเบาๆ

“ก็ว่าแล้ว...มันคงไม่คิดจะให้เราออกไปข้างนอกจริงๆ สินะ”

อินทัชลงมือทำอาหารง่ายๆ ที่ตัวเองทำเป็นเพราะป้ารีสอนมาอย่างดี และอินทัชเป็นพวกที่เรียนรู้เร็ว ความจำเป็นเลิศเลยสามารถทำอาหารเป็นได้โดยไม่ต้องทนกินฝีมือแย่ๆ ของตัวเอง ตอนนี้ก็ฝึกไปเรื่อยๆ นั่นแหละ สนุกดี...เหมือนที่ธีร์เคยพูดบอกไว้เลย

‘ทำอาหารมันก็สนุกดีนะเว้ยอิน บางทีก็คลายเครียดได้เยอะเลย’

“ทำอะไรกิน” เสียงของเจ้าของบ้านที่อินทัชคิดว่ายังนอนอยู่ดังมาจากด้านหลัง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อินทัชหันไปสนใจแต่อย่างใด ทำอาหารต่อไป และไม่ตอบอีกด้วย

“กูถาม...” ร่างสูงเดินมายืนข้างๆ กับอินทัชที่กำลังทำผัดกระเพราหมูสับอยู่

“มีตาก็ดูเอาสิ” ร่างโปร่งตอบกวนๆ

“ทำเพิ่มอีกอย่างด้วย แล้วนี่หุงข้าวยัง กูหิว...”

“หุงแล้ว...แต่ใครบอกว่าจะให้มึงกินด้วย มึงก็ไปหากินที่ห้องอาหารของรีสอร์ทมึงไปดิ ยุ่งอะไรกับกู”

รามินทร์ยักไหล่

“ขีเกี้ยจเดิน”

“ก็โทรสั่งมากินที่นี่ดิ”

“กูจะกินที่มึงทำ”

“แต่กูไม่ให้!!”

“ลืมหน้าที่มึงแล้วหรือไง”

อินทัชเงียบไป เถียงไม่ออกเลยทีเดียว ก็จริงอยู่ที่หน้าที่ของเขาคือการเตรียมอาหาร แต่คนมันลืมได้นี่...ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ร่างโปร่งบางก็เลยได้แต่ฟึดฟัดทำอาหารเพิ่มอีกอย่าง และอีกอย่างที่ว่าก็คือ...ไข่เจียว

ผัดกระเพรากับไข่เจียว สองอย่าง พอ...จบ!!

“กูจะนั่งรอก็แล้วกัน”

“อย่างน้อยก็ช่วยตักข้าวก็ดีนะ ถ้าคิดว่าตัวเองมีน้ำใจ” เสียงทุ้มของอินทัชแขวะรามินทร์ที่กำลังเดินกลับไปนั่งรอที่โต๊ะที่อยู่ห่างจากตรงนี้นิดเดียว เพราะเป็นห้องครัวบวกห้องทานอาหารไปในตัว

“รอมันสุกก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวกูจะไปตักเอง”

“ห๊ะ!!”

“ตกใจอะไร?” รามินทร์ถามเสียงเรียบ

“ก็ตกใจมึงไง...ไม่คิดว่ามึงจะทำตามที่กูพูดนะเนี่ย”

“ก็แล้วจะทำไม หรือจะไม่ให้ทำ?” รามินทร์ถามแก้เก้อ ใบหน้าขึ้นสีแดงเข้มแต่อินทัชก็ไม่ได้สนใจจะมองนัก หันกลับไปทำอาหารต่อ

“เปล่า...จะทำก็ทำ”

ร่างโปร่งทำนั่น หยิบนี่ โดยมีร่างสูงนั่งมองอยู่ไม่ละสายตา หัวใจแกร่งเต้นแรงจนน่ากลัว เห็นอินทัชในสภาพแบบนี้แล้วรู้สึกหวั่นไหว...

ก็คิดไว้แล้วว่าตัวเองจะต้องหวั่นไหว...แต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้

“เสร็จแล้ว หม้อหุงข้าวมันเด้งตั้งนานแล้ว ไหนว่าจะตัก” อินทัชที่ตักกับข้าวที่ตนทำใส่จานแล้วเอามาวางบนโต๊ะ สายตาเหลือบไปมองหม้อหุงข้าวก็พบว่ามันสุกแล้ว ร่างสูงสะดุ้งนิดๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบจานสองใบตรงไปที่หม้อหุงข้าวทันที

รามินทร์ตักข้าวใสจานทั้งสองใบในปริมาณที่เท่าๆ กัน แล้วเดินมาวางตรงหน้าของอินทัช แล้วก็เอาไปฝั่งของเขา อินทัชเลิกคิ้วสงสัย มองจานข้าวที่ร่างสูงเอามาให้อย่างแปลกใจ

ก็คิดว่าจะตักกินคนเดียวซะอีก...แต่ก็ไม่คิดที่ถามออกไป

เรื่องบางเรื่อง...ก็ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างเงียบๆ อาจจะดีกว่าถามออกไปแล้วทะเลาะกัน

“ถ้าไม่อร่อยก็ไม่ต้องด่ากูนะ มึงเลือกเอง”

“เออน่า”

ทั้งสองลงมือทานอาหารกันอย่างเงียบๆ ไม่มองหน้ากัน ไม่คุยกัน ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาทานอาหาร จะมีบ้างที่รามินทร์ลอบมองใบหน้าสวยหวานของอินทัช และบางครั้งที่รามินทร์ไม่สนใจอินทัช ร่างโปร่งก็แอบมองคนตัวสูงไม่ต่างกัน

บรรยากาศระหว่างเรามันแปลกๆ

“ก็อร่อยดี” ชมออกมาเบาๆ ทำเอาช้อนที่กำลังตักกับข้าวของคนทำอาหารมื้อนี้ชะงักไป อยากจะทุบอกตัวเองแรงๆ ว่าให้หยุดดีใจกับคำพูดของผู้ชายคนนี้ซะ!

รามินทร์ที่พยายามจะทำดีไถ่โทษในสิ่งเลวร้ายที่เขาได้ทำลงไปกับเจ้าตัวนั้น กลับเป็นว่าเขานั่นแหละที่แย่ นอกจากอินทัชจะไม่รู้สึกอะไร ไม่รู้สึกดีขึ้นเลย มีแค่เขาที่หวั่นไหว...หวั่นไหวกับคนตรงหน้านี้เหลือเกิน โหยหาสัมผัสจากร่างที่เขาเคยได้ครอบครอง

เหมือนว่าความเกลียดชัง ความโกรธแค้นที่เคยมีมันค่อยๆ ถูกทำให้จางลง...แล้วที่แทนเข้ามาดันเป็นความรู้สึกดีๆ อยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอินทัช...เมื่อได้ลองเปิดใจ รามินทร์ก็พบว่าอินทัชเป็นคนที่ดีคนหนึ่งได้ ใช่...เขารู้ แต่ก็ทำเป็นว่าไม่รู้ ทำเป็นมองไม่เห็นความดีของอินทัชมาโดยตลอด...

จะมีใครที่ไหนยอมให้เขาทรมานและใช้สารพัดแบบนี้โดยไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น เอาคืน...

“ขอบคุณสำหรับอาหาร”

ประโยคนี้สร้างความแปลกใจเป็นรอบที่สี่จนอินทัชเม้มริมฝีปากแน่น แล้วก็ต้องตกใจหนักเข้าไปอีกเมื่อได้ยินประโยคนี้จากร่างสูง...

“จานกูจะล้างเอง...”






50%

 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

เปิดเทอมแล้ว ทุกคนคงจะทราบว่ากิจกรรมจะเยอะมากเป็นธรรมดา ซึ่งยูกิกำลังประสบอยู่ค่ะ ฮะๆ เวลาแทบจะไม่มีทำอะไรเลย กิจกรรมเยอะแล้ว การบ้านจัดเต็มทุกวิชาอีก ดีงามสุดๆ ค่ะ แต่ยูกิสตรองอยู่แล้ว เพราะงั้นสู้ไม่มีถอยค่ะ!!

อ่านแล้วเม้นท์ด้วย ไม่เม้นท์มีโกรธ ต้องการกำลังใจอย่างหนักค่ะตอนนี้

พูดคุย ทวงนิยาย สอบถามได้ที่แฟนเพจะเลยจ้า ทักได้ ยูกิไม่กัด https://www.facebook.com/sawachiyuki/

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ห๊ะ (เสียงสูง) อินทัชคงต้องคิดว่า ตัวเองฝันไป ที่อีกคนบอกจะล้างจาน555

ออฟไลน์ ราตรีสีน้ำเงิน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
อย่าให้อภัยง่ายๆนะ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
บางทีมันก็ช้าไปนะ

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
หวั่นไหว โครตหวั่นไหว
อ่านแล้วหวั่นไหวตาม
อยากให้ถึงวันที่ธีร์เจออินทร์แล้วหล่ะ
อยากให้รามเจ็บมากๆ เค้าอยากได้ดราม่า 555+

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 886
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
ตอนที่ 25 ครึ่งหลัง






“ผีเข้า...มันผีเข้าแน่ๆ” อินทัชเดินพึมพำออกจากห้องครัวโดยปล่อยให้รามินทร์ล้างจานอยู่ในนั้นไปคนเดียว...ใบหน้าที่แสดงถึงความตกใจยังคงฉายชัดอยู่

“หรือว่ามันไม่ได้กินยา” ขณะที่นั่งลงบนโซฟาก็ยังเอาแต่คิดเรื่องรามินทร์ไม่หยุด

“เอ๊ะ! หรือว่ากูฝันวะ” ว่าแล้วก็ลองตบหน้าตัวเองแรงๆ หนึ่งที

เพี๊ยะ!!!

“โอ๊ย!! แม่งเจ็บว่ะ แสดงว่าผีเข้าแน่ๆ เลย มันพามานี่แต่ลืมไหว้เจ้าที่หรือเปล่าวะ” ลูบแก้มตัวเองเบาๆ ตรงรอยที่ตบตัวเองเมื่อกี้

อินทัชคิดไปด้วย แล้วก็ลุกไปเปิดทีวีด้วยเพราะไม่มีอะไรจะทำ ดูนาฬิกาแล้วก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าๆ ยังไม่ถึงเวลานอน... และยังไม่คิดที่จะนอนด้วย

ก็ห้องมันมีห้องเดียว เตียงก็เตียงเดียว บ้าบอ เขาไม่นอนกับมันเด็ดขาด...

“กูจะเข้าไปอาบน้ำ ถ้ามึงจะอาบก็ไปในห้องนะ เสื้อผ้าใช้ของกูที่อยู่ในตู้ได้ ถึงตัวจะต่างกันแต่สูงก็พอๆ กัน คงใส่ได้” รามินทร์ที่เดินออกมาจากห้องครัวหยุดอยู่ตรงหน้าอินทัชซึ่งเป็นจอทีวีพอดี นั่นทำให้อินทัชต้องเงยหน้าสบตาคนพูดอย่างเลี่ยงไม่ได้

“อือ...มีอะไรอีกไหม”

“ส่วนเรื่องที่นอน...” ยังไม่ทันที่รามินทร์จะพูด อินทัชก็แทรกขึ้นมาก่อน

“กูจะนอนตรงนี้แหละ”

“ไม่ได้!! เตียงกูใหญ่ นอนได้สองคนอยู่ แล้วถ้ามึงไม่อยากนอนใกล้กู บนเตียงมีหมอนข้างก็เอามาคั่นกลางไว้ได้”

“กูจะนอนตรงนี้”

“กูบอกว่าไม่ได้!!”

“ทำไมวะ? มันน่าจะดีสำหรับมึงไม่ใช่หรือไงที่กูจะไม่ไปเบียดเบียนพื้นที่บนเตียงของมึงน่ะ” อินทัชถามด้วยน้ำเสียงที่สงสัยและติดจะไม่พอใจด้วย

ร่างสูงยืนนิ่งเพราะคิดคำตอบไม่ทัน สุดท้าย...ก็โพล่งแต่คำเดิมๆ ออกไป เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้คนตรงหน้ายอมถ้าไม่ใช่ประโยคนี้

“กูสั่ง!!”

ดวงตาของอินทัชวูบไหวไปเสี้ยววินาทีหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเป็นอันเข้าใจสำหรับอินทัช...

“ก็ได้ แต่มึงห้ามทำอะไรกูเด็ดขาด ไม่งั้นกูฆ่ามึงจริงๆ แน่” ขู่เสียงเรียบ รามินทร์พยักหน้ารับเบาๆ

“ไม่ทำหรอก”

กูไม่ทำแล้วอิน...กูไม่ทำแล้ว กูรู้ว่ามึงเกลียดสัมผัสกู ไม่ไว้ใจที่จะอยู่ใกล้กู แต่กูก็อยากจะแก้ตัว ว่ากู...ก็รักษาสัญญาได้เหมือนกัน

“ให้มันจริง...”

“อืม...ขอตัว” คนตัวสูงเดินเข้าห้องนอนไปทันที โดยที่ร่างบางยังคงนั่งดูทีวีอยู่ แต่หูไม่ได้ฟังอะไรเลย ในหัวก็ได้แต่คิดวีธีป้องกันตัวต่างๆ นาๆ เอาไว้

ยอมรับว่ากำลังกลัว...ยอมรับว่าตัวกำลังสั่น

แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของมัน...

“กูจะทำอะไรได้ล่ะ”







วันนี้...อินทัชไม่ได้ทำอะไรเลย ก่อนจะมาที่นี่ก็อยู่ในห้องก็เกือบจะเที่ยง อยู่บนรถสามชั่วโมงกว่า แล้วไหนจะมาขลุกอยู่ในห้องจนถึงเย็น จนกินข้าวเสร็จก็ยังไม่ได้ออกจากที่อุดอู้เลยสักนิด และตอนนี้ก็เลยเที่ยงคืนมานานแล้ว แต่อินทัชก็ยังไม่คิดที่จะเข้าไปในห้องนอนเลยสักนิด

ทำเป็นดูรายการนั่นนี่สลับกันไปมาเพื่อฆ่าเวลา...และถ่วงเวลา

 แกร๊ก...

“มึงจะดูอะไรนักหนา เสียงมันดัง กูนอนไม่ได้” ร่างสูงเดินออกมากอดอกพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“งั้นเดี๋ยวกูเบาเสียงลง”

“ไม่ต้อง! ปิดแล้วเข้าไปอาบน้ำนอนซะ!!” สั่งเสียงดังลั่น

“ให้กูดูหน่อยก็ไม่ได้หรือไง”

“มึงดูนานแล้วอิน”

“แต่กูเพิ่งจะเคยได้ดูไง มึงคิดว่าระยะเวลาที่มึงจับตัวกูมาทรมานกูได้ดูอะไรบ้าง หนังสือพิมพ์ยังไม่มีสิทธิ์ได้อ่านเลย” ประโยคสุดท้ายอินทัชพึมพำเบาๆ

“ก็ได้ดูไปแล้วไง ปิดแล้วไปอาบน้ำนอน”

“แต่...”

“อย่าให้ต้องพูดซ้ำ” สวนกลับมาก่อนเสียงเข้ม

“จิ๊!!” ร่างผอมส่งเสียงออกมาอยากขัดใจ แต่ก็คว้ารีโมทมากดปิดตามที่เจ้าของบ้านต้องการ เจ้าของรูปร่างสูงโปร่งลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าห้องนอนไป โดยที่ปล่อยให้รามินทร์คอยปิดไฟตามมา

คว้าเสื้อผ้ากับผ้าเช็ดตัวที่ยังไม่ได้ใช้วางพาดบนไหล่ มองหน้าร่างสูงเล็กน้อยก่อนจะกระทืบเท้าเป็นเด็กๆ เข้าไปในห้องน้ำ โดยมีรามินทร์ยืนอมยิ้มมองตาม

“หึ...”

ร่างสูงขึ้นไปนอนบนเตียงฝั่งหนึ่งแล้วเอาหมอนข้างมากั้นกลางเอาไว้ หลับตาลงรออินทัชที่กำลังอาบน้ำอยู่ออกมา

เวลาผ่านไปนานมากจนกระทั่งคนที่รามินทร์รอออกมาจากห้องน้ำ แต่ร่างสูงยังคงหลับตาอยู่เหมือนว่าตัวเองกำลังหลับ ได้ยินเสียงถอนหายใจมาจากอินทัชด้วย

“เฮ้อ...หลับแล้วใช่ไหมวะเนี่ย”

ถ้าให้รามินทร์เดา...ร่างสูงคิดว่า อินทัชรอให้เขาหลับ แล้วจะแอบย่องไปนอนข้างนอก

“อย่าแม้แต่จะคิดออกไปนอนข้างนอกเด็ดขาด…” คนที่นอนอยู่บนเตียงพูดดัดทางทั้งๆ ที่หลับตาอยู่ ทำให้ร่างโปร่งชะงักไปเลย ก่อนจะส่งเสียงฟึดฟัดอย่างไม่พอใจ

“ทำไมไม่หลับวะ” บ่นเบาๆ

“รีบปิดไฟแล้วมานอน กูบอกแล้วไงว่าจะไม่ทำอะไรมึง”

“เออๆ”

อินทัชเอาผ้าไปพาดไว้บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่ไม่มีอะไรอยู่บนโต๊ะเลย สองเท้าเดินไปปิดไฟมือค่อยๆ คลำหาทางในความมืดไปที่เตียงอย่างช้าๆ

ฟุบ!

พอสัมผัสเตียงได้ก็เริ่มคลำว่าฝั่งไหนว่าง พอมือโดนขาของรามินทร์ อินทัชก็รีบชักกลับแล้วมาอีกฝั่งที่ว่างๆ ทันที ร่างผอมบางขึ้นไปนอนบนเตียงโดยที่ชิดขอบเตียงเสียจนเกือบตก ทั้งๆ ที่พื้นที่ที่ห่างจากหมอนข้างยังมีอีกเยอะ แต่มันก็อดระแวงไม่ได้

เกิดอะไรขึ้นมา หมอนข้างก็ไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้หรอกนะ

“มึงไม่กลัวตกเตียงหรือไง” ร่างสูงที่ปรับสายตาให้ชินกับความมืดแล้วก็พอที่จะเห็นร่างโปร่งจากแสงที่ส่องจากข้างนอก...

“ไม่นี่...ก็พอดี” ตอบเสียงเบา

“ขยับมา...ตกเตียงไปกูขี้เกียจพาไปหาหมอ”

“ไม่เป็นไร เตียงไม่สูงเท่าไหร่ คงไม่เจ็บจนเวอร์หรอก” เถียงออกไปแบบไม่ยอมแพ้

นี่ทั้งคู่คิดว่ามันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว ถึงได้มาถกเถียงกันเอาป่านนี้ อีกไม่กี่นาทีก็จะตีหนึ่งแล้วแท้ๆ ยังจะส่งเสียงเถียงกันอยู่ได้ โชคดีที่มันเป็นบ้านพักส่วนตัว ไม่มีใครเพ่นพ่านผ่านมาแน่นอน

“แล้วจะไปเสี่ยงทำไม?”

“กูเสี่ยงตกเตียง ดีกว่าเสี่ยงนอนใกล้มึง”

“จะขยับดีๆ หรือจะให้กูนอนกอด” เสนอทางเลือกให้เสียงเข้ม แต่อินทัชก็ไม่ยอมรับทั้งสองอย่างนั่นแหละ

“ไม่!!”

“ไอ้อิน!! จะให้กูกอดใช่ไหม” พอเตียงขยับเพราะรามินทร์ทำท่าจะลุกขึ้นมาลากอินทัชเข้าไปในอ้อมแขน อินทัชก็เอ่ยเสียงดังออกมาก่อนว่า

“ไม่ๆ กูขยับแล้ว” พร้อมกับค่อยๆ ขยับมาชิดหมอนข้างอย่างที่รามินทร์ต้องการ

“เฮอะ! ก็แค่นี้ แล้วก็นอนๆ ไปซะ กูไม่ทำอะไรมึงหรอก” รามินทร์ทิ้งศีรษะกับหมอนแรงๆ แล้วเงียบไปเลยเพื่อ อดจะหงุดหงิดไม่ได้เพราะเขาย้ำคำว่า ‘ไม่ทำอะไรมัน’ มาหลายรอบ หลายครั้ง แต่อินทัชไม่คิดจะเชื่อถือในคำพูดของเขาเลย

นั่นหมายความว่า คำมั่นสัญญาของรามินทร์ ไม่สามารถทำให้อินทัชเชื่อใจได้

ก็แน่นอนล่ะ...เล่นทำกับเขาไว้ขนาดนั้น

ทั้งคู่รู้ว่าต่างคนต่างก็ยังไม่หลับกัน แค่เงียบเพราะไม่มีอะไรจะพูดก็เท่านั้น อินทัชเลยตัดปัญหาบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้โดยการพลิกตัวหันหลังให้กับรามินทร์ ร่างสูงเองก็พลิกกายมองแผ่นหลังของอินทัชเช่นกัน

นอนฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรงของตัวเอง อินทัชเม้มริมฝีปากอย่างประหม่า ส่วนรามินทร์ก็จ้องแผ่นหลังที่เคยได้ประทับรอยเอาไว้ผ่านความมืดมิด

อยากจะโอบกอดอีกคนเอาไว้...

พรึ่บ!!!

รามินทร์พลิกตัวหันหลังให้ทันทีเพื่อระงับความรู้สึกของตน ทั้งๆ ที่ครั้งแรกที่ครอบครองคนด้านข้างนี้ก็เพราะโกรธ เพราะโมโห ครั้งที่สองก็โกรธ ส่วนครั้งที่สาม...จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันรู้สึกยังไง แล้วทำไมกันนะ...ถึงได้รู้สึกโหยหาสัมผัส ถึงได้อยากกอด

หยุดคิดบ้าๆ นะไอ้ราม...จะเป็นไปได้ยังไง กับคนที่มึงบอกว่าเกลียดมันมาก เพราะมันชั่ว มันเลว มันน่ารังเกียจ...พูดดีๆ กันสักครั้งยังจะไม่เคยพูด...แล้วไอ้ความรู้สึกบ้าๆ นี่มาได้ยังไง!!

ไม่ใช่!! ไม่มีทาง!!!

แค่รู้สึกผิด ใช่ แค่รู้สึกผิด...ทำไปเพราะรับผิดชอบในสิ่งเลวร้ายที่เขายัดเยียดให้กับมัน พอไถ่โทษจนความรู้สึกผิดนี้มันหมดไปแล้ว...ต่างคน จะได้ต่างอยู่กันเสียที

แต่ทำไมพอคิดว่าอินทัชจะไป...ทำไมมันถึงได้ใจหายขนาดนี้นะ...


เป็นเพราะตั้งแต่โดนจับตัวมาล่ะมั้ง การตื่นเช้าของอินทัชถึงได้ดูชินจนต้องตื่นขึ้นมาตามอัตโนมัติของร่างกายแม้จะเพิ่งนอนได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ตามที

“หลับด้วยเหรอวะ” พึมพำกับตัวเองเบาๆ

อาจจะเป็นเพราะนอนข้างๆ กับคนที่ไม่ค่อยน่าไว้ใจล่ะมั้ง แต่มันก็ไม่น่าจะนอนหลับได้นี่นา จำได้ว่าคิดอะไรเพลินๆ อยู่นี่แหละ แล้วก็หลับไป อินทัชหันไปมองคนข้างๆ ที่มีหมอนข้างกั้นอยู่นิดๆ ก็เจอเจ้าของใบหน้าหล่อกำลังนอนหลับสนิทอยู่ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเป็นปกติ บ่งบอกว่าเจ้าตัวยังมีชีวิตอยู่

“แล้วตื่นมาตอนนี้กูจะทำอะไรล่ะวะ”

ก็ไม่ได้อยู่ที่เดิมเลยไม่รู้ว่าต้องทำงานแบบเดิมๆ อย่างที่ทำให้รีสอร์ทนั้นหรือไม่...ฉะนั้นแล้ว...

“ไม่ทำแม่งละกัน ไม่ได้สั่งเอาไว้นี่หว่า”

อินทัชทิ้งตัวนอนลงกับที่คืน ดูจากความสว่างแล้วคงจะหกโมงกว่าๆ ได้ ไหนๆ ก็เห็นว่ารามินทร์หลับสนิทขนาดนี้แล้วยังไม่ได้ล้ำเส้นเข้ามา ก็ถือว่ายังเชื่อใจได้อยู่

ก็รู้สึกเชื่อใจมันได้ขึ้นมานิดๆ แล้วล่ะ...แต่ไม่ทั้งหมดหรอก

เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เดาทาง เดาอารมณ์ไม่ถูกหรอก...

เมื่อไหร่นะ...ถึงจะหลุดพ้นจากตรงนี้สักที เมื่อไหร่จะได้กลับบ้าน

ถามว่าเกลียดรามินทร์ไหม ตอนแรกก็เกลียด เกลียดมาก อยากจะเอาคืนกลับไปให้สาสมกับสิ่งที่มันทำกับเขา ไม่อยากแม้กระทั่งหายใจบนโลกใบเดียวกันด้วยซ้ำ แต่พอนานๆ เข้าเขาก็เข้าใจ...ไม่ได้เกลียด แต่แค่ไม่รู้สึกอะไรด้วยเลย

ถ้าไม่มีกรรมด้วยกันมา ก็คงไม่มาเจอกันแบบนี้

ไม่นับเรื่องที่เขาปฏิเสธน้องสาวของมันนะ เพราะนั่นเขาไม่ผิดจริงๆ แต่ว่าที่เขายอมรับสภาพนี้นั่นเป็นเพราะว่าน้องสาวมันตายและสองชดใช้ทั้งกรรมเก่า กรรมใหม่ให้หมดๆ ไป

จากนี้ไปจะได้สงบสุขสักที...

ทั้งๆ ที่คิดแบบนี้...ทำไมถึงมีอีกเสี้ยวความรู้สึกหนึ่งที่ไม่อยากจะกลับไปขึ้นมา...

“มึงต้องกลับไปอิน...ที่นี่ไม่ใช่ที่ของมึง มึงมีหน้าที่อีกมากมายที่ต้องแบกรับเอาไว้อยู่” หลับตาพึมพำเบาๆ เหมือนเป็นการเตือนสติตัวเอง

พอนึกถึงวันที่ตัวเองกลับไป ความวุ่นวายต่างๆ ที่ต้องรับมือก็ทำเอาเครียดมาก คิดถึงทุกคนในครอบครัว คิดถึงเพื่อนรัก คิดถึงลูกน้อง...

ทุกคนจะมองเราแย่ขนาดไหนกันนะ...คิดไปเรื่อยๆ ร่างโปร่งก็ผล็อยหลับไป

Zzzzz…

...

...

...


ตึ๊ง!!

“หืม...เร็วกว่าที่คิดแฮะ” ร่างโปร่งบางที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาเมื่อมีคนส่งข้อความมาให้ พอเปิดอ่านก็เป็นข้อมูลที่เขาสั่งให้ลูกน้องไปหามา

“อะไร” เสียงทุ้มต่ำเจ้าของร่างสูงใหญ่ในชุดสูทพร้อมเดินทางไปทำงานถาม

“ลูกน้อง...ส่งข้อมูลโลเคชันของเบอร์ที่ไอ้อินโทรมาหาแม่ของมันน่ะ” ธีร์ตอบคนรักด้วยสีหน้าจริงจัง

“ก็ไหนว่าจะได้รู้อีกหนึ่งอาทิตย์ไง”

“ก็...จริงๆ แล้วต้องส่งมาอาทิตย์หน้านั่นแหละเพราะหลังจากงานแต่งดรีมแล้ว กูจะไปต่างประเทศต่อไง...สงสัยมีมือดีโผล่มาในทีมล่ะมั้ง” สันนิษฐานไปแบบไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไรเลย ส่วนใหญ่ลูกน้องก็ทำงานไวแบบนี้แหละ แต่อาจจะช้าบางเรื่องไปหน่อย

“แล้วข้อมูลมีอะไรบ้าง”

“แป๊บนะ” ธีร์บอกคนรักแล้วก็ผันหน้ามาอ่านข้อความในโทรศัพท์ทันทีด้วยสีหน้าที่ดูสงสัย แต่พัฒน์รู้ว่าธีร์กำลังประมวลเรื่องราวบางอย่างไปด้วย

“อืม...”

“ซิมเปิดใช้ที่เพชรบูรณ์ ใช้โทรไปหลายเบอร์อยู่นะ แต่ที่โทรมาเบอร์ของคุณแม่คือครั้งล่าสุดนี่เอง...เขาค้อ? ไปทำอะไรที่นั่นวะ” ธีร์ขมวดคิ้วสงสัย เงยหน้ามองพัฒน์ทันที

ตึ๊ง!

“มีอะไรอีกเนี่ย...อ๋อ! แผนที่” ธีร์หันมาดูแผนที่ในมืออีกครั้งหนึ่งเพราะลูกน้องส่งมาอีกก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจระคนดีใจ

“มีอะไรธีร์?”

“พัฒน์...นี่มัน...ที่เดียวกับที่ดรีมหนีไปเลยนี่!!!”





100%

 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

   มาแล้วค่า อ่านแล้วเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะ ขอกำลังใจให้ยูกิหน่อย ตอนนี้งานและกิจกรรมเยอะมาก จนป่วย เมื่อวานเลยนอนทั้งวันเลย ที่จริงจะลงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่น็อคก่อนเลยขอแก้ตัววันนี้ก็แล้วกันนะคะ

   ขอบคุณสำหรับผู้ที่ให้กำลังใจ คำติ คำชม นะคะ ยูกิจะนำทุกความเห็นไปพิจารณานะคะ

   มีอะไรสามรถไปพูดคุย สอบถาม หรือทวงนิยายได้ที่แฟนเพจนะคะ

   https://www.facebook.com/sawachiyuki/

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
มาช่วยอินเร็วๆนะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
แล้วๆๆๆๆๆๆ :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
กรี๊ดดดด จะเจอแล้ววว
ธีร์จะมาตามเจออินทร์แล้ว
ดีใจเบาๆ แต่ก้อหน่วงใจอยู่ด้วย

ออฟไลน์ Mynun

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
ขอโทษเลย แต่ไม่มีความซี้งอินอะไรกับความรู้สึกผิดของรามเลย สะใจสุดคือที่อินไม่มีความรู้สึกอะไรเลยมากกว่า โดนทำร้ายข่มขืนแบบนั้นแต่ดันรักนี้สิถึงแปลก อยากดราม่าแล้วอ่ะ ธีร์มาช่วยอินด่วน เกลียดรามแทนอินเลยตอนนี้ 5555 :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 886
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
อ๊ายย..ธีร์จะเจอแล้ว...ทำไงดีทำไงดี

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
แต่ไปช่วงนี้ก็ไม่เจออยู่ดีเพราะไปอยู่เลยแล้ว เว้นแต่จะสอบถามกับดรีม

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :hao4: จะเจอกันมั๊ยเนี่ย

ออฟไลน์ viewier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
อึมครึมเหมือนเดิม อ่านแล้วแบบว่า หม่นหมองมาก
ต่างคนต่างก็คิดคนละแบบ แต่ว่าก็มีใจเหมือนกันนะ
อินคือสองจิตสองใจ ถึงเวลาอินต้องไม่อยากกลับไปแน่เลย
เอาใจช่วยให้ทั้งสองคิดได้เร็วๆ อย่ามึนอึนเลย
คนอ่านรู้สึกขัดใจมากค่ะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
สงสารอินทัช เมื่อไหร่จะได้กลับเนาะ

ไม่แปลกที่รามจะสับสน มันก้ำกึ่ง ก็เริ่มต้นไม่ปกติอะนะ
จะรู้สึกดีให้กันก็ไม่เต็มที่ ต่างคนต่างมีเงื่อนไข

ธีร์เจอแหล่งอินแล้ว พัฒน์แอบช่วยด้วยล่ะสิ หาเจอไวมากกก
หาเจอเร็วๆนะคะ อยากเห็นรามดิ้นบ้าง

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
เพื่อนใกล้จะตามเจอแล้วอิน
รามทำดีด่วนเวลาใกล้หมดแล้ว

ออฟไลน์ Sunsmile07

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รามทำคะแนนด่วน ก่อนที่อินจะจากไป :o12:

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เสร็จล่ะคุณราม

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 26
รู้สึกดี...กลัวใจ




ฟึบ!!!

“เอานี่ไป” รามินทร์โยนถุงใบใหญ่ใส่อินทัชที่นั่งดูทีวีอยู่ ใบหน้าสวยก้มมองที่ตักของตัวเองด้วยความฉงน หยิบของที่อยู่ในถุงมาดูแล้วเงยหน้ามองคนที่โยนมาให้ทันที

“ให้กูทำไม”

“เสื้อผ้าเอาไว้กินมั้ง” รามินทร์ตอบกวนๆ

“เออ...งั้นเดี๋ยวกูจะเอาไปทำอาหารให้แดก”

“ไปเปลี่ยนชุด...” จู่ๆ ร่างสูงก็สั่งอินทัชด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ดูจริงจัง

“จะพาไปไหน”

“หาอะไรกิน”

“ไม่ต้อง กูทำกินเองได้”

“บอกให้เปลี่ยนก็เปลี่ยน หรือจะให้กูเป็นคนเปลี่ยนให้” สิ้นประโยคนี้ ร่างโปร่งก็ลุกพรวดถือถุงเสื้อผ้าเข้าไปในห้องนอนโดยไม่พูดอะไรอีกเลย

“ก็ชอบทำตัวให้ต้องขู่เอง เฮ้อ...” รามินทร์ถอนหายใจยาว ก่อนจะนั่งลงตรงที่ที่อินทัชนั่งอยู่เมื่อกี้นี้มองที่หน้าจอทีวีดูรายการที่อินทัชเปิดทิ้งไว้

รอไม่นานร่างโปร่งในชุดที่เขาซื้อมาให้ก็ออกมาจากห้อง มันไม่ได้เป็นเสื้อผ้าที่พิเศษอะไรหรอก ก็แค่เสื้อคอปกสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงยีนส์สีดำที่ราคาไม่ได้แพงมากอย่างที่เจ้าตัวเคยใส่หรอก ซื้อตามตลาดแถวๆ นี้เอา แต่ยอมรับว่าพอมาอยู่บนตัวของอินทัชมันกลับดูดี

ดูดีเอามากๆ เลย

“ซื้อชุดให้กูดูดีแบบนี้ คงไม่ได้ให้ใส่กับดาวเทียมหรอกใช่ไหม” อินทัชถาม พลางคิดถึงเจ้าของเท้าขาหนีบที่สุดแสนจะดูเรียบและเชยที่ตัวเองใส่อยู่ประจำ

“กูซื้อรองเท้าผ้าใบมาให้ อยู่ข้างนอก”

“วันนี้มึงมาแปลกๆ นะ จะพากูไปไหน” เลิกคิ้วขึ้นเพราะสงสัยในการกระทำของร่างสูง

“กูอยากพักผ่อน”

“แล้ว?”

“มึงก็ต้องไปเป็นเพื่อนกูไง กูจะไปเที่ยว...มีบางที่ที่กูยังไม่เคยได้ไป แต่อยากจะไปอยู่” รามินทร์ตอบออกไปตามความจริง

“แล้วพากูไปไม่คิดว่ากูจะหนีมึงเหรอ”

“ก็แล้วแต่...เราตกลงกันไว้แล้วที่สามเดือน ถ้ามึงหนีกูไป ก็ถือว่ามึงไม่ใช่ผู้ชาย”

อินทัชกัดฟันกรอด ที่ถูกร่างสูงพูดใส่แบบนี้ เขาไม่ได้คิดจะหนีหรอก...มันมีอะไรบางอย่างทำให้เขารู้สึกว่ายังไม่ควรจะหนี...ยิ่งพอได้ยินคำพูดท้าทายแบบนี้...

คนรักศักดิ์ศรีอย่างเขาเลยฟึดฟัด

“เฮอะ!”

“ไปกันได้แล้ว กูหิว” รามินทร์ปิดทีวีแล้วหยัดกายขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินนำร่างโปร่งบางไปที่หน้าประตูบ้านพัก

อินทัชเดินตามร่างสูงไปโดยที่เพิ่งจะสังเกตว่ารามินทร์แต่งตัวคล้ายๆ กันกับเขา ทั้งสีเสื้อและกางเกง แต่ของคนตรงหน้าจะเป็นของมียี่ห้อชื่อดังหน่อย

ไม่เข้าใจ...ทำไมต้องใส่สีเหมือนกัน

“นี่ครับคุณราม”

“ขอบใจนะ” ร่างสูงยิ้มให้คนงานเล็กน้อยก่อนจะหยิบกุญแจรถจากมือลูกน้องมา กดปลดล็อครถกระบะสีดำคันที่เขาสองคนใช้เดินทางมาที่นี่

“ขึ้นไป”

“อือ”

อินทัชไม่อิดออด...เดินไปเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งอย่างไม่มีเสียง

รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากตัวรีสอร์ทไป อินทัชเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าที่นี่ก็เน้นความเป็นธรรมชาตไม่ต่างจากที่เขาอยู่ เดาเอาเลยว่าเจ้าของต้องชอบอะไรที่เป็นธรรมชาติแน่ๆ

ผิดแต่กับมัน...ที่เหมือนธรรมชาติลงโทษให้มาเกิดเป็น ‘เหี้ย’

“หน้ามึงเหมือนกำลังด่ากู” จู่ๆ ร่างสูงก็พูดขึ้นมาแทรกความเงียบภายในรถ อินทัชถึงกับหันขวับทันทีแล้วเลิกคิ้วถามออกไป

“รู้ได้ไง”

“หึ...รู้ได้ไงไม่สำคัญที่สำคัญกูพูดถูก มึงกำลังด่ากู”

“ก็ใช่ไง...ด่ามึงต่อหน้าไปก็ทำอะไรไม่ได้ ด่าในใจนี่แหละ หรือไม่ได้?”

“เปล่า...อยากด่าก็ด่าไป”

เป็นอีกครั้งที่รามินทร์ยอมอะไรง่ายๆ จนอินทัชทำตัวไม่ถูกต้องหันหน้าหนีไปมองด้านหน้าที่เป็นถนนแทน

พวกเขาสองคนมาถึงร้านอาหารบรรยากาศบ้านๆ ไม่มีแอร์ มีแต่ลมธรรมชาติ ถนนเปียกบ่งบอกว่าฝนเพิ่งจะหยุดตก อากาศฟ้าครึ้มๆ แบบนี้ไม่ได้รู้สึกร้อนอบอ้าวแต่อย่างใด มันเย็นสบายมาก มากเสียจนทั้งคู่ผ่อนคลาย

“รับอะไรดีครับ”

“มึงอยากกินอะไร” รามินทร์ถามทั้งๆ ที่ตาก็ดูเมนูอยู่ อินทัชนึกไปสักพักก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ ซึ่งเป็นเมนูโปรดของอินทัชที่ไม่ได้กินมานาน

ไหนๆ ก็เปิดโอกาสแบบนี้ เขาก็ไม่เกรงใจก็แล้วกัน

“ข้าวซอยไก่กับมะนาวโซดา”

“เอาแบบนี้สองครับ” รามินทร์สั่งก่อนจะปิดเมนูยื่นให้พนักไป อินทัชถึงกับมองคนตรงข้ามอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมต้องสั่งอะไรเหมือนเขาด้วย

“มองทำไม กูก็แค่คิดอะไรไม่ออก”

“ยังไม่ได้ว่าอะไร ร้อนตัวทำไม”

รามินทร์นิ่งไปแต่ก็มองหน้าอินทัชจนเจ้าตัวไม่กล้ามองกลับ หันมองบรรยากาศรอบๆ ร้านแทน

ใบหน้าสวยเผยยิ้มอย่างไม่รู้ตัว เพราะรู้สึกชื่นชอบบรรยากาศจริงๆ อินทัชไม่เคยได้มาเที่ยวพักผ่อนอะไรแบบนี้หรอก ส่วนมากเวลาพักก็หมดไปกับหนุ่มๆ สาวๆ ในสังกัด

พอโดนจับมาแม้จะเลวร้าย แต่มันก็ทำให้เขาได้เห็นมุมใหม่ๆ เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ขึ้นเยอะ

“ถ้าไม่อิ่มจะสั่งเพิ่มก็ได้”

“ยังไม่ทันได้กินเลย มึงบอกตัวมึงเองไปเถอะ”

“ก็แค่บอกเฉยๆ”

“วันนี้มึงใจดีแปลกๆ นะ บอกตามตรงกูขนลุก” อินทัชที่ทนความสงสัยนี้ไม่ไหวเลยพูดออกไป เผื่อจะได้คำตอบกับคนตรงหน้า

“กูบอกแล้วว่าวันนี้กูจะพัก”

“อ้อ! จริงๆ แล้วไม่ต้องพากูมาก็ได้มั้ง มึงก็มาพักคนเดียวไปก็ได้”

“ก็มาแล้วนี่ จะอะไรมากมาย” เหมือนว่าร่างสูงจะรำคาญนิดๆ ที่อินทัชซักไซ้อยู่แบบนี้

“เออๆ ตามใจมึงละกัน”

พออาหารมาเสิร์ฟ ทั้งคู่ก็ลงมือรับประทานอาหาร โดยไม่พูดจากันอีก อินทัชอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยหนึ่งและยิ้มได้เมื่อเห็นของโปรดวางอยู่ตรงหน้า เวลานี้เลยไม่คิดจะใส่ใจคนตรงข้ามที่มองเขาด้วยรอยยิ้มแปลกๆ เลยสักนิด

มันชอบข้าวซอย มันชอบมะนาวโซดา

ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงอยากจำ แต่ก็จะจำเอาไว้ก็แล้วกัน


ภาพตรงหน้าที่อินทัชมองอยู่นี้เรียกความสงบสบายใจให้กับเขายังไงก็บอกไม่ถูก สองเท้าค่อยๆ ก้าวผ่านประตูใหญ่ของวัดตามรามินทร์ไป มองบรรยากาศรอบๆ วัดด้วยความสนใจ

นี่ก็เป็นอีกครั้งที่อินทัชรู้สึกตื่นเต้น เพราะชีวิตนี้เข้าวัดแทบจะนับครั้งได้เลย ไม่ใช่ไม่อยากเข้า ไม่ใช่ไม่อยากทำบุญไหว้พระ แต่เพราะภาระหน้าที่ที่มี ทำให้ปลีกเวลาไปไหนก็ไม่ค่อยจะได้

ใช่แล้ว รามินทร์พาอินทัชมาที่วัด

“ไปไหว้พระกันเถอะ”

“อือ...”

อินทัชรู้แล้วว่าตัวเองอยู่ที่ไหนในตอนนี้...เพราะรอบๆ ข้างทางมีป้ายบอกตลอดเส้น ร่างโปร่งเลยมองอย่างสังเกตตลอดทางที่นั่งรถมา

เชียงคาน...จังหวัดเลย

ทั้งคู่เข้าไปกราบพระพุทธรูป ต่างคนต่างก็ขอพร อินทัชเองก็ขอพรแล้วก็อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร เพื่อให้หลุดพ้นการการกักขังของคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ส่วนรามินทร์เองก็ขอให้ตัวเองมีความสุข พบเจอแต่เรื่องดีๆ และขมากรรมในสิ่งที่ได้ล่วงเกินคนข้างๆ ไป

แม้ว่าจะไม่ได้ล้างบาปล้างกรรมที่ทำไว้ แต่ก็อยากให้ตัวเองสบายใจขึ้น

ไม่คิดว่าจะได้ทำบุญกับคนที่เกลียด อินทัชคิดในใจ มองศิลปะแบบล้านนาและล้านช้างอย่างสนออกสนใจ โดยที่มีร่างสูงเดินตามไม่ห่างกาย

พวกเขาไม่คุยกัน เพียงแต่เดินไปนั่นนี่ด้วยกันอย่างเงียบๆ

บรรยากาศมันควรจะอึดอัด แต่เปล่าเลย มันดูโล่ง มันดูสบายไปหมด

“พ่อหนุ่มทั้งสองมาทำบุญกันเรอะ” เสียงของผู้สูงอายุที่นั่งอยู่ใต้ร่มไม้แถวๆ นั้นถามเมื่ออินทัชหันไปมอง ร่างโปร่งบางส่งยิ้มให้แล้วพยักหน้าตอบ

“ครับ”

“ดีจริงๆ ที่ยายได้เห็นวัยหนุ่มๆ อย่างนี้เข้าวัดเข้าวา ไม่คิดว่าจะได้เห็นเลยนะหลานเอ้ย”

“คุณยายมาทำบุญเหมือนกันหรือครับ” อินทัชเดินมาคุยเลย รามินทร์เลยเดินตามมาแล้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้ยายเช่นเดียวกัน

“ยายมาวิปัสสนาน่ะหลาน พอดีลูกๆ ไปต่างประเทศยายก็เลยแก้เหงาโดยการมาวิปัสสนาที่วัด”

“ยายเป็นคนที่นี่หรือครับ” รามินทร์ถาม

“ใช่แล้วลูก บ้านยายอยู่แถวๆ นี้แหละ” ยายตอบยิ้มๆ มองทั้งสองสลับไปมาก่อนจะเงยหน้ามองรามินทร์กับอินทัชแล้วเอ่ยสอนจนร่างทั้งทั้งคู่แข็งทื่อไปเลย

“อะไรที่ปล่อยวางได้ ก็ปล่อยวางซะนะ มัวแต่ผูกจิตแค้นก็รังแต่จะทำให้เสียใจเปล่าๆ ความโกรธ ความเกลียด มันมีกันทุกคนแหละหลานเอ้ย มันก็ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะปล่อยวางได้ขนาดไหน อย่าหลอกตัวเอง อย่าโกหกตัวเอง รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกมา ยอมรับมันซะ เพราะไม่งั้นมันจะทำให้หลานๆ ไม่มีความสุขและพาลสับสนไปด้วย”

“ค่ะ คือ...” อินทัชทำท่าจะแย้ง แต่ยายคนดังกล่าวก็พูดต่อ

“หลานๆ รู้ไหมว่านอกจากการให้ทานแล้ว ให้อะไรยิ่งใหญ่ที่สุด”

“ไม่ทราบครับ” รามินทร์ตอบ

“ให้ ‘อภัย’ ไงหลาน”

หญิงชราคนนี้พูดเหมือนรู้ว่าทั้งคู่มีเรื่องราวอะไรกันมา แต่ในความเป็นจริงแล้วท่านก็ไม่ได้รู้อะไรหรอก เพียงเห็นท่าทีของคนทั้งคู่กับสายที่แสดงออกของรามินทร์ อินทัช เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ ว่ามันมีความโกรธ ความแค้นหลงเหลืออยู่เศษเสี้ยวเอาไว้ในดวงตา คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนแล้วก็ผ่านอะไรมามากมายย่อมดูออก เลยถือวิสาสะพูดสอน

“แล้วถ้าเกิดว่าสิ่งที่เขาทำมันเลวร้ายเกินกว่าจะให้อภัยล่ะครับ” รามินทร์ถามต่อ

“แล้วมีใครกำหนดไว้ล่ะว่าอะไรให้อภัยได้ อะไรให้อภัยไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ตัวเราเอง ขนาดองคุลีมารที่ฆ่าคนมากมายยังคิดได้ ทำไมเราจะคิดไม่ได้” ร่างสูงนิ่งไปเลยแล้วก็พยายามตึกตรองคิดคำพูดของหญิงชราคนนี้ไปด้วย

“แต่ว่า…”

“อย่าพิพากษาคนอื่นด้วยความคิดของเราคนเดียว เราต้องฟังจากหลายๆ ปาก หลายๆ ความคิดเห็นบ้าง...”

“แล้วถ้ามีคนเข้าใจผิดว่าคนๆ หนึ่ง เป็นต้นเหตุของเรื่องเลวร้าย ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่กลับต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ ยายคิดว่ายังไงครับ” อินทัชถามขึ้นมาบ้าง เรียกสายตาจากทั้งสองคนได้เป็นอย่างดี

อินทัชอยากให้มันรู้ว่าเขาไม่ผิด...เขาไม่ได้ทำ

สาบานให้ตายว่าวันนั้นเขาปฏิเสธน้องสาวของรามินทร์ดีมาก อย่างที่บุรุษเพศควรจะกระทำต่อสุภาพสตรี

“การที่เรามาเจอกันชาตินี้แสดงว่ามีกรรมร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน หลานเข้าใจถูกแล้วที่ว่ารับ ‘กรรม’ ชาติที่แล้วเราอาจจะไปทำเขาไว้ ชาตินี้เขาเลยเอาคืน ทุกอย่างมันมีเหตุมีผลในการกระทำ แล้วกฎแห่งกรรมก็ยุติธรรมเสมอ แต่ว่านะพ่อหนุ่ม...”

“ครับ?”

“ความจริงยังไงก็คือความจริง สักวันความจริงก็ต้องปรากฏ…”

ใช่แล้วอิน...สักวันความจริงก็ต้องเปิดเผย...

สักวัน...เขาจะได้หลุดพ้นจากข้อหาบ้าๆ นี้สักที

สักวัน...เราจะต้องหลุดพ้นจากการแก้แค้นบ้าๆ ของรามินทร์

“ขอบคุณนะครับยายที่ช่วยสอนพวกเรา แต่ว่าผมสองคนต้องขอตัวก่อน” รามินทร์เอ่ยออกมาหลังจากมีสติแล้ว เผยรอยยิ้มขอบคุณให้กับผู้หลักผู้ใหญ่แล้วยกมือไหว้

“หวังว่าคงมีโอกาสได้เจอกันอีกนะครับ” อินทัชว่า

“จ้า...โชคดีนะพ่อหนุ่ม”

“สวัสดีครับ” รามินทร์กับอินทัชยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ก่อนจะเดินออกจากตรงนั้นเพื่อไปยังที่จอดรถด้านนอกวัด โดยมีสายตาของหญิงชรามองตามไป เลยไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มและไม่ได้ยินประโยคสุดท้ายที่หญิงชราได้พึมพำออกมาเบาๆ ได้

“หากเคยสาบานร่วมชาติกันมา ต่อให้ชาตินี้จะเกิดมาคนละเพศ คนละจังหวัด หรืออยู่ห่างไกลกันคนละขั้วโลก ก็ไม่อาจจะหลุดพ้นสัญญาจากสัจจะวาจาที่ได้เอ่ยด้วยความรักร่วมกันได้...”


“มึงจะไปไหนต่อล่ะ” อินทัชถาม มองไปยังข้างทางที่ผ่านป้ายบอกทางต่างๆ ไปหลายต่อหลายที่แล้ว และไม่เห็นทีท่าว่าจะกลับไปที่รีสอร์ทเหมือนเดิมด้วย

“ไปวัดมาแล้ว ก็จะไปชมวิวไง”

“ชมวิว?”

“อือ ไปดูทะเลหมอก”

“ทะเลหมอกที่รีสอร์ทที่เพชรบูรณ์ของมึงก็มีไหม?” อินทัชทำหน้าฉงน

“มันไม่เหมือนกันหรอก มันคนละที่ ความรู้สึกต่างกัน” คนที่ขับรถอยู่ตอบ น้ำเสียงไม่ได้บ่งบอกว่าตื่นเต้นยินดีที่จะพาไปเลยสักนิด แต่ก็อยากจะพาไป

มันเป็นที่ที่เขาไม่เคยไปเลย ไม่กล้าไป ด้วยซ้ำ

“เออๆ ที่ไหนล่ะ”

“ภูทอก เชียงคานนี่แหละ”

อินทัชเงียบทันทีเมื่อได้คำตอบ ได้มาเปลี่ยนบรรยากาศด้านนอกก็ถือว่าดีไป แม้ว่าจะมากับคนที่ไม่อยากจะอยู่ใกล้ก็ตามที...







50%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

   มีคำผิดเยอะเดี๋ยวยูกิจะแก้ไขที่ต้นฉบับนะคะ ไม่แก้ไขที่หน้าเว็บ เพราะลงไว้สามเว็บเลย (มีความขี้เกียจ) ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะจ้ะที่รัก แล้วก็ขอให้เม้นท์กันต่อไปนะคะ แล้วเจอกันครึ่งหลังซึ่งไม่ทราบว่าจะมาวันไหน ^_^

   มีอะไรพูดคุย สอบถาม ติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจของยูกินะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด