Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=  (อ่าน 228701 ครั้ง)

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
น้องเปิดโอกาสให้ซะขนาดนี้แล้วคว้าไว้เลยพี่จักรคนดี อินความจริงใกล้จะเปิดเผยแล้วนะจะได้เป็นอิสระแล้วนะ
แต่ใจของอินนี่ซิจะได้เป็นอิสระด้วยมั้ย ยังทันหรือเปล่าคงไม่ได้ติดบ่วงของรามไปแล้วหรอกนะอย่าเพิ่งเลยนะอิน
ให้รามมันตามไปจีบและง้อถึงกรุงเทพไปเลยโทษฐานที่กักขังเราเอาไว้นาน

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
แวะมาHNY รามอินทร์และยูกิจ้าาา

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เมื่อไหร่น้อพี่จักรจะรุกน้องสะที น้องจอมอ่อยแล้วอ่อยอีก ชอบๆๆ :ling2: :ling2:

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
ตอนที่ 35 ครึ่งหลัง




“ครับคุณจอม” จักรลุกขึ้นมานอนบนเตียงอีกฝั่งหนึ่งทันทีตามคำสั่งของเจ้าจอม ร่างแกร่งนอนหงายตัวตรง ส่วนเจ้าจอมที่ยังนั่งพิงหัวเตียงอยู่ก็มองร่างสูงที่เอาแต่นอนมองเพดานว่างเปล่าเพราะต้องการจะเลี่ยงสายตาจากเขา

ไม่เริ่มก่อนไม่ได้สินะ

พรึ่บ!!

“ค่ะ คุณจอม ทำอะไรครับ ลงไปเถอะครับ มันไม่เหมาะสม แบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ” จักรถามละล่ำละลักเมื่อเจ้าจอมขึ้นมานั่งทับบนหน้าท้องแกร่งของจักร

 “ถ้าคิดว่าไม่อยากให้ฉันทำแบบนี้จริงๆ ก็ใช้แรงที่มีของนายเอาฉันลงไปสิ” จักรนิ่ง พูดไม่ออก เพราะสิ่งที่เจ้าจอมพูดออกมามันคือความจริง

ถ้าเขาไม่อยากให้เจ้าจอมทำแบบนี้จริงๆ ไม่ต้องการแตะตัวของร่างบางจริงๆ แรงของเขาก็สามารถที่จะเอาร่างเล็กลงไปจากตัวของเขาได้อย่างง่ายดายเลย

“ว่าไง หือ...” โน้มหน้าลงไปใกล้ๆ มือเล็กลูบหน้าอกแข็งแรงที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเบาๆ ส่งสายตายั่วยวนสบสู้กับดวงตาคมดุ ที่มองเขาด้วยความซื่อสัตย์มาตลอด

ร่างเล็กบดเบียดร่างของตัวเองเข้ากับร่างกายแกร่งก่อนจะแสร้งเสียดสีขึ้นลงจนปากหนาต้องเม้มแน่นพร้อมกับหลับตาปี๋ระงับอารมณ์และหักห้ามใจของตัวเอง

“อึก...คะ คุณจอม”

“หึหึ นี่ขนาดทอดตัวให้ขนาดนี้แล้ว ยังจะใจแข็งต่อไปได้เหรอ”

มือแกร่งลูบแผ่นหลังของเจ้าจอมเบาๆ ร่างเล็กคิดว่าเจ้าตัวคงจะไม่รู้ตัวเองแน่ๆ สัมผัสเบาๆ ที่แผ่นหลังทำให้ร่างบางรู้สึกวูบวาบบดเบียดกายเข้าไปอีก อาจจะคิดว่าการกระทำของเจ้าจอมจะดูไม่อาย แต่จริงๆ แล้วเจ้าจอมก็อาย เพียงแต่ถ้าเขามัวอายและจักรก็อาย ก็คงไปไม่ถึงไหนแน่ๆ เลยต้องมีอีกคนรุกก่อน เดี๋ยวอีกคนก็เป็นฝ่ายตอบกลับเอง

“อย่าครับ”

“ร่างกายนายไม่ได้เป็นไปตามที่ปากนายปฏิเสธเลยนะ”

“มันไม่ควรจริงๆ ครับ”

“ไหนว่ารักฉัน ไม่อยากครอบครองฉันหรือไง” เจ้าจอมถามเสียงหวาน เล่นทำเอาจักรเคลิ้มไปกับน้ำเสียงของเจ้าจอม

“ผมรักคุณจอม...ผม...อึก คุณจอม” เสียงทุ้มต่ำบอกรักก่อนจะครางเพราะเจ้าจอมใช้มือบีบที่กลางกายของร่างสูงเบาๆ แต่เพียงแค่สัมผัสเบาๆ ก็รู้เลยว่าจักรมีอารมณ์กับตัวเองนานแล้ว อาจจะตั้งแต่แรก

“ก็อยากแล้วนี่ ทนได้เหรอ...”

“แต่เรา...ไม่ได้เป็นอะไรกัน” จักรค้าน

“เป็นสิ นายเป็นคนของฉันไงจักร นายรักฉัน”

“แต่คุณจอม...”

“ฉันรักนาย”

“ว่ะ ว่าไงนะครับ” จักรตกใจ เบิกตากว้าง ลุกพรวดขึ้นมาจนอยู่ในท่าที่เจ้าจอมนั่งทับตักแกร่ง ทั้งสองหันหน้าเข้าหากัน จักรไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในท่าไหน แต่เจ้าจอมรู้เลยหน้าแดงซ่าน หลบสายตา พยายามที่ลุกออกเพราะชายเสื้อเชิ้ตมันร่นมากองที่เอวหมด โชว์ขาวอ่อนแบบเต็มที่

“คุณจอมว่ายังไงนะครับ” แต่จักรกลับกดร่างเล็กเอาไว้อย่างนั้น บังคับให้อยู่ในสภาพนี้ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังสัมผัสกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

“จักร...”

“คุณจอม...ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหมครับ ไอ้จักรไม่ได้หูฝาดใช่ไหมครับ” จักรถามด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นและดีใจอย่างที่ไม่สามารถปิดมิดได้

“อือ...ฉันรักนาย ชัดพอป่ะ!” บอกรักอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัด ตอกย้ำให้คนที่คิดว่าตัวเองต่ำต้อยได้ยินว่าตัวเองเป็นเจ้าของหัวใจดอกฟ้าแล้ว

“ผม...คุณจอมรักผม”

“ใช่!! ทีนี้นายไม่มีโอกาสเปลี่ยนใจแล้วล่ะนะ”

“ขอบคุณครับคุณจอม ผมจะดูแลคุณให้ดีที่สุด ผมสัญญา” เจ้าจอมแพ้ความจริงจัง ความซื่อของจักร เพราะมันเป็นตัวตนของร่างแกร่ง เป็นตัวตนของจุลจักร

“อืม...หมดเรื่องที่จะพูดที่จะถามหรือยัง” เจ้าจอมถาม

“ครับ...หมดแล้วครับ”

“งั้นก็คงดูได้แล้วสินะว่าเราอยู่กันในสภาพไหน” เจ้าจอมว่ายิ้มๆ ทำให้จักรรีบสำรวจตามทันทีแต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นสภาพที่ปลุกอารมณ์ให้พุ่งขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าจอมหลบตาจักรเพราะไม่อาจจะทำเป็นไม่รู้สึกอะไรได้อีกต่อไป ร่างแกร่งใจเต้นแรง ใจหนึ่งก็อยากยกร่างเนียนนุ่มนี้ออกไป อีกใจก็อยากจะสัมผัสอย่างที่อยากจะทำมาตลอด

“คุณจอม...ไอ้จักร ส่ะ สัมผัสได้ไหมครับ” ถามด้วยเสียงทุ้มซึ่งมันแหบพร่าที่ความรู้สึกมันแทบจะระเบิดออกมา

จุ๊บ!!

แทนการตอบด้วยเสียงเจ้าจอมก็ตอบด้วยการกระทำแทนด้วยการประทับริมฝีปากไปที่ปากหยักหนักๆ เรียกรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าที่คมเข้มของจักร มือแกร่งกดศีรษะของเจ้าจอมให้โน้มมาหาก่อนที่ร่างแกร่งจะประกบริมฝีปากเข้าไปอย่างหนักหน่วง บดขยี้ปากนุ่มนิ่มตามที่ใจปรารถนา  รุกรานเข้าไปด้วยปลายลิ้นร้อน ทั้งสองผลัดกันรุกผลัดกันรับไม่มีใครยอมใคร ต่างก็งัดเอาความสามารถทั้งหมดที่มีมาใช้ตอบสนองกันและกัน

“อ๊ะ...อือ”

จักรผละจากริมฝีปากแล้วซุกไซร้ที่แก้ม ซอกคอ ขบเม้มสร้างรอยแสดงความเป็นเจ้าของ เจ้าจอมเงยหน้าเปิดทางให้จักรสัมผัสได้ง่ายมากขึ้น ร่างแกร่งหลงใหล มัวเมากับความหอมหวานของคนรัก เสียงครางแผ่วเบาดังเคล้าคลอกัน มือข้างหนึ่งเลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกหมดแล้วดึงให้พ้นทาง จนไปกองอยู่ที่ข้อศอกไม่ได้หลุดออกจากร่างกาย ไม่รอช้าปลายลิ้นร้อนก็ครอบครองเข้ายอดอกที่จินตนาการบ่อยๆ ว่าได้เห็นได้สัมผัส แต่วันนี้มันคือความจริง จักรกำลังสัมผัสคนที่เขารักและปรารถนามาตลอด

และที่สำคัญที่มันทำให้จักรรู้สึกมีความสุขมากที่สุดไม่ใช่แค่การได้สัมผัสร่างกายของคนที่รัก แต่เป็นเพราะเขาได้รับความรักจากเจ้าจอมตอบต่างหาก

เขาได้ยินคำว่ารักจากเจ้าจอมแล้ว...

“อ๊ะ...อ๊า นายอดอยาก อ๊ะ มาจากไหนเนี่ย” ถามออกไปทั้งๆ ที่จักรกำลังตั้งหน้าตั้งตาเล่นกับหน้าอกของเขา ซึ่งร่างเล็กก็โอบรอบคอแกร่งกดศีรษะให้สัมผัสกับเม็ดทับทิมมากยิ่งขึ้น

จ๊วบ จ๊วบ จุ๊บ

ไม่มีคำตอบจากร่างแกร่ง แต่เสียงดูดหน้าอกเล็กของร่างบางดังขึ้นมาเป็นระยะๆ เพราะจักรที่มัวเมากับตรงนั้นไม่มีทีท่าว่าจะละออกจากหน้าอกเลยสักนิด หากแต่สลับข้างไปมาเพื่อสร้างความเสียวซ่านให้กับร่างเล็กอย่างเท่าเทียม

ความแข็งแรงที่เจ้าจอมกำลังนั่งทับอยู่ตอนนี้มันยิ่งนูนขึ้นมาดุนดันกับส่วนล่างของเจ้าจอม เรียกร้องให้อยากจะสัมผัสกับตรงนั้นให้มากกว่านี้ เจ้าจอมเลยขยับถูไถไปมาระบายความซ่านของตัวเอง แต่นั่นมันก็เป็นการกระตุ้นให้กับร่างสูงด้วยเช่นกัน

“คุณจอม...อืม...ซี๊ด ตัวคุณจอม ทั้งหอม ทั้งหวาน อึก” ผละใบหน้าออกจากหน้าอกเมื่อรู้สึกที่ส่วนกลางลำตัวจนต้องแหงนหนาครางอย่างชอบใจ

มันเหมือนกับความฝัน เหมือนว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง

คุณจอมเป็นของเรา คุณจอมเป็นของเรา ตรงนี้ก็ของเรา ตรงนี้ก็ของเรา ร่างกายนี้เป็นของเรา หัวใจของคุณจอมเป็นของเรา เป็นของเราคนเดียวเท่านั้น...

จักรตอกย้ำความคิดของตัวเองโดยการลากมือสัมผัสลูบไล้ไปทั่วทั้งร่างเนียนขาว

“คุณจอมเป็นของผม”

พรึ่บ!!!

ร่างแกร่งพลิกร่างขาวลงไปนอนบนเตียงก่อนที่ตัวเองจะถอดเสื้อผ้าของตนออกจากร่างกายแกร่งจนเปลือยเปล่าเผยร่างกายสีแทนสุดกำยำ ใบหน้าหวานแดงซ่าน แต่ก็ยังความความเป็นคนที่มีความมั่นใจและใจกล้าอยู่ในแบบที่ตัวเองเป็น ซึ่งนั่นมันก็ดูเชิญชวนและยั่วยวนจักรจนแทบจะหน้ามืดตามัวไม่รับรู้อะไรเป็นอะไรแล้ว

ถ้าหากว่าเผลอรุนแรงกับเจ้าจอมไปนั่นมันก็เพราะเจ้าจอมเองนั่นแหละ

ที่น่ากินเกินไปจนไม่สามารถอดทนอดกลั้นได้อีก

“ถ้าไอ้จักรรุนแรง ผมขอโทษคุณจอมด้วย”

“อ๊ะ...เดี๋ยวกัน นาย อย่าเพิ่งรีบร้อน อื้อ”

ชั้นในตัวน้อยหลุดออกไปจากส่วนสงวน มือแกร่งก็คว้าหมับที่ส่วนนั้นแล้วขยับขึ้นลงรัวเร็วจนร่างเล็กต้องครางลั่นออกมาเพราะโดนกระตุ้นหนักหน่วงและรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน

ปากกว้างครอบครองส่วนนั้นของเจ้าจอมอย่างไม่คิดรังเกียจ แต่กลับคิดว่ามันคือขนมวิเศษที่มีเพียงเขาที่มีสิทธิ์จะได้กินมัน หน้าอกของเจ้าจอมแอ่นขึ้น ขาขยับไปมากับเตียงเพื่อระบายความเสียวซ่าน และใช้ปลายลิ้นไล่เลียไปทั่วทุกที่ที่อยากจะทำ ก่อนจะยกขาเรียวสวยมาพาดไว้บนบ่าตัวเอง จากนั้นก็ทำในสิ่งที่ทำให้เจ้าจอมเบิกตากว้าง ครางออกสลับกับหายใจหนักหน่วงเมื่อปลายลิ้นรุกรานช่องทางคับแคบของตน

ช่องทางที่ไม่เคยมีใครได้เคยเข้าไป แม้กระทั่งแฟนเก่าของเจ้าจอมก็ไม่เคยได้รับสิทธิ์นั้น ถ้าจักรรู้ ก็จะเข้าใจได้ทันทีว่าเจ้าจอมรักจักรมากขนาดไหน

“อ๊า...ทำบ้า อ๊ะ อะไร จักร อ๊า ไม่เอานะ หยุดเลย อื้อ”

“ผมขอโทษ อึก แต่ผมไม่ไหวแล้ว”

ใบหน้าหวานสั่นไปมา อายก็อาย รู้สึกดีก็รู้สึกดี หากแต่มันกลับอบอวลไปด้วยความรัก ความอบอุ่น สองร่าง สองขนาดต่างไซส์ตะกองกอดแนบแน่น เมื่อเตรียมความพร้อมให้กับช่องทางคับแคบนั่นเรียบร้อยแล้ว จักรก็ค่อยๆ ส่งผ่านความร้อนของส่วนลำตัวเข้าไปในร่างเล็กที่ฝืดเคืองอย่างที่รู้สึกได้จนร้องออกมาด้วยความเจ็บแม้เข้าไปได้แค่นิดเดียวเท่านั้น แต่จักรก็จูบประโลมไปตามร่างเนียน จนเจ้าจอมต้องพยายามผ่อนคลายตัวเอง พอปรับตัวได้ ร่างแกร่งก็สามารถดันเข้าไปได้สุด สองร่างกอดรัดกันและแลกเปลี่ยนน้ำหวานผ่านริมฝีปากอย่างร้อนแรงและดุดัน

ไม่นานทั้งสองก็บรรเลงเพลงรักตามจังหวะเบาๆ จนกระทั่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงครางระงมดังประกอบกันไป ส่งผลให้ทั้งคู่รู้สึกร้อนระอุมากยิ่งขึ้น เสียงทุ้มต่ำของจักร เสียงแหบพร่าของเจ้าจอม

“อ๊า...ไม่ไหว อึก”

“พร้อมกันครับ อืม...”

สองร่างสอดประสานกระแทกกระทั้นรุนแรง เน้นๆ สองถึงสามครั้งต่างคนก็ต่างถึงปลายทางแห่งสวรรค์ ปลดปล่อยน้ำสีขุ่นออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน จักรแช่มันเอาไว้อยู่อย่างนั้น พลิกตัวให้ร่างบางนอนอยู่บนตัวเองเพราะรู้ดีว่าคนรักของตนกำลังเหนื่อย เขาเลยต้องให้เจ้าจอมเป็นฝ่ายนอนทับตัวเขาดีกว่า แต่ส่วนนั้นก็ยังคงเชื่อมกันอยู่ไม่หลุดไปไหน

เจ้าจอมหอบหายใจหนักหน่วง มองตาจักรที่สบมาด้วยแรงปรารถนาไม่หมดไม่สิ้น จนต้องแอบถอนหายใจด้วยความเหนื่อย...

ไม่พอใจง่ายๆ แน่นอนเลยแบบนี้ แต่ก็เข้าใจแหละนะ คนอย่างจักรถ้าจบแค่รอบเดียวพอก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเจ้าตัวดูเป็นคนที่ความต้องการทางเพศค่อนข้างสูง...และยิ่งเก็บกดมาเป็นเวลานานหลายปี มีเพียงแค่มือของตัวเองที่คอยตอบสนองความอยากของตน

“ต่อนะครับ”

“หึ...หื่นจริงๆ”

“คุณจอมจุดมันเองนะครับ” นี่เป็นครั้งแรกที่จักรแย้งเจ้าจอม แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะถึงเจ้าจอมจะชอบให้จักรทำตามที่ตัวเองต้องการแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่อยากจะรู้ในสิ่งที่จักรต้องการ

ความรักคือการให้ซึ่งกันและกัน ไม่ใช่คนหนึ่งให้และอีกฝั่งก็คอยรับอย่างเดียว

“ทีแบบนี้กล้าเชียวนะ”

“ผมพูดเรื่องจริงนะครับ”

“หึหึ...”

“คุณจอมหายเหนื่อยหรือยังครับ” ถามด้วยความรีบร้อน บดเบียดกายกระเซ้าไปด้วยให้ร่างเล็กในอ้อมแขนได้รู้ว่าเขามีความต้องการอยู่เต็มเปี่ยมขนาดไหน

“ยัง...” เจ้าจอมตอบเสียงเนือยๆ

ไม่ได้อยากจะแกล้งหรอกนะแต่มันเหนื่อยจริงๆ เพราะโดนสูบพลังไปอย่างหนักหน่วงมาก ยังรู้สึกเจ็บๆ ระบมช่วงล่างอยู่เลย มีหวังต้องเจ็บยาวแน่ๆ

หากมันเป็นความต้องการของจักรแล้วล่ะก็ เจ้าจอมก็จะยอม เพราะไหนๆ เขาเตรียมใจจะให้ร่างกายจักรไปแล้ว ก็ให้จนกว่าจักรจะรู้สึกพอใจไปเลย...

“ฉันเป็นของใคร” ร่างเล็กถาม ช้อนตามองด้วยความลึกซึ้ง รอยยิ้มหวานส่งผลให้หัวใจแกร่งเต้นแรงอย่างดีใจ ตื้นตันใจ และสุขใจ จนน้ำตาไหลออกมา

ผู้ชายหน้าดุๆ เถื่อนๆ ผิวคล้ำๆ กำลังร้องไห้ ถ้าใครรู้คงมีคนหัวเราะเยาะตายเลย

“คุณจอมเป็นของไอ้จักร”

หึ...พอได้ร่างกายฉัน ก็กล้าขึ้นมาทันทีเลยสินะ...

“ใช่ ฉันเป็นของนาย แล้วก็จำเอาไว้ด้วยว่าเป็นของนาย...คนเดียว” เจ้าจอมย้ำเสียงหนักแน่น

“ครับ คุณจอมเป็นของไอ้จักรคนเดียว” ในน้ำเสียงของจักรเองแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้อย่างจริงจัง ทั้งสีหน้า ทั้งแววตาที่มองเจ้าจอม ราวกับเป็นตัวที่จะคอยพันธนาการร่างบางเอาไว้ในอ้อนแขนตลอดไป พร้อมกับแรงกอดรัดที่แน่นมากยิ่งขึ้น

“ทีนี้ก็เลิกคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรสักทีนะ แล้วเอาเวลามาคิดว่าจะทำยังไงให้คู่ควรกับฉันดีกว่า”

“ครับ ผมพอจะมีเงินเก็บในบัญชีจากการรับงานจัดสวนอยู่ ไม่เคยเอาออกมาใช้เลย อาจจะน้อยสำหรับคุณจอม แต่มันเป็นทุกอย่างสำหรับผม”

“ที่ฉันต้องการไม่ใช่เงินทองหรืออะไรหรอกนะ ที่อยากได้คือความจริงใจของนายต่างหาก”

“ผมจะซื่อสัตย์และจริงใจกับคุณจอมครับ”

คำสัญญาที่หนักแน่นของลูกผู้ชายคนหนึ่งก็พอที่จะทำให้ผู้ชายที่รู้ตัวเองดีว่าไม่ใช่ชายแท้มาตั้งแต่จำความได้นั้นรู้สึกเชื่อมั่นในคำพูดนั้น

เพราะเจ้าจอมรู้ดี...ว่าจักรเป็นคนที่รักษาคำพูดของตัวเองเสมอ แม้ว่าบางครั้งจะมีขัดใจบ้าง ทำผิดบ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะร้ายแรงอะไร...

“ฉันรักนาย...”

เพียงแค่เจ้าจอมบอกรักมาอีกครั้งเท่านั้นแหละ จักรก็เริ่มบรรเลงเพลงรักขึ้นมาอีกรอบ อีกรอบ และอีกรอบ หลายต่อหลายเพลง หลายท่วงท่า เคล้าคลอไปด้วยเสียงครวญครางของทั้งคู่ จนกว่าทั้งคู่จะเหนื่อยและหลับไป…


“นั่งได้ไหมครับคุณจอม” จักรถามอย่างกังวลขณะที่ประคองคนตัวเล็กนั่งลงบนโซฟานุ่ม โดยมีสายตาของคนที่มาใหม่อย่างรินลณีกับคนรักของเธอนั่งมองอยู่

“ก็ไม่เห็นจะต้องทำหนักขนาดนั้นเลย ทั้งๆ ที่รินมาถึงเที่ยงคืนกว่า ตอนตีสองรินก็ยังได้ยินอยู่เลย ไม่เจ็บก็แปลกแล้วล่ะนะ”

“จะมีบ้างไหมที่จะทักทายกันด้วยความคิดถึงกันก่อนจะแขวะน่ะ”

“ก็เป็นจอมเองไม่ใช่เหรอที่ไม่คิดจะออกมารอรับริน มัวแต่ทำกิจกรรมเข้าจังหวะอยู่นั่นแหละ” หญิงสาวเองก็ตอกกลับเจ้าจอมแบบไม่ยอมแพ้ หญิงสาวร่างบางกับชายหนุ่มตัวเล็กจ้องตากันแบบไม่มีใครยอมใครจ้องกัน ทำราวกับว่าทั้งสองคนไม่ได้มีความคิดถึงอะไรต่อกันแม้แต่น้อย

“ทำไม อิจฉาเหรอ”

“ทำไมรินต้องอิจฉาจอมด้วยไม่ทราบ รินก็มีของริน” เธอยืดอก เชิดหน้าใส่เย้ยๆ

“ก็ดีแล้ว ถ้ามีก็มีแค่คนเดียวให้มันตลอดล่ะ อย่าเป็นเหมือนแต่ก่อน”

“เจ้าจอม!!”

“รินลณี!!”

ไม่มีการยอมให้ใครอะไรทั้งนั้น จักรกับคนรักของรินลณีหันมามองหน้ากันปรึกษาทางสีหน้าว่าจะเอาอย่างไรกับเหตุการณ์แบบนี้ดี หากแต่ไม่ทันได้มึนงงไปมากกว่านี้ เจ้าจอมกับรินลณีก็ระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง คราวนี้จักรกับคนรักของรินลณีก็หันมามองกันอีกครั้งสีหน้าทั้งคู่ดูมึนงงสุดๆ

“มีเรื่องอะไรเล่ามาให้หมดเลยจอม รินพร้อมฟังแล้ว”

“รินต้องรับปากนะ ว่าต้องทำเรื่องทุกอย่างให้มันถูกต้อง” เจ้าจอมถามกลับด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจังไม่แพ้กับรินลณี

“ได้...รินรับปาก”

“เรื่องมันเป็นแบบนี้...” เจ้าจอมก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กับรินลณีฟัง ซึ่งจักรกับคนรักของรินลณีก็เดินมานั่งฟังกันอย่างเงียบๆ ด้วย แม้จะสับสนกับบรรยากาศที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทันของทั้งสองคนก็ตามที

ระหว่างที่กำลังฟัง หญิงสาวก็มีสีหน้าราบเรียบแต่แววตาก็สะท้อนความเสียใจ รู้สึกผิด และเจ็บปวดที่เจ้าจอม จักร และคนรักของเธอเองก็มองออกได้อย่างง่ายดาย มือเล็กของเธอกำแน่นเมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่เธอโกหกไว้กับพี่ชายเมื่อหลายปีก่อน มันจะเป็นการทำร้ายคนๆ หนึ่งที่ไม่ได้ผิดอะไรเลยอย่างอินทัช และทำร้ายคนพี่ชายที่เธอรักอย่างรามินทร์ได้ถึงขนาดนี้

แม้ไม่มีใครโทษเธอ แต่เธอก็กำลังโทษตัวเอง...





100%

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ครบแล้วจ้า อ่านแล้วเม้นท์ด้วยนะคะ ส่วนหนังสือตอนนี้กล่องยังไม่เสร็จนะเจ้าคะ ^_^ จะช้าที่บ็อกน่อ รอหน่อยนะคะ กำลังทำอยู่ค่า

ทวงนิยาย พูดคุย กับยูกิได้ที่แฟนเพจค่ะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เฮ้ออออ รู้สึกไม่อยากให้ยัยรินมีความสุขเลยแต่ก็นั้นแหล่ะเพราะมีคนรักดีถึงได้รู้จักความรู้สึกผิดที่ได้ทำลงไป หวังว่าจะรีบกลับไปรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำลงไปนะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เม้นอะไรก่อนดี จักร เอ้ย ได้กันแล้ว
ริน ก็ไปช่วยพี่ชายด่วนเลยนะ

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
เจ้าจอมโดนกิน... :jul1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ใช่ๆยัยรินอะไรนีไม่สมควรมีความสุขเลยทั้งๆที่นางมีความสุขคนอื่นกลับทุกข์แต่ยังดีทียังมีจิตสำนึกอยู่่บ้าง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
เมื่อความจริงปรากฎคิดว่าอินทร์จะยังอยู่กับรามไหม คิดว่าไม่น่าจะอยู่นะ
ถึงจะมีใจให้อยู่บ้างก็เถอะ แต่การต้องมาลำบากในสิ่งที่ตัวเองไม่มีความผิดก็ทำใจยอมรับยากอยู่นะ

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ร้อนแรงงง จักรร้อนแรงถึงทรวงจริงๆ
ริน โทษตัวเองหน่ะถูกแล้ว
ความผิดเธอชัดๆ
ไปสารภาพกับรามเลย มันจะได้ดราม่ากว่านี้ อิอิ

ออฟไลน์ mam.nalok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ้ยยยยย เจ้าจอมโดนกินแล้ว  ร้อนแรงเฟ่อร์อะ :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 36
เปิดเผย!!!





“หมอเงินคะ ไปกินข้าวกับหวานไหมคะ”

หมอเงินเงยหน้าขึ้นมองคนที่ถาม ปิดแฟ้มเอกสารที่พยาบาลเอามาให้ตรวจดูก่อนจะพูดกับพยาบาลคนนั้นเกี่ยวกับรายละเอียดของเอกสารอีกเล็กน้อย

“อย่าลืมสรุปข้อมูลคนไข้มาให้ด้วยนะครับ”

“ค่ะ ขอตัวนะคะ”

“ครับ”

ร่างสูงโปร่งหันมามองหน้าหมอหวานที่กำลังยืนยิ้มหวานให้กับตน แววตาคาดหวังกับคำตอบสุดๆ จนคนขี้ใจอ่อนอย่างเขาได้แต่ถอนหายใจเบาๆ จะปฏิเสธบ่อยๆ ก็คงจะไม่ดีแน่ ยังไงก็เพื่อนร่วมงานกัน อย่าให้มีอะไรมาทำให้มองหน้ากันไม่ติดจะดีกว่า

“ว่าไงคะหมอเงิน”

“ตกลงครับคุณหวาน ว่าแต่ชวนคนอื่นๆ ไปด้วยกันดีไหมครับ”

หญิงสาวได้แต่ยิ้มอ่อนๆ ไม่แสดงความคิดเห็นอะไรออกมา ซึ่งอาการนี้คิดได้อย่างเดียวคือหมอหวานต้องการไปกับหมอเงินแค่ตามลำพังเท่านั้น

“เดี๋ยวผมจะลองชวนคนอื่นๆ ไปด้วย”

“หวานขอไปกับหมอเงินแค่สองคนได้ไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยขอเสียงหวาน ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นไม่มีทางที่จะไม่รู้สึกอะไรกับเธอ แต่ไม่ใช่กับหมอเงิน...

คนที่อยู่ในใจมาตลอดเกือบสิบปีของหมอเงินมีแค่ขรรค์ แม้จะมีคนเข้ามาหาเขามากมายแค่ไหน หัวใจของเงินก็ซื่อสัตย์และมั่นคงอยู่ที่ขรรค์คนเดียว

“ผมคิดว่า มันอาจจะดูไม่ดีได้นะครับ คุณหวานจะเสียหายเอา” โดยพื้นเพของคนที่เป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่ง หมอเงินรู้สึกแบบนั้นตามที่พูดจริงๆ นอกจากจะไม่อยากให้คนรักของตัวเองไม่สบายใจแล้ว เขาก็ไม่อยากให้หญิงสาวต้องถูกเข้าใจผิดหรือถูกนำไปพูดในทางที่ไม่ดี

ยิ่งถ้าเขาเป็นต้นเหตุ หมอเงินก็ยิ่งไม่ชอบ

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หวานไม่ถือ หวานมีเรื่องจะคุยกับหมอเงินน่ะค่ะ แต่ถ้าหวานทำให้หมอเงินลำบากใจ ก็ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวทำหน้าเสียความรู้สึกจนร่างสูงโปร่งถึงกับใจอ่อน

“ไม่ลำบากใจหรอกครับ ไปกันสองคนก็ได้ครับ”

“ขอบคุณนะคะ ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเลยไหมคะ” เธอยิ้มกว้างออกมาอย่างทันทีที่ได้คำตอบจากหมอเงิน หมอสุดหล่อได้แต่ยิ้มบางๆ ออกไปตามมารยาท

ถามว่าอยากไปไหม ก็ไม่ได้อยากไปหรอก...

“ครับ คุณหวานเลือกร้านได้เลยนะครับอยากไปที่ทานร้านไหน”

“งั้นไปร้าน...กันนะคะ อาหารอร่อย บรรยากาศดีด้วยค่ะ ที่สำคัญไม่ไกลจากโรงพยาบาลเท่าไหร่ค่ะ หมอเงินได้เอารถมาไหมคะ”

“เอามาครับ”

“ถ้าอย่างนั้นไปรถของหมอเงินนะคะ เดี๋ยวหวานจะบอกทางให้เอง”

“ได้ครับ”

หญิงสาวเดินเคียงข้างไปกับหมอเงินที่ใครๆ ก็ต่างตกหลุมรักในรูปลักษณ์ที่ดูอ่อนโยนของชายหนุ่ม เธอเดินเชิดหน้าขึ้นน้อยๆ ปากก็ยิ้มกว้าง ทุกคนต่างก็พากันมองในความเหมาะสมของทั้งคู่ คนหนึ่งหล่อ คนหนึ่งสวย ไหนจะหน้าที่การงานที่เพียบพร้อมของทั้งคู่อีก...

บางคนจึงคิดว่า หากสองคนนี้เป็นคนรักกันคงจะเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบที่สุด...

“สั่งได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”

“ขอบคุณค่ะ”

ร่างโปร่งนั่งอ่านเมนูผ่านๆ ก่อนจะสั่งที่อยากจะทานมา ส่วนหญิงสาวเองก็สั่งอาหารไปสองสามอย่าง ช่วงที่รออาหารหมอหวานก็มักจะมีคำถามเข้ามาถามอยู่เสมอๆ ทำให้หมอเงินต้องตอบกลับไปตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวของเขา บ้างเธอก็เล่าชีวิตของตัวเองให้ฟัง ซึ่งเงินก็ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีอย่างเดียว

“แล้วช่วงที่หมอเงินเรียนเป็นยังไงบ้างคะ”

“ก็เหนื่อยครับ แทบจะไม่มีเวลาว่างเลย”

“เหมือนกันเลยค่ะ กว่าจะจบมาได้ทำเอาหวานลำบากสุดๆ เลยล่ะค่ะ เห็นเพื่อนคณะอื่นๆ มีเวลาไปเที่ยวหวานก็ได้แต่อิจฉา เป็นเหมือนกันไหมคะ”

“ครับ” ก็ได้แต่เออออไปกับหญิงสาวด้วยรอยยิ้มเบาๆ นั่งฟังหมอหวานพูดต่อไปทั้งที่ใจก็นึกรำคาญเอามามากๆ แต่ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้

จนกระทั่งรับประทานอาหารเสร็จ ทั่งสองคนก็เดินดูของด้านนอกเป็นการย่อยอาหารที่เพิ่งจะทาน โดยที่หมอหวานก็พาเดินเข้าไปดูนั่น ดูนี่ไม่คิดจะสนใจเวลาเลยว่าจะต้องเข้าไปทำงานต่อ

“หมอเงินคะ คิดว่าระหว่างอันนี้กับอันนี้อันไหนสวยกว่าคะ” เธอหยิบกิฟต์ติดผมมาเทียบด้วยมือทั้งสองข้าง ถามความเห็นของหมอหนุ่มอย่างสนุกสนาน ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้ชายที่มาด้วยเลยสักนิด

แล้วที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยก็ไม่เห็นมี...เอาแต่ถาม เอาแต่พูดอยู่คนเดียวเลย

“สวยทั้งสองเลยครับ”

“ว้า...ทำไมให้คำตอบแบบนี้ล่ะคะ หวานให้หมอเงินช่วยหวานเลือกนะคะ” เธอทำแก้มป่องอย่างน่ารัก หน้าเง้างอดเป็นเด็กๆ หวังให้หมอเงินเอาใจ

“ก็มันสวยทั้งสองจริงๆ นะครับ คุณหวานก็เอาไปทั้งสองเลยถ้าคุณหวานเลือกไม่ได้ ผมเลือกของแบบนี้ไม่เป็นด้วยน่ะครับ” เงินพูดยิ้มๆ

“นั่นสินะคะ แต่ว่า...หวานอยากซื้อแค่อันเดียวนี่คะ หมอเงินช่วยหวานคิดหน่อยสิคะ นะคะ” ขอร้องเสียงออดอ้อนจนแม่ค้ายิ้มให้อย่างเอ็นดู เพราะคิดว่าเราเป็นคู่รักกัน

ถ้าขรรค์อยู่ตรงนี้บอกเลยว่าเงินจะไม่ปล่อยให้ใครมาเข้าใจผิดแน่ๆ แต่ที่นี่มีเพียงคนที่เขาไม่รู้จัก ฉะนั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องแคร์ อยากจะคิด อยากจะเข้าใจยังไงก็ปล่อยเขาไป เพียงแค่ใจของเราทั้งสองมั่นคงต่อกันไม่หวั่นไหวง่ายๆ ก็เพียงแล้ว

“เงิน...มาทำอะไรแถวนี้น่ะ” เสียงทุ้มต่ำอันแสนคุ้นเคยดังมาจากด้านหลังของร่างโปร่ง เรียกความสนใจจากเงินได้ในทันทีเพราะคนที่ทักเขาเป็นคนๆ เดียวกันกับคนที่เขาคิดถึงอยู่ตลอดเวลา

“อ้าวขรรค์! พอดีเงินพาคุณหวานมาทานข้าวน่ะ แล้วเธอก็อยากจะซื้อของเลยพามาดู ขรรค์ล่ะ มาทำอะไรแถวนี้ ไหนบอกว่าวันนี้ไม่มีธุระต้องเข้ามาในเมืองไง” คุณหมอสุดหล่อขมวดคิ้วน้อยๆ เพราะสงสัยที่เห็นคนรักของตนที่นี่

“สวัสดีครับหมอหวาน” ขรรค์หันไปทักทายหญิงสาว ก่อนจะหันกลับมาตอบคนรักของตัวเอง “ขรรค์มาหาซื้อของน่ะ อุปกรณ์บางอย่างมันหมด เลยพาลูกน้องมา ไม่คิดว่าจะเจอกัน” ขรรค์ยังคงสีหน้านิ่งๆ ชำเลืองสายตามองหญิงสาวข้างกายของเงินด้วยสายตานิ่งๆ

“สวัสดีค่ะ” จำใจทักทายกลับตามมารยาทที่พึงปฏิบัติในสังคม

“งั้นเหรอ แล้วซื้อจะเสร็จหรือยังล่ะ” เงินถามคนรักทันทีอย่างเคยชิน เริ่มจะตัดหญิงสาวออกจากวงสนทนาของตนกับคนรักทีละน้อย

“ก็เกือบครบแล้วล่ะ เงินอยากได้ของอะไรไปไว้ในบ้านบ้างไหม ขรรค์จะซื้อกลับไปเลย” คนตัวสูงถาม

“อืม...มีอยู่นะ จริงๆ แล้วเงินก็จดเอาไว้แล้วล่ะว่ามีของหมด ว่าจะพาขรรค์เข้ามาซื้อตอนวันหยุด แต่ถ้าขรรค์มาแล้วก็ซื้อไปเลยก็ได้นะ” ร่างโปร่งหยิบสมุดพอเล่มเล็กที่พกเอาไว้ในกระเป๋ากางเกงตลอดเวลาส่งไปให้กับคนรัก ซึ่งขรรค์ก็รับมาเปิดดูคร่าวๆ ก่อนจะพยักหน้าให้น้อยๆ

“โอเคครับ เดี๋ยวขรรค์จะซื้อไปเลย”

“อื้อ...เจอกันที่บ้านนะ”

“ครับ ตั้งใจทำงานนะเงิน”

“ขรรค์ก็เหมือนกัน” หมอเงินยิ้มส่งคนรักจนหายไปกับฝูงคน ร่างสูงโปร่งหันมามองหญิงสาวที่มาด้วยก่อนจะถามอย่างสุภาพ

“คุณหวานเสร็จธุระยังครับ”

“เสร็จแล้วค่ะ” เธอตอบสั้นๆ ห้วนๆ ใบหน้าเรียบตึง บ่งบอกถึงความไม่พอใจ

“งั้นก็กลับโรงพยาบาลกันเถอะครับ”

“ค่ะ”

ทั้งสองตรงไปยังที่จอดรถเอาไว้เพื่อที่จะกลับไปทำงานต่อของตัวเองโดยระหว่างทางหมอหวานก็เงียบตลอดทางเหมือนกับโกรธเงินอยู่ ซึ่งทำท่าราวกับรอให้ง้อ

แม้ว่าการคุยกันแบบปกติทั่วไประหว่างเงินกับขรรค์จะดูไม่มีอะไรมาก ตาสรรพนามที่ใช้แทนตัวของทั้งคู่ ไหนจะประโยคที่บ่งบอกว่าอยู่ด้วยกันนั้น มันก็เป็นการประกาศอย่างหนึ่งว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ใช่แค่เพื่อนที่อยู่ด้วยกัน แต่มันเป็นมากกว่านั้น...

ก็บอกไว้แล้วว่าถ้าขรรค์อยู่ด้วย เงินก็พร้อมที่จะประกาศ...ไม่ปิดบังอะไรอยู่แล้ว

“ขอบคุณนะคะหมอเงินที่พาหวานไปทานข้าว อร่อยมากๆ เลยค่ะ คราวหน้าไปอีกนะคะ” เธอพูดออกมาเสียงค่อนข้างดังกว่าปกติจนเหล่าพยาบาล พนักงาน และคนไข้หันมามองอย่างสนอกสนใจ หมอเงินก็รู้ว่าหมอหวานต้องการจะสื่อให้คนอื่นเข้าใจผิด

“ไม่เป็นไรครับ คราวหน้าเราพาเพื่อนๆ ทุกคนไปด้วยกันนะครับ กินกันเยอะๆ สนุกกว่านะ”

“เอ่อ...ได้ค่ะ”

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับหมอหวาน”

“ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ”

“ครับ”

ร่างสูงโปร่งเดินแยกไปอีกทาง ระหว่างทางที่เดินอยู่ หมอเงินก็ถูกทักถูกถามจากคนที่อยากจะรู้เรื่องราวว่าเป็นมายังไง เพราะอะไรถึงไปทานข้าวกันสองต่อสอง

“ก็ผมถามคนอื่นๆ แล้วไม่มีใครว่าง ผมก็เลยต้องไปกับหมอหวานสองคนน่ะครับ”

“อ้าว...แล้วคบกันหรือยังคะหมอเงิน”

“ฮ่าๆ หมอหวานเป็นแค่เพื่อนครับ ผมเองก็มีคนรักอยู่แล้วด้วย”

“งั้นเหรอคะ? แสดงว่านังหมอหวานมันคิดเออเองคนเดียวสินะ อุ๊ย! ขอโทษค่ะหมอเงิน อุ๊ปากเร็วไปหน่อย”

“แหม...ขอโทษจริงหรือเสแสร้งคะพี่อุ๊”

“เงียบน่า”

“ฮ่าๆ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับทุกคน คราวหน้าเราก็ไปทานข้าวด้วยกันนะครับ ผมชวนเอาไว้เลย” หมอเงินเอ่ยชวนอย่างคนที่มีนิสัยอัธยาศัยดี

“ได้สิคะ แหม...หมอสุดหล่อชวนทั้งที”

“ไม่ค่อยเร็วเลยนะพี่อุ๊ แพรวก็ไปด้วยนะคะหมอเงิน” หญิงสาวแขวะรุ่นพี่พยาบาลของตัวเองเสร็จก็หันมาขอเขาเสียงหวาน

“ไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละครับ”

“เยส!! เดี๋ยวพวกเราจะหาวันแล้วจะรีบบอกหมอเงินนะคะ”

“ได้เลยครับพี่อุ๊ ไปก่อนนะสาวๆ”

“ค่า”

เจ้าของใบหน้าหล่อหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินส่ายหน้าไปยังจุดหมายของตัวเองอย่างมีความสุข ปล่อยให้คนอยากจะพูด อยากจะคิดอะไรก็ปล่อยไป

เขาไม่สามารถที่จะทำให้คนทั้งโลกเข้าใจตัวเขาได้ แต่เราสามารถที่จะทำให้คนที่เรารักเข้าใจเขาได้...

สำหรับเงิน แค่นั้นก็เพียงพอ...


“เงิน...”

“อ้าว...ขรรค์ มายังไงเนี่ย?” เงินถามคนรักด้วยความงุนงงเมื่อเห็นว่าเจ้าของร่างสูงใหญ่เดินมาหยุดตรงหน้าเขาขณะที่เขากำลังเดินคุยมากับหมอรุ่นพี่

“ขรรค์ให้ลูกน้องมาส่งก่อนที่พวกมันจะกลับรีสอร์ทน่ะ” เจ้าตัวตอบ

“นี่แสดงว่ารอเงินมานานแล้วสิ กี่ชั่วโมงเนี่ย” ร่างโปร่งเดินไปหาขรรค์ด้วยความเป็นห่วง สีหน้าเคร่งเครียดจนขรรค์กังวล กลัวว่าคนรักจะโกรธ

“ก็ตั้งแต่บ่ายน่ะ”

“ขรรค์! ทำไมไม่กลับไปรอที่บ้านล่ะ มานั่งรอเงินแบบนี้ตั้งกี่ชั่วโมง น่าเบื่อออก”

“ไม่เป็นไร ขรรค์รอได้ ไม่เบื่ออะไร” ขรรค์ตอบให้คนรักสบายใจ แต่เงินกลับไม่ยอมหายโกรธง่ายๆ เพราะไม่ชอบให้ขรรค์มารอตัวเองนานๆ แบบนี้

“อย่าทำอีกนะขรรค์!! ถ้าจะมาก็ให้โทรมาถามก่อนแล้วมาก่อนเวลาที่เงินออกเวร ขรรค์เล่นรอตั้งแต่บ่ายแบบนี้ เงินไม่อยากนึกภาพตามเลย”

“ครับๆ ขรรค์ไม่ทำแล้ว”

ร่างโปร่งบางมองหน้าคนรักไม่พอใจอยู่อย่างนั้น ถึงแม้ว่าขรรค์จะรับปากว่าจะไม่ทำอีกแล้วก็ตาม ลืมไปเลยว่าตนไม่ได้เดินมาคนเดียว

“เอ่อ...ขอโทษที่ต้องขัดจังหวะนะหมอเงิน แต่พี่ขอตัวก่อนนะ เมียโทรตามแล้ว” รุ่นพี่ที่เดินคุยมากับร่างโปร่งตั้งแต่แรกขัดขึ้นมา จนเงินต้องรีบหันไปหาอย่างรู้สึกผิด

ลืมสนิทเลยว่าเดินมากับรุ่นพี่...ตายแล้วเรา

“ขอโทษครับรุ่นพี่ งั้นพรุ่งนี้ผมจะปรึกษาใหม่นะครับ” ยกมือไหว้เพราะเกรงใจที่กำลังปรึกษาเรื่องงานอยู่ จู่ๆ ก็ยังพูดไม่จบเขาก็ดันเดินเข้าไปหาขรรค์เสียก่อน

คนรักสำคัญที่สุดสำหรับเงินจริงๆ

“ได้ๆ มีอะไรก็ถามได้ตลอด ว่าแต่ใครน่ะ” ยังไม่วายอยากรู้เรื่องชาวบ้านชาวช่อง ทั้งๆ ที่บอกว่าเมียโทรตามแต่ก็ไม่ได้รีบกลับอย่างที่คิด

“หึหึ ไหนบอกว่าจะกลับไงครับ” เงินแซวขำๆ

“ก็อยากรู้ไง ต่อมเผือกพี่มันพุ่งแล้วเนี่ย” เงินหัวเราะออกมาเบาๆ ที่ได้ยินแบบนั้นจากปากรุ่นพี่คนสนิท ก็เลยตอบออกไปตามความจริง

“นี่ขรรค์ครับ เป็นแฟนของผมเอง”

“ห๊ะ!!!”

“เงิน!!”

ทั้งคู่ส่งเสียงขึ้นมาพร้อมกันด้วยความตกใจ ขรรค์เรียกชื่อคนรัก แต่รุ่นพี่คนนั้นอุทานอย่างตกใจ แต่พอสังเกตท่าทางของรุ่นน้องตนกับผู้ชายตัวยักษ์นี้แล้ว ไหนจะสรรพนามเรียกอย่างไพเราะนั่นอีก

ก็ต้องเชื่อล่ะนะ เพราะคุยกันมุ้งมิ้งมาก ขนาดเขากับภรรยาที่เป็นผู้หญิงยังคุยกันธรรมดาๆ เลย

“ตกใจล่ะสิ”

“ตกใจสิ...เฮ้อ แบบนี้สาวๆ อกหักทั้งโรงพยาบาลน่ะสิ แต่ขรรค์ ผมไม่ได้หมายความว่าคุณสองคนไม่เหมาะสมนะ แค่เสียดายความหล่อของหมอเงินเฉยๆ” หมอหนุ่มรุ่นพี่รีบแก้ตัว ขรรค์เองก็ยิ้มให้นิดๆ ไม่ได้คิดมากอะไร

ต่อให้ใครว่าเราจะไม่เหมาะสม เขาก็ไม่มีทางสนใจนอกจากความรู้สึกของเงินอีกแล้ว

บทเรียนที่ผ่านมาทำให้ขรรค์เข้มแข็งและแข็งแกร่งขึ้น...

“ครับ ผมเข้าใจ จริงๆ ผมก็เคยอิจฉาเงินเรื่องที่เขาหล่อกว่าผมแหละครับ แต่ทำไงได้ล่ะครับ พ่อแม่ให้มาเท่านี้” ขรรค์พูดนิ่งๆ แต่เป็นประโยคที่ทำให้เงินกับหมอรุ่นพี่ระเบิดหัวเราะออกมา

“แฟนหมอเงินนี่ตลกดีนะ”

“ฮ่าๆ ตลกหน้าตายน่ะหรือครับ”

“ก็ดีกว่าไม่ตลกเลยนะ ตอนแรกที่เห็นคุณขรรค์ผมคิดว่าหมอเงินจะอยู่กับผู้ชายคนนี้ได้ยังไงนะทำหน้านิ่งๆ ตัวทื่อๆ ตลอดเวลาแบบนี้”

“เราคบกันมาเกือบสิบปีแล้วนะ มั่นคง ใจเดียวมาตลอดด้วย”

“โหย...น่าอิจฉาว่ะหมอเงิน ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้กับชีวิตคู่ของทั้งสองคนนะครับ เดี๋ยวนี้โลกมันเปิดกว้างมากแล้ว พวกคุณไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ไม่ต้องคิดมากแล้วสนคำพูดของสังคมนะครับ รักกันนานๆ นะหมอเงิน” ทั้งสอน ทั้งแนะนำ จนเงินกับขรรค์หันมองตากันหวานซึ้ง ทำเอาหมอรุ่นพี่มองด้วยความอิจฉา

มันดูอบอุ่น มากกว่าดูแปลกประหลาดในสายตา

“ขอบคุณครับ” ทั้งคู่เอ่ยพร้อมกัน

“ไม่เป็นไรๆ โชคดีนะ พี่ขอตัวก่อน เดี๋ยวเมียด่า”

“ครับ ขับรถกลับบ้านดีๆ”

หมอเงินโบกมือลารุ่นพี่ของตัวเอง ก่อนจะหันมากอดอกให้คนรักอย่างไม่พอใจเหมือนเดิม เรื่องที่ขรรค์มานั่งรอเขาไม่โกรธแล้วก็จริง แต่ใช่ว่าความไม่พอใจจะหายไปด้วย

ตอนสมัยเรียนก็มีหลายครั้งที่ขรรค์ชอบมารอเงินเป็นชั่วโมงกว่าจะเรียนเสร็จ บางวันก็เลทเป็นชั่วโมงขรรค์ยังมารอทั้งๆ ที่สั่งห้ามเอาไว้ พอโกรธทีไรขรรค์ง้อนิดเดียวเงินก็ใจอ่อนแล้ว

“มา...เดี๋ยวขรรค์ขับให้”

“ไม่ต้องมาเนียนเลย”

“ขรรค์ขอโทษ” ขรรค์ทำหน้าหงอยจนคนรักอย่างหมอเงินใจอ่อนยวบ

ใจแข็งกับขรรค์ได้ไม่เคยนานเลยเรา...





50%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

มาตามสัญญาค่า บอกว่าจะเริ่มอัพวันนี้ ยูกิก็มาอัพแม้ว่าจะมีงานนอนสุมอยู่บนโต๊ะรอให้สะสาง ฮ่าๆ เดี๋ยวทุกคนจะลืมแล้วงอนยูกิเนาะ อ่านแล้วเม้นท์ให้ยูกิด้วยน้า ให้กำลังใจหน่อยนะคนดี ^^

มีอะไรพูดคุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ ข่าสารยูกิก็อัพเดทที่นั่นเป็นส่วนใหญ่น่อ เรื่องหนังสือตามได้ที่เพจค่ะ ตอนนี้หนังสือมาถึงยูกิแล้วครึ่งหนึ่ง เหลืออีกครึ่งหนึ่งนะคะ  https://www.facebook.com/sawachiyuki/

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
สม..หมอหวาน
สั่นคลอนขรรค์เงินไม่ได้หรอกจ๊ะ
คู่นี้เค้ามั่นคง เปิดตัวแล้วนะ รู้ยัง!!
ปล.ยูกิสู้ๆนะคะ ขอให้งานเส็ดเร็วๆแล้วมาอัพบ่อยๆนะคะ

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ลุ้น คุณรามกะน้องอิน เสียวสันหลังแทนคุณราม

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ AkaneSama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หมอเงินกับขรรค์ใครแก่กว่าเหรอคะ พอดีลืม :hao5:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ว้ายยย จอมชงเองเลยนะคะ จักรก็ได้ใจนะ จัดเต็มเลย 5555

รามจะทำไรก็รีบทำนะคะ ตอนนี้ทุกคนจะบุกแล้วนะ
อินน่าสงสาร จะระแวงก็ไม่เต็มที่ จะรักก็ไม่อยากทำ

รีบเคลียร์กันนะคะ ลุ้นมากก

ขรรค์ขี้หึงมากจ้า 5555 แต่ผู้หญิงก็ตลก ไม่ใช่ไม่รู้แต่ก็ยังพยายาม
แต่เงินชัดเจนมากค่ะ ดีงาม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
ตอนที่ 36 ครึ่งหลัง





“เดี๋ยวขรรค์ขับให้นะครับ อยากกินอะไร เดี๋ยวพาไปเลย”

“ชิ...เป็นแบบนี้ตลอด เอากุญแจไปเลย” หมอหนุ่มยื่นกุญแจรถให้คนรัก ขรรค์รับไปแล้วแตะเอวเงินเบาๆ ให้เดินไปที่ประตูฝั่งคนนั่ง ก่อนจะเปิดประตูให้คนรักอย่างเอาอกเอาใจ เรียกรอยยิ้มกว้างๆ จากเงินจนได้ขรรค์ก็เลยยิ้มตามเดินไปอีกฝั่ง

“ไปกินข้าวร้านเดิมด้วย”

“ตามคำบัญชาขอรับ”

“น่ารักมาก มาๆ ให้รางวัลคนเก่งหน่อย”

ขรรค์ยื่นหน้ามาหาคนรักอย่างว่าง่าย เงินก็เลยจุ๊บเบาๆ ที่ปากหยักหนาของคนรัก ก่อนที่ขรรค์จะยื่นมาหอมแก้มใสเบาๆ แล้วกลับไปตั้งใจขับรถพาคนรักไปทานข้าวเย็น เปิดเพลงคลอเบาๆ บรรยากาศมันอบอุ่น มีความสุขมากจนไม่อยากจะคิดเลยว่า ในวันข้างหน้าจะมีอะไรมาขวางทางเราอีก

...

...

...


“จริงหรือเปล่ายะ”

“จริงสิ พวกฉันเห็นกับตาเลยนะ ผู้ชายคนนั้นที่เราเคยเห็นมาโรงพยาบาลบ่อยๆ น่ะ แล้วตอนนี้ก็มาจัดสวนโรงพยาบาลด้วย เขาเปิดประตูรถให้หมอเงินนั่ง ถ้าฟังตอนที่ทั้งสองคุยกันนะเธอ แทนตัวว่าเงินอย่างนั้น แทนตัวว่าขรรค์อย่างนู้น อย่างนี้ไม่เรียกว่าแฟน ให้เรียกว่าอะไรล่ะ” 

“นั่นสินะ จะว่าไปก็ไม่เคยเห็นหมอเงินจะสนใจผู้หญิงด้วย ขนาดหมอหวานสวยอย่างนั้นหมอเงินยังไม่สนใจเลย ถ้าตัดผู้หญิงออกไป ก็เหลือแค่ผู้ชายนี่แหละที่หมอเงินจะชอบ”

เหล่าพยาบาลต่างพากันพูดคุยเรื่องของหมอเงินอย่างสนุกปาก เดาไปกันต่างๆ นาๆ ว่าสรุปแล้วผู้ชายคนที่มารับหมอเงินบ่อยๆ เป็นใคร เป็นอะไรกับหมอเงินกันแน่

มีแต่ความอยากรู้อยากเห็นเต็มไปหมด

“แต่หมอเงินจะคบกับผู้ชายหรือผู้หญิงจริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีผลต่องานและสังคมหรอกนะ เพราะฉันรู้สึกเฉยๆ แต่ที่อยากรู้คือเขาเป็นแฟนกันจริงๆ หรือเปล่ายะ”

“เป็นแน่ๆ เชื่อสายตาของฉันสิ”

“งั้นเพื่อที่จะสนองต่อมเผือกของพวกเรา ใครจะเป็นอาสาหน่วยกล้าตายไปถามหมอเงินดี”

“ใครจะไปกล้าถามยะ เรื่องส่วนตัวหมอเงินเขา”

พยาบาลที่กำลังพูดคุยกันอยู่ต่างก็ทำหน้าสลด ผิดหวังเพราะอยากจะได้คำตอบเรื่องนี้จริงๆ ไม่งั้นมันจะอยากรู้อยากเห็นอยู่แบบนี้แหละ ทำงานไม่รู้เรื่องกันแน่ๆ

“เอาเป็นว่าเราก็ค่อยๆ สังเกตกันไปแล้วกัน “

“เฮ้ยๆ หมอเงินมาแล้วๆ ทำตัวปกติๆ เลย” พยาบาลสาวที่เห็นว่าหมอเงินเดินเข้ามาในตัวอาคารของโรงพยาบาลก็ต่างพากันลนลาน หันซ้ายขวาแสร้งทำงาน หลบตาหมอเงินเหมือนทำอะไรผิด จนหมอหนุ่มสุดหล่อส่ายหน้าไปมาเพราะรู้ดีว่าอาการแบบนี้ คือกำลังนินทาเขาอยู่แน่ๆ

“สวัสดีครับ สาวๆ”

“สวัสดีค่า หมอเงิน” เธอทั้งหลายต่างก็พากันเอ่ยทักทายหมอเงินเป็นเสียงเดียวกัน แต่ละคนก็ช่างหวานเหลือเกิน จนหมอเงินหัวเราะออกมาอย่างขำๆ

“ฮ่าๆ วันนี้ดูแปลกๆ กันนะครับ”

“เอ่อ...ไม่มี๊ค่า ไม่เห็นแปลกเล๊ย ก็ปกติดีนี่คะ” ทั้งเสียงสูง ทั้งกลอกตาไปมา

“มีอะไรหรือเปล่าครับ ถามผมได้นะ ยินดีตอบ”

“เรื่องส่วนตัวก็ได้ใช่ไหมคะ” พยาบาลสาวคนหนึ่งโพล่งออกมาก่อนจะปิดปากตัวเองเมื่อรู้ตัวเองว่าเผลอหลุดความจริงที่อยากรู้ไป

ร่างสูงโปร่งเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง

“ว่ามาสิครับ ผมจะตอบเอง”

“ถามไปจะโกรธไหมคะหมอเงิน”

“จะโกรธทำไมครับ”

“คือ...หมอเงินมีแฟนหรือยังคะ” พยาบาลคนหนึ่งถามขึ้นมา นับว่าเป็นคำถามที่ฉลาดที่สุด ถ้าถามออกไปตรงๆ ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นอะไรกับหมอเงินมันจะดูไม่ได้เอา

“มีแล้วครับผม”

“ล่ะ แล้วสวยไหมคะ?”

“หึหึ” ร่างโปร่งหัวเราะในลำคอ ส่ายหน้าไปมากับความแนบเนียนของเพื่อนร่วมงาน ดูก็รู้ว่าอยากจะรู้ว่าแฟนของเขาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายมากกว่า

“ว่าไงคะหมอ” เร่งเร้าเอาคำตอบ ทุกคนต่างลุ้นจนตื่นเต้นกันไปหมด

“ในสายตาของผมนะครับ...เขาดูหล่อดี”

กรี๊ดดด...

สาวๆ พากันกรีดร้องเสียงดังลั่น หันไปวี้ดว้ายด้วยกันจนหมอเงินชักเริ่มเขิน มองสาวๆ ที่ดูเหมือนจะยินดียินงามเหลือเกิน หลังจากคำตอบที่บอกว่าแฟนหล่อเท่านั้นแหละ หมอเงินก็โดนซักจนสีแทบซีด

“ผู้ชายที่มาบ่อยๆ ใช่ไหมคะ”

“คนเดียวกันใช่ไหมคะ”

“ชื่อขรรค์ใช่ไหมคะ”

หมอสุดหล่อได้แต่พยักหน้ากับคำถามพวกนั้นด้วยรอยยิ้ม ส่วนพวกพยาบาลสาวที่รวมกลุ่มซักเขาอยู่ก็มีความชอบอกชอบใจกับเรื่องความรักของเขาเป็นพิเศษจนอดที่จะดีใจไม่ได้

ความรักของเราสองคนไม่เคยเป็นที่ยอมรับของคนในครอบครัว แต่วันนี้ เพื่อนๆ ร่วมงานของเงินทุกคนไม่มีใครมีทีท่าว่าจะรังเกียจหมอเงินเลย

“รักกันนานๆ นะคะหมอ แล้วคบกันมากี่ปีแล้วคะ”

หมอเงินนิ่งคิดไปนิดๆ เพราะเราคบกันมาเจ็ดปีแล้วก็เลิกกันสามปีก่อนจะกลับมาคบกันใหม่ตอนนี้ รวมๆ แล้วก็เกือบสิบปีแล้ว

“เกือบสิบปีแล้วครับ”

เพราะช่วงเวลาที่เราเลิกกัน เงินไม่เคยคิดว่าตัวเองเลิกกับขรรค์ เงินไม่เคยคิดว่าตัวเองไม่มีขรรค์อยู่ข้างกาย แม้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้เจอกัน ไม่ได้พูดคุยกัน แต่เงินก็มีความหวังว่าสักวันเราจะต้องกลับมาเจอกัน กลับมารักกันเหมือนเดิม

ชีวิตนี้เงินรักใครไม่ได้อีกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างทุ่มให้กับผู้ชายคนนั้นไปหมด...

“นานมากเลยค่ะหมอเงิน แสดงว่าต้องผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากสินะคะ พวกเราขอให้หมอเงินกับคุณขรรค์มีความสุขมากๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้กับความรักของหมอค่ะ”

“ถึงว่าไม่เห็นหมอสนใจผู้หญิงเลย”

“ใครบอกว่าไม่สนใจล่ะครับ แต่ในฐานะเพื่อนนะ”

“ฮ่าๆ แบบนี้พวกเราก็หมดหวังน่ะสิคะ พวกเราทุกคนกรี๊ดหมอเงินมาตั้งแต่วันแรกแล้ว โธ่...ชะนีเสียใจมากจริงๆ”

“เดี๋ยวจะพาไปเลี้ยงขอโทษนะครับ ปลอบใจที่หมอสุดหล่อมีแฟนแล้ว” เงินพูดทีเล่นทีจริงมีหลงตัวเองให้สาวๆ หัวเราะอย่างสนุกสนานด้วย

“ป๋ามากเลยค่ะหมอเงิน งั้นเราไปตอนไหนกันดีคะ”

“ทุกคนหาวันกันเลยก็ได้ครับ เอาช่วงเย็นๆ นะครับ หาให้ตรงกันจะได้ไปกันเยอะๆ แต่ถ้าใครไม่ได้ไป ผมจะเลี้ยงหลายๆ รอบเลย เงินป๋าเยอะ ฮ่าๆ”

“แหม...หมอเงินล่ะก็ ได้ค่า เดี๋ยวเราจะนัดวันกัน นัดเสร็จแล้วจะแจ้งนะคะสุดหล่อ”

เงินอมยิ้มอารมณ์ดี ก่อนจะบอกขอตัวไปเตรียมเข้าวอร์ด

“หมอขอตัวก่อนนะ”

“ค่า”

พออยู่ในห้องพักแพทย์แล้ว ร่างโปร่งก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างอดใจไว้ไม่ไหว มันทั้งตื้นตันใจ ทั้งดีใจ และรู้สึกมีกำลังใจเพิ่มมากขึ้น

ขอบคุณนะทุกคน...ขอบคุณที่ไม่รังเกียจความรักของพวกเรา

ในจังหวะเดียวกันขรรค์ก็โทรศัพท์เข้ามาพอดี เห็นแค่ชื่อ หัวใจของเงินก็พองโตไปด้วยความสุขล้นหัวใจแล้ว หมอหนุ่มรับสายนั้นแล้วพยายามกลั้นก้อนสะอื้นของตัวเองสุดความสามารถ

(เงินถึงหรือยัง)

“ถ่ะ ถึงแล้ว”

(เป็นอะไร เสียงสั่นๆ นะ ไม่สบายเหรอ)

“เปล่า เดินมาเหนื่อยน่ะ มัวแต่คุยกับสาวๆ เพลินไปหน่อย เลยเกือบสายน่ะ” มือขาวเช็ดน้ำตาของตัวเองพร้อมกับตอบเสียงที่พยายามควบคุมไม่ให้สั่นเพราะกลัวว่าขรรค์จะกังวลจนต้องตามมาหากันถึงที่นี่

ไม่อยากทำให้ขรรค์เสียงานเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ

(เกเรนะเงิน นอกใจสามีเหรอ)

“โถ่ เงินก็แค่อัธยาศัยดีตามแบบคนหล่อมากเท่านั้น ส่วนใจก็มีแค่ขรรค์คนเดียวนะเด็กดี ไม่โกรธ ไม่น้อยใจ ไม่คิดมากนะ โอเค้?”

(หึหึ คนหล่อก็พูดได้สินะ ขรรค์มันไม่หล่อ เลยไม่มีสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังเหมือนคุณหมอ)

“ประชดประชันกันเก่งจริงๆ”

(ตั้งใจทำงานนะครับ ขรรค์จะไปทำงานแล้วเหมือนกัน) ปลายสายพูดเสียงอ่อนโยน เรียกกำลังใจให้กับร่างโปร่งได้อย่างมหาศาล

แค่นึกหน้าของกันและกันก็มีแรงมีกำลังใจการทำงานในแต่ละวันแล้วล่ะ

“ขรรค์ก็เหมือนกัน ตั้งใจทำงานนะ”

(ขรรค์รักเงินนะ)

“เงินก็รักขรรค์ครับ”


ข่าวของหมอเงินกับขรรค์แพร่สะพัดไปทั่วทั้งโรงพยาบาล บางคนก็มองหมอเงินด้วยสีหน้าและสายตาแปลกๆ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้พูดทางเสียหาย กลับกันยังเข้าใจและแยกแยะได้ด้วยว่ามันไม่ส่งผลกระทบกับงาน แต่พอข่าวของเขาถูกพูดต่อกันมากๆ ผู้ชายบางส่วนที่ไม่ใช่ชายแท้ก็มองเขาตาเป็นมันจนรู้สึกไม่ปลอดภัยกับชีวิต

“เงิน...ทำไมคนในโรงพยาบาลมองเราแปลกๆ”

“หึหึ ไม่มีอะไรหรอก ขอบคุณมากที่มาส่งนะ”

“อะไรน่ะเงิน ขรรค์อยากรู้นะเนี่ย มองกันเต็มเลย แหนะ...ตอนนี้พากันยิ้มแล้วหัวเราะแปลกๆ ด้วย” ขรรค์สงสัยเพราะท่าทางของคนในโรงพยาบาลมันดูแปลกๆ ทั้งหัวเราะ ทั้งส่งเสียงกรี๊ด ทำเอาคนหน้านิ่งๆ แบบขรรค์ ทำสีหน้ามึนงงได้ดูตลกสุดๆ ขนาดคนรักอย่างเงินยืนหัวเราะด้วย

“ฮ่าๆ ก็ขรรค์ทำหน้าตลกอ่ะ”

“ตลกยังไง ก็ขรรค์สงสัยจริงๆ”

“ก็ทำหน้าเหมือนยักษ์ยืนงงนี่ไง ใครๆ เห็นก็ต้องหัวเราะทั้งนั้นแหละ พ่อหนุ่มร่างยักษ์” มือขาวเอื้อมไปบิดแก้มของขรรค์อย่างมันเขี้ยว

“ทำอะไรน่ะเงิน เดี๋ยวคนเข้าใจผิดหรอก”

“เข้าใจอะไรผิดล่ะ ไม่มีอะไรที่มันต้องผิดเลยนี่”

“เดี๋ยวเขาก็เข้าใจว่าเราเป็นแฟนกันหรอก”

“แล้วมันเข้าใจผิดตรงไหนล่ะขรรค์ เรื่องจริงทั้งนั้นนี่ เราสองคนเป็นคนรักกัน เป็นแฟนกัน ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องเข้าใจผิดหรอก”

“แต่มันจะเสียหายเงินนะ”

“เสียหายอะไร ก็มองดูรอบๆ สิ ไม่เห็นจะมีใครมองเราสองคนไม่ดีเลยสักนิด”

ร่างสูงหันมองดูรอบๆ อีกครั้ง คราวนี้สังเกตท่าทางและสายตาของคนรอบๆ พอเห็นรอยยิ้มแซวๆ ตัวเขาเองก็รู้สึกเริ่มเขินขึ้นมา หลบสายตา ก้มหน้ามองคนรักตัวเองเพราะไม่สามารถทนสายตาคนรอบข้างได้

“อายล่ะสิ”

“ขรรค์ขอตัวกลับก่อนนะ”

“รีบไปไหนล่ะขรรค์”

“กลับไปเตรียมงานแล้วก็คนงานลงสวนน่ะ”

“ฮ่าๆ ก็ไปสิ เงินไม่รั้งเอาไว้หรอกน่า”

“ไปก่อนนะครับ เดี๋ยวขรรค์มารับตอนเย็นนะ”

“อย่าลืมโทรมาก่อนล่ะ”

“ได้ครับผม จะทำตามอย่างเคร่งครัดเลย จะไม่ทำให้เงินต้องโกรธแล้ว สัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายเลยเงิน กระผมขอตัวนะครับ”

“คร้าบบบ”

ร่างโปร่งมองตามคนรักที่ก้มหน้าก้มตาออกจากอาคารไปอย่างเอ็นดูในความน่ารักที่มีแต่เงินเท่านั้นแหละที่มองเห็นขรรค์น่ารัก

ก็จะไม่น่ารักได้ยังไง คนตัวสูงโย่งขนาดนั้นเดินก้มหน้าเพราะต้องการหลบสายตาของคนทั้งโรงพยาบาล
“เมย์คิดว่าคงไม่กล้าเข้ามาอีกนานเลยล่ะค่ะหมอเงิน” เพื่อนร่วมงานเดินเข้ามาพูดกับหมอหนุ่มที่กำลังมองแผ่นหลังกว้างคนรักแบบไม่ยอมสนใจคนอื่น อิจฉาตาร้อนที่ได้ครอบครองสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยรักของเงิน

“ครับคุณเมย์ ผมก็คิดว่าอย่างนั้นแหละ ถ้าเจอก็อย่าไปแซวเขามากนะครับ ขรรค์ก็เป็นแบบนี้แหละ ขี้อาย ผมกลัวเขาจะไม่กล้ามาอีก”

“ได้ค่า เดี๋ยวเมย์จะกระจายข่าวไปให้ทุกคนให้ความร่วมมือเอง”

“ขอบคุณนะครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะ”

เงินที่กำลังอ่านเอกสารคนไข้อยู่หันมองหน้าจอโทรศัพท์ที่สั่นแจ้งเตือนว่ามีคนโทรเข้ามา คิ้วสวยขมวดแน่น แต่ปากก็ยิ้มนิดๆ

“ครับแม่”

(ไงตาเงิน ไม่ติดต่อแม่บ้างเลยนะ ลืมหรือยังล่ะว่ามีแม่มีลูกอยู่ทางนี้) พอลูกชายรับสายก็แขวะแทนการทักทายด้วยความรักความคิดถึงทันที

ไม่รู้ว่าเงินจะร้องไห้หรือหัวเราะดี

“สบายดีครับแม่ ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อไปเลยนะครับ ว่าแต่แม่กับน้องรักษ์เป็นไงบ้าง”

(แม่สบายดี แล้วรักษ์ก็สบายดี แต่แม่คิดว่าลูกคงคิดถึงพ่อมากๆ แล้วแม่เองก็อยากจะเจอลูกชายเหมือนกัน หายหัวเหมือนช่วงที่เรียนเลยนะ)

“แม่จะมาหาเหรอครับ”

(ใช่!! แม่จะไปหา อยู่ที่ไหนส่งที่อยู่มาให้แช่มด้วย มันจะได้ขับไปหาถูก)

“ได้ครับ” รับเสียงอ่อย

ในเมื่อเงินก็คิดถึงลูกชายและแม่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าแม่จะว่ายังไงเรื่องของขรรค์เหมือนกัน ตอนที่รู้ว่าเขาจะมาประจำที่นี่และบอกเหตุผลไปแล้ว แม่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร ไม่ได้ว่าอะไร แต่ก็ใช่ว่าจะยอมรับ

คงต้องเจอมรสุมลูกใหญ่อีกสักครั้งแล้วล่ะขรรค์

“วันไหนครับ”

(อีกสามสี่วันนั่นแหละ แต่เดี๋ยวจะโทรบอกอีกที)

เป็นคำตอบที่ไม่อยากจะได้ยินเท่าไหร่ แต่เงินก็ต้องยอมรับและหาวิธีรับมือกับแม่ของตัวเองไว้แต่เนิ่นๆ เพราะไม่รู้ว่าจะมารูปแบบยังไง...






100%

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

   กลับมาอัพแล้วค่า อ่านแล้วเม้นท์ด้วยนะคะ ^^

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 37
รินลณี อัครสิงหบดี





สองเท้าแกร่งเดินตรงไปยังสถานที่ที่เจ้าจอมโทรศัพท์ตามให้ไปพบเพราะมีแขกสำคัญอยากจะเจอ เจ้าของรีสอร์ทเลยเดินผ่านพนักงานไปในโซนรับรองลูกค้าที่ตอนนี้ถูกจัดไม่ให้ลูกค้าและพนักงานเข้าไปยุ่มย่ามเนื่องจากต้องใช้พูดคุยเรื่องสำคัญ

“ว่าไงเจ้าจอม ทำไมถึงเรียกพี่มาที่นี่ แล้วนี่กลับมาถึงตอนไหน ไม่ไปพักผ่อนก่อนล่ะครับ เดินทางมาเหนื่อยๆ” รามินทร์ที่พอเห็นหน้าน้องชายก็ไถ่ถามรัวเร็วอย่างเป็นห่วง จนร่างเล็กของเจ้าจอมต้องยิ้มให้อ่อนๆ แล้วตอบ

“จอมไม่เหนื่อยหรอกฮะ”

“ไหนแขกคนสำคัญของจอมที่อยากเจอพี่ล่ะ ใครกัน?”

หญิงสาวที่นั่งหันหลังอยู่อมยิ้มซึ่งเจ้าจอมบังเอาไว้เลยทำให้รามินทร์มองไม่เห็นว่ามีคนอื่นอยู่ตรงนี้ด้วย เขาเลยมองหา แต่ก็ไม่เห็นเลยมองหน้าเจ้าจอมงงๆ

“ก็คนนี้ไง” ว่าแล้วก็ขยับตัวออกไป หญิงสาวที่นั่งหันหลังให้ลุกขึ้นหันมาแล้วยิ้มหวานให้ รามินทร์อึ้งตัวแข็งทื่อ เย็นวาบไปทั้งกาย

“สวัสดีค่ะพี่ราม รินคิดถึงพี่รามมากๆ เลยค่ะ ไม่เจอกันนาน หล่อกว่าเดิมอีกนะคะ”

หมับ!!

ร่างกายแข็งแรงของเขาถูกน้องสาวแท้ๆ ที่เป็นดั่งดวงใจสวมกอดอย่างแน่นหนาสมกับความคิดถึงที่เธอมีต่อพี่ชาย หากแต่รามินทร์ก็ยังคงตกใจอยู่ ไม่คิดว่าจะได้เจอน้องสาวกระทันแบบนี้

“อะไรกัน ไม่คิดถึงรินเหรอคะ” เธอผละออกมาถามด้วยสีหน้าเง้างอด จนรามินทร์ต้องรีบปฏิเสธ คว้าตัวหญิงสาวมากอดอีกทีแทน

“ไม่ครับๆ พี่คิดถึงรินมากๆ แค่ตกใจนิดหน่อยที่โดนเซอร์ไพรส์น่ะ แต่พี่ดีใจมากเลยนะ ไม่เจอกันหลายปีน้องสาวพี่สวยขึ้นเป็นกองเลยนะเนี่ย แล้วก็แต่งตัวเรียบร้อยกว่าเดิมด้วย” ไม่รู้ว่าตัวเองดีใจจริงๆ หรือพูดไปให้น้องสาวสบายใจกันแน่ เพราะถ้าถามหัวใจตามจริงแล้ว

รามินทร์กล้ายอมรับในใจเลยว่า เขา ‘ไม่’ ดีใจเลยที่เห็นรินลณี น้องสาวของตัวเองในวันนี้ ทั้งๆ ที่เขาก็คิดถึงน้องสาวคนเดียวของเขามาโดยตลอดแท้ๆ

ถ้าอินทัชเจอ เขาต้องโดนมันเกลียดหนักกว่าเดิมแน่ๆ แค่คิดแบบนั้นก็หวาดกลัวจนมันออกทางสีหน้าหมดแล้ว เจ้าจอมกับรินลณีมองหน้ากันอย่างเห็นใจ แต่ก็สงสารคนที่โดนจับมาอย่างอินทัชเช่นกัน

“รินก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างสิคะ พี่ฟรองซัวเขาสอนรินหลายเรื่องมากๆ เลย จนไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถคิดและเปลี่ยนแปลงตัวเองได้”

“รินก็ไม่เห็นจะมีอะไรต้องเปลี่ยนแปลงเลยนี่ครับ น้องสาวพี่เป็นเด็กดีอยู่แล้ว”

หญิงสาวหน้าเสียไปเลยที่ตัวเองเคยแสดงละครตนอยู่กับพี่ชายและคนในครอบครัวมาโดยตลอด เธอทำเป็นเด็กไร้เดียงสา แต่ความจริงก็เจนโลก

“พี่รามคะ ความจริงแล้ว...ที่รินมาวันนี้ ไม่ใช่มาแค่เยี่ยมพี่รามอย่างเดียวนะคะ รินมาสารภาพความผิดของรินด้วย” รินลณีพูดบออกไป ใบหน้าและน้ำเสียงจริงจังมากจนรามินทร์สงสัย

“สารภาพ? สารภาพเรื่องอะไรครับริน น้องก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับพี่นี่ครับ”

“นั่งก่อนเถอะครับพี่ราม เดี๋ยวรอคนอื่นก่อนแล้วเราจะพูดเรื่องนี้พร้อมกันเลย” เจ้าจอมบอกเพื่อให้ทั้งคู่อย่าเพิ่งพูดคุยกัน เนื่องจากต้องรอคนสำคัญอีก

รามินทร์มองหน้าน้องสาวน้องชายสลับกันไปมา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดต่อ เขาก็จำยอมเดินไปนั่งโซฟา ข้างๆ มีน้องสาวนั่งอยู่ข้างๆ ร่างสูงปิดความสงสัยและความกังวลเอาไว้ไม่มิด เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกว่าเจ้าจอมกำลังจะทำอะไร

เพียงแค่เห็นสีหน้าและท่าทางของเจ้าจอมแล้ว รามินทร์ก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนที่เหลือน่ะมีใครบ้าง ตัวสำคัญของเรื่องน่าจะเป็นอินทัช...

“จอมคิดจะทำอะไร”

“จบเรื่องทั้งหมดครับพี่ราม พี่ควรรู้ความจริงเสียที จะได้ไม่ต้องเข้าใจพี่อินผิดๆ อีก แต่จอมบอกให้พี่เตรียมใจเอาไว้ก่อนนะกับเรื่องที่จะฟังต่อไปนี้ มันอาจจะน่าผิดหวังและเสียใจกับพี่มาก แต่ต้องสัญญากับเรามาก่อนว่าจะไม่โกรธไม่เกลียดเราสองคน” เจ้าจอมเองก็กังวลไม่แพ้กัน

เขาน่ะไม่เท่าไหร่ เพราะเจ้าจอมเปิดเผย จะเที่ยวก็บอกว่าเที่ยว จะคบกับผู้ชายคนไหนก็คบแบบไม่ปิดบัง แต่รินลณีนี่สิ ที่ปกปิด แสดงละครหลอกพี่ชาย พ่อกับแม่มาตลอดคงจะรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ในการเล่าเรื่องอยู่บ้าง แต่เธอก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะทำทุกอย่างให้ถูกต้อง

“มันเรื่องอะไรกัน?”

“เดี๋ยวก็รู้ครับ รอก่อน...อ๊ะ มาพอดีเลย” เจ้าจอมพูด

รามินทร์หันไปมองก็เจอกับร่างโปร่งบางของอินทัช ที่เดินมาพร้อมกับจักร ขรรค์ และหมอเงิน ทั้งสามคนเดินมานั่งที่โซฟาตัวที่เหลือ มีอินทัชกับหมอเงินที่นั่งตรงข้ามกับรามินทร์และรินลณี อีกสองคนก็นั่งกับเจ้าจอมไปกับโซฟาตัวยาว อินทัชมองหน้าหญิงสาวข้างกายของรามินทร์นิดหน่อยก่อนจะสบตากับรามินทร์อย่างต้องการจะรู้เรื่องราว

รามินทร์ เจ้าจอม รินลณีที่เห็นท่าทีของอินทัชก็ทราบได้ในทันทีว่าเจ้าของใบหน้าสวยหวานคนนี้ จำหน้าของรินลณีไม่ได้แม้แต่น้อย

จะพูดว่า ไม่มีอยู่ในเศษเสี้ยวความทรงจำด้วยซ้ำ

“มีอะไร ถึงเรียกให้มาพร้อมหน้าขนาดนี้” อินทัชถาม มาดที่ดูสง่า สุขุม ทำเอาทุกคนเริ่มรู้สึกขนลุก เพราะน้ำเสียงของอินทัชเหมือนจับอะไรบางอย่างได้ เพราะเจ้าตัวสังเกตใบหน้าของรินลณีอีกครั้งอย่างครุ่นคิด บ่งบอกว่าตนเริ่มคุ้นๆ กับใบหน้าแบบนี้แล้ว

แต่จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน

“เอ่อ คือ...” รินลณีอึกอัก ไม่กล้าสบตา เพราะครั้งหนึ่งเธอก็เคยเจอสายตาคู่นี้มองอย่างเชือดเฉือนมาแล้ว หญิงสาวมองหน้าเจ้าจอมอย่างต้องการความช่วยเหลือ ส่วนรามินทร์ก็นั่งนิ่ง ในใจกระวนกระวาย คิดหาทางออก หากว่าอินทัชจะโกรธจนอาละวาดออกมา

“พูดมาสิครับ เรียกพี่มา แสดงว่ามันก็ต้องเป็นเรื่องที่พี่ควรจะรู้ ฉะนั้นก็รีบพูดมาเถอะครับ จะมานั่งเงียบกันทำไม” อะไรบางอย่างดลใจให้อินทัชรู้สึกหงุดหงิดไปก่อนที่จะได้ฟัง

เจ้าจอมเรียกกำลังใจให้กับตัวเองก่อนจะตัดสินใจพูด

“ก่อนอื่นจอมต้องขอแนะนำผู้หญิงคนนี้ก่อนนะครับพี่อิน เธอเป็นน้องสาวของพี่ราม เป็นลูกพี่ลูกน้องกับจอม ชื่อของเธอคือ รินลณี อัครสิงหบดี”

กึก!!!

วาบ!!

ดวงตาหวานเบิกกว้างอย่างตกใจ หัวใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาจากอก เสียงที่พูดชื่อรินลณี ดังซ้ำๆ ไปทั้งหู จนไม่สามารถรับรู้เสียงอื่นได้ ร่างโปร่งนั่งตัวตรง แข็งค้าง จ้องหญิงสาวอยู่แบบนั้น สมองก็ประติประต่อเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่ตอนตอนแรก พอเริ่มเข้าใจเรื่องคร่าวๆ แล้ว อินทัชก็ปิดตาลงอย่างข่มอารมณ์ที่ประทุขึ้นมา สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จนเต็มปอดก่อนจะพ่นมันออกมาแรงๆ เพื่อระบายความโกรธ ความโมโหนี้

อินทัชจิกเล็บไปที่หน้าตักของตัวเองแรงๆ แม้ว่าจะมีกางเกงขวางกั้นอย่างระบายอารมณ์ตัวเอง ตอนนี้มันโกรธมาก โมโหมาก จนพูดอะไรไม่ออก มีคำพูดมากมายที่อยากจะตกคอกใส่รามินทร์ที่กำลังจ้องมองเขาอย่างรู้สึกผิด อินทัชหลบตาโดยการหันหน้าหนีไปทางอื่น รู้สึกแสบตาจนน้ำตาจะไหลออกมา หากก็พยายามหักห้ามใจเอาไว้ ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างก็พากันเงียบหมด ไม่มีใครกล้าปริปากพูดอะไรออกมา หากอินทัชไม่ยอมว่าอะไรออกมาสักคำแบบนี้

ที่ผ่านมา...มึงโดนแก้แค้น มึงโดนทำร้าย มึงโดนใช้งาน กูยอมรับชะตากรรมนั้นเพราะกูคิดว่ากูเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องสาวมันตาย แต่นี่มันอะไร!! น้องสาวของมันที่ชื่อเดียวกับคนที่มันบอกว่าตายทำไมถึงได้อยู่ตรงนี้ ทำไมถึงได้นั่งอยู่ตรงหน้ากูแบบนี้!!!

คิดในใจอย่างโกรธแค้น อารมณ์คุกรุ่นแทบจะประทุออกมา อยากจะผรุสวาทหยาบคายต่างๆ ออกมาให้มันสาแก่ใจที่โดนมันมันหลอกทำร้ายมาตลอด

“มึง...ต้องเหี้ยขนาดไหนวะราม ถึงทำแบบนี้ได้ น้องสาวมึงยังอยู่ดีมีสุข แต่ลากกูมา กักขัง ด่าทอ จิกหัวใช้ และย่ำยี...มึงต้องให้กูใช้คำไหนแทนตัวมึงดีรามถึงจะเหมาะสมกับความชั่วช้าที่มึงทำกับกู”

แม้ตัวประโยคจะดูเหมือนว่าอินทัชระเบิดอารมณ์เต็มที่ แต่ความเป็นจริงแล้ว น้ำเสียงของอินทัชดูระโหยโรยแรงราวกับคนจะขาดใจตายให้ได้ ทำเอาทุกคนมองหน้ากันอย่างแปลกใจกับการตอบสนองจากอินทัชที่ไม่เป็นไปตามที่คิด อินทัชนิ่งและระงับอารมณ์ได้ดีกว่าที่พวกเราคาด จนนับถือในความเข้มแข็ง แต่รามินทร์ที่รู้ดีว่าแม้น้ำเสียงของอินทัชจะไม่ได้น่ากลัว หากแต่ดวงตาแข็งกร้าวจนมันบาดลึกไปทั่วทั้งใจรามินทร์

“มึงจะให้กูทำยังไงที่มึงเอาน้องมาอ้างกับกูว่ากูเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องมึงตาย แล้วนี่อะไร วิญญาณเหรอไอ้ราม นี่วิญญาณของน้องสาวมึงใช่ไหม หรือว่ามึงมีน้องสาวชื่อรินลณีสองคน? หึ…มึงแม่ง ใจร้ายว่ะ” อินทัชยังคงพูดต่อ เสียงในประโยคสุดท้ายสั่นเครือสะท้านความรู้สึกจนทุกคนต้องหันหนี

ภาพของอินทัชที่พวกเขาเห็น แม้ว่าเจ้าตัวพยายามจะปกปิดมัน แต่มันก็ปิดไม่หมด ความรู้สึกเสียใจ เจ็บปวด ผิดหวัง โกรธ แค้น ไม่พอใจที่อินทัชกำลังมีตอนนี้ ไม่มีใครแข็งแกร่งขนาดที่ไม่ประทุออกมาได้หรอก อินทัชไม่อาละวาด ไม่ตะคอก ไม่เข้าไปต่อยไปเตะรามินทร์ ก็ใช่ว่าจะไม่อยากทำ หากแต่เขาก็คิดได้ว่าถ้าทำแบบนั้น อินทัชจะกลายเป็นคนคิดแค้นและต้องแก้แค้นอย่างที่รามินทร์เป็น

เขาจะไม่เป็นคนแบบรามินทร์เด็ดขาด

“กูขอโทษ ขอโทษนะอิน ขอโทษ” กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ รามินทร์ก็โดนสายกับคำพูดของคนที่เขารักทิ่มแทงจนอยากจะหายไปจากตรงนี้

“จริงๆ แล้ว เรื่องราวทุกอย่างมันเป็นความผิดของรินคนเดียวค่ะ คือ...เอ่อ คือว่า...ตอนนั้นรินเจ็บใจพี่อินมาก ไม่มีใครเคยทำแบบนั้นกับรินมาก่อน” รินลณีพูดขึ้นมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่ในที่สุด เธอก็จัดการเล่าทุกอย่างออกมาตามความเป็นจริง โดยที่เธอก้มหน้ามองมือที่บีบกันอย่างประหม่าของตัวเองระหว่างที่เล่าไปด้วย


เมื่อสามปีที่แล้ว

ในงานเลี้ยงจบการศึกษาของเหล่านักศึกษามหาลัย ร่างสูงโปร่งของอินทัช ชยอัมรินทร์ กับธีรไนย อมรไพพิจิตร กลายเป็นบุคคลที่น่าจับตามองที่สุดในค่ำคืนเพราะเป็นรุ่นพี่ที่จบไปแล้วมาร่วมงานเลี้ยงในฐานะของผู้ที่ประสบความสำเร็จที่ทางมหาวิทยาลัยอยากจะให้มาเป็นแรงกระตุ้นและกำลังใจให้กับนักศึกษาที่จบ

ด้วยหน้าตาและการแต่งกายที่ดูดีราวกับเทพบุตร สมมาดนักธุรกิจที่เป็นเศรษฐีตั้งแต่อายุยังน้อย แน่นอนว่าทั้งมหาวิทยาลัย ไม่มีใครไม่รู้จักสองคนนี้ ทั้งในเรื่องที่ดี และเรื่องที่ไม่ดี ทั้งคู่เดินขึ้นไปบนเวทีทีละคนเพื่อกล่าวอวยพรให้กับรุ่นน้องรวมถึงชักชวนให้ลองไปสมัครงานที่บริษัทของเจ้าตัวดูได้

“ครับ...ผมก็ขออวยพรให้พวกคุณที่จบการศึกษาแล้ว ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป เพราะการเรียนจบไม่ใช่การประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง สิ่งที่จะเรียกว่าประสบความสำเร็จคือพวกคุณต้องมีงานทำที่มั่นคง สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ไม่เดือดร้อน อยากไปไหนก็ไปได้ อยากไปเที่ยวก็ไปได้ และแน่นอนว่าพวกคุณต้องเจออุปสรรคที่หนักหนากว่าการเรียนอยู่อีกมาก ผมในฐานะรุ่นพี่ ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนก้าวต่อไป และต่อสู้กับมันไม่ว่าจะคุณจะเจอกับอะไรก็ตาม”

พออินทัชกล่าวจบแล้ว เสียงปรบมือก็ดังมาพร้อมกับเสียงกรี๊ดของสาวๆ ซึ่งก็พอๆ กับธีรไนยก่อนหน้านี้ที่ได้ความนิยมไม่แพ้กัน

ถึงช่วงที่เปิดเพลงให้เต้นรำ ก็มีหลายคนเดินเข้ามาขอให้อินทัชกับธีรไนยเป็นคู่เต้นรำให้ เพราะใครๆ ก็อยากจะเป็นคู่ควงของทั้งสองคนนี้มากๆ แม้จะเพียงไม่กี่นาทีก็ยินดีขอให้ได้คู่เต้นรำเป็นอินทัชหรือธีรไนยก็ได้ และพวกเขาตอบรับอย่างไม่ปฏิเสธ เพียงแต่คนหนึ่งเต้นด้วยได้ไม่นานต้องเวียนให้ครบเพราะมีเข้ามาเรื่อยๆ

“สองคนนั้นใครอ่ะแก”

“ห๊ะ!! ยัยริน นี่แกไม่รู้จักพี่อินกับพี่ธีร์เหรอ โลวมากอ่ะ”

“ก็ไม่รู้จักน่ะสิ สรุปเขาสองคนเป็นใครกันล่ะยะ” เธอเร่งเอาคำตอบจากเพื่อนสนิทสายตามองชายหนุ่มหน้าตาดีสองคนที่กำลังยืนพิงเคาน์เตอร์ดื่มไวน์แล้วก็คุยกันอยู่ ดูดีจนเธอมองด้วยสายตาแวววาว

“นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงไง ทั้งเก่ง ทั้งหล่อ ทั้งรวย คนหน้าสวยๆ นั่นชื่ออินทัช ชยอัมรินทร์ หรือพี่อิน อีกคนที่หล่อๆ ชื่อธีรไนย อมรไพพิจิตร หรือพี่ธีร์ นามสกุลดังพอไหมล่ะ ถ้าเคยเห็นตาทีวีแกก็จะรู้ว่าพวกพี่เขาดังขนาดไหน” เพื่อนสนิทของรินลณีตอบ ท่าทางของเธอยามพูดถึงดูเพ้อฝันมาก

“งั้นเหรอ หึหึ”

“แกคิดจะทำอะไรน่ะ”

“แกว่าสองคนนั้นใครคนไหนรวยกว่ากันล่ะ”

“ถามแบบนี้อย่าบอกนะว่า?”

“เป้าหมายไงล่ะ”

“นี่ยัยริน พี่เขาไม่ได้เคี้ยวง่ายๆ นะยะ ต่อให้เธอสวยหยาดฟ้าขนาดไหน แต่ถ้าเขาไม่ชอบก็คืออดนะจ้ะ”

“คนอย่างฉันไม่มีทางโดนปฏิเสธหรอกน่า” รินลดีตอบเชิดหน้าอย่างมั่นใจ ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางยิ้มหวาน ทำเอาเหล่าเพื่อนสนิทต่างพากันทำหน้าเอือมระอา

“มั่นใจเข้าไปเถอะ โดนปฏิเสธมาอย่ามาโวยวายนะ คนเยอะ ขายขี้หน้าเขา”

“เอ๊ะยัยนา เชื่อฉันเถอะน่า ตอบคำถามฉันได้หรือยัง”

“พี่ธีร์มีธุรกิจร้านเพชร เครื่องประดับแต่พี่ชายของพี่ธีร์บริหารอยู่ ตอนนี้พี่ธีร์โดนคุณเพลิงเอาตัวไปช่วยงานที่บริษัทตำแหน่งใหญ่โตอลังการเท่มากๆ ด้วย ส่วนพี่อินก็มีธุรกิจที่สืบทอดต่อจากครอบครัว เป็นผู้บริหารเต็มตัว บอกไว้เลยนะว่าใครรวยกว่าใคร ฉันเองก็ไม่รู้”

“ฉันเลือกได้แล้วว่าจะเอาคนไหนดี”

เธอว่าพลางเดินตรงไปทางที่อินทัชกับธีรไนย ความสวยสง่าของเธอทำให้คนทั้งงานต่างพากันมองเป็นตาเดียว ยิ่งเห็นว่าเธอตรงไปที่สองหนุ่มที่ฮอตที่สุดในงานก็ยิ่งหยุดยืนมองอย่างสนใจ

“หน้าแหกมาแม่จะหัวเราะเยาะเลยคอยดู”

“เออ ฉันคนหนึ่งนี่แหละที่จะช่วยหัวเราะ”

รินลณีเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของอินทัช เรียกความสนใจจากสองหนุ่มได้อย่างทันที สองหนุ่มอัธยาศัยดียิ้มโปรยเสน่ห์ให้กับหญิงสาวสุดสวยของเธอ

“มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” ธีรไนยถามขึ้น

“สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ!”

“คุณอินกับคุณธีร์ ฉันชื่อรินนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เธอยื่นมือไปหาธีรไนยก่อนจะยื่นมาจับอินทัช แต่ในจังหวะที่ปล่อยเธอแอบไล้ปลายนิ้วไปตามมือของชายหนุ่ม ดวงตาสวยจ้องมองเธออย่างรู้ทัน

“ฉันชอบคุณ เราลองมาคบกันดูไหมคะ”

อินทัชเลิกคิ้วนิดๆ ก่อนจะมองหน้าเธอแล้วไล่ตั้งแต่ผมจรดปลายเท้า ยอมรับว่าเธอเป็นคนที่สวยมาก แต่การที่เขาจะคบกันเป็นแฟน เขาต้องเลือกให้ดีที่สุด ซึ่งต้องใช้เวลานานมาก เพราะฉะนั้นข้างกายอินทัชถึงได้มีแค่คู่ควง

“ขอโทษด้วยนะครับแต่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จะคบกันเลยก็ไม่ได้ ยังไงก็แค่ลองเดทกันดูก็พอครับ” เขาปฏิเสธออกไปอย่างนุ่มนวล

แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความไม่พอใจและไม่ยอม มันเป็นการหักหน้าเธออยากเยือกเย็น ดูก็รู้ว่าเธอไม่เป็นที่สนใจของอินทัชเลยสักนิด

“เดทเหรอ ให้ฉันเป็นหนึ่งในคู่ควงน่ะเหรอ ไม่มีทางหรอก ฉันต้องเป็นที่หนึ่งเท่านั้น แล้วคนอย่างฉันไม่มีทางเป็นหนึ่งในสต็อกของใคร” เธอเชิดหน้าขึ้นกอดอกปรายตามองคนที่อินทัชเต้นรำด้วยอย่างเหยียดๆ

“งั้นคุณก็ต้องเป็นที่หนึ่งของคนอื่นแล้วล่ะครับ เพราะสำหรับผม ที่หนึ่ง...ต้องดีกว่านี้ ตอนนี้ผมก็ไม่ได้หาตัวจริงด้วย ยังอยากอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ” อินทัชบอออกไปด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มที่น่าฟัง หากแต่ประโยคที่กลั่นออกมาก็ทำให้หญิงสาวเต้นเร่าๆ ท่ามกลางสายตานับน้อยคนที่อยู่ในงานเลี้ยง

“รู้ไหมว่านายกำลังปฏิเสธใคร ฉันคือคุณหนูรินลณี อัครสิงหบดี เชียวนะ ไม่เคยมีใครปฏิเสธฉันแบบนี้” เธอโวยวายออกมาตามฉบับคุณหนูเอาแต่ใจที่ไม่เคยยอมพ่ายแพ้ต่ออะไรแบบนี้ ทุกคนต้องสยบแทบเท้าเธอ ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับเธอ...

อินทัชทวนนามสกุลในใจด้วยความไม่คุ้น

“ผมว่าคุณชักพูดจาไม่รู้เรื่องแล้วนะครับ”

“นายนั่นแหละที่พูดไม่รู้เรื่อง!! โง่มากที่ปฏิเสธฉัน หน้าตาก็ดีแต่ไม่มีสมอง”

อินทัชส่ายหน้าเอือมระอา แต่ก็ไม่ได้ต่อประโยคอะไรออกไป เพราะแค่นี้เธอก็ทำลายตัวเองไปมากพอแล้ว จากสายตาคนในงานที่มองเธอราวกับตัวน่ารังเกียจ

“คุณไม่อายหรือไง ทำแบบนี้เนี่ย” ธีรไนยถาม

“ฉันเหรอต้องอาย คนที่อายคือพวกนายมากกว่า”

“โรคจิตหรือเปล่าวะอิน” เขาหันไปถามเพื่อนรักอย่างกังวลใจ อินทัชก็ได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้เรื่อง หันหน้าหนีหญิงสาวแล้วยกไวน์ขึ้นจิบต่อ เสียงความไม่พอใจจากรินลณีได้อย่างดี จนเธอต้องระเบิดมันออกมา

“กรี๊ดดดดด!!!” เธอร้องกรี๊ดออกมาเสียงดังจนอินทัชหมดอารมณ์จะอยู่ต่อ

“กลับเถอะธีร์ กูเบื่อแล้ว”

“ก็ว่างั้น ขอตัวก่อนนะครับทุกคน”

อินทัชกับธีรไนยขอตัวกลับก่อนที่ทั้งคู่จะเดินคู่กันไปทางออกของห้องจัดงานเลี้ยงด้วยท่าทางที่สบายๆ ไม่ได้สนใจเสียงกรีดร้องของผู้หญิงอย่างรินลณีเลยสักนิด

“ฮ่าๆ ไม่อายเลยหรือยะที่กล้าประกาศว่าตัวเองเป็นคุณหนู ทั้งๆ ที่กิริยามารยาทต่ำตมสิ้นดี”

“ใช่ๆ ถ้ากลับบ้านไปแล้วอย่าลืมบอกให้พ่อแม่พาไปหาหมอดูนะ พบจิตแพทย์ดูว่ามีปัญหาทางไหนหรือเปล่า”

“อ้อ...แล้วอย่ามั่นใจให้มันมากนักนะหล่อน เธอก็ไม่ได้วิเศษวิโสมาจากไหนหรอก ไม่แปลกที่จะมีคนขัดใจ แล้วเรื่องที่พี่อินเขาปฏิเสธเธอน่ะ มันก็เหมาะสมแล้ว เพราะพี่เขา ควงพวกดาราสวยๆ โน่น ฮ่าๆ”

“สมน้ำหน้า อยากให้เจอแบบนี้มานานแล้ว”

 เสียงหัวเราะดังขึ้นไปทั่วทั้งห้องประชุมที่จัดงานเลี้ยง เธอมองคนในงานไปมาอย่างไม่พอใจและเจ็บแค้น ทั้งโดนปฏิเสธ ทั้งโดนหัวเราะใส่ ทั้งอายทั้งโกรธ จนต้องวิ่งหนีออกจากงานไป

“กรี๊ดดดดด!!!”

จำไว้เลยนะอินทัช ชยอัมรินทร์ โทษฐานที่ปฏิเสธฉัน โทษฐานที่คนของนายทำฉันอับอายในวันนี้ นายจะต้องชดใช้อย่างแสนสาหัส

เธอไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบหรอก เพราะคนอย่างรินลณีแค่รักสนุก อยากได้ใครก็ต้องได้ และเมื่อได้เห็นอินทัชเป็นครั้งแรกพอรู้ว่ารวยและดังเธอเลยสนใจ อยากชนะด้วย...







***************
มีต่อค่ะ

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
ตอนที่ 37 ครึ่งหลัง





 “ตั้งแต่เกิดมา รินชอบผู้ชายคนไหนก็ไม่เคยมีใครปฏิเสธรินเลยสักครั้ง บางทีแฟนของเพื่อนยังหันมาหาริน มันก็เลยทำให้รินได้ใจคิดว่าความสวยของรินจะทำให้พี่อินตอบตกลงเหมือนคนอื่นๆ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นไปตามที่คิด ตอนที่รินโดนปฏิเสธ รินยอมรับว่ารินโกรธมาก แค้นมาก ไม่พอใจมาก อยากจะเอาคืนพี่อินให้สาสม ไหนจะสายตาจากคนทั้งรุ่นที่มองอย่างเยาะเย้ยอีก รินรีบกลับมาบ้าน แล้วก็รอจังหวะที่พี่รามกลับมา ค่อยเริ่มทำเป็นจะฆ่าตัวตาย...”

สิ้นเสียงเล่าเรื่องราวของรินลณี ทุกคนตกอยู่ในอาการอึ้งยกเว้นเจ้าจอมกับอินทัชที่รู้ฤทธิ์เดชของรินลณีดี แต่คนอื่นๆ ที่เพิ่งจะได้ยินก็นิ่งค้างรู้สึกเหมือนถูกหลอกมาโดยตลอด

โดยเฉพาะรามินทร์ที่ตอนนี้ความรู้สึกต่างๆ มันประดังประเดเข้ามา จนไม่รู้ว่าเขาจะมองหน้าใครก่อนดีระหว่างอินทัชหรือรินลณี

“ริน...ท่ะ ทำไม” ร่างแกร่งเสียงสั่นเครือ ก้มมองพื้น ดวงตาสั่นไหว อยากจะร้องไห้ออกมา ทั้งผิดหวัง ทั้งเสียใจ ไม่อยากจะมองเลยว่าอินทัชกำลังมองตนด้วยสายตาแบบไหน

“รินขอโทษค่ะพี่ราม รินขอโทษ ฮึก รินผิดไปแล้ว พี่อินคะ รินขอโทษ ไม่ต้อง ฮึก ให้อภัยรินก็ได้ แต่รินขอแค่ได้ขอโทษและพี่รับรู้ ฮึก ว่ารินสำนึกผิดแล้วจริงๆ” หญิงสาวลงมานั่งคุกเข่าที่พื้น พนมมือไหว้พี่ชายสลับกับอินทัช เสียงสั่นๆ ปนสะอื้นของเธอทำให้รู้ว่าผู้หญิงแสนเอาแต่ใจ นิสัยเสียคนนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว

เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เปลี่ยนไปมากด้วย

อินทัชเองก็ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไร อะไรที่มันผ่านไปแล้ว ก็ปล่อยให้มันผ่านไป ไม่ต้องยื้อเรื่องราวให้มันนานไปกว่านี้จะดีกว่า

แล้วก็ไม่ต้องมารู้จักอะไรกินอีก...

“หึหึ มึงกับน้องค่อยเคลียร์กันทีหลัง ตอนนี้มึงมาเคลียร์กับกูก่อนไอ้ราม มึงไม่ต้องขอโทษ ไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ต้องไถ่โทษอะไรกูทั้งนั้น ในเมื่อมึงก็รู้ความจริงแล้วว่ากูไม่มีความผิดอะไรเลย มึงก็ควร...ปล่อยกูกลับบ้านได้แล้ว และมันจะเป็นไปตามสัญญาที่เราตกลงกันไว้เหมือนเดิม นั่นคือ...กูจะไม่เอาเรื่องมึงไปแจ้งตำรวจ ต่างคนก็ต่างอยู่”

เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ รามินทร์เงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาแข็งกร้าวของอินทัชด้วยความรู้สึกเจ็บปวด และรู้สึกใจหายกับความเย็นชาที่อินทัชกำลังแสดงอยู่

ที่มันไม่รู้สึกอะไรเลยก็เพราะว่ามันรู้ตัวตั้งแต่แรกที่ว่ามันไม่ได้ผิด แต่ที่อินทัชยอมให้เขาทำร้ายอยู่อย่างที่ผ่านมานั่นเป็นเพราะเขาโกหกว่าน้องสาวของตัวเองตายเพราะอินทัชเป็นต้นเหตุสินะ

ยิ่งคิดได้ ยิ่งได้รู้เหตุผล ร่างแกร่งก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมันชั่วช้าเกินกว่าที่จะได้รับการให้อภัยจากคนตรงหน้า แม้ว่าตัวเองจะอยากได้มันมากแค่ไหน แต่ก็คงไม่มีหน้าไปขอให้อินทัชอภัยให้ ในเมื่อสิ่งที่อินทัชเจอจากเขามันเลวร้ายเกินกว่าที่จะทำใจยอมรับมันได้

ยิ่งโดนกระทำไปแบบฟรีๆ โดยที่อินทัชไม่ได้ประโยชน์อะไรจากความไร้เหตุผลและความโง่ของรามินทร์เลย

“ก็ขอโทษ อิน กูขอโทษ”

“บอกแล้วไง...ว่ากูไม่ต้องการ สิ่งที่กูต้องการมีเพียงอย่างเดียว คือการที่ได้ออกไปจากที่นี่!!”

มันเป็นประโยคที่ตัดสินใจเด็ดขาดไม่มีความลังเล ไม่มีความอาลัยอาวรณ์ บ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ กับรามินทร์เลย ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกเกลียด มันว่าเปล่า ถึงจะดูแข็งๆ แต่มันก็ว่าเปล่า ว่างเสียจนรามินทร์ใจเสีย

อย่างน้อยถ้าอินทัชเกลียดเขา มันก็จะเป็นการตอกย้ำให้จดจำไปตลอดชีวิต แต่ถ้ามันว่างเปล่าแบบนี้ก็เหมือนกับว่า อินทัชพร้อมที่จะลืมรามินทร์ออกไปจากความทรงจำทันที

“พี่ราม...ไหนๆ ก็รู้ความจริงแล้ว ให้พี่อินกลับบ้านเถอะนะ” เจ้าจอมขอร้องด้วยอีกคน ไม่ได้รู้สึกถึงความรักที่รามินทร์มีต่ออินทัชเลยสักนิด

“นะคะ ฮึก รินขอโทษ แต่พี่รามปล่อยพี่อินไปเถอะ เขาไม่ผิดอะไร ฮือ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ คนที่ผิดคือริน รินคนเดียวเท่านั้น ฮือ...” รินลณีพูดเสียงสั่นพร้อมๆ กับสะอึกสะอื้นอย่างหนักไปด้วย

“อิน...” ครางชื่ออินทัชเสียงอ่อนแรง ใบหน้าสวยหันหน้าหนีสายตาที่รวดร้าวของรามินทร์เพื่อข่มจิตข่มใจไม่ให้ใจอ่อนกับดวงตานั่น

อินทัชเป็นคนขี้ใจอ่อนก็จริง แต่ก็เฉพาะกับคนสนิท คนในครอบครัว เพื่อน และคนพิเศษเท่านั้น กับรามินทร์...อินทัชไม่รู้ว่าอยู่ในสถานะไหนสำหรับตัวเอง แต่เขามักจะใจอ่อนบ่อยครั้งกับคนๆ นี้

“ปล่อยกูกลับบ้าน” ยังยืนยันความตั้งใจเดิม

“ขอโทษนะ...กูขอโทษ อย่าทิ้งกูนะ กูขอร้อง” เสียงสั่นเครือที่เริ่มจะควบคุมไม่ได้ของรามินทร์เรียกความสนใจจากทุกคนให้ไปมองใบหน้าหล่ออย่างแปลกใจ

เจ้าจอมกับรินลณีมองหน้ากัน หมอเงินกับขรรค์เองก็มองหน้ากันอย่างสงสัยด้วย เพราะระหว่างสองคนนี้มันมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป

“ราม...กูจะทิ้งมึงได้ยังไง” อินทัชว่าออกมาเสียงเรียบ เป็นประโยคที่เรียกรอยยิ้มปิติจากร่างสูงได้เป็นอย่างดี ก่อนจะหุบลงไปอย่างสิ้นหวังกับประโยคต่อมา “เพราะที่ผ่านมา...มึงไม่เคยมีกูอยู่แล้ว”

เจ็บกว่าตอนอกหักร้อยเท่า นั่นเป็นเพราะว่า ความรักครั้งนี้ เขาทำมันพัง ด้วยมือของตัวเอง...

“อิน...กูขอร้อง”

“ทีตอนกูขอร้อง อ้อนวอนไม่ให้มึง...” อินทัชนึกถึงความขมขื่นนั่นแล้วก็อยากจะน้ำตาไหลเลยได้แต่พยายามระงับมันไว้ไม่ให้ออกมา “ทำร้ายกู มึงก็ไม่เคยฟัง แล้วพอตอนนี้กูทำบ้าง...มึงคิดว่ากูจะให้มึงเหรอ จริงอยู่ที่ว่ากูไม่แก้แค้นมึงกลับ ไม่เอาเรื่อง แต่ก็ใช่ว่ากูจะให้โอกาสคนที่ทำร้ายกูเข้ามาในชีวิตได้อีก”

“มึงคิดว่ากู...อยากจะยอมรับเหรอว่าไอ้คนที่มันทำร้ายกูสารพัด คิดแบบนั้นกับกูจริงๆ”

“มึงจะด่าจะว่ากูเลวยังไงกูทนได้ กูรับได้ แต่มึงอย่าคิดว่าสิ่งที่กูรู้สึกกับมึงเป็นเรื่องที่เชื่อไม่ได้ เพราะไม่ว่าไอ้คนเลวคนนี้จะเคยโกหกมึง แต่กูก็ไม่เคยคิดจะเอาความรักมาพูดเล่น!”

พอจบประโยคนี้ทุกคนถึงกับอึ้ง มองรามินทร์เป็นตาเดียว...ขณะที่อินทัชเองก็ชะงักไปเช่นกัน ทั้งๆ ที่รู้อยู่ แต่ไม่ได้มั่นใจว่ามันจะจริงจังขนาดนี้...

“กูรักมึง...”

คำว่า ‘รัก’ เป็นคำที่มีค่า และเป็นสิ่งที่รามินทร์มอบให้กับคนที่ตัวเองรักจริงๆ เท่านั้น เกลียดคือเกลียด รักคือรัก แสดงออกตามที่รู้สึกจริงๆ

“ม่ะ ไม่จริงน่า” เจ้าจอมพึมพำเบาๆ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ริลณีเองก็ร้องไห้หนักเข้าไปอีก เอามือปิดปากระงับเสียงสะอื้น ทั้งอึ้ง ทั้งตกใจ สงสารพี่ชายแต่ก็เข้าใจอินทัช รักของสองคนนี้ไม่มีทางเป็นไปได้...ต่อให้รักมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางสมหวัง

“ฮึก...พ่ะ พี่ราม”

เจ้าจอมกับรินลณีรู้จักนิสัยของพี่ชายของตนดี ถ้ารักใครแล้วก็รักแบบทุ่มทั้งใจ ไม่เผื่อใจเอาไว้...แค่คิดถึงสภาพพี่ชายในวันที่ไม่อินทัชแล้ว ก็ได้แต่ทำใจ

มันเป็นเวรกรรม รามินทร์ทำอินทัชเจ็บปวด เสียใจก่อน ไม่แปลกที่รามินทร์จะโอนกรรมตามสนอง

“รักกูจริง...ก็ปล่อยกูไปสิ เรื่องแค่นี้ มึงคงทำได้ใช่ไหม” ร่างโปร่งต่อรอง

“กู...”

“ว่าไงล่ะ มึงทำได้ใช่ไหม!!”

“อิน...กูขอ...”

“กูไม่ให้!! กูจะไม่พูดอะไรกับมึงแล้วราม มึงไม่มีสิทธิทำอะไรกูแล้ว ไม่มีสิทธิกักขัง ไม่มีสิทธิแก้แค้น กูจะกลับบ้าน!!!” ตวาดเสียงดังขัดรามินทร์ที่กำลังจะขอโอกาสจากอินทัช

พรวด!!

ร่างโปร่งบางลุกขึ้นพรวดแล้วเดินออกจากตรงนี้ทันที รามินทร์ใจหายวาบมองตามร่างของอินทัชที่เดินจากไปด้วยความร้อนรน แต่ร่างสูงก็ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นเลยวิ่งตามออกไป

“อิน!! รอกูก่อน อย่าไปนะ” ร่างสูงตะโกนเรียก ยิ่งทำให้ร่างโปร่งด้านหน้าเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่ง

จนมาถึงล็อปบี้ของรีสอร์ท พนักงานกับลูกค้าต่างที่อยู่แถวนั้นก็พากับมองรามินทร์และอินทัชเป็นตาเดียวเมื่อคนตัวสูงกว่าวิ่งมาขวางหน้าหยุดร่างเล็กกว่าเอาไว้ ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงคุกเข่าลงที่พื้นแล้วกอดขาของอินทัชเอาไว้แน่นสร้างความฮือฮาให้กับคนที่ดูเหตุการณ์อยู่

หมับ!!!

“อย่าไปจากกู กูขอโทษ กูรักมึงนะอิน กูขอโทษ ฮึก” น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินออกมาอย่างไม่อายพนักงานและลูกค้าเลยสักนิด ใบหน้าสวยของอินทัชเรียบเฉยแต่ดวงตาก็ฉายแววเจ็บปวด ยืนนิ่งให้รามินทร์กอดเข่าตัวเองไว้อย่างนั้น

อินทัชรู้ดีว่าคนอย่างรามินทร์ไม่ก้มหัวให้ใครง่ายๆ แน่นอน เพราะมันคือศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย อินทัชเองก็เป็น แม้จะรู้สึกดีใจแต่ในความดีใจมันมีความเสียใจและเจ็บปวดอยู่มากกว่า...

และมันมากเกินไปที่ความดีใจจะเอาชนะได้

“กูรักมึง...ฮึก กูรักมึง”

รามินทร์พร่ำบอกรักปนเสียงสะอื้นของตัวเอง พนักงานทุกคนต่างมองภาพนี้อย่างสงสารเจ้านาย ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเห็นรามินทร์กอดเข่าใครแบบนี้

ต่อให้เป็นแฟนคนล่าสุดที่ทิ้งไปเมื่อหลายปีก่อนนั้น รามินทร์แค่ยืนมองดูเฉยๆ ไม่คิดจะรั้งเอาไว้อย่างที่รั้งอินทัช แต่ถ้าพนักงานรู้เรื่องราวความเป็นมาของพวกเขาก็จะรู้ว่าที่รามินทร์ยอมก้มหัวให้ เพราะตัวเองเป็นฝ่ายผิดเอง ผิดคนเดียว และเป็นการบอกว่า...คนนี้ คือคนที่รามินทร์ รัก...

‘รัก’ ที่มีให้อินทัชมากกว่าให้คนอื่นๆ ที่ผ่านมา อาจจะหมดทั้งหัวใจของรามินทร์เลยด้วยซ้ำ

“ปล่อยกู!”

“ไม่ปล่อย ถ้ากูปล่อย มึงก็จะทิ้งกูไป กูไม่ปล่อย กูไม่ยอมให้มึงไปไหนทั้งนั้น ฮึก อยู่กับกูนะอิน ให้โอกาสกู ไม่ต้องให้อภัยก็ได้ แต่ให้โอกาสกูได้แก้ไข ฮึก ได้แก้ตัวเองใหม่ นะ...”

ถามว่าอินทัชใจแข็งขนาดนี้เลยหรือที่เห็นผู้ชายที่แสนจะแข็งแกร่งเป็นเจ้านายของใครหลายๆ คนร้องไห้กอดขาเขาอยู่ เจ้าตัวขอตอบอย่างตรงๆ เลยว่าไม่...เขาไม่ได้ใจแข็ง แต่กลับกันแล้ว ร่างสูงบางใจอ่อนตั้งแต่มันตะโกนบอกว่ารักคำแรกแล้ว แต่ที่ทำแบบนี้ ก็เพื่อปกป้องตัวเอง จากความเจ็บปวดที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

ถ้าจะตัด ก็ตัดในตอนที่ตัวเองยังตัดได้...

ดีกว่าจะต้องถลำไปมากกว่านี้ จนทั้งเขาเองก็ไม่สามารถตัดใจได้

“ราม...ปล่อยกู”

“กูขอล่ะ กูขอนะอิน...สามวัน ฮึก สามวันก็ยังดี กูขอแค่สามวัน จากนั้นกูจะส่งมึงกลับบ้าน”

อินทัชยืนคิดอย่างลังเล เวลาสามวันอาจจะดูน้อย แต่มันก็ไม่น้อยเลยถ้าหากอินทัชต้องอยู่ร่วมกับรามินทร์ที่ต่อให้มันใจร้าย โหดร้ายกับเขามากแค่ไหน แต่ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ หัวใจของอินทัชก็ไม่เคยเต้นได้ถูกจังหวะเลยสักครั้ง มันตื่นเต้น มันหวั่นไหวทุกครั้งที่ใกล้กัน แม้จะเจ็บใจแค่ไหนที่รู้สึกแบบนี้กับคนที่ใจร้ายกับตัวเอง

แล้วแบบนี้...เวลาสามวัน เขาจะทนใจแข็งได้ยังไง จะทำได้เหรอ...

แล้ววันที่เขาต้องไปจริงๆ อินทัชจะไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ...

“ได้...กูให้มึงสามวัน”

สุดท้าย...ความต้องการของหัวใจก็เอาชนะความคิด เพราะถ้าเขายืนกรานจะกลับไป มันก็ได้...รามินทร์ไม่มีสิทธิที่จะไม่ยินยอม ไม่มีสิทธิเหนี่ยวรั้งหรือบังคับเขาให้อยู่ หากว่าเขาจะไป เขาก็ต้องได้กลับไป

แต่อินทัชเลือกที่จะให้เวลาสามวันนี้กับรามินทร์ และให้เวลากับตัวเองด้วย...

“ขอบคุณนะ ฮึก ขอบคุณ กูสัญญา สามวันนี้ กูจะทำให้มึงมีความทรงจำดีๆ กลับไปด้วย กูจะไม่ให้มึงลืมเรื่องระหว่างเรา ต่อให้มันเป็นเรื่องร้าย เรื่องดี กูก็อยากให้มึงจำเอาไว้ จำเอาไว้ในทุกๆ เรื่อง และกูเองก็จะพยายามทำให้เรื่องดีๆ มีมากกว่าเรื่องร้ายๆ ในสามวันนี้ให้ได้ อย่างน้อยกูจะได้มีส่วนดีในความทรงจำของมึงบ้าง” น้ำเสียงของรามินทร์ยังคงสั่นเครือและสะท้อนความเสียใจเจ็บปวด หากแต่ดวงตากลับมีประกายความหวังเต็มเปี่ยม

และรามินทร์จะจำเอาไว้ ว่าคนอย่างเขาที่เคยลั่นวาจาเอาไว้อย่างหนักแน่นว่าไม่มีทางจะรู้สึกกับอินทัชไปมากกว่าคำว่าเกลียดที่สุมอยู่เต็มอก จะไม่ยกระดับอินทัชให้เป็นอย่างอื่นนอกจากศัตรู...วันนี้กลับต้องกลืนน้ำลายตัวเอง

เพราะดันหลงรัก...อินทัชสุดหัวใจ

“ขอบคุณ...กูรักมึงนะ”

ร่างบางยืนนิ่งดวงตาเหม่อมองไปด้านหน้าไม่มีจุดหมาย ปล่อยให้ร่างแกร่งกอดขาเอาไว้แบบนั้น ใบหน้าที่เดาไม่ได้ว่ากำลังคิดอะไร ดวงตาที่แสนว่างเปล่า แต่ใครจะไปรู้นอกจากตัวของอินทัชเอง ว่าในใจตอนนี้รู้สึกยังไง รู้สึกแบบไหน

สามวันสุดท้ายนี้...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อินทัชยินดียอมรับผลในการตัดสินใจของตัวเอง

หากแม้มันจะเจ็บปวด...แต่ก็อยากให้มันจบด้วยดีเถอะ



เจ้าจอม จักร หมอเงิน ขรรค์ และรินลณียืนมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้ที่เห็นใจ ยอมรับว่าสภาพของรามินทร์ที่ทิ้งทุกศักดิ์ศรีกอดขาของอินทัชมันไม่ใช่สิ่งที่น่ามองนัก ไม่แน่ว่าอินทัชจะรู้สึกสมเพชด้วยซ้ำ

“พี่ราม...” เจ้าจอมไม่มีความรู้สึกอยากสมน้ำหน้าหรือซ้ำเติมอย่างที่เคยคิดเอาไว้เลยสักนิด แต่เห็นใจ สงสารพี่ชายที่ตนรักและเคารพจนไม่อาจห้ามน้ำตาของตัวเองได้ หันไปกอดร่างหนาของจักรแน่น เช็ดน้ำตากับเสื้อของร่างสูง จักรเองก็รู้สึกเวทนา แต่ก็เข้าใจเพื่อนอย่างอินทัช เลยทำได้แค่เป็นฝ่ายกลาง ปล่อยให้พวกเขาจัดการเรื่องของตัวเองไป

“คุณจอมครับ...อย่าร้องไห้เลยครับ” ปลอบประโลมด้วยสุ่มเสียงที่อ่อนโยน มือหยาบกร้านลูบเบาๆ ที่กลุ่มผมนุ่ม โอบรัดร่างสั่นเทาของเจ้าจอมเอาไว้อย่างเห็นใจ

“ฮึก...เป็นเพราะริน เพราะความเลวของรินเอง ฮือ...ถ้ารินไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น ฮึก พี่รามก็ไม่ต้องมาเป็นแบบนี้” หญิงสาวตำหนิต่อว่าตัวเองทั้งน้ำตา

เพราะเรามีกันอยู่สองคนพี่น้อง รามินทร์รักน้องสาวมากขนาดไหน รินลณีรู้ดี รักมาก ขนาดที่บางครั้งเธอเป็นฝ่ายผิด รามินทร์ยังเป็นคนเดียวที่คิดว่าน้องตัวเองถูกเสมอ ถ้าน้องสาวบอกว่าตัวเองไม่ได้ทำ ไม่ได้ผิด รามินทร์ก็เชื่อว่าเป็นแบบนั้น...

“คุณรินครับ เรื่องในอดีตมันผ่านมาแล้ว ต่อให้เรานึกย้อนกลับไป จะเสียใจแค่ไหนก็ไม่ช่วยให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหรอกนะครับ ทางที่ดีลืมมันแล้วทำปัจจุบันให้ดีที่สุดครับนะครับ ผมเชื่อว่าอินเองก็ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรคุณรินหรอก อินเขาเป็นคนที่ดีมีเหตุผล” หมอเงินพูดขึ้น น้ำเสียงนุ่มทุ้มเกลี้ยกล่อมให้รินลณีโอนอ่อนได้ไม่ยาก เธอมองหน้าหมอเงินทั้งๆ ที่สะอื้นไห้อยู่แบบนั้น แม้ว่าจะไม่รู้จักแต่รินลณีรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่าเชื่อถือ

“ฮึก...ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

“อย่างที่เงินพูดแหละครับคุณริน อินเป็นคนดี รอให้อารมณ์เย็นกว่านี้คุณรินก็ลองเข้าไปคุยดูได้นะครับ อินเป็นคนให้โอกาสคน” ขรรค์เองก็พูดต่อในสิ่งที่ตัวเองรู้และเคยสัมผัสมันมาจากอินทัช

ถ้าหากอินทัชไม่ใช่คนที่ให้โอกาสคนล่ะก็ ไม่ยอมตกปากรับคำขอของรามินทร์อยู่ทุกครั้งไปแน่ๆ

“จริงหรือคะพี่ขรรค์”

“จริงสิครับ”

“แต่รินไม่มีปัญหาหรอกนะคะถ้าพี่อินจะไม่ให้อภัย รินอยากให้พี่รามกับพี่อินเข้าใจกันมากกว่า รินสงสารพี่ราม ฮึก หลังจากคุณแม่เสีย รินไม่เคยเห็นพี่รามร้องไห้เลยสักครั้ง”

“มันก็ต้องเป็นเรื่องของทั้งสองคนน่ะครับ เราคงเข้าไปยุ่งไม่ได้” เงินบอกอย่างจนใจ

มันเป็นเรื่องของรามินทร์กับอินทัช พวกเขาสองคนอยากจะให้มันเป็นแบบไหน มันก็ขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจของอินทัชคนเดียวเท่านั้น...

“รินสงสารพี่รามจัง แต่ก็เข้าใจพี่อินด้วย ถึงแม้ว่ารินจะไม่ได้รู้ ไม่ได้เห็น แต่เท่าที่ฟังจากจอมพี่รามทำไว้กับพี่อินได้ร้ายกาจมาก”

รินลณีเสียใจที่ทำให้พี่ชายที่แสนดีของตัวเองต้องมาทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้

“แค่คิดถึงตัวเองเมื่อก่อน รินยังรู้สึกรังเกียจตัวเองอยู่เลย” หญิงสาวพึมพำเบาๆ แล้วหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาหลังจากลืมมันไปนานแล้ว

ที่รินลณีเล่าออกไปมันก็แค่ส่วนหนึ่งจากหลายๆ ส่วนที่รินลณีเคยเป็น ทั้งเที่ยวกลางคืน นอนกับผู้ชาย ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เอาแต่ใจตัวเอง แฟนของคนอื่นตัวเองก็ยังแย่งมาแม้แต่แฟนของเพื่อนก็ไม่เคยยกเว้น รินลณีไม่เคยมีเพื่อนที่คบกันอย่างจริงใจเลยสักคน เพราะนิสัยร้ายกาจของตัวเอง

พอไปฝรั่งเศสเธอก็ยังทำเหมือนเดิมจนได้เจอกับฟรองซัวคนรักของเธอเอง ในตอนนั้นเธอก็แค่อยากจะได้เพราะฟรองซัวก็เป็นทายาทธุรกิจใหญ่ในยุโรป หน้าตาหล่อ ใครๆ ก็อยากเป็นคนรัก รินลณีก็เลยเข้าไปหาอย่างมั่นใจ และโดนปฏิเสธเป็นครั้งที่สอง แปลกที่ว่าครั้งนี้เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บใจอะไร แต่มันรู้สึกว่าต้องก้าวข้ามไปให้ได้ เลยทั้งตื๊อตามตอแยสารพัด ทำตัวร้ายกาจกับผู้หญิงที่เข้าหาฟรองซัวทุกคน โดนฟรองซัวด่า ว่า และสอนอยู่เสมอ เธอเริ่มคิดตามที่ฟรองซัวสอนเธอ แล้วค่อยๆ ปรับตัวเองทีละเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยว การแต่งตัว คำพูดคำจา แล้วก็การจริงใจกับเพื่อนๆ

จากที่อยากจะเอาชนะ มันได้กลายเป็นความรักแบบไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีรินลณีก็รักไปหมดทั้งใจแล้ว แต่พอความคิดตัวเองเปลี่ยนไป คิดได้ว่าที่ผ่านมาเธอทำตัวแบบไหน เธอก็รู้สึกว่าตัวเองมันไร้ค่า สกปรกเกินกว่าจะเข้าใกล้ผู้ชายที่แสนดีอย่างฟรองซัว รินลณีหลบหน้าหลบตาฟรองซัวได้ง่ายดายเพราะเธอกับเขาเรียนกันคนละคณะอยู่แล้ว ที่ผ่านมาเธอก็เป็นฝ่ายไปหาฟรองซัวตลอดไม่เคยมีสักครั้งที่ฟรองซัวจะสนใจเธอ รินลณีไม่เคยอยู่ในสายตาของฟรองซัว

จนกระทั่งเรียนจบเธอก็ไปสมัครงานที่บริษัทใหญ่แห่งหนึ่งเพราะไม่อยากใช้เงินของพี่ชายแล้ว อยากจะทำงาน ยืนหยัดด้วยตัวเองบ้าง เธอสมัครเข้าไปในตำแหน่งเลขาฝึกหัดของรองประธานเพราะสิ่งที่เธอเรียนมามันสอดคล้องกับสิ่งคุณสมบัติที่บริษัทต้องการพอดี เธอต้องผ่านการสัมภาษณ์ถึงสามด่าน ด่านแรกคือผู้จัดการฝ่ายบุคคล ด่านที่สองคือเลขาของรองประทาน และด่านสุดท้ายคือรองประธาน รินลณีมีความสามารถในการพูด การตอบคำถามที่ฉะฉาน เลยมาถึงด่านสุดท้ายได้พร้อมกับอีกสองคนที่ผ่านมาเหมือนกัน แต่ว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้ เหมือนฟ้ากลั่นแกล้งหรืออาจเป็นพรหมลิขิต รองประธานบริษัทคือคนๆ เดียวกับฟรองซัวคนที่เธอรัก รินลณีตัดสินใจที่จะสละสิทธิ์ ไม่ขอสัมภาษณ์ต่อ แต่กลายเป็นว่า ฟรองซัวเลือกเธอทันทีโดยไม่ทันจะให้สัมภาษณ์อะไรเลย และไม่ให้ปฏิเสธด้วย

ตลอดการทำงานอยู่ที่บริษัทกับฟรองซัว เธอไม่เคยทำอะไรเกินเลย ตั้งใจเรียนรู้งานจากเลขาอีกคนของรองซัวเป็นอย่างดี ทำเหมือนไม่รู้จัก ทำเหมือนเป็นแค่พนักงานกับเจ้านาย และยิ่งมีคนจีบเธอมากขึ้นทุกๆ วัน จนฝ่ายชายที่ทนไม่ไหวเอง สารภาพว่ารักรินลณีมานานแล้ว เธอดีใจแต่ก็ปฏิเสธเพราะเธอมันสกปรกเกินไป ฟรองซัวเองก็ยกเหตุผลมาแย้งว่าตัวเองก็ผ่านผู้หญิงมาเยอะเหมือนกัน ถ้าสกปรกก็สกปรกกันทั้งคู่ เธอจำได้ว่าวันนั้นคือวันที่รินลรีมีความสุขที่สุด

“แต่วันนี้พี่ชายเสียใจ”

รินจะกล้ามีความสุขต่อไปหรือคะ...







100%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:


   กลับมาแล้วค่า ขอโทษที่หายไปนานนะคะ ยูกิติดเรียนแล้วก็ต้องเก็บชั่วโมงฝึกงานภายในอีก แต่ตอนนี้ยูกิแวบมาได้แล้วค่า อ่านแล้วเม้นท์ให้กันด้วยนะคะ ยูกิลงให้เต็มตอนแบบไม่ตัดครึ่งแรก ครึ่งหลัง เพื่อเป็นการไถ่โทษนะคะ แล้วเจอกันค่า

   ฝากเพจค่า  https://www.facebook.com/sawachiyuki/

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
สามวันหรอ
มันจะเป็นยังไงนะ สามวันนี้
โอ๊ยยย ให้ตายเหอะ ปวดแปร๊บบบบบที่อก
หน่วงมากกกกกกก
#มาม่าชามโตๆ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
หวังว่าเวลา 3 วันจะมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกันนะ

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
 :katai4: :katai4: :katai4:  โอ๊ย..ลุ้น..อนากอ่านต่อแล้วค่.. :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
เห้อ~
สงสารก็สงสารนะ แต่อิรามมันก็ทำกับอินไว้เยอะ
ก็ต้องยอมรับผลของการกระทำไปซะแก

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
หายคิดถึงเสียที รอมานาน
แต่พอมา ก็บีบคั้นหัวใจซะ
 :o12: :o12:

ออฟไลน์ mam.nalok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สงสารรามมม อ่านแล้วใจสั่นเลย อินอย่าใจแข็งเลยนะ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :mew5: มาม่าชามโตกันเลยทีเดียว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด