Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=  (อ่าน 228789 ครั้ง)

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
อื้อหืออออ เอาเว้ยยย
ใครจะเซไปก่อนกัน
คนที่รุกเต็มที่อย่างราม
หรือคนที่วิ่งหนีเต็มที่อย่างอิน
#ตอนนี้โฟกัสรามอินทร์ จนขรรค์เงิน จักรจอมหลุดออกจากเราไปเลยอะ 55+

ออฟไลน์ we.jinkyu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เศร้าไปอีกคู่อื่นลงตัวไปหมดแล้วนะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 41
ความจริงที่ต้องยอมรับ






รุ่งเช้าวันต่อมา อินทัชตื่นขึ้นมาสูดอากาศในยามเช้าแทนที่จะตื่นมาทำงานเหมือนแต่ก่อน เพราะตอนนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจะทำ และไม่ควรจะทำตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ อินทัชเดินไปเรื่อยๆ บรรยากาศของรีสอร์ทที่นี่มันเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ทุกที่มีดอกไม้ ต้นไม้ หญ้า เขียวชอุ่มทั่วรีสอร์ท ยิ่งในตอนเช้าถ้าได้ออกมาเดินเล่นแบบนี้จะทำให้รู้สึกปลอดโปร่งมาก เพราะธรรมชาติทำให้อินทัชรู้สึกสดชื่น

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณอิน” คนงานที่เดินผ่านเขาทักทายอย่างสุภาพ ทั้งๆ ที่ผ่านมาเรียกไอ้ด้วยซ้ำเวลาจะใช้งานเขา แต่ดูเหมือนว่าเรื่องที่รามินทร์คุกเข่ากอดขาแล้วร้องไห้รั้งเขาเอาไว้จะกระจายไปทั่วทั้งรีสอร์ท จนไปถึงหูคนข้างนอกแล้วเรียบร้อย

ไม่แปลกอะไรที่พวกคนงานจะให้ความเคารพอินทัช เพราะขนาดเจ้านายของพวกคนงานยังนั่งลงกอดขาอินทัชเลย...แล้วคนงานอย่างพวกเขาจะกล้าหือกับอินทัชหรือไง ใครที่เคยเรียกไอ้ เคยด่า เคยจิกหัวใช้ก็เปลี่ยนท่าทีกับอินทัชหมด แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่อินทัชจะต้องรู้สึกแปลกๆ อะไร

ที่ผ่านมาเขาก็มักจะได้รับความเคารพมาโดยตลอด จากลูกน้อง พนักงานในบริษัท

“อรุณสวัสดิ์ นี่กำลังจะไปไหนเหรอ?” ทักทายและสอบถามอย่างจริงใจ อินทัชแยกแยะออกว่าลูกน้อง คนงานของรามินทร์ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย ที่โดนด่า โดนใช้ ต้นเหตุก็มาจากเจ้านายทั้งนั้น พวกเขาก็ทำไปตามหน้าที่โดนสั่งมา

“ไปรดน้ำต้นไม้ครับ แล้วคุณอินจะเดินไปไหนครับ”

“ผมมาเดินเล่นน่ะ อากาศมันดี ที่ผ่านมามัวแต่ตื่นมาทำแต่งาน เลยไม่ได้มาเดินสบายๆ แบบนี้เลย” อินทัชตอบพลางส่งยิ้มหวานให้กับคนงานที่ยืนคุยกับเขาอยู่ เล่นทำเอาชายคนนั้นถึงกับยิ้มดีใจที่อินทัชยังเป็นกันเองกับตนอยู่

แม้ว่าเรื่องสาเหตุการจับตัวอินทัชมาจะเป็นความลับอยู่ แต่ทุกคนก็เข้าใจเอาเองว่ารามินทร์เข้าใจผิดว่าอินทัชมีชู้ พอรู้ความจริงก็เลยเสียใจ ร้องอ้อนวอนไม่ให้อินทัชไป ร่างโปร่งเองก็ไม่อยากจะแก้ข่าวอะไรด้วย อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากให้รามินทร์หมดความศรัทธาจากลูกน้อง

อยากจะเข้าใจยังไงก็ปล่อยไป เพราะพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะอยู่ที่นี่ และจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก

“ครับ อากาศตอนเช้าที่นี่ดีมากๆ เลย เวลาลูกค้ามาเที่ยว มาเข้าพักถ้าไม่ตื่นมาตอนเช้าก็จะพลาดบรรยากาศดีๆ แบบนี้ด้วยครับ”

“ผมก็คิดแบบนั้นครับ ยังไงไม่รบกวนเวลางานของพี่ดีกว่า ผมจะไปเดินต่ออีกหน่อย”

“ครับ ถ้ามีอะไรจะเรียกใช้ก็เรียกได้เลยนะครับ”

“ขอบคุณครับ” อินทัชยิ้มให้ ทำเอาคนงานคนนั้นถึงกับยิ้มอย่างดีใจที่ทำให้อินทัชยิ้มให้

เพราะความเข้าใจผิดคิดว่าอินทัชเป็นคนรักของรามินทร์ ก็อยากจะทำให้ผู้เป็นเหมือน ‘เจ้านาย’ อีกคนพึงพอใจมากที่สุด ไม่แน่ว่าอาจจะได้เลื่อนตำแหน่งหรือได้รับรางวัล...

ร่างสูงผอมเดินไปสูดอากาศยามเช้าต่อ จนเจอเข้ากับเพื่อนตัวสูงของเขาที่ตอนนี้กำลังยืนเหม่ออยู่ จนอินทัชต้องแอบยืนสังเกตท่าทางไปก่อน จักรมองไปบนฟ้า ดูด้านข้างอินทัชก็รับรู้ได้ว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกเศร้ามากขนาดไหน มันต้องมีเรื่องอะไรที่ไม่บอกเขาแน่ๆ

“จักร...”

“ไอ้อิน มาตั้งแต่ตอนไหนวะ” จักรหันมาถามอินทัช

“นานแล้ว นานพอที่จะเห็นมึงยืนทำหน้าเศร้า ถอนหายใจเป็นร้อยครั้งนั่นแหละ มีเรื่องอะไร เล่ามา แล้วห้ามสะเออะโง่โกหกกูว่าไม่มีอะไร เพราะสีหน้ามึงมันออกทุกอย่าง” อินทัชบังคับแล้วก็พูดดักร่างสูงกว่าทุกทาง ทำเอาจักรทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลบสายตาของอินทัชที่มาถึงก็ซักเอาซักเอา

“อย่าเงียบหนีดิวะ เกี่ยวกับน้องจอมหรือไง”

“อือ...ประมาณนั้น”

“ทำไม? น้องจอมไม่รับรักมึง?”

“เปล่า? คุณจอมกับกูเราคบกันแล้ว”

อินทัชยิ้มออกมาที่ได้ยินแบบนี้ แต่จะว่าไปแล้วเขาก็ไม่ค่อยได้สังเกตเรื่องของชาวบ้านเขาหรอก มัวแต่เอาตัวเองให้รอดอยู่...

“แล้วอะไรที่เป็นสาเหตุที่ทำให้มึงมายืนเศร้าอยู่ตรงนี้”

“เอ่อ...คือ”

“กูช่วยมึงได้ทุกอย่าง มึงก็รู้นี่ เพราะฉะนั้นก็ว่ามา” ร่างโปร่งกอดอกทำหน้าเรียบนิ่ง รอฟังเพื่อนสารภาพออกมา แต่จักรเองก็ไม่ได้เป็นคนที่ฉลาดนักเลยคิดจะเปิดเผยกับเพื่อนคนนี้ดีกว่า อย่างน้อยเขาก็อาจจะมีทางออกอื่น

“อิน...กูแอบไปได้ยินคุณจอมคุยโทรศัพท์กับพ่อของเขา ทะเลาะกันด้วยนะมึง แล้วก็มีชื่อกูในการสนทนานั่นด้วย” อินทัชทำท่าทางสนอกสนใจขึ้นมาทันที เลยถามต่อว่า

“น้องจอมพูดแบบไหน”

“คุณจอมพูดประมาณว่า ยังไงก็จะคบกับกู ถึงกูจะจน แต่อยู่กับกูแล้วคุณจอมมีความสุข แล้วจากนั้นคุณจอมก็โมโหใส่พ่อ ก่อนจะตัดสายไปว่ะ”

“อืม...” อินทัชลูบปลายคางอย่างใช้ความคิด “กูคิดว่า...พ่อของน้องจอมต้องไม่ยอมให้มึงคบกับน้องจอมแน่ๆ”

“กูรู้ มึง...กูไม่ได้โง่ขนาดนั้น”

“รู้เว้ย แค่สันนิษฐานข้อแรกก่อน แล้วมึงรู้ไหมว่าสาเหตุที่พ่อของน้องจอมไม่ยอมให้มึงคบกันเพราะอะไร” จักรส่ายหน้าเป็นคำตอบ ทำเอาอินทัชถึงกับถอนหายใจอย่างหน่ายใจ

“ก็กูไม่รู้ มึงอย่าทำเป็นเบื่อกูได้ไหม”

“จากที่กูฟังที่มึงบอกเมื่อกี้นะ ในกรณีที่พ่อแม่ไม่ยอมให้คบกันคือ หนึ่ง...เป็นเพศเดียวกัน สอง...คนที่ลูกคบด้วยจนกว่า สาม...ไม่ดีพอสำหรับลูกของเขา สำหรับน้องจอมตัดข้อแรกออกได้เลย พ่อกับแม่ต้องรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าลูกชายไม่ได้ชอบผู้หญิง บังคับยังไงก็บังคับไม่ได้แน่ๆ แล้วจากที่มึงบอกว่าน้องจอมพูดกับพ่อว่า ถึงมึงจะจน แต่เขาก็มีความสุขใช่ไหม นั่นก็น่าจะเป็นข้อสองกับข้อสาม...พ่อของน้องจอมไม่อยากให้มึงคบกับน้องจอมเพราะว่ามึงจน ไม่มีอะไรเหมาะสมกับน้องจอม...”

จักรไม่มีอารมณ์มาชื่นชมความฉลาดของอินทัชหรอก เพราะสิ่งที่อินทัชพูดออกมามันก็ถูกหมดทุกอย่าง เขาไม่มีอะไรดี ไม่มีอะไรคู่ควรกับเจ้าจอม...ในภายภาคหน้าก็จะพาเจ้าจอมไปลำบากกับตัวเองเปล่าๆ คิดแล้วเจ็บใจที่ฟ้าต้องกลั่นแกล้งให้เขามารักเจ้าจอมด้วย ทำไมต้องให้เจ้าจอมเกิดมาสูงส่งกว่าเขาด้วย

“มึงจะทำหน้าเศร้าไปทำไม หรือว่ามึงคิดถอดใจจะปล่อยมือน้องจอม?” อินทัชเลิกคิ้วถาม หากแต่ร่างสูงกว่ากลับไม่ตอบแต่เสหน้าหนีไม่สู้สายตา นั่นทำเอาอินทัชถึงกับโกรธขึ้นหน้า ตบเข้าที่ศีรษะของเพื่อนแรงๆ

“โอ๊ย!! กูเจ็บนะไอ้อิน”

“อย่าขี้ขลาดนะไอ้จักร อย่าทำให้น้องจอมเสียใจ ผิดหวังที่เลือกฝากชีวิตไว้กับมึง มึงอย่าขี้ขลาดเหมือนไอ้ขรรค์ที่มันหนีหมอเงินมาสามปีนะ” ยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่จักรรู้เรื่องของขรรค์เจ้านายที่อายุน้อยกว่าตนกับคนรักอย่างหมอเงิน

“ไอ้ขรรค์? หนีหมอเงิน”

“เออ!! มันหนีปัญหาเพราะแม่ของหมอเงินไม่ยอมรับให้พวกเขาสองคนรักกัน บังคับให้หมอเงินแต่งงานกับผู้หญิงอื่น มันก็เลยไม่คิดจะสู้หนี หมอเงินมาอยู่ที่นี่ไง กูเตือนมึงไว้เลยนะว่าอย่าทำแบบมัน มันไม่ใช่สิ่งที่ลูกผู้ชายควรจะทำ ถ้าปัญหาของมึงก็คือมึงจน มึงก็แค่ทำยังไงก็ได้ให้มึงรวย แค่นั้น...”

“มึงก็พูดง่ายนี่ มึงมันรวยมาตั้งแต่เกิด มึงไม่ต้องดิ้นรนหาเงินเหมือนกูไงอิน มึงแค่อยู่เฉยๆ มึงก็มีใช้ไปทั้งชาติแล้ว” จักรเถียงกลับไปด้วยความโกรธ มองใบหน้าสวยของเพื่อนที่ตอนนี้มองจักรด้วยสายตาที่ผิดหวังและเสียใจอย่างที่พูดอะไรไม่ออก

“มึงคิดแบบนั้นเหรอ มึงคิดว่ากูรวยแล้วกูจะสบายเหรอ? ได้!!! วันมะรืนมึงเก็บเสื้อผ้าเลยนะ มึงต้องไปกับกู มึงต้องไปดูว่ากูจะสบายจริงอย่างที่มึงพูดหรือเปล่า แล้วอย่าคิดที่จะปฏิเสธไม่ไป ในเมื่อมึงตัดสินกูแบบนั้นได้ กูก็จะบังคับให้มึงไปกับกูให้ได้เหมือนกัน!! ไม่ต้องห่วง กูจะพูดกับไอ้รามและน้องจอมให้เอง!!!” อินทัชขึ้นเสียงด้วยความโกรธ ชี้หนังบังคับคนตรงหน้าอย่างเกรี้ยวกราด ทำเอาจักรรู้สึกกลัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ไม่เคยเห็นสีหน้าตอนโกรธแบบจริงจังของอินทัชมาก่อน ตอนที่เพื่อนของเขารู้ความจริงเรื่องของรินลณียังไม่โกรธเท่าตอนนี้เลย...แต่ร่างสูงกลับรู้สึกอึ้งจนไม่รู้จะพูดออกไปยังไงก่อนดี

“จำเอาไว้นะมึง ถ้ามึงไม่ยอมไปกับกูวันนั้น กูจะส่งคนมาลากมึงไปเอง” ขู่เสร็จสรรพก็เดินหนีจากไปทันที ไม่เปิดโอกาสให้จักรได้ขอโทษเลยสักนิด และหน้าตาของอินทัชบ่งบอกว่าเอาจริงเอาจังขนาดไหน โดยไม่รู้เลยว่าหลังจากที่อินทัชหันหลังให้ ริมฝีปากสวยก็แย้มยิ้มออกมานิดๆ

กูช่วยมึงอยู่นะจักร...

คนอย่างจักรไม่มีทางที่จะตามความคิดของอินทัชได้ทันหรอก เพราะความร้ายกาจของอินทัชก็คือไม่มีใครสามารถคาดเดาความคิดได้


“กูนึกว่ามึงจะไม่แล้วนะ” รามินทร์ทักเมื่อเห็นว่าคนที่ตนรออยู่มานั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับตัวเองในห้องอาหารของรีสอร์ทที่บนโต๊ะมีอาหารเช้าเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

“กูเป็นคนรักษาคำพูด เมื่อคืนมึงบอกกูเองว่าให้กูมากินข้าวนี่”

“หึหึ กูก็แค่กลัวว่ามึงจะไม่มา ว่าแต่มึงลุกไปตอนไหนตั้งแต่เช้า” ร่างสูงถามด้วยความสงสัย เพราะตนตื่นมาแล้วไปหาอินทัชที่ห้องก็พบว่าเจ้าตัวไม่อยู่แล้ว

“ไปเดินเล่นแถวๆ นี้แหละ”

“แล้วทำไมมึงไม่ชวนกูล่ะ”

“ก็แล้วทำไมกูต้องชวน ทั้งๆ ที่กูอยากจะเดินคนเดียวอย่างสบายใจ” อินทัชสวนกลับแบบไม่รักษาความรู้สึกของรามินทร์ทันที

ร่างหนาที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำเป็นไม่รู้สึกอะไร แล้วบอกให้อินทัชเริ่มกินข้าวเช้าได้แล้ว ร่างโปร่งเองก็ยักไหล่น้อยๆ แต่ก็เริ่มลงมือทานโจ๊กตรงหน้าด้วยความหิวที่ไม่อาจจะทำเป็นฟอร์มอยู่ได้

“อร่อยไหม”

“ก็อร่อย จะถามทำไม อาหารฝีมือป้ารีอร่อยทั้งหมดนั่นแหละ” อินทัชตอบ

รามินทร์อมยิ้มอย่างดีใจที่อินทัชอร่อยกับอาหารที่เขาลองหัดทำดูครั้งแรก โดยที่มีป้ารีคอยสอนคอยชิมให้ว่าต้องทำยังไง รสชาติประมาณไหนถึงจะดี

ยังไม่เคยทำให้ใครขนาดนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย

“ยิ้มทำไม” คนตรงหน้าถาม มือก็ชะงักช้อนไว้อย่างนั้นเพราะหวาดระแวงว่ารามินทร์จะใส่อะไรแปลกๆ ลงไปในชามโจ๊กหรือเปล่า

“เปล่า...ถ้ามีอร่อยก็ดีแล้ว ป้ารีแกจะได้ดีใจ”

“กูก็ชมฝีมือป้ารีทุกวัน จะดีใจหรือไม่ดีใจมึงไม่ต้องมาดีใจแทนหรอก” อินทัชว่า

ร่างสูงปล่อยให้ร่างโปร่งเข้าใจว่าป้ารีเป็นคนทำโจ๊ก ไป เพราะถ้าบอกว่าเป็นฝีมือของเขา รับรองว่าอินทัชต้องอิ่มเร็วแน่ ไม่ได้เห็นเติมชามที่สองแบบนี้หรอก

แค่มองดู ก็มีความสุขแล้ว...

เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว รามินทร์ก็ไปเคลียร์งานก่อนที่จะพาเขาออกไปข้างนอกเหมือนกับเมื่อวาน ทั้งๆ ที่บอกเอาไว้แล้วว่าจะใช้ที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าก็ดันมีงานด่วนเข้ามาขัดขวางได้สิน่า ทางด้านอินทัชเองก็จะพูดเรื่องขอตัวจักรไปกับตนเองแต่ต้องเก็บเอาไว้ก่อน ใครอยู่กันตามลำพังแล้วค่อยพูดเรื่องนี้ก็แล้วกัน

อินทัชเลือกที่จะเดินเข้าไปในครัวที่ตอนนี้พนักงาน คนงานต่างก็ปฏิบัติกับอินทัชเปลี่ยนไปหมด ยกเว้นป้ารีที่ยังเป็นเหมือนเดิม คงจะเข้าใจดีว่าเขาต้องการอะไร แบบไหน...สมกับเป็นผู้ใหญ่ที่อินทัชรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เลยล่ะ

“ป้ารีครับ”

“อุ๊ย...ป้าตกใจนะคะคุณอิน”

“แหม ขี้ตกใจเหลือเกินนะครับ สักวันหัวใจจะวายไหมเนี่ย ฮ่าๆ” แกล้งพูดแหย่ไป จนคนอายุมากกว่าเอามามาตีแขนของเขาเบาๆ อย่างเอ็นดู

“ป้าออกจะแข็งแรง โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มี ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก”

“ผมเชื่อครับ ก็ป้าออกจะเก่งแบบนี้”

“ว่าแต่วันนี้ไม่ออกไปข้างนอกกับคุณรามหรือคะ” ป้ารีถามอินทัช เขาเลยยิ้มให้นิดๆ ก่อนจะตอบไป

“มันไปเคลียร์งานครับ เดี๋ยวถ้ามันเสร็จก็จะออกไปแล้ว”

“เที่ยวให้สนุกนะคะ”

“สนุกที่ไหนกันล่ะครับ” อินทัชทำหน้าเบื่อโลกให้

ป้ารีส่ายหน้ากับความใจแข็งที่ดูยังไงก็แสร้งทำ เธอดูออก คนอื่นอาจจะดูไม่ออกก็ตาม แต่เธอดูออก ดูออกเลยว่าอินทัชพยายามที่จะฝืนให้ตัวเองใจแข็ง คำพูดคำจาไม่ตรงกับใจที่รู้สึก

วัยรุ่นมีความรักก็แบบนี้แหละนะ เธอก็เคยผ่านวัยอย่างนี้มาแล้ว...

“ถ้ามัวแต่ใจแข็ง ปั้นปึ่งใส่กัน ระวังจะเสียใจในภายหลังนะคะ” อินทัชเงียบไป ยืนนิ่งคิดตามที่คนอายุมากกว่าพูดสอนตนเอง

“มันเป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้วล่ะครับป้ารี สิ่งที่ผมเจอมันมากเกินไปที่จะทำใจยอมรับผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิตของผม เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของผม”

“แล้วที่ฝืนใจทำอยู่คุณอินมีความสุขหรือเปล่าคะ ทุกความผิดพลาดถือเป็นบทเรียนค่ะ เอาไว้เตือน เอาไว้สอน ไม่ให้เราทำมันผิดซ้ำอีก คุณอินก็น่าจะรู้ดีนะคะว่า คนเรามันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็น คนเรามันมีผิดพลาดกันได้ จะมากจะน้อยเขาก็ไม่มีใครอยากจะให้มันผิดพลาดหรอกค่ะ ถ้าคุณอินอยากมีความสุข คุณต้องปล่อยวางความโกรธลง แล้วก็ให้อภัยเขา อโหสิกรรมให้เขา แล้วคุณอินจะมีความสุข เชื่อป้านะคะ เพราะป้าเอ็นดูคุณอินเหมือนลูกเหมือนหลาน ป้าก็อยากที่จะให้คนดีๆ อย่างคุณอินมีความสุข ไม่ใช่ว่ายึดติดกับความโกรธ จนสุดท้ายจะมานั่งเสียใจทีหลัง”

ร่างโปร่งยืนฟังป้ารีพูดอย่างตั้งใจ จิตใจไหวเอนไปตามที่ป้ารีพูด...สบตากับดวงตาที่แสนจะจริงใจของคนอายุมากกว่าแล้วรู้สึกแสบตา

ป้ารีพูดถูกหมดทุกอย่าง...เขาฝืน เขาอดทนแค่ไหนที่ต้องทำเป็นไม่รู้สึกอะไร ทำเป็นเฉยชา แล้วก็พูดจาทำร้ายจิตใจของรามินทร์ ทั้งๆ ที่ปากบอกว่าไม่อยากเอาคืนรามินทร์ เพราะกลัวจะเป็นเหมือนกับมัน สุดท้าย...อินทัชก็ทำมันอยู่ดี เขาเอาคืนรามินทร์ด้วยคำพูด การกระทำ โดยใช้ความรักของรามินทร์ที่มีต่อเขาเป็นเครื่องมือ...

ไม่ได้อยากจะทำ แต่ต้องยอมรับความจริงให้ได้...

ความจริงที่ต้องยอมรับว่าเรา...ไม่มีทางไปกันได้ เราไม่มีทางรักกันได้ เขาไม่ได้รักมัน...ไม่ได้รักรามินทร์ เขาอยากจะไปจากที่นี่ เขาไม่อยากอยู่กับมัน ไม่อยากใกล้มัน ไม่อยากเห็นหน้ามัน...

“คุณอิน...ร้องไห้ทำไมคะ”

ร้องไห้? เราร้องไห้เหรอ

อินทัชแตะดูที่ใต้ตาก็พบว่าน้ำตามันไหลจริงๆ ด้วย เขาเลยพยามที่จะเช็ดมันออกไป แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเช็ดมันออก เขาก็ยิ่งร้องออกมาหนักกว่าเดิม

ไม่มีเสียงร้องไห้ ไม่มีเสียงสะอื้น มีแต่น้ำตาที่ไหลลงมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ กับหัวใจที่มันรู้สึกหวิวๆ แปลกๆ

“โถ่...ทูนหัวของป้า ไม่ร้องนะคะ ไม่ร้อง คุณอินของป้าเข้มแข็งมาตลอด จะมาร้องไห้แบบนี้ได้ยังไงกัน” เธอเดินเข้าไปสวมกอดอินทัช ลูบแผ่นหลังอย่างปลอบประโลมเมื่อร่างสูงโอบกอดเธอกลับ

“เป็นอะไรไปคะ บอกป้าได้ไหม รู้สึกยังไง”

“ผม...ผม คิดถึงพ่อกับแม่ อึก...ผะ ผมอยากกลับบ้าน” แม้จะพูดบอกออกไปแบบนั้น หากแต่ในใจกลับคิดเป็นอีกอย่างหนึ่ง...

ไม่!! เราไม่ได้รักไอ้ราม เราไม่มีทางรักมัน...ไม่มีทาง รักไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด

กึก!

รามินทร์ที่เดินเข้ามาได้ยินประโยคนี้พอดีเลยหยุดชะงักนิ่ง มองร่างโปร่งที่กอดป้ารีอยู่ด้วยความรู้สึกรวดร้าวที่ตนทำให้คนที่เขารักต้องเจ็บปวดซ้ำๆ ซากๆ แบบนี้

ตอนแรกเพราะความเข้าใจผิด เพราะความโง่ มาตอนนี้ก็เพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเอง เห็นแก่ตัว ที่อยากให้ยื้อให้อินทัชอยู่กับตัวเองให้นานที่สุด โดยไม่คิดถึงจิตใจของอินทัชเลยว่าจะรู้สึกยังไง...

“คุณราม...” ป้ารีพึมพำเบาๆ หากแต่อินทัชก็ได้ยิน ก่อนจะรีบผละออกจากป้ารีปาดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเองออกให้หมด แล้วหันมาเผชิญหน้ากับรามินทร์ในที่สุด

แม้จะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไร แต่ก็ปกปิดความแดงก่ำที่ดวงตาไม่ได้ ไหนจะรอยความชื้นที่ยังคงค้างอยู่บนใบหน้าอยู่บ้าง ดวงตาของเราสบกัน อินทัชมีประกายความอ่อนล้าในดวงตา ส่วนรามินทร์ฉายความเจ็บปวดอย่างชัดเจน ทั้งสองยืนมองกันอยู่อย่างนั้น ป้ารีที่มองอยู่ก็รู้ได้แต่นึกสงสาร...สงสารทั้งอินทัช และสงสารทั้งรามินทร์

“กูจะมาบอกว่า...งานเสร็จแล้ว จะพาไปข้างนอกน่ะ” ในที่สุดรามินทร์ก็หาเสียงของตัวเองเจอ แต่มันกลับดูสั่นเครือชอบกล อินทัชที่จับสัมผัสน้ำเสียงได้ก็แน่ใจว่าร่างสูงต้องมาทันได้ยินเขาพูดกับป้ารีแน่ๆ แต่ไม่แน่ใจว่ามาได้ยินตั้งแต่ตอนไหน...

“อืม...ขอตัวนะครับป้ารี ขอบคุณที่ช่วยแนะนำนะครับ ผมจะลองคิดดู” อินทัชครางรับในลำคอ ก่อนจะหันไปพูดกับป้ารีอย่างจริงใจ

“ค่ะ เที่ยวให้สนุกนะคะ ขับรถดีๆ นะคะคุณราม” หันไปอวยพรเจ้านายของตนอีกที

“ครับป้ารี”

“ไปสิ...” อินทัชสั่งร่างสูง ซึ่งรามินทร์ก็เดินหันหลังกลับไป โดยที่อินทัชเดินตามอยู่ด้านหลัง ทั้งสองคนตรงไปที่รถเก๋งที่จอดอยู่ในโรงจอดรถ ก่อนจะใช้มันขับออกจากรีสอร์ทไป

ระหว่างทางบรรยากาศมันเงียบมาก ไม่มีแม้แต่เสียงจากทั้งคู่ มีเพียงแค่เสียงของรถเท่านั้น เพราะวิทยุก็ไม่ได้เปิด อินทัชเลยหันหน้ามองด้านข้างทางเพื่อเอาตัวเองออกจากบรรยากาศที่น่าอึดอัดแบบนี้

“กูขอโทษนะ...”

“ขอโทษเรื่อง?” อินทัชหันมาถาม คิ้วสวยขมวดแน่น ไม่เข้าใจว่าจู่ๆ จะขอโทษเขาเรื่องอะไรอีก

“ที่ทำให้ต้องอดทนอยู่ต่อ ทั้งๆ ที่มึงก็คิดถึงครอบครัวจะแย่อยู่แล้ว”

“ช่างมันเถอะ...พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวกูก็จะกลับแล้ว รอมาได้ตั้งหลายเดือน อีกแค่วันสองวันทำไมจะรอไม่ได้ล่ะ”

รามินทร์ใจหายกับคำว่า ‘กลับ’ ที่คนข้างๆ พูดมันบ่อยมาก เหมือนจะย้ำเตือนเขาให้รู้และจำเอาไว้ว่าอินทัชต้องกลับไป...

ยังไงก็ต้องกลับไป...

“งั้นกูขอร้องอะไรมึงสักอย่างได้ไหม” รามินทร์ถาม

“อะไรล่ะ?”






50%

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

มาแล้วค่า ช่วยเม้นท์ๆ ให้ด้วยนะคะ แล้ววันจันทร์จะมาลงอีกครึ่งหนึ่งค่า

หากต้องการสอบถาม พูดคุยกับยูกิสามารถไปคุยกันได้ที่แฟนเพจนะคะ แต่ช่วงนี้ยูกิอาจจะตอบข้อความช้าหน่อยน้า เพราะหลังสงกรานต์ไปนี้ก็ต้องเคลียร์งานกับสอบไฟนอล เนื่องจากมหาลัยจะกลับมาเปิดปิดเทอมแบบเดิมน่ะค่ะ ทุกอย่างเลยต้องเร็วไปหมด

https://www.facebook.com/sawachiyuki/


ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ตัดฉับเลยน้าาาา
มาต่อไวๆ เลย
 :katai4:

ออฟไลน์ hikkie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนแรกก็กะจะให้อินเอาคืนรามหนักๆนะ แต่พอเห็นอินน้ำตาไหลแล้วก็อยากให้รักกันเลยอ่ะ อยากรู้ว่าจะเป็นคู่โหดแบบเพื่อนธีร์ไหม

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
สงสารทั้งคู่อ่ะ อย่าฝืนเลยนะ

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ยี่แทบรอวันจันทร์ไม่ไหว
รีเฟรชรอตอนนี้ได้ไม๊อะ
น้ำตาไหลเหมือนกันเนี่ย
เข้าใจอินเลย น้ำตาไหลแบบไม่มีเสียง
นั่งอ่านเงียบๆแต่หน้าเปียก ตาแดง โฮกกกก
อินโว้ยค่ะ
รีบมานะยูกิ

ออฟไลน์ mam.nalok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ้ยยยยย สงสารทั้ง 2 คนเลย :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ปวดใจ ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้จากไปทั้งนั้น

จักรต้องสู้สิ ไหนว่าจะไม่ปล่อยมือไง ยังไม่ทันถึงไหนเลย คนบ้า

เข้าใจอินนะคะ เพราะเจอมาเยอะ เจ็บมามาก มันเป็นแผลลึกนะ
ถามว่าหวั่นไหวไหม ก็ต้องมีแหละ แต่มันไม่เต็มที่

รามก็พยายามเข้านะ อย่าทำพังอีกนะคะ เชื่อว่ารามดูออกว่าอินปากแข็ง ก็ต้องสู้ต่อนะ

จอมจ๋า อดทนนะ แล้วอย่าปล่อยให้จักรคิดไปเอง จอมทำถูกแล้วที่ชอบสังเกต ไม่งั้นจักรคนบื้อก็บื้อว่าเค้ารังเกียจไปเหอะ

ขรรค์เงินมีพร้อมแล้วนะ แถมแม่เปิดใจบ้างแล้วด้วย ขรรค์ไม่ต้องห่วงนะ เงินยังเข้าใจ ยังสู้เลย

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
ตอนที่ 41 ครึ่งหลัง





“มันอาจจะเห็นแก่ตัวที่คนผิดอย่างกูกล้าขอร้องเอาอะไรจากมึงอีก ที่ผ่านมากูยอมรับผิด มึงไม่ต้องให้โอกาสกูแล้วก็ได้...แต่แค่สองวันเท่านั้น ถึงเที่ยงคืนของวันพรุ่งนี้...มึงช่วยแสดงละครกับกูได้ไหม พูดดีๆ กับกู ยิ้มให้กู...ทำเหมือนว่าเราเป็นคนรักกัน...ได้ไหม อย่างน้อยก่อนที่เราจะจากกัน ก็ให้กูได้สมหวัง แม้จะเป็นเรื่องโกหกก็ตาม”

คำขอร้องอ้อนวอนที่มาจากผู้ชายใจร้ายคนนี้ สะเทือนเข้าไปในหัวใจของอินทัชอย่างรุนแรง

“ช่วยเป็นแฟนกับกู แค่สองวันก็พอ สองวันก็ยังดี...นะ”

ร่างโปร่งบางนั่งนิ่ง มองตรงไปยังด้านหน้าที่เป็นถนน เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจมน้ำอยู่ มันหายใจไม่ออก...หาเสียงตัวเองไม่เจอ เขาอยากจะตอบรับหรือปฏิเสธ ตอนนี้มันชั่งกันไม่ได้เลย

ทำไมถึงกลายเป็นคนลังเลไปได้...ทำไมวะอิน ทำไม...

“มึงจะหลอกตัวเองเพื่ออะไร”

“กูแค่ทำใจไม่ได้ ที่จะปล่อยมึงไปโดยที่ไม่มีความทรงจำดีๆ กันเลย”

“มีสิ...ทำไมจะไม่มี อย่างน้อยมึงก็ไม่ได้ร้ายตลอด คิดเอาตรงนั้นเป็นความทรงจำที่ดีก็แล้วกัน” อินทัชว่าอย่างไม่ใส่ใจนัก

“ถือว่ามึงช่วยเพราะสมเพชกูก็ได้ กูยอมหมด กูยอมหลอกตัวเอง...กูยอมอิน”

“ทำไมต้องทำให้ตัวเองดูไม่มีศักดิ์ศรีด้วย”

“กูมีศักดิ์ศรี...แต่กับมึง กูยอมไม่มี ต่อให้ในใจมึงจะหัวเราะเยาะกูแค่ไหน กูก็ขอแค่เป็นมึงก็พอ...ขอร้อง กูขอร้องนะอิน เป็นแฟนกับกู แค่สองวันนะ...สองวันเท่านั้น”

ร่างโปร่งถอนหายใจ...ก่อนจะตอบรับสั้นๆ

“อืม”

“ขอบคุณ” รามินทร์พึมพำเบาๆ ปากกว้างยิ้มอย่างดีใจและมีความสุข ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันคือการแสดง มันคือเรื่องโกหก ที่อินทัชยอมเพราะสงสาร...

หึ...สงสารงั้นหรือ สงสารคนที่มันทำร้ายเรางั้นเหรอ...

มันไม่ใช่ความสงสารหรอก แต่มันเป็นความต้องการของตัวเขาเองด้วย มันเป็นความต้องการในส่วนลึกๆของหัวใจ ที่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

ที่เห็นใบหน้าของรามินทร์กำลังยิ้มกว้าง และเต็มไปด้วยความสุขนั้น หารู้ไม่ว่า หัวใจของเขากำลังร่ำไห้อย่างทรมานแสนสาหัสที่สุด

มันกำลังร้องไห้ กับความเป็นจริงที่ตัวเองต้องยอมรับ...

ความเป็นจริงที่ว่า อินทัชไม่มีทางคิดไปเป็นอื่นไกลกับเขา ที่อาจจะเป็นได้แค่คนเคยรู้จัก พอกลับไป เราสองคนก็จะกลายเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า...ไม่เคยเจอ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน...

“จะขอบคุณทำไมนักหนา”

“ขอบคุณที่มึงยอมกูไง”

“กูแค่สงสารเท่านั้นแหละ ยังไงกูมันก็คนมีความเมตตาต่อสัตว์โลก”

คำพูดที่เจ็บแสบออกมาจากปากของอินทัชอีกครั้ง แต่รามินทร์ก็เข้มแข็งพอที่จะทำเป็นไม่รู้สึกอะไร ขับรถไป ปากก็ยังยิ้มอยู่แบบนั้น...

ใครบอกว่าเขาจะสามารถโกหกตัวเองได้ แต่ที่เขาขอ เพราะอย่างน้อยสองวันนี้...เราจะได้มีความสุข ก่อนที่จะเจ็บทรมานโดยไม่รู้ต้องใช้เวลากี่ปีรักษาเยียวยาหัวใจ อาจจะห้าปี สิบปี หรือตลอดชีวิตก็ได้

“เอาเป็นว่า...กูจะพูดดีๆ กับมึงตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปก็แล้วกัน แต่ไม่ใช่พวกคำแทนตัวเพราะๆ นะ ใช้กูมึงเหมือนเดิม แต่กูจะไม่พูดเสียดสีมึง โอเคนะ?” อินทัชเสนอออกมา ซึ่งไม่ว่าอะไร รามินทร์ก็เอาด้วยทั้งนั้น

“ตามนั้นแหละ”

“ก็ดี...”

เพราะเหตุใด อินทัชถึงได้พูดขึ้นมาเองว่าจะพูดีๆ กับรามินทร์ อาจจะเป็นเพราะเขาทนเห็นรอยยิ้มที่มันฝืนเต็มประดาแบบนั้นไม่ได้ล่ะมั้ง...อินทัชไม่ได้ใจแข็งและใจร้ายได้ขนาดนั้นเสียหน่อย ทุกครั้งที่เขาพูดออกไป ทำออกไป อินทัชก็เสียใจในการกระทำของตัวเองทุกครั้ง...

มันปวดใจที่ต้องเห็นรอยยิ้มที่ฝืนแบบนั้น  แสร้งทำเป็นเข้มแข็งทั้งๆ ที่เจ็บปวดเจียนตาย...

จะแสดงว่าตัวเองไม่รู้สึกอะไร ก็ทำให้มันเนียนๆ หน่อย...มันทำให้กูรู้สึกผิด








อินทัชหลับไปจนตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่ารถได้จอดอยู่กับที่แล้ว พอลืมตาได้ก็พบว่าตัวเองอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ที่ป้ายเด่นหราอยู่ด้านหน้าของเขาเอง

“มึง...จำเป็นต้องมาขนาดนี้ไหม”

“เอาเถอะน่า กูเองก็ไม่เคยมาด้วย เลยอยากจะลองมาเที่ยวดูสักครั้ง ถึงเป็นการผ่อนคลายไง” ร่างสูงหันมาตอบยิ้มๆ

อินทัชนิ่งค้างไปนิดๆ ก่อนจะยิ้มตอบกลับน้อยๆ

รามินทร์อาจจะคิดว่าที่อินทัชทำเป็นเพราะละครที่เราตกลงกันไว้ หากแต่อินทัชกลับเรื่องพวกนั้นไปหมดแล้วหลังจากที่ตื่นๆ หลับๆ อยู่บนรถหลายชั่วโมง

“ก็ดี กูก็ไม่เคยเที่ยวอะไรในเมืองไทยเท่าไหร่”

“ลงจากรถก่อนเถอะ จะได้เดินเที่ยวเลย เพราะเราจะไปกลับกัน” รามินทร์ชวน อินทัชเลยพยักหน้ารับ ก่อนจะลงจากรถไป พอได้ออกมาแล้วเขาเลยยืดเส้นยืดสายนิดๆ  เพราะเมื่อยหลังจากนั่งรถมานาน มองร่างสูงกว่าที่เดินมายืนข้างๆ กับเขา

“ก่อนอื่นพากูไปหาห้องน้ำก่อน”

“ได้สิ ตามมา” รามินทร์เดินนำอินทัชไปหาห้องน้ำ เพราะเข้าใจว่าต้องการจะทำธุระ เนื่องจากระหว่างทางเราไม่ได้หยุดปั๊มเลยสักที่ วิ่งยาวมาจนถึงพิษณุโลกนั่นแหละ

“ถามจริงเถอะ ที่เขาค้อก็มีที่เที่ยวเยอะไม่ใช่หรือไง”

“ก็เยอะนั่นแหละ แต่เขาบอกว่าที่นี่ตอนหน้าฝนแบบนี้อากาศมันดี วิวก็ดีด้วย เลยอยากจะลองมาดูน่ะ” ร่างแกร่งตอบ

“ไอ้ ‘เขา’ ที่ว่านี่คือใคร”

“ก็พวกลูกค้า นักท่องเที่ยวนั่นแหละ เขาก็บอกกุว่าที่ไหนสวย ที่ไหนดี เพราะถึงกูจะอยู่ใกล้ๆ ก็ใช่ว่าจะมีโอกาสเที่ยวบ่อย”

“แล้วทำไมมึงถึงได้มีโอกาสล่ะ” อินทัชถาม

“ก็ตอนนี้...กูอยากจะอยู่กับมึงนี่”

“เหตุผลโคตรไร้สาระเลย พากูมาก็จ่ายให้กูทุกอย่างก็แล้วกัน”

“ก็อย่าซื้อเยอะนะเว้ย กูพกเงินมาแค่ไม่กี่พันในกระเป๋า” รามินทร์ว่า แต่มันก็ไม่ได้จริงจังอะไร เพราะต่อให้กระเป๋ามีเงินจำกัดแต่ก็ยังมีบัตรเอทีเอ็มกับบัตรเครดิตอยู่

“กูจะปอกลอกมึง”

“ก็ยอม...นานๆ ทีจะได้ออกเงินให้กับคนที่รวยกว่า น่าภูมิใจจะตาย” ร่างแกร่งพูดแล้วยืดอกนิดๆ บ่งบอกว่าตัวเองภูมิใจกับเรื่องนี้จริงๆ

อินทัชหัวเราะในลำคอน้อยๆ ไม่พูดอะไรอีก

การที่เราพูดดีๆ กันแบบนี้...มันก็ให้ความรู้สึกสบายใจไปอีกแบบนะ

พอเข้าห้องน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว รามินทร์ก็พาอินทัชเดินไปตามทางโดยมือถือแผนที่อุทยานเอาไว้อยู่ ทั้งสองเดินเคียงข้างกันไป มองบรรยากาศรอบๆ อย่างผ่อนคลาย แม้จะไม่ได้พูดคุยกันมาก แต่บรรยากาศก็ไม่ได้อึดอัดเหมือนแต่ก่อน

อินทัชรักษาคำพูดเสมอ...

“เมเปิ้ลเปลี่ยนสีจะมีช่วงเดือนมกราคมน่ะ เสียดายจัง”

“มึงก็ค่อยมาตอนเดือนมกราคมอีกครั้งสิ” อินทัชแนะนำ

“ไม่เอาอ่ะ...จะให้กูมาคนเดียวเหรอ”

“ก็พาน้องจอมมา หมอเงิน และขรรค์มาก็ได้นี่”

“เหมือนมึงจะตกไปชื่อหนึ่งนะ ไอ้จักรล่ะ เจ้าจอมอยู่ไหน มันก็คงจะต้องอยู่ด้วยที่นั่นนั่นแหละ”

“จริงสิ...กูมีเรื่องจะคุยกับมึง เรื่องไอ้จักร แต่เอาเป็นว่าตอนเดินทางกลับดีกว่า จะได้สะดวกกว่านี้” อินทัชทำท่าคิดได้ แต่ก็ยังไม่พูดออกไป เพราะตอนนี้เรามาผ่อนคลาย มาเดินเที่ยวก็ควรจะเที่ยวก่อน ส่วนเรื่องของคนอื่นเอาไว้ทีหลัง

“กูพอจะเดาปัญหาออกนะ เรื่องของเจ้าจอมกับไอ้จักรใช่ไหม”

“อืม...ก็นั่นแหละ มึงเองก็น่าจะรู้อยู่”

“เอาไว้ค่อยคุยกันก็แล้วกัน” รามินทร์ตัดบทแล้วพาอินทัชเดินต่อ “มีที่ให้เที่ยวเยอะมากเลยว่ะอิน วันเดียวก็คงไปไม่ครบหรอก ยังไงมึงเลือกเอาว่าอยากจะไปที่ไหนก่อนดีกว่านะ” รามินทร์หลังจากดูแผนที่คร่าวๆ แล้ว

พวกเขาอยากเที่ยวโดยการเดินเท้ามากกว่าจะนั่งรถ เพราะอย่างน้อยมันจะมีเวลาในการซึมซับบรรยากาศข้างทางไปด้วย...แล้วการเดินมันก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงเท่าไหร่หรอก

“อืม...น้ำตกหมันแดงน่าสนนะ”

“เขาบอกเอาไว้ว่าทางค่อนข้างที่จะสมบุกสมบันเลยนะมึง แต่ภาพมันสวยจริงว่ะ เอาไง จะไปน้ำตก หรือจะไปพิชิตลานหินปุ่มด้านบนนู่น วิวสวยนะเว้ย มองเห็นทะเลหมอกด้วย”

“ทะเลหมอกเหรอ? กูเห็นที่รีสอร์ทมึงจนเบื่อแล้วว่ะ”

“แต่มันไม่เหมือนกันนะ มันคนละวิวกันเลย ทางนี้มันก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ส่วนน้ำตกเอาไว้เรามีเวลามากกว่านี้ค่อยไปไหมวะ”

“เอางั้นก็ได้” อินทัชตอบรับอย่างไม่ได้คิดอะไร

รามินทร์เองก็ยิ้มกว้าง...ที่อินทัชไม่เรื่องมาก เขาพูดอะไรก็ตามน้ำหมด...

“งั้นก็ไปกัน”

“อืม...จริงๆ แล้วกูยังขยาดน้ำตกอยู่เลย คิดถึงวันนั้นแล้วก็รู้สึกกลัว ตอนนี้ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองตกจากที่สูงขนาดนั้นแล้วจะรอด” อินทัชพูดด้วยสีหน้าที่ดูหวาดเสียวเพราะคิดภาพวันนั้นเข้ามาในหัว

“ก็มึงเป็นคนดี มึงเลยไม่เป็นอะไรเลย ดูอย่างกูสิ กูเกือบตายแล้ว แล้วยังมาโดนไม้เสียบขาอีก สมควรที่จะโดนกรรมตามสนองแล้วล่ะ”

“รู้ด้วยเหรอ...”

“ฮ่าๆ กูก็เป็นคนที่มีจิตใต้สำนึกนะเว้ย”

“ก็นึกว่าไม่มี”

“แล้วถ้าไม่มี มึงจะเป็นคนปลูกจิตใต้สำนึกให้กูไหมล่ะ” รามินทร์ถามพลางส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้กับอินทัชที่มองหน้ารามินทร์ด้วยสายตาที่อ่อนลงจากเดิม

“ให้ปลูกด้วยอะไรดีล่ะ ว่าไง...”

“ก็แล้วแต่มึงสิ...กูยอมอยู่ในกำมือมึงเลย ยอมทุกอย่าง”

“หึหึ...งั้นก็ปล่อยให้มันงอกขึ้นมาเองก็แล้วกัน เหมือนหญ้าไง”

“เปรียบซะกูดูต่ำเลย” รามินทร์พูดเสียงติดตลก ทำเอาอินทัชต้องหัวเราะเบาๆ ตาม

“แล้วจะให้เปรียบเป็นอะไร สาหร่าย หรือตะไคร่น้ำดีล่ะ”

รามินทร์ทำหน้างอนๆ จนดูตลกไม่เข้ากับใบหน้าของตัวเอง หากแต่อินทัชกลับรู้สึกว่ามันก็ดูน่ารักดี...

“หญ้าแหละดีแล้ว อย่างน้อยมันก็ยังมีโอกาสถึงตัวมึงมากกว่า” คำตอบที่แฝงไปด้วยความหมายที่ทำให้อินทัชก็ต้องหันหน้าหนีสายตาคมคู่นั้น

เพราะไม่งั้น...เขาต้อง ‘เขิน’ แน่ๆ แค่นี้หัวใจก็เต้นแรงมากจนเกินไปแล้ว

“เสี่ยวว่ะ”

“เดินต่อๆ เดี๋ยววันนี้จะไม่ได้พิชิตลานหินปุ่ม”

หมับ!

รามินทร์ถือวิสาสะคว้ามือของอินทัชมากุมเอาไว้ โดยที่เจ้าของมืออย่างร่างโปร่งก็ได้แต่ก้มมองอย่างอึ้งๆ เพราะไม่คิดว่าร่างสูงจะทำถึงขนาดนี้ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ ในเมื่อเขาตกลงจะเป็นแฟนกับมันสองวัน ฉะนั้นการจับมือถือเป็นเรื่องปกติที่แฟนจะทำกันเวลาไปเที่ยวหรือออกเดท

อินทัชเองก็จำไม่ได้ ว่าครั้งสุดท้ายที่เดินจับมือกับแฟนไปเดทนั่นมันเกิดขึ้นตอนไหน น่าจะเป็นก่อนขึ้นมหาวิทยาลัย เพราะช่วงนั้นเขาติดเที่ยวหนัก และควงคนอื่นไม่ซ้ำหน้า เพราะรักที่ผ่านมามันล้มเหลวหมด...มันล้มเหลวจากตัวเขาเองที่คิดว่ารักผู้หญิงคือผู้ชายคนนี้ แต่พอคบกันได้สองสามเดือนก็เริ่มที่จะเบื่อ และเขาก็จะเป็นฝ่ายบอกเลิกไป...จนทุกวันนี้ ก็ไม่รู้ว่ารักที่แท้จริงมันเป็นแบบไหน

เวลามองเพื่อนสนิทกับคนรักอยู่ด้วยกัน...ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงคบกันได้นานขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษไปกว่าคู่อื่นๆ นัก เขาอาจจะเคยให้คำปรึกษาเพื่อนรักเรื่องความรัก แต่นั่นมันก็แค่ทัศนคติและความคิดจากมุมของเขา แต่ถามว่าตัวเองมีความรักจริงๆ หรือยัง ก็ขอบอกเลยว่าไม่มี...

“อ๊ะ!!”

พรึ่บ!!

ก่อนที่ร่างโปร่งบางจะล้มไป คนที่จับมือเขาเอาไว้อยู่ก็ดึงร่างกลับไปหาคนตัวใหญ่ไม่ให้อินทัชล้มไปกับพื้นเพราะเดินสะดุดหินที่เป็นทางเดินแบบต่างระดับกัน

“มัวแต่ใจลอยอะไร เดินระวังๆ สิวะ” รามินทร์ดุ แต่ที่ดุก็เพราะว่าเป็นห่วง ถ้าหากว่ารามินทร์ไม่ได้จับมืออินทัชเดิน ป่านนี้คงจะล้มไปกระแทกหินที่พื้นแล้ว

“ขอโทษ แล้วก็ขอบคุณนะ” อินทัชเงยหน้าขึ้นสบกับรามินทร์ที่ตอนนี้ใบหน้าอยู่ใกล้กับหน้าของเขามาก เลยรู้ตัวเองว่ากำลังอยู่แนบชิดกับกายใหญ่ของรามินทร์มากขนาดนี้

รามินทร์กับอินทัชรู้สึกเหมือนต้องมนต์สะกด เพราะทั้งคู่ยืนนิ่งมองตากันอยู่แบบนั้น ร่างบางอ่านสายตาของรามินทร์ได้ มันทั้งเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและความรัก จนเขาอดเคลิบเคลิ้มจ้องมองอยู่แบบนั้นไม่ได้

อินทัชทนใจแข็งต่อไปไม่ได้ เลยปล่อยให้เป็นไปตามที่รู้สึก...

“เอ่อ...คือ” อินทัชเป็นฝ่ายได้สติก่อน เสหน้าหนีอย่างประหม่า ใบหน้าแดงซ่านบ่งบอกถึงความเขินอาย นั่นเป็นปฏิกิริยาที่รามินทร์ไม่คิดว่าจะได้รับ...

การเขิน การอาย...มันแสดงไม่ได้หรอกนะ ถ้าไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

“เจ็บไหม?”

“ไม่หรอก สะดุดนิดเดียว”

“งั้นก็เดินต่อเถอะ แต่กูขอจับมือมึงเอาไว้แบบนี้นะ เดี๋ยวมึงจะสะดุดอีก” ร่างสูงขอ

“อืม...ตามใจมึง”

“ขอบคุณนะ” ร่างสูงยิ้มอ่อนโยนให้กับอินทัช ซึ่งร่างบางก็เผยยิ้มตอบรับไปบางเบา มันไม่ใช่รอยยิ้มฝืน...หรือแสร้งทำ แต่มันออกมาจากความรู้สึกของตัวเองทั้งนั้น

มันไม่ใช่แค่ตามใจรามินทร์หรอก...มันเป็นการทำตามใจตัวเองด้วย...







100%

 :mew6: :mew6: :mew6:

วันนี้วันจันทร์ใช่ไหมคะ? แหะๆ ขอโทษค่า ยูกิจำวันผิด เมื่อวานก็คิดว่าเป็นวันอาทิตย์ นี่ไม่ค่อยได้พักจนสมองเบลอไปแล้วนะเนี่ย ตายๆ ชีวิตของยูกิจะอัลไซเมอร์ตอนอายุยี่สิบสองเหรอเนี่ย 555

อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจด้วยนะค้า

https://www.facebook.com/sawachiyuki/


ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
โธ่ .. ราม
โธ่ .. อิน
โถถถถถถ.. กรู.....
ยิ่งอ่านยิ่งชอกช้ำ
เอ้า เอา สองวันนี้.....ก็ดื่มด่ำให้เต็มที่นะทั้งสองคน

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ทำไมตอนนี้ มันดูหวานแหวว
แต่เรารู้สึกหน่วงๆ จังเลย

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ทำไมอ่านตอนนี้แล้วรู้สึกเห็นใจขึ้นมาเฉยๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
หวานแบบหน่วงๆง่าาา เมื่อไหร่คู่นี้จะลงเอยย

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
หลังจาก 2 วันนี้อิน จะตัดสินใจอย่างไรต่อไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
คิดถึงรามอิน..

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ผ่านมานานล่ะ ป่านนี้ ไปถึงไหนกันแล้วคะเนี่ย :impress2:

ออฟไลน์ K3n0

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
พี่ทัช หายไปไหน

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 42
เวลาของ ‘เรา’





“สวย”

“ใช่...สวยมาก”

อินทัชมองไปยังวิวด้านหลังหลังจากพิชิตลานหินปุ่มสำเร็จ พวกเขายืนอยู่ตรงป้าย ‘ผู้พิชิตลานหินปุ่ม’ พอดี ความรู้สึกที่เดินมาอย่างเหน็ดเหนื่อยมันหายไปเมื่อได้เห็นภาพสวยงามกับบรรยากาศที่เย็นสบายแบบนี้

ส่วนรามินทร์ก็เอาแต่มองหน้าด้านข้างของร่างบาง แต่ปากก็เอ่ยชมออกไปว่าสวย ที่อินทัชเข้าใจว่าเจ้าตัวคงจะชมวิวเหมือนกับตัว แต่ความจริงคือชมคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ต่างหาก

“อากาศดีมาก คุ้มกับที่เดินมาเหนื่อยๆ”

“ใช่...มันคุ้มมากๆ” ตอบกลับอย่างใจลอย

คุ้มที่ได้เห็นรอยยิ้มของมึง...คุ้มที่ได้อยู่กับมึง...มันคุ้มสำหรับกูที่สุดแล้วอิน

“เสียดายไม่ได้เอากล้องมา” อินทัชพึมพำ

“เก็บเอาไว้ในความทรงจำก็พอแล้ว ต่อให้เราถ่ายไป เราก็ไม่เคยเอากลับมาดูหรอก ถ้ามึงอยากเห็นภาพมันใหม่ มึงก็แค่มาที่นี่ หรือไม่ก็เปิดภาพจากเน็ตดูเอา”

“มึงนี่คิดอะไรง่ายๆ กับเขาก็เป็นด้วยนะ” อินทัชชม

“กูแค่พูดในฐานะคนที่ชอบถ่ายรูป แต่ก็ไม่เคยหยิบรูปที่เคยถ่ายมาดูเลยสักครั้ง เลยไม่คิดจะเอากล้องมาให้เสียเวลา สู้เก็บเอาไว้ในความทรงจำดีกว่า จำมันเอาไว้ บรรยากาศแบบนี้ ภาพแบบนี้...”

ร่างโปร่งหันไปมองที่ด้านหน้าเหมือนเดิมเพื่อซึมซับความรู้สึกต่างๆ อย่างที่รามินทร์พูดออกมาเมื่อกี้นี้...อินทัชจะจดจำภาพนี้ บรรยากาศแบบนี้ ความรู้สึกแบบนี้เอาไว้...

จะไม่ลืม...และไม่มีวันลืม

“กูเองก็เป็นแบบนั้น เวลาไปเที่ยวเพื่อนกูมักจะมีคนที่ถ่ายรูปให้อยู่แล้ว เลยไม่จำเป็นต้องพกกล้องเอง อยากได้รูปนั้นก็แค่ให้มันส่งมา ก็จบแล้ว”

“ไหนว่ามึงไม่ค่อยเที่ยว”

“ไม่ค่อยเที่ยวในไทย เพราะกูเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ที่เที่ยวของกูก็จะขึ้นอยู่กับประเทศนั้นและ อ้อจริงสิ ขึ้นอยู่กับเวลาพักที่มีด้วย…”

นับว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับรามินทร์ เพราะตอนนี้อินทัชกำลังเปิดใจมากยิ่งขึ้น ทั้งพูยาวขึ้น และเล่าเรื่องส่วนตัวของตัวเองให้ฟังอีก...

รามินทร์เข้าหาไปได้อีกระดับแล้ว โดยที่อินทัชไม่มีทางรู้เลยว่า เปิดทางให้ร่างแกร่งเข้ามาแล้ว...แต่มันก็ขึ้นอยู่ที่ความสามารถของรามินทร์อีกนั่นแหละ ว่าจะสามารถเข้าไปได้ถึงขนาดไหน

“นั่นสินะ...งานมึงเยอะนี่นา”

“เลิกพูดเรื่องงานเถอะ” อินทัชตัดบท เพื่อเลี่ยงประเด็นที่จะทำให้ตนเครียด

“กูก็ว่างั้น...มึงหิวหรือยังอิน”

“หิว...แต่ขออยู่นานกว่านี้หน่อยนะ กว่าจะมาถึง”

“ได้ๆ ถ้ามึงทนได้น่ะ แต่ถ้าทนไม่ไหวก็รีบบอกแล้วกันนะ”

“มึงล่ะ…”

“กู? ทำไม?” ทำหน้างงงวยที่อินทัชถามมาสั้นๆ

“หิวหรือยัง”

“กูยังไม่ค่อยหิวหรอก”

“อืม...ก็ดีแล้ว”

“มึงไม่ต้องมาห่วงกูหรอกน่า กูอยู่ได้ถ้าหากว่ากูหิวน่ะ แค่อดทนมันจะไปยากลำบากอะไรนักหนา”

“หึหึ”

ร่างโปร่งหัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วออกเดินจากตรงนี้ไปยังตรงที่อื่นๆ ที่ไม่ใช่การยืนดูแต่จุดเดิมๆ โดยที่มีร่างสูงกว่าเดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง

“มึงรู้ไหมว่าอุทยานนี้ตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัดเลยนะ” รามินทร์ที่เดินอยู่ข้างๆ ถามอินทัชที่ยังคงเดินมองนั่นนี่ด้วยความสนอกสนใจ ท่าทางผ่อนคลายกว่าเมื่อวานที่ไม่ว่ารามินทร์จะพยายามทำอะไร ก็ไม่ได้รับการตอบสนองที่ดีเลยสักนิด

“จริงดิ! จังหวัดอะไรบ้างวะ” อินทัชมีสีหน้าที่แปลกใจ เพราะมันเป็นความรู้ใหม่ที่เขาเพิ่งจะรู้

“อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก แล้วก็อำเภอหล่มสัก เพชรบูรณ์ เส้นทางที่กูพามึงมานั่นแหละ จริงๆ แล้วกูว่าจะพามึงไปเที่ยวที่หล่มสักเพราะมันก็น่าเที่ยวพอๆ กัน”

อินทัชหยุดเดินแล้วหันมาสนใจรามินทร์แทน

“แล้วทำไมถึงพากูมาที่นี่ล่ะ”

“กูอยากมาพิชิตลานหินปุ่มกับมึงไง”

“สาระ...”

“ก็เนี่ยแหละสาระของกู แต่มันอาจจะไร้สาระสำหรับมึง”

“อยากจะบ้ากับมึงจริงๆ เมื่อกี้กูลองอ่านใบแนะนำสถานที่ เขาบอกว่าที่นี่ในอดีตเคยใช้เป็นที่พักฟื้นของคนไข้ของโรงพยาบาล ประวัติของที่นี่แม่งน่าสนใจดีว่ะ” อินทัชยิ้มแย้มออกมาเมื่อได้เจอเรื่องที่ตัวเองชอบ

อินทัชชอบศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ยิ่งสถานที่ไหนมีประวัติ อินทัชมักจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ อย่างที่นี่เองก็เช่นกัน...

“กูเพิ่งรู้ตอนมึงพูดเมื่อกี้นี่แหละ” รามินทร์สารภาพ

“ห่างจากที่นี่ไปประมาณห้าร้อยเมตรจะเป็นผาชูธง เคยเป็นที่ที่พวกผกค.จะขึ้นไปชูธงแดงที่มีสัญลักษณ์ค้อนเคียวทุกครั้งหลังที่รบชนะด้วยนะ ชักสนุกแล้วสิมึง กูอยากรู้ประวัติอีกอ่ะ แสดงว่าที่นี่ต้องเคยมีสงครามใช่มะ” ดวงตาคู่สวยส่องประกายความสนุกตื่นเต้นเต็มที่ ปากก็ยิ้มกว้างอย่างจริงใจไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ นั่นทำให้รามินทร์รู้สึกว่าตาของตนพร่ามัว มองเห็นแสงวิบวับออกมารอบกายของอินทัชราวกับเทวดารูปงาม

ใจเต้นแรง สั่นไหว ลำคอแห้งผาด หาเสียงของตนไม่เจอ เพราะโดนโจมตีจากความสวยของอินทัชแบบไม่ทันได้ตั้งตัวเลย

จะจำเอาไว้...ว่าอินทัชชอบเรื่องประวัติศาสตร์

“ไอ้ราม! จะเงียบทำไมวะ ตอบสิ” อินทัชเรียกเสียงดัง ทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์ในที่สุด ตาคมมองอินทัชด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะพูดออกมาอย่างอายๆ

“เอ่อ...คือ ไอ้ที่มึงพูดมาน่ะ ผกค. ธงแดง ค้อนเคียว มันคืออะไรวะ” พร้อมกับเกาแก้มด้วยนิ้วเดียวประกอบการเขินอายในความไม่รู้เรื่องของตัวเอง

อินทัชกลอกตาไปมา ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องใกล้ตัวของรามินทร์แท้ๆ เจ้าตัวยังไม่เคยคิดจะสนใจมัน

“ผกค.คือผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ส่วนธงแดงที่พวกผกค.ชูจะมีสัญลักษณ์ค้อนและเคียวไขว้กันอยู่บนธงเพราะค้อนเคียวเป็นสัญลักษณ์ของลัทธิคอมมิวนิสต์ ถ้ามึงคิดภาพไม่ออกก็เสิร์ชธงชาติของสหภาพโซเวียตดู จะเห็นชัดที่สุด โอเคนะ?” ร่างสูงพยักหน้าน้อยๆ อย่างเข้าใจ

จะว่าไปก็เหมือนจะเคยอ่านอยู่ แต่ก็ลืมไปหมดแล้ว...

“อืม...กูคิดว่ากูพอจะเข้าใจและนึกภาพออกแล้วล่ะ มึงนี่เก่งเนอะ รู้เรื่องพวกนี้ด้วย”

“ก็แล้วแต่คนชอบน่ะ กูชอบกูเลยจำ” อินทัชตอบ ไม่ได้ดีใจกับคำว่าเก่งที่ร่างสูงชมเลยสักนิด นั่นเป็นเพราะว่าไม่ใช่เรื่องที่จะมายินดีอะไร

คนที่ไม่รู้ใช่ว่าจะไม่เก่ง แต่เพราะไม่สนใจมากกว่า

“งั้นจะไปผาชูธงเลยไหมล่ะ”

“ไปเลยก็ได้ จะได้รีบเดินกลับไปหาอะไรกินต่อ ตั้งสี่กิโลกว่า ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะเว้ย”

“มึงไม่เคยขึ้นเขาเหรอวะอิน เวลาเราเดินขึ้นน่ะมันลำบากก็จริง มันดูนานก็จริง แต่เวลาเราลงน่ะ มันคนละอย่างเลยนะ”

“กูรู้ แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่เหนื่อยนี่”

“เออๆ กูขอโทษก็แล้วกัน ไปๆ ไปทางไหนล่ะ” รามินทร์ยอม ไม่พูดต่อเพื่อเลี่ยงความยืดเยื้อในการเถียงกัน

พออินทัชคลายทุกอย่าง เป็นตัวของตัวเอง รามินทร์ก็รับรู้ได้ทันทีว่า อีกคนเป็นคนที่ดื้อพอตัว ฉะนั้นอย่าเถียง อย่าขัดใจอะไรให้อินทัชต้องรู้สึกหงุดหงิดจะดีกว่า ไม่งั้นคงต้องโดนยกเลิกข้อตกลงแน่ๆ

“ตามมา”

พวกเขาสองคนเดินไปที่ผาชูธงที่อยู่ห่างประมาณห้าร้อยเมตรต่อทันที และเผื่อไปถึงทั้งคู่ก็ได้แต่มองอย่างตกตะลึงในความสูงและความสวยที่แฝงไปด้วยความอันตรายที่ตกลงไปคือตายและอาจจะหาศพไม่เจอด้วย

เป็นหน้าผ้าที่สูงชัน เห็นทิวทัศน์รอบๆ ได้อย่างกว้างไกล เห็นภูเขาสีเขียว ลมเย็นสบาย บรรยากาศดี เป็นจุดชมวิวที่ไม่แพ้จุดชมวิวที่เขาค้อเลยสักนิด

“มึงคิดว่าตอนพระอาทิตย์ตกดินมันจะสวยไหมวะ” อินทัชถามขึ้นมา ดวงตาจับจ้องที่ทัศนียภาพเบื้องหน้าอย่างหลงใหล แม้ว่าวิวพวกนี้จะดูไม่แตกต่างจากที่อื่นๆ แต่ว่าถ้าลองใช้ความรู้สึกมากกว่านี้ พวกเขาก็จะรับรู้ได้ว่าทุกสถานที่มันมีความหมายและมันมีที่มาที่ไม่เหมือนกัน และแน่นอนว่าถ้าเรามาที่แห่งนั้นโดยที่รู้ประวัติ นั่นจะยิ่งทำให้การมาเที่ยวของเราสนุกและตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น

เพราะเราจะซึมซับความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้ และตอนนี้ อินทัชกำลังหลับตารับความรู้สึกนั้นอยู่ คิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในช่วงนั้น...

“กูคิดว่ามันต้องสวยมากแน่ๆ มึงเห็นระหว่างเขาตรงนั้นไหม กูว่าจากจุดนี้ พระอาทิตย์ต้องตกระหว่างเขาสองลูกนั้นแน่ๆ” รามินทร์พูดพร้อมใช้ท่าทางประกอบ นั่นคือชี้ไปยังเขาสองลูกตรงหน้า

อินทัชลืมตาแล้วมองไปตามนิ้วเรียวของรามินทร์ แล้วพยักหน้าเห็นด้วยเบาๆ

“กูก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น ถ้าทางนั้นเป็นทิศตะวันตกนะ”

“มันต้องใช่อยู่แล้ว เสียดายที่เราอยู่ตรงนี้จนเย็นไม่ได้”

“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ ระหว่างทางเราก็ยังขับผ่านเขานี่ ก็ดูตามทางเอาก็ได้” อินทัชแนะนำ

“นั่นสินะ” แค่มีมึงอยู่ด้วยจะดูพระอาทิตย์ตกที่ไหนมันก็เหมือนกันนั่นแหละ

รามินทร์อมยิ้ม มองร่างสูงบางที่กำลังยิ้มเช่นเดียวกันด้วยความสุขที่แฝงไปด้วยความเศร้า ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้ หยุดรอยยิ้มของอินทัชเอาไว้ แต่มันทำไม่ได้ แค่พรที่เขาขอให้เวลาเดินไปช้าๆ ไม่รู้ว่าท่านจะให้คนอย่างรามินทร์หรือเปล่า

“ทำไม...มึงอยากจะดูที่นี่เหรอ”

“เปล่า...กูแค่คิดว่ามึงอาจจะเสียดายที่มึงไม่ได้ดูมากกว่า” รีบตอบกลับร่างบางทันทีเพราะกลัวว่าอินทัชจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาอยากจะดูพระอาทิตย์ตกที่นี่

“ไม่หรอก...พระอาทิตย์มันก็ตกของมันทุกวัน ดูที่ไหนก็ไม่สำคัญหรอก มันสำคัญตรงที่ว่าเวลาเรามองพระอาทิตย์ตกน่ะ...เราได้คิดหรือเปล่าว่าวันนี้เราปล่อยเวลาให้มันเสียไปเท่าไหร่แล้ว เราทำประโยชน์อะไรบ้างมากกว่า วันเวลามันก็เปลี่ยนผันไปตามหน้าที่ของมัน และเราเองก็ต้องทำหน้าที่ของเราเหมือนกัน”

รามินทร์ไม่รู้หรอกว่าอินทัชพูแบบนั้นต้องการจะสื่อสารถึงอะไรกับเขา แต่เขาเข้าใจความหมายในประโยคนั้นดีว่ามันหมายถึงอะไร

“หึหึ...ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมึงถึงบริหารธุรกิจใหญ่ๆ ได้ บริหารคนเป็นร้อยเป็นพันได้ เพราะมึงมีความคิดที่ไม่ปล่อยให้เวลามันสูญเปล่านี่เอง ถามจริงที่ผ่านมามึงเอาเวลาที่ไหนไปเที่ยว”

“ก็หลังเลิกงานไง กูก็เที่ยวทุกคืน”

“มึงแม่งตรงเกินไปแล้ว มันใช่คำตอบที่สมควรตอบแล้วหรือวะ”

“ก็มันเป็นความจริงนี่หว่า จะให้กูตอบอะไร ที่เที่ยวกูก็คือผับ บาร์พวกนี้ เวลาไปเที่ยวที่แบบนี้กูไม่ค่อยมีหรอก ชีวิตกูอยู่แต่ในกรุงเทพกับออกนอกประเทศ เจอแต่ก้อนเมฆและท้องฟ้า”

ไม่รู้ว่ารามินทร์จะหัวเราะหรือสงสารดี แต่คงจะต้องเป็นข้อแรก เพราะเจ้าตัวที่ตอบคำถามยังยิ้มออกมาเวลาเล่าเลย...คงจะตลกตัวเองอยู่ล่ะมั้ง

ตลก...ตลกที่คิดขอบคุณมัน ขอบคุณที่จับเขามา ทำให้เขาได้ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติดูบ้าง ซึ่งก็เป็นประสบการณ์ที่ดี ถ้าเอาตามจริงการที่เขาอยู่ที่รีสอร์ทมันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น งานมันเหนื่อยก็จริงแต่ใช้แค่แรงงาน แต่กับงานที่บริษัทต้องใช้ทั้งแรงและใช้ทั้งสมอง...

หากแต่ว่า...ที่เขาเข็ดขยาดและโกรธมากจนไม่อยากจะให้อภัยมันก็คือการที่ตนต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ของมันมากกว่า…

“หิวหรือยัง” รามินทร์ถามเปลี่ยนเรื่อง

“อืม...ก็หิวแล้วล่ะ”

“งั้นลงไปเลยไหม”

“เออๆ ไปเลยก็ได้”

ใบหน้าสวยหันไปมองบรรยากาศโดยรอบอีกครั้งเพื่อซึมซับและจดจำเอาไว้ในความรู้สึกและความทรงจำของตนเอง...เพราะไม่รู้ว่า นี่จะเป็นการมาครั้งแรก หรือว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วย นับจากนี้ไปเมื่ออินทัชหันหลังให้กับที่นี่...ภูหินร่องกล้าจะกลายเป็นแค่ความทรงจำของเขา

จะกลายเป็นเพียงแค่อดีต...ของเขากับของรามินทร์


ในช่วงเย็น พวกเขาเดินทางกลับหลังจากที่เที่ยวกันจนหนำใจแล้ว ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มจะตกดิน ฟ้าเริ่มมืดลง แสงสว่างค่อยๆ ถูกความมืดกลืนกิน รามินทร์ได้เลี้ยวรถเข้าจอดที่สามารถเดินลงไปดูพระอาทิตย์ตกดินได้ จากภาพด้านหลัง เห็นเพียงเงาผู้ชายตัวสูงสองคนที่รูปร่างต่างกันกำลังยืนมองพระอาทิตย์ตกดิน

ความอบอุ่นสุดท้ายของพระอาทิตย์ในวันนี้กำลังจะหมดลงในอีกไม่ช้า รามินทร์กับอินทัชก็ทำได้เพียงแค่ยืนมองมันลับขอบฟ้ากันอย่างเงียบๆ

ตอนนี้...สิ่งที่พวกเขารู้สึกเหมือนกันมีแค่อย่างเดียวนั่นก็คือ ‘อบอุ่น’ ความอบอุ่นที่ซ่านไปทั่วหัวใจของเราทั้งสอง รถหลายคันที่ขับผ่านไปก็ไม่มีใครไม่มองภาพนี้...มันให้ความรู้สึกและความหมายได้หลายแบบมาก จากด้านหลังเห็นเพียงเงาที่สะท้อนแสง มันดูสวยงาม...ดูเป็นมิตรภาพที่ดี

“พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว มึงได้คิดไหมว่าวันนี้มึงปล่อยเวลาให้สูญเปล่าไปหรือเปล่า” อินทัชถามขึ้นมาเมื่อความมืดเข้าปกคลุม มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟฟ้าที่ส่องแสงสว่างแทนพระอาทิตย์ดวงใหญ่

“สำหรับวันนี้กูไม่มี...ทุกอย่างที่กูทำ มันคุ้มค่ามากที่สุดแล้ว”

“อืม...”

ร่างบางครางรับในลำคอเบาๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร ในเมื่อประโยคของรามินทร์มันสะท้อนความหมายที่ทำให้อินทัชไม่อาจจะตอบอะไรได้อีก

“อิน...วันนี้กูมีความสุขมากเลยว่ะ ได้มาเที่ยวกับมึงนี่เป็นสิ่งที่กูไม่เคยคิดภาพมาก่อนเลย ตอนนั้นกูเกลียดมึงมาก เพราะยึดติดความแค้นก็เลยใช้อารมณ์และความคิดตัวเองตัดสินทุกอย่าง คิดว่ามึงผิด แต่ไม่ลองสืบเรื่องราวให้มันดีก่อน เชื่อน้องมากจนกลายเป็นคนโง่ กูขอโทษมึงอีกครั้งนะ”

“เฮ้อ...เห็นแก่ว่าวันนี้มึงพากูมาเปิดหูเปิดตา กูจะรับคำขอโทษไว้ก็แล้วกัน ถ้ามึงรู้ตัวเองแล้ว ก็อย่าทำแบบนั้นกับใครอีกล่ะ” อินทัชแสดงท่าทีอ่อนลง ทั้งๆ ที่มักจะหงุดหงิดทุกครั้งที่คิดย้อนกลับไป หากแต่พอวันนี้เขาได้ใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วไปกับรามินทร์ ไม่ใช่แบบไม่ชอบขี้หน้ากันก็พบว่ารามินทร์ไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่เขาคิด

กลับกันแล้วยังรู้สึกว่าไอ้ที่มันทำกับเขาที่ผ่านมา นั่นคือสิ่งที่มัน ‘พยายาม’ จะให้มันเป็นแบบนั้นมากกว่า พยายามใจร้าย พยายามทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อน อินทัชไม่เคยเชื่อเวลาที่พวกคนงานพูดถึงว่ารามินทร์เป็นคนดีอย่างนั้น ใจดีอย่างนี้ สุภาพ อ่อนโยน ตอนนั้น ทำได้แค่ฟังแล้วค้านในใจเท่านั้น

จนวันนี้...เขาได้เห็นในอีกมุมหนึ่งกับตัวเอง...บอกตามตรงว่ามันดูเป็นธรรมชาติมากจนอินทัชไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นคนเดียวกัน

“กูไม่ทำความผิดซ้ำสองหรอก กูสัญญา” รามินทร์ให้คำสัญญากับอินทัช

“อืม...”

“แล้วมึงล่ะ? วันนี้เป็นยังไงบ้าง”

พอเจอถามมาแบบนี้อินทัชก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง เลยนิ่งไว้ เลือกที่จะไม่ตอบออกไป ร่างหนาใช่ว่าจะไม่รู้ว่าอินทัชกำลังคิดอะไรอยู่ เขาก็เลยยิ้มบาง

“กูจะไม่ถามว่ามึงมีความสุขไหม...แต่มึงช่วยตอบกูได้หรือเปล่าว่าวันนี้มึงสนุกหรือไม่สนุก”

รามินทร์ยืนสบตากับอินทัชอย่างใจจดใจจ่อ ดวงตาสื่อถึงความคาดหวังในคำตอบจากอินทัชเอามากๆ และแน่นอนว่าที่เขาอยากได้ยินคือในด้านบวก ไม่ใช่ด้านลบ

อินทัชถอนหายออกมาแรงๆ แค่ตอบออกไป...ก็แค่พูดมันออกไปเท่านั้น

“สนุกสิ...มึงดูไม่ออกหรือไง”

ใบหน้าหล่อแสดงความดีใจอย่างออกนอกหน้าที่ได้ยินแบบนั้น แม้ว่าน้ำเสียงกับสีหน้าของคนตอบจะไม่ได้ดูมีอารมณ์ร่วมกับคำว่าสนุก แต่นั่นก็เป็นคำตอบที่ทำให้รามินทร์มีความสุขล้นอกจนเผลอตัวคว้าร่างเล็กกว่ามาสวมกอดอย่างแนบแน่น

หมับ!!

“เฮ้ย!!” ร่างขาวอุทานด้วยความตกใจ ขมวดคิ้วแน่นเพราะเจ็บที่โดนรัดแน่นเกินไป

“ขอบคุณ...ขอบคุณจริงๆ”

อินทัชยืนนิ่ง...แขนเรียวยกขึ้นมาอย่างทำตัวไม่ถูกที่ถูกจู่โจมแบบนี้ ร่างโปร่งลังเลอยู่ว่าจะเอายังไงกับสถานการณ์แบบนี้ดี จะผลักออกหรือว่าจะกอดตอบ...

อะไรวะเนี่ย!! มันอยู่ในข้อตกลงหรือไงวะ

แม้จะรู้สึกไม่พอใจที่โดนสัมผัสร่างกาย หากแต่อินทัชก็เลือกทำตามหัวใจมากกว่าทำตามสมองของตน...

สัมผัสเบาๆ ที่แผ่นหลังกว้างทำให้หัวใจของรามินทร์เต้นอย่างรุนแรงขนาดที่อินทัชเองยังได้ยิน...อินทัชรู้ว่าการที่เขากอดตอบรามินทร์ มันเป็นความต้องการของหัวใจ...อินทัชอยากจะกอดร่างแข็งแกร่งเหมือนกับที่รามินทร์กอดเขา

แต่ว่า...แบบนี้ มันอาจจะทำให้อินทัชลำบากมากยิ่งขึ้น

...

...

...





50%

:katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ไม่ได้ตั้งใจจะไม่อัพให้อ่านจริงๆ นะคะ ขอโทษจริงๆ ค่ะ อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้ยูกิด้วยน้า ให้กำลังใจ ติชม หรือด่าพระเอกก็ได้ค่ะ ^_^ แล้วเจอกันครึ่งหลังในวันศุกร์นะคะ หรืออาจจะเป็นวันเสาร์ค่ะ

หากใครมีข้อสงสัย อยากพูดคุยหรือสอบถามยูกิ ก็ไปข้อความหากันที่แฟนเพจได้นะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เป็นหน่วงๆ แงง
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :L2:
ขอบคุณนะ ถึงแม้อ่านไปจะมีความสุขก้ำกึ่งก็ตาม
แต่อย่างน้อย หัวใจแต่ละคนก็ได้รับการสื่อสารที่ดีนะ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด