Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=  (อ่าน 228177 ครั้ง)

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
ตอนที่ 46 ครึ่งหลัง





คอนโดของอินทัช

“ไม่รอให้กูตายก่อนล่ะมึงค่อยติดต่อมาหากู”

เป็นประโยคแรกที่แสนประชดประชันจากเพื่อนรัก เพื่อนตายอย่างธีรไนยที่โดนนัดออกมาหาในช่วงสายของวันถัดมา หลังจากที่เมื่อวานใช้เวลาอยู่กับครอบครัว

วันนี้ก็เป็นเวลาของเพื่อนรักบ้าง

“ไม่เอาน่า อย่าโกรธกันเลย”

“มันสมควรโกรธไหมล่ะ เล่ามา ห้ามโกหกด้วย เพราะคนของกูไปสืบเรื่องได้อะไรบางอย่างมา แต่ก็อยากให้มึงเล่าเองมากกว่า กูอยากรู้ว่ากุจะมีความสำคัญกับมึงอยู่อีกไหม หรือว่าเพื่อนใหม่ของมึงมันจะดีกว่าเพื่อนอย่างกู” นี่เป็นอาการของคนที่น้อยใจเพื่อนสนิทอย่างที่อินทัชอยากจะหัวเราะออกมาแต่ก็กลัวจะโดนโกรธหนักกว่าเดิม เลยอยู่เงียบๆ นิ่งๆ จะดีกว่า

“เพื่อนอะไรล่ะ”

“พ่อมึงโทรมาเล่าให้พ่อกูฟังเมื่อวาน”

“พ่อหรือผัว?”

“เอ๊ะ! ไอ้อิน กูบอกว่าพ่อก็คือพ่อ ถ้าผัวกูก็พูดผัวสิวะ” ธีรไนยติเพื่อนอย่างหงุดหงิด เพราะตนโกรธเพื่อนจริงจังมากๆ ไม่ได้มีความล้อเล่นแต่อย่างใด

ถามว่าดีใจไหมที่เพื่อนกลับมามันก็ดีใจ แต่ก็เสียใจเหมือนกันที่มาสืบเรื่องเจอช้าไปก้าวเดียว ไม่ใช่เพราะคนของธีรไนยช้าหรอก แต่มันเป็นเพราะเวลาของเขาไม่ค่อยมี ทำให้ติดตามเรื่องได้ไม่ค่อยร้อยเปอร์เซ็นต์นัก

 แต่ถึงรู้ เขาก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องที่เพื่อนของเขาต้องจัดการเอง...จนกว่าจะได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือนั่นแหละ แม้ว่าตัวเองอยากจะช่วยขนาดไหน แต่ถ้าอินทัชไม่คิดจะหาทางส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ นั่นหมายความว่าเพื่อนของเขายังต้องการที่จะแก้ไขปัญหานี้ด้วยตัวเองอยู่

“เดี๋ยวนี้กล้ายอมรับว่าตัวเองมีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วนะ”

“ก็แล้วไง ยอมรับหรือไม่ยอมรับ ความจริงก็คือกูมีผัวแล้วอยู่ดี...แล้วนี่มึงอยากจะให้กูโกรธมึงมากไปกว่านี้ใช่ไหมถึงได้กล้าเปลี่ยนเรื่องหน้าด้านๆ แบบนี้”

“ไม่เอาน่าเพื่อนรัก อินขอโทษนะเพื่อนธีร์ ไม่ว่ากูจะมีเพื่อนกี่คน แต่มึงคือเพื่อนที่กุรักมากที่สุดนะเว้ย แล้วมึงก็เป็นเพื่อนที่กูกล้าพูดได้เลยว่ากล้าตายด้วยกันกับมึง”

ธีรไนยสบตาคนพูดทันที มันนานมากแล้วที่ไม่ได้มองหน้า มองตากันแบบนี้ ต่อให้พวกเขาสองคนจะทำงานกันคนละที่ เวลาไม่ตรงกัน แต่ก็ไม่เคยที่จะไม่ติดต่อกัน ไม่เห็นหน้ากันเกินสามวันเลยสักครั้ง

“ไอ้เหี้ย...น้ำตาจะไหล” ธีรไนยพึมพำแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพดานห้องของห้องชุดคอนโดของอินทัชทันที เพราะความคิดถึง ความเป็นห่วงแทบจะบ้าตายที่ผ่านมา ตอนนี้ ร่างโปร่งได้เพื่อนลับมาอยู่ตรงหน้าแล้ว

“จะร้องทำไมวะ เดี๋ยวกูก็ร้องตามหรอก” อินทัชว่าด้วยเสียงสั่นเครือ

“ก็มึง...” ธีรไนยว่าแค่นั้นก็หยุดชะงัก หันหลังให้กับอินทัชทันที แต่ร่างโปร่งบางรู้ดีว่าเพื่อนของตนกำลังร้องไห้ เพราะสังเกตเอาจากแผ่นหลังที่กำลังสั่นอยู่ตอนนี้

“ธีร์...ร้องไห้ทำไมวะ” ถามเสียงสั่น

อินทัชเป็นคนที่อารมณ์อ่อนไหวไม่ง่ายหรอก แต่ถ้าเป็นคนสำคัญแล้ว เขาจะเป็นเหมือนเด็กทันที นั่นคืออะไรกระทบจิตใจก็พร้อมจะร้องไห้ออกมา

อย่างเช่นตอนนี้...และเมื่อวาน

“ใครร้อง” เสียงอู้อี้แบบนี้ยังบอกว่าตัวเองไม่ร้องอีกเหรอ แล้วท่าทางเช็ดน้ำตานั่นอีกล่ะ

ปากแข็งเหมือนเดิม...

หมับ!!!

อินทัชเข้าไปกอดเพื่อนจากข้างหน้าแล้วร้องไห้ออกมาเหมือนกัน ธีรไนยที่พอรู้ว่าโดนกอด เขาก็เอื้อมมือมากอดตอบ พร้อมกับรอดแน่นๆ ให้หายคิดถึง

สำหรับพวกเขาแล้ว...พวกเขาเป็นมากกว่าเพื่อน เป็นเหมือนคนในครอบครัว...

“กูคิดถึงมึง ฮึก กูเป็นห่วงมึง กูตามหามึงแทบพลิกแผ่นดิน ฮึก...กูคิดว่ามึงตายไปแล้วด้วยซ้ำ ใครๆ ก็ว่ามึงตายไปแล้ว แต่กูก็ไม่เชื่อ...ให้คนตามหามึง ฮึก...ไม่เจอมึงแบบปลอดภัยไม่เป็นไร ยังไงก็ขอให้เจอศพมึง แต่มึงมัน...ไอ้เหี้ย!! มึงมันใจร้าย” ธีรไนยระบายออกมาพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย

อินทัชเองก็ลูบแผ่นหลังปลอบเพื่อนไปมา ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ร้องไห้จนมองไม่เห็นอะไรเลยแท้ๆ

นอกจากความอบอุ่นที่มาจากความห่วงใยของคนในครอบครัวแล้ว อินทัชเองก็ได้รับความห่วงใยนี้จากเพื่อนรักคนเดียวของเขา...

“ขอบคุณ...แล้วก็ขอโทษ กูขอโทษ ฮึก ขอบคุณมากๆ ธีร์”

“กูรักมึงนะอิน อย่าหายไปแบบนี้อีก มีอะไรก็บอกดิวะ ฮึก”

“ขอโทษนะ...กูก็รักมึงนะธีร์ จะไม่เป็นแบบนี้แล้ว มันจะไม่มีอีก อึก สัญญา กูสัญญา” อินทัชยื่นนิ้วก้อยไปให้ธีรไนยเกี่ยวด้วยความเคยชิน

เวลาพวกเขาจะสัญญาอะไรกัน ก็มักจะทำแบบนี้ ตั้งแต่เด็กแล้ว

“สัญญา...”

“อืม สัญญา”

หลังจากที่เกี่ยวก้อยสัญญากันแล้ว ต่างคนก็ต่างปรับอารมณ์กันใหม่ อยู่อย่างเงียบๆ ตรงโซฟาในห้องนั่งเล่น ไม่มีใครมองหน้าใครทั้งนั้น

จนกระทั่งธีรไนยที่เหมือนจะพร้อมแล้ว จึงได้โพล่งออกมา ทำเอาอินทัชสะดุ้งสุดตัว

“มึง!!”

เฮือก!!!

“อ่ะ อะไร”

“ขี้ตกใจนะมึง” ธีรไนยหรี่ตาจับผิด

“มึงเรียกกูทำไม”

“กูจะให้มึงเล่าเรื่องทั้งหมด ว่าทำไมถึงโดนจับตัวไป”

“มึงรู้ได้ไงว่ากูโดนจับตัวไป” ถามย้อมกลับไป

“คนอย่างมึงนี่นะจะหนีไปเองแบบไม่มีเหตุผล” คนที่รู้จักอินทัชดีที่สุดตอบ

อินทัชตั้งใจจะเล่าให้กับเพื่อนฟังอยู่แล้ว เพราะระหว่างเขากับธีรไนยไม่มีอะไรจะต้องปิดังกัน แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะเปิดเผยเช่นกัน

เรื่องนี้เขาพูดกับพ่อกับแม่ไม่ได้ ไม่งั้นรามินทร์โดนดำเนินคดีแน่ๆ เพราะงั้นมันจะทำให้อินทัชเสียสัจจะได้ เลยไม่เล่าให้พ่อกับแม่รู้ แต่กับธีรไนย ถ้าเขาขอร้องไม่ให้บอกใคร

มันจะเป็นความลับแค่ระหว่างเรา...

“สัญญามาก่อนว่าจะไม่เลือดร้อน”

“ดูก่อน” ธีรไนยตอบสั้นๆ ทำเอาอินทัชไม่ไว้ใจ เพราะธีรไนยเป็นคนใจร้อน เลือดร้อน ขนาดเขายังเอาไม่อยู่ โชคดีที่เพื่อนของมีคนรักที่เอาเพื่อนเขาอยู่หมัดได้

แต่ตอนนี้ คนรักของมันไม่ได้อยู่ตรงนี้ ไว้ใจได้แค่ไหนเนี่ย

“สัญญามาก่อน”

“แสดงว่าเรื่องมันเลวร้ายมากสินะ”

“ธีร์!”

“เออๆ สัญญา จะไม่ใจร้อน วู่วาม พอใจยัง ทีนี้จะเล่าได้หรือยังล่ะ” ร่างสูงโปร่งของธีรไนยทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ กับอินทัชด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย แต่ถ้ามันทำให้เขาได้ฟังความเป็นมาล่ะก็ ยอมก็ได้...

“ดีมาก”

จากนั้น...อินทัชก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ธีรไนยฟัง...





ทางด้านรามินทร์

หลังจากกลับจากกรุงเทพเมื่อวาน จนตอนนี้ก็ยังไม่ลุกอกจากเตียงเล็กในห้องนอนเล็กที่อินทัชเคยใช้นอนเลย ทำเอาเจ้าจอมและลูกน้องเป็นห่วงเพราะเข้าไปหาในตัวบ้านไม่ได้

รามินทร์ขังตัวเองเอาไว้ในบ้านอย่างนั้น ไม่รับโทรศัพท์ใคร ไม่ออกมาหาใคร ไม่กินข้าว

“อกหักอีกครั้ง...แต่ครั้งนี้ อาจจะเลวร้ายไปหน่อย แต่มึงต้องผ่านมันไปให้ได้ราม มึงต้องทำให้ได้อีกครั้ง” เขานอนพูดปลอบตัวเองด้วยท่าที่นอนคว่ำกับเตียงนอน

แม้จะคิดแบบนั้น แล้วทำไมถึงยังร้องไห้...

รามินทร์ไม่เคยร้องไห้เพราะโดนทิ้งมาก่อน  เพราะน้ำตาเขาจะไม่เสียให้กับคนที่ไม่คิดจะจริงจังด้วย แต่ในกรณีของอินทัชมันต่างออกไป

อินทัชคือคนที่เขาอยากจะใช้ชีวิตด้วย...ไม่ใช่แค่อยากคบอย่าสานสัมพันธ์อย่างที่ผ่านมา แต่เขาอยากจะหยุดอยู่ที่อินทัช...

“แต่มึงเดินจากกูไป...”

ไม่มีทางเอื้อมถึงเลยงั้นเหรอ...หรือต้องเวลา แล้วต้องทำยังไง...

รามินทร์พยายามฝืนตัวเองลุกขึ้นจากเตียงอย่างคนไม่มีแรง แน่นอนเพราะเขาทานอะไรไม่ลงมาตั้งเมื่อวานแล้ว แม้จะขับรถเหนื่อยแค่ไหน แต่รามินทร์ก็ไม่มีอารมณ์จะกินอะไรเลย เขาตรงกลับมาที่นี่ได้อย่างปลอดภัยก็ถือว่าดีแล้ว

รามินทร์ออกจากบ้านแล้วก็เดินไปยังบ้านร่างที่เขาเคยให้อินทัชอาศัยอยู่เป็นเดือน ร่างสูงเดินขึ้นไปบนบ้านด้วยความรู้สึกหลากหลายเพราะที่นี่เขาใช้มันบังคับขืนใจอินทัชครั้งที่สองเพราะความเมาของตน

“อยู่ได้ยังไงนะ”

ทั้งๆ ที่มันไม่ได้ผิดอะไร แต่เขาก็ยังทำให้คุณชายอย่างมันต้องมาตกระกำลำบาก

รามินทร์ใช้เวลาอยู่กับที่นี่หลายชั่วโมง แม้ว่าจะไม่มีอะไรให้ทำก็ตาม แต่เหมือนว่าที่นี่จะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น...หมอนที่อินทัชเคยใช้ ผ้าห่ม และเสื้อผ้าบางชิ้นยังคงอยู่ที่นี่ รวมทั้งเงินทุกบาทก็ยังอยู่...

“หึ...ให้เงินมัน โดยที่ไม่เปิดโอกาสให้มันได้ใช้”

เขาเก็บเงินนั้นเอาไว้ในกระเป๋าอย่างดี ก่อนจะจับที่สร้อยคอดอกไม้ในขวดโหลที่มีความหมายสำหรับเขาแน่น ดวงตามองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่โหยหาคนในห้วงคำนึงนี้

ถ้ารู้ว่าจะรัก...ก็คงไม่ใจร้ายหรอก

ถ้า...ก็ได้แต่พูดว่า ‘ถ้า’ ล่ะนะ ในเมื่อมันผ่านมาแล้ว แล้วจะทำยังไงได้ล่ะ

“กูคิดถึงมึง แค่วันเดียว...กูก็จะตายอยู่แล้ว”

ตอนนี้เขาได้กลายเป็นรามินทร์คนใหม่ คนที่มีชีวิตแบบไร้สีสัน ทุกอย่างรอบๆ ตัวดูน่าเบื่อไปหมด ไม่อยากจะทำอะไร ไม่อยากจะคุยกับใคร

อยากจะอยู่กับที่แล้วร้องไห้ก็แค่นั้น...

ถ้าจะต้องให้ใครมาเห็นมุมอ่อนแอของตัวเอง รามินทร์ก็ไม่โอเคกับมันนัก ฉะนั้นแล้ว ในช่วงนี้ ขออยู่กับตัวเองเงียบๆ ตามลำพังสักพัก เมื่อพร้อมแล้ว เข้มแข็งขึ้นแล้ว

เขาจะกลับมาเป็นรามินทร์คนเดิม

...

...

...




“ไอ้เหี้ยนั่น!!!”

“ใจเย็นดิวะธีร์ นี่แหละที่กูไม่อยากให้มึงรู้น่ะ” อินทัชจับแขนเพื่อนรักเอาไว้แน่นเพราะกลัวว่าธีรไนยจะพุ่งไปหาเรื่องรามินทร์ตามอารมณ์โมโหของเจ้าตัว

“ก็มันสมควรเย็นไหมล่ะ มึงรู้ไหมว่าไอ้ห่ารากนั่นน่ะ มันบอกว่ามึงแค่ไปพักแล้วก็ไป ไอ้สัตว์โกหกกู ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นลูกค้าคุณเพลิงนะมึง ฮึ่ย!!” ธีรไนยหายใจฟึดฟัดอย่างขัดใจ

“เอาเถอะน่า...มันทำไปเพราะเข้าใจผิดทั้งนั้น”

“มึงปกป้องมัน?”

อินทัชชะงัก นิ่งค้างไป หลบสายตาเพื่อนสนิทที่จับจ้องมา

“เดี๋ยวนะ? ท่าทางมึงมันแปลกๆ”

“แปลกอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”

“ยังมีอะไรที่กูไม่รู้ใช่ไหม มึงเล่าไม่หมดใช่หรือเปล่า?” ธีรไนยซักไซ้ต่อเมื่อเห็นท่าทีที่ดูแปลกๆ ของเพื่อน เพราะอินทัชแสดงออกเหมือนกับว่าไม่ได้โกรธรามินทร์ ทั้งๆ ที่โดนทำขนาดนั้น

มันผิดวิสัยคนปกติทั่วไปมากๆ

“หรือมึงกับมัน...”

“กูกับมันทำไม” รีบถามออกไปอย่างร้อนรน ยิ่งทำเอาคิ้วสวยของธีรไนยขมวดแน่นหนักกว่าเดิม

“แปลกๆ ว่ะ ญาติดีกับมันแล้วหรือไง?”

“ไม่ใช่! นี่มึงไม่ได้ฟังที่กูเล่าเลยใช่ไหมว่ามันทำอะไรกับกูไว้บ้าง ถ้าเป็นมึงจะญาติดีกับมันเหรอ” เวลาที่อินทัชอยู่กับธีรไนย เขาจะกลายเป็นคนที่ไม่รอบคอบเท่าไหร่นัก และครั้งนี้ก็เช่นกัน

ธีรไนยจับอะไรบางอย่างได้จากสีหน้าและคำพูดของเพื่อนสนิท

“มึงก็รู้ว่าไอ้พัฒน์ทำอะไรกับกูไว้บ้าง กูยังรักมันเลย”

อึก...

เป็นประโยคที่ทำเอาอินทัชพูดอะไรไม่ออก สบตากับเพื่อนก็รู้เลยว่าธีรไนยกำลังคิดและรู้สึกอะไรอยู่ เขาก็เลยเลี่ยงโดยการไม่มองหน้ามัน

“อิน...มึงรักมันใช่ไหม?”

“เปล่า...ไม่ได้รัก” ปฏิเสธทันทีด้วยเสียงแผ่วเบา

“ไม่ได้รัก...มึงจะร้องไห้ทำไม”

อินทัชจับหน้าตัวเองก็พบว่าตัวเองน้ำตาไหล ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างของตนปิดหน้า เท้าแขนกับตักตัวเองเพื่อหลบซ่อนน้ำตาจากเพื่อนสนิท...

ธีรไนยเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนรัก ก็เลยได้แต่ขยับไปกอดปลอบเพื่อนสนิทที่กำลังร้องไห้เสียใจ และอาจจะสับสนกับความรู้สึกของตัวเองอยู่...เขาไม่อยากให้เพื่อนฝืนความรู้สึก ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่ยอมรับรามินทร์ จนกว่าจะแน่ใจว่ารามินทร์เป็นคนแบบไหน...

มึงเจอกูแน่ ไอ้รามินทร์!!!







100%


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:


ขอโทษที่อัพช้าจ้า เจอกันวันพุธนะคะคนดี อ่านแล้วเม้นท์ให้ยูกิด้วยน้า

พูดคุย สอบถาม ติดตามข่าวสารการอัพเดทหรือทวงนิยายได้ที่แฟนเพจอิฉันเลยเจ้าค่ะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
รักธีร์จัง
ธีร์กับอินอยู่ด้วยกันแล้วมุ้งมิ้งชะมัดเลย
โอ๊ยยยยยย
ว่าแต่ธีร์จะทดสอบอะไรรามนะ?
ไม่สิ ธีร์จะเอาคืนรามแทนอินยังไง

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
รออยู่นะค้า

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1600
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เอาแล้วววว เพื่อนรักรู้แล้ว รามซวยแล้วล่ะ

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
กว่าจะไปถึงพ่อแม่อิน ผ่านด่านธีร ก่อเหอะ หุหุ

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 47
ดินโอบเดือน




“พี่รามน่าสงสาร”

“ครับ คุณรามน่าสงสารจริงๆ ทุกวันนี้เหมือนคนไม่มีวิญญาณเลยครับ” จักรออกความเห็น ระหว่างที่ยืนมองรามินทร์สั่งงานคนงานอยู่

“ใช่…ไม่ยิ้มให้ใครเลย พี่รามกลายเป็นคนเย็นชา เป็นรามินทร์ที่ใครๆ ก็ไม่รู้จัก นายคิดว่าฉันจะบอกเรื่องนี้กับคุณลุงคุณป้าดีไหม” เจ้าจอมหันมาถามความเห็นคนรักที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ผมว่าคุณรามคงไม่อยากให้คุณท่านเป็นกังวลหรอกครับ”

“นั่นสินะ”

เจ้าจอมพึมพำแล้วมองพี่ชายด้วยสายตาที่แสนจะเป็นห่วง เขาเข้าใจดีว่าการต้องแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง ไม่รู้สึกอะไรของรามินทร์ทั้งที่เจ็บปวดน่ะ มันยากและเหนื่อย

แต่ก็ยังดีที่พี่ชายเขาไม่ดื่มเหล้า เมามายเหมือนแต่ก่อน...

“นายจะไปกรุงเทพวันไหนนะ คิดวันไว้หรือยัง” เจ้าจอมถามคนรัก

“ผมคิดว่าจะไปต้นเดือนหน้าเลยครับ”

“อืม...อย่าลืมจองตั๋วล่วงหน้าก็แล้วกันจะได้ถูกหน่อย นั่งเครื่องไปเถอะ เร็วด้วย”

“ครับ ผมก็คิดไว้อย่างนั้น”

“ถ้านายไปทำงานที่กรุงเทพแบบนี้ ฉันจะไปเรียนต่อโทดีไหมนะ” เจ้าจอมพูดขึ้นมา เพราะตนคิดเรื่องนี้นานแล้ว ก่อนจะเกิดเรื่องแบบนี้ด้วยซ้ำ

เจ้าจอมแค่อยากจะเรียนให้สูงๆ จะได้ช่วยงานพี่ชายได้มากกว่านี้ และดูเหมือนว่า มันคงจะถึงเวลาแล้วเหมือนกัน

“แล้วใครจะดูแลคุณรามล่ะครับ”

“นั่นสินะ นี่แหละคือสิ่งที่ฉันกำลังเป็นห่วงอยู่”

เจ้าจอมไม่กล้าทิ้งให้รามินทร์ต้องอยู่คนเดียวในช่วงแบบนี้แน่ๆ ยิ่งรินลณีกลับฝรั่งเศสไปแล้วด้วย พี่ชายเขาไม่มีใครเลย นอกจากเจ้าจอมคนเดียว

“แต่ถ้าคุณจอมพูดกับคุณรามดู ผมคิดว่ายังไงคุณรามก็ต้องให้ไปแน่นอนอยู่แล้ว แต่คุณจอมนั่นแหละครับ จะกล้าทิ้งคุณรามให้อยู่คนเดียวหรือเปล่า”

“ตอนนี้ฉันคงต้องดูไปก่อนล่ะนะ”

“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ แล้วจะรีบกลับ”

“อื้อ...ฉันเองก็ต้องไปทำงานแล้วเหมือนกัน โชคดีนะจักร”

“ครับ” ร่างสูงยิ้มให้กับเจ้าจอมเล็กน้อยก่อนจะวิ่งไปที่มอเตอร์ไซค์คันเก่งของตนที่ตอนนี้กลายเป็นยานพาหนะที่คู่ใจอันดับหนึ่งของเจ้าตัวไปแล้ว

เหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วที่เจ้าจอมต้องมาส่งจักรไปทำงานก่อนที่ตัวเองจะไปทำงานต่อ มันเป็นเรื่องที่หลายคนหลายคู่ไม่ทำ แต่พวกเขาทำแล้วมีความสุข


“เจ้าจอม พี่ขอบัญชีมาดูหน่อยนะ”

“ได้ครับ อีกประมาณสิบนาทีนะครับ”

เพราะโต๊ะทำงานของเจ้าจอมอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าห้องของรามินทร์ เลยไม่ได้ยุ่งยากในการเอาเอกสารเข้าไปให้มากกมายเหมือนแต่ก่อน ที่รามินทร์มักจะอยู่ไม่เป็นที่เป็นทางเท่าไหร่

“ได้ๆ อ้อ! บอกฝ่ายการตลาดให้จัดโปรโมชั่นปลายปีมาใหม่นะ พี่ไม่โอเคกับที่เสนอมา”

“ครับพี่ราม”

“พี่จะอยู่ในห้องตลอดนะ มีอะไรก็ไปบอกพี่ได้เลย”

“ไม่มีงานด้านนอกหรือครับ”

“ไม่มีหรอก”

“ครับ”

เป็นประโยคที่ช่วงนี้พวกเขาสองพี่น้องพูดคุยกันจนชินไปแล้ว มักมีแต่เรื่องงานมาคุยกันเสมอ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่รามินทร์จะถามไถ่อะไรต่างๆ นาๆ ด้วยความเป็นห่วง

แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้ความสำคัญของคนในครอบครัวดูจะน้อยลงสำหรับรามินทร์ นอกจากความสำคัญของคนในครอบครัวแล้ว มินทร์ยังให้ความสำคัญกับตัวเองน้อยลงเหมือนกัน เรียกว่าไม่ใส่ใจดีกว่า

“นี่เป็นบัญชีของเดือนที่แล้วครับ”

“ขอบคุณครับ” รามินทร์ไม่มองหน้าเจ้าจอม เอาแต่นั่งอ่านเอกสารและเปิดเอกสารไปมา ทั้งๆ ที่แต่ก่อนไม่ค่อยได้ยุ่งกับมันเท่าไหร่นัก

“พี่รามไม่จำเป็นต้องทำงานเยอะขนาดนี้ก็ได้”

“ไม่ได้หรอกเจ้าจอม ถ้าพี่ไม่ทำงาน พี่จะฟุ้งซ่าน”

“แล้วอะไรที่ทำให้พี่ฟุ้งซ่านล่ะครับ”

“เจ้าจอมก็รู้ว่าพี่เป็นแบบนี้เพราะอะไร ฉะนั้นเลิกถามพี่เรื่องนี้เถอะ ถ้าไม่อยากให้พี่เครียดไปมากกว่านี้”

“ขอโทษครับ” เจ้าจอมเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดที่ตนเองถามไปโดยไม่คิด จนทำให้พี่ชายต้องรู้สึกไม่ดีขึ้นมาอีกครั้ง

“ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้โกรธ”

“พี่ราม...จอมมีเรื่องอยากจะปรึกษา” เจ้าจอมพูดขึ้นมาเมื่อปล่อยให้บรรยากาศมันเงียบไปประมาณเกือบห้านาที โดยที่พี่ชายไม่คิดจะสนใจเจ้าจอมอย่างที่เคยเป็น

“หืม...มีอะไรครับ” ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะทำให้รามินทร์ละความสนใจจากงานได้ เรียกรอยยิ้มหวานจากเจ้าจอมได้ในทันที

ก็เหมือนความรู้สึกเด็กๆ เวลาได้รับความสนใจนั่นแหละ

“จอมอยากต่อโท”

“อืม...เรื่องนี้นี่เอง เราก็พูดกับพี่ไว้นานแล้วนี่ อยากไปแล้วงั้นหรือ” รามินทร์ถามเสียงอ่อนโยน

“ฮะ จอมอยากจะไปต่อโท พี่รามเองก็กำลังจะทำธุรกิจเพิ่ม จอมอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระพี่รามบ้าง”

“ใช่เรื่องนี้อย่างเดียวเหรอ” ถามน้องชายอย่างรู้ทัน

“อยากอยู่ใกล้ๆ กับจักรด้วยครับ” ยอมรับอย่างอายๆ เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากรามินทร์ได้ แม้เพียงนิดหน่อย แต่มันก็ทำให้เจ้าจอมรู้ว่ารามินทร์ไม่ได้คิดมากหรือเครียดอย่างที่คิด

แต่เรื่องเสียใจ...เจ็บปวด คงต้องใช้เวลาในการรักษามันพอสมควร

“พี่ว่าแล้ว จอมอยากจะไปเรียนต่อก็ไปเถอะ หรือจะเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยก็ได้ พี่มีร้านอาหารอยู่ในห้างของคุณเพลิงอยู่สามสาขา เจ้าจอมจะไปทำงานที่นั่นก็ได้”

“จอมขอคิดดูก่อนนะครับ ไม่อยากให้พี่รามอยู่คนเดียวด้วย”

“ไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอกน่า พี่อยู่ได้ สบายมากๆ พี่ไม่เป็นไรหรอก”

“พี่รามก็ชอบพูดว่าไม่เป็นอะไร ทั้งๆ ที่ในใจพี่กำลังรู้สึกไม่ดีกับมัน”

เจ้าจอมไม่ชอบเลยที่พี่ชายตัวเองเป็นคนแบบนี้ มีอะไรไม่ยอมพูด เก็บเอาไว้คนเดียว จนตัวเองเป็นโรคจิตอ่อนๆ แล้วถ้าครั้งนี้ถ้ามันแรงขึ้นล่ะ รามินทร์เป็นหัวหน้าครอบครัว ถ้ารามินทร์เป็นอะไรไปขึ้นมา ทุกอย่างของครอบครัวคือจบแน่ๆ

“พี่โอเคจริงๆ”

“เอาเถอะ จอมก็แค่มาบอกพี่รามเฉยๆ ว่าจอมจะต่อโท เพื่อให้เวลาพี่รามเตรียมตัวเตรียมใจ”

“พี่จะต้องเตรียมใจทำไม หืม...แค่จอมไปเรียนต่อเอง พี่ไม่คิดถึงเราหรอกน่า”

“ใจร้าย นี่น้องนะ” เจ้าจอมโวยวายแต่ไม่จริงจังนัก

“หึหึ ไปทำงานต่อได้แล้วไป”

“ครับ”

เจ้าจอมยิ้มนิดๆ ที่อย่างน้อยวันนี้พี่ชายของตนก็อารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว...

บางที...เวลา มันช่วยเยียวยาหัวใจได้ ไม่ได้ลืม...ไม่ได้เลิกรัก แต่ก็อยู่ได้...

...

...

...


เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ก็ใกล้วันที่จักรต้องย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพอีกครั้ง โดยที่คราวนี้เขามีงานรออยู่ ไม่ใช่ไปหางานเอาดาบหน้า แต่ยิ่งคิดว่าจะต้องไป จักรก็ยิ่งใจหายที่ต้องห่างกับคนรัก

“คุณจอม พรุ่งนี้ผมเดินทางแล้วนะครับ”

“อืม...ฉันรู้แล้วน่า ทำไมนายทำหน้าแบบนั้นล่ะ” เจ้าจอมที่กำลังนั่งอ่านอะไรบางอย่างในโทรศัพท์ของตนหันมาถามร่างสูงที่กำลังเก็บกระเป๋าอยู่

วันนี้เจ้าจอมมานอนค้างที่บ้านของจักรเพราะจะเป็นคืนสุดท้ายก่อนจะไม่ได้เจอกันหลายเดือน ที่เห็นเจ้าจอมนิ่งๆ ไม่รู้สึกอะไร แต่ก็ใจหายไม่ต่างจากจักรที่แสดงออกมาทางสีหน้าอยู่ทุกวัน

“คุณจอม อยู่ได้แน่นะครับ”

“อยู่ได้ยังไงล่ะ ก็แค่ไม่มีใครมาตามตอแยเอง แต่จะว่าไปตั้งแต่ฉันให้โอกาสนายจนกระทั่งเราคบกัน นายก็ไม่เคยตอแยฉันเลยนี่ เพราะงั้นอยู่ได้ สบายมาก” เจ้าจอมยักไหล่สบายๆ แต่คำพูดน่าลงโทษมากสำหรับร่างสูง หากแต่เขาก็ไม่เคยที่จะกล้าทำอะไรคนรักตัวเองหรอก

เคยอยากจะลงโทษหลายครั้ง แต่ก็ไม่กล้าทำ ไอ้การลงโทษของเขาไม่ใช่เรื่องที่ใช้กำลัง ในเรื่องไม่ดีแต่อย่างใดนะ ก็แค่มันเขี้ยว อยากฟัดเฉยๆ แต่ไม่กล้าทำ

“คุณจอมพูดแบบนี้ ไอ้จักรก็น้อยใจเป็นนะครับ”

“น้อยใจอะไร พูดเป็นเด็กไปได้ นายอายุมากกว่าฉันนะ ต้องทำตัวพึ่งพาได้หน่อย”

“ที่ผ่านมาผมได้แต่ตามคุณจอม มองเห็นคุณจอมทุกวัน ไม่แม้จะมีโอกาสได้มายืนใกล้ๆ แบบนี้ด้วยซ้ำ พอได้ครอบครัว ผมยังคิดภาพตัวเองตอนไม่ได้เห็นคุณจอมไม่ได้เลย ต้องคิดถึงมากแน่ๆ”

เจ้าจอมละโฟกัสจากโทรศัพท์มามองคนรักตัวสูงที่ชอบพูดจาเลี่ยนๆ ให้เขิน ก่อนจะยิ้มมุมปากออกมา หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น

เจ้าจอมชอบฟังอะไรแบบนี้จากจักร

“เสี่ยว! คิดว่าตัวเองกำลังจีบสาวอยู่หรือไง”

“ผมจีบแค่คุณจอมคนเดียวนั่นแหละครับ”

“หึหึ...รู้ด้วยนะว่าพูดยังไงฉันจะใจอ่อน ฉันจะดีใจ”

ร่างเล็กส่ายหน้า เอาโทรศัพท์ในมือวางไว้บนหัวเตียง เพื่อให้ความสนใจผู้ชายตัวใหญ่ที่เรียกร้องความสนใจเหลือเกิน

“ผมเป็นคนที่รักคุณจอมนี่ครับ”

“มานอนได้แล้วมา อย่ามัวแต่จีบฉัน พรุ่งนี้ถึงจะเดินทางบ่ายแต่ก็ต้องนอนให้เพียงพออยู่ดี”

จักรไม่ได้คัดค้านอะไรเจ้าจอม เลยเดินไปปิดไฟนอนแต่โดยดี โชคดีที่วันนี้พระจันทร์เต็มดวง จักรเลยมองเห็นคนบนเตียงได้อย่างชัดเจน

เจ้าจอมไม่ได้นอนอย่างที่คิด...

“คุณจอม ไม่นอนหรือครับ”

“ถ้านอนนายก็เห็นสิ”

“ไหนบอกจะนอนไงครับ” จักรถามพลางขึ้นไปแทรกตัวข้างๆ กับเจ้าจอม

พรึ่บ!!!

ร่างบอบบางขึ้นมานั่งทับหน้าท้องของจักรทันทีที่ร่างแกร่งนอนราบลงกับที่นอน

“คุณจอม ทำอะไรครับ”

“ทำขนาดนี้แล้วยังจะไม่รู้อยู่อีกหรือไง”

“ก็พอรู้ครับ แต่คุณจอมบอกให้นอนไม่ใช่หรือครับ” จักรถามอย่างใสซื่อ

สาบานเลยว่าถ้าเจ้าจอมเห็นหน้าของร่างสูงตอนนี้ต้องตกใจ ขอบคุณที่หน้าของเขาแสงส่องมาไม่ถึง ไม่งั้น เจ้าจอมคงจะไม่ใช่คนเดียวที่เจ้าเล่ห์เป็นแล้ว เพราะว่าจักรตอนนี้ก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ตรงข้ามกับน้ำเสียงที่ถามคนรักออกไป

“งั้นนอน” เจ้าจอมพูดอย่างโมโห แล้วทำท่าจะลงจากตัวของจักร หากแต่มือแกร่งก็โอบรอบเอวเล็ก กอดเกี่ยวเอาไว้แน่น

“อย่าโกรธไอ้จักรเลยนะครับ”

“ฉันง่วงแล้ว ปล่อย” ร่างเล็กดิ้น หากแต่แขนแกร่งกลับกอดแน่นกว่าเดิม

“แต่ผมไม่ง่วง”

“กล้าขัดใจฉันเหรอ”

“ตามใจผมหน่อยสิครับ พรุ่งนี้เราก็ต้องห่างกันแล้วนะ”

“เดี๋ยวนี้กล้าต่อรองเหรอ”

“ผมมีสิทธิ์หรือเปล่าล่ะครับ”

พอรู้ว่าเป็นเจ้าของหัวใจ และร่างกายของฉันไปแล้ว นายก็ชักกล้าใหญ่แล้วนะ แต่แบบนี้ก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องกลายเป็นคนหน้าด้านเริ่มก่อนอีก

เพราะถ้านายเริ่มกล้า ฉันก็จะได้ไม่ต้องทำอะไรหน้าด้านๆ มากนัก

“ถ้าฉันบอกว่าไม่” เจ้าจอมถามกลับไป

“ผมก็จะถามต่อว่า ถ้าไม่ใช่ผม แล้วใครที่มีสิทธิ์”

“ไม่มีใครทั้งนั้นแหละ ตัวฉัน ฉันก็เป็นคนเดียวที่มีสิทธิ์”

“ใจร้ายจังนะครับ”

ร่างเล็กกว่าค่อยๆ โดนคนที่เคยเจียมเนื้อเจียมตัวมาตลอดพลิกไปนอนบนเตียงแทนก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะขึ้นคร่อม กักคนตัวเล็กกว่าเอาไว้ใต้ร่างของตัวเอง

“ทำอะไร”

“เปล่านี่ครับ”

“ถ้าฉันเห็นหน้านายตอนนี้ ฉันว่าฉันคงอยากจะถีบนายแรงๆ แน่นอน”

“แล้วทำไมไม่ถีบเลยล่ะครับ”

“ท่าของฉันตอนนี้คงจะยกขาได้หรอก ล็อกแน่นขนาดนี้เนี่ย” เจ้าจอมประชดออกไป

จักรไม่พูดอะไรอีก แต่โน้มใบหน้าของตัวเองเข้าหาเจ้าจอมแล้วประทับริมฝีปากเข้ากับริมฝีกของเจ้าจอมเบาๆ อย่างอ่อนโยน ไม่มีการรุกล้ำ หรือบดเบียดใดๆ มีแค่สัมผัสบางเบาที่จักรมอบให้คนที่ตนรักก็เท่านั้น แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้เจ้าจอมใจอ่อน ยอมหมดแล้วทุกอย่าง

ร่างเล็กกว่ายกแขนขึ้นโอบรอบคอแกร่งแล้วเป็นฝ่ายกอดศีรษะของจักรเข้าหาตัวเอง ปลายลิ้นเล็กรุกล้ำเข้าไป แล้วทั้งสองก็ตอบรับสัมผัสอย่างอ่อนหวานนุ่มนวลของกันและกัน

“ผมต้องคิดถึงคุณจอมมากแน่ๆ” จักรผละริมฝีปากออกมาแล้วพูดเสียงเบา

“หึหึ ก็อยู่ประเทศเดียวกันเอง ทำอย่างกับอยู่ห่างกันงั้นแหละ”

“แค่ไม่ได้เห็นหน้าคุณจอมหนึ่งวัน ผมก็จะตายแล้วล่ะครับ”






50%

:katai4:

แวะมาลงดึกๆ จริงๆ ก็เป็นวันใหม่แล้ว ขอโทษนะคะ นอนเพลินไปหน่อย แหะๆ อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะ ^_^ -ขอบคุณมากๆ ค่า

มีอะไรก็ไปพูดคุย สอบถาม ทวงนิยายหรือติดตามข่าวสารของยูกิได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
สงสารอีรามนิดนึงก็ได้ อิอิ

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เห็นใจคุณราม ขึ้นมานิดนึง

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อีกนานแค่ไหนกว่า เราจะได้พบกัน..
อ่ะฮึกๆ.. (อันนี้เป็นความในใจของราม.. #รามไม่ได้กล่าว
55+

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1600
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
สงสารรามจัง โถๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ hikkie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ธีร์ลงมาเล่นงานรามแน่ ทำเพื่อนรักร้องไห้

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
โอ๊ยยย เจ้าจอม
หวานจังงงงง
ปล.สงสารราม แต่นังไใพอ
ขอมากกว่านี้ค่ะ !!!

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :laugh:



รามอ่วมแน่งานนี้

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
ตอนที่ 47 ครึ่งหลัง






“อย่ามาเวอร์น่า...ถามหน่อยสิ อะไรที่ทำให้นายรักฉันมากมายขนาดนี้” เจ้าจอมถาม โดยที่ท่าของทั้งคู่ก็ยังอยู่กันในท่าเดิม

“คงเป็นเพราะความไม่ถือตนของคุณจอมล่ะมั้งครับ ตอนนั้นคุณจอมถือเป็นคุณหนูของที่นี่ การที่ผมได้รับความช่วยเหลือจากคุณจอมมันทำให้ผมรู้สึกตื้นตันใจ แล้วพอมองใบหน้าของคุณจอมผมก็รู้สึกเหมือนกับเห็นเทวดาอยู่ตรงหน้า แล้วก็ตกหลุมรักเลยครับ”

“แล้วมั่นใจได้ยังไงว่ามันคือความรัก ทั้งๆ ที่นายเองก็ไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อน”

“ไม่รู้สึกครับ แต่ที่ผมรู้ก็คือผมรู้สึกกับคุณจอมต่างกับคนอื่น ผมใจเต้นแรง ผมดีใจที่ได้เห็นคุณจอม และผมก็รู้สึกหวงคุณจอมทุกครั้งที่มีคนอื่นมายุ่ง”

จักรเป็นคนใสซื่อก็จริงแต่ไม่ได้โง่ขนาดที่จะไม่รู้ว่าตัวเองคิดหรือรู้สึกยังไง

หัวใจของเขา เขารู้ว่ามันคิดและรู้สึกยังไง...

“แล้วทำไมถึงกล้าจีบฉัน”

“เพราะผมคิดว่าตัวเองคงไม่สมหวัง ก็เลยกล้าจีบ”

“กะจีบเล่นๆ สินะ” เจ้าจอมถามเสียงเบา ไม่ได้รู้สึกน้อยใจหรือเสียใจอะไรหรอก เพราะเข้าใจดี เพราะถ้าเจ้าจอมเป็นจักรก็คงจะทำแบบเดียวกัน

“แต่ความรู้สึกคือของจริงนะครับ”

“แล้วมาเอาจริงเอาจังได้ยังไง อย่าบอกนะว่ากลัวฉันจะชอบพี่อิน”

“ครับ ผมเห็นคุณจอมสนใจไอ้อินทั้งๆ ที่มันมาได้ไม่กี่วันเอง จากที่คิดว่าจีบเล่นๆ แต่พอคิดว่าสักวันคุณจอมต้องเป็นของคนอื่น ผมก็กลับไม่อยากยอมเสียงั้น เพราะแบบนี้ผมเลยเดินหน้ารุกคุณจอมเต็มกำลังเลย”

“ฮะๆ จริงๆ แล้ว ฉันมีความลับบางอย่างจะบอกนายล่ะ” เจ้าจอมพูดกลั้วเสียงหัวเราะ

“อะไรหรือครับ”

“เอาไว้ถึงเวลาฉันจะบอกเองนะ ตอนนี้นอนได้แล้ว” ร่างบางตัดบท ทำเอาจักรถึงกับขมวดคิ้วเพราะค้างคากับเรื่องที่เจ้าจอมอยากจะบอก แต่ก็ไม่ยอมบอก

“เวลานั้นคือตอนไหนล่ะครับ”

“ก็เร็วๆ นี้แหละน่า”

“หืม...”

“ลงไปนอนได้แล้วไป”เจ้าจอมไล่จริงจัง เพราะตนรู้สึกอยากจะนอนแล้ว

หากแต่จักรกลับไม่ยอมปล่อยให้คนใต้ร่างได้รับอิสระ แถมยังประกบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้ทั้งเร่าร้อน รุนแรง จนร่างเล็กกว่ารู้ได้เลยว่า...คงไม่ได้นอนในเร็วๆ นี้แน่

“อื้ม...”

“ขอนะครับ”

“อ๊ะ...อื้อ”

ถ้าจะขออนุญาตกันแต่ไม่ยอมรอฟังคำตอบแบบนี้ ทีหลังก็ไม่ต้องถามหรอกนะ...เจ้าจอมได้แต่คิดอย่างไม่จริงจังนัก เพราะตนเองก็ไม่อยากจะขัดใจจักรเหมือนกัน

ไหนๆ พรุ่งนี้เราก็จะต้องแยกกันแล้ว ให้กำลังใจกับจักรไปก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร ยังไงเราก็เป็นแฟนกัน เป็นคนรักกัน เรื่องแบบนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

ดินคนนี้ขอโอบกอดเดือนเอาไว้ ก่อนจะถึงเวลาที่เขาจะได้อยู่ด้วยกัน...

 ...

...

...


“ถ้าลืมอะไรก็โทรมาบอกนะ ฉันจะส่งไปให้ แล้วที่อยู่กับเบอร์โทรของพี่อินน่ะอยู่ในกระเป๋าสะพายช่องนอกสุดนะ อย่าทำหายล่ะ ไปถึงสนามบินแล้วให้นายนั่งแท็กซี่ไปที่นั่นเลย พี่อินบอกว่าไม่ว่างมารับแต่ที่คอนโดจะมีลูกน้องรอรับอยู่” เจ้าจอมพูดยาวเหยียดด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล เช็คนั่นเช็คนี่ให้กับคนรักอย่างจริงจัง จนคนที่มองอยู่อย่างจักรระบายยิ้มอ่อนโยนออกมา

ดีจริงๆ ที่มีเจ้าจอมอยู่ข้างกาย จากนี้ไปเขาจะทำทุกอย่างให้สามารถยืนข้างกายกับเจ้าจอมได้อย่างเต็มภาคภูมิ จะต้องไม่มีใครมาว่าเขาไม่เหมาะสมอีกต่อไป

เขาจะทำให้เจ้าจอม เป็นคนที่โชคดีและมีความสุขที่สุด

“รับทราบครับคุณจอม ผมไม่ลืมหรอก ผมเองก็เคยอยู่ที่กรุงเทพมาก่อนนะครับ เรื่องแค่นี้สบายมากเลย”

เครื่องบินก็เคยนั่งมาแล้ว เรื่องนี้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก...

“ฉันแค่เป็นห่วง”

“ขอบคุณครับที่เป็นห่วง”

“เอาไว้ฉันจะไปเยี่ยมนายก็แล้วกันนะ” เจ้าจอมยิ้ม

“ผมอยากให้ถึงวันนั้นไวๆ”

“จะบ้าหรือไง นายยังไม่ไปเลยนะ” เจ้าจอมเอ็ด

“แค่คิดว่าจะไป...” ก็แทบจะขาดใจแล้วล่ะครับ ประโยคนี้เขาพูดในใจเพราะกลัวว่าเจ้าจอมจะไม่สบายใจที่เขารู้สึกอ่อนแอที่ต้องจาก

จักรไม่อยากให้เจ้าจอมเห็นว่าเขาอ่อนแอ

“ทำไม”

“เปล่าครับ” รีบปฏิเสธทันที

“อ่า...ก็ดีแล้วล่ะ เอ้าถึงเวลาแล้ว ไปที่เครื่องได้แล้วไป แยกกันตรงนี้แหละ ขอให้นายโชคดีนะ ดูแล รักษาตัวเองดีๆ กินข้าวให้ครบทุกมื้อด้วย ถ้าไม่สบายหรือมีปัญหาอะไรโทรรายงานฉันให้ตลอดด้วยนะ ไม่งั้นฉันจะตามไปฆ่านายถึงที่นั่นเลย”

“ครับคุณจอม”

“ทำให้ได้ล่ะ”

“ผมรักคุณจอมนะครับ” ร่างสูงโพล่งบอกรักออกมาให้ได้ยินกันแค่เขาสองคน

วันนี้มีเพียงเจ้าจอมที่มาส่งคนรักขึ้นเครื่องไปกรุงเทพ ส่วนรามินทร์ ขรรค์และหมอเงินจักรได้ลาเรียบร้อยแล้วที่รีสอร์ทก่อนจะออกมา

“อื้อ...ฉันก็รักนาย”

“ดูแลตัวเองด้วยนะครับคุณจอม”

“รับรองน่า ฉันจะไม่มีทางเป็นอะไรเด็ดขาด แล้วเจอกันนะจักร” ร่างบางยิ้มออกมา แม้ว่าในใจจะรู้สึกว่าใจหายไปแล้วก็ตามที

เจ้าจอมไม่คิดว่าพอถึงเวลาที่ต้องแยกกันแบบนี้มาถึง มันจะมีผลต่อหัวใจได้มากขนาดนี้

“แล้วเจอกันครับ”

จักรหันหลังให้กับเจ้าจอม เป็นวินาทีที่ทำให้เจ้าจอมเข้าใจความรู้ของรามินทร์ตอนโดนคนที่รักหันหลังให้ทันที เจ้าจอมคิดมาตลอดว่าต่อให้ตนต้องแยกกับจักรก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะเราไม่ได้เลิกกัน

แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันไม่ใช่...

ตอนที่ยังมีจักรอยู่ข้างๆ ก็รู้แหละว่าต้องมาถึงวันนี้ แต่นั่นมันยังมีอีกคนอยู่เขาก็เลยรู้สึกเฉยๆ บ้าง พอมาวันนี้ วันที่จักรหันหลังให้แบบนี้ เจ้าจอมก็รู้สึกใจหายขึ้นมา

“ให้ตายสิเจ้าจอม จะทำยังไงดีเนี่ย”

ร่างบางพึมพำเบาๆ กับตัวเอง กำมือแน่นเพราะกำลังอดทนไม่ให้น้ำตาตัวเองไหลออกมา และก็เป็นจังหวะเดียวกับที่จักรหันมามองเขาอีกครั้ง สีหน้าของจักรไม่สู้ดีนักแต่ก็ฝืนทำเป็นยิ้มออกมา เจ้าจอมเองก็แทบจะร้องไห้ อยากจะวิ่งไปโอบกอด แต่ถ้าทำแบบนั้น จักรได้ตกเครื่องแน่ๆ มือบางเลยยกขึ้นโบกน้อยๆ พร้อมกับรอยยิ้มหวาน

จักรรีบหันกลับแล้วออกเท้าเดินต่อไปเร็วๆ เพราะกลัวใจของตัวเอง

ส่วนเจ้าจอมเองก็รีบหันหลังเดินจากตรงนั้นไปทันที...


ตอนนี้จักรมาหยุดอยู่หน้าคอนโดหรูที่แท็กซี่พามาส่ง ร่างสูงมองมันรอบๆ อย่างไม่ค่อยมั่นใจนักว่าจะใช่ที่เดียวกันหรือเปล่า แต่ถามพี่คนขับแท็กซี่แล้ว ก็มีที่นี่อยู่ที่เดียว

เป็นคอนโดในเครือของ เพลิง เรียลเอสเตท

อย่าบอกนะว่า คอนโดที่จะเขาอยู่คือที่นี่...คงแพงและใหญ่น่าดูเลย

“แล้วจะเข้าไปตรงไหน ยังไงวะเนี่ย”

แค่วันแรกเขาก็ไปอะไรไม่เป็นแล้ว แบบนี้จะไปรอดไหมเนี่ย

“โทรหาไอ้อินสินะ” จักรหาที่ยืนที่ไม่เกะกะทางเดินแล้วหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าของตนขึ้นมากดเบอร์ที่เจ้าจอมแนบเอาไว้ให้ รอสายสักพักก็มีคนรับ

(สวัสดีครับ)

“อิน...กูอยู่หน้าคอนโดแล้วนะ”

(มาถึงแล้วหรือวะ เข้ามารอด้านในก็ได้ เดี๋ยวกูลงไปรับ) อินทัชบอกมา แต่คนฟังกลับส่ายหน้าไปมาทันทีราวกับว่าอินทัชจะมองเห็นการปฏิเสธนี้

“ไม่เอาอ่ะ กูไม่กล้าหรอก การแต่งตัวของกู ขืนเข้าไปข้างใน พนักงานคงไล่ออกมาอ่ะ”

(คุณเพลิงเขาไม่อบรมพนักงานแย่แบบนั้นหรอกนา)

“กูจะรอข้างนอก มึงรีบมาเลยนะ คนมองกูอย่างกับคนประหลาดอยู่เนี่ย” จักรเร่งอินทัช ทั้งๆ ที่ม่มีใรมองอะไรเขาเลยก็ตามที

(ไอ้เวอร์ เออๆ เดี๋ยวกุลงไป ห้านาที)

“นานไป”

(จะนานก็เพราะมึงไม่วางสายนั่นแหละ)

“งั้นวาง” พูดจบ มือแกร่งก็กดตัดสายที่ปุ่มสีแดงของโทรศัพท์ตัวเองแล้วเก็บเข้ากระเป๋าทันที ทิ้งให้ปลายสายอ้าปากค้างอย่างอึ้งๆ แต่อินทัชก็รีบลงมาหาจักรทันทีเพราะคิดว่าคนที่เดินทางมาเหนื่อยๆ คงอยากจะพักเต็มแก่แล้ว

“ไงมึง ไม่เจอกันตั้งเดือนกว่า ดำเหมือนเดิมนี่หว่า”

“ปากหมาขึ้นนะไอ้อิน แต่...หล่อนี่หว่า” จักรชมพลางใช้สายตามองร่างโปร่งในชุดเรียบๆ ตามฉบับของตน แต่ก็ดูดี ดูแปลกตาจากที่เคยเห็นมาตลอดอยู่ดี

“หึหึ หล่อของกูอยู่แล้ว ตามกูมา จะพาไปห้องของมึง”

“อือ...จริงๆ แล้วเช่าที่เล็กๆ ถูกๆ กว่านี้ให้กูก็ได้นะ กูคิดว่าคงไม่มีปัญญาจ่ายค่าห้องแน่ๆ”

“ห้องฟรีส่วนค่าน้ำ ค่าไฟกูจะหักจากเงินเดือนก็แล้วกัน”

“ทำไมค่าห้องถึงฟรี”

จักรถามขณะที่เดินขนาบข้างไปกับอินทัชเข้าไปยังตัวคอนโดหรู หากแต่อินทัชก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมา จักรเลยเดินตามเงียบๆ เพราะเข้าใจว่าอินทัชคงอยากจะให้นั่งคุยกันดีๆ มากกว่ามาเดินคุยกันแบบนี้

“นี่ห้องของมึง เป็นแบบใช้คีย์การ์ดกับรหัสผ่าน ดูกูนะ แล้วจำเอาไว้” อินทัชเปิดประตูห้องให้กับจักร ซึ่งจักรก็มองตามอย่างตั้งใจ จำรหัสผ่านเอาไว้ให้ขึ้นใจเลย

เมื่อสองเท้าพาเขาเข้าไปในห้องที่เรียกว่าคอนโด จักรก็ได้แต่เบิกตากว้างมองไปรอบๆ ห้องด้วยความตกใจปนความสนอกสนใจ

“นี่เป็นห้องของมึง มีสองห้องนอน แล้วก็มีห้องน้ำในตัว ด้านนอกอีกหนึ่งห้อง มีครัว มีห้องนั่งเล่น แล้วก็โซนทำงานให้ ห้องนี้เป็นห้องที่กูซื้อเอาไว้ให้เพื่อนเช่า แต่พอดีเพื่อนกูมันไปทำงานต่างประเทศก็เลยเลิกเช่าไป ที่นี่ก็เลยไม่มีใครอยู่ ส่วนห้องข้างๆ นี้เป็นห้องของกู มึงจะไปหากูก็ได้ เดี๋ยวเย็นนี้ไปกินข้าวกับกูนะ มีเพื่อนอยากแนะนำให้มึงรู้จักเอาไว้”

“ห้องไหน?”

“ห้องข้างๆ นี่ไง ถัดจากห้องมึงนี่แหละ”

“อ๋อ...อิน มึงไม่คิดว่ามันใหญ่ไปสำหรับกูหรือวะ อยู่คนเดียวด้วย” จักรถามเสียงเครียด

“เดี๋ยวก็ชิน กูก็ยังอยู่คนเดียวเลย”

“แล้วทำไมไม่ให้กูอยู่กับมึงวะ ห้องมึงก็น่าจะมีสองห้องนอนไม่ใช่หรือไง” ร่างแกร่งถามอย่างสงสัย

ทั้งๆ ที่อยู่คอนโดเดียวกัน แต่ทำไมต้องแยกห้องกันอยู่

“ห้องของกูเอาไว้เผื่อเพื่อนกูมาค้างไง ส่วนที่ให้มึงอยู่คนเดียวเพราะกูคิดว่าเจ้าจอมหรือขรรค์ก็อาจจะมาเยี่ยม มาหามึงไง”

“เออ...จะพยายามทำตัวให้ชินก็แล้วกัน”

“อ้อ ในห้องนอนของมึงกูเลือกเอาไว้ให้แล้วนะเป็นห้องด้านซ้ายมือ ห้องใหญ่สุด ในนั้นนะมีโซนแต่งตัวต่างหากใกล้ๆ กับห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้ากูเตรียมทั้งชุดทำงานแล้วก็ชุดไปรเวทเอาไว้ให้มึงแล้ว ที่มึงเอามาจะใส่ก็ได้ แต่อย่าใส่ไปข้างนอก เข้าใจนะ” อินทัชทั้งบอกทั้งสั่ง

“นี่มึงต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ”

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า มึงมีเงินเดือนเยอะเมื่อไหร่กูจะเรียกเก็บเงินจากมึงคืนแน่ๆ ไม่ต้องกังวล” อินทัชพูดดัก เพราะรู้ว่าจักรคงไม่อยากรับของของใครมาแบบฟรีๆ แน่ๆ

ผู้ชายน่ะ ร้อยทั้งร้อยจะเหมือนกันตรงรักศักดิ์ศรีของตัวเองเนี่ยแหละ

“ขอบใจมากนะอิน มึงเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ ว่ะ”

“หึหึ ไม่ต้องมายอ กูขนลุก” ทำท่าประกอบไปด้วย

“ไอ้นี่ คนอุตส่าห์ทำซึ้ง” จักรว่า

“ไม่ต้องหรอกน่า ที่ผ่านมามึงก็ช่วยกูมาตั้งเยอะ ถ้าไม่มีมึงนะจักร ป่านนี้กูคงฆ่าตัวตายไปแล้วล่ะ” อินทัชพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงใจ บ่งบอกถึงการขอบคุณอย่างแท้จริง

“กูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

“ทำสิ ทำเยอะด้วย เราเลิกคุยเรื่องนี้กันเถอะ” อินทัชเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากที่จะคิดถึงใครบางคนที่เกือบเดือนแล้วที่เขาตัดขาดมันออกไปจากชีวิต

“มึงไม่มีงานเหรอ”

“มี...เดี๋ยวสักพักก็จะกลับห้องไปเคลียร์ต่อแล้วล่ะ คุยกับมึงก่อน เดี๋ยวจะหาว่ากูไม่สนใจ”

“ไม่หรอก มึงไปทำงานเถอะ กูจะสำรวจห้องหน่อย”

“โอเคๆ มีอะไรก็โทรหาแล้วกัน ลืมบอกไป กูเตรียมโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้มึงแล้ว อยู่บนเตียงในห้องนอนนะ ไปลองหัดใช้ดูแล้วกัน”

“ห๊ะ!! เออๆ ขอบใจมาก”

“เอาน่า กูไม่อยากได้ยินคำขอบคุณแล้วล่ะ ไปพักเถอะ กูขอตัวก่อน เดี๋ยวตอนเย็นกุจะมาหาใหม่นะ” อินทัชบอกแค่นั้นก็เปิดประตูห้องของจักรออกไปทันที ส่วนร่างสูงก็ถือกระเป๋าของตนเข้าไปด้านใน เห็นความใหญ่โตของมันก็ชักจะทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะต้องไปทางไหนก่อนดี

“ใหญ่ชะมัด เกิดมาไม่เคยคิดเคยฝันว่าตัวเองจะมีโอกาสได้มาอยู่ในที่แบบนี้”

นี่มันเป็นการเริ่มต้นเท่านั้น ยังมีเรื่องที่จักรต้องฝ่าฟันอีกมากมายเลยล่ะ...






100%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ครบแล้วจ้า อ่านแล้วเม้นท์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ^^

พูดคุย สอบถาม ทวงนิยาย ได้ที่แฟนเพจของยูกิเลยค่ะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ให้กำลังใจจักรนะ สู้ๆ เพื่ออนาคต
ปล.คิดถึงรามเบาๆ แต่คิดถึงธีร์หนักมาก 55+

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เพื่อนไม่ทิ้งเพื่อน การให้ใจแก่กันและกัน เรื่องอื่นไม่สำคัญเท่าการให้ใจ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
พี่ราม คิดถึง คุณอิน.. ชิมิ..
มาเยี่ยมจักร เร็ว... มาน้องจอมมาด้วยนะ..  :katai2-1:

ออฟไลน์ Gato88

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ฮือออ ตามอ่านจทันแล้ว ชอบมากเลยยยยย

ตอนแรกเคยอ่านแล้ว แต่มีช่วงนึงหายไปแล้วก็ไม่ได้ตาม พอมาเจออ่านย้อนหลังตั้งแต่แรกเลย ชอบมาก รอตอนต่อไปเรื่อยๆนะจ้ะ :กอด1: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
อินเปนคนดีจริงๆ เสียใจแทนราม

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ hikkie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เซอร์ไพส์ข้างห้องอาจเป็นเจ้าจอมก็ได้เนอะ จักร

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 48
พิสูจน์ด้วยชีวิต




จากที่แม่ของหมอเงินมาเยี่ยมคราวนั้น อยู่ประมาณอาทิตย์หนึ่งเธอก็กลับไป ผ่านมาเดือนกว่าๆ เงินก็มีสัมมนาที่กรุงเทพหนึ่งอาทิตย์ ขรรค์ก็เลยถือโอกาสลาพักร้อนด้วยเพื่อมาขับรถให้กับคนรัก

แต่จักรกลับต้องพบกับเรื่องหนักใจนั่นก็คือ เขาต้องมาค้างที่บ้านของเงินซึ่งไม่ใช่โรงแรมอย่างที่คิด เพราะฉะนั้นในช่วงที่เงินไปเข้าสัมมนา เขาก็ต้องอยู่ที่บ้านซึ่งมีแม่ของเงินอยู่เลี้ยงหลานตลอดเวลา

บรรยากาศระหว่างเขากับแม่ของเงินมันดีขึ้นก็จริง แต่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกเกร็งๆ อยู่

“ชื่น เอากระเป๋าของคุณๆ ขึ้นไปเก็บที่ห้องของเงินให้หน่อยไป” แม่ของหมอเงินสั่งเด็กรับใช้ในบ้าน

“ค่ะ คุณผู้หญิง”

“แล้วนี่หิวกันไหม จะให้เด็กทำให้กิน” สร้อยหันมาถามลูกชาย แต่ในตัวประโยคก็หมายถึงขรรค์ด้วยเช่นกัน

“ผมกับขรรค์ทานมาแล้วระหว่างทางครับ รอตอนเย็นทีเดียวเลยดีกว่า ตอนนี้น้องรักษ์อยู่ไหนครับ”

“นอนกลางวันอยู่ห้องนั่งเล่นนู่น”

“เสียดาย ต้องรอตื่นก่อนใช่ไหมเนี่ย”

“ก็ทำไมลูกไม่มาแต่เช้าล่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมยังมีโอกาสได้นอนกับน้องรักษ์อีกหลายวัน” เงินว่าอย่างไม่สนใจที่มาไม่ทันก่อนลูกชายนอนกลางวัน

ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้พักด้วย

“งานเป็นไปได้ด้วยดีใช่ไหมลูก”

“ก็เรื่อยๆ แหละครับ แต่ช่วงนี้มีคนป่วยเยอะมากเลยครับ อาจจะเป็นเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ฤดูหนาว ยังไงแม่ก็ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ”

“จ้าๆ แม่ดูแลตัวเองตลอดนั่นแหละ”

“แล้วนี่พ่อไปไหนครับ ไม่เจอนานแล้ว คิดถึงมากๆ เลย”

“อยู่โรงพยาบาลสิ จะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ถ้าคิดถึงก็โทรหาแล้วก็ไปรับพ่อกลับบ้านสิลูก”

“จริงด้วยสินะครับ งั้นตอนเย็นผมไปรับพ่อดีกว่า”

“จ้าๆ แต่ตอนนี้ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนไป แล้วค่อยพักผ่อน นายก็ด้วย พักผ่อนตามสบายเลย” ประโยคสุดท้ายสร้อยกันมาพูดกับขรรค์ ซึ่งร่างแกร่งก็ยิ้มรับอ่อนๆ

“ครับ”

“โห ได้กลับมาบ้านทั้งที อยู่คุยกับแม่ดีกว่า ส่วนขรรค์จะไปข้างนอกก็ได้นะ เป็นห่วงจักรไม่ใช่หรือไง” หมอเงินถามคนรัก

“ครับ”

“ใครหรือลูก”

“จักรเขาเป็นพี่ที่ขรรค์เคารพน่ะครับ ตอนนี้มาทำงานกับอิน เพื่อนที่ผมบอกว่าเป็นนักธุรกิจน่ะครับ”

“งั้นหรือ...จะไปไหมล่ะ ฉันจะได้ให้คนขับรถพาไป” เธอถามเรียบๆ เหมือนไม่ใส่ใจ แต่นั่นเป็นเพราะทิฐิที่ยังคงมีมากกว่าที่ทำให้เธอยังเสียงแข็งกับขรรค์อยู่

“ไม่เป็นไรครับ ผมขับไปเองดีกว่า”

“ไปถูกหรือ”

“ถูกครับ ผมขับรถในกรุงเทพบ่อย ก็พอรู้เส้นทางอยู่บ้างครับ”

“แล้วจะไปหาที่ไหนล่ะ”

“บริษัท อัมรินทร์ กรุ๊ปน่ะครับ ผมจะไปเยี่ยมจักรกับอินหน่อย” ขรรค์ตอบ

“เอ๊ะ! บริษัทของคุณอิศวรนี่ ตอนนี้ลูกชายของคุณอิศวรเป็นคนดูแลบริหารอยู่นะ” เธอโพล่งออกมา

“แม่รู้จักด้วยหรือครับ” เงินถามอย่างสงสัย

“ก็ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวหรอกลูก แค่เห็นตามข่าวสังคมบ้างน่ะ”

“นึกว่ารู้จักเป็นการส่วนตัวเสียอีก”

“แล้วเพื่อนของลูกทำแผนกอะไรในบริษัทน่ะลูก เอ๊ะ...แต่เงินบอกแม่ว่าเพื่อนคนนี้เป็นนักธุรกิจนี่ อย่าบอกนะว่า...”

“ใช่ครับ เพื่อนของผมชื่ออินทัช ชยอัมรินทร์ ตอนนี้เป็นผู้บริหารอัมรินทร์ กรุ๊ปน่ะครับ”

“จริงหรือลูก!! ทำไมถึงได้รู้จักคนระดับนี้ได้ล่ะ” เธอเอามือทาบอกอย่างตกใจ แล้วถามลูกชายอย่างคาดไม่ถึงที่ลูกชายตนจะรู้จักคนระดับนี้ได้

“ก็เรื่องมันยาวน่ะครับ แล้วอินก็ไม่อยากให้ผมเล่าให้ใครฟังด้วย ขอโทษนะครับแม่”

“ไม่เป็นลูก แม่ก็ไม่อยากรู้เท่าไหร่หรอก แค่สงสัยที่ลูกจะเป็นเพื่อนกับคนระดับนั้นน่ะ แต่เอ๊ะ! เขาอายุน้อยกว่าลูกไม่ใช่หรือตาเงิน” ถามทันทีเมื่อนึกขึ้นมาได้

“ครับ แต่เราตกลงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเรียกผมสุภาพอยู่ดี แต่อินเขาจะสนิทกับจักรมากกว่าน่ะครับ เลยเอาจักรมาทำงานด้วย”

“ถือว่าลูกมีเพื่อนที่ดีไปนะ”

“ถ้าอย่างงั้นผมขอตัวก่อนะครับ”

“มาให้ทันข้าวเย็นล่ะ ฉันจะทำรอ”

“เอ่อ...ได้ครับ”

“รีบไปเถอะขรรค์ เงินจะอยู่คุยกับแม่ที่นี่แหละ ขับรถดีๆ นะ” เงินพูดกับคนรัก ร่างสูงพยักหน้าแล้วยิ้มให้ก่อนจะลุกออกไปทันที

จริงๆ แล้วจุดประสงค์หลักที่ขรรค์ไปวันนี้เลย เพราะอยากจะให้แม่ลูกได้อยู่ด้วยกันมากกว่า เพราะตอนที่แม่ของเงินไปที่นั่น ก็แทบจะไม่ได้อยู่กับลูกชายเลย แล้วครั้งนี้เงินก็มีเวลาแค่ไม่กี่วัน ถ้าอะไรที่ขรรค์พอจะทำได้ก็ทำ ให้สองแม่ลูกได้อยู่ด้วยกันเพื่อไม่ให้สร้อยรู้สึกว่าเงินเห็นคนรักดีกว่าตน

จุดประสงค์รองก็คือ รามินทร์วานให้เขารายงานความเป็นไปของอินทัช ขรรค์ก็เลยจำเป็นต้องไปหาอินทัชกับจักร แม้ว่าจะไม่ได้เป็นห่วงจักรอย่างที่บอกก็เถอะ

“เดือดร้อนจริงๆ ตัวเองยังเอาไม่รอด”

ไม่บ่อยนักหรอกที่ขรรค์จะบ่นออกมาแบบนี้ ปกติเขาจะเก็บมันเอาไว้ในใจ


“ขอโทษนะครับ ผมมาพบคุณอินทัชน่ะครับ” ขรรค์เดินเข้าไปแจ้งกับประชาสัมพันธ์ทันทีที่รวบรวมความกล้าเข้าไปด้านในตัวบริษัท ที่พอได้เข้ามากลับรู้สึกใหญ่กว่าที่คิดและใหญ่กว่าที่เห็นจากภายนอกเสียอีก

เรารู้จักคนระดับนี้ได้เพราะคุณรามจริงๆ

“ได้นัดกับท่านไว้หรือเปล่าคะ”

“นัดครับ”

“ขอทราบชื่อด้วยค่ะ”

ต้องถามกันถึงขนาดนี้เลยหรือวะเนี่ย? ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

“ขรรค์ชัยครับ”

“คุณขรรค์ชัยนะคะ เชิญได้เลยค่ะ” เธอผายมือไปทางลิฟต์ ซึ่งร่างสูงก็ก้มหน้าให้น้อยๆ เป็นการขอบคุณเธอก่อนที่ตนจะเดินตรงไปที่ลิฟต์แล้วกดชั้นที่ได้คุยกับอินทัชก่อนหน้านี้มาแล้ว

สรุปแล้วทุกคนก็ติดต่อกับอินทัชอย่างปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่คนที่ถูกตัดขาดออกไป ก็คือรามินทร์ แค่รามินทร์คนเดียวเท่านั้นที่อินทัชไม่ได้ติดต่อด้วย

“มาพบคุณอินทัชครับ”

“ที่นัดไว้ใช่ไหมคะ คุณ...เอ่อ”

“ขรรค์ครับ”

“คุณขรรค์นะคะ รอสักครู่ค่ะ พอดีคุณอินกำลังอ่านสรุปการประชุมอยู่น่ะค่ะ” พูดจบเธอก็ต่อสายตรงหาเจ้านายในห้องว่าขรรค์มาแล้ว ซึ่งอินทัชก็รีบบอกให้เข้าไปทันทีแล้วก็ให้โทรลงไปที่ฝ่ายออกแบบและตกแต่งให้จักรที่กำลังฝึกงานเกี่ยวกับการออกแบบและตกแต่งมาพบที่ห้องด้วย

ไม่นานในห้องทำงานก็พร้อมด้วยทั้งจักรและขรรค์

“มึงเป็นไง สบายดีนะ” จักรถามขรรค์ทันทีที่เห็นหน้าของอดีตเจ้านายและน้องชายที่สนิท

“ก็สบายดีตามที่เห็นแหละพี่ แต่พี่มาทำงานที่นี่ แต่งตัวดูดีนี่หว่า”

“มึงอย่าทักดิ กูอายนะเว้ย” จักรว่า หน้าเข้มๆ แดงขึ้นมาบ่งบอกว่าเจ้าตัวอายจริงๆ ขรรค์ก็ได้แต่หัวเราะน้อยๆ เพราะไม่เคยเห็นว่าจักรจะเขินหรืออายแบบนี้

“แต่ชุดมันดูดี เข้ากับพี่มากๆ เลยนะ ใครเลือกให้”

“ไอ้อินนู่น จัดการทุกอย่าง”

“กูก็แค่อยากให้มึงแต่งตัวดีๆ ก็แค่นั้น แล้วงานเป็นไงบ้างล่ะ”

“ก็ดีนะ แต่มันลำบากที่กูต้องมาหัดใช้คอมฯ เนี่ยแหละ ไอ้คอมฯ ไม่เท่าไหร่นะมึง โปรแกรมเหี้ยอะไรใช้ยากใช้เย็นจังวะ แค่กระดาษกับดินสอทำงานไม่ได้หรือไง” จักรได้ที่บนให้เจ้านายที่เป็นถึงเจ้าของบริษัทฟัง

“เออน่า ฝึกไปเรื่อยๆ มึงก็จะชำนาญเองแหละ คิดไว้ ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ว่าแต่นายล่ะขรรค์ ผ่านด่านแม่ยายหรือยัง” อินทัชหันมาถามขรรค์

“ไม่รู้สิ แต่บรรยากาศมันก็ดีขึ้นนะ”

“ฉันว่านะ แม่ของหมอเงินน่ะเลิกคิดจะกีดกันขรรค์แล้วล่ะ แค่ตอนนี้กำลังพยายามปรับตัวเข้าหานายอยู่”

“ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น” ขรรค์พยักหน้าเห็นด้วย

“แล้วนี่คุณรามเป็นยังไงบ้าง คุณจอมล่ะ” จักรถามต่อ

กึก!!

แค่ชื่อแรกก็ทำเอาร่างของอินทัชชะงักได้แล้ว ยอมรับเลยว่าชื่อนี้มีอิทธิพลกับหัวใจเขาสูงมากจริงๆ ตอนแรกคิดว่าเวลาจะช่วยทำให้อินทัชลืม แต่เปล่าเลย มันยังจำเต็มหัวใจ แต่แค่ไม่พยายามนึกถึงเท่านั้นเอง

“คุณจอมก็สบายดี แต่คนที่ไม่สบายคือคุณราม”

ประโยคนี้เรียกความสนใจจากอินทัชได้อย่างทันที

“คุณรามเป็นอะไร”

“ตรอมใจมั้งพี่ วันๆ เอาแต่ทำงานหนัก นี่เห็นจะขยายธุรกิจเยอะแยะเลย คุณรามเริ่มนัดคุยกับเพื่อนเพื่อจะร่วมลงทุนธุรกิจกันแล้วล่ะ”

“ขนาดนั้นเลยหรือวะ”

“อืม...คุณรามกลายเป็นอีกคนไปแล้วล่ะพี่ ไม่ยิ้ม แล้วก็ดุขึ้นด้วย พนักงาน คนงานไม่กล้าเข้าหาเลยพี่”

“น่าสงสารคุณรามเนอะ คนบางคนแถวนี้ก็ทิฐิมาก ทั้งๆ ที่คิดถึงเขาเหมือนกัน แต่ก็ทำเป็นไม่รู้สึกอะไร” จักรได้ทีแขวะอินทัชที่ทำเป็นอ่านเอกสารนิ่งๆ

“เนอะพี่...คนเรามันก็ต้องมีผิดพลาดกันได้บ้างแหละ จะมีใครที่ไม่เคยทำเรื่องเลวร้ายกันพี่ แค่ทำอยู่ในเลเวลไหนก็เท่านั้นเอง”

“กูเพิ่งเคยเห็นมึงพูดมากและพูดได้ดีก็ครั้งนี้แหละ” จักรแซวแต่ก็เห็นด้วยที่ขรรค์พูด

“ฉันก็พูดตามที่คิด”

“หิวไหม...จะพาไปกิน” อินทัชถามขึ้นมา เพื่อเปลี่ยนเรื่องและเปลี่ยนบรรยากาศ

“กูพักเที่ยงเสร็จแล้วไอ้อิน”

“ส่วนฉันก็กินมาแล้ว รอกินข้าวเย็นฝีมือแม่เงิน”

“เรื่องของพวกมึงละกัน”

“หมอเงินสบายดีนะ” จักรถามต่อ

“สบายดี ไม่มีอะไร”

“เบื่อพวกที่ได้อยู่ด้วยกันจริงๆ ดูอย่างกูนะ รักกันดีๆ ก็ต้องมาแยกจากกัน ส่วนบางคู่ ทั้งๆ ที่รู้สึกดีๆ ต่อกัน แต่ก็ยอมเจ็บกันทั้งคู่”

“ความรักเข้าใจยากเนอะพี่”

อินทัชหลับตาสงบสติอารมณ์ที่เริ่มพุ่งขึ้นสูงทุกครั้งที่โดนพาดพิง ใครไม่รู้ก็โง่มากแล้ว ในห้องก็มีกันอยู่สามคน แต่สองคนนั้นก็ชอบพูดพาดพิงบุคคลที่สาม แล้วบุคคลที่สามนั่นจะเป็นใครถ้าไม่ใช่เขา

จากนั้น ร่างโปร่งก็ได้แต่นั่งอดทนฟังสองคนนั้นพูดคุยกันไม่คิดจะแทรกอะไรขึ้นมา หากแต่เขาก็โดนพาดพิงอยู่ตลอดเวลา จนบางครั้งก็แทบอยากจะลุกขึ้นเดินไปถีบพวกมันคนละที...

...

...

...


วันต่อมา

“ส่งตาเงินถึงที่แล้วใช่ไหม” แม่ของหมอเงินถามร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาในตัวบ้านหลังจากที่ขรรค์ส่งคนรักไปสัมมนาแล้ว

“ครับ”

“งั้นก็พาฉันไปซื้อของหน่อยก็แล้วกัน”

“ตอนนี้เลยหรือครับ” ขรรค์ถาม

“ใช่! ทำไม ไม่ว่างงั้นเหรอ” คนอายุมากกว่าแสดงสีหน้าเอาเรื่อง ซึ่งใบหน้าคมก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที

“เปล่าครับๆ ผมว่างครับ”

“รออะไรล่ะ ตามมาสิ”

ขรรค์ทำหน้าที่ขับรถพาสร้อยและคนติดตามไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ที่สำคัญก็กลายเป็นคนเข็นรถเข็นตามหญิงสาวทั้งสองเดินเลือกซื้อของเข้าบ้าน

“ห้าพันหกร้อยแปดสิบแปดบาทเจ็ดสิบห้าสตางค์ค่ะ”

“เดี๋ยวผมจ่ายให้ครับ” ขรรค์อาสาแล้วยื่นบัตรเครดิตของตนที่ไม่ค่อยได้ใช้ไปให้พนักงานแคชเชียร์ทันที ซึ่งแม่ของหมอเงินก็ไม่คิดจะห้ามหรือแสดงท่าทางเกรงใจอะไร ก็แค่ยืนมองร่างสูงคนรักของลูกชายด้วยท่าทางที่เดายาก

“เรียบร้อยแล้วครับ คุณสร้อยจะไปไหนต่อหรือเปล่า”

“อืม...ฉันอยากได้ดอกไม้ ต้นไม้ลงสวนหน่อย”

“อยากไปที่ไหนครับ”

“เดี๋ยวฉันบอกทางก็แล้วกัน”

“ครับ”

เป้าหมายต่อไปคือร้านขายต้นไม้...

ขรรค์ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลยที่จะต้องมาทำอะไรแบบนี้แล้วมันก็ไม่ใช่การฝืนใจทำด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างเขาทำไปเพราะเขาจริงใจต่อทั้งแม่ของเงินแล้วก็จริงจังต่อความรักของเขากับหมอเงินด้วย

และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือขรรค์ไม่มีพ่อกับแม่ การที่ขรรค์ได้ทำอะไรให้กับแม่ของคนรักเขาก็รู้สึกเหมือนได้ทำให้กับแม่ของตน...

ถ้าได้เรียกแม่ของเงินว่าแม่ได้ก็คงดี...

“สวัสดีครับคุณสร้อย ไม่เจอกันนานเลยนะครับ วันนี้อยากได้อะไร บอกมาได้เลยครับ” เจ้าของร้านขายต้นไม้เดินเข้ามาถามไถ่ด้วยความสนิทสนม

“เดี๋ยวให้คนนี้เป็นคนเลือกก็แล้วกัน” สร้อยพยักเพยิดมาทางขรรค์

“หน่วยก้านดีนะครับเนี่ย แต่ผมไม่เคยเห็นเลย”

“เพื่อนของตาเงินน่ะค่ะ พามาช่วยเลือกต้นไม้ เขาเก่งเรื่องพวกนี้” สร้อยตอบยิ้มๆ ให้กับเจ้าของร้านต้นไม้ ขรรค์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองคนอายุมากกว่าด้วยความอึ้ง

แค่บอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับเงินก็ไม่น่าเชื่อแล้ว...

“โอ้ งั้นเชิญเลือกได้ตามสบายเลยนะครับ เรียกพนักงานได้ตลอดเวลาเลย ผมขอตัวก่อนนะครับ”

“ค่ะ”

“คุณสร้อยจะให้ผมเลือกจริงๆ หรือครับ”

“จริงสิ...หรือว่านายไม่อยาก”

“อยากครับ”

“งั้นก็ไปเลือกได้เลย ฉันจัดสวนใหม่”

“คุณสร้อยอยากได้แบบไหนล่ะครับ”

“เอาตามใจนายเถอะ อ้อ! ฉันอยากให้จัดตรงน้ำตกใหม่ด้วย พอดีจะเอาไว้นั่งอ่านหนังสือน่ะ อยากให้มันดูสวยและร่มรื่นกว่านี้ นายคงเคยเห็นอยู่ใช่ไหม”

“เคยเห็นครับ ผมพอจำได้อยู่ ถ้างั้นเดี๋ยวผมขอตัวไปเลือกของก่อนนะครับ คุณสร้อยจะไปรอตรงม้านั่งนั่นก่อนก็ได้ครับ” ขรรค์ว่าพลางชี้ไปยังจุดที่มีม้านั่งอยู่ ซึ่งแม่ของหมอเงินก็ได้แต่พยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนจะเดินนำคนติดตามไปตรงนั้นแบบไม่พูดไม่จาอย่างเคย ส่วนขรรค์ก็เดินไปเลือกต้นไม้กับของที่ต้องใช้ตกแต่ง


“กลับเลยนะครับ”

“ถ้าเรียบร้อยแล้วก็กลับเลย แต่ก่อนถึงซอยเข้าหมู่บ้าน จอดร้านขนมให้หน่อยนะ ฉันอยากกิน แล้วจะซื้อของโปรดเอาไว้ให้ตาเงินด้วย” สร้อยสั่ง

“ได้ครับ”

ขรรค์ก็ได้แต่ทำตามอย่างเต็มใจ แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเรียบนิ่ง แต่มันก็มีความสุขดี อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ถูกกีดกัน ขัดขวางจากแม่ของเงินแล้ว

แต่การยอมรับ นี่มันก็เรื่องหนึ่ง...







60%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

มาอัพต่อแล้วจ้า มะรืนเจอกันครึ่งหลังนะคะ อ่านแล้วเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะที่รัก มีอะไรสงสัย สามารถเข้าไปสอบถามยูกิได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อิจฉาาาาา และดีใจด้วยกับขรรค์นะ / จักรก็ดูภูมิฐานขึ้นเยอะเลย
ส่วนอินนะเหรอ โดนเพื่อนเอาเข็มทิ่มแทงให้เจ็บเล่นๆ ไปก่อนละกัน

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
 :z13:คู่รองแต่ละคนไปกันได้ดีสุดๆ
คู่หลักนี่หละ
ร่อแร่มากๆ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด