Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=  (อ่าน 228350 ครั้ง)

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
ตอนที่ 48 ครึ่งหลัง







ระหว่างที่ขรรค์ยืนรอแม่ของหมอเงินกับคนสนิทซื้อขนมอยู่ห่างๆ นั้น ชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ๆ สามคนก็เดินเข้าไปหาสร้อยเหมือนกับรู้จักกัน แต่ขรรค์ก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะเขาไม่ใช่คนที่จะตัดสินใจอะไรจากภายนอก แม้ว่าสามคนนั้นจะดูเป็นนักเลงหัวไม้ก็ตามที

แต่แล้วขรรค์ก็ต้องขมวดคิ้วแน่นที่เห็นว่าสามคนนั้นพยายามบังคับให้สร้อยกับคนสนิทออกจากร้านขายขนมไทยโดยท่าทางของสร้อยไม่ได้เต็มใจเลยสักนิด ขรรค์เห็นทีท่าว่าจะไม่ดีก็เลยตามไปดูอยู่ห่างๆ ไม่ได้เข้าไปแสดงตัวเลยแต่อย่างใด เพราะถ้าหากว่ามันเป็นเรื่องไม่ดีขึ้นมา อาจจะซวยกันทั้งสามคนก็ได้

“ก็ฉันบอกพวกแกแล้วไงว่าฉันจ่ายได้แค่เดือนละหนึ่งหมื่น” สร้อยพูดเสียงเครียด

“มันน้อยเกินไปหรือเปล่าเจ๊ ขนาดผ่อนรถยนต์สี่ปียังงวดละหมื่นสองกว่าเลย เถ้าแก่ไม่ได้ใจดีขนาดนั้นเจ๊ก็รู้ จ่ายเดือนละหมื่นแล้วเมื่อไหร่จะใช้หนี้หมด ไหนจะดอกอีก บ้านเจ๊ก็ออกจะรวย เอามาจ่ายให้มันหมดๆ เรื่องๆ ไปดีกว่า” หนึ่งในสามคนนั้นพูดแกมบังคับ

“ถ้าฉันทำได้ก็ทำนานแล้วล่ะ พวกแกไม่คิดบ้างหรือไงว่าถ้าสามีกับลูกชายฉันรู้ ฉันคงโดนโกรธตายเลย”

“นั่นมันก็เรื่องของคครอบครัวเจ๊ แต่ที่เจ๊ติดหนี้เห้าแก่น่ะ เจ๊ต้องคืน ภายในเดือนนี้!!”

“แกจะบ้าหรือไง!! เงินมากมายขนาดนั้นฉันจะไปหามาจากไหน”

“เงินของสามีเจ๊ที่เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล กับลูกชายที่เป็นนายแพทย์ ฉันว่ามันก็น่าจะเยอะกว่าหนี้บวกดอกเบี้ยอีกนะเจ๊ เอาน่า ก็แค่โดนโกรธ ก็ดีกว่าโดนซ้อมเยอะนะเจ๊”

“นี่แกกล้าทำผู้หญิงเลยเหรอ?”

“อ้าว? ก็มันเป็นหน้าที่นี่เจ๊ ยังไงวันนี้ฉันสามคนขอสักหมื่นหนึ่งนะเจ๊ ค่าช่วยต่อชีวิตเจ๊จนถึงสิ้นเดือนไง”

“อะไรกัน!! นี่ฉันเป็นหนี้เจ้านายแกยังไม่พอ ต้องให้ฉันเอามาให้พวกแกอีกเนี่ยนะ มันจะเกินไปหรือเปล่า ฉันจะแจ้งตำรวจ” สร้อยพูดขู่ออกมา แต่ดูเหมือนว่าคำขู่นั้นจะไม่ได้ผล เพราะทั้งสามคนหยิบปืนขึ้นมาขู่สร้อยคืน ขรรค์ที่แอบดูอยู่ก็ไม่รู้จะเข้าไปยังให้รอดพ้นดงกระสุนปืน

แกร๊ก!!

“ก็ถ้าคิดว่าจะมีชีวิตกลับไปแจ้งตำรวจล่ะนะ แต่ถึงแจ้งไป ก็ทำอะไรเถ้าแก่ไม่ได้อยู่ดี”

“พ่ะ พวกแกนี่มัน”

“อ้าว? ว่าไงเจ๊ ถ้าเจ๊ไม่ให้ล่ะก็ พวกฉันจะไปบอกเถ้าแก่ว่าเจ๊จะไม่จ่ายด้วยนะ ก็เอาสิ ถ้าอยากให้เถ้าแก่ไปทวงกับสามีและ...ลูกชายเจ๊กับตัว” พวกมันสามคนหัวเราะอย่างคนเหนือกว่า มือก็ถือปืนอยู่อย่างนั้นจนสร้อยกับคนสนิทไม่กล้าขยับตัววิ่งหนี

“เลวจริงๆ”

ขรรค์ค่อยๆ เดินย่องไปทางด้านหลังของพวกมันสามคน เพราะอย่างน้อยตัวเขาก็สูงใหญ่ แรงก็เยอะยังไงก็ต้องต่อกรกับสามคนได้สักระยะล่ะนะ และนั่นก็คงจะพอสำหรับที่จะถ่วงเวลาให้ผู้หญิงหนีไปก่อนได้

ร่างสูงหยิบไม้ที่มันอยู่แถวๆ นั้นมาเป็นอาวุธ แล้วเพราะพวกมันไม่คิดจะสนใจด้านหลัง เขาก็ฟาดเข้าเต็มๆ ที่ท้ายทอยของคนตรงกลางจนสลบคาที่ไป เหลือสองคนที่หันมามองเขาทันที

ผัวะ!!!

“โอ๊ย!!!”

“ขรรค์!!!” สร้อยอุทานชื่อของร่างสูงใหญ่เสียงดังด้วยความตกใจ และก็ดีใจที่ได้เห็นขรรค์ในตอนนี้ที่สุด อย่างน้อยเธอก็อุ่นใจที่มีขรรค์อยู่ตรงนี้ แม้ว่าคนเดียวจะเสียเปรียบก้ตาม

พรึ่บ!!

สองคนที่เหลือหันกระบอกปืนใส่ขรรค์ทันทีตามสัญชาตญาณการป้องกันตัว ร่างสูงจึงยืนนิ่งๆ ไม่ขยับตัวเพราะกลัวว่าปืนจะลั่น

“เฮ้ย! มึงเป็นใครวะ”

“ไอ้สังข์ อย่าตายนะเว้ย! มึงอยากตายมากใช่ไหมฮะ ไม่รู้หรือไงว่าพวกกูเป็นใคร”

ขรรค์ที่โดนปืนสองกระบอกจ่ออยู่ก็ได้แต่ยืนนิ่ง ยังไงก็แล้วแต่ต้องรอให้สร้อยกับคนสนิทหนีออกไปจากตรงนี้ให้ได้ก่อน เขาถึงจะกล้าทำอะไรได้

“ก็แล้วไง กูเห็นพวกมึงกำลังรังแกผู้หญิงที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่พวกพวกมึงอยู่ กูก็ต้องเข้ามาช่วยสิวะ กูไม่ใช่เดนนรกแบบพวกมึงนี่” ต่อให้เป็นรอง แต่ปากของเขาก็ทำงานได้ดี

“ไอ้เหี้ยนี่วอนหาที่ตาย”

ขรรค์ส่งสายตาบอกให้แม่ของหมอเงินหนีไป หากแต่เธอก็ไม่คิดจะทิ้งให้คนรักลูกชายอยู่ตรงนี้คนเดียว เพราะถ้าหากขรรค์เป็นอะไรไป เธอก็จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกชายกับคนรักต้องพลัดพรากจากกันเป็นครั้งที่สอง

เธอไม่อยากจะทำผิดซ้ำสองอีกแล้ว

ไม่อยากทำ และจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว...

“มึงมองอะไรวะ” ทั้งสองคนหันไปด้านหลังตามสายตาของขรรค์ และในจังหวะนี้ขรรค์ก็เลือกที่จะโจมตีโดยฟาดสันมือที่ท้ายทอยของคนที่ใกล้ที่สุดจนสลบคาที่ไปอีกคน แล้วใช้ความเร็วไปประกบมือของคนที่เหลืออยู่ยกขึ้นไปบนฟ้าป้องกันไม่ให้กระสุนปืนมาทางตน

“เฮ้ย!!”

ปัง!! ปัง!!

สองนัดถูกยิงขึ้นไปบนฟ้าท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของหญิงสาวทั้งสอง

กรี๊ด!!!

“หนีไปครับคุณสร้อย ทางนี้ผมจัดการได้” ขรรค์ตะโกนบอกเสียงเครียด เพราะแรงขัดขืนของชายคนนี้ไม่ได้ธรรมดา กลัวว่าจะต้านไม่ไหวเอา

“อยากลองดีมึงก็ไปเลยอีสร้อย”

“หนีไปสิครับ แล้วแจ้งตำรวจด้วย”

“เฮอะ!! มึงคิดว่าตำรวจจะทำอะไรพวกกูได้หรือไง”

“ได้ไม่ได้ก็ต้องลองดู ไปสิครับคุณสร้อย!!” ขรรค์สั่งเสียงเข้มเมื่อเห็นว่าแม่ของคนรักกำลังยืนด้วยความลังเล ไม่กล้าที่จะขยับตัว

“ด่ะ ได้”

“กูไม่ยอมหรอกเว้ย!!”

พลั่ก!!!

ขรรค์ถูกถีบเข้าเต็มแรงที่หน้าท้องจนทำให้เขาไม่สามารถที่จะบังคับกระบอกปืนนั้นได้แล้ว ขรรค์กุมหน้าท้องด้วยความเจ็บและจุก

“จะไปไหนอีแก่” ปลายกระบอกปืนหันไปยังสร้อยที่หันหลังเตรียมวิ่ง หญิงอายุมากชะงักตัวอยู่กับที่ ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความกลัว หลับตาปี๋เพราะไม่รู้ว่ากระสุนจะผ่านร่างของตนเมื่อไหร่

“ถ้าขยับอีกก้าวมึงตายแน่ๆ”

“คุณสร้อยหนีไปครับ”

“มึงหุบปากไป ถ้าไม่อยากตาย!!” มันหันมาข่มขู่ขรรค์ต่อ จนตอนนี้คนที่เป็นต่อยังคงเป็นฝ่ายที่มีปืน ขรรค์ที่กำลังจุกก็ได้แต่เครียดคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงกับสถานการณ์แบบนี้

“เชื่อผม!! คุณสร้อยจะไม่เป็นอะไร”

“ไม่เป็นไรห่าอะไร ก็ตายทั้งสามคนนั่นแหละ เฮ้ย!! นังผู้หญิงอีกคนหายไปไหนวะ!! อย่าบอกนะว่าหนีไปได้ พวกมึง!!! แสบนักนะ...”

เมื่อมันรู้ว่าคนสนิทของสร้อยไม่อยู่ตรงนี้เพราะล่วงหน้าไปแจ้งความก่อนแล้วก็ได้แต่โกรธ ปลายกระบอกปืนเล็งไปที่สร้อยอีกครั้ง และคราวนี้มันเหนี่ยวไกพร้อมยิง ขรรค์เห็นท่าไม่ดีก็รีบฝืนตัวเองวิ่งไปสุดแรงแล้วใช้ร่างกายที่ใหญ่โตของตนเป็นโล่บังกระสุนให้กับแม่ของคนรัก

ปัง!!

“กรี๊ดดดดดดด!!!”

เสียงกรีดร้องของสร้อยดังลั่นเมื่อหันมาเห็นว่าขรรค์นอนคว่ำอยู่ที่พื้น กลางหลังเต็มไปด้วยเลือดจนเธอทำอะไรไม่ถูก ส่วนคนที่ยิงก็ไม่คิดจะอยู่ให้โดนจับได้อยู่แล้ว เพราะมันพลาดโดนคนที่ไม่ใช่เป้าหมายเสียได้ แล้วคนทวงหนี้ก็ไม่ได้จะยิงสร้อยให้ตายเพียงแค่จะข่มขู่ให้เจ็บตัวเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

“ขรรค์...อย่าเป็นอะไรนะ ทำไงดี ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่า!!!!”


หน้าห้องฉุกเฉิน

“ขรรค์!!! แม่ครับ ขรรค์เป็นยังไงบ้าง แล้วโดนอะไร ทำไมถึงต้องเข้าห้องฉุกเฉินครับ” หมอเงินที่มาถึงโรงพยาบาลแล้ววิ่งเข้าไปหาแม่ของตนที่นั่งกระสับกระส่ายเป็นกังวลอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ถามคนเป็นแม่ด้วยความร้อนอกร้อนใจและเป็นห่วงคนในห้องฉุกเฉิน

ตอนที่คนสนิทของแม่โทรไปบอกเขา เงินก็ยังไม่รู้หรอกว่าขรรค์เป็นอะไร เพราะสร้อยรู้ดีว่าลูกชายต้องหุนหันพลันแล่นออกมาแล้วอาจจะประสบอุบัติเหตุไปอีกคนก็ได้

“แม่ขอโทษนะลูก ฮึก...แม่เป็นต้นเหตุทำให้ขรรค์ต้องเจ็บตัว”

“ขรรค์เป็นอะไรครับแม่” ถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ใจหลุ่นวูบไปหมดแล้ว เพียงเพราะเห็นอาการของแม่

“ฮึก...ขรรค์ ข่ะ ขรรค์โดนยิง”

“ว่ะ ว่าไงนะครับ โดนยิง” เงินพึมพำอย่างหมดแรง หัวใจแทบแตกสลายเมื่อรู้ว่าคนรักโดนอาวุธร้ายแรงทำร้ายมา ร่างโปร่งทรุดตัวกับพื้นอย่างหมดแรง จนคนเป็นแม่ต้องลงมากอดปลอบลูกชาย

เพราะเธออีกแล้ว...

นี่เธอเป็นแม่ภาษอะไร ทำไมถึงทำให้ลูกชายเพียงคนเดียวเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนี้ไป เธอจะกล้าเรียกตัวเองว่าแม่ได้อยู่อีกหรือ...

“ท่ะ ทำไมล่ะครับ ฮึก แม่ครับ ขรรค์ไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหม” ดวงตาที่มักจะเข้มแข็งกล้าหาญของเงิน เวลานี้กลับดูอ่อนแอและหวาดกลัวเหลือเกิน

“แม่ขอโทษ ฮึก เป็นเพราะแม่ เป็นเพราะแม่เอง ฮึก แม่ขอโทษนะตาเงิน”

“ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะครับ แม่จะขอโทษผมทำไมครับ” แต่เงินก็คือเงิน ต่อให้ตัวเองจะเหนื่อยลา อ่อนแรง และเจ็บปวดแค่ไหน ก็ไม่คิดจะทำให้คนเป็นแม่ต้องรู้สึกไปดีไปกับตน

แต่เงินไม่รู้เลยว่า ความกลัวของเงินไม่สามารถปกปิดได้มิดแล้ว...

คนเป็นแม่พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของลูกชาย ส่วนหมอเงินเงยหน้าขึ้นมองเพดานเพื่อห้ามไม่ให้น้ำตาตัวเองไหลต่อหน้ามารดา

ถ้าเขาอ่อนแอ แม่ก็อ่อนแอ แล้วเราจะพึ่งใครได้...

สร้อยร้องไห้จนหมดสติไป จนต้องให้พยาบาลนำไปปฐมพยาบาลโดยด่วน จนตอนนี้มีเพียงเขาคนเดียวที่รออยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างมีความหวัง

“อาหมอ...อาหมอ ขรรค์เป็นไงบ้างครับ เขาไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมครับอาหมอ” เมื่อร่างโปร่งเห็นหมอออกมาจากห้องฉุกเฉินเขาก็รีบเข้าไปถามไถ่อย่างร้อนใจ

“ใจเย็นๆ นะหมอเงิน...ฟังอา”

“เขาปลอดภัยใช่ไหมครับอาหมอ” เงินถามเสียงเครือ จนคนเป็นอาอดสงสารไม่ได้

“อาผ่าตัดเอากระสุนออกให้แล้วล่ะ แต่คนไข้ หัวใจหยุดเต้นไปสามครั้งเพราะมันโดนอวัยวะสำคัญ ใกล้กับหัวใจด้วย ตอนนี้หัวใจกลับมาเต้นเหมือนเดิมแล้วก็จริง แต่ก็ยังไม่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ อาคงต้องให้อยู่ในห้องไอซียูไปก่อนนะหมอเงิน”

ได้ยินแบบนั้นแล้ว เงินแทบจะทรุดอีกครั้ง

“อาหมอช่วยเขาด้วยนะครับ ผมขอร้อง...ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีขรรค์”

หมอได้แต่ลูบผมของหลานสายเลือดเดียวกันด้วยความเวทนา หลานชายคนนี้ไม่เคยได้รับความสุขกับเขาเลย ดันมาเกิดเรื่องแบบนี้อีก...

“อาจะพยายามให้สุดความสามารถเลย หมอเงินเชื่อใจอานะ”

ความจริงหมออยากจะบอกให้หลานชายทำใจเผื่อเอาไว้ด้วย แต่คงไม่ต้องบอก เงินก็ต้องรู้อยู่แก่ใจว่า อาการแบบนี้มันก็ห้าสิบห้าสิบที่จะรอดและไม่รอด...

“ครับ”

“จะเข้าไปดูหน่อยไหม หมอเงินเข้าไปได้นะ กำลังเตรียมพาไปที่ไอซียูน่ะ” ร่างโปร่งส่ายหน้าปฏิเสธอาทันที

ไม่ใช่ว่าไม่เป็นห่วง แต่เงินไม่อยากเห็นสภาพของคนรักตอนนี้...เขากลัวว่าพอเห็นอาการ เปอร์เซ็นต์ความหวังของเขาอาจจะลดลงก็ได้

แน่ล่ะ ก็เขาเป็นหมอ...ที่สามารถวินิจฉัยอาการได้ทันทีที่เห็น เงินกลัว...กลัวรับไม่ได้...

“ไม่ล่ะครับ”

“งั้นอาขอตัวก่อนนะ ส่วนเพื่อนของเรา มีพยาบาลคอยดูแลใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลาไม่ต้องเป็นห่วงนะ แล้วก็พักผ่อนบ้างนะลูก”

“ขอบคุณครับอาหมอ” หมอเงินยกมือไหว้ขอบคุณและไหว้ลาคนที่มีศักดิ์เป็นอาของตน  มองประตูฉุกเฉินที่ยังไม่มีวี่แววว่าร่างคนรักจะถูกเคลื่อนออกมา เงินไม่อยากเห็นเลยเลือกที่จะเดินไปหาแม่ของตนที่ตอนนี้นอนพักอยู่ในห้องเดี่ยววีไอพีเพราะมีภาวะช็อก

“พี่จิตกลับไปพักผ่อนเถอะครับ”

“ค่ะคุณเงิน เอ่อ...แต่สักพักตำรวจจะมาขอสอบปากคำที่นี่ ให้พี่อยู่ก่อนดีไหมคะ”

“สอบปากคำ?”

“ค่ะ ก็ที่พวกทวงหนี้จะยิงคุณผู้หญิงแต่คุณขรรค์มาบังกระสุนเอาไว้น่ะค่ะ”

“พวกทวงหนี้?” คิ้วสวยขมวดกัน ตกใจที่เป้าหมายคือแม่ และก็สงสัยว่าใครคือพวกทวงหนี้ แม่ของเขาไปติดหนี้อะไรใครมา

จะเป็นไปได้อย่างนั้นเหรอ ทุกวันนี้แม่ก็ได้เงินจากทั้งเขาและก็พ่อไม่น้อยเหมือนกัน...

“ค่ะ...” เธอทำท่าตกใจที่เหมือนหลุดความลับบางอย่างออกมา หลบสายตาหมอเงินไปมองร่างของเจ้านายที่

“เล่ามาครับ ให้ละเอียดเลย” ร่างสูงโปร่งนั่งลงบนโซฟาแล้วสั่งคนสนิทของแม่ด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่เครียดแล้วก็จริงจังที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน






100%
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

อัพต่อครบแล้วนะคะ อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่า มีอะไรก็ไปพูดคุยกับยูกิได้ที่เพจ Sawachi Yuki ได้เลยนะคะ


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เฮ้อออ สงสารขรรค์กะหมอเงิน

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ K3n0

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อย่าเป็นอะไรมากนะ ใจไม่ดี
 :monkeysad:

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
อ้าว ขรรค์
ซ่ะงั้นอะ
รีบฟื้นเร็ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 49
โหยหา เรียกร้อง




“พี่รามๆ เกิดเรื่องใหญ่แล้วฮะ!!! พี่ขรรค์โดนยิง”

เจ้าจอมพรวดพราดเข้ามาในบ้านของพี่ชายที่ตอนนี้กำลังเตรียมจะออกไปทำธุระข้างนอกแต่เมื่อได้ยินน้องชายบอกว่าขรรค์โดนยิงเขาก็ต้องถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ทั้งๆ ที่สีหน้าตอนนี้ของรามินทร์มันเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

“ว่ายังไงนะจอม เมื่อกี้พี่ได้ยินผิดไปใช่ไหม”

“ไม่ผิดหรอกฮะ พี่หมอโทรมาบอกจอมเมื่อกี้แหละ นี่จอมก็รีบวิ่งมาเลย”

“แล้วเป็นไงบ้าง มันเป็นยังไงบ้างจอม”

“พี่หมอบอกว่า...ห้าสิบห้าสิบ ต้องรอดูอาการก่อน เพราะกระสุนโดนอวัยวะสำคัญ”

รามินทร์หลับตาลงทันทีด้วยความเครียด

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย”

“พี่รามจะไปกรุงเทพไหมฮะ”

“ไปสิ พี่จะยกเลิกนัดทั้งหมดเลย จอมจองตั๋วเครื่องบินด่วนเลยนะ” ร่างสูงสั่งน้องชาย “พี่จะไปเตรียมของก่อน คงต้องอยู่กรุงเทพหลายวัน” เจ้าจอมพยักหน้า

“งั้นจอมก็จะไปเก็บของด้วยนะครับ”

“อย่าลืมตั๋วล่ะ”

“ไม่ลืมฮะ จอมขอตัวก่อนนะครับ”

สองพี่น้องรีบแยกย้ายกันไปเก็บกระเป๋าเพื่อเตรียมไปอยู่ที่กรุงเทพเพื่อเยี่ยมขรรค์แล้วก็จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้กับลูกน้องคนสนิท ไม่ต้องสงสัยว่ารามินทร์เครียดแล้วก็กังวลมากขนาดไหน ขรรค์เป็นเหมือนเพื่อนของรามินทร์ ที่ไม่ว่าเขาจะกังวลอะไรอยู่ ขรรค์เป็นคนที่รับฟังเขาทุกเรื่อง

ถ้าหากว่าขรรค์เป็นอะไรขึ้นมา...เขาคงทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียเพื่อนคนสำคัญไป


“เป็นไงบ้างครับหมอเงิน ขรรค์ปลอดภัยหรือยัง” ร่างสูงที่มาถึงโรงพยาบาลก่อนเจ้าจอม เพราะเจ้าจอมกำลังเอากระเป๋าสัมภาระไปเก็บที่โรงแรมก่อนแล้วจะตามมาอีกที

รามินทร์เห็นหมอเงินไม่ทันได้ทักทายก็ถามถึงขรรค์อย่างเป็นห่วง หมอหนุ่มที่ตอนนี้มีสภาพอิดโรยราวกับคนที่ไม่ได้พักผ่อน ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้น ตั้งแต่เมื่อวานที่เกิดเรื่องจนวันนี้หมอเงินก็ยังไม่ได้นอนเลยแม้แต่นาทีเดียว

ใครจะไปหลับได้ คนรักของตนยังอาการหนักอยู่แบบนั้น

“ดีขึ้นกว่าเมื่อวานแล้วครับ แต่ก็ยังไม่รู้สึกตัวเลย อาหมอบอกว่าวันนี้น่าจะดีขึ้นอีกครับ เพราะร่างกายของขรรค์ไม่ปฏิเสธยา และไม่มีผลข้างเคียงอะไร”

“กี่นัดครับ”

“สองนัดครับ”

“ผมอยากรู้สาเหตุ หมอเงินสะดวกที่จะเล่าไหม”

ร่างสูงโปร่งพยักหน้าน้อยๆ แม้ว่าตนไม่อยากจะคิดเรื่องพวกนี้อีกแต่มันก็เลี่ยงอะไรไม่ได้

“เชิญที่ห้องพักของแม่ผมเลยครับ ตอนนี้ท่านหลับอยู่ เราคงไม่ไปรบกวนเท่าไหร่” หมอเงินพูดแล้วนำร่างแกร่งของรามินทร์ไปที่ห้องพักผู้ป่วยที่แม่ของตนกำลังนอนรักษาอยู่ทันที

และเมื่ออยู่กันตามลำพังหมอเงินก็เล่าที่มาที่ไปของเรื่องให้รามินทร์ฟังทันที เพราะสาเหตุมันมาจากการที่แม่ของเขาเล่นการพนันแล้วไปติดหนี้พวกบ่อน แล้วแม่ก็ไม่อยากให้พ่อกับเขารู้เลยเลือกที่จะปิดบังแล้วจ่ายหนี้เดือนละหมื่นหักจากเงินประจำเดือนที่ตนเองจะได้ครึ่งหนึ่ง แต่หนี้มันเยอะมากเกินไปพวกมันไม่ยอมเลยมาขู่บ่อยๆ

ไม่คิดเลยว่า แม่ของเขาจะเล่นการพนันด้วย...

หมอเงินผิดหวังมาก แต่ก็ต้องทำความเข้าใจ...

“หมอเงินทำยังต่อไปครับ ได้ให้ปากคำกับตำรวจหรือเปล่า”

“ผมไม่รู้ครับ ไม่รู้ว่าถ้าพูดเรื่องนี้ไป แม่ของผมจะมีความผิดหรือเปล่า เพราะท่านเล่นการพนัน”

“พอจะทราบไหมครับว่าหนี้ทั้งหมดเท่าไหร่”

“ทำไมหรือครับ” หมอเงินทำหน้าสงสัย

“ถ้าเป็นเรื่องเงินผมสามารถช่วยได้นะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณราม เงินของผมก็พอจะมีใช้หนี้อยู่ แต่ปัญหาคือผมอยากจะให้พวกมันได้รับผิดในสิ่งที่มันได้ก่อเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะจับได้สองคน แต่สองคนนี้ถูกขรรค์ทำให้สลบไปก่อนที่จะมีการยิง พวกนั้นก็เลยโดนข้อหา พกปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต เจตนาข่มขู่เท่านั้นครับ แต่คนที่ยิง มันยัง...” รามินทร์ไม่เคยเห็นหมอเงินทำหน้าโกรธแค้นมาก่อน แต่ถ้าเป็นเขา เขาก็คงจะแค้นมากเหมือนกัน

“จับไม่ได้สินะครับ”

“ครับ...เส้นมันใหญ่ คงจะโดนคุ้มกะลาหัวอยู่แล้ว แล้วสองคนที่จับได้ ก็คงถูกปล่อยตัวเร็วๆ นี้”

รามินทร์เข้าใจความรู้สึกของหมอเงินนะ

เข้าใจมากๆ เลยด้วย

“ผมเข้าใจหมอเงินนะครับ” เป็นประโยคที่ทำให้หมอเงินเม้มปากแน่น เพราะกำลังรู้สึกอยากหาที่พักพิง อยากจะมีคนที่เขาสามารถแสดงความอ่อนแอให้เห็นได้ แต่นอกจากขรรค์แล้ว มันไม่มี...

ไม่มี...

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ใครมานะ” หมอเงินกับรามินทร์มองไปที่หน้าประตูห้องเพื่อรอดูว่าใครมา แต่เมื่อเห็นคนที่ก้าวเข้ามาในห้อง ร่างแกร่งถึงกับลมหายใจชะงัก ร่างแข็งทื่อ ในขณะที่คนมาใหม่เองก็ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูไม่ต่างกัน ทั้งสองมองตากันนิ่งๆ เหมือนความรู้สึกอะไรบางอย่างมันทำให้เราสองคนต้องมองหน้ากันอยู่แบบนั้น

เดือนกว่าๆ แล้วสินะ...

“หยุดทำไมวะไอ้อิน เข้าไปสิ เกะกะทางกูจริงๆ ไม่เห็นเหรอว่ากูถือของเยี่ยมเต็มไม้เต็มมือเนี่ย” เสียงของคนที่เขาไม่คุ้นเคยดังเข้ามา หากแต่ยังไม่เห็นหน้าเลยไม่รู้ว่าอินทัชมากับใคร

“อ่ะ เออ...” ร่างโปร่งเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย หมอเงินเลยลุกเดินไปหาเพื่อต้อนรับแขก

“สวัสดีครับ...ผมธีร์ เราเคยเจอกันแล้วนี่ครับที่เพชรบูรณ์ นี่ของเยี่ยมไข้คุณแม่กับของขรรค์ครับ” ธีรไนยยื่นกระเช้าผลไม้สองกระเช้าให้กับหมอเงิน

“ขอบคุณนะครับ จริงๆ แล้วแค่มาผมก็ดีใจแล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ” ธีรไนยยิ้มอ่อนๆ

“อิน...เมื่อวานก็มาแล้ว ที่จริงวันนี้ก็ไม่ต้องมาก็ได้นะครับ” หมอหนุ่มที่เอาของเยี่ยมไปเก็บเรียบร้อยแล้วเดินมาพูดกับอินทัชที่ตอนนี้พยายามเมินสายตาคมที่จ้องมองไม่วางตาจากรามินทร์สุดๆ

“ไม่ได้หรอกครับ ผมรู้ว่าหมอต้องการเพื่อนที่สุด”

มันยังใส่ใจคนอื่นเหมือนเดิม และก็เมินเขา...

ทำเหมือนไม่รู้จักกันจริงๆ สินะ

“อ้าว? มีแขกเหรอครับ หืม...มิน่าล่ะ มึงถึงไม่อยากจะเข้ามา สวัสดีครับคุณรามินทร์” ธีรไนยยิ้มทักทายรามินทร์เมื่อเห็นว่าร่างสูงใหญ่นั่งอยู่ในห้องด้วย รูปประโยคเหมือนจะทักทายอย่างเป็นมิตร แต่น้ำเสียงกับดวงตาไม่ได้เป็นไปตามนั้นเลย

รามินทร์เองก็เข้าใจปฏิกิริยาแบบนี้ เลยได้แต่ทำหน้านิ่ง ยืนขึ้นทักทายกลับ

“สวัสดีครับคุณธีร์”

“ผมว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน” ธีรไนยบอก ทำเอาอินทัชเอื้อมมือมาสะกิดเพื่อนสนิททันที “มึงหยุดไปเลยไอ้อิน กูไม่ตามฆ่ามันตามที่มึงต้องการก็เกินพอแล้ว นี่มันมาอยู่ตรงหน้า ขอกูเคลียร์หน่อยเถอะ...มึง!! ตามกูมา!!” ประโยคสุดท้ายหันมาสั่งรามินทร์ด้วยความโมโหจนถึงกับเปลี่ยนสรรพนามการเรียกที่หยาบคายขึ้น

“ไอ้ธีร์”

“คุยอย่างเดียว กูสัญญา”

อินทัชที่ได้ยินคำพูดแบบนั้นก็ยอมปล่อยมือเพื่อนรัก ก่อนที่ธีรไนยจะเดินนำออกจากห้องไป โดยมีรามินทร์เดินตามไป แต่ในจังหวะที่เดินผ่านอินทัช ร่างสูงมองใบหน้าสวยหวานด้วยความคิดถึง สูดกลิ่นหอมจากกายบางให้เต็มปอดที่สุด ราวกับว่านี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาจะได้เห็น ได้อยู่ใกล้กับอินทัช


“จะดีหรือครับ ปล่อยเขาไปแบบนั้น คุณธีร์เหมือนจะโกรธๆ นะครับ เขารู้ความจริงหมดแล้วหรือ?” หมอเงินถามอินทัชที่มองไปที่ประตูอย่างกังวล ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ทำเป็นเก่งมองเมินไม่สนใจ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็เป็นห่วงเพราะธีรไนยมีนิสัยเลือดร้อน

“ครับ...ผมเล่าให้มันฟังหมดแหละครับ”

“ไม่เป็นห่วงคุณรามหรือ”

“ทำไมผมต้องห่วงมันด้วยล่ะครับ”

“เพราะอะไร...อินก็รู้อยู่แก่ใจนะครับ อินครับ ผมไม่ได้จะเข้าข้างคุณรามนะ แต่ผมพึ่งจะมาเข้าใจความรู้สึกของคุณรามก็ตอนที่ขรรค์โดนยิงนี่แหละครับ ผมโกรธ ผมโมโห ผมแค้นคนที่ยิงขรรค์มาก ขนาดที่คิดอยากจะจับมันมายิงคืนบ้างเลย...กรณีที่คุณรามทำไป นั่นเป็นเพราะเขาไม่รู้ความจริง และเขาก็แค่รักน้องมากเกินไป”

“หมอกำลังจะพูดอะไร”

“อย่าให้มันสายเกินไปนะครับ ขนาดผมกับขรรค์เรารักกันดี ยังเกิดเรื่องแบบนี้เลย...” เสียงของหมอเงินสั่นเครือจนอินทัชต้องเดินเข้าไปสวมกอด

เรากอดปลอบกันเหมือนเดิม แต่สลับบทบาทกัน

“พักบ้างนะหมอ...ขรรค์มันเป็นคนดี คนดีพระคุ้มครองนะหมอ เชื่อในความดี อย่าเชื่อว่าแก้แค้นแล้วจะดี”

“ขรรค์จะอยู่กับผมใช่ไหมอิน จะอยู่จนแก่ไปด้วยกันใช่ไหม”

“ใช่แล้วหมอ...หมอเคยบอกว่าผมพูดอะไรก็ถูกทั้งหมดใช่ไหม หมอฟังผมนะ...พรุ่งนี้...พรุ่งนี้ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นกับหมอ...” ต่อให้มันจะเป็นเรื่องโกหก แต่เพื่อความสบายใจของเพื่อนคนนี้ อินทัชก็ยอมกลายเป็นคนพูดโกหก

“จริงๆ นะ...อึก”

“ครับ”

ขรรค์...นายรีบตื่นขึ้นมาได้แล้ว คนรักของนายทุกข์ใจจนจะตายอยู่แล้วรู้บ้างไหม...

...

...

...


พอได้เจออย่างที่หวัง ก็รู้สึกอยากจะโอบกอดให้หายคิดถึง อยากแสดงความรัก อยากครอบครอง อยากสัมผัส...ความโหยหานี้ มันทรมานจริงๆ

อาการลงแดง...เป็นแบบไหน ก็เพิ่งจะเข้าใจ

“หมัดของคุณธีร์นี่หนักฉิบหายเลยว่ะ เล่นเอาเล่นกบปาก” โดยต่อยที่โรงพยาบาลก็ถือโอกาสทำแผลที่นั่นได้พอดีเลย ไม่ต้องเสียเวลา แต่ตอนหมอถามนี่พูดยากหน่อย

‘เดินชนต้นไม้น่ะครับหมอ’

‘คิดว่าหมอโง่เหรอครับคุณ แต่เอาเถอะ ถ้าตอบแบบนี้แล้วสบายใจหมอก็จะไม่ซักไซ้’

อายหมอไปตามระเบียบ...

“ว่าแต่คุณธีร์เขาให้อภัยเรายังวะ...คงจะให้ง่ายๆ เถอะ ทำกับเพื่อนรักเขาไว้ขนาดนั้น” ถามเองตอบเองเหมือนคนบ้าอยู่ในห้องโรงแรมหรู

แต่ซัดไม่ยั้งแบบนั้น...คงหายโกรธได้แล้วมั้งเถอะ

ถ้าต่อยแล้วหายโกรธ ก็น่าจะให้ไอ้อินมันทำบ้างนะ

ตื๊อดึง!

มือหนาหยิบโทรศัพท์ข้างกายตัวเองขึ้นมาอ่านเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์บ่งบอกว่ามีคนส่งข้อความผ่านทางโปรแกรมไลน์ เป็นใครไม่ได้นอกจากเจ้าจอม ตอนแรกก็กะจะพิมพ์ด่า แต่พออ่านข้อความน้องชายดีๆ ก็รีบวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที...

‘ตอนนี้จอมอยู่ที่ XXXCLUB กับจักรและพี่อิน ใกล้โรงแรมเรา’

’10 นาที’

‘เร็วๆ นะ พี่อินจะกลับท่าเดียวเลย กลัวพี่มาอ่ะ เนี่ยจอมแอบมาส่งในห้องน้ำนะเนี่ย’

ร่างสูงไม่ทันได้เห็นข้อความหรอก เพราะตัวเองตอบเสร็จก็วิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบกระเป๋าเงิน กุญแจห้องมาแล้วออกจากห้องไปด้านล่างทันที

รามินทร์โบกแท็กซี่ไป ใช้เวลาไม่นานก็ถึงสถานที่ตามที่น้องชายบอกตนมา

ความคิดถึงทำให้รามินทร์ทำได้ทุกอย่างจริงๆ

‘อยู่ตรงไหน’

‘พี่อินไปเข้าห้องน้ำ พี่จักรรีบไปห้องน้ำเลย’

‘ขอบใจมาก’

สองเท้าก้าวเข้าไปในตัวผับ คนกำลังสนุกสนานกันเต็มที่ แต่ที่เขามาไม่ได้มีจุดประสงค์มาเที่ยวทั้งๆ ที่ขรรค์ยังอาการไม่ดีอยู่แบบนี้หรอก จักร เจ้าจอม รวมทั้งอินทัชด้วย คงจะมาดื่มคลายเครียดกันมากกว่า

ในห้องน้ำชายมีคนอยู่ไม่กี่คนและมีห้องที่กำลังใช้งานอยู่สองห้อง เขาก็แค่ยืนรอว่าห้องไหนจะเป็นห้องของอินทัชก็เท่านั้น...

“อยากจะทำเป็นไม่รู้จักตามที่สัญญานะ”

แต่มันยาก...มันยากเหลือกเกิน ยิ่งยากมากขึ้นไปอีกเมื่อได้เจอมึงวันนี้...

แกร็ก!!

“มึง!!” อินทัชอุทานทันทีที่เปิดประตูออกมาแล้วเห็นรามินทร์ยืนอยู่ แต่เมื่อตั้งสติได้ ก็รีบเดินผ่านเพื่อหนีอีกคนทันที คิดในใจอย่างโกรธๆ ไม่จักรก็เจ้าจอมนี่แหละตัวการหรืออาจจะทั้งสอง

“เดี๋ยวสิ คุยกันก่อนได้ไหม”

“ไม่คุย!”

“กูอยากคุย”

“แต่กูไม่มีอะไรจะคุย”

“งั้นมองหน้ากันเฉยๆ ก็ได้” รามินทร์เปลี่ยนวิธี

“หน้ามึงกูก็ไม่อยากมอง”

“คุยก็ไม่คุย มองหน้าก็ไม่อยากมอง จะให้กูทำยังไงล่ะ ก็กูอยากคุยกับมึง อยากมองหน้ามึงนี่ กูคิดถึงมึง...” ร่างสูงพูดออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ เรียกสายตาจากคนที่เดินเข้าออกห้องน้ำได้เป็นอย่างดี

พออินทัชรู้ว่าตัวเองกำลังเป็นเป้าสายตา เขาก็รีบเดินหนีออกจากห้องน้ำโดยที่ร่างสูงใหญ่ยังเดินตามไม่ห่าง ตามติดเป็นปลิงจนอินทัชหงุดหงิด...

พลั่ก!!

“อุ๊ย!! ขอโทษค่ะ” รามินทร์เดินชนเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งที่เหมือนจงใจเดินเข้ามาหาเขามากกว่าที่จะเป็นอุบัติเหตุ ทำให้เสื้อผ้าของเขาเปียกไปด้วยเหล้าจากมือของเธอ

รามินทร์ก้มมองเสื้อตัวเองด้วยสีหน้านิ่งๆ ก่อนจะเงยหน้ายิ้มให้กับหญิงสาวนิดๆ รามินทร์ยังทำเป็นยิ้มทั้งๆ ที่คนตรงหน้าทำให้อินทัชหนีเขาไปได้

“ไม่เป็นไรครับ ผมขอตัวก่อน”

“แต่ลิลลี่ทำเสื้อคุณเปื้อน” สีหน้าของเธอรู้สึกผิดแต่ก็แบบไม่จริงใจเท่าไหร่นัก หากเธอสนใจในตัวของรามินทร์มากกว่าที่จะรับผิดชอบ

“ไม่เป็นไรครับ ผมส่งซักเองได้”

“แต่ลิลลี่อยากรับผิดชอบนี่คะ ถ้าไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ลิลลี่ต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ๆ เลยค่ะ” เธอยังตื๊อต่อ แล้วก็ส่งสายตาเชิญชวนไม่ต่างจากชุดของเธอเท่าไหร่นัก

แต่เสียใจด้วย...

รามินทร์ชอบผู้ชาย มีอารมณ์แต่กับผู้ชาย และตอนนี้ก็รักเดียวใจเดียวต่ออินทัช...น้องชายก็ไม่เคยตั้งอีกเลยตั้งแต่ที่อินทัชจากมา

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ถือสาอะไร ตอนนี้ขอตัวก่อนนะครับ คือตามง้อแฟนอยู่ เดี๋ยวผมจะโดนข้อหามากกว่านี้น่ะครับ” นับว่าเป็นเหตุผลที่ใช้ไม่ได้หรอกเพราะถ้าคนมันอยากได้ มีแฟนหรือไม่มีแฟนก็ไม่คิดสนหรอก เพราะงั้นพูดจบแล้วรามินทร์ก็เดินหนีออกมาทันที ไม่คิดจะสนใจอะไรใครทั้งนั้น

เพราะตอนนี้คนที่อยู่ในห้วงคำนึงตลอดเวลาที่ผ่านมา อยู่ใกล้แค่เอื้อม...

เมื่อมองหาแล้วไม่เจอ เขาก็ใช้โทรศัพท์ไลน์หาเจ้าจอม ถามอินทัชได้กลับไปที่นั่นไหม หาแต่คำตอบที่เขาได้รับทำเอาผิดหวังอย่างที่สุด

‘กลับไปแล้วครับ’

ในเมื่ออินทัชกลับไปแล้ว ก็ไม่เหลือเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องอยู่ที่นี่ รามินทร์เองก็กลับโรงแรมไปเช่นเดียวกัน พรุ่งนี้เช้าจะได้ไปรอดูอาการของขรรค์ต่อ...

ไม่แน่...เขาอาจจะเจออินทัชที่นั่นอีกครั้งก็ได้






50%

 :mew6: :mew6: :mew6:

พยายามที่จะมาลงให้มากที่สุดแล้วค่ะ T^T ต้องขอโทษด้วยนะคะ ยังไงอ่านแล้วเม้นท์ให้ยูกิด้วยนะคะ

ยูกิไม่ได้ลงช้าเพราะต้องการให้หลายคนทนไม่ไหวต้องไปหาซื้อแบบหนังสือหรืออีบุ๊คมาอ่านตามที่บางคนเข้าใจเนาะ ยังไงก็ลงจนจบแล้วก็ไม่มีวันลบออกอยู่แล้วล่ะค่ะ แต่ยูกิก็ไม่ได้นั่งหน้าคอมฯ ทั้งวันเน่อ เป็นคนมีภาระหลายอย่างค่ะ ต้องเรียน ต้องทำงาน เหมือนๆ กับทุกคนนั่นแหละ บ่ได้แบมือขอเงินพ่อแม่แล้วเที่ยวเล่นสนุกสนานเลย ^^ ขอบคุณหลายๆ คนที่ยังรอและเข้าใจยูกิเสมอ ยังไงก็ติดตามกันต่อไปนะคะ

คุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจเลยครัช  https://www.facebook.com/sawachiyuki/

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ง่ะ.. คุณรามเห็นหน้าคุณอิน ยังไม่อิ่มเรย..
รอตอนต่อไป...  :katai5:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
โอ๊ยยย ราม แกนี่มัน...
โอ๊ยยย ยีหัวตัวเอง หน่วงชะมัด
อินนี่ ใจแข็งคงเส้นคงวาจิงๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ chaaem

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หมอเงินเข้มแข็งไว้น้าาา  เดี๋ยวขรรค์ก็ฟื้น
 :mew1:

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
ตอนที่ 49 ครึ่งหลัง





รามินทร์กับเจ้าจอมเดินเข้ามาในตัวของโรงพยาบาลที่ขรรค์รักษาอยู่ ซึ่งวันนี้เป็นวันที่สองแล้วที่รามินทร์กับเจ้าจอมมาเยี่ยมขรรค์ แต่มีข่าวดีสำหรับทุกคน เมื่อตอนเช้าหมอเงินโทรมาบอกรามินทร์ว่าขรรค์รู้สึกตัวแล้ว ย้ายมาห้องพักธรรมดาแล้วด้วย ความรู้สึกตอนนั้นคือดีใจมาก เหมือนฝันเลย...

“พี่ขรรค์รู้สึกตัวแล้วจริงๆ ใช่ไหมฮะ”

“จริงสิ หมอเงินโทรมาบอกพี่เองเลยนะเมื่อเช้า”

“ดีจัง...จอมคิดไปไกลแล้วรู้ป่ะ โชคดีจริงๆ”

“ก็ขรรค์มันเป็นคนดี”

“ครับ พี่ขรรค์เป็นคนดี พี่หมอก็เป็นคนดี พี่ๆ ควรจะมีความสุขได้แล้วนะฮะ” เจ้าจอมยิ้มออกมา เมื่อวานตอนที่รู้ข่าวก็เครียดและกังวล ขนาดที่ให้แอลกอฮอล์ช่วยเมื่อคืนนี้ยังไม่ดีขึ้นเลย

ขรรค์เป็นเหมือนครอบครัว...

ไม่ใช่แค่คนงาน แต่คือครอบครัว...

ภายในห้องพักผู้ป่วยมีเพียงหมอเงินกับแม่ของหมอเงินอยู่ในห้องเท่านั้น รามินทร์กับเจ้าจอมทำความเคารพแม่ของหมอเงินที่ตอนนี้สีหน้าดูดีขึ้นจากเมื่อวานหน่อยแล้ว เธอนั่งมองร่างแกร่งของคนรักลูกชายที่หลับสนิท

“ผมรามินทร์ครับ”

“อ๋อ คุณรามนี่เอง”

“ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ครับ ผมอายุน้อยกว่าหมอเงินอีก เรียกรามเฉยๆ ดีกว่าครับ”

“ค่ะ มาเยี่ยมขรรค์หรือคะ”

“ครับ”

“เพิ่งหลับไปน่ะค่ะ” เธอตอบทุกอย่างแทนหมอเงินหมดทุกอย่าง ส่วนสภาพของหมอเงินตอนนี้ก็ยังอิดโรย แต่สีหน้าไม่มีความกังวลอยู่แล้ว

“ขรรค์ก็ปลอดภัยแล้ว หมอเงินนอนพักบ้างเถอะครับ”

“ใช่ครับพี่หมอ...พักบ้างเถอะนะ เดี๋ยวเป็นอะไรมาอีกคนก็แย่เลย”

“ครับ...เดี๋ยวรอให้คนที่บ้านเอาเสื้อผ้ากับของมาให้น่ะครับ ผมจะนอนที่นี่แหละ” หมอเงินบอก เรียกรอยยิ้มจากคนที่เป็นห่วงทั้งแม่ รามินทร์และก็เจ้าจอมได้เป็นอย่างดี

ได้ยินแบบนี้ ก็ดีใจแล้ว

“เหมือนปาฏิหาริย์เลยล่ะครับ รู้อะไรไหม เมื่อวานอินบอกว่าวันนี้ขรรค์จะฟื้น ขรรค์ก็ฟื้นจริงๆ” หมอเงินเล่า รอยยิ้มแรกที่มาจากหมอหนุ่มมาจากการที่นึกถึงอินทัช

เงินมีเพื่อนอยู่มากมาย แต่ตอนนี้ก็ต่างคนต่างมีงาน มีชีวิตเป็นของตัวเอง การที่เงินมีอินทัชอยู่ด้วยนั้น ทำให้เขาก้าวผ่านความอ่อนแอมาได้

“ตลกนะครับ เป็นหมอ จะเชื่ออะไรก็แล้วแต่ต้องมีเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์ แต่ผมกลับ...กลับภาวนา รอให้เกิดปาฏิหาริย์”

“โชคดีที่มีปาฏิหาริย์นะครับ ความจริงหมอก็เก่งด้วย ควบคู่กันครับ เหมือนทางโลกต้องไปพร้อมๆ กับทางธรรมนั่นแหละ”

“จอมไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้จากพี่รามนะเนี่ย” เจ้าจอมแซวพี่ชาย

“พี่ก็เข้าวัดเข้าวา ศึกษา ปฏิบัติธรรมบ่อยๆ นะจอม”

“ฮะๆ เห็นพี่น้องเถียงกันแล้วช่วยทำให้ผ่อนคลายเยอะเลย ขอบคุณนะครับ ขอบคุณแทนขรรค์ด้วย ขรรค์นี่โชคดีจริงๆ ที่มีเจ้านายดีๆ อย่างคุณรามและน้องจอม”

“พี่ขรรค์ไม่ใช่แค่ลูกน้องนะฮะ เขาเป็นเหมือนพี่ชายอีกคนของจอม เป็นครอบครัวของเรา” เจ้าจอมตอบ รอยยิ้มสดใสของเจ้าจอมทำให้ใครๆ ต่างก็ยิ้มตาม

“แม่ว่า แม่ปล่อยให้หนุ่มๆ คุยกันดีกว่า ใกล้ถึงเวลาที่แม่ต้องกินข้าวกลางวันแล้วก็ยาแล้ว ขอแม่กลับไปที่ห้องก่อนนะลูก” สร้อยเอ่ยแทรกขึ้นมา

“เดี๋ยวผมพาไปครับแม่”

“จ้ะ…ขอตัวตาเงินแป๊บนึงนะลูก”

“เชิญเลยครับ”

หมอเงินพาแม่ของตนกลับไปยังห้องพักผู้ป่วยอีกห้อง ปล่อยให้สองพี่น้องนั่งอยู่ในห้องของขรรค์อย่างเงียบๆ รามินทร์เดินเข้าไปดูขรรค์ใกล้ๆ

“จากนี้ไป ฉันขอให้แกพบเจอแต่ความสุขนะขรรค์ หมดทุกข์และเรื่องร้ายๆ ไปสักที”

Rrrrrr

เสียงโทรศัพท์ของเจ้าจอมดังขึ้น คนเป็นพี่ชายหันไปจ้องน้องชายทันทีอย่างสนใจ เจ้าจอมทำหน้าอึดอัดแต่ก็รับสายแต่โดยดี

“ครับ…ตอนนี้จอมอยู่ในห้องผู้ป่วยน่ะครับ ห้องที่พี่ขรรค์อยู่...พี่รามกลับไปแล้วครับ จริงๆ ครับ จอมไม่ได้โกหกนะพี่อิน ครับๆ จอมจะรออยู่ที่นี่ เจอกันครับ” เจ้าจอมเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า

“อินจะมาเหรอ”

“ครับ...”

“เยส!!” ร่างแกร่งกำมือแล้วดึงเข้าหาตนเองแสดงทีท่าดีใจอย่างออกนอกหน้า

“จอมต้องโกหกพี่อินเพราะช่วยพี่เลยนะ ถ้าพี่อินโกรธจอมรับผิดชอบเลย”

“โอเคๆ พี่จะบอกมันว่าพี่บังคับจอม ห้ามโกรธจอม โอเคนะ”

“อื้อ...โอเคก็ได้”

เจ้าจอมนั่งเงียบๆ อยู่กับที่ ส่วนร่างสูงใหญ่ก็เดินไปยืนเฝ้าที่ประตูแทน เพราะถ้าหากเป็นอินทัชที่เข้ามา เขาจะฉุดมันไปอีกครั้ง

คุยกันให้รู้เรื่องสักที...รามินทร์ไม่ยอมหรอก...

ชีวิตที่ไม่มีอินทัช เขาไม่ยอมเด็ดขาด

แกร็ก!!

“ม่ะ มึง” อินทัชที่เข้าเปิดประตูเข้ามาเจอกับร่างสูงที่ดักอยู่ตรงประตูก็ตกใจ ผงะไปด้านหลังอัตโนมัติ แต่ยังไม่ทันจะป้องกันตัวเอง แขนของอินทัชก็ถูกจับลากออกจากตรงอย่างแรงแบบที่สลัดยังไงก็สลัดไม่หลุด

“ไอ้ราม ปล่อย!! ปล่อยกู”

“ไม่ปล่อย”

“นี่คุณ!! คุณกำลังทำอะไรน่ะ แบบนี้มันลักพาตัวนะ” สรรพนามที่เปลี่ยนไปของอินทัชกำลังทำให้เขากลายเป็นคนร้ายในสายตาของคนอื่นๆ

จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม...ได้!

“อยากอายก็พูดดังๆ เลย อยากโดนด่าก็เอาให้ดังไปเลย เขาจะได้เอาข่าวมึงไปลงหน้าหนึ่ง”

พอเจอแบบนี้ อินทัชก็ปิดปากเงียบ ยอมเดินตามรามินทร์แต่โดยดี ดวงตาสวยมองแผ่นหลังกว้าง ความรู้สึกตอนนี้อินทัชก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ากำลังคิดอะไร

แต่หัวใจที่เคยเต้นช้าๆ น่าเบื่อกับชีวิต ตอนนี้กำลังเต้นแรง เหมือนมีชีวิตอีกครั้ง…

อินทัชไม่เคยหลอกตัวเองว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับรามินทร์ แต่ที่เขาไม่ยอมรับความรู้สึกของรามินทร์ไม่ใช่เพราะกลัว หรือยังโกรธ...พอได้สงบจิต สงบใจ อยู่คนเดียว โดยปราศจากแม้แต่เงาของรามินทร์ อินทัชก็คิดได้ และเข้าใจในสิ่งที่ร่างสูงทำลงไป

อินทัชไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น...

“จะพาไปไหน”

“หาที่คุย” ตอบสั้นๆ

“กูมีเวลาแค่ชั่วโมงเดียว มีประชุมต่อ” อินทัชบอก

“รับรองว่าจะพาไปถึงบริษัทเลย”

“ไม่ได้ มึงต้องพากูกลับไปเอารถก่อน ฉะนั้นเผื่อเวลาด้วย”

“กูจะไปส่งที่บริษัท แล้วก็จะรอจนกว่ามึงจะเลิกงาน ไปกินข้าวเย็นด้วยกันก่อน แล้วจะไปส่งที่คอนโดมึงด้วย” พูดเองเออเองเสร็จสับเลย

“มึงกำลังทำผิดข้อตกลง”

“ข้อตกลงอะไร”

“อย่าทำเป็นไม่รู้”

“อ๋อ...ที่เราจะกลายเป็นคนไม่รู้จักกันน่ะเหรอ ก็ได้!! งั้นเราไม่รู้จักกันนะ...” รามินทร์พูดเสียงสูง ก่อนจะแนะนำตัวเองออกมา หลังจากที่หยุดยืนสวัสดีครับ ผมชื่อรามินทร์ อัครสิงหบดี เป็นนักธุรกิจ ทำธุรกิจรีสอร์ทเล็กๆ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณอินทัช ชยอัมรินทร์ นักธุรกิจใหญ่”

ถ้าเราไม่รู้จักกัน ก็แค่ทำความรู้จักใหม่ แค่นั้นเอง

“ผมไม่อยากรู้จักคุณ”

“ว้า...เข้าใจครับ ฐานะของผมมันด้อยกว่าที่นักธุรกิจใหญ่โตจะลงมาเกลือกกลั้วด้วยสินะครับ”

“เหลวไหล”

“ถ้างั้นเพราะอะไรถึงไม่อยากรู้จักผมล่ะครับ” ร่างสูงกว่าถาม

“ไม่รู้สิครับ ความรู้สึกมันบอกอย่างนั้น”

“ไม่ใช่ว่ากลัวหวั่นไหวหรือครับ”

“นี่คือธุระใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน เสียเวลามากแล้ว”

“อะไรกัน ยังไม่ทันจะได้พาขึ้นรถเลย จะไปแล้วหรือครับ ผมขอเวลาหน่อยไม่ได้หรือไง” รามินทร์ถามกวนๆ อินทัชหันหน้าหนี แอบยิ้มน้อยๆ แล้วก็ปรับมาเป็นสีหน้านิ่งๆ เหมือนเดิม

“เจ้าเล่ห์นักนะมึง”

“เชิญขึ้นรถครับ” ร่างสูงจับอีกคนเข้าไปนั่งในรถของตัวเอง อินทัชเองก็นั่งอย่างไม่ขัดขืนอะไร ไม่รู้ว่าเพราะขัดขืนไม่ได้ หรือเป็นเพราะตัวเองก็ต้องการด้วย

รามินทร์ขับรถออกจากโรงจอดรถของโรงพยาบาลไปตามทางโดยที่อินทัชเดาไม่ได้เลยว่าจะถูกพาไปที่ไหน แต่ถ้าเดาไม่ผิดคงจะต้องเป็นร้านอาหาร...


มันพาเขามากินข้าวจริงๆ ด้วย

“กูมีปัญญาหากินเองได้”

“แต่มันจะเหมือนมากินกับกูได้ยังไง ไม่คิดแบบนั้นเหรอ” รามินทร์ถามยิ้มๆ

“หึ...หลงตัวเอง”

“กูคิดถึงมึง...ตอนนี้กูรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองฝันไป” สีหน้าของรามินทร์ดูเพ้อๆ เหมือนไม่เชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง ส่วนอินทัชก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา...

คิดถึงงั้นหรือ?

ก็คงจะเหมือนกัน...

“ฝัน? ลากกูมาถึงนี่แล้วบอกว่าตัวเองฝันนี่นะ ควรจะไปเช็คสภาพจิตได้แล้วนะ เผื่อกำเริบ”

“กูก็คิดว่าตัวเองจะอาการกำเริบนี่แหละ แต่มึงรู้ไหมว่าอะไรที่ทำให้กูสามารถหายขาดได้”

“รู้” ตอบกลับทันที

“อะไร?”

“ก็แค่ตายๆ ไปซะ”

“นั่นมันใช่การรักษาหรือไง” รามินทร์ถาม

พวกเขาสองคนพูดคุยกันด้วยท่าทางที่สบายๆ ไม่เหมือนกับเมื่อเดือนที่แล้วที่อินทัชยังอยู่กับเขาที่เพชรบูรณ์ ที่ไม่ว่าจะทำยังไง ก็เหมือนว่าความพยายามในการเข้าหาของรามินทร์จะไม่เข้าไปถึงใจของอินทัชเลย

แต่วันนี้...รามินทร์รู้สึกว่า อินทัชเข้าหาง่าย ง่ายมากจนเขาก็มีส่วนที่กังวล...

รามินทร์เชื่อมาตลอด ว่าไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ

“มันเป็นการแก้ไขต่างหาก”

“ถ้างั้นมึงตอบกูมา...ว่าอยากให้กูหายหรืออยากให้กูตาย” เป็นคำถามที่อินทัชไม่รู้จะตอบอะไรเหมือนกัน จะตอบอันนั้นก็กลัวจะไปทำให้มันมีความหวัง แต่ถ้าตอบอีกอย่างก็ใจร้ายเกินไป

“กินข้าวเถอะ”

“อย่าเปลี่ยนเรื่อง ตอบกูมาก่อน” คนตัวใหญ่กว่าเร่งรัดเอาคำตอบให้ได้

“ทำไมกูต้องตอบ”

“เพราะกูอยากรู้ไง”

“เพราะมึงอยากรู้? มึงสำคัญกับกูขนาดนั้นเลยหรือไงที่กูต้องทำอะไรเพื่อมึงด้วย” ร่างโปร่งย้อนกลับไปด้วยประโยคที่กระแทกหัวใจของรามินทร์อย่างจัง แต่ก็ไม่มากนัก...

อย่างน้อย ตอนนี้อินทัชก็นั่งอยู่ตรงหน้า โดนคำพูดทำร้ายจิตใจมากแค่ไหน รามินทร์ก็ยอม ยอมหมดทุกอย่าง แค่เพียงได้อยู่ใกล้ๆ แบบนี้ก็พอ

“นั่นสินะ...กูมันจะไปสำคัญอะไร แค่จะรู้จักกันมึงยังไม่อยากจะรู้จักเลย” รามินทร์ตัดพ้ออย่างน้อยใจแบบที่เขาไม่สามารถที่จะระงับอารมณ์นี้ของตนได้

“รู้ตัวเองก็ดีแล้ว”

“หึ...เจ็บว่ะ!”

แล้วมึงจะพูดออกมาทำไม มึงคิดว่าการที่กูเห็นมึงเป็นแบบนี้ กูรู้สึกดีตายแหละ กูเองก็พูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับหัวใจของตัวเอง...จนทำให้เขาต้องมากลั้นใจ กลั้นความรู้สึกเหมือนกัน

รามินทร์คิดถึงเขา เขาเองก็อยากจะบอกว่าคิดถึงเหมือนกัน...

อินทัชจำความรู้สึกวันแรกที่เห็นกันเมื่อวานได้ดี รามินทร์มองเขานิ่งๆ ไม่คิดจะทักทายหรือพูดคุย ตอนนั้น ใจเขามันหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเรียบร้อย เพราะรู้สึกกลัวว่ารามินทร์จะทำเป็นไม่รู้จักเขาจริงๆ อย่างที่เขาพูดบอกเจ้าตัวไป

ไม่เช่นนั้น...อินทัชคงต้องนั่งเสียใจเป็นแน่...

อยากเห็นหน้า อยากเจอ แต่พอเจอจริงๆ กลับหนี... ก็เป็นแบบที่ธีรไนยเคยพูดเอาไว้ ว่าถ้าหากว่าเราปฏิเสธสิ่งที่ใจรู้สึกมากเท่าไหร่ ก็เป็นเหมือนว่าเรากำลังหนีหัวใจของตัวเองเท่านั้น

หนีคนอาจจะหนีรอด แต่หนีหัวใจเอง...หนียังไงก็ไม่รอด







100%

 :mew1: :mew1: :mew1:

ครบ 100% แล้วจ้า เม้นท์ๆ ด้วยน้า ช่วงนี้มาลงได้อาทิตย์ละครั้ง แต่วันพุธกับศุกร์นี้จะมาลงตอนต่อไปให้นะคะ ^^


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1600
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

ออฟไลน์ chaaem

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อย่าแง่งอน กันนานเรยน้าาา..
เค้าอยากได้หวานๆบ้าง...  :katai1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 50
ภาพบาดตา คำพูดบาดใจ





“เมื่อวานมึงไปไหนมา”

“ไม่ได้ไปไหนนี่ กูก็ไปทำงานปกติ แล้วก็มีออกไปเยี่ยมขรรค์ด้วย” อินทัชตอบเพื่อนรักอย่างธีรไนยที่กำลังซักไซ้สอบปากคำเขาอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของอินทัช

“แต่เมื่อวานกูไปที่ห้างมา กูเจอใครไม่รู้หน้าเหมือนมึงมากกำลังนั่งกินข้าวกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่น่าแปลกนะมึง คนที่ไอ้คนหน้าเหมือนมึงไปกินข้าวด้วย หน้าตาเหมือนไอ้รามไม่มีผิด”

“ถ้ามึงจะพูดแบบนี้ มึงเจาะจงมาตรงๆ ดีกว่าธีร์”

“เออๆ นั่นแหละ มึงไปกับมันเหรอ ไหนว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับมันอีกไง” เหล่ตาจับผิดเพื่อน

“กูขัดขืนไม่ได้”

“แน่ใจนะว่าเป็นเหตุผลนี้ คนอย่างมึงเนี่ยนะขัดขืนไม่ได้ ไอ้พัฒน์ตัวใหญ่กว่าไอ้รามอีก บางครั้งกูยังถีบมันตกเตียงได้เลย แม้ว่ามันจะรัดกูแน่นก็ตาม”

“พูดออกมาไม่อายปากเลยนะ”

“หึหึ...ถามจริงๆ เถอะ มึงเล่าให้กูฟังไม่หมดใช่ไหม นอกจากที่โดนจับไปทรมานให้ทำงานหนักๆ แล้ว มันยังมีอะไรอีก กูรู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น” ธีรไนยยังคงซักไซ้จับผิดเพื่อน เพราะท่าทางของทั้งสองมันดูไม่ใช่แบบที่อินทัชเล่าให้ฟัง

โดยเฉพาะรามินทร์ที่แสดงออกชัดเจนเหลือเกินว่ารู้สึกพิเศษกับเพื่อนเขามากขนาดไหน และท่าทางของอินทัชก็เช่นกัน มันไม่ใช่แค่คนที่เพื่อนเขาบอกว่าเกลียดกันแล้ว

นี่มัน ‘รัก’ กันชัดๆ

“ก็มีเท่าที่เล่าให้ฟังนั่นแหละ”

“คราวนี้ถ้ามึงโกหกกูอีก กูจะเลิกคบมึงเป็นเพื่อนนะอิน” ไม่ใช่แค่ขู่เล่นๆ นะ แต่ถ้าอินทัชดึงดันจะโกหกต่อไป อินทัชก็จะโกรธจริงๆ คงไม่ถึงขั้นเลิกคบหรอก แต่ก็น่าจะอยู่ในระดับที่ง้อยาก

“ไม่มีจริงๆ”

“เราเคยสัญญา...ว่าจะไม่มีความลับต่อกัน แต่กูก็ลืมไปสัญญานั่นใครจะรักษามันหรือไม่ก็ได้”

“อย่าโกรธกูสิ”

“ช่างมันเถอะ กูคงก้าวล้ำเรื่องส่วนตัวของมึงมากไป ขอโทษทีละกัน” ประโยคน้อยใจมาขนาดนี้ คิดว่าอินทัชจะช่างมันได้จริงๆ น่ะหรือ

“เดี๋ยวคืนนี้เล่าให้ฟังก็แล้วกัน”

ธีรไนยยิ้มอย่างผู้ชนะ

“ที่เดิมนะ”

“เออ! ที่เดิม”

“แล้วนี่คุณขรรค์เป็นยังไงบ้างล่ะ”

“วันนี้กูโทรถามหมอเงินแล้ว ขรรค์มันพูดคุยกับคนอื่นได้อย่างปกติดี แต่ก็ยังเจ็บที่แผลอยู่ต้องระมัดระวังการขยับเป็นพิเศษ วันนี้กูคงไปเยี่ยมไม่ได้เพราะมีเรื่องต้องสะสาง”

“จริงสิ...วันนี้มึงจะทำเรื่องใหญ่โตนี่นะ”

“ใช่เรื่องที่มึงจะมามีความสุขไหม”

“เอาจริงหรือวะอิน”

“ก็เอาจริงสิวะ อ่ะ! มึงคิดดูสิ ถ้ามึงมีก้อนเนื้อร้ายอยู่ในร่างกาย มึงจะผ่าตัดออกไหม” อินทัชถามเพื่อนสนิท ธีรไนยหัวเราะออกมาเบาๆ

“หึหึ เลือดเย็นนะ นั่นอามึงเลยนะเว้ย”

“กูให้โอกาสมาหลายครั้งแล้วนะธีร์”

“อืม...กูเข้าใจ”

“แล้วนี่มึงไม่มีงานมีการทำหรือไง ถึงมาวุ่นวายกูที่บริษัทเนี่ย” ร่างโปร่งลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน แล้วล้วงกระเป๋า หันหลังให้กับเพื่อนสนิท มองไปยังวิวข้างนอก

“มี...มีเยอะเลยด้วย กูก็ไม่ได้ว่างมากขนาดนั้นหรอกน่า ที่มานี่ก็แค่ทางผ่านเฉยๆ”

“กูก็นึกว่ามีเรื่องอะไร แต่ถ้ามีปัญหาอะไรจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องให้มึงมาเองหรอกใช่ไหม”

“แน่ล่ะสิ แค่งานของกูก็วุ่นวายพออยู่แล้ว”

“อ๋อ...มาเพื่อซักเรื่องของกูกับไอ้รามสินะ”

“ถูกต้องนะคร้าบ”

“งั้นก็เชิญกลับไปได้แล้วครับคุณธีร์ ผมจะไปประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว”

“อ้าว? พร้อมแล้วเหรอครับท่านประธาน”

“กูพร้อมมาหลายเดือนแล้ว แต่เพิ่งจะมีโอกาส”

“งั้นก็ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีก็แล้วกันนะมึง”

อินทัชพยักหน้ารับคำอวยพรยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปส่งเพื่อนสนิทที่ประตูลิฟต์ แล้วเขาก็เดินเข้าห้องประชุมไปพร้อมกับเลขาสาวของตน


“ยักยอกเงินของบริษัทสามครั้ง ยอดรวมยี่สิบล้านบาท แอบส่งสินค้าหนีภาษี เรื่องยักยอกเงินน่ะไม่เท่าไหร่ผมยังพอให้อภัยได้ แต่เรื่องแอบส่งสินค้าหนีภาษี มันผิดสัญญากับทาง PLEUNG นะครับอา ถ้าทางนั้นรู้ อาคิดว่าทางเราจะรับผิดชอบไหวเหรอครับ อาก็รู้จักคุณเพลิงดีไม่ใช่หรือครับ” น้ำเสียงของอินทัชราบเรียบแต่หนาวสะท้านไปทั้งร่างของผู้ถือหุ้นทุกคนในที่ประชุมแห่งนี้

อินทัชเป็นคนนิ่งๆ เวลาที่โกรธและโมโห อินทัชไม่เคยโวยวายหรือตะคอก เพราะรู้ดีว่าทำไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีอะไรดีขึ้นมา...

“อา...คือว่า”

“ตอนนี้อาไม่มีสิทธิ์แก้ตัวแล้วครับ เพราะถ้าอาสำนึกผิดจริงๆ อาต้องไม่ทำเป็นครั้งที่สอง แต่นี่อาทำมาเรื่อยๆ จนบริษัทได้รับความเสียหาย ที่ผ่านมาผมรับผิดชอบทั้งหมดเพราะอาเป็นญาติ แต่ผมตัดสินแล้วครับ”

“อิน...อาขอโทษ อาขอโอกาสอีกสักครั้งนะ” อาของอินทัชแสดงความกังวลออกมา เขาไม่คิดอะไรแล้ว เอ่ยขอร้องอ้อนวอนหลานชาย แม้ว่ามันจะดูน่าสมเพชก็ตามที

หากเขาหลุดโอกาสนี้ไป...ชีวิตบนกองเงินกองทองของเขาก็ต้องหายไปด้วย ที่ผ่านมาเขาทำมันทั้งหมดจริงๆ ทั้งยักยอก ทั้งส่งของหนีภาษี แต่พอไม่มีใครจับได้ เขาก็คิดว่าตัวเองเก่งเลยเลยลำพองตัวเอง ทำมันต่อแบบนั้น หากแต่ความเป็นจริงแล้ว อินทัชรู้ตั้งแต่แต่ก็ปล่อยให้เขาได้ทำ

“มันไม่มีโอกาสแล้วครับอา ผมให้โอกาสอาได้สำนึกเอง แต่ก็ไม่ เอาเป็นว่าเงินที่อายักยอกไป กับค่าเสียหายทั้งหมด ผมจะรับผิดชอบเอง แต่ว่า...” อินทัชทิ้งช่วงเอาไว้ ก่อนจะลุกขึ้นยืนตรง มองหน้าอาตัวเองอย่างจริงจัง ดวงตาเด็ดเดี่ยวคนเป็นอาหวาดกลัว ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ก็แอบกลืนน้ำลายลงคอ ไม่บ่อยนักหรอกที่จะเห็นอารมณ์แบบนี้จากอินทัช

“แต่จากนี้ไป อาไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ที่บริษัทนี้อีกต่อไป”

“นี่อินไล่อาออกเหรอ!!”

“ครับ!! ที่จริงแล้วไล่ออกมันยังน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่อาทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย”

“นี่แกไล่อาแท้ๆ ของแกเลยนะอิน!”

“ใช่ครับ ผมไล่อาออก ก็ดูสิที่อาทำสิครับ ต่อให้ผมไม่เป็นคนตัดสินใจ กรรมการ ผู้ถือหุ้นทุกท่านที่เห็นหลักฐานทุกอย่างก็ลงมติเดียวกันอยู่ดี”

อาของอินทัชมองไปที่กรรมการทุกคนด้วยความโมโห แต่สายตานับสิบคู่กลับกดดันเขาจนทำให้อาของอินทัชออกจากห้องประชุมไปด้วยความโกรธแค้น ไม่พอใจ แต่ไม่มีสิทธิทำอะไร เพราะอาไม่ได้มีหุ้นส่วนในบริษัท ไม่ได้เป็นกรรมการ แต่ทำงานในบริษัทเพราะเป็นญาติที่พ่อฝากฝังให้ทำงาน

ร่างโปร่งนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้งด้วยความสงบนิ่ง เยือกเย็นเหมือนเดิม ไม่รู้สึกอะไรเลยกับการไล่อาแท้ๆ ของตัวเองออกจากบริษัท

“ยกเลิกประชุมก่อนไหมครับคุณ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค ประชุมเรื่องต่อไปได้เลยครับ”

“งั้นพักก่อนดีไหม หน้าคุณอินดูไม่ดีเลย”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ช่วงที่ผมหนีหายไปก็สร้างความเดือดร้อนมามากพอแล้ว เริ่มต่อได้เลยครับ” อินทัชไม่ยอมที่จะพัก ทั้งๆ ที่สีหน้าดูไม่ดีเท่าไหร่

ทั้งหมดเลยเริ่มประชุมกันต่ออีกครั้ง ส่วนทางด้านอาของอินทัชที่เดินปึงปัง โกรธแค้นหลานชายของตนที่ได้ครอบครองทุกอย่างที่ควรจะเป็นของเขาไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งประธานกรรมการ ธุรกิจต่างๆ ในเครือ โดยที่เขาไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว

เขาก็แค่เอาสิ่งที่ควรเป็นของเขามาก็เท่านั้น

“จำเอาไว้เลยไอ้เด็กเมื่อวานซืน กูไม่จบง่ายๆ แบบนี้แน่ มึงทำลายชีวิตของกู กูจะทำลายชีวิตของมึงบ้าง!!! ไอ้อินทัช...ไอ้เด็กนรก!!”








Paradise Club

“จะเล่าได้หรือยัง มึงดื่มไปหลายแก้วแล้วนะ มึงรู้ไหมว่ากูต้องกลับก่อนเที่ยงคืน ไม่งั้นไอ้พัฒน์เอากูตาย” ธีรไนยถามเพื่อนรักที่กำลังนั่งดื่มเอานั่งดื่มเอา ไม่ปริปากเล่าเสียที

“นี่มึงโดน ‘เอา’ จนจะตายเลยหรือวะ” อินทัชแสร้งเบิกตาโต ถามเพื่อนแบบกวนๆ

“กูหมายถึงแบบนั้น หรือสมองมึงมันหมกมุ่นแต่เรื่องอย่างว่าวะ ถ้าโดนเอาขนาดนั้น คงไม่มีไอ้ธีร์มานั่งตรงหน้ามึงแบบนี้หรอกนะ เล่ามา! อย่าเปลี่ยนเรื่อง”

“เออๆ กูพร้อมแล้ว ฟังนะ กูจะไม่ปิดบังอะไรมึงอีกแล้วธีร์”

“อืม...ว่ามา”

เมื่อพร้อมที่จะเล่า อินทัชก็เล่าเรื่องที่ยังเล่าไม่หมดให้ธีรไนยฟัง พลางดื่มเหล้าย้อมใจไปด้วย จู่ๆ ให้มาพูดเรื่องแบบนี้กับเพื่อน เขาเองก็อายเหมือนกันนะ

“อืม...เข้าใจแล้ว”

“ทำไมมึงดูไม่ตกใจเลยนะ” อินทัชถาม ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“จริงๆ แล้วกูก็พอเดาออกนะ ว่ามึงสองคนต้องมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่านี้ แล้วมันก็จริงๆ ไม่น่าล่ะ ไอ้รามมันถึงมองหน้ามึงแบบจะกลืนกินเชียว”

“มองผิดหรือเปล่า”

“ไม่นี่...มันรักมึงจะตาย”

“ไอ้ธีร์”

“แล้วมึงเอง ก็...”

“หุบปากไป ไอ้เพื่อนเลว”

“หึหึ ทำมาเป็นด่า...ไม่น่าล่ะมึงถึงได้กลัวมันนักหนา เอาแต่เลี้ยง เอาแต่หนี แต่เมื่อวานก็อดคิดถึงมันไม่ได้ล่ะสิ ถึงได้ยอมไปกับมันน่ะ” อินทัชส่ายหน้าไปมา ธีรไนยเองก็นั่งด้วยท่าทางสบายๆ แต่กวนโอ๊ยในความรู้สึกเหลือเกิน

ต่อยเพื่อนสักทีจะเป็นอะไรไหมเนี่ย

“กูไม่ได้กลัว”

“งั้นทำไมไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเอง” ธีรไนยถาม สีหน้าที่จริงจังของเพื่อนสนิททำเอาอินทัชหลบเลี่ยงสายตา

“กู...ก็ไม่มีความรู้สึกอะไรที่ต้องยอมรับนี่”

“รู้แก่ใจตัวเองดีอยู่แล้วนี่...อย่าทำเหมือนไอ้พัฒน์ตอนนั้นได้ไหม มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าความรู้สึกของไอ้รามจะเป็นยังไง ก็คงไม่ต่างจากกูในตอนนั้นเท่าไหร่หรอกนะ แต่อาจจะเข้มแข็งกว่า”

“นี่มึงเป็นเพื่อนกูนะ มึงต้องเข้าข้างกูสิ มึงไม่ชอบมันไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมมึงถึงพูดเหมือนอยากให้กูกับมันรักกันล่ะ” อินทัชโวยวายใส่เพื่อนอย่างไม่พอใจ หากแต่ธีรไนยกลับปั้นหน้านิ่งๆ เช่นเคย

“ใช่...กูโกรธที่มันทำกับมึง แต่มันไม่ได้หมายความว่ามึงจะรักมันไม่ได้”

“ไอ้ธีร์!”

“ไม่ต้องมาเถียงกูเลยอิน กูไม่อยากให้มึงต้องมาเสียใจทีหลัง อะไรที่เรามีความสุขได้ ก็มีๆ ไปเถอะนะ ไม่ต้องแคร์ใคร...ไม่ต้องสนใจคนอื่น”

“ทำไมมีแต่คนอยากให้กูกับมันรักกันนะ รวมทั้งมึงด้วยไอ้ธีร์” อินทัชไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมทุกคนต้องอยากให้เขากับรามินทร์ลงเอยกัน ทั้งๆ ที่มันทำเรื่องเลวร้ายไว้กับเขา

“มึงหายโกรธมันแล้วอิน และมึงก็คิดถึงมันมากๆ ด้วย ตลอดหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมามึงเหม่อบ่อยๆ มึงรู้ตัวไหมอิน มึงรู้ไหมว่ามึงคิดถึงมันมากขนาดไหน” ธีรไนยถาม

รู้ตัว!!! และรู้ดีว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับรามินทร์

ต่อให้รู้สึกเหมือนกัน แต่เขาก็กลัว...กลัวว่ามันจะรักมากเกินไป ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา เลือดร้อนของรามินทร์มันจะต้องมาอีกครั้งแน่ๆ

อินทัชไม่อยากเป็นต้นเหตุที่ต้องทำให้รามินทร์ทำความผิดอีก

คนอย่างรามินทร์ รักแรง และเกลียดแรงด้วย

“อย่าให้มันสายเกินไปอิน กูขอเตือนนะ”

“อืม...ขอบใจมาก”

ธีรไนยยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ดวงตามองคนเป็นเพื่อนที่กำลังนิ่งอยู่ในภวังค์  ไม่มีทางยอมปล่อยให้เป็นแบบนี้แน่ๆ กว่าอินทัชจะมีความรักอีกครั้งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

อินทัชขยาดความรักมากๆ

“พี่อิน...พี่อินจริงๆ ด้วย จำพีมได้ไหมฮะ” อินทัชหลุดจากภวังค์ เงยหน้ามองคนที่เดินเข้ามาทักทันที ใบหน้าสวยไม่ได้แสดงอะไร เพราะกลัวว่าคนทักจะเสียใจที่เขาจำไม่ได้

คู่ควงเขาก็เยอะมาก ใครจะไปจำได้ทั้งหมด

“สวัสดีครับน้องพีม ไม่เจอกันนาน น่ารักขึ้นนะครับ”

“พี่อินก็ปากหวานเหมือนเดิมเลย หล่อขึ้นด้วย พี่ธีร์ก็เหมือนกันนะครับ หล่อมากเลย ไม่คิดว่าจะได้เจอพี่สองคนอีกนะครับ” ธีรไนยยิ้มให้นิดๆ เพราะตนก็จำไม่ได้ แต่ก็รู้ว่าคงจะเป็นคู่นอนคนเก่าของเพื่อน

เพราะที่ผ่านมาถึงธีรไนยจะเปลี่ยนคู่ควง คู่นอนเป็นว่าเล่นแต่ก็ผู้หญิงทั้งนั้น ส่วนอินทัชอย่างที่เห็นมันได้ทั้งหญิงและชาย แต่ผู้ชายเยอะกว่า เพราะอินทัชค่อนข้างให้เกียรติผู้หญิง

“ขอบคุณครับ”

“ขอพีมนั่งด้วยคนไหมครับ เพื่อนมันมากับแฟนหมด พีมเหงา”

สุภาพบุรุษมาด้วยกันทั้งสองคน คิดหรือว่าจะปฏิเสธไม่ให้ชายหนุ่มน่ารักคนนี้มานั่ง แม้ว่าพวกเขาสองคนจะอยากได้เวลาส่วนตัวก็ตามที

“เชิญเลยครับ แต่พวกพี่คงได้นั่งอีกไม่นานเพราะต้องรีบกลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้มีงานน่ะครับ” ธีรไนยเป็นคนตอบ ทำเอาหนุ่มน่ารักแสดงความไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มหวานทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ กับอินทัชแบบแนบชิดสุดๆ

“พีมคิดถึงพี่อินจังเลยฮะ พี่อินล่ะฮะ ไม่เห็นติดต่อกันมาบ้างเลย”

“พี่งานยุ่งน่ะ แล้วช่วงนี้ก็ไม่ค่อยเที่ยวกลางคืนเท่าไหร่”

“ว้า แบบนี้พีมก็เจอกับพี่อินยากน่ะสิฮะ”

อินทัชได้แต่ยิ้ม ส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนรักที่ตอนนี้นั่งอมยิ้มอย่างสนุกสนานกับเหตุการณ์นี้ของเพื่อนอยู่

ช่วยกูด้วย!!

ธีรไนยพยักหน้านิดๆ เพราะเข้าใจว่าเพื่อนต้องการอะไร แต่ถ้าจะให้เขาช่วยพูดก็คงจะไม่ได้เช่นกัน เพราะเด็กคนนี้ท่าทางจะไม่ยอมอะไรง่ายๆ

กูจัดให้ไอ้อิน...หึหึ

“พี่อิน...พรุ่งนี้ไปทานข้าวกับพีมได้ไหมฮะ นะฮะ” อินทัชอึกอัก จะปฏิเสธยังดีล่ะเนี่ย...

อินทัชไม่คิดที่จะสานสัมพันธ์อะไรทั้งนั้น เพราะเขาไม่มีอารมณ์ที่อยากจะทำแบบเดิมแล้ว ไม่อยากสร้างปัญหาอี ถ้าไปเจอน้องสาวน้องชายใคร หากไปทำร้าย ไปทิ้งเขา อาจจะมีปัญหาตามมาทีหลังอีก

พอกันที...เข็ดแล้ว

“พี่ไม่ค่อยว่างน่ะครับ เอาไว้ถ้าพี่ว่างพี่จะติดต่อไปก็แล้วกันนะ”

พีมรู้ว่าการที่อินทัชพูดแบบนี้เป็นการปฏิเสธตนแล้วก็จะไม่ติดต่อมาหาตนแน่นอน เพราะคราวที่แล้วอินทัชก็พูดกับตนแบบนี้เหมือนกัน แต่ก็ไม่ติดต่อมาเสียที คราวนี้ไม่ยอมปล่อยไปแน่ๆ

เขาต้องได้อินทัช

“ไม่เอาอ่ะ...พี่อินสัญญาไว้กับพีมครั้งที่แล้วก็ไม่เห็นจะรักษาสัญญาเลย”

“โธ่...ก็พี่ไม่ว่างจริงๆ นี่ครับ”

“ไม่รู้แหละ พี่อินต้องไม่ผิดสัญญากับพีมอีก”

“พีมครับ...” อินทัชปรามเสียงเข้ม เป็นการบ่งบอกว่าอารมณ์ของเขาเริ่มไม่ดีแล้ว และไม่ชอบที่จะให้ใครมาเอาแต่ใจกับตน ธีรไนยที่นั่งมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความสนุกสนาน เดาในใจเล่นๆ ว่าจะเพื่อนรักจะทำอะไรต่อไป หรือว่าคนที่เขาตามให้มาช่วยจะมาถึงก่อน...

จุ๊บ!

“ขอโทษฮะ พีมไม่ได้ตั้งใจจะเอาแต่ใจ พี่อินอย่าโกรธพีมนะฮะ” พีมที่รู้ตัวว่ากำลังทำตัวไม่น่ารักต่อหน้าอินทัชก็เลยหอมแก้มนุ่มของร่างสูงโปร่งอย่างง้องอน

เมื่อเห็นว่าอินทัชยังนั่งนิ่ง พีมก็จูบที่ปากอิ่มของอินทัชเร็วๆ อีกครั้ง ขนาดที่เจ้าตัวยังตั้งตัวรับไม่ทัน ร่างโปร่งหันขวับไปมองคนตัวเล็กกว่าทันที ร่างโปร่งค่อนข้างจะรู้สึกไม่พอใจที่โดนทำรุ่มร่ามใส่ ทั้งๆ ที่ผ่านมาเขาก็ยอมให้คนมาทำรุ่มร่ามใส่แบบนี้ตลอด

ไม่ผิดหรอกที่พีมจะทำ เพราะมันก็เคยทำได้... แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้วไว






50%

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

มาแล้วจ้า อย่าลืมเม้นท์ให้ยูกิด้วยน้า เจอกันครึ่งหลังวันเสาร์จ้า ^^
พูดคุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจเลยจ้า https://www.facebook.com/sawachiyuki/

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ viewier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
ยอมรับใจตัวเองเถอะอินเอ้ย

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ก้อนะ อินมันรักราม ใครมาทำรุ่มร่ามใส่ตัวเองมันก้อคงไม่ชอบหรอก
ว่าแต่คุณอาเหอะ จะวางแผนทำง้ายอินลับหลังไหมละ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
ตอนที่ 50 ครึ่งหลัง





“พีม...ทีหลังไม่ทำแบบนี้กับพี่นะครับ”

“ทำไมอ่า พีมก็แค่ทำเหมือนเดิม”

“แต่ก่อนก็ทำได้ แต่ตอนนี้พี่ว่าอย่าดีกว่านะครับ”

“ทำไมล่ะครับ หรือพี่อินมีแฟนแล้ว”

“ไม่มีครับ”

“แต่มีสามีแล้ว!!” ไม่เสียงของอินทัชที่ตอบ และไม่ใช่ธีรไนยด้วย หากแต่เป็นตัวช่วยที่ธีรไนยเรียกให้มาช่วยอินทัชต่างหาก

ร่างโปร่งเบิกตากว้างอย่างตกใจ ส่วนพีมก็มองคนมาใหม่ทั้งสงสัยและไม่พอใจ ธีรไนยเองก็นั่งยิ้มอยู่แบบนั้น คิดไม่ผิดที่เรียกให้รามินทร์มา ก็เผื่อใจเอาไว้แล้วว่ารามินทร์อาจจะอ่านข้อความหรือไม่อ่าน และที่ธีรไนยมีเบอร์โทรศัพท์ของรามินทร์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร คนอย่างเขาหาได้ทุกอย่างถ้าต้องการ

“ราม!!”

“ใครหรือฮะพี่อิน” พีมที่ยังคงกอดแขนเรียวของอินทัชแน่นก็ ดวงตาสวยมองคนตัวเล็กกว่าสลับกับมองหน้ารามินทร์ที่สีหน้าดูน่ากลัวสุดๆ

นี่ไง...แค่ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน มันก็มองเด็กคนนี้แบบจะกลืนกินแล้ว

ถ้าเราคบกันไป มันก็ต้องมีอีก ลับหลังมันอาจจะแอบทำอะไรคนที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเขาก็ได้ แบบนี้ไง...เราถึงไม่ควรจะสานสัมพันธ์อะไรกันทั้งนั้น

“แค่...คนเคยรู้จักน่ะครับ พี่เคยไปพักที่รีสอร์ทของเขาตอนที่ไปเที่ยว” อินทัชตอบพีมด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ยิ้มโปรยเสน่ห์ให้กับร่างเล็กข้างกาย ยิ่งทำให้คนที่มองมาอย่างรามินทร์รู้สึกหึงหวง เจ็บที่ใจเมื่อได้เป็นแค่นั้นสำหรับอินทัช

“อ๋อ...ก็แค่คนเคยรู้จัก” พีมหันมาเยาะเย้ยให้กับรามินทร์ ถึงแม้ว่ารามินทร์จะหล่อเข้มถูกใจพีมเหมือนกับอินทัชก็ตามที

มือแกร่งกำแน่น สบตากับอินทัชที่มองตนด้วยสายตาเย็นชา และอินทัชก็ยังทำมากกว่านั้นโดยการโอบไหล่ของพีมต่อหน้าของรามินทร์

ธีรไนยที่นั่งมองอยู่ก็ยังคงยิ้ม ไม่ได้รู้สึกอะไรกับสถานการณ์ตรงหน้า แม้ว่าสีหน้าของรามินทร์จะดูไม่ดีแต่ธีรไนยก็ไม่ได้รู้สึกสงสารอะไร เขาจะรอดูเพื่อนว่าจะทำแบบนี้ต่อหน้าคนที่มันรักได้อีกนานขนาดไหน จะทนเห็นสีหน้าเจ็บปวดของรามินทร์ต่อไปได้อีกแค่ไหน

และจะฝืนใจทำไปได้ถึงขั้นไหน...

“กูมารับมึงกลับ”

“ใครขอ”

“คุณธีร์...เป็นคนบอกให้กูมารับมึง”

ขวับ!!

ใบหน้าสวยหันไปมองเพื่อนสนิทอย่างคาดโทษ แต่ก็ได้รับท่าทางที่ไม่ได้สำนึกผิดอะไรจากธีรไนยเป็นคำตอบ แล้วยังทำหน้าตากวนๆ มาอีก

“งั้นก็กลับไปซะ กูกลับเองได้” อินทัชไล่

“พี่อินไล่ก็ไปสิ เพราะวันนี้พี่อินจะไปกับผม ใช่ไหมครับ” พีมหันไปถามอ้อนๆ กับอินทัช ร่างโปร่งมองหน้าหวานของพีมนิดๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับรามินทร์

จริงๆ แล้วก็ไม่ได้พิศวาสอะไรคนตัวเล็กกว่านี้หรอก แต่ก็น่าจะเป็นตัวช่วยที่จะทำให้เขาไม่ต้องไปอยู่ใกล้รามินทร์ได้ คนผิดสัญญา...ไม่รักษาคำพูด

ไม่ว่าจะครั้งไหนๆ รามินทร์ก็ไม่เคยรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเขาได้เลย

“ครับ พี่จะไปกับพีม” ใบสวยโปรยยิ้มหวานให้เด็กหนุ่มละลายเล่น พอได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจ พีมก็ตอบแทนประโยคนั้นโดยการโอบคอขาวเข้าหาตนแล้วประกบริมฝีปากลงบนปากบางของอินทัชอย่างร้อนแรง

ท่ามกลางความตกใจของอินทัชที่ไม่คิดว่าจะโดนจู่โจมต่อหน้ารามินทร์และเพื่อนสนิท เขากำลังจะผลักร่างเล็กออก แต่สายตาก็หันไปเห็นรามินทร์ที่มองอยู่อย่างเจ็บปวด อินทัชหลบสายตานั่นด้วยความรู้สึกที่เจ็บทรมานไม่ต่างกันแต่ก็ต้องฝืนใจ ปล่อยให้พีมจูบตนอยู่ต่อไปแบบนี้ โดยไม่ปฏิเสธ และ...ไม่ได้ตอบสนองด้วย

แต่กับรามินทร์ที่ภาพมันเบลอไปหมดไม่สามารถเห็นว่าอินทัชไม่ได้จูบตอบ เพราะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว มันช็อก...มันเจ็บปวด เขากำลังล้มทั้งยืน

นอกจากคำพูดที่มันบาดลึกเข้าไปในจิตใจแล้ว ภาพตรงหน้านี้มันยังบาดตาเขาจนเจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วทั้งหัวใจ...

ทำไม...ทำกับกูแบบนี้

เหมือนพีมจะรู้ว่าอินทัชไม่เล่นด้วยก็เลยผละออกมามองหน้าอินทัชอย่างงงๆ แต่ก็ไม่ใส่ใจอะไรมาก เพราะยังไงแล้ว อินทัชก็ตกลงที่จะไปกับเขาวันนี้แล้ว...

“พี่อินน่ารัก”

อินทัชยิ้มให้ร่างเล็กนิดๆ

“พอใจหรือยัง สนุกมากพอหรือยัง ที่เห็นกูจะเป็นบ้าแบบนี้” รามินทร์ถามขึ้นมาเสียงราบเรียบ จนอินทัชหวนคิดถึงตอนที่รามินทร์โกรธมากๆ ทันที

“เรื่องของมึง” อินทัชพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น

รามินทร์หลับตา ข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้อาละวาดในคลับแห่งนี้ พวกเขาอยู่ในมุมที่ค่อนข้างส่วนตัวหน่อย เลยไม่ค่อยมีคน มือแกร่งกำแน่น จนอินทัชกลัวว่ามันจะลอยไปโดนหน้าของพีมเอา

“คุณธีร์ครับ” รามินทร์กัดฟันเรียกธีรไนย

“ว่า?”

“ขอตัวอินนะครับ”

“หึ...เอาไปสิ มึงเป็นผัวมันนี่” สิ้นเสียงอนุญาต อินทัชก็หันไปขึ้นเสียงใส่เพื่อนรักทันทีอย่างโกรธๆ ที่มันยกเขาให้รามินทร์เร็วมากโดยที่มันเองก็ไม่ได้ชอบอะไรรามินทร์นักหนาเพราะสิ่งที่มันเคยทำไว้กับเขา

แต่นี่อะไร ทำไมถึงยอมยกเขาให้มันไปง่ายๆ แบบนี้

“ว่าไงนะฮะ! พี่อินครับ มันไม่จริงใช่ไหมครับ”

“ม่ะ...” ยังไม่ทันที่อินทัชจะปฏิเสธ รามินทร์ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

“จริง!!”

“ไอ้ราม!!”

“ทำไม กูก็แค่พูดเรื่องจริง...มึงเป็นเมียกู กูได้มึงมากี่รอบแล้ว จำไม่ได้หรือไง”

“นั่นกูไม่นับ!!” อินทัชเถียง

“ไม่เอาครั้งแรกกับครั้งที่สองก็ได้ ครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนที่แล้วก่อนมึงจะกลับมาที่นี่น่ะ!! มึงเต็มใจมีอะไรกับกูนะ มึงเต็มใจที่จะเป็นเมียกู แล้วมึงจะมาทิ้งๆ ขว้างๆ กูแบบนี้ไม่ได้” รามินทร์โวยวายกำลังทวงสิทธิ์ความเป็นสามีกับอินทัชอยู่ ทั้งๆ ที่คนเสียหายคืออินทัช แต่ทำไมคนที่เอาแต่เรียกร้องความรับผิดชอบถึงเป็นคนที่ได้กับได้ล่ะ

อินทัชอายมากกว่าโกรธอีก

“ไอ้ปากหมา!! หยุดเห่าเดี๋ยวนี้นะ นี่มันใช่ที่ที่มึงจะมาพูดเรื่องเหี้ยๆ แบบนี้หรือไง” อินทัชสั่งเสียงแข็ง ลุกขึ้นมาจากโซฟาตรงเข้ามาร่างสูงใหญ่ทันที

อินทัชอยากจะบีบคอคนตรงหน้าเหลือเกิน อยากจะบีบให้ตายคามือ!!

“กูแค่พูดความจริง...นี่คุณ! คุณยังอยากได้เมียของผมไปเป็นสามีมากขนาดนั้นเลยหรือไง” หันไปถามพีมที่ยังคงตามสถานการณ์ไม่ทัน

“แต่พีมมาก่อนนะฮะ”

“แต่ก็ในฐานะคู่นอนไม่ใช่หรือไง”

“ไอ้ราม!! ให้เกียรติน้องเขาหน่อย”

“คนที่เข้าใกล้มึงน่ะ กูไม่ให้เกียรติใครทั้งนั้นแหละ” ร่างสูงตอบ รามินทร์กลายเป็นคนที่ดื้อสุดๆ ไม่มีเหตุผลจนอินทัชอยากจะหลับหนีไปซะตอนนี้เลย

“แต่มึงไม่มีสิทธิ์”
“เออ!! กูไม่มีสิทธิ์ แต่กูแค่รักมึง หึงมึง หวงมึง ในฐานะคนที่รักมึงเท่านั้น ไม่ใช่ในฐานะคนที่มึงรัก” ไม่รู้ตัดพ้อหรือประชดประชัน รามินทร์ผสมๆ หลายๆ ความรู้สึกไปกับประโยคที่ลั่นออกไป

ถ้าร้องไห้ออกมาตอนนี้มันก็ดูทุเรศไปเพราะมันที่สาธารณะ ถ้าจะมีใครที่เห็นน้ำตาของรามินทร์ เขาขอให้อินทัชเห็นมันแค่คนเดียวก็พอ...

“หุบปากแล้วกลับไปซะ!”

“ไม่กลับ...กูไม่ปล่อยให้มึงไปเอากับใครแน่ๆ”

ก็ไม่ได้จะไปเอาใคร เพราะกูไม่มีอารมณ์จะเอาใครแล้ว ไอ้เหี้ยราม!! กูเลิกนิสัยมั่วๆ ไปแล้ว เลิกเพราะมึง!!!

“ทำไมมึงเป็นคนแบบนี้วะ สัญญาก็ไม่รักษา แล้วยังมาทำตัวแบบนี้อีก กูควรทำยังไงกับมึงดีวะ” อินทัชพูดเครียดๆ มองหน้า

“กูว่ามึงกับมันไปคุยกันที่ส่วนตัวกว่านี้ดีกว่านะ” ธีรไนยเดินเข้ามาหารามินทร์กับอินทัช โดยที่ทิ้งให้พีมนั่งหน้างออยู่คนเดียว

อินทัชหันมาแยกเขี้ยวใส่เพื่อนตัวดี พร้อมกับเอามือตบที่ศีรษะของธีรไนยไม่แรงมากนักแต่ให้เพื่อนรู้ว่าเขากำลังโกรธ โกรธจนอยากลงไม้ลงมือด้วย

“ไอ้ธีร์!!”

“กูแค่อยากให้มึงมีความสุข”

“สุขเหี้ยอะไรล่ะ กูจะบ้าตายเพราะมันเนี่ย” อินทัชชี้หน้าคนที่ทำให้ตัวเองหัวเสีย

รามินทร์ยังคงนิ่ง แต่ในใจก็ว้าวุ่น เจ็บปวดไม่หายไป ภาพที่คนที่ตนรักจูบกับคนอื่นมันยังติดอยู่ในหัว สลัดยังไงก็สลัดไม่ออก...

ริมฝีปาก ร่างกาย และหัวใจ ต้องเป็นของเขา ของเขาคนเดียวเท่านั้น...

“มึงก็รู้ดีอินว่าทำยังไงมึงถึงจะมีความสุข ส่วนมึงไอ้ราม ที่กูยอมให้มึงเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเพื่อนกูไม่ใช่ว่ากูจะหายโกรธในสิ่งที่มึงทำกับเพื่อนกูนะ แค่ไม่อยากให้เพื่อนกูอมทุกข์” ธีรไนยพูดกับรามินทร์ข้ามหัวของอินทัชไปจนน่าโมโห

“กูไม่เคยอมทุกข์!!”

“เงียบไปไอ้อิน คราวกู...มึงยังให้กูบอกความรู้สึกของกูไปเลย แต่มึงเองนั่นแหละที่...”

“หุบปากไปธีร์!!” รีบสั่งเพื่อนเสียงดังเพราะกลัวว่าเพื่อนสนิทจะพูดอะไรที่เขาไม่อยากจะให้มันรู้ออกไป

“งั้นมึงก็ไปกับมัน ไปคุยกันซะ ไปเคลียร์กันให้เรียบร้อย”

“กูกับมันพูดกันรู้เรื่องหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”

“มี!! มีเยอะด้วย”

“ไอ้ราม!!”

“มึงกลัวมันหรือไงอิน”

“กูไม่ได้กลัวนะธีร์”

“ไม่ได้กลัวก็ไปกับกูสิ!” รามินทร์ท้าทาย

ร่างโปร่งบางเม้มปากแน่น คิดไม่ตก ถ้าไปกับมันต้องไม่ดีแน่ๆ

ไม่ดีกับใจตัวเอง...

“เออ!!!”

ก็แค่ไม่อยากโดนหาว่าเขากลัว...ไม่ใช่ความต้องการลึกๆ ของตัวเองเลยจริงๆ


ร่างแกร่งพาอินทัชมาที่โรงแรมที่ตนเองพักอยู่ตอนแรกก็อยากจะขัดอยู่หรอก แต่มันต้องหาเรื่องท้าทายเขาอีกแน่ๆ ฉะนั้นแล้วร่างโปร่งเลยนั่งเงียบๆ พอคุยธุระเสร็จก็จะกลับเลย

แต่ทำไมเขาถึงได้นั่งอยู่บนโซฟา โดยมีรามินทร์นั่งจ้องเขาอยู่แบบนี้ ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลย ไหนว่ามีเรื่องจะคุยไง ก็รีบพูดมาสักทีสิ

“รีบพูดธุระของมึงมาได้แล้ว”

“มึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับกูเลยจริงๆ งั้นเหรอ”

“ถามอะไรของมึง?”

“กูแค่อยากรู้”

“เออ!! ไม่ได้รู้สึก” หลบสายตาแล้วตอบออกไปดังๆ เพื่อตัดปัญหา

แต่รามินทร์กลับไม่ยอม ใช้มือบังคับใบหน้าสวยให้หันมามองหน้ากับตน แต่ถึงอย่างนั้นอินทัชก็ไม่กล้าสบสายตากับดวงตาคมคู่นั่นอยู่ดี

“มองตากู แล้วพูดว่ามึงไม่รู้สึกอะไรกับกู เกลียดกู อยากให้กูออกไปจากชีวิตมึง อยากให้กูหายไปพ้นๆ จากสายตามึง มองตา...แล้วมึงพูด”

รามินทร์เขย่าร่างโปร่งเบาๆ เร่งเร้าให้อินทัชทำตามที่เขาบอก มันเป็นการเดิมพันสุดท้ายจริงๆ เพราะถ้าหากว่าอินทัชสบตาแล้วพูดออกมาได้...เขาก็คงจะหมดหวังแล้วจริงๆ

“ยืนยันหลายรอบไง มึงจะเอาอะไรอีก”

“ความชัดเจนไง”

“กูก็ชัดเจน”

“งั้นก็ช่วยย้ำมันอีกครั้ง...นะ” รามินทร์ขอร้อง

อินทัชข่มจิตใจที่หวั่นไหวของตนช้อนตามองสบกับดวงตาที่มองกันอย่างลึกซึ้ง แต่ยังไม่ทันได้พูดรามินทร์ก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกเราชนกัน

“ใกล้ไปแล้วนะ”

“สบตา แล้วพูด”

“กู...เกลียด อื้อ...” คนตัวสูงกว่าประกบริมฝีปากเข้ากับปากบางชมพูโดยไม่ปล่อยให้อินทัชพูดประโยคเสียดแทงหัวใจนั่นออกมา

ปลายลิ้นร้อนค่อยๆ สอดผ่านกลีบปากนุ่มที่ไม่ได้เม้มกีดกันอย่างที่ควรเป็นทำให้รามินทร์ได้ใจ สอดปลายลิ้นเข้าไปได้สำเร็จ เขาค่อยๆ หยอกล้อกับปลายลิ้นของอินทัชที่ยังคงนิ่ง ร่างบางนั่งตัวตรง พยายามไม่ให้ตัวเองเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและอ่อนหวานนี่ เขาอยากจะผลักมันออก อยากจะขัดขืน แต่ทำไมร่างกายไม่รักดีนี่ถึงได้ไม่ยอมทำตามที่ต้องการ

“กูรักมึง...กูคิดถึงมึง”

น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาสวย อินทัชหลับตาแน่น ยกแขนตัวเองโอบรอบคอแกร่ง ก่อนจะเปิดตาที่พราวไปด้วยน้ำสบกับดวงตาคมของรามินทร์ที่กำลังยิ้มน้อยๆ อยู่

“กูเกลียดมึง...อึก…เกลียดที่สุด” ร่างโปร่งเอ่ยเสียงสั่น

ถ้าเวลาปกติรามินทร์คงหัวใจจมดิ่งลงก้นเหวไปแล้ว แต่คราวนี้...เขาเห็นอะไรบางอย่างจากแววตาของอินทัช และการกระทำของอินทัชตอนนี้ มันก็บอกได้เป็นอย่างดี...

“กูรู้แล้ว กูเข้าใจแล้ว”

“เกลียด...เกลียดที่สุด”

เกลียดตัวเอง...เกลียดที่ตัวเองแพ้ต่อความต้องการของหัวใจของตัวเอง

เกลียดตัวเองที่ไม่สามารถเกลียดรามินทร์ได้อย่างที่พูด

เกลียด...ที่รักมัน

รักคนใจร้ายอย่างมัน...





100%

 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:

ไหนวันเสาร์ของแกยูกิ? ทุกคนคงมีคำถามนี้ใช่ไหมล่า แหะๆ

ไม่ได้แก้ตัวเลยน้า เมื่อวานจริงๆ ก็มีเวลาแหละ แต่เราทำงานที่จะส่งวันจันทร์อยู่ไง ตอนแรกก็แบบโอเคยังไม่สี่ทุ่ม ยังทันๆ

ทำไปทำมา มองดูนาฬิกาเพราะคิดขึ้นได้ก็ตีหนึ่งแล้ว เวรกรรม ก็เลย...เลย...เลยตามเลย แหะๆ

รีบมาลงให้ทันทีที่ตื่นเลยนะคะเนี่ย อย่าลืมเม้นท์ให้ยูกิด้วยน้า ขอบคุณมากเลยจ้า

พูดคุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจเลย ตอบช้าแต่ตอบชัวร์  https://www.facebook.com/sawachiyuki/

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด