Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก >> ตอนพิเศษ 3 60% => (05/10/61) P.34 <=  (อ่าน 228377 ครั้ง)

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 53
สารจากธีร์





“มานั่งหงอยอะไรอยู่คนเดียว”

ร่างโปร่งบางสะดุ้งด้วยความตกใจที่โดนทักทายแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะเขากำลังเหม่อ มองอะไรสักอย่างอยู่อย่างไร้จุดมุ่งหมาย

มันเงียบ...เหมือนก่อนหน้าที่รามินทร์จะมาเยี่ยมขรรค์...

“มึงตามมาได้ไง”

“กูใครวะอิน...นี่ธีร์ เพื่อนของมึงนะ อารมณ์แบบไหนมึงจะไปที่ไหนกูรู้ทุกอย่างนั่นแหละ” ว่าแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับอินทัชทันที

“แล้วมีธุระอะไรกับกู?”

“แค่จะมาดูว่ามึงอารมณ์ไหน ถึงได้มาร้านนี้ ร้านที่แม่งโคตรจะห่างไกลจากบริษัทมึงมาก”

ธีรไนยมองไปรอบๆ ร้านกาแฟเล็กๆ แห่งนี้ด้วยความรู้สึกคุ้นเคยกับมัน เพราะมันเป็นร้านหน้ามหาวิทยาลัยของพวกเขาเอง และการที่อินทัชมาที่นี่นั่นก็หมายความว่า กำลังอยู่ในช่วงที่อารมณ์ไม่ปกติ

อยากอยู่คนเดียว...

“กูอยากอยู่คนเดียว”

“หึ...ตอนนี้มึงก็ได้อยู่คนเดียวสมใจแล้วนี่ กูไม่เข้าใจเลยเว้ย ว่ามึงจะทรมานตัวเองไปทำไม ทั้งๆ ที่อยากจะอยู่กับมันจะตายห่าแต่กลับไล่มันออกจากชีวิต”

“เรื่องของกู!”

“เรื่องของมึงก็จริง แต่มึงไม่คิดว่ากูจะเป็นห่วงเพื่อนบ้างหรือไงวะ ที่วันๆ เอาแต่เหม่อลอย ไม่พูดไม่จากับใคร นัดไปเที่ยวที่ไหนก็ไม่ว่าง ไม่มีอารมณ์ กูแค่อยากได้เพื่อนคนเดิมกลับคืนมาก็เท่านั้น ถ้ามึงไม่อยากให้มันอยู่ในชีวิตมึง มึงก็ต้องกลับมาเป็นคนเดิมให้ได้ อย่าทำตัวแบบนี้ กูขอร้อง” ธีรไนยพูดยาวอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย กับอาการของเพื่อนที่ไม่ว่าเขาจะโทรไปหาก็บอกว่าไม่มีอารมณ์จะคุย

จะพาไปเที่ยวต่างประเทศ ก็ไม่ไป...

“กูก็เหมือนเดิม”

“เหมือนเดิมเหี้ยอะไร มึงเปลี่ยนไปเยอะมากรู้ไหมอิน” ธีรไนยถามเพื่อนรัก สีหน้าและน้ำเสียงบ่งบอกถึงความจริงจังจนอินทัชชักเครียด

“กูเปลี่ยนยังไง”

“มึงมันกลายเป็นคนปากแข็งไปแล้ว อินทัชที่ว่านอนสอนง่ายคนนั้นของกูหายไปไหน มึงพอจะบอกกูได้ไหมว่าเพราะอะไร มึงถึงไล่มันกลับไป ทั้งๆ ที่อยากจะให้มันอยู่กับมึงจะตาย”

“มึงรู้ได้ไง” อินทัชถามกลับมา

“แล้วทำไมกูจะไม่รู้ กูมีตา กูก็สังเกตอาการของมึงสิวะ”

“เหรอ?”

“ว่ามาซิ! เผื่อกูจะช่วยได้”

อินทัชเงียบ ไม่ยอมปริปากพูดออกมา ขืนเขาพูดออกไป มีหวังโดนด่ากลับมากแน่ๆ ไม่เอาด้วยหรอก แค่เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวตอนนี้มันปนกันวุ่นวายไปหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องเพิ่มเรื่องปวดหัวเข้ามาให้รกสมอง

“ไม่เป็นไร กูเกรงใจ”

“ดื้อว่ะ...”

“ไม่มีงานทำหรือไง”

“มี! แต่ลงมาซื้อกาแฟไง”

“เฮอะ!! เลขาไม่ชงให้เหรอวะ”

“เปลี่ยนรสชาติไง กินอะไรเดิมๆ มันก็น่าเบื่อ ถูกป่ะ” ธีรไนยตอบพลางยักคิ้วข้างหนึ่งอย่างกวนๆ ไปให้เพื่อนสนิทที่มองตนด้วยความหมั่นไส้

“มึงนี่ตามเสือกชีวิตกูจัง”

“อ้าว? ไม่ให้เสือกมึงแล้วจะให้กูไปเสือกใคร”

“ก็ไปอยู่กับผัวมึงโน่น ปล่อยกูบ้างก็ได้” อินทัชไล่ สีหน้าเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายกับนิสัยจุ้นๆ ของเพื่อนสนิท แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้รำคาญจริงจังขนาดนั้นหรอก

มีเพื่อนอยู่ด้วยในตอนที่มีความรู้สึกแบบนี้ก็ดี...

“กับไอ้พัฒน์ กูอยู่กับมันทุกวัน แบ่งเวลามาให้เพื่อนนิดๆ หน่อย มันไม่ว่าหรอก”

หมั่นไส้ท่าทางมันจริงวุ้ย!

“แล้วเมื่อไหร่คุณเพื่อนจะเลิกแบ่งเวลาให้กูล่ะครับ กูเกรงใจจะแย่อยู่แล้ว” ฝั่งเขาเองก็ประชดประชันกลับไป ไม่ยอมแพ้กันเลย...

เพราะศีลเสมอกัน ก็เลยคบกันได้จนถึงทุกวันนี้...

“จนกว่าเพื่อนรักจะมีผัว”

“ชีวิตนี้กูรุกมาโดยตลอดว่ะครับ ให้มีเมียง่ายกว่าไหม จะจัดให้เลย” ถามออกไปโดยแสร้งทำเป็นซ่อนความรู้สึกเอาไว้ ไม่แสดงมันออกมา

ทั้งๆ ที่มันไม่สามารถที่จะปิดมิดเลยด้วยซ้ำ

“จนกว่ามึงจะเลิกปากแข็ง แล้วก็เลิกทรมานตัวเองด้วย”

“เฮ้อ...”

“ถอนหายใจทำไม เอาจริงๆ กูก็โกรธที่มันทำกับมึงนะ และกูก็รู้ว่ามึงเองก็ไม่ได้โกรธมันแล้ว คนขี้ใจอ่อนแบบมึง โกรธใครได้นานๆ ที่ไหน ถ้าไม่เกลียดจริงๆ แต่สำหรับไอ้ราม มึงไม่ได้เกลียดมันกูรู้ ฉะนั้นแล้ว มึงอย่ากลัวในสิ่งที่มึงยังไม่เคยลองดูสิวะ ถ้ามึงไม่ลอง มึงจะรู้ไหมว่ามันจะเป็นแบบที่มึงคิดหรือไม่เป็น มึงเป็นนักธุรกิจนะอิน...มึงก็รู้ ว่าทุกอย่างมันต้องเสี่ยง มันต้องลงทุน เรื่องความรักก็เหมือนกัน มันก็ต้องมีเสี่ยงบ้าง แต่นั่นก็จะถือเป็นบทเรียนในชีวิตไป ถ้ามันไม่ใช่...มันก็ไม่ถึงตายหรอกอิน”

ใช่...ไม่ถึงตาย แต่ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ล่ะ ถึงจะลืม...

สิ่งที่ธีรไนยพูดออกมาทั้งหมดมันใช่...เขาก็แค่กลัว ว่าคนที่นิสัยต่างขั้วกันสุดๆ อย่างเรามารักกันแล้วมันไปไม่รอด พาลทำให้รู้สึกไม่ดีต่อกันไปเสียเปล่าๆ

“มึงกลัวอิน...มึงกลัวว่าถ้ามึงจริงจังกับความรักอีกครั้งมันจะทำให้มึงผิดหวัง แต่มึงต้องเข้านะเว้ยอิน...ว่าคนเรามันไม่เหมือนกัน ไม่แน่...คนอย่างไอ้รามมันอาจจะเป็นคนที่รักใครรักจริงก็ได้”

“กูรู้...แต่มึงก็เห็นว่ามันรักกูมากเกินไป”

“แล้วไม่ดีหรือไง มึงจะไม่มั่นใจอะไรอีก ไอ้รามไม่ใช่ยัยนั่นนะ”

“เพราะมันรักกูมากเกินไปนี่แหละ...ธีร์ มึงลองคิดดูนะ ว่าไอ้ที่กูโดนมันจับตัวไปเนี่ยต้นเหตุมันมาจากอะไร มันไม่ใช่แค่มาจากที่น้องสาวมันหลอกนะ แต่มันมาจากตัวของไอ้รามด้วย ถ้ามันไม่รักน้องมันมากเกินไป มีเหตุ มีผล มันก็ไม่ต้องมาทำร้ายกูแบบนั้น”

“มึงกำลังจะบอกว่า มึงกลัวว่าถ้ามึงโดนทำร้ายหรือเป็นอะไรไป ไอ้รามมันจะแค้นจนขาดสติอีก ทำเหมือนกับที่ทำกับมึง ว่างั้น?”

“เออ!!”

“หึหึ...กูจะบอกอะไรให้นะอิน ต่อให้มึงกับมันจะคบหรือไม่คบกัน แต่ถ้ามันรักมึง...คนที่ทำให้มึงเจ็บมันก็เอาคืนได้หมดนั่นแหละไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนก็ตาม เพราะงั้นมึงยิ่งต้องตอบรับความรู้สึกมันเลย ถ้ามีมึงอยู่ด้วยอาจจะทำให้มันเปลี่ยนแปลงได้ก็ได้นะ คนอย่างมันน่ะดูเชื่อฟังมึงจะตายไป”

ใบหน้าสวยเผยให้เห็นความตึงเครียดบนใบหน้าเพราะกำลังใจความคิดประมวลผลตามคำพูดของเพื่อนสนิทเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับตนเอง

“ให้โอกาสมันบ้างอิน อย่างน้อยก็ให้มันได้ลอง มึงได้ลอง”

“จะเก็บไปคิดก็แล้วกัน”

“ก็อย่าคิดนานแล้วกัน มันเปลี่ยนใจก่อนกูไม่รู้ด้วยนะ”

“ก็แล้วแต่สิ...” ยักไหล่แบบไม่รู้สึกอะไร ทั้งๆ ที่ใจหายไปแล้วด้วยซ้ำ

จริงสิ...เขาลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย ถ้าหากว่ารามินทร์มันเลิกรักเขาแล้วหันไปรักคนอื่น เลือกคนอื่นมาเป็นคู่ชีวิต เขาจะรู้สึกยังไง ไม่ต้องรอให้เห็นเลยด้วยซ้ำ แค่คิดก็เจ็บปวดจะแย่อยู่แล้ว


“ซึน...”

“ว่าไงนะ?” อินทัชถามทวนเพราะได้ยินไม่ถนัด

“เปล่า...ก็บ่นกับตัวเองน่ะ”

“เหรอ? ให้มันจริงเถอะ”

“จะโกหกทำไมวะ เฮ้อ...ถึงเวลาต้องกลับไปเคลียร์งานแล้วสินะเนี่ย มึงอ่ะ จะกลับพร้อมกูไหม” ธีรไนยถาม มองอินทัชที่กำลังนั่งดื่มกาแฟของตนสลับกับมองไปข้างนอกร้าน

“กลับเลยก็ได้”

“งั้นก็ไป กาแฟกูคงได้แล้วล่ะ” ธีรไนยลุกขึ้นเดินนำไปที่เคาท์เตอร์ พูดคุยกับพนักงานร้านอย่างสนิทสนมก่อนจะจ่ายเงินแล้วรับกาแฟของตนมา

“กูจอดรถฝั่งตรงข้ามน่ะ” อินทัชบอกเพื่อนสนิทเมื่อพากันออกมาจากร้านกาแฟแล้ว

“งั้นมึงก็ต้องข้ามถนนไปสินะ เดินระวังๆ นะมึง”

“เออน่า กูข้ามมาเป็นล้านรอบแล้วมั้ง”

“ฮะๆ งั้นแยกเลย แล้วเจอกันนะมึง”

“อื้อ...แล้วเจอกัน กูไปก่อนนะ”

ร่างสูงโปร่งของอินทัชเดินลงจากฟุตบาทไปเพื่อเตรียมข้ามถนน ส่วนธีรไนยก็จะยืนมองเพื่อนให้ข้ามถนนไปถึงที่จอดรถก่อนแล้วค่อยไปที่รถของตัวเอง อินทัชเห็นรถที่อยู่เลนซ้ายชะลอความเร็วแล้วโบกมือเป็นเชิงบอกให้เดินข้ามถนนไป ร่างโปร่งก็โค้งให้นิดๆ แล้วก้าวเท้าออกไป แต่ในจังหวะที่กำลังจะเดินไปต่อ รถคันนั้นก็เร่งความเร็วเหมือนจงใจจะพุ่งชนอินทัช ทำเอาธีรไนที่ยืนมองอยู่ตะโกนเสียงดัง

“ไอ้อิน!! ระวัง!!!”

“เฮ้ย!!!”

อินทัชหันมามองรถคันดังกล่าว มีทีท่าว่าตัวเองจะไปไม่พ้นแน่หากเดินหน้า ก็เลยตัดสินใจถอยหลังกลับมา แต่ด้วยความรีบ ทำให้ขามันสะดุดถอยได้ไม่เร็วมากนัก รถคันนั้นเลยเฉี่ยวเขาไปเต็มๆ จนร่างทั้งร่างล้มลงข้างถนน

“โอ๊ย!!”

“เหี้ยเอ้ย!! เป็นอะไรหรือเปล่าวะอิน แม่ง จงใจชัดๆ เลยนี่หว่า”

“กูเจ็บ...”

“เจ็บตรงไหน”

“แขน” ใบหน้าของอินทัชแสดงถึงความเจ็บปวด เอามือข้างที่ไม่เจ็บประคองแขนข้างที่โดนรถเฉี่ยวไปเต็มแรงเอาไว้เพื่อไม่ให้มันเจ็บมาก

“กูจะพาไปโรง’ บาลก่อน”

“อือ...”

“ลุกไหวไหมวะ”

อินทัชกัดฟันฝืนลุกทั้งขาเจ็บ เพราะล้มผิดท่าด้วย ข้อเท้าเลยแพลง ธีรไนยทิ้งแก้วกาแฟแล้วมาประคองเพื่อนสนิทไปที่รถของตัวเอง ก่อนจะพาไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที


“แขนจะปวดๆ หน่อยนะครับแต่ไม่เป็นอะไรมาก ส่วนขาหมอใส่เฝือกอ่อนให้แล้ว งดใช้เท้าข้างที่ใส่เฝือกจนกว่าจะหายนะครับ แล้วก็ทำตามที่หมอสั่งทุกอย่างนะจะได้ลดอาการบวมไวๆ ถ้าหายบวมหายเจ็บบ้างแล้วก็มาตามที่หมอนัดด้วยนะครับ”

“ครับ” อินทัชพนักหน้ารับ มองสภาพขาตัวเองที่บวมอย่างน่ากลัวกับเฝือกที่ทำให้ดูเป็นคนพิการไปในทันที มองแขนข้างขวาที่ต้องใช้เขียนงานพันไปด้วยผ้ายืดแล้วก็ถอนหายใจ “ประมาณกี่วันถึงจะหายครับ” ถามกลับไป

“โดยปกติจะหายภายในสามถึงหกสัปดาห์ครับ ถ้าทำตามที่หมอบอกก็มีโอกาสหายไวนะครับ”

“หมอพูดเหมือนหลอกล่อเด็กเลยนะครับ”

“ฮ่าๆ ก็เห็นทำหน้าไม่สบายใจนี่ครับ เอาเป็นว่าถ้าเกิดรู้สึกว่ามันปวดจนทนไม่ไหวแล้วก็ให้มาหาหมออีกรอบนะครับ เดี๋ยวเอายาไปทานด้วย แขนนี่ก็มีอาการช้ำ อย่าใช้งานหนักนะครับ พักเอาไว้ให้มากๆ โดนกระแทกแรงมากเลยสินะครับ”

“แรงครับ”

พุ่งเข้าใส่เหมือนกะเอาให้ตายแบบนั้น

“โอเคครับ เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวไปรอรับยาด้านนอกนะครับ”

“ขอบคุณครับ”

ธีรไนยที่นั่งฟังอย่างเงียบๆ อยู่ข้างเพื่อนสนิทลุกขึ้นแล้วลากวิลแชร์มาให้อินทัชนั่งก่อนจะเป็นคนเข็นพาเพื่อนออกไปเพื่อรอรับยา

ระหว่างที่รอรับยา อินทัชก็กำลังคิดอะไรบางอย่างเหมือนกับธีรไนยที่กำลังคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาอย่างเครียดๆ และมองเพื่อนด้วยความกังวล

“อิน...กูว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ”

“อืม...กูก็คิดว่าจงใจ กูเห็นว่ามันโบกมือให้กูไปแล้วนะแล้วมันก็ชะลอด้วย”

“ใช่! กูก็เห็นแบบนั้น แต่พอมึงข้ามปุ๊บ แม่งก็เหยียบคันเร่งใส่เลย แบบนี้มันเจตนาชัดๆ แต่ปัญหาก็คือ มันคือใคร? ทำไปทำไม?” ธีรไนยนึกว่าเพื่อนจะมีศัตรูที่ไหนบ้าง แต่ก็คิดไม่ออก ถ้าคนที่จะมีศัตรูมันควรจะเป็นธีรไนยเองมากกว่าที่มี เพราะช่วงที่ดูแลธุรกิจมืดให้กับปฐพีและอัคนีนั้น เขาค่อนข้างที่จะขัดแย้งจากหลายๆ ฝ่าย

แต่อินทัชล่ะ...มันทำธุรกิจขาวสะอาด ไม่เคยขัดแย้งกับใคร...

“อาจจะเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ก็ได้มั้ง เราคงคิดมากเกินไป” อินทัชคิดในทางที่ดีทั้งๆ ที่ไม่ได้เชื่อไปตามนั้นเลยสักนิด มันมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า อินทัชโดนประสงค์ร้ายอยู่

แต่จากใครล่ะ

“มึงเคยขัดแย้งกับใครบ้างไหม”

“ไม่มี...ธุรกิจที่กูทำ กูผ่านการเจรจาต่อรองกับทุกฝ่ายดีแล้ว ไม่ขัดแย้งกับฝ่ายไหนแน่นอน”

“คู่แข่งล่ะ”

“ถ้าเป็นคู่แข่งกูก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จะทำกูไปทำไม กูตายก็ไม่มีทางที่บริษัทกูจะตกต่ำลงหรอก กูว่ามันต้องเป็นเรื่องส่วนตัว หรืออาจะผิดคน” อินทัชว่า

ยังไม่ทันที่พวกเขาจะปรึกษาหารืออะไรกันต่อ เสียงประกาศเรียกชื่ออินทัชก็ดังขึ้น ทำให้ธีรไนยต้องรีบลุกขึ้นไปรับยาแล้วชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ทันที ก่อนจะพาเพื่อนรักกลับคอนโดไปพักผ่อน

อินทัชโทรศัพท์ไปหาเลขาส่วนตัวเพื่อสั่งงาน จะไม่เข้าบริษัทจนกว่าจะหายดีแต่จะเอางานมาทำที่คอนโดแทนและสั่งให้ปิดเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด อินทัชยังกำชับกับเพื่อนสนิทอีกว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด รู้กันแค่สองคนก็พอ...

“กูไม่บอกใครหรอกน่า แต่มึงอยู่คนเดียวจะช่วยเหลือตัวเองได้ไหมวะ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้ไอ้จักรมาช่วย”

“แต่มันก็ทำงานนะเว้ย กลับมาก็เหนื่อยจะตายห่า ไหนจะรับงานมาทำที่บ้านอีก งานไอ้จักรก็วุ่นวายพอๆ กับเจ้าของบริษัทอย่างมึงนั่นแหละ จะให้มันมาดูแลช่วยเหลือมึงอีก กูว่าไม่ไหวว่ะ”

“กูก็ไม่คิดจะให้มันมาดูแล แต่จะให้มันมาช่วยเวลาที่กูทำอะไรเองไม่ได้เฉยๆ”

“เอางี้...เดี๋ยวกูมาอยู่ด้วย” ธีรไนยอาสา แต่ก็ทำให้อินทัชรีบปฏิเสธทันที

“ไม่เอาเว้ย!! เดี๋ยวคุณพัฒน์งับหัวกู”

“มันจะไปว่าอะไรได้ กูมีเหตุผลนี่หว่า”

“ไม่เอาๆ ไม่ต้องมาหรอก กูดูแลตัวเองได้”

ธีรไนยหรี่ตามองเพื่อนอย่างพินิจวิเคราะห์ ดูขากับแขนของเพื่อนแล้วหนักใจ สภาพแบบนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าดูแลตัวเองได้ อวดเก่งแบบดูสภาพตัวเองหน่อยเถอะ

เขาเคยมีประสบการณ์ในการใส่เฝือกอ่อนมาก่อน ถ้าไม่มีพีรพัฒน์คอยช่วย คอยดูแล บอกตรงๆ เขาเองก็ทำอะไรเองไม่ได้หรอก แล้วดูขามันดิ บวมมาก...หมอห้ามใช้ขาไปเลยสักพักจนกว่าจะหาย แล้วแขนก็เจ็บอีก...สภาพแบบนี้เด็กยังดูรู้เลยว่าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

“อย่ามาทำเก่ง กูเคยใส่เฝือก กูรู้ดีว่ามันลำบากแค่ไหน”

“เออน่า...กูมีลูกน้อง เดี๋ยวให้ลูกน้องมาช่วยก็ได้”

“แต่มันก็ไม่ตลอดเวลานี่หว่า มึงทำงานในห้อง มึงก็ต้องมีลุกบ้างแหละ”

“แค่ลุกกูทำเองได้ธีร์ มีไม้เท้าช่วยอยู่แล้ว อย่าห่วงไปเลยน่า เพื่อนคนนี้เก่งกว่าที่มึงคิด” อินทัชพยายามที่จะแสดงออกให้ธีรไนยเห็นว่าเขาไม่เป็นอะไร ช่วยเหลือตัวเองได้ จะได้ไม่ต้องมาคอยเป็นห่วงเป็นกังวลจนทำงานทำการไม่ได้ อินทัชไม่อยากเป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนต้องเสียงาน

งานของมันก็เยอะมากพอแล้ว อย่าไปสร้างภาระให้มันอีกเลย






--------
มีต่อ


ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
ต่อ





“เอาคีย์การ์ดมา”

“เอาไปทำไมวะ” อินทัชถาม

“ก็เอาไว้เผื่อกูมาหามึงไง มึงจะได้ไม่ต้องลุกขึ้นมาเปิดประตูให้กู” ธีรไนยให้เหตุผลที่ทำให้อินทัชต้องยอมเปิดกระเป๋าเงินหยิบคีย์การ์ดมาหนึ่งใบแล้วส่งให้เพื่อน

“สองสองศูนย์หนึ่ง”

“วันเกิดมึง?”

“อือ...ก็จำง่ายดีไม่ใช่เหรอ”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร...” ธีรไนยพูด แล้วนั่งลงข้างๆ กับเพื่อนสนิท จากตอนแรกจะกลับไปเคลียร์งานต่อ แต่เพื่อนดันมาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน เขาก็เลยยอมที่จะเลื่อนนัดกินข้าวเย็นนี้กับคนรักเพื่อทำงานให้เสร็จ โชคดีที่พีรพัฒน์เป็นคนยังไงก็ได้

“มึงคิดว่าไงกับเรื่องนี้วะ” ธีรไนยถามต่อ

“ไม่รู้ดิ กูยังนึกไม่ออกว่าไปขัดใจอะไรใคร หรือว่าจะเป็นเหมือนกับคราวของไอ้รามวะ กูเล่นหักอกสาวๆ หนุ่มๆ ไปเยอะเหมือนกัน” ตอบเพื่อนทีเล่นทีจริง

“คิดดีๆ ว่าหลังจากที่มึงกลับจากเพชรบูรณ์ มึงมีเรื่องกับใครหรือเปล่า”

อินทัชนิ่งคิดตามที่เพื่อนรักพยายามที่จะให้เขานึก นึกยังไงก็นึกไม่ค่อยออก แต่ไม่รู้มีอะไรคลใจทำให้เรื่องราวเมื่ออาทิตย์ก่อนเข้ามาในหัว ทำให้ใบหน้าสวยต้องหันไปมองธีรไนยทันทีอย่างเครียดๆ

ขวับ!

“ว่าไง นึกอะไรออก”

“อาเทพ!!!”








รามินทร์ล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนของแอปพลิเคชั่นที่เอาไว้ใช้ติดต่อสื่อสารอย่างไลน์

“เดี๋ยวผมขอเดินดูพื้นที่รอบๆ ก่อนก็แล้วกันนะครับ” รามินทร์บอกกับเจ้าของที่ดินที่เขามาดูเพราะมีแผนจะทำบริษัทนำทัวร์ ที่เขาอยากจะทำมานานแต่ก็ยังไม่ได้เริ่มเสียทีเพราะต้องดูแลธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทของพ่อที่ตนต้องสืบทอดมัน

“ได้ครับคุณราม ได้เรื่องยังไงก็บอกผมได้เลย”

ร่างสูงเดินมาสำรวจรอบๆ บริเวณของพื้นที่ประกาศขาย พลางมองหน้าจอโทรศัพท์ไปด้วย แต่เมื่อเห็นว่าใครเป็นคนส่งข้อความมา รามินทร์ก็หยุดชะงักอยู่กับที่แล้วเปิดข้อความดูทันที

ธีรไนยส่งภาพของอินทัชที่มีสภาพใส่เฝือกที่ขาซ้าย มีผ้าพันแขนขวามาสามสี่ภาพ รามินทร์เห็นแบบนั้นก็ร้อนใจเลื่อนอ่านข้อความถัดไปที่ธีรไนยยังคงส่งมาอย่างต่อเนื่อง

‘เห็นภาพข้างบนแล้วใช่ไหม...กูแค่จะบอกว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการลอบทำร้าย’

‘วันนี้มันอาจจะโชคดีไม่เป็นอะไรมาก แต่วันหน้ากูก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน’

‘มันอยู่คนเดียว ไม่มีใครดูแล คงจะช่วยตัวเองลำบากน่าดูเลยนะ เฮอะ! ดันดื้อบอกว่าดูแลตัวเองได้เอง กูก็ทำอะไรไม่ได้น่ะสิ’

‘กูแค่มาบอกข่าวเฉยๆ อยากจะมาหรือไม่มาดูมันก็ไม่เป็นไร แต่มันกำลังอยู่ในอันตราย’

‘กูฝากคีย์การ์ดห้องคอนโดมันไว้ที่เคาท์เตอร์ด้านล่างมึงแค่บอกชื่อเขาไปเขาก็จะให้คีย์การ์ดมึง รหัสเข้าห้องคือ สองสองศูนย์หนึ่ง’

‘คราวนี้ถ้ามึงยังทำให้เพื่อนกูมีความสุขไม่ได้ มึงยังทำไม่สำเร็จ มึงก็หมดสิทธิ์ เพราะโอกาสกูไม่ได้ให้ใครบ่อยๆ หวังว่ามึงจะเข้าใจที่กูบอกนะ’

เหมือนว่าจะจบอยู่ที่ข้อความนี้สินะ รามินทร์ยิ้มทั้งๆ ที่เครียดอยู่ มันทั้งดีใจและเป็นห่วงอินทัชในคราเดียวกัน นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่ธีรไนยเปิดให้

“ขอบคุณนะครับคุณธีร์” ร่างสูงพึมพำเบาๆ มือก็กดพิมพ์ขอบคุณไป

‘ขอบคุณนะครับที่ช่วยผมอีกแล้ว คราวนี้ผมจะทำให้สำเร็จให้ได้ครับ’

รามินทร์เห็นว่าอ่านแล้ว เขาก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงทันทีเพราะยังไงก็รู้ดีว่าธีรไนยไม่ตอบกลับมาหรอก ร่างสูงเดินกลับไปยังเจ้าของที่ดินด้วยความเร่งรีบ

“คุณเอกครับ ผมตกลงจะซื้อที่นี่ในราคาที่คุณเสนอเลยครับ ยังไงก็เตรียมเอกสารซื้อขาย กับโอนที่ดินให้เรียบร้อยนะครับ แล้วนัดวันผ่านคุณภพได้เลย”

“ได้ครับคุณราม ขอบคุณมากๆ เลยครับ”

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ มีธุระด่วนที่กรุงเทพฯ น่ะครับ”

“เชิญเลยครับ เดี๋ยวผมเดินไปส่ง”

“ครับ”

รามินทร์รีบเดินไปที่รถของตัวเอง แล้วขับกลับรีสอร์ทอย่างด่วนที่สุด เมื่อถึงบ้านพักแล้ว รามินทร์ก็สั่งให้เจ้าจอมจองตั๋วเครื่องบินให้ด่วนที่สุด เพราะถ้าขับรถไปเองมันก็ได้ แต่ก็ใช้เวลาหกชั่วโมงกว่า ถ้าเขาขับรถไปจอดไว้ที่โรงแรมของตนในพิษณุโลกแล้วนั่งเครื่องไปกรุงเทพก็จะลดเวลาลงได้ จากหกชั่วโมงกว่าก็จะเหลือแค่ชั่วโมงสี่สิบห้านาทีกว่าๆ ไม่เกินสามชั่วโมง

อะไรที่ย่นระยะเวลาได้ รามินทร์ทำมันหมดนั่นแหละ...


“ฝีมือของอาจริงๆ สินะครับ นี่อาไม่คิดจะเข้าใจอะไรเลยหรือไง ก็แล้วแต่ครับ...ผมไม่ได้กลัวอะไรอยู่แล้ว อาอยากจะทำอะไรมากกว่านี้ก็เชิญเลย แล้วเรามาดูกันว่าใครกันที่จะชนะ อ้อ...ผมจะบอกอาให้ว่าผมมันพวกตายยาก ถ้าคิดจะเอาชีวิตกันก็ทำให้มันดีกว่านี้หน่อยนะครับ ครับ เชิญเลยครับ ผมพร้อมรับมือ”

ร่างโปร่งวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างแรงอย่างหงุดหงิดไม่ได้รับรู้เลยว่ามีคนเข้ามาในห้องของตน

“ไปท้าทายแบบนั้นดีแล้วเหรอ” เสียงที่ถามขึ้นมาทำให้ร่างโปร่งชะงักกึกแต่ก็รีบหันไปมองต้นเสียงเมื่อได้สติ

ขวับ!!

“มึง...มาได้ยังไง” อินทัชหันไปมองคนถามทันทีอย่างตกใจ คิดว่าตัวเองหูฝาดที่ได้ยินเสียงรามินทร์ใกล้ๆ กับตัวเองแบบนี้ แต่ที่จริงแล้ว รามินทร์ตัวเป็นๆ กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาเลยต่างหาก

มันมาได้ยังไง มาทำไม แล้วเข้ามาในห้องเขาได้ยังไง?

“นั่งเครื่องมาแล้วก็มานี่ด้วยแท็กซี่”

“กูหมายถึงมึงเข้ามาคอนโดกูได้ยังไง” อินทัชอยากจะลุกไปดึงมันออกจากห้องมากๆ แต่ทำไม่ได้ เพราะขาของตนไม่สะดวกจะทำอะไรแบบนั้น

คนที่มีคีย์การ์ดกับรู้รหัสมีเพียงแค่ตัวเขากับธีรไนยเท่านั้น

“ไอ้ธีร!! ไอ้เพื่อนเลว”

เมื่อรู้ว่าใครคือตัวการ อินทัชก็เลือดขึ้นหน้าทันทีที่เจอเพื่อนหักหลังแบบนี้ มันทำแบบนี้กับเขาได้ยังไง ก็รู้อยู่ว่าเขากำลังหนีมัน หลีกเลี่ยงมัน แต่นี่อะไร ส่งมันมาให้เขาเนี่ย

“จะไปว่าคุณธีร์เขาทำไม”

“มึงหุบปากแล้วออกจากบ้านกูได้แล้ว” ชี้นิ้วไล่อย่างหงุดหงิด แต่รามินทร์ก็ถือคติด้านได้อายอด เพราะฉะนั้นก็ตีหน้ามึน ทำหน้าด้านอยู่แบบนี้ต่อไป แล้วอะไรมันจะดีเอง

“ไม่ไป กูจะมาอยู่ที่นี่...กับมึง”

“กูไม่ให้อยู่!!” ปฏิเสธทันทีโดยไม่เสียเวลาคิดแม้แต่วินาทีเดียว

“มันเป็นประโยคบอกเล่า...ไม่ใช่ประโยคขอร้อง”

“หน้าด้าน”

“ห้องมึงอยู่ไหนนะ” ร่างสูงสะพายกระเป๋าเป้ของตนเดินไปทางห้องนอนในคอนโดหรูนี้อย่างถือสิทธิ์ ทั้งๆ ที่ตนเองกำลังเสียมารยาทอยู่แท้ๆ

“ไอ้รามนั่นมันห้องกู หยุดเลยนะ!!” อินทัชตะโกนห้ามเสียงดัง

แต่เหมือนว่ารามินทร์ไม่ได้สนใจเปิดประตูห้องนอนของอินทัช เข้าเอากระเป๋าไปเก็บในห้องราวกับตัวเองเป็นเจ้าของห้องนี้อีกคน

ร่างสูงเดินออกมาหาอินทัชที่นั่งหน้าบึ้งพร้อมกับนั่งลงข้างๆ กับคนตัวบางที่ขยับหนีทันทีที่เขานั่งลง

“อย่าขยับแรงดิ เดี๋ยวขาก็ไม่หายหรอก”

“เรื่องของกู”

“ก็ดี ไม่หายก็ดี เพราะกูจะได้อยู่ที่นี่นานๆ เลย” รามินทร์ว่า

“หมายความว่ายังไง”

“ก็หมายความว่ากูจะอยู่ที่นี่จนกว่ามึงจะหายไงล่ะ ไม่ต้องห่วง กูจะดูแลมึงอย่างดีเลยล่ะ” รามินทร์ฉีกยิ้มหวานให้ แต่มันไม่ได้ทำให้อินทัชรู้สึกหวั่นไหวเลยสักนิด กลับกันยังทำให้หงุดหงิดกว่าเดิมอีก

มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงวะ!!!

“เอาน่า...มึงก็คิดซะว่ากูเป็นพยาบาลที่คุณธีร์จ้างมาดูแลมึงก็ได้”

“คิดไม่ลงเว้ย!!”

“ฮ่าๆ ทำหน้าบูดเป็นตูดเลย”

“อย่ามาจับ” อินทัชปัดมือหนาที่ยื่นมาจะจับจับเขาออกไปดังแปะ

“ทำมาเป็นงอนเพื่อน คุณธีร์เขาหวังดีเถอะ”

“หวังดีกับมึง ไม่ใช่กู”

“รู้ได้ไง” ถามกลับไป ปากแดงเม้มกันแน่น ไม่ยอมตอบหรือพูดอะไรออกมา หันหน้าหนีร่างสูงที่มองเขาอย่างมีความสุขเหมือนกับได้รับของขวัญสุดพิเศษเสียอย่างนั้น

“หุบปากไป ถ้าจะอยู่ก็อย่าทำให้กูหงุดหงิดหรือรำคาญ”

“มึงจะไม่หงุดหงิด ไม่รำคาญ ถ้ามึงเปิดใจอิน...มึงก็รู้ว่าเรารักกัน แล้วมึงจะฝืนใจตัวเองทำไม” รามินทร์ถาม ใบหน้าจริงจังของเขากับคำถามนั่นทำให้ร่างโปร่งบางนิ่ง

เจอคำถามจี้ใจดำ...มันรู้จนได้ว่าเขาก็คิดแบบเดียวกัน

“มึงรู้ได้ยังไง”

“ใจมึงรู้ดีที่สุดอิน”

‘อย่ากลัวในสิ่งที่มึงยังไม่เคยลองดูสิวะ ถ้ามึงไม่ลอง มึงจะรู้ไหมว่ามันจะเป็นแบบที่มึงคิดหรือไม่เป็น’

คำพูดที่ธีรไนยเพื่อนรักของเขาพูดเอาไว้เมื่อตอนกลางวันมันกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง ดวงตาหวานมองหน้ารามินทร์อย่างพิจารณา แล้วถอนหายใจออกมายาวๆ

เออ!! ลองดูก็ได้วะ!!! ถ้าไม่ใช่ มึงรับผิดชอบความรู้สึกกูเลยไอ้ธีร์ ไอ้เพื่อนเวร ไอ้เพื่อนจอมจุ้น!!

อินทัชบริภาษเพื่อนอยู่ในใจ ปั้นหน้านิ่งมองรามินทร์ที่ยิ้มให้ตนอย่างอ่อนโยน

“กูหิว...”

“กูซื้อเข้ามาแล้วล่ะ จะกินเลยไหม เดี๋ยวกูไปเตรียมให้”

“เออ!! บอกไว้เลยนะ มาอยู่กับกูก็ทำตัวให้มีประโยชน์ด้วย ไม่ใช่มานั่งๆ นอนๆ ไม่ทำอะไรเลย มึงต้องทำงานบ้าน ทำอาหาร ทำทุกอย่างของกูให้หมด ทำตามที่กูสั่งด้วย” ร่างโปร่งบอก

รามินทร์หัวเราะ

“ไหนว่าจะไม่เอาคืนไง”

“หรือจะไม่ทำ” เลิกคิ้วถาม สีหน้าเอาเรื่องสุดๆ

“ทำสิครับ แหม...ได้รับโอกาสดีๆ แบบนี้ จะไม่ทำได้ยังไง”

“เฮอะ!!”

“งั้นกูจะไปเตรียมอาหารก่อน เดี๋ยวมาอุ้มนะครับเมีย”

“ไอ้สัตว์นี่!!!” ไม่รอให้อินทัชด่าได้อีกหรอก ร่างแกร่งก็วิ่งไปที่ครัวทันทีด้วยความอารมณ์ดีส่วนอินทัชที่ควรจะทำหน้าไม่ชอบใจไม่พึงพอใจที่รามินทร์พูดคำที่ตนไม่ชอบออกมา ร่างโปร่งกลับยิ้มออกมาซะงั้น

ก็บอกแล้ว...ฝืนอะไรก็ฝืนได้ แต่ฝืนใจไม่ให้รักใคร ไม่ให้หวั่นไหวมันทำไม่ได้หรอก...ยิ่งฝืนใจกับคนที่ตัวเองรู้สึกดีๆ ด้วยแล้ว...ยิ่งยาก

“ฮัลโหล ไอ้เพื่อนเลว มึงทำอะไรเอาไว้ มึงรับผิดชอบเลยนะ กล้าดียังไงเอาคีย์การ์ดคอนโดกูไปให้มันเนี่ย!!” อินทัชรับสายธีรไนยทันทีกรอกเสียงไปตามสายไม่ฟังคำทักทายของเพื่อนเลย

(ฮ่าๆ โวยวายเลยนะมึง)

“ไม่ต้องมาหัวเราะ นี่กูโกรธอยู่!!”

(โกรธจริงๆ หรือวะ แต่กูว่ามึงอยากจะขอบคุณกูมากกว่านะ) ปลายสายว่า

อินทัชส่ายหน้าไปมา มองไปยังทางที่ไปห้องครัวที่รามินทร์เพิ่งจะเดินไปเตรียมอาหารแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ

“ขอบคุณอะไร อย่ามาพูด”

(มึงกำลังยิ้ม กูรู้นะ)

รู้ดีเกินไปแล้วมะ! ไม่รู้อะไรบ้างอ่ะมึง

“วางสายไปเลย กูไม่อยากคุยกับมึงแล้ว ไม่ต้องมาหา ไม่ต้องโทรมาแล้วนะ กูตัดขาดกับมึงไปก่อนสักเดือนหนึ่ง เอาเวลาไปอยู่กับผัวมึงเถอะไป”

(ถึงมึงไม่บอก กูก็จะทำแบบนั้นอยู่แล้ว)

“เออ!! กูจะให้คุณพัฒน์ช่วยทำโทษมึง หมั่นไส้”

(ทำโทษอะไร ไม่เห็นว่ากูจะทำอะไรผิดเลยสักนิด) อินทัชคิดภาพสีหน้าของเพื่อนสนิทได้เลยว่ามันกำลังยิ้มแล้วทำหน้ากวนตีนอยู่แน่ๆ

“ไม่ผิดเลย เออ...มึงทำไม่ผิดเลยเนอะ”

(ก็รู้ว่าไม่ผิด มึงจะให้ไอ้พัฒน์ทำโทษกูในข้อหาอะไรไม่ทราบเพื่อนรัก)

“ทำให้กูหมั่นไส้ไง กูจะให้คุณพัฒน์เอามึงจนลุกไม่ขึ้นเลยคอยดู”

(ถึงมึงไม่ต้องบอกให้มันทำโทษ กูก็โดนมันเอาอยู่ทุกวัน)

“หน้าไม่อาย พูดได้ไม่อายปาก!!”

(ฮ่าๆ แค่นี้แหละ ฟังสียงมึงแล้วกูก็หายเครียดเลย ทำงานต่อดีกว่าบาย แล้วเจอกัน) พูดจบแล้ว เพื่อนสนิทก็วางสายไปทันที ไม่รอให้อินทัชสาปส่งอะไรอีก

อินทัชนั่งมองโทรศัพท์แล้วยิ้มออกมาคนเดียวอีกครั้ง แม้ว่าเพื่อนรักของตนจะทำตัวน่าหงุดหงิดกับนิสัยจอมจุ้นของมัน แต่ก็นับว่ามันรู้ใจเขาที่สุดและรู้ว่าจะต้องรับมือกับเขายังไง

“ขอบใจ”





100%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

อัพหลังจากไม่ลง 20 วัน ขอโทษด้วยจ้า ยังไงนี่ก็ลงแล้วเนาะ ไม่โกรธกันดีกว่าเนอะ ฮ่าๆ อ่านแล้วเม้นท์ให้ยูกิคนสวยด้วยได้ม้า จะได้มีกำลังใจต่อไปไง อิอิ

พูดคุย สอบถาม ทวงนิยาย ติดตามการอัพเดทได้ที่แฟนเพจเลยจ้า https://www.facebook.com/sawachiyuki/

ออฟไลน์ chaaem

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ในที่สุดก็ยอมเปิดใจสักทีนะอิน   ลุ้นสุดๆๆ   รามสู้ๆ ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก 55555

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แก้แค้นให้สมใจอยากเลยหลานอิน คนแก่หนับหนุน  :laugh3: :laugh3:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
อ่านแล้วยิ้ม ดีใจ
อินเปิดใจ ชอบนะ
กำลังจะมีโหมดราม..แสนเชื่อง
เราชอบ..บอกเลย
ปล. เป็นกำลังใจให้ยูกิมาต่อถี่ๆ เลิฟ

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
มึงก็รู้ ว่าเรารักกัน :hao7:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
  :-[ คุณราม..... มันก็จะเริ่มหวานหน่อยๆ..

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ต้องพาคุณธี ไปเลี้ยงเจ็ดย่านน้ำแล้วละ อินทัช  :mc4:

ออฟไลน์ K3n0

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
ดีใจได้อ่านแล้ววว

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
อยากจะแปลงเป็นตัวผึ้ง ไปแอบดูเขา ดูแลกันจังเลย

ออฟไลน์ kobyp_lu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
น่ารักกกกก  แหมยิ้มล่ะสิ  คุณธีร์เป็นเพื่อนที่น่ารักมากอ่ะ

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 54
ไม่อาจฝืนใจตัวเอง





อินทัชตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ เวลาที่เขาตื่นเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าตามปกติ ความเคยชินนี้เขาเลยไม่จำเป็นต้องใช้นาฬิกาปลุก และไม่ต้องให้คนที่นอนอีกห้องหนึ่งมาปลุก

“โอ้ย!เจ็บ...” เขาลุกขึ้นนั่งแล้วก็ขยับขาแรงไปหน่อยเลยกระทบกับเท้าที่บวม บางทีก็ลืมไป ว่าตัวเองกำลังเจ็บอยู่ แน่ล่ะ...ใครจะไปอยากจำว่าตัวเองช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

เมื่อคืนเขาเสียแรงในการไล่รามินทร์ไปนอนอีกห้องหนึ่งยากมาก เพราะมันจะนอนที่ห้องเดียวกับเขาให้ได้ อ้างเหตุผลต่างๆ นาๆ ว่าถ้าเขาอยากจะเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนจะทำยังไง หิวล่ะ แล้วถ้านอนตกเตียงอีกล่ะ กว่าจะยอมไปนอนอีกห้องหนึ่งทำเอาอินทัชหมดแรงข้าวต้มเลยล่ะ

“เจ็บแต่เช้าเลยกู”

“อ้าว? ตื่นแล้วเหรอ ว่าจะมาปลุกพอดี” รามินทร์เดินเข้ามาในห้องเห็นว่าอินทัชกับนั่งอยู่นิ่งๆ ก็เอ่ยทักทายยามเช้าที่รูปประโยคเป็นคำถามกับบอกเล่า

“คนอย่างกูไม่ต้องให้ใครมาปลุกหรอก”

“แล้วนี่จะทำอะไร”

“กูจะเข้าห้องน้ำ”

“จะอาบน้ำ?”

“มึงคิดว่ากูอาบน้ำได้ไหมล่ะ หมอห้ามเฝือกโดนน้ำเนี่ย”

“เดี๋ยวกูอาบให้ รับรองว่าน้ำสักหยดก็ไม่โดนเฝือกแน่นอน”

“ไม่เป็นไร กูเกรงใจ กูอยู่ในนี้ทั้งวัน คงไม่ได้ออกไปไหน และกูเป็นคนเหงื่อไม่เยอะ เพราะฉะนั้น กูอาบน้ำวันละรอบพอ ตอนเย็นค่อยอาบ แต่มึงพากูไปล้างหน้าแปรงฟันหน่อยซิ”

“รับคำสั่งครับผม”

พรึ่บ!!!

“ไอ้เหี้ย อุ้มกูทำไมวะ ประคองก็ได้ กูเดินได้” อินทัชด่าทันทีที่ถูกคนตัวใหญ่กว่าช้อนตัวขึ้นอุ้ม แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากดิ้น แต่ก็ดิ้นแรงไม่ได้ ตกมาเจ็บซ้ำสองอีก

“เออน่า...แบบนี้ดีที่สุด เร็วที่สุด”

“ไอ้เลว น่าด้านนะมึงอ่ะ”

“ก็กูเนาะ...”

“เหอะ!!!”

ร่างสูงยิ้มหน้าบาน พาอินทัชเข้าไปในห้องน้ำ แล้ววางเจ้าของห้องบนเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า หันหลังให้กับกระจกและก๊อกน้ำ

“ให้กูล้างหน้า แปรงฟันยังไง?” คิ้วสวยขมวดแน่น ถามรามินทร์ออกไป ส่วนคำตอบที่ได้ก็เป็นรอยยิ้มที่น่าหมั่นไส้ ก่อนที่ตัวของร่างสูงจะขยับไปบีบยาสีฟันลงบนแปรงเปิดน้ำใส่แก้วที่วางไว้ แล้วเอามายื่นให้กับอินทัช

“อ่ะ”

อินทัชมองแก้วกับแปรงนิดๆ แต่ก็รับมันมาบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าก่อน โชคดีที่เขาสามารถก้มลงบ้วนน้ำลงอ่างได้ ไม่งั้นต้องให้รามินทร์ช่วยทุกอย่างแน่ๆ ร่างโปร่งนั่งตัวตรงเอาแปรงเข้าไป ส่งแก้วน้ำให้กับรามินทร์คืนแล้ว

อายชะมัด...ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ต่อหน้ามันด้วย

“เสร็จยัง”

“อื้อ” ร่างโปร่งพยักหน้า รามินทร์ยิ้มแล้วอุ้มอินทัชให้มายืนบนพื้นให้เบาที่สุด แล้วจับให้อินทัชหันไปล้างหน้ากับบ้วนปากเอง ทั้งๆ ที่ทำแบบนี้ตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง

เมื่ออินทัชล้างหน้า ล้างปากเสร็จแล้ว เขาก็คว้าผ้าเช็ดหน้าใกล้ๆ มาซับน้ำที่หน้าออก โดยที่รามินทร์ยืนอยู่ใกล้ๆ ไม่ห่างไปไหนเผื่อว่าอินทัชช่วยตัวเองไม่ได้

“เสร็จแล้ว...”

“จะฉี่มะ”

“ช่วยพูดเพราะๆ หน่อยซิ!”

“ฉี่ไม่เพราะตรงไหนวะ” รามินทร์ถามกลับด้วยความสงสัย ก็ไพเราะและสุภาพแล้วนะ หรือต้องถึงขั้นพูดคำว่าปัสสาวะ?

“เออ...อะไรที่ออกจากปากมึงไม่มีอะไรเพราะหรอก”

“ไปเอาไม้เท้ามา กูจะเดินเอง มึงไปเตรียมอาหารเช้าให้กูไป”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูจะพาไปเอง เพราะอาหารกูเตรียมแล้วเรียบร้อย”

“ไม่เอา!!”

“จะอายอะไรวะ” รามินทร์ถาม

“ไม่ได้อาย แค่ไม่สะดวกใจ”

ก็ความหมายคล้ายๆ กันหรือเปล่าวะ...

“เออน่า คนกันเอง”

“ใครบอกว่าคนกันเอง มึงนี่มันมโนของแท้เลยว่ะราม” บางทีเขาก็เริ่มเหนื่อยใจที่ต้องรับมือกับนิสัยแบบนี้ของรามินทร์อ่ะนะ

คนอะไรไม่รู้ เถียงกลับทุกคำเลย

“ไม่มโนนะ...ระหว่างเรามันเป็นยังไงก็รู้ๆ กันอยู่”

“พอๆ เลิกพูด แม่ง พูดแบบนี้ทำเอากูขี้ไม่ออกเลย ไม่ขี้แล้ว พากูไปกินข้าว!!” อินทัชโมโหกลบเกลื่อนความเขิน ยิ่งรามินทร์มาทำให้ตนแบบสามีภรรยากันแบบนี้เขาก็จั๊กจี้จะหายห่าอยู่แล้ว

“มึงจะขี้ก็ได้นะ”

“ไม่เอา!! ไม่ปวดแล้ว หิว!!”

“โอเคๆ งั้นเราไปกินข้าวเช้ากัน  วันนี้กูทำโจ๊ะให้มึงกิน”

“กูไม่ได้ป่วยนะ ทำอะไรที่มันหนักท้องกว่านี้ไม่ได้หรือไง”

“ก็กูทำเป็นอยู่แค่นี้!! กูให้ป้ารีสอนให้แค่นี้นี่หว่า ข้าวต้ม โจ๊ก หรือจะเอาไข่เจียวด้วย?” รามินทร์เลิกคิ้วถาม แต่ก็ยังไม่พาร่างบางออกจากห้องน้ำเสียที

“กูกินโจ๊กก็ได้ ไม่เรื่องมาก”

“ไป...อึ๊บ!!”

ร่างของอินทัชถูกช้อนขึ้นมาอุ้มอีกครั้ง จนบางทีอินทัชก็เบื่อที่จะด่าแล้วเหมือนกัน อยากอุ้มก็อุ้มไป เดี๋ยวก็หมดมแรงอุ้มไม่ไหวไปเองนั่นแหละ

“เดี๋ยวๆ ให้กูเปลี่ยนชุดก่อนเพราะเดี๋ยวจะไปนั่งทำงานในห้องทำงานเลย”

“เออๆ เดี๋ยวเอาชุดไปให้ที่เตียง” รามินทร์วางอินทัชลงบนเตียงแล้วัวเองก็เดินไปเลือกชุดสี่ใส่ง่ายๆ มาให้กับคนหน้าสวยที่ยังทำหน้านิ่งๆ ไม่ยอมยิ้มให้กับเขาสักที

ไม่เป็นไร ถ้ามันไม่ยิ้มให้ เขาก็จะยิ้มเอง

“กางเกงนี้ขากว้างอยู่ คงใส่ผ่านเฝือกนี้ไปได้”

“อือ...หันหน้าไปทางอื่น กูใส่เองได้”

“ก็ได้ๆ”

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำให้กับอินทัชนะ แต่เขาก็อยากให้คนเจ็บช่วยเหลือตัวเองในบางเรื่องบ้าง ถ้าทำให้ทั้งหมด มันไม่เป็นผลต่ออินทัชเลยสักนิด

เขารักมัน...เขาถึงไม่คิดทำร้ายมัน ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ตาม

“เรียบร้อย”

“เก่งนี่หว่า” รามินทร์เอ่ยปากชมเมื่อหันกลับมาเห็นคนหน้าสวยใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว

“ไม่ใช่เด็ก ไม่ต้องมาชม”

“ทำหน้าบูดแต่เช้าเชียว โมโหหิวเหรอครับ” ยักคิ้วถามกวนๆ

“กูโมโหแต่เช้าเพราะมึงนั่นแหละไอ้ราม พอแล้วเลิกพูด เลิกกวนตีน พากุไปกินข้าว แม่งเลยเวลาอาหารเช้ากูมาเยอะแล้วเนี่ย กูต้องกินยานะเว้ย”

“คร้าบๆ ทราบแล้วครับ”

แล้วในที่สุด อินทัชก็ได้ทานข้าวทานยาเสียที เป็นเช้าวันแรกของขาที่ใช้งานมากไม่ได้ ไม่คิดว่าทุกอย่างจะช้าไปหมดแบบนี้ ไหนจะงานที่เลขาเอามาให้กองพะเนินอยู่บนโต๊ะทำงาน ไหนจะตามเรื่องของเทพากรอาของเขาอีก ถ้าอาของเขาขู่มาแบบนั้นแล้ว แล้วเล่นกะเอาชีวิตอย่างเมื่อวานมันก็ชัดพออยู่แล้วว่าเทพากรเอาจริง

แบบไม่สนความเป็นอาเป็นหลานเลยด้วย


“อิน...กูถามจริงๆ นะ ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง ทำไมมึงถึงโดนทำร้าย”

“เรื่องภายในของกู คนนอกไม่เกี่ยว” อินทัชที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ตอบ โดยไม่สนใจที่จะมองหน้าของรามินทร์ที่นั่งมองเขาทำงานอย่างเงียบๆ ทำตัวดีๆ ตามคำสั่งแต่ก็ดีแตกเพราะความอยากรู้อยากเห็นมันรบกวนจิตใจ

“กูก็ถือเป็นคนๆ เดียวกับมึงนะเมีย”

“หุบปากสักทีเถอะ กูไม่ใช่เมียมึง”

“มึงเป็น”

“ไอ้ราม!!!”

“ว่าไง? ไอ้อิน!!”

เอาสิ...ไม่มีใครยอมใครจริงๆ เสียงดังมาก็เสียงดังกลับ ไม่โกง

“เลิกรบกวนกูสักที ถ้ามึงจะมารบกวนการทำงานของกูมึงก็ออกจากห้องทำงานของกูไปเลย แต่ถ้ามึงอยากจะอยู่ในนี้ ก็นั่งอยู่อย่างเงียบๆ ธุรกิจกูมีค่าหลายร้อยล้านนะเว้ย”

“ขอโทษก็แล้วกัน...” รามินทร์หน้าเศร้า นั่งเงียบไป เรียกความสนใจจากอินทัชให้เงยหน้าขึ้นมองทันที แต่ก็หลงกลมันจนได้ เพราะทันทีที่เขาสบตากับมัน รามินทร์ก็ยิ้มกว้างมาหะจนอยากลุกขึ้นไปถีบ

“ไอชั่ว!!”

“เคยมีใครบอกหรือไงว่าคนเป็นเมียห้ามด่าสามี มันจะไม่เจริญ”

ร่างโปร่งกัดฟันแน่น มองหาของบนโต๊ะที่พอจะฟาดหัวของคนข้างหน้าได้ อินทัชทำงานไม่รู้เรื่องแน่ๆ ถ้าไม่ได้ฟาดไอ้คนปากเสียเนี่ย

“เฮ้ยๆ นั่นมันปากกานะเว้ย แล้วปากกานั่นไม่ใช่พลาสติกด้วย โดนแล้วหัวกูแตกได้นะอิน”

“ดี!! มึงจะได้หุบปากหมาๆ ของมึงสักที” มือขาวทำท่าจะขว้างไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อรามินทร์ยกมือสองข้างขึ้นมาเท่าอก เหมือนกับบอกว่าตนเองยอมแล้ว

“โหย...อิน ถ้ามึงอยากจะปิดปากกู มันมีวิธีง่ายๆ อยู่วิธีเดียว รับรองว่าปิดสนิทไม่ปริปากพูดอีกเลย”

ดวงตาสวยจ้องร่างสูงอย่างพินิจวิเคราะห์ท่าทีกับสีหน้าเจ้าเล่ห์นั่นว่ามันจะมาไม้ไหนอีก เพราะรามินทร์มันเป็นคนเจ้าเล่ห์ เจ้าเล่ห์ในแบบที่เดาทางยากมาก ไม่คิดเลยว่านิสัยที่แท้จริงของมันจะคนละขั้วกับไอ้คนใจร้ายที่ตลอดหลายเดือนเขาเห็นแต่มุมแบบนั้นของมัน แต่พอได้รู้จักอีกมุม รามินทร์ก็เป็นคนที่กวนๆ เจ้าเล่ห์ ที่สำคัญมันให้เกียรติเขา สุภาพขึ้นและอ่อนโยนมากด้วย

แต่ใช่ว่ามันจะทิ้งลายคนใจร้ายนั่นไปนะ...

“ยังไง บอกมาซิ! กูอยากจะปิดปากมึงจะแย่อยู่แล้ว”

รามินทร์ลุกขึ้น เดินมาหาร่างโปร่งด้วยรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจ แต่อินทัชก็ไม่ได้คิดจะป้องกันตัวเองแต่อย่างใด จนกระทั่งมันมาหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขาเนี่ยแหละ แผ่นหลังบางของอินทัชก็เลยเอนพิงกับเก้าอี้ทำงานด้วยท่าทางสบายๆ แต่มองหน้าของรามินทร์ที่อยู่สูงกว่าอย่างต้องการคำตอบ

“วิธีนี้ไง”

จุ๊บ!!

“อื้อ...”

ดวงตาของอินทัชเบิกตากว้างอย่างตกใจที่จู่ๆ ก็ถูกรามินทร์จู่โจมเข้าที่ริมฝีปากด้วยอวัยวะเดียวกันอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมมองสบกับตาหวานของเขา อินทัชนิ่ง ยอมให้รามินทร์สัมผัสอยู่อย่างนั้นโดยไม่ขัดขืน ร่างสูงเองก็ใช้ปากของตัวเองสัมผัสค้างอยู่แบบนั้นไม่มีการรุกล้ำ

มันเป็นการปิดปากจริงๆ แต่ปิดด้วยปากของอินทัชนะ

“กูไปแล้ว เดี๋ยวตอนกลางวันจะมาพาไปกินข้าว”

ร่างสูงยักคิ้วให้ก่อนจะหันหลังเดินจากห้องทำงานของอินทัชไป ทิ้งให้เจ้าของห้องนั่งนิ่งค้างอยู่แบบนั้น แต่พอได้สติ ร่างโปร่งบางก็เอานิ้วมาแตะปากตัวเองเบาๆ แล้วยิ้ม

ส่ายหน้าไปมา...และเริ่มทำงานต่อเมื่อหมดตัวกวนแล้ว

“ไอ้บ้า...”

จริงๆ แล้วเขาไม่ได้รำคาญอะไรรามินทร์หรอก แค่ทำงานไม่รู้เรื่องเท่านั้น สาเหตุดันถูกจ้องมองด้วยสายตาที่เขาไม่ค่อยมีภูมิต้านทานกับมันเท่าไหร่จ้องเอาๆ

“ฝืนตัวเองเนี่ย...มันยากจริงๆ ว่ะธีร์”

เขารักมัน...รักตั้งแต่ตอนไหนเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้ตัวอีกทีก็รักมันแล้ว...

แต่มันก็แปลกนะ...ที่ดันรักคนที่แม่งไม่เคยดีกับตัวเองเลยสักนิด ทำร้าย ขืนใจ พูดจาด่าทอต่างๆ นาๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะมารักคนที่เคยเกลียดแบบนี้เลย

จริงๆ เขาแพ้ใจตัวเองมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะถ้าเขาไม่อยากให้รามินทร์มาเกาะแกะวุ่นวายในชีวิตเขาจริงๆ เขาก็ทำได้ จะกันใครไม่ให้เข้ามาในชีวิตมันง่ายมาก จะหนีไปให้ไกลแค่ไหนก็ทำได้

แต่นี่อินทัชไม่ทำเอง เป็นคนเปิดโอกาสให้เอง ใจอ่อนเอง...

“กูให้โอกาสแล้วนะ”

อย่าทำให้กูผิดหวังล่ะ...

...

...

...


ช่วงเย็น รามินทร์พาอินทัชมาทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารด้านล่างของคอนโด เพราะรามินทร์ทำอาหารอย่างอื่นไม่เป็นเลยนอกจากอาหารง่ายๆ แล้วจะได้เป็นการพาอินทัชสูดบรรยากาศข้างนอกบ้างเพราะอยู่แต่ในห้องแล้วก็ทำงานแบบนั้น กลัวจะเครียดจนเป็นบ้า

“มึงเคยมากินที่นี่ไหม” รามินทร์ถาม

“ก็มาบ้าง แต่ไม่บ่อย ปกติก็กินมาจากข้างนอกเลย ถามทำไมอ่ะ ไม่อร่อยเหรอ กูก็เห็นมึงกินจนหมดอยู่นะ แล้วกูก็ว่ารสชาติมันก็ดีออก”

“เปล่า...กูไม่ได้หมายความว่ามันไม่อร่อย มันอร่อยนั่นแหละ แค่ถามเฉยๆ”

“อ๋อ...” อินทัชครางรับ เงยหน้ามองท้องฟ้าที่ไม่ค่อยมีดาวเท่าไหร่ ตอนนี้พวกเขาสองคนกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนของคอนโด ค่ำคืนที่ลมหนาวเริ่มพัดเข้ามาแล้ว อากาศเย็นสบายจนรามินทร์ชักจะเป็นห่วงกลัวว่าอินทัชจะไม่สบาย แต่พอเห็นว่าอีกคนกำลังผ่อนคลายและเหมือนจะชอบก็เลยไม่อยากขัด

เขาเข็นวิลแชร์ที่มีอินทัชนั่งอยู่ไปเรื่อยๆ ตามทางเดินของสวนที่พวกเขาจะสามารถเดินเล่นได้ แม้ว่าจะเป็นคอนโดหรูใจกลางเมือง แต่ก็มีพื้นที่จัดสวนสำหรับผ่อนคลายหรือพักผ่อน ให้กับผู้ที่อยู่อาศัยได้เหมือนกัน

“ราม...”

“ฮึ?”

“กูฝากบอกน้องจอมได้ไหม ว่าที่วานให้กูช่วยน่ะ กูไปได้นะ เมื่อวานน้องโทรมายกเลิกเรื่องที่จะให้กูช่วยเพราะขากูเจ็บ”

“ช่วยอะไรวะ ทำไมกูไม่รู้เรื่อง เจ้าจอมไม่ให้กูช่วยล่ะ”

อินทัชส่ายหน้า

“น้องจอมต้องไปหาพ่อแม่ตามคำสั่ง แล้วก็กลัวว่าจะถูกบังคับก็เลยจะพาจักรไปเปิดตัวโดยที่จะให้กูไปด้วย”

อินทัชพูดบอก เขารับปากว่าจะช่วยเขาก็ต้องช่วย แต่เจ้าจอมนี่สิ พอรู้ว่าเขาบาดเจ็บก็ไม่อยากรบกวนโทรมาขอยกเลิกซะงั้น แค่ขาเจ็บนิดเดียว ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเดินทางไปไหนมาไหนไม่ได้

แล้วเขาก็มีรามินทร์อยู่ด้วย...

“เดี๋ยวกูจะพาไปเอง ต้องเป็นเรื่องดูตัวแน่ๆ เห็นพวกคุณอา”

“พ่อแม่ของน้องจอมนี่เลเวลไหนวะ จะได้รับมือถูก”

“ระดับที่ไม่ฟังใครว่ะ แต่ถ้าคนรวยพวกแกจะฟังอยู่ ความคิดตัวเองเป็นใหญ่ แล้วก็รักลูกเกินไป รักแบบผิดๆ รักแบบไม่แสดงออกให้ลูกรู้ว่ารัก”

“ก็พอจะเข้าใจล่ะนะ” ร่างโปร่งพยักหน้า

ฟังคนรวยงั้นเหรอ? คนแบบนี้ก็มีด้วย? แล้วเขารวยหรือไงเจ้าจอมถึงได้อยากให้เขาไปช่วย ถ้าจะเอาทั้งรวย ทั้งมีอำนาจ ต้องเพื่อนสนิทเขาโน่น...

“ถ้าให้ไอ้ธีร์ไป รับรองว่าง่าย”

“กูว่ามึงไปก็ง่าย เพราะมึงเป็นเจ้านายของไอ้จักรด้วย”

“นั่นสินะ แต่สภาพกูตอนนี้คงจะลบความน่าเชื่อถืออกไปประมาณห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วล่ะ”

“จริง...อันนี้กูไม่เถียง ฮ่าๆ” รามินทร์หัวเราะออกมาเสียงดัง

อินทัชชักจะเริ่มชินแล้วล่ะ ในเมื่อมันยั่วโมโหมาบ่อยๆ การที่เขาจะไปดิ้นตามมันก็ทุกครั้งมันเปลืองแรงเปล่า ปล่อยให้มันพูดไป อยากจะทำอะไรก็ทำ อยากจะพูดอะไรก็พูดไป

ให้โอกาสเต็มที่

“มึงจะไม่กลับไปทำงานทำการหรือไง ช่วงไฮซีซั่นไม่ใช่เหรอ”

“ไม่มีกูพวกพนักงานก็ทำงานกันเองได้ แล้วทุกสาขาก็มีผู้จัดการที่มีประสบการณ์อยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า”

“ใครบอกว่ากูเป็นห่วง กูแค่สงสัยว่าทำไมเจ้านายถึงได้ทิ้งเหล่าลูกน้องมาสุขสบายทั้งๆ ที่งานเยอะ”

“แขวะกูเหรอ” ถามยิ้มๆ

“เออ! อยากคิดไงก็เชิญเลย”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า กูไม่ได้ทิ้ง กูก็ยังทำงานอยู่ตลอดนะ”

อินทัชไม่รู้หรอกว่ารามินทร์เอาเวลาไหนไปทำงาน อาจจะเป็นช่วงที่เขาทำงานอยู่ มันเองก็ทำเหมือนกัน แต่ช่วงนั้นมันก็เอาของว่างเข้ามาให้บ่อยๆ  แล้วก็เตรียมอาหารทุกมื้ออีก ช่วงที่เขาพักมันก็มาพักกับเขาแต่ก็ไม่เห็นจะรับโทรศัพท์หรือทำงานเลย

“เอาเวลาที่ไหนวะ”

“กูมีเวลาทำก็แล้วกัน แล้วนี่มึงจะขึ้นไปข้างบนหรือยัง หรือว่าอยากอยู่ที่นี่อีกสักพัก”

“เพิ่งจะทุ่มกว่าๆ เอง ขึ้นไปก็ไม่มีอะไรทำ”

“แล้วอยู่ที่นี่มึงจะทำอะไรล่ะ เดินเองก็ไม่ได้ แขนก็ยังเจ็บอยู่ จะนั่งอยู่เฉยๆ แบบนี้ก็น่าเบื่อไม่ต่างกับขึ้นไปอยู่บนห้องหรอกน่า” รามินทร์ว่า

“อ๋อ...มึงอยากขึ้นไปแล้วใช่ไหม”

“ใช่!!”

“แต่กูไม่อยาก จบนะ เข็นไปตรงนั้นเร็ว” รามินทร์อยากจะฟัดแก้มนุ่มให้หายหมั่นเขี้ยวที่โดนเอาคืน เขาอยากจะขึ้นห้องเร็วๆ เพราะกลัวว่าอินทัชจะไม่สบาย

แต่เขาก็ไม่กล้าจะพูดออกไปตรงๆ บางทีบางครั้งมันก็มีช่วงที่เขาเขินหรืออายเหมือนกันนะ

“เออๆ จะพาไปตามบัญชาเลยครับ”

ร่างสูงพูดแล้วจัดการเข็นพาอินทัชไป แต่คนละทิศทางที่อินทัชอยากให้พาไป จนร่างโปร่งโวยวายออกมาทันที

“มึงจะพากูไปไหน กูบอกแล้วไงว่าจะไปตรงนั้น” นิ้วเรียวชี้ไปทางสถานที่ที่ตัวเองอยากไป หากแต่ร่างสูงกลับไม่ยอมฟัง ไม่สนใจ เข็นพาร่างโปร่งกลับคอนโดทันที

“ไอ้ราม!!”

“จะเสียงดังทำไม ไม่อายเขาเหรอ”

“กูไม่อาย! มึงพากูกลับไปคืนเดี๋ยวนี้นะ” อินทัชสั่งอย่างเอาแต่ใจ

“อย่าดื้อดิอิน อากาศมันเย็นแล้ว เดี๋ยวมึงจะไม่สบายเอานะ”

“มึงเนี่ยนะเป็นห่วงกู ทั้งๆ ที่ผ่านมาทรมานกูสารพัด กูไม่สบายเพราะมึงมาก็หลายครั้ง จะแคร์อะไรวะ”

“อย่ารื้อฟื้นดิ ตอนนี้กับตอนนั้นความรู้สึกกูมันเหมือนกันที่ไหนล่ะ”

“เหมือนไม่เหมือน มึงก็ทำร้ายกูอยู่ดี”

“เพราะงี้ไงกูถึงพามึงกลับห้อง เพราะกูไม่อยากเป็นสาเหตุที่ทำให้มึงไม่สบายอีก” น้ำเสียงของรามินทร์จริงจังมาก แม้จะไม่เห็นสีหน้าแต่ก็รับรู้ได้ว่าคนพูดจริงจังขนาดไหน

อินทัชรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่า และรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายหาเรื่องรามินทร์ก่อนก็เลยปิดปากนั่งเงียบๆ ปล่อยให้รามินทร์พาตัวเองกลับห้องไปแบบไม่โต้แย้งอะไรอีก

...






มีต่อค่ะ

....
..
.

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
....
..
.



และแล้วก็ถึงเวลาที่เครียดที่สุดสำหรับอินทัช

“กูอาบพรุ่งนี้เช้าได้ไหม”

“เมื่อเช้ามึงก็พูดงี้อ่ะ พอถึงเวลาอาบมึงมาผลัดเป็นพรุ่งนี้อ่ะนะ ไม่เอาๆ เน่าตาย”

“ไม่เป็นไร กูไม่มีเหงื่อ ตัวกูหอม”

ให้รามินทร์อาบน้ำให้อ่ะนะ ไม่มีทางแน่ๆ แค่คิดก็ไม่กล้ามองหน้าอีกคนแล้ว แต่ทำยังไงได้ล่ะ...ในนี้มีแค่รามินทร์คนเดียวที่พอจะช่วยอาบน้ำให้เขาได้

“งั้นก็มาให้กูพิสูจน์ก่อนว่าตัวมึงหอมจริงๆ”

“ยังไง?”

“ก็ ‘ดม’ ไง มามะ” ร่างสูงทำท่าทางคุกคามใส่ร่างโปร่งบาง อินทัชเลยทำหน้ารังเกียจใส่ยิ่งทำให้ร่างสูงใหญ่ยิ้มอารมณ์ดีเดินไปช้อนร่างโปร่งขึ้นมาอุ้มแล้วพาไปที่ห้องน้ำทันที ท่ามกลางการขัดขืนจากอินทัชที่พยายามจะดิ้นไม่คำนึงถึงขาที่เจ็บของตัวเองเลยสักนิด

“ปล่อยๆ ปล่อยกูนะ อย่า!! กูไม่อาบ”

“ต้องอาบ เชื้อโรคทั้งนั้น”

“งั้นกูอาบเอง”

“ไม่ได้ เดี๋ยวน้ำโดนเฝือก”

“ไม่เป็นไร กูยอม เดี๋ยวเรียกหมอมาก็ได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

“เรื่องเล็กๆ น้อยๆ จะไปรบกวนคุณหมอเขาทำไมวะ ใช้ผัวสิครับ ผัวทำให้เมียได้ทุกอย่างเลย”

“ไอ้ปากหมา กูบอกว่ากูไม่ใช่เมียมึงไง!!!”

“ทำไมชอบหนีความจริง เลิกโกหกตัวเองเถอะน่า ยังไงก็เปลี่ยนความจริงไม่ได้ เราสองคนรักกัน เป็นผัวเมียกัน และตอนนี้ผัวจะอาบน้ำให้เมีย ออย่าดื้อนะ โอเค้?”

ร่างสูงวางอินทัชลงอ่างอาบน้ำเบาๆ แล้วยกขาที่ใส่เฝือกมาวางไว้บนขอบอ่างอาบน้ำป้องกันไม่ให้เฝือกโดนน้ำ อินทัชเม้มปากแน่น มองไปรอบๆ อย่างไม่ไว้วางใจ และเลี่ยงที่จะสบตากับรามินทร์ที่กำลังเปิดน้ำใส่อ่างโดยที่เขายังใส่เสื้อผ้าครบทุกตัว

ก็ดีที่มันไม่ถอด อาบทั้งเสื้อผ้าแบบนี้ก็ดี

“ใส่ครีมอาบน้ำด้วย เอาฟองเยอะๆ เลย”

“กลัวกูเห็นมึงโป๊หรือไง”

“เออ!!” อินทัชยอมรับ เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากรามินทร์ ซึ่งร่างสูงกว่าก็ทำตามโดยไม่มีการกลั่นแกล้งอะไรทั้งนั้น อินทัชก็เลยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา

ร่างโปร่งถอดเสื้อออกจนเปลือยท่อนบนเผยผิวขาวเนียนที่รามินทร์เคยได้สัมผัสมาแล้วสู่สายตาของรามินทร์ที่จ้องราวกับจะกลืนกิน หากแต่ก็ต้องชะงักกับสิ่งที่เห็นตรงคอขาว

“มองทำไม?”

“กูดีใจ” ร่างสูงเหมือนคนเพ้อ

“ดีใจบ้าอะไรวะ”

“ดีใจที่มึงยังใส่สร้อยที่กูให้ เหมือนที่กูยังใส่สร้อยนี้เพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่ามีมึงอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา” รามินทร์พูดพลางยกจี้สร้อยที่ตัวเองใส่ขึ้นมา ร่างโปร่งตกใจเอามือกุมจี้สร้อยในคอทันทีหวังว่ามันจะปกปิดได้ทัน

ไม่น่าเลย...ไม่น่าลืมเลย ไม่งั้นเขาไม่ถอดเสื้อเร็วแน่ๆ

หมดกันเลย…หมดกันจริงๆ

“ก็แค่...ไม่มีเวลาถอด” อินทัชเฉไฉ

“กูไม่ได้โง่นะอิน”

อินทัชทำเป็นไม่สนใจ ไม่พูดโต้ตอบ นั่งกุมสร้อยนั้นเงียบๆ นิ่งๆ ร่างสูงเห็นว่าร่างโปร่งดื้อกว่าที่คิดก็เหนื่อยใจ ไม่ซักไซ้ ไม่ถามเอาคำตอบต่อ ในเมื่ออินทัชก็อ่อนลงมามากขนาดนี้แล้ว คิดว่าไม่นานก็คงจะใจอ่อนให้กับเขาแน่ๆ

ก็ขอให้เป็นแบบนั้น

“ระวังอย่าเอาขาลงอ่างนะ”

“รู้น่า”

“จะล้างตัวเมื่อไหร่ก็บอก หรือจะให้กูช่วยขัดให้”

“ไม่เป็นไร กูทำเองได้”

“ทำไมชอบปฏิเสธ”

“แล้วมึงคิดว่าเรื่องแบบนี้ควรยินดีน้อมรับหรือไง? ถามแปลกๆ อ้อ! มึงคงชอบให้คนอื่นมาโดนตัวมากสินะ ถึงไม่ได้คิดแบบกูเนี่ย”

“เปล่า” ร่างสูงตอบนิ่งๆ น้ำเสียงจริงจัง “กูแค่รักมึง อยากจะสัมผัสมึงก็เท่านั้น”

พูดกันง่ายๆ ตรงๆ แบบนี้เลย...ไอ้บ้า ไม่คิดว่ากูจะอาย จะเขินกับสิ่งที่มันพูดออกมาบ้างหรือไง เขาก็มีความรู้สึกนะเว้ย ไม่ได้ตายด้าน

“เสื่อม...” ด่าแก้เขินไป

รามินทร์กระตุกยิ้มนิดๆ ที่เห็นว่าใบหน้าขาวใสของคนในอ่างอาบน้ำแดงซ่าน เจ้าตัวพยายามลูบแขนของตัวเองโดยใช้ฟองครีมอาบน้ำที่ตอนนี้ฟูเต็มอ่าง มองไม่เห็นร่างกายของอีกคนเลยนอกจากไหล่ขาวเนียนกับใบหน้าสีระเรื่อชวนมอง

มันสวย...มันสวยมากจริงๆ แต่นั่นแหละ มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเลยที่ยอมสยบให้กับอินทัช

“สวย…” รามินทร์พึมพำเบาๆ อย่างหลงใหล หากแต่อินทัชที่แอบได้ยินว่าร่างสูงพูดก็หันมามองพร้อมกับถามว่าเมื่อกี้พูดอะไรหรือเปล่า

“ไม่ได้พูดอะไรนี่ มึงหูฝาดไปเองหรือเปล่า กูก็ยืนมองมึงเฉยๆ นี่แหละ”

“ออกไปก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวเสร็จจะเรียก”

“ไม่เป็นไร เสียเวลา”

ไม่รู้ว่าวันนี้รามินทร์กับอินทัชพูดคำว่า ‘ไม่เป็นไร’ กันกี่ครั้งแล้ว แต่เท่าที่จำได้คือพูดกันบ่อยมาก ไม่รู้จะพากันปฏิเสธอะไรกันนักหนา พอรามินทร์จะทำอะไรให้ อินทัชก็จะปฏิเสธด้วยคำว่าไม่เป็นไรก่อน พออินทัชสั่งห้ามไม่ให้รามินทร์ทำอะไร รามินทร์ก็จะบอกว่าไม่เป็นไรเหมือนกัน

ใช้กันคนละกรณี แต่ก็พูดประโยคเดียวกัน

“โอ๊ย!! ปวดหัวเว้ย...นี่แค่วันที่สองนะ กูก็จะบ้าตายกับมึงแล้วราม”

“เวอร์!! กูยังไม่ได้ทำอะไรมึงเลย มึงนั่นแหละอินที่อคติไปเอง เปิดใจดิวะ แล้วมึงจะรู้ว่ากูรักมึงมากขนาดไหน ขนาดชีวิตกูยังให้ได้เลยนะเว้ย”

“มึงมาบอกรักกูในห้องน้ำเนี่ยนะ โคตรโรแมนติกเลยว่ะ” คนตัวขาวว่ากลบเกลื่อน

“กูรู้...มึงเขินใช่ไหมล่ะ”

“ไอ้บ้า…พอแล้ว เปิดน้ำออกแล้วล้างตัวเลย กูหนาวแล้ว” ร่างโปร่งสั่ง ซึ่งรามินทร์ก็ทำให้แต่โดยดี ทั้งเปิดน้ำ เอาน้ำเปล่ามาล้างตัวให้เมื่อล้างัวเสร็จ รามินทร์ก็ไปหาพลาสติกมาคลุมรอบเฝือกไว้ ตอนถอดกางเกงออกไป น้ำจะได้ไม่หยดใส่เฝือก

ร่างสูงทำใจข่มอารมณ์เป็นอยากมากที่จะไม่สัมผัสต้นขาขาวเนียนของอินทัชยามที่ตนถอดกางขาสั้นตัวนอกของร่างโปร่งบางออกไป เหลือไว้เพียงกางเกงในที่รามินทร์รู้ว่าอินทัชต้องการถอดด้วยตัวเอง เขาก็เลยอุ้มขึ้นมาจากอ่างแล้วให้อินทัชยืนโดยที่เขาพยุงเอาไว้อยู่

“กูจะหลับตาให้ก็แล้วกัน”

“กูซึ้งใจจริงๆ” แม้จะพูดแบบนั้นแต่อินทัชก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหนแล้ว

ให้แก้ผ้ากับใครก็ได้เขาก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่นี่ต่อหน้าของคนที่มีสถานะเป็นสามีทางพฤตินัย มันก็เป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ เพราะแค่อยู่ใกล้ ก็หายใจลำบากแล้ว

ว่าแล้วก็ถอดกางเกงในตัวเองออกไป แต่ก็จ้องหน้ารามินทร์เอาไว้เผื่อว่าคนตัวใหญ่กว่าจะตุกติกไม่รักษาสัญญา แต่จนกระทั่งเขาคว้าเอาเสื้อคลุมอาบน้ำที่ถูกเตรียมไว้ให้ใกล้ๆ มาสวมจนเสร็จนั่นแหละ

“เสร็จแล้ว”

“งั้นก็ไปแต่งตัว อึ๊บ!”

มาแบบไหนก็กลับแบบนั้นสินะ...


“มึงนอนไปเลยนะ กูเองก็จะไปนอนเหมือนกัน ฝันดีนะอิน”

“อื้อ” คนที่นอนอยู่บนเตียงครางรับคำในลำคอ หลับตาพร้อมจะหลับอยู่ทุกเมื่อ

เหมือนเด็กเลย...อินทัชตอนนี้เหมือนเด็กมากๆ แล้วมันก็น่ารัก น่าเอ็นดูสุดๆ ไม่รู้ว่าจะมีใครเคยเห็นมุมนี้ของอินทัชเหมือนเขาไหม และมันจะผิดหรือเปล่า ถ้าเขาอยากจะเป็นคนที่มีสิทธิเห็นมุมนี้ของอินทัชคนเดียว

มีสิทธิในตัวของอินทัช...

เป็นเจ้าของหัวใจของอินทัช...

และก็เป็นคนที่อินทัชคิดถึงเป็นคนแรก

“ทำไมไม่ไปอีกล่ะ”

“กูแค่อยากมองมึง...ก่อนจะไปนอนเท่านั้นเอง”

“มึงนี่ท่าจะบ้านะ เป็นเมามากจริงๆ”

“กูเป็นคนแบบนี้แหละ ไม่เคยประสบความสำเร็จด้านความรัก ก็เลยกลัวว่ามันจะไม่มีพรุ่งนี้...ที่กูจะมีโอกาสได้มองมึงใกล้ๆ”

“กว่าขากูจะหายก็อีกนาน” ร่างสูงโปร่งพูดขึ้นมา “มึงก้ใช้โอกาสที่มีเอาชนะใจกูให้ได้ก็แล้วกัน”

“หมายความว่า...”

“มึงนี่โง่เนอะ...”

“…”

“อือ...กูให้โอกาสมึงแล้ว...ทำให้ได้ก็แล้วกัน เพราะต่อให้กูจะรักมึง แต่ถ้ากูมองไม่เห็นว่าการคบกันของเรามันดีมันรอด...กูก็จะพิจารณาใหม่”

รามินทร์อึ้ง ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคบอกว่ารักจากปากของอินทัช มันทั้งดีใจ ทั้งตื่นเต้น หัวใจตอนนี้เต้นแรงราวกับกำลังเต้นอยู่ในคอนเสิร์ตมันส์ๆ เลยล่ะ

จุ๊บ!!

เขาโน้มหน้าไปจูบเบาๆ ที่ปากบางด้วยความดีใจ แล้วก็หอมแก้มใสอย่างรักใคร่ อินทัชเองก็ยิ้มออกมาบางๆ ไม่ได้ว่าที่รามินทร์ล่วงเกิน

“ขอบคุณนะ...ขอบคุณจริงๆ”

จะขอบคุณทำไม...กูก็ทำเพื่อตัวเองเหมือนกัน






100%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

อินทัชยอมรับและยอมให้โอกาสแล้วค่ะ ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ยูกิด้วย ขอโทษที่ไม่ค่อยมีเวลามาลงจริงๆ นะคะ ขอโทษจริงๆ

มีอะไรพูดคุยสอบถาม หรือเข้าไปทักทายยูกิ ติดตามข่าวสารการอัพเดทได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อร๊าาาาย เขาดีกันแล้ว เขาจูบกันแน่แล้วววววว  :man1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:

นี่ถ้าอินไม่โดนปองร้ายอยุ่ น่ะ รามก็อย่าหวัง

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ดีกันแล้ว อย่างนี้ต้องฉลอง  :mc4: :mc3: :mc2: :m18: :m3: :mc4:

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ปกป้องให้ได้นะราม อินหน่ะ สำคัญมากนะ
รักคู่นี้ เห็นหวีดหวานแล้วเขิน


ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
โอย หวานเว่อออออ

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ hikkie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ใจอ่อนตลอดเลยอินเอ้ย เข้่าทางราม แต่ก็แค่นั้นรามยังไงก็มีธีร์เป็นแบ็คล่ะ

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
สนุกมากๆค่ะ ในที่สุดอินก็ยอมให้โอกาสตัวเองและรามซะที

ออฟไลน์ chaaem

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ในที่สุดก็ใจอ่อนแล้ววววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด