เล่ห์รักเทวาสวรรค์ บทที่49 บทส่งท้าย(จบ) ตอนที่24 (P.24วันที่ 1/12/58)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เล่ห์รักเทวาสวรรค์ บทที่49 บทส่งท้าย(จบ) ตอนที่24 (P.24วันที่ 1/12/58)  (อ่าน 197375 ครั้ง)

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
Re: เล่ห์รักเทวาสวรรค์
«ตอบ #90 เมื่อ13-09-2015 21:54:53 »

คุณหมอของเราเสน่ห์แรงสุดๆเลย  อยากสั่งจองหนังสือ แต่ตังห์หมดแล้ว เฮ้อจะได้ไหมน้อของแถม ถ้าเป็นต้นเดือนนะ ไม่หวั่นแน่ๆ คนเขียนสู้ๆ

ออฟไลน์ lingfang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-0
บทที่ 32
ตอนที่ 6 เล่ม 2 ช่วยคนผิดคิดจนตัวตาย (P.6 17/9/58)

           หลังจากรักษาอาการป่วยของเฟิงอวี้จนหายดี จิวชงหยวนจึงได้หาซื้อข้าวของจำเป็นต้องใช้ระหว่างเดินทาง ใบหน้าที่งดงามยามนี้ปกปิดด้วยหน้ากากสีเงินครึ่งหน้าไว้เช่นเดิม ทว่าระหว่างเดินซื้อข้าวของอยู่นั้นกลับรู้สึกว่าตัวกำลังถูกจ้องมอง ดวงตาเรียวหันไปมองทิศทางที่จับสายตาคู่นั้นได้จึงได้เห็นชายหนุ่มร่างโปร่งบางและเตี้ยพอๆ กับเขามองอยู่ ใบหน้านั้นคล้ายไม่แน่ใจเพราะคิ้วขมวดมุ่นเป็นปม แต่เขากลับจำได้เป็นอย่างดี
    “ไปกันเถอะ” จิวชงหยวนหันไปบอกคนข้างตัวพร้อมจับแขนเดินลัดเลาะผ่าฝูงชนไปด้วยความเร็ว เมื่อเริ่มร้างผู้คนแล้วจึงใช้ลมปราณทะยานไปจากที่นั่นทันที ลู่เฟยที่ใช้ลมปราณวิ่งไปตามแรงลากมองคนตัวเล็กกว่าอย่างฉงน
    “เจ้าหนีอะไร” จิวชงหยวนหันไปยิ้มบางให้ จะบอกว่าเขาเห็นคนพรรคหยกขาวก็ไม่จำเป็นต้องหนี เพราะไม่ได้มีความแค้นต่อกัน แต่ที่เขาหนีเพราะกลัวจะเจอเด็กช่างตื้อหมิงอี้ฟานต่างหากเพราะจำไม่ผิดเด็กนั่นคอยรับใช้หมิงอี้ฟานขณะที่อยู่พรรคหยกขาว
    “เปล่า ไม่มีอะไรไปกันเถอะ” บอกพร้อมทะยานไปตามเส้นทางของทะเลทรายมุ่งหน้าไปทางชนเผ่ามองโกล แม้ชนเผ่านี้จะไม่ค่อยต้อนรับคนนอกแต่เขาอยากไปเห็นด้วยตาสักครั้งตามความทรงจำที่อาจารย์ให้ไว้ อีกทั้งพืชสมุนไพรทางพื้นที่แถวนั้นมีมากมายและตอนนี้สมุนไพรหายากของเขามันเริ่มหมดแล้ว
    ทะเลทรายในเวลาเที่ยงวันนั้นร้อนมากร่างกายเริ่มโทรมไปด้วยเหงื่อ จิวชงหยวนพยายามดึงลมปราณออกมาช่วยลดอุณภูมิภายนอก สองเท้าก้าวเดินมุ่งหน้าไปอย่างไม่เร่งรีบเพราะระหว่างทางได้เก็บสมุนไพรบางชนิดไปด้วยเช่นกระบองเพชรที่สามารถรักษาอาการเจ็บไข้ได้
    ทั้งคู่เดินไปจนถึงเขตที่พักซึ่งมีคลองน้ำขนาดไม่ใหญ่มากพอให้พักอาศัย พร้อมต้นไม้ใหญ่ที่ทนภูมิอากาศในเขตทะเลทรายได้ให้ร่มเงาระหว่างผู้คนที่เดินทางผ่านไปมา จิวชงหยวนได้พักกินข้าวตอนกลางวันก่อนจะเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง
    “ช่วยด้วย ช่วยด้วย...” จิวชงหยวนหันไปมองลู่เฟยขณะเดินผ่านช่องเขาซึ่งได้ยินขอความช่วยเหลือแต่มันแผ่วเบามากจนไม่แน่ใจ
    “เจ้าได้ยินไหมลู่เฟย”
    “ได้ยิน น่าจะทางนั้นไปเถอะ” ลู่เฟยบอกพร้อมเดินนำหน้าไปยังจุดที่ได้ยินเสียง ทว่าเมื่อไปถึงก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น เพราะร่างของหญิงสาวผู้นั้นอาบไปด้วยเลือดอีกทั้งมีสัตว์เลื้อยคลานแมลงป่องพิษพร้อมด้วยตะขาบไต่เต็มตัว
    “ทำไมช่วงนี้ข้าเจอแต่อสรพิษกันนะ” จิวชงหยวนพูดขึ้นยืนมองร่างที่สลบไปนิ่งๆ โดยไม่กล้าแม้จะเข้าไปใกล้ ก่อนจะโยนพืชสมุนไพรที่กลิ่นฉุนเพื่อไล่สัตว์พวกนั้นให้ออกห่างจากร่างของแม่นางผู้นั้นที่อาการสาหัสจนไม่น่าจะมีชีวิตรอด
    หลังจากสัตว์เลื้อยคลานถอยไปหมดแล้วจิวชงหยวนจึงเดินเข้ามาดูอาการของหญิงสาวผู้นั้น ก่อนจะกวาดสายตามองรอบๆ เพื่อหาที่พักพิงสำหรับรักษาแม่นางผู้นี้ โดยมีลู่เฟยเข้ามาอุ้มร่างนั้นช่วยเพราะตัวเขากับตัวของแม่นางผู้นี้เท่ากัน
    ทั้งคู่ใช้เวลาไปหนึ่งก้านธูปกว่าจะเจอที่พักสำหรับคืนนี้ ซึ่งก็เป็นถ้ำที่อยู่ในเขตทะเลทรายนั่นเอง จิวชงหยวนให้ลู่เฟยรออยู่หน้าถ้ำเพราะเขาจะต้องถอดเสื้อผ้านางมาทำบาดแผลที่เป็นรอยกระบี่ฟาดฟันไปหลายที่    จิวชงหยวนเริ่มรักษาบาดแผลพร้อมเย็บบาดแผลให้อย่างคล่องแคล่ว ทว่าเมื่อตรวจเลือดที่อาบย้อมไปทั้งตัวนั้นต้องเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเพราะร่างกายนางเต็มไปด้วยพิษเช่นเดียวกับเขา และหากเดาไม่ผิดเมื่อครู่ที่สัตว์พิษพวกนั้นไต่เต็มตัวเพื่อเป็นการช่วยรักษาร่างกายอีกแบบ
    แม้จะสงสัยที่ไปที่มาแต่หน้าที่ของหมอก็ไม่อาจปล่อยให้ตายไปต่อหน้าต่อตาได้เพราะอย่างไรก็ช่วยเหลือได้ อีกทั้งเป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวในทะเลทรายเขาย่อมไม่ใจจืดใจดำปล่อยทิ้งไปได้ หลังจากที่รักษาบาดแผลทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกมาตามลู่เฟยที่ยืนรออยู่ด่านนอก
    “เสร็จแล้วหรือ” จิวชงหยวนเงยหน้ามองคนถามแล้วพยักหน้ารับ
    “เข้าไปด้านในเถอะ ข้างนอกเริ่มหนาวมากแล้ว” จิวชงหยวนบอกด้วยน้ำเสียงห่วงใย ลู่เฟยหันมายิ้มบางแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ทำให้คนฟังหน้าแดง
    “หากเจ้ากลัวข้าหนาวก็โอบกอดข้าไว้สิ”
    “งั้นก็ยืนหนาวต่อไปแล้วกัน” จิวชงหยวนตอบกลับอย่างไม่เสียเวลาคิดก่อนจะเดินกลับเข้าไปในถ้ำด้วยใบหน้าแดงก่ำ ลู่เฟยเดินตามหลังมาพร้อมหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ
    จิวชงหยวนเดินไปนั่งตรงโขดหินพร้อมหันไปมองคนที่เดินตามตัวเองมาและมานั่งใกล้ๆ ทั้งๆ ที่พื้นที่ไม่ได้คับแคบอะไร ผลสาลี่ถูกยื่นมาให้เหมือนจะรู้ว่าได้เวลาอาหารเย็นแล้วเขาจึงรับมากินอย่างว่าง่าย สายตาหันไปมองร่างระหงของหญิงสาวที่นอนพักอยู่ไม่ห่างตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีกทั้งพิษในร่างไม่เป็นผลเพียงแค่บาดแผลตามร่างเท่านั้นที่อาการสาหัส แต่เนื่องด้วยเลือดที่มีคุณสมบัติพิเศษเพียงไม่นานก็หายเป็นปกติ
    “เจ้าจะทำอย่างไรกับนางต่อไป” จิวชงหยวนหันไปมองลู่เฟยที่ขยับมาจนอิงแอบเขาและพยักหน้าไปทางร่างระหงที่นอนไร้สติอยู่ไม่ห่างจากกองไฟที่เขาก่อขึ้น
    “อาการภายในไม่น่าห่วง แม้ภายนอกจะดูสาหัสแต่น่าจะฟื้นตัวเร็วกว่าคิด” จิวชงหยวนตอบกลับพร้อมเหลือบตามองคนข้างตัวที่เริ่มจะสิงเข้าร่างเขาอยู่แล้ว
    “เจ้าจะมานั่งเบียดข้าทำไม” อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้เมื่อร่างหนานั่งเบียดกับเขาเกินไป
    “ยามดึกอากาศที่ทะเลทรายเหน็บหนาวข้าก็ต้องมาคอยให้ความอบอุ่นเจ้าสิ” ใบหน้าที่แสร้งใสซื่อเงยหน้าสบตาเขาอย่างน่าหมั่นไส้ ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นร่างลายขาวดำของอสรพิษชูคออยู่บนหัวของลู่เฟย
    ฉึก!
    ฉัวะ!
    จิวชงหยวนพลิกร่างหนาออกห่างจากรัศมีการโจมตีของอสรพิษด้วยความเร็วแต่เมื่อรู้ว่าหลบไม่ทันพ้นจึงใช้แขนตัวเองรับการฉกของเจ้างูตัวร้ายที่มีพิษสงร้ายแรงแทน พร้อมกำไลเปลี่ยนเป็นกระบี่ตวัดตัดหัวของมันอย่างว่องไว
    “ชงหยวน!” ลู่เฟยหันมามองร่างโปร่งบางด้วยความตกใจและยิ่งตื่นตระหนกมากเป็นเท่าตัวเมื่อเห็นซากงูทับสมังคลานอนอยู่ใกล้ๆ จิวชงหยวนเหลือบตามองคนเรียกเล็กน้อยก่อนจะเปิดชายเสื้อดูแขนของตัวเอง ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้หน้านิ่วเล็กน้อย
    “เจ้าโดนฉก” ลู่เฟยกล่าวด้วยใบหน้าซีดเผือดพร้อมตวัดร่างโปร่งบางไปวางบนโขดหินที่ห่างไกลจากซากหูพร้อมรีบรื้อหาสมุนไพรแก้พิษให้คนรักด้วยหัวใจสั่นระรัว
    จิวชงหยวนมองคนตื่นตระหนกตกใจด้วยความรู้สึกแปลกๆ อาจเป็นเพราะดีใจที่มีคนมาห่วงใยตน แม้เขาจะเจ็บปวดกับพิษที่ได้รับกับคมเขี้ยวที่ถูกฝังมาเต็มๆ แต่ลู่เฟยลืมไปแล้วหรือไงว่าเลือดเขาเองก็มีพิษพวกนี้อยู่แล้วเพราฉะนั้นเขาไม่ตายเพราะพิษหรอก
    “ลู่เฟยข้าไม่เป็นไรหรอก” จิวชงหยวนบอกด้วยรอยยิ้มมองคนหน้าซีดด้วยความอบอุ่นใจ เขาไม่มีคนห่วงใยมานานมากแล้วการที่มีคนมาใส่ใจอย่างเช่นในเวลานี้มันทำให้หัวใจเขาเต้นแรง
    “แต่เจ้าโดนพิษ” ลู่เฟยกล่าวต่ออย่างกังวล”
    “พิษทำอะไรข้าไม่ได้หรอก ลืมไปแล้วหรือ” จิวชงหยวนกล่าวปลอบใจคนหน้านิ่วคิ้วขมวด พร้อมส่งยิ้มบาง สีหน้าที่ไม่ได้เปลี่ยนไปของเขาทำให้ลู่เฟยเดินกลับมานั่งข้างอีกครั้ง มือหนาจะลูบรอยกัดเขาจึงยึดไว้
    “ถึงข้าจะไม่เป็นไร แต่หากเจ้าจับไม่รอดแน่” จิวชงหยวนบอกพร้อมดึงแขนเสื้อลงปิดไว้เช่นเดิมแม้จะเป็นแผลซ้ำม่วงแต่คงไม่นานก็หายไป แต่เพื่อความปลอดภัยจากคนข้างตัวจึงทำความสะอาดแผลพร้อมทายาปิดปากแผลจนทุกอย่างหายไปเหมือนกับว่าเมื่อครู่เป็นเพียงความฝันเท่านั้น
    ลู่เฟยมองจิวชงหยวนอย่างอึ้งๆ ก็รู้ว่าเจ้าตัวรักษาได้ทุกอย่างแต่ไม่คิดว่าจะหายสนิทเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนเช่นนี้
    จิวชงหยวนสะดุ้งหันไปมองคนที่อุ้มตัวเองไปนั่งบนตักด้วยใบหน้าแดงก่ำ มือหนาที่ยังสั่นเพราะความหวาดกลัวว่าจะสูญเสียเขาทำให้เขานั่งนิ่งเอนพิงอกกว้างอย่างครุ่นคิด
    “ลู่เฟยเจ้ารักข้าตรงไหนกัน” จิวชงหยวนเอ่ยถามคำถามที่ค้างคาใจด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แรงกอดที่โอบตนอยู่กอดแน่นขึ้น คางมนของอีกฝ่ายกดที่ไหล่เขาอย่างรักใคร่
    “ตอนนี้ข้าตอบเจ้าไม่ได้เพราะความทรงจำมาไม่หมด แต่เวลานี้ข้ารักเจ้าจนหมดใจ จิตวิญญาณข้าหัวใจข้าเป็นของเจ้ามาเนิ่นนาน และความรู้สึกบอกกับข้าว่าเจ้าคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าเฝ้ารอมาเนิ่นนาน” คำบอกรักที่หวานซึ้งโดยไม่สนใจบรรยากาศที่ไม่น่าพิศมัยนัก เพราะยังมีร่างระหงของหญิงสาวนอนอยู่ไม่ห่างและถัดไปคือซากงู ทว่าความรู้สึกที่ส่งมาทำให้หัวใจที่เหน็บหนาวอบอุ่นมากขึ้น
    “แล้วเจ้าเล่าไม่บอกรักข้าบ้างหรือ” คำถามที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจะตอบทำให้ใบหน้างดงามแดงระเรื่อ
    “ข้าง่วงแล้ว” บอกพร้อมหลับตาพิงอกกว้างอย่างไม่สนใจคนที่อยากรู้ อ้อมกอดที่รัดแน่นขึ้นไม่ได้ทำให้จิวชงหยวนคิดจะลืมตาขึ้นมาบอกความรู้สึกของตัวเอง คำว่ารักบางคนอาจจะพูดได้ง่ายทว่าไม่ใช่สำหรับเขาเพราะความรักของเขามันผิดคาดจากที่คิดไว้ จากหญิงสาวอกโตๆ กลับเป็นผู้ชายที่รูปร่างสูงหนากว่าตัวเองเช่นนี้ และหากบอกออกไปตอนนี้ลู่เฟยคงลำพองใจแน่ๆ เพราะฉะนั้นบอกผ่านแค่การกระทำก็เพียงพอแล้วไว้ให้มีความกล้าขึ้นมาเมื่อไรเขาจะเป็นคนบอกลู่เฟยเอง
    ลู่เฟยมองคนที่นอนบนอกตัวเองอย่างรักใคร่มือหนาที่โอบกอดร่างบางแนบแน่นเพื่อความอบอุ่น ในเวลาดึกสงัดเช่นนี้ เปลวไฟที่ลุกโซนที่อยู่ไม่ห่างไม่ได้ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นแม้แต่น้อย ทว่ามันก็ช่วยขับไล่สัตว์มีพิษออกห่างไปได้ ดวงตาคมมองดูร่างระหงของหญิงสาวที่อยู่ไม่ห่างทว่าความรู้สึกกลับบอกเขาผู้หญิงคนนี้จะนำความยุ่งยากมาแก่เขากับจิวชงหยวนหวังว่ามันเป็นแค่ความรู้สึกของเขาฝ่ายเดียวหรอกนะ ก่อนจะหลับตาพริ้มอย่างอุ่นใจที่ในคืนนี้มีคนที่รักอยู่ในอ้อมกอดเขาปรารถนาที่อยากให้ทุกค่ำคืนเป็นเช่นนี้ตลอดไป   
    
    ในวันรุ่งขึ้นทุกอย่างเหมือนจะผ่านพ้นไปด้วยดี หากไม่นับหญิงงามที่ฟื้นขึ้นมากลับไม่เห็นหัวเขาแม้แต่น้อย แม่นางผู้นั้นกลับไปออดอ้อนออเซาะลู่เฟยที่สร้างภาพสุภาพบุรุษจนน่าขัดตา คำขอบคุณยังไม่มีสักคำและยังจับมือถือแขนลู่เฟยอย่างออกหน้าออกตายิ่งทำให้รู้สึกหงุดหงิดใจ
    “เจ้าจะร่วมเดินทางไปด้วยจริงๆ หรือซือเยว่” ลู่เฟยเอ่ยถามหญิงสาวข้างตัวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จิวชงหยวนหันไปมองทั้งคู่ด้วยความรู้สึกแปลกๆ ในหัวใจ นางชื่อซือเยว่และเป็นนามที่เขารู้สึกคุ้นเคยอีกทั้งแซ่ที่ใช้กับเป็นแซ่ซือ ซึ่งเหมือนกับซือห้าวเฉินจนน่าแปลกใจ จึงอดสงสัยไม่ได้ว่านางมีความสัมพันธ์อันใดกับซือห้าวเฉินกันแน่
    “เจ้าค่ะท่านจอมยุทธ ข้ายังบาดเจ็บไม่หายดี หากเดินทางคนเดียวจะลำบาก ข้าขอติดตามท่านและรับใช้ท่านเพื่อเป็นการขอบคุณที่ช่วยเหลือข้า” คำพูดและดวงตาหวานเชื่อมทำให้จิวชงหยวนสำลักน้ำลายแล้วเบือนหน้าหนีกับภาพแสลงตา คนที่ควรจะขอบคุณมันคือเขาไม่ใช่หรือไง
    “แม่นางควรขอบคุณจิวชงหยวนมากกว่า เพราะผู้ที่ช่วยเจ้ารอดพ้นความตายคือจิวชงหยวน” ลู่เฟยตอบกลับด้วยน้ำเสียงเกรงใจกับคนร่างโปร่งบางเล็กน้อยกลัวว่าจะมองเขาผิดไป
    “คิกๆ ท่านชื่อจิวชงหยวนหรือเจ้าค่ะ ช่างบังเอิญจริงนะเจ้าค่ะที่ชื่อเดียวกับหมอในพรรคข้าเลย” แม่นางตอบกลับพร้อมหัวเราะขบขันเหมือนชื่อเขาเป็นเรื่องตลก ไม่มีความสำนึกว่าเขาเป็นผู้ช่วยชีวิตและไม่มีคำขอบคุณสักคำ!
    “เราจะเริ่มเดินทาง หากสายกว่านี้จะร้อนได้” จิวชงหยวนหันไปบอกลู่เฟยก่อนจะเดินออกจากถ้ำกลางทะเลทรายอย่างหงุดหงิดใจ ใบหน้าเย้ยหยันและท้าทายที่ส่งมายิ่งทำให้หัวใจหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
    “โอ้ย!” แม่นางล้มเซไปพิงอกลู่เฟยพร้อมช้อนตามองอย่างน่าสงสาร
    “ท่านจอมยุทธ ข้ายังบาดเจ็บไม่หายท่านช่วยพยุงข้าไปได้หรือไม่” คำอ้อนวอนของนางทำให้ลู่เฟยมีสีหน้าลำบากใจไม่น้อยแต่ก็พยักหน้ารับช่วยพยุงร่างระหงเดินทางไปยังเผ่ามองโกล ใบหน้าท่าทางเหมือนเป็นสุภาพบุรุษทว่าภายในใจของลู่เฟยตอนนี้กำลังหงุดหงิด หากเป็นไปได้เขาอยากจะจับนางโยนทิ้งข้างทางไปเลย แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นผู้หญิงเขาจึงได้แต่อดฝืนใจส่งยิ้มบางให้ไป ทว่าเมื่อเห็นร่างโปร่งบางเดินจ้ำอ้าวอย่างงอนๆ กลับทำให้รู้สึกหน้าเสีย ความรู้สึกเขาทำไมมันแม่นยำเช่นนี้
    ทั้งสามเดินทางไปเรื่อยจนเข้าเขตร่มไม้และป่าใหญ่ การเดินทางเหมือนไม่ได้รีบร้อนเพราะหญิงสาวเพียงคนเดียวทำเป็นตัวถ่วงเวลาจนจิวชงหยวนหงุดหงิดใจเพราะจากที่ฟังเสียงหัวใจนางไม่มีอาการเหน็ดเหนื่อยหรือเจ็บปวดแผลที่ตามตัวก็เริ่มแห้งมากแล้ว เดินมาเกือบทั้งวันจนถึงหมู่บ้านเล็กแต่ก็มีโรงเตี้ยมให้พักอาศัย ทั้งสามคนจึงเข้าพักและหาอาหารสำหรับในค่ำคืนนี้
    หลังอาหารเย็นจบลงจิวชงหยวนจึงปลีกตัวออกมาจากฉากรักหวานแหววของลู่เฟยและแม่นางซือเยว่ที่นานเข้าเริ่มไร้ยางอายขึ้นทุกที ไม่สิ นางไม่มีมันตั้งแต่แรกแล้ว ความหงุดหงิดใจทำให้เขาปล่อยกายปล่อยใจกับบรรยากาศเหงาๆ ในคือนี้ ทว่าขณะนั้นกลับได้ยินเสียงบทกลอนของบัณฑิตผู้หนึ่งซึ่งยืนไพล่หลังชมดาวอย่างสบายอารมณ์อยู่ไม่ห่าง
    ดวงดาวหม่นแสง       อ่อนแรงอ่อนไหว
    สุดทางหัวใจ       จะไปจะเดิน
    จิวชงหยวนมองตามนิ่งๆ กับบรรยากศรอบกายที่แผ่ความมีปัญญาออกมา อาภรณ์สีขาวเนื้อดีบอกชนชั้นตระกูลสูงส่ง ก่อนจะกล่าวต่อบทกลอนตามอารมณ์ในห้วงเวลานั้น ซึ่งก็ทำให้บัณฑิตผู้นั้นหันมามองเขาด้วยรอยยิ้มบาง
    ฤาเพราะความรัก      หักปีกเหาะเหิน
    หรือทางไกลเกิน       จะเดินผ่านไป...
    “บทกลอนของแม่นางยอดเยี่ยมยิ่งนัก” คำกล่าวชมของบัณฑิตตรงหน้าไม่ได้เข้าหูเท่ากับคำว่าแม่นาง! แม่นาง!... ซึ่งบัดนี้ทำให้จิวชงหยวนรู้สึกอยากโยนระเบิดลงหัวคนตรงหน้าให้หายโมโห หนีจากฉากรักของแม่นางซือเยว่ออกมาแต่กลับมาเจอบัณฑิตตาบอด ร่างโปร่งบางหันหลังขวับหมายจะเดินกลับห้องด้วยความหงุดหงิดใจ ทว่ากลับต้องหยุดชะงักเมื่อร่างสูงโปร่งพุ่งเข้ามาคว้าข้อมือเขาไว้ก่อนจะรีบปล่อยออกเหมือนโดนของร้อน
    “ขออภัยแม่นาง ข้ามิได้ตั้งใจล่วงเกินเจ้า ข้าเพียงอยากรู้จักเจ้า” บอกพร้อมใบหน้าแดงก่ำดวงตาหวั่นไหวไปมามันไม่ได้ทำให้เขาใจอ่อนแม้แต่น้อย ดวงตาเรียวมองอีกฝ่ายตาขวางไม่สบอารมณ์
    “ข้าไม่ได้อยากรู้จักเจ้า และข้าเป็นผู้ชาย” จิวชงหยวนตอบกลับอย่างหงุดหงิดและเดินจากมาปล่อยให้ร่างสูงโปร่งยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นต่อไป
    จิวชงหยวนกลับมาห้องมองคนที่อยู่ภายในห้องเขาอย่างแปลกใจ แม่นางซือเยว่ที่ไม่รู้ว่ามารอเขานานเท่าไรแล้ว
    “มีธุระอันใดกับข้าในเวลานี้” จิวชงหยวนเอ่ยถามเสียงเรียบเก็บความขุ่นมัวไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย
    “ลู่เฟยบอกข้าว่าเจ้าคือคนรักของเขา แต่ข้าไม่เชื่อหรอก เจ้าเป็นชายข้ามิได้ตาบอดและชายกับชายจะรักกันได้อย่างไร เจ้าว่าจริงไหม” นางรินน้ำชาในห้องเขาดื่มอย่างถือวิสาสะและเงยหน้าสบตาเขาอย่างท้าทาย
    “แล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้าแม่นางซือเยว่” จิวชงหยวนเอ่ยถามโดยไม่ได้ขยับออกจากหน้าประตู
    “ไยจะไม่เกี่ยวก็ในเมื่อจอมยุทธลู่เฟยจะมาเป็นสามีของข้า” คำกล่าวของแม่นางซือเยว่ทำให้จิวชงหยวนขมวดคิ้วมุ่น ไม่คิดว่าผู้หญิงสมัยนี้จะไร้ยางอายเช่นนี้ หนีมากจากพวกลูกหลานขุนนางในวังหลวงที่อยากเป็นชายาลู่เฟย นี่มาเป็นจอมยุทธยังอยากมีคนอยากจับไปเป็นสามีอีก น่าเหนื่อยใจดีไหม
    “อะไรทำให้เจ้ามั่นใจเช่นนั้น”
    “เสน่ห์ของข้า รูปร่างของข้าและความเก่งกาจของข้า” ความเยินยอตัวเองของแม่นางซือเยว่ทำให้เขามองอย่างอึ้งๆ ก่อนจะขำออกมาอย่างตลกแม้จะหนักหน่วงในอกและหงุดหงิดใจ ทว่าพอได้ยินคำมั่นใจของนางแล้วกลับรู้สึกขบขันไม่น้อย
    “ซือเยว่เจ้าจะคิดเช่นไรก็เรื่องของเจ้า แต่หากจะดีเจ้ากลับไปมองคันฉ่องดูตัวเองอีกครั้งเถิด เวลานี้ข้าต้องการพักผ่อนเพราะฉะนั้น เชิญ!”
    “เจ้า!” นางมองเขาอย่างขัดใจ ก่อนจะฉีกยิ้มออกมาเหมือนจะไม่ยอมแพ้ ใบหน้าสวยเชิดขึ้นอย่างถือดีอีกทั้งมองเขาเหมือนเศษขยะไม่ควรค่าแก่การเจรจาอีกต่อไป
    พรึบ!
    และไม่คาดคิดเข็มเงินสิบเล่มพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็ว จิวชงหยวนตีลังกาหลบมองอสรพิษที่คิดจะฉกเขาอย่างเจ็บใจ นางเหมือนมารร้ายที่ไม่ควรช่วยเหลือ นางเลิกคิ้วมองเขาอย่างแปลกใจ
    “ไม่คิดว่าเจ้าจะมีวรยุทธ” คำถามของนางไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจเพราะเขาเก็บลมปราณไว้อย่างมิดชิด หากไม่เก่งกาจจริงๆ คงไม่รู้ว่าเขามีวรยุทธ
    “ชาวนากับงูเห่าที่เลี้ยงไม่เชื่องข้าควรทำเช่นไรดีนะ” จิวชงหยวนกล่าวเสียงเย็นมองร่างระหงที่ไม่ได้หวาดกลัวเขาแม้แต่น้อย รอยยิ้มหวานแสยะยิ้มอย่างน่าขยะแขยงรูปร่างงดงามแต่จิตใจกลับมืดบอด คนเราดูที่ภายนอกไม่ได้จริงๆ แล้วนี่ลู่เฟยหายไปไหนถึงปล่อยให้มารร้ายเข้ามาในห้องเขาได้
    “ไม่มีใครช่วยเจ้าหรอก ลู่เฟยนอนรอข้าอยู่ในห้อง ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างสบายๆ” น้ำเสียงมั่นอกมั่นใจของนางทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดใจ กิริยาท่าทางของนางตอนนี้ทำให้เขานึกออกแล้วว่านางเป็นผู้ใด ซือเยว่น้องสาวของประมุขพรรคหมื่นพิษที่มีชื่อเสียงด้านการเอาแต่ใจและเชี่ยวชาญการใช้พิษ ครั้งนี้เป็นประสบการณ์ทำให้เขารู้ว่าช่วยคนผิดคิดจนตัวตายเสียแล้ว...



      ขอบคุณมากจ้า จุ๊บๆ  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2015 10:05:56 โดย lingfang »

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
Re: เล่ห์รักเทวาสวรรค์
«ตอบ #92 เมื่อ17-09-2015 10:35:56 »

มาตามอ่านจ้า

วันนี้มาแต่เช้าเลย

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
Re: เล่ห์รักเทวาสวรรค์
«ตอบ #93 เมื่อ17-09-2015 10:53:54 »

นางเป็นใครจัดการนาง

ด้วยการตบสั่งสอนหน่อยซิ

อ่านตอนนี้แล้วขัดใจ

ออฟไลน์ nanazaa002

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
Re: เล่ห์รักเทวาสวรรค์
«ตอบ #94 เมื่อ17-09-2015 11:38:59 »

สั้นจัง  :ling1:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: เล่ห์รักเทวาสวรรค์
«ตอบ #95 เมื่อ17-09-2015 15:37:12 »

 :mew1:

ออฟไลน์ s.mosis

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
Re: เล่ห์รักเทวาสวรรค์
«ตอบ #96 เมื่อ17-09-2015 16:35:39 »

กำลังสนุกเลย ไม่น่าช่วยชะนี ซือเยว่เลย ชะนีลอบกัด

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: เล่ห์รักเทวาสวรรค์
«ตอบ #97 เมื่อ17-09-2015 18:08:47 »

จัดไปหมอจิว อย่าได้ปล่อยให้มีชีวิตรอด  :katai1:

ออฟไลน์ fai4242564

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เล่ห์รักเทวาสวรรค์
«ตอบ #98 เมื่อ17-09-2015 19:39:18 »

เรื่องนี้มีเฮค่ะ จัดเลยชงหยวน จัดหนักๆ เอาให้นางรู้ว่าลู่เฟยเป็นของใคร!!! :z6:

 :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
Re: เล่ห์รักเทวาสวรรค์
«ตอบ #99 เมื่อ17-09-2015 21:12:30 »

 :mew1: มาเป็นกำลังใจให้จ้า

 :katai1: :katai1: ค้างมาก!!!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เล่ห์รักเทวาสวรรค์
« ตอบ #99 เมื่อ: 17-09-2015 21:12:30 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fahhee_zeze

  • Love you...YAOI~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: เล่ห์รักเทวาสวรรค์
«ตอบ #100 เมื่อ17-09-2015 21:15:24 »

ตามมาจากธัญวลัย 55555 เพิ่งเห็นว่ามีที่นี่ด้วย~  :hao3:

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
Re: เล่ห์รักเทวาสวรรค์
«ตอบ #101 เมื่อ17-09-2015 21:17:42 »

เฮ้อคนเขียนทำกันได้ลง  ค้างอย่างแรง นี้สินะปัญหาที่จะตามมา ผู้หญิงแบบนี้ถึงจะเป็นเพศแม่ก็ไม่ควรเก็บไว้หรอก ขอให้นางตายแบบน่าสมเพชคงจะดีไม่น้อย เพราะผู้หญิงแบบนี้มองหาคุณค่าไม่มีเลย หึหึ คนเขียนรีบมาอย่างด่วนเลยนะครับ คนอ่านจะขาดใจตายแล้ว :z3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: เล่ห์รักเทวาสวรรค์
«ตอบ #102 เมื่อ17-09-2015 21:22:51 »

จัดหนักให้หล่อนรู้ตัวหน่อยเถอะ

ออฟไลน์ lingfang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-0
บทที่ 33
ตอนที่ 7 เล่ม 2 งอนง้อ (P.7 วันที่ 18/9/58)

          เคร้ง เคร้ง เคร้ง...
    มีดสั้นเสี้ยวพระจันทร์ที่ไม่รู้ว่านางเอามาจากไหนพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็ว จิวชงหยวนตีลังกากลับพร้อมเอนหลังหลบมีดสั้นเสี้ยวพระจันทร์ที่ตวัดเข้ามาอย่างคล่องแคล่วก่อนจะเรียกกระบี่โชคชะตาออกมาต้านรับพร้อมโจมตีกลับอย่างรุนแรงไม่แพ้กัน
    ตูม!
    ร่างของแม่นางกระเด็นไปชนผนังห้องของโรงเตี๊ยมจนพังไปทั้งแถบเผยให้เห็นคนที่อยู่ในห้องซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนกลับเป็นเจ้าบัณฑิตตาบอดที่อ้าปากค้างมองพวกเขาอย่างตกตะลึง
    “ช้าก่อน! พวกเจ้าทะเลาะอันใดกัน” เสียงร้องห้ามไม่ได้เข้าหูของพวกเขา จิวชงหยวนพลิ้วไหวหลบคมมีดที่ตวัดเข้าหาอย่างว่องไว
    เคร้ง เคร้ง เคร้ง
    “หลบไปเจ้าจะมาขวางทำไม” จิวชงหยวนหันไปตะคอกบัณทิตหนุ่มที่พยายามออกมาห้ามปรามแต่เขารู้สึกเกะกะอยากซัดฝ่ามือเข้าหา ทว่าไม่ใช่แค่เขาที่คิดเพราะซือเยว่ตวัดกระบี่เข้าหาเจ้าบัณฑิตงี่เง่าจนเขาต้องกระชากร่างนั้นถอยออกมาพร้อมใช้กระบี่รับคมมีดสั้นวงเดือนแทน
    เคร้ง!
    จิวชงหยวนหน้านิ่วกับแรงกดของมีดสั้นวงเดือนปลายโค้งงอเสียดใบหน้าเขาไปนิดเดียวมือซ้ายผลักร่างสูงโปร่งที่อยู่ข้างตัวกระเด็นไปไกลอย่างหงุดหงิดเพราะมันเป็นตัวถ่วงชั้นดีของเขาเลย เสียงปะทะของทั้งสองดังสะท้อนในยามราตรีจนผู้คนที่มาพักต้องชะโงกหน้าออกมาดู รวมทั้งเถ้าแก่เจ้าของโรงเตี๊ยมได้แต่ยืนมองหน้าซีดปากสั่นกับความเสียหายตรงหน้า
    เปรี๊ยะ!
    การปะทะของอาวุธทั้งสองทำให้เกิดประกายไฟอย่างน่ากลัว ผู้คนต่างถอยห่างไปไกลด้วยกลัวว่าจะโดนลูกหลง บัณฑิตหนุ่มที่คิดออกมาห้ามปรามตอนนี้ได้แต่วิ่งไปหลบอยู่หลังเสามองภาพตรงหน้าอย่างตื่นตระหนก ความเร็วว่องไวของทั้งคู่ดุจสายลมที่แทบจะมองตามไม่ทัน บางครั้งเห็นเพียงเส้นแสงของประกายกระบี่กับมีดสั้นเท่านั้น หากมองผิวเผินจะคิดว่าหญิงสาวสองคนทะเลาะกัน แต่จากที่ได้สนทนาคนที่ร่างโปร่งบางกลับเป็นชายอย่างไม่น่าเชื่อ เสวี่ยอู่เบิกตากว้างยิ่งขึ้นเมื่อร่างโปร่งบางถูกเข็มพิษพุ่งเข้าหานับร้อยเล่ม แม้เจ้าตัวจะหลบแต่ก็ไม่หมดเสียทีเดียว
    “ทำไมเจ้าไม่เป็นไร” จิวชงหยวนมองคนที่กำลังตื่นตระหนกตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า พิษที่ผสมมาล้วนตายตกเพียงแค่อึดใจเดียว ทว่ามันไม่ได้ผลกับเขาเช่นเดียวกับนางที่พิษของเขาก็ไม่มีผลเพราะเลือดในร่างล้วนเป็นพิษอยู่แล้ว
    “หากเจ้ายังจำได้ข้าคือผู้ช่วยชีวิตเจ้าจากกลางทะเลทราย ข้าช่วยคนที่ก้าวข้ามไปหายมโลกกลับมาได้พิษแค่นี้จะฆ่าข้าได้จริงๆ หรือ” น้ำเสียงเย็นเยือกอีกทั้งแววตาเรียบนิ่งทำให้ซือเยว่อึ้งไปไม่น้อย นางลืมข้อนี้ไปจริงๆ นางไม่คิดว่าเจ้าคนร่างโปร่งบางเดินเหมือนไม่มีแรงจะมีวรยุทธ แต่ถึงจะมีอย่างไรวันนี้นางต้องสังหารหมอเทวดาจิวชงหยวนผู้นี้ให้ได้ หากนางต้องการสิ่งใดนางก็ต้องได้มันมา
    เคร้ง!
    จิวชงหยวนยกกระบี่ต้านรับคมเขียวมีดสั้นที่ตวัดเข้ามาอย่างทันท่วงที ก่อนจะใช้ลมปราณเพิ่มเป็นหกส่วนตวัดกระบี่ตอบโต้อย่างรุนแรงดุดัน อีกทั้งนางยังไม่หายบาดเจ็บดี ทำให้นางเริ่มอ่อนล้าลงเรื่อยๆ
    ตูม!
    ร่างระหงกระเด็นตกออกนอกโรงเตี๊ยมตามแรงโจมตี ร่างระหงกระอักเลือดออกมาอย่างน่าเวทนา ทว่าดวงตาดื้อรั้นเอาแต่ใจบอกจิวชงหยวนว่าหากปล่อยนางไปเรื่องคงไม่จบแค่นี้ แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นหญิง และเขาเองก็ยังเป็นชายที่ไม่ควรทำร้ายสุภาพสตรี แต่ในเมื่อเขาช่วยนางให้หลุดพ้นความตายมาได้แต่กลับทำตัวเป็นอสรพิษเขาจะสั่งสอนให้นางอยู่เหมือนตายทั้งเป็นเอง
    เพราะอาการบาดเจ็บยังไม่หายดี สุดท้ายร่างระหงก็ทรุดลงกับพื้นไม่อาจลุกขึ้นยืนได้อีก จิวชงหยวนเดินเข้าไปใกล้ ดวงตาก้าวร้าวที่มองมาทำให้รู้ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีวันยอมแพ้แค่นี้
    “เจ้ายอมตายเพื่อสิ่งใดกัน ข้าไม่เคยทำร้ายเจ้าแม้แต่น้อยแต่เจ้ากลับคิดสังหารข้าเพื่อผู้ชายคนเดียวอย่างนั้นหรือ”
    “ข้าซือเยว่หากต้องการสิ่งใดข้าต้องได้มาแม้แต่ลู่เฟยข้าก็จะต้องได้ หากข้ารอดไปวันนี้ข้าสาบานจะตามล่าเจ้าทั่วแผ่นดิน” จิวชงหยวนมองคนที่จิตใจมืดบอด ความหวังดีและความเมตตาไม่หลงเหลือในจิตใจ คนพรรคหมื่นพิษเป็นเช่นนี้กันทุกคนหรืออย่างไร
    “ในเมื่อข้าช่วยชีวิตเจ้ามาจากความตาย ข้าคงต้องขอคืน ต่อไปนี้ข้ากับเจ้าไม่มีสิ่งใดติดค้างกันอีก” จิวชงหยวนบอกเสียงเรียบแววตาเย็นนิ่งจนน่าขนลุก ผู้ที่แอบมองอยู่ห่างยังรู้สึกเหน็บหนาวหวาดกลัวก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อร่างโปร่งบางในอาภรณ์สีขาวเริ่มเรืองแสงรัศมีสีขาวจนน่าเทิดทูน
    “เจ้าคิดจะทำอะไร” นางเอ่ยถามเสียงสั่น แววตาประกายความหวาดกลัวขึ้นมาเพราะนางมั่นใจว่าอย่างไรก็ไม่มีใครกล้าสังหารนางจริงๆ เพราะหากสังหารนางต้องเป็นศัตรูกับพรรคหมื่นพิษที่อยู่ทั่วยุทธภพ
    จิวชงหยวนไม่ตอบแต่กลับยิ้มเย็น พร้อมเริ่มปลดปล่อยลมปราณที่กักเก็บไว้ออกมาจนร่างเรืองแสงรัศมีสีขาวนวลดูน่าอบอุ่น ความจริงเขาไม่อยากทำเช่นนี้แต่หากไม่ดึงลมปราณออกมาจนหมดจริงๆ ก็ไม่สามารถทำลายวรยุทธของนางได้ ใช่ เขาจะทำลายวรยุทธของนางเพื่อเป็นการตัดแขนตัดขา คนที่มีวรยุทธมาทั้งชีวิตแต่กลับใช้ในทางที่ผิดหากโดนทำลายไปก็เหมือนตายทั้งเป็น นี่คือบทลงโทษที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขาแล้ว
    กรี๊ดดดด
    ซือเยว่กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อแสงสีขาวพุ่งเข้ามาหานางพร้อมชีพจรในร่างแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จุดบังเถียนและจุดลมปราณถูกทำลายลงในพริบตา นางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน นอนคุดคู้อยู่บนพื้นดินอย่างน่าเวทนา ดวงตาพร่ามัวพยายามมองคนที่ทำลายวรยุทธตนด้วยความโกรธแค้นก่อนจะสลบไปเพราะทนพิษบาดเจ็บไม่ไหว และเพียงพริบตาร่างนางก็ถูกเส้นแสงสีดำพาทะยานหายจากไป
     จิวชงหยวนมองตามนิ่งๆ ไม่คิดจะติดตามก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะต่อไปนี้เรื่องยุ่งวุ่นวายคงตามราวีเขาไม่เลิกแน่ 
    “เจ้าเป็นเช่นไรบ้างบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” จิวชงหยวนหันไปมองคนที่พุ่งเข้าถามพร้อมสายตาสำรวจอย่างจริงจัง เขาเดินหนีอย่างไม่สนใจนักพร้อมเดินขึ้นไปโรงเตี๊ยมมองเถ้าแก่ที่ร้องไห้เสียใจกับโรงเตี๊ยมที่พังลงไป สองเท้าหยุดชะงักหันไปมองคนที่เดินตามมาแล้วบอกเสียงเรียบ
    “เจ้าจ่ายข้าเสียหายให้โรงเตี๊ยมด้วย” บอกพร้อมเดินกลับขึ้นไปชั้นสองที่สภาพไม่ค่อยน่าดูนัก ทว่าคนโดนออกคำสั่งได้แต่ยืนอึ้งอีกครั้ง เมื่อได้สติจึงหยิบทองคำยื่นให้เถ้าแก่ซึ่งยิ้มกว้างยินดีก้มหัวให้อย่างขอบคุณ เสวี่ยอู่เงยหน้ามองร่างที่เดินหายไปด้วยรอยยิ้มเพราะเป็นคนที่น่าสนใจจนร่างเขาสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้เจอเรื่องสนุกๆ เช่นนี้มาก่อน
    จิวชงหยวนเดินเข้าห้องของซือเยว่ซึ่งเห็นร่างสูงนอนอยู่บนเตียงอย่างที่คิดเอาไว้ เขาส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด ลู่เฟยอยู่กับเขามาตั้งปีแล้วน่าจะรู้จักยานอนหลับและได้กลิ่นมันบ้าง นี่อะไรโดนยานอนหลับชนิดที่สามวันยังไม่ฟื้นเสียชื่อที่อยู่กับเขาจริงๆ สองเท้าเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะหยิบยายัดเข้าปากให้ เพียงไม่นานร่างสูงก็งัวเงียตื่นขึ้นมามองเขาอย่างงงๆ
    “เกิดอะไรขึ้นหรือ” ลู่เฟยลุกขึ้นนั่งสะบัดหัวไปมาเพราะรู้สึกมึนพร้อมเอ่ยถามร่างโปร่งบางขึ้น
    จิวชงหยวนมองคนที่ไม่รู้เรื่องและยังเป็นตัวปัญหาที่หาเรื่องมาให้เขาอย่างหงุดหงิดใจ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปที่ห้องที่พังทลายจนเห็นร่างโปร่งบางของเจ้าบัณฑิตตาบอดที่ยิ้มแฉ่งให้เขาเหมือนรู้จักกันมานานปี
    “เจ้าทำห้องเราทะลุกันได้เพราะฉะนั้นคืนนี้ข้าขอนอนกับเจ้านะ” คำขอหน้าด้านๆ อย่างไม่ได้สนใจคนที่เดินตามจิวชงหยวนมาทำให้ลู่เฟยมองตามอย่างไม่พอใจ พร้อมเอ่ยถามอย่างหงุดหงิด
    “เจ้าเป็นใคร” และคำถามของลู่เฟยทำให้เจ้าตัวชะงักไปครู่หนึ่งเอียงคอมองคนที่เดินตามคนร่างโปร่งบางมาอย่างพิจารณา
    “ข้าหรือ ข้าชื่อเสวี่ยอู่เป็นบัณฑิตจบใหม่ที่อยากท่องยุทธภพ” คำตอบพร้อมรอยยิ้มแฉ่งทำให้จิวชงหยวนมองตามแล้วถอนหายใจวันนี้เขาเหนื่อยมากและอยากพักผ่อน เขาเดินไปคว้าย่ามแล้วกลับไปยังห้องของซือเยว่ที่น่าจะมีความเป็นส่วนตัวกว่าห้องที่พังตรงนี้
    “เจ้าไปติดต่อถามห้องกับเถ้าแก่เองไม่ต้องตามข้ามา ข้าง่วง ข้าเหนื่อยอยากพัก” น้ำเสียงไม่พอใจที่หันกลับมามองบัณฑิตตาบอดที่หันมาเป็นจอมตื้ออย่างหงุดหงิด เสวี่ยอู่ก้มหน้าสลดลงมองเขาตาปรอยๆ แต่สกิลแค่นี้เขาไม่ใจอ่อนหรอก
    จิวชงหยวนวางถุงย่ามไว้ที่โต๊ะก่อนจะล้มตัวนอนอย่างไม่ใส่ใจลู่เฟยที่เดินตามเข้ามาอีกครั้ง และเหมือนเจ้าตัวอยากจะเอ่ยถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นแต่อารมณ์เขาตอนนี้ไม่พร้อมที่จะพูดคุยกับใครทั้งสิ้น
    “ชงหยวน” เขาหลับตาแกล้งไม่สนใจคนที่เดินมานั่งริมเตียงและเอ่ยเรียกเขาเสียงอ่อน
    “ชงหยวนข้าขอโทษ ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ข้าไม่ได้นอกใจเจ้าจริงๆ นะ” น้ำเสียงร้อนรนและกังวลของลู่เฟยสื่อมาถึงเขาได้ จิวชงหยวนพลิกกายหันหลังพร้อมหลับตานิ่งไม่คิดจะตอบคำถามหรือพูดคุยอะไรอีก
    “หยวนน้อยโกรธข้าหรือ” น้ำเสียงเศร้าหมองของคนข้างตัวทำให้หัวใจเขาที่หนักหน่วงรู้สึกอึดอัดในอก อยากพูดคุยให้รู้เรื่องแต่ก็งอนจนไม่อยากคุย สองจิตสองใจที่ถกเถียงกันไปมาทำให้เขานอนนิ่งคล้ายทำเป็นไม่สนใจ ร่างสูงล้มตัวนอนโอบกอดเขาไว้แน่น จิวชงหยวนลืมตาขึ้นก่อนจะหันมาผลักคนข้างตัวออก
    “ข้าอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ” บอกเสียงเรียบพร้อมดวงตาที่ฉายแววหงุดหงิดไม่พอใจ
    “เจ้าหึงข้าหรือ” คำถามและดวงตาคมที่มองมาทางเขานิ่งๆ ทำให้จิวชงหยวนลุกขึ้นนั่งมองคนข้างตัวที่ลุกตามเขามานั่ง มือหนาจับมือเขาไว้แน่น ตอนนี้เขาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกหึงอย่างที่เจ้าตัวว่าหรือเปล่าเพราะเขาไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อน หากจะพูดก็คงบอกได้ว่าไม่พอใจที่เห็นลู่เฟยไปสนิทสนมกับซือเยว่เท่านั้นกระมัง
    “ข้าไม่เคยคิดนอกใจเจ้าเลยนะ ข้ารักแต่เจ้าคนเดียวไม่เชื่อถามเฒ่าจันทราดูสิ” จิวชงหยวนเลิกคิ้วมองคนพูดอย่างสงสัย และเขาจำได้ดีว่าเฒ่าจันทราคือผู้ใดจะเป็นใครได้อีกนอกจากหลอกให้เขากินยาจนหน้าหวานยิ่งกว่าผู้หญิงนี่อีก ว่าไปแค้นนี้ยังไม่ได้ชำระเลย
    “เกี่ยวอะไรกับเฒ่าจันทรา”
    “ก็เฒ่าจันทราจับคู่ให้เรามาหลายหมื่นปีแล้วเพราะฉะนั้นต่อให้เกิดอะไรขึ้นหัวใจข้าและร่างกายข้าก็มีแต่เจ้าคนเดียว” ลู่เฟยบอกด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจ จิวชงหยวนมองใบหน้าหล่อเหลาแล้วเบือนหน้าหนี แก้มสองข้างแอบแดงเล็กน้อยอย่างเก้อเขินเพราะความน้ำเน่าของคนข้างตัว แม้จะดูหวานเลี่ยนแต่ไม่รู้ทำไมใจเขาอ่อนยวบทุกที
    “แต่ซือเยว่อยากได้เจ้าเป็นสามี นางคงไม่หยุดแค่นี้แน่” จิวชงหยวนบอกอย่างกังวลแม้เขาจะทำลายวรยุทธนาง ทว่านางเองก็เป็นคนมีชื่อเสียงย่อมมีคนเชื่อฟังนางแน่ สงสัยต่อไปนี้เขาต้องเริ่มหาพันธมิตรไว้มากๆ เสียแล้ว
    “นั่นก็แค่ความคิดของนาง ขอแค่เจ้าเชื่อใจข้าก็เพียงพอแล้ว” ดวงตาคมกริบที่มองมานั้นมีแต่ความสัตย์จริงจนจิวชงหยวนพูดไม่ออก ความรักและห่วงใยที่ส่งมาทำให้ต้องหลบหน้าหนี
    “ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปเจ้าสวมหน้ากากไว้ด้วยข้าขี้เกียจมีปัญหาอีก” จิวชงหยวนบอกคนข้างตัวโดยไม่คิดจะหันไปมอง ลู่เฟยยกยิ้มบางอุ้มร่างโปร่งบางมานั่งบนตักซึ่งทำให้จิวชงหยวนตัวเกร็งหันขวับไปมองอย่างหวาดระแวงรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างไรอย่างนั้น
    “จะ...จะทำอะไร” จิวชงหยวนเอ่ยถามเสียงสั่นเมื่อใบหน้าคมก้มมาหอมแก้มเขาอย่างถือวิสาสะ
    “ข้าแค่ปลอบใจคนเสียขวัญ”
    “ข้าไม่ได้เป็นไรสักหน่อยปล่อยได้แล้วข้าง่วง” บอกพร้อมหน้าแดงระเรื่อเมื่อมือหนาโอบรัดเขาแน่นขึ้น
    “หืม ข้าปล่อยแล้วเจ้าจะให้อะไรข้ากัน” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงล้อเลียนเล็กน้อย พร้อมก้มลงจูบต้นคออย่างแผ่วเบา ทว่าจิวชงหยวนกลับขนลุกเกรียว ท้องน้อยปั่นป่วนจนทำอะไรไม่ถูกรู้แต่ว่าตอนนี้เขายังไม่พร้อมจะเสียประตูหลัง อีกอย่างตอนนี้เขายังโกรธคนต้นปัญหาทว่าเอาเข้าจริงๆ ก็โกรธไม่ลงเพราะลู่เฟยเองก็ไม่ได้ทำผิดอะไรแค่สุภาพบุรุษมากเกินไปหน่อย
    “ลู่เฟยเจ้ายังมีความผิดนะ” จิวชงหยวนหันไปขู่คนที่โอบกอดเขาแน่น
    “แต่ข้าไม่ได้นอกใจเจ้าจริงๆ นะ” ลู่เฟยบอกเสียงจริงจัง จิวชงหยวนถอนหายใจก่อนจะบอกอย่างหงุดหงิด
    “ใช่ ถึงเจ้าจะไม่ได้นอกใจข้าแต่ความสุภาพบุรุษของเจ้าทำข้าขัดใจ” ลู่เฟยเหมือนจะนิ่งไปกับคำพูดของเขาก่อนจะรัดเข้าแน่นมากขึ้น ใบหน้าระบายยิ้มดีใจ
    “หยวนน้อยเจ้าหึงข้าหรือ ข้าสัญญาต่อไปนี้ข้าจะไม่แกล้งสุภาพบุรุษแล้ว งั้นต่อไปนี้เจ้าก็มาเป็นเมียข้าด้วยนะ” พอบอกไม่ให้สุภาพบุรุษเจ้าตัวก็ทำหน้าหื่นใส่เขาทันที จิวชงหยวนผลักใบหน้านั้นออกห่าง ตอนนี้หน้าเขาแดงก่ำอย่างเคอะเขิน สรุปแล้วที่บอกไปมันเข้าตัวเองชัดๆ เลย
    “คือ...ข้ามีของขวัญวันเกิดให้เจ้าในอาทิตย์หน้า หากเจ้าปล่อยข้าคืนนี้ ข้าจะยกให้เจ้าก่อน” บอกเสียงเรียบทั้งๆ ที่ร่างสั่นระริกจนทำให้คนที่กอดยกยิ้มอย่างเอ็นดู
    “เจ้าซื้อของขวัญวันเกิดให้ข้าแล้วหรือ แบบนี้ยิ่งอยากให้รางวัลเจ้า”
    “เดี๋ยวก่อนสิ เจ้าไม่อยากเห็นหรือไง” จิวชงหยวนพยายามหลอกล่อคนตัวใหญ่กว่า ลู่เฟยยกยิ้มบางก่อนจะยอมปล่อยร่างโปร่งบางให้เป็นอิสระ
     จิวชงหยวนหันไปมองดวงตาคมที่มองเขานั้นทอประกายความสุขความรักจนต้องหันหน้าหนีอีกครั้ง รู้สึกช่วงนี้หัวใจเขาจะเต้นแรงเกินไปหวังว่าเขาไม่มาเป็นโรคหัวใจเสียเองหรอกนะ มือเรียวล้วงเข้าในอกเสื้อที่มีปิ่นหยกพันห่อผ้าเก็บอย่างดี เพราะกลัวลู่เฟยจะรู้จึงแอบเก็บไว้ที่อกเสื้อตลอด แต่เพื่อความอยู่รอดในค่ำคืนนี้เพราะฉะนั้นเอามาให้ก่อนแล้วกัน
    “ของขวัญวันเกิดล่วงหน้า” จิวชงหยวนบอกลู่เฟยที่ยิ้มกว้างดีใจรับห่อผ้ามาเปิดดูอย่างรวดเร็ว นี่ครั้งแรกที่เขาให้ของขวัญลู่เฟยเลยก็ว่าได้ ปิ่นหยกลวดลายงดงามตาที่เหมาะกับลู่เฟยมากๆ เจ้าตัวหันมายิ้มให้พร้อมตวัดร่างเขาไปอุ้มอีกครั้ง
    “หยวนน้อยเจ้าน่ารักขนาดให้ของหมั้นข้าอย่างนี้ ข้าจะให้รางวัลเจ้าเช่นไรดีนะ” น้ำเสียงกระเส่าดังอยู่ข้างหู ทำให้จิวชงหยวนหน้าตาเลิกลั่กรู้สึกว่าจะเสียเชิงชายในวันนี้เสียแล้วกระมัง และเขาเองก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าอ้อมกอดของลู่เฟยนั้นอบอุ่นและบางครั้งก็คิดอยากครอบครองลู่เฟยไว้คนเดียวเช่นกัน ทว่าตอนนี้เขาไม่พร้อมจริงๆ
    “ลู่เฟยข้าง่วง ยังไม่อยากได้รางวัลเจ้าตอนนี้” จิวชงหยวนบอกเสียงสั่นแกล้งอ้าปากหาวพร้อมทำตาปรือๆ มองคนข้างตัวอย่างอ้อนๆ ลู่เฟยหัวเราะในลำคอก่อนจะก้มลงหอมแก้มเนียนอีกครั้ง
    “วันเกิดข้า สัญญาได้หรือไม่วันเกิดข้าเจ้าจะมอบสิ่งสำคัญที่สุดของเจ้าให้กับข้า” น้ำเสียงต่อรองที่จริงจังทำให้จิวชงหยวนหน้าแดงระเรื่อ แต่ก็พยักหน้ารับเพราะอย่างน้อยก็มีเวลาหายใจหายคออีกหนึ่งสัปดาห์ใบหน้าหล่อเหลายิ้มบางก่อนจะดึงร่างเขานอนบนเตียงข้างกาย ทว่ากลับต้องสะดุ้งเมื่อริมฝีปากเรียวก้มจูบเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว รสจูบที่หอมหวานละมุนละไมทำให้เขาเผลอเคลิบเคลิ้ม หากลู่เฟยไม่ผละออกมาคงไม่จบแค่นี้แน่
    “นอนเถิด ข้าแค่อยากได้ค่ามัดจำ”
    จิวชงหยวนซุกหน้ากับอกกว้างด้วยความอาย แขนแกว่งกอดกระชับเขาแน่นขึ้นแต่ก็ไม่ได้อึดอัดอะไรเพราะหนึ่งปีมานี้หากมีโอกาสลู่เฟยจะนอนกับเขาเสมอ และมันก็เป็นความเคยชินไปเสียแล้วเขาหลับตาพริ้มปล่อยกายปล่อยใจกับความอบอุ่นและปลอดภัยก่อนจะพล่อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า


      เห็นคอมเมนท์แล้วชื่นใจ ขอบคุณมากจ้า หากใครอยากเติมความหวานเจอกันตอนหน้าจ้า ว่าแต่เล้าเป็ดลงเรทได้มากแค่ไหนคะ ที่เขียนไว้น่าจะ20+ เลย 555 ลงในนี้ได้ไหมคะหรือว่าต้องตัดบท ฟางไม่ค่อยได้อ่านเรื่องในเล้า ไม่เคยอ่านเลยก็ว่าได้^^ เลยไม่รู้ว่าเรทได้แค่ไหนนะ
  ขอบคุณล่วงหน้าจ้าจุ๊บๆ

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: เล่ห์รักเทวาสวรรค์
«ตอบ #104 เมื่อ18-09-2015 13:40:11 »

ลงได้เลยค่าาา อยากอ่านแล้วๆๆๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: เล่ห์รักเทวาสวรรค์
«ตอบ #105 เมื่อ18-09-2015 14:06:58 »

จะอยู่รอดถึงร้อยปีแรกหรือเปล่าเนี่ย เรื่องเข้ามาไม่หยุดหย่อน
รออีกสัปดาห์จะได้เห็น....หื่น เขิน ล่วงหน้าก่อนแล้ว ***ตอนใหม่ช่วยแจ้งไว้ตรงหัวเรื่องได้ไหมคะ จะได้รู้กันไม่ต้องเข้ามาส่องบ่อยๆว่ามาหรือยัง

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: เล่ห์รักเทวาสวรรค์
«ตอบ #106 เมื่อ18-09-2015 14:14:23 »

 :mew1:

ออฟไลน์ mori406

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: เล่ห์รักเทวาสวรรค์
«ตอบ #107 เมื่อ18-09-2015 14:34:08 »

อ่านแล้วรู้สึกเขินนนนมากกก เวลาเค้าเกี้ยวกันนน

แอร๊ยยยส์   :-[ :-[ :-[ :-[


แต่ว่า   พระเอกยังไม่ได้กับนายเอกใช่ไหมคะ

หรือว่าเราข้ามตอนไหนนไป :hao6:

ออฟไลน์ nanazaa002

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
น่ารักมาก  :hao3: ชอบมากจ้า มาต่ออีกน้าจะรอ :z10:

ออฟไลน์ s.mosis

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
มีได้เสียกันแน่ๆอิอิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
สมน้ำหน้านางมากๆสะใจมากด้วย

แต่ก็อย่างว่านางไม่จบแค่นี้แน่ๆ

แต่นายเอกของเราเก่งอยู่แล้ว

น่าจะงอลนานกว่านี้นะ

ก็อย่างว่าอะนะลู่เฟยมีเสน่ห์และอบอุ่นขนาดนี้

เป็นคนอ่านก็ใจอ่อนเหมือนกัน

ประกอบกับที่ลู่เฟยไม่ได้ทำผิดอะไร

แต่แอบขัดใจนิดหน่อยที่ลู่เฟยไม่ทันเล่เหลี่ยมของนางจิ้งจอก

ปล ฉากNCลงได้เลยจ้า ไม่ต้องตัด ไม่ต้องเซ็นเซอร์ นะ

ออฟไลน์ jamesnaka

  • วิหคเหมันต์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เบื่อจริงผู้หญิงอะไรหน้าด้านเหลือทน น่าจะจับตัดเอนมือเท้าไปด้วยเลยก็ดี   :m16:

รอตอนต่อไปจ้า  :pig4:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
รอดูค่ามัดจำค่าอิอิ  :-[ :-[ :-[ :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ lingfang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-0
บทที่ 34
คืนแรกของสองเรา...
ตอนที่ 8 เล่ม 2 (P.8 20/9/58)

        เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากอาหารมื้อเช้าจิวชงหยวนต้องรีบออกจากโรงเตี๊ยมอย่างว่องไว เพราะเสวี่ยอู่ตามติดเขาเหมือนเงาตามตัว อีกทั้งผลงานเมื่อคืนทำให้ผู้คนต่างจะพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความอยากรู้จัก บ้างก็ขอท้าประลองยุทธจนต้องรีบเผ่นจากมาแทบไม่ทัน นั่นทำให้ลู่เฟยได้รู้ความจริงทั้งหมดและกล่าวโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้เขาเดือดร้อน ฝีมือการใช้พิษของซือเยว่ไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจว่าทำไมลู่เฟยถึงพลาดท่าเสียทีกับพิษยาสลบ แม้เจ้าตัวจะระวังแต่ถึงอย่างไรลู่เฟยก็ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านอาวุธลับ
    "ทำไมเจ้าต้องรีบหนีข้าด้วย" เสียงที่เอ่ยถามจากทางด้านหลังแทบทำให้จิวชงหยวนสะดุดขาตัวเองล้มหน้าทิ่ม หันขวับไปมองเสวี่ยอู่อย่างตกตะลึง ลู่เฟยเองก็เลิกคิ้วมองคนที่ติดตามาอย่างแปลกใจเช่นกัน
    "เจ้ามาอยู่นี่ได้ยังไง"
     "ถึงวิชาการต่อสู้ข้าจะไม่ได้เรื่อง แต่เรื่องหนี อะแฮ่ม แต่เรื่องความเร็วข้าก็ไม่ได้น้อยหน้าผู้ใด" เจ้าตัวสะบัดพัดในมือดังฉับพร้อมเดินเยี่ยงก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างมาดคุณชายทรงปัญญา จิวชงหยวนย่นคิ้วอย่างไม่ชอบใจนักที่มีคนติดตามมา แม้จะไม่ได้ใช้ความเร็วสูงสุดก็ตาม
    "แล้วเจ้าจะตามพวกข้ามาทำไม" ลู่เฟยเอ่ยถามเสียงเรียบจิวชงหยวนก็พยักหน้าเห็นด้วย
    "ข้าท่องยุทธคนเดียวนั้นแลเงียบเหงานัก ข้าก็เลยจะตามพวกเจ้าไปด้วยไง อีกอย่างชงหยวนเจ้ายังเป็นหนี้ค่าโรงเตี๊ยมข้าอยู่นะ" เสวี่ยอู่บอกด้วยรอยยิ้มบางในประโยคแรก ก่อนที่ดวงตาเรียวคู่นั้นจะส่งแรงกดดันเรื่องที่เขาเป็นหนี้ตน จิวชงหยวนยกมือขยี้หัวตัวเองเบาๆ แล้วหันไปมองลู่เฟยอย่างขอคำปรึกษา
     "ตอนนี้ข้าไม่มีเบี้ยพอใช้หนี้ให้เจ้าหรอกเพราะข้าก็อยู่กับเจ้าตลอดจะมีเบี้ยที่ไหน หากต้องการจริงๆ คงรออีกสามวันให้ข้าส่งข่าวไปบอกซือหมิงก่อน" จิวชงหยวนหดคอลงพยักหน้าอย่างเข้าใจเพราะลู่เฟยก็ร่วมเดินทางกับเขาตลอดไม่ได้มีรายได้อะไร นอกจากองค์รักษ์ที่จะให้คนเอาเงินมามอบให้เดือนละครั้งเท่านั้นและมันก็เพียงพอต่อเดือนเท่านั้น ก่อนจะสะดุดกับชื่อองค์รักษ์ของลู่เฟย
    “องค์รักษ์เจ้าแซ่ซืออย่างนั้นหรือ”
    “เปล่า ชื่อเต็มคือซู่ซือหมิงกับซู่ซือกวาง สองคนนี่เป็นพี่น้องกัน” คำอธิบายของลู่เฟยทำให้เขาพยักหน้าเข้าใจ นึกว่าจะไปเป็นญาติฝ่ายไหนของซือเยว่เสียอีก
     "อยากตามมาก็เชิญ อย่าทำตัวเกะกะข้าแล้วกัน" จิวชงหยวนหันไปบอกคนที่ยิ้มเบิกบานอย่างหงุดหงิดไม่น้อย อาจเป็นเพราะการเจอระหว่างเขากับเสวี่ยอู่มันไม่ค่อยน่าประทับใจนัก ก็คนอะไรมาเรียกเขาแม่นางกันยิ่งคิดยิ่งแค้นไม่หาย
    ในเมื่อตกลงกันได้แล้วจิวชงหยวนจึงได้ออกเดินทางต่อ แม้จะไม่ได้รีบร้อนเหมือนคราวแรกเพราะอย่างไรก็หนีเสวี่ยอู่ไม่พ้นจึงเดินตามป่าเขาเพื่อเก็บสมุนไพรไปด้วย
     "ชงหยวนเจ้าเป็นหมอหรอกหรือ" เสียงของเสวี่ยอู่เอ่ยถามพร้อมร่างสูงโปร่งชะโงกหน้ามาดูต้นหญ้าที่เขาก้มลงเก็บ เขาเหลือบตามองเล็กน้อยโดยไม่คิดจะตอบคำถามเพราะชื่อเขาก็บอกอยู่แล้ว หลังการแนะนำระหว่างอาหารมื้อเช้า
    ทว่าก่อนที่เสวี่ยอู่จะขยับเข้าใกล้จิวชงหยวนมากไปกว่านี้กลับถูกมือหนาของลู่เฟยลากคอเสื้อถอยห่างออกมา ดวงตาคมกริบที่หันมามองทำให้เจ้าตัวหดคออย่างหวาดหวั่นก่อนจะบอกลู่เฟยเสียงอ่อย
     "เจ้าไม่ต้องมาหึงข้าก็ได้ ข้ามีคู่หมั้นแล้ว แค่อยากมีสหายที่รุ่นราวคราวเดียวกับข้าเท่านั้นเอง" ลู่เฟยปล่อยมือจากคอเสื้อเสวี่ยอู่แล้วมองอย่างไม่ไว้ใจ จิวชงหยวนเหลือบตามองทั้งคู่แล้วนึกขัน เสวี่ยอู่ให้ความรู้สึกนิสัยคล้ายองค์ชายเจ็ด ทว่าเสวี่ยอู่รูปร่างสูงหนากว่าเสียอย่างเดียววรยุทธด้านการต่อสู้ไม่ได้เรื่องดูได้จากเหตุการณ์เมื่อคืน
    "รุ่นราวคราวเดียวกัน?" ลู่เฟยทวนคำพูดแล้วนึกขันหันไปมองจิวชงหยวนที่หน้าตาเหมือนเด็กหนุ่มอายุสิบแปดสิบเก้าปีทั้งที่ความจริงตอนนี้เจ้าตัวย่างเข้ายี่สิบหกปีแล้ว
    "ลู่เฟยมาช่วยข้าเก็บเสลดพังพอนนี่หน่อยสิ" จิวชงหยวนร้องเรียกลู่เฟยซึ่งก็รีบเดินมาช่วยเขาอย่างว่องไว
     เสวี่ยอู่ที่ยืนเคว้งคว้างคนเดียวถึงกับทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนมองสังเกตทั้งคู่ไปเรื่อยๆ การเดินทางนั้นไม่ได้รีบร้อนทว่าบรรยากาศสีชมพูที่แผ่ออกมาจากคนทั้งคู่ก็ทำให้เสวี่ยอู่รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน จึงทำได้แต่เดินชมนกชมไม้และท่องบทกลอนตามไปเรื่อยๆ
    ทั้งสามคนเดินทางมาเรื่อยๆ จนถึงเขตหมู่บ้านของเผ่ามองโกล จิวชงหยวนมองหมู่บ้านเบื้องหน้าอย่างตื่นเต้น ตอนนี้เขาอยู่บนยอดเขาที่มองเห็นหมู่บ้านได้ทั้งหมด เวลานี้เริ่มบ่ายคล้อยทว่าพวกเขายังไม่ได้เขาไปยังหมู่บ้านแต่เก็บพืชหายากรอบบริเวณอย่างใจเย็น
    “เจ้าจะเข้าไปหมู่บ้านนั่นจริงๆ หรือ” เสวี่ยอู่เอ่ยถามอย่างหวาดหวั่นเพราะรู้มาว่าพวกเผ่ามองโกลไม่ค่อยต้อนรับคนนอก
    “จริงสิ หากข้าไม่เข้าไปจะมาที่นี่ทำไม” จิวชงหยวนตอบกลับขณะเก็บพืชพิษเข็มทองที่ขึ้นตามใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ชุ่มชื้น
    “แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าชนเผ่านี้ไม่ต้อนรับคนนอก” จิวชงหยวนยกยิ้มบางทำไมเขาจะไม่รู้ เพราะความทรงจำในอดีตของอาจารย์ที่เคยให้ไว้นั้นคือ จิวชงหยวนเป็นหมอเทวดาซึ่งมีพระคุณของเผ่ามองโกลเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังจากหมู่บ้านเจอโรคห่าโรคที่ติดต่อกันได้อย่างรวดเร็วและตายตกเป็นจำนวนมาก ดีแต่ว่าอาจารย์ที่ใช้รูปร่างหน้าตาของเขาผ่านมาแล้วได้ช่วยเหลือไว้ จนทำให้หมู่บ้านนี้ยังคงอยู่
    “เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก เพราะอย่างไรคืนนี้เจ้าไม่ต้องมานอนอาบน้ำค้างข้างนอกแน่” ลู่เฟยที่มั่นใจในตัวจิวชงหยวนตอบเสียงเรียบขณะรับพืชพิษมาเก็บไว้ในย่ามอย่างระมัดระวัง เสวี่ยอู่สะบัดพัดในมือไปมามองทั้งคู่อย่างสนใจเพราะอะไรทำไมถึงได้มั่นใจเช่นนี้
    “เข้าไปหมู่บ้านกันเถอะ วันนี้ได้เยอะแล้ว”
    จิวชงหยวนลุกขึ้นยืนหันไปบอกทั้งคู่ก่อนจะเดินนำเข้าไปในหมู่บ้าน สมุนไพรในวันนี้เขาต้องขออาศัยหม้อยาของท่านผู้เฒ่าปรุงเป็นเม็ดไว้หลายๆ ชนิดก่อนค่อยเดินทางต่อไป เสวี่ยอู่เร่งฝีเฝ้ามาเดินข้างฝั่งซ้ายเขาคล้ายกับหวาดระแวง ท่าทางกิริยาของเสวี่ยอู่ไม่ได้ทำให้เขาหวาดระแวงเพราะเจ้าตัวคิดอย่างไรก็แสดงออกทางสีหน้าหมด แต่ที่ทำให้เขาสงสัยคือเสวี่ยอู่เป็นลูกเต้าใครเท่านั้นเอง
    “ทั้งสามคนเดินเข้ามาในหมู่บ้านซึ่งทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นหยุดชะงักจากงานที่ทำหันมามองพวกเขาเป็นทางเดียวกัน เด็กเล็กๆ พากันวิ่งไปแอบอยู่ด้านหลังบิดามารดาอย่างตื่นกลัว จิวชงหยวนพาทั้งคู่เดินผ่านผู้คนจนมาหยุดที่บ้านหลังใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านซึ่งเจ้าของก็ออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มยินดี
    “ในที่สุดท่านก็กลับมา” น้ำเสียงแหบแห้งพร้อมร่างหญิงชราซึ่งเป็นแม่หมอของคนในหมู่บ้าน ทว่าแม่หมอของที่นี่ไม่ใช่ไว้รักษาผู้คน แต่กลับเป็นพวกหมอผีที่เชี่ยวชาญด้านอาคมเดินเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้มยินดี   “สมุนไพรในชนเผ่าของท่านเป็นสิ่งที่ข้าต้องการ จึงแวะมาเยี่ยมเยียน” จิวชงหยวนตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางและสวมรอยเป็นอาจารย์ได้อย่างแนบเนียน
    หลังจากทักทายกันแม่หมอก็ได้เชิญพวกเขามาพักในหมู่บ้านพร้อมอาหารออกมาต้อนรับขับสู่อย่างยินดี จิวชงหยวนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้นานกว่าห้าวันทว่าระหว่างพักในหมู่บ้านของเผ่ามองโกลนั้นเขาก็ได้ช่วยรักษาผู้คนและยังทำสมุนไพรอัดเม็ดไว้จำนวนมาก เสวี่ยอู่ที่เมื่อก่อนจับแต่ตำราตอนนี้เริ่มรู้จักสมุนไพรจากเขามากขึ้น
    “เหนื่อยไหม” จิวชงหยวนหันไปยิ้มให้ลู่เฟยที่เดินเข้ามาซับเหงื่อให้เขาอย่างแผ่วเบา ขณะนี้เขากำลังเคี่ยวยาสูตรสุดท้ายก่อนจะออกเดินทางและใกล้จะเสร็จแล้ว
    “ไม่หรอก ใกล้เสร็จแล้ว”
    “จบนี่จะไปไหนต่อหรือ” ลู่เฟยเอ่ยถามเสียงเรียบ แววตามองหม้อยาที่กำลังเคี่ยวได้ที่ซึ่งจิวชงหยวนก็ยกยาออกจากเตาก่อนจะรีบบรรจุเป็นเม็ดยา
    “ข้าจะไปหาพันธมิตรฝ่ายธรรมะเพิ่มเพราะจากเรื่องที่ข้าก่อไว้ในอดีตจะทำให้ข้าลำบากในวันข้างหน้า” จิวชงหยวนตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะการเดินทางมาตลอดระยะเวลาหนึ่งปีมานี้เขาสร้างความเดือนร้อนให้ฝ่ายอธรรมมาไม่น้อย โดยเฉพาะพรรคหมื่นพิษ พรรคพยัคฆ์คำรนและพรรคโลหิตมาร
    ส่วนพรรคโลหิตมารเป็นเพราะความวู่วามของเขาเอง ซึ่งตอนนั้นเขาโมโหหิวจนทำอะไรไม่คิด ทุกวันนี้ค่าหัวเขามันมากกว่าสามพันตำลึงทองไปแล้วจนนักล่าค่าหัวตามสืบข่าวเขาไปทั่วยุทธภพ ดีแต่ว่าเขามีอวิ้นเซียนคอยช่วยเหลือเรื่องการปล่อยข่าวโคมลอยมั่วๆ ทำให้เขารอดมาทุกวันนี้แต่เขาเองก็ไม่อยากประมาทเช่นกัน
    “นั่นสิ เพราะข้าเองก็คงไม่ได้อยู่ช่วยเจ้าตลอด ข้าเพิ่งได้รับข่าวว่าในวังหลวงเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว”
    จิวชงหยวนเหลือบตาไปมองแล้วพยักหน้ารับอย่างเข้าใจเพราะรู้เหตุผลว่าลู่เฟยลงมาโลกมนุษย์เพื่อนำโอรสสวรรค์บุตรของมังกรขึ้นสู่บัลลังก์ที่แท้จริง ทุกคนย่อมมีหน้าที่เป็นของตัวเองเพราะฉะนั้นเขาจึงต้องหากำลังเสริมเองเนื่องจากการอยู่รอดในยุทธภพนั้นอยู่ยากลงไปทุกที
    หลังจากบรรจุยาเรียบร้อยแล้วจิวชงหยวนจึงเดินไปบ้านพักเล็กๆ ที่แยกห่างออกมาจากบ้านใหญ่ของแม่หมอโดยที่ลู่เฟยก็นอนที่นี่กับเขาเช่นกัน ส่วนเสวี่ยอู่ถูกเด็กๆ ในหมู่บ้านลากไปนอนที่ห้องโถงใหญ่ในบ้านแม่หมอพร้อมเล่านิทานให้เด็กฟังอย่างสนุกสนานและเหมือนเจ้าตัวจะชอบเด็กๆ ไม่น้อย
    บรรยากาศยามค่ำคืนทำให้ได้ยินเสียงจิ้งหรีดเรไรชัดยิ่งขึ้น จิวชงหยวนนั่งบนโต๊ะน้ำชาเล็กแล้วรินน้ำชาดื่มแก้กระหายและไม่ลืมจะส่งให้ลู่เฟยที่เดินตามมาด้วยเช่นกัน
    ดวงตาคมกริบที่มองเขานิ่งๆ เหมือนคนคิดหนักแต่กลับไม่ยอมพูดอะไรออกมาทำให้จิวชงหยวนเงยหน้าไปมองคนข้างกาย
    “มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”
    “ข้าคิดว่าหากข้ากลับแคว้นลั่วหยางเจ้าจะลืมข้าและมีคนใหม่อีกหรือไม่ เพราะขนาดมีข้าร่วมเดินทางมาด้วยยังมีคนคิดมาจีบเจ้าและตามติดเจ้า และเมื่อไรที่ข้าไปทำหน้าที่ ข้ากลัวจะเสียเจ้าไป” ลู่เฟยบอกเสียงสั่นเล็กน้อย ดวงตาคมมองใบหน้างดงามด้วยความรักและห่วงใย
    จิวชงหยวนหน้าแดงระเรื่ออย่างเก้อเขินกับสายตาที่มองมา มือเรียววางจอกชาไว้แล้วลุกขึ้นยืนเงยหน้ามองลู่เฟยอย่างจริงจัง เขาไม่ได้โกรธที่ลู่เฟยจะรู้สึกอย่างนั้นเพราะหากเป็นเขาในตอนนี้ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน นี่แค่ซือเยว่คนเดียวเขายังหนักหน่วงในหัวใจ หากมีคนอื่นที่คิดอยากตกแต่งเป็นชายาลู่เฟยอีกเขาจะทำอย่างไร จะปล่อยเฉยหรือตามหึงหวงเหมือนคนงี่เง่า
    ทว่าคนตรงหน้าเขากลับวางตัวได้อย่างน่านับถือ แม้จะหึงหวงแต่ก็ยังไว้หน้าเขา แม้จะโกรธแค้นที่มีคนตามติดแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรวู่วาม เขารู้ดีว่าลู่เฟยนั้นแทบอยากฉีกกระชากคนที่เข้ามาจีบเขาและตามติดเขาอย่างเช่นเสวี่ยอู่ในเวลานี้ แต่เจ้าตัวกลับเก็บอารมณ์นั้นได้เป็นอย่างดี สองมือยกขึ้นคล้องคออีกฝ่ายพร้อมยื่นหน้าไปจูบที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบา
    “แล้วแบบนี้จะพอยืนยันได้หรือยังว่าไว้ใจข้าได้”
    “เจ้ายั่วข้าอีกแล้วนะชงหยวน” ลู่เฟยบอกเสียงกระเส่ามือหนาตวัดโอบเอวบางเข้าหาร่างตนจนแนบแน่น จิวชงหยวนหัวเราะในลำคอเบาๆ แม้จะกลัวกับการเสียซิงครั้งแรกแต่หัวใจเขาร่างกายเขาก็อยากมอบให้ลู่เฟยเช่นกัน
    “สุขสันต์วันเกิดนะลู่เฟย” ดวงตาเรียวที่ช้อนขึ้นมามองพร้อมคำอวยพรเหมือนปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้กลับพิเศษกว่าปีที่ผ่านมาตรงที่คนในอ้อมกอดเขาในเวลานี้ยอมยกหัวใจให้เขาแล้ว
   “เจ้ายั่วข้าจนข้าแทบทนไม่ไหว” ลู่เฟยบอกเสียงกระเส่าปลายจมูกแนบชิดกับจมูกอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา
    “ข้ายั่วเจ้าที่ไหน ข้ารักษาสัญญาต่างหาก” จิวชงหยวนตอบกลับพยายามเก็บซ่อนความอายของตัวเองไว้สุดความสามารถ
    ลู่เฟยกยิ้มบางดวงตาพราวประกายความหื่นออกมาพร้อมก้มลงจูบริมฝีปากจิวชงหยวนอย่างแผ่วเบาและครั้งนี้เขาเองก็เต็มใจที่จะจูบตอบและเริ่มเป็นฝ่ายรุกเองอย่างไม่ยอมแพ้ ลิ้นเล็กแทรกเข้ามาควานหาความหวานในโพลงปาก ความหวิววิ่งวนไปทั่วร่างจนเขาเผลอครางออกมาเบาๆ จากที่เป็นฝ่ายรุกกลับโดนรุกกลับอย่างหนักหน่วง เรี่ยวแรงที่เคยมีเริ่มหดลงจนในที่สุดลู่เฟยก็ยอมถอนริมฝีปากออก
     จิวชงหยวนเงยหน้าช้อนตามองอีกฝ่ายอย่างหวานฉ่ำโดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเวลานี้ตัวเองดูเร่าร้อนมากแค่ไหน ร่างโปร่งบางสะดุ้งตกใจเมื่อลู่เฟยตวัดอุ้มเขาไปนอนบนเตียงไม้แคร่
    ลู่เฟยค่อยบดเบียดริมฝีปากอบอุ่นนั้นอีกครั้ง กระทั่งริมฝีปากบางเห่อแดงถึงค่อยเงยหน้าขึ้นมาลูบแก้มของจิวชงหยวนด้วยสีหน้าอ่อนโยน
    “หยวนน้อย ข้าอยากทำแบบนี้มาตลอดจนถึงตอนนี้ ข้าดีใจที่เจ้ายอมมอบของขวัญล้ำค่าให้ข้าในวันเกิดเช่นนี้” คำพูดชวนวาบหวิวพร้อมลิ้นร้อนเลียริมฝีปากตัวเองคล้ายกระหายของหวานตรงหน้าแต่ต้องเฝ้าอดทนรอมาตลอด จิวชงหยวนใจเต้นแรงไม่ใช่คำพูดลู่เฟยแต่เป็นสายตาที่ร้อนแรงในเวลานี้
    อันตราย!
    สายตาเร่าร้อนที่ส่งมาเริ่มทำให้จิวชงหยวนตื่นตระหนก แม้จะทำใจมาแล้วแต่นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตจึงทำให้ความหวาดกลัวเริ่มครอบงำจิตใจ ลู่เฟยก้มหน้าลงมาขบกัดริมฝีปากเขาไม่หยุดทั้งหวานละมุนและปลุกเร้าในเวลาเดียวกัน
    “อื้อ...”
    ความรู้สึกที่วาบหวิวในอกและรสจูบที่ปรนเปรอให้ทำให้สติรับรู้ของจิวชงหยวนเริ่มถดถอย ลิ้นร้อนที่ชำนาญของอีกฝ่ายฝ่ากำแพงไข่มุกเข้ามาดูดกลืนความหวานอย่างหื่นกระหาย ก่อนจะผละออกมาเงยหน้าสบกับดวงตาหวานฉ่ำของคนรักและเอ่ยถามเสียงกระเส่า
     “ชงหยวนเจ้ารักข้าหรือไม่” คำถามที่ไม่คิดว่าจะโดนถามอีกทำให้จิวชงหยวนหน้าแดงก่ำ
    “ข้า...แค่นี้เจ้าไม่รู้หรือไง”
    “ข้าอยากได้ยินจากปากเจ้า” คำตอบและดวงตาคมที่มองมาทำให้จิวชงหยวนเม้มปากอย่างคุร่นคิด
    “อยากรู้ก็ให้ข้ากดเจ้าก่อนสิ” คำตอบของจิวชงหยวนทำให้ลู่เฟยนิ่งไป ก่อนจะพลิกร่างโปร่งบางขึ้นมานอนทับบนอกตัวเอง
    จิวชงหยวนเบิกตากว้างมองดูคนใต้ร่างอย่างตกตะลึง นี่ลู่เฟยอยากรู้จนยอมให้เขากดเชียวหรือ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นอย่างคิดหนัก
    “ทำไมถึงยอม”
    “ข้าอยากได้ยินคำรักของเจ้า และที่สำคัญข้ารักเจ้าหากทำให้เจ้ามีความสุขข้าก็ยินดี” น้ำเสียงหนักแน่นจริงจังที่ส่งมาทำให้จิวชงหยวนอึ้งไปอีกครั้ง ขนาดลู่เฟยรักและยอมเขาขนาดนี้แล้วเขาจะกล้าดึงดันได้อย่างไร อีกทั้งรูปร่างสูงหนาที่แสนเซ็กซี่ของอีกฝ่ายไม่เหมาะที่จะเป็นรับเลยสักนิด
    แล้วแบบนี้เขาจะกล้าทำลายคนตรงหน้าได้อย่างไร เพื่อเห็นแก่ความรักที่ลู่เฟยมีให้เขาจะยอมร่วมมือและยินดีเป็นฝ่ายรับให้เพื่อตอบแทนความรักที่ลู่เฟยมอบให้เขาด้วยหัวใจรักจริง
    จิวชงหยวนปลดเสื้อผ้าของลู่เฟยออกอย่างไม่รีบร้อนนักเพียงไม่นานก็เผยร่างแกร่งที่เซ็กซี่ชวนให้สัมผัส อีกทั้งส่วนล่างแข็งขืนนั้นมันใหญ่กว่าเขาเสียอีก ดวงตาเรียวตื่นกลัวเล็กน้อยเมื่อเห็นอาวุธลับของอีกฝ่ายและนี่มันใหญ่กว่าในฝันเสียอีก ใบหน้างดงามแดงระเรื่อหันไปมองสบกับดวงตาคมกริบ
    ร่างโปร่งบางผละออกจากอกแกร่งลุกขึ้นยืนค่อยๆ ถอดชุดของตัวเองออกแล้วก้าวเข้าไปหาร่างที่นอนรอเขาเงียบๆ มือเรียวลูบไล้แผ่นอกแข็งแกร่งนั้นแผ่วเบาอย่างยั่วยวน พร้อมแนบร่างตัวเองเข้าชิดหา ดวงตาเรียวช้อนมองดวงตาคมกริบแล้วบอกเสียงแผ่ว
    “ข้ารักเจ้าและชอบให้เจ้ารุกข้ามากกว่า” ใบหน้างดงามแดงก่ำด้วยความอาย ลู่เฟยยิ้มบางในเมื่อคนตรงหน้าน่ารักขนาดนี้แล้วเขาจะมีใจไปให้ใครอีก และคนรักบอกมาขนาดนี้แล้วเขาจะทำเฉยต่อไปได้อย่างไร    “ข้าก็รักเจ้าจิวชงหยวน” บอกพร้อมพลิกร่างตัวเองคร่อมร่างโปร่งบางที่เปล่าเปลือยเอาไว้ก่อนจะมอบจูบที่ร้อนแรงกว่าครั้งไหนๆ ให้
     ทว่าครั้งนี้ลู่เฟยไม่หยุดแค่ริมฝีปากอีกต่อไป เขาจูบไล้เรื่อยลงมาที่ลำคอ ใบหูและขบเม้มอย่างหยอกเย้าและเป็นจุดเสียวกระสันของอีกฝ่ายเมื่อเสียงหวานครางตอบรับกลับมา ลู่เฟยสำรวจใบหูอย่างพึงพอใจแล้วจึงเรื่อยลงมาที่ไหปลาร้าของจิวชงหยวน นิ้วมือบีบเคล้นแผ่วเบาบนทรวงอก   
    ยอดอกที่ถูกคลึงเคล้นให้ความรู้สึกแปลกประหลาด วาบหวิวในช่องท้องพร้อมแอ่นอกเบียดเข้าหาร่างหนาอย่างลืมตัว
    “อา...อื้ม...อา...” จิวชงหยวนครางแผ่ว ร่างสั่นสะท้านเมื่อลิ้นร้อนไล้เลียเล็มปลายยอดสีชมพูที่นูนเด่นออกมา ความรู้สึกเสียวซ่านในเวลานี้มั่นยิ่งกว่าความฝันเสียอีก
    “อึก” จิวชงหยวนเม้มปากแน่นเมื่อลู่เฟยขบเม้มยอดอกเขาและยังโลมเลียอยู่บริเวณนั้นจนสั่นสะท้านไปทั่งร่าง เขาแอ่นอกรับกับริมฝีปากที่เล้าโลมยอดอกอยู่ตามอารมณ์วาบหวิวในอก ผมดกดำแผ่กระจายเสน่ห์อันเย้ายวน ด้านล่างของจิวชงหยวนบีบรัดใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความอาย ทว่าสายตากลับไม่ละออกจากคนตรงหน้า
    “เจ้างดงามยิ่งนัก จิวชงหยวน” คำกล่าวชมทำให้จิวชงหยวนเลิกคิ้วก่อนจะเถียงกลับอย่างเง้างอน ถึงเขาจะยอมเป็นฝ่ายรับแต่ก็ไม่ชอบใจกับคำว่างดงามอยู่ดี
    “ข้าเป็นชายไม่ใช่หญิงจะงดงามได้อย่างไร ข้าต้องหล่อสิ” น้ำเสียงเง้างอนที่นานๆ ทีจะได้ยินทำให้ลู่เฟยยิ้มบางสำรวจเรือนร่างงดงามและใบหน้าตาที่ชวนให้จับกดวันละหลายๆ รอบดูอย่างไรก็ไม่มีความหล่ออย่างที่เจ้าตัวกล่าวอ้าง มือหนาลูบไล้กายที่ขาวเนียนอย่างหลงใหลก่อนจะมาหยุดที่ลงบนต้นขาด้านในซึ่งทำให้เจ้าตัวสะดุ้งตกใจ ก่อนจะเบิกตากว้างยิ่งขึ้นเมื่อลู่เฟยก้มหน้าลงไล้เลียดูดดึงตั้งแต่สะดือเรื่อยลงมาถึงโคนแก่นกาย ลิ้นเล็กๆ ไล้เลียความเป็นชายของเขาอย่างไม่นึกรังเกียจ สองมือหยกเย้าพวกช่อด้านหลังอย่างปลุกเร้าอารมณ์ไปด้วย
    “อ่า...อา...”  จิวชงหยวนครางกระเส่าเมื่อทนความเสียวซ่านที่ถูกปรนเปรอให้ไม่ไหว สองมือบีบขย้ำผ้าปูที่นอนเพื่อระบายความอึดอัดใจออกมา ความรู้สึกสุขสมไหลบ่าทั่วทั้งร่างราวคลื่นซัดสาดพาให้เขาร้องครางไม่หยุด ลู่เฟยหัวเราะร้ายปลายลิ้นสัมผัสปลายยอดแผ่วเบาเย้าแหย่ไม่หยุด กระตุ้นเร้าอารมณ์เขาครั้งแล้วครั้งเล่า
    “อา...อา... เร็วอีก” ร่างโปร่งบางเร่งเร้ายกสะโพกนุ่มตอบรับการดูดกลืนของลู่เฟยเร็วขึ้นตามแรงอารมณ์
    เมื่อได้ยินเช่นนั้นลู่เฟยจึงตอบรับแก่นกลางของอีกฝ่ายเอาไว้อีกครั้ง ออกแรงดูดดึงมากเท่าไหร่ยิ่งทำให้จิวชงหยวนรู้สึกถูกคลื่นความสุขซัดสาดจนลอยขึ้นบนฟ้าไม่หยุด
    “อื้ม...อา...ซี๊ดดด”
    จิวชงหยวนไม่รู้หรอกว่าเสียงของตัวเองในยามนี้มีเสน่ห์เร่าร้อนเพียงไหน รู้สึกแค่ว่าส่วนล่างของร่างกายมีกระแสความร้อนจนทะลักออกมาพร้อมเสียงครางกระเส่าอย่างอดกลั้นไม่อยู่
    “อา...อา...” และไม่ทันที่ลู่เฟยจะถอนปากออกจากแก่นกาย ทว่าบัดนี้ในปากกลับเต็มไปด้วยน้ำรักที่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่เจ้าตัวกลืนกินลงไปอย่างไม่รังเกียจ จิวชงหยวนหน้าแดงก่ำด้วยความอาย เสียงหอบกระเส่าอย่างเหนื่อยอ่อนของคนใต้ร่างทำให้ลู่เฟยยกยิ้มเจ้าเล่ห์
    “เหนื่อยแล้วหรือ นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้นนะ” แววตาท้าทาย ใบหน้าหล่อเหลาพร้อมริมฝีปากที่มีคราบน้ำรักซึ่งดูแล้วยั่วเย้าอารมณ์ยิ่งนัก จิวชงหยวนเลียริมฝีปากยั่วอย่างไม่รู้ตัว นัยน์ตาหวานเยิ้มที่มองมาแทบทำให้ลู่เฟยอดรนทนแทบไม่ไหว ร่างหนาพลิกร่างโปร่งบางหันหลังเข้าหาพร้อมยกสะโพกอีกฝ่ายขึ้นมา นิ้วเรียวตวัดไปลูบน้ำรักที่เอ่อล้นอยู่บนขาเนียนมาลูบไล้ช่องทางรักเบาๆ ร่างโปร่งบางสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้ว่าเขาจะทำอะไร นิ้วเรียวที่ชุ่มไปด้วยน้ำรักสอดแทรกเข้าไปปากทางคับแคบนั้นอย่างช้าๆ
    “เจ็บ...” จิวชงหยวนนิ่วหน้าด้วยความเจ็บนี่ขนาดนิ้วเดียวยังเจ็บขนาดนี้ แล้วของลู่เฟยใหญ่กว่านิ้วเป็นสิบเท่าแค่คิดก็อยากจะเปลี่ยนใจแล้ว ทว่าดวงตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา และอารมณ์ที่ค้างคาของลู่เฟยเขาก็ทำใจร้ายร้องห้ามไม่ลง ได้แต่หลับตาทนรับความเจ็บปวด ก่อนจะครางแผ่วออกมาเบาๆ เมื่อความเสียวซ่านเริ่มมาแทนที่ความเจ็บ
    “อา...อา...” เสียงหวานที่ครางแผ่วพร้อมแอ่นสะโพกรับทำให้ลู่เฟยรู้ว่าร่างโปร่งบางพร้อมจะรับจึงแทรกแก่นกายเข้าไปแทนที่นิ้วมือ
    “อ๊า!” จิวชงหยวนน้ำตาไหลซึมเมื่อความเจ็บปวดเข้าถาโถมสู่ร่างกาย
    “จิวชงหยวน...จิวชงหยวน...ข้ารักเจ้า...รักมากจนอยากครอบครองไว้ผู้เดียว” ลู่เฟยเรียกชื่อคนใต้ร่างด้วยเสียงสั่นพร่าแต่เต็มไปด้วยความรักและความปรารถนา พร้อมขยับแก่นกายความต้องการที่เร่าร้อนเข้าออกอยู่ภายในของจิวชงหยวนลึกล้ำขึ้นเรื่อยๆ  จากความเจ็บปวดที่ทำให้น้ำตานองหน้า บัดนี้ความสุขสมเข้ามาแทนที่
    “อ่า...อา...”
    ลู่เฟยประคองสะโพกนุ่มของจิวชงหยวนเอาไว้มั่นแล้วกระแทกกระทั้นตนเองเข้าไปแรงๆ อีกครั้ง ให้ความเร่าร้อนของเขาแทรกเข้าไปถึงจุดเมื่อครู่ที่ทำให้อีกฝ่ายสุขสม
    “อ๊า!”
    จิวชงหยวนเงยหน้าสั่นสะท้านไปทั่งร่าง แก่นกายที่เดิมอ่อนตัวกลับชูชันขึ้นอีกครา
    “ฮึก...”
    หลังจากลู่เฟยส่งความปรารถนาของตนลึกเข้าไปภายในร่างกายอีกฝ่ายแล้วก็หอบหายใจกับหลังของจิวชงหยวนก่อนจะยกเอวบางลอยขึ้นมาให้แผ่นหลังแนบชิดกับอกแกร่งของตน
    จิวชงหยวนเกร็งร่างกายอย่างตื่นตระหนกกับท่าใหม่ทำให้ช่องทางด้านหลังหดตัวบีบรัดความปรารถนาของลู่เฟยจนร่างสูงหนาแทบปลดปล่อยออกมาอย่างทานทนไม่ได้
    “กอดคอ...ข้าให้แน่น”
    ลู่เฟยหอบหายใจพูดห้วนๆ  จิวชงหยวนได้ยินดังนั้นก็ยื่นมือไปด้านหลังคล้องคออีกฝ่ายเอาไว้จนร่างกายโค้งโก่ง มือหนาเอื้อมมาประคองร่างของเขาขึ้นขยับขึ้นลงให้ส่วนที่ตั้งชันแทรกลึกเข้าไปแตะต้องจุดไวสัมผัสของเขาไม่หยุด
    “อ๊ะ...อา...อา...”
    จุดอ่อนไหวถูกกระทบไม่หยุดยั้ง ทั้งร่างของจิวชงหยวนราวกับถูกความปรารถนาแผดเผาเขาส่ายเอวไปมาตอบสนองแรงกระแทกกระทั้นที่ส่งเข้ามาโดยไม่รู้แม้แต่น้อยว่าท่านี้เป็นการยั่วลู่เฟยมากเพียงใด
    ลู่เฟยไม่อาจควบคุมความต้องการของตนได้อีกต่อไป หลังจากชำแรกตนเข้าไปลึกภายในร่างของอีกฝ่ายแล้ว น้ำรักอุ่นร้อนก็พุ่งชโลมไปทั่งช่องทางด้านหลังของจิวชงหยวนทันที
    “อ๊า!”
    หลังจากถูกน้ำรักเติมเต็มจิวชงหยวนก็ไปถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง เสียงร้องเต็มไปด้วยอารมณ์ดังออกมาลั่นกระท่อมหลังเล็ก จากนั้นร่างกายเขาก็ค่อยๆ อ่อนลงได้แต่พึ่งพิงลู่เฟย
    หลังจากลู่เฟยปลดปล่อยออกมากก็เหนื่อยล้าจนหายใจหอบ เขาวางจิวชงหยวนไว้บนเตียงอย่างแผ่วเบา นิ้วเรียวลูบไล้ใบหน้าที่มีเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าด้วยความรัก ทว่าเพียงแค่สัมผัสเพียงแค่ได้มองแก่นกายที่อ่อนตัวลงกลับชูชันขึ้นมาอีกครั้ง จิวชงหยวนเบิกตากว้างมองคนหื่นกามด้วยสีหน้าซีดเผือด จากนั้นบทรักครั้งใหม่ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง…
     อีกครั้ง... ครั้งแล้วครั้งเล่า จนเกือบรุ่งสางที่สองร่างของบุรุษยังคงกอดรัดกันแน่นราวกับผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน...



       เป็นไงบ้างติชมได้นะคะ ยอมรับว่างานยากสำหรับฟางจริงๆ ยิ่งการบรรยายให้เป็นภาษาโบราณต้องใช้พลังภายในไปจนหมดตัวเลยค่ะ 555 ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะคะ
       ตอนหน้าไม่แน่ใจว่าจะลงวันอังคารหรือวันพุธ ขอดูงานที่เขียนก่อนค่ะ แต่ทุกครั้งที่ฟางลงจะไม่เกิน 3 วันจ้าต่อตอนจ้า

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
เป็นบทรักทีละเมียด ลู่เฟยได้พลังใจเต็มเปี่ยม
สงสารคนทั้งหมู่บ้าน คาดว่าไม่ได้หลับได้นอนกันทั้งคืนแน่
เสียงเข้าหอไม่ใช่ว่าเบาๆ :katai5:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
บๅอกรักกันกระท่อมสะเทือน 555 ในที่สุดก็ได้ร่วมหอกันซักที

ออฟไลน์ Nighttime

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อร้ายยยกรี้ดดดเลือดพุ่งกระฉุด :haun4: :pighaun: ยังกับว่าแอบดูยูไต้เตียง 5555 :z1:

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
โง้ยยยยยยยย ทำไมเขินอย่างนี้วะ  o7

ออฟไลน์ s.mosis

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด