d o u b l e M
n i n e
“อ๊ากกกกกก จะตายแล้ววววว!” จันทร์เต้าหวีดร้องพร้อมรัวนิ้วทัชจอแทปเล็ตยิก ๆ “พี่มีนช่วยด้วยยยย แงงงง ตายแล้ววว” เมื่อมีนยื่นหน้าเข้าไปดูบนจอก็มีคำว่า GAME OVER ขึ้นมาเสียแล้ว น้องจิ๋วหน้าบู้ ปัดแทปเล็ตลงจากตักอย่างคนเอาแต่ใจก่อนโถมตัวกอดพี่มีนไว้แน่น
“เป็นบ้าอะไรพวกมึง!” เวฟโยนหมอนใบโตจากเตียงใหญ่ใส่จันทร์เจ้า คนถูกแกล้งหน้างอก่อนจะคว้าหมอนใบนั้นมาแล้วปากลับ
วันนี้มาทำงานที่บ้านของพี่ก็เลยจะค้างที่นี่กันเพราะงานยังไม่เสร็จแล้วพรุ่งนี้ต้องทำต่อ เตียงใหญ่เลยโดนเวฟยึดไปก่อนเพราะไต้ฝุ่นกับรามินทร์อาบน้ำ อ๊ะ! เขาไม่ได้อาบด้วยกันนะครับ รามินทร์ใช้ห้องน้ำในห้องพี่ ส่วนเวฟใช้ห้องน้ำด้านล่าง น้องจิ๋วขยับตัวเบียดมีนกอดพาดแขนกอดเอวบาง เตียงเล็กของพี่ถูกไอ้น้องจิ๋วยึดไปแล้ว ถ้ารามินทร์ออกมาคงมีวางมวยกันสักตั้งโทษฐานไปแย่งที่ หึหึ
“พี่มีนขมวดคิ้วทำไม?” เลื้อยตัวนอนหนุนตักพร้อมกับถาม มีนยิ้มแล้วสะบัดหน้า เขาพิมพ์ตอบข้อความจากแชทล่าสุดก่อนจะล็อคหน้าจอและวางโทรศัพท์มือถือไว้ที่ “แหนะ! ถอนหายใจด้วยยังจะมาสะบัดหน้า บอกมาเดี๋ยวนี้นะ!”
“ไม่มีอะไรโว้ยยย ลงไปเลยไอ้หมู หนัก!”
“ม่ายยยยยย” น้องจิ๋วลากเสียงยาวแล้วฟุบหน้าลงซบกับไหล่ของพี่ แขนสั้น ๆ ป้อม ๆ ก็ยกกอดคอ ที่บอกว่าหนักเพราะเมื่อสักครู่เพื่อนตัวนิ่มดันนึกคึกอะไรไม่ทราบปืนขึ้นมานั่งบนตักเขาเฉย ซ้ำยังหันหน้าเขาหาอีก ให้ตายเถอะ!
“ลงไปเลยนะไอ้หมู!”
“ว่าเราเป็นหมูเหรอออออออออออ อย่างนี้ต้องโดน!!”
“ว้ากกกก! หยุดนะ!” พยายามดันศีรษะของคนที่นั่งคร่อมตักเขาอยู่ออก จันทร์เจ้าร้องบอกว่าไม่แล้วระดมเป่าลมใส่ลำคอของมีน คนถูกแกล้งดิ้นพล่านเป็นปลาโดนน้ำร้อน อยากจะบ้า รู้ว่าคอเขาเซนซิทิฟแล้วยังจะแกล้ง ไอ้เพื่อนเวร!!! แค่สัมผัสเพียงนิดเดียวก็ขนลุกเกรียวแล้ว แล้วหากเป่าละก็... ก็อย่างนี้ไง!
“เล่นไรกันวะ?”
“หุบปากเลยเวฟ อย่ามายุ่ง!” หันไปแหวใส่เวฟก่อนหันกลับมาเป่าลมใส่คอของพี่มีน คึคึ ดูดิ ตัวแดง หน้าแดงไปหมดเลย หง่ากกกก น่ารักจังเยยยยยยยย ไม่แปลกใจทำไมรามินทร์ถึงได้รั--- อุ๊ปส์!
“เดี๋ยวมันก็หายใจไม่ทันตายหรอกห่า อ้วนเป็นหมูแล้วยังไปทับกุ้งแห้งแบบมันอีก”
“ไอ้เวฟฟฟฟฟฟฟฟฟ!”
“แฮ่ก.. พ พอแล้วน้องจิ๋ว” ว่าพร้อมดันฝ่ามือกับอกของเพื่อนตัวจิ๋ว “ไม่ไหวแล้ววะ.. ฮ แฮ่ก..”
จันทร์เจ้ากลืนน้ำลายเอือก กระพริบตาปริบ ๆ มองคนที่เขานั่งทับอยู่ กลุ่มผมสีช็อกโกแลตตกคลอเคลียเครื่องหน้าหวาน ใบหน้าขาวเนียนแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ริมฝีปากสีเชอร์รีอวบอิ่มเผยอหอบหายใจ แผ่นออกบางสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะ จากการดิ้นส่งผลให้คอเสื้อนอนเผยออกให้เห็นผิวขาวเนียน... ท่าทางของพี่มีนกับคำพูดที่พูดออกมาเมื่อสักครู่รวมกันแล้วนะ.. อื้อหืออออ รามินทร์มาเห็นต้องช็อคตายแน่ ๆ
“เหวออออ” จันทร์เจ้าหวีดร้องเมื่อคอเสื้อถูกดึงจนหงายหลังและไม่นานก็ล่วงตุบจากเตียง... กำลังจะอ้าปากด่าคนกระทำก็ต้องปิดฉับเมื่อเห็นว่าเป็นใคร จันทร์เจ้ารู้สึกว่าตัวเองเริ่มตัวเล็กลงไปเรื่อย ๆ ...รามินทร์ยืนทำหน้ายักษ์ มองเพื่อนตัวเล็กตาขุ่น ใบหน้าหล่อฉายแววเรียบนิ่งและไม่ชอบใจอย่างเห็นได้ชัด ลูกหมูตัวน้อยกระพริบตาปริบ ๆ ราวกับอ้อนวอนขอชีวิตจากง้างมือมัจจุราช
ทว่า.. มีนางฟ่าจิตใจดีเข้ามาช่วยชีวิตลูกหมูตัวน้อย ๆ อย่างเขาเสียก่อน
“น้องจิ๋วเจ็บเปล่า มินทร์เล่นอะไรไม่รู้เรื่องเลย ไปแต่งตัวได้แล้ว” เอ่ยถามอาการคนที่นั่งแปะอยู่บนพื้นพร้อมยื่นมือไปช่วยดึงให้ลุกขึ้น ก่อนจะบอกคนที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ ไม่รีบไปแต่งตัวเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก... ตัวก็ไม่เช็ดให้แห้งอีก มันน่าตีจริง ๆ
“พี่มีน..”
“เป็นไร? เจ็บหรอ?” เอ่ยถามเพื่อนที่ทำหน้าเมื่อจะร้องไห้ จันทร์พยักหน้าหงึกหงัก
“เจ็บก้น เมื่อกี้กระแทกไปแรงเลย แง..”
“โอ๋ มานี่มา” ลูกหมูน้อยคลานเข้าไปมานางฟ้าใจดีของเขาแล้วโอบแขนกอดรอบเอวบาง ใบหน้าน่ารักซบกับอกของมีนณนนท์จนแก้มตุ่ย หวา.. เห็นรามินทร์มองมาด้วย สายตาน่ากลัวมั่ก!
“พี่มีน เรานอนด้วยนะ”
มีนเลิกคิ้วกับคำขอของเพื่อน “เอาดิ” แต่เขากลับแอบหวั่นกับใครอีกคนที่เคยนอนด้วยกันที่เตียงนี้
แต่คงไม่เป็นอะไรหรอก... มั้ง
จันทร์เจ้าเมื่อได้รับคำอนุญาตก็วิ่งไปคว้าตุ๊กตาตัวโปรดที่นอนกอดทุกคืนมาแล้ววิ่งกลับมาที่เตียง ร่างน้อยมุดเข้าใต้ผ้าห่มผืนนุ่มและจัดท่าเตรียมนอนเสร็จสรรพ ก่ายทั้งแขนและขาพาดตัวเพื่อนสนิท มีนยิ้มบางลูบศีรษะกล่อมให้นอนหลับ ดูแลยิ่งกว่าลูกเสียอีก ฮึ่มมม จันทร์เจ้าเป็นเด็กอนามัย สามทุ่มครึ่งก็เตรียมตัวนอนแล้ว และถ้าสี่ทุ่มปุ๊บ ร่างกายก็จะชัตดาวน์... ยังไม่หลับทันที เพียงแค่การประมวลผลทำงานช้าลงและสุดท้ายก็หลับไปในที่สุด...
“จันทร์เจ้า! ไปนอนเตียงใหญ่ดิวะ!” เสียงของรามินทร์ที่ตะโกนมาทำให้คนที่กำลังหลับลืมตาขึ้นมาก่อนตะแคงตัวไปด้านที่รามินทร์ยืนอยู่
“ไม่! เราจะนอนกับพี่มีน ตัวนั่นแหละไปนอนเตียงใหญ่”
“เรื่องสิ! นอนเตียงใหญ่ก็เบียดไอ้เวฟ ไอ้ฝุ่นไง คิดสิ คิด”
“แล้วตัวจะมานอนเบียดกับพี่มีนหรอ ไม่อาววววว เราจะนอนเตียงเล็กกับพี่มีน”
“แล้วตัวจะไปเบียดมีนาทำไม”
“หูย.. เราตัวเล็กกระจี๊ดเดียวไม่เบียดหรอก ตัวนั่นแหละ ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ยังมีหน้ามาพูดอีก!”
“โอยยยย หยุดเถียงกันเลย!” สองคนนี้นี่ มันน่าจริง ๆ ทะเลาะกันได้ตลอด “ถ้าอยากนอนเตียงเล็ก มินทร์กับน้องจิ๋วก็นอนด้วยกันเลย เดี๋ยวนี่ไปนอนเตียงใหญ่เอง”
“ไม่!” ทีอย่างนี้ล่ะตอบพร้อมกับเชียว จันทร์วาดแขนล็อคตัวพี่มีนไว้แน่น “พี่มีนนอนกับเราน้า”
“ได้ไงวะ!”
“ได้สิ! พี่มีนบอกว่าจะนอนกับเราอ่ะ ตัวอย่างมาสะเหร่อได้เปล่า เราจะโกรธแล้วนะ!”
“เพ้อเจ้อไรไอ้หมู มีนบอกตอนไหนหะ?”
“ก็ตอนที่ตัวแต่งตัวไง เราจะกอดพี่มีนแน่น ๆ เลย เชอะ!”
“ไอ้พวกเหี้ยยย เสียงดังขนาดนี้เดีียวแม่ไอ้มีนก็มาด่าหรอก” เวฟว่าขึ้นมา และนั่นทำให้ให้จันทร์เจ้าและรามินทร์เงียบกริบ น้องจิ๋วแลบลิ้นใส่เพื่อนตัวสูงที่ทำท่าจะเข้ามาฆ่าตัวเองแล้วกลับไปกอดพี่มีน
“อ่า.. พี่มีนตัวห๊อมหอม แถมยังนุ๊มนุ่ม เราจะกอดทั้งคืนเลย คึคึ”
นั่น.. ยังจะไปแหย่รามินทร์อีก
“มินทร์นอนเตียงใหญ่นะ นี่จะนอนกับน้องจิ๋ว”
“มีนา...” เขาจะเอาอะไรไปสู้กับไอ้จิ๋วมันได้ล่ะ หงุดหงิดโว้ย นอนไปเลยไอ้หมู ไม่ต้องมาทำหน้าแป้นแล้น ตื่นมาพรุ่งนี้เจอแน่ ๆ หึ!
“มันหลับแล้วเหรอวะ?”
“หลับแล้ว” ตอบไต้ฝุ่นไป มันที่ว่าก็จันทร์เจ้านั่นแหละ ตอนนี้ก็หายใจเข้าออกสม่ำเสมอไปแล้ว หลับง่ายแล้วยังหลับลึกอีก เฮ้อ.. เมื่อได้ยินคำตอบไต้ฝุ่นกับเวฟจึงลดระดับเสียงของเกมที่กำลังเล่นลง เพราะเกรงว่าจะรบกวนการนอนของเพื่อนตัวเล็ก
“อือ.. ทำไร” เอ่ยถามคนที่จู่ ๆ ก็มานอนทับเขา รามินทร์ไม่ตอบ ดึงหนังสือจากมือเล็กออกแล้ววางไว้ที่โต๊ะไม่ไกล พี่มีนก็อ่านทุกอย่างนั่นแหละที่ไม่ใช่หนังสือเรียน ดีใจแทนพ่อแม่เนอะ แหะแหะ
“ไอ้หมู” ว่าพร้อมแยกเขี้ยวใส่คนหลับ มีนหัวเราะเบา ๆ ก่อนดึงแก้มของคนบนตัว “บอกมันไปนอนเตียงใหญ่ดิ”
“น้องจิ๋วหลับแล้ว”
“ปลุกสิ”
“เอ๊า.. มินทร์ก็ไปนอนเตียงใหญ่ไง” สอดมือสางกลุ่มผมสีดำขลับ “ไม่เช็ดผมให้แห้ง”
รามินทร์เบ้ปาก “..เช็ดให้หน่อยสิครับ” วางคางบนหน้าท้องนิ่มแล้วช้อนตามองคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอน ลูกแมวของเขาเลิกคิ้วก่อนจะพยักหน้า รามินทร์ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแล้วจึกลุกไปหยิบผ้าผืนเล็กมา แต่ยังไม่วายตบหัวของเวฟกับไต้ฝุ่นไปคนละที
ร่างเล็กมองคนที่หลับตาให้เขาเช็ดผมให้ด้วยความสับสน ก้อนเนื้อภายในอกเต้นระรัวราวกับตีกลอง พักนี้อาการแปลก ๆ มันเกิดขึ้นกับเขาบ่อยมากจนอดเอามาคิดไม่ได้ เขาไม่เคยเขินอายเมื่อต้องสบตากับเพื่อนสนิทคนนี้ เขาไม่เคยหัวใจเต้นแรงเมื่อร่างกายของเราสัมผัสกัน เขาไม่เคยหน้าร้อนผ่าวเมื่อเพื่อนตัวสูงส่งยิ้มให้ เขาไม่เคยหายใจติดขัดเมื่อโดนโอบกอด และเขาไม่เคยหงุดหงิดเมื่อมีสาวสวยมาชอบเพื่อนของเขา..
แต่สิ่งที่ไม่เคยเหล่านั้นกลับเกิดขึ้นกับเขาในช่วงหลังมานี้...
เฮ้อ... ไม่เอาไม่คิด เป็นไปไม่ได้หรอก เนอะ ๆ
“มินทร์..”
“ครับ?” ขานรับทั้งยังหลับตา
“หนัก ลงไปได้แล้ว”
“ผมยังไม่แห้งเลย...”
ขยี้แรง ๆ ด้วยความหมั่นไส้แล้วหยุดมือ “ไปเช็ดเองเลย จะนอนแล้ว”
“อือฮึ ฝันดีครับ” รามนทร์ยื่นมือยีกลุ่มผมนุ่มเบา ๆ แล้วดึงแก้มนิ่มอีกที ก่อนเอาผ้าไปตากแล้วกลับไปที่เตียง ดวงตาสีเข้มทอดมองคนที่ขยับตัวนอนที่เตียงอีกฝั่ง คนถูกมองเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเพื่อนตัวสูงส่ายหน้าเบา ๆ จึงขยับปากแบบไม่มีเสียงว่า ‘ฝันดีนะ’ แล้วหลับตาลง ไม่นานร่างเล็กก็เข้าสู่ห่วงนิทรา..
หากว่าจันทร์เจ้าหลังง่ายล่ะก็ ทายาทอันอับหนึ่งก็หนีไม่พ้นมีนณนนท์คนนี้แน่นอน...
ไต้ฝุ่นและเวฟปิดเกมหลังจากบันทึกสถิติล่าสุดไปแล้ว ถ้ายังเล่นต่อเสียงเอฟเฟกต์คงไปรบกวนการนอนของคนหลับปุ๋ยเป็นแน่ และพวกเขาก็คงโดนรามินทร์เล่นงานด้วย ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนมองไปที่คนที่นั่งพิงหัวเตียงและมองหน้ากันอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจออกมาแผ่วเบา..
แม่ง.. มันมองไอ้มีนมาจะเป็นชั่วโมงอยู่แล้วครับ
“มองขนาดนั้นไม่แดกเข้าไปเลยวะ” นัยน์ตาหวานผิดกับแววตาที่ติดจะเย็นชาผินมองเพื่อนอีกสองคนที่เพิ่งปืนขึ้นเตียงหลังจากปิดไฟ ..หากคนถูกมองไม่ได้ชื่อมีนณนนท์ก็ไม่มีสิทธิได้รับสายตาอบอุ่นจากผู้ชายที่ชื่อว่ารามินทร์หรอก เชื่อเถอะ
“ไรมึง?”
“ยังจะถาม” ไต้ฝุ่นว่าพลางใช้หมอนฟาดศีรษะของรามินทร์
“ช่วงนี้ไอ้ห้อยแปลก ๆ มึงไม่สังเกตเหรอ?”
“แปลกยังไง?”
“มึงก็รู้อยู่แก่ใจ” เด็กตัวสูงเป่าลมขึ้นหน้าผาก เขาลืมตามองเพดานผ่านความมืดและถอนหายใจ
ใช่.. พักนี้มีนาแปลกไป เหมือนมีอะไรครุ่นคิดตลอดเวลา
“รู้อะไร”
“ยังจะมาทำไขสือ เดี๋ยวกูถีบตกเตียง” รามินทร์หัวเราะหึ
“พวกกูรู้นะว่ามึงคิดยังไงกับไอ้มีน” เขาเลิกคิ้วในความมืดก่อนแค่นหัวเราะกับคำพูดของไต้ฝุ่น ใช้คำว่า
พวก คงหมายถึงเวฟด้วย บางที.. อาจรวมถึงจันทร์เจ้า
“กูคิดอะไร”
“มึงชอบมัน”
“เปล่า มันไม่ได้ชอบว่ะ” เวฟแย้ง
“มันรัก” “ตลก” ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่เขากลับไม่ได้หัวเราะ “พวกมึงรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ก็นานพอดู จำไม่ได้ละ อย่าถามนะว่ารู้ได้ไง ขนาดยอดหญ้าที่สวนพฤษศาสตร์ยังรู้เลยสัด เพราะสายตามึงไง” พูดเบาราวกับกระซิบแบบนี้ไม่ค่อยได้อารมณ์เลยว่ะ แต่จะพูดเสียงดังเดี๋ยวคนถูกนินทาจะตื่นอีก อึดอัดโว้ยยยย ไอ้เวฟอยากแหกปาก!! เพราะเผลอดิ้นเลยโดนไต้ฝุ่นที่นอนตรงกลงตบหน้าผากเข้าให้ป๊าบใหญ่
ขอบคุณ
“นอกจากสายตาก็การกระทำ.. ห่า ทำอย่างกับมันเป็นเจ้าหญิง คำพูดมึงอีก มีครับแทบทุกครับ พูดกับอาจารย์ยังไม่เพราะขนาดนี้ กับพวกกูยิ่งกว่าไพร่” ไต้ฝุ่นเสริม
“มึงชื่อมีนณนนท์หรอ?”
“กูชื่อวรกรณ์”
“เสือก”
เวฟเบะปาก ชื่อวรกรณ์แล้วผิดตรงไหน แหม!!! เดี๋ยวไปบอกแม่พาไปเปลี่ยนชื่อเป็นมีนณนนท์เลยนี่ เผื่อพี่รามินทร์จะสนใจบ้าง อิอิ “ทำไมมึงไม่บอกมันวะ ห้อยศรีมันไม่น่าคิดต่างจากมึงนะ”
“นั่นดิ”
“คิดตื้น ๆ บอกไปถ้าเขาตีตัวห่างจากกูให้ทำไง? พวกมึงคิดว่ากูไม่อยากบอกเหรอ อึดอัดจะตายห่า”
“หวายยย สมน้ำหน้า โอ๊ย!”
“สัดเวฟ มึงลงไปนอนพื้นเลยสัด ไป!”
“ตบมันให้กูอีกที” และไต้ฝุ่นก็จัดให้ตามคำขอ
“มึงทำไงวะ ตอนมีคนมาจีบมัน”
“ทำใจ” เหมือนตลกแต่ไม่ตลก มันคือเรื่องจริง นั่นคือสิ่งที่เขาทำได้.. เขาสามารถแสดงออกไปว่าไม่ชอบได้แต่มันมีขีดจำกัด เพราะคำว่า เพื่อน “โคตรแย่ มึงก็รู้ว่ากูหวงเขาขนาดไหน”
“เออ ยิ่งกว่าพ่อมันอีกไอ้ห่า เว้นระยะหน่อยก็ดีนะกูว่า บางทีมันอาจอึดอัด”
“อืม”
“ถ้ากูไม่คิดไปเองเหมือนมันจะชอบมึงอยู่นะ”
“มึงคิดไปเอง”
“เข้าข้างตัวเองบ้างเหอะเหี้ยเอ๊ย นอกจากแม่ก็มึงนั่นแหละที่มันแคร์สุด ๆ แล้ว”
มันก็จริง แต่ไม่มีอะไรที่สามารถยืนยันได้ว่ามีนาคิดเหมือนเขา..
“จะทำอะไรก็รีบ ๆ หน่อยนาจา โดนคนอื่นคาบไปแดกมึงเป็นหมาเลยนะเว้ย”
นั่นน่ะสิ..
“หรือยังไม่รู้ใจตัวเองวะ?”
“มีความเป็นไปได้..”
รามินทร์พรูลมหายใจ “นอนเถอะ”
บอกตัดบทก่อนพลิกตัวหันหลังให้เพื่อน ปิดเปลือกตาลงทว่าภาพที่ผุดขึ้นมากลับมีเพียงใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มของแมวเหมียวขี้อ้อน.. ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากบอกความรู้สึกที่มี นับวันมันยิ่งเพิ่มขึ้นจนเขาอึดอัด ยิ่งมีคนเขาหาตัวเล็กของเขา เขาก็แทบจะระเบิด เขาหวง เขาไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้ พูดคุย ได้ยินเสียงหัวเราะ ได้รับรอยยิ้มจากมีนาเลยสักนิด หากแต่เขารู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้คิดอะไรกับคนพวกนั้น แต่คนพวกนั้นน่ะ.. คิดแน่
ถ้ารามินทร์บอกสิ่งที่เขาคิดไปอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง.. ถ้าเพื่อนสนิทคิดเหมือนกันมันก็เป็นเรื่องดีสำหรับเขา ถ้าไม่.. เขาอาจต้องเสียงมีนาไป.. มันเสี่ยงเกินไป แม้จะมีเวลาเตรียมใจมากแค่ไหนเขาก็ไม่พร้อม ไม่พร้อมจริง ๆ หากข้างกายเขาจะไม่มีเด็กผู้ชายตัวเล็กที่ชื่อว่ามีนณนนท์ เขาเป็นคนกล้า แต่เรื่องของมีนเขาก็แค่คนปอดแหกคนหนึ่ง.. เขายอมอยู่ในฐานะเพื่อนแบบนี้หากบอกว่ารักไปแล้วต้องไม่มีใครอีกคนอยู่ข้าง ๆ
แต่หากสถานการณ์มับบีบบังคับ... ก็ไม่แน่ ช่วงกลางดึก... ร่างเล็กขยับตัวไปมาพร้อมกับไอโขลก เปลือกตาบางค่อย ๆ ปรือขึ้นก่อนกระพริบถี่ มือบางควานไปรอบ ๆ เพื่อหาขวดน้ำดื่ม หากคว้าได้เพียงอากาศเท่านั้น ยกแขนของจันทร์เจ้าที่พาดมาบนอกออกไปไปและลุกนั่ง ดึงผ้าห่มคลุมให้ถึงอกคนที่นอนบนเตียงเดียวกัน มองเท้าเล็กที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมาแล้วส่ายหน้า
มือสวยหยิบถุงเท้ามาแล้วสวมให้เพื่อนตัวเล็กหนึ่งข้าง ขอบคุณแสงจากด้านนอกที่พอให้เขามองเห็น.. จันทร์เจ้าเป็นคนขี้หนาวแต่ชอบนอนถีบผ้าห่ม นี่คงถีบจนถุงเท้าหลุดไปข้างหนึ่ง อย่างกับเด็กแหนะ เมื่อสายตาเริ่มคุ้นชินกับความมืดจึงค่อยก้าวลงจากเตียง มีนเปิดประตูให้เบาที่สุดด้วยเกรงว่าจะไปรบกวนการหลับนอนของเพื่อน แล้วจึงเดินลงไปที่ชั้นล่าง
อึก อึก.. ยกหลังมือปาดหยาดน้ำไปไหลจากริมฝีปากลงไปที่คาง มือเล็กวางแก้วน้ำไว้ในอ่างก่อนเดินออกจากครัวด้วยความงัวเงีย ปกติที่โต๊ะจะมีขวดน้ำตั้งไว้ตลอดเพราะพี่ชอบตื่นมาดื่มน้ำตอนดึก แต่วันนี้กลับลืมเอาขึ้นไปด้วย... ฮ้า.. ง่วงจัง แน่ล่ะ นี่มันตีสามเองหนิ
หืม? ก้อนอะไรอยู่บนโซฟาน่ะ ไว้เท่าความคิด ขาเรียวก้าวเดินไปอย่างระมัดระวังก่อนชะโงกหน้าเข้าไปดู แสงไฟจากหน้าบ้านส่องผ่านเข้ามาทำให้เห็นเสี้ยวหน้าหล่อ แม้จะค่อนข้างมืดแต่เขาก็มองออกว่าเป็นใคร.. ทำไมรามินทร์ถึงมานอนอยู่ตรงนี้นะ ร่างเล็กยู่ปาก ยื่นมือไปปัดผมด้านหน้าของรามินทร์เบา ๆ ทว่าเมื่อกำลังจะดึงมือกลับแขนของเขาก็ถูกดึงจนร่างลอยหวืดไปแปะบนตัวของเพื่อนตัวสูง...
ถ้าเผลอกรี๊ดด้วยความตกใจความชิคของพี่จะหายไปทันที แต่พี่ไม่กรีี๊ด พี่ยังเป็นคนชิคอยู่ ; __ ;
“มินทร์ ปล่อย..”
“มีนหรอ?”
“อือ ปล่อยเร็ว” ร่างเล็กถูกดันให้นอนข้าง ๆ รามินทร์ตวัดผ้าห่มคลุ่มร่างลูกแมวตัวน้อยเอาไว้ก่อนสอดแขนรองคอให้หนุนแทนหมอน โอเค.. แม้มันจะไม่ได้ดีขึ้น แต่มันก็ดีกว่าที่จะนอนทับบนร่างกายแข็งแรงของเพื่อนนักบาส ถึงนั้นก็เถอะ.. หัวใจเขาก็เต้นแรงพอกัน
“ลงมาทำไมครับ?” เสียงทุ้มเอ่ยชิดใบหูทำให้ลมหายใจอุ่นร้อนปะทะกับผิวกายของมีน คนถูกถามถึงกับขนลุกซู่..
“ม มาดื่มน้ำ ทำไมมินทร์มานอนตรงนี้ล่ะ?”
“เบียด นอนไม่หลับ” แม้จะปรับโซฟาให้เป็นเตียงแล้วแต่มันก็ไม่น่าจะนอนสบายเหมือนเตียงจริง ๆ เลยนะ.. เพราะเขาให้น้องจิ๋วนอนด้วยหรือเปล่ารามินทร์ถึงได้ลงมานอนที่ห้องนั่งเล่นแบบนี้ ถึงเตียงนั้นจะใหญ่ แต่หากเด็กผู้ชายตัวใหญ่หุ่นนักกีฬาสามคนนอนด้วยกันมันคงไม่สบายเท่าไหร่ ปกตินอนเบียดกับรามินทร์เขาก็ไม่ได้อึดอัดอะไรด้วย... “นอนกับนี่นะ”
เงยหน้ามองคนพูดทันที ปากอิ่มเม้มเข้าหากันก่อนพยักหน้าเบา ๆ และก้มหลบสายตาของเพื่อนตัวสูง ก็เล่นตาเป็นประกายและยิ้มอย่างกับเด็กได้ของเล่นแบบนั้น.. เขาสบตาด้วยไหวก็เหนือมนุษย์เกินไปแล้ว.. มือน้อยยกทาบที่ตำแหน่งอกข้างซ้ายอย่างเผลอตัว และถือเป็นโชคดีที่มีผ้าห่มคลุ่มอยู่ ไม่งั้นรามินทร์ต้องเห็นแน่ว่าเขาทำอะไร..
รามินทร์มองคนข้าง ๆ ที่นอนตัวเกร็ง และคิ้วขมวด เมื่อเขาแตะปลายนิ้วลงคนน่ารักก็สะดุ้งราวกับโดนไฟช็อต ดวงตารูปอัลมอนด์มองเขาพร้อมกระพริบถี่และหลุบหนี.. ทว่าเขามองเห็นประกายวูบไหวบางอย่างในดวงตาคู่สวยนั้นทัน.. มันไม่ได้มีความหวาดกลัว หากมีความสับสนแฝงอยู่ในนั้น
ลูกแมวของเขากับกำลังสับสนเรื่องอะไรงั้นหรือ... ภายในใจของร่างเล็กนี้กำลังคิดอะไรอยู่..
‘หรือยังไม่รู้ใจตัวเองวะ?’ อยู่ ๆ คำพูดของเวฟก็เข้ามาในหัวของเขา ยังไม่รู้ใจตัวเองงั้นหรอ.. หรือจะเป็นอย่างนั้นนะ หึ เพ้อเจ้อแล้วไอ้รามินทร์
“คิดอะไรอยู่ครับ?” เอ่ยถามคนที่เดี๋ยวคลายปมคิ้ว เดี๋ยวก็ขมวด ลูกแมวเหมียวเบิกตาเหมือนเพิ่งได้สติคืนมา
“ค คิดว่าจะให้ของขวัญอะไรดี” ว่าพร้อมพลิกตัวนอนหงาย “อีกผ่านสัปดาห์นี้ไปก็วันเกิดมินทร์แล้วหนิ อยากได้อะไรหรือเปล่า?”
“ไม่รู้สิ”
“ต้องรู้สิ!”
“อืม...
อยากเลี้ยงแมว”
“หะ? แมว?” ถามออกไปอย่างงุนงงกับคำตอบของเพื่อนตาหวาน รามินทร์ยกยิ้มเล็กน้อยก่อนลูบกลุ่มผมนุ่มของคนตัวเล็ก มีนจับมือรามินทร์ไว้แล้วลูบเบา ๆ ที่ก้านนิ้วยาว นิ้วที่เป็นแผล.. ตอนนี้แผลหายแล้ว โชคดีที่ไม่มีแผลเป็น คุณป้าบ่นใหญ่ว่าทำไมไม่ระวังตัว พี่นาวินก็บ่นน้องเหมือน ทำให้เป็นห่วงทั้งบ้าน ถึงเจ้าตัวจะยืนยันว่าแค่แผลเล็ก ๆ ก็เถอะ ก็คนมันห่วงนี่เนอะ.. ห้ามยังไงได้
“ใช่ แมว”
“ถ้าเลี้ยงแมวจะไม่ตีกันกับบัสเตอร์ ฮันเตอร์หรอ?”
เขาอยากจะขำกับความซื่อนั่นจริง ๆ “ไม่หรอก เข้ากันดี”
“หือ? แมวที่มินทร์อยากได้เคยเจอทูเตอร์หรอ?”
“ใช่ครับ เคยเจอหลายครั้งด้วย”
“อ้าว แล้วทำไมไม่เลี้ยงมันไว้ล่ะ?”
“ไม่รู้ว่ามันอยากให้นี่เลี้ยงหรือเปล่านี่สิ..”
“ซะงั้น มันเป็นแมวจรจัดหรอ?”
“เปล่าหรอก แต่มันยังไม่มีเจ้าของ นี่เลยอยากเลี้ยง”
“อะไรอ่ะ ไม่ใช่แมวจรจัด แต่ไม่มีเจ้าของ เพ้ออะไรเนี่ย นี่งงนะเว้ย”
“หึหึ ไม่รู้ว่าลูกแมวตัวนั้นอยากมีนี่เป็นเจ้าของหรือเปล่า”
“นี่ก็ไม่รู้อ่ะ นี่ไม่ใช่แมว”
โธ่...
“งั้นคงไม่...”
“บ้าน่า มินทร์ใจดีออก แมวนั่นคงอยากอยู่ด้วยแหละ”
“เหรอ..”
“งืม ทำไมต้องทำเสียงหงอยอ่ะ ชอบมันมากหรอ?”
“อืม.. ชอบ ชอบมาก ๆ”
น่าอิจฉาแมวตัวนั้นจังเลยเนอะ... “ถ้ามันไม่ยอมก็ฉุดเลย ยังไม่มีเจ้าของไม่ใช่หรอ น่าจะได้แหละ ดูแลมันดี ๆ รักมันมาก ๆ เดี๋ยวมันก็ไปไหนไม่รอดเองนั่นแหละ..”
หืม.. จะให้นี่ทำอย่างนั้นจริง ๆ หรอมีนา แน่ใจหรอครับ?
“ถ้าทำแบบนั้นแล้วมันเกลียดนี่ล่ะ? ถ้ามันหนีนี่ไปไกล ๆ ล่ะ?”
ร่างบางขมวดคิ้ว “เอ๊า มินทร์จากเลี้ยงจริง ๆ ก็ต้องหาวิธีจัดการมันให้ได้ ทำให้มันเชื่อใจไง”
“อ่า.. ครับ”
“นี่จะเลี้ยงแมวหรือจีบสาว ทำไมต้องกังวลขนาดนั้นอ่ะ”
“เลี้ยงแมวสิครับ”
มีนเบะปาก “ถ้าไม่ใช่แมวแล้วอยากได้อะไรอ่ะ? นี่ไม่รู้จะซื้ออะไรให้เนี่ย”
“ไม่ต้องให้หรอก เปลือง”
“โอเค! ดีเลย นี่จะได้มีตังค์กินหนม คึคึ”
“นิสัย”
“ก็มินทร์บอกว่าไม่ต้องให้หนิ...”
“ครับผม นอนเถอะจะตีสี่แล้ว”
“งืม..” พอพูดเวลามาแบบนี้แล้วรู้สึกง่วงขึ้นมาทันที “ฝันดีนะ”
“ฝันดีครับ” บอกพร้อมแนบริมฝีปากกับหน้าผากมน มีนตัวแข็งทื่อและเผลอหยุดหายใจ หัวใจของเขาเต้นตึกตักอีกแล้ว ไม่นะ! อย่าเป็นแบบนี้สิ รามินทร์จูบหน้าผากราตรีสวัสดิ์เขาออกจะบ่อยนะ! ฮือ ไม่ชอบเลย ไม่ชอบเลยจริงกับความอึดอัดที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรอย่างนี้น่ะ..
รามินทร์อย่ามาเล่นอย่างนี้กับพี่นะ...
------------------------------------------

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับผม ไว้เจอกันตอนหน้าค่าาาาา
♥