10 CM : รักที่ส่วนต่าง 10 CM 3/5/2016 จบแล้วครับ + มีเวบตูนแล้วครับ ลิ่งอยู่เม้นสุดท้าย
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 10 CM : รักที่ส่วนต่าง 10 CM 3/5/2016 จบแล้วครับ + มีเวบตูนแล้วครับ ลิ่งอยู่เม้นสุดท้าย  (อ่าน 83571 ครั้ง)

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนที่ 5 ความลับในห้องน้ำหลังโรงยิม

ตกลงว่าวันรุ่งขึ้น ผมก็ไม่ได้ไปสนใจและไปตามคำเชื้อเชิญของบูมมัน เพราะยังไงจุดประสงค์ของมันก็ไม่ชัดเจน สงสัยคราวหน้าให้มันไปหัดเขียนเรียงความมาก่อนดีกว่า

อีกอย่าง จะไปให้มันแกล้งทำไม

คิดๆดูมันน่าแปลกใจมากกว่าที่มันโทรมาหาผมด้วยเรื่องอย่างว่า แล้วจบเรื่องที่การห้ามลงแข่งกีฬา เหตุผลของมันคืออะไรกันนะ

ตอนขึ้นม.ต้นใหม่ๆ เรายังเด็กกันอยู่ มันคงอยากรู้อยากเห็น ผมโตเร็วกว่าบูมมัน แน่นอนขนผมมันก็ขึ้นก่อน แต่ผมต้องทำเป็นไม่รุ้ไม่ชี้ไว้

เมื่อผมกับบูมสนิทกันมากขึ้น บูมมันเองก็ไม่ใช่ดาวเด่นของห้องอะไร ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไม มันถึงได้เข้ามาหาผม แล้วให้ผมกลายเป็นลูกไล่ของมันไป เวลามันไม่รู้จะลงอะไรกับใครก็มาลงกับผมนี่แหละ

มองกลับไปจากตอนนี้ การที่มันมาเที่ยวหาเรื่องแหย่ผมไปทุกวันมันไม่ได้ทำให้มันดูดีขึ้นเลย เหนือกว่าใครไม่ได้ก็เลยมาเหยียบผมเนี่ยนะ

นึกอีกที เด็กๆทำไปคงไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้นละมั้ง อาจจะแค่เล่นสนุก

บางครั้งมันแหย่หนักบ้างเบาบ้าง แล้วไม่รู้ว่ามันคิดยังไงถึงมาขอดูของผมตอนใกล้หมดปีการศึกษา มันคิดว่าผมเป็นลูกน้องของมันแล้วจะอะไรก็ได้สินะ ผมไม่ค่อยแน่ใจเรื่องอย่างว่าเท่าไร ใช้เวลาตัดสินใจอยู่หลายวันกว่าจะยอมตกลง

เรื่องอย่างว่ากับผู้ชายด้วยกันเป็นเหมือนของใหม่ในชีวิต

บูมเป็นคนเปิดทางให้ผมมาทางด้านนี้

ครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้น มันชวนผมไปห้องน้ำหลังโรงยิม ที่เดิม

ทำกันมาหลายครั้งไม่เคยจะเสร็จหรอกครับ น่าจะเพราะยังเด็กเกินไป ไม่รู้ว่าการที่ทำเสร็จมันเป็นยังไง เอะ หรือมันยังเด็กเกินไปมากกว่านะ

มีบางอย่างเปลี่ยนไปหลังปิดเทอมกลางปี

“เก้า ปะ ห้องเดิมนะ”

“อีกแล้วเหรอ”

ผมเดินนำไปที่ห้องน้ำหลังโรงยิม ห้องประจำ ตรงกลาง ที่มันชอบลากผมเข้าไป เพื่อเข้าไปจับไอ้นั่นเล่น มันมักจะยื่นของมันออกมาให้ก่อนเสมอ

อันเล็กเท่านิ้วก้อย

มันเริ่มก่อนด้วยการถอดกางเกงลงไปกองไว้ที่ข้อเท้าเหมือนทุกที

ชายเสื้อปกปิดบริเวณท้องน้อยเอาไว้ ให้โผล่ออกมาแค่แท่งเท่านั้น

มันกำลังปกปิดอะไรบางอย่าง

พอมองดูดีๆ ขนาดของมันก็ไม่เหมือนเดิม ขนาดของเราสองคนจะเท่ากันอยู่แล้ว

“ทำให้หน่อยดิ” มันเริ่มก่อน

ผมเอามือค่อยๆลูบ จากปลายของมันที่เปิดออกแล้วรูดลงไปช้าๆถึงโคน พอจะถึงชายเสื้อมันจึงถอยตัวออก กลัวจะเห็นสิ่งที่มันพยายามปกปิดเอาไว้

มันทำแบบเดียวกันให้ผม ผมเองทุกครั้งก็จะเอาเสื้อปิดไว้เหมือนกัน ไม่ได้อยากให้มันเห็น

บูมจับคลึงไปมาไม่นาน ก็ก้มตัวลงไป

เอาปากแตะส่วนหัว ค่อยๆขยับไปข้างๆช้าๆ ไล่ไปตามลำ ถ้าตอนนั้นหนังโป๊หาดูง่ายกว่านี้ ก็คงจะรู้กันแล้วว่าต้องทำอย่างไร แล้วก็คงเลยเถิดไปกว่านั้น

ตอนนี้ก็มั่วๆไปตามความรู้สึก

“ตามึงแล้ว”

มันกดหัวผมลงไปทำแบบเดียวกัน ของมันที่ใหญ่เกินปกติ ผมรู้สึกไม่คุ้นเคย จึงได้แต่เลียไปรอบๆ

“โอ้ยเสียววะ”

มันเอามือมาบีบตูดผมแล้วดันผมหมุนตัว

“เก้าหันหลังดิ”

“บ้า ไม่เข้าหรอกมึง”

“เออน่า”

มันยังพยายามยัดเยียดเข้าไปอยู่อย่างนั้น ยังไงก็ไม่เข้า

ไม่นานก็เปลี่ยนท่ากลับมาเป็นแบบเดิม รูดๆเข้าออกอยู่อย่างนั้น

“กูจะเสร็จวะ”

มันเอามือผมไปลูบตามตัวมัน

เมื่อก่อนทำกันมันไม่เคยจะพูดว่าเสร็จ เราทำกันจนเมื่อยแล้วก็หยุดก่อนเสมอ อย่างมากมันก็จะบอกว่าปวดฉี่ แล้วก็หยุด พวกเรายังไม่กล้าทำต่อจากนั้นไป ผมเองก็ไม่เคยจะปล่อยไปจนสุดด้วย

พอได้ยินอย่างนั้น ชัดเจนว่ามันทำเป็นแล้ว มันกำลังจะปล่อย ของเหลวขาวข้นออกมา

“อา ... กูด้วยๆ รอด้วยดิ”

มันเร่งมือทำเร็วๆขึ้นๆ

“อะ เดี๋ยวๆ จะออก”

มันขยับตัวหลบออกไปข้างๆ

น้ำขาวขุ่นของผมพุ่งตัวออกไปก่อน หยดแหมะเป็นสายลงเต็มพิ้นห้องน้ำหลังโรงยิม ในห้องน้ำแคบๆ กลางห้องเปรอะเปื้อนด้วยน้ำขาวๆข้นๆ

ครั้งแรกที่ผมทำจนเสร็จให้คนอื่นดู

ดีที่มันหลบ

คราวนี้มันหันตัวมาทางผม ความอายวิ่งหนีไปแล้ว บูมยกเสื้อขึ้น แล้วเอาของมันมาถูไถไปกับของผม

“ทำให้กูด้วยดิเก้า”

มือข้างที่ยังเลอะน้ำ ผมใช้มันกำแท่งของมันแน่นๆ แล้วรูดเข้าออก ขนาดที่เปลี่ยนไปทำให้ผมกำได้แน่นขึ้น แล้วก็รูดได้ถนัดขึ้น น้ำลื่นๆจากปลายของมันไหลย้อยลงมาโดนมือผม

“อีกนิดๆ เร็วหน่อยๆ” เสียงบูมสั่นจนฟังยากว่าพูดอะไร

ทุกครั้งที่รูดลง จะเผยหัวแดงๆของมันออกมาให้เห็น แบ้วบวมเต่งตึงคั่งไปด้วยเลือด

แล้ว.. อะไรไม่รู้ จู่ๆก็วิ่งมาเข้าสิงผม ทำให้ผมรู้สึกผิด

“พอเหอะ”

ผมดึงกางเกงขึ้นมาใส่ลวกๆ

สะบัดตัวออกจากมัน

มือป้ายกางเกง

“อย่าเพิ่งดิ กูจะแตกแล้ว รอก่อน” มันรีบทำของตัวเอง

ดูเหมือนว่ามันจะไม่สนว่าผมหมดอารมณ์ไปกับมันแล้ว ของมันที่ชูตระง่านท้าสายตาผม บูมช่วยตัวเองอยู่อย่างนั้น เร่งรีบ

“อีกนิดเดียว อยู่เป็นเพื่อนกูก่อน” มันแอ่นตัวโยนไปมา ผมหลบ ระแวงว่าอะไรๆของมันจะพุ่งมาโดนกางเกงนักเรียนเข้า

รออยู่สักพักก็ยังไม่มีออกมา

มันขยับตัวขึ้นลงทำกับมือตัวเองอยู่อย่างนั้น

ผมทนไม่ไหว

เปิดประตูแล้วหันหลังปลาอยมันเอาไว้ ประตูเปิดอ้า ผมหันมามองครั้งสุดท้าย ภาพบูมที่เปลือยท่อนล่างมีกางเกงนักเรียนสีน้ำเงินกองอยู่ที่ข้อเท้า กางเกงในสีขาวทับอยู่บนนั้น บูมกำลังชักของตัวเองอย่างหยุดไม่ได้ ใบหน้าเหยเก

ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดราวกับโดนทิ้งไว้คนเดียว แต่มันก็ยังไม่หยุด

ผมเดินหนี

ประตูเปิดไว้อย่างนั้น

‘กูมีแฟนแล้ววะ เป็นญ’

คำพูดนี้เหมือนเป็นการบอกนัย

มันบอกเรื่องนี้ตอนที่ผมกำลังทำให้มันอยู่ และมันอยากให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปนี้มันจะเก็บไว้ทำกับแฟนมัน แล้วก็ขอบใจที่ช่วยระบายให้มันมาตลอด

ใช่แล้ว ที่ผมเดินออกมาเพราะรู้สึกผิด ผิดที่ผมเป็นที่ระบายให้มัน แล้วก็ไปชอบผู้หญิงแทน ส่วนผมกลายเป็นว่า ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว หน้าห้องน้ำ

ถึงจะรู้สึกผิด แต่ก็ชอบที่จะดูผู้ชายทำ

มันทิ้งผมไปใช้ชีวิตปกติ มีแค่ผมที่เดินทางสายนี้คนเดียว

ถ้าไอ้บูมไม่ชวนผมทำแบบนี้ บางทีผมอาจจะยังไม่เป็นแบบทุกวันนี้ก็ได้

ตอนนี้ก็สายไปซะแล้ว

ไม่รู้ว่านี่เป็นเหตุผลที่มันจงเกลียดจงชังผมนักรึเปล่า เพราะหลังจากนั้นมันก็เริ่มป่าวประกาศเรื่องของผมออกไปทั่วโรงเรียน

ผมคิดว่ามันคงรู้สึกเสียหน้าที่โดนทิ้งไว้อย่างนั้น

พอน้ำแตกสติก็กลับมาสินะ

ผ่านมาอีกปีจนขึ้นม.ปลาย มันกับผมก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก แค่เดินสวนกันเหมือนคนไม่รู้จัก



เมื่อจบม.3 กระดาษขาวแผ่นหนึ่ง ระบุสายที่ต้องการเรียนต่อก็มาวางอยู่บนโต๊ะผม

ผมกาลงไปอย่างไม่ลังเล




ห้อง 1 สายวิทย์

ออฟไลน์ DREAM COME TRUE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
บูมนิโหดร้ายจริง แต่อาจจะเพราะยังเด็กมั้ง ทำอะไรไม่คิด
ตอนนี้อ่านแล้วเสียวดีจัง ฮ่าๆ

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
อ่านแล้วไม่ชอบตัวละครรอบตัวเก้าเลยอะ
ทั้งเจทั้งบูม แล้วรำคาญที่เก้ายอมคนอื่นง่ายๆด้วย
 :z3:

ออฟไลน์ DREAM COME TRUE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
อ่านแล้วไม่ชอบตัวละครรอบตัวเก้าเลยอะ
ทั้งเจทั้งบูม แล้วรำคาญที่เก้ายอมคนอื่นง่ายๆด้วย
 :z3:

ใช่ครับ เก้าก็ไม่ชอบตัวเองเลยเหมือนกัน เพราะความที่ไปทำเรื่องแบบนี้ไว้ เลยอยากจะหนีออกไป สุดท้ายมันก็หนีไม่พ้น ในเมื่อรู้แน่ว่าตัวเองจะไปทางนี้แล้ว

ส่วนพวกคนรอบข้างเอง เก้า มีสิทธิ์ที่จะเลือกน้อยมาก แค่มีคนคบด้วยก็ดีแล้ว ดังนั้น ถ้าอะไรจะเกิดมันก็ให้เกิดไป

อ้อ ส่วนตัว ผู้ชายมาเจอกันก็แบบนี้แหละ ความเงี่ยนนำหน้ามาก่อน มันเกิดขึ้นได้บ่อยไป ส่วนต่อไปใครจะเอาทางไหนก็ตามแต่ใจ

ป.ล. ตอนต่อไปกำลังพิมพ์เพราะไฟล์หายหมด ต้องเริ่มพิมพ์ใหม่จากที่เขียนเอาไว้  :o12:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ยังเอาสาระอะไรแน่นอนไม่ได้
เพราะทุกคนก็มีความคิดแค่เด็กๆ
ตามอายุ ตามวัยมัธยมเอง

ขอแค่ได้มันส์ก็พอ
ใช่ไหมๆๆๆๆๆ เก้า
อิอิ

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
(10 CM) เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 6 แยกย้าย

เช้านี้ผมมานั่งนึกคำพูดบูมดู  มันมาแปลก  'ห้ามลงกีฬา' มันก็น่าจะรู้ว่า ปกติผมเล่นกีฬาที่ไหน ถึงเล่น ได้บ้างก็ไม่ได้เก่งขนาดจะลงแข่งสักหน่อย แล้วมันไปเอาที่ไหนมาพูด

ตรงข้ามกับความคิดผมมาก ไอ้ที่แวบแรกขึ้นมาในหัวเป็นเรื่อง ที่วันนั้นผมกับเจไปช่วยกันบำบัดใน ห้องประชุมมากกว่า ตอนนี้ผมขอเรียกมันว่าไอ้ห่าเจจะเหมาะกว่า

ตัวไอ้ห่านั่นเองก็ดูเหมือนจะเงียบๆห่างหายไป สงสัยตอนว่ายน้ำที่ผมเมินมันจะทำให้มันเสียความ รู้สึกมากไป ทำไงได้ นั่นห้องน้ำในสระว่ายน้ำโรงเรียนเลยนะ เกิดใครเดินเข้ามาทำยังไง

“เฮ้ย เป็นไงมั่งวะ” ผมทักเจ

“ก็ดี เหนื่อยซ้อมหนัก” แค่นั้นที่เจตอบ เหมือนจะปกติแต่น้ำเสียงไม่ใช่

“มีไรให้กูช่วยมั้ย” ผมหมายถึงเรื่องปกตินะ

“ขอบใจ” มันจอบแกนๆ

แปลก... กลิ่นตัวมันก็ไม่ใช่ (ได้กลิ่นบ่อยซะขนาดนั้นผมไม่ลืมอยู่แล้ว) กลิ่นเหงื่อผสมแดด แต่มันไม่ แรงเหมือนคนที่เพิ่งเดินเข้าตึกมา แสดงว่ามันต้องหลบซักพักนึงแล้ว

กลิ่นบุหรี่ต่างหากที่ติดใจผม ถึงจะอ่อนจาง แต่ผมรู้สึกได้ เวลามันพูด ส่วนที่ตัวมัน มันก็พยายาม กลบด้วยกลิ่นน้ำหอม ขัดกับบุคลิกมัน

“กลิ่นอะไรวะ เจ” มันไม่ตอบแต่ผมแน่ใจว่ามันรุ้ว่าผมกำลังบอกอะไรมัน

“ทำไม คิดถึงกลิ่นกูเหรอ” มันเอาตัวเข้ามาถูจากข้างหลัง

“ไอ้บ้า ไปเลย” ผมผลักมันออกไป
ไอ้เจ นี่ก็แปลกไปอีกคน

อ้อ ถ้าพูดแล้ว รวมไอ้ต้องด้วย มันเองตอนนี้ก็ผีเข้า ชวนผมไปกินข้าวกลางวัน เดี๋ยวก็ไปส่งบ้าน มัน จะดูทำดีอะไรนักหนาละเนี่ย ทางกลับปกติมันก็ทางเดียวกันละนะ แต่ไม่คิดว่าขนาดนั่งเลยมาถึงหน้าบ้านผม

ตอนนี้ผมเลยกลายเป็นน้องเก้าของพี่ต้องไปแล้ว

‘มึงไม่แยกกลับแล้วเหรอ”

‘ขี้เกียจ... นั่งลงบ้านเลยดีกว่า’ เดี๋ยวนี้เวลาตอบมันหันมามองหน้าผมตรงๆ

‘เปลืองนา ต้องมาส่งกูน่ะกูเดินกลับเองก็ได้’



‘เดี๋ยวคนฉุดมึงไป’

‘เออ งั้นตามใจมึง’

ธรรมดาพี่ชายผมมันงกค่าขนมจะตายมีเหรอว่ามันจะยอมนั่งเลยบ้านมันไป

‘คราวหลังไว้นั่งรถเมล์มั่งก็ได้นะ กูจะได้เดินแยกไปเลย’

‘ไม่อะ ยังงี้ดีแล้ว’

มันหันมามองตาผม เอ่อ ถ้าจะเล่นทำหน้าเขม่นกันยังงี้ผมก็ไม่สู้

เลิกถามมันดีกว่า ดูท่าทางมันเริ่มกลับมาคันปากกวนตีนผมอีกแล้ว หลังจากนั้นมา ผมเลยไม่ค่อย ถามมันอีก นานๆถึงจะมีเรื่องคุยกันยาวๆบนรถแท๊กซี่ทีนึง คนละเรื่องแบบที่คุยกับไอ้ซันแน่ๆ รายนั้นหื่น ชัดเจน แต่ดูน่ารักดี ดูไม่เหมือนคนโรคจิต แต่คำพูดนี่ไม่ใช่ หน้าตากับคำพูดคนละอย่างกันเลย

แล้วแต่มันก็ได้วะ ดูต้องจะสนุกทุกครั้งที่ได้ไปส่งผมที่บ้าน
.
.
.

วันนี้บ่ายพวกนักเรียนโดนเรียกรวมที่ตามซอกตึกหาที่ร้องเพลงเชียร์ สีผมไปประจำอยู่ที่ซอกด้าน ข้าง ที่เดียวกับที่ใชัคัดตัววิ่งเมื่อตอนเสาร์โน้นนั่นแหละ

งานแข่งกีฬาที่ใกล้เข้ามามากขึ้น ยิ่งใกล้ งานซ้อมก็ยิ่งถี่มากขึ้น อีกแค่สองเดือนเท่านั้นเอง พวกวิชา ที่เกี่ยวกับการทำกิจกรรมเลยเปลี่ยนเป็นวิชากีฬาสีไปหมด ทั้งพละแล้วก็ลูกเสือ

มันก็เลยจะเสียชั่วโมงเรียนธรรมดาไปสองชั่วโมงแทน (พละไม่นับอยู่แล้ว) ผมละดีใจ แต่พวกซอมบี้

อากาศปลายปีอย่างนี้ ฟ้าสวยๆลมเย็นๆ เสียดายเหมือนกันแฮะ ที่ต้องมานั่งร้องเพลงกลางแจ้ง

ส่วนวันจริงจะเป็นช่วงมกราคม หลังเปิดปีใหม่ได้ไม่นาน หวังว่าอากาศน่าจะยังเย็นอยู่ เวลานี้เงาตึกเลยพาดออกมาเหมือนพื้นที่แรเงาสีเทาเข้มทางทิศตะวันออก บนพื้นคอนกรีตสีเทาอ่อน

ท้องฟ้าสีฟ้าสดอยู่เหนือหัวเหมือนหลังคา แต่วันนี้ไม่มีเมฆก้อนขาวๆ

เบื้องหน้าคือสนามกีฬา แล้วก็แสตนด์ใหญ่ซ้ายและขวา อันขวาสุดคืออันเดียวกับที่ลูกบอลลอยผ่าน หัวผมไปตอนก่อนปิดเทอม ฝั่งตรงข้ามอีกด้านของสนามกีฬาก็จะเป็นอีกสี ตอนนี้ทุกคนยังใส่ชุดนักเรียน มัน จึงแยกไม่ออกว่าใครสีไหน

เดี๋ยวตอนร้องเพลงคงจะรู้

เด็กนักเรียนหน้าเฝื่อนในชุดขาวน้ำเงินเดินกันว่อนสนาม กว่ารุ่นพี่จะจับให้รวมตัวกันได้ใช้เวลาพอ สมควร ใครมันจะอยากลงไปนั่งกับพื้นร้อนๆ แล้วร้องเพลงน่าเบื่อ ถึงจะมีเงาตึกมาก็เถอะ แต่ความร้อนเมื่อ ตอนกลางวันก็ยังสะสมเอาไว้ที่พื้นอยุ่ดี

ความสามัคคีอย่างเดียวที่มี คือ ทุกคนพยายามหาจุดที่ร่มและเย็นที่สุด แต่วันนี้ไม่ลม ตรงไหนก็ คงจะเหมือนกัน แล้วก็ความเย็นปลายปีดูจะไม่บรรเทา ความร้อนของอากาศที่เพิ่งผ่านเวลาเที่ยงมาได้เท่าไร

พวกที่ลงกีฬาโดนจับแยกไปซ้อมแล้ว มีเวลา 2 ชม. หมายความว่า จะเหลือแค่ ผม แมค แล้วก็ ซัน ที่ ต้องมานั่งจมอยู่ นอกนั้นไปดีแล้ว ส่วนพวกซอมบี้ช่างหัวมันไป (หวังว่าโดนแดดแล้วจะไม่ระเบิดนะ)

รุ่นพี่คนหนึ่งชูปึกกระดาษในมือขึ้นมา แล้วโบกซ้ายขวา

“แจกชีทแล้วนะครับ” กระดาษซีรอกสีขาวๆ ลอยผ่านไปมา

เด็กนักเรียนค่อยๆ ส่งต่อหลังกันไปเรื่อยๆ บางคนผมเห็นแอบเอามา 2 แผ่นมารองตูด เห็นเข้าละโดนเตะแน่

ผมรีบชีทต่อมาแล้วพลิกๆดู

เพลงก็เดิมๆ ทุกอย่างก็เดิมๆ จะทำทำไมให้เปลือง แต่พอพลิกๆดู เออ มีแก้ไขเนื้อกับเพิ่มเพลงใหม่ๆ บ้างเหมือนกันแฮะ (ยังกับผมจะจำเข้าหัว)

“เอ้า น้องๆ รีบนั่งได้แล้ว”

บางคนทะยอยนั่งลง ผมกับแมค ยังมองหนัากันอยู่

“ซันนั่งได้ปล่าววะ” ผมถาม เพราะมันลงไปนั่งก่อน

“ร้อนชิบหายไข่แทบสุก”

เออ ไข่กูก็ด้วยแน่ๆ

ผมกับไอ้แมคยืนขำ แต่พอแมคลงไปนั่งเท่านั้นแหละ สงสัยจะจริงแฮะ ดูมันเอาตูดหย่อนลงไปที นี่ แทบสะดุ้ง ไอ้แมคต้องเอามือประคองไข่ไว้ไม่ให้โดนพื้น

“ใหญ่ขนาดนั้นเลย” ซันหันไปแซว

“แน่นอน เดี๋ยวสุกแล้วน้ำน้อยใช้งานไม่ได้”

ผมคิดว่าไอ้แมคพูดเล่นนะ ปกติมันไม่เล่นยังงี้นะ

หันไปถามไอ้ซันมั่งดีกว่า

“มึงนั่งได้จริงเหรอ”

“ไอ้แมคมันก็เว่อไป จะเกาไข่ก็บอก มันไม่ได้ร้อนขนาดนั้น”

สรุปแล้ว ผมลองนั่งลงเองก็แล้วกัน ไม่ร้อนเท่าไรแฮะ แต่ก็ร้อนอยู่

เพราะไม่มีลมแล้วก็เพิ่งผ่านเที่ยงมาด้วย แต่ไม่ร้อนจนถึงขนาดทนไม่ไหว เอาวะถือว่านั่งกกไข่ไปละ

เหลือบไปสังเกตุเห็นกางเกงของไอ้ซันไม่ใหญ่ไม่เล็กพอดีตัว ตรงข้ามกับผมเลย ใส่พอดีแต่ทำไมขา มันกว้างนัก หรือ เพราะว่าผมผอมเกินไป ไอ้ซันมันนักบอลนี่ขาเลยมีกล้ามบ้าง แต่เพราะพอดีตัวนี่แหละ เป้า ตึงเชียวนะมึง หรือเพราะร้อนเลยพองวะ

ไอ้แมคนั่งก้มหน้าลงมองเป้าตัวเอง เปล่าหรอก พอดูดี มันคงจะเบื่อเลยนั่งมองพื้นคอนกรีตหว่างขา มันมากกว่า หวังว่าคงจะไม่หลับนะ

ชีทถูกโปรยผ่านไปถึงหลังสุด พวกผมที่ได้กันคนละแผ่น เอาไปบังหน้าตัวเอง จากแสงแดดที่สะท้อน เข้าตา ฝั่งโน้นเริ่มตบมือแล้ว กำลังจะเริ่มแล้วสินะ ฝั่งผมรุ่นพี่ยังยืนพูดอะไรสักอย่างที่พวกผมไม่ตั้งใจฟัง

ไม่ใช้โทรโข่งละพี่ “เริ่มจากเพลงแรก หน้า ...” พูดยังกับมีหลายหน้า “เพลงที่ 1”
เสียงเด็กม.ต้นเริ่มดังขึ้น  พร้อมเสียงตบมือเปาะแปะ

เพลงเดิมๆ ร้องมันทุกปี เฮ้อ

“ซัน เมื่อคืนทำไรวะ” ผมเอาศอกสะกิดๆมัน ทำปากให้ไม่ว่างไว้ เดี๋ยวจะหาว่าไม่ร้อง

“ก็เล่นเกม อ่านสือนิดหน่อยแล้วก็นอน” ไอ้บ้านี่ก็เล่นเกมหนัก แต่ไหงมันเรียนเก่งจังวะ

มือซันยังคงตบเปาะแปะไปด้วย ส่วนไอ้แมคยกมือท่วมหัวตบเปาะแปะ ตกลงมันไหว้เจ้าหรือวะ

เวลาคุยกันมันก็ขยับปากเหมือนๆกัน พี่ๆมันดูไม่ออกหรอก แต่ผมทำใจไม่ได้ที่จะต้องมานั่งร้องเพลง เด็กๆ ทำท่าร้องก็ยังดี มันตลกๆ ยังไงบอกไม่ถูก คนมองเข้ามาคงไม่ตลก แต่ผมน่ะตลกตัวเอง

ถ้าร้องเพลงดีๆก็ว่าไปอย่าง นี่เพลงเชียร์อะไรก็ไม่รู้ สงสัยผมจะขี้อายเกินไป อายกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

แอบหันไปมองไอ้แมค นอกจากไข่มันที่กองอยู่แล้ว มันก็ทำหน้าเพ้อฝันไป สงสัยวิญญาณกำลังพยายามออกไปเที่ยวแล้วสินะ

“เก้า เมื่อคืนแม่งฝันถึงอีกแล้ววะ”

“ตัวเดิมอะนะ”

“ไม่ใช่ ได้ตัวใหม่มา นมใหญ่กว่าเดิมอีก”

มันเริ่มขยับมือแปลกๆแล้ว

ผมละนึกหน้าไอ้ซัน ผิวแทน ผอมยาว เก้งก้าง โดนผู้หญิงนมโตๆขยี้หน้าแล้วมันทำหน้ารุ้สึกดีนี่ มัน ประหลาดดีแท้ แต่ท่าทางมันจะชอบอะไรก็ได้ที่โตๆนะ ขาวๆโตๆ

“แล้วไงวะ”

“เช้ามาก็เปียกเลยอะดิ”

“นี่มึงเสร็จในฝันเลยเหรอ”

ผู้ชายรุ่นเรายังมีอารมณ์เก็บไปฝันได้อีกเหรอ มันอยู่ไม่ถึงหรอก ถ้ามีอารมณ์จริง มันน่าจะผ่านมือมัน ไปก่อนแล้ว ผมไม่ได้เชื่อมันมากถือว่าเล่ากันขำๆ

“ทำไมมึงไม่ทำไปเลยวะ”

“ไม่เอาอะ อี๋ต้องมาจับของตัวเอง สู้ไว้จับนมดีกว่า”

โห หานมจรืงให้จับได้ก่อนนะ สงสัยมันจะไม่เคยล้างของมันเลยสิท่า นี่เป็นเหตุผลประหลาดของมนุษย์กึ่งซอมบี้สินะ เป็นไอ้แมคคงไม่เหลือ ไม่เหลืออะไรเลย มันไม่เคยพูดเรื่องชอบใครให้ฟัง หรือแม้กระทั่งจะวนไปต่ำกว่าใต้สะดือเลย

บางทีผมก็แอบสงสัย มันเพศอะไรวะ

“แมค มึงยังฝันเปียกอยุ่มั้ย”

โอ้ย ห่านี่ กล้าไปถามนะ

ซันถาม ไม่ใช่กู ดีดหูกูทำไม

“คุยไรกันวะ” แมคส่ายหน้า

ผมกับไอ้ซันได้แต่ยิ้มขำๆ

"แล้วเคยป่าวละ” ซันยังอยากรู้ต่อ

“ไม่บอกเว้ย”

“โห อายไรวะ ผู้ชายทั้งนั้น”

พูดจบผมแลบลิ้นทีหนึ่ง

มันตบมือไปชูนิ้วกลางให้พวกเราไป “แมคมันเคยอ่านสือโป๊เว้ยแล้วเสร็จตอนนั้นเลย” ซันแอบเอานิ้วสะกิดเอวผม

“หือ”

“เล่าดิๆ” เอะ ตอนนี้ซ้อมไปถึงเพลงไหนละเนี่ย

“มันเคยคุยกับกูว่า อ่านการ์ตูนอยู่แล้วมีฉากโป๊หร่อยๆ จู่ๆมันก็มีอารมณ์ถึงที่สุด น้ำอะไรไม่รู้ ไหล ออกมาเยอะแยะ เต็มกางเกง”

เฮ้ย นี่มันเสร็จแบบคาหนังสือการ์ตูนเลยเนี่ยนะ

“มันจะเสร็จได้ไงวะ ไม่ได้โดนซะหน่อย” แมคพูดข้ามมา

“ก็มึงบอกเอง มึงนอนถูเตียงไปด้วยนี่ คงไม่รู้ตัวสินะ ว่าเล่าไป” ฮ่าๆๆ ผมละขำ ไอ้ป๋ามันลืมตัว เล่าไปหมดแล้วละสิ

“คว.. เหอะ”

แมคเอาชีทฟาดหัวซัน ข้ามหน้าผมไป

ผมควรจะฮาดีมั้ย ท่าทางไอ้ซันจะดูสนุกเหมือนเล่าเรื่องเพื่อนเดินแล้วกางเกงหลุดในที่สาธารณะยัง ไงไม่รู้ คือจะน่าอายก็ไม่ใช่ จะว่าภูมิใจก็ไม่ใช่อีก ไม่ใช่ว่าจะแกล้งแมค แต่เหมือนเล่าเป็นเรื่องปกติ

ตอนนี้พี่ๆชักมองมาทางพวกผมแล้ว ทำปากพะงาบๆตามจังหวะดีกว่า

ผ่านไปชั่วโมงนึงได้ อากาศเริ่มร้อนน้อยลง พื้นคอนกรีตโดนความเย็นจากก้นพวกผมเข้าไปตอนนี้ หายร้อนแล้ว (เป็นรอยรูปตูดแต่ละคนแทน มันร้อนนี่เหงื่อก็เลยออก)

แต่นั่งไปนั่งมาชักเมื่อยแฮะ หลายคนเริ่มเหยียดขาออก บางคนก็ขยับเปลี่ยนท่านั่ง ถึงตรงนี้มีรุ่นพี่มา เล่นตลกให้น้องๆดู บางทีก็มีมาเต้นอะไรแปลกๆ

คงกลัวเด็กจะเบื่อแล้วไม่อยากร่วม ปีหน้าพวกผมคงไม่ต้องไปเต้นยังงั้นนะ

“เอ้าๆๆ ใครจะสมัครช่วยงานอะไรมั้ย” หือ พี่ก้องนี่ พี่หุ่นดีนี่อีกแล้ว

ไอ้แมคยกมือทันทีมันตงรอเวลานี้มานานแล้วสินะ

“เฮ้ย มึงน่ะ ยกมือจะทำอะไร กูยังไม่ได้บอกเลย เดี๋ยวจับลงว่ายน้ำซะนี่” เด็กม.ปลาย กลัวชุดว่ายน้ำ เป็นที่สุด

“ก็พี่บอกใครจะสมัคร ไม่บอกนี่งานอะไร แล้วพี่เอาเพื่อนผมไปคนนึงแล้วนะ”  นั่นแมคไปย้อนเค้าอีก เด็กคนอื่นส่งเสียง ฮา ขึ้นมาเล็กน้อย

“แสตนด์ก่อนเลย มันเป็นงานต้องใช้เวลา พวกพี่ไม่มีเวลามากนัก ใครจะทำ”

ไอ้แมคก็ยังยกมือค้างเอาไว้

“มึงทำเป็นเรอะ”

พี่ก้องหันมาชี้ทางไอ้แมค ผมว่าพี่เค้านึกออกแล้วว่าเคยเจอพวกผมที่ไหน พี่ก้องกวักมือเรียกให้ทุกคนหันมาทางนี้

“งั้นคราวหน้ามึงไปเข้ากับกลุ่มพี่ทางโน้นนะ”

พี่ก้องชี้ออกไปทางรุ่นพี่ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่ หน้าตาแนว จริงด้วย พวกเดียวกับไอ้แมคเลย

เอาละสิ เหลือผม

คราวนี้ซันยกมือบ้าง แม่งทิ้งกันหมดเลย

“พี่ผมจะลงบอล ผมเล่นโกล”

“แล้วเอ็งมานั่งทำอะไรที่นี่ เค้าซ้อมกันอยู่ด้านโน้น” พี่ก้องชี้ไปทางสระว่ายน้ำ

เอาละสิ

แล้วกูละ

“เฮ้ย รีบไปดิ”

มันรอดตัวไปอีกคน

ไอ้ซันทำหน้าเลิกลัก เออวะ ไอ้ต้องกับเจ ไม่อยู่นี่นา แล้วมันมานั่งกับผมทำติ่งอะไรวะ มันต้องไปซ้อม นี่ ไอ้ซันลุกแล้ววิ่งออกไปทั้งๆที่กางเกงสีน้ำเงินโดนตูดหนีบเป็นร่องนั่นแหละ วิ่งไปหน่อยเดียวเหมือนจะรู้ตัว ดึงกางเกงออกจากร่องตูด แล้ววิ่งไปต่อ

ตอนนี้พี่ก้องหันมามองทางผมละ ซ้ายขวาไปหมดแล้วนี่ เค้าคงรู้ละว่า จะทำอะไรต่อ

“เพื่อนเอ็งไปหมดแล้ว” พี่ก้องหัวเราะหึหึ

ซวยละไง กูโดนไรแปลกๆแน่ๆ

“เป็นลีดมั้ยมึง”

นั่นไง!!!

“ผมเต้นไม่เป็นพี่”

“ไม่เป็นไรเอาหน้าด้านเข้าไว้ ของมันหัดกันได้” คนอื่นหน้าตาดีๆก็มีพี่

“ตัวเล็กๆน่าจะยกขึ้นยกลงง่าย” นี่กะเห็นผมเป็นตุ๊กตาบาร์บี้เรอะ

“พี่คนหน้าตาดีก็มีเยอะแยะนะ”

“เพื่อนเอ็งลงบอลไปหมดแล้วนี่ ทั้งพี่ทั้งน้องเลย”

หมายถึง ต้องกับต่อสินะ ซวยละ

“เอ่อ... จริงๆแล้วผมเป็นคู่ขากับไอ้แมคนะพี่ ผมชอบทำอะไรๆกับมันมากกว่า ถ้าพี่อยากได้ลีดเดี๋ยว ผมหาให้”

พี่ก้องไม่ตอบอะไร ผมออกจุงมือแมคเดินกอดคอไปทางพี่ฝ่ายศิลป์ทันที ตามมาด้วยเสียงผิวปากของ พวกเด็กๆที่นั่งด้านหน้า

“เค้าบอกให้ไปคราวหน้าไม่ใช่เหรอมึง” แมคสงสัย

“เออน่า เล่นบทผัวกูไปก่อน”

“เก้า กูว่ามึงเปลี่ยนไปนะ เดี๋ยวนี้มึงยอมเป็นเมียคนอื่นแล้วเหรอ เมื่อก่อนมึงคงไม่กล้าแบบนี้”

ผมหน้าแดง ยังไม่เป็นอะ แค่เกือบ ผมคงเปลี่ยนไปจริงๆ

ว่าแต่ แกล้งหอมแก้มมันดีมั้ยวะ  จะได้เนียนๆ

“พอเลย กูรู้มึงคิดอะไร เนียนไปละมึง” แมคยังคงเดินนิ่งๆเอามือโอบเอวผมไว้ มันคงเห็นผมยื่นหน้าไปทางแก้มมัน

“ช่วยกันทำมาหากินน่า”

ไอ้แมคเดินขำ มันเอามือลงมาขยำตูดผมทีนึง เล่นเอาเสียวเลย

“อย่าขยำแรงดิ”

“เสียวเหรอไง ไม่เหมือนแบบต้องหรือเจสินะ” ผมเอาตีนดีดตูดมันกลับ

 เสียงมาจากกองเชียร์ยิ่งฮาขึ้นไปอีก

“เดี๋ยวกูอารมณ์นะมึง” ผมหันไปทางแมค

“มึงต้องรับผิดชอบนะ”

“เดี๋ยวกูให้ต้องรับผิดชอบให้” สวนกลับเร็วมาก

แม่ง ผมเอามือดันหัวมันทีนึง

ในเมื่อม.6 ต้องคุมสี พวกม.5 อย่างผมเลยได้สิทธิ์เลือกงานที่จะช่วยก่อน ไล่ๆไปตามลำดับชั้น

พอไปคุยกับฝ่ายศิลป์เรียบร้อยแล้ว ถามถึงงานที่เคยทำมาแล้วก็ทำอะไรได้บ้าง ตอนนี้พวกผมก็รอดตัวละ ซ้อมคราวหน้าได้ลงมาช่วยเค้าเตรียมสถานที่แล้วก็ออกกแล้ว รอดตัวแล้ว

ไม่รู้ทางไอ้เจกับต้องเป็นอย่างไรบ้าง

ผมขอตัวเดินไปทางด้านที่ติดกับสระว่ายน้ำ แอบแวบไปดูไอ้ต้องดีกว่า ไอ้เจก็คงอยู่แถวนั้น คงไม่มีใครว่ายน้ำตอนนี้หรอก

“มึงจะไปไหน” เสียงไม่พึงประสงค์มาแล้ว

“ไปดูบอล เสือกไร”

“จำที่กูบอกได้มั้ย”

“มึงปัญญาอ่อนเหรอ กูไม่เล่นกีฬา หลบไป”

ผมพลักไอ้ห่าบูมออกไปให้พ้นทาง

แน่ใจว่ามันยังมองตามผมมาอยู่

สระว่ายน้ำอยู่ก่อนสนามกีฬาใหญ่ ทางเดินที่จะไปผ่านซอกตึก จะว่าซอกก็ไม่ใช่ใหญ่พอให้รถผ่านสวนกันได้ แต่มันเป็นช่องลมที่เย็นดีอยู่

ข้างหน้าผม ผมเห็นร่างสูงขาววิ่งไล่ลูกบอล คู่กับร่างที่เล็กกว่า แต่ยังกับเป็นฝาแฝดกัน ดูไกลๆแล้ว สองคน นั้นคล้ายกันอยู่แฮะ มันเหมือนต้องตอนเด็กวิ่งเล่นกับตอนโต ต่อไปสักสองปี ไอ้ต่อคงคล้ายไอ้ต้อง ตอนนี้ ส่วนสูงก็ใช้ได้อยู่

คนที่ตัวเล็กกว่าเลี้ยงบอลส่งออกไปทางขวา ไอ้ต้องโผเข้าไปกอดน้องแล้วโยนออกข้างทาง ถึงผมจะไม่ได้เล่น บอลเก่งแต่ดูก็รู้ ฟาล์วชัดๆ ไอ้ต่อเองก็เดินเข้าไปโวยวายใส่ต้องใหญ่ พี่น้องคู่นี้สนิทกัน

ไอ้ต้องเห็นผมแล้ว หันมาโบกมือให้แล้วกวักให้เข้าไปใกล้ๆ

นั่นไง รังสีมาจากไอ้ต่อ มันมองมาทางผมเหมือนกันแต่สีหน้าคนละอย่าง

'มึงมาทำอะไรที่นี่'

“เป็นไงวะ” ผมถามมัน

“ก็ดี เหนื่อยร้อน”

มันยังอยู่ในชุดนักเรียนกันอยู่ แต่ชายเสื้อหลุดลุ่ย

“มึงมาทำไรวะ ไม่โดนจับไปร้องเพลงเรอะ” ต้องพูดพร้อมสะบัดชายเสื้อให้ร่มเข้า เห็นขนตรงหน้าท้องรำไร

“กูมาดูพวกมึงน่ะ แอบอู้ด้วย”

ผมมองหาซัน มันไปประจำตำแหน่งแล้ว

“ไอ้ซันแม่ง เสล่อวะ นั่งร้องเพลงอยู่ได้ ไม่ยอมมา”  ผมเล่าให้ต้องฟัง

“เออกูก็ว่า แม่งประตูหายไปไหนวะ”

“แล้วมึงละ โดนจับทำไร”

“พี่ก้องจะเอากูเป็นลีด” ผมตอบไม่มองหน้ามัน

“ตัวแค่นี้อะนะ ลีดผู้หญิงเหรอ” เสียงไอ้ต่อแหววขึ้น เสียงยังเล็กอยู่เลย ขนขึ้นยังนะมึง

ไอ้ต้องสะกิดให้ต่อหยุด

“กูไม่ลงอะ ไม่ชอบ ลงศิลป์กับไอ้แมคแทน”

“คู่ขาใหม่เหรอ” ต่อยังไม่หยุด

ผมหันไปมองหน้ามันตรงๆ จะหาเรื่องใช่มั้ย กูไม่เกรงใจพี่มึงนะ

“เก้าๆ แล้วมึงไม่ลงเหรอ” ต้องเรียกผมกลับมา

“ไม่เอา มึงจะบ้าเหรอ”

“นี่ๆๆ น้องคนนั้นอะ เป็นดรัมมั้ย” เสียงพี่คนนึงดังขึ้นมา

“ผมเล่นแต่กีต้าร์พี่ ไม่เล่นกลอง” ไอ้ต้องตอบ

กีต้าร์มึงเล่นเป็นที่ไหน ไปกวนตีนเค้าอีก

พี่คนนั้นเดินมาเตะไอ้ต้องไปเต็มแรง

“เพื่อนเล่นมึงเหรอ” พี่เดินเข้าไปจับคอไอ้ต้อง

คนนี้ดุจริงวุ้ย

“กวนตีนมาก มาเป็นเลยมา”

“ไม่ได้ ผมเป็นหอบ ผมไม่แข็งแรง”

“แล้วมึงลงบอลซากอะไร”

“ผมโยนไม้ไม่ได้หรอกพี่ โยนก็รับไม่ได้” ต้องพยายามบ่ายเบี่ยง

“เดี๋ยวมีคนสอน”

เอาเลยพี่ ผมอยากเห็น ผมเชียร์พี่คนนี้แฮะ

ต้องมองมาทางผมกับต่อ

ผมหันไปมองหน้าต่อทึหนึ่ง มันไม่ว่าอะไร ดูเหมือนเรื่องนี้เราสองคนจะเห็นตรงกัน แรกๆผมก็ว่าจะเป็นสตาฟที่คอยดูแลนักกีฬาให้อยู่หรอก (ถ้าเค้าไม่เอาไปทำศิลป์อะนะ)

ไม่ว่าจะทำอันไหน ก็ดีกว่าเป็นเด็กนั่งแสตนด์แหกปากเย้วๆแน่ๆ เวลาแข่ง กีฬามีแค่ไม่กี่อย่างที่แข่งวันจริงนอกนั้นแข่งก่อนแล้วไปรับเหรียญวันจริง แปลว่า ผมก็จะมีชีวิตรอดไปได้ ไม่ ต้องตากแดดร้องเพลง แถมถ้ามีแข่งได้เข้าไปดูใกล้ๆ ไม่ต้องขึ้นเรียนด้วย

เมื่อเรื่องนี้มาอยู่ต่อหน้าแล้ว ผมเปลี่ยนใจดีกว่า

“ต้อง ช่วยพี่เค้าเหอะ” ผมมองตามัน

มันหันหน้าหนี หน้าซีดลงไปนิดหน่อย

“ต่อ...” ต้องขอตัวช่วย

“เป็นเหอะพี่ พี่เล่นบอลสู้ต่อไม่ได้หรอก”

จบกันละชีวิตไอ้ต้อง

พูดจบ ไอ้ต่อหันมามองหน้าผม ทำหน้าไร้ความรู้สึกอยู่นิดหน่อยแล้วก็เดินออกไป

ผมเลยขอตัวกลับไปหาไอ้แมคที่กองเชียร์ที่เดิมดีกว่า ออกมานานเดี๋ยวจะโดนไปด้วย พี่คนนี้ท่าทางเอาเรื่อง ไม่เหมือนพี่ก้องเลยแฮะ

ไอ้ต้องยังคงพูดคุยกับพี่คนนั้นต่ออีกหน่อย

“โชคดีนะมึง” ผมโบกมือให้แล้วเดินออกไป

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกแล้วก็คงเป็นครั้งแดียวที่ผมกับต่อจะเห็นตรงกัน ขากลับบ้านผมถามมันหน่อยว่าตกลงมันได้เป็นมั้ย

“โชคดีแมค พรุ่งนี้เจอกัน”

“อย่าทำไรกันบนรถละมึงสองคน”  แมคพูดลอยๆแล้วเดินจากไป

ผมเลยเคาะกระจกเรียกมันกลับมาแล้วชูนิ้วกลางให้ มันยกแว่นตอบแล้วหัวเราะ

“ต้อง ตกลงมึงเป็นดรัมป่าววะ”

“ไม่อะ”

“อ้าว” เสียดายแฮะ คนหล่อๆอย่างมัน

“กูให้เงื่อนไขพี่เค้าไป”

เงื่อนไขไรวะ วันนี้ต้องกลิ่นตัวแรงแฮะ สงสัยเหงื่ออกเยอะ

“กูต้องการคนที่จะมาคอยดูแลเวลากูเป็น รวมถึงดรัมเบอร์ 2-3 ด้วย”

“มันใช้กี่คนละ” ผมงงมันต้องมีกี่คนวะ ไม่เคยสังเกตุ

“3 อีก 2 คนพี่ไปลากคอเด็กม.4มา”

“หล่อๆทั้งนั้นละสิ” ผมสังเกตุ

“กูหล่อสุด”

“คร้าบ” ห่าต้องหลงตัวเอง

“แล้วไง ตกลงมึงไม่ลงเหรอ”

“ลง แล้วมึงต้องมาเป็นเบ๊คอยดูแลพวกกู  3 คนด้วย”

หือ!!! อะไรนะ

“กูทำแสตนด์มึง” แม่งหางานให้ผมอีกแล้ว

“แสตนด์กับกูอะไรสำคัญกว่า” มันถามต่ออย่างรวดเร็ว

“...... เอ่อ มึงสิ”

ชิบหายยยยยยยยยยยยยยยย กูตอบอะไรออกไป

“ดี งั้นดูแลกูดีๆละ”

“ถึงหน้าบ้านมึงแล้วลงๆไป กูเหนื่อยรีบกลับ”

เอ่อ ผมยืนงงอยู่หน้าบ้านตัวเองพักใหญ่

อะไรวะๆๆๆๆๆๆๆ ไอ้ต้องเล่นงานกูแล้วสิ

ที่แย่พอๆกันคือ ถ้าไอ้ต่อรู้ ..วุ่นแน่ๆ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ต้องกับต่อ
สองพี่น้องคู่นี้..incest หรือเปล่า

ทำไมคนน้องดูเหมือนจะหึงหวงคนพี่
มากกกกซะ..ดูแปลกๆ

ไม่ใช่..ใช่ไหม
เพราะต้องเป็นของเก้า

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ต้องกับต่อ
สองพี่น้องคู่นี้..incest หรือเปล่า

ทำไมคนน้องดูเหมือนจะหึงหวงคนพี่
มากกกกซะ..ดูแปลกๆ

ไม่ใช่..ใช่ไหม
เพราะต้องเป็นของเก้า

มีเฉลยภาค4 ครับ555

ควรจะบอกตอนจบเลยดีมั้ยว่าอันไหนเรื่องจริง

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 7 วาดรูป

         ตั้งแต่ขึ้นม.ปลายมาไอ้วิชาที่ผมชอบเนี่ยมันหายไปจากหลักสูตรแล้ว ปกติวิชาศิลปะที่เรียนในโรงเรียนไม่มีใครชอบหรอก (ไม่เว้นแม่แต่ผม) งานที่ได้ส่วนใหญ่จะได้งานอะไรที่ไม่น่าวาด เช่น วาดรูปงานวันแม่ วาดรูปงานส่งเสริม งานเทศกาลอะไรก็ไม่รู้

   แต่ปีนี้แปลก อยู่ๆมันก็โผล่มาในตารางเรียนของชั้นม.5 แล้วอยู่ๆชั่วโมงแรงก็มาให้วาดรูปเหมือน ครูที่สอนเดินเข้าในห้องมาพร้อมกับท่าทางดุดัน ครูสอนวิชาศิลปะคนนี้ หน้าตาดูไม่แนวเอาซะเลย แล้วก็ดันเป็นหัวหน้าฝ่ายปกครองซะด้วย

   “วันนี้ ครูจะให้วาดรูปเหมือนของเพื่อน”

   “วาดหน้าเพื่อนในห้อง จับคู่ตามเลขที่ 1 กับ 2 ไล่ไป”

   “ให้เวลา 1 ชม. ทำไม่เสร็จท้ายชั่วโมงโดนทำโทษ แล้วเราจะเอาผลงานมาดูกันว่าเพื่อนเราวาดหน้าเราออกมาเป็นอย่างไร”

   เสียงโห่ดั่งลั่นห้อง ซอมบี้สายวิทย์ทั้งหลายคงจะไม่พอใจแน่นอน เด็กสายวิทย์ที่ไหนมันจะเอาวิชานี้

   “เงียบ!!! หรืออยากโดนตียกห้อง แค่ 30 40 คนน่ะ ตีไหวนะ”

   ห้องเงียบกริบ

   แล้วก็เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ พอจับคู่ตามเลขที่เสร็จ ครูพาลงไปข้างล่าง ไปที่ๆเดียวกับที่ผมหาแม่ไม่เจอเมื่อปีที่แล้ว อากาศวันนี้กำลังดี เป็นบ่ายหน้าหนาวที่ไม่ร้อน แถมเมฆเยอะอีกต่างหาก ลมเย็นๆ เงียบๆในสวน สบายสุดๆ

   ท่าจะยกเว้นพวกซอมบี้ที่เดินลงมาท่าทางร้อนรุ่ม ยังกับโดนส่งเข้าห้องเชือด เห็นบางคนเอาข้อสอบวิชาฟิสิกส์ลงมาด้วย (มันจะไปนั่งทำตรงไหนวะ)

   ที่นั่งโดนจับแยกกันเป็นคู่ๆไปตามโต๊ะ ของผมไอ้ต้องเป็นคนเลือกโต๊ะให้

   โต๊ะอยู่ริมสุดของลานที่นั่งนั้นเลย

   ผมลงไปนั่งเสร็จ ต้องไปนั่งด้านตรงข้ามของโต๊ะ ผมนั่งจัดกระดาษ หนีบไปกับกระดานไม้แข็งๆ ดินสอสองบีพร้อมอยู่ในมือ ผมละเกลียด สองบี จริงๆ เพราะมันดำ ไม่ใช่มือจะเลอะ แต่มันลบออกยาก

   นี่เป็นครั้งแรกด้วย ไม่เคยมีการสอนมาก่อน ดังนั้น ยางลบที่ก้อนเล็กอยู่แล้วมันอาจจะสลายหายวับไปเพราะว่า คงเขียนๆลบๆกันอยู่นั่น ไอ้คนสอนก็งงๆ จะให้เด็กเรียนทำไมไม่สอนวะ หรือปกติศิลปะมันไม่สอนกัน ลากๆขีดๆเขียนๆก็ได้แล้ว

   ต้องนั่งหน้าตรงแล้วมองมาทางผม

   นี่ผมกับมัน ต้องจ้องหน้ากันทั้งชั่วโมงเลยสินะ

   หวังว่าที่เรียนตอนปิดเทอมคงพอช่วยได้บ้างนะ วาดเสร็จมันต้องเห็นหน้ามันเองอีก แถมรู้ว้าเราวาด

   เฮ้อ อายเว้ย

   เอาละทุกอย่างพร้อมแล้ว แบบ ดินสอ ผมถอนหายใจออกเบาๆ แล้วค่อยๆวาดวงกลมลงกลางกระดาษ มันเขินๆยังไงไม่รู้ที่ต้องมาจ้องหน้ามัน มันเองก็ไม่หันหน้าหนีไปจากผมเลย (มันหันแล้วผมจะวาดยังไงละ)

   สายตาก็จ้องมาที่... หน้าผม

   มือเริ่มสั่น

   แม่งจ้องซะ

   คำถามแรกที่หลุดออกจากปากผม ไม่แน่ใจว่าถามมันออกไปยังงี้จะดีไหม  แต่ก็เพื่อทำลายความเงียบกับบรรยากาศที่ เอ่อ.... จักะจี้พิกลนี้

   “ต่อว่าไงวะ”

   “เรื่อง?”

   “ดรัม” ผมตอบสั้นๆ พยายามให้สมาธิอยู่ที่ดินสอ

   “ต่อมันดูชอบนะ”

   ว่าแล้ว วันนั้นมันก็ไม่ค้านอะไร

   คงเป็นเรื่องนี้เรื่องเดียวที่มันยอม

   งั้นงานนี้ก็คงจะรอดตัวไป มันคงไม่มาหาเรื่องผม อย่างน้อยก็เรื่องนี้

   “ตกลงมึงลงแน่แล้วใช่มั้ย”  ผมถามย้ำอีกที

   “ใช่ดิ ก็ทั้งมึงทั้งต่อขอกันซะขนาดนี้”   

   ผมจำไม่ได้ว่าไปขอมันนะ

   “แล้วพอต่อรุ้ มันว่าไงวะ”

   “แม่งดีใจวิ่งเข้ามากอดกู”

   “มึงสองคนสนิทกันดีนะ”  ผมถามมันตายังอยู่ที่กระดาษ

   โอ๊ะ รู้สึกจะมือหนักไปหน่อยแฮะ ลบดีกว่า

   หน้ามันเบี้ยวไปข้าง

   “เออ ก็เล่นกันยังงี้ประจำ อยู่บ้านก็นอนกอดกัน”

   “สนิทกันขนาดอาบน้ำด้วยกันมั้ย” ผมประชดมัน

   “เพิ่งรุ้เหรอ เมื่อวานก็เพิ่งอาบด้วยกัน”

   “อ้ออออออออ เหรอ”
   
   อ๊ะ เบี้ยวไปอีกด้านแล้ว ทำไมมือหนักๆพิกลแฮะ

   “ทำไมเหรอ” ต้องถามผม

   “หึหึ งั้นคราวหลังกูดีใจไล่กอดมึงมั่งสิ” สาบานผมถามเนี่ยไม่ได้คิดอะไรจริงๆ

   “เฮ้ย มึงก็คล้ายๆน้องกูอยู่นะ อือ คงจะได้แหละ”

   สุดท้ายก็ต้องหยุดมือ มาหยิบยางลบ ลบที่วาดออกไปจนได้ แม่ง เบี้ยวหมดเลย ผมแอบมองหน้าต้อง มันยังทำหน้าเฉยๆ

   ที่พูดมาน่ะจริงเหรอ

   “เอาแบบน้องมึงเลยนะ” ผมแหย่

   ผมอยากรู้มันจะกอดผมแบบที่มันชอบกอดน้องมันรึเปล่า ตอนกอดกับน้องมัน ตัวต้องมันจะแนบสนิทกันแค่ไหน แล้วกับผมมันจะเป็นยังไงนะ

   ตอนนี้โครงหน้าได้แล้ว โอ๊ะ  แย่ละ เพลินไปหน่อย เส้นกลางรูปที่แทนจมูกต้องท่าทางจะยาวเกิน

   “... ไม่อะ ยังไงมึงก็ไม่ใช่น้องกู”

   “เออ กูรู้กูแกล้งพูดไปงั้นเอง สัดจริงจังไปได้”

   ผมเค่นหัวเราะ ใช่สิ มันจะเป็นไปได้ยังไง

   ในใจมันหล่นวูบยังไงไม่รู้ ดีละ จะได้กลับมาวาดรูปต่อ

   ไม่มีอะไรจะพูดอีก

   “อย่างมึงไม่แค่กอดหรอก”

   “สัส” เอาไงแน่วะ หึหึ

   “ถ้ากูได้เหรียญมามึงต้องตามใจกกูอย่างนึงนะ”

   “เกี่ยวห่าไรกับกูอะ”

   แค่ขอก็พอแล้ว แต่เอาเหอะ ให้ง่ายๆเดี๋ยวมันจะหาว่าใจง่าย

   “มึงอยากให้กูลงนี่ ไม่งั้นกูไม่ลง”

   “อ้าว    ... เออออ ก็ได้ เดี๋ยวเลี้ยงข้าว” ไม่ได้เกี่ยวไรกับผมเลยแท้ๆ

   ผมยังลงมือวาดต่อไป เดี๋ยวเวลาจะหมด โครงหน้าต้องตอนนี้ได้รายละเอีดยเติมบ้างแล้ว มันก็เบี้ยวๆ ขึ้นๆลง ตามบทสนทนาอันแปลกประหลาดของผมกับมันนี่แหละ

   คิ้วมันสองข้างเท่ากันมั้ยเนี่ย

   “แล้วมึงไม่ไปขอจากน้องมึงด้วยละ”

   จำได้ไอ้ต้องมีนิสัยขี้งก มันเป็นคนงกมากๆ ขนาดว่า ถ้าเพื่อนทำเหรียญห้าบาทตก มันจะเดินกลับไปเก็บ แล้วมันเก็บเลย ไม่คืน มันเคยยอมแลกกับอะไรบ้าๆบอๆสักอย่างเพื่อเงินไม่กี่บาท ไม่รู้จะสะสมไปทำไรหนักหนา

   แต่มันก็แค่เรื่องเล่าอะนะ ผมไม่เคยเห็นกับตาตัวเองหรอก

   มันบ่นอะไรสักอย่าง ผมไม่ได้ฟัง

   สมาธิผมกลับมาอยู่บนกระดาษแล้ว เครื่องเริ่มติด มือเริ่มขีดเขียนไปบนกระดาษตามที่มองเห็น ถึงการจ้องหน้าคนที่เราชอบมันจะยากหน่อยก็เหอะ แล้วเวลาก็มาเร่งด้วย

   บนโต๊ะนอกจากจะมีกระดานวาดรูปแล้วก็มีเศษดอกชมพูพันทิพย์ที่หล่นอยู่ บางดอกเหี่ยวแห้ง บางดอกก็ยังใหม่

   ที่พื้นก็เต็มไปหมด

   รูปเหมือนคราวนี้ผมเป็นคนวาดฝ่ายเดียว คราวหน้าถึงจะเป็นตามันวาดผม ชั่วโมงหน้า ตามันจ้องผมกลับละ

   เวลาหนึ่งชั่วโมงในสวน เอ่อ จะเรียกว่าอะไรดีถึงจะถูก มันเป็นสวนกว้างที่มีมุมม้านั่งหินที่วางกันอยู่กระจายไปทั่วสวนหย่อมที่ปูด้วยอิฐตัวหนอน ที่นี่กลางวัน หรือ เบรค จะถูกใช้เป็นบริเวณสำหรับ กินข้าว เพราะร้านข้าว ร้านขนม จะกระจายอยู่รอบด้านริมกำแพงโรงเรียน

   ถ้ามองจากด้านบน สวนอยู่ด้านซ้ายมือ ตรงกลางคือถนนกว้างตัดผ่านโรงเรียน ส่วนทางขวาของถนน คือ สระว่ายน้ำ ถ้ามองจากสวนนี้ข้ามถนนไปก็จะเห็นสระที่ยกสูงขึ้นไปเกือบ 2 เมตร มุมดีที่จะดูเด็กโดดน้ำ

   โต๊ะขาวแต่ละโต๊ะถูกจับจองโดยคู่วาด กระจายกันออกไป บางโต๊ะก็จะมีสองคู่ แต่ของผม ไอ้ต้องเป็นคนเลือกโต๊ะที่อยู่ไกลที่สุด คนเลยไมค่อยเดินกันมาถึง หันไปทางขวาไกลๆ ไอ้แมคจับคู่กับใครไม่รู้ ดูแล้ว ไอ้แมคเป็นคนโดนวาด (แปลกแฮะ)
   ส่วนไอ้เจก็ไปจับคู่กับอีกคน แล้วไอ้เจ ก็เป็นคนวาดคนแรกเหมือนกับผม ผมเห็นหลังกับแขนมันขยับยุกยิก คล้ายๆกับตอนมันทำอย่างว่าน่ะแหละ ฝืมืออย่างมันจะออกมาเป็นยังไงนะ ไอ้นี่ไม่มีหัวด้านนี้เอาซะด้วย

   ลมเย็นพัดมาอีกวูบ ผมกระชับเสื้อหนาวเข้าหาตัว เดี๋ยวได้ไม่สบายอีก

   วิชานี้ครูดุ พวกมันเลยไม่เดินไปมา คุยกัน หรือ จะมาแกล้งผมไม่ได้ ดีแล้ว ไอ้เจจะได้อยู่ไกลๆ ไม่ต้องมากวนผมกับต้อง ขอเวลาให้กูได้อยู่กันเงียบๆบ้างเหรอ

   ตอนเริ่มวาดแรกๆมันก็เกร็งๆอยู่ จะต้องมานั่งวาดหน้าคนอื่น แล้วให้อีกคนมานั่งจ้องหน้า แถมคนที่จ้องหน้าผมดันเป็นไอ้ต้องซะด้วย เวลามันจ้องหน้า มันจ้องจริงจัง จ้องเพื่อจะหาสิวบนหน้าผมยังไงยังงั้น ทีแรกว่าจะให้มันยิ้มอยู่ แต่มันปฏิเสธ

   “เมื่อยตายเลยมึง”

   มันตอบปฎิเสธเมื่อผมบอกให้มันยิ้ม

   เออ จริงของมัน

   เวลาวาดผมต้องดูหน้า กะขนาดเอาจากสัดส่วนและลักษณะ บางทีก็มองขึ้นๆลง หรือ จ้องที่เดิมนานๆเป็นข้ออ้างที่มีเหตุผลที่จะได้มองหน้ามันโดยมันไม่บ่น

   “ตามึงเล็กเนอะ”

   “เทียบกับ?”

   “ขนาดหน้ามึง” ผมตั้งข้อสังเกตุ

   มันไม่ว่าอะไร กับหรี่ตาแล้วมองผมต่อไป นานๆทีถึงจะเห็นมันแวบออกไปมองรอบข้าง

   ครูเดินมาดูทางพวกผมหน่อยหนึ่งก่อนจะ มองๆที่กระดานแล้วเงยหน้าไปมองหน้าต้อง แล้วก็เดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไร

   ตอนนี้ได้ครบหมดแล้ว หน้า ตา จมูก ปาก

   “ตากูเล็ก แต่ไม่เท่ามึงหรอก เทียบหัว กับตัวมึงสิ ตัวเล็กหัวโต”

   นี่มันอัดอั้นรอครูไปใช่มั้ย

   เมื่อผมขึ้นร่างเสร็จแล้วก็ขยับกระดานวาดรูปหันไปให้มันดู

   “อือ มีเค้าๆ”  มันลุกขึ้นคร่อมโต๊ะข้ามมาดูบนกระดาน

   กลิ่นเสื้ออ่อนๆ ผสมกับกลิ่นตัวโชยมา เสื้อเปิดมองทะลุลงไปถึงสะดือ

   เฮ้ย ไอ้บ้า อย่าเอาสมาธิกูไป กูยังวาดไม่เสร็จ

   “รีบวาด อย่ามัวแต่มองพุงกู เดี๋ยวออกมากูไม่หล่อ”

   ผมจะเอามือเคาะหัวมัน แต่มันขยับตัวกลับไปซะก่อน

   “เดี๋ยวตามึงกูจะวาดให้ออกมาดูดีเลย” ไอ้ต้องพูดจบ ยกมือขึ้นมา ทำท่าจะตีหัวผม แต่เปล่า

   มันขยี้ผม ของผมแทน

   จ๊ะ พ่อคนเก่ง ถึงตามึง กูอยากรู้ว่ามึงจะวาดได้มั้ย

   “กูวาดต่อนะ นั่งลงไป เดี๋ยวครูมา”

   “ดีๆละ เดี๋ยวอยากดูพุงกูเดี๋ยวถอดให้ดูวันหลัง”

   ผมยอมรับ พอมันพูดยังงี้ผมมือสั่นเลยจริงๆ

   “ใครมันจะไปอยากดูพุงมึงละ”

   “เหรอออ” มันผิวปาก

   ปิดเทอมมันไปแดกไรมาเนี่ย ดูเพี้ยนๆไปนะ ปกติมันพูดยังงี้กับผู้ชายด้วยกันเหรอวะ

   หน้ามันจะเบี้ยวเพราะปากมันนี่แหละ ขืนมันยังพูดจายังงี้ สงสัยที่วาดออกมาได้จะไม่ใช่หน้าไอ้ต้องซะละมั้ง

   พอแอบชำเลืองมองขึ้นไป มันยังจ้องมาอยู่ พร้อมทั้งรอยยิ้มในดวงตาและริมฝีปาก

   ริมฝีปาก น่าจูบ!!!

   เฮ้ย มันก็ยิ้มดีๆเป็นนี่หว่า

   ลงมือวาดไปได้อีกนิดหน่อย ผมเริ่มเหนื่อย

   “ต่อมันลงบอลเหรอ”  ไม่ไหวต้องวางดินสอลงแล้วหักข้อซะหน่อย

   “คิดว่างั้นนะ”

   กร๊อบๆ

   “แล้วมึงจะลงสองอย่างได้เหรอ”

   ค่อยยังชั่ว ได้หักนิ้วซะหน่อย

   “กูลงอย่างเดียวพอ บอลให้ต่อไป”

   ผมสงสัยจะลงเงายังไงละ ตอนปิดเทอมเรียนไม่ถึงซะด้วย ออกมาดำไปข้างแน่ๆ

   “บ้านมึงสนิทกันดีเนอะ” เอามือถูๆเอาละกัน เห็นคนเคยทำ

   “ก็บ้านกูมีกันสามคนนี่ ไม่มีพ่อ ที่เหลือก็ต้องสนิทกัน”

   เพิ่งรู้แฮะ

   “กูนอนกับไอ้ต่อทุกวัน เวลาส่วนตัวกูก็เลยไม่มี ใครจะทำอะไร นิสัยนี่รู้ไส้รู้พุงกันหมดอะ ไอ้ต่อน้อยตอนโตกับตอนเด็กเป็นยังไง เวลานอนไอ้ต่อชอบนอนท่าไหน เอามือข้างไหนเก่าไข่ ฮ่าๆๆๆ” มันเล่าแล้วหัวเราะ

   “ก็คงพอกับที่มันเห็นของมึงน่ะแหละ” ผมละยิ่งอิจฉา

   มันหัวเราะต่อ แต่ต้องรีบเงียบเสียง ครูเดินผ่านแวะมาดูงานอีกรอบ

   ผมจึงรีบวาดต่อไป ตอนนี้หน้ามันลางๆโผล่มาบนกระดานหยาบๆ สีน้ำตาลอ่อนแล้ว ที่ดูออกเป็นหน้าต้องน่าจะมีแค่ผมคนเดียว

   “จะหมดชั่วโมงแล้วนะ”

   “ครับ”

   โดนกระตุ้นแล้ว

   ตอนนี้เปลี่ยนไปจับจ้องที่คิ้วมันแทน คิ้วบางๆ จะต้องทำยังไงถึงจะดูเป็นคิ้วไม่ใช่คิ้วชินจังวะเนี่ย ลองลงเบาไว้ก่อนแล้วกัน

   ถึงจุดที่ยากเกือบจะที่สุดแล้ว

   “ตาน่ะ ต้องเริ่มจากวงกลมก่อนดิ” ต้องชะโงกหน้ามาดูอีกรอบ

   “หือ ยังไงเหรอ”

   “มึงต้องเริ่มจากยังงี้ก่อน” สงสัยมันคงทนเห็นตาสองข้างไม่เท่ากันไม่ได้

   มันข้ามมาแล้วเอาดินสอกับกระดานไปวาดคร่าวๆ

   “เออ ดีขึ้น”

   “มึงต้องร่างก่อนเหมือนหน้าน่ะแหละ จะทำอะไรต้องวางแผนก่อนเว้ย”

   จ๊ะ พ่อคนเก่ง

   ผมนั่งจ้องตามัน ดูมันจัดการกับรูปตัวเอง แล้วก็ส่วนที่เป็นแสงเงา เวลามองต้องมันทำอะไรนี่ มันดูไม่น่าเบื่อแฮะ

   “ยิ้มไรวะ” มันถาม

   “เปล่า”

   หวังว่าผมไม่แสดงออะไรไม่ดีออกไปนะ

   “นี่ต้อง มึงยังไม่มีแฟนเหรอ”

   “ยังดิ มึงเห็นกูวุ่นวายแบบไอ้เจเปล่าละ”

   เออ ผมไม่เห็นมันพูดถึงผู้หญิงที่ไหนเลย คำพูดไอ้เจตอนงานวันแม่ลอยมา

   ‘ทุกปีก็มีมาให้มึงเลือกนี่’
   
   ไม่ใช่แค่เลือกสินะ ถ้าไอ้ต้องมันเคยได้กับผู้หญิงจริงก็แปลว่า มันไม่มีทางชอบอย่างผมหรอก มีเหรอ มันจะได้หลังแล้วลืมหน้า

   “เหรอ” ผมจัดการกับจมูกเล็กๆเรียวได้รูปของมัน ให้ได้ระยะพอกับตา เลียนแบบวิธีที่มันทำ

   จมูกเป็นส่วนที่ไม่ยากเท่าไร ล่างลงมาสิจะยากกว่า

   “แล้วมึงละเก้า”  ต้องถามผมบ้าง

   “หือ กูทำไม”

   “มึงชอบใครบ้างยัง”

   “กูจะไปชอบใครที่ไหน แล้วใครมันจะเอากู”

   ผมไม่ได้โกหก ใครมันจะเอาผมจริงๆ ขนาดพ่อแม่ยังจะแยกกันเลย

   ตาที่ต้องทำเสร็จแล้ว ตาดำขลับเล็กๆ หรี่ๆของมัน จุดประจำที่ผมชอบแอบมองเวลามันหันด้านข้าง ดีไม่ต้องแก้แล้ว

   “เก้า มึงว่าผู้ชายเป็นแฟนกันได้ป่าววะ”

   ผมกำลังง่วนกับ ส่วนที่ยากที่สุด คือ ปาก และปากต้องที่ถามคำถามมานั้น มันขยับขึ้นลงอยู่ต่อหน้าผมพอดี ปากที่น่าเข้าไปกัดนั่น แล้วตอนนี้ปากนี่ก็ถามผม

   ถามในสิ่งที่ผมไม่อยากให้มันถามที่สุด

   ผมจะตอบยังไงดี หรือว่าต้องมันจะรู้แล้ว ไม่สิถ้ารู้มันคงไม่มาถามยังงี้

   นั่นสิ มันจะเป็นไปได้มั้ย ผมที่อยู่โรงเรียนชายล้วนมา มันเป็นปกติที่จะพูดถึงแฟนที่เป็นผู้หญิง แม้มันจะมีหยอกล้อกันบ้างว่าใครได้กับใครในโรงเรียนชายล้วนแห่งนี้ (ผมเองก็เป็นหนึ่งในข่าวลือนั้น) แต่พอมานั่งคิดจริงจังมันก็ไม่ใช่

   นี่คือความจริงไม่ใช่เรื่องสนุกๆ ตามอารมณ์อยากแล้ว มันจะเป็นไปได้มั้ย... แล้วตัวผมเองละ จะเอาแบบไหน

   ผมก็ไม่เคยคิดถึงขั้นนั้นแฮะ ผู้ชายเดินจับมือถือแขนกันจะแปลกมั้ยนะ

   แต่ปิดเทอมที่ผ่านมามันก็ทำให้ชัดเจนในเรื่องเพศของผม

   นั่นสินะ เวลาอยู่กับผู้หญิงแล้วมันไม่สะดวกใจเท่าอยู่กับผู้ชาย มันเหมือนขัดๆยังไงบอกไม่ถูก ถ้าไอ้คนนั้นไม่มาบอกผมนี่ ผมก็คงไม่ได้สักเกตุ

   “มึงถามกูเนี่ยนะ ไม่รู้วะ แต่กับผู้หญิงอะพอตอบได้”

   แน่นอนว่าผมโกหก

    ผมก็ไม่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิง ยิ่งเรื่องอย่างว่าแบบนี้ พวกไอ้เจน่าจะรู้ดีกว่าผม ผมก็เคยแต่กับผู้ชาย มันก็เกิดจากความผิดพลาดของผมเอง แล้วดูเหมือนจะมีผมคนเดียวที่ติดใจ

   ไอ้บูมก็คงแค่อยากลอง พอจบไปคิดว่าแค่วัยรุ่นอยากลอง แล้วดันมีเรื่องไอ้เจตามมาอีก พักหลังเวลาผมช่วยตัวเองจากที่เมื่อก่อนคิดถึงผู้หญิงมันกลายเป็นผู้ชายไปเฉย

   แล้วมันก็เป็นธรรมชาติด้วย

   อย่างไรซะ ผมรู้สึกดีกับการที่ได้อยู่อย่างนี้ ผมชอบไอ้ต้อง (อันนี้แน่ใจแล้ว) แต่พอเจอคำถามซึ่งหน้า มันจะเป็นไปได้มั้ย คำตอบมันไม่ได้มีแค่หนึ่ง และมันก็วนเวียนไหนหัวหาทางออกไม่ได้ว่าจะตอบอย่างไรดี

   ปากไอ้ต้องในรูปเบี้ยวแล้ว

   ผมหยิบยางลบมาลบออก กำลังจะวาดใหม่

   “ได้มั้ง อะไรๆก็เกิดขึ้นได้”

   ไม่รู้ว่ามันยังรอคำตอบของคำถามมันมั้ย
   และก่อนหน้านั้นก็ไม่ใช่คำตอบ

   ต้องเงียบไป

   ผมเงยหน้าขึ้นไปมองมัน

   ไอ้บ้านี่ แอบหยิบหูฟังมาใส่ตอนไหนวะ

   ใส่หูข้างเดียวด้วย

   “เอ้าๆๆ จะหมดเวลาแล้ว ใครไม่เสร็จช่วงพักบ่ายนี้วาดต่อเลย เย็นนี้ส่งที่ห้องครูด้วย”

   เวลาหมดแล้วสินะ

   ไหนบอกจะทำโทษไง ขู่กันนี่หว่า

   ผมกำลังจะเก็บดินสอไม่วาดมันละ

   ไอ้ต้องลุกขึ้นมาแล้วมานั่งข้างๆผม

   “เอ้า” มันยื่นหูฟังให้ แล้วคว้ากระดานไป

   ผมใส่หูฟังแล้วนั่งอยู่ข้างมัน เงียบๆ ซึมซับกลิ่นแห้งๆของอากาศหน้าหนาว ดอกไม้ในสวนเริ่มร่วงหล่น ดอกชมพูพันทิพย์ ที่ถูกปลูกไว้เต็มสวน

   มันเอาดินสอไปแก้ส่วนที่ผมวาดผิด ตกลงมันจะเข้าคณะอะไรกันแน่วะ พอมันมาแก้รูปให้ผม ผมก็มีเวลาพอจะสอดส่ายหาไอ้แมค ไอ้แมคมันนั่งนิ่งเป็นแบบไม่รู้สึกอะไร สายตาก็ไร้ความรู้สึกไปด้วย

   ถอดวิญญาณออกจากร่างไปแล้วละมั้งน่ะ

   ส่วนไอ้เจวาดๆลบๆอยู่ได้ ท่าทางลุกลี้ลุกลนเหมือนนิสัยมันเลย ออกมาสงสัยจะเป็นน้องๆปิกัสโซ่ ผมอยากเดินไปดูเหมือนกันแฮะ  ว่าผลงานของมันจะออกมาเป็นยังไง

   ปี๊บ อยุ่ๆเพลงที่เล่นก็หยุดเล่น

   อะไรบางอย่าง เอ่อ เพลงอะไรสักอย่างกำลังเล่นขึ้นมาแทน

   ทำนองคุ้นหู

   มันเอาดินสอมาเคาะๆที่หูฟัง

   มันกำลังให้ผมฟังเพลงอะไรงั้นเหรอ

   เพลงไทยเพลงหนึ่งเล่นอยู่ มันเป็นท่อนบรรเลง ผมเลยไม่รู้ว่าเนื้อมันเป็นอย่างไร พูดถึงอะไร ผมนึกไม่ออกว่าเพลงนี้ชื่อเพลงอะไร แต่คุ้นๆเหมือนผมอาจจะเคยฟังมาแล้ว

   ดอกสีชมพูดจางๆกำลังร่วงหล่นลงตรงหน้าผม ผ่านหน้าต้องไป

   จบท่อนโซโล เนื้อเพลงกำลังจะขึ้น

   ผมยังหันไปมองหน้ามันอยู่ อะไรของมัน

   พลุบ

   สายถูกดึงออก

   “เธอสองคนเย็นมาหาที่ห้องพักครูด้วยนะ”

   แล้วมือใหญ่หนานั้นก็กระชากทั้งสายทั้งเครื่องไป ไอพอดของไอ้ต้อง

   เจ้าของมือคือคนเดียวกับที่สั่งให้วาดรูปนี่แหละ

   ตอนดึงออกจากกระเป๋ากางเกง ตัวเครื่องฟาดเข้ากับโต๊ะหินสีขาวที่พวกเราใช้นั่งวาดรูปอยู่ แต่ผมก็ไม่มีโอกาสจะได้ขอดูด้วยซ้ำว่า มันแตกหรือเปล่า

   ไอ้ต้องทำตาโตหันมามองหน้าผม

   ไอ้ห่า โดนแล้วไง

   “ครับ....” เราสองคนตอบเสียงอ่อยๆ

   ผมหันไปมองไอ้เจ ความรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่าง

   จริงด้วย ไอ้เจมันยิ้มมุมปากเยาะให้ผมอยู่

   สายลมหนาวกับดอกชมพูพันทิพย์ที่หมุนคว้างอยู่ระหว่างผมกับต้อง ไม่เข้ากับความรู้สึกหวั่นๆที่จะโดนเย็นนี้เลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
เสียงพลุกับวงเหล้า : ตอนที่ 8 ห้องพักครู

   เย็นวันนั้นผมกับต้องเลยต้องคอยเฝ้าอยู่เย็นหลังเลิกเรียนไปแล้ว หลังหมดคาบสุดท้าย วันนี้ไอ้แมคกลับบ้านไปคนเดียวก่อน ไอ้เจเองตั้งท่าจะฉุดผมกลับไปด้วย ทว่าครั้งนี้ไม่มีทาง ครูที่รอผมสองคนไปพบนี่ดุเกินกว่ามันจะกล้าหืออือด้วย

   มันจึงนัดเด็กห้องอื่นไปแทน

   "ไม่คิดซ้อมหน่อยเหรอ เดี๋ยวแพ้เค้านะเว้ย" ผมเดาว่าที่ต้องพูดคงหมายถึงซ้อมแข่งกีฬาสี

   "กูเก่งอยู่แล้ว ยังไงถ้ากู ชนะ กูได้แน่ๆใช่มั้ย” เจตอบท่าทางมั่นใจ

   "เดี๋ยวมึงก็แพ้หรอก ดูห้องอื่นดิ"

   "เออ เรื่องของมึงเหอะ"

   "ไรวะ พูดดีๆก็ได้" เจวีนขึ้นมา

   “เดี๋ยวกูต้องไปให้ครูด่าแล้ว" ผมบ่ายเบี่ยง

   "มึงไปซ้อมไป เดี๋ยวแพ้ กูสองคนเตรียมตัวโดนด่าแล้ว” ต้องไล่

   เจเดินปึงปังออกไป

   ปล่อยมันไปเหอะ ต้อง แพ้สิดี ผมจะได้รอดตัว

   เด็กห้องอื่นมายืนรอเจ ถึงหน้าตาจะเคยเห็นแต่ผมไม่รู้หรอกว่าพวกนั้นชื่ออะไร แน่ๆไม่ใช่เด็กเรียนห้องนี้แน่นอน

   ไอ้เจมันเปลี่ยนไปจากแรกๆที่ผมเจอ เวลาแค่ปีเดียว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัน ไม่สิกับพวกผมด้วย ทำไมไม่มีใครถามอะไรมันเลย ไม่มีใครสังเกตเห็นจริงๆเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีคนคิดจะถามมันหรือไม่มีใครกล้าไปถามมันกันแน่

   อารมณ์รุนแรงเพิ่มมากขึ้นตามกลิ่นบุหรี่บนตัวมัน มันดูผอมลงไปอีก

   เอาละได้เวลาเดินไปขึ้นเขียงแล้ว

   “ต้อง มึงว่าจะโดนอะไรวะ"

   "ไม่รู้ดิ คงจะโดนยึดไอพอดกูละมั้ง"

   "แล้วนี่มึงจะทำไง"

   "ก็เงียบๆไว้ แม่กูคงไม่รู้" ต้องพูดหน้าเฉย

   "ต่อละ"

   "ไม่เป็นไรหรอก" มันเอามือขยี้หัวผม

   คราวหน้าผมไม่ต้องเป่าผมมาโรงเรียนแล้วละ เอะอะก็ขยี้หัวกันแบบนี้

   นักเรียนเริ่มทะยอยกันกลับบ้านแล้ว แดดหน้าหนาวกำลังจะหมดลง พระอาทิตย์ตกดินเร็วกว่าหน้าร้อน เหลือแค่แดดเหลืองๆทอแสงข้ามกระจกห้องเรียนสาดออกมาเป็นไฟนำทางบนทางเดิน

   เหมือนไฟส่องทางส่งไปแดนประหาร

   ครูคนนี้นอกจากขึ้นชื่อว่าดุแล้วยังมือหนักมากเพราะเคยสอนวิชาพละมาก่อน แล้วโดนย้ายมาสอนศิลปะ แล้วเด้งควบฝ่ายปกครอง ประมาณว่าไม่ชอบงานที่ทำปัจจุบันนี้สินะ เรื่องกฏระเบียบบางทีแกก็ทำเกินไป

   ว่ากันว่า ในกระเป๋าแกจะพกกรรไกรไว้ตลอด

   ไอ้กรรไกรนี่เองที่เอาไว้ตัดกางเกงที่ยาวเกิน สั้นเกิน กระทั่งผมที่ยาวไป กางเกงแกจะตัดจากชายขึ้นมาถึงเอวกลายเป็นกี่เผ้าไปเลย คนที่เดินนี่แทบจะโชว์กางเกงในตลอดเวลา ส่วนผมเนี่ย ถ้าพี่แกตัดจะตัดติดหนังหัว แถมตัดจากด้านหน้า

   พูดง่ายๆโดนไปนี่โกนหัวบวชพระได้เลย

   พอผู้ปกครองทนไม่ไหว แกก็เลยเบามือลง คราวนี้เป็นโอกาสแกเต็มๆ ผมยังไม่อยากนึกว่าจะไปโดนอะไร ขอให้โดนด่าอย่างเดียวแล้วกัน ไม่อย่างนั้นคงเละ ระหว่างที่เดินไปนึกไป พวกเราจัดชุดนักเรียนให้เข้าที่ ดึงการเกงไม่ให้ดูสั้นไป จัดทรงผมให้เรียบร้อย ถึงจะอยากเก็บที่โดนต้องขยี้ไว้ก็เหอะ

   หันไปมองต้องมันก็ทำอยู่เหมือนกัน เป็นอันรู้กันสินะ ก่อนประหารต้องดูดี จะได้โดนน้อยลง

   เด็กเริ่มทะยอยลงจากตึกแล้ว ดีจะได้ไม่อายด้วย

   สีหน้าผมกับต้องถึงปากจะบอกไม่เป็นอะไร แต่แวววกังวลอาบอยู่ชัดเจน

   อีก 5 เมตร

   ห้องใหญ่ตั้งอยู่กลางชานพักระหว่างชั้น 4 กับ 5 มันเป็นช่องทางเดิน ขนาดกว้างทำมาขนานกับชานพักทางเข้าห้องประชุมที่ชั้น 4 พื้นที่เหลือตรงนี้เลยกั้นเป็นห้องพักครู ข้างในค่อนข้างมืด ครูเองก็คงจะกลับไปบ้างแล้ว ผมภาวนาให้เป็นอย่างนั้นจะได้ไม่โดนรุมกินโต๊ะ

   เด็กนักเรียนนะ ไม่ใช่ที่ระบาย

   ผมจะโงกหน้าไปเห็น ครูกำลังทำนั่งมองอะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะ

   "ขออนุญาติครับ" ผมพูดให้ก่อน

   ผมกับต้องกำลังเดินเข้าไป

   "ไม่เห็นเหรอว่าครูยังไม่ตอบ ออกไป!!!!”

   เสียงแผดดังลั่นห้อง แต่ไม่ดังมากเหมือนจงใจให้เฉพาะในห้องได้ยิน ครูผู้หญิงอีกคนที่สอนเคมีที่ยังเหลืออยู่ในห้องเก็บของแล้วเดินออก ส่วนครูผู้ชายอีกคนที่สอนสังคม ทำท่าไม่สนใจอ่านหนังสือพิมพ์ต่อไป

   "เข้ามาได้" เสียงแผ่วลงตอบคำขอก่อนหน้านี้

   ผมกับต้องจึงเดินก้มหน้าเข้าห้องไป

   "อีกคนใครให้เข้า"

   "...." ไอ้ต้องพูดไม่ออก ผมเองก็ด้วย

   "ก็ขออนุญาติแล้วนี่ครับ"

   “นั่นเพื่อนเธอ”

   "ขอโทษครับ ขออนุญาติ"

   ผมว่าในใจมันคงโมโหน่าดู

   เดินเข้าห้องไปแล้ว ครูเงยหน้าจากกองวาดรูปที่พวกผมส่งเมื่อก่อนเลิกเรียน

   "เอาวิทยุมาฟังตอนเรียน กล้านะ วิชาครูด้วย"

   "ขอโทษครับ" ต้องก้มหน้าพูด

   "อย่าถือว่าห้อง 1 แล้วทำไรก็ได้นะ" เสียงดุขึ้น

   "เปล่าครับ ผมไม่ได้คิดงั้น" ต้องตอบ

   "ย้อนครูเหรอ ใครสั่งให้พูด" ตอนนี้เสียงดังขึ้นอีกจนจะกลายเป็นตะวาดแล้ว

   ผมเอานิ้วก้อยสะกิดมือต้อง

   "ทำอะไรน่ะเป็นแต๋วรึไง"

   แม่งเอ้ย ยังอุตส่าเห็นอีก

   "ไม่ใช่ครับ"

   ผมเงยหน้าตอบ สายตาดุดันจ้องตรงมาที่ผม ผมชำเลืองมองไปทางต้องที่ยังก้มหน้าอยู่

   "อ๋อ เธอนี่เอง นัยวิทย์ เด็กมีปัญหาสินะ"

   "เธอเป็นคนเอามาโรงเรียนเหรอ"

   ผมเงยหน้าพร้อมดึงมือต้องลง

   "ครับ" ผมไม่พูดอะไรอีก

   "อ้อ เด็กมีปัญหา ได้ข่าวพ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยนี่ เคยจะหย่ากันด้วย ตอนนี้แยกกันรึยังละ สมัยเด็กๆผู้ปกครองคนอื่นชอบเล่าให้ฟัง เด็กครอบครัวแตกแยก เลี้ยงด้วยเงิน โตมาเลยเป็นคนไม่มีกาลเทศะ เอานิสัยใครมาละ พ่อหรือแม่"

   "ไม่ใช่ทั้งคู่ครับ" ผมตอบตามจริง

   "ไม่ใช่อะไร พ่อแม่คนนั้นคนนี้ก็พูด" ท่าทางจะยังไม่หยุด

   ไอ้ผู้ปกครองคนอื่นถ้ามีเวลาว่างก็เอาไปดูแลลูกตัวเองนะ มายุ่งเรื่องคนอื่นแถมไปเล่าต่อกันอีก

   "เด็กพ่อแม่ไม่รักเลี้ยงด้วยเงินสินะ หึหึ” ท่าทางคนพูดสะใจ

   "แล้วเธอละ" คราวนี้หันไปทางต้อง

   "มีน้องอยู่ม.ต้นใช่มั้ยหน้าเหมือนกันเลย ห่วยแตกแบบเดียวกันรึเปล่า"

   ผมพยายามภาวนาให้ต้องทนไว้ เดี๋ยวยาวกว่านี้

   พอเห็นพวกผมก้มหน้าไม่ตอบอะไร ครูทำท่าจะพูดต่อ

   ตอนนี้ครูผู้ชายโต๊ะด้านหลังพับหนังสือพิมพ์แล้วเดินออกมาทางพวกผม

   "พี่เชิด ผมกลับแล้วนะ"

   "เออ" พูดจบครูหันมามองหน้าผม

   "คราวนี้จะไม่ตี โรงเรียนห้ามไว้ วันนี้อยู่เก็บกวาดเช็ดถูโต๊ะทุกโต๊ะ ถูพื้น เติมน้ำห้องพักครูทุกอย่างให้สะอาดและเรียบร้อย เช้ามาไม่พอใจจะโดนหนักกว่านี้"

   "ส่วนไอพอดครูยึดไว้"

   ส่วนนี้พูดเสียงเบา แล้วเอาไอพอดพันหูฟังยัดใส่กระเป๋าเสื้อ

   "ขอบคุณครับ"

   ผมละสงสัยจริงว่าต้องขอบคุณอะไร โดนทำโทษ โดนว่า แต่ต้องขอบคุณคนทำด้วย

   ผมกับต้องก้มหน้าต่อจนครูทั้งสองจากไปพร้อมกับไอพอดของต้อง ไม่มีใครกล้าทวงคืนแน่ๆ ใครจะเดินเข้ามาถามว่าจะได้คืนวันไหน แล้วยิ่งยัดใส่กระเป๋าแบบนี้ ใช้เองแน่ๆ

   "ขอโทษนะ" ผมบอกต้อง

   "อะไรวะ" ต้องยังมองไปตรงหน้า

   "ก็ถ้ากูไม่พูดว่าของกูคงไม่โดนยึด"

   "ไม่เกี่ยวอะ แม่งจะเอาอยู่แล้วเหอะ"

   "ให้กูซื้อคืนมั้ย"

   "อันนี้ไอ้ต่อซื้อให้วันเกิดกู มึงซื้อมาก็ไม่เหมือนหรอก"

   ซวยหนักแล้วไงกู

   "ไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวกูคุยกับมันเอง" ต้องตบบ่าผม

   "เริ่มเหอะ" มันเดินไปหยิบไม้กวาด

   ต้องกวาดไปได้หน่อยเดียวห้องเล็กๆนี้มีโต๊ะรกๆอยู่ตั้ง 6 ตัว แบ่งเป็นสองแถวๆละ 3 ตัว ผมเริ่มจากเก็บของรกๆบนโต๊ะให้เข้าที่ บางโต๊ะก็เรียบร้อยไม่ต้องไปทำอะไร

   "มึงกวาดบ้านเป็นเหรอวะ"

   "อ้าว กูไม่ทำใครทำ"

   "พี่ชายแสนดีนะมึง" ผมยักคิ้วให้ต้องมัน

   "มึงอะ ทำเป็นมะ" ต้องถามกลับ

   "เฮ้ย บ้านกู กูทำเองดิวะ" ผมตอบ

   ผมทำเองจริงๆนะ

   ระหว่างที่ผมเปะปะจัดของ รื้อของดูบ้าง ตอนนี้มาถึงโต๊ะครูศิลปะ ครูปากหมาของผมแล้วครับ เห็นกองหน้าคนวางอยู่บนโต๊ะผมเลยจัดให้เรียบร้อย งานที่ส่งมันเรียงตามเลขที่อยู่แล้วถ้าเห็นว่าเลขที่อะไรวาด ก็เดาได้ทันทีว่าวาดใคร ผมจึงจับมันเรียงตามเลขที่ซะ ตรวจถึงไหนหาเอาเองแล้วกัน

   ถึงมันจะเล็กน้อยแต่นี่ก็เป็นการแก้แค้นอย่างเดียวที่ผมทำได้

   "ต้องๆมึงทายดิ ใครวะ" ผมยกกระดาษแล้วปิดเลขที่กับชื่อคนวาดไว้

   ต้องหันมามอง

   "อืมมม ไอ้บอม?"

   "ถูก" มันเก่งแฮะ

   "นี่ละ"

   "ยากละ"

   "ทายดิ" ใครวาดวะ ห่วยเชียว

   "วาดเละมาก อือออออ ไอ้ไก่เหรอ"

   "ผิด ไอ้ซัน" ผมเฉลย

   “ตรงไหนวะ ฮ่าๆๆๆ"

   "เออ แม่งวาดได้เหี้ยมาก" ผมพูดตามที่เห็น

   "มึงดูหน้าไอ้แมค แว่นเบี้ยวปากแหว่ง ฮ่าๆ"

    ผมคุ้ยหาจากเลขที่คู่กับมัน ลำพังหาจากหน้าคงไม่มีทางเจอ

   ลองดูผลงานไอ้เจ

   "เจอแล้ว"

   ผมชูให้ไอ้ต้องดู แน่นอนว่าปิดชื่อคนวาดไว้

   "ตัวห่าไรวะนั่น" ผมกันมันขำกันใหญ่

   "แม่งเจ้าของรูปมันเห็นป่าว ขืนเห็นนะ ร้องตายเลย"

   "น่าจะนะ" ผมตอบ

   "ทายดิใครวาด" ผมถามต่อ

   "ไม่รู้วะ ห่วยเกิน"

   "ไอ้เจว่ะ"

   "งั้นคู่มันก็ ...ไอ้กอล์ฟอะดิ"

   เสียงหัวเราะลั่นห้องเลย ตายละครูจะกลับมาดูมั้ยนะ ผมดีใจที่ต้องยังหัวเราะออกได้ กลับไปนี่ มันจะโดนต่อเทศนาอะไรมั้ยนะ

   "เอาน้ำไหนเช็ดโต๊ะวะ" ผมขี้เกียจเดินไปห้องน้ำมืดๆเย็นๆคนเดียว

   “ในถังไง น้ำกินอะ"

   "ไหนๆก็ต้องเติมแล้ว"

   มันแนะนำเข้าท่าแฮะ

   ผมเลยเทใส่ผ้าเช็ดโต๊ะแล้วเช็ดไปทีละโต๊ะ

   จู่ๆ เพลงดังขึ้น

   "มาจากไหนวะ" ผมตกใจหันไปทางมัน
   
   "มือถือกูนี่" มันชูให้ดู

   ผมเลยส่ายหัวตอบ ไม่เข็ดนะมึง

   ไม่ได้ฟังเพลงกับพวกมันนานแล้วนะเนี่ย

   เพลงนี้เพลงอะไรหว่า ผมไม่ค่อยจำชื่อเพลงซะด้วย

   เช็ดไปได้เหลือโต๊ะนี้สุดท้าย กระดาษวาดรูปเต็มเลยทำไงดี

   ช่างมันละกัน เด็กกลับกันหมดแล้วทั้งชั้นเหลือผมกับมันสองคน

   "เก้าดูนี่ดิ"

   ต้องก้มมองไปทางโต๊ะครูคนนึง

   "อะไรเหรอ" ผมก้มลงมองตาม รูปภาพที่อยู้ใต้กระจกรองโต๊ะมีแต่รูปคู่กับครอบครัว

   เจ้าของโต๊ะน่าจะเป็นครูพละสักคน มีแต่รูปชุดกีฬา ครูคนนี้ผมไม่รู้จัก

   "มีไรวะ"

   "ดูที่ลิ้นชักนี่"

   ต้องกระชากออกมา จากที่อ้าอยู่หน่อยเดียว เผยสิ่งที่อยู่ในนั้น

   "หนังโป๊วะ" ต้องหันมามองผม

   ผมเอื้อมตัวผ่านต้องที่นั่งกึ่งนั่งกึ่งยืนบนขอบโต๊ะครูคนนั้น ในลิ้นชักมีกองซีดีอยู่มากมาย แต่ละแผ่นมีหน้าปกให้เรียบร้อยเลยด้วย ทั้งนักแสดงและชื่อเรื่อง

   จู่ๆผมรู้สึกเหมือนโดนรัด หันไปมอง ต้องยืดขาออกคร่อมตัวผมไว้ในอ้อมขายาวๆของมัน

   ผมไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยืนอยู่ในอ้อมขามันอย่างนั้น หน้าหันออกไปมองตรงหน้าทางเข้า แดดชั่วโมงสุดท้ายกำลังจะลาจากไป ทำให้นึกถึงวันทำฉากห้องวิทย์ คล้ายๆกันอย่างนี้เลย

   แต่องค์ประกอบไม่ใช่ วันนี้คนเหลือน้อยลง ความรู้สึกต่างกันออกไป พวกเราสนิทกันมากขึ้นและบางคนก็ห่างออกไป

   ที่แน่ๆ โตขึ้นอีก 1 ปี

   "เก้าเคยดูป่าววะ" ต้องถามผม

   "เคยดิ ม.ต้นมันเคยเอามาเวียนกัน" ผมตอบไป

   "พวกนี้คงถูกยึดมาจากเด็กๆพวกนั้นแหละ"

   "มึงก็เคยสินะ"

   "แน่นอน แต่ไม่บ่อยวะ ต่อแม่งอยู่"

   "มึงนี่ลำบากนะ ทำอะไรก็ต้องระวังตัว นอนกับมันด้วยนี้ ตื่นมาโด่ทำไงวะ"

   ผมแกล้งถามมัน

   "ช่างมันดิ ผู้ชายเหมือนกัน"

   "แล้วเวลามึงชักว่า.."

   โอ้ย

   "ทะลึ่งนะมึง" ต้องเคาะหัวผม

   "ก็ลำบากนี่จะไปหาที่ไหนทำได้วะ"

   ผมกับมันหัวเราะ

   จู่เสียงเงียบไป ผมก้มหน้ามองพื้น แสดงสีส้มเหลือแค่ที่พื้นทอดออกมาสั้นๆ แปลว่าอีกไม่นานมันจะหายไปแล้ว

   ห้องก็จะมืดสนิท

   เงยหน้าขึ้นมา ผมเห็นต้องขยับเข้ามาใกล้ขึ้น แต่มืดเกินกว่าจะบอกว่าสีหน้าแบบไหน

   "เอ่อ... มีอะไรเปล่า"

   "..." เงียบไม่มีคำตอบ

   มันยังขยับเข้ามาใกล้ขึ้น ทีละนิด

   “หน้าแดงๆนะเก้า ไข้ขึ้นปล่าว” มันเอามือจับแก้มผมไว้

   ผมส่ายหัวรัว

   "เรื่องที่ครูว่าเมื่อกี้ มึงไหวมั้ยวะ" มันถามต่อ

   "ไหวดิ ใส่ใจไรมากมาย"

   ผมเคยได้ยินกับหูด้วยซ้ำผู้ปกครองหลายคนก็มักจะนินทากันเอง บ้านนั้นบ้านนี้ เด็กๆเวลาแม่ส่งผมไปเรียน ผมยังเคยได้ยินว่า 'นั่นเด็กมีปัญหานี่นา' คงหมายถึงครอบครัวผมที่ไม่ได้อบอุ่นละมั้ง

   'บางทีก็ว่าเด็กโดนตามใจ อย่าไปยุ่งนะลูกเดี๋ยวเสียคน'

   ถ้ามันจะถึงหูครูคนนี้ แล้วปากก็เป็นแบบนี้ ผมก็ไม่คิดมากอะไร มันไม่มีอะไรดีขึ้น

   ต้องเอง ครอบครัวมันก็มีกันแค่นั้น เมื่อกี้พอไปแตะน้องมันเข้าหน่อยมันยังโกธเลยยิ่งกว่าผมซะอีก

   "ไม่คิดมากก็ดี"

   "มึงเหอะ แตะต่อหน่อยเป็นไม่ได้เลย" ผมย้อนมันซะหน่อย

   "ไม่ขนาดนั้น แต่บ้านกูสนิทกันมากนี่"

   "ใช่ บ้านกูมันเน้นทำงานน่ะ งานมาก่อน เรื่องอื่นทีหลัง" วันแม่ มันจึงเป็นเซอร์ไพร์สให้ผมมาก

   "มีไรคุยกับกูได้นะ"

   "เออ ใจ"

   บทสนทนาเกิดว่างเปล่า ความคิดถูกดูดหายไปกับอากาศ มันพาเอาเสียงเพลงไปด้วย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเปิดเพลงจากมือถือเอาไว้
   จู่ๆเพลงก็ดังขึ้นแปลกๆ เข้าท่อนฮุคเลย

   "โหล เออ เดี๋ยวไปละ"

   อ้าว เพลงเมื่อกี้เป็นเสียงเรียกเข้าหรอกเหรอ

   "เอ่อ ต่อเหรอ"

   "ใช่ มันรอกลับบ้านน่ะ"

   "งั้นรีบเหอะ เหลือแค่เปลี่ยนถังน้ำ" ผมชี้ไปทางเครื่องทำน้ำเย็น

   "อือ"

   ถังสีขาวขุ่นขนาดให้เท่าท่อนบนผม ตอนนี้มันว่างเปล่า ที่ข้างเครื่องเขียนวิธีการเปลี่ยนเอาไว้ แต่ช่างมัน ใครจะไปสนใจ มืดขนาดนี้เวลานี้แล้วด้วย

   "ยกไหวมั้ยกูช่วย"

   ต้องคงเห็นท่ายกลำบากลำบนของผม ถังใหม่ที่น้ำเต็มนี่ หนักไม่ใช่เบาเลย

   มันเดินเข้ามาคร่อมตัวไว้จากด้านหลังแล้วยกถังน้ำในมือผมขึ้น มันแรงดีเหมือนกันแฮะ

   "ขอบใจ"

   “ตัวหอมนะ กลับเหอะ" ต้องชวนกลับบ้านแล้ว

   อะไรของมันวะ ฟังแล้วงง

   มันจูงมือผมออกจากห้อง สับขาเดินกลับไปทางห้องเรียน ระเบียงทางเดินที่ปิดไฟมืด แสงอาทิตย์ที่ด้านนอกก็หมดแล้ว เอาละสิ จะหาอะไรเจอละเนี่ย

   ผมเริ่มเดินช้าๆ ให้ต้องมันลดจังหวะก้าวลง เดินที่มืดๆแบบนี่ไม่น่าไว้ใจแฮะ คลำๆทางไปถึงหน้าห้อง ประตูห้องถูกปิดอยู่ ปิดสนิทเสมอกันทั้งสองด้าน สวยงาม และก็เปิดไม่ได้

   "ใครมันล็อควะ" ต้องเขย่าประตู

   ชั้นนี้ที่มืดอยู่แล้ว แถมมีเสียงเขย่าประตูกังวาล ผมไม่ชอบเอาเลย ฟังดูน่ากลัว

   "ใครมันเวรวันนี้วะ แม่งไม่ดูเลยกระเป๋าอยู่ข้างใน"

   ผมสะกิดต้องให้กลับ ยังไงก็เอาไม่ได้อยู่แล้ว

   “กลัวที่มืด?"

   ต้องบีบมือผมแน่นขึ้น

   "ป่าว เย็นแล้ว” จริงๆผมก็กลัวแหละ

   เอาวะหน้าด้านๆเดินจูงมือมันเลยละกัน

   เดินย้อนกลับไปได้ครึ่งทาง ต้องสะบัดมือออก

   “โทดนะต้อง มึงคงอึดอัด"

   มันไม่ตอบ

   ผมกำลังจะหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองมัน

   มันเดินเข้ามาชนตัวผมตัวเราแนบกัน แล้วมันก็เอามือมันโอบบ่าผมไว้รอบคอแล้วค่อยๆดันตัวผมเข้าหาตัวมัน เมื่อตัวสนิทกันแล้วจึงเดินออกไปช้าๆ

   "อย่างนี้ค่อยคุ้นหน่อย"

   "หึ ใช่"

   คุ้นจริงๆด้วย แค่ฝนไม่ตก

   อีกครั้งที่ผมอยู่ใต้วงแขนและตัวต้อง

   อุ้ย

   “เป็นไรอะต้อง”

   มันผลักหลังผมเข้ากับประตูห้องเรียนอื่นที่ปิดไว้ เสียงปังดังทั่วชั้น

   ตัวมันกดแนบเข้ามากับตัวผม

   “ปะ เป็นไร ต้อง”

   “…”

   มันกดตัวแน่นขึ้น เงาดำรูปร่างเหมือนต้องครอบคลุมตัวผมไว้

   เปลือกตาปิดแน่น

   "พี่ต้อง อยู่นั่นป่าว"

   ต้องรีบผละออก

   "ต่อเหรอ"

   "เออเดะ ทำไรเนี่ยเดินหาทั่วโรงเรียนเลย"

   "แล้วรู้ได้ไงอยู่นี่" ต้องตอบเสียงนั้น

   "ทำไมไม่เดินลงไปคุยกันวะ ตะโกนกันทำไม" ผมถามต้อง

   ในใจนึกเสียดาย อยากรู้ว่ามันจะทำอะไร

   "เสียงใครอะ" ต่อทักมา

   แย่ละ ลืมไปเลย

   "เก้า" ต้องตอบ

   ถึงตรงนี้มืดแค่ไหนผมก็เห็นว่าต่อมันเดินขึ้นบันไดมาท่าทางอารมณ์บูด กลิ่นเปรี้ยวโชยมาเลย

   "พี่ต้อง คนเค้ากล้บหมดแล้วนะ"

   "รู้ได้ไงว่าอยู่นี่" ต้องถาม

   "เพื่อนพี่บอก ผมเจอมันยืนดูดหรี่อยู่ตรงลานจอดรถ"

   ไอ้เจ? ผมไม่คิดว่าจะเป็นไอ้แมค

   "อ้อ มันบอกเหรอ"

   “กลับยังพี่ น้าโทรตามแล้ว มาทำอะไรมืดๆกันสองคนเนี่ย"

   ตรงประเด็น!!!

   "ปะๆ"

   ต่อกระชากตัวต้องออกไปหายวับลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว เอ่อ กะทิ้งคนขาสั้นๆอย่างผมเอาไว้เรอะ แถมมืดๆงี้ด้วย

   ผมตั้งท่าจะวิ่งตามลงไป แต่ไม่เอาดีกว่า ต้องยังมีปัญหาเรื่องไอพอดกับน้องมันนี่นา

   ผมเลยวิ่งลงไปแต่พอถึงชั้นล่างสุดหลบออกไปอีกด้านหนึ่งของตึก หันหลังกลับไปมองไม่เห็นพี่น้องคู่นั้นแล้ว วันนี้ฝนไม่ตกนี่นา เดินตากลมเย็นกลับคนเดียวก็ได้

   รถแท๊กซี่ผมได้บอกทางให้ไปลงหน้าบ้านแมคเหมือนทุกที แล้วผมจะเดินต่อไป หูฟังผมเก็บไว้ในกระเป๋านักเรียน ดังนั้นวันนี้จึงไม่มีเพลงฟัง ผมเลยขอให้แท๊กซี่หมุนหาคลื่นที่ทุกทีฟังให้

   ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนข่าวรอบถัดไป

   ฟังเพลินๆ หัวผมก็จินตนาการไปไหนต่อไหนด้วย

   อิจฉาไอ้ต่อแฮะ

   ถ้าผมชอบต้องแบบแฟนจริงๆ มันจะเป็นได้มั้ยนะ ไม่ใช่ถ้าสิ ผมชอบมัน มากกว่ากว่าเพื่อนไปแล้ว นานแล้วด้วย

   อยู่ที่ว่าผมจะบอกมันหรือไม่บอกมันดี เป็นอย่างนี้ก็ดีอยู่แล้ว ขืนบอกไปแล้วมันไม่เอาด้วยละมีปัญหาแน่ๆ แอบอยู่เงียบๆแหละดีแล้ว ใครๆก็จะสบายใจกว่า

   ปล่อยใจไปเพลิน คิดว่าถ้าวันหนึ่งผมกับต้องได้จูงมือกันแบบวันนี้ก็คงแปลกดีอยู่


   อีกครึ่งใจก็ร้อน อยากรู้ว่าต้องมันเล่นอะไร ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง...

   ไอ้เจก็ทำเหมือนจะจีบผม แต่... มันก็ไม่ใช่

   ครั้งนี้ผมไม่คิดอะไรทั้งนั้น จนกว่ามันจะบอกผมให้ชัดเจน หรือมีอะไรที่ทำให้แน่ใจ
   
   ไม่อย่างนั้น

   ทุกวันนี้

   เป็นแบบนี้ดีอยู่แล้วนี่....

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ช็อคค่ะ    ช็อคกับความทุเรศของครูไทยที่เป็นแบบครูในเรื่อง
การยึดของจากเด็กๆเพื่อเอาไปใช้เองนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ผิดกับไปจากการขโมย
โรงเรียนของลูกเราจะมีการริบไปแต่ให้ผู้ปกครองมาเซ็นต์รับคืนพร้อมรับทราบโทษ
การเอาเรื่องของครอบครัวเด็กมาพูดไม่ว่าจะต่อหน้าเด็กหรือคนอื่นถือเป็นล่วงละเมิดสิทธิของเด็ก  เด็กผิดก็สมควรโฟกัสไปที่ความผิดของเด็ก ไม่ใช่ที่เรื่องอื่น  เรื่องพ่อแม่เด็กคุณไม่ชอบก็ไปเ่าพ่อแม่เด็กสิ อย่ารังแกคนที่ไม่มีทางสู้  เด็กไม่ใช่กระโถนอารมณ์ของใครแม้แต่พ่อแม่  เสียดายที่สังคมผลิตครูไร้คุณภาพแบบนี้ออกมา  เพราะว่านี่คือการทำลายโอกาสของสังคมที่จะมีเด็กอนาคตดี  แต่กลับต้องมารับรู้ว่าสังคมให้การยอมรับยกย่อง ต้องบูชาผู้ใหญ่ความคิดและการกระทำเน่าๆแบบนี้

ขอโทษค่ะ   เจอแบบนี้ทีไนเราองค์ลงทุกที

ต้องมีอะไรระหว่างต้องและต่อแน่ๆ  ไม่รู้นอนด้วยกันแล้วต้องละเมอถึงเก้ามั่งหรือเปล่า ต่อถึงได้วีนเก้ายังกะนางร้ายละครหลังข่าว  ความไม่แน่นอนเป็นอะไรที่น่าอึดอัดนะคะ  โดยเฉพาะสำหรับเด็กๆที่เจอมาแล้วทำอะไรไม่ได้นอกจากทน  ไม่ปลื้มทั้งเจทั้งบูม  เหมือนหลอกให้เก้าเป็นเครื่องมือระบายชอบกล   ต้องก็ผลุบๆโผล่ๆ  เด็กๆพวกนี้ที่ยืนอยู่ระหว่างรอยต่อของเพศนี่น่าสงสารเพราะว่าไม่มีใครเป็นที่พึ่งทางใจให้คำปรึกษาได้เลย   ในหลายๆประเทศจะมีที่ปรึกษาสำหรับเด็กในด้านพวกนี้และด้านสังคม โดยที่ถือหลักเคารพสิทธิของเด็ก    จนทที่ให้คำปรึกษาพวกนี้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญ   องค์การความหลากหลายทางเพศหลายๆประเทสจะมีสายฮ็อตไลน์ให้โทนเข้าไปปรึกษาได้  เด็กจะได้ไม่รู้สึกว่าโดดเดี่ยว   หนทางยังไปอีกไกลนะประเทศไทย

ยังไงก็ขอให้เก้าอย่าได้โดนหลอกเลย    เข้าใจความรู้สึกเก้ากับสิ่งที่มาจากเจเลยค่ะ  ในเราชอบแม็คค่ะ

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ช็อคค่ะ    ช็อคกับความทุเรศของครูไทยที่เป็นแบบครูในเรื่อง
การยึดของจากเด็กๆเพื่อเอาไปใช้เองนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ผิดกับไปจากการขโมย
โรงเรียนของลูกเราจะมีการริบไปแต่ให้ผู้ปกครองมาเซ็นต์รับคืนพร้อมรับทราบโทษ
การเอาเรื่องของครอบครัวเด็กมาพูดไม่ว่าจะต่อหน้าเด็กหรือคนอื่นถือเป็นล่วงละเมิดสิทธิของเด็ก  เด็กผิดก็สมควรโฟกัสไปที่ความผิดของเด็ก ไม่ใช่ที่เรื่องอื่น  เรื่องพ่อแม่เด็กคุณไม่ชอบก็ไปเ่าพ่อแม่เด็กสิ อย่ารังแกคนที่ไม่มีทางสู้  เด็กไม่ใช่กระโถนอารมณ์ของใครแม้แต่พ่อแม่  เสียดายที่สังคมผลิตครูไร้คุณภาพแบบนี้ออกมา  เพราะว่านี่คือการทำลายโอกาสของสังคมที่จะมีเด็กอนาคตดี  แต่กลับต้องมารับรู้ว่าสังคมให้การยอมรับยกย่อง ต้องบูชาผู้ใหญ่ความคิดและการกระทำเน่าๆแบบนี้

ขอโทษค่ะ   เจอแบบนี้ทีไนเราองค์ลงทุกที

ต้องมีอะไรระหว่างต้องและต่อแน่ๆ  ไม่รู้นอนด้วยกันแล้วต้องละเมอถึงเก้ามั่งหรือเปล่า ต่อถึงได้วีนเก้ายังกะนางร้ายละครหลังข่าว  ความไม่แน่นอนเป็นอะไรที่น่าอึดอัดนะคะ  โดยเฉพาะสำหรับเด็กๆที่เจอมาแล้วทำอะไรไม่ได้นอกจากทน  ไม่ปลื้มทั้งเจทั้งบูม  เหมือนหลอกให้เก้าเป็นเครื่องมือระบายชอบกล   ต้องก็ผลุบๆโผล่ๆ  เด็กๆพวกนี้ที่ยืนอยู่ระหว่างรอยต่อของเพศนี่น่าสงสารเพราะว่าไม่มีใครเป็นที่พึ่งทางใจให้คำปรึกษาได้เลย   ในหลายๆประเทศจะมีที่ปรึกษาสำหรับเด็กในด้านพวกนี้และด้านสังคม โดยที่ถือหลักเคารพสิทธิของเด็ก    จนทที่ให้คำปรึกษาพวกนี้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญ   องค์การความหลากหลายทางเพศหลายๆประเทสจะมีสายฮ็อตไลน์ให้โทนเข้าไปปรึกษาได้  เด็กจะได้ไม่รู้สึกว่าโดดเดี่ยว   หนทางยังไปอีกไกลนะประเทศไทย

ยังไงก็ขอให้เก้าอย่าได้โดนหลอกเลย    เข้าใจความรู้สึกเก้ากับสิ่งที่มาจากเจเลยค่ะ  ในเราชอบแม็คค่ะ


ขอบคุณครับที่เข้ามาอ่าน ตอนแรกคิดว่า ตอนแรกคิดว่าถ้ายังดูเงียบเงียบอย่างนี้ผมว่าจะลงทีเดียวให้จบไปเลย พอเห็นคน พอเห็นคนอ่านและให้ความสำคัญกับมันผมก็ดีใจ

แล้ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยทำให้รู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ประเด็ ประเด็นเรื่องครูเป็นเรื่องที่เคยเจอมาบ้างเจอกับตัวเองบ้างอาจจะมากกว่านี้หรือน้อยกว่านี้ก็หยิบแค่บางส่วนเอามาลง

ส่ ส่วนตัวเรื่องของ เก้า เจ บูมนั้นมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในโรงเรียนชายล้วนทั่วไป ก่ ก่อนที่แต่ละคนจะมีทางเดินทางที่เลือกเป็นของตัวเอง

ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นต์ให้

 ถ้าแมครู้เข้ามันคงดีใจ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ถ้าไม่ชอบ ถ้าไม่ใช่ อย่างไหลหลง
ถ้าไม่ง่วง ถ้าไม่งง อย่างสงสัย
ถ้าไม่คิด ถ้าไม่ทำ อย่างตั้งใจ
อย่ามาเล่น กับหัวใจ ของใครเลย

เหมือนสีเทา ขาวระคน ดำปนอยู่
เหมือนไม่รู้ อยู่เหงาเหงา เคล้าเปิดเผย
เหมือนไม่ชิน เหมือนไม่ใช่ เหมือนไม่เคย
เพราะไม่เอ่ย เพราะไม่พูด มันขูดใจ

อ่านเรื่องนี้แล้วเป็นอย่างนี้เลย
ไม่ชัดแถมขัดใจ
หุหุ

+1 Monet

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


อ่านเรื่องนี้แล้วให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูอนิเมะ ไม่ก็อ่านมังงะญี่ปุ่นที่มีฉากเป็นประเทศไทย ในสังคมไทยๆอยู่เลยค่ะ
คือมันเรื่อยๆ ไหลๆ พาเราหลุดไปในภาพโทนอุ่นๆ สลับกับร้อนแรงเป็นพักๆ แล้วก็ต้องตามลุ้นว่าพ่อต้องจะทำให้เส้นทางของตัวเองมาบรรจบกับน้องเก้าได้ยังไง (ทั้งที่มีต่อเป็นก้างชิ้นโตอยู่อย่างนั้น)

บางจังหวะเราก็เผลอนึกขัดใจเวลาตัวละครตัดสินใจแบบคลุมเครือ
แต่สักพักก็เกิดพุทธิปัญญาระลึกได้ว่า... เออ ตอนเราเรียนมอปลาย เราก็ไม่ได้สตรองหรือเก่งกล้าเด็ดเดี่ยวอะไรนี่หว่า
สรุปเลยว่าชอบเรื่องนี้ค่ะ มันทำให้เรานึกถึงช่วงเวลาสับสนของวัยกำลังเลือกทางเดินในชีวิตดี อ่านแล้วมีจังหวะหวนนึกถึงอดีตได้เป็นระยะๆ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนและพ่อต้องนะคะ... หวังว่าต้องจะเลิกป๊อดเสียที ฮ่า ฮ่า ฮ่า
 :L2:

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0


อ่านเรื่องนี้แล้วให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูอนิเมะ ไม่ก็อ่านมังงะญี่ปุ่นที่มีฉากเป็นประเทศไทย ในสังคมไทยๆอยู่เลยค่ะ
คือมันเรื่อยๆ ไหลๆ พาเราหลุดไปในภาพโทนอุ่นๆ สลับกับร้อนแรงเป็นพักๆ แล้วก็ต้องตามลุ้นว่าพ่อต้องจะทำให้เส้นทางของตัวเองมาบรรจบกับน้องเก้าได้ยังไง (ทั้งที่มีต่อเป็นก้างชิ้นโตอยู่อย่างนั้น)

บางจังหวะเราก็เผลอนึกขัดใจเวลาตัวละครตัดสินใจแบบคลุมเครือ
แต่สักพักก็เกิดพุทธิปัญญาระลึกได้ว่า... เออ ตอนเราเรียนมอปลาย เราก็ไม่ได้สตรองหรือเก่งกล้าเด็ดเดี่ยวอะไรนี่หว่า
สรุปเลยว่าชอบเรื่องนี้ค่ะ มันทำให้เรานึกถึงช่วงเวลาสับสนของวัยกำลังเลือกทางเดินในชีวิตดี อ่านแล้วมีจังหวะหวนนึกถึงอดีตได้เป็นระยะๆ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนและพ่อต้องนะคะ... หวังว่าต้องจะเลิกป๊อดเสียที ฮ่า ฮ่า ฮ่า
 :L2:

ขอบคุณนะครับ

ตอนแต่งผมก็คิดเรื่อฃเป็นภาพก่อนแล้วภาพในหัวมันจะอารมณ์แบบนี้จริงๆ ช้าๆเนิบๆ ตามอาสมณ์และบรรยากาศไป

ดีใจครับทีามีคนเข้าใจ ความยากที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนปกติ และไอ้คนปกติก็ดันทำตัวไม่ปกติ

ถ้าไม่ชอบ ถ้าไม่ใช่ อย่างไหลหลง
ถ้าไม่ง่วง ถ้าไม่งง อย่างสงสัย
ถ้าไม่คิด ถ้าไม่ทำ อย่างตั้งใจ
อย่ามาเล่น กับหัวใจ ของใครเลย

เหมือนสีเทา ขาวระคน ดำปนอยู่
เหมือนไม่รู้ อยู่เหงาเหงา เคล้าเปิดเผย
เหมือนไม่ชิน เหมือนไม่ใช่ เหมือนไม่เคย
เพราะไม่เอ่ย เพราะไม่พูด มันขูดใจ

อ่านเรื่องนี้แล้วเป็นอย่างนี้เลย
ไม่ชัดแถมขัดใจ
หุหุ

+1 Monet

ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะครับ จุบที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-12-2015 15:13:54 โดย Monet »

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
วิชาศิลปะดำเนินไปแค่ครึ่งเดียว

ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะเป็นตาผมนั่งจ้องมันมั่งแล้ว ครั้งก่อนผมเป็นฝ่ายวาดมัน คราวนี้จะสลับกันบ้าง กว่าจะเรียนอีกทีก็อาทิตย์หน้าโน่นเลย

กระดาษวาดรูป ที่มีหน้าตาบิดเบี้ยวของเด็กนักเรียนน่าจะวางกองอยู่บนโต๊ะ โดนจัดเรัยงใหม่ตามลำดับเลขที่อยากรู้ว่าครูมาเห็นเข้าจะทำหน้ายังไงที่ต้องมานั่งไล่หาใหม่

อ้อ น้ำกรองที่เหลือทิ้งตรงที่นองน้ำ ผมไม่ได้เอาไปเททิ้งที่ห้องน้ำ ผมเทกลับใส่เข้าไปในขวดนั่นแหละ ถ้ากินน้ำไม่หมดหรือล้างแก้วแล้วเทน้ำทิ้งใส่ที่รองน้ำก็อยู่ในนั้นละ

ผมเทกลับใส่ขวดก่อนที่จะช่วยกันกับต้องยกขึ้นไปวาง

หึหึหึ นึกแล้วสะใจ

พูดถึงเรื่องวิชาวาดรูป

"ต้อง ครูว่าไรเปล่าวะ"

"ไม่นะ ไม่มีพูดอะไร"

"รอดสินะ" ผมโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่รู้ว่าผมเปิดเกะดูแอบดูซีดีที่ถูกยึดมา แล้วก็ไม่ได้อาฆาตเรียกไปด่าซ้ำอีกรอบ

"เออ แล้วไอพอดละ"

"อือ คงต้องไปขอคืนวะ" ต้องส่ายหัว

"แล้วขอไงวะ  เอ้ย กูเป็นคนบอกว่าของกูนี่"

ต้องหลิ่วตามาทางผม

'ใช่ไง เลยจะไปขอยังไงละ’

มันเป็นความผิดพลาดของผมเองสินะ

"งั้นกูขอคืนให้ละกัน" ผมพูดน้ำเสียงรู้สึกผิด

“ไว้ลองดู กูไม่แน่ใจเลยว่าจะได้" ต้องท่าทางกลุ่มใจ

"แล้วต่อว่าไงป่าววะ"

"มันยังไม่สังเกตนะ" นี่ทำให้ผมโล่งอก

เดี๋ยวต่อจะขวางผมมากไปกว่านี้ เอะ ขวาง?

"บ่ายซ้อมนี่มึง" ผมหันไปทางแมค ช่วงนี้รู้สึกพวกเราแบ่งกันเป็นกลุ่มย่อยๆแล้ว

"ช่าย"

"บ่ายกูไปกับพวกพี่วะเตรียมแสตนด์ละ" แมคเก็บของลงกระเป๋า ก่อนเบรคกินข้าวกลางวัน

"งี้ มึงอะเจ" ผมเกือบลืมมันไปเลย

"บ่ายพี่แม่งให้ซ้อมว่ายน้ำ" มันชี้ไปที่กระเป๋ากีฬาใบเล็ก

“มึงลงสองอย่าง?"

"เออดิ ซ้อมไม่ทันแล้วเนี่ย แยกร่างไม่ไหว" เจเอามือกุมหัว

"ขอกำลังใจหน่อย" มันเอามือมาลูบตูดผม

"เฮ้ย" ผมยกขาจะเตะมัน

นี่มันล่อกลางโรงเรียนเลยเหรอ กลางห้องเรียนสิ โรงเรียนน่ะล่อกันไปแล้ว

"วันนี้มึงใส่เกงว่ายน้ำมาแทนเกงในอีกสิ" ผมเปลี่ยนเรื่องก่อนต้องจะช่วยเปลี่ยนให้ แล้วจะยาว

"แน่นอนถึงสระแก้ผ้าโดดตูม"

ซกมกชิบหาย ใส่รัดแน่นมาทั้งวัน

"แน่นๆไข่หดหมดนะมึง" ต้องแซว

"ใหญ่กว่าของมึงอะ ไม่เชื่อ”

เจทำท่าจะเปิดให้ดู

"เฮ้ย เจ มึงเอาเกงในมาป่าววะ"

ผมต้องตัดบทแล้ว รู้แน่เจจะพูดว่าอะไรจะเทียบกับอะไร แล้วให้ใครยืนยัน

"ชิบหาย ลืม"

นั่นไงว่าละไอ้เจร้องลั่นเลย

"เก้ายืมหน่อยดิ"

ผมเอาตีนเตะตูดมัน

"ไซส์กูมึงคงใส่ได้อะนะ"

"โน่นของไอ้แมคโน่น" ผมชี้ไปมางท่อนล่างมัน

"อ้าวๆ แล้วกูใส่ไร" แมคเอามือปิดของสงวนมัน

วันนี้พวกเราใส่ชุดพละเป็นกางเกงวอมขายาวกัน ถ้าไม่มีอะไรข้างในละแกว่งเป็นดุ้นแน่ๆ

"มึงน่าถามก่อนนะว่ามึงกล้าใส่ของคนอื่นมั้ย" ต้องหันไปทำหน้ากวนตีน

"ไม่เป็นไร วันนี้พวกมึงยังไม่ทำไรไม่เลอะหรอก" เจยังหน้าระรื่น

"กูขี้มา"

อี๋ ไอ้แมคคนจะไปแดกข้าว

พวกเราตบหัวมันกันพอเป็นพิธีแล้วก็ขึ้นไปเติมพลังก่อนจะถึงบ่ายดีกว่า

โรงอาหารแน่นเหมือนเดิม

"แมคสอบเป็นไงวะ" ผมหันไปถาม

เพิ่งผ่านการสอบมาได้ไม่กี่วัน ถึงจะบอกว่าผมทำได้ก็เหมือนเดิม อยู่เกือบๆรั้งท้าย แต่ก็ดีกว่าห้องอื่น ไอ้แมคกับเจคงดีหว่าผม ต้องนี่น่าจะดีที่สุด ที่ผมถามไม่ใช่อยากรู้เรื่องนี้

"เฉยๆวะ กูรอสอบตรง"

นั่นไง มันดูเครียดๆไป

"เป็นไรป่าววะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกัน" เจถามมั่ง

ใครๆก็ดูออก

"ป่าว สบายดี"

ใครจะตอบสินะ งั้นเดี๋ยวผมไว้ไปถามมันส่วนตัวดีกว่า

"ผลสอบออกมานี่ กูคงแย่แน่ไปยื่นไหนคงไม่ได้" ผมบ่น

"นี่ ก็เอาเวลาว่างไปเรียนพิเศษมั่งดิ" ไอ้ต้องตบบ่าผม

คร้าบ รู้แล้วพี่ต้อง

"เออ แล้วเจจะเข้าไหนวะ"

ไม่ตอบ มันได้แต่ส่ายหัว ตัวกลมๆมันผอมมลงบ้างแล้ว แต่ไม่ดีเลยไม่รู้ว่าลดน้ำหนักหรือบุหรี่เยอะกันแน่

"มึงอะแมค ได้ข่าวมึงจะออกปีนี้เลยนี่"

ผมหันไปมองหน้าแมค อ้าว ไอ้นี่ทิ้งคนแรกเลย

"มึงด้วยสินะต้อง" เจ เอาส้อมชี้

"ไม่แน่" ต้องกินไปตอบไป

"นี่กูอยู่ ม.6 คนเดียวเหรอเนี่ย"

แย่ละ กูกลายเป็นรุ่นน้องพวกมันไปซะแล้ว พวกมันจะกลายเป็นเด็กปี1 โดยที่ผมยังงมโข่งอยู่ม.6 จะรีบเรียนไปไหนกันนะ อยากโตกันเร็วๆรึไง

พวกเรารีบกินแล้วรีบลงไปเตรียมตัว ผมเดินแยกไปกลับเข้าห้อฃเรียน แมคไปหารุ่นพี่ที่ห้อง ส่วนเจคงตรงไปสระว่ายน้ำ ต้องก็คงจะไปหาพี่ที่คุมดรัมอีกที่ คงรอว่าจะให้ไปซ้อมที่ไหน หึหึ ดรัม ไม้1 ซะด้วย

"เหลือมึงคนเดียวนะเก้า จะทำไรก็รีบทำ หึหึ" ไอ้เจเอาส่อมมาที่ผมละ

"ทุกคนน่ะแหละ จะทำไรก็ทำ ชักช้า" แมคทำท่าลุกแล้ว

"ชักเร็วก็เสร็จดิ"

ไม่มีใครฟังมุขเสี่ยวไอ้เจ เดินหนีกันหมด ปล่อยมันไว้ คนไรวะ กิน 2 จาน แม่งจะลงซ้อมอยู่แล้ว

ช่างมันเหอะ

กินข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันไปตามเรื่อง ครั้งนี้คงเป็นกิจกรรมร่วมกันครั้งสุดท้ายที่จะทำร่วมกันแล้ว เร็วแฮะชิวิตม.ปลาย มันกำลังจะหมดลง เพียงแค่พริบตาที่พวกเราเจอกัน อีกกระพริบนึงพวกเราก็ต้องแยกจากกัน สำหรับคนอื่นเป็นยังไงผมไม่รู้

ชีวิตมหาลัยไม่น่าสนุกสำหรับผม ม.ปลายแข่งกันเรียน เอาชื่อมหาลัยมาอวดกัน พอมหาลัยเดียวกันก็เอาชื่อคณะมาข่มกันอีก เวลารุ่นพี่กลับมาโรงเรียน ผมได้ยินประจำ

พวกนั้นบางทีอาจจะไม่ได้คิดอะไรเลยก็ได้ ดูจากส่วนใหญ่ที่เห็นการมุ่งมั่นเข้ามหาลัยเป็นที่หนึ่ง เรื่องอื่นเอาไว้ท้าย ที่มาเรียนเพราะเหมือนโดนบังคับ จริงๆแล้วผมอาจจะแปลกก็ได้ นี่คงจะถูกแล้วกับการเข้าสังคมและการใช้ชีวิตในห้องเรียนที่ถูกต้อง

ส่วนการที่ผมไปร่าเริงเที่ยวเล่น สนใจอะไรอื่นที่ไม่ใช่เรื่องเรียน มันเป็นเรื่องผิด แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะถูกหรือผิด มันจะจบลงที่ปลายทางจุดเดียวกัน อนาคตที่มาถึงจะกลายเป็นอดีตแล้ว อยู่ที่เราจะคว้าเอาอนาคตแบบไหนมาเอาไว้

ผมคงเรื่องทำปัจจุบันให้น่าจดจำที่สุด หมายถึงสนุกที่สุด ดูจะไม่เอากับวิธีคิดของเด็กเรียน ยิ่งห้องเด็กเรียนดีนี้แล้วด้วย มากกว่าหนึ่งครั้งที่ผมคิดว่าพวกนั้นอิจฉา เพราะผมทำสิ่งที่อยากทำ และเป็นอย่างที่จะเป็น โดยไม่สนว่าจะต้องทำอะไรเพื่ออะไร มหาลัยไม่ใช่อนาคตทั้งหมดของผม

'เอาละ ทำไรดี'

พวกมันแยกย้ายกันไปหมดแล้ว ผมมีเวลาโต๋เต๋อีกนิดหน่อย เดินไปหาซันดีกว่า ไปเกาะแกะเข้าไว้จะได้หาเรื่องไม่เข้าซ้อมเชียร์ ไปช่วยพวกรุ่นพี่ทำกิจกรรมแทน นั่งมองรุ่นน้องที่ต่อไปจะมาเป็นเหมือนพวกผมวิ่งไปมา นั่งซ้อมร้องเพลง

หน้าหนาวพาเอาลมเย็นพัดขึ้นมาบนตึก เสียงกระดาษสีทองๆเงาปลิวตีกันดังกรอบแกรบ แสงสีเงินทองกระพริบไหวตามจังหวะลม กระดาษที่มีคำว่า merry christmas

ตามห้องเรียนก็มีการตกแต่ให้เข้ากับเทศกาล ขึ้นอยู่กับงบประมาณและความคิดจะรังสรรค์ออกมา

วนไปทางสนามกีฬาใหญ่

หาไอ้ซันไม่เจอ ทำไงดี ขืนชักช้าป้วนเปี้ยนละได้โดนจับเข้าร้องเพลงแน่ๆ วันนี้ซ้อมแค่ชั่วโมงเดียวเพราะว่าใกล้จะหยุดปีใหม่แล้ว หยุดแค่ไม่กี่วัน นี่ชีวิตม.ปลายมันจะไม่มีวันหยุดยาวๆดีๆบ้างเลยเหรอไงเนี่ย เดินไปหาทางแถวที่คนเตะบอลก็หาไม่เจอ

งั้นเปลี่ยนแผนเดินไปหาไอ้แมคดีกว่า ไปอ้อนมันให้ซะหน่อยมันจะได้หนีบๆผมไปด้วย รุ่นพี่ที่ทำแสตนด์เองก็ดูจะยังไม่ชอบผมซักเท่าไร เกิดพวกเค้าไม่เอาขึ้นมา ผมจะไม่มีที่ไป ขืนได้นั่งร้องเพลงตบมือบนแสตนนี่อายเค้าตายเลย แถมวันจริงก็ต้องร้องตากแดดทั้งวันด้วย

ผมวนกลับขึ้นตกไปยังชั้นของรุ่นพี่ มองหาห้องที่คาดว่าแมคน่าจะอยู่

"แมค อยู่ป่าว"

รุ่นพี่มองผมมาหน้าตาขมึงถึง ห้องเรียนรุ่นพี่แต่ผมดันทะเล่อทะล่าเข้าไปตะโกนหาเพื่อนผมซะงั้น

นั่นไง มันโบกมือหยอยๆอยู่ แต่หน้าตาอายสุด อายที่มีผมเป็นเพื่อนมั้ง ฮ่าๆ

"ไงมึง"

"มาก็ดี ช่วยคิดแบบหน่อยดิ"

"ได้เลย" มีงานมาให้ทำเยอะๆรั่นพี่จะได้ดูผมเริ่มมีคุณค่า

"คอนเซปมันคืออะไรอะ"

"โน่นยังเถียงกันอยู่เลย" แมคชี้ไปทางพี่ๆกลุ่มหนึ่ง

"แล้วไปถึงไหนกันวะ"

"ดาวพฤหัสมึง ตอนแรกจะไปดาวอังคาร ย้อนไปดาวพุธ ขึ้นสวรรค์แล้ว"

ผมตบหัวมันทีนึง

"ขอภาษาคน"

"งั้นมึงนั่งดีๆ ไข่ออก กูไม่อยากมอง" มันจะเอามือมาดีด

"พอๆๆๆ" ผมรีบนั่งขัดสมาธิ

"เล่ามาดิ"

"ตอนแรกพวกพี่จะเอาคอนเซปจักรวาลมาใช้ แล้วเถียงกันดาวไหนสีอะไร ตอนนี้มาจะเอาเทพกรีกมาอีก แล้วไอ้บ้าไหนเสนอว่าจะเอาจูปิเตอร์ นั่นดาวพฤหัส ไปกันใหญ่แล้ว"

"โน่นแว่วมาล่าสุดจะเอาเซนต์เซย่าแล้วมึง"

แมคส่ายหัว ผมเอามือตบบ่า มันนั่งก้มหน้า

สงสัยจะไม่รอดแล้ว ท่าทางปีนี้จะแพ้ แถมจะไม่ได้ทำผลงานอะไรอีกต่างหาก แล้วถ้าขนาดคนกันเองยังเถียงกันขนาดนี้แล้วพวกผมจะไปทำอะไรได้

"เอาไงวะ" ผมถามมัน

"รอไป"

ไอ้แมคเลยนั่งเล่นอยู่มุมห้อง หยิบหนังสือพวกรุ่นพี่มาดู นี่สงสัยมันจะเอาจริงจะออกก่อน ม.6 จริงๆเหรอเนี่ย

"เออ แล้วมึงว่าเค้าจะรับกูมั้ยวะ"

"ไม่รู้วะ คราวก่อนเค้ามองหน้ามึงแล้วก็ไม่พูดไรนี่ แถมยังโดนพี่ก้องลากไปสระว่ายน้ำก่อนอีก"

พอฟังจากแมคแล้วก็จริงของมัน ผมไม่อยากไปตะโกนเชียร์บนแสตนด์กับน้องนะ

เถียงกันไปมาดูเหมือนจะได้ข้อยุติแล้ว ตกลงกลายเป็นกาแลคซี่ผสมเซนต์เซย่าบ้าบอ เอาเหอะเดี๋ยวทำจริงก็ได้เปลี่ยนอีกเองน่ะแหละ

"แล้วนี่ใครวะ" เสียงรุ่นพี่คนนึงตะโกนขึ้นมา

"เพื่อนผมเองทีมที่ทำงานคราวที่แล้วน่ะพี่ ผมเอามาช่วย"

แมคตัดบทรีบพูดขึ้นก่อน

"เออ แล้วขอใครรึยัง"

แมคส่ายหัว

ซวยละไง

ผมหันไปมองหน้าพี่แล้วหลบๆตาหน่อยไม่กล้าสู้รัศมีมาก เดี๋ยวจะซวย เกิดไม่ชอบหน้าขึ้นมา

"ต้องขอก่อนนะ เดี๋ยวใครไม่รู้มานี่หมดใครจะร้องเพลง"

แย่ละสิ

พี่เค้าบอกให้ลองลงไปถามหัวหน้าดู น่าจะอยู่ข้างล่าง ตรงแถวสระว่ายน้ำ

ที่ๆผมยังไม่ได้เดินไปดู

ไหนๆเวลามีไม่ถึงชั่วโมงอยู่แล้ว ไม่ทันแล้วละเดินไปมา พวกนั้นน่าจะใกล้เริ่มร้องกันแล้วด้วยไปตอนนี้คงไม่ได้คุยอะ โดนจับไปนั่งลวกไข่แหงๆ ชิ่งออกไปหาต้องดีกว่า

สงสัยวันนี้ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ระหว่างทางผมเห็นซันมันกำลังซ้อมบอลแถวทางเดินรถยาวๆ แน่นอนว่าถ้าเจอพวกมันซ้อมบอลก็ต้องเจอ ต่อ ด้วยเพราะมันก็ลงบอล

แต่ที่น่าตกใจคงเป็นทำไมไอ้บูมมาป้วนเปี้ยนแถวนี้วะ

มันมาเล่นอะไรกับสีฟ้า มันอยู่คนละสีนี่น่าจะแดงนะ ผมลองเข้าไปถามซันดู

"บูมมันมาไงวะ"

ซันส่ายหัว

"รู้แต่ว่ามันรู้จักพวกพี่สีนี้ดี"

อ้อ ข้ออ้างมาหาเรื่องผมละดิ

"เออ เห็นต้องมั้ย"

เงาดำของซันสั่นไหว

ซันทำท่าจะพุ่งใส่ผม

ปัง

ผมมึนงงไปชั่วขณะ บอลหนังซัดใส่หัวผมเต็มๆเลย

พอตั้งสติได้หันกลับไปดู ไอ้บูมชี้นิ้วมาทางผม ทำท่าดีใจ น่าแปลกกว่าไม่มีใครกล้าว่าอะไรมัน คนในสนามก็ทำเป็นไม่สนใจ มีซันคนเดียวที่ดูจะเป็นห่วงผม

"ไม่เป็นไรซัน เดี๋ยวมีเรื่องแล้วแกเดือดร้อน"

เอาไงกับมันดีวะ ผมห้ามซันแต่ใครจะห้ามผมละ

ผมเดินดุ่มๆตรงเข้าไปหามัน

ไอ้บูมโดดถอยออกไป

อ้าว ไม่ใช่บูมแต่เป็นผม

รุ่นพี่คนนึงลากคอผมออกมาแล้วบีบเข้าที่คอ

"ไปที่อื่น"

ผมจ้องหน้ากลับ ทำไมมันกลายเป็นผม

"อย่ามีเรื่องที่นี่ กูไม่สนว่าทำไม แต่อย่าหาเรื่องให้คนที่นี่"

ผมโดนพี่ลากคอแล้วโยนออกไปที่ริมสระว่ายน้ำ

"ไง โดนลากมาเหรอ"

เสียงจากที่สูงทักขึ้น

ไอ้เจ แหมมาจังหวะดีนะ

"ไปทำไรมาวะ" มันถามต่อ

"เสือก"  ผมไม่มีอารมณ์จะตอบมัน

"โดนต่อแกล้งมาอะดิ"

ผมเงยหน้าไปมองมัน มันมองเห็นด้วยเหรอจากบนสระ

"เจ็บมั้ย"

"อือ เจ็บหมดละที่คอก็เจ็บ"

แม่งลากออกมาแรงชิบหาย พอเงยหน้าไปอีกที เจ็บพอๆกับเป้ากางเกงมึงแหละ ทำไมใส่ซะรัดเลยวะ ของมึงก็ไม่ใช่เล็กนะไอ้เจ

"กูไปนะ อยู่แถวนี้นานๆเดี๋ยวโดนอีก"

"เก้าๆ" ซันเรียกผม

"เป็นไงวะ พี่คนนั้นมันสนิทกับให้ห่านั่นกูเห็นมันคุยอะไรกันสักอย่าง บูมเองก็โดนลากกลับสีไปแล้ว"

สัส น่าจะโดนลากแบบกูนะ

ผมเงยหน้าไปหาไอ้เจ

มันหายไปแล้ว

"ซัน ต้องไปไหนวะเห็นมั้ย"

มันบอกไม่รู้

"รู้มั้ยซ้อมดรัมไหน"

มันก็บอกไม่รู้

ผมยัดเสื้อใส่กางเกงใหม่ให้เรียบร้อย

"เราว่าน่าจะอยู่ทางนั้นนะ เห็นเด็กกับพี่ 2 คนเดินไป" ซันชี้ไป

"ขอบใจนะ" ผมจับบ่ามันแล้วเดินไป

"ไม่เป็นไรนะ"

ผมโบกมือให้

นั่นไง หัวตระง่านมาเลย ถึงมันจะไม่สูงผิดปกติ แต่พวกพี่เค้าเอาแต่เด็กม.ต้นมาร่วม ไอ้ต้องเลยสูงสุดแล้ว ในที่สุดก็เจอ

"ต้อง"

มันหันมาทำหน้างงๆ

ทำปากถาม มาทำไรวะ

"หนีซ้อมมารึไง"

"ทำให้ดูยุ่งไว้มึง" ผมบอกมัน

มันยิ้มกวนตีน

มือยาวๆของมันลากผมไปทางซอกตึกด้านข้างสนาม สนามที่มันซ้อมอยู่ระหว่างตึกสองตึกเป็นลานกว้างพอดี มันจึงหยิบทั้งไม้ทั้งผมจูงกันไปทางด้านที่เป็นซอก

ซอกขนาดไม่กว้างไปหว่าทางเดินริมตึก ปูกระเบื้องที่ตอนนี้เขอระจนดำ แสงแดดส่องเข้ามาไม่ค่อยจะถึง

"ไปโดนไรมาวะ"

ผมก้มหน้า ส่ายหัว

"หัวยุ่งเสื้อยับ คอแดงขนาดนี้ ไม่ต้องปิดกูเลย"

ช่วยไม่ได้ ผมเลยเล่าให้มันฟัง ระหว่างเล่ามันก็จัดปกคอเสื้อไปให้ด้วย

"ให้กูจัดการมั้ย"

"หึ อย่าเลยรุ่นพี่ด้วยมึง"

"ต่อก็อยู่ใช่มั้ย"

ผมพยักหน้า

ทำไมมันรู้วะ

"ไม่เป็นไรหรอก นิดหน่อย" ผมปัดมือมันออก

"บอลโดนตรงไหนวะ"

"หัวน่ะ ดีไม่โดนหน้า" ผมหัวเราะ

"ยังหัวเราะได้นะมึง" มันเอามือเขกหัวทีนึง

"เจ็บนะ

เวลามันดีมันก็ดีใจหาย มิน่าสาวๆต่างโรงเรียนเวลามาหานี่รุมล้อมมันเยอะนัก

"แฟนมึงไปไหนแล้ววะ ไม่เห็นพูดถึงเลย"
 
ผมสงสัย ไอ้ต่อมันจัดหาให้ทุกปีแล้วทำไมไม่เห็นมันพูดถึงเลย

"กูรำคาญน่ะ"

ปลายเม้าต้องถูยาแนวกระเบื้องที่ดำอยู่แล้วให้ดำเข้าไปอีก

มันตอบหน้าตาเฉย ตามองไปที่ไม้คฑายาวๆที่มันถืออยู่

"ไอ้ต่อมันก็หามาให้ทุกปี พวกนั้นก็รู้ว่าเข้าทางใครแล้วมันจะมาถึงกูง่าย ไอ้ต่อเลยเสียนิสัยอยู่นี่ไง ใครๆก็เอาใจมัน"

"แล้วแต่ละคนก็วุ่นวายกับกูเหลือเกิน สุดท้ายเลยเลิกๆซะ"

แน่สิ หน้าตาอย่างมึง ใครจะปล่อยไปง่ายๆ เวลาอารมณ์ดีก็ออกจะเป็นสุภาพบุรุษ แต่เวลาไม่ดีนี่แม่งยังกะแดกหมาไปทั้งฝูง

มายาวแฮะ เอะ มันบ่นจบยัง เหมือนผมจะเผลอขำออกมาตอนพูดถึงหมา

"ก็มึงเป็นพี่ชายแสนดีไง"

"ตอนนี้มึง... ชอบใครใหม่รึยัง"

"อืมมมม ไม่แน่ว่ะว่าชอบรึเปล่า"

ต้องก้มหน้ามองพื้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม เท้าเขี่ยรอยต่อกระเบื้องที่ตอนนี้ดำสนิทจากคราบสกปรก

"สาวที่ไหนน้า"

ผมชักอยากรู้

"มึงละไปชอบใคร" มันถามถึงผม

ขาถูวนจนกระเบื่องจะขึ้นเลขแล้วไอ้ต้อง

มันเป็นบ้าไรขึ้นมา อากาศหนาวทำให้คนแปลกไป?

"กูเหรอ ก็เคยจีบสาวรร.แถวนี้บ้างแต่เค้าไม่เอากูว่ะ"

ก็ตอนนั้นก็จีบๆกันไปตามกระแสนะ ผมเองไม่เคยคบใครจริงจังเหมือนกัน ชักสงสัยแฮะ มีแฟนเป็นยังไง อ้อ แล้วเพศไหนวะ

ผมไม่เคยไปนึกเรื่องพวกนี้จริงจัง ปล่อยไปตามเรื่องราว จนไอ้บูม ไอ้เจ แล้วคนที่อยู่ตรงหน้าเรียกผมตอนนี้ชอบรึเปล่าววะ แต่อยากเดินควงแขนด้วยจัง ฮ่าๆ

"ก็น่าอยู่"

เออ!!! ไม่ต้องซ้ำ ถึงผมไม่หล่อ แต่มันก็รู้สึกนะ พูดซะ

"ขอบใจวะ ไปละ"

ผมเลยเอามือตบตูดมัน

ต้องสะดุ้งหันมามองหน้า

"เฮ้ย เปล่า คือกูจะตบเอวมึงแต่กูไม่ถึงน่ะ"

ตูดแม่งแฟบ

เปล่าจริงๆนะครับ

"คราวหลังบอกดิ กูจะย่อให้ เตี้ย" พูดจบมันยิ้มแล้วหัวเราะ

เอ่อ....

"ไปกลับไปซ้อมเลยไป"

ต้องหัวเราวิ่งหนีไปทางที่ผมชี้

"ไม่งอนนะเมื่อกี้"

ผมชูนิ้วกลางให้มัน

"เออ กูมันไม่หล่อ กูมันเตี้ยสาวไหนจะมาหลงรักวะ"

ต้องหัวเราะแล้วชี้มาทางมัน

????

แปลว่าอะไร เท่ยบกับมันที่หล่อน่ะเหรอ

มันวิ่งลับหายไป

อ้าว แล้วผมละตกลงมาทำไรที่นี่วะเนี่ย

กลับขึ้นห้องไปละกัน ไหนๆก็จะหมดเวลาละ เหลืออีกคาบเดียวก็ได้กลับบ้านแล้ว

คาบสุดท้ายวิชาฟิสิกส์เงียบสงบ ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยหรือเป็นวิชาสุดท้ายแล้วเลยง่วงกันแน่ ไอ้แมคดูจะตั้งใจเรียนขึ้นมาแล้ว มันเอาจริงสินะ ส่วนเจกลับเฉยๆ มันเก่งวิชาคำนวณอยู่แล้ว ไอ้ต้องก็เฉยๆ หันซ้ายขวาทุกคนดูดีไปหมด

"วันนี้ประกาศคะแนน"

อย่านะ อย่าไล่ทีละชื่อหน้าห้องนะ

"เลขที่ 1 ...."

นั่นไง มาแล้ว

มีทั้งเสียงถอนหายใจ และเสียง หือ ขึ้นมาเวลาได้คะแนนเยอะ ส่วนใหญ่คะแนนจะ 7 8 9 10 ไม่มีใครต่ำกว่านั้น  พอมาที่ต้อง มันได้ 8 สมเป็นมัน ขนาดใันไม่ได้เก่งมากนะ พวกบ้าคำณวณได้ไปโน่น 9 10 กัน

แต่เลขที่ถัดมา มาอย่างรวดเร็ว เลขที่ของผม 10

คะแนนมาแล้ววววววว

สีหน้าเย็นชาของครูทำให้ผมพอเดาได้

"มีเธอได้น้อยสุดอยู่คนเดียวเลยนะ ไปซ่อมกับห้องอื่นละกันนะ"

ผมหน้าแดง ทั้งอายและเสียใจ

คนในห้องมองมาเป็นตาเดียว เหมือนผมเป็นตัวประหลาด เด็กห้องเรียนดีแต่ดันสอบตก

เฮ้ย ตก ตกครั้งแรก ถึงปกติจะเรียนไม่ได้เก่งแต่ก็ไม่เคยตกนะ ทำไมเป็นงี้

"เอาเวลาอ่านหนังสือไปทำไรหมดจ๊ะ" ไอ้เจ เอาขามาสะกิดๆ

"กูสิต้องถามพวกมึงไปอ่านหนังสือกันตอนไหนวะ"

"กูไม่ติวให้นะ" ไอ้เจสะกิดอีก

ผมว่ามันเปลี่ยนไป ทุกทีมันต้องหาข้ออ้างมาละ รอบข้างผมมีแต่คนแปลกๆไปแฮะ

"ไม่ต้อง เดี๋ยวไปกามั่วอีกรอบก็ได้"

คราวนี้ในชั่วโมงเรียนเลยต้องตั้งใจเป็นพิเศษ ไม่งั้นปลายภาคได้มาเรียนซ้ำแน่

หล้งเลิกเรียนสภาพจิตใจห่อเหี่ยว อากาศเย็นสิ้นปี ท้องฟ้าสีมัวหมองเข้ากับอารมณ์ของผม มันยิ่งน่าหดหู่ ถึงผมจะไม่เหมือนใคร ก็ไม่ได้แปลว่าต้องแปลกแยกขนาดนี้

ตอนกลับบ้านผมส่งไอ้แมคแล้วเดินกลับกันกับต้อง 2 คน

ไอ้เจหนีกลับไปก่อน การที่มันต้องเดินตัวปลิวโดยไม่ใส่กางเกงในนี่คงทำให้มันลำบากสินะ ใครมือบอนไปกระตุกกางเกงนี่ได้อายกันละ

"นี่ กูติวให้มั้ย"

"เอาจริง?"

มาแปลก เสนอตัวให้ก่อนเลย

"เอาดิ จะติววันไหนละ ซ่อมมันช่วงก่อนปิดปีใหม่นี่"

ผมถามมัน

"งั้นหลังอาทิตย์หน้าละกันนะ"

โอเค ผมยิ้มตอบ

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
สงสารเก้าทุกตอน ทุกอย่างดูตันไปหมด เพื่อน ครอบครัว และการเรียน เก้าดูไม่มีความสุขเลย
 :sad4: :ling1:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ชมกันเข้าไป
ชมเกือบจะทุกตอน
หล่อ???

อยากเห็นหนังหน้าเจ้าต้อง..ซะจริง
จะหล่อ..ถึงขนาดที่เก้าต้องอวยให้
เกือบทุกตอน จริงเปล่า?

ชิสสสสส
 :o

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ชมกันเข้าไป
ชมเกือบจะทุกตอน
หล่อ???

อยากเห็นหนังหน้าเจ้าต้อง..ซะจริง
จะหล่อ..ถึงขนาดที่เก้าต้องอวยให้
เกือบทุกตอน จริงเปล่า?

ชิสสสสส
 :o

อาจจะไม่หล่อถ้าเทียบกับดารา แต่หล่อพ่อให้เก้าเพ้อแน่นอน


สงสารเก้าทุกตอน ทุกอย่างดูตันไปหมด เพื่อน ครอบครัว และการเรียน เก้าดูไม่มีความสุขเลย
 :sad4: :ling1:

นั่นแหละครับ เก้าถึงได้แคร์คนรอบข้าง ยิ่งแคร์ยิ่งรู้สึกทำตัวไม่ถูก เจ แมค ต้อง จึงมีความสำคัญยิ่ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2015 11:37:13 โดย Monet »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
เสียงพลุกับวงเหล้า ตอนที่ 10 2-1


คริสต์มาสขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก อีกอาทิตย์กว่าเท่านั้น มันมาพร้อมกับลมหนาวที่พัดแรง เสียงต้นชมพูพันทิพย์โยกกิ่งใหญ่ไปตามแรงลมเกิดเสียงแกรกกราก

ถ้าเป็นหน้าฝนที่นี่คงเต็มไปด้วยดอกชมพูพันธ์ทิย์สีชมพู ส่วนใหญ่แห้งเหี่ยวมีสีน้ำตาลแซมที่ปลายดอก ส่วนใหญ่เปียกฝนเลอะติดเต็มเก้าอี้หิน

ชั่วโมงศิลปะวนกลับมาอีกครั้ง

รูปที่ผมส่งไปมันกลับมาแล้วพร้อมคะแนน ในชั่วโมงนี้ครูคนเดียวกันกับที่ว่าพวกผมคราวนั้นเดินเข้ามาพร้อมโปรยรูปส่งคืนนักเรียน มีบางรูปที่น่าสนใจก็จะหยิบขึ้นมาให้คนในห้องได้ทายกันว่านี่รูปใคร

บรรยากาศในห้องก็แปลกไป

เสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะๆ เวลาใบหน้าแปลกประหลาดที่บรรยายไม่ได้ว่ามีคนหน้าตาแบบนี้ในโลกจริงๆหรือไม่ ปากเบี้ยวตาใหญ่ข้างเล็กข้าง

บางครั้งครูก็จะให้ทายว่านี่รูปของใคร

ส่วนใหญ่จะทายกันไม่ได้ ใครบอกชื่อถูกก็ประหลาดเกินคนแล้ว

กระดาษแผ่นหนึ่งถูกชูกขึ้นมา สีหน้าคนสอนจริงจัง

รูปต้องเป็นหนึ่งในใบหน้าที่ถูกหยิบขึ้นมา ไม่ใช่เพราะว่ามันแย่ผมมั่นใจ

"ใครวาด" ครูถามเสียงเข้ม

ผมยกมือช้าๆ

คนในห้องต่างหันมามองผม

8 คะแนนอยู่ด้านบนชื่อผม เขียนด้วยตัวแดง เลข 8 เด่นชัดในวงกลมรอบ

คนที่น่าภูมิใจน่าจะเป็นต้องมากกว่า ถ้าไม่มีมันช่วย รูปคงไม่หล่ออย่างที่มันต้องการ อย่างน้อยคนก็ดูออกว่าใคร  (ถ้าไม่ใช่ว่ามันแต่งจนหล่อเกินตัวจริง) ในใจผมเองกลับรู้สึกไม่น่าดีใจ

น่าจะเป็นเพราะครูคนนี้ยึดไอพอดของต้องไป จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้คืนเลย ผมเลยมีอคติ

พอคืนกระดาษให้เสร็จพวกผมก็ตั้งแถวเดินลงไปที่สวนชมพูฯ

คราวนี้เป็นตาต้องวาดผม แน่นอนว่าสถานที่ย้งเป็นที่เดิม แค่เปลี่ยนคนถูกวาดและึนถูกวาด ไอ้ต้องกับผมตกลงกันว่าจะไปที่เดิม ที่ๆมันถูกยึดไอพอดไปนั่นแหละ

ยิ่งใกล้สิ้นปียิ่งหนาว เมื่อวานฟังข่าวปีนี้มีทีท่าว่าจะหนาวกว่าปีที่แล้ว แต่ที่โรงเรียนกลับยังไม่มีใครเอาเสื้อหนาวมาใส่ แฟชั่นใหม่ทดสอบความอดทนว่าใครจะทนหนาวขนไม่ลุกได้ดีกว่ากันมั้ง

ลมหนาวพัดมาเล่นเอาสะท้าน

"เฮ้ย นั่งนิ่งๆ"

สงสัยผมจะนั่งยุกยิก มองคนนั้นคนนี้ไปด้วย เยื้องๆไปทางด้านซ้ายเป็นไอ้แมคที่นั่งวาดอยู่ อยากเห็นผลงานมัน ไว้ครูเผลอแล้วค่อยแอบไปดู ส่วนไอ้เจนั่งหน้าเป็นตูดอยู่ไกลๆ มันนั่งเฉยๆไม่ค่อยจะเป็น ตั้งแต่รู้จักมันมามันก็ยุกยิกตลอด

ใบหน้าไอ้เจเวลามองไกลๆ กล้บมีส่วนคล้ายไอ้พีคนเดิมที่ผมรู้จัก เงาของเด็กตัวเล็กที่วิ่งซนกับผมฉาบขึ้นมา

นั่นสิ

ไม่ว่าจะเป็นพีหรือเจ มันก็ยังเป็นเพื่อนผม เพื่อนเป็นคำที่ผมรู้จักน้อยนิด และพีเป็นเพื่อนที่เคยช่วยผมไว้หลายครั้ง ถ้าไม่มีมันผมจะเป็นยังไงนะ

เรื่องตลก พอโตขึ้นมากลายเป็นช่วยคนละอย่าง มันกำลังจะซ้ำรอยบูม ผมเองก็ผิดเพราะไม่รู้จะรักษาเพื่อนยังไงนอกจากตามใจมัน ยิ่งเจอฮอโมนวัยรุ่นเข้าไปส่วนผสมยอดแย่ แค่ความอยากก็หน้ามืดแล้ว

จากคราวนั้นในห้องน้ำที่สระ ระยะห่างผมกับมันมีมากขึ้น ไม่สิ อาจจะไม่ใช่แค่ผมก็ได้ ทุกคนดูจะเริ่มหันหัวไปตามทางที่ตัวเองมุ่งไว้ เร่งความเร็วขึ้นอีกหน่อย

ไอ้หล่อที่อยู่ตรงหน้าผมนี่จากคนที่คอยกัดผมกลายเป็นมาพูดดีมากขึ้น เวลามันเปลี่ยนไปหรือคนมันเปลี่ยนกันนะ

แปะๆ อะไรตกใส่หัว

ผมต้องรีบหันกลับมามองมันอีก มันเอาเศษยางลบปาหัวมาแล้ว

"เฉยๆสิวะ"

ก็มันเขินนี่นา กูต้องนั่งจ้องหน้ามึงจริงๆเหรอเนี่ย

ไอ้คนวาดทำไมมันทำหน้าจริงจัง ก้มๆเงยๆ เวลาผมวาดมันเป็นแบบนี้เหมือนกันรึเปล่านะ สายตาแน่วแน่ที่จับจ้องมาที่ผม มันทำผมเขินจนไม่รู้จะว่ายังไง ธรรมดาใครมาจ้องก็มีอายกันบ้างอยู่แล้ว นี่เป็นไอ้ต้องด้วย ผมยิ่งรู้สึกไปใหญ่

"ยิ้มหน่อยดิมึง"

หือ เอาจริง?

"คนเห็นได้ขำกันตาย"

ไอ้ต้องหัวเราะ

ผมนั่งนิ่งรวบรวมสมาธิ ทำหน้าให้นิ่งที่สุด แล้วปล่อยให้เวลามันไหลไป ช้าหรือเร็วตามจังหวะลมที่พัดผ่าน มองมุ่งตรงไปข้างหน้า มองหาต้อง คนที่ผมเคยแอบมองมาตลอดจากด้านข้าง

เสียงดนตรีจิงเกิ้ลเบลลอยมาเบาๆจากชุดสายไฟปีใหม่สีเขียวที่มีหลากสีมีลำโพงปล่อยดนตรีแบบ 8 บิท

ผมชอบหน้าหนาวปีใหม่ที่สุด เวลานี้ตอนเด็กผมจะนั่งเล่นเปียโนอยู่บ้านคนเดียว แดดเย็นๆมืดๆ ปล่อยให้ลมหนาวพัดเข้ามา รอพ่อกับแม่กลับบ้าน

ใจผมสงบลง

ตอนนี้จ้องหน้าต้องตรงๆได้แล้ว

พอจ้องต่อไปนานๆชักจะเบื่อเหมือนกันแฮะ แอบหันไปมองคนอื่นเป็นบ้างครั้ง มันเลยทำให้ผมนึกถึงเรื่องไอ้ซันขึ้นมา ไอ้บ้านี่ ตอนที่ผมดูผลงานมัน ไม่เอาไหนเลย มันแก้ตัวว่า ก็วาดผุ้ชายนี่นา ถ้าผู้หญิงนมโตๆนะ มันจะดีใจมาก

ไม่รู้ว่ามันจะวาดหรือจะทำอะไรกันแน่ แล้วมันมักจะลงเอยทิ้งท้ายเอาไว้เสมอๆว่า เดี๋ยวเก็บไว้ฝันคืนนี้ดีกว่า ผมอยากจะถามมันสักวันนึง 'บ้านมึงใครซักกกนให้วะ' ถ้ามันไม่ใส่นอนกางเกงนอนมันจะเปลี่ยนทุกกี่วันวะเนี่ยสงสัยคงเป็นคราบเต็มไปหมด

นึกแล้วก็ขำ

ไอ้ต้องแอบเหล่มา

รู้สึกสีหน้าหงุดหงิด สงสัยจะบความคิดผมได้

“ไหนขอกูดูหน่อยดิ” ผมชะโงกหน้าจะลุกไปดู

“เบาๆดิ เดี๋ยวครูเห็น” ต้องงัดกระดานกลับมา

“เออ ดูดีวะ” ผมดีใจที่ออกมาหน้าเป็นผม แต่เอะ รูปมัน มันก็สอนนี่นา ไม่เห็นจะน่าแปลกใจเลย

“เก่งใช่มั้ยละ”

“งั้นแหละๆมึง กูดูดีตะหาก”

“เหรออออออ คนหล่ออย่างกูวาดให้ตะหาก” มันยักคิ้วข้างนึง

“เหรอออออ” ผมชูนิ้วกลาง

“ชอบโชว์เหรอ ไหนเอามาดูดิ” มันทำท่าจะแกะกางเกงผม ตอนนี้ตัวผมคร่อมโต๊ะอยู่

“ไอ้บ้า” ผมตีมือมัน

“มาขอก่อนเดะ” ฮ่าๆๆๆๆ พูดละอายตัวเอง

“เดี๋ยวขออนุญาติต่อก่อนนะ”

เออ พูดแล้วก็นึกได้ ไม่ใช่แค่ไอ้ต้องจะชอบผมรึเปล่า น้องมันอีกคนที่ขวางอยู่

“เออ แล้วเรื่องไอพอด ต่อมันว่าไงรึเปล่าวะ”

“มันยังไม่สังเกตุวะ กูก็เลยทำเป็นว่าไม่ค่อยได้ใช้” ต้องไหวไหล่

เออ ของผมก็ไม่ได้ใช้ ตั้งแต่รู้จักพวกมันมา ผมแทบไม่ได้เข้าโลกส่วนตัวอีกเลย อยู่พูดคุยกับพวกมัน ตลอดวันไว้ว่างๆเอามาฟังดีกว่า

หูฟัฃสีเขียวของไอ้เจด้วย

“เอาไปส่งเหอะ” ผมบอกมัน วิชานี้โดนหมายหัวอยู่

“อือ วันนี้บ่ายมีซ้อมนะ มึงมากับกูละ”

ผมเดินตามหลังยาวๆแคบๆของมันไป กระดานถูกหนีบเข้าไว้ข้างกับตัว ลมตีพัดหน้าผมปลิวไปมา

“ไปทำไมวะ?”

“หางานให้มึงทำไง”

อ้าว ไอ้ต้อง

“งานไรวะ มึงเป็นดรัมเกี่ยวไรกับกู”

“มึงจะไปนั่งร้องเพลงร้อนไข่มั้ยละ”

“เออ ไม่เอาวะ” ผมลืมไปเลย ช่วงนี้ทำไมลืมนั่นนี่บ่อยๆวะ

“งั้นมากับกู เดี๋ยวหาไรให้ทำ” 

อยากโดดเข้าไปกอดคอมันจังเลย ประโยคนี้น่าฟังจริงๆ

ข้าวกลางวันวันนี้พวกผมไม่ได้ขึ้นไปทานข้างบนให้เบียดกันเหมือนทุกที ไหนๆก็วาดมันในสวนนี่แล้วก็นั่งกินที่นี่ไปซะเลยแล้วกัน เพราะว่า ด้านข้างมันก็มีขายอาหารอยู่แล้วนี่นา เพียงแต่ว่า ต้องเสียตังค์จ่ายเพิ่มอีกสักหน่อย

สำหรับโรงเรียนพวกผมเรื่องแค่นี้มันเล็กน้อยอยู่แล้ว มีไอ้ต้องดูจะอิดออดนิดหน่อย

“เจ มึงไม่กินเหรอ” แมคถามมัน

“ไม่อะ กินครึ่งจานพอ” มันเอาช้อนส้อมเขี่ยๆข้าวออก

“ทำไมวะ ไม่อร่อยเหรอ” ผมคิดว่าจะแย่งมันกินซะหน่อย

“ป่าววะ กูจะลงแข่งบ่ายนี้ไง”

“เริ่มแล้วเหรอ” แมคเอามือไปดึงกางเกงนักเรียนไอ้เจ

ดูของที่อยู่ข้างใน

“ดูไรวะแมค” ผมถาม

“ก็ดูว่ามันใส่เกงว่ายน้ำมาเหมือนทุกทีป่าว”

“อยากดูมาก เดี๋ยวกูให้ดูตั้งแต่ก่อนใส่เลย” เจทำท่าจะรูดซิบละ

“ไม่เอาๆๆ กูไม่พิศวาสหนอนน้อยของมึง” แมคยกจานข้าวปิดหน้า

เจหงายมือดูนาฬิกาบนข้อมือ

ทุกคนเห็นว่าหมดประเด็นเล่นกันแล้วก็เร่งมือทานข้าว ที่สวนนี้คนไม่ค่อยลงมากินกลางวันกันเพราะมันต้องเสียเงินซื้อข้าวเอง แน่นอนว่าค่าอาหารก็รวมไปอยู่กับค่าเทอมแสนแพงเรียบร้อยแล้ว ข่าวลือเรื่องขึ้นค่าเทอมก็มาเป็นระลอกๆ

ใครจะอยู่ดีๆมาหาเรื่องเสียเงินเพิ่ม

“เออ มึงจะซ่อมวิชาฟิสิกส์ตอนไหนวะ” เจ ถาม

“ไม่รู้วะ ครูยังไม่บอกเลย รู้แต่ปลายปี แต่กูคงต้องหาเวลามาติวหนังสือละ” ผมเอาขากระแทกขาไอ้ต้อง

หน้าที่มึงนะ ไอ้ต้องมึงเสนอตัวแล้ว ฮ่าๆๆ

ไอ้ต้องเอาขากระแทกกลับ แล้วยกพาดไว้บนขาผม

ไอ้นี่!!!!

“เออ แล้วนี่พวกมึงเอาไงวะ ตกลงจะเข้าไรกัน” ผมอยากรู้แฮะ

“กูเข้าถาปัต ปีนี้นี่แหละ ยื่นแล้วได้แล้ว”

เฮ้ยยยยยยยยยยยย

“ที่ไหนวะ” ต้องถามขึ้น

“ไกลอะมึง แถวบางมดโน่น”

“ทำไมเลือกนั่นวะ”

“พี่กูบอกว่ามันเพิ่งเปิดคนคงไม่แย่งกันมากแล้วมหาลัยมันดังเรื่องวิดวะ ถ้าถาปัตมันก็ไม่น่าห่วย อ. ที่พี่ๆกูรู้จักจะไปสอนนั่นเยอะแยะ”

อา.. หายไป 1 แล้ว แน่ๆสินะ

“มึงละเจ” ผมอยากรู้

“ไม่รู้เลย วิดวะมั้งแต่ที่ไหนอีกเรื่อง”

“มึงอะต้อง” ผมหันไปถาม

“ก็เสดสาดวะ”

“ปีนี้เลยเหรอ”

ต้องหันมามองหน้าผมแต่ไม่ตอบ

มีแต่คนไปดี

“แล้วมึงละ” ทุกคนย้อนถามกลับมาพร้อมกัน

“เอ่อ...... ยังไม่รุ้เลยวะ คงบริหารสักที่ละมั้ง”

ผมไม่เคยคิดจริงจัง ยิ่งพอมารู้ว่าสาขานี้มันไม่ต้องใช้ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะที่ผมๆนั่งทนเรียนกันด้วย แล้วผมจะมาเรียนห้องนี้ทำไมถ้าไม่ใช่จุดประสงค์ที่จะหนีจากเรื่องบ้าๆบอๆพวกนั้น

แต่พอขึ้นม.ปลาย เรื่องพวกนั้นดูจะไม่มีใครใส่ใจ กลายเป็นว่าต้องมาเรียนในสิ่งที่ไม่ได้ใช้ ดังนั้นคณะที่เหลือพอจะเลือกได้ก็เหลือน้อยนิด

“วิชาอื่นน่ะกูไม่ห่วง แต่เลขนี่สิ” ผมมองออกไปทางอื่น

“ก็เรียนพิเศษแต่เลขสิวะ นอกนนั้นอ่านได้นี่” แมคบอก

“ก็จริง มันตัดกันที่คำณวณนี่แหละ วิชาสามัญยังไงมึงก็ได้เปรียบมึงไม่ได้แย่เท่าพวกห้องอื่นหรอก”

เจ ดันจานข้าวออกข้างหน้าเป็นสัญญาณว่า เสร็จแล้ว ข้าวเหลือเกินครึ่ง มันกินไปนิดเดียว

“มึงไม่ได้มองจากมหาลัยก่อนเหรอ”  ถามได้ดีต้อง

“ไม่อะ กูแอนตี้พวกนี้วะ กูรู้สึกว่าเรียนไปแล้วได้ใช้มั้ย มากกว่าจะเข้าไปเพื่อเอาชื่อเฉยๆ ถึงพี่กูสองคนจะอยู่จุฬาก็เหอะนะ กูอยากรีบเข้าด้วย”

แมคตอบได้ดีเหมือนกัน

"พวกมึงคิดว่า ชื่อมหาล้ยสำคัญกว่าคณะเหรอ หรือชีวิตมึงสำคัญกว่าวะ" ผมถามลอยๆ

ติ๊ดๆๆๆๆ

เหมือนเวลากดโทรศัพท์หาใครแล้วโดนตัดสาย แสดงว่าหัวข้อนี้ไม่เป็นที่ต้องการของพวกมัน จบที่คำตอบแมค

“ต้องมีงจะไปที่ไหน” แมคถามกลับ

“ท่าพระจันทร์ ใกล้บ้านและถูก”

ชัดเจนสมเป็นมันจริงๆ

"มึงก็ลองเลือกคณะไรก็ได้ที่นั่นดิเก้า มันไม่ได้ยากไปหมดหรอกนะ คะแนนสามัญแกได้ดีกว่าคนห้องเราอีกนะ"

ผมว่าผมเห็นแมคขยิบตาให้นะ

ใช่ ถ้าเรียนสามัญแต่แรกผมคงรุ่ง ใครจะรู้อนาคตละ

“ไปเหอะ กูต้องไปเตรียตัวแล้ว” เจลุกขึ้นยกจานไปเก็บ

คนทะยอยออกจากสวนไป หลายคนคงเริ่มจะไปเตรียมตัวก่อน ส่วนพวกเด็กๆนี่ ท่าจะได้วิ่งเล่นยาว เวลามีแข่งกีฬามักจะต้องการกองเชียร์เสมอ แต่ไม่เป็นทางการเท่าไร อย่างเช่น รอบสระว่ายน้ำ ที่ยืนรอบขอบสระมันเล็กคนที่เชียร์จึงมักจะเป็นสตาฟแล้วก็พวกที่เกี่ยวข้อง

พวกรุ่นพี่บางทีจะมาเดินๆดูแล้วเรียกเด็กๆที่แอบมาปนกลับไปเข้ากองเชียร์ที่ซ้อมกันอยู่

“แล้ววันนี้มึงซ้อมไหนวะ”

“ที่เดิมอะมึง แถวสระแหละ” ต้องเดินนำผมไป

“วันนี้เจแข่งนี่ ดูมั้ย”

“อยู่ริมสระอยู่แล้ว เสียงเฮมันก็บอกเองแหละ”

เออ.. เห็นหลายๆคนในชุดว่ายน้ำก็อยากดูเหมือนกันนี่นา

มองไปทางสระเห็นเจในชุดว่ายน้ำตัวเล็กของมันเดินอยู่ไกลๆ ไม่รู้ว่ามันงกไม่ซื้อใหม่หรือมันชอบโชว์กันแน่ รอบข้างเห็นไอ้บูมเดินป้วนเปี้ยนอยู่ เห็นคุยๆอะไรสักอย่าง

จริงๆแล้วผมคิดว่ามันเองก็น่าจะลงเหมือนกันนะ มันเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำนี่ ตัวมันถึงได้ตันๆไง แต่เตี้ยฮ่าๆ

“นี่ๆ ยุ่งเรื่องชาวบ้าน”

ต้องเอาหัวไม้เคาะหัวผม

“แล้วให้กูมาทำไรวะ”

“ดูแลกูไง”

หือ....

"ยังไงวะ"

"บอกแล้วไง กูจะเป็นแต่มึงต้องดูแลกูและไอ้น้องนั่นอีก 2 คน จริงๆแค่กูพอ"

ผมยังทำหน้างง

"ดีกว่าไปขึ้นแสตนด์นะ"

มันเอามือตีตูดผม

"โทษที ตัวมึงเตี้ยกูกะไม่ถูก"

"ไอ้บ้าาาาาาา"

ฮ่าๆๆๆๆ

ต้องเดินแยกซ้อมแล้ว หลักๆที่เห็นมันทำ ไม่เห็นจะทำอะไรเลย นอกจากโยนไม้ขึ้นแล้วรับ โยนแล้วรับ ทำอยู่อย่างนี้ตลอด ไม้ก็ยับเยินมันทำตกไปกี่รอบเนี่ย แต่เอะ มันน่าจะใช้กันมาหลายรุ่นแล้วมั้ง

ไอ้บูมขึ้นไปอยู่รอบสระ ผมยังไม่เห็นแววต่อ ลูกบอลคงไม่ลอยออกมาอีกนะ

“เหนื่อยวะ ร้อน”

“ไปซื้อโค้กให้หน่อยดิ” ต้องเอาปลายไม้ด้านแคบๆจิ้มๆขาผม

นี่สินะ การดูแลของมัน

“เอาแบบไหนละ ขวดหรือแก้ว”

“ขวด”

“โอเค” ผมเดินไปให้ก็ได้

ผมเดินไปซื้อที่สวนนั่นแหละ เลยไปหน่อยหนึ่ง สนามบอลมันอยู่ข้างหลังไกลไปอีก นี่ถ้า ต้อง ลงบอลนี่ผมเดินตายเลย ตรงสระว่ายน้ำกับสวนอาหารมันอยู่ห่างกันหน่อยเดียว หนึ่งในสามของระยะทางไปสนามบอลได้

สวนอาหารแทบไม่มีคนอยู่เลย เห็นเด็กๆ ยกถังน้ำขนาดใหญ่ มือจับที่หูหิ้วคนละข้าง ใส่น้ำแข็งเกือบเต็มถัง วิ่งสวนออกไป เด็กคนหนุ่งใส่แว่นท่าจะหนักจาแทบหลุดจากหน้า ผมตรงดำหน้าแดงยังกับตุ๊กตา

'วันนี้มันใช้น้ำเยอะยังงั้นเลยเหรอ'

พอผมได้โค้กเสร็จ ก็เดินถือทั้งขวดกลับไปหาต้อง

“มาแล้วมึง” ผมทำท่าเด็กเสริฟยกบริการมันถึงที่

“มาๆๆ เดี๋ยวป้อนให้เลยนะครับ อ้าปาก”

ต้องปัดออก

“ไอ้บ้า”  มันหัวเราะ

“น้องมาทำไรที่นี่ ไม่ไปเชียร์เค้าแข่งบอลวันนี้นะ”

“อ้อ เค้ามากับผมพี่”

“มาทำไรวะ มึงเป็นดรัมก็ซ้อมไปสิ”  ท่าทางเค้าหงุดหงิดแล้ว

ผมมองหน้าต้อง ซวยละไง

“ก็พี่ต้า ตกลงกับผมไว้ ผมหาคนมาช่วยได้คนหนึ่งถ้าไม่เอาพี่ก็หาคนใหม่ได้เลย” ต้องนั่งดูดโค้กไปด้วยท่าทางไม่รู้สึกอะไร

“พี่ต้าเหรอ งั้นก็โอเค”

แต่หน้าพี่อะ ไม่โอเค

ต้อง มึงไปตกลงไรไว้วะ

“อะไรวะต้อง”

“อ้อ กูตกลงกันไว้น่ะ ถ้ากูมาเป็นต้องได้เด็กรับใช้คนนึง ไหนๆกูก็ต้องเหนื่อย เปลืองเนื้อเปลืองตัวอยู่แล้วกูก็ต้องได้ไรมั่งสิ”

นี่มันกล้าขนาดต่อรองรุ่นพี่เลยเรอะ ผมคิดว่ามันตกลงแค่กับผม

“เสียเฮ มาจากทางสระว่ายน้ำ เริ่มแล้วสินะ”

สนามบอลคงกำลังจะเริ่มแล้วเหมือนกัน

“มึงจะไปเชียร์ต่อป่าว”

“ก็อยากไปนะ แต่ไม่รู้ว่าเค้าจะให้ไปมั้ย อันนี้ไม่อยู่ในข้อตกลง” 

งั้นก็แล้วแต่มันละกัน

ผมหันหน้าไปมองทางสระว่ายน้ำ แท่นที่จะลงโดดลงสระ มี 6 แท่น แต่มีคน 4 คน ก็ 4 สีนี่นา แล้วก็เด็กในชุดว่ายน้ำเดินไปมา คงแข่งกันหลายรายการละมั้ง

วันจริงมันไม่มีแข่งนี่นา รายการหลักของวันจริงน่าจะเป็น บอล บาส เชียร์ หลีด อะไรทำนอกนั้นเหมือนทุกปีละมั้ง อ้อ พาเหรดด้วย

ไอ้ต้องลุกขึ้นกลับไปโยนไม้เหมือนเดิม วางโค้กที่กินแล้วเหลือครึ่งนึงเอาไว้ ผมเลยแอบเอามาดูดต่อสักอึก ก่อนจะเดินไปชะโงกหน้าดูที่สระ มีกระดานไวท์บอร์ดอันเล็กอยู่ บอกรายการที่แข่งกับอีกอันที่บอกใครได้ที่หนึ่งอะไรบ้าง

หาๆดูยังไม่มีสีผมเลย มีแต่ที่สอง ไม่รู้ว่าไอ้เจลงรายการไหน และมันได้ที่เท่าไร

เสียงปรี๊ด ดังขึ้น

นั่งไงไอ้เจขึ้นไปยืนบนแท่นแล้ว ไอ้บูมอยู่ถัดไปสองอัน

ปรี๊ดอีกที ตามมาด้วยเสียงน้ำแตกกระจาย

เสียงเชียร์รอบสนามดังขึ้นกว่าเดิม น่าจะเป็นรายการสุดท้าย เพราะเหลือแค่รายการล่างสุดที่ยังไม่มีชื่อสีบอกตำแหน่งที่ได้

ผมมองไม่เห็นสภาพในสระเพราะอยู่ต่ำกว่า เห็นแต่น้ำกระจายตามแรงสะบัด ย้อนกลับไปอ่านที่บอร์ดอีกที

'แข่งฟรีสไตล์'

ท่าถนัดของไอ้เจ

ปรี๊ดดดดด ยาวๆ ดังขึ้น ท่าทางจะจบลงแล้ว เกิดนึกขึ้นได้ไอ้เจได้เหรียญมาจะแย่เอา ถ้าไม่ได้ก็สงสารมันอยู่

ครูคนหนึ่งเดินไปเขียนกระดาน

ที่หนึ่ง สี แดง... ไอ้บูมนี่หว่า

ที่สอง สี ฟ้า

ผมดีใจเล็กๆที่มันไม่ได้ แต่ก็เกิดนึกสงสัยไอ้เจมันพลาดไปได้ยังไง ผมไม่เห็นไอ้เตี้ยล่ำนั่นซ้อมเลยนะ ถึงมันจะเคยเป็นนักกีฬาแล้วมันก็เก่งกีฬาเกือบทุกอย่างก็เหอะ

ไอ้บูมเนี่ยผมเห็นมันมาป้วนเปี้ยนตามสีผมบ่อยๆ เดาๆว่ามันคงมาเพื่อจะหาเรื่องผมเป็นหลัก มันรู้จักคนเยอะ ไปไหนก็มีแต่คนนิยมชมชอบมัน ไม่รุ้ชอบมันลงได้ยังไง อย่างรุ่นพี่ที่ลากคอผมออกไปคนนั้นก็คนนึงละ มันเอาเวลาตอนไหนไปซ้อมละเนี่ย

ดูๆแล้วตัวผมเองเนี่ยช่างว่างงานยิ่งนัก ไม่ได้มีความสามารถอะไรเป็นพิเศษเลย ต่อเองก็ลงแข่งบอล เจลงว่ายน้ำ แมคก็ไปทำแสตนด์ตัวผมเองกลายเป็นเด็กส่งข้าวส่งน้ำไปซะงั้น แต่ก็ดีอยู่จะได้อยู่ใกล้ต้องมากขึ้น ถึงผมจะทำได้แค่นี้ก็เหอะ

อีกไม่นานเมื่อพวกมันแยกย้ายไปหมด อย่างน้อยๆก็ได้ใช้เวลาที่ดีๆร่วมกันบ้างแล้ว ผมพยายามเก็บความทรงจำดีๆเอาไว้

เดินกลับมาเห็นต้องสอนเด็ก ม.4 อีกสองคนที่โดนรุ่นพี่ลากตัวมา หน้าตาดี แบบลูกคนจีนขาวๆ แต่ตัวไม่สูงนัก คงได้มาเป็นเพราะรุ่นพี่ชอบละสินะ พวกดรัมเนี่ยมันหาคนหน้าตาดีมาเป็นกันเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้ขบวนพาเหรดอยุ่แล้ว

ใจแอบคิดไปว่าถ้าต้องดูแลไอ้ต้องเวลาซ้อมก็ต้องช่วยดูแลน้องสองคนนี้ด้วยดิสนะ ไม่เป็นไรหรอก เรื่องมากจะส่งไอ้ต้องไปตบกบาลมัน

ระหว่างนั่งดูเบื่อๆ ผมจะควานหาหูฟังที่ลืมเอามา

“ต้อง ต่อมันไม่สังเกตจริงๆเหรอว่า ไอพอดหายไป”

“มันไม่พูดอะไรนะ มันคงยุ่งอยู่ด้วยละมั้ง”

“น้องชายแสนดีขนาดหาสาวให้พี่ได้ทุกปีเนี่ยนะ”

“มันก็แค่แนะนำให้รู้จักเฉยๆ” ต้องยืนค้ำหัวมองลงมาที่ผม

“คิดว่ามึงจะสานต่อซะอีก”

ผมเบี่ยงหน้าออก เพราะเวลาผมนั่งแล้วมันยืนค้ำ เป้าจะอยู่หน้าผมพอดี

“อย่าไปฟังคนอื่นเลย มึงเห็นกูไปใช้เวลากับใครมั้ยละ”

จริงของมัน ถ้ามีแฟนเป็นงี้ คงเสียใจตาย

“นี่ มึงไปดูบอลมั้ย” ผมชวนต้อง

“กูรู้ว่ามึงอยากดูต่อแข่ง นี่ครึ่งแรกน่าจะหมดแล้วมั้ง ไปมะ”

มันลังเลอยู่สักหน่อย

“ไปดิ”

มันเอาไม้ไปฝากเด็กๆ สองคนนั้นแล้วเดินมาลากแขนผม

“เฮ้ยๆ ทำไรวะ”

“เดี๋ยวมานะพี่ เพื่อนผมมันปวดท้อง”

อ้าว ไอ้นี่ อ้างกันยังงี้เลย นี่กูต้องแกล้งปวดท้องตามมันด้วยมั้ย

“ขี้ไม่ออกเหรอ ไปสวนตูดให้มันสิ จะได้หาย”

เสียงน้องๆหัวเราะกันขึ้นมา

นั่นไง กูโดนเล่นเลย

“สวนแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”

ไอ้สัสสสสสสส มึงจะรับมุกมันไปทำไมวะ

“ไอ้ต้อง ไอ้บ้า” ผมกัดฟันพูดเบา

มันเอามือลูบก้นผมเบาๆสองสามที

ตอนนี้ผมต้องทำหน้าแกล้งปวดท้อง หน้าลอยๆ ตามึนๆไว้ก่อน

จำไว้นะมึง

“หึหึ หรือมึงอยากโดนกูสวนจริง”

ไอ้เวรรร ไม่เล่นด้วยแล้ว

มันลากผมออกไปอย่างเร็ว

มันเร็วๆพอกับอาการปวดท้องของผมที่หายสนิทเป็นปกติทันทีที่ออกจากระยะสายตาพี่ๆพวกนั้น

มันพาผมวิ่งผ่านรอบสนามบาส ทางเดินนี้บริเวณเดียวกับที่ปีที่แล้วมีงานวิทย์แล้วเจลากแขนผมวิ่งผ่านไปตามซุ้มต่างๆ ปีนี้ไม่มีงานวิทย์ เพราะดันไปจัดที่โรงเรียนอื่น ทางเดินนี้ยาว บ่ายหน้าหนาวอย่างนี้ มืด และเงียบ สนามบาสไม่มีคนใช้ ทางเดินไม่ได้เปิดไฟ บ่ายคล้อยแล้วไม่มีแสงมาถึง

ต้องยังคงกำข้อมือผมแน่นแล้วลากผมวิ่งไปจนสุดทางเดิน

ก่อนจะถึงด้านหลังของสนามบอล

แอบอยู่แถวนี้แหละ เดี๋ยวโดนจับขึ้นแสตนด์ ผมอยู่ด้านหลังของอีกฝั่ง ดังนั้นจึงเผชิญหน้ากับสีผม เห็นหน้าผู้เล่นแต่ละคนชัดเจน ป้ายข้างสนามก็ขึ้นคะแนน เสมอกัน 1-1

ลูกแรกใครยิงหว่า

ไม่ใช่ไอเจแน่ๆ เพราะมันแข่งว่ายน้ำชนกับบอล ไม่รู้จะใช่ต่อที่เล่นกองหน้ารึเปล่า

เวลาข้างสนามเหลืออีกนิดหน่อย สีผมโดนสีแดงตัดบอลได้ โยนเข้าไปสนามฝั่งผม สีแดงบุกแล้ว ลูกบอลป้วนเปี้ยนอยู่หน้าประตูสักพัก ก่อนจะส่งไปเข้าขาใครสักคนหนึ่งแล้ว ยิงเลียดพื้นเข้าประตูฝั่งผมไปเรียบร้อย

2-1 แย่ละสิ

หันไปตรงทางเดินริมตึก ไอ้เจเดินคุยมากับไอ้บูม มันคงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว มายืนดูอยู่ที่ขอบสนาม

ไอ้บ้าสองตัวนั่นมันเชียร์กันออกนอกหน้าเลย ไอ้บูมอยู่สีแดงไม่ใช่เหรอวะ มาเชียร์สีตัวเองสินะ ไอ้นี่ก็ลงไม่ทันเหมือนกัน ส่วนไอ้ต้องนี่ไม่แสดงออกแต่เห็นสีหน้าก็รู้แล้ว ลุ้นอยู่เหมือนกัน

“ห่วงไอ้ต่อจะแพ้อะเดะ”

“ป่าว น้องกูเก่งอยู่แล้ว”

ต้องแลบลิ้นอายๆ

โกหก

ผมจับอาการมันได้ เวลามีอายมันจะทำหน้าโต จากตาตี่ๆของมันเวลาทำตาโตแล้วดูต่างเพียงแค่เล็กน้อย แต่จะยิ้มๆไปด้วย ยิ่งถ้ามันแลบลิ้นเมื่อไหร่นี่ใช่เลย มันกำลังโกหก

ห่วงไอ้ต่อก็บอก

นกหวีดหมดเวลาก็ดังขึ้น แพ้ไปแล้ว 2-1 ถ้างวดหน้าไอ้เจลงบอลก็งานหนักละ

เป็นอันว่าจบบ่ายวันนี้ไปอย่างเศร้าสร้อย แต่คนที่เศร้าดูเหมือนจะเป็นต้องคนเดียวคนอื่นไม่มีท่าทีจะสนใจ เหล่าซอมบี้ก็ยังมีพลังงานเต็มเปี่ยมคว้าอะไรยุกยิกขึ้นมาอ่านและไม่สนใจอะไร

นึกภาพเวลาพวกมันไปขึ้นแสตนด์ไม่ออกเลย คนซังกะตายหรือไม่ก็เอาหนังสือมานั่งอ่าน นั่งทำแบบฝึกหัดไปด้วยตบมือไปด้วยมั้ง

"ต้องเสียใจป่าววะ"

"ไม่อะ แค่นัดแรกเอง"

"แต่น้องมึงโอเคนี่ ดูเล่นเก่งนะ" ผมชมจริงๆ

"เออ มันชอบเล่น"

"มึงไม่เสียใจก็ดี" ผมเอื้อมไปตบบ่ามัน

"เสียใจละ มาให้กอดที"

มันหันมากอดผมแล้วอุ้มขึ้นบ่าไป

"ปล่อย ไอ้บ้า" นี่ผมตัวเบายังงั้นเลย

"ตัวเท่าน้องกูจริงๆด้วย"

มันวางผมลงที่ริมทางแถวนั้น

อ๊อดเลิกเรียนดังไปทั่วโรงเรียนผ่านทางลำโพงรอบสนาม

เด็กทะยอยเดินลงจากแสตนด์ต้องคว้ามือผมวิ่งขึ้นไปรอบนห้อง

"ไปก่อนต่อจะมาเหอะ"
ไอ้แมคถือกระเป๋ารออยู่แล้วขอตัวกลับก่อน ส่วนไอ้เจก็หายหัวล้มหายตายห่าไปไหนไม่รู้ทุกวัน จากที่สนามเมื่อกี้มันไม่ได้เดินตามขึ้นมา รอสักพักก็ยัง

ผมกับต้องเลยกลับกัน 2 คน

กระเป๋านักเรียนของเจอลยถูกทิ้งตากแดดในห้องเดียวดาย ภาพนี้ผมเห็นบ่อยขึ้นจนชักชินตา

"ต้อง แล้วมึงจะติววันไหน"

"ก็เสาร์นี้มั้ยมึง"

ผมโอเค อยู่แล้ว

"เออ กูสงสัยนานละ ทำไมมึงไม่เคยเห็นกลับกับต่อมั่งวะ"

"เมื่อก่อนก็เป็นงั้นนะ ตั้งแต่ม.ปลาย กูก็แยกๆกับมัน เดี๋ยวนี้มีไอ้แมคกับมึงกลับด้วยนะ"

"เออ ว่าไปไม่ได้รวมตัวกันสามคนอีกเลยเนอะ"

"ถึงเวลาแยกย้ายแล้วมั้ง"

ต้องพูดเงยหน้ามองฟ้า

จังหวะที่แยกกันที่หน้าบ้านแมค บ้านหลังนี้เคยเปิดต้อนรับพวกเราเสมอ ไม่ว่าจะเย็นแค่ไหน บางครั้งทุ่มนึงก็ยังเปิดอยู่ ร้านเครื่องเสียงอื่นๆคงจะปิดไปแล้ว วันนี้ไฟด้วยเล็กหลายด้วยที่เคยเจิดจ้าให้แสงออกมาถึงนอกตึก วันนี้มืดสนิทมีเพียงประตูเหล็กกับช่องดำๆ บนประตู

แมค

"ผมกดชื่อแล้วโทรออก"

รอสายอยู่นานจนเกือบจะวางสายไปก่อนแล้ว

“เก้าว่าไงวะ"

"เออ ไม่มีไร เห็นบ้านมืดๆคิดว่าไม่อยู่"

"ป่าวๆ เดี๋ยวกูจัดของหน่อย ค่อยคุยกันนะมึง"

"เค"

ท่าทางจะยุ่ง

ลมพัดแรงผ่านมาประทะเล่นเอาขนลุกเลย ปีนี้อากาศเย็นมาก ฟ้าสีส้มของหน้าร้อนกลายเป็นสีม่วงเข้มตัดกับสีฟ้าเขียวแบบหน้าหนาว แทบไม่เหลือแสงให้เห็นแล้ว ใกล้สิ้นปีเข้าไปเรื่อยๆ หมดปีนี้ถ้าไม่รอนับถึงวันเกิด พวกเราก็จะแก่ขึ้นอีกปีในปีหน้า

เสียงเพลงจิงเกิลเบลยังดังไล่หลังผม

หน้าห้างและร้านค้าทั่วทั้งถนนพร้อมใจกันติดข้อความฉลองคริสมาสที่ปีนี้หนาวเป็นพิเศษ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
คือความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันตาย
คือความสัมพันธ์ที่ไม่เคยห่างหาย
คือความสัมพันธ์ที่ไม่รู้สึกเดียวดาย
จนกว่าจะถึงสุดท้ายที่ตายจากกัน

เพื่อนคือความเท่าเทียม
ไม่มีผลประโยชน์อื่นใดแอบแฝง
นั่นเพราะเรารักกัน

+1 ครับ

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
รู้สึกว่าตัวเองจะพิมพ์ผิดเยอะเหมือนกัน ขอโทษคนอ่านด้วยเพราะว่า ใช้มือถือในการพิมพ์

มันไม่มีทวนคำผิดให้ T T ต้องมานั่งไล่อ่านเอง มันก็มีหลุดไปบ้าง

อายจัง :m15:

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
เสียงพลุกับวงเหล้า ตอนที่ 11 จับมือ

คำถามที่โผล่ขึ้นมาบนห้วเหมือนเป็นเครื่องหมายคำถามคือ ผมจะนัดต้องที่ไหนดี

'เสาร์นี้ไปติวที่ไหนดีละเนี่ย'

มันยังต้องการคำตอบ

สงสัยไม่พ้นร้านกาแฟ นึกอะไรไม่ออกเป็นต้องเข้าร้านกาแฟทุกที แน่นอนว่า ผมติดกาแฟกับขนมซินนามอน แต่เวลามองผู้คนมีปฏิสัมพันธ์ไปมา ในขณะที่ผมต้องนั่งอยู่คนเดียว มันดูขัดกันดี สนุกที่ได้มองดูสังเกตุชีวิตคนอื่น

จนกระทั่งมันกลายเป็นนิสัยไปแล้ว

ส่วนของกินก็จะแวะทุกครั้งที่เจอร้านไหนมีขาย แต่ทำบ่อยๆมันก็เปลืองใช่เล่นอยู่ ผมได้ค่าขนมเด็กม.ปลายนะ พอเปรียบเทียบกับพวกไอ้ต้อง ผมว่ายังดีกว่ามัน ไอ้ต้องมันขี้งกเกินกว่าจะยอมกิน

ไอ้คนที่พอจะมีรสนิยมใกล้เคียงดูเหมือนจะเป็นไอ้เจซะมากกว่า บ้านมันมีตังค์เลยใช้จ่ายไม่ค่อยขี้เหนียว

ผมนัดไอ้ต้องที่ร้านกาแฟโดยผมให้มันเลือกสถานที่ มันจะได้ไม่บ่นถ้าเกิดเป็นว่าไปแล้วมันไม่ถูกใจ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้มันหงุดหงิดนั่นแหละ

มีเหตุผลบนโลกล้านแปดที่จะทำให้มันอารมณ์แปรปรวน

ร้านกาแฟเปิดใหม่ตราผู้หญิงถือหาง

ต้องเลือกร้านในห้างประจำที่อยู่ใกล้โรงเรียนและไม่ไกลมาก

ห่างจากสยามเยอะ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ในห้างที่คนเยอะจนผมต้องรีบคว้ามารับ อายเสียงเรียกเข้าที่ยังใช้เพลงเก่าๆอยู่เลย

"โหล"

"เออ กูจะถึงแล้ว รอแป๊บกำลังเดินไป" ผมรีบยัดถ้อยคำลงโทรศัพท์บอกมัน

"กูนั่งรออยู่ละ"

"มึงได้ทำมาก่อนป่าววะ"

ผมเงียบไป

ชิบหาย ไม่ได้อ่านอะไรมาก่อนเลย

"หนังสือที่กูให้ไปน่ะ"

เมื่อวาน ผมกำลังพลิกๆหน้าหนังสือที่ต้องพับมาให้อยู่ แต่ก็หลับไปก่อน

"แล้วงี้จะให้เริ่มตรงไหน"

เสียงเหมือนพี่ชายที่กำลังไม่พอใจน้องชายที่ไม่ยอมทำการบ้าน

ในหัวผมว่างเปล่า ไม่รู้จะเริ่มบอกตรงไหน

"เอ่อ ก็ไม่รู้เหมือนกันวะ ว่าตรงไหน ตั้งแต่แรกเลยมั้ง" ผมตอบเสียงอ่อยๆ

คราวนี้มันเงียบ เสียงจอแจรอบข้างดังทะลุหูโทรศัพท์เข้ามา

"ต้องร้านไหนวะ ตรงชั้นล่างป่าว"  เสียงเปลี่ยนเป็นอ่อยๆแทน

"ใช่ กูนั่งอยู่เนี่ยหาไม่เจอเรอะ" มันโกรธแหงๆ

เข้าไปให้มันด่าตรงๆดีกว่า

คนมันก็เยอะนะครับ ชั้นล่างของห้างเนี่ยมันคนเยอะมาก เนี่ยคนแน่นยังกับหนอนอัดกันลงไปในกระป๋อง มันใกล้จะสิ้นปีแล้ว

รู้สึกว่ายิ่งโตเวลาก็ยิ่งผ่านไปเร็ว เดี๋ยวเดียวก็คงจะคริสมาส รู้ตัวอีกทีก็สิ้นปีแล้ว วันคริสต์มาสโรงเรียนผมไม่ได้หยุด

ผู้อำนวยการเองผมยังไม่แน่ใจเลยว่าจะเอาศาสนาไหนกันแน่ เช้าสวดคริสต์เย็นสวดพุทธ

"เออ คนเยอะสัสอะ จะอ่านรู้เรื่องมั้ย" ผมยกมือทักทายมัน

สีหน้ามันบูดนิดหน่อย คนในร้านกาแฟนี้เยอะมาก

ร้านกาแฟชื่อดังที่เพิ่งเข้ามาขยายฟรานไชส์ ตั้งอยู่ส่วนหน้าชั้นล่างเป็นกระจกไปครึ่งร้าน ผมชอบที่กลิ่นกาแฟกับโทนสีส้มของร้าน เสียอย่าง คือ เพลงฟังยากไปหน่อย พวกแจ๊สจ๋าๆ ไอ้แมคมาคงชอบ

"ใครให้มึงเลือกมานั่งร้านกาแฟละ"

"ก็มันเบื่อนี่นา อยากออกมาข้างนอกบ้าง"

ผมหรี่ตาจ้องมัน

"อยากเที่ยวอะสิไม่ว่า" มันย้อน

รอยยิ้มจางฉายมาที่มุมปากต้อง

ผมแลบลิ้นเลียนแบบมัน

แม่งรู้ทัน

"เออ สอบกลางภาคอะหลังเปิดปีใหม่ ยังมีเวลา ซ่อมน่ะอาทิตย์หน้า เอาซ่อมก่อนละกัน"

ผมเปิดสมุดดู จดก็จดนะ เรียนในห้องก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้าง ไม่ใช่ไม่รู้อะไรเลย แต่ทำไมทำไม่ได้วะ

"นี่ ดูเล่มนี้นี่"

ต้องล้วงเอาสมุดแบบฝึกหัดแบบที่มีวางขายตามร้านมาให้ดู (มันมีกี่เล่มวะ ที่ให้มาก็เล่มนึงละ) มันพลิกๆไปที่หน้า 70 กว่า

หัวข้อที่เพิ่งสอบผ่านไป ถูกพิมพ์สีดำเข้มอยู่ด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ที่มุมด้านซ้ายของกระดาษสีน้ำตาลราคาถูก แต่ราคาหนังสือน่ะแพง

มันเอานิ้วยาวๆชี้ไล่ให้ดูที่ข้อนึงในบรรดาโจทย์หลายๆข้อ ที่เรียงต่อกัน มีช้อย 1-4 เรียงต่อลงมาจากคำถามทุกข้อ

นิ้วไปหยุดอยู่ที่ข้อหนึ่ง

"เฮ้ย คุ้นๆนะ"

คำถามแบบเดียวกันเลย

"เออ แม่งเอามาจากในนี้แหละ พวกที่ซื้อมาทำบ่อยๆ มันจับได้แล้ว"

ต้องชี้ให้ดูตัวอย่างอีกข้อ เหมือนเปี๊ยบแค่เปลี่ยนตัวเลข

"นี่ข้อสอบใช้สอบเก็บคะแนนมันยากกว่าที่แม่งสอนเยอะ สอนง่ายออกยาก"

ต้องพยักหน้า

"พวกนี้เป็นข้อสอบเอนฯ ถ้าเด็กที่เรียนพิเศษมาจะรู้ว่าที่สอนน่ะแค่พื้นฐาน โจทย์ที่เอามาออกน่ะเป็นข้อสอบเอนฯเก่าๆ"

พูดจบ ต้องนั่งเปิดหาอะไรบางอย่างในหนังสือ

"อ้อ พวกมึงทำเยอะดิ ถึงจำได้"

ลมหายใจระบายออกจากจมูกโด่งเป็นสันแต่เล็กของมัน

"น้อยนะ มึงดูไอ้ไก่ดิ ไอ้อ้วนแว่นของมึงน่ะ แม่งทำทุกเล่มที่วางขายหมดแล้ว"

ต้องพูดทำท่าเซ็งๆ มันเองคงรู้สึกว่าตัวเองด้อยไปเลย

"มันจะเข้าไรวะ?"

ถ้ามันอ่านเยอะซะขนาดนี้ละก็

"หมอน่ะ" ต้องตอบเรียบๆ

"คิดว่าสมัครงานนาซ่า อ่านฟิสิกส์เป็นอ่านการ์ตูน แม่งสอบหมอต้องใช้เหรอวะ เพื่ออะไร ประเทศชาติ"

มันคือเรื่องที่คาใจผมมาตลอดว่า ทำไมอยากเป็นหมอต้องเรียนภาษาไทย วรรณคดีงี้ เรียนพละงี้ สังคมอีก พวกนั้นมันเอาไปใช้ที่ไหนคนเรียนก็ไม่ได้อยากเรียนเลย

ส่วนผมที่ชอบเรียนวิชาพวกนั้นกลับไม่ได้มีสาขาที่อยากเรียนในด้านนี้

เออ ก็แปลกดี

คิ้วย่นๆปรากฎขึ้นต่อหน้าผม มาคู่กับแววตาไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด

"ไว้มึงเป็นรัฐมนตรีแล้วไปแก้นะ" ต้องเอาสมุดเคาะหัวผม

โอ๊ย

"เออ เดี๋ยวกูเลี้ยงกาแฟก่อน"

หาอะไรขมๆที่มีคาเฟอีนลงคอ เพื่อจะกระตุ้นสมองที่ขี้เกียจอยู่ให้ทำงานได้บ้าง

คาเฟอีนเปรียบเป็นน้ำมันหล่อลื่นให้เกียร์ในสมองทำงาน ถ้าในสมองผมยังมีฟันเฟืองพวกนั้นที่พอใช้งานได้นะ

"เอาไรวะ" ผมยืนคร่อมหัวมันอยู่

"ไรก็ได้แพงๆ คุ้มค่าตัวกู"

"งก"

ผมเอามือวางบนหัวมัน แล้วจะเอามืออีกข้างทุบบนฝ่ามือผม แรงกระแทกเบาๆจะถูกส่งลงไปที่หัวคนโดนกระทำไม่เจ็บมาก

ทุบตรงๆมันจะเจ็บ

ต้องเอื้อมมือมาคว้ามือข้างที่วางอยู่ก่อนเอาไว้

"มือนิ่มนะ"

ผมสะบัดออก

"คว...."

กวนตีน

เสียงต้องหัวเราะลั่นมาจากข้างหลัง

ในร้านคิวแน่นจริง กว่าจะซื้อได้ก็ไม่ต่ำกว่า 15 นาที

ร้านตกแต่งสีฉูดฉาดตรงนั้นตรงนี้ด้วยข้อความ ป้าย สีแดงสลับเขียว

กาแฟร้อนบนถาดถูกนำมาวางที่เค้าเตอร์

ผมปรุงก่อนแล้วยกไปที่โต๊ะ

"นี่มึงไม่ใส่เสื้อตัวอื่นมั่งเหรอ"

ผมถามมัน ในตอนนี้มือสองข้างถือถาดที่ใส่กาแฟที่ซื้อมาสองแก้ว

แก้วที่แรงๆสำหรับผม แล้วก็อีกแก้วผสมนมน้ำแข็งให้ต้องจะได้ไม่แก่เกินไป  ผมหัดกินกาแฟมาตั้งแต่เด็กแค่นี้สบายมาก แต่มันนี่สิ เดี๋ยวมันจะกินไม่ได้

ผมเอาถาดวางลงบนโต๊ะกลมข้างหน้ามัน

โต๊ะลายหมากรุกน่าเล่น แต่เต็มไปด้วยสมการฟิสิกส์ทำลายประสาทสายตา

เพิ่งสังเกตุ ต้องมันแต่งตัวแบบนี้ประจำ เจอกี่ทีๆก็เสื้อยืด อย่างดีก็แค่เปลี่ยนสี

"ก็กูชอบนี่"

"ใครจะเหมือนมึงใส่สองชั้นแต่งตัว ทำซะเท่อย่างกับมาเดท ไม่ร้อนเหรอวะ"

"แค่เสื้อยืดแล้วเสื้อนอกเว้ย"

ก็ปกติผมชอบงี้นี่นา

เสื้อยืดสีฟ้าอ่อนกับกางเกงยีนเข้ารูปที่เน้นขายาวๆของไอ้ต้อง ใส่ซะรัดติ้วเลย ตูดก็ไม่มี ฮ่าๆๆ ไม่รู้มันจะโชว์อะไร แต่ดูแล้วน่าจับดูว่ามันจะแบนแบบที่เห็นจริงมั้ย (เอะ เหมือนเคยจำได้ว่าแฟบ) ทำไมเวลาใส่รัดๆมันดูดีหรือยังไงนะ อึดอัดออก นอกจาเสื้อกับกางเกงยีนส์แล้ว มันมีเครืองประดับที่ข้อมืออีกสองเส้น สีเข้ากับชุด หือ มันก็เลือกเหมือนกันนี่หว่า

"จะทำมั้ยน่ะ คุยเล่นอยู่ได้"

"คร้าบบบบบ" มันเปลี่ยนโหมดแล้ว

มันสอนผมคร่าวๆก่อน แบบเดียวกับที่ครูสอน แต่ตัดส่วนเวิ่นเว้อออกไป

แล้วก็ให้ทำโจทย์แบบในห้องสอบ

ทำๆไปได้สองสามข้อท่าทางผมไม่มีหัวด้านคำนวณจริงๆ

"ย้ายที่มั้ยมึงข้างในว่างแล้ว"

ต้องชี้ไปทางด้านในที่เป็นเก้าอี้กลมกับโต๊ะกลมขนาดกลางๆตัวหนึ่ง โต๊ะใหญ่กว่าตัวนี้

ข้างในน่าจะสะดวกกว่า

โต๊ะใหม่ติดหลังกำแพงเข้าไปซะสุด

น้ำแข็งในแก้วของต้องเริ่มละลาย เวลาผ่านไปเนิ่นนานกับโจทย์ฟิสิกส์ที่ไม่ขยับไปถึงไหน ไอ้ต้องมันก็นั่งทำของมันไปด้วยแต่ไม่ใช่สำหรับสอบซ่อมอย่างผม มันเตรียมสอบตรงเข้ามหาลัย เป็นอีกหนึ่งคนที่คิดว่าน่าจะได้แน่ๆ

"ไม่กินวะ" ปากกาผมไปชี้ๆที่แก้ว

"กินแล้ว กูไม่ค่อยชอบกาแฟ"

"แล้วไม่บอกกูก่อน" แม่งเสียดายเงิน

"มึงอะกินไป จะได้ไม่ง่วง ไม่ให้นอนตักนะ"

ผมหรี่ตามองมัน

เออ เริ่มง่วงจริงด้วย

แล้วใครจะนอนตักมึงไอ้ขี้เก๊ก

มือจับไปที่แก้วขาวขุ่นเซรามิค มันกำลังอุ่นได้ที่ จากที่เคยร้อนจนยกดื่มไม่ได้ ผมยกเข้าปากกลืนลงไปได้สองคำ

"ต้องมึงจะสอบได้มั้ยวะ"

มันเอาปากกาเคาะหัวผม

"ยุ่ง ทำไป ทำไม่ได้มาถามกู เรื่องอื่นไม่ต้องถาม"

ข้อสอบแค่ยี่สิบข้อ ผมทำไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว

เวลามันสอนผมมันชอบเอาปากกาที่กัดมาเคาะๆหัวผมไปด้วย เวลาที่ผมไม่เข้าใจเนี่ยมันจะเอามาจิ้ม มันบอกวิธีนี้ทำแบบเดียวกับต่อเหมือนกัน

มันจะช่วยให้เรียนรู้เรื่องขึ้นเหรอวะ หาไรมาจิ้มๆตลอด

ตัวเลขข้างหน้าเริ่มเบลอ สูตรที่ใช้คำนวณเริ่มตีกัน วิธีคิดที่ใช้การแตกแรงบ้าบออะไรตอนนี้หัวผมจะแตกแทนแล้ว ทำไมกูต้องมารู้ด้วยวะ ว่าความเร็วเท่าไรแรงตึงเชือกเท่าไร

ท่าทางกาแฟจะไม่ช่วยอะไร

"ขอเวลานอกแป๊บ"

ผมล้มตัวฟุบลงกับโต๊ะ ขอ15นาทีละกันนะ

ก่อนปิดตาลงผมเหลือบไปมองทางเค้าเตอร์ สะท้อนถึงตัวผมเองตอนที่ไปซื้อเครื่องดื่ม

ผมรอคิวอยู่นานกว่าจะได้เข้าไปสั่ง

"ลาเต้เย็นแก้ว ก้บอเมริกาโน่ครับ"

"น้องๆเป็นแฟนกันเหรอ" พนักงานขายถามขึ้น

เสี้ยงปี๊บที่เครื่องยังดังอยู่ แต่ตาคนกดมองมาที่หน้าผม

"เอ่อ ป่าวครับ" ผมก้มหน้าหาเงินในกระเป๋า

พี่พนักงานดูยิ้มๆ ไอ้ต้องมันหน้าตาก็ใช้ได้ ผู้หญิงคงชอบกันสินะ

แล้วทำไม จู่ๆผมในหัวผม ได้ยินเสียงตัวเองตอบไปว่า

'ใช่พี่ ผมอยากให้เค้าเป็นแฟนผม พี่ไม่ต้องมายุ่งเลยนะ'

หึหึ

เสียงรอบข้างเงียบหายไป ความเพ้อเจ้อที่เค้าเตอร์กาแฟในจนตาการของผมก็สลายไปราวกับไอน้ำจากหม้อต้มกาแฟที่พอลอยสูงก็จะจางมลายไป

หน้าจอผมกลายเป็นสีดำไปนานแค่ไหนไม่รู้

นานๆครั้งจะมีเสียงหัวเราะกับเสียงเพลงแปลกๆเข้ามาที่หู อาจเป็นเพราะร้านนี้เปิดเพลงแจ๊สที่ผมไม่เข้าใจ นอนฟุบโต๊ะอย่างนี้คงหลับไม่สนิทมาก เสียงภายนอกเข้ามาตีในสมอง

อีกสักพักใหญ่ก็มีอะไรมาจิ้มๆที่มือผมอยู่ คงจะเป็นไอ้ต้อง แต่ง่วงอย่างนี้ปลุกยังไงก็ไม่ขึ้นแล้ว

เริ่มเมื่อยแฮะ

นอนคว่ำหน้านานๆน้ำลายจะไหล

ผมเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ

เหอะ

ไอ้ต้องก็หลับเหมือนกัน มันฟุบหัวลงบนแขนตัวเองข้างหนึ่ง หันหน้าออกไปทางขวาแขนอีกข้างเหยียดยาวออกมาทางผม

เอะ

มันจับมือผมอยู่

ผมลุกขึ้นนั่งตัวตรงตื่นเต็มตา ดูนาฬิกาข้อมือ ครึ่งชั่วโมงได้ มันนอนจับมือผมมานานเท่าไรแล้วเนี่ย เสียงหัวเราะก่อนตื่นเมื่อกี้คือ เสียงคนขำกันสินะ

ผมค่อยๆ เอามือออกช้าๆ

ลุกเดินไปที่เค้าเตอร์ไม้สีน้ำตาลเข้ม

พนักงานเปลี่ยนกะแล้ว คนที่ถามผมไม่อยู่

"ขอน้ำเปล่า 2 แก้วครับ"

"มากับแฟเหรอคะน้อง"

เอ่อ ไม่ใช่ครับ ผมรีบส่ายหัว เป็นอีกคนที่ถาม

"เสียดายออกจะน่ารักทั้งคู่เลย ถ้ารักกันก็คงดี"

 ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ

เอาเข้าไป

กลับไปที่โต๊ะ วางน้ำลงก่อน ผมยังยืนจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ดีว่านอนตอนบ่ายๆยังงี้ไม่เคารพธงชาติไม่งั้นไม่ได้ลุกไปเอาน้ำแน่ๆ

ผมสะกิดต้องที่แขนเบาๆ

"ตื่นเหอะ"

มันคว้ามือผมแน่นแล้วนอนต่อ

เอ่อ สะบัดสิครับ อายเค้า

ถ้าที่อื่นนะจะไม่ยอมให้มันปล่อยเลย

ผมเขย่าตัวมัน

ผอมแฮะ ผิดกับไอ้เจเลย

"อือ กี่โมงละวะ" เสียงงัวเงีย

"3"

"เอ้า น้ำ"

"ขอบใจ" มันรับแก้วไปกระดกทีเดียวหมด

"ไหนดูที่มึงทำดิ" คนพูดยังไม่ลุกจากโต๊ะดีเลย มันเอาแขนท้าวคางขึ้นมา

ผมยื่นกระดาษที่แสดงวิธีทำให้มันดู

มันเปิดสมุดเอาเฉลยมาเทียบ

"ถูก ทำได้นี่ ข้อที่ผิดนี่เดี๋ยวกูสอน แล้วลองเปลี่ยนตัวเลขแล้วทำใหม่"

มันอธิบายข้อที่ผมทำผิด ทำให้ผมจากที่ไม่เข้าใจเลย มาเป็นเข้าใจขึ้นมาอีกนิดหน่อย ก็คนมันโง่นี่นา ถ้าฉลาดคงไม่มานั่งซ่อมงี้หรอก

ไอ้คนสอนก็สอนได้นะ ทั้งๆที่เพิ่งพลุบหัวขึ้นมาจากโต๊ะแท้ๆ

"มึงว่ามันจะยากมั้ยวะ"

"ไม่น่านะ ครูขี้เกียจออกจ้อสอบกันจะตาย"

ทำยังกะบเคยซ่อมงั้นแน่ะ

"เออ แล้วปีใหม่มึงไปไหนป่าว" ผมถามมันด้วยทำไปด้วย

"ไม่นะ" มันทำท่าครุ่นคิด

"ไปบ้านแมคมะ" ผมยิ้มเห็นฟัน

"จะแดกเหล้าอะดิ"

มันเอามือตีหัวผม

"เด็กใจแตก" แน่ะว่าอีก

ดีกว่าอย่างอื่นแตกละน่า

เงาวูบผ่านไปข้างๆ ผู้หญิงในชุดมหาลัยคนหนึ่งกำลังถือหนังสือกับกาแฟลงมานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะข้างๆ

"สวยเนอะ" ผมสะกิดให้ต้องดู

"ชอบแบบนี้เหรอ" มันเขียนใส่กระดาษ

"ก็สวยดี" ผมเขียนตอบ

"แก่" มันเขียนตอบ

"ประสบการณ์เยอะ" ผมขยับกระดาษไปใกล้มัน

"ตอแหล" มันเอาปากกาเคาะหัว

ทำไมงี้ไม่เขียนวะ พูดมาทำไม

ผู้หญิงคนนั้นนั่งหัวเราะมาทางพวกเราสองคน

"กลับเหอะ เย็นละ"

"รีบเหรอ" ถ้ามันรีบผมจะได้หยุดไว้ก่อน

"ต่อมันรอกินข้าวน่ะ"

"น้องหรือแม่วะ"

ผมขำ

"น้องเขยมึงงะ"

คว....

ผมชูนิ้วกลางให้มันสองมือเลย เอ้า

"เล่นไรวะห่า"

"มึงน่ะ พูดงี้เอาไว้หยอดกับผู้หญิงโน่น"

ผมเก็บของลุกละ ตอนแรกว่าจะชวนมันเดินเล่นต่ออีกสักหน่อย

"ขอบใจนะมึง"

"เออ เดี๋ยวมึงกลับเลยใช่ป่าว" สมุดหนังสือของต้องถูกยัดลงในกระเป๋าสะพายแต่เล่มที่มันบอกออกสอบมันโยนมาให้ผม

เอ่อ ตอบไงดีวะ

"ยังวะ มึงกลับก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวกูว่าจะเดินต่อ" ผมยืนมองต้องมันถือกระเป๋าในชุดสบายๆ

มันใส่แบบนี้ตัวมันยิ่งสูงยาวเข้าไปใหญ่ มันเริ่มออกเดินไปที่ถนน

"อ้อ"

"มึงทำไรต่ออะ เดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อน" มันเปลี่ยนใจหันหลังกลับมา

"ดูของนิดหน่อยน่ะ"

ผมบอกมันไม่ได้

ต้องกดโทรศัพท์แล้วโทรออก

"เดี๋ยวกลับช้าหน่อยนะ แวะซื้อของกินไปด้วย ถ้าต่อหิวกินก่อนได้เลยนะ"

เงียบไปสักพัก

"รู้แล้วฝากบอกแม่ด้วย"

เสียงเปลี่ยนสงสัยจะไม่ค่อยดี

"เป็นไรป่าว" ผมสร้างปัญหาให้มันมั้ยเนี่ย

"ป่าว ไปกัน"

มันสะกิดไหล่ผมออกเดิน

ซวยละสิ จะไปดูไงวะเนี่ย

ผมกะว่าจะไปซื้อของปีใหม่ให้มันซะหน่อย สงสัยจะไม่ได้ซะแล้ว ร้านรวงทุกที่แต่งร้านเป็นแบบคริสต์มาสหมด ป้าย สุขสันต์ปีใหม่ แปะอยู่ทั่วไป บางร้านเอาหิมะเทียมมาวาดเป็นรูปมนุษย์หิมะ

เพลงประจำช่วงคริสต์มาสเริ่มเล่นวนไปมา มีหลากหลายเวอร์ชั่น ทั้งผู้ชายผู้หญิงร้อง

ข้างนอกห้างน่าจะอากาศดี แต่ฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าอ่อนตอนนี้เริ่มเป็นสีเทาเข้ม บ่งบอกว่าเวลากล้บบ้านกำลังงวดเข้ามา

ผู้คนออกมาเดินกันเหมือนกับฝูงนกที่บินกลับเข้าบ้าน ตรงข้ามมนุษย์ตกเย็นช่วงสิ้นปีออกจากบ้านมาสังสรรค์ วันนี้ก็น่าจะเย็นๆอีกวันเห็นคนใส่เสื้อหนาวตัวบางๆ

แต่ในห้างนี่น่าจะร้อนแรงด้วยป้ายลดราคา ป้ายแดงและตัวเลขเป็นเปอร์เซนต์มีให้เห็นอยู่ทั่วไปหมด

ผมกะมาดูไอพอดลดราคาให้มันซะหน่อย

วันนี้แห้วไป

เล่นเดินตามประกบหลังขนาดนี้ จะไปร้านไหนก็เข้ามาคุมเข้มตลอด กลัวใครมาข่มขืนผมรึไงนะ

คิดว่าน่าจะรีบส่งมันกลับได้แล้ว

"ต้องกลับกันเหอะ"

ผมรู้มันรีบ

"อือ"

มันเงยหน้าหารถแท๊กซี่ทันทีที่ออกมาถึงจุดเรียกรถหน้าห้าง แสดงว่ารีบจริง

เลยไม่ได้ชวนมันดูอย่างอื่นเลยว่ามีอะไรที่มันชอบหรือเปล่า ไม่เป็นไร ไว้วันหลังแล้วกัน

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าโทน และ จังหวะของเรื่องนี้เป็นยังไง แต่ก็อดขัดใจกับความไม่ชัดเจนของทั้งต้องและเก้าไม่ได้...
อ่านไปก็พยายามเตือนตัวเองให้ใจร่ม ๆ แต่ตามประสาคนอ่านอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ แหละค่ะ ที่ย่อมจะอยากเห็นความชัดเจนเป็นรูปธรรมจากคู่พระนายที่จวนจะ จวนจะกันอยู่หลายต่อหลายรอบเหลือเกิน - ไม่รู้เราใจร้อน หรือเป็นห่วง กลัวจะเกิดเรื่องไม่ดีกับเก้ากันแน่ (โดยเฉพาะเรื่องบูมกับเจ - เราแอบจัดเจออยู่ในพวกเดียวกับบูมไปแล้วนะเนี่ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า)

อย่างไรก็ตาม เราก็จะตามติดสองหนุ่มต่อไปค่ะ (ถึงจะมีบางวูบที่รู้สึกว่าตอนจบของเรื่องนี้จะเป็นแค่ความทรงจำของใครคนใดคนหนึ่งก็เถอะ - อันนี้เรามโนเอานะคะ)  อยากรู้ว่าต้องจะทำยังไงกับตัวเอง และอยากรู้ว่าเก้าจะก้าวข้ามความไม่แน่ใจ ความกังวล และช่วง coming out ของตัวเองได้ยังไง จุด ๆ นี้นี่ลุ้นอย่างเดียวว่า ขอให้เก้าผ่านมันไปให้ได้อย่างสวยงามและไม่เจ็บปวดก็พอ


ขอโทษที่เราไม่ได้เมนท์ตลอด (เราจะเมนท์วันเสาร์เป็นหลัก) แต่ยืนยันว่าเราอ่านนะคะ
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ... เป็นกำลังใจให้อย่างแรงเสมอค่ะ   :L2:


ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ถ้าเข้ามาอ่านเรื่องนี้
แล้วเจอพระเอกชื่อ "ต้อง"

ก็ต้องเม้นท์ว่า..

จับมือไว้
แต่ไม่ไปด้วยกัน

ฮ่าฮ่า
ก็มันจริงอ่ะ

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0


ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าโทน และ จังหวะของเรื่องนี้เป็นยังไง แต่ก็อดขัดใจกับความไม่ชัดเจนของทั้งต้องและเก้าไม่ได้...
อ่านไปก็พยายามเตือนตัวเองให้ใจร่ม ๆ แต่ตามประสาคนอ่านอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ แหละค่ะ ที่ย่อมจะอยากเห็นความชัดเจนเป็นรูปธรรมจากคู่พระนายที่จวนจะ จวนจะกันอยู่หลายต่อหลายรอบเหลือเกิน - ไม่รู้เราใจร้อน หรือเป็นห่วง กลัวจะเกิดเรื่องไม่ดีกับเก้ากันแน่ (โดยเฉพาะเรื่องบูมกับเจ - เราแอบจัดเจออยู่ในพวกเดียวกับบูมไปแล้วนะเนี่ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า)

อย่างไรก็ตาม เราก็จะตามติดสองหนุ่มต่อไปค่ะ (ถึงจะมีบางวูบที่รู้สึกว่าตอนจบของเรื่องนี้จะเป็นแค่ความทรงจำของใครคนใดคนหนึ่งก็เถอะ - อันนี้เรามโนเอานะคะ)  อยากรู้ว่าต้องจะทำยังไงกับตัวเอง และอยากรู้ว่าเก้าจะก้าวข้ามความไม่แน่ใจ ความกังวล และช่วง coming out ของตัวเองได้ยังไง จุด ๆ นี้นี่ลุ้นอย่างเดียวว่า ขอให้เก้าผ่านมันไปให้ได้อย่างสวยงามและไม่เจ็บปวดก็พอ


ขอโทษที่เราไม่ได้เมนท์ตลอด (เราจะเมนท์วันเสาร์เป็นหลัก) แต่ยืนยันว่าเราอ่านนะคะ
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ... เป็นกำลังใจให้อย่างแรงเสมอค่ะ   :L2:

ขอบคุณครับ แค่นี้ผมก็มีกำลังใจแล้ว

เอ... คันมืออยากมี coming out เหรอ บางทีอาจจะผิดก็ได้นะ 555

ตอนจีบกันนี่แหละ สนุกสุดแล้ว


ถ้าเข้ามาอ่านเรื่องนี้
แล้วเจอพระเอกชื่อ "ต้อง"

ก็ต้องเม้นท์ว่า..

จับมือไว้
แต่ไม่ไปด้วยกัน

ฮ่าฮ่า
ก็มันจริงอ่ะ

ขอบคุณมากๆเช่นกันนะครับ

ผมว่าแค่นี้ ไอ้ต้องมันก็กล้ามากแล้วนะ ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ไอติมหวาน ซ่านลิ้น น่ากินมาก
ช้อนจะตัก ใส่ปาก ฝากไว้ก่อน
จะแลบลิ้น เลียจับ กลับหาวนอน
โธ่!พี่ต้อง ไอ้อ่อน จับป้อนเลย--เก้า

ฮ่าฮ่า
ชักเข้าชักออกอยู่นั่นล่ะ เพ่ต้อง

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
เสียงพลุกับวงเหล้า ตอนที่ 12.1 : ค้างบ้าน (อีกแล้ว)

กำหนดสอบซ่อม มีครูมาเขียนไว้บนกระดานตอนไหนไม่รู้ เพราะห้องนี้มีผมคนเดียวที่ตก คนที่เขียนเลยไม่รู้ว่าตั้งใจจะประจานกันหรือไม่

ถ้าไม่ตั้งใจจะเขียนทำไมให้คนมาบอกก็พอแล้ว นี่เล่นเขียนตัวใหญ่ๆประจานหน้าห้องเลย

บนกระดานสีเขียวมีลายชอล์กสีขาวอยู่ที่มุมซ้าย ตัวอักษรขนาดเกือบสี่นิ้ว

อ่านได้ว่า

'นัยวิทย์ สอบซ่อมวันนี้ ตอนเย็นห้อง2'

เพราะเป็นชื่อผมนี่แหละ ผมเลยสามารถเดินเข้าไปลบกระดานได้แบบไม่ต้องถามใคร

พวกไอ้เจนี่ก็หัวเราะขำกันใหญ่

"ครูเน้นชื่อมึงเนอะ"

ทำเป็นขำอย่าตกมั่งแล้วกัน

"ซวยหน่อยนะมึง"

"พอเลยแมค" ผมทำหน้าเซ็งกลับไปที่นั่ง

นี่ก็ใกล้คริสมาสแล้ว ในใจภาวนาให้มีอะไรดีๆเกิดขึ้น ช่วงเวลานี้ของทุกปีผมจะมีความสุขที่สุด เวลาสิ้นปีเรียนจะน้อย อากาศเย็น ผู้คนร่าเริง แถมงานก็น้อย พ่อแม่จะมีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น ไปไหนก็ดูจะเจอแต่ผู้คนหน้าตามีความสุข

แต่ปีนี้ของผมกลับไม่ค่อยรู้สึกเป็นอย่างนั้นเท่าไร

 พ่อแม่ไม่ค่อยกล้บบ้าน (ที่ยังใช้คำว่าไม่ค่อยเพราะไม่เห็นเลยไม่แน่ใจกลับมั้ย) แถมสอบตก (แค่สอบย่อยก็แย่แล้ว อยู่ห้องเด็กเก่งนี่ อายเค้า)

เย็นวันนี้สงสัยจะต้องอยู่เย็น กว่าจะได้สอบก็โน่นหลังเลิกเรียน พวกมันก็คงไม่มีใครมารอผมสอบซ่อมหรอก วันนี้ได้กลับคนเดียวแน่แล้ว นั่งคิดเพลินๆไปว่า เย็นนี้สอบเสร็จไปแวะบ้านแมคดีกว่า

เมื่อออดดังหมดคาบสุดท้ายก็อดจะรู้สึกตื่นเต้นเล็กๆไม่ได้  บางทีเพราะว่าผมต้องไปสอบห้องอื่นแถมยังมาจากห้องนี้คนเดียวด้วย

ผมถือปากกาไปด้ามนึง แล้วไปยืนรอหน้าห้อง 2

“เฮ้ย มึงตกเหรอเก้า”

ใครสักคนทักขึ้น

“เออดิ แม่งเซ็งวะ”

ผมตอบอายๆ

เหมือนคนแปลกหน้า ยังกับหมาหลงฝูง

“เอาน่าๆ ห้องกูตกเพียบเลย กูก็อยู่ซ่อมเนี่ย”

มีบางคนที่ผมรู้จักพอจะคุยได้บ้าง ก็เลยทักทายกันตามประสาคนไม่ได้คุยกันนาน มีเหมือนกันที่ยังคิดว่าผมเป็นเพื่อนมันอยู่ ไม่ใช่เด็กผู้ชายที่บ้าผู้ชายไล่จับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว

“ซัน ไปไหนวะ”

ผมเห็นมันแต่งชุดเล่นกีฬาเดินผ่านหน้าผมไป

“ซ้อมบอลๆ”

“คราวหน้าแพ้ก็มีสิทธิ์ตกรอบแล้วนี่หว่า” ผมแซวมัน

“เออดิ นี่ไอ้เจก็ลงไปซ้อมด้วยเนี่ย” มันเดินหลบคนที่เริ่มเก็บของกลับบ้านเข้ามาใกล้ผม

“เหรอ มันก็ลงไปด้วยเหรอ”

“ใช่ น้องต้องก็มา”

งี้พี่ชายตัวอย่าง อย่างไอ้ต้องน่าจะไปดูมันซ้อมสินะ

“มึงมาซ่อมใช่มะ”

คนถามยิ้มดูอารมณ์ดี ไม่มีแววดูถูก

“เออ เซ็งอยู่เนี่ย” ผมส่ายหัว

"ไอ้ต้องติวมาให้แล้วแหละคงพอไหว"

“เอาเหอะ ทำได้เต็มมันก็ให้แค่ครึ่งเดียว เพราะซ่อมนี่” ซันบอก

“เออจริง แต่ถ้าตกอีกไม่รู้เป็นไงวะ ฮ่าๆ”

“มึงอ่านมาดียังละ”

“ก็ฝากความหวังไว้ที่ต้องมันติวๆให้อะ” ยังหวั่นๆแฮะ

ไอ้ซันเอาตัวมาแนบติดกับผมเลย

“เฮ้ย เดินระวังหน่อยดิ”

ใครที่ไหนไม่รู้คงเดินชนมันเข้า เดี๋ยวนี้มันสูงกว่าผมไปแล้ว พอเข้ามาใกล้ๆถึงเห็นว่า ปากมันอยู่ตรงจมูกผมพอดี ก้มลงไปมองขายาวๆของมันแล้วอิจฉา แม่งกินอะไรเข้าไปนะ

“งั้นมึงไปซ้อมเหอะ เดี๋ยวกูเข้าห้องแล้ว”

“เออ ไว้เจอกัน สนามข้างล่างอะมึง เสร็จแล้วลงมา” ซันโบกมือลา

“โอเคๆ”

ในห้องเรียนไม่มีที่นั่งไหนว่างอยู่ แสดงว่าเด็กตกกันเยอะเท่ากับจำนวนห้องเรียนหนึ่งห้องเลยทีเดียว 

วิชานี้ก็ขึ้นชื่ออยู่ว่ายาก

ครูก็เริ่มแจกกระดาษข้อสอบ ดูดีๆหน้าตาคุ้นเคยมาก มันเป็นชุดเดียวกับที่ทำไปตอนสอบคราวที่แล้วน่ะแหละ ไม่ได้ออกใหม่เลย

ไอ้ต้องมันทายถูก

ดังนั้นที่มันสอนผมไว้เมื่อวันเสาร์ มันก็น่าจะออกมาตรงตามนี้เหมือนกัน

“เฮ้ย ตุ๊ด เอามาลอกมั่งดิ”

ใครไม่รู้ข้างๆสะกิดผม

ผมหันไปมองหน้าแล้วไม่พูดอะไร

“เฮ้ย มึงอะ เอามาดูมั่งดิ”

ระหว่างที่ทำไปก็นั่งนับไปด้วย มันเรียกผมว่าตุ๊ดไปกี่ทีแล้วเนี่ย ข้อสอบมันไม่กี่ข้อ รีบๆทำรีบๆไปดีกว่า

ใช้เวลาไม่นาน ข้อสอบชุดนี้ผมก็ทำเสร็จ ถึงจะได้เต็ม คะแนนที่ออกมามันก็ครึ่งเดียวอยู่ดี  ถ้ามั่นใจว่ายังไงก็ผ่านแน่ๆแล้วคราวนี้ ผมจะตั้งใจทำไปทำไม

“เฮ้ย ดูหน่อยดิ อย่างก”

ผมหันไป แล้วเอากระดาษที่ใช้คิดคำตอบวางไว้ต่อหน้าพวกมัน ทีนี้มันก็รุมกันเข้ามาเพื่อหาว่าข้อไหนเป็นข้อไหน ซ่อมเนี่ยครูให้แสดงวิธีทำด้วย ดังนั้นจะแค่กาๆในข้อสอบไปไม่ได้ ดังนั้นวิธีคิดคร่าวๆผมจึงทำใส่อีกแผ่นนึง แล้วค่อยลอกใส่กระดาษคำตอบ

ผมปล่อยพวกมันไว้อย่างนั้นแหละ เอาข้อสอบไปวางไว้ที่โต๊ะครูหลังห้องแล้วเดินออกไป

“เก่งสมเป็นตุ๊ดจริงๆ”

เออ ตามสบายพวกมึง

สับขาออกจากห้อง 2 เลี้ยวเข้าห้องผมคว้ากระเป๋า

ผมเดินเร็วๆลงบันไดที่อยู่ตรงกลางตึก ในใจก็คิดไปด้วยว่าจะแวะไปดูพวกนั้นที่สนามบอลดีมั้ย มันจะมีแข่งอีกทีวันไหนนะ นี่ก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้ว ไม่รุ้จะยังเตะกันอยู่มั้ย ยังไงแวะไปดูหน่อยแล้วกัน

บนตึกเรียนตอนนี้แทบไม่มีความเคลื่อนไหวหลงเหลืออยู่แล้ว เวลาลงไปแต่ละชั้นก็อดมองไปทางห้องเรียนแต่ละห้องที่เคยเรียนไม่ได้ เหมือนมีอะรไบางอย่างกวักมือเรียกความทรงจำเก่าๆกลับขึ้นมา ห้องเรียนที่เรียนตอน ม.ต้น หน้าห้องที่บูมมันชอบหาเรื่องผม ซอกตึกด้านนั้นที่เจเคยพาผมไปทำอะไรด้วย

5 ปีในโรงเรียนแห่งนี้

 มาถึงชั้นล่างสุด เหลือบมองนาฬิกา เวลาสี่โมงกว่าๆ หวังว่าพวกนั้นจะยังไม่กลับกันไปหมด มองไปทางฝั่งสนามบอล ยังเห็นคนตัวเล็กๆวิ่งกันไปมาอยู่ แสดงว่ายังซ้อมกันไม่เสร็จ

ที่สนามคนใส่เสื้อผ้าเหมือนกันหมด เสื้อยืดกับกางเกงพละ ผมต้องแยกเอาจากหน้าตาของคนเล่น เริ่มจากประตูน่าจะง่ายที่สุด นั่นไง ซันอยู่ทางซ้ายของสนาม

ผมวิ่งอ้อมขึ้นไปบนแสตนด์เยื้องกับประตู นั่งหลังประตูเดี๋ยวจะมีบอลลอยออกมาอีก ยิ่งหลังคนรักษาประตูเลยยิ่งดี ไอ้ซันจะได้รับไปแทน

“ซัน เป็นไงวะ”

“เสร็จแล้วเหรอ มึง ทำได้มั้ย” ตายังจ้องไปที่ลูกบอลไม่สนใจผม

“ตรงตามที่ไอ้ต้องบอกเป๊ะๆเลยวะ”

“ผ่านแล้วดิงั้น” ก็ยังไม่หันกลับมา

“ไม่รู้”

ตอนนี้ฝั่งโน้นกำลังเลี้ยงบอลมาทางผม หลบดีกว่าเพื่อความชัวร์

ฟิ้ว เสียงบอลลอยข้ามคานไป

“แล้วนี่ถึงกี่โมงวะ” ผมถามซัน

“ไม่รู้อะ”

ในสนาม ทีมฝั่งผมก็ผู้เล่นชุดเดิมๆ มีเพิ่มไอ้เจขึ้นมาคนเดียวเพราะมันแข่งว่ายน้ำครบทุกรายการที่มันลงไปแล้ว มันจึงกลับเข้ามาซ้อมบอลต่อ

ไอ้ต่ออยู่กองหน้า คู่กับไอ้เจเลย

“เห็นต้องมั้ยอะ”

ซันส่ายหน้า

“เออ เก้าเมื่อคืนนี้ ...”

“เออ กูบอกแล้วว่า ชักว่า.. ซะ ทำเป็นแล้วมึงจะติดใจ”

ไอ้ซันหัวเราะใหญ่

“รู้เหรอกูจะพูดอะไร”

“ถ้ามึงเริ่มว่าเมื่อคืนนี้เนี่ย ไม่พ้นเรื่องนั้น” ผมหัวเราะ

มันยังแบ่งสมาธิมาเล่าได้นะ

มองหาต้องไม่เจอแฮะ มันไม่มาเฝ้าน้องมันหรอกเหรอเนี่ย แต่ดันไปประสานตากับคนที่ไม่อยากจะเจอ ไอ้บูมยืนอยู่สนามฝั่งตรงข้าม ทำท่าจะเดินมาทางนี้ นั่นไง มันเห็นผมแล้วจริงๆด้วย

ผิดคาด แทนที่มันจะเดินเข้ามา มันกลับดิ่งไปหาต่อ

ซวยกว่าเดิมอีก

ไอ้บูมตะโกนเสียงดังข้ามสนามมา

“รอผู้ชายเหรอ!!!”

นั่นไง

ผมลุกยืนขึ้น

ขาไปกระแทกกับไม้รองพื้นดังปัง

“เก้าใจเย็น” ซันห้ามไว้

“ขอจัดมันสักทีเหอะวะ”

ยังก้าวขาลงจากแสตนด์ได้ไม่ถึงขั้นสุดท้าย

ไอ้เจลากตัวบูมออกไปจากสนามก่อน

“ใครไม่เกี่ยวกลับบ้านไปเลย อย่ามากวนตีนกันแถวนี้” รุ่นพี่คนนึงชี้มาทางหน้าผม

กูอีกแล้ว ทำไมไอ้บูมมันไม่เคยโดนเลยวะ

“ซันกูกลับก่อนนะ”

"โชคดีๆ" ผู้รักษาประตูที่รักษาสิทธิ์ผมไม่ได้ตอบรับ

ผมโบกมือให้เจมัน

มันไม่ตอบ

ไอ้บูมยังอยู่ต่อ มันเดินเช้าไปคุยอะไรสักอย่างกับพี่คนนั้นแล้วมันก็ลงไปนั่งข้างสนาม

เออ สิทธิ์พิเศษมึงเยอะจริงนะ ทำไมคนในโรงเรียนนี้ใครๆก็ชอบมันวะ

ไอ้เด็กบ้าขายตรง นอกจากอ้อล้อครูแล้วมันไปอ้อล้อใครมาบ้างวะ

ผมเดินออกจากสนามบอลไป ปล่อยให้พวกมันซ้อมกันอยู่อย่างนั้น ค่อยๆทิ้งระยะห่างจนเสียงต่างๆนั้นเงียบหายไปข้างหลัง เมื่อเดินเลยออกไปซักหน่อย ทั้งโรงเรียนก็กลับสู่ความเงียบแบบเดียวกับตอนแรก พวกที่สอบซ่อมก็น่าจะกลับไปหมดแล้ว มันได้เฉลยไปแล้วนี่ ถึงจะไม่ถูกหมดก็เหอะ (และก็ไม่มีทางถูกหมดด้วย)

“แมคไหนวะ” ผมโทรหามัน

“บ้านรุ่นพี่วะ ทำแสตนด์อยู่ มีไร”

“ป่าววะ กูหาใครไม่เจอ”

“เออ กูยุ่งอยู่ ค่อยคุยกัน”

“เค” ผมวางสายไป

กลิ่นคลอรีนฉุนเตะจมูกผม สระว่ายน้ำอยู่ทางขวามือ ผมเดินทางด้านซ้ายของถนนที่คั่นระหว่างแนวต้นไม้กับสระว่ายน้ำ งั้นวันนี้ก็กลับบ้านเลยดีกว่า คิดได้งั้นผมก็มุ่งหน้าจะเดินกลับบ้าน ไม่ได้สนใจรอบข้างอีก

“เฮ้ย”

ผมสะดุ้ง ใครมาตะโกนข้างหลังวะ

“อ้าว มึงอยู่นี่เหรอ”

“เออ โดนจับมาซ้อมน่ะ”

ร่างสูงๆ ในชุดนักเรียนตอบ มันคงไม่ได้ตั้งใจจริงๆ กระเป๋ากับเสื้อหนาววางกองอยู่ที่เสา ท่าทางหน้าตาดูเปื่อยๆ

“เป็นไงมึง ไม้ตกพื้นมั้ย”

“ไม่อะ คนเก่งอย่างกูมีหรือจะพลาด”  มันโยนไม้โชว์รอบนึง แขนขายาวเข้ากันดีจริง

ไม้ลอยขึ้นไปสูง หมุนเป็นวงกลม

ร่วงลงมาหยุดยู่ในกำมือต้องแล้วหมุนควงไปรอบเอวหนึ่งรอบ ก่อนจะมาหยุดจับที่กลางไม้แล้วแนบเข้ากลับหน้าอก

“เหอะ”

ผมไม้รู้จะชมอะไรมัน

“เป็นไรวะ ทำได้ป่าว ทำไมดูเซ็งๆ”

“กูคิดว่า พวกมึงกลับไปหมดแล้วนะเนี่ย”

อากาศหน้าหนาวมันทำให้ความรู้สึกเหงาแฮะ สิ่งแปลกใหม่ในชีวิตผม

คำว่า 'เหงา'

ทำไมเด็กๆไม่รู้สึกนะ

“กลับบ้านคนเดียวไม่ได้เหรอไง”

ผมโดดตัวหลบทัน ไอ้บ้านี้ เอาไม้มาจิ้มๆผมทำไมเนี่ย

“ไม่ขนาดนั้น กูไปหามึงที่สนามบอลมาไม่เจอ เจอแต่ต่อ”

“อ้าว เหรอ” คราวนี้กลายเป็นต้องที่เสียงเปลี่ยนไป

“มึงจะกลับยังละ” ผมเอากระเป๋าไปทิ่มๆมันบ้าง

มันหลบได้

“ก็เดี๋ยวกลับแล้วก็ได้ เห็นว่าอาทิตย์หน้าจะซ้อมเข้าสนามจริงแล้ว พี่เค้าเลยจับมาโยนๆซะหน่อย เดี๋ยวร่วงไปจะไม่ดี”

“แล้วอีก 2 คนละ”

ผมหมายถึงไอ้เด็กม.ต้นนั่นน่ะ

“ไม่รู้วะ”

มันหันหลังโชว์แผ่นหลังแคบๆให้ แล้วเดินเอาไม้ไปวางไว้ตรงซอกตึก พร้อมหยิบกระเป๋านักเรียนมาหนีบไว้

“ไม่หายเหรอมึง”

“ใครจะเอาไป”

ก็จริงของมัน

คนเอาไปคงบ้ามาก เอาไม้ดรัมไปเก็บไว้ควงเล่นที่บ้านเหรอไง

“ตกลงมึงทำได้ป่าวเนี่ย”

“ได้ดิวะ เพราะมึงเลยนะเนี่ย” ผมแหงนมองหน้ามัน

“เหรอ งั้นต้องให้รางวัลกูละ”

“เดี๋ยวเลี้ยงหนังมะ”

“อืออออออ... ดูก่อน” มันทำหน้าครุ่นคิด ลากเสียงยาว

ดูมีเลศนัย

“วันนี้กูไปเที่ยวบ้านมึงดีกว่า”

หือ!!!!!!

“เฮ้ยๆ” มันเอาจริงเหรอ

"จริงดิ จะไปทำไรวะ"

"นั่งเล่น เลี้ยงข้าวกูด้วย"

มันทำท่าทางบุญคุญ

“เออ ตามใจมึง”

อยู่ๆก็จะมา เอาแต่ใจชิบหาย

ผมกับต้องลงจากรถเมล์ที่เดิม หน้าบ้านแมค

พวกบรรดารถเข็นขายของข้างทางก็ยังมีวางขายอยู่ ตอนนี้เพิ่งจะหกโมง ยังไม่เย็นมาก อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองบ้านแมค วันนี้ก็ยังมืดสนิท ดูปกติไปซะแล้วในระยะหลังนี้

แปลก บ้านมันอยู่กันหลายคนแต่ทำไมมันถึงได้เงียบขนาดนี้ รู้สึกเหมือนบ้านเปล่าๆ

ลมเย็นวูบพัดมาปะทะเข้าที่หน้า สงสัยพรุ่งนี้ไปเรียนได้เอาเสื้อหนาวติดไปด้วยแล้ว นี่หนาวขึ้นอีกแล้วเหรอเนี่ย ปีนี้ถือว่าเย็นกว่าทุกปีที่ผ่านมา

หันไปมองไอ้คนตัวสูงๆข้างผม ที่ตอนนี้มันเอามือล้วงดึงเสื้อนักเรียนออกมานอกกางเกง ปลดกระดุมเสื้อเม็ดแรกออก เสื้อหนาวพันคอไว้

“เอาไรเข้าไปกินมั้ยมึง”

ไม่คิดว่าที่บ้านจะมีข้าวสำหรับต้อง จริงๆแล้วสำหรับผมก็ด้วย บ่อยครั้งที่จะเดินออกมาปากซอยอีกทีเพื่อหาอะไรกิน

ผมจึงชวนมันหาซื้อไรเข้าไปไว้ดีกว่า กันเหนียว

“เออ งั้นแวะซื้อขนมกับน้ำด้วย”

ต้องแยกเข้าไปเซเว่น เจ้าเดิมที่ไอ้เจมาประกาศศักดาซื้อเบียร์โดยอ้างคนแถวบ้านผม

ส่วนผมออกไปซื้อราดหน้า

ห้องนอนผมไม่ได้มีใครแวะมาเยี่ยมเยียนอีกเลย ครั้งสุดท้ายเห็นจะเป็นตอนที่ไอ้เจมาหมกตัวอยู่ที่นี่ช่วงปลายปิดเทอม  เปิดเทอมใหม่มันก็ไม่ได้ถามจะมาอีกเลย มันก็ไม่ได้ขอจะมาอีกเลย 

ไอ้ซันเหมือนๆว่าเคยบอกว่าจะมาเล่นเกมส์ด้วยกันครั้งนึง แต่กลายเป็นว่าพอเอาเข้าจริงๆก็ยังไม่ได้มาซะที ต้องจึงเป็นคนที่ 2 ที่ได้เข้าห้องนอนผม

สภาพหอบแฮกลากสังขารเข้าบ้านเงียบปีนขึ้นไปยังห้องนอนผมที่ชั้น 3

“ห้องน่ารักดีนี่”

อะไรวะ พูดเหมือนไอ้เจเลย

“เดี๋ยวกูลงไปใส่จานให้”

มันล้มตัวลงนั่งบนโซฟา ถอดถุงเท้าออก

“เปิดทีวี เล่นเกมส์ อ่านการ์ตูนตามใจมึงเลย”

ผมเปิดประตูยกถุงข้าวลงไปข้างล่าง

“หนังโป๊?”

“ไม่มีเว้ย”

ลงไปข้างล่าง มองซ้ายขวาพ่อแม่ยังไม่กลับมาบ้าน

ราดหน้า 2 จานอยู่ในมือสองข้างของผม พร้อมกับหนีบ เป๊ปซี่ขวดลิตร 1 ขวดขึ้นห้องไปด้วย

ผมเอาตัวชนประตูเป็นเสียงขอความช่วยเหลือ

“เออๆ”

คนในห้อง

“เฮ้ย”  ผมร้อง

“ไม่ใส่เสื้อวะ”

 ไอ้ต้องออกมาเปิดประตูให้ ครึ่งล่างใส่กางเกงนักเรียนสีน้ำเงิน ตัดกับเข็มขัดสีดำแล้วก็ขอบกางเกงในสีขาว ปล่อยท่อนบนให่เปลือยเปล่ารับลมจากพัดลมในห้องอย่างนั้น

"ร้อนนี่"

“เออๆ เดี๋ยวเปิดแอร์ให้”

หน้าต่างไม่เปิดมันก็อบสิ

“เฮ้ยๆ ไม่ต้องๆ เปลือง รออาบน้ำก่อนก็ได้”

งกสมเป็นต้องจริงๆ นี่ขนาดบ้านผมนะ เอะ หน้าหนาวยังงี้มันยังบ่นร้อนได้เรอะ แล้วนี่ผมต้องมานั่งทนดูมันไม่ใส่เสื้อกินข้าวต่อหน้าผมเหรอเนี่ย แล้วกางเกงก็ดันใส่หลวมๆด้วยนะ นั่งทีเปิดซะเห็นกางเกงสีขาวไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

ผมกับมันกินข้าวกันเร็วๆมาก ราวกับทำให้มันจบๆไป ข้าวน่ะมันแค่ทางผ่าน ของจริงกำลังจะเริ่มแล้ว

ต้องหยิบขนมออกมาแล้ว ไปเปิดเกมเล่น

นั่นไง ว่าแล้ว

“ต้องมึงเล่นเป็นเหรอ” 

ผมลุกขึ้นเอาจานลงไปเก็บข้างล่าง

“ไม่เคยเล่นวะ ลองดู”

 ขากลับขึ้นมาก็คิดว่า ไม่ใช่ว่าขึ้นมาคราวนี้กางเกงนักเรียนมันจะหายไปหรอกนะ ไม่รู้เรียกว่าโชคดีหรือไม่ พอเปิดประตูขึ้นมา กางเกงยังอยู่ ต้องนั่งสบายๆอยู่บนโซฟาแล้วจ้องไปที่ทีวีไม่สนใจคนที่เข้ามา นี่ถ้าเป็นแม่ผมจะตกใจมั้ยเนี่ย

“ทุกทีมึงไปบ้านแมคก็ใส่อย่างนี้เหรอ”

“หือ ปกตินะ บางทีไอ้เจใส่แต่กกนด้วยซ้ำ”

เออ ถ้าเป็นไอ้เจ ผมไม่แปลกใจหรอก รายนั้นต่อให้จะแก้ผ้าเดินไปมาเลย ผมก็ไม่รู้ตกใจซักนิด

ปล่อยมันนั่งเล่นเกมส์ไว้อย่างนั้นแหละ ผมลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทางโต๊ะที่อยู่ติดกับเตียง โต๊ะนี้มันเพิ่งถูกยกขึ้นมา หลังจากผมเห็นว่ามันว่างอยู่ไม่มีใครใช้ แล้วผมต้องการพื้นที่สำหรับวางของเล่นใหม่ที่เพิ่งได้มา

หลายวันก่อนผมเห็นคนเอาจิกซอมาวางขายเลยลองซื้อมากล่องนึง ตอนแรกว่าจะวางต่อกับพื้นแต่ดูจากปริมาณแล้วมันน่าจะใหญ่เกินกว่าจะเอามาเรียงๆกันบนพื้นแถมยังเกะกะทางเดินอีกต่างหาก เกิดหายไปซักตัวมันจะไม่สมบูรณ์เอา

ถ้าต่อเป็นพันชิ้นเสร็จแล้ว มีหายไป มันก็จะไม่สวย หมดค่าที่จะเอาไปโชว์

“เก้า อันนี้เอามาจากไหนวะ”

“อ้อ แม่กูซื้อมาฝากตอนไปเที่ยวน่ะ”

หันไปเห็นต้องกำลังสนใจเรือที่ทำจากแก้วเป่า ซึ่งวางอยู่ในตู้หนังสือ

“ไม่เล่นแล้วเหรอ”

“เล่นไม่ผ่านอะ แม่งยาก”  มันเดินไปปิดทีวีแล้วเปิดวิทยุ

“มึงจะอาบน้ำก่อนมั้ยอะ”

เวลาต่อเนี่ยมันใช้สมาธิเยอะ ผมจะใช้กล่องสองอัน อันนึงไว้คัดชิ้นที่คิดว่าไม่ใช่  ผมดันบ้าซื้อมาตั้งสามพันชิ้นกว่าจะต่อหมดคงเป็นเดือนกว่าจะเสร็จ ตอนนี้ผมเรียงขอบเสร็จไปสองด้านแล้ว เหลืออีกสอง แค่สองด้านก็ใช้เวลาไปหลายชั่วโมง

“สนุกมั้ยมึง”

“เออ ก็ดีอะ หัดใช้สมาธิ”

“แทนที่จะเอาเวลาไปอ่านหนังสือ”

มันเอาศอกท้าวหัวผมไว้

“หือ เหม็นอะมึง”

มันหัวเราะ แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงผมทั้งๆที่ยังไม่ใส่เสื้อ

“เฮ้ย สกปรก ไปอาบน้ำก่อนมั้ย”

“ขี้เกียจวะ”

ผมหันไปเอาขาเขี่ยๆที่เอวมัน

“ลุกเลย”

“เออ ก็ได้”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-12-2015 10:02:00 โดย Monet »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด