10 CM : รักที่ส่วนต่าง 10 CM 3/5/2016 จบแล้วครับ + มีเวบตูนแล้วครับ ลิ่งอยู่เม้นสุดท้าย
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 10 CM : รักที่ส่วนต่าง 10 CM 3/5/2016 จบแล้วครับ + มีเวบตูนแล้วครับ ลิ่งอยู่เม้นสุดท้าย  (อ่าน 83525 ครั้ง)

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ก็แค่มาเที่ยวบ้านด้วย
จะไม่มีอะไรมากไปกว่านี้หรอก

ต้องมันป๊อดจะตาย
ฮ่าฮ่า


จริงหรือไม่จริง
อิอิ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ขัดใจครู(อีกแล้ว)ค่ะ
เข้าใจนะว่าที่เก้าตกวิชาเลขอยู่คนเดียวนั้นมันทำให้เป็นเกือบเพอร์เฟคแทนที่จะเพอร์เฟคที่ห้องนี้ไม่มีใครตก
แต่ก็ไม่ควรที่จะประจานกัน ไม่รู้ว่าคิดน้อยหรือไม่คิดกันเลย

ความเหงาของเก้านี่เป็นอะไรที่เราสามารถเข้าใจได้นะ
ถ้าหากว่าไม่มีพวกแมค ต้อง เจ ซัน  เก้าจะยิ่งกว่านี้อีก
เราไม่รู้นะว่าเจคิดอะไร  แต่เราไม่ค่อยชอบเจที่พอเก้าไม่ยอมทำต่อก็ไม่พอใจ
ไม่มีใครอยากเป็นของทดลองใช้หรือตัวคั่นเวลาหรอก
บูมนี่ ไม่อยากพูดถึง  ทำให้ชีวิตเก้ายิ่งกว่าลงนรกอีก
ขอให้ทำได้แต่มองเก้าไปอย่างนี้ก็แล้วกัน
ใจหนึ่งก็อยากให้มี Coming out  แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่กลัวมันจะไปอีกทาง
หลายๆคนจะแยกย้ายกันไปแล้ว  อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้ใครลงมือก็ได้นะ
ไหนๆก็จะแยกย้ายกันไปแล้ว

ลูกชายเรากำลังจะเลือกไฮสกูล เลือกสาขาที่อยากเรียน
เรามองห่างๆ ให้โอกาสเลือกเองเต็มที่ ลุ้นเหมือนกันว่าจะออกมายังไง
แต่ความรู้สึกต่างจากเมืองไทยลิบลับ

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ขัดใจครู(อีกแล้ว)ค่ะ
เข้าใจนะว่าที่เก้าตกวิชาเลขอยู่คนเดียวนั้นมันทำให้เป็นเกือบเพอร์เฟคแทนที่จะเพอร์เฟคที่ห้องนี้ไม่มีใครตก
แต่ก็ไม่ควรที่จะประจานกัน ไม่รู้ว่าคิดน้อยหรือไม่คิดกันเลย

ความเหงาของเก้านี่เป็นอะไรที่เราสามารถเข้าใจได้นะ
ถ้าหากว่าไม่มีพวกแมค ต้อง เจ ซัน  เก้าจะยิ่งกว่านี้อีก
เราไม่รู้นะว่าเจคิดอะไร  แต่เราไม่ค่อยชอบเจที่พอเก้าไม่ยอมทำต่อก็ไม่พอใจ
ไม่มีใครอยากเป็นของทดลองใช้หรือตัวคั่นเวลาหรอก
บูมนี่ ไม่อยากพูดถึง  ทำให้ชีวิตเก้ายิ่งกว่าลงนรกอีก
ขอให้ทำได้แต่มองเก้าไปอย่างนี้ก็แล้วกัน
ใจหนึ่งก็อยากให้มี Coming out  แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่กลัวมันจะไปอีกทาง
หลายๆคนจะแยกย้ายกันไปแล้ว  อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้ใครลงมือก็ได้นะ
ไหนๆก็จะแยกย้ายกันไปแล้ว

ลูกชายเรากำลังจะเลือกไฮสกูล เลือกสาขาที่อยากเรียน
เรามองห่างๆ ให้โอกาสเลือกเองเต็มที่ ลุ้นเหมือนกันว่าจะออกมายังไง
แต่ความรู้สึกต่างจากเมืองไทยลิบลับ

ครูในสมัยผม ไม่ค่อยคิดถึงเด็กหรอกครับ สำหรับการศึกษาภาคบังคับที่บังคับเด็กเรียน เลือกสายตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ที่เลือกๆก็ตามๆกัน อย่างห้อง 1 เนี่ยส่วนมากเลือกเพราะ เป็นห้องเรียนเก่ง ห้องที่ถูกแบ่งตามเกรดมาตั้งแต่ม.ต้น เป็นประเพณีไปแล้วว่า คนเรียนเก่งต้องเลือกห้องนี้

สมัยผม รร.ที่มีชื่อว่าติดอันดับเอนฯติดมากที่สุดในไทยยังมีเรื่องทำนองว่า เอนฯไม่ติดกลับมารร.ไม่มีใครอยากพูดด้วยก็มี

แต่นั่นมันก็คืออดีต... มองจากสมัยนี้กลับไปมันก็คงเป็นเรื่องแปลก

คล้ายๆกับว่า ทำไมเกย์สมัยนี้เป็นแฟนกันได้เร็วจัง มันข้ามเสตปไปหมด

จีบกันน่ะ มันส์สุดแล้ว

ก็แค่มาเที่ยวบ้านด้วย
จะไม่มีอะไรมากไปกว่านี้หรอก

ต้องมันป๊อดจะตาย
ฮ่าฮ่า


จริงหรือไม่จริง
อิอิ

หวังว่าครึ่งหลังคงจะสะใจนะครับ

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
เสียงพลุกับวงเหล้า ตอนที่ 12.2 ค้างบ้าน (อีกแล้ว)

มันลุกขึ้นมาแล้วทำท่าจะถอดกางเกง

ผมรีบเดินไปทางตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าเช็ดตัวให้มันผืนนึง

“เอ้า เดี๋ยวกูเตรียมชุดไว้ให้”

มันคว้าผ้าไปกอดไว้ ตอนนี้มันยังอยู่ในกางเกงเรียบร้อย เมื่อกี้แค่ถอดเข็มขัดออกแล้วม้วนไปบนโซฟา

“เออ ไปละ”

“ว่างๆถูหลังให้กูได้นะ”

ต้องแอ่นหลังกับตูดมาทางผม

“รีบไปเลย” ผมตะโกนไล่หลังไป

ปัง ต้องปิดประตูห้องน้ำ

ลืมไปเลยว่าวันนี้พ่อแม่จะกลับมาหรือไม่ ตะโกนซะดัง

ใช้เวลารวบรวมสมาธิอยู่พักใหญ่ก่อนจะหันกลับมาต่อได้ ชิ้นส่วนสามพันชิ้น ชิ้นนึงใช้เวลาดู 3 วินาที ทั้งหมด 9000 วินาที เท่ากับเวลาเกือบสามชั่วโมงกว่าจะแยกหมดว่าอันไหนใช่ที่หาหรือไม่ใช่

เจอภาพไอ้ต้องเข้าไปแบบนี้ มันจะทำให้ใช้เวลาจาก 3 วินาทีนานขึ้นไปกว่านั้น

เสียงข่าวสองทุ่มดังออกมาจากวิทยุ เวลาช่างผ่านไปเร็วนัก

“นี่มึงอาบน้ำหรือวิ่งผ่านวะ เร็วเชียว” เสียงประตูเล่นเอาผมตกใจ

“เสื้อผ้ามึงอยู่บนโซฟาแน่ะ”

เมื่อกี้พอมันเข้าห้องน้ำไปผมรีบไปที่ตู้เสือ้ผ้าหาเสื้อให้มัน เสื้อไม่น่าจะมีปัญหาเพราะผมใส่ใหญ่กว่าตัวอยู่แล้ว ส่วนกางเกงน่ะ ผมไปควานหากางเกงบาสตัวใหญ่ที่ผมได้มาตอนไปเมืองนอกแล้วใส่ไม่ได้เพราะขามันยาวและกว้างมาก ถ้าผมนั่งนี่เห็นลอดไปถึงไหนต่อไหนเลย

“งั้นกูไปอาบต่อนะ”

“เก้า เอาไอ้นี่ตากไหน”

มันชูกางเกงในสีขาวที่เปียกน้ำชุ่มให้ผมดู

“เอ่อ กูไม่ใช่น้องมึงนะ โน่น เอาไม้แขวนสักอันแขวนไว้ละกัน”

แม่ง ทำไรไม่เกรงใจเลย

“ก็เพราะมึงไม่ใช่ไง ฮ่าๆ”

แม่ง กางเกงสีขาวโดนน้ำแล้วบางมาก ดีที่มันขยำไว้ไม่ได้กางออกมา

กระจกในห้องน้ำเป็นฝ้าจากน้ำอุ่นที่มันอาบเมื่อกี้ กระจกเดียวกันนี้ที่สะท้อนภาพที่ผมเคยจินตนาการไปว่าถ้าต้องมันได้มาอาบน้ำด้วยกันแล้วละก็ มันจะทำอะไรผม

โอ้ย พอเถอะ จะเอาเพื่อนมึงเรอะเก้า ให้ได้เป็นแฟนก่อนเหอะ ชักเละแล้วนะ

คิดแล้วอิจฉากระจกอยู่ที่มันได้เห็นอะไรของต้องไปหมดแล้ว รีบเปิดน้ำอาบดีกว่า ขืนเข้าไปนานมันจะเข้าใจว่าผมทำอะไรในห้องน้ำคนเดียว

“เบื่อมั้ย”  ผมถาม

ออกมาผมเห็นมันนอนอ้าขา สบายอยู่บนโซฟา เสื้อดูเหมือนจะตัวเล็กไปหน่อย แต่กางเกงน่าจะใช้ได้ ผมมองไปที่กางเกงผ้าลื่นๆนั่นไม่ต้องกังวลไปท่าทางต้องเองก็ระมันระวังพอ เอะ... มันไม่มีกางเกงในแล้วนี่นา

“มึงไม่อ่านหนังสือเหรอ”

“เก้า” มันยังเรียกอีก

ผมไม่ตอบ

“มองไร อยากดูเหรอ”

“เฮ้ย ป่าว” มันจะสื่ออะไรวะ

“ไอ้หื่น” มันพูดลอยๆ

“ไม่อะ ขี้เกียจ” ผมเดินไปทางเตียงแล้วนั่งต่อขอบต่อไป วันนี้จะได้เสร็จอีกด้าน

“ไม่กลับไม่เป็นไรเหรอวะ ท่าทางมึงกะจะนอนนี่เหรอ"

“ก็ดึกแล้วนี่” ต้องจ้องมาที่ขอบที่ผมต่ออยุ่

“มึงมีไรในใจป่าว”

“คิดมากน่ะมึง” มันลูบหัวผมเบาๆ ผมที่ยังเปียกอยู่เลยตีกันยุ่ง

ต้องหยิบขึ้นมาชิ้นนึง เป็นสีแดงๆ ที่ดูไม่ออกว่าเป็นตรงไหนของรูปภาพ ถึงมันจะมีรูปบนฝากล่องให้มันดูก็เถอะ มันเลยพยายามค้นๆหาในฝาที่ผมคัดทิ้งเอาไว้ แล้วจับมาประกอบดู

“อันนั้นยากมึง”

ผมชี้ให้มันดูที่มุมด้านซ้ายล่าง

“เห็นมะ ที่หน้ากล่องมันแดงๆอยู่มุมนั้นแต่มันก็เยอะจนไม่รู้ว่าตรงนี้เป็นตรงไหน”

ผมหยิบฝากล่องให้มันดู

“นี่ถ้าจะทำนะ ดูขวาล่างดิสีเขียวมีจุดเดียวในรูป ถ้าหาสีเขียวเจอก็น่าจะง่าย”

มันลงมือคุ้ยๆขาสีเขียวตามที่ผมบอก

"ใช่ ชีวิตคนก็เหมือนจิกซอเนอะ ถ้ามีแบบให้ดูก็ดีจะได้ไม่ต้องมานั่งเดา"

ผมขมวดคิ้ว

“ต่อมันทำไรมึงอีกเปล่า”

ต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง

“ไม่นะ ไม่ต้องห่วงกูหรอก”

“ป่าว กูห่วงมึงทำไรต่อมากกว่า”

ไอ้นี่ ผมเอาไหล่กระแทกตัวมัน

“ทำไมมึงอยากลองต่อวะ” ต้องยังคุ้ยๆหาต่อไป

“ไม่รู้วะ อยู่ๆกูก็คิดขึ้นมาว่ามันเหมือนชีวิตคนอะ เอามาเทรวมๆกันลงในกล่องใบใหญ่ แต่ละชิ้นที่มาเจอกันกว่าจะหาคู่มันที่เข้ากันได้ บางทีเข้ากันได้นะมึง ถ้าจิกซอราคาถูกหน่อย แล้วพอดูรูปแล้วมันไม่ใช่อะ”

ต้องฟังเงียบๆ

“เหมือนคนในห้องเราแหละมึง อยู่ด้วยกันแต่ไม่ได้คุยไรกัน”

ชิ้นส่วนมันไม่เข้ากันสินะ

“ก็จริงของมึง แต่เอาเวลาไปคิดเรื่องเรียนจะดีกว่านะ” มันเอาไหล่กระแทกผมกลับ

“เออ ไม่พูดละ” ถามกูทำไมวะเนี่ย

ผมล้มตัวลงนอนหงายอยู่บนเตียงปล่อยให้ต้องมันนั่งต่อไป ท่าทางมันจะติดใจ ดูมีสมาธิแน่วแน่ ปล่อยให้มันเพลินไว้อย่างนั้นแหละ แน่ใจว่าลึกๆแล้วมันต้องมีปัญหาอะไรบางอย่างที่ไม่ได้บอกผมแน่นอน

เผื่อมันจะสบายใจขึ้น

วิทยุเล่นข่าวต้นชั่วโมงอีกแล้ว หมดไปอีกชั่วโมงแล้วเหรอเนี่ย

“กี่โมงแล้ววะ” ต้องถาม

ผมเอื้อมไปดูโทรศัพท์

“11 แล้ววะ”

“มึงง่วงยัง”

“เฉยๆ”  ท่าทางต้องจะยังเพลินอยู่

นอนท่านี้นานๆชักเมื่อย ผมพลิกตะแคงข้างให้มัน

“หนักนะมึง”

ต้องล้มตัวลงนอนบนเอวผม

มันนอนเงียบไม่พูดอะไร

จะหายใจไม่ออกแล้ว

กลิ่นแชมพูจากตัวมันโชยมาแรงมาก นี่มันใช้ไปทั้งขวดรึเปล่าเนี่ย

ไอ้ต้องเองก็คงเป็นอีกชิ้นหนึ่ง ผมก็ไม่รู้ว่าชิ้นส่วนชิ้นนี้เข้ากับผมได้แค่ไหน พอเป็นคนจริงๆมันก็มีหลายอย่าง ไม่ได้เป็นกระดาษแข็งๆที่ตัดออกมาเป็นรูปร่างตายตัว แถมยังมีสีที่ตายตัวติดอยู่ อย่างเช่น ชิ้นนี้สีแดง เป็นผู้ชาย ชิ้นนี้สีน้ำเงิน เป็นผู้หญิง

ไอ้ต้องมันสีเดียวกับผมป่าววะ

เจเองก็เป็นหนึ่งในชิ้นส่วนที่มาต่อกัน แรกๆดูเหมือนจะลงตัวพอปล่อยๆไปก็เริ่มมีรูปที่เข้ากันไม่ได้ปรากฏออกมา พอนานๆไป เอะ สีก็ไม่ใช่ แถมไม่ลงตัวอีกต่างหาก

เพ้อเจ้อไปเรื่อยๆ ผมชักง่วงแล้วสิ

“เก้า มึงให้กูนอนไหนวะ”

“มึงนอนเตียงนี่แหละ เดี๋ยวกูไปนอนโซฟาเอง” ผมลุกเดินไปปิดไฟ

“เปิดวิทยุไว้มั้ยมึง”

“แล้วแต่มึงเลย” ต้องขยับตัวขึ้นไปนอนบนหมอน

“มึงนอนด้วยก็ได้นะ ที่เหลือเฟือ”

“พอเหรอ”

“กับต่อกูก็นอนยังงี้”

“โอเค”

ผมนึกสนุกโดดขึ้นไปนอนทับบนตัวต้อง

“มึงเบาขนาดนี้นอนทับกู คงรู้สึกอะไรอะนะ”

ผมผลิกตัวลงไปนอนข้างมัน

“เออ ใช่สิ”

ต้องนอนหัวเราะ

“แป๊บๆเองนะมึง จะแยกกันไปหมดแล้ว”

ต้องไม่ตอบอะไรอีก

ผมสงสัยว่ามันง่วงแล้วหรือยัง
“ต้องมึงจะออกปีนี้มั้ยวะ”

เงียบไปสักพักกว่ามันจะตอบ

“ถ้าได้ที่ๆอยากไปนะ”

“ปีหน้ากูคงเรียนคนเดียว พวกมึงคงไปกันหมด”

“ก็มึงไม่ตั้งใจเรียนนี่นา” มันเอามือตบพุงผม

“แล้วมึงจะเหงามั้ยละ” ถึงมันจะมืดแต่ผมเห็นว่าต้องมันหันหน้ามาหา

ดวงตากลมสะท้อนแสงสีขาวที่เล็ดลอดมาจากด้านนอกหน้าต่าง เป็นดวงวาวอยู่ในตา

“ไม่หรอก ก็ต้องชินแหละมึง พอมหาลัยก็ต้องแยกกันอยู่ดี เดี๋ยวจบมหาลัยก็ทำงานก็แยกกันไปอีก สุดท้ายก็ต่างคนต่างไปกันรึเปล่าวะ เจออีกที ไอ้เจอาจจะมีลูกแล้วก็ได้นะมึง”

“คิดมากน่ะมึง” ไอ้ต้องเอาศอกดันๆหัวผม

“เออ ปีที่แล้ว คนที่ต่อแนะนำให้เป็นไงวะ”

ผมถามซ้ำอีก

“ไม่เป็นไง เพื่อนต่อมัน” มันขยับหันมามองหน้าผม

“กูคิดว่ามึงชอบแบบนั้นน่ะเนี่ย”

“แล้วมึงละเก้า รีบๆตัดสินใจได้แล้ว”

ผมขยับตัวอึดอัด

“ก็ไม่รู้ๆ สวยๆ เอ็กๆ สักคน”

มันเคาะพุงอีกแล้ว

"ตอแหล"

อ้าว ว่ากูทำไม

ผมหัวเราะ

นี่เป็นครั้งแรกที่หัวเราสองคนอยู่ตำแหน่งเท่ากัน

“นี่มึงไม่ง่วงแล้วใช่มั้ย”

“ง่วงครับ” ผมหันหลังให้มันแล้วหลับตาลง

ดึกๆผมแอบหันไปมองมัน มันนอนตะแคงหันหน้ามาทางผม ใบหน้านิ่งแบบคนหลับท่าทางจะหลับลึก หน้าที่เมื่อก่อนต้องคอยแอบมองตอนนี้มันอยู่ต่อหน้าผมใกล้จนเพียงแค่ขยับคางนิดเดียวหน้าผมก็จะสัมผัสกับหน้าต้องแล้ว แต่สู้กับความง่วงไม่ไหว

เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น

ผมเอื้อมมือไปกดปิดเร็วๆ

“กี่โมงแล้วละ” เสียงงัวเงียของไอ้ต้อง

“6”

ผมคว่ำตัวลงนอนกับเตียง หรี่ตาดูนิดนึงไอ้ต้องก็นอนคว่ำอยู่เหมือนกัน

“ลุกไปอาบน้ำดิมึง” ต้องเอาศอกดันๆผม

“ไม่อะ มึงไปก่อนดิ”

“ไม่เอา มึงไม่กล้าลุกอะดิ” ผมยิ้ม

“มึงก็ด้วย”

ผมเปิดตาขวาดู มันยังยิ้มหลับตาพูด ซุกหน้าด้านหนึ่งไว้กลับที่นอน

ผมเอามือไปแกล้งล้วงๆแถวขากางเกงมัน

ไอ้ต้องรีบพลิกตัวหลบ

“ซนเหรอ”

มันเอาคืนพยายามจะล้วงเข้ามาให้ได้

ผมต้องงอตัวปิดส่วนนั้นเอาไว้ เช้าๆมันจะ เอ่อ นั่นแหละ

มันเลยดึงตัวผมเข้าไปกอด

“หนีไปไหน”

“กางเกงมึงบางกว่านะ อย่าหาเรื่อง” ผมไม่รู้ว่าส่วนนั้นของต้องอยู่ตรงไหนแต่ช่างมันเหอะ ตอนนี้ตัวแนบกันหมดแล้ว

มันหัวเราะอีก

แป๊บเดียว เสียงหัวเราะเงียบลง ดูท่าจะไม่มีใครลุกขึ้นหรือปล่อยมือ ผมนอนนิ่งให้มันกอดผมด้วยมือข้างเดียวไว้อย่างนั้น ตัวมันยังนอนคว่ำหน้าอยู่ส่วนผมตะแคงข้าง ด้านหลังผมจึงแนบกับตัวมันแค่ซีกเดียว

แล้วปล่อยเวลาให้มันผ่านไป

“อดไปเรียนแล้วมึง”

“มึงนี่ นิสัยเหมือนต่อเลย”

"ยังไงวะ"

"ขี้เซา"

“อ้าว มึงก็นอนเหมือนกันแหละวะ”

เมื่อคืนนอนไม่ค่อยสบายเท่าไร ผมไม่กล้าไปโดนตัวมันมาก

“มึงนอนกับต่องี้ทุกคืนเหรอ”

“ใช่ เวลาส่วนตัวไม่มีเลย” ต้องยังหลับตาอยู่

“เวลาอย่างว่าของมึงละดิ”

“ไอ้บ้า” มันนอนยิ้ม

“แล้วต่อมันเคยถามมึงเรื่องอย่างนั้นมะ”

มันหันหลังให้ผม

“ถามไมละ ก็อาบน้ำด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจนตอนนี้ มันเหลือไรให้มันอยากรู้อีก”

ต้องตอบเสียงขุ่นๆ

เออ กูอิจฉาเด็กแม่งแล้วแฮะ

“ลุกๆเหอะมึง”

“ของมึงหดยังละ”

“หดแล้ว หิวสัส” ผมลุกขึ้นมานั่งก่อน

“อาบด้วยกันมะ” ต้องลุกขึ้นมานั่งแล้วพูดกับผม

“รีบไปเลยไป” ผมเลยผลักไอ้ต้องไปแทน

ก่อนจะล้มตัวลงนอนต่อ

มันลุกไปยืนบิดขี้เกียจ

“มึงไม่ไปเรียนแล้วใช่มั้ย”

“ป่านนี้แล้วไปให้ครูด่าเหรอ”

หึหึ ผมนอนคว่ำหน้าลง นอนต่ออีกหน่อยดีกว่า

เออ แม่งพลาดวะ รู้งี้น่าจะแอบลุกไปดูว่า ของไอ้ต้องชี้ไปทางไหน

เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเลย หึ จะไปหลับได้ยังไงละ มันเล่นมานอนหายใจรดอยู่ข้างๆตลอดเวลา

“เก้า ๆ ตื่น เฮ้ย”

หือ

เฮ้ย เผลอหลับไปอีกรอบจริงด้วย

มันนั่งข้างผม เอาตัวมาคร่อมไว้จากด้านหลัง

“ไปอาบน้ำได้แล้ว”

“ไม่ตื่นกูจูบนะ”

ผมรีบดีดตัวขึ้นจากเตียง

“ไอ้บ้า ไปแล้ว”

แม่ง

คนไรเสื้อก็ไม่ใส่ ดียังมีกางเกงอยู่บ้าง

“ต้องกกนมึงแห้งยังเนี่ย” ผมเห็นมันยังตากอยู่ที่เดิม

“ไม่รู้ ยังไม่ดูวะ”

เออ แล้วทำไมไม่ดูวะ จะตากโชว์กูเอาไว้อีกนานแค่ไหน

“ช่างมันน่า”

“หิวแล้ว เร็วๆ”

ผมรีบเข้าห้องน้ำไปอาบต่อจากมัน ใช้เวลาไม่นานหรอก แม่ง ชักช้า เดี๋ยวมันจะโมโหหิวใส่ผมอีก

พอออกมาจากห้องน้ำ เห็นมันเปิดเกมส์เล่นต่อจากเมื่อคืน เช้ามาก็เล่นเลยเรอะ

“เก้า โทรมาวะ พ่อมึงโทรมาน่ะ”

“อือ”

ผมรับมาแล้ววางลงที่โต๊ะ แล้วหันไปเปิดวิทยุ

“กลางวันกินไรวะมึง” ผมถามต้อง ไอ้คนบ่นหิวๆนี่หายแล้วใช่มั้ยเนี่ย

“พิซซ่าละกันให้มาส่งที่บ้านมึงนี่แหละ”

“คร้าบ” ผมกดดูโทรศัพท์ที่แจ้งเตือน

1 สายไม่ได้รับ

กดออก

แล้วโทรไปยังพิซซ่าเจ้าประจำที่รู้ที่อยู่ผมดี

ไม่ถึงครึ่งชม. ถาดกลางก็วางอยู่ตรงหน้าพวกเรา มื้อแรกก็เล่นกินพิซซ่าแล้ว จะย่อยได้มั้ยเนี่ย

“ต้องทำไม มึงมานอนบ้านกูได้วะ”

ผมถามเมื่อพิซซ่ามันหายไปครึ่งถาดแล้ว

“เมื่อวานวันเกิดต่อน่ะ” มันหยิบชิ้นใหม่ขึ้นมากิน

ผมยังนั่งมองหน้ามันเฉยๆต่อไป

ไม่มีคำอธบายเพิ่ม

“อ้าว ไรวะ แล้วไม่อยู่กับมันเหรอ”

สุดท้ายทนไม่ไหวถามเองก็ได้

ต้องส่ายหัวช้าๆ

ไม่มีคำตอบอื่นอีก

“เก้า ตอนนี้มึงชอบใครอยู่ป่าววะ”

ผมงงกับคำถาม อยู่ๆมันถามขึ้นมาทำไม

เสียงจริงจัง ต้องไม่ได้ถามผมเล่น คำถามที่ตอบยาก จะอ้างชื่อหญิงไหนละเนี่ย

มันนั่งอยู่เหนือถาดพิซซ่า มองหน้าผม แต่ไม่ได้ทำให้เกิดอารมณ์สักนิด ต้องในสภาพครึ่งตัวมีแต่กางเกงบาสตัวใหญ่ๆ เสื้อไม่ใส่มือยังถือพิซซ่าอยู่ครึ่งชิ้น

“พูดไรมึง” ผมพูดอ้อมแอ้ม แกล้งทำพิซซ่าเต็มปาก แถมรีบยัดที่เหลือเข้าไป

ปากจะได้ไม่ว่างตอบ

“มึงชอบกูมั่งมั้ย”

ประโยคนี้เหมือนมีดเสียบแทงเข้ามาที่อก ปลายเท้ารู้สึกเย็นวาบ

“ทำไมอยู่ๆมึงอยากรู้วะ” ผมมองหน้ามันทั้งที่ปากยังเคี้ยวพิซซ่า

“ถามเฉยๆ”

มันเอามือมาปาดข้างปากผมทีหนึ่ง

“กินไง เลอะได้วะ”

แฮะๆ

“เก้า มึงชอบกูปะ”

“มึงชอบใครอยู่วะ ต้อง”

เราสองคนถามแทบจะสวนกันทันที

ความเงียบ บังเกิดขึ้นมา

เสียงเพลงจากวิทยุยิ่งชัดเจนเมื่อคน 2 คน ที่นั่งมองหน้ากันอยู่ดูจะไม่มีใครอยากตอบคำถามนี้ ตัวเครื่องหมาย … เหมือนที่อยู่ในการ์ตูนมันจึงยังลอยวนเวียนอยู่กลางอากาศ

“มึงไม่ตอบละต้อง”

“มึงตอบก่อน”

เดี๋ยว คำถามมันกับผมมันคนละคำถามกันนะ ทำไมมันเจาะจงขนาดนี้วะ เสียเปรียบแล้วกู

“บ้า มึงถามเหี้ยไร กูกับมึงเป็นผู้ชายนะ”

สายตาที่ผมเดาไม่ได้ว่าคิดอะไร เหมือนมันกำลังจับโกหกผมอยู่

แม่งจะกดดันกันทำไมวะ

จนผมต้องหันหน้าหนี

“แปลว่ามึงไม่คิดไรกับกูสินะ”

เฮ้ย ไล่กันอย่างนี้เลยเหรอ

ตอนนี้ผมปากชา ตัวสั่นไปหมด

เอาวะ!!!

“เอ่อ … ก็ดี มึงก็เป็นคนดีอะ”

ผมก้มหน้ามองพิซซ่าที่เหลืออยู่ชิ้นสุดท้ายในถาด

ไม่มีสัญญาณตอบรับ

“ชอบแบบไหนกันแน่”

มันเอามือมาบีบแขนผม

เฮ้ย ไอ้บ้านี่

“.......... เออ กูชอบมึง มากกว่าเพื่อน” ผมก้มหน้าลงมองเป้ากางเกงมัน เปล่านะไม่ได้คิดไรจริงๆ แค่หลบหน้ามันเฉยๆ

พรุ่งนี้เช้ามันคงจะทำตัวไม่เหมือนเดิมแน่ๆ

ผมนึกออกเลย หลังจากพรุ่งนี้ไป มันจะเดินมามึนๆตึงๆใส่ผม ช่องว่างจากความแตกต่างเข้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับต้อง เป็นช่องว่างที่ไม่มีทางถมให้เต็มได้อีกแล้ว เพราะมันเกิดจากความชอบที่ไม่เหมือนกัน ความชอบที่คนส่วนใหญ่จะมองว่ามันน่ารังเกียจ

แล้วยิ่งมารู้ว่าว่า เกิดขึ้นกับตัวมันเองด้วย มันคงจะยิ่งเว้นช่องว่างให้มากกขึ้นกว่าเดิม

จิกซอที่เคยต่อติดกันเริ่มจะบิดเบี้ยวจนต้องแยกออก

“ทะ .. ทำไมเหรอ ถ้ากู ชอบมึงแล้วจะทำไม” ผมมั่นใจว่าเสียงสั่นแน่นอน

ต้องไม่ตอบ ได้แต่มองหน้าผมตรงๆ ซึ่งหน้าตาที่เดาอารมณ์ไม่ออกของมันยังเหมือนเดิม แล้วมันก็หันไปทางอื่น

เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น พ่อ อีกแล้ว อะไรกันนะ

ต้องลุกเดินขึ้นไปเปิดเสียงวิทยุให้ดังขึ้น แล้วกลับลงมานั่ง

มันคงจะรำคาญสินะ คงจะเริ่มหงุดหงิด เริ่มไม่อยากอยู่แล้ว

“เออ ต้องกางเกงในมึงน่าจะแห้งแล้วละ”

ผมบอกมัน เพื่อว่ามันอยากจะกลับแล้ว

รู้สึกแปล๊บขึ้นมา

ต้องที่นั่งอยู่ข้างผมบนโซฟาเอนหลังลง

มือมันวางอยู่ข้างหลังผม ตอนนี้ผมอยู่ในชุดอยู่บ้านกกนก็ไม่ได้ใส่ กางเกงมันบางอยู่ พอมันเอามือมาวางไว้ที่เบาะข้างหลังแล้วนิ้วมาโดนก้นผมนั้น มันเลยเหมือนโดนมือมันเปล่าๆ

“มึง... เอ่อ มึงชอบเพลงนี้เหรอ”

ไม่มีคำตอบ

มีแต่เสียงยวบยาบของโซฟาหนังที่ขยับตามแรงกดของมือ

อยู่สมองผมก็มืดบอด กลายเป็นสีดำ ตัวชาไร้ความรู้สึก เหมือนเวลาโดนตัดออกหายไป เสียงเพลงที่ดังอยู่ในห้องยังเงียบหายไป ราวกับมีใครไปกดปิดเสียงเอาไว้

ค้อนปอนด์อันใหญ่คงจะฟาดลงมาใส่หัวผม ค้อนปอนด์ที่หนักเท่าความรังเกียจของมัน

เงียบอยุ่นานเท่าไรไม่รู้ กว่าผมจะตั้งสติได้

“กูกลับละ” ต้องดึงกางเกงในสีขาวของมันแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น

มันออกมาในชุดนักเรียนปกติ แล้วเดินลงบันไดไปคนเดียวเงียบๆ

ปล่อยผมนั่งอึ้งอยู่อย่างนั้น

เมื่อกี้ …...

มันจูบผมเหรอ

มือสั่นเบาๆแต่ที่ขอบปาก ซอสพริกเปื้อนที่มุมปาก

ใช่แน่ๆ ผมไม่กินซอสพริก

เมื่อตั้งสติได้

ไอ้สัสนี่ ค่าพิซซ่าก็ไม่จ่าย เดินหนีกลับไปเฉยเลย

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
งงอ่ะ
ตกลงคืออะไร

ต้องจูบเก้า
แล้วแสดงท่าทางรังเกียจเหรอ

อะไร..ยังไง
ไม่เข้าใจ

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
งงอ่ะ
ตกลงคืออะไร

ต้องจูบเก้า
แล้วแสดงท่าทางรังเกียจเหรอ

อะไร..ยังไง
ไม่เข้าใจ

555 มาเร็วมาก รอดูตอนนี้นะครับ

ผมอาจจะเขียนไม่ดีด้วย คือ เก้าไม่เห็นหน้าต้องครับ ไม่รู้ต้องแสดงสีหน้ายังไง ปล่อยให้งง

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
จะเดาเยส หรือโน มโนเหรอ
จะเดาเธอ หรือฉัน นั่นใช่ไหม
จะเดาหัว หรือก้อย ไว้คอยใคร
จะเดาใจ ให้กัน มั่นใจเกิ้น

ขนาดคนอ่านยัง..งงกับต้อง
แล้วเก้าจะไม่งงได้ยังไง เน๊าะ
อิอิ

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
เสียงพลุกับวงเหล้า ตอนที่ 13 : ตั้งขบวน

เช้าวันถัดมา ต้องไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นอีก ผมออกจะสงสัยว่ามันหมายความว่าอย่างไรกันแน่ มันเหมือนหนามที่คอยสะกิดความรุ้สึกผม รู้สึกจี๊ดทุกครั้งที่เห็นหน้า

สมาธิส่วนใหญ่สูญเสียไปกับการ.. ไม่สิ ควรจะบอกว่า ไปหมดแล้ว สมองผมหยุดสั่งการไปเลย งุนงงไปหมด เรียนไม่รู้เรื่องไปอีกหลายวัน ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ไอ้คนทำก็ไม่มีสำนึกจะรับผิดชอบ

ทีแรกคิดว่ามันจะรังเกียจอะไรผม แต่เปล่า มันกลับดูมีความสุขเป็นพิเศษ ป้าข้างบ้านถูกหวยยังไม่น่าจะดูมีความสุขเท่ามัน

ใจก็ร้อนรนอยากจะเดินเข้าไปถามมันให้รู้กันไปเลยว่า มันคิดอะไรกันแน่

เคลียร์ๆกันไปเลย

แต่จะให้เริ่มยังไงดีละ

'วันนั้น มึงจูบกูรึเปล่า'

แล้วถ้ามันตอบว่า ใช่

'ถ้าใช่ หมายความว่ายังไง'

ยังงั้นน่ะเหรอ ไม่ใช่แน่ๆ มันได้ยินผมถามเข้าคงได้ถีบผมออกมา

ทางที่ดีที่สุดผมเลยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่มันยถามผมที่บ้านผมก็ตอบไปแล้ว ก็คิดซะว่าเหมือนผมไมได้พูดออกไป มันเองไม่ได้ยินก็แล้วกัน แม่ง มันก็ขี้โกงไม่ได้ตอบคำถามผมด้วยซ้ำไป

ถือว่าเจ๊ากันก็ได้วะ (ยังไงหว่า)

รุ่งขึ้นผมเดินเข้าห้องเรียน ดูเหมือนพวกแมคก็ไม่ได้ใส่ใจว่าผมกับต้องหยุดเรียนไปพร้อมกัน

ไอ้เจดูจะหงุดหงิดนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้จะมีคำถามอะไรหลุดปากออกมา

“ไง ไม่สบายเหรอ”

“นิดนึงอะมึง”

ผมตอบคำถามแมค

“ดูแลตัวเองบ้างดิ หรือต้องการคนคอยดูแล หือ ไอ้เปี๊ยก”

เสียงของตัวต้นเหตุอยู่ข้างหลังผม

“อะไรของมึงอีก ต้อง”

“ไปงอนกันที่อื่นไป คู่ผัวเมียนี่”

“เดี๋ยวแมค กูไม่ได้เป็นเมียไอ้ต้องมันนะ”

แมคส่งสายตามาทางผม

เปล่า มันมองข้ามไปคนข้างหลังผมต่างหาก

“อะไรของพวกมึงกันวะ”

“ป๊าว”  ไอ้ต้องเสียงสูง

“กระจอกวะ โชคร้ายเป็นของเก้า”

พูดจบไอ้แมคก้มหน้าอ่านหนังสือ ไอ้ต้องเดินกลับไปที่โต๊ะ

กูไปเกี่ยวอะไรวะ

ผมมองหน้าสองคนเลิกลัก … ไม่มีใครสนใจ

อะไรเนี่ยยยยยยยย

หน้าหนาวปีนี้ที่อากาศเย็นมากเป็นพิเศษ ในใจผมกลับเป็นตรงข้าม อะไรของพวกมันวะ อากาศดีๆอย่างนี้ผมไม่อยากทำลายมัน ดังนั้น ปล่อยๆไปเหอะ ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก หวังว่าไม่ใช่ไอ้แมคทะเลาะกับต้องนะ

เหมือนไอ้ต้องมันเองจะรู้ตัวว่า หลังจากวันนั้นผมไม่ค่อยกล้าเข้าไปยุ่งกับมันมาก

ส่วนมันเอง ยังพูดคุยกับผมเหมือนเดิมเป็นปกติ เอ่อ ไม่สิ ไม่ปกติ มันดูแปลกๆไป เปลี่ยนไปแบบไม่ต้องสังเกตก็เห็นได้ ร่างสูงๆของมันเดินตามติดผมเป็นเงา ยังกับว่ากลัวว่าใครจะมาทำอะไร

พักเที่ยงไอ้ต้องจะให้ผมนั่งเฝ้าโต๊ะอาหาร มันเป็นคนเดินไปเอาข้าวเอาน้ำ เอาจานไปเก็บ

เฮ้ย กูไม่ใช่น้องชายมันนะ

ยิ่งมันมาทำแบบนี้ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นน้องชายของมันไปแล้ว แถมโรคง่อยเข้ามาด้วย

บางวันเป็นเอามากถึงขั้นว่า ชวนผมคุย แล้วก็นั่งฟังผมพล่ามเรื่องเกมเรื่องนั่นนี่ มันเองแทนที่จะกินข้าว มันเอาแต่นั่งจนหน้า ทำเอาคนกินแทบจะสำลัก

รู้สึกน่ากลัวพิกล

หรือมันกลับบ้านไปเจอไอ้ต่อเอาไม้ฟาดหัวเลยเพี้ยนไปวะ

พอเห็นมันอารมณ์ดีอย่างันนั้นผมยิ่งไม่ถามมัน ปล่อยให้ฮอร์โมนมันที่มาไม่ปกติไว้อย่างนั้นแหละ จริงๆแล้วเพราะว่ามันก็น่ารักไปอีกแบบ

ต้องเป็นอย่างนี้จนกระทั่งวันสุดท้ายของการเรียนก่อนจะปิดปีใหม่

วันนี้มีซ่อมใหญ่ แล้วพรุ่งนี้จะเป็นวันที่มีเรียนวันสุดท้าย วันก่อนสิ้นปี

ผลการแข่งฟุตบอล ออกมาเป็นว่า สีฟ้าแพ้ไป 2 นัด ท่าทางจะตกรอบแน่นอนแล้ว บ่ายวันนี้ต้องไปเจอกับสีแดงตัวเต็งเหรียญทอง ซึ่งต่อให้ชนะ ก็ตกรอบแน่นอนอยู่ดี ยกเว้นผลได้เสียประตูจะดีมาก (นั่นก็เป็นไปได้ยาก)

ไอ้เจท่าทางห่อเหี่ยว มันหมดสิทธิ์จะได้แอ้มผมอีกแล้ว มันเองไม่ดูเสียใจในเรื่องนี้เท่าไร เหรียญเงินจากว่ายน้ำมันอยู่นอกเงื่อนไข

บอลก็ชัวร์ว่าอย่างดีก็แค่เหรียญทองแดง ไม่ว่าอย่างไร ลงท้ายก็จะโดนจับขึ้นไปนั่งปิ้งไข่บนแสตนด์แน่ๆ

มันจะผิดมั้ยถ้าผมแอบสะใจอยู่ลึกๆ (แต่จะสะใจกว่าถ้าสีแดงของไอ้บูมแพ้ซะบ้าง)

ก่อนบ่าย ทุกคนดูวุ่นวายกับกิจกกรมที่มีวันนี้ ดูมุ่งมั่นมากซะจนอากาศในโรงเรียนรู้สึกร้อนขึ้นมา แม้ว่าท้องฟ้าสีสดใส กับเมฆจางๆจะช่วยลดโทนลงไปแล้ว รุ่นพี่วิ่งกันควักไขว่ ขาแทบขวิด ยังเป็นภาพที่ขัดตาเหลือเกิน

ท่าทางแสตนด์จะลงตัวแล้ว ไอ้แมคไม่เห็นบ่นให้ฟังอีกเลย จะไปลงเอยที่ดาวดวงไหนละเนี่ย ความตั้งใจของมันเทียบกันระหว่างงานนี้กับสัปดาห์วิทย์ไม่ได้เลย งานมันดูทุ่มเทกว่าเห็นๆ

เปิดปีใหม่มาวันกีฬาสีจะมีอาทิตย์แรกของปี

งานใหญ่แห่งปี ที่ปีเดียวจะมีเพียงวันเดียว แต่ใช้เวลาเกือบ 2 เทอมเต็มในการเตรียมตัว

งานสุดท้าย ของพี่ๆ ม.6 งานแรกของพวกผมเด็ก ม.5 ที่ไม่แน่ว่าบางคนอาจจะไม่ได้อยู่ทำอีกในปีหน้า

พวกผม 4 คนแยกย้ายกันออกไปเตรียมตัวสำหรับวันนี้ ช่วงหลังเราพบปะกันน้อยลง นอกจากในห้องเรียนซะเป็นส่วนมาก อะ... ยกเว้นต้องที่ผมจะต้องไปดูมันซ้อมทุกครั้ง ส่งน้ำส่งขนม ส่งอะไรก็ไม่รู้ที่พวกมันอยากได้

ถ้าไม่มีมันผมก็คงเหงาน่าดู

อ้อ ไอ้เปรตนั่นสมองช่วงนี้ก็ดูจะยังไม่ปกติ

แต่ยังไงก็ขอบคุณมันที่ให้ผมได้ดูแลดรัมทั้งหลาย (ที่เรื่องมากๆๆๆๆๆๆๆ) เลยไม่ต้องไปนั่งตบมือ

ไอ้พวกเด็กๆน่ะ ไม่เท่าไร มันไม่กล้าจะใช้ผมมาก ไอ้ต้องมันจ้องเขม่นอยู่ ถ้าใช้ให้ไปทำอะไรที่ดูจะลำบากเกินไป อย่างเช่น เคยลืมของแล้วให้วิ่งไปเอาจากที่ซ้อมดรัมไปถึงสนามบอลแล้ววิ่งกลับมา แล้วก็ให้ไปซื้อน้ำอัดลมมาจากสวนอีกฟากเนี่ย ไอ้ต้องจะเดินไปหวดพวกมันทันที

เหรียญทองเพียงอย่างเดียวที่ยังพากเพียรว่าจะได้ ก็คงมาจากขบวนพาเหรดนี่แหละ ถึงได้เอาใจ พวกดรัมกันซะเหลือเกิน

ประคบประหงมกันเข้าไป

บ่ายมันยังโยนซ้อมไม้อยู่เช่นเดิม ไอ้เด็กสองคนพยายามโยนความสูงให้ได้สัดส่วนกันกับความสูงของต้อง

คนอยู่หน้าสุดจะต้องโยนขึ้นไปสูงที่สุด

หน้าตาตั้งใจของมันอยู่เบื้องหน้าผม เมื่อไม้ถูกโยนสูงขึ้นไปในอากาศ หมุนควงเป็นวงสวยงาม แล้วหมุนลงมาใส่มือมัน จนจบท่าแล้ว ต้องจะหันมาดูแล้วยิ้มน้อยๆให้

รอยยิ้มที่ดูจริงใจมากกว่าจะกวนตีน

“เฮ้ย ต้องมึงเป็นไรป่าววะ”

ในที่สุด ผมทนไม่ได้จะต้องถามมัน

“เรื่องไรมึง”

มันทำเสียงราวกับว่าไม่เข้าใจคำถาม

“ก็ที่บ้านมึงบอกว่า ต่อ ทำไมเหรอ”

“หือ”

“อ้อ วันเกิดต่อน่ะเหรอ” มันทำหน้านึกขึ้นมาได้

ผมพยักหน้า

“แล้วพอหลังจากนั้นมามึงก็ดูแปลกๆไป”

มันวางไม้แล้วเดินเข้ามาลูบหัวผม

“แปลกตรงไหน หือ เปี๊ยก”

นี่แหละที่แปลกไป

“จะไม่เล่าหน่อยเหรอ”

มันเลื่อนมือลงมาลูบแก้ม แล้วกลับไปขยี้หัวผมเล่น

“อ้อ ก็เคลียร์กับต่อลงตัวแล้วน่ะ”

คิดว่า ถ้ามันจะขยี้ไปเล่าไปผมคงร่วงหมดหัวแน่

“... แล้วไง เคลียร์เรื่องอะไร”

“เรื่องมึงมั้ง จะอยากรู้ไปทำไม”

“ก็ ป๊าว กูคิดว่ามึงจะรังเกียจกูแล้วซะอีก”

เอาวะ ถามเข้าประเด็นอีกหน่อย มัวแต่อ้อมแอ้มไม่ได้คำตอบแน่ๆ

“ทำไมวะ”

ความกล้าที่สุดในชีวิตใช้ไปอย่างรวดเร็วกับคำถามนี้ คิดว่าจะได้ใช้กับเรื่องที่มีสาระกว่านี้ซธอีก

“ก็.... ที่มึงถามไง …. มึงคิดว่าไงอะ มึงก็น่าจะรู้แล้ว เอ่อ กู กูชอบ ผู้ชายแล้วคนนั้นก็ ….” ผมก้มหน้าลงมองพื้น หวังว่าเสียงที่งึมงำในคอต้องจะฟังออก

“จริงเหรอ” มันเอามือวางบนหัวผมแล้วขยี้แก้มเล่น

“โอ้ย เจ็บนะ”

“เจ็บ กูบอกว่าเจ็บ”

มันหยุด

“แล้วมึงละชอบใครอยู่”

“นี่มึงไม่รู้จริงเหรอ หัดคิดซะบ้างสิ”

????

'เวลาทำโจทย์น่ะ ตีโจทย์ให้ออก เค้าถามอะไร อะไรคือตัวใบ้'

มันย้ำเสมอกับผมตอนสอน

นี่มันคนที่มึงชอบนะเว้ย ต้องมีคำใบ้ มีขอตัวช่วยด้วยเหรอะ คิดอีกทีมันไม่ได้หมายถึงผมนี่หว่า

แต่นี่ผมเป็นคนถามนะไม่ใช่คนตอบ

ผมยังทำหน้างงจนมันต้องถอนหายใจ

มันถอดเสื้อนักเรียนเหลือไว้แต่เสื้อยืดข้างใน แล้วเดินออกไปโยนไม้

มันโยนสูงขึ้นไปเท่าตึกสามชั้น ลมหนาวแรงๆพัดมา

“อย่าจ้องมากจะได้มั้ย”

“อ้าว ไอ้นี่”

ผมลงไปนั่งริมขั้นบันไดที่ตึกติดกัน แอบดูมันเอาก็ได้วะ

นานๆไปต้องท่าจะร้อน เห็นขยับเสื้อเข้าออก

เฮ้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

“เหี้ยเอ้ย”

“ใครเล่นไรวะ”

หือ เกิดอะไรขึ้น

เสียงต้องโวยลั่น

ผมเห็นไอ้น้องบ้าสองตัวนั่น เอาน้ำมาสาด น้ำเปล่าจากถังที่ผมไปแบกมาเตรียมไว้ให้พวกมันนี่แหละ เสื้อยืดขาวๆของต้องแนบติดกับตัว

น้ำเปล่าหมดถัง

“พี่ น้ำหมดแล้ว ไปเอามาอีกดิ”

น้องคนพูดชูถังน้ำเปล่ามาทางหน้าผม

“เฮ้ย มาใช้อะไรกูละ เอาไปเทเล่นกันเองนะ”

“ก็หน้าที่พี่นี่นา”

เฮ้อ นี่กูมาเป็นคนใช้เหรอ

“อยากได้ไปเอาเอง นี่คนของกู กูใช้ได้คนเดียว”

ไอ้ต้อง ไอ้บ้า พูดไรวะ

“เปียกหมดเลยมึง”

น้ำเย็นด้วย อากาศอย่างนี้เดี๋ยวก็ได้เป็นหวัดกันพอดี

“เอาเสื้อหนาวกูไปคลุมมั้ย”

ต้องสั่นหัว

“เอาเสื้อนักเรียนใส่กลับไปก็พอ”

มันทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ

“มึงอยู่เฉยๆ เดี๋ยวกูซุกตัวมึงแบบบนรถแท๊กซี่เอง”

“หรือจะให้กอดแขนแบบในห้องประชุมดี”

ต้องขยับเบียดเข้ามาใกล้อีก

“ไปไกลตีนเลยมึง รีบๆไปป่วยเลยไป”

ผมหน้าแดง มันพูดไรของมันเนี่ย

“มึงไม่กลัวเด็กเข้าใจผิดเหรอ”

“ช่างมันดิ ให้มันโยนไม้ให้ได้ก่อนเหอะ”

บทสนทนาจบลง มีเสียงลมพัดธงชาติบนเสาธงให้ปลิวไสว ลมยิ่งพัดแรงธงก็ยิ่งตีกันเสียงดัง

“แอบไปดูต่อแข่งมั้ย”

“ได้เหรอ”

“เฮ้ย 2 ตัวนั่นน่ะ อย่าพูดมากนะ” มันหันไปตวาดเด็ก

ไอ้หล่อ 2 ตัวนั่นก้มหน้าเงียบ ไม่กล้าเถียง

“พี่ๆ ถ้างั้น ขอเมียพี่สักยกดิ เป็นค่าปิดปาก”

“ใครเมีย มึงพูดถึงใคร”

ผมเดินเข้าไปหาไอ้น้องคนที่พูด ไอ้นี่ชักเยอะละ

“มานี่”

อ้าว ต้องมันกลับจูงมือผมออกไปทางสนามบอลเร็วๆ ขาของมันก้าวยาวๆ ลมที่ซอกตึกตีหน้าแรงขึ้น มือมันเปลี่ยนจากจับที่ข้อมือมาเป็นฝ่ามือ สอดนิ้วเกี่ยวเข้ากับนิ้วมือของผม

… ปกติเวลาจูงมือมันต้องจับกันยังงี้เลยเหรอ

ผมว่าผมได้ยินเสียง ฮิ้ว ตามมาแว่วๆจากข้างหลัง

“เป็นไรไปวะ โกรธน้องมันเหรอ”

ต้องมันถามขึ้นเมื่อเห็นผมไม่พูด

“ต้อง กูจริงจังนะเว้ย”

มันเงียบ

ยังจูงมือผมเดินไปข้างหน้าอยู่

ป้ายข้างสนามบอล มีตัวเลขแสดงอยู่บนบอร์ด1-0

สีฟ้าเป็นฝ่ายนำ

ครึ่งแรกกำลังจะหมดลง

ดูทรงแล้วสีฟ้ายังมีสิทธิ์แพ้ได้อยู่ ครึ่งแรกไม่รู้ว่าใครเป็นคนยิงเข้า ในสนามคนใส่เสื้อทับสีฟ้า วิ่งสลับไปมากับสีแดง ส่วนใหญ่บอลจะอยู่ที่ฝั่งโน้นมากกว่า สีแดงใช้ความพยายามอย่างมากที่จะยิงลูกสุดท้ายก่อนหมดเวลา ขออย่าให้เข้าเลย หมั่นไส้มัน จะได้แพ้ซะบ้าง

เสียงนกหวีดดังขึ้น

บอลลอยออกจากขากองหน้า ลอยลิ่วตรงมาทางประตู

ซันรับได้

นกหวีดดังยาว กรรมการบอกหมดเวลา

เสียงประกาศออกไมค์ไปทั่วสนาม ครึ่งหลังนอกจากการแข่งแล้ว จะมีซ้อมขบวนพาเหรด เป็นการซ้อมใหญ่เสมือนวันจริง ให้เด็กทุกคนเตรียมออกไปตั้งแถว

พวกรุ่นพี่ทะยอยเดินกันออกมา

สตาฟที่คุมแสตนด์ก็เริ่มวุ่นวายกับการเกณฑ์เด็ก มันจะต้องมีพวกแอบหนีตีเนียนทุกปี

หมดครึ่งแรกนักกีฬาทั้งสองฝ่ายต่างพักกันอยู่ริมสนาม คราวนี้เป็นการแข่งนัดสุดท้ายชี้ชะตา รอบชิงที่ 1 และ 2 จะไปอยู่ในวันจริง นักกีฬาสีผมทะยอยเดินทางมาพักใต้ต้นไม้แถวที่ผมหลบอยู่ พวกเด็กๆเดินสวนเราออกไป เพื่อรอเข้าแถวตรงริมทางเดิน

ต่อหันมาเห็นผมเข้า ต้องเอาตัวเข้าบังไว้

แต่แปลกแทนที่ต่อจะเดินเข้ามาหาต้อง มันกลับเดินไปทางฝั่งตรงข้าม ไปคุยกับบูม

“ต้อง เดี่ยวต่อก็โดนไล่ออกมา ไปทำไมฝั่งนั้นวะ”

ไม่ทันไร พวกพี่ม.6 ก็ไปตามตัวต่อกลับมา

พี่ก้องเดินสวนออกมาพร้อมกับเด็กคนอื่น

“น้องเตรียมตัวนะ เดี๋ยววันนี้เดินจริงแล้วโยนไม้เลย ซ้อมแบบวันจริง”

“งั้นผมไปรอนะพี่”

ต้องจูงมือผมแบบที่ทำตอนขามา ลากผมกลับไปเอาไม้ที่ฝากน้อง 2 คนนั้นไว้ ฝีเท้าก้าวยาวและเร็ว คนรอบข้างมองตามมาแปลกๆ

“เอ็ง 2 คนเค้าตั้งแถวแล้ว เตรียมตัวด้วย”

“เตรียมไรพี่ ยอมให้เอาเมียพี่แล้วเหรอ”

เด็กหัวเราะกันคิกคัก

ป๊าบ ไอ้ต้องเตะเข้าไปสุดแรง

เด็กแม่งหน้าเสียเลย

“มานี่” มันเดินนำเด็กออกไป

“พี่ก้อง ฝากไอ้นี่ด้วย ถ้าจับมันขึ้นแสตนด์ผมจะออกจากขบวนทันที”

เยี่ยม โหดไปแล้ว ขู่กระทั่งรุ่นพี่

พี่ก้องพาผมไปรอริมสนาม

ผมมองหน้าต้อง คำตอบที่ผมอยากจะรู้ จนถึงตอนนี้มันยังไม่ยอมเฉลย

พี่ก้องที่เดินนำไปก่อน ผมได้แต่หันกลับมามองแล้วขยับปากบอกมันว่า

'กูซีเรียสนะมึง'

ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่รู้จะรอฟังคำตอบไปทำไม... นั่นสิ จะไปสนใจทำไม อาจจะเป็นชื่อ ผู้หญิงที่ไหนก็ได้สักคนนะ แกคิดว่าจะเป็นชื่อแกยังงั้นเหรอ เก้า....

ท่าจะบ้า ไปบีบให้มันบอกชื่อคนที่มันชอบมาทำไม...

ขบวนพาเหรดกำลังตั้งแถว ดูเละเทะวุ่นวายมาก  กว่าจะพร้อมได้ กว่าอุปกรณ์จะถูกแจกกันออกไป เสียงเฮในสนามกีฬาก็ดังเข้ามา การแข่งบอลจบลงพอดี

ผลออกมากลายเป็นว่า สีฟ้าชนะแฮะ 2-0 ไม่น่าเชื่อ

“พี่ก้อง บอลชนะได้ไงอะ”

“มันส่งบอลพลาดน่ะ เข้าขากองหน้าเลย”

ผมละรู้สึกสะใจ ไอ้บูมแพ้ได้

เสียงกลองดังเป็นจังหวะ ออกมาทางลำโพงตัวใหญ่

อีกเดี๋ยวต้องก็จะเดินนำขบวนพาเหรดสีฟ้าออกมา

พาเหรดง่อยๆ กีฬาสีห่วยๆ อากาศเย็นๆ จนรู้สึกเหม็นเปรี้ยวเหงื่อ ภาพคนวุ่นวาย ผมเสียใจและหงุดหงิดกับตัวเองที่รอคอยความหวังบ้าๆ ลมๆแล้งๆ จากคนอย่างไอ้ต้อง

รู้สึกสมเพชตัวเองจนอึดอัด อยากจะหาที่ระบายอารมณ์สักคน

มันงุ่นง่านมากที่สับสนกับความรู้สึกตัวเองและไอ้ต้อง จะให้บอกว่าอะไรดี

มันคิดอะไรกับกูกันแน่วะ...

จากประสบการณ์เลวร้ายแล้ว

โอกาส 10% ใช่ 90% ไม่....

Kเอ๊ย....

จะวัดดวงกับ 10% ดีมั้ย

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ชักจะเห็นใจต้องขึ้นมาบ้างแล้ว

ทำไม? เลือกเมียได้แล้ว แต่ก็ได้มาแบบมึนเข้าขั้น
เฮ้อออออ...เหนื่อยใจแทนต้อง

เก้าล่ะ..มึนได้เท่าเมียต้อง
หรือเปล่า ฮ่าฮ่า

ป้อล่อ..ตอนนี้ต้องน่ารัก
จุ๊บๆ

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
เสียงพลุกับวงเหล้า ตอนที่ 14 : เตียงผ้าใบ

ช่างหัวมัน... ปล่อยให้ต้องมันกลับไปเดินนำขบวนของมันนั่นแหละ ต้องกับเด็ก 2 คนคงไปตั้งแถวอยู่ไกลๆ สีฟ้าไม่ใช่สีแรกที่จะเดินเข้ามาบริเวณสนามบอลสีเหลี่ยมนี้

ส่วนผมไปหลบอยู่บริเวณเงาต้นไม้ที่ทอดลงมา นั่งหันหน้าออกไปทางที่ต้องจะเดินเข้ามาในสนาม พี่ก้องลากผมมาทิ้งไว้แถวนี้ ตัวพี่เองก็อยู่ด้วย แสงแดดหน้าหนาวที่ร้อนแรงในตอนบ่ายทอดผ่านใบไม้ลงมา เห็นเป็นเงาไหวๆอยู่บนพื้น

เสียงเพลงดังลั่นทั่วสนาม

รู้สึกหนวกหู

สีแรกกำลังเดินเข้ามา ทำท่าทางประกอบแปลกๆ ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรในปีนี้ พวกนั้นจะต้องวนไปหนึ่งรอบสนาม ก่อนจะขึ้นไปต่อแถวเป็นขบวนอยู่บนสนามคอนกรีตร้อนๆ อีกสักพักใหญ่ๆเลย เดี๋ยวมันก็คงจะเดินมาบ่นให้ฟัง

2 สีแรกเดินขบวนผ่านไป รู้สึกเหมือนตัวผมเป็นประธานที่ไร้ตำแหน่ง ทุกคนต้องเดินผ่านหน้าผม เป็นประธานที่ไม่มีตัวตนในโรงเรียนนี้ ไม่มีตำแหน่งและความสำคัญใดๆ

ยิ่งฟังเพลงยิ่งขัดใจ ไอ้เพลงประเภทกราวด์กีฬาเนี่ย มันไม่ได้น่าฟังอยุ่แล้ว ฟังซ้ำๆยิ่งหงุดหงิด

อย่างอื่นที่ทำให้ผมหงุดหงิดมากกว่ากำลังเดินเข้าสนามมา...

เริ่มรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ ควบคุมตัวเองไม่ได้ มันรนๆยังไงบอกไม่ถูก

ในสนามพวกแข่งบอลกระจายตัวออก ปล่อยให้พื้นสีน้ำเงินสะท้อนแสงโล่งแจ้งอยู่อย่างนั้น

ต้องกำลังเดินเข้ามาในสนาม เด็กที่ตามหลังทำมือขึ้นลงเป็นจังหวะ ราวกับขาของกิ้งกือ ที่ดูพลิ้วไหวพร้อมกับแปลกๆ และดูอุบาทว์ไปไปในตัว

จุดนี้คงจะเห็นมันชัดที่สุดตอนที่เดินเข้า

ที่นั่งวีไอพี เพราะแถวจะสลับกันหยุดช้าๆ เป็นช่วงๆ (ไม่รู้ว่าทำไมต้องหยุดไม่เดินยาวไปเลย)

ต้องก้าวเดินสั้น เป็นวิธีการเดินที่ผิดจากธรรมดาของมัน ขายาวๆที่ผมเคยวิ่งไล่ตาม เล่นก้าวซะสุดขาเลย เสื้อนักเรียนกับกางเกงพละ มันเปลี่ยนเป็นกางเกงขายาวสีน้ำเงินลงมาแทน

มันมาหยุดอยู่ทางเข้าสนาม

ส่งยิ้มให้ผม

ผมหันหน้าหนี

เมื่อหันกลับมามันยังคงมองอยู่  ขยับแขนขาและไม้ในมือไปเรื่อย

สีหน้ามันเริ่มสงสัยว่าผมเป็นอะไร

ผมได้แต่ก้มหน้าลงมองพื้น ยังกับตัวเองเป็นเมียงอนผัว ที่ไม่รู้ว่าจะงอนทำไม ถ้าต้องไม่ตอบก็ถือว่ามันไม่มีความรู้สึกใดให้ แล้วจะไปใส่ใจมันทำไม

เสียงเพลงวนมาอีกรอบ แถวเดินวนไปรอบสนาม สีแดงเริ่มขึ้นไปอยู่บนสนามร้อนฉ่า ที่ๆเคยประทะกันดุเดือดจากการแข่งขันบอลเมื่อกี้

ผมหันหลังให้ทางเข้า หันหน้ามองในสนาม ขาเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข เตะนั่นนี่ เขี่ยพื้นเขี่ยอิฐบอลครอบสนาม ราวกับหาเฉลยที่ต้องมันอาจจะใบ้ไว้แถวนั้น

สีฟ้าอยุ่เกือบจะเป็นสีสุดท้าย ก่อนสีม่วง แถวมันอยุ่เยื้องจากที่ผมหลบอยู่ไปได้ไปไกล ระยะสายตายังมองเห็นชัดพอว่า มันทำหน้ายังไง

ต้องนำขบวนที่ยังคงทำท่าน่ารังเกียจขึ้นไป แล้วตั้งแถว หันกลับมามองผม

'เป็นอะไรวะ'

มันทำปาก ถ้าผมอ่านไม่ผิด

ไม่ กูไม่อยากคิดไปเองคนเดียว แต่ไม่ได้ตอบมัน ผมเลือกจะหันหลังเดินหนีออกไปอีก ปล่อยพี่ก้องเฝ้าพาเหรดสุดแสนรักไว้อย่างนั้น สีหน้าพี่ดูมั่นใจว่าได้รางวัลแน่ๆ แต่สีหน้าดรัมเบอร์ 1 ของพี่ ดูจะเป็นกังวล และขาดความมั่นใจ

เสียงออกไมค์

“ทุกสีเมื่อเข้าสนามพร้อมแล้ว ให้ เดินสลับขาอยู่กับที่ แล้วโยนไม้ครั้งสุดท้ายพร้อมกัน ก่อนจะจบลงด้วยสิ้นสุดเสียงเพลง แล้วครูใหญ่จะกล่าวรายงาน ประธานจะเดินออกมาเปิดงาน …..”

“เอาละ ตอนนี้พร้อมแล้ว เดี๋ยวเพลงจะหยุด”

เสียงเพลงเงียบลง ผมนั่งยองๆที่ขอบฟุตบาทด้านนอก หันหลังกลับไปมอง

ไม้ถูกโยนสูงขึ้นไป เหมือนการแข่งขันความสูง

ไม้สีเงินด้ามทาด้วยสีดำมัน ลอยลิ่วขึ้นไปสูงเท่าที่แต่ละคนจะทำได้ มีอีก 2 อันที่ลอยคู่กันในความสูง 2/3 ยิ่งคนแรกโยนไปสูงเท่าไร คนที่ 2 และ 3 ก็ยิ่งลำบาก

ต้องมองหาผม

'อะไรวะ'

มันทำช้าชัดเจน

ผมจ้องหน้ามัน แต่ไม่ตอบ

มันยังไม่แหงนหน้าขึ้นไปมองไม้

เฮ้ย!!! กลับไปมองไม้โน่น

ชิบหายแล้ว!!!

ไม้ตกลงฟาดหัวเข้าอย่างแรง เพลงในสนามเงียบ พอๆกับเสียงคนเชียร์รอบข้าง ที่หน้าตาตกใจ พี่สตาฟกำลังจะวิ่งเข้าไปดู

ผมวิ่งตามเข้าไปติดๆ

แม่งโยนซะสูงเลย

พี่สตาฟกับครูพละเข้าไปดูอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหามต้องออกไปที่ห้องพยาบาล

แม่งโยนซะสูงเลย

อีกฝั่งหนึ่งก็มีเด็กร่างเล็กๆ ขาวๆ วิ่งตรงมาทางนี้ แต่โดนรุ่นพี่ดึงตัวกลับไว้ไปซะก่อน

ไอ้ต้องโดนหามขึ้นมา มันส่งสัญญาณว่ายังยืนไหว ผมรีบเข้าไปสอดตัวใต้แขนมัน หามมันไปทางห้องพยาบาลอีกด้านเป็นพี่ก้อง

เวลานี้ไม่มีอะไรสำคัญกว่าไอ้ต้องอีกแล้ว

“เป็นไรป่าววะ”

มันหันมายิ้มให้ ส่ายหัว

แล้วตามมาด้วยสีหน้าเจ็บปวด

“เดี๋ยวถึงห้องพยาบาลละ”

ผมยังแบกมันต่อไป ท่าทางมันยังพอไหว ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักลงมามาก แสดงว่าสติยังครบอยู่ พี่ก้องเองก็ช่วยไว้ได้เยอะ แวบเดียว ที่ภาพผมยกไม้กระดานตอนงานวิทย์ปีที่แล้วโผล่ขึ้นมา

“ขออนุญาตครับ”

อ้าว ไม่มีใครอยู่ ห้องว่างเปล่า

เวลาต้องการหาตัวเนี่ย ครูห้องนี้ไม่รู้จะไปอยู่ไหน เวลาจะเอายาอะไรก็ได้ยาง่ายๆ ตลอดยาธาตุกับพารา ทีงี้ละหายตัว

พี่ก้องวางมันไว้บนเตียงมุมในสุดของห้องพยาบาล ทั้งห้องมีกันอยู่สี่เตียง

“ขอบคุณครับพี่” ผมยกมือไหว้พี่ก้อง เกิดมาไม่เคยคิดจะยกมือไหว้รุ่นพี่เลย

“พี่ มันจะเป็นอะไรมั้ย”

“ครูเค้าดูแล้ว ไม่ได้โดนที่หัวไว้ แค่ด้ามน่ะ”  ด้ามทำจากไม้คล้ายๆด้ามไม้กวาด มันไม่ได้ใหญ่มาก

“มันหัวแข็งไม่แตกด้วย” พี่ก้องตบไหล่มันทีหนึ่ง

“อย่าตื่นมาความจำเสี่อมแล้วกัน” เออ เสื่อมไปเลยก็ดี มันจะได้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านไป

ส่วนไอ้เจ เสื่อมเถอะ ถี่เกินไปแล้ว

“น้องนั่งเฝ้ามันไปละกันนะ”

พี่ก้องหันหลังเดินออกห้องพยาบาลไป ปล่อยผมนั่งเฝ้าไอ้บ้าตัวหนึ่งที่นอนหมดสภาพอยู่

ท่าทางต้องจะอึดอัด

ที่โต๊ะมีผ้าขาวอยู่ น่าจะเป็นผ้าสะอาด

“เดี๋ยวมานะมึง อย่าเพิ่งเป็นไรละ”

ผมเอาผ้าไปชุบน้ำแล้วเดินกลับมาหาต้อง หน้าหนาวน้ำมันเย็นอยู่แล้ว โดนไปละขนลุกแน่ๆ

“เอาแขนมา” ผมขยับผ้าในมือ เอื้อมไปคว้าแขนมาขึ้นมาเช็ด แขนสองข้างที่เคยโอบไหล่ให้ความมั่นใจกับผม ตอนนี้มันดูไร้เรี่ยวแรง อ่อนปวกเปียก

“เอาน้ำมั้ย”  ไม่รอคำตอบ

ลุกเดินไปกดน้ำใส่ถ้วยกระดาษก้นแหลมแบบที่ให้ตามโรงพยาบาล น้ำเย็นถูกรองไว้เต็มแก้ว ว่าจะหายาแก้ปวดให้มัน แต่มองๆดูก็ไม่เจอ

เสียงเตียงผ้าใบลื่นๆ ต้องขยับตัวให้ เสียงยาบยาบ ข้างใต้คงบุด้วยยาง ที่ว่างด้านข้างว่างอยู่ ผมเลยลงไปนั่ง  ค่อยๆพยุงมันขึ้นมา

มันขยับมือมารับน้ำไปดื่ม พอหมดขยำแก้ว แล้วปาไปที่มุมห้อง

ไอ้มักง่ายนี่

มันนั่งเอาแขนยันตัวไว้แล้วมองมาทางผม

ท่าทางมันจะดีขึ้นแล้ว แต่ผมใช้มือดันไหล่มันเบาๆหนึ่งที มันยังไม่ยอมลง จนต้องเอื้อมมือไปกดให้มันกลับไปนอนลงบนเตียง

“ดีนะหัวไม่แตก”

มันยักคิ้วให้

“มีแรงแล้วเหรอไง”

มันยังยิ้มอีก

“เดี๋ยวเช็ดหน้าหน่อยนะ”

ผ้าผืนเดิมถูกใช้ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 แต่ผมซักผ้าแล้วชุบน้ำเย็นมาใหม่

ผ้าเย็นๆค่อยๆใช้ลูบหน้ามันเบาๆ น้ำมันคงเย็นจนทำให้ต้องเผลอครางออกมา เสร็จแล้วไล่จากหน้าลงไปที่คอ หลังคอ ท่าทางมันดูสบายขึ้น

“นอนไปก่อนนะมึง”

“เก้า” มันถามขึ้นตอนที่ผมกำลังจะตากผ้า

“ไรวะ”

มันลึกขึ้นมาแล้วพยายามถอดเสื้อยืดสีขาวออก ตัวมันยังเป็นจ้ำแดงๆจากความร้อนบนสนาม ผิวขาวตอนนี้กลายเป็นรอยแดง มันชูแขนขึ้นสุดโชว์วงแขนหราไว้

“เช็ดตัวด้วยดิ”

“เออๆ แป๊บเดะวะ”

“คาไว้ก่อน” สองแขนดิ้นรนจะหาทางเอาเสื้อชื้นเหงื่อออก

เสื้อนักเรียนถูกปลดกระดุมแล้วดึงออกจากตัวมันช้าๆ ชายเสื้อถูกดึงออกจากแขนสองข้าง เมื่อออกไปพ้นตัวมันทิ้งตัวโครมลงบนเตียง

เสียงลมดังฟุบ ที่นอนยุบลงไป พร้อมๆกับเสียงหึ่งของพัดลมเหนือหัว กลิ่นยาฆ่าเชื้อฉุน กลบกลิ่นตัวมัน

ผมค่อยๆไล่ผ้าจากคอแล้วลงไปที่เนินอกทั้งสองด้าน จากซ้ายไปขวาแล้ววนลงล่าง สงสัยจะเย็นเกินไปมันนอนตัวสั่นนิดหน่อย หน้าอกของข้างแข็งเป็นไตขึ้นมา

เสร็จแล้วมันนอนตะแคงให้ผมเช็ดหลังให้ แผ่นหลังกว้างๆถูกจับพลิกตะแคง เอามือสัมผัสดู ไม่ร้อนแล้ว

สภาพไม่ต่างจากตอนอยู่บ้านผมเลย นอนเปลือยท่อนบน กางเกงพละเอวต่ำโชว์ขอบกางเกงในสีขาว จนผมทนไม่ได้จะต้องถึงขอบกางเกงมันขึ้นมาปิดไว้

ผ้ายังเย็นอยู่

เช็ดท้องมันซธหน่อยดีกว่า ท้องขาวๆที่มีขนตรงสะดือบางๆ ผมถูไล่ไปจนถึงขอบกางเกง

“สัส กูเสียว”

“หึ ยังมีรมณ์นะมึง”

“เออดิ มึงจะปลุกอารมณ์กูเหรอ”

ผมหัวราะ

รวมๆเวลาตั้งแต่ไม้ตกใส่หัวจนมานอนเปลือยในห้องพยาบาลนี่น่าจะราวๆครึ่งชั่วโมงได้ ไม่นานก็คงจะเลิกซ้อม แล้วก็เก็บของกลับบ้านกันสินะ เสียงเอะอะหน้าห้องมาเมื่อไหร่ก็แปลว่า งานจบแล้ว เดี๋ยวคนก็คงแห่กันเดินมาทางนี้

“มึงไปทำอีท่าไหนวะ”
มันไม่ตอบ

“ตอนซ้อมมึงไม่เคยพลาดเลยนี่”

“ก็.. กูหันไปมองมึงไง”

ผมทำเป็นไม่ใส่ใจ

“อยู่ๆเป็นอะไรวะ”

ผมส่ายหัว

เสียงพัดลมครางหึ่งอยู่เราสองคน เมื่อมันไม่พูดอะไร ผมจึงได้แต่นั่งมองหน้ามันอยู่อย่างนั้น พยายามทำใจไว้ว่าอีกไม่กี่นาทีผมจะขอตัวไปที่ห้อง ไม่อยากทนนั่งมองมันนานๆไอ้ต้องลืมตามองเพดาน แต่ตัวยังนิ่งอยู่บนเตียง

“คราวหลังนั่งดีๆสิมึง”

“มึงนั่งลงริมฟุตบาท อ้าซะ ท่านั่งมึงน่ะ”

หา... ผมยังไม่ทันมัน

“ขากางเกงมึงกว้าง อ้าซะเห็นไข่ทั้งพวงแล้ว”

ผมก้มลงมองเป้าตัว ลองยกขาดู มันเป็นขนาดนั้นเลยเหรอ

“กูว่าจะทักมึงละ แต่พอกำลังจะชี้ให้ดู ไอ้ไม้ห่านั่นก็ฟาดหัวซะก่อน”

ผมหัวเราลั่นห้องเลย

ไอ้ต้องพูดเกินไป

“นี่มันโรงเรียนชายล้วนนะมึง”

“ก็เพราะยังงี้น่ะสิ กูถึงได้หวงมึง”

เฮ้อ

ผมเอามือตีพุงมัน

“โอ้ย” มันร้องแล้วคว้ามือผมไว้ ไปวางบนพุงมัน

“ช่วยกูหน่อยดิ”

หา!!!

“เอาเสื้อมาให้หน่อย หนาว”

ผมเลยเอื้อมมือไปคว้าเสื้อที่วางอยู่ตรงหัวเตียง เสื้อมันคงแห้งขึ้นบ้างแล้ว ก่อนจะจับมันลุกขึ้นมานั่ง คราวนี้ดูมันมั่นคงขึ้น ด้วยความขาวของตัวมัน ทำให้ผมต้องนั่งชันเข่าบนเตียงเอื้อมตัวไปสอดเสื้อเข้าที่แขนสองข้าง ตัวผมคร่อมอยู่หว่างขามัน

แขนถูกสอดเข้าไปเสร็จแล้ว มันหึบแขนเข้าหากันหนีบตัวผมเข้าไปด้วย

ตัวเราสองคนแนบกัน

หน้าผมไปทับอยู่กับหน้าอกที่มีเสียงหัวใจเต้นดังๆ

ใจต้องมันเต้นแรงจนรู้สึกได้

ผมดันตัวให้ออกห่างจากมัน ลมจากพัดลมพัดเข้าที่ตัววูบหนึ่ง ดูไม่อาจลดความร้อนที่เกิดขึ้นบนใบหน้าได้ซะแล้ว

ต้องก้มหน้าลงมาจ้องตาผม

ก่อนจะค่อยๆ เอามือดึงตัวผมเข้ามาหามันอย่างว่าง่าย

เสียงเตียงในห้องพยาบาลดังขึ้นอีกครั้ง เตียงผ้าใบลื่นๆ ต้องที่ดึงผมเข้าไปหานั้น ทำไมกันนะ ผมไม่อาจแข็งขืนได้เลย สุดท้ายก็กลายเป็นว่าต้องล้มพิงบนตัวมัน มีเพียงขาเท่านั้นที่คร่อมกันอยู่ เข่ามันแนบติดอยู่กับส่วนสำคัญของผม มือผมท้าวเอาที่หว่างขามัน อีกข้างอยู่บนหน้าขา แต่อีกข้างนี่สิ ...อยู่บ้นเป้ามัน

ลมหายใจถี่รุนแรงขึ้น

“ขอนะ...”

“ต้อง...”

มันค้อยๆกดริมฝีปากเข้ามาอีกครั้ง ริมฝีปากบนล่างแตะกันเสมอเป็นสมมาตร ช้าๆ ก่อนที่ต้องจะขยับขาไปด้วย...

ส่วนนั้นของต้องกำลังขยายออกมาในมือผม แลกกันกับของผมที่แข็งขืนดันเข้าต้องกลับไปในตอนนี้

หลังจากชิมรสชาติปากของกันแล้ว ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นใช้ลิ้นเข้าดุนดันภายในปาก เปลี่ยนท่าทางกันซะใหม่

ของผมกับต้องกำลังจะระเบิดออกมา มือสั่นเทาค่อยๆขยับช้าๆ เอื้อมไปเข้าไปแตะขอบกางเกงพละของมัน

ล้วงเข้าไปเลยดีมั้ย

ต้องหัวเราะหึออกมา เมื่อสัมผัสได้ถึงความคิดผม

“เอาสิ”

“ต้องกูชอบมึงนะ … แล้วมึงละ”

มือมันที่กำลังง่วนกับการแกะเข็มขัดนักเรียนผมหยุด

มันลืมตาขึ้น แล้วก็...

“พี่ต้องงงงงงงงง”

ผมรีบพละตัวลุกขึ้นยืน เข็มขัดถูกแกะออกไปแล้ว ตะขอก็กำลังจะหลุด

ชิบหายละ

“พี่ต้อง”

ต่อกับบูมเดินเข้ามาในห้องพยาบาล

“ต่ออย่าเสียงดังได้มั้ย”

“เป็นไรป่าวพี่”

ต่องจ้องหน้าผมราวกับไปลักพาตัวต้องมาอย่างนั้นแหละ

“เอ่อ เปล่า ไม่มีไร”

เอะ...

ผมจะรีบแก้ตัวทำไม

พลัก

ต่อโดดข้ามเตียงต้อง ส่งหมัดเข้ามาที่หน้าผมเต็มๆ หนึ่งหมัด เล่นเอาภาพข้างหน้าสั่นไปชั่วขณะ มือขาวๆเล็ฏๆของมันนี่แรงดีเหมือนกันแฮะ

มา ตาผมมั่งละ

ได้จังหวะผมพลิกตัวตัวกลับกำลังง้างมือขึ้น เล็กไปที่หน้าของต่อ

“เก้าเดี๋ยวสิ”

ผมหยุดหันไปมองต้องที่ดึงชายเสื้อผมไว้

พลัก คราวนี่หมัดที่สอง ลงมาที่หน้าอก เล่นเอาหายใจไม่ออก

“เดี๋ยวพ่อมึงเหรอ” ช่างหัวไอ้ต้องมันแล้ว

ผมกำลังจะอัดกำปั้นเข้าไปที่หน้าต่ออย่างสุดแรง แต่สายตามองไปเห็นร่างสูงๆนั่นรีบเข้ามาอย่างรวดเร็ว วิ่งไปกอดตัวน้องชายเอาไว้ ผมให้ผมต้องชะงักตัวกลางอากาศอย่างนั้น

“เอ้าของแถม”

ลูกถีบยันเข้าที่ท้องผม จนเซถอยหลังลงไปกองอยู่ข้างเตียงห้องพยาบาล

สัสนี่

บูมวิ่งเข้ามาดันตัวผมออกไปให้ห่างจากคู่นั้น ลากออกไปไกลทางมุมห้อง

“ต่อเป็นบ้าอะไรวะ” บูมหันไปถาม

“มันน่ะแหละ ทำอะไรกับพี่ต้องน่ะ”

“นี่มันในห้องพยาบาลนะ ต่อ”

“แล้วสภาพที่เห็นน่ะมันอะไร ไอ้กระหรี่นี่เลือกสถานที่ด้วยเหรอ”

พอได้ยินคำนี้เข้า ใช่... ถูกของมัน ผมฟาดฟันเพื่อนตัวเองไป 2 แล้วนี่ ถ้าจะรวมต้องเข้าไปอีกก็จะกลายเป็น 3

ช่วยไม่ได้ ผมสูดหายใจเข้า ยืนให้มั่น ดันบูมออกไปข้างๆ

“ต่อใจเย็นๆได้มั้ย”

“พี่บูม!!!”
อ้าว เถียงกันเองแล้ว

“เสือกเรื่องกูน่า”

ผมสวนด้วยหมัดเข้าที่ท้องของบูม ก่อนจะพลักมันออกไปข้างๆ

ถือว่าคืนหนี้เก่าละกันนะ บูม

ต่อสะบัดตัวต้องออกไปด้านข้าง ไม่ให้ขวางไว้ได้

“พี่ต้องจะไปช่วยมันทำไม” ต้องคว้าแขนต่อกลับมา

ต่อสะบัดมือโดดเข้ามากระชากเสื้อผม แล้วเหวี่ยงตัวออกไป ตอนนี้มันง้างขาขึ้นทำท่าจะเตะ มันคงเห็นผมเป็นลูกบอลกลมๆขาวๆไปแล้ว โดนเข้าไปนี่น่าจะหนัก

ต้องลงมานั่งคร่อมทับตัวผมเอาไว้

ตูม

เสียงเนื้อกระทบกันดังๆ ต่อหยุดเอาไว้ไม่ทัน เป็นต้องที่โชคร้ายเข้ามารับแทน โดนเข้าไปเต็มหลัง

“เก้า อะไรกันวะ”

ไอ้เจ???

“ต้อง มึงลงไปนั่งกอดเก้าไว้ทำไม”

กูว่างานนี้ถ้าเรื่องหลุดออกไปได้ดังกันยกแก๊งแน่

“นั่นไง คนของมึงมานั่นแล้ว”

“คนเคยๆใช้บริการกันสินะ”

“ต่อน้อยๆหน่อยนะ”

“เจ อย่า” แมคคว้ามือเจเอาไว้

“พวกมึงมากันทำไมเยอะแยะวะ” เสียงดังฟังชัด ท่าทางต้องจะหายมึนหัวแล้ว

“พวกมึงมาเสือกอะไรด้วย”

“ต่อ พูดดีๆหน่อย”

“ทำไมต้องพูดดีกับคนที่ทำอะไรเหี้ยๆไว้ด้วย”

บูมมองหน้าเจเลิกลัก

“ไหนมึงบอกจะทำให้มันจบไง”

“คิดว่ากูจะยอมรับง่ายๆเหรอ”

เจยังจ้องหน้าบูม

“ต่อ... ออกไปเหอะ”

“พี่ต้องไอ้นี่มันทำอะไรเอาไว้ พี่ไม่รู้เหรอ”

ต้องไม่ตอบ หันมามองหน้าผม

“ต่อ มึงมาเจอกับกูนี่”

ต้องเดินเข้าไปหาเจ

“มึงสองตัวพอเลย ไอ้ต้องมึงยังจัดการเรื่องต่อไม่ได้อีกเหรอ”

ต้องหันกลับไปมองแมค แล้วสลับไปทางต่อ

“เพราะยังงี้ไง กูถึงบอกว่า มึงกระจอก เรื่องมันกลายมาถึงขนาดนี้แล้ว”

“แล้วจะให้กูทำยังไง มึงคิดว่ามันง่ายเหรอ”

“พี่ต้อง ทำไมต้องเป็นมันด้วยวะ”

เสียงคนในห้องเถียงกันมั่วไปหมด ไม่รู้ว่าใครพูดอะไร เรื่องไหนเป็นเรื่องไหนไปแล้ว
“พอ!!!!!”
.
.
.

“พวกมึงหยุดเถอะ เดี๋ยวกูจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเอง”

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DREAM COME TRUE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
อ่านถึงตรงนี้ละ หลังจากไม่ได้มาอ่านนาน
เรื่องครูนี่จี้ดดดด หลายตอนมาก
แล้วเด็กๆพวกนี้ก็ ...เข้าใจอะ เด็กมากๆอะ

พอโตแล้วมองย้อนกลับไปคงขำกับตัวเองในอดีตเนอะว่างี่เง่าฉิบ

ตอนนี้หมั่นไส้ต่อมากอะ

จริงๆต้องก็ทำตัวไม่สมเป็นพระเอกเลย

เก้าน่าสงสาร น่าจะเลิกๆไปให้หมด ไปหาใหม่ดีกว่า

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ต้องเอาแต่ไม่ให้เก้าทำน้อง   แต่ปล่อยให้น้องทำเก้ารัวๆ   พระเอกมากค่ะ
ต่อก็อิเด็กนรกดีๆนี่เอง   มาครบหมดเลยทั้งบูม เจ   

โกรธต่อมากๆเลยนะ   มันเป็นใครมาจิกหัวเรียกคนอื่นว่ากระหรี่   
อยู่ใกล้ๆจะตบสั่งสอนให้หน้าหันสักที   ไม่ว่าจะฟังจากเจหรือบูมหรือว่าเห็นเองก็ไม่ควรมาตัดสินคนอื่นแบบนี้   รู้ว่าหวงพี่ชาย   แต่แบบนี้มันเกินงามไปมากโขอยู่แล้ว

สงสารเก้ามากๆที่ต้องมาอยุ่แบบนี้ ในโรงเรียนที่ลือกันได้ปากหมาปากมอม  ครูที่ไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้นักเรียน   เพื่อนที่พอไม่ได้ดังใจก็ขู่  ที่ใช้เพื่อนเป็นแค่ตัวระบายความหยากทางเพศ แล้วก็ประจาน ปล่อยข่าวลือ  ไม่แปลกหรอกที่เก้าจะเรียนไม่รู้เรื่องเพราะว่าหลุดโฟกัสไปทุกอย่างแล้ว

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อารมณ์กับวัยรุ่น
มักจะพลุ่งพล่านไปก่อนอะไรเสมอ

ไร้เดียงสากันทั้งนั้น
ไม่มีเหตุผล มีแต่อารมณ์ล้วนๆ

ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่และถูกต้องเสมอ
เอาไว้เป็นผู้ใหญ่แล้วค่อยมาคุยกันดีดีแล้วกัน

ตอนนี้คงต้องปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปก่อน
ใครจะห้ามอะไร ก็ไม่มีใครยอมจะฟังหรอก

+1 ให้กับตอนนี้

ป้อล่อ..ต้องกับเก้า
จะได้สุขกันมั่ง..แต่สุขไม่สุด
ฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
เสียงพลุกับวงเหล้า ตอนที่ 15 : ปากหมา

ได้ งั้นผมจะบอกพวกมันให้หมด

“วันงานวิทย์ไอ้เจมันนัดกูเอาไว้หลังแสดงละคร กูไม่ได้ตั้งใจว่ามันจะออกมาเป็นอย่างนี้หรอก มันผิดที่กูเอง ถ้าวันนั้นกูไม่ยอมทำตามที่เจมันต้องการ กูไม่ได้ขึ้นไปหามันที่ชั้น 4 แล้ว เรื่องมันก็คงไม่เกิด”

“กูมันง่ายเอง”

“เก้า พอเหอะ” ไอ้เจเดินมาจับมือผมไว้

“ตอนนั้นกูไม่รู้จริงๆนะ ว่ามึงคิดยังไงกับกู  เจ มึงก็คงเหมือนๆกับบูมสินะ แค่เห็นกูเป็นที่ระบายให้เฉยๆ จนวันที่มึงบอกกับกูที่บ้านนั่นแหละ กูเลยยิ่งแน่ใจว่ามึงคิดแค่นี้ แต่ยังไงมึงก็คือ พี พี คนที่กูรู้สึกดีด้วยมาตลอดเพราะมึงคือเพื่อนคนเดียวที่ไม่เคยทิ้งกูไปไหนเลย ถ้าเรื่องแค่นี้มันทำให้มึงสบายใจได้ กูก็อยากทำให้ ที่มึงทำให้กูวันงานวิทย์กูคิดว่ามึงจะจีบแล้วนะนั่น”

ผมได้แต่ก้มหน้า มองไปที่มือที่ถูกมันจับเอาไว้

“เก้า” เสียงเจ ดังขึ้นอีกครั้ง

“เก้า ช่างมันเหอะ” คราวนี้เสียงต้องเหรอ

พวกมึงนี่ เรียกชื่อกูบ่อยกันจัง

“กูก็เลยยอมมันในห้องนั้นแหละ”

ผมหันไปมองหน้าต้อง

ต้องยังคงจ้องกลับมาไม่ลดสายตาลง ไม่แน่ใจว่ามันรู้สึกอย่างไรอยู่

“มึงแม่งตุ๊ดจริงๆด้วย”

ต่อเดินเข้ามาผลักอกผมทีหนึ่ง

“หึหึหึ ใช่ ตัวกูน่ะคงใช่ แต่ไอ้เจน่ะไม่ พี่มึงก็ไม่ด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงไอ้ต้องมากนักหรอก”

“ขอโทษนะ เจ มึงเองก็คงอยากจะปิด แมค กับ ต้อง เอาไว้เหมือนกันสินะ”

เจ หลบหน้า

ผมบีบมือมันเบา ก่อนเอามืออีกข้างแกะมือมันออก

“คนที่เป็นแบบมึงน่ะ ทำไมต้องมาทำให้พี่กูเป็นอย่างมึงด้วย” ต่อเดินเข้ามาผลักอกผมเป็นครั้งที่สอง

“มันก็ต้องมีครั้งแรกกันละนะ”

ผมหัวเราะให้กับพื้น นึกไปถึงบูม

“ไหนมึงบอกว่าเรื่องนี้มันจะจบไง เนี่ยเหรอที่มึงบอกจะช่วยเก้า”

เจหันไปพูดใส่บูมตรงๆ

“พี่บูมเนี่ยนะ”

เอาละสิ 2 คนนั้นทะเลาะกันเองแน่

“เออน่า มึง เดี๋ยวกูค่อยเล่า”

ต่อแบ่งความสนใจบางส่วนไปลงที่บูมบ้างแล้ว

“ต่อ กลับบ้านกันเหอะ”  ต้องลุกเดินออกไปทางประตู

“ไม่พี่ต้อง พี่ต้อง ต้องจัดการเคลียร์เรื่องของมันกับพี่ก่อน”

“ต่อได้ทุกอย่างแล้วยังไม่พอใจอีกเหรอ”

“มึง พาพี่กูไปไหนมา วันเกิดกูน่ะ”

ประเด็นใหม่เพิ่มเข้ามา

ผมยังทำหน้างง วันไหนวะ

หันไปทางต้อง ทำไมมันทำหน้าแบบนั้นละ

“วันที่กูไปนอนบ้านมึงไง เก้า”

“ไอ้เหี้ยนี่เอง” ต่อ เดินมากระชากคอเสื้อผม

กลายเป็นว่า ผมกำลังจะต่อยมัน

“เด็กอย่างมึงน่ะ น้อยๆหน่อยนะ ให้พี่ๆเค้าจัดการเรื่องนี้กันเองดีกว่า” แมคลากคอน้องมันกลับไป

“พี่มึงไปนอนบ้านเพื่อนมีปัญหาตรงไหนเหรอ”

“พี่ของกู”

เจ เป็นคนแรกที่เดินออกจากห้องพยาบาล

มันไม่พูดอะไรอีก เดินมองฟ้ามองตึกแล้วหายลับออกไป

แมคยังคงกดหัวต่อเอาไว้อย่างนั้น

“พอเหอะ ต่อ” บูมเดินออกจากห้องไปเป็นคนที่สอง

เดินหน้าไปทางสระว่ายน้ำ

“ตอนนี้ทุกคนก็รู้เรื่องกันหมดแล้ว มึงจะได้ไม่ต้องมาคอยตามกันท่าต้อง ไม่ต้องมาวุ่นวายกับกูซะทีนะ พี่มึงของมึง กูไม่ยุ่งหรอก ต้องไม่ได้ชอบกูด้วยซ้ำ แล้วกูก็ไม่มีทางจะไปชอบคนสูงเป็นเปรตอย่างมันได้หรอก”

แมคพลักหัวต่อไปข้างหลัง

“ไม่เป็นไร ปีที่เหลือกูยกให้มึง ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดมึงนะ ต่อ ยกเว้นว่ามึงจะนึกสนุกอยากได้กูอีกคน กูจัดให้ได้นะ”

ที่เหลือในห้องดูสะดุ้งเฮือกขึ้นมา

“เอาเหอะ พวกมันก็แค่ฆ่าเวลา เดี๋ยวๆก็จบกันแล้วเนอะ เดี๋ยวก็แยกย้ายกันไป จะมีความหมายอะไรในชีวิต คนคู่กันวันนึงมันยังแยกกันได้เลย แค่เพื่อนสักวันมันก็ต้องไป เอะ เพื่อนเหรอ ใช่เหรอ”

“ฝากไปบอกบูมด้วยนะ กระจอกวะมันน่ะ”

“แมค กูว่ามึงโลกส่วนตัวสูงนะ บางทีกูก็คิดว่า.... กูไม่รู้จักมึงวะ บางทีก็คิดว่ามึงมันเข้าใจคนอื่นไปหมด เข้าใจจนน่าขนลุก กูว่ามึงแปลกๆนะ บางทีกูก็รู้สึกว่ามึงกับกูมันอยู่กันคนละโลกวะ เหมือนคุยกันได้ บางทีก็ไม่รู้เรื่อง”

“ไอ้เจ มันไม่อยู่แล้ว แต่เมื่อมันเล่นๆกับกูได้ กูก็เล่นกับมันได้ แค่เสียน้ำจะไปเสียดายทำไม ไม่เสียกับมันกูก็เอาออกเองอยู่แล้ว ก็ดี กูเป็นที่ระบายให้มัน ดีที่มันไม่ได้คิดกับกูมากไปกว่าเพื่อน”

“ต้อง เพราะมึงเป็นยังงี้ไง หัดพูดไรให้ชัดๆหน่อย น้องมึงเลยเข้าใจผิดหมดแล้ว แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวหลังจากนี้มึงก็ไปใช้เวลากับน้องมึงให้มากๆนะ เลิกยุ่งกับกูซักที ไม่ต้องห่วง กูรู้มึงไม่คิดไรหรอก กูก็ด้วย อ้อ หรือว่า ถ้ามึงอยากจะเอาชนะไอ้เจละก็ ยินดีด้วยนะ …......... มึงชนะแล้วละ”

“กูว่า กูเคยชอบมึงนะ ชอบมากด้วย”

ถึงตรงนี้ทำไมผมเสียงสั่นได้ ตั้งแต่พูดมา ผมยังไม่รู้เรื่องเลยว่าตัวเองพูดอะไรออกไป  มันดูไร้สาระเพ้อเจอสิ้นดี แล้วดูเหมือนผมจะด่าพวกมันก็ไม่ใช่ ไม่สิ ไอ้นิสัยหาข้อเสียคนอื่นมันเป็นสันดานผมอยู่แล้วนี่ ผมก็แค่ชี้หน้าด่าหาที่ระบายลงไปเฉยๆ

ระบายความรู้สึกผิด รู้สึกละอายที่พวกมันรู้ ผิดในสิ่งที่ผมเป็น

น้ำอุ่นๆ ไหลลงบนใบหน้า มือสั่นเทาค่อยๆเอาขึ้นไปลูบหน้าตัวเองอย่างช้าๆ นี่กูร้องไห้ไปตั้งแต่ตอนไหน สงสัยจะก้มหน้ามากไป มันเลยชาจนไร้ความรู้สึก ปกติผมก็ไม่ค่อยมีความรู้สึกอยู่แล้วนี่นะ

เอาละ จบแล้ว

พวกมันไม่ควรจะมีมลทินในเรื่องแบบนี้ ถือว่าผมชดใช้ให้พวกมันแล้ว

ประตูห้องพยาบาลขยับเข้ามาใกล้ ไม่รู้สึกเหมือนว่าผมเดินอยู่ มันเหมือนประตูมันลอยเข้ามาหาเองมากกว่า เด็กเริ่มเดินกันขวักไขว่นอกห้อง แสดงว่าเลิกเรียนแล้ว งั้นผมไม่ต้องขึ้นห้องไปเจอหน้าใครอีกรอบแล้วสินะ ตรงกับบ้านเลยดีกว่า

หูฟังกับโทรศัพท์ยังอยู่ดีในกระเป๋ากางเกง เหมือนมันจะยังไม่ได้ทิ้งผมไปไหน ดีที่ติดมาด้วย ไม่ได้ทิ้งไว้ในกระเป๋านักเรียน

ป่านนี้ในห้องพยาบาลน่าจะสงบลงได้แล้ว

สูดลมหายใจเข้าลึก

เงยหน้า

ทำหน้าตาปกติ

หยิบหูฟังขึ้นมาใส่ แล้วออกเดินช้าๆ ไปที่หน้าโรงเรียน เวลานี้คนคงไม่เยอะ ไม่ต้องแย่งรถกับใคร จะสองแถวไปปากซอยแล้วต่อรถเมล์ก็ได้ หรือจะแท๊กซี่ก็ได้ อยู่ที่อย่างไหนจะมาก่อนกัน อะไรที่จะมารับสภาพผมตอนนี้ไปด้วยก่อนกัน

แท๊กซี่มาถึงก่อน ผมโดดขึ้นประตูหลัง บอกทาง แล้วก็นั่งฟังเพลงเปิดเสียงดังให้สุด โลกรอบข้างเริ่มเงียบลงไป แม้เสียงเพลงที่ดังที่สุดก็ดูเหมือนจะไม่พอช่วยให้สติผมกลับมาได้ ตกรอบข้าง รถที่วิ่งผ่านไปมา กลายเป็นเส้นยาวๆ ไม่รู้ว่าแท๊กซี่ขับเร็ว หรือ สมองมันเบลอกันแน่ ผมเริ่มแยกไม่ออกระหว่างตัวเองกับโลกจริงๆใบนี้


ภาพรอบข้างเริ่มกลายเป็นสีขาวดำ ส่วนที่เป็นสีเทาดูจะเยอะสุด แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆหยุดนิ่งลง

นึกได้ว่า บ้านที่พักหลังๆไม่ค่อยอยากกลับ มันจะถึงเร็วเกินไปถ้านั่งรถต่อไปเรื่อยๆ

ผมบอกให้จอดตรงที่เดิมหน้าบ้านแมค

ลมเย็นพัดวูบมา ลืมไปเลยว่านี่มันหน้าหนาว แถมปีนี้หนาวกว่าทุกปีด้วย ผมทิ้งเสื้อไว้ที่ไหนเนี่ย … ห้องพยาบาลตอนช่วยต้องสินะ

ที่สี่แยกกับลมเย็นๆที่ยังตีมาประทะหน้าอย่างต่อเนื่อง ไฟเขียวยังขึ้นอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนเป็นสีแดง

ผมมองเห็นตัวเองกำลังก้าวขาออก ราวกับวิญญาณออกมาอยู่นอกร่าง วันนี้เกิดขึ้นบ่อยจริง ตั้งแต่ในห้องพยาบาลแล้ว ผมเห็นตัวเองกำลังก้าวเดินข้ามสี่แยกแบบไม่รอไฟแดง รถกำลังวิ่งเข้ามาด้วยความเร็ว แต่เด็กผู้ชายร่างเล็กๆหน้าตาคุ้นเคยนั้นก็ยังไม่หยุดเดิน

สงสัยผมคงจะไม่ได้ไปโรงเรียนอีกแน่แล้ว

โรงเรียนที่ไม่เคยคิดว่ามันจะสนุกขนาดนี้ มันกำลังจบความสนุกลง เวลา 2 ปีที่สนุกมากกำลังจะผ่านพ้นไป แปลว่า มันจะไม่มีที่ให้หลบพักใจได้อีกแล้ว

ก็คงพอๆกับชีวิต ม.6 ที่เหลืออยู่ นี่มันแค่เริ่มต้น

กลับบ้านแล้วอยากเปลี่ยนชุดที่ใส่อยู่นี่เหลือเกิน เสื้อ ขาว กางเกงน้ำเงิน ถอดมันให้หมด กางเกงในก็อย่าเก็บไว้ ตัวขาวๆซีดๆ ที่ตอนนี้เริ่มมีรอยช้ำแดงๆเขียวๆบ้างแล้ว

ผมก้มหน้าลงมองอวัยวะของตัวเอง เรียกร้องนักเหรอ อยากนัก นี่ไงเป็นเรื่องแล้ว วันนี้ละอยากอีกมั้ย มาจะทำให้หายอยากเลย

ในห้องน้ำห้องเดิมนี้ที่ต้องเพิ่งจะมาไปไม่นาน ที่เจเพิ่งจะมาไปตอนก่อนเปิดเทอมใหม่ สงสัยคงจะไม่ได้ใช้รับแขกใครอีกแล้ว

ก๊อกน้ำเย็นถูกเปิดออกจนสุด ร่างเล็กยืนสั่นเทาอยู่ใต้สายน้ำเย็นที่เย็นขึ้นไปอีก

ค่อยๆปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ พรุ่งนี้เป็นวันเรียนวันสุดท้ายของปีแล้ว ถ้าไม่สบายอย่างมากก็โดดเรียนไปซะ ไปกับไม่ไปก็คงไม่ต่างกัน

แต่ถึงจะพูดออกไปให้พวกมันฟังอย่างนั้น ผมต่างหากที่เป็นคนที่ทนไม่ได้กับคำพูดพวกนั้นที่สุด

คำพูดพวกนั้นเหมือนก้อนหินที่ผมคว้าเอามาจากพื้นขว้างปาใส่เพื่อนเพื่อระบายอารมณ์ แก้ความอับอายที่โดนประจานให้มันหายไป … มันไม่หายไปไหน มันกลับสะท้อนเป้าเข้ากระแทกหน้าตัวเอง
.
.
.

เช้าสุดท้ายวันที่ 30 ธันวาคมก็มาถึง แม่งไข้แดกอย่างที่คิดไว้จริงๆด้วย กลายเป็นว่าไม่ต้องไปเรียนมันเลยจริงๆละคราวนี้

หยิบมือถือมาดูเวลา ที่หน้าจอว่างเปล่า

ไม่มีใครโทรหา

11 โมงเช้าแล้ว นี่แสดงว่าเมื่อวานพ่อกับแม่ก็ไม่กลับบ้านอีกแล้วสินะ ถ้าอยู่บ้านป่านนี้คงรู้แล้ว ไม่ก็โดนด่าไปแล้ว ทำยังไงให้ไม่สบายได้ วันสุดท้ายแล้วแท้ๆ

เอาวะ ถือว่าได้หยุดปีใหม่มากกว่าคนอื่น 1 วัน

ผมค่อยๆดันตัวเองลุกขึ้นจากเตียง

ลุกขึ้นไปหวีผมให้เข้าที่ ผมเริ่มยาวแล้ว จะให้อาบน้ำก็คงไม่ไหว หนาว ตอนนี้ไข้จับแล้วด้วย เก็บดองไว้เย็นนี้แล้วกัน ไม่มีใครจะมาดมหรอก 

นึกด้ว่า ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องทำให้เสร็จ เรื่องที่ผมตั้งใจไว้ตั้งแต่ชั่วโมงศิลปะ ทำให้มันจบๆไป

จะปีใหม่แล้ว ใส่ชุดเที่ยวออกจากบ้านคงไม่เป็นไรมั้ง คงไม่มีใครเห็นเด็กม.ต้นอย่างผมแล้วโทรไปแจ้งโรงเรียนหรอกนะ เอะ.. ม.ปลายสิ ม.ต้นมันคำที่ไอ้ต้องชอบพูดใส่บ่อยๆ

เสื้อแขนยาวสีน้ำเงินกับกางเกงผ้าสีน้ำตาลอ่อน สีประจำที่ชอบใส่

เกือบเที่ยงแล้วจึงได้ออกจากบ้าน นั่งรถจากนี่ไปสยามจะนานแค่ไหนนะ รีบไปแล้วรีบกลับดีกว่า

เกือบเที่ยงอากาศเริ่มร้อนขึ้น ค่อยยังชั่วหน่อย

บ้านแต่ละบ้านยังคงประดับไปด้วย กระดาษเงาๆ ปลิว ไหวไปกับลมที่พัดผ่านมา

สวัสดีปีใหม่

Happy New Year

เพื่อนบ้านดูหายหน้าไป

เดินออกไปปากซอย ในหัวมีแต่เรื่องเมื่อวานนี้ แต่มันก็ควบคู่ไปกับความว่างเปล่าด้วย ว่างเปล่าที่ผมไม่สามารถหาทางออกได้ ไม่มีทางที่จะกลับไปจัดการแก้ไขอะไรได้ หมองบางๆเข้ามากั้นความคิด ความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้กำลังเกาะกุมอยู่

ส่ายหัวสะบัดมันออกไป

เหลือแต่ความตั้งใจอย่างเดียวที่ผมอยากจะทำให้สำเร็จ ไม่อยากเป็นคนที่ดูแย่ไปกว่านี้

บนถเมล์สายเดิมที่วันนี้คนแน่น ผมไม่ได้นั่ง ต้องยืนยาวไปจนกว่าจะถึงสยาม หูฟังที่ต่อสายออกมาจากโทรศํพท์ที่เก็บไว้ในกระเป๋าสะพายข้าง ถูกใส่อยู่ที่หัว หูฟังอันสีเขียวที่เจมันให้ไว้ตอนปิดเทอม นานๆจะได้หยิบออกมาใช้ที

มันพูดถูก

'รุ่นนี้มันตัดเสียงโลกภายนอกออกไปได้ดี'

คนบนรถเหมือนเป็นหุ่นยนต์ ที่เคลื่อนไหวโดยปราศจากเสียง ขยับปากแต่ไม่ได้ยินสิ่งที่พูดใด ในหูตอนนี้มีแค่เสียงเพลงจากโทรศัพท์ที่เล่นอยู่เท่านั้น รายการเพลงที่ขอลอกมาจากไอ้แมค ถูกเล่นไล่ไปเรื่อยๆทีละเพลง พอหูเริ่มชินกับเสียงดังๆ แม้แต่เสียงเพลงเองก็หายไป ไม่ได้ยินอีก

ผมอยู่ในโลกนี้คนเดียว

ป้ายหน้าคนแน่นขนัด

ผมเดินตรงดิ่งขึ้นไปที่ชั้น 4 แผนกของใช้อุปกรณ์ไฮเทค

ผู้คนเนืองแน่นทั้งในและนอกร้าน

“พี่ครับ รุ่นนี้มันยังซ่อมได้มั้ย เปิดแล้วมันค้างขึ้นโลโก้ตลอด”

ผมยกไอพอดที่พ่อแม่ซื้อมาฝากตอนไปต่างประเทศ เป็นรุ่นแรกๆ ขนาดยังใหญ่อยู่ ให้พี่พนักงานที่ร้านดู มันยังอยู่ในกล่องดี

เพราะหลังจากผมได้โทรศัพท์ในปีต่อมา โทรศัพท์มันก็สามารถฟังเพลงได้ในตัว ไอพอดเลยหมดความจำเป็นลงไป จริงๆแล้วถ้าจะใช้ก็ไม่เสียหาย แต่ผมขี้เกียจเกินจะพกพวกมันไปไหนมาไหนด้วย

ใครจะบ้าพกเครื่องใช้ไฟฟ้าทีตั้งสองอัน

“เดี๋ยวพี่มานะ”

คนนั้นคว้าไอพอดไป แล้วหายไปหลังร้านราว 15 นาที ปล่อยให้ผมยืนดูโปรโมชั่น ลดราคาสินค้าสิ้นปีที่แปะป้ายสีแดงตัวใหญ่อยู่ทั่ว ไม่ว่าจะลดแล้วยังไงก็ยังเกินความสามารถที่จะซื้อได้อยู่ดี

ต่อมันไปทำยังไงถึงซื้อให้ต้องได้เนี่ย

ในห้างคนเดินสวนทางกันไปมา สิ้นที่มีเต็มไปด้วยป้ายรายการลดแลกแจกแถม คนออกมาซื้อของกันให้วุ่น ส่วนใหญ่โตกว่าผมทัง้นั้น นานๆจะเห็นเด็กนกเรียนมาวิ่งที นั่นก็คงโดดเรียนมาเหมือนกัน เพลงปีใหม่ทั้งไทยและสากลถูกเปิดวนๆอยู่ในห้าง นี่ถ้าไอ้แมคมาได้ยิน มันคงบ่นรำคาญแน่ๆ

ปีนี้ห้างเองก็แต่งสวยแฮะ

ต้นคริสมาสต้นใหญ่เห็นตั้งแต่บนรถเมล์ประดับไปด้วยไฟ กลางคืนคงสว่างน่าดู ตรงข้ามกับฝั่งบ้านผม แถวนี้ดูจะสว่างกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

“น้องๆ ได้ รีเซทมันซะหน่อย แต่รุ่นนี้ไม่ได้ซื้อจากไทยนี่ เอาเข้ามาเองใช่มั้ย เสียค่าทำนะ”

“เท่าไรพี่”

“150”

“ตามนั้น”

ก็ยังถูกกว่าซื้อใหม่ละ

พี่คนนั้นหายไปหลังร้านอีกรอบ ปล่อยให้ผมยืนดูผู้คนอยู่ที่หน้าเค้าเตอร์ มือก็กดๆจิ้มๆเครื่องคอมที่เค้าวางให้ทดลองเล่นอยู่แถวนั้นแหละ ไม่รุ้ว่าอีกนานแค่ไหน

“ได้แล้วครับ”

“ขอบคุณครับ”

ผมยื่นเงินให้เค้าไป

แม่งตอนให้ไปอยู่ในกล่องเรียบร้อยกลับออกมานอกจากจะไม่ใส่กล่องแล้วยังวางในถูกเฉยๆราวกับไม่ใช่ของซื้อขายในร้านยังงั้นแหละ เอาเหอะ ช่างมัน อย่างน้อยเค้าก็ให้ถุงของร้านมา คนมองคงคิดว่าผมมาซื้อของใหม่

เอาละ จบ เรื่องสำคัญแล้ว

จะบ่ายสองแล้ว ยังไม่ได้กินอะไรเลยแต่เช้า

ชั้นล่างของห้าง ที่ๆเคยมานั่งรอไอ้เจเมื่อตอนปิดเทอม ใช่ร้านขนมร้านนั้นแหละ สมองคงจะเบลอสินะ ทำไมถึงนึกภาพพวกนั้นออกมาได้ มันผ่านมานานแล้วนะ ภาพของเด็กผู้หญิงสองคนที่แอบนั่งพูดถึงผมกับเจ เมื่อตอนนั้น มันผุดกลับเข้ามาในหัวอีก

รีบกินยาดีกว่า ท่าจะบ้าแล้ว

บ่ายสอง ร้านยังไม่มีคนมาก โล่งกว่าวันนั้น

ผมเดินไปสั่งอาหารชุดเดิมที่เค้าเตอร์ พนักงานคนละคน แล้ววันนี้ก็ไม่มีนั่งรออยู่ที่โต๊ะให้ถามด้วยว่าคนที่มาด้วยนั้นเป็นอะไรกัน

ซินนามอนโรลกับกาแฟเย็นแล้วก็น้ำเปล่า ผมยกถาดใส่ของกินมาวางบนโต๊ะแล้วนั่งลง หูฟังยังอยู่ที่คอ ตอนนี้เริ่มรู้สึกเกะกะมากกว่าแล้ว

ขนมชิ้นที่วางอยู่บนโต๊ะ ถูกยัดเข้าปากอย่างรวดเร็ว ตามด้วยน้ำเปล่า เก็บกาแฟเย็นไว้กินตอนกลับบ้าน ยาลดไข้สองเม็ดถูกกลืนตามไปอย่างรวดเร็ว

หน้าร้านผมเห็นเด็กกลุ่มหนึ่ง ตัดผมทรงนักเรียน ยืนด้อมๆอยู่หน้าร้าน จะกินก็ไม่เข้ามากิน จากประสบการณ์ผม สงสัยผมจะโดนกินซะมากกว่า

เฮ้อ ปีใหม่หาเงินมาซื้อของกันสินะไอ้พวกนี้ พวกนัน้หันมามอง แต่ผมตอบกลับด้วยสีหน้ากวนตีน แล้วขยับปากว่า  'เป็นเหี้ยอะไรวะ'

แล้วนั่งท้าวคางอยู่กับโต๊ะ แกล้งทำเป็นนั่งดูรถที่แล่นผ่านไปมาจากในร้าน

ท่าทางจะไม่ไปกันง่ายๆสินะ

ผมแอบล้วงเอามือเข้าไปหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าสตางค์ แล้วยัดใส่ กางเกงใน ใครมาเห็นเข้าตอนนี้คงหาว่าผมเป็นโรคจิตแน่ๆ ไม่มีทางเลือกอื่น ป้องกันไว้ก่อนดีกว่าจะได้มีตังค์กลับบ้านไม่งั้นได้เดินไกลแน่ๆ โทรศัพท์ผมไม่มีทางซ่อน

ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงข้างหน้านี่แหละ

เอาละ เวลาที่เหลือก็ทำใจ ถ้าพวกมันทนไม่ไหวก่อนก็ดี แต่ถ้าไม่ก็เตรียมวิ่งกันละ

ผมสะพายกระเป๋า มันสายหูฟัง แค่ตัวยังคล้องไว้ที่คอ ถุงที่ร้านให้มาผมยังหิ้วไป และระวังเป็นอย่างดี ก่อนจะเดินออกจากร้านไป ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นพวกมัน เดินธรรมดาไม่ช้าไม่เร็ว มองซ้ายขวาหาทางหนีไปด้วย ในมือถือกาแฟเดินดูดไป

พวกนั้นเดินตาม

กูว่าแล้วมันเอาแน่

ป้ายรถเมล์อยู่ข้างหน้า ผ่านลานกว้างที่ผมเคยมานั่งรอเจตรงนี้ไปก่อน

“เฮ้ย มานี่ดิ มึงน่ะ”

เสียงเด็กผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น

ผมหันกลับไปมอง คนนั้นผมสั้นเกรียน แต่ดูจากตัวแล้วไม่น่าจะม.ต้นนะ

หลังจากเด็กคนที่ทักผมแล้ว ด้านหลังมีกันอีก 3 คนดูดีๆแล้ว ยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลย กางเกงสีกากีเสื้อขาว รองเท้าผ้าใบสีน้ำตาล รร.รัฐสินะ ไม่ถูกกับเอกชนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่เพราะอะไรวะ

บนตัวพวกมันมีเสื้อหนาวสีสดยี่ห้อ อดิแดส คลุมอยู่ ปิดบังอักษรย่อชื่อโรงเรียนเอาไว้ นี่พวกมันขบวนการห้าสีเหรอไง เออ 4 สี ถึงจะถูก 4 คนใส่เสื้อหนาวรุ่นเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน แต่ 3 สี นี่ถ้ามี 4 สีคงกะจะเอาให้ครบเลยสินะ

“ซื้อไรมาอะ ขอได้ป่าว”

เฮ้ย หน้าด้าน สมัยกูม.ต้นจะขู่ใครยังไม่ใช้คำหน้าด้านยังงี้เลย

“ดูหน่อยดิ”

คนตัวสูงใหญ่กว่าด้านหลังพูดขึ้น

เออ ไอ้นี่ค่อยเป็นขึ้นมาหน่อย

“เฮ้ย ของคนอื่นน่ะ” ข้ออ้างประจำของคนถูกรีดไถ

อีกคนตัวเตี้ยกว่า ตัวเล็กๆ หน้าแหลมๆเหมือนหนูเดินเข้ามาเกาะบ่าคนที่ถามคนแรก

“ดูหน่อยไม่เสียหายหรอ”  เสียงแม่งก็เหมือนหนู

ไม่เสียหรอก เพราะพวกมึงจะเอาไปดูแลให้ใช่มั้ยละ

“ปีใหม่แล้ว พอดีแฟนพี่ก็อยากได้ของขวัญน่ะ เพื่อมีอะไรน่าสนใจจะไปซื้อบ้าง ขอดูหน่อย”

มีปัญญาซื้อเองเรอะไง

เออ คนของกูก็อยากได้

ผมส่ายหัว

“เฮ้ย ขอดีๆไม่ให้เหรอ”

เอ่ออ กูไม่ได้ส่ายหัวให้พวกมึง

เวรละ

หันหลังไปมองที่ป้ายรถเมล์ยังไม่มีวี่แววว่าสายที่ขึ้นกลับบ้านจะมา ถ้าขึ้นสายอื่นก่อนไปหาที่ลงแล้วย้อนกลับมาก็คงได้ แต่ว่า... มันกะเวลายากนี่สิ ถ้าพลาดพวกมันวิ่งตามขึ้นไปกระทืบบนรถเมล์แน่ๆ

คิดมากวะ ปวดหัววุ้ย

“ไม่อะมึง เสียใจด้วย”

ผมชูนิ้วกลางให้พวกมัน

“เฮ้ย มึง....”

ผมถีบเข้าที่ยอดอกไอ้ตัวเล็กหน้าหนูนั่นก่อน

ตัวเล็กๆเล่นง่าย เอามันนี่แหละ

คนแรกที่ทักผมเอื้อมมือ มาคว้าถุง ท่าทางจะอยากได้มาก

ผมเหวี่ยงถุงออก คิดว่าจะให้ไปง่ายๆเหรอ

“ไปไกลๆเลยมึง” ผมประเคนหมัดลงที่หน้ามันด้านขวา ส่งมันตัวเซไป

ถึงยังงี้ม.ต้นกูก็ขาลุยนะเว้ย

“ซ่านักนะไอ้เตี้ย” เตี้ยไม่เตี้ย พวกมึงก็โดนกูเล่นก่อนแล้วไง

ไอ้คนตัวไหญ่กว่า พุ่งเข้ามาผลักผมกระเด็นถอยหลังไป คนที่ 4 ที่สูงที่สุดเข้ามาลอคแขนไว้ข้างหนึ่ง

คนตัวใหญ่เข้ามาตี้เข่าเข้าที่ท้องอย่างจัง

แหวะ ซินนามอนกูแทบพุ่ง

ไอ้หน้าหนูนั่ง เดินมาจะโดด

ผมบิดตัวหลบให้มันไปโดนคนคนตัวสูงที่ลอคแขนเอาไว้แทน ผละให้ตัวผมหลุดออกมาได้ชั่วคราว แต่อาการจุกยังอยู่ หนีไปไหนไม่ได้ หันมองกลับไปไอ้คนแรกกำลังเดินเข้ามา ส่งหมัดตามความยาวตรงเข้าสู่หน้า

ผมหลบซ้ายเจอไอ้คนใหญ่อีกแล้ว ไอ้บ้านี่ เกะกะจริง

มันกระชากคอเสื้อแล้วดึงเข้าไปใกล้

ดูดีๆ มันสูงกว่าต้องอีก

กดผมลงไปนอนกับพื้น คราวนี้ไม่รู้ใครเป็นใครกำลังเข้ามารุม ช่วยไม่ได้ คงต้องยอม

เหวี่ยงถุงสีขาวใหม่ถูกเหวี่ยงไถลออกไปไกลจากตัว เหวี่ยงออกไปสุดแรง ลอยไปไกล

พวกมันหันไปมองทำหน้างงๆ แล้วลุกวิ่งกรูกันไปเก็บถุง ถุงที่เคยใหม่ตอนนี้น่าจะถลอกไปด้านแล้ว

ถุงที่ใส่ของสำคัญเอาไว้ ไอพอด

“เจ้าหน้า ช่วยด้วยยยยย”

เสียงผู้หญิงคนหนึ่งแถวนั้นร้อง พวกมันผงะถอยไปพร้อมถุง

ผมนึกขำกว่าจะตั้งสติได้ว่าโดนหลอก ผมวิ่งไปถึงป้ายรถเมล์แล้วโดดขึ้น

โชคดีเพียงอย่างเดียวของวันนี้ คือ ขึ้นถูกสาย และกาแฟที่วางไว้ตรงเก้าอี้รูปทรงประหลาดตรงลานกลางสยามนั้น ยังอยู่ดี แถมผมยังไม่เจ็บตัวแต่อย่างใด พวกนั้นต่างหากที่โดนเข้า

ผมลงไปนั่งหลังสุดแอบเอามือล้วงเข้ากางเกง อีกครั้งที่ใครมองเห็นคงหาว่าเป็นโรคจิตแน่ๆ

ดึงเงินที่ซ่อนเอาไว้ในกางเกงในออกมา พร้อมๆกับ ไอพอด

ไอ้พนักงงานร้านข้างบนนั่นให้ถุงใหม่ได้ แต่ไม่ยักกะใส่ให้เรียบร้อย ดันเอาวางไว้นอกถุงเฉยๆ คงคิดว่าผมจะใช้ฟังเลย ตอนอยู่ในร้าน ผมเลยแอบเอาออกมาซุกไว้ในกางเกงพร้อมๆกับเงิน

พวกนั้นเป็นผู้ชาย ดังนั้นส่วนสุดท้ายที่พวกมันจะล้วงดู คือ เป้ากางเกงผม

รถเมล์มาส่งลงที่ป้ายเดิม ป้ายประจำที่ผมใช้ลงก่อนเดินเข้าบ้าน บ่ายนี้ไม่มีแดด มีแต่ฟ้าสีสดใส แล้วก็เมฆสีขาวที่ดูขาวสะอาด ไม่ยับเยินสกปรกแบบเสื้อผ้าผมตอนนี้ เสื้อสีน้ำเงินที่เต็มไปด้วยเปื้อนฝุ่นที่พื้น กางเกงสีน้ำตาลอ่อนนี่ยังดูดีเพราะดูไม่ค่อยออก

4 โมงกว่าแล้ว

โทรศัพท์ก็ยังใช้ได้ไม่ได้แตกอะไร

มีข้อความขึ้นมา

'ช่วงนี้พ่อกับแม่ไม่อยู่บ้าน เฝ้าบ้านดีๆนะ'

ถ้างั้นที่แอบได้ยินมาท่าจะเป็นเรื่องจริงสินะ มันก็อยู่ที่ตัวพวกเค้าแล้วละ ผมยังไงก็ได้ เรื่องของคนสองคนผมมีสิทธิ์อะไรไปห้าม ขนาดเรื่องของต้องผมยังห้ามไม่ได้เลย

เงยหน้าจากโทรศัพท์

ร่างสูงคุ้นตาปรากฏขึ้นต่อหน้า

ตาฝาดมั้ง มันมาทำไรวะ

“พอดีเลย กูเพิ่งมาถึง”

ผมทำหน้างง มันมาทำอะไรวะ

“เก้า กระเป๋าน่ะ ลืมไว้ไม่ใช่เหรอ”

ต้องส่งกระเป๋านักเรียนกับเสื้อหนาวคืนมาให้

ใช่ ผมลืมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน

“อา... ขอบใจนะ”

“นี่ไปทำไรมาวะ ทำไมสภาพเป็นงี้ ไม่สบายเหรอ”  มันเอามือเข้ามาแตะหน้าผากำ

“เอ่อ... ไม่มีไรหรอก”

ผมปัดมือมันออก

“ขอบใจนะ” ผมย้ำอีกทีก่อนจะเดินจากมันไป

“เก้า พรุ่งนี้แมคชวนไปที่บ้านน่ะ”

ผมหันกลับมามองหน้ามัน มันพูดจริงเหรอ

“เย็นๆเหมือนเดิมนะ มากันหมดทุกคนเลย”

“กูไม่สบาย”

“เดี๋ยวกูมาอุ้มมึงจากที่บ้านเอง หรือถ้ามึงอยากให้ไอ้เจมารับก็ได้นะ”

มันยืนยิ้มให้อยู่

…........ เอาจริงสินะมึง

“เออ กูไปเองได้ เย็นๆนะมึง”

ท่าทางมันได้มาถล่มบ้านแน่ถ้าผมไม่ไป

“งั้นพรุ่งนี้เจอกัน”

ผมเดินกลับบ้าน หันหลังให้มันแล้วโบกมือให้

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
เป็นตอนที่อ่านแล้วคิดว่าดีที่สุด. เรื่องทุกอย่างได้รับการระบาย. เก้าพร้อมก้าวต่อไปแล้ว
ว่าแต่พวกเพื่อนๆเองละที่ต้องคิดว่าจะเอายังไง
เสียใจที่บูมมันไม่ถูกแฉ. ไหนๆจะเคลียร์แล้วน่าจะจัดไปเลย

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
สลัดห่วง บ่วงที่ใจ ให้ความรัก
เลิกรู้จัก ไม่มักคุ้น กระตุ้นหาย
หลุดโคลนตม เลิกจมปลัก ไม่ยักตาย
เดี๋ยวก็หาย สบายหา เลิกบ้าบอ

กอดตัวเอง รักตัวเอง ให้เก่งกล้า
ปลุกปัญญา หากำลัง ไม่รั้งขอ
กูอยู่ได้ ยังอยู่สุข ไม่ทุกข์พอ
ไม่คิดคอย ไม่คิดรอ ไม่ง้อใคร

เก้า..เข้มแข็งดีมาก

คนเราต้องวัดกันที่จิตใจ
..ไม่ใช่เพศ..
หุหุ

ป้อล่อ..อ่านตอนนี้เยี่ยมยอดที่สุดแล้ว
เหมือนถูกปลดปล่อยออกจากการเป็นทาส

ฮิ้ววววววว..เลิกทาสแล้วโว้ยยยยยย

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
เป็นตอนที่อ่านแล้วคิดว่าดีที่สุด. เรื่องทุกอย่างได้รับการระบาย. เก้าพร้อมก้าวต่อไปแล้ว
ว่าแต่พวกเพื่อนๆเองละที่ต้องคิดว่าจะเอายังไง
เสียใจที่บูมมันไม่ถูกแฉ. ไหนๆจะเคลียร์แล้วน่าจะจัดไปเลย
สลัดห่วง บ่วงที่ใจ ให้ความรัก
เลิกรู้จัก ไม่มักคุ้น กระตุ้นหาย
หลุดโคลนตม เลิกจมปลัก ไม่ยักตาย
เดี๋ยวก็หาย สบายหา เลิกบ้าบอ

กอดตัวเอง รักตัวเอง ให้เก่งกล้า
ปลุกปัญญา หากำลัง ไม่รั้งขอ
กูอยู่ได้ ยังอยู่สุข ไม่ทุกข์พอ
ไม่คิดคอย ไม่คิดรอ ไม่ง้อใคร

เก้า..เข้มแข็งดีมาก

คนเราต้องวัดกันที่จิตใจ
..ไม่ใช่เพศ..
หุหุ

ป้อล่อ..อ่านตอนนี้เยี่ยมยอดที่สุดแล้ว
เหมือนถูกปลดปล่อยออกจากการเป็นทาส

ฮิ้ววววววว..เลิกทาสแล้วโว้ยยยยยย
ขอบคุณมากๆนะครับที่ตามกันมาถึงตรงนี้ ผมตั้งใจจะเล่า 2 ตอนสุดท้ายนี้ออกมาให้ดีที่สุดมันคือทั้งหมดของเรื่อง

พอเห็นดีใจกันแล้ว ตอนหน้าไม่กล้าเอาลงเลย กลัวจะไม่ดี (ฮ่าๆ)

ตอนหน้าเป็นตอนสุดท้ายของ ต้องกับเก้าแล้ว ผมวางไว้ว่าจะให้จบวันที่ 31 ธันวา ตามเรื่อง แต่สิ้นปีก็คงไม่มีใครจะมาอ่านแล้วก็แค่ไม่กี่วันเอง ผมเลยกะว่าให้จบที่วันที่ 25 ซะ แล้วจะขึ้นภาค 4

น้องต่อ กับ น้องกะปิ ครับ

หวังว่าจะยังมาอ่านอยู่นะครับ ผมพยายามทำให้อ่านง่ายขึ้น แล้วก็ให้เข้ากับนิสัย ไอ้ต่อ ด้วย

ขอบคุณอีกครั้งครับ

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
เสียงพลุกับวงเหล้า ตอนที่ 16

ผมตื่นเกือบจะเที่ยงแล้ว เจ็บไปหมดจากรอยช้ำของเมื่อวาน ตอนส่องกระจกตอนแรกเมื่อวานดูจะเป็นแค่รอยแดงๆ ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนกลายเป็นรอยเขียวคล้ำไปแล้ว ยังดีที่โดนไปไม่เยอะความเจ็บกระจายไปตามตัวและหลัง ยกเว้นที่หน้า สงสัยเป็นเพราะเอามือยังไว้
   
นึกถึงเรื่องเมื่อวานแล้วอดขำออกมาไม่ได้แม้จะยังเจ็บก็เถอะ

รวบรวมพลังอยู่สักพักเหมือนกันกว่าจะดันตัวเองลุกขึ้นมาจากเตียง

ไข้ลดลงแล้ว วันนี้กินยาอีกหน่อยน่าจะเอาอยู่

ต้องบอกว่า เย็นๆเหรอ หรือ บ่ายกันแน่นะ ช่างมันเถอะ ไว้เย็นๆค่อยไป

ผมลุกไปเปิดโทรทัศน์ แล้วถอดเสื้อผ้าจะไปอาบน้ำ ข่าวในทีวีฉายแต่กิจกรรมที่เกิดขึ้นพร้อมๆกันในคืนวันสิ้นปีทั่วกรุงเทพฯ ฝั่งบ้านผมดูจะไม่มีอะไรพิเศษ ตั้งแต่เมื่อวานเสียงรถและจำนวนเริ่มเงียบหายบางคาไป คนคงออกต่างจังหวัดกันแล้ว

นานๆเท่านั้นจะมีเสียงพวกเด็กเกเร ขี่จักรยานยนต์แว่วมา อาจจะแซมด้วยเสียงประทัดบ้าง

ของคู่กันกับปีใหม่ พลุและประทัด

ไม่มีอะไรน่าสนใจ

เข้าไปอาบน้ำดีกว่า

อูย พอขยับตัวนี่ก็เริ่มเจ็บอีก

ส่องดูในกระจก มันช้ำช่วงตัวเยอะจริงๆด้วย ตัวขาวๆตอนนี้กลายเป็นแต้มไปด้วยจุดสีเขียวๆ ม่วงๆ ยังกับคนเป็นโรคอะไรสักอย่าง

“ไอ้ต้องเห็นมันจะต้องมาด่าแน่ๆ” ดีแล้วที่มันคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นอีก

ผมบิดก๊อกน้ำร้อนจนสุด

น้ำอุ่นค่อยๆชะโลมตัวลงมา ทำให้รู้สึกสบายขึ้นหน่อย

‘คืนนี้คงไม่ต้องอาบแล้ว’ กว่าจะได้กลับบ้านก็คงจะดึก ถ้าพวกนั้นไม่ไล่กลับมาซะก่อน

กลับมาบ้านที่ไม่มีคนอยู่

ตั้งแต่ได้ข้อความนั่น ไม่สิ ก่อนหน้านั้นก็ไม่เจอมาสักพักแล้ว เป็นประจำที่เวลาทะเลาะกันพ่อกับแม่เลือกที่จะแยกกันอยู่เงียบๆ จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

ในเรื่องนี้ผมไม่มีสิทธื์แม้แต่จะออกความเห็น ที่ผมพูดใส่หน้าพวกมันคงเกิดจากความเครียดด้วย เพราะที่บ้านเป็นแบบนี้ เวลาพูดจาผมก็ตามแบบนั้นพวกเค้าไปด้วย

ส่วนใหญ่เลยสงบปากไว้ดีกว่า

กระเป๋านักเรียนที่ไอ้ต้องเอามาคืนเมื่อวาน ยังวางอยู่บนโซฟา มองไปเห็นแล้วไม่ได้เกิดความรู้สึกพิเศษอะไรอีก มันก็แค่ของที่เพื่อน เพื่อนคนหนึ่งเอามาคืนให้เท่านั้น เพื่อนที่แค่มาส่งสารบอกว่า วันนี้มีปาร์ตี้ที่บ้านแมค

ทำไมถึงยังชวนผมไปนะ

คงจะเรียกผมไปรุมด่า เล่นไปปากหมาเรื่องที่ไม่ควรพูดออกไปขนาดนั้น เป็นใครก็คงมองหน้ากันไม่ติด เกิดพวกนั้นมันเลิกคบกันไป ความผิดทั้งหมดก็จะชี้มาที่ผมคนเดียว

พวกมันคงจะรู้สึกไม่ดีแน่

ใช่ทุกอย่างเกิดจากผมคนเดียว

‘เอาเหอะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด’

ผมปิดน้ำแล้วออกไปเป่าผมหน้ากระจก

เสื้อยืดสีขาวกับเสื้อกันหนาวสีขาวถูกเตรียมไว้บนเตียง กางเกงสีน้ำตาลตัวเมื่อวานถูกน้ำมาใส่ กางเกงที่ยังเลอะรอยเท้าอยู่

ธนบัตรขยำขยุ้มอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ ยังไม่ได้ยัดลงกระเป๋าสตางค์อีกเลยตั้งแต่เมื่อวาน ไอพอดก็ถูกวางทิ้งไว้คู่กัน

ผมนั่งฆ่าเวลาด้วยการกดรีโมทอยู่หน้าทีวี กดวนไปเรื่อยจนไม่มีอะไรให้ดูอีก

‘ใกล้ได้เวลาแล้ว’

แวะไปกดเงินแล้วซื้อของเข้าไปด้วยดีกว่า

ตี๊ด

‘เก้า มาฝากซื้อเบียร์มาเพิ่มหน่อย พวกนี้กินเปลือง เดี๋ยวค่อยมาหารกัน’

เฮ้อ

แสดงว่าพวกมันไปถึงก่อนเวลา แถมซัดเบียร์กันไปแล้วตั้งแต่บ่ายสินะ

ก็ได้ เดี๋ยวแวะร้านสะดวกซื้อแบบคราวที่แล้วก็แล้วกัน

ร้านเดียวกับที่ผมเคยซื้อพร้อมกับเจเมื่อตอนปิดเทอม หน้ามันที่มุดเข้าตู้แช่ยังแจ่มชัด แต่ข้ออ้างเดิมที่เจเคยใช้ไม่น่าจะได้ผล

คนขายเปลี่ยนเป็นหญิงวัยกลางคน ใช้วิธีอ้อนวอนอยู่นาน สุดท้ายผมต้องเอาไส้กรอกกับขนมปังรวมคิดเงินไปด้วย

ถือซะว่าเป็นมื้อเที่ยงซะ

เสียงก๊องแก๊งของขวดเบียร์ในมือผม 2 ถุงใหญ่น้ำหนักมันเริ่มแปรผันตรงกับเวลาที่ถือ แสงสุดท้ายของปี หลังปีใหม่อีกไม่กี่วันก็จะจบม. 5 จบลงด้วยเรื่องอย่างนี้แหละ

ผมกดโทรศัพท์ออกหาแมค

“แมค ถึงแล้ว”

“โอเค รอแป๊บ” ปลายสายรับในไม่กี่อึดใจ

เสียงเอะอะ ดังลงมาจากหน้าต่างชั้นสอง ไฟบนชั้นสองเปิดสว่างโร่ ยกเว้นแต่ไฟหน้าบ้าน และป้ายชื่อร้านมืดสนิท ถนนเส้นหน้าบ้านมันนี่กลางคืนคงจะมืดมาก ร้านค้าริมถนนที่ให้ความสว่างหายไปหมด เย็นนี้แผงก็ยังไม่เห็นเข็นมาตั้ง

เสียงปึงปังดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงตึงตังๆ ลงบันไดมา นี่มันโวยวายไม่เกรงใจเจ้าของบ้านเลยเหรอวะเนี่ย พ่อแม่แมคมันจะว่ายังไงเนี่ย

“เมื่อวานมึงโดดเรียนเหรอ ไอ้เก้า” ประโยคทักเล่นเอาผมอึ้ง

มันชี้หน้าผมด้วยนิ้วมือ และ เอ่อ .... มันเล่นอะไรกันวะ

ไอ้แมคที่อยู่ในสภาพเดิมบอกเซอร์และเสื้อกล้าม

ภายใต้กรอบแว่น ผมเห็นหน้าแมคที่แก้มแดงยังกับตูดลิง

ส่วนล่างใต้บอกเซอร์ตุงชี้โผล่มาที่หน้าผม

เล่นไรกันวะเนี่ย

“ไปเลยมึง รีบขึ้นไป ก่อนขึ้นไปเอาเบียร์กับน้ำแข็งขึ้นไปด้วย”

“มึงเอามากี่ขวด”

นั่นยังไม่ลืมเรื่องนี้สินะ

“6 พอมั้ย”

“ดี”

“เพิ่งจะเย็นเองนะมึง”    

“เออน่าาาาาา อีกนานนนนนน”

ผมว่ามันน่าจะไม่นานนะ ไอ้แมคท่าทางจะไปคนแรกแล้ว

ต้องอ้อนคนขายอยู่นานกว่าจะได้เบียร์มาอีก 6 ขวดใหญ่ หนักเอาเรื่อง ผมเอา 3 ขวดไปวางไว้ในตู้เย็น ถ้าจะเอามากกว่านี้ก็ไปซื้อกันเองนะ

เดินผ่านหน้าร้านมันที่ตอนนี้มืดลงพราะประตูเหล็กไม่ได้รูดเปิด

ของหน้าร้านหายหมด เหลือแค่ห้องว่างๆ สังเกตดีๆ บ้านทั้งบ้านเกือบจะว่างเปล่าหรือแต่ของหนักๆอย่าพวก โต๊ะเหล็ก ตู้เย็น รูปแขวนผนังบางส่วนหายไป เหลือเป็นรอยสีใหม่ขาวๆ ตัดกับพื้นที่รอบข้างที่ดำจากเวลาใช้งานไปแล้ว

ไม่มีใครอยู่บ้านแล้วเหรอ

"แมค พ่อแม่ละ"

"เที่ยวปีใหม่มั้ง"

คนพูดเดินลอยๆเข้าไปในครัว

เดินขึ้นบันไดบ้านแมค บันไดที่ใช้มาเป็นประจำ แต่ลึกๆเหมือนรู้สึกเดินเข้าไปห้องเชือดยังไงไม่รู้ แล้วก็ตื่นเต้นว่าจะเจอกับอะไรตรงหน้า มันแปลกประหลาดมาก ถ้าออกมาเป็นสีคงพิลึกๆ เหมือนเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกก็ได้ ทั้งกลัวและอยากเล่น

ดูงงๆมั้ย

“เฮ้ เก้ามาแล้ววววววววว”

แสงไฟในห้องสาดออกมา

ไอ้เจ เสียงดังมาก่อนเลย

มันวิ่งมากอด

วันนี้ไม่มีกลิ่นบุหรี่ มันใส่ชุดเดียวกับที่มาหาผมตอนปิดเทอม
   
ในห้องตอนนี้มีไอ้ต้องนั่งอยู่กับพื้น มันมาในเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้น กับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินขายาว ในมือถือเบียร์อยู่แก้วหนึ่ง แต่เบียร์เหลืออยู่ครึ่งแก้ว มันหันหน้ามายิ้มให้ ท่าทางยังปกติ

ยังไม่เมากันสินะ

เอะ ผมเห็นอะไรแวบๆ

ซันเหรอ

ในห้องเล็กที่เปิดหน้าต่างไว้ทุกบาน พัดลมตัวใหญ่ เปิดหันไปมา ถึงจะหน้าหนาวก็คงไม่หนาวพอสำหรับเด็กผู้ชาย 5 คนในห้องเล็กๆสินะ
      
ซันยังไม่เห็นผม

มันเดินเหมือนซอมบี้ ยื่นสองมือไปข้างหน้า ทำท่าบีบๆ เหมือนกำลังไล่อะไรสักอย่างในอากาศ หน้าตาหวานเยิ้ม ไอ้นี่ก็คงเมาสินะ

“ซัน หวัดดี”

ไม่มีเสียงตอบกลับ

“นมๆๆๆๆ สาวๆ สาวๆ อยู่ไหน”

หา!!!

“นมใหญ่ๆนุ่มๆ”

ไอ้ซัน แม่งเมาแน่ๆ เมามากด้วย บ้าไปแล้ว

ไอ้ต้องหัวเราะลั่นเลย

“เออ กูเห็นมันเป็นอย่างนี้มาสักพักแล้ว” ไอ้ต้องยกแก้วชี้ไปทางซัน
 
“ทำไรกันวะ” ผมสลัดตัวจากไอ้เจออก

"เก้าๆๆๆๆๆ" ไอ้เจยังวิ่งเข้ามา

อะไรของมึง เจ

ท่าทางจะเมาได้ที่

“ไอ้พวกนั้นสามตัว นั่งเล่าเรื่องประสบกาม กันอยู่ อย่างที่เห็น แล้วก็เล่นไพ่ไปด้วย”

“มันบวกเลขถูกเหรอวะ”

ไอ้ต้องยักไหล่ ก่อนเล่าว่า

“ป่าว ใครได้แต้มน้อยสุดกินหมดแก้ว”

   มิน่า ไม่ต้องใช้สมองมากสินะ

   “แล้วเบียร์พอเหรอ กินกันตั้งแต่เมื่อไหร่”

"สักชั่วโมงที่แล้วได้มั้ง"

   “แมคเหมามา 2 หลังใหญ่ๆ” ต้องชี้ไปที่มุมห้อง โห ขวดเบียร์กองอยู่ไม่ต่ำกว่า 6 ขวดแล้ว

   แล้วมันบอกกูว่าเบียร์หมดทำไม

   “มานั่งนี่สิเก้า”

ผมต้องเดินหลบแก้ว ถังน้ำแข็ง ขวดเบียร์ที่ยังไม่หมด บางขวดเปิดแล้ว วางระเกะระกะ ทีวีเปิดเกมส์ทิ้งไว้อยู่ โห สภาพ ยังกับผ่านสงครามมา เดินพลาดนี่จะเหยียบกับระเบิดอะไรเข้าไปมั้ยเนี่ย

   เอ้า หามุมเหมาะๆนั่งสักมุมแล้วกัน นั่ฃให้ห่างจากพวกมันมากที่สุด

   มุมห้องเสียงเพลงเปิดอยู่ นี่มันใช้ไฟเปลืองมากเลยนะเนี่ย อุปกรณ์ไฟฟ้าเปิดหมด

   “มาๆ เก้ากินๆๆๆ กูชงให้”

   แมคลากสังขารตัวเองขึ้นมากับถังน้ำแข็งใบใหม่ อันเก่ายังไม่หมดเลยมึง

   มันส่งแก้วที่เต็มไปด้วยเบียร์กับน้ำแข็ง 2-3 ก้อนมาให้

“เอ่อ.. ขอบใจ” ผมเอื้อมตัวไปหยิบ

ซี๊ด นั่งปุ๊บแล้วเปลี่ยนท่าเนี่ย มันเจ็บขึ้นมาอีกแล้ว

   “เก้า เป็นไรอะ”

   “เออ ป่าว ไม่มีไร” ผมตอบเสียงแข็ง นั่งไม่นานก็จะกลับ กลัวมันไปบุกบ้านเฉยๆเลยต้องมา

ผมคว้าแก้วมาแล้วรีบกิน

หมดก็หมดแล้ววะ

ต้องมองผมตาโต ทำไม ไม่เคยเห็นคนกินเบียร์ทีเดียวหมดแก้วรึไง

   “เก้ามึงกินไรมายังเนี่ย”

   “นิดหน่อย”

   ต้องคว้ามือผมไปกุมไว้ แล้วเอามืออีกข้างแงะแก้วออกจากมือผม

   “น้อยๆหน่อย โน่นมีขนมอยู่มุมห้องไปกินก่อนไป” มันเอามือดันตูดผมไปทางนั้น

   แมคโดดลงไปนั่งกลางวง

“มาๆ เก้ามาแล้วๆ มาต้อนรับเร็ว”

“ยกแรกยังไม่จบเลยนะ” เจ เดินมา

“เก้า หมดแก้ว” หา แก้ว 2 ต่อเลยอะนะ

ต้องได้แต่ส่ายหัว

ทีวีตอนนี้เริ่มมีภาพผู้คนจากที่มุมต่างๆของในกทมแล้ว

“เฮ้ยๆๆๆๆๆๆ ไพ่ๆๆๆ แพ้ออกไปซื้อเบียร์เพิ่ม” แมคเดินเอาขาเขี่ยๆของไม่ใช่ออก

“มึงมีเป็นลังกินถึงปีใหม่ปีหน้าก็ไม่หมด จะเอามาเพิ่มทำไม”

“ไม่ๆๆๆๆๆ ตุนไว้ๆๆ มาเร็วต้อง เลิกดู กูไม่ให้มึงเล่นเกมแล้ว มาๆๆเร็วๆ”

เสียงใครมั่งเนี่ย

ไอ้ซันเดินเข้าไปลากต้องมาร่วมด้วย

   “เอาแต่เล่นอะ ต้องเปลืองค่าไฟบ้านกู มานี่เร็ว”

   โอ้ย..... วุ่นวายที่สุด

หึ

   แต่ผมก็เค้นหัวเราะออกมาจนได้ พวกมันไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลย

อากาศเย็นเริ่มเย็นขึ้นด้วยเบียร์ในน้ำแข็ง แล้วก็ลมที่พัดมาเป็นวูบ ลมแรงๆ

ทุ่มนึงแล้ว

ทีวีเริ่มมีรายการถ่ายทอดการนับถอยหลังปีใหม่   

“เดี๋ยวไม่ทันมึง” แมคเริ่ม

"เฮ้ย จั่วๆ" ซันแจกไพ่

ยกแรกเจเป็นคนที่ได้น้อยสุด มันเลยต้องยกหมดแล้ว
           
หลังจากนั้นเป็นตาต้องดื่มไป 2 แก้วติดๆ

"พวกมึงโกงกูรึเปล่าเนี่ย"

"มางั้นกูเอง" ไอ้แมคคว้าไพ่ไปแจก

ไอ้ต้องก็ยังได้น้อยสุดอยู่ดี โดนไปเป็นแก้วที่ 3

ฟ้าข้างนอกมืดแล้ว เส้นสีม่วงที่ขอลฟ้าหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

บอกลาแสงสุดท้ายของปีแล้วสินะ

"เบรคๆ"

"นี่ๆ เมื่อวานกูฝันถึงน้องในเกมส์อีกแล้ว"

"พอเลยมึง" เจ กับ แมคแทบจะพูดพร้อมกัน

"กูรู้ว่ามึงจะพูดว่าอะไร" ซันทำหน้างอน

"แล้วมึงละเก้ามีอะไรจะเล่า"

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
เสียงพลุกับวงเหล้า ตอนที่ 16.2

พวกมันทุกคนหยุด สีหน้าเปลี่ยนไป ลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งรวมกัน

นี่พวกมึงสร่างเมาแล้วเหรอ

มาแล้วสินะ สิ่งที่ผมต้องเจอ

ตอนนี้ทั้ง 4 คนไปนั่งอยู่ตรงข้ามผมหมดแล้ว ไล่มาจากซัน เจ แมค ต้อง ทุกคนนั่งอยู่บนพื้นมีผมคนเดียวที่นั่งอยู่บนโซฟา

“เก้า ที่มึงพูดน่ะออกจะเกินเลยไปหน่อยนะ”  แมคเริ่มก่อน

มาถึงก็เข้าเรื่องเลย

"กูเพิ่งรู้นะว่ามึงคิดกับพวกกูแบบนี้ กับตัวกูน่ะไม่สนใจคำพูดของมึงหรอก แต่กับคนอื่นมันเหมือนชี้หน้าด่ากัน แล้วมึงคิดดู ว่าไอ้ต้องจะทำยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นต่อก็อยู่ ไอ้บ้าบูมนั่น สันดานเสียก็อยู่ในห้องด้วย มึงคิดถึงไอ้เจมั่งมั้ย เพื่อนที่เป็นห่วงมึงน่ะ"

ผมได้แต่ก้มหน้า เอาสิจัดกันมาเลย

“เก้า ทำไมมึงไม่บอกกูก่อนวะ ถ้ามึงบอกออกมาก็จบแล้วปะ” คราวนี้ เจ

“กูไม่รู้หรอกนะว่า มึงคิดยังไง มึงไม่เคยแสดงความรู้สึกออกมาให้เห็นจริงๆ บางทีกูก็สงสัยนะว่าที่มึงยิ้มๆเนี่ย มันใช่ความรู้สึกของมันจริงรึเปล่า มึงคิดอย่างนั้นจริงหรือเปล่า หรือ มึงคิดว่าพวกกูเป็นเพื่อนจริงรึเปล่า”

“…ขอโทษ”

ผมก็คงได้แต่ก้มหน้า ถ้าพวกมันเมาจริง คำพูดพวกนี้ก็คงออกมาจากใจ ก็ดีจะได้รู้กัน
   
“ไอ้นิสัยที่เข้ากับคนยาก เก็บตัวน่ะ มันไม่ได้ทำให้มึงดูดีน่าสงสารนะ มันทำให้เหมือนมึงกลายเป็นหลุมดำที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้มากกว่า กูรู้ว่ามึงอะ ปากหมาชอบพูดไรตรงๆ บางทีคนฟังเค้าคงไม่อินไปกับมึงหรอก”

“….”

“เฮ้ย พอเหอะ พวกมึงเป็นบ้าเหรอ”
   
ผมหันไปมองซัน อ้าว เลิกไล่จับนมแล้วเหรอ

“หึ จะแกล้งมันไปถึงไหนวะ”

ป่าวหรอก ที่พูดมามันจริงทั้งนั้นแหละ

ผมมันก็เป็นคนยังงี้แหละ อีกเดี๋ยวพอพวกมันพูดจบ ถ้าไม่หลุดปากพูดอะไรไม่ดีออกไป ผมก็คงต้องขอตัวกลับก่อน จะอยู่ต่อไปทำไม

ทุกคนยังจ้องมทางผม ยกเว้นต้องคนเดียว

“เฮ้ย เก้า พวกกูเป็นเพื่อนมึงนะ อะไรที่มึงเป็นน่ะ พวกกูรับได้ทั้งนั้นแหละ คราวหลังมีอะไรบอกก่อน อย่าให้พวกกูไปตามแก้ทีหลังสิวะ เรื่องไอ้เหี้ยเจเนี่ย กูก็พอเดาๆได้ สันดานมันน่ะ แก้ไม่หาย”

แมคหันไปตบกบาลเจ

“แล้วทำไมไม่มาบอกกูหรือจัดการไปซะเลยละ”

“กูไม่ใช่คนช่างเสือกไง”

“…” ผมไม่เข้าใจ

“เก้า ไม่มีใครเค้าคิดอะไรกับแกหรอก พวกเราเองก็เหมือนกัน ไม่ได้มีใครดีกว่าใครหรอก ในห้องเรียนที่มีกันแค่ไม่กี่คนนี้ เดี๋ยวมันก็หมดเวลาไปแล้ว ปีนี้ก็ม. 5 พอสอบเสร็จก็ ม.6 ไม่มีเวลาจะมาเล่นอย่างนี้แล้ว นี่คงเป็นครั้งสุดท้าย”

“มึงอะเลิกคิดมาก เลิกคิดว่าตัวเองเป็นตัวปัญหาได้แล้ว ปากดี ขี้เหงา เอาแต่ใจนะมึงน่ะ”

ผมยังไม่เข้าใจ

“พวกมึงนี่เมาๆสินะ พูดไรไม่รู้เรื่อง”

ผมหันไปมองทางต้นเสียง ต้อง

“มึงตามไม่ทันพวกมันหรอก เก้า กูสรุปให้ ไม่มีใครโกรธอะไรมึงทั้งนั้น คิดมาก”

มันเอานิ้วยาวๆมาดีดหน้าผากผมทีนึง

"เรื่องของพวกมึงกูก็ได้แต่ช่วยห่างๆไม่ใช่ว่ากูชอบมีเพื่อนเป็นเกย์นะ แต่ถ้าเพื่อนรักกู 2 คนจะรักกัน กูก็คงห้ามไม่ได้ ดีกว่าเสีย
เพื่อนไปละวะ"

"ใช่ๆ" เจ เออออตามแมค

แปะ แมคตบเหม่งไอ้เจ
 
"มึงอะหนึ่งในตัวปัญหาเลย"

"เดี๋ยวดิพวกมึงกูยังพูดไม่หมดนะ เก้า เรื่องบ้านกูน่ะ กูว่ามึงสังเกตุแหละ หมดเทอมนี้กูจะย้ายไปแล้ว ไม่สิ ย้ายต้นปี คงมาเรียนน้อยลง กูต้องตามไปอยู่กับพ่อแม่น่ะ อย่างที่เห็นกิจการไม่ค่อยดี ตึกนี้จะเซ้งต่อ กูจะไม่กลับมาอีกแล้ว" แมคว่าต่อยาวๆ

ไอ้เจ สูดหายใจเข้าลึกๆหันไปทางหน้าต่าง

"ต่อไปเหลือแค่ มึง ต้อง ซัน แล้วนะ นี่เป็นอย่างสุดท้ายที่กูจะทำให้มึง เอาละกูพูดในสิ่งที่อยากพูดไปแล้ว ห้ามอ้อมค้อม มึงสัญญาแล้วนะต้อง"

แมคหันไปหาต้อง
   
“ต้อง ตามึงแล้ว มึงสัญญาแล้วนะว่าจะพูด”

"เดี๋ยวเดะ มันยากนะเว้ย"

"บอกๆไปเหอะมันจะตายมั้ย"

"ก็คนมันไม่เคยนี่หว่า"

"ไอ้เหี้ยนี่"

"จะอีกนานมั้ย!!!" เจขัดขึ้นเมื่อเห็นต้องกับแมคเถียงกัน

ต้องพยักหน้า

เงียบไปอยู่พักนึง

“เก้า กูเลือกแล้วที่จะเป็นแบบนี้นะ” มันหันมาพูดกับผมช้าๆ

“กูเลือกที่จะอยู่กับมึง”

ผมไม่ค่อยเข้าใจ

"มึงจะไม่ไปต่อเหรอ"

"ต้องงงงงงงงงงงงงงงงงง" แมคร้อง

"เดี๋ยวดิ พูดกับผู้ชายไม่ง่ายนะ"

เอะ ... หรือว่า

“เก้าก็อย่าไปฟังต่อ นี่ชีวิตเรา ของเรากับเก้า ต่อไม่เกี่ยว ต้องว่าแล้วว่าเก้าคงคิดมาก
     
ต้องมันเปลั้ยนสรรพนามแทนตัวเป็นชื่อเหรอ

“… ก็” ผมพูดไม่ออก

“เป็นต้องได้มั้ย”

มันจ้องหน้าผม

ผมได้แต่ก้มหน้า

"เป็นแฟนต้องนะ"

สิ้นเสียงต้อง น้ำตารื้นขึ้นมา

“อือ...”

“เฮ้!!!!!” พวกมันสามตัว กระโดดกันไปมา

“ลุ้นตั้งนาน ว่าจะจบยังไง” แมค เดินมาตบบ่าผม

อุ้ยยยย เจ็บเว้ย

“ไอ้บ้าต้องนะ แม่งกว่าจะกล้าลุย นี่ก็ชักช้า กูว่าจะเสร็จไอ้บ้า เจไปแล้ว”

“อารายยยย เสร็จไปแล้วตะหาก”

ผมหันไปถีบไอ้เจ กระเด็นไปทางโซฟา

“หุบปากไปเลย”

มันนอนหัวเราะอยู่บนโซฟา

“เก้า กูขอโทษนะ กูแค่ห้ามความรู้สึกไม่ได้ แต่กูก็เลือกของกูแล้วเหมือนกัน” เจทำหน้าเศร้า

“อือ ไม่เป็นไร"

ผมยิ้มให้

“งี้ต้องฉลอง ซันจัดมาเลยยยยยย”

ซันส่งเบียร์ให้ทุกคน คนละขวด จะเล่นเอากันทั้งขวดเลยเหรอเนี่ย

“พร้อมนะ”

พวกผม 5 คนมายืนเป็นวงกลม กำคอขวดเอาไว้ มือคล้องคอกัน

“3 2 1”

สิ้นเสียง ซัน

พวกเราทุกคน ยกขวดขึ้นแล้วค่อยๆ ดื่มลงไป ไม่ว่ายังไงก็ต้องหมด

“เฮ้ยๆๆๆ เก้า ช้าๆๆๆๆๆ”

ไม่ทันแล้ว ผมทีเดียวหมดคนแรก

ตามมาด้วย เจ แมค แล้วก็ ซัน ไอ้ต้อง คนสุดท้าย

“กระจอกอะ เก้ามึงอย่าไปเอามันเลย ผู้ชายกระจอกแบบนี้อะ”

เจหันไปทางต้อง

“เฮ้ย อะไรวะ”

ผมพลักไอ้ต้องเซไป แล้วเดินตรงไปทางเจ

แล้ว...

“แอ๊ก มึงไอ้เก้า มึงจะโดดขึ้นขี่หลังกูทำไม”

ผมขี่หลังมันอยู่ เอามือกอดคอมันไว้แน่น

   “มึงว่าแฟนกู”

   “ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ยอมรับแล้วโว้ย” แมคยื่นขวดเบียร์มาทางผม

ผมก้มหน้าลงกับซอกคอของไอ้เจ หน้าแดงไม่รู้เพราะเหล้า หรือว่า อาย

“แล้วคุณต้องละครับ”

ปลายขวดเบียร์จากซันยังชี้ไปทางต้องเลียนแบบไมโครโฟน

“เอ่อ ก็... ถ้าเก้าว่างั้น เราก็ชอบเก้า ก็เอ่อ.... ก็เป็นแฟนกัน”

มันก้มหน้าหนีหันหลังให้พวกมัน

“ต้องหันหลังให้เก้าแล้วเว้ย”

“ไอ้บ้า ไม่ใช่ มึงอะ ลงมาซะทีจะไปกอดมันอีกนานมั้ย มึงด้วยเจ เลิกยุ่งกับแฟนกูได้แล้ว”

ต้องเดินเข้ามาแยกผมกับเจออก

เอาไปกอดไว้

กอดแน่นจนได้ยินเสียงหัวใจเต้น

1 2 3 เสียงหัวใจของต้องที่ยังเต้นต่อไปเรื่อยๆ ข้างๆหูผม ตอนนี้ไม่ต้องแอบอีกแล้ว

"ต้องพูดอีกสิ"

ต้องหน้าแดง

"นะๆๆๆๆ" ผมอ้อนมันต่อหน้าคนอื่น

"เก้าเมาป่าวเนี่ย"

ทั้งห้องเงียบกริบ

"เอออออ กูชอบมึง"

หน้าต้องแดงไปถึงหู

ตามมาด้วยเสียงเฮแทบจะทันที

“เอ้าาาาา ยก 2 เริ่มมมมมมม”

   เพลงถูกเปิดดังขึ้น

   ซัน แมค เจ ยังคงเล่าเรื่องอย่างว่ากันต่อไป พร้อมกับเบียร์ในมือที่ผมต้องคอยเอามาเติมให้เรื่อยๆ นานๆ ทีจะมีบังคับให้กินรอบวงที

   “วิ้ววววว เอาไปป้อนแฟนด้วยสิเก้า

"ป้อนดีๆละ อย่าให้หกนะ”

   แม่ง จะหกเพราะมึงจ้องตากูนี่แหละ เลิกจ้องหน้าได้แล้ว ต้อง

   “เฮ้ๆๆๆ แมคคคค ไปแล้ว”

   ผมหันไป แมคนอนอ้า กางเกงบอกเซอร์ถูกถอดออกไปครึ่งตูด

เจ้าของผลงานชี้ไปทางตูดแมคหัวเราะคิกๆ

“ไอ้เจ มึงทำไรมันอะ”

“แม่งเมาไงมึง อยุ่ๆ มันลุกขึ้นมาจะถอดเสื้อผ้า สงสัยแม่งจะไปซะแล้ว ฮ่าๆๆๆ”

“ซันมึงไม่ห้ามเหรอ”

เฮ้ยยยยยยย ซัน มันเหลือแต่ กางเกงใน สีดำตัวเดียว นอนหงายอ้าขา ล้มพับลงไปกองขวดเบียร์

อะไรวะเนี่ย

“เออ เวลาสติหลุดมันเร็วยังงี้แหละ”

ต้องเดินมาเกาะบ่าผม

   “แล้วมึงละเจ”

“สบาย เด็กๆ สำหรับกู”

“เออ เก่งนักนะมึง”
   
“เอาไงกับพวกนี้ดี” ผมถามต้อง

“เดี๋ยวก็พามันไปนอนบนโซฟาแล้วกัน”

“จัดการไปนะ กูจะกลับแล้ว เกือบเที่ยงคืนแล้ว”

   ร่างอ้วนขาว ที่ตอนนี้ผอมลงมาเท่าเดิมแล้ว ลุกขึ้นมาดึงกางเกงให้เข้าที่ เปิดกระเป๋าสตางค์ดู ท่าประจำของมันก่อนจะออกไปไหน

“อ้าว ไม่นอนนี่เหรอ”

   เจ ส่ายหัว แล้วเดินนำลงไปข้างล่างช้าๆ

   ผมกับต้องเดินตามไปเปิดบ้านให้มัน

   “ไปละ เก้า ต้อง สวัสดีปีใหม่ ฝากบอกพวกมันด้วย”

   “สวัสดีปีใหม่” เราพูดพร้อมกัน

   เจในชุดสบายๆเหมือนทุกทีที่มันใส่เวลามาอยู่กับผม กำลังไปยืนอยู่ริมฟุตบาทโบกรถแท๊กซี่ ผมยืนจ้องตามหลังมันไป โดยมีต้องอยู่เคียงข้าง

นานกว่าเจจะได้รถ ปีใหม่คงหาแท๊กซี่ยากหน่อย

“ต้อง..” ยังไม่ทันได้ถามอะไร

ต้องเอามือมากุมมือผมไว้แน่น

ต่อหน้าเจ
   
มือซ้ายของผมกับขวาของต้องที่เกาะเกี่ยวสอดนิ้วกันแน่น กำไว้ราวกับอีกฝ่ายจะหายไปไหนอีก

รถแท๊กซี่สีแดงสดมาจอดแล้วลดกระจกลง หลังจากบอกทางคนขับแล้ว เจหันทางพวกผม แล้วยิ้มให้ ก่อนจะโบกมือหยอยๆ ยาวสุดแขนเท่าที่มันจะทำได้ให้พวกผม

   พวกผมโบกกลับ

   ประตูรถแท๊กซี่ถูกปิดลง แล้วรถก็เคลื่อนออก

   “เก้า เจฝากนี่มาให้น่ะ”

   หือ ผมรับเศษกระดาษมาจากมือต้อง



——————————————————————————————————————————

   เก้า นี่พีเองนะ ชอโทดที่เขียนจม.มานะ ดูเด็กๆใช่ม้า คือ เราอยากจะขอโทดจริงๆ เราแค่อยากจะเป็นเพื่อนที่ดีของเก้า ไม่เคยคิดว่าจะเป็นฮีโร่หรืออะไรเลยนะ ไม่เคยแม้จะคิดว่าเก้าต้องตอบแทนเรา ไม่ว่าจะแบบไหนก็ตาม เรารู้ว่าเก้าคิดยังงั้นอยู่

   ตอนที่เห็นเก้ากับต้อง เรารู้สึกว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ เราเลยสามาดทำอะไรก็ได้ตามแต่ใจ ยิ่งเห็นต้องมันชอบแก้งนายเราก็ยิ่งอยากขวาง

           พอคิดอีกมีทั้งๆที่พีเองก็ยังมีนุ่น แต่ดันไปยุ่งเรื่องเก้า

   พีเลวเนอะ

   ขอโทษนะ

   พอเก้าปติเสดเราวันนั้นเราก็รู้ว่าเก้าเลือกแล้ว เราก็ต้องเล่อกเหมือนกัน แล้วแมคก็บอกว่าต้องมันชอบเก้าจริงๆ

   ถ้าเก้าได้อ่านจม.อันนี้แปลว่า เก้ากับต้องลงเอยด้วยดีแล้ว ขอให้โชคดีนะ

   หูฟังน่ะ ยังเก็บไว้อยู่ใช่มั้ย เวลาเก้าเครียดจะชอบฟังเพลง ฟังจากหูฟังที่ให้นะ เหมือนกับว่าเรากำลังตอบเก้ากลับเป็นเสียงเพลงนะ


——————————————————————————————————————————


“ต้อง... มันยังไงอะ”

เนื้อความมันผิดๆถูกๆ ตามรูปแบบของเจ แต่ ทำไมมันไม่บอกตรงๆละ มือที่ถือจม.สั่นเทา

“เล่าให้เก้าฟังหน่อยดิ มีอะไรอีกใช่มั้ย”

“… เจ น่ะ มันพยายามกล่อมบูมเพื่อให้มันเลิกยุ่งกับเก้า แต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายอย่างนั้น เก้าก็คงรู้นะ”

ผมผยักหน้า

“เจ มีแฟนชื่อ นุ่น แก่กว่า 2 ปี ปีนี้ พี่นุ่น อยู่ปี 1 ถ้าเจ มันสอบตรงได้มันก็จะได้เข้าปี 1 พี่นุ่นจะปี 2 พอดี ลดไปได้อีกปีนึง”

ผมเริ่มไม่เข้าใจ ฟังๆดูมันเหมือนกับว่าเจ มันจะไม่อยู่กับผมจนจบม.6 ยังไงยังงั้น

“สิ่งที่เจทำทั้งหมดในตอนหลัง เพื่อจะแก้ตัวในสิ่งที่ทำผิดต่อเก้า และมันเองก็อยากใช้เวลากับเพื่อนห้องอื่นบ้าง”

“…. มันจะออกจากรร.ปีนี้แล้วไปเข้ามหาลัยต่างประเทศ พ่อแม่นุ่นไม่เห็นด้วยที่จะให้คบกัน พวกมันเลยจะแอบพากันไปเรียนต่อนอก เจมาถามต้องเรื่องเก้าตอนกลางๆปี มันเลยอยากจะเปิดทางให้เรา มันบอกมันอ่านหนังสือเข้าม.เดียวกับนุ่นไม่น่าทันเพราะปีนี้ส่วนใหญ่เวลาไปวุ่นกับกิจกรรมไปหมดแล้ว ทางเดียวที่จะอยู่ด้วยกันคือไปนอก”

"มันเลยจะพากันไปอยู่ต่างประเทศกับแฟนมัน"

“เรื่องวันนี้ก็เป็นแผนของเจกับแมคร่วมกัน”

พี ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เพื่อนคนนี้ก็ยังดูแลผมมาเสมอ แล้วสิ่งที่ผมอยากได้ที่สุด มันก็หามาให้ผมจนได้ โดยที่ไม่เคยจะทวงบุญคุณผมเลยเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะตอนไหน

พีที่...

หัวผมว่างเปล่า
   
ใช่ พีคนเดียวกันกับที่ช่วยไว้ตอน ป.6 พีคนเดียวกับที่ช่วยผมไว้ตอนเรียน วันงานวิทย์ งานวันแม่
      
พีที่ .......

“ต้อง พี เอ่อ เจ จะได้เจอกันอีกมั้ย”

ต้องสั่นหัว

ผมพยายามกดโทรศัพท์โทรออก

พีปิดเครื่อง

ต้องบีบมือผมแรงๆ

"มันบินคืนนี้"

น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ตั้งแต่บนชั้นลอย จนตอนนี้ ผมทนไม่ไหวแล้ว มันค่อยๆไหลอาบลงข้างแก้มช้าๆ รู้สึกอุ่น ผิดกับอากาศในตอนนี้

“ฮึกๆๆ”

อกแบนๆแข็งๆของต้องพลิกมารับหน้าผมไว้

“เก้า...”

“ขอบใจะ ขอบใจมากๆ”

ราวกับว่าน้ำหนักของคำพูดที่ออกมาจากใจผมนี้จะไปถึงเจได้

หน้าผมค่อยๆถูกยกขึ้นช้าๆ

ใบหน้าที่อยากมองค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้ แล้วกดริมฝีปากลงกับปากผมอย่างแผ่วเบา ช้าๆ

ปุ้ง เสียงพลุดัง

ปีใหม่มาถึงแล้ว

“ขึ้นบ้านเถอะ”

ประตูบ้านถูกปิดลง

ปล่อยถนนที่เวิ่งว้างในคืนสิ้นปีขึ้นต้นปีใหม่เอาไว้ เสียงพลุสลับกับเสียงรถวิ่งยาวๆ ไล่หลังแสดงความดีใจให้ผมกับต้อง

บนชั้นลอย พวกนั้นยังนอนพังพาบกันอยู่ แมคนอนน่าเกลียดไข่ลอดออกมาแล้ว กางเกงในก็ไม่ใส่ ซันเองก็ดูไม่ได้ เช้ามาพวกมันคงจะอายกันแน่ๆ

ผมไปนั่งริมหน้าต่างฟังเสียงพลุ

หันหน้าออกไปด้านนอก เจ เองก็คงจะดูพลุอยู่จากบนรถแท๊กซี่ละนะ

หันกลับมาเห็นต้องนั่งดูอยู่หน้าทีวี

สีเขียวแดงสลับกันฉายบนใบหน้าต้อง นอกนั้นของห้องหมด

ในห้องตอนนี้ปิดไฟมืด

“เก้า มานี่มา”

ผมคลานไปนั่งข้างๆ

ต้องหันหน้ามาให้อย่างรู้ทัน

“อือ”

เราสองคนค่อยๆประทับจูบกันอีกครั้ง โดยมีพวกขี้เมา 2 คนนอนเป็นพยานอยู่ข้างหลัง จูบช้าๆที่เนิ่นนาน
   
ไอ้ต้องยังไม่เคยจูบกับใครแน่ๆ ดูงกเงิ่น

“ต้อง ดูทีวีอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“อือ ดูอยู่”

แต่หน้ามันขยับตามผมไม่ตลอดไม่ว่า จะถอยหรือจะหลบ

หึหึ

“ขำอะไร"

"ต้องจะทำอะไรกันแน่”

“สองอย่างเลย”

แสงพลุบนทีวีสว่างวาบสาดเข้าหน้าต้องจากข้างๆ เป็นครั้งๆ ตามชนิดของพลุที่ถูกจุด ส้มบ้าง ฟ้าบ้าง

ผมสอดมือไปกอดเอวมันไว้ ต้องรับผมด้วยการจับที่ท้ายทอย

“งั้นอย่าหนีไปไหนนะ”   

“สัญญาเลย”

   .
   .
   .
   .
   .
   .
   .
   .


ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อูยยยย รู้สึกใจจะทะลักจนจะล้นออกมา

ลุ้นมาตั้งนาน กลัวว่าจะจบแบบเศร้า
แต่สุดท้ายเรื่องของเก้ากับต้อง จบลงแบบนี้
ความรู้สึกของคนอ่าน...โคตรจะดีใจรุย
อิอิ

เหมือนผ้าห่ม กันลมหนาว คราวหลับฝัน
เหมือนคันร่ม กางออกพลัน กันหยดฝน
เหมือนคนคู่ อยู่รู้ใจ ใช่สองคน
รักท่วมท้น พ่นทะลัก พำนักใจ

ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน ปนกันอยู่
แต่สุดท้าย ก็ได้รู้ ไร้สงสัย
เพื่อนดีดี ยังมีอยู่ คบกันไป
แล้วยังได้ แฟนใสใส ไม่เคยเอา


เดี๊ยวก็เก่งเองอ่ะ..ต้อง
ฮ่าฮ่า
มีเทนเนอร์ดีอย่างเก้า..แจ่มเจิด
ก๊ากกกกกก

บวกเป็ด +1 ที่ให้ความสุข สมใจคนอ่าน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ตอนพิเศษ : 1

   สภาพสโลสเลของผมกับต้องที่แบกร่างโทรมจากการอดนอน กลับมาที่บ้านตั้งแต่6โมงเช้า เช้าที่ถนนโล่งอากาศหนาวยะเยือก แดดสีเหลืองอ่อนๆขึ้นจากทางทิศตะวันออก

           สายตาผมดูจะยังไม่สู้แสง กลิ่นเหล้าจางผสมออกมากับลมหายใจ

            เมื่อคืนเรานอนกอดก่ายกัน แน่นอนว่าขนับไปให้ไกลจากกองอ้วกของ 2 ตัวนั่น จนเมื่อรู้สึกเมื่อยแล้วทนไม่ไหว จึงพากันกลับบ้าน

            "เก้า หนาวมั้ย"

            ผมสั่นหัว

            สัมผัสอุ่นๆ ที่มือ

            มือยาว นุ่ม ของต้องกุมมือผมอยู่ เช้าๆอย่างนี้คงไม่มีใครมามอง

            ผมหันไปยิ้มให้มัน

            มุ่งหน้ากลับบ้าน
   
   ต้องเดินข้างๆผมมาเงียบๆ ท่าทางอิดโรย ไม่แวะแม้แต่ร้านสะดวกซื้อ ผมถามมันแล้วว่าหิวมั้ย มันก็ไม่สนใจ ได้แต่บนง่วงๆมาตลอดทาง

   จะให้นอนบ้านแมคมันก็ดีอยู่หรอก แต่ไม่ไหวนะ กลางดึกคืนนั้น ซันลุกขึ้นนั่งตัวเขย่าไปมา ก่อนจะรู้ว่าทำอะไร ซันก็มาจมกองอ้วกตัวเองไปแล้ว

   ไอ้แมคที่ร้อนจนแก้ผ้าแล้วลงไปนอนกอดไอ้ซัน ทั้งๆที่เลอะอ้วก เลยโดนไอ้ซันนอนขยำนมทั้งอย่างนั้น พอมองไปที่ไอ้ข้างล่างทั้งสองคนก็ เอ่อ... แข่งกันสู้อยู่

            เช้ามามันได้กันเองแน่ๆ

   ผมกับต้องเลยรีบหนีออกมาก่อน แน่ใจว่าถ้าพวกมันตื่นมาเจอเนี่ยได้ร้องกันบ้านแตกแน่ๆ ป่านนี้คงได้เสียกันไปเรียบร้อยแล้ว

   บ้านเงียบพอๆกับสภาพของกรุงเทพตอนเช้าวันปีใหม่ ลานจอดรถว่างเปล่า ทะเลาะกันไม่มีวันหยุดสินะ หวังว่าตอนนี้จะฉลองอยู่กับพี่น้องแต่ละฝ่ายจนเพลิน ดีกว่ามานั่งทุกข์ใจ

            ตลอดทางมาบ้านช่อฃซ้ายขวายังปิดเงียบ บรรยากาศตอนนี้เจือไปด้วยสีฟ้าอ่อน เช้าๆผมชอบเห็นทุกอย่างเจือด้วยสีฟ้าจากท้องฟ้า สว่างมัวๆจากแสงอ่อนๆในยามเช้า

   ไม่มีใครจะว่าผมที่ไม่กลับบ้าน

   ไขประตูบ้านเสร็จ

   เราตรงดิ่งขึ้นห้องปิดประตูล็อค

   “ต้อง เก้าอาบน้ำก่อนนะ”

           "เดี๋ยวดิ"

           ต้องเข้ามากอดจากข้างหลัง แน่นจนรู้สึกได้ว่ามันรอคอยสิ่งนี้มานาน วงแขนรัดรอบตัวส่งนล่างแนบชิด กดหน้าเข้าหาคอขาวๆ ปล่อยให้พวกเราซึมซาบการสัมผัสที่รู้สึกดี

           มันช่างอบอุ่น

            ในห้องเดียวกันนี้แหละ ที่จูบแรกของผมกับต้องเกิดขึ้น โดยทั้งผมยังไม่รู้ตัว รวดเร็ว แผ่วเบาแล้วรีบผละออกหายไป

            ผมหันกลับมากอดมันตอบ

            แรงกดเบาๆลงบนหน้าผาก ต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมยืดตัวตอบ ริมฝีปากเราสัมผัสกัน ก่อนจะเริ่มบิดปากออกไปซ้ายขวาเพื่อให้ลึกแน่นยิ่งขึ้น

           อา.... มันไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

           "อาบน้ำก่อน" จนผมต้องเป็นฝ่ายผละออก

   ผมถอดเสื้อแล้วถือผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป

           ปล่อยให้ตรงนั้นมันดันกางเกงเอาไว้ ต้องคงเห็นละนะ แต่ไม่เป็นไรของมันก็เหมือนกัน

   ในห้องน้ำทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสะอาดแค่ไหน รู้แต่ ตากำลังจะไม่เปิดแล้ว ทั้งเหล้า ทั้งง่วง แต่ก็อยาก มันทรมานสุดๆ

   ผมเดินออกมาทั้งผ้าเช็ดตัว

   “ต้องเข้าไปดิ”

   “เก้า ทำไรมาวะ ทำไมตัวเป็นจ้ำๆยังงั้น”

   “เอ่อ ... เมื่อวันก่อน ไปสยามมาแล้วโดนไถตังค์น่ะ”

            ต้องทำหน้างง

            "กูโดนรุมน่ะ" แต่รอยส่วนใหญ่มาจากน้องมึงน่ะ

   “อ้าว แล้วทำไงอะ”

   “ก็สู้ไง” ผมหัวเราะ

   “ซ่านักนะ ไอ้เปี๊ยก”

            ผมหัวเราะอีก ว่าจะไปเอาของที่ลิ้นชักสักหน่อย ก่อนจะโดนใันดึงมือเข้าไปหา

            "ระวังตัวด้วย ต้องไม่ยอมแล้วนะ กูหวงของกู" ดูมันย้ำคำหลังมาก

   ต้องเดินเข้าห้องน้ำไป สีหน้าอายๆ

            หึ ผมนั่งยิ้มแก้มปริ คำพูดตลกดูขัดๆ ต้องพูดดีๆแบบนี้ไม่เป็นจริงด้วย

   สุดท้าย ก็ยังไม่ได้ให้ไอพอดมันเลย ไว้ก่อนแล้วกัน

   ผมใส่เสื้อกับกางเกง เปิดแอร์ทิ้งไว้ ปิดไฟ แล้วทิ้งคัวลงไปนอนบนเตียง ง่วงเป็นบ้า เปิดแอร์ทิ้งไว้น่ะดีแล้วจะได้นอนยาวๆ

    คำพูดของพวกแมคยังลอยสะท้อนไปมาในหัว

   รู้สึกตลกดีเหมือนกัน พอมานอนคิดดีๆแล้ว มันไม่รู้เรื่องเลย คำพูดมันดูงงๆสับสน คือ คนเมาเวลาคุยกันเนี่ย มันรู้เรื่องเป็นเรื่องเดียวกันได้ยังไงนะ สร่างแล้วมานั่งคิดดูอีกที เหมือนจะได้แต่อารมณ์มากกกว่า คำพูดเป็นคำๆ

   ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน

   แมคกับเจ ก็จะไม่ได้เจอกันในปีหน้า

           แต่ผมได้ความเป็นเพื่อนกลับคืนมา

           เพื่อนที่มีค่า เวลา 2 ปีของพวกเราไม่สูญเปล่า

   แสงแดดแรงขึ้นด้านนอกหน้าต่าง แยงตาเป็นบ้า
   
   “เก้าๆ หลับแล้วเหรอ”

   “หือ ยัง” แค่ลืมตาไม่ขึ้น

   อะไรอุ่น นุ่มๆ มาสัมผัสแก้มผมนะ มันขยับเปลี่ยนไปที่ปากผม

   “อือ... “

   ที่คอเหมือนมีอะไรมาลูบไล้เบาๆ ให้รู้สึกจักจี้

   “ต้องเหรอ” ผมลืมตาดูมัน

   “ง่วงเหรอ” ต้องนอนทับตัวผมอยู่

   “อือ”

   ต้องเอาปากซุกไซร้ลงไปจากคอแล้วไล่ลงไปถึงยอดอก สองมือประคองตัวขึ้นมาจากเตียงหน่อย ช้อนไว้ใต้ก้นผม ก่อนจะบีบเบาๆสองสามที แล้วค่อยๆยกแขนผมขึ้น รูดเสื้อขึ้นไปด้านบ
 
           คำว่าง่วงดูไม่มีความหมาย

   “ช้ำหมดเลย”

   “อือ” ตอนนี้ผมตาสว่างแล้ว เฮ้ย ต้อง มันจับผมแก้ผ้า

   มันเลียลงมาที่หน้าอกด้านขวา ใช้ลิ้นวนรอบหน้าอก แล้วดูดเข้าไป

   “อ้า”

   มือขวาล้วงไปที่กางเกง

   ผมจับมือมันไว้
   
   “จะอายทำไม ยังกับไม่เคย”

   “ไอ้ต้อง พอเลย”

            เป็นครั้งแรกที่มันจับของผมเต็มๆ

   “เก้า ต้องขอนะ”

            ผมพยักหน้า

   เฮ้อ ใจอ่อนกับคำพูดมันจนได้ โม้อะ ไม่ขอกูก็จะปล้ำมึงอยู่แล้วไอ้ต้อง ฮ่าๆ

   ปล่อยให้มันเล่นของผมซะให้พอ ของผมที่ตึงจนรู้สึกร้อน รู้สึกถึงมือนุ่มๆนี่ลูบขึ้นลง แล้วเอานิ้วโป้งถูวนที่ส่วนปลาย วนเป็นวงกลม ไปมา

   “อะ ต้อง ช้าๆดิ”

   มันจับผมพลิกหันหลัง แล้วเลียจากต้นคอไล่ลงมาจนถึงแก้มก้น มือก็ไม่อยู่เฉยๆ ขยี้ขยำหน้าอกผมไปด้วย ราวกับเป็นของเล่น

   ผมผลิกลงไปนอนหงายกับเตียง

           ตอนนี้ลืมเจ็บหมดแล้ว

   “เตรียมตัวไว้แล้วใช่มั้ย”
   
   มันหัวเราะ  แล้วขยับตัวขึ้นมาตรงหน้า

   แม่ง ออกมาจากห้องน้ำมีแค่ผ้าเช็ดตัว มันกะจะทำอยู่แล้วแน่ๆ

   แผงอกมันอยุ่เหนือปากพอดี ผมเลยทำแบบที่มันทำบ้าง จากด้านซ้ายแล้วไปด้านขวา

   “อา..” ไม่เคยได้ยินต้องทำเสียงยังงี้มาก่อน

            ยิ่งระเบิดอารมณผมขึ้นไปอีก

            มันทำให้ผมทั้งกัดทั้งดูดตามตัวมันไล่ลงไปเรื่อย

   สองมือมันบีบที่ต้นขาผมแน่นเมื่อลิ้นเริ่มเลียต่ำลงไปๆ จนถึงสะดือ แล้ว .... ผมก็แกะผ้าออก

   สองคนที่เปลือยเปล่าแลกดูร่างกายของกันและกัน

   พอเห็นเป็นที่พอใจแล้ว มันขยับขึ้นมาอีกหน่อย

   ผมยังนอนอยู่ที่เดิม แต่ส่วนนั้นของมันอยู่ตรงกับปากผม จดจ่อเข้ามาอยู่ตรงหน้า ผงกหัวให้ มันจับตีกับแากผมเบาๆ ทำหน้าสะใจ ไอ้ลามก

   ของต้องที่ชี้ตรงมาข้างหน้า กำลังสั่นกระตุกทักทายกับการพบหน้ากันครั้งแรก

   ผมอ้าปากรับ ออกแรงดูด

   ตัวต้องผงะเกร็ง

   ยิ่งผมขยับปากเข้าออกเร็วเท่าไรตัวมันก็ยิ้งบิดเบี้ยวเท่านั้น

   “เก้า .. ต้อง . ต้อง อาาา”

            น้ำเสียงมันชอบใจ

            ผมถอนปากออกละเลงลิ้นรัวไปทั่วให้เปียกชุ่ม

   ต้องทนไม่ไหว มันถอนตัวออก ล้มกลับลงมาทับจูบปากกับผม ร่างกายบดบี้กัน มันเอาส่วนที่ร้อนผ่าวเปียกลื่น แทงเข้าออกหว่างขาอยู่อย่างนั้น

            เปลี่ยนลองมาเป็นซอกคอบ้าง สองมือเกาะกุมก้นไว้ทั้งของข้าง

   “ต้อง เราดีใจนะ ที่เป็นต้องน่ะ”

   “อือ เรารักเก้านะ” มันยิ้ม

   ผมกอดมันแน่น จนรู้สึกเจ็บที่รอยช้ำ

   มันก้มลงมาจูบอีก ดูดปากกันอยู่ยาวนานไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

   “เก้า ... ต่อมั้ย”

   “ต้องแน่ใจแล้วนะ”

   ต้องพยักหน้า

   ผมนอนคว่ำให้มัน ก่อนที่มันจะขึ้นมาทับแล้วถูไถบดเบียดกับร่องก้นอยู่อย่างนั้น

   “เก้า เป็นของเรานะ”

   “อือ”

            ผมตอบตัวสั่น

            ใช้ความพยายามอยู่นานที่จะเข้าช่องนี้ มันเป็นครั้งแรก

            มันลำบากอยู่

   ผมพลิกตัวต้องลงไปนอนหงายบนเตียง เมื่อมันพร้อม เมื่อช่องทางผมลื่นเต็มที่ สองมือ กดที่หน้าอกมัน แล้วค่อยๆนั่งลงไปช้าๆ

           ช่วยไม่ได้ผมจะเป็นฝ่ายทำเอง

           ลองอีกที

   “อะ...” เสียงเกร็งของต้อง

   “อูยย”

   “เจ็บเหรอ”

   ผมส่ายหัว

   “ไม่ไหวก็หยุดนะ”   

   ผมส่ายหัวอีก ส่วนปลายมันเข้าไปแล้ว

   ค่อยๆพยายามกดลงไปช้าๆ ยังไงวันนี้ต้อง จะต้องได้ผม

   ตัดสินใจทิ้งตัวลงไปนั่งบนท้องน้อยมัน

   “อะ จุกนะเนี่ย”

   “หยุดมั้ย”

   “เรื่องไร ยอมเจ็บแล้วจะหยุดเหรอ” มันเข้าไปหมดแล้วนี่

   ต้องส่ายหัว สายตาเปลี่ยนไป เริ่มเด้งเอาขึ้นลงช้าๆ

   “เดี๋ยวสิ เดี๋ยว อ้าาา” ไอ้ต้องบ้า

   มันยังเด้งขึ้นลงอยู่อย่างนั้น ไม่ยั้ง
 
            ขนสากๆถูกับก้นผม ทำให้รู้ว่ามันเข้าไปลึกแค่ไหน

            อ้า

   ก่อนผมจะทนไม่ไหวล้มลงกอดหน้าอกมัน

   ต้องพลิกขึ้นมานั่งคร่อมผม ยกขาผมขึ้นข้างหนึ่งพาดบ่ามันเอาไว้

   แล้วโยก

   “อะ .. ต้อง เอาเลย ทำเลย” ตอนนี้ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว มันเสียวแปล๊บๆที่อย่างอื่นมากกว่า ไม่รู้ว่าจะบอกว่าตรงไหนดี ครั้งแรกที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก

   อะไรลื่นๆ ออกมาเต็มตัวผม

   “ใกล้แล้วเหรอ”

   ผมไม่ตอบ

   “หน้าแดง ตัวแดงไปหมด น่ารักจัง”

   “จะทำหรือจะหยุด” ผมเสียงแข็ง

            ผมอาย
   
   “ได้” มันรุกเร็วและรัวขึ้นอีก

   พับขาที่ยกไว้ลง ให้ผมชันเข่ายกขึ้นทั้ง 2 ข้าง

   ต้องพับตัวขึ้นมาคร่อม แล้วขยับเข้าออกแรงๆ ใช้มือข้างที่ว่างอยู่ จับของผมที่เปียกลื่น รูดขึ้นลงเร็วๆพร้อมๆกับจังหวะของมัน

   ตัวมันเริ่มชื้นเหงื่อ มือผมที่ลูบไล้หลังต้อง ลูบไล่ลงไปถึงก้นขาวเกร็งที่ตอนนี้กำลังออกแรงอย่างหนักหน่วงอยู่

   “เก้าๆๆ หยุดก่อนมั้ย”

   “หยุดทำไม” ผมถาม

   “จะได้นานๆไง”

   “ไม่ต้องเลย กูง่วง” 

            "กล้าๆจีบกูก็ได้ทำไปนานแล้ว"

   ต้องหัวเราะ

   อยู่ๆมันถอนออก เล่นเอาผมเสียววาบ แล้วยกตัวผมขึ้นไปนั่งทับบนตัวมัน

   ให้ผมเป็นฝ่ายทำสินะ

   ผมเลยนั่งแล้วขยับขึ้นลง ช้าๆ จากปลายสุดแล้วลงไปให้ลุกที่สุดบดขยี้เข้ากับของต้องที่ยังเกร็งร้อนในตัวผม

            ทำได้สักพักแล้วหยุดอีก

   “แกล้งกูนี่”

             "จีบผู้ชายมันง่ายที่ไหน"

            แต่ทีเอาเนี่ยทำเป็นไม่มีอายนะมึงไอ้ต้อง

   ผมยิ้ม แล้วเปลี่ยนจังหวะ ออกแรงขาขยับขึ้นลง รัวและลึก

            เห็นต้องมีท่าทีสุขใจผมก็ยิ่งทำแรง เสียงกระแดกกันดังลั่นห้อง บ้านไม่มีใครอยู่ มันจึงสะดวกที่จะกลบความมืดด้วยเสียงครางดัง แทรกด้วยเสียงเนื้อกระทบกัน ถึงปิดไฟแต่เห็นทุกอย่างชัดเจน

   “อุ ต้องเก้า ไม่ไหวแล้ว ต้อง”

           ต้องขืนตัวนิ่ง 

           ผมงง

           "เจ ไม่เคยได้ใช่มั้ย"

          "ผมสั่นหัว"
       
          อ้า

          ต้องกระแทกสวนขึ้นมา
     
          โยกขึ้นลงเร็วๆอยู่อย่างนั้น เร่งเครื่องตามจังหวะที่ขาดหายไป

          เสียงต้องร้องดังขึ้น รู้สึกได้ของต้องที่อยู่ในตัว มันขยายใหญ่ขึ้นแน่น เกร็งร้อนผ่าว

   “เอาเลยๆเก้า”

   “มองหน้าเราไว้นะต้อง”

   “อือ”

   “อะ อ้า ออกแล้วๆ”

   ของผมมาก่อนเลย ความเสียวพุ่งปลาบจากท้องน้อยไล่ไปตามส่วนจนทะลุพุ่งไกลออกไปถึงหน้าอก ต้อง ออกมาเป็นสายไม่ยั้ง ทั้งเยอะและร้อน

   “เก้าๆ อะ อ้า” ผมยังขยับต่อไปให้ต้อง

            มันยังไม่เสร็จ

   “ต้องจะ ...”

   ตัวต้องเองกระตุกเกร็ง แต่ยังไม่หยุด อะไรอุ่นๆ พุ่งใส่ตามแรงกระตุกในตัวผม ต้องค่อยๆหยุดเมื่ออาการกระตุกนั้นหยุดลง ผมจึงถอนตัวออกช้าๆ แล้วลงมานอนข้างๆ

            เมื่อกี้มันกระตุกถี่หลายรอบ ผมยังรู้สึกได้

   “ไม่เจ็บนะ”

   “อือ ไม่เป็นไรหรอก" มันเอาผ้าเช็ดตัวเช็ดคราบ

   ผมพลิกตัวไปนอนซบบนไหล่ต้อง

   ครั้งแรกของผมยกให้ต้อง

   ต้องคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวเราสองคนไว้

   เรากอดกันนอนบนเตียงให้ร่างเราสองคนเป็นเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นแก่กัน สิ่งสุดท้ายที่ผมเห็นคือตัวชื้นเหงื่อแล้วก็ หน้าอกขาวๆของต้อง

   เช้าวันนี้ ผมฝันถึงพวกมันในห้องวิทย์ ที่ๆพวกมันอยู่ด้วยกันครบทุกคน แต่คราวนี้มีซันที่ใส่แต่กางเกงในมาร่วมด้วย

            พวกผมยังนั่งทำฉากงานวิทย์บนพื้นห้อง กระเบื้องสีส้มอ่อนที่ดูแยงตา เสียงพัดลมครางหึ่ง ไอ้เจกำลังวุ่นกับเครื่องเล่นเพลงหน้าห้อง

            ไอ้แมคที่ผมดูยาวแล้ว กำลังบรรจงละเลงสีใส่ไม้กระดาน

            ต้องนั่งเหยียดขาทำหน้าเฉยเมยมาทางผม ตอนนั้นเรายังไม่เป็นแฟนกัน

             สักพักต้องเดินเข้ามาลูบหัวผม ตามด้วยเสียงเจโวยวาย ในฝันที่จับประเด็นไม่ค่อยได้ มีแมคเป็นคนคอยห้ามศึก
 
             แล้วพวกมันก็จับมือผมกับต้องมากุมไว้

             ผมเผลอยิ้มออกมา

             พวกนั้นยิ้มตอบ

             แล้วสะดุ้งตื่น นอนหลับไม่สบายเพราะเบียร์ที่ดื่มไปมาก

            ผมลืมตามองหน้าต้องที่หลับอยู่ ราวกับผมยังโหยหาคืนวันที่พวกเรายังได้สนุกกันพร้อมหน้าตอนชั้น ม.4 ช่วงที่ดีที่สุดในชีวิต ม.ปลาย มันช่างน่าจดจำ

   เพื่อนผม 2 คนต้องจากไป แล้วผมก็ได้รักนี้มาแทน ความรักที่เพื่อนสนิทจัดมาให้เพราะความไม่เอาไหนของผม กับการไม่เป็นงานของต้อง

            ต้องกับเก้า

            หึหึ

            ผมพลิกตัวหันหลัง ดึงต้องเข้ามากอด เวลามีคนกอดจากด้านหลังมันรู้สึกดีอย่างนี้เอง....

            "ฝันดีต้อง" แฟนของผม


ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


ไม่ได้เข้ามาเมนท์นาน กลายเป็นต้องเก้าจบแล้ว Y^Y ขอโทษค่ะ!!
แต่เราก็ไม่คาดคิดนะคะว่าต้องเก้าจะขมวดปมและจบเร็วแบบนี้
นึกว่ามันจะเรื่อย ๆ ไปอีกสักพัก.. แต่เพราะไทม์ไลน์ของเรื่องมันเดินมาถึงตอนใกล้จบมอห้าแล้ว... ก็เข้าใจได้ค่ะ 
อ่านมาเจอตอนที่แม็คกับเจจะไม่อยู่แล้วเราใจหายยังไงก็ไม่รู้ค่ะ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเก้า (จะผิดกันก็ตรงที่ไม่ได้กินต้อง ฮ่า ฮ่า ฮ่า) โดยเฉพาะเจที่มาเร็วเคลมเร็วมาก ๆ

ส่วนต้องก็นะ... โมเมนท์พระเอกลูกยังไม่สุกสกาวเลยครับ
ถ้าไม่ได้เพื่อน ๆ ไม่ได้เหตุการณ์ในห้องพยาบาลมาบังคับ หนูจะได้ขอเก้าเป็นแฟนไหมลูก?
เฮ่ออออ ป้าลุ้นเหนื่อยมาก... แต่ก็นะ ไม่มีโมเมนท์พระเอกไม่เป็นไร หลังจากนี้ป้าก็ขอให้หนูโชว์แมนให้เต็มที่นะครับ (เอาให้น้องเก้าประทับใจนอกเหนือจากความมุ่งมั่นของหนูอีตอนได้กันนะลูก ฮ่า ฮ่า ฮ่า)

Happy New Year ล่วงหน้าค่ะ!!
รออ่านภาคต่อไปนะคะ ^^  :mew1:



ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0


ไม่ได้เข้ามาเมนท์นาน กลายเป็นต้องเก้าจบแล้ว Y^Y ขอโทษค่ะ!!
แต่เราก็ไม่คาดคิดนะคะว่าต้องเก้าจะขมวดปมและจบเร็วแบบนี้
นึกว่ามันจะเรื่อย ๆ ไปอีกสักพัก.. แต่เพราะไทม์ไลน์ของเรื่องมันเดินมาถึงตอนใกล้จบมอห้าแล้ว... ก็เข้าใจได้ค่ะ 
อ่านมาเจอตอนที่แม็คกับเจจะไม่อยู่แล้วเราใจหายยังไงก็ไม่รู้ค่ะ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเก้า (จะผิดกันก็ตรงที่ไม่ได้กินต้อง ฮ่า ฮ่า ฮ่า) โดยเฉพาะเจที่มาเร็วเคลมเร็วมาก ๆ

ส่วนต้องก็นะ... โมเมนท์พระเอกลูกยังไม่สุกสกาวเลยครับ
ถ้าไม่ได้เพื่อน ๆ ไม่ได้เหตุการณ์ในห้องพยาบาลมาบังคับ หนูจะได้ขอเก้าเป็นแฟนไหมลูก?
เฮ่ออออ ป้าลุ้นเหนื่อยมาก... แต่ก็นะ ไม่มีโมเมนท์พระเอกไม่เป็นไร หลังจากนี้ป้าก็ขอให้หนูโชว์แมนให้เต็มที่นะครับ (เอาให้น้องเก้าประทับใจนอกเหนือจากความมุ่งมั่นของหนูอีตอนได้กันนะลูก ฮ่า ฮ่า ฮ่า)

Happy New Year ล่วงหน้าค่ะ!!
รออ่านภาคต่อไปนะคะ ^^  :mew1:

จริงๆ กฎเค้าว่า อย่าตั้งกระทู้บ่อย จะตอบให้รวมๆกันตอบ แต่เรืองนี้ไม่มีคนมาเม้นท์เท่าไรอยู่แล้ว ดังนั้นตอบซะเลยคงไม่น่าจะเป็นอะไร

ใช่ครับ ส่วนตัวก็คิดว่าเร็วเกินไปที่จะจบ แต่ตอนแรกตั้งในไว้ว่าจะเป็นแค่เรื่องสั่น แล้วจังหวะนี้แหละ ที่น่าจะบีบคนอย่างต้องให้ปริปากออกมาได้

ต้องเองไม่ใช่ ผู้ชายที่ พระเอ้ก พระเอก มาตั้งแต่แรกแล้ว เรื่องนี้มันตั้งอยู่บนความเป็นเพื่อน ที่สุดท้ายถึงมันจะลงเอยด้วยคำว่า มากกว่าเพื่อน ในตอนนั้นไม่มีใครเข้าใจคำว่า ตุ๊ด เกย์ อย่างแท้จริง มันแค่คำเรียกคนที่แสดงออกอย่างเปิดเผยในยุคที่ คนยังไม่รู้จักแม้ คำว่า เปิดเผยเลยด้วยซ้ำ

ิีอีกเหตุผลคือ ผมอยางคงความสมจริงไว้ให้มากที่สุด เผื่อว่าสักวันนึง คนที่มีตัวตนในเรื่องมาอ่านเข้า อาจจะคุ้นๆถึงตัวเองขึ้นมาบ้าง แล้วเรื่องนี้่เริ่มจากเขียนเล่นๆฆ่าเวลา เลยไม่คิดว่าจะเล่าได้ละเอียดจนจบได้จริงๆ

ขอบคุณมากนะครับ แล้วก็ Happy New Year ล่วงหน้าเลย เอะ ... ยังต้องลงภาคใหม่อีก นี่นา สัก 1 ตอนนา ...

ป.ล. ไอ้ต้องมันก็ขี้แหย่ยังงี้มาตลอดแหละครับ มาๆจากๆ 555

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ต้องเด้าเก่งอ่ะ
ปราบเก้าซะติดหนึบ
สวรรค์โดยไม่ต้องใช้ตัวช่วย
ปรบมือรัวๆๆๆๆๆๆๆ ให้ต้องเลย

ขอโทษด้วยที่ปรามาสต้องเอาไว้
คิดว่าจะอินโนเซนส์ ที่ไหนได้มีประสบการณ์นี่หว่า
เยี่ยมมมมมมม


อย่าไปเดา คาดการณ์ วันข้างหน้า
อยู่วันนี้ ดีกว่า น่าสดใส
วันพรุ่งนี้ ไม่เห็น เป็นเช่นไร
ปล่อยมันไป ตามวิถี ชี้ชะตา

บวกเป็ด +1 ครับ

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
สนุกมากค่ะ อ่านแล้วคิดถึงสมัยเรียน มัธยมเลย ไปอ่านตอนพิเศษแพร่บ

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
ขอแค่ 5 นาที ตอนที่ 1 : สะพาน


อากาศเย็นๆ ของหน้าหนาว มันหนาวยิ่งขึ้นเมื่อมายืนอยู่บนส่วนโค้งสุดของสะพานข้ามแม่น้ำ ตอนนี้ถ้ามองลงไปจะเห็นแม่น้ำสีดำเข้ม มีประกายวาวสีเงินจากแสงไฟที่สะท้อนลงบนน้ำ เรือล่องแม่น้ำส่งไฟออกไปโดยรอบ

เสียงหนวกหูจากบนเรือสะท้อนก้องขึ้นมาถึงจุดนี้ บนยอดสะพาน

ปีใหม่ที่น่าอภิรมย์

น่าจะอยู่กึ่งกลางระหว่างฝั่งธนฯกับพระนครพอดี

ด้านหลังรถที่วิ่งไปมาเริ่มลดน้อยลงแล้ว ผู้คนคงบึ่งรถ ปีใหม่รีบกลับบ้านไปฉลองกัน ไม่ก็ไปล้มกองกันอยู่ตามที่เที่ยวละสิ
   
‘แม่งโง่ เป็นบ้าเลย’

ไม่รู้ว่ามาทำบ้าอะไรอยู่บนนี้คนเดียว

เด็กผู้ชายร่างขาวเล็กๆ ในเสื้อหนาวสีแดงสด กำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดหาชื่อใครสักคน

‘รู้งี้ชวนพวก พี่บูมออกไปเที่ยวดีกว่า ป่านนี้แม่งจะไปอยู่ไหนกันวะ’

ไหนๆ ไอ้พี่ต้องแม่งก็ไม่อยู่บ้านแล้วนี่

เพราะเรานี่แหละ

เรื่องในห้องพยาบาลนั้น ถึงจะไม่มีคนนอกรู้ ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไปขอโทษแล้วให้ทำเหใือนว่าไม่ได้เกิดขึ้นไม่ได้ ถึงอยากจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขเท่าไรก็เหอะ นี่เป็นอีกเรื่องที่ต้องเรียนรู้สินะ

‘กูทำเชี่ยไรลงไปวะ แม่งพังหมด ตอนแรกมันไม่ได้จะให้เป็นอย่างนี้นี่หว่า พังพินาศ’

ใครจะไปรู้ว่า ไอ้เก้ามันจะอาละวาดออกมาซะขนาดนั้น พี่ต้องก็พาลมาลงจนได้ เรียกได้ว่าผลออกมาดีเกินคาด ดีจนควบคุมไม่อยู่ อยากได้ผลแค่ 10 กลายเป็น 100 ซะงั้น

นึกหน้าไอ้พี่ต้องวันนั้นแล้ว แม่งโคตรจะโกรธเลย โกรธกูนี่แหละ ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้พี่ต้องไม่โทรมาหาอีกเลย อยู่บ้านก็ไม่คุยกัน ตั้งแต่เล็กจนโตเพิ่งจะเห็นโกรธจริงจังก็คราวนี้น่ะแหละ คราวนั้นตอนที่ เอ่อ... เอาน่า ยังไม่เท่านี้เลย

แล้วนี่วันนี้พอสายๆ เก็บของใส่กระเป๋า พอตกบ่ายปุ๊บ ออกจากบ้านหายไปเลย โทรไปก็ไม่ยอมรับ พี่เค้าเองก็คงไม่รู้สินะ ว่าน้าเองก็ไม่อยู่บ้านเหมือนกัน

คนที่อยากจะอยู่ด้วยแม่งก็หายไปแล้ว...

พวกเค้าคงไม่รู้สินะ ว่าได้ทิ้งใคร ให้อยู่คนเดียว

คิดอีกที แล้วกูออกจากบ้านเดินไปเรื่อยเปื่อยไหงมาโผล่ที่นี่ได้ละเนี่ย

แม่งเอ้ย

บรื้นๆๆๆๆๆๆๆๆ

“เบิ้ลเครื่องหาพ่อมึงเหรอ”

ใครวะแม่ง มาเร่งเครื่องมอเตอร์ไซค์ด้านหลัง บ้านเป็นปั๊มน้ำมันเหรอไง

หมวกกันน๊อคสีดำมีเขาแมลงสาปโดนเปิดขึ้น แม่งคิดว่าเท่เหรอ

“ว่าไงมึง เรียกกูว่าตอนนี้เนี่ยมีอะไร”

เออ เกือบลืมไปเลย โทรไปตามมันมานี่หว่า

“พี่บูม มาเร็วนี่”

“รถไม่ติดไง แล้วมึงอะเป็นไร เหงาเหรอ มาๆ กอดซบกูนี่”

“เอาKไปแดกก่อนไป”

นี่ นิ้วกลางกูนี่

ไอ้คนนี้ก็เหมือนกัน จะเป็นรุ่นพี่ที่ดีเกินไปแล้ว โทรตามให้มาก็มา

“เอ้า ว่าไงมีไรป่าว ต่อ”

หึ ต่อก้มหน้าส่ายหัวให้ ไม่รู้จะพูดยังไง

“พาเที่ยวหน่อยเดะ”

“เด็กอย่างมึงเนี่ยนะ หมอยขึ้นยังจะเที่ยวผับ”

“ไม่ได้บอกว่าจะไปผับ พาไปไหนก็ได้”

โดนขึ้นซ้อนท้ายรถคันจิ๋วของพี่บูมก่อนแหละ ยืนนานแล้วหนาว

มอเตอร์ไซด์คันกระจิ๋วเดียว เหมาะกับตัวเจ้าของจริงๆ เด็กม.ปลายรุ่นพี่ต้องอะไร ต่อจะสูงกว่าอยู่แล้ว นี่ถ้ายืนกันตรงๆนี่สูงกว่านิดหน่อยด้วยละมั้งเนี่ย

“พี่บูม ไอ้นี่มันวิ่งได้นะ”

“เออน่า”

“ต่อ เปิดกระเป๋าเอาเสื้อหนาวไปใส่ไป”

“มีแล้วไง”

“ลมมันหนาวตัวแค่นี้ไม่พอหรอก”

ไหนดูหน่อยดิ โห เสื้ออย่างหนา ดูแก่ด้วย ไม่เอาอะ เอาเป้สะพายหลังไว้ละกัน

“ไม่ใส่ หนาวแล้วอย่าบ่นละ”

รู้ดีอีกว่าไม่ได้ใส่ ไม่ได้หันมาแท้ๆ

“เกาะแน่นๆละ”

ความเร็วของรถค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเพราะกำลังลงสะพานข้ามแม่น้ำ ตรงหน้าเป็นสนามหลวง ไฟรอบต้นไม้ประดับประดาห้อยโยงลงมาจากต้นเต็มสองข้างทาง จากที่วิ่งต่อๆกันเป็นเส้นยาวๆ ตอนนี้เริ่มช้าลงกลายเป็นดวงส้มๆ ชัดขึ้น

เมื่อหันไปดู พี่บูมพาไปไกลทิ้งสะพานมืดๆที่ยืนอยู่เมื่อกี้ไว้ข้างหลัง ฝั่งโน้นมืดมากเมื่อเทียบกับด้านนี้

“ต่อ เกาะเอว เดี๋ยวร่วงหรอก รถมันเริ่มเยอะแล้วนะ”

สองมือเล็กๆเลยเกี่ยวกระวัดเข้ากับเอวของคนขับ ความอุ่นจากหลังของพี่บูมแผ่เข้ามาถึงตัวต่อ

จักรยานยนต์ที่มีเด็กขี่อยู่สองคน หายไปทางด้านขวา เพื่อจะวนรอบให้ได้หนึ่งรอบพอดี พรุ่งนี้คนคงแน่นกว่านี้ นี่เพิ่งวันที่ 31 เองนะ

ถ้าไม่ได้กอดพี่บูมนี่หนาวแน่เลย

“พี่บูม พี่ว่า ต่อทำเกินไปมั้ยอะ”

“อะไรนะ”

เสียงเครื่องเบาลง ความเร็วรถเริ่มตก

“ก็เรื่องของพี่ต้องน่ะ”

“… ต่อตัดสินใจทำไปแล้วนี่ ตอนนั้นห้ามแล้วก็ไม่ฟัง”

การสนทนาขาดหายไป ปล่อยให้เสียงลมหวีดหวิวเข้ามาแทนที่

รถวิ่งช้าลงอีก
      
“ก็เห็นทั้งพี่เจ ทั้งพี่บูมห้าม มันเหมือนกับว่า ใครๆก็เข้าข้างคนนั้น ต่อก็ยิ่งไม่ชอบ”

คนขับส่ายหมวกกันน็อค เขาแมลงสาบดิ้นไปมา

“หิวมั้ย”

อา ... ตั้งแต่เย็นยังไม่ได้กินไรเลยนี่นา

“แมคมั้ย”

“พี่บูมเลี้ยงนะ”

“ไอ้นี่นี่”

กล้าเรียกไอ้นี่เหรอ เอามือเคาะหัวเลย

โป๊ก

“เจ็บมั้ยละ เคะาหมวกนะ”

“รีบพาไปไป”

เสียงลมดังขึ้นอีก รถวิ่งเร็วๆขึ้น เหมือนความเร็วในตอนนี้จะยังไม่สะใจ มันน่ากลัวจนทำให้ต้องเอนตัวไปซบหลังพี่บูมแนบแน่น เกิดมาไม่เคยนั่งรถเร็วแบบนี้เลย

ทำยังไงพี่ต้องจะหายโกรธนะ

มันทั้งรู้สึกผิด รู้สึกแย่ บางทีเราอาจจะทำเกินไปจริงๆก็ได้

วงเวียนที่มีเสาสีแท่งตั้งตระหง่าน เสียงเครื่องชะลอลง

“ไปนั่งรอ จะกินไร”

“อะไรก็ได้”

“ไม่มีขายเว้ย ไม่เลือกไม่ต้องแดก” พี่บูมหันหลังเดินไปลเย

“ชีสเบอร์เกอร์กับโค้ก ไม่เอาเฟรชฟรายส์นะ”

ต่อตะโกนไล่หลัง

พี่บูมหันมาชูนิ้วโป้งให้ทีหนึ่ง

บ้านเมืองโคตรจะเงียบเลย เงียบเหมือนสมองในตอนนี้ ที่หาทางแก้ไม่ได้ แม่ง ไม่น่าโตเลย เด็กนี่ดีนะ จะทำอะไรก็ไม่ผิด ทำอะไรก็น่ารัก ตอนนี้ท่าจะไม่แล้วแฮะ แม่งเอ้ย ขอสบถอีกทีเหอะ

“เอ้า กินๆ”

ถาดสีน้ำตาลที่เต็มไปด้วยของกินถูกนำมาวางกระแทกโต๊ะ

“ขอบคุณพี่”

“นี่มึงออกมาดึกงี้พ่อแม่ไม่ว่าเหรอ”

“หึ ไม่มีใครอยู่บ้าน” รีบแกะกระดาษห่อกินดีกว่า

“โดนทิ้งสินะ ต้องไปไหนละ”

“ไม่รู้”

งับ แม่งก้อนนิดเดียว

“เออ นี่ของแถม ไอติม กินซะ จะได้อารมณ์ดี”

“พี่บูม ต่อไม่ใช่เด็กแล้วนะ”

แมคแม่งก้อนนิดนึง กินติมก็ได้วะ

“ชอคโกแลตซันเดย์ซะด้วย

“พี่บูมขำไร”

เอาช้อนคนๆให้ไอ้ติมเข้ากับชอคโกแลตก่อน

“ป่าวคร้าบ”

เฮ้อ ค่อยยังชั่ว นั่งดูดโค้กรอไปดีกว่า ไอ้พี่บูมกินช้า

“ต่อ สบายใจขึ้นยัง”

พี่บูมถามทั้งๆที่นั่งท้าวคาง

“ไม่กินแล้วเหรอพี่”

“สบายใจยัง”

ต่อเอาช้อนจิ้มๆก้นถ้วยพลาสสิคอยู่อย่างนั้น ไอติมในถ้วยที่เหลืออยู่น้อยนิดเริ่มละลายผสมกับชอคโกแลตกลายเป็นสีโกโก้อ่อนๆ

“อือ ดีแล้ว”

“เดี๋ยวต้องก็กลับมา มันไม่ไปไหนไกลหรอก ส่งข้อความไปหามันให้รู้ว่าไม่มีใครอยู่เดี๋ยวมันก็มา”

จริงของพี่บูม

นานๆจะเห็นเสียงรถแล่นผ่าน ถนนสายนี้ไม่ใช่เส้นหลักออกต่างจังหวัด คนในร้านบางตา ความเงียบจองที่นั่งในร้านไปมากกว่าครึ่ง

“กลับกันเถอะ ง่วงแล้ว”

“โอเคครับผม”

“ใส่เสื้อมั้ย”

“ไม่เอาอะ” ต่อสั่นหัว

“ดื้อนะ”

“กอดพี่อุ่นกว่า”

“ฮ่าๆๆๆๆ อย่ามาอ่อย”

พี่บูมโดดขึ้นรถ ยกขาตั้งขึ้น บิดเครื่อง

เสียงเครื่องดูจะบาดหูน้อยลงแล้ว

“ต่อเกาะเอวไว้ เดี๋ยวร่วงนะ”

ทำไม กลัวว่ากินอิ่มๆแล้ว จะพลอยหลับแบบเด็กๆรึยังไง

นั่นสิ ตอนนั่งซ้อนท้าย เกาะแน่นขึ้นอีกหน่อยก็ไม่เสียหายนี่นะ
   
“เฮ้ยๆๆ บอกให้เกาะแน่นๆ นี่เอาตัวมาแนบเลยเหรอ อะไรทิ้มตูดกูน่ะ”

เหอะ ไอ้พี่บ้า

เอามือตบหมวกแม่งเลย

“โอ้ย ล้อเล่นน่า”

“ไม่มีสิทธิ์พี่”

จนป่านนี้พี่ต้องก็ไม่โทรมาจริงๆเหรอเนี่ย

“เฮ้ย อย่าเล่นโทร เดี๋ยวร่วง อะไรวะ เล่นไม่รู้เวลาเลย”

“ได้”

งั้นเล่นไข่มึงแทนละกัน

“ไอ้นี่!!!!”

พี่บูมขับสองมือ เอามือมาปัดออกไม่ได้สินะ

“พี่ส่งบ้านต่อด้วยนะ”

ลมเย็นๆ พอตีเข้าหน้า มันโล่งหัวจริงๆ เอาวะ ไว้ค่อยหาทางแก้ตัวอีกตอนเปิดเทอม

นั่นไงเล่นไปเล่นมา ของไอ้พี่บูมแม่งแข็งสู้มือเลย ไหนบอกชอบผู้หญิงไงแล้วไอ้ที่ชี้โด่เด่มานี่อะไรวะ

รถวิ่งช้าเมื่อถึงโค้งเลยเข้าไปหน่อย หักขวาเข้าซอยที่อยู่ด้านหลังของถนนก็ถึง

บ้านมืดสนิท

“ลงได้แล้ว จะเล่นจนกูแตกคามือเลยใช่มั้ย”

“ขอบคุณนะพี่”

พี่บูมเปิดหมวกขึ้นมาแล้ว ยิ้มกวนตีนให้ทีหนึ่ง

“งั้นพี่ไปนะ”

เออ ไปได้แล้ว โบกมือหยอยๆไล่ไปดีกว่า

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
งั้นที่เคยสงสัยไว้..ก็จริงอ่ะดิ
ถึงว่า..น้องชายหวงพี่ชาย..ดูแปลกๆ

อย่างนี้ไม่ใช่หวง
แต่ต่อหึงต้องตะหาก

พี่ชายก็คงจะรู้ตัว
เพราะที่ต่อคิดว่าตอนนั้นยังไม่โกรธขนาดนี้
ตอนนั้น...พี่ชายโดนน้องชายลักหลับ ใช่หรือเปล่า

ยังงั้นก็ไม่ไหวนะ
พี่น้องกัน..ทำไปได้ไง
หุหุ

ป้อล่อ..อยากจะบวกให้อีกนะ(เดี๋ยวจะลองกดดู)
ขอบคุณที่มาเล่าให้อ่านตอนใกล้สิ้นปี
เพราะช่วงนี้ส่วนใหญ่คนเล่าจะหายตัวไปเที่ยวกันเกือบหมด

..คนอ่านที่ไม่ได้ไปเที่ยวไหน เลยอดอ่าน..
กาซิก


ออฟไลน์ DREAM COME TRUE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
จริงๆแล้ว ต้องเป็นพระเอกที่ไม่มีแววเลย

ตอนเก้าระเบิดนี่มันสุดๆจริงๆ อินมาก
คือ งี่เง่ามันทุกคนเลยอะ

เห้อ...เหนื่อยแทน ดีนะที่ให้เก้าจบแบบสวยๆ ไม่งั้นเคืองคนแต่งแน่

ขอบคุณนะครับสำหรับเรื่องสนุกๆ

ออฟไลน์ Monet

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
(10 CM) ขอแค่ 5 นาที : คืนสิ้นปี [pg7] 28/12/2015
«ตอบ #209 เมื่อ31-12-2015 23:26:50 »

ขอแค่ 5 นาที : คือสิ้นปี

   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก

   ไอ้ที่สั่นๆบนขา คือไอ้นี่เอง

   “ว่าไง ไอ้ปิ”

            ต่อเอาโทรศัพท์แนบหน้าไว้ มือล้วงหากุญแจบ้าน

   “ไหนวะมึง”

   เสียงใสเชียวนะ ดึกป่านนี้แล้ว

   “หน้าบ้าน”

   “เที่ยวมาเหรอ ไม่ชวนกูเลยยยยยยยย” เสียงดังทะลุลำโพงโทรศัพท์

   อย่าโวยวายสิวะ แม่ง

   “ไอ้ปื๊!!! ยุ่ง”

   “K”

   “กูจะวางแล้วนะ”

    นี่มันโทรมาเล่นคำด่าเหรอ

   “เง้อออ กูขอโทษษษษ”

   หน้าขาวๆตี๋ๆแก้มแดง ใส่แว่นกรอบดำหนาๆ ผมดำตรงเกือบทิ่มลูกตามันสะดุดใจต่อเสมอ หน้ากะปิมันนี่ลอยเด่นทะลุโทรศัพท์ออกมาเลย แม่งเนิร์ดจริงด้วย ไอ้กะปิ สมน้ำหน้า คิดแล้วขำ

   “มีไรมึง”

   แม่ง บ้านมืดชิบหาย

   “กูจะมานอนด้วยอะ พ่อแม่กูไปต่างประเทศเหลือกูเฝ้าบ้าน กูไม่กล้านอนคนเดียว”

   “ไม่!!!!!”

   “นะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

   โอ้ย มึงจะ นะ ไปอีกนานมั้ย

   ผมกดวาง ไม่สนใจมัน

   ตื้ดดดดดด เพลงมือถือเล่นเสียงดังลั่นห้องกินข้าว

   ขยันโทรจริงวุ้ย ปล่อยมันโทรไปอย่างนั้นแหละ ดูดิมันจะตายมั้ย

   ในตู้เย็นแม่งเหลือแต่น้ำเปล่า ไม่มีอย่างอื่นให้กินเลย

   จะออกไปซื้ออะไรกินก็ขี้เกียจเป็นบ้า พี่ต้องก็ไม่อยู่ น้าก็ไปบ้านญาติ กลับมาคอยดูนะจะฟ้องน้า ทิ้งน้องน่ารักๆอย่างเราเฝ้าบ้านคนเดียว

            แต่ฟ้องไปแล้วมีปรโยชน์อะไร

   ‘เงิน พี่วางไว้ในตู้พระนะ’
   
   นั่นเป็นข้อความสุดท้ายของพี่ต้องก่อนจะหาบวับไป

   โทรศัพท์ยังไม่หยุดสั่น นี่มันจะโทรมาอีกกี่รอบวะเนี่ย ฟังเพลงมือถือจนเบื่อแล้วนะ

   ตัวเลขบนโทรศัพท์โชว์ 30 สายไม่ได้รับ นี่มันกะเอากูตายเลยใช้มั้ย

            ถ้านับเป็นจำนวนกระสุน ร่างกูพรุนแล้ว

   ‘เออออออ มาก็ได้’

   ส่งข้อความไปบอกมัน ถ้ามันจำทางได้มันก็มาถูกแหละวะ

            อะ ส่งแผนที่ให้นิดนึง ถ้าโง่นักก็ไม่ต้องมา

   ไปอาบน้ำรอแม่งดีกว่า

   เอะ เดี๋ยว อีกอย่าง

   ‘เอาขนมปังกับนมมาฝากด้วย ป.ล. ประตูบ้านไม่ได้ล็อคเข้ามาแล้วล็อคบ้านให้ด้วย’

   ต่อพิมพ์เสร็จแล้วกดส่ง

   ติ๊ง ข้อความส่งกลับ

   ‘ขอบใจนะ เดี๋ยวเจอกัน’

   ทำไมนะ พอเห็นหน้ามันดีใจแล้วก็อดรู้สึกดีไปด้วยไม่ได้

            เด็กขี้แย ที่ดูแลตัวเองยังไม่ได้

   ไอ้บ้ากะปิ มันเคยมาที่บ้านผมกับพวกเพื่อนๆแค่หนเดียว ถ้ามันยังจำทางมาได้ก็ให้มันมาเหอะ  ยังไงก็ไม่มีใครอยู่บ้านอยุ่แล้ว แต่ถ้ามันจำไม่ได้ก็เรื่องของมันละนะ

   ตอนนั้นพวกมันก็มาแค่แป๊บเดียว น้ากับพี่ต้องไล่ให้กลับไปเร็วๆ เพราะว่ามันเปลืองค่าไฟน่ะ เล่นมากันหลายคนแล้วก็เปิดแอร์ด้วย

   ว่าไปแล้ว ใครไปตั้งฉายามันว่า กะปิ วะ อ้อ จำได้แล้ว ชื่อจริงมันชื่อ ปิพนธ์ แปลว่าอะไรก็ไม่รู้ สะกดยังไม่รู้เลยว่าถูกมั้ย เพราะชื่อมันแค่ 2 พยางค์ มันเลยไม่มีชื่อเล่น ใครๆพากันเรียกมันว่า ปิ แต่พอเร็วๆกลายเป็น ปี๊ มันดูไม่ดี เลยกลายมาเป็น กะปิ

   น่าสมเพชแทนจริงๆ

   หือ เสียงอะไรจากห้องกูวะ ถ้าเป็นขโมยจะฟาดให้หัวแตกเลย

   กึกกักๆ เสียงยิ่งดังขึ้นเมื่อเข้าไปใกล้

   “งายยยย ต่อ ของกินอยู่นั่นน่ะ ขอบใจนะที่ให้มา”

   มันมานั่งทำหน้าดีใจอะไรตรงนี้เนี่ย
   
   “เออ อาบน้ำก่อนมั้ยมึง”

   “อาบมาแล้วอะ มึงน่ะแหละ เช็ดหัวให้แห้งก่อน เดี๋ยวหวัดแดกหรอก”

            เสียงสูงแบบเด็ก พูดอย่างนี้ยิ่งสูงสูงเข้าไปอีก นี่ขนาดเสียงมันแตกแล้วนะ

   "ไว้ก่อน"

           หิววะ ไหนดูดิมันเอาขนมไรมา

   ใช้ได้นี่

   “งั้นนั่งนิ่งๆนะ”

   หือ

   กะปิมันนั่งอยู่ข้างหลังเอื้อมมือมาเช็ดหัวให้

   “เบาๆมึง ผมกูร่วงหมด”

   “ดีนะ วันนี้พี่กับน้าไม่อยู่ ไม่งั้นมึงได้นอนอยู่บ้านให้ผีหลอกแน่”

   “เฮ้ย อย่าพูดดิ กูกลัวววว”

   เอออ ไม่พูดก็ได้ แม่ง

   “อย่าโดดเกาะคอกูดิวะ”

   ถึบแม่งกระเด็นเลย

   “ฮ่าๆ กูไปเปลี่ยนชุดนอนนะ”

   ไปเลย โบกมือให้มันทีหนึ่ง

   ปิ มันเดินตัวเบาไปทางนั้น หยิบเสื้อยิดกับกางเกงบอลออกมาจากกระเป๋าเป้ใบเล็ก

   “แล้วพ่อแม่มึงไปไหนวะ”

            "ฮันนีมูน รอบที่15"

   กะปิมันเปลี่ยนชุดแล้วเดินไปทางเตียง

   “กะปิ ง่วงยัง”   
   
   ที่นอนกว้างๆวันนี้ แทนที่จะได้นอนสบายๆกลายเป็นโดนแย่งไปเลย ด้านขวามือเป็นที่นอนประจำของพี่ต้อง ตอนนี้มีมันนั่งเล่นอยู่

   ห้องเล็กๆสี่เหลี่ยมจตุรัสที่มีแค่ เตียงนอนติดหน้าต่าง แล้วก็โต๊ะอ่านหนังสือ

   เป็นอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่ก่อนพ่อจากไป

   ต่อล้มตัวลงนอนด้านซ้ายของเตียง ด้านประจำ

   แอ๊ก อะไรหนักๆวะ

   “กะปิ มึงจะกลิ้งมาทับกูทำไม”
   
   “มึง ทับเฉยๆ อย่าโยกตูดสิวะ อ้ากกกกกกกกกกกก”

   “ลงไปปปปปปปป กูไม่ได้ชอบผู้ชาย”

   ยังไม่หยุดขย่มอีก

   “ต่อ มึงโอเคป่าววะที่กูมาน่ะ”

   “เออ ห่า กูกลัวมึงจะเหงามากกว่านะกะปิ”

   “ใครมึงหรือกู”

   ต่อพลิกตัวออก ไล่ให้กะปิร่วงหล่นลงไปข้างๆ

   “พี่บูมบอกว่า มึงดูมีปัญหาน่ะ กูเลยออกมาหามึง”

   “Kเหอะ”

   ไอ้พี่บูมเดี๋ยวมึงจะโดนจัด โทรไปบอกไอ้บ้านี่ทำไม

   “กูนอนละ”

   ต่อ พลิกตัวตะแคงหันหลังให้มัน

   “ต่อ มึงทำเกินไปป่าว”

            อะไรบางอย่างบอกต่อว่า มึงมาช้าเกินไปรึเปล่าต่างหาก

   “ไม่รู้ กูไม่สน”

   “มึงมีไรก็บอกกูได้นะ”

   “หึ ไม่มีอะ นอนแล้วนะ

            ทำเป็นเก่ง ในห้องเรียนออกจะกระจอกขี้แยแท้ๆ

   เสียงรถข้างหน้าต่างวิ่งกันดังเป็นบ้า นี่ขนาดเพิ่งจะปีใหม่เลยนะ เสียงดอกไม้ไฟก็ดังมาเป็นระยะๆแล้ว
   
   อากาศกลางคืนเย็นแฮะ ปีนี้หนาวเป็นพิเศษด้วย

   “ฝันดีนะ ต่อ”

   เสียงหวีดหวิวของลม ที่พัดพาเอาเสียงของประทัด ปนมากับเสียงเอะอะโวยวายเป็นช่วงๆ ในห้องเล็กๆที่เงียบงัน พัดลมอันใหญ่หมุนด้วยความแรงแค่เบอร์ 1 เพื่อให้ห้องมีอากาศไหลเวียน

           แสงไฟสว่างวายเป็นจังหวะ เสียงเกมดังเบาๆต่อเนื่อง

   ต่อที่ยังนอนนิ่งหันไปทางด้านซ้าย พยายามไม่หันมาอีกด้าน แม้ว่าจะเมื่อยแค่ไหนก็ตาม

   ไม่อยากหันไปเจอปิมัน

   เสียงรถยังดังมาช่วยเสริม อีกสักพักกว่าจะพระอาทิตย์ขึ้น ฟ้าหน้าหนาวที่ยังคงมืดมิด สีนำ้เงินเข้มๆที่ยังไม่ถูกทำให้จางลงไปด้วยแสงอาทิตย์

   ติ๊ก

   ตีสาม

   ‘ตีสามแล้วเหรอ ทำไมยังนอนไม่หลับอีกนะ เพราะไอ้บ้านี่แน่ๆ ทำให้นอนหันไปมาได้ไม่ถนัด’

   “เฮ้ย ปิ หลับยัง” เสียงต่อพูดขึ้นทำลายความเงียบ เพียงแค่เสียงนั้นแผ่วและเบา

   “ยัง นอนไม่หลับเหรอ” ไม่ถึงอึดใจ เสียงปิตอบกลับมา

            เสียงเกมเงียบไปนาน คิดว่ามันจะกดปิดปุ่มตัวเองตามไปซะอีก

   “…ป่าว”

   “แล้วเป็นไรวะ กูนอนพื้นก็ได้นะ” ปิ ผลิกตัวมานอนหงาย

   “ไม่เป็นไร”

   เสียงหึ่งของพัดลม เข้ามาแทรก กลางบทสนทนา

   “ถ้านอนไม่หลับเล่นเกมส์กันมั้ย”

   เกม??  มึงจะเปิดเครื่องเกมเล่นอีกเรอะ

   “เราจะถามนะ แล้วตอบ ผลัดกันคนละคำถาม”

            ????

   “กูถามก่อน” ไม่ยอมให้มันชิงถามบ้าๆหรอก

   “มึงใช้สูตรโกงเกมใช่มั้ย”

   ไอ้กะปิมันเป็นคนที่เล่นเกมคอมพิวเตอร์เก่งมาก รวมถึง psp ps3 ห่าเหวไรด้วย สงสัยหลายครั้งแล้วว่าที่มันชนะคนอื่นได้เนี่ย มันโกงแน่ๆ

   “ป่าว”

   “… มึงพูดเองนะว่าจะตอบ”

   “เอออ ก็ได้ กูแค่โกงเงินน่ะ มันเลยสร้างได้เร็วกว่าคนอื่น” กะปิตอบเสียงอ่อย

   “นี่แน่ะ โกงพวกู”

   แปะ

   “พวกมึงชอบเล่นรุมกูนี่นา”

   กะปิเอามือลูบหัวสองสามที สงสัยเมื่อกี้จะตีแรงไป

   “ต่อ ทำไมมึงช่วยกูตลอดเลยวะ”

   “สมเพชไง” ไม่ต้องใช้เวลาคิดเลย เร็วกว่า 1+1 ซะอีก

   “ขอบใจนะ”

   “ทำไมมึงชอบโดนแกล้งวะ” ตาต่อแล้ว

   “ไม่รู้ จะไปรู้ได้ไง”
 
            เออ แม่งก็ถูกของมัน

   “กูบอกให้ ก็มึงอ่อนแอไง ตากูนะ เมื่อกี้กูถือว่าเป็นคำถาม” ต่อโกงก่อน

   “อ้อ มึงไม่รุ้เนี่ยนะ น่าจะรู้นะโดนประจำ ถ้าไม่ได้กูจะทำยังไง”

   “ไม่ทำไง กูถือว่าเมื่อกี้เป็นคำถามนะ” ปิสวน

   “สัส โกงกู” ไอ้กะปิ มึงจะโกงทุกเกมเลยใช่มั้ย

   แต่เอะ กูเริ่มก่อนนี่

   “ทำไมมึงไม่ใส่คอนแทคเลนส์วะ”

   “ถุยยยยย ไม่รู้จะถามไรสินะ กูใส่ไม่เป็นอะ” 

   “ปีหน้ามึงจะเข้าสายไหนวะ” ไม่มีไรให้ถามเหมือนกันละสิ ไอ้กะปิ

   “สายเดียวกับพี่ต้องนี่แหละ”

   “เมื่อไหร่มึงจะเลิกยุ่งกับกูวะ กูไม่ใช่เกย์นะ” ลองเสี่ยงถามมันดู

   “ไม่มีวัน” ทีงี้ละตอบเร็วนักนะ

   “เกิดกูชอบมึงขึ้นมาจริงๆ มึงจะทำยังไง” ต่อหัวเราะ

   “…. เอ่อ มึงเอาจริงมั้ยละ”

            ปิหันมามองหน้า

   เสียงมอเตอร์พัดลมดังขึ้น ลมโชยข้ามมาตามจังหวะหัน กับเสียงมอเตอร์ไซค์เข้ามาแทรกอีกแล้ว เมื่อไหร่จะกลับบ้านกันซะทีนะ แม่งเอ้ยยยยยย   

   “..............” ต่อไม่ตอบ

            ตาใครถามแล้ววะ
   
   “ปิ มึงเป็นเกย์จริงเหรอ แล้วมึงชอบกูจริงเหรอ”

   “…..” ปิไม่ตอบ

            นิ่งเงียบอยู่นาน ให้ต่อได้ทบทวนคำถามกับคำตอบเมื่อกี้

   ต่อผลิกตัวหันไปทางปิ ปิที่พลิกตัวมาทางต่อตั้งแต่เมื่อกี้ นอนหลับตานิ่งสนิท ปากเผยอนิดๆ    

            มันแกล้งหลับป่าววะ
   
   หึ คนบ้าไรวะนอนอ้าปากด้วย

   ตาหน้ามันเวลาหลับนี่ดูดีเหมือนกันนะ มันใส่คอนแทคเลนส์คงจะทำให้หน้ามันดูดีกว่านี้ เวลาปราศจากเลนส์แว่นตาหนาแล้วก็กรอบดำๆบนหน้ามัน

   ‘ปิ มึงว่าถ้าใครรู้เรื่องนี้ คนมันจะเกลียดกูมั้ยวะ’

   พี่ต้อง พี่บูม ไอ้เก้า พวกนั้นจะคิดยังไงนะ ถ้ามาเห็นต่อในตอนนี้ ต่อที่เคยรังเกียจเกย์ ไม่สิตอนนี้ก็ยังรังเกียจอยู่ เพราะไอ้บ้ากะปินี่แหละ

   อา... ทำไมนะ หน้ากะปิ มันถึงได้ชวนให้มองเข้าไปใกล้ๆขนาดนี้

   ใกล้มากจน

   “อือ...”

   ปากของทั้งสองคน ชนกัน แนบสนิทเสมอ ก่อนจะค่อยๆถอนออกแล้ว กดแตะกลับเข้าไปให้แน่นยิ่งขึ้น

   เสียงรถแล่นผ่านไปอีกแต่คราวนี้ในห้องไม่ได้มีแค่เสียงพัดลม เสียงดูดปากที่ดังขึ้นเป็นช่วง พอๆกับมุมที่สองคนกระทำต่อกัน ต่อเริ่มผลิกหน้าหันไปด้านข้าง เอาจมูกโด่งเล็กๆ ชนกับอีกฝ่ายไปด้วย พอถอยห่างออกมาสักหน่อย

   ปิก็ขยับเข้าตาม ราวกับไม่อยากให้ต่อห่างจากหน้าไปไหน ลิ้นเล็กๆ นำร่องก่อนดุนลิ้นอีกฝ่าย ปากต่อที่เผยออ้ากว้าง รอลิ้นจากปิ เมื่อปิหดลิ้นกลับ กลายเป็นต่อที่ยื่นเข้าไปแทนที่

   ยังไม่อยากให้หายไปไหนเช่นกัน

   คราวนี้น้ำหนักที่กดหนักขึ้นกว่าเดิม

   ต่อผลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบน นั่งคร่อมพอดีส่วนล่างที่ตึงขึ้นทะลุกางเกงบอลของปิ กางเกงบอกเซอร์สั้นๆของต่อแทบไม่มีความหมายใดๆแล้ว

   สองคนใช้ลมหายใจร่วมกัน ลมหายใจเข้าที่มาจากอากาศแห้งๆหนาวๆ ของปีใหม่ หน้าหนาวปีสุดท้ายของชีวิต ม.ต้น

   “เดี๋ยวนี้เก่งนักนะ”

   “อารายย คนเราก็ต้องพัฒนาสิวะ”

   ทีงี้เถียงกูได้นะไอ้กะปิ

   “เราชอบต่อจริงๆนะ”

   “อือ รู้แล้ว”

   ต่อประกบปากไม่ให้พูดต่อ

   สองมือของปิค่อยๆ เลื่อนไปรูดกางเกงบอกเซอร์ลง ต่อเองก็ลุกให้อย่างว่าง่าย เสียแต่ว่าส่วนนั้นมันชี้โด่ใส่หน้าปิ ทำให้ต้องกระตุกแรงกว่าจะหลุดออก

   เสื้อของเราต่างคนต่างพร้อมใจกันถอดออก ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายเข้ามาจัดการ ในเมื่อตอนนี้พร้อมกันทั้งคู่แล้วนี่ สายลมหนาวพัดวูบเข้ามาทางหน้าต่างอีกครั้ง

    “หนาวมั้ย ต่อ”

   มือปิลูบสัมผัสกับหน้าอกเล็กๆที่แข็งและสั่นน้อยๆ

   ต่อก้มลงไปลูบไล้ที่ซอกคอด้วยปาก แล้วเลียลามลงไปจนถึงท้องน้อย ผิวขาวๆเนียนๆของปิ ใต้แสงจันทร์ของคืนก่อนสิ้นปี

   มือดึงขอบกางเกงบอลขึ้นให้พ้นส่วนนั้นที่ชี้ใส่หน้าต่อเช่นกัน พองัดลง ส่วนนั้นของปิก็ผงาดออกมาฟาดใส่ต่ออย่างจัง สีแดงสดราวกับสตรอเบอรี่ ผิวขาวเนียน เนียนไปทุกส่วน ไม่น่าเชื่อว่า ม.3 แล้วขนตรงส่วนนั้นยังเพิ่งขึ้นเพียงเล็กน้อย

   ต่อค่อยๆครอบปากลงไปช้าๆ รู้ดีกว่าทำอย่างไรปิถึงจะพึงพอใจ แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกของต่อ แต่หลังจากถูกกระทำมาโดยปิแล้ว แค่เลียนแบบครั้งนี้จะไปยากอะไร

   สองมือที่เคยรูดกางเกงลง คราวนี้เริ่มบีบที่ไหล่ของต่อเบาๆ ตามจังหวะการขึ้นลง

   เรี่ยวแรงไม่รู้มาจากไหน ปิ พลิกตัวต่อลงกับเตียงแล้วเป็นฝ่ายกระทำบ้าง

   แบบเดียวกับที่ต่อทำให้

   “อา....”

   แบบเดียวกับที่ต่อทำให้ แต่รุนแรง และรวดเร็วกว่า

   นี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วนะ ของต่อไม่ได้ทำให้ปิแปลกใจอีกต่อไป

   “งั้นขอนะ”

   “ใครจะทำละมึง”

   “หึหึ ใครเสียวกว่าก็โดนไง”

   ไอ้ห่านี่ ทีเรื่องอย่างนี้ละเก่งไม่แพ้ใครนะ เรื่องอื่นละแหยตลอด

   “ก็ได้”

   ปิจับต่ออ้าขาออก อ้ากว้างพาดขึ้นบนเข่าของต่อ ให้มีพื้นที่กว้างพอจะแหย่นิ้วเข้าไปได้

            "เอาจริงเหรอ" ต่อเส้ยงสั่น

            "สัญญาแล้วนี่ว่าถาเลิกแหยจะให้น่ะ"

            นั่นสิ ทำไมเรื่องนี้ต่อจำได้ชัดเจน เรื่องอื่นจะดูเหมือนเบลอไปหมด ตั้งแต่ลงจากรถพี่บูมแล้ว ดูราวกับเดินเข้าไปกลางเมฆหมอก ลอยไปตามเรื่องราว

            ยกเว้นอย่างเดียว สัญญาที่ต่อเคยให้ไว้

   “พร้อมมั้ย”

   “พูดมากไม่ต้องทำ” ต่อเอามือจิกที่นอนไว้

   ‘แม่งได้เปลี่ยนที่นอนก่อนพี่ต้องกลับแน่’

   ไม่นานอะไรบางอย่างที่ใหญ่กว่านิ้ว ก็ค่อยๆเคลื่อนเข้าไปช้าๆ

   “ให้หยุดมั้ย”

   ต่อสั่นหัว

   ‘คราวหน้ากูจะเอาให้ตายคาKกูเลยไอ้กะปิ’

   พอเข้าไปหมด ทำให้ต่อต้องกำที่นอนไว้แน่น ผลออกมาต่อต้องเป็นฝ่ายขยับเข้าออกช้าๆก่อนเอง เพื่อไม่ให้ปิเป็นฝ่ายกระทำ ร่างกายของต่อยังไม่พร้อม

            เสียงซู๊ดปากจากความเจ็บ

   ปิ รู้ดี แค่คุกเข่าทับเฉยๆไม่เคลื่อนไหวใดๆ ใช้สองมือช่วยต่อ ช้าๆ

   “อะ..”

   ท่าทางต่อจะได้ที่แล้ว ปิจึงขยับเข้าออกไปพร้อมกัน อากาศหนาวในห้องตอนนี้กลายเป็นร้อนรุ่ม ยังดีที่หนาวไม่งั้นเหงื่อคงได้ออกเต็ม

   “ต่อ ปิอยากอยู่กับต่อตลอดไปนะ”

   ปิยังขยับเข้าออกในท่าเดิม ไม่มีการเปลี่ยนท่า เด็กม.ต้นจะเชียวขาญอะไรหนักหนา

   แต่ความรู้สึกดีที่ส่งผ่านให้กันนี้ไม่เกี่ยวกับประสบการณ์

   เสียงครางเบาๆแข่งกับเสียงบิดรถข้างนอก เสียงประทัดที่ตอนนี้ดูจะเลิกแล้ว

   เสียงไม้ลั่นเพราะร่างกายขยับรัวเร็วบนเตียงไม่นานก็หยุดลง ทุกอย่างดูรวดเร็วเหมือนชีวิตวัยรุ่น ที่แค่หลับตาก็หมดไปอีก 1 ปี คล้ายพลุที่ถูกจุดขึ้น สว่างวาบที่สุด แล้วก็ดับไป ก่อนพลุลูกที่สองของชีวิตม.ปลายจะถูกจุดขึ้น แตกออกแล้วก็ร่วงดับไป

   นี่คงเป็นช่วงร่วงหล่นของม.ต้น ครั้งสุดท้ายก่อนดับไป

   พระอาทิตย์ของเช้าสุดท้ายของปีหายไปนานแล้ว พระอาทิตย์เดิมของเช้าปีใหม่กำลังขึ้น ส่งแสงส่องเข้าไปยังร่างของเด็กน้อยสองคนที่นอนกอดกระหวัดกันเพราะความหนาว เนื่องจากปราศจากเสื้อผ้าใดๆ และ เมื่อคืน ก็เป็นครั้งแรกที่เปลี่ยนบทบาทกัน พลังงานที่ปลอดปล่อยจึงท่วมท้นเหนือกำลังกายเล็กๆที่เด็กม.ต้นจะมี

   
   ………..คืนสุดท้ายสิ้นปีก็ผ่านไป.................

   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-12-2015 23:34:49 โดย Monet »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด