แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ+ SP 4 SP สุดท้าย 131058
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ+ SP 4 SP สุดท้าย 131058  (อ่าน 28811 ครั้ง)

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
อธิบายความจริงไปก็เท่านั้นจริงๆ นั่นล่ะค่ะไฟ ในเมื่อทางฝั่งนอร์สก็ยังไม่เคลียร์เลยว่าจะเอายังไงกับชีวิตของตัวเองดี การที่ไฟเลือกถอยออกมาก่อนอย่างนี้เราว่าก็ดีแล้วล่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                                                      แผนการร้ายครั้งที่ 12 : หลังพายุมักเกิดความสงบ

                  บรรยากาศของธรรมชาติลอยคละคลุ้งอยู่รอบๆอาณาบริเวณ บ้านไม้ทรงไทยตั้งสวยเด่นเป็นสง่าท่ามกลางสวน

ธรรมชาติแลดูคล้ายเรือนไทยย้อนยุคสมัยแต่ก่อน ผมหันมองไปรอบๆสองข้างทางเป็นสวนผักผลไม้ของชาวไร่ชาวสวนที่

ออกดอกออกผลน่าชิมลิ้มลอง

         “ถึงแล้วนะ ไฟยังจำบ้านสวนได้ใช่ไหม” พี่ลมที่นั่งอยู่ด้านคนขับถาม ผมพยักหน้าเล็กน้อยเป็นอันบ่งบอกว่าจำได้

         “อื้ม”

           เหตุการณ์ในเมื่อคืนวานที่ผ่านมาทำให้ผมดูสภาพย่ำแย่ พี่ลมกับไอ้วีจึงออกความคิดเห็นว่าควรให้ผมได้มาพักรักษาใจ

ของตัวเองให้เข้มแข็งที่นี่เสียก่อน ไว้หายดีเมื่อไหร่ค่อยกลับไปกรุงเทพฯ

         ปี๊ดๆๆๆๆ เสียงแตรรถของพี่ลมดังขึ้นคนที่อยู่ภายในบ้านต่างกระวีกระวาดออกมาเปิดประตูรั้วหน้าบ้านให้

         “มาแล้วค่ะมาแล้วว” น้ำเสียงสำเนียงติดเหน่อๆแบบคนสุพรรณของสาวใช้ภายในบ้านทรงไทย ที่ตอนนี้รีบวิ่งออกมาเปิด

ประตูรั้วหน้าบ้านให้พี่ลม

         “ตายแล้ว!!คุณนายขาคุณหนูใหญ่กับคุณหนูเล็กมาค่า” หลังจากที่พี่ลมขับรถเข้ามาจอดข้างในเรียบร้อยแล้ว ผมจึงเปิด

ประตูรถลงจากรถก่อนที่สาวใช้คนเดิมจะเห็นหน้าและวิ่งกระหืดกระหอบไปบอกคนที่อยู่ในบ้าน

         “โอ๊ย!อะไรของเธอเนี่ยมะลิรู้ไหมถ้าฉันหกล้มหัวฟาดพื้น-”

         “ม๊า!!!” ผมกับพี่ลมรีบวิ่งเข้าไปกอดหญิงที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรัก วิ่งเข้าไปกอดทั้งๆที่อีกฝ่ายยังพูดไม่ทันจบ

         “พี่ลมน้องไฟ!!” ม๊าเรียกผมกับพี่ลมก่อนจะกอดเราทั้งคู่แน่นกว่าเดิม

         “มะลิเธอรีบไปบอกคุณผู้ชายนะว่าคุณหนูใหญ่กับคุณหนูเล็กมาบ้านสวน” เสียงของม๊าสั่งสาวใช้ให้ไปบอกป๊าว่าตอนนี้ผมกับ

พี่ลมกลับมาบ้านสวนแล้ว

         “น้องไฟคิดถึงม๊ามากที่สุดเลย” ผมอ้อนม๊า

         “พี่ลมก็คิดถึงม๊าเหมือนกันนะครับ” พี่ลมก็อ้อนม๊าไม่น้อยหน้าผม ม๊าจึงพาผมกับพี่ลมเข้าไปคุยกันในบ้าน

         “เป็นไงมาไงล่ะเรา ม๊าอยากฟังเรื่องของพี่ลมก่อน” พอเข้ามาในบ้านได้ม๊าก็รีบซักถามว่าเป็นไงมาไงทำไมผมกับพี่ลมถึง

กลับมาที่บ้านสวนอย่างฉุกละหุกกลับมาโดยไม่แจ้งที่นี่ไว้ล่วงหน้า

         “คือพี่ลมก็ไปทำงานที่ต่างประเทศ พี่ลมได้เป็นดาราฮอลลีวูดด้วยนะครับม๊า” พี่ลมเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ม๊าฟัง

         “มันต้องได้อย่างนี้สิ ลูกชายของม๊าออกจะหล่อ” ม๊าว่าพลางทำสีหน้าชื่นชมลูกชายเสียเต็มประดา

         “แล้วเราล่ะน้องไฟเป็นไงมาไงถึงกลับมาบ้านสวนฮึ” ซักถามพี่ลมเสร็จมาก็มาซักถามผมบ้างเพราะม๊ารู้นิสัยผมดีที่ผมไม่

ชอบกลับมาที่บ้านสวนบ่อยๆเพราะผมไม่ถูกกับคนที่นี่บางคนและตั้งแต่ที่ผมได้เข้าไปเรียนที่กรุงเทพฯผมก็ไม่ได้กลับมาที่นี่เลย

แต่ผมกับครอบครัวเราก็ยังคงติดต่อและรักกันดี

         “คือน้องไฟอยากพักผ่อนน่ะม๊าไม่มีอะไรหรอกหรือว่าม๊าไม่คืดถึงน้องไฟแล้ว” ผมถามม๊าเสียงเศร้าพี่แกเลยดึงผมเข้าไป

กอดไปจูบเอาแบบให้หายคิดถึงกันไปข้าง

         “คิดถึงสิทำไมม๊าจะไม่คิดถึงเราล่ะน้องไฟ”

         “แล้วพี่ลมล่ะม๊าคิดถึงไหม” พี่ลมรีบถามบ้าง

         “เฮ้อ!ไอ้ลูกสองคนนี้ คิดถึงสิทำไมจะไม่คิดถึงล่ะคิดถึงทั้งคู่ด้วยนะ” ม๊าว่าอย่างเอือมๆ

         นานทีปีหนที่ผมกับพี่ลมจะได้กลับบ้านสวนเพื่อมาอ้อนม๊า ผมกับครอบครัวเราสนิทกันมากถึงแม้ว่าพี่ลมจะเป็นลูกบุญธรรม

ของม๊ากับป๊าแต่เราก็รักกันเพราะม๊ากับป๊าสอนพวกเราเสมอว่า ถ้าเราไม่รักกันแล้วใครจะมารักเรา

         “ว่าไงพี่ลมน้องไฟ” เสียงห้าวๆเหมือนเสียงของชายวัยกลางคนเรียกผมกับพี่ลมที่ตอนนี้นอนหนุนตักม๊าคนละข้าง พอเงย

หน้าขึ้นไปดูจึงได้รู้ว่าเป็นใคร

         “ป๊า!!!” ผมกับพี่ลมรีบลุกเข้าไปหาชายกลางคนที่เนื้อตัวดูจะมอมแมมเล็กน้อยเพราะเพิ่งจะทำสวนเสร็จใหม่ๆ

         “น้องไฟคิดถึงป๊าจัง”

         “พี่ลมก็ด้วย”

         “ป๊าก็คิดถึงทั้งคู่นะ” จากนั้นม๊าที่เดินหายเข้าไปในครัวตอนที่ผมกับพี่ลมวิ่งเข้าไปกอดป๊าก็ออกมาบอกว่ากับข้าวตั้งโต๊ะแล้ว

ผม พี่ลมและป๊าจึงเดินไปทานข้าวที่ม๊าเตรียมไว้

           โต๊ะทานข้าวของที่บ้านผมจะตั้งอยู่ด้านหลังของบ้านหรือที่เราๆจะเรียกกันว่า 'เรือนน้ำ' เพราะสถานที่ตรงนั้นอยู่ติดกับริม

แม่น้ำที่ไหลผ่าน ทำให้บรรยากาศตอนกินข้าวดูจะสุนทรียะพอควร

         “โห หน้าตาน่าทานทั้งนั้นเลย” พี่ลมที่เดินมาถึงโต๊ะอาหารก่อนใครก็ทำตาวาวกับอาหารตรงหน้าที่เห็น บนโต๊ะอาหารมีทั้ง

น้ำพริกปลาทู ผักลวกสำหรับจิ้มน้ำพริก ปลาทับทิมตัวใหญ่ทอดกรอบ ต้มยำกุ้งน้ำข้น แกงจืดเต้าหู้หมูสับ ผัดผักรวมมิตรและข้าว

สวยที่อยู่ในโถข้าวร้อนๆเรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว

         “แน่นอนอยู่แล้วก็ฝีมือม๊านี่หน่า” ม๊าผมบอกพี่ลมก่อนที่เราทั้งสี่คนจะนั่งลงทานข้าว

         “เป็นไงมาไงถึงได้มาที่บ้านสวนล่ะน้องไฟ” ป๊าที่ตอนนี้เริ่มถามคำถามผมเหมือนที่ม๊าเคยถาม

         “ก็น้องไฟคิดถึงป๊ากับม๊าก็เลยชวนพี่ลมมาเยี่ยมป๊ากับม๊าที่นี่” ผมตอบป๊าไปถึงแม้มันจะไม่ได้เป็นจริงทั้งหมดก็ตาม

         “ไม่ใช่ว่าเราไม่สบายใจแล้วอยากหนีมาหลบที่นี่นะ” ป๊าผมพูดอย่างรู้ทัน ผมชะงักกับคำของป๊าเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แสดง

ท่าทีพิรุธออกไป

         “มีที่ไหนกันเล่า”

         “แล้วครั้งก่อนๆที่ทะเลาะกับแฟนล่ะ” ครับ เมื่อก่อนเวลาที่ผมทะเลาะกับพี่ต้าร์ผมจะหนีมาอยู่ที่บ้านสวน บางทีอยู่นานเป็น

อาทิตย์พอสบายใจผมค่อยกลับไปเผชิญหน้ากับปัญหานั้นๆและผมก็จะถูกป๊าดุประจำที่ชอบหนีปัญหามากกว่าเผชิญหน้ากับมัน

         “ก็นั่นมันเมื่อก่อนหนิป๊า น้องไฟไม่พูดกับป๊าแล้วอ้อนม๊าดีกว่า” ว่าจบผมก็หันไปอ้อนม๊าให้แกะปลาทับทิมทอดกรอบให้

           หลังจากที่ทานอาหารคาวเสร็จม๊าก็สั่งให้พี่มะลิไปเอาผลไม้จากสวนที่ม๊าเตรียมแช่เย็นเอาไว้ในตู้เย็นเอามาให้พวกเราได้

ทานกัน ป๊าถามถึงหน้าที่การงานของพี่ลมก่อนจะถามถึงเรื่องของความรัก

           ทางบ้านผมทุกคนรู้ว่าผมกับพี่ลมชอบผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ แต่ตอนแรกที่ป๊ารู้เป็นเรื่องของพี่ลม ป๊าจับได้ตอนนั้นป๊าโกรธมาก

แต่ม๊าก็อธิบายให้ป๊าเข้าใจซึ่งป๊าก็เข้าใจและไม่ขัดขวาง แต่พอป๊ามารู้อีกทีว่าผมก็ไม่ได้ชอบผู้หญิง ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมเพิ่ง

เข้ามหาวิทยาลัยได้สองปีและกำลังอยู่ในช่วงที่เริ่มดูใจกับพี่ต้าร์ ตอนนั้นป๊าโกรธมากทั้งโกรธทั้งเสียใจที่ทั้งผมและพี่ลมเป็นแบบ

นี้ ผมเลยพิสูจน์ให้ป๊าได้รู้ว่าถึงผมจะชอบผู้ชายแต่ผมก็สามารถทำให้ครอบครัวภูมิใจได้ โดยการที่ผมสามารถเรียนจบออกมา

ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ป๊าจึงยอมรับและเข้าใจผม

         “แล้วเราล่ะน้องไฟเรื่องความรักเป็นยังไงบ้างเลิกกับคนเก่าแล้วไม่ใช่เหรอ” ป๊าหันมาถามผมบ้าง ป๊ารู้ว่าตอนนั้นผมคบกับพี่

ต้าร์แต่ตอนนี้เราเลิกกันแล้วซึ่งป๊าก็รู้มาจากไอ้วี

         “ก็เอ่อ....” ผมไม่รู้จะพูดไงดีใจหนึ่งก็ไม่อยากโกหกแต่อีกใจหนึ่งก็ยังไม่อยากบอกให้ท่านไม่สบายใจ

         “ป๊าถามไรเนี่ยอยากให้ลูกรีบมีแฟนเหรอม๊ายังไม่อยากให้รีบมีหรอกนะ” ม๊าผมเข้ามาได้ทันจังหวะพอดีก่อนจะดุป๊าเบาๆที่

ยุยงส่งเสริมให้ลูกรีบมีแฟน

         “โธ่ม๊าป๊าก็แค่อยากจะรู้เท่านั้นเอง” ป๊ารีบอธิบายก่อนจะรับจานผลไม้ที่ม๊าส่งมาให้

         “ไม่ทันแล้วล่ะป๊าม๊า” อยู่ดีๆพี่ลมก็พูดขึ้นคล้ายบ่นกับตัวเองแต่ป๊าดันไปได้ยินเข้า ตายแน่ๆไอ้ไฟ!

         “ไม่ทันอะไรพี่ลม” ป๊าที่ตอนนี้หันมาคะยั้นคะยอถามคำถามเพื่ออยากรู้ให้ได้ว่าไม่ทันอะไร

         “ไม่มีอะไรหรอกป๊า พี่ลมแค่บอกว่าสงสัยคงไปทำงานไม่ทันแค่นั้นเองเชื่อน้องไฟสิ” ผมรีบบ่ายเบี่ยง แต่ป๊ายังไงก็เป็นป๊าอยู่

วันยังค่ำไม่มีใครสามารถโกหกพี่แกได้แนบเนียนหรอก

         “ไม่ต้องมาตอบแทนพี่ลมน้องไฟ ป๊าถามได้ยินไหม” ป๊าดุผมก่อนจะเริ่มขึ้นเสียงกับพี่ลม พี่แกก็หันมามองหน้าผมเป็นเชิง

ขอโทษ

         “ก็ไม่ทันเพราะตอนนี้ไฟมีแฟนแล้ว แล้วตอนนี้เพิ่งจะอกหักมาเพราะแฟนของไฟจะแต่งงานอาทิตย์หน้า!!”




                   
           บรรยากาศตอนนี้เหมือนผมเป็นนักโทษทำผิดกฎรายแรงแล้วถูกสอบสวนโดยมีป๊าเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวน

         “เรื่องมันเป็นยังไงกันน้องไฟเล่าให้ป๊าฟังให้หมด”

         “คือเอ่อ.........” เอาไงดีวะไอ้ไฟ!

         “อย่ามาอ้ำอึ้ง น้องไฟก็รู้ว่าป๊าไม่ชอบคนอ้ำอึ้ง” ตอนนี้ป๊าผมเริ่มเข้าโหมดโหด

         “ม๊าว่าป๊าใจเย็นๆก่อนนะ น้องไฟเล่าทุกอย่างให้ป๊าเขาฟังสิ” ม๊าบอกผมอ่อนโยน ผมจึงต้องเล่าเรื่องทุกอย่างให้ป๊าฟัง

         “ไอ้เลว ถ้าป๊าเจอมันที่ไหนป๊าจะยิ่งมันให้พรุนเลย!!” ตอนนี้ป๊าคงจะไม่พอใจเรื่องของนอร์สที่ผมเล่าให้ฟัง

         “ม๊าว่าป๊าใจเย็นก่อนลูกเรากับเขาอาจจะเข้าใจผิดก็ได้เท่าที่ม๊าฟังมาเขาก็ดูจะรักลูกเราอยู่ไม่น้อยนะ”

         “ถ้ามันรักลูกเราจริงแล้วมันจะไปแต่งงานกับผู้หญิงอีกคนได้ยังไงแล้วลูกเราล่ะใครมันจะรับผิดชอบ” เอ่อ..ป๊า ผมเป็นผู้ชาย?

         “แต่ม๊าว่าเขาอาจจะไม่ได้รู้เรื่องเรื่องงานแต่งงานก็ได้นะ”

         “แต่น้องไฟได้ยินมาจากปากคุณหญิงแม่ของนอร์สนะ” ผมแย้ง

         “แล้วเราได้ยินมาจากปากของเจ้าเองเองรึเปล่า” นั่นสินอร์สก็บอกว่าไม่รู้ แต่มันก็ไม่แน่เพราะยังไงนอร์สก็ต้องแต่งงานกับ

เจนสิญาอยู่ดี

         “แต่ยังไงคุณหญิงแม่ของนอร์สก็ต้องให้นอร์สแต่งงานกับคนที่แม่เขาหามาให้อยู่ดี”

         “แต่ม๊าว่าเขารักลูกของม๊ายังไงเขาก็ต้องเลือกลูกม๊า เชื่อม๊าสิ!!!” ม๊าบอกผม ก่อนจะมีคนตะโกนเรื่องป๊ากับม๊าที่หน้าบ้าน

ป๊ากับม๊าผมจึงลุกไปดู ส่วนผมกับพี่ลมก็นั่งคอยป๊ากับม๊าอยู่ที่โต๊ะทานข้าว แต่ก็ยังได้ยินเสียงแว่วเหมือนคนรู้จัก

         “สวัสดีครับป๊า สวัสดีครับม๊า”

         “สวัสดีครับผู้หมวดไปไงมาไงครับเนี่ย”

         “พอดีผมคิดถึงป๊ากับม๊าก็เลยแวะมาหาน่ะครับ”

         “ปากหวานจริงเชียวผู้หมวดเข้ามาก่อนสิครับ”

         “ครับ” เหมือนเสียงของคนคุยกันก็เริ่มดังขึ้นผมกับพี่ลมจึงหันไปดูว่าใครมาหาป๊ากับม๊า

         “ไอ้ไฟ!!”

         “ไอ้อิฐ!!!!”

         “มึงเข้ามาในบ้านกูทำไม” ผมที่เห็นไอ้อิฐนี่เรียกได้ว่าของขึ้นเลยครับ นี่แหละครับที่ทำให้ผมไม่อยากกลับบ้านสวน

         “ก็กูอยากจะเข้าที่สำคัญป๊ากับม๊ามึงก็อนุญาต” มันตอบผมกวนๆแถมยังอ้างป๊ากับม๊าผมอีกต่างหาก

         “ป๊าม๊าให้ไอ้อิฐเข้ามาในบ้านเราทำไมก็รู้อยู่ว่าน้องไฟไม่ชอบ”

         “แต่ผู้หมวดเขาเปลี่ยนไปแล้วนะ” ป๊าผมแย้ง

         “เมื่อกี้ป๊าเรียกไอ้อิฐว่าอะไรนะ” ผมถาม เหมือนจะได้ยินแว่วๆว่าผู้หมวด

          “ผู้หมวด”

          “ห๊า!!ไอ้อิฐนี่นะเป็นผู้หมวด”

         “ใช่น้องไฟ ร้อยโทอิฐิรัตน์ พงผาเทพ” ม๊าบอกผม ผมที่ได้ยินแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองเลย นี่มันอะไรกันเนี่ย!!!

         “เออทำไม กูเป็นตำรวจอย่างที่มึงต้องการแล้วนะทีนี้มึงควรที่จะทำดีๆกับกูได้แล้ว”

         “ไม่เห็นจะเกี่ยว!!” ผมว่า เมื่อก่อนไอ้อิฐมันเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับผมตั้งแต่อนุบาลยันม.ปลายและมันก็ไม่ถูกกับผมตั้งแต่

อนุบาลยันม.ปลายเหมือนกันเพราะตอนนั้นไอ้อิฐมันเป็นคนกวนๆชอบหาเรื่องผมตลอด ทุกครั้งที่เจอหน้ากันก็ต้องด่ากันตลอด

ที่สำคัญไอ้อิฐมันเป็นเด็กแวนซ์ซึ่งผมเกลียดเด็กแวนซ์ แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมจะเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯมันไม่ค่อยหาเรื่องผม

เหมือนเมื่อก่อน ผมเลยบอกว่าถ้าอยากจะให้ผมคบด้วยมันต้องเป็นคนในเครื่องแบบก่อนเพราะผมชอบคนในเครื่องแบบ แต่ผมก็

ไม่รู้ว่ามันจะทำจริง!!

         “จะไม่เกี่ยวได้ไงก็มึงบอกเองว่าถ้ากูได้เป็นคนในเครื่องแบบมึงจะคบกับกู” ไอ้อิฐรีบทวง ตอนนี้ทั้งป๊ากับม๊า พี่ลมแล้วยังมีพี่

มะลิหันมามองหน้าผมกันเป็นตาเดียว

                 ผมไม่ได้จะคบกับมันแบบนั้นนนนน!?

         “มันอะไรกันไฟไปตกลงคบกันอะไรตอนไหนทำไมป๊าไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”

         “นั่นสิ ผู้หมวด” ทั้งป๊าทั้งม๊าถามผมกับไอ้อิฐ

         “คือน้องไฟบอกไอ้อิฐว่า ถ้ามันได้ทำงานเป็นคนในเครื่องแบบน้องไฟจะคบกับมันแต่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น” ผมอธิบายให้ทุก

คนฟังเสียงหนักแน่นมีแต่ไอ้อิฐเท่านั้นที่ขมวดคิ้วจนเป็นปม

         “ค่อยยังชั่วหน่อย” พี่ลมว่า แต่อยู่ดีๆไอ้อิฐก็พูดแทรกขึ้นมา

         “แต่กูไม่อยากอยู่ในฐานะเพื่อน” เสียงมันนิ่งมากแถมยังมองมาที่ผมอีกต่างหาก ตอนนี้ทั้งป๊าทั้งม๊าตกใจกับสิ่งที่ไอ้อิฐพูด

ส่วนผมนี่ยืนตัวแข็งเหมือนถูกแช่แข็งเอาไว้เลย

         “กูบอกว่ากูไม่อยากอยู่ในฐานะเพื่อน แต่กูอยากอยู่ในฐานะเพื่อนสนิทของมึง” ไอ้อิฐบอกต่อหน้าตายิ้มๆ แต่ผมว่ามันยิ้มได้

กวนตีนมากเลยล่ะ ดูดิเนี่ยเล่นเอาผมแทบช็อก

       ไอ้อิฐ ไอ้เวร ฆ่ามันทิ้งแล้วเอาศพโยนไว้ท้ายสวนดีไหมเนี่ย!?




                         
           ตอนนี้ผมกับไอ้อิฐเรากำลังเดินเล่นกันอยู่บนคันนาของบ้านไอ้อิฐ ครอบครัวผมอาศัยอยู่ที่สุพรรณบุรี  ป๊าผมเป็นคนสุพรรณ

แต่กำเนิด ป๊าเล่าให้ฟังว่าป๊าเป็นคนจีนแท้ๆ แต่อากงต้องมาทำงานที่เมืองไทยเลยย้ายกันมาทั้งครอบครัว อากงรักเมืองไทยเลย

ไม่ยอมกลับเมืองจีนจนอาม่าคลอดป๊าเลยให้ป๊าเป็นคนสุพรรณตั้งแต่เกิด ส่วนม๊าเป็นลูกครึ่งไทย-นอร์เวย์จึงทำให้ผมมีเชื้อสาย

ทั้งไทย-จีนและนอร์เวย์

         “ไปอยู่กรุงเทพเป็นไงบ้าง” ไอ้อิฐชวนผมคุยเพราะมันคงเห็นผมเงียบๆไป

         “ก็เรื่อยๆวุ่นวายตามประสาคนเมืองแล้วมึงอ่ะคิดไงมาเป็นตำรวจ” ผมถามมันบ้างเพราะสมัยเรียนมันไม่มีแววเลยสักนิดว่าจะ

มาเป็นตำรวจ

         “ก็คิดจะจีบมึงไงเลยมาเป็น” ไอ้อิฐตอบหน้าตาย ผมเลยยกนิ้วกลางส่งให้มัน

         “ไอ้เวร มึงตอบดีๆดิอย่ามาเล่น”

         “ก็กูพูดจริงมึงคิดว่ากูเล่นเหรอ” ตอนนี้ไอ้อิฐมันหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าผมตรงๆ

         “กูชอบมึงว่ะไอ้ไฟ” ไอ้อิฐบอกผมได้หน้าตายมาก แต่ผมก็แอบหวั่นๆนะ

         “ฮ่าๆๆๆกูคิดถูกละที่กูหลอกมึงหน้ามึงนี่แดงเป็นลูกตำลึงเลยว่ะ ไงอยู่กรุงเทพฯไม่มีคนบอกรักเหรอวะ” ไอ้เวร ไอ้อิฐมัน

แมร่งง ผมไม่รู้จะด่ามันยังไงดีโดยเฉพาะไอ้นิสัยที่ชอบหลอกคนอื่นไปทั่วชอบมาทำให้คนอื่นเขินแล้วกวนตีน แต่ผมก็ต้องมา

ชะงักกับประโยคหลังที่มันพูด

     เมื่อก่อนน่ะมีคนบอกรัก แต่ตอนนี้คนที่บอกรักเขาไม่รักกูแล้วว่ะ….

         “เฮ้ย!เป็นไรมึง กูเอ่อ..ไปพูดสะกิดต่อมเศร้ามึงเปล่าวะ” ไอ้อิฐที่ตอนนี้สีหน้ามันดูเครียดแปลกๆ มันคงเห็นผมทำหน้าเศร้าๆ

กับสิ่งที่มันพูด ตอนแรกผมก็เศร้าอยู่หรอกแต่เจอหน้ามันเหมือนหมาหงอยเลยอยากแกล้งมันเล่น   ได้เวลากูเอาคืนมึงแล้วไอ้

อิฐ!!!

         “……………” ผมไม่ตอบแต่เดินหนีไอ้อิฐ ตอนนี้มันรีบเดินตามมาง้อผมแทบจะทันที

         “มึงอย่าเงียบดิไอ้ไฟ กูขอโทษ กูไม่รู้ มึงจะให้กูทำอะไรก็ได้กูยอมทุกอย่างเลย” ผมที่ได้ยินมันบอกว่ายอมทำทุกอย่างถึง

กับตาวาวเลยทีเดียวแต่ก็ยังคงเก็บอาการเอาไว้ ตีหน้านิ่งๆไปหามัน ก่อนจะยกนิ้วกลางใส่ มันทำหน้าเหวอก่อนผมจะหัวเราะร่วน

         “มึงแกล้งกูเหรอไอ้ไฟ” ตอนนี้หน้ามันเหวอมากเลยครับ

         “กูเปล่าแกล้งมึงนะ มึงนั่นแหละเข้าใจผิดเอง” ผมว่ามันก่อนจะยกนิ้วกลางส่งไปให้อีกครั้ง

         “ต้องการขนาดยกให้กูถึงสองครั้งเลยเหรอวะ”

         “ต้องการบ้านมึงดิ กูด่ามึงโว้ยยย” จากนั้นผมก็วิ่งหนีไอ้อิฐที่ตอนนี้มันวิ่งไล่กวดผมมาอย่างเร็ว แต่อย่างว่าผมเข้าไปอยู่ใน

กรุงนานเกินจนทำให้วิ่งไม่ค่อยคล่องเลยสะดุดก้อนหินนั่งแหมะอยู่กับพื้น

         “เป็นไรเปล่ามึง” ไอ้อิฐที่ตอนนี้ลงมานั่งดูข้อเท้าให้ผม

         “เจ็บข้อเท้าว่ะ จี๊ดเลย” น้ำตาผมแทบจะร่วงเมื่อมันยื่นมือมาขยับข้อเท้าผม

         “ลุกไหวไหม” ไอ้อิฐถามผม ผมจึงพยักหน้าว่าไหวก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้น แต่ผลลัพธ์กลับลงไปนั่งแหมะอยู่ที่พื้น

อย่างเดิม

         “สงสัยข้อเท้ามึงแพลง” ไอ้อิฐว่าก่อนจะทำท่าให้ผมขี่หลัง

         “มึงจะทำอะไร” ผมร้องถามเพราะตอนนี้มันจับให้ผมขี่หลังมัน

         “ก็ขี่หลังกู” ไอ้อิฐตอบก่อนจะค่อยๆประคองผมให้ขี่หลังมัน

         “จับดีๆล่ะมึงตกไปตายกูไม่มีค่าทำศพ” มันว่า ผมเลยตบหัวมันไปทีโทษฐานที่พูดจาไม่รื่นหู

           ไอ้อิฐพาผมขี่หลังมันมาหยุดอยู่ที่เพิงสำหรับชาวนาที่เอาไว้พักเหนื่อยก่อนจะเดินหายไปไหนสักพัก พอกลับมาก็ถือชุด

ปฐมพยาบาลมาพร้อม

         “เดี๋ยวกูจะลองนวดๆก่อนก็แล้วกันเผื่อจะดีขึ้น” ไอ้อิฐบอกผมก่อนจะลงไปนวดข้อเท้าให้ ตอนแรกผมก็เกรงใจที่มันมาทำ

อะไรแบบนี้ให้ ผมบอกมันไปหลายครั้งว่าไม่ต้องทำ แต่มันก็ส่งสายตาดุๆมาให้ผม ผมจึงต้องยอมให้มันนวดข้อเท้าต่อไป

         “ไหนมึงลองขยับดิ” พอมันนวดเสร็จก็สั่งให้ผมขยับข้อเท้า ผมลองขยับตามที่มันบอกก็รู้สึกว่าตอนนี้ข้อเท้าของตัวเองกลับ

มาเป็นปกติเหมือนเดิมแล้วก่อนจะกล่าวขอบคุณมัน

         “ขอบคุณนะ”

         “อื้ม” มันรับคำก่อนจะลุกมานั่งข้างๆผม

           บรรยากาศยามเย็น ท้องฟ้าสีแสดกับทุ่งนาสีเขียวขจีที่ดูตัดกันก็ให้ความรู้สึกดีอยู่ไม่น้อย แต่มันก็ทำให้ผมนึกถึงใครอีกคน

ที่เรามักชอบยืนดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกันบ่อยๆ

         “เป็นไรไปมึงประจำเดือนมาไม่ปกติเหรอ” ไอ้อิฐถามผม

         “มึงเหอะที่มาไม่ปกติ”

         “ฮ่าๆๆ” ไอ้อิฐหัวเราะร่วน

         “เออนี่ กูถามมึงจริงๆนะ มึงคิดไงถึงมาเป็นตำรวจ” ผมถามไอ้อิฐ

         “กูก็อยากจะเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ก็แค่นั้น”

         “ตอบเป็นพระเอกเชียวนะมึง” ผมว่ามัน มันยิ้มๆให้ผม

         “แต่กูก็ไม่ได้เป็นพระเอกของมึงอยู่ดี” ไอ้อิฐว่า ไอ้นี่นี่ไม่ได้เลยเผลอเมื่อไรเป็นหยอดทุกที

         “มึงนี่ วู้ อย่ามาเสี่ยวแถวนี้นะมึง” ผมว่ามัน

         “เออ ก็มึงไม่อยู่ตั้งนานปล่อยให้กูหยอดของกูเหอะ” ไอ้อิฐมันว่า

         “แล้วตอนนี้มึงก็ไม่ได้แวนซ์แล้วอ่ะดิ” ผมถามมันเพราะถ้ามันมาเป็นตำรวจคงจะกลับไปทำตัวแบบเดิมก็คงจะไม่ได้

         “อืม มึงรู้ป่ะเมื่อก่อนกูเป็นเด็กแว๊น แต่เดี๋ยวนี้กูต้องมาจับเด็กแวนซ์ อารมณ์มันคนละแนวเลย” ไอ้อิฐเล่า

         “ก็แหงล่ะมึง” แล้วเราทั้งคู่ต่างก็เงียบเพื่อซึมซับบรรยากาศดีๆที่หาไม่ได้ในกรุงเทพให้เต็มปอด ก่อนที่ผมจะเป็นคนทำลาย

ความเงียบโดยการถามคำถามอีกคนที่นั่งอยู่ข้างกัน

         “มึง” ผมเรียกคนที่นั่งข้างๆ

         “หืม?” มันตอบรับผมแต่ตาก็ยังคงปิดเพื่อรับบรรยากาศของทุ่งนายามเย็น

         “มึงรู้สึกยังไงกับกูกันแน่” ผมถามไอ้อิฐที่ตอนนี้มันลืมตามามองหน้าผม มันไม่ยอมตอบแต่กลับหลับตาลงอีกครั้ง

         “มึงได้ยินกูป่ะเนี่ย” ผมถามมันอีกครั้ง

         “กูไม่ได้หูหนวกก็ต้องได้ยินดิวะ”

         “งั้นกูถามทำไมมึงไม่ตอบ” ผมเริ่มโมโห

         “กูหลับตาอยู่” ไอ้อิฐมันตอบกวน

         “งั้นมึงก็ลืมตาดิ” ผมเริ่มจะขึ้นเสียง

         “มึงหลับตาก่อนแล้วกูจะตอบ” อะไรของมันวะเนี่ย แต่ผมก็อยากจะรู้จึงหลับตาตามที่มันบอก

           ผมหลับตาลงตามที่มันบอกแต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น จึงจะหันไปต่อว่ามัน แต่ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างมาสัมผัสที่ริมฝีปาก

 ผมจึงลืมตาตื่นขึ้นก็เห็นหน้าไอ้อิฐที่ผละออกไป ก่อนมันจะตอบคำถามผม

         “ถึงกูจะชอบหลอกมึง แต่สำหรับเรื่องความรู้สึกแล้ว........กูไม่เคยหลอกมึง”
               
         

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
       “ฝันดีนะมึง” ไอ้อิฐบอกผม

         “อืม เหมือนกัน” ผมบอกลาไอ้อิฐ

         ตั้งแต่ผ่านเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นมาผมก็ไม่เห็นว่าไอ้อิฐจะมีท่าทีแปลกๆใส่ผม แถมยังทำเหมือนกับไม่มีอะไรใส่ผมซะงั้น

         “กลับมาแล้วเหรอน้องไฟสนุกไหม” พอผมเดินขึ้นมาบนบ้านม๊าที่นั่งรอผมอยู่แล้วเรียกถาม

         “ก็สนุกนะครับแล้วนี่พี่ลมไปไหนเหรอทำไมน้องไฟไม่เห็นเห็นเลย” ผมถามม๊าเพราะตั้งแต่เดินขึ้นมาบนบ้านก็ไม่เห็นวี่แวว

ของพี่ลมเลยสักนิด

         “ไปอ้อนยายจ๋าที่บ้านเล็กน่ะ” ม๊าบอกผม ผมเดินเข้าไปหนุนตักม๊าก่อนจะถอนหายใจยาวๆออกมา

         “ไม่สบายใจอะไรบอกม๊าได้นะ ม๊ารับฟังทุกปัญหา” ม๊าบอกผมก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ

         “น้องไฟไม่รู้จะทำยังไงดีอ่ะม๊า น้องไฟสับสน”

         “แล้วตอนนี้น้องไฟสับสนเรื่องอะไรอยู่ล่ะ หืม”

         “น้องไฟไม่รู้ น้องไฟเครียด น้องไฟกลัว น้องไฟ ฮึก ม๊า” ผมซุกหน้าลงกับตักของม๊า ม๊าจึงลูบหัวผมเบาๆเพื่อปลอบโยน

         “น้องไฟฟังม๊านะ ตอนนี้น้องไฟสับสนทั้งๆที่น้องไฟยังไม่รู้ว่าตัวเองสับสนเรื่องอะไร น้องไฟต้องรู้ก่อนว่าตอนนี้น้องไฟ

เครียดหรือกลัวและสับสนเรื่องอะไรแล้วน้องไฟก็ค่อยดูว่าเรื่องที่น้องไฟกลัวนั้นมันมีทางแก้ไหม” ม๊าบอกผมอย่างอ่อนโยน

         “แล้วถ้ามันไม่มีทางออกล่ะม๊า” ผมถาม

         “มันต้องมีสิอยู่ที่เราจะหามันเจอไหม ไหนน้องไฟลองเรียบเรียงใหม่ซิว่าตอนนี้น้องไฟสับสนเรื่องอะไรม๊าจะได้ช่วยน้องไฟ

ได้”

         “น้องไฟทะเลาะกับนอร์สเพราะนอร์สเข้าใจผิดว่าที่น้องไฟรักนอร์สมันมาจากแผนที่น้องไฟวางไว้ แต่ม๊าน้องไฟรักนอร์ส

จริงๆนะน้องไฟไม่ได้ทำไปเพราะแผนอะไรเลย” ผมบอกม๊า

         “งั้นน้องไฟได้บอกเขาไปรึยัง” ม๊าถามพร้อมกับมองหน้าผม

         “ยังเลย...” ผมตอบเสียงอ่อน

         “แล้วมีอีกไหมเรื่องที่ทำให้น้องไฟสับสน” ม๊าถามผมต่อ

         “เรื่องที่นอร์สกำลังจะแต่งงานอาทิตย์หน้า น้องไฟไม่รู้จะทำยังไงดีน้องไฟไม่อยากให้นอร์สแต่งงาน”

         “แล้วน้องไฟถามนอร์สรึยังว่าเขาอยากจะแต่งงานรึเปล่า ไม่ต้องมาเถียงม๊าเพราะม๊ารู้ว่าเราจะบอกว่ายังไงเขาก็ต้องแต่ง

เพราะแม่บังคับ” ผมยู่หน้าใส่ม๊า

         “แต่ก็นั่นแหละ น้องไฟว่ายังไงเราก็ไปกันไม่รอด” ผมพูดออกมาเบาๆ

         “ฟังม๊านะน้องไฟ” ม๊าบอกผม ผมจึงลุกขึ้นนั่งฟังในสิ่งที่ม๊าจะพูด

         “เท่าที่น้องไฟเล่าให้ม๊าฟังน้องไฟกับคุณนอร์สต่างคนต่างก็ยังไม่ได้คุยกันหรือรับฟังเหตุผลของอีกฝ่าย การที่เราไม่คุยกัน

แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าอีกคนเขาคิดอะไร”

         “การที่เราจะมีคนรักหรือคู่ครองสิ่งที่จะทำให้ชีวิตรักของเราราบรื่นนั้นมันก็มีอยู่ไม่กี่สิ่งหรอกนะ สิ่งแรกคือความรัก ถ้าเราไม่มี

ความรักให้กันต่อให้ทุกคนบนโลกบอกว่าเราเหมาะสมกันยังไงสุดท้ายเราก็ไปกันไม่รอด สิ่งที่สองคือความเชื่อใจกัน การที่เราจะ

ทำอะไรเราไม่มีความเชื่อใจกันชีวิตเราก็ย่อมต้องหวาดระแวงและไม่มีความสุข สิ่งที่สามคือการช่วยเหลือกัน คนรักกันถ้าไม่ช่วย

เหลือเกื้อกูลกันก็ไม่ต่างอะไรกับการใช้ชีวิตอยู่คนเดียว”

         “อย่างที่สี่คือการเอาใจใส่ซึ่งกันและกันเพราะถ้าหากเราไม่ใส่ใจคนรักของเรา เราไม่สามารถจดจำรายละเอียดในเรื่องที่คน

รักเราชอบได้ ความสุขในชีวิตรักก็ย่อมไม่เกิด อย่างที่ห้าคือการเปิดอกคุยกันซึ่งม๊าคิดว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการที่เราจะ

ใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคนเพราะบางครั้งสิ่งที่เราทำออกไปอาจจะทำให้เขาเข้าใจเราผิด แต่ถ้าเราอธิบายสิ่งที่เราทำลงไปนั้น เรื่อง

ทุกอย่างก็ย่อมดีขึ้น ส่วนอย่างสุดท้ายคือการให้อภัยซึ่งกันและกัน โบราณว่าไว้การให้ทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ การอภัยทาน ถ้าเรา

ไม่รู้จักให้อภัยกันต่อให้มีครบทุกสิ่งที่ม๊าพูดยังไงซะ เราก็อยู่ด้วยกันไม่รอด” ผมนั่งฟังม๊าพูดแล้วก็คิดตามแต่ละข้อที่ม๊าสอน ซึ่ง

มันก็จริงอย่างที่ม๊าว่ามาทั้งหมด

         “ม๊าสอนน้องไฟได้แค่นี้เพราะเรื่องความรักมันเกิดจากคนสองคนฉะนั้นถ้ามีปัญหาในเรื่องนี้ก็ต้องให้คนสองคนที่เป็นคนผูก

ปมต้องเป็นคนแก้ปมออก คนนอกช่วยอะไรไม่ได้ทำได้ก็เพียงแต่ช่วยแนะนำเท่านั้น”

         “ลองปรับเข้าหากันอะไรที่ตึงมากไปย่อมไม่ดี ส่วนอะไรที่หย่อนมาไปก็ย่อมไม่ดีเช่นเดียวกัน ม๊าก็ให้คำแนะนำน้องไฟได้แค่

นี้ล่ะ” ม๊าบอกผมก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือมาลูบหัวผมก่อนจะลูบมาที่ข้างแก้มผมเบาๆ

         “ความรักเป็นเรื่องละเอียดอ่อน.....จงใช้ใจในการตัดสินปัญหาไม่ใช่ใช้สมองในการตัดสินปัญหา”








มาต่อให้แล้วนะคะ วันนี้เป็นฤกษ์งามยามดี เลยมาอัพเพิ่มให้ เดี๋ยวดีสจะพยายามอัพให้ทุกวันนะคะ ส่วนเรื่องจอมใจ ขอเวลาไป

ปั่นสัก 3-4 วัน เดี๋ยวจะเอามาลงให้เหมือนเดิมตามปกตินะคะ ^^

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

                 แผนการร้ายครั้งที่ 13 : โอกาส......ไม่ได้มาเคาะที่ประตูเรียกคุณ.....แต่มันจะปรากฏขึ้นเมื่อคุณพังประตูนั้นลง

                  วันนี้ผมตื่นนอนขึ้นมาด้วยอาการที่มึนๆเบลอๆเล็กน้อยเพราะผมมัวแต่คิดถึงเรื่องของนอร์สจนนอนไม่หลับ นี่ก็ใกล้จะถึง

วันที่นอร์สจะต้องแต่งงานกับคุณเจนแล้วสินะ ยิ่งคิดก็ยิ่งโหวงๆแปลกๆ

           ผมกับพี่ลมเรามาอยู่ที่นี่กันจะได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว ผมมาอยู่ที่บ้านสวนเพราะเหตุการณ์ในวันงานวันนั้นและมาอยู่ที่นี่เพื่อที่

จะได้ทำใจให้ลืมใครอีกคนให้ได้

         “น้องไฟตื่นหรือยังลูก ผู้หมวดมาหาน่ะ” เสียงม๊าตะโกนเรียกผมอยู่หน้าห้อง

         "ครับม๊า น้องไฟตื่นแล้วบอกไอ้อิฐให้รอน้องไฟอีก 20 นาที น้องไฟจะออกไป“ ผมตะโกนบอกม๊ากลับไปก่อนจะรีบไปอาบ

น้ำแต่งตัวเพราะไอ้อิฐมันมารอผมแล้ว

           วันนี้ผมนัดกับไอ้อิฐว่าจะเข้าไปดูคนงานในสวนสักหน่อยเพราะวันนี้ป๊าผมต้องไปคุยกับเกษตรจังหวัด ม๊าต้องอยู่ดูแลบ้าน

 ส่วนพี่ลมก็ไม่ค่อยจะสันทัดเส้นทางเท่าไรเพราะพี่แกก็ไม่ค่อยได้กลับมาบ้านบ่อยๆ  ผมเลยชวนไอ้อิฐให้ไปสวนด้วยกันเพราะตัว

เองก็จำเส้นทางไปสวนไม่ค่อยจะได้
 
           สวนของที่บ้านผมกับตัวบ้านนั้นอยู่ห่างกันไม่ไกลเท่าไร แต่เส้นทางที่จะไปค่อนข้างจะซับซ้อนไปหน่อย ผมที่ไม่ค่อยจะ

ชินทางอยู่แล้วก็เลยต้องหาคนในพื้นที่ช่วยนำทางไปให้ 

         “รอนานไหมมึง” ผมที่ตอนนี้อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็ออกจากห้องมาหาคนที่มารออยู่ที่ห้องรับแขก แต่พอเดินเข้ามาก็

เห็นอีกคนนั่งคุยกับป๊าอย่างออกรส

         “อ้าวป๊าไหนบอกว่าจะไปคุยกับเกษตรจังหวัดไง” ผมถามป๊าเพราะยังเห็นป๊านั่งคุยอยู่กับไอ้อิฐ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆ

ไอ้อิฐที่ยังว่างอยู่

         “พอดีเกษตรเขาโทรมาบอกป๊าว่าวันนี้ไม่ว่างคงต้องเป็นวันพรุ่งนี้” ป๊าบอกผม

         “งั้นอย่างนี้ป๊าก็พาน้องไฟไปที่สวนได้น่ะสิ” ผมถามป๊า

         “คงจะไม่ได้นะน้องไฟเพราะผู้หมวดเขาจะไปกับน้องไฟไม่ใช่เหรอ”

         “ก็ไม่ต้องให้ไปแล้วไงให้ป๊าไปกับน้องไฟ”

         “อย่าเสียมารยาทสิน้องไฟเราเป็นคนชวนผู้หมวดเองนะ” ป๊าดุผม

         “ไม่เป็นไรหรอกครับป๊าไว้ผมไปกับไอ้ไฟวันหลังก็ได้ครับ” ไอ้อิฐบอกป๊า แต่ป๊าก็ยังคงไม่ยอมอยู่ดีเพราะป๊ารีบแย้งกลับทันที

         “ไม่ได้ครับผู้หมวด น้องไฟไปกับผู้หมวดไปแล้ววันหลังป๊าค่อยพาไป” ประโยคหลังป๊าหันมาบอกผม ซึ่งผมก็ต้องทำตามแต่

โดยดี


                         
           สวนของที่บ้านผมปลูกผลไม้หลากชนิดซึ่งทำให้สวนค่อนข้างใหญ่โตทีเดียว ใช้เวลาไม่นานมากนักผมกับไอ้อิฐก็มาถึง

สวนของบ้านผม

         “อ้าวคุณหนูเล็กสวัสดีครับ” พอผมลงจากรถก็มีลุงมิ่งที่คอยดูแลสวนเข้ามาทัก

         “สวัสดีครับลุงมิ่ง วันนี้เป็นยังไงบ้างครับลุงมิ่งสบายดีนะครับ” ผมจึงทักลุงมิ่งกลับ

         “ลุงสบายดีครับ ส่วนวันนี้ผลไม้ที่สวนเพิ่งจะเริ่มออกดอกแต่ก็คงไม่นานที่ผลของมันจะออกตามมา คุณหนูเล็กจะเข้าไปดู

ก่อนก็ได้นะครับ วันนี้คนไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไรด้วย” ลุงมิ่งบอกผม ผมกับไอ้อิฐเลยเดินเข้าไปดูภายในสวน

           ผมเดินดูรอบๆสวนโดยมีลุงมิ่งคอยอธิบายและนำทางแถมยังมีไอ้อิฐที่คอยเดินเป็นเพื่อนและอธิบายบางเรื่องบางส่วนที่ลุง

มิ่งอธิบายแล้วผมไม่เข้าใจ ลุงมิ่งยังบอกอีกว่าช่วงนี้คนงานอาจจะไม่ค่อยมาหรือมีเยอะเท่าไรเพราะผลไม้เพิ่งจะออกดอกคนงาน

เลยขอพักผ่อนบ้าง ส่วนคนงานที่ทำงานในสวนของผมก็เป็นญาติพี่น้องหรือไม่ก็คนรู้จักหรือคนคุ้นเคยกันและคนงานส่วนใหญ่

ของที่สวนก็มักจะเรียกผมว่า ‘คุณหนูเล็ก’ แล้วเรียกพี่ลมว่า ‘คุณหนูใหญ่’ เหมือนอย่างที่พี่มะลิและคนงานในบ้านเรียก

         “บรรยากาศดีเนอะ” ผมหันมาบอกไอ้อิฐหลังจากที่เราเดินดูรอบๆสวนเสร็จแล้ว ส่วนลุงมิ่งก็ขอตัวเพราะมีธุระต้องไปทำ

         “อืม ว่างๆมึงก็มาเที่ยวที่นี่บ้างสิ...รู้ไหมมีบางคนที่นี่คิดถึง” ไอ้อิฐบอกผมยิ้มๆ ผมไม่ตอบอะไรเพียงแต่เฉไฉหันหน้ามองไป

ทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินของตัวเอง

      แหม!!ถึงผมจะชอบนอร์ส แต่มีคนมาหยอดผมก็เขินเป็นนะเอา!!!

         “คุณหนูเล็กคะมีคนมาหาที่บ้านค่ะ คุณหนูเล็กมีคนมาหาค่า!!!” เสียงของพี่มะลิตะโกนเข้ามาดังถึงตรงที่ผมกับไอ้อิฐยืนรับ

ลมอยู่ ผมเลยหันไปมองก็เห็นพี่แกวิ่งกระหืดหระหอบเข้ามาหา

         “คุณหนูเล็กขามีคนมาหาคุณหนูเล็กค่ะ” พอพี่มะลิวิ่งมาถึงที่ที่ผมยืนอยู่ก็รีบรายงานเรื่องที่ถูกใช้ให้มาบอกทันทีทั้งๆที่ตัวเอง

ก็ยังหอบอยู่

         “แล้วพี่มะลิรู้ไหมครับว่าเป็นใคร” ผมถามเพราะถ้าเป็นพี่ๆที่บริษัทก็คงจะไม่ใช่เพราะผมบอกว่าขอลางานยาวแบบไม่มี

กำหนด แต่ให้ไอ้วีคอยดูแลงานที่โน่นแทน ส่วนถ้าเป็นไอ้วีมาที่บ้านพี่มะลิก็คงไม่วิ่งแตกตื่นมาขนาดนี้เพราะที่บ้านผมทุกคนรู้จัก

ไอ้วีเป็นอย่างดี แล้วใครกันที่มาหาผม??

         “พี่ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะคุณหนูเล็ก แต่พี่ได้ยินคนที่บอกว่ามาหาคุณหนูเล็กแทนตัวเองกับคุณผู้ชายว่านอร์สนะคะ” พี่มะลิ

บอกผมไปพรางทำท่าครุ่นคิดไปด้วย

         “อะไรนะ!!” ผมร้องเสียงหลงเมื่อรู้ว่าใครมาหา

               นอร์สมางั้นเหรอ มาได้ไงแล้วใครพามาแล้วมากับใคร ซวยแล้วไงสงสัยสึนามิจะเข้าภาคอีสานก็วันนี้ซะ

แล้ว................

         “มีอะไรเหรอไอ้ไฟ” ไอ้อิฐถามผม

          “มึงอย่าเพิ่งถามอะไรมาก ตอนนี้มึงรู้แค่ว่ากูกับมึงต้องกลับบ้านไม่งั้นสึนามิเข้าอีสานแน่ๆไปเร็วมึง” ผมบอกไอ้อิฐซึ่งผมก็

ไม่รู้ว่ามันเข้าใจหรือไม่เข้าใจอะไรยังไง ก่อนจะลากให้มันไปขับรถพาผมกลับบ้านสวน

     เพราะถ้าไปช้ากว่านี้ผมเชื่อเลยล่ะว่า.....สึนามิเข้าอีสานแน่ๆงานนี้!!



                 
           พอไอ้อิฐขับรถพาผมมาถึงที่บ้านสวน ผมก็รีบวิ่งขึ้นบ้านทันที ไอ้อิฐที่ตกใจกับท่าทีแปลกๆของผมก็รีบวิ่งตามมา แต่พอผม

เข้ามาในบ้านก็ต้องแปลกใจกับภาพที่เห็น

       เอ่อ....มีผู้ชายหน้าตาดีสองคน คนหนึ่งมีศักดิ์เป็นพ่อ ส่วนอีกคนหนึ่งก็มีศักดิ์เป็นคนรัก เขาทั้งสองนั่งคุยกันอย่างออกรสที่

ห้องรับแขกไม่มีทีท่าว่าจะทะเลาะกันแต่อย่างใดแล้วยังดูเหมือนว่าจะคุยกันถูกคออีกต่างหาก งั้น......ไอ้ที่ผมเข้าใจมาตลอดว่า

 ภาพตรงหน้าที่ตัวเองต้องได้เห็นนั้น คือป๊าต้องกำลังสอบเครียดนอร์สและทุกคนก็ต้องนั่งกดดันนอร์สอยู่หรือไม่ก็กำลังวางหน้า

ขรึมๆเพื่อข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม แต่เอ่อ...ไอ้ที่ผมเข้าใจทั้งหมดหรือเข้าใจไปเองมันคือ???

         “อ้าวน้องไฟมาแล้วเหรอ พอดีคุณนอร์สมาหาน่ะ” ป๊าทักผมหลังจากที่เห็นผมกับอิฐยืนอยู่หน้าห้องรับแขก ไอ้อิฐที่มันเห็น

ผมยืนทำหน้าเอ๋อๆเพื่อประมูลลำดับความคิดในสมองก็ใช้ข้อศอกกระทุ้งสีข้างผมเบาๆเพื่อเป็นการเรียก

         “อ้อ..เอ่อ..ครับป๊าพอดีน้องไฟกับไอ้...เอ่อ..ผู้หมวดอิฐเพิ่งมาน่ะครับ” ผมรีบตอบป๊าแต่ก็เกือบหลุดเรียกไอ้อิฐต่อหน้าป๊าดีที่

คิดได้ทันเพราะป๊าผมเขาบอกว่าตอนนี้ไอ้อิฐมันเป็นผู้หมวดเป็นคนในเครื่องแบบมียศถาบรรดาศักดิ์แล้วจะเรียกหรือจะทำอะไรก็

ควรที่จะให้เกียรติกันบ้าง ผมก็เลยต้องทำตามที่ป๊าบอก...แต่ก็เฉพาะต่อหน้าป๊าเท่านั้นที่ผมจะเรียกไอ้อิฐว่าผู้หมวดอิฐ แต่ถ้าลับ

หลังล่ะก็ หึๆมีเหรอที่คนอย่างนายอัคนีจะเรียก ฝันไปเถอะ!!!ถึงแม้มันอาจจะทำให้ผมหวั่นไหวไปบ้างก็ตามที แต่เรื่องแบบนี้ผม

ไม่เอามาเกี่ยวกันอยู่แล้ว บอกเลยความสุขล้วนๆ

         “เหรอ งั้นนั่งคุยกับคุณนอร์สเขาไปก่อนนะ ผู้หมวดผมมีเรื่องที่จะวานผู้หมวดหน่อยไปกับผมสักครู่นะ” ป๊าบอกให้ผมอยู่คุย

กับนอร์สไปพลางๆก่อนเดี๋ยวตัวเองจะกลับมาคุยด้วยอีกทีแล้วก็หันไปใช้งานไอ้อิฐแล้วป๊าผมก็ทิ้งผมให้อยู่กับนอร์ส

         “ไฟมาที่นี่ทำไมไม่เห็นบอกนอร์สเลย” นอร์สถามผมหลังจากที่ผมเดินมานั่งลงตรงข้ามกับนอร์สพร้อมกับหยิบหนังสือ

นิตยสารที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาอ่านจะได้รู้สึกว่าไม่ได้มีอีกคนนั่งอยู่

         “ไม่จำเป็น” ผมตอบนอร์ส แต่สายตาก็ไล่อยู่ที่ตัวอักษรของหน้าหนังสือ

         “ทำไมจะไม่จำเป็นล่ะก็เราเป็นคนรักกันไม่ใช่เหรอ” นอร์สว่า ผมจึงลดหนังสือลงเพื่อมองหน้าอีกคนให้ชัดๆก่อนจะพูดอะไร

บางอย่าง

         “คนรักเหรอ นอร์สช่างกล้าพู ดคำนี้กับไฟอีกเหรอ นอร์สยังกล้าพูดมันทั้งๆที่ตัวนอร์สเองก็กำลังจะแต่งงาน” ผมว่าอีกคน

ผมว่าเพื่อให้นอร์สเจ็บแต่ผมกลับรู้สึกว่าคนที่เจ็บไม่ได้มีแค่นอร์ส

         “แล้วนอร์สบอกไฟเหรอครับว่านอร์สจะแต่งงาน”

         “ก็ในงานวันนั้นวันที่-”

         “แล้วไฟได้ยินว่าไฟพูดหรือเปล่าว่าจะแต่ง แต่ถ้าไม่ได้ยินก็อยากให้รู้ไว้ว่าถ้านอร์สไม่โอเคกับอะไรทุกอย่างก็ต้องจบไม่ว่า

จะเป็นเรื่องทั่วไปหรือแม้กระทั่งเรื่องของเจน”

         “นอร์สหมายความว่ายังไง”

         “จะไม่มีงานแต่งงานระหว่างนอร์สกับเจนไม่ว่าจะกรณีใดๆทั้งสิ้นเพราะหัวใจของนอร์สไม่ได้อยู่ที่เจน.........แต่อยู่ที่ไฟ”

นอร์สบอกผมด้วยท่าทีที่ดูจริงจังก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผม ผมมองตามมือของนอร์สที่จับอยู่กับมือของผม แต่นอร์สก็จับได้ไม่

นานผมก็ค่อยๆแกะมือของนอร์สออก ถามว่าผมรู้สึกดีใจไหมที่นอร์สไม่ได้แต่งงานแล้วก็คงจะต้องบอกว่ามันเป็นอะไรที่วิเศษ

มากๆ แต่ผมก็อยากจะดัดนิสัยคนตรงหน้าบ้าง ผมอยากจะงอนต่อแล้วดูซิว่านอร์สจะง้อผมยังไง

         “แล้วนอร์สมาบอกไฟทำไมในเมื่อเราเลิกกันไปแล้ว”

         “ก็จริงอย่างที่ไฟพูดเราเลิกกันไปแล้ว” นอร์สบอกผมเสียงเบาแถมยังทำหน้าเศร้าๆอีกต่างหากแค่ผมได้ยินนอร์สพูดเสียง

เบาก็ทำเอาผมใจไม่ดียิ่งมีท่าทางประกอบนี่ผมใจหล่นวูบ บอกเลยไม่อยากเห็นคนหล่อเศร้า!! ผมกำลังจะอ้าปากบอกนอร์สว่า

ผมแค่ล้อเล่น แต่เจ้าตัวดันขัดขึ้นมาก่อนทำให้ผมหุบปากที่อ้าค้างไว้แทบจะไม่ทัน

         “ถ้าเราเลิกกันแล้ว งั้นนอร์สก็ขอจีบไฟใหม่ได้ไหม ไฟให้นอร์สจีบไฟนะคราวนี้นอร์สจะต้องจีบไฟให้ไฟกลับมารักนอร์ส

เหมือนเดิมและสัญญาว่านอร์สจะไม่ทำให้ไฟผิดหวังเด็ดขาด ฉะนั้นนอร์สก็ขอเริ่มจีบไฟอย่างเป็นทางการนะครับ!!” นอร์สบอก

ผมด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจังซึ่งนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกดีมากๆเหมือนเราจะโล๊ะทุกอย่างที่ไม่ดีออกแล้วเริ่มต้นกันใหม่และนั่น

มันก็ทำให้ผมรู้สึกประทับใจ แต่ติดตรงที่ว่า นอร์สขอเริ่มจีบไฟอย่างเป็นทางการ มันหมายความว่ายังไง ทำไมจะจีบผมต้อง

ประกาศขอด้วยว่าจะจีบอย่างเป็นทางการ หรือผมได้ยินอะไรผิดไป แต่ผมว่านะสงสัยนอร์สจะเรียนหนักเข้าขั้น..เอ่อ....ไม่เต็ม

หรือไม่ก็เกินแน่ๆ!?   

                               
                     
         “เอ่อ...” ผมไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดีเพราะตอนนี้จานข้าวผมเต็มไปด้วยกับข้าวเกือบจะทุกอย่างที่ม๊าทำและนั่นก็มาจากฝีมือ

การตักไม่บันยะบันยังของนอร์สจะไอ้อิฐ

         "ไม่ต้องเอ่อหรอกมึงกินๆเข้าไปเหอะจะได้โตไวๆ" ไอ้อิฐบอกผมแถมยังมีการตักกุ้งตัวโตที่นอนแช่ตัวอยู่ในแกงส้มมานอน

แอ้งแม้งอยู่ที่จานของผม

         “นั่นสิไฟ..เอ่อ..พี่ไฟกินเยอะๆอย่างที่ผู้หมวดว่าน่ะดีแล้ว” จากนั้นนอร์สก็ตักไข่เจียวหมูสับมาวางที่จานผม

            แหม!!อีกคนตักแกงส้ม อีกคนตักไข่เจียว ช่างสามัคคี รู้น่าที่กันดีเหลือเกิน!?

         “แต่ไฟว่านอร์สตักให้ไฟเยอะมากแล้วนะ มึงก็อีกคนไอ้ผู้หมวดมึงจะตักเอากูอิ่มยันชาติหน้าตอนเช้าเลยเหรอวะ” ผมหันไป

ว่าทั้งสองคน แต่แทนที่ทั้งคู่จะสำนึกผิด แต่ที่ไหนได้กลับตักกับข้าวมาเพิ่มให้ผมอีก

                     เฮ้อ!!อะไรของมันกันวะ!!

           วันนี้หลังจากที่นอร์สมาบ้านผมแล้วเจ้าตัวก็มาขอเริ่มต้นกับผมใหม่ด้วยการมาขอจีบผม ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้าอีกคนจะ

ทำมัน คุยกันได้ไม่นานป๊ากับม๊าก็ชวนไปทานข้าว ส่วนไอ้อิฐที่ป๊าเรียกมันไปคุยตั้งแต่ตอนที่ผมคุยกับนอร์สก็มานั่งทานข้าวด้วย

มันจะไม่อะไรเลยถ้าไม่ใช่ว่าตั้งแต่ที่เริ่มทานข้าวทั้งนอร์สทั้งไอ้อิฐไม่รู้ว่าสองคนนี้ไปนึกคึกอะไรมาจากไหนเพราะเล่นตักแต่

กับข้าวที่ผมชอบมาวางไว้จนล้นจานกินทีนี่แทบจะไม่ไหวและดูท่าว่าจะไม่หยุดเอาง่ายๆอีกด้วย

         “กินไปเถอะน้องไฟ ป๊าว่ามีคนบริการให้ดีกว่าบริการเองนะ” ป๊าบอกผมยิ้มๆ ผมที่ได้แต่นั่งทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็

ไม่รู้จะพูดยังไงเพราะนั่นมันก็จริงอย่างที่ป๊าพูด แต่อีกนัยหนึ่งผมก็รู้สึกเขินเหมือนกันที่มีคนมาคอยบริการ

         “นั่นสิครับพี่ไฟ” นอร์สสนับสนุนที่ป๊าพูด แต่มีอยู่อย่างที่นอร์สเปลี่ยนไปซึ่งนั่นก็คือสรรพนามเรียกแทนตัวของผม ตอนแรกที่

ป๊าได้ยินนอร์สไม่ได้เรียกผมว่าพี่เพียงแต่เรียกชื่อตัวเฉยๆ แต่ป๊าผมค่อนข้างจะซีเรียสเรื่องนี้มากเลยให้นอร์สเรียกผมว่าพี่เฉพาะ

ตอนอยู่ที่นี่ก็ได้ ซึ่งนอร์สก็ไม่ได้ปฏิเสธยอมทำตามที่ป๊าบอก

         “ทานเถอะลูกน้องไฟ” ม๊าบอกผม

         “ครับ” ผมรับคำก่อนจะลงมือทานอาหารที่ดูจะมีความสุขมากเกินไปหน่อย
                     
         

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
       “น้องไฟก็ให้นอร์สนอนที่ห้องข้างน้องไฟก็ได้เพราะอีกห้องพี่มะลิยังไม่ได้ทำความสะอาดเลย”

         “ก็ได้ครับม๊า งั้นเดี๋ยวน้องไฟจะไปบอกนอร์สนะครับ” ผมบอกม๊าก่อนจะเดินไปตามนอร์สที่ตอนนี้อยู่คุยกับป๊ากับไอ้อิฐ ซึ่ง

พอผมเดินเข้าไปใกล้แต่ละคนมีสีหน้าดูจริงจังและเคร่งเครียดแปลกๆแถมยังไอ้สายฟ้าที่ออกจากตาของนอร์สกับของไอ้อิฐที่

มองกันอีกหรือว่า!!........สองคนนั่นจะสปาร์คกัน แต่ดูท่าจากสถานการณ์แล้วทั้งคู่น่าจะกัดกัน?เสียมากกว่าและสงสัยว่าผมคงจะ

ยืนเด่นไปหน่อยป๊าที่กำลังคุยเครียดๆกับนอร์สแล้วก็ไอ้อิฐที่หันมาเห็นผมก็หันไปยิ้มคุยเล่นกับทั้งคู่แล้วทั้งสองคนก็หันมามองที่

ผมก่อนที่ปาจะลุกเดินมาคุยกับผม

         “น้องไฟมีธุระอะไรหรือเปล่าแล้วทำไมไม่เข้ามาข้างในล่ะ” ป๊าเดินมาหาผมแต่สองคนนั้นก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม

         “คือม๊าให้น้องไฟมาบอกนอร์สว่าคืนนี้ให้นอนอยู่ห้องข้างๆของน้องไฟ ส่วนที่น้องไฟไม่เข้าไปเพราะเห็นป๊ากำลังคุยอยู่กลัว

ว่าจะเป็นการรบกวน” ผมอธิบายให้ป๊าฟังซึ่งป๊าก็พยักหน้ารับรู้ จากนั้นก็หันไปเรียกนอร์สกับไอ้อิฐ

         “นอร์ส ผู้หมวดมาทางนี้หน่อยครับ” ป๊าบอกทั้งสองคนที่นั่งอยู่ให้เดินมาหา

         “เดี๋ยวนอร์สไปดูห้องกับน้องไฟนะ ส่วนผู้หมวดก็ไปทำงานส่วนตัวได้แล้วล่ะ” เมื่อทั้งสองคนเดินมาถึงป๊าผมก็ให้นอร์สเดิน

ไปดูห้องนอนของตัวเองแล้วก็ให้ไอ้อิฐกลับไปทำธุระส่วนตัว จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไป

         “นี่ห้องของนอร์สนะ” ผมพานอร์สมาดูห้องพัก

         “ครับ แล้วห้องไฟอยู่ที่ไหนเหรอ” นอร์สถามผมหลังจากที่ตัวเองเดินสำรวจภายในห้อง

         “ก็อยู่ข้างๆกันนั่นแหละแล้วเย็นนี้จะไปเที่ยวที่สวนไหม” ผมถามนอร์ส ขณะเดินเข้าไปช่วยอีกคนจัดผ้าปูที่นอนที่เตียง

         “น่าจะนะครับ แต่นอร์สอยากอยู่กับไฟมากกว่า” ว่าจบอีกคนก็ดึงผมเข้าไปกอด ผมที่ดิ้นขัดขืนเพื่อไม่ให้อีกคนกอดก็ไป

สะดุดเข้าที่ขาเตียงจากนั้นทั้งผมและนอร์สก็ล้มลงไปนอนกองกันอยู่ที่เตียง

         “เอ่อ....หนัก” ผมบอกอีกคนเบาๆเพราะตอนนี้สภาพผมกับนอร์สที่นอนอยู่บนเตียงค่อนข้างจะไม่ค่อยโอเคสักเท่าไร ซึ่งภาพ

นี้อาจจะทำให้คนที่เดินผ่านเข้ามาเห็น อาจจะเข้าใจผิดได้เพราะภาพนั้นคือภาพที่นอร์สนอนคร่อมผมไว้ที่เตียงนอน แถมเจ้าตัวก็

ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นจากตัวผมอีกด้วย

         “นอร์สขอโทษนะครับ” หืม?

         “ขอโทษ ขอโทษอะไรไฟเหรอ” ผมถาม

         “ขอโทษที่นอร์สเข้าใจไฟผิด คุณปฐวีกับธีน่าเล่าให้นอร์สฟังหมดแล้วว่าสิ่งที่ไฟทำกับนอร์สเพราะไฟรักนอร์ส” นอร์สบอก

ผม โดยเฉพาะประโยคที่ว่า สิ่งที่ไฟทำกับนอร์สเพราะไฟรักนอร์ส นอร์สบอกผมเหมือนกับนั่นเป็นเพียงแค่ประโยคธรรมดาๆ

แต่ไอ้ประโยคที่อีกคนคิดว่ามันธรรมดาก็พาลทำให้ผมรู้สึกเขินอายได้เหมือนกัน

         “ใครว่าไฟรักนอร์ส” ผมรีบแย้งเพื่อที่จะได้กลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง

         “งั้นเหรอ อืม...นอร์สว่าเราควรจะมาพิสูจน์กันดูนะ” นอร์สพูดกับผมพร้อมกับสายตาเจ้าเล่ห์ที่อีกคนมองมาก็พาลทำให้หัวใจ

ดวงน้อยๆของผมเริ่มอยู่ไม่สุข

         “พิสูจน์..พิสูจน์อะไร อย่ามาเล่นอะไรบ้าๆกับไฟนะนอร์ส” ผมรีบพูดดักทางอีกคนเอาไว้เสียก่อน

         “ก็พิสูจน์ไงว่าตอนนี้ไฟก็ยังรักนอร์สอยู่ แต่ตอนนี้นอร์สไม่ทำอะไรไฟหรอกเพราะนอร์สจะใช้ความรักที่นอร์สมีให้ไฟพิสูจน์

ความรักของเรา” พูดจบนอร์สก็ฟุบหน้าลงกับอกของผมก่อนจะพึมพำอะไรบางอย่างแล้วหลับไป

         “นอร์สขอโทษกับทุกเรื่องที่ผ่านมาให้โอกาสผู้ชายงี่เง่าคนนี้ได้พิสูจน์รักแท้กับคนที่เขารักสุดหัวใจได้ไหม ขอให้นอร์สอยู่

แบบนี้สักพักนะครับ”

         “อืม ไฟให้โอกาสนอร์สเสมอนะ” จากนั้นผมก็เอื้อมมือไปลูบเส้นผมของอีกฝ่ายเล่น แต่นั่นก็เพื่ออยากจะให้อีกคนได้ผ่อน

คลายลงบ้างและเพราะเท่าที่จำได้นอร์สชอบบอกผมเสมอว่าชอบที่จะให้ผมลูบหัวให้ตัวเองแบบนี้ ซึ่งกับคนอื่นไม่มีใครที่จะมา

ทำแบบนี้ได้และนอร์สก็ชอบบอกกับผมเสมออีกว่าสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ แต่เราสามารถทำได้เพราะ เราเป็นคนพิเศษของกันละ

กัน..........................
                       



         “อืม”

         “ตื่นแล้วเหรอครับไฟ”

         “กี่โมงแล้วเหรอนอร์ส”

         “สองทุ่มเห็นจะได้ครับ ค่อยๆลุกสิครับเดี๋ยวหน้ามืดหรอก” นอร์สบอกผมก่อนที่เจ้าตัวจะมาพยุงผมขึ้นนั่งกับที่ดีๆเพราะผม

เป็นประเภทที่ถ้าลุกเร็วมากเมื่อไหร่จะเกิดอาการวูบขึ้นทันที ซึ่งสาเหตุอาจจะเกิดจากการที่เลือดผมน้อยทำให้วูบได้ง่าย

         “ขอบคุณนะ แล้วนี่ไฟหลับไปนานมากไหมอ่ะ”

         “ไม่นะครับน่าจะประมาณสองชั่วโมงกว่าได้”

         “โห ไหนบอกว่าไม่นานตั้งสองชั่วโมงเลยนะ” โห สงสัยผมคงจะเพลียจัดเพราะเมื่อคืนเล่นไม่ได้นอนเกือบแทบจะทั้งคืน

พอได้นอนก็หลับเป็นตายเลยทีนี้

         “ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับเพราะเห็นม๊าบอกว่าไฟนอนไม่หลับเมื่อคืน” นอร์สถามผม

         “ก็นะคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแหละ” ผมบอกอีกคนที่นั่งทำหน้าขมวดคิ้วมุ่น

         “ไม่ได้นะครับไฟจะเครียดแคไหนแต่การดูแลสุขภาพสำคัญมากนะครับทีหน้าทีหลังต้องพยายามหลับให้ได้นะครับ” นอร์ส

บอกผมด้วยน้ำเสียงห่วงใย ตอนนี้ผมรู้สึกว่าบรรยากาศเก่าๆที่ผ่านมาค่อยๆเริ่มที่จะกลับมาอีกครั้ง

         “อืม ไฟจะพยายามนะ” ผมรับปาก นอร์สเลยบอกว่าจะไปส่งผมที่ห้อง แต่พอเปิดประตูห้องออกก็เห็นป๊ากำลังจะเคาะประตู

เรียกนอร์สพอดี

         “เอ่อ......” ผมเห็นป๊ามองด้วยสายตาขวางๆแปบนึงก่อนจะกลับมาเป็นปกติ

         “น้องไฟเข้าไปทำอะไรในห้องนอร์ส” ป๊าถามผม แม้หน้าตาจะดูไม่มีอะไรแต่น้ำเสียงที่สื่อออกไปตรงกันข้ามกับหน้าตาและ

ท่าทางอย่างสิ้นเชิง

         “คือ..น้องไฟช่วยนอร์สเปลี่ยนผ้าปูที่นอนแล้วเผลอหลับไป” ผมอธิบายให้ป๊าฟัง

         “แค่นี้??” ป๊าถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
         “ครับ แค่นี้” นอร์สตอบคำถามของป๊าแทนผม

         “อืม แล้วไป แต่ก็อย่าลืมนะนอร์ส” ป๊าผมหันไปคุยกับนอร์ส แต่ไอ้รูปประโยคที่ป๊าพูดกับนอร์สมันแปลกๆยังไงบอกไม่ถูก

แล้วเรื่องนี้มันมีอะไรต้องอย่าลืมด้วยนะ?

         "ครับผมจำได้ ป๊าไม่ต้องห่วงยังไงซะ..................ก็ต้องเป็นผมแน่นอน" นอร์สตอบป๊าและนั่นยิ่งทำให้ผมงงเข้าไปอีก

ทำไมต้องเป็นนอร์ส ผมว่าสองคนนี้ต้องมีอะไรปิดบังผมอยู่แน่ๆ

         “อืม ดี แต่ก็อย่าเพิ่งด่วนสรุป สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหารสิ หึๆ” ป๊าว่า

         “ครับ ขอบคุณที่เตือน” นอร์สพูดกับป๊าก่อนที่ทั้งคู่จะพูดเรื่องที่ผมไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียวต่อไปอีกสองสามประโยคนอร์สจึงเดิน

มาส่งผมที่ห้อง

         “นอร์สกับป๊าพูดเรื่องอะไรกันทำไมไฟไม่เห็นจะเข้าใจเลย” พอนอร์สมาส่งผมถึงห้องเจ้าตัวก็ทำท่าจะเดินกลับห้องไป

เหมือนจะรู้ว่าผมต้องถามคำถามนี้

         “ตอนนี้ไฟอย่าเพิ่งรู้เลย รู้เพียงแต่ว่าไฟต้องเชื่อใจนอร์สแค่นั้นพอ”

         “แล้วจะให้ไฟเชื่อใจนอร์สได้ยังไงในเมื่อเรื่องแค่นี้นอร์สยังบอกไฟไม่ได้เลย”

         “เชื่อใจนอร์ส เวลาจะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ทุกอย่าง ตอนนี้ไฟรู้แค่ว่าเรื่องราวของเราที่ผ่านมาขอให้มันจบไปกับอดีตที่ไม่สวยงาม

 แต่ให้รับรู้ไว้ว่ามันกำลังจะเริ่มต้นใหม่และสวยงามมากกว่าครั้งที่ผ่านมา.............”













อะแฮ่มๆ เอาเรื่องราวความรักของนอร์สกับไฟมาเสิร์ฟต่อแล้วจร้าาา ตอนนี้ก็คงต้องดูสถานการณืของทั้งสองคนกันต่อปายยย

วันนี้ดีสอัพดึกมากๆๆ 55555 ยังไงก็ฝันดีทุกคนนะคะ ^^ แล้วเจอกันตอนหน้าคร่าาา :mew1:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พ่อตากับว่าที่ลูกเขยวางแผนการอะไรกันเอาไว้หนอ?

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
พ่อตากับลูกเขยวางแผนอะไรกันนะ แล้วใช้อิฐมาร่วมแผนอีกคนล่ะสิ พิสูจน์ตัวเองนะนอร์ส ผ่านไปให้ได้ เชื่อใจกันนะไฟ

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                     แผนการร้ายครั้งที่ 14 : ไม่มีความรักใดปราศจากการให้อภัยและไม่มีการให้อภัยใดที่ปราศจากความรัก

                  เช้านี้ผมรู้สึกว่าตัวเองตื่นขึ้นมาแล้วมีความสุขกว่าทุกเช้าที่เคยได้ตื่นหลังจากที่ผมกลับมาอยู่ที่บ้านสวนและนั่นอาจจะ

เป็นเพราะว่ามีคนพิเศษบางคนที่ผมเฝ้ารออยู่ที่นี่ด้วยแล้วก็ได้

         “นอร์ส” วันนี้ผมตื่นแต่เช้าเลยแวะไปช่วยม๊าในครัวจนมาไล่ให้ผมมาปลุกนอร์สในห้องเพราะอีกไม่นานคงจะได้ตั้งโต๊ะทาน

อาหารเช้ากันแล้ว

         “เอ๋?ไม่อยู่เหรอ” ผมที่ถือวิสาสะผลักประตูห้องนอร์สเข้าไปดูภายในห้องเพราะผมยืนเรียกนอร์สอยู่หน้าประตูห้องตั้งนาน

แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าอีกคนจะเปิดประตูออกมา แต่พอผมเปิดเข้าไปกลับไม่พบเจ้าของห้อง

         “นอร์ส นอร์สอยู่รึเปล่า” ผมลองเรียกอีกคนดูแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก...........................

         “อ้าว ไฟ” ผมที่กำลังจะหันกลับออกจากห้องไปเพราะดูแล้วเจ้าของห้องคงจะไม่อยู่ แต่ไม่ทันที่ผมจะได้หันหลังเดินออก

จากห้องไปเสียงของคนที่ผมตามหาก็เรียกชื่อผมขัดขึ้นจากทางด้านหลังเสียก่อน

         “อ้าว นอร์สไปไหนมาเหรอ” ผมถามอีกคนที่ตอนนี้เดินเข้ามาในห้องเพื่อจะเตรียมอาบน้ำแต่งตัวเพราะสภาพของอีกคนตอน

นี้ไม่ต่างจากไปนอนคลุกดินคลุกทรายมาเลย

         “ไปช่วยป๊าไฟทำสวนมาหนะ” ห๊ะ!!
         “แต่เช้าเลยเนี่ยนะ” ผมถามนอร์สที่ตอนนี้สาละวนอยู่กับการเลือกเสื้อผ้า ผมจึงเดินไปนั่งคุยกับอีกคนที่เตียง
         “ครับ ก็ทำนองนั้น” นอร์สตอบผม

         “ป๊าเขาคิดอะไรของเขาอยู่นะ” ผมบ่นๆ

         “ป๊าเขาอาจจะมีเหตุผลบางอย่างก็ได้นะครับ ไฟอย่าไปโกรธป๊าเลย” นอร์สบอกผมยิ้มๆก่อนจะเตรียมตัวไปอาบน้ำ

         “ไม่ต้องมาทำเป็นพูดเลยนะ นอร์สก็เหมือนกันไฟรู้นะว่านอร์ส ป๊าแล้วก็ไอ้อิฐมีอะไรบางอย่างปิดบังไฟอยู่ แต่อย่าให้ไฟรู้นะ

จะว่าให้เรียงตัวเลยคอยดูสิ!!!” ผมว่านอร์สงอนๆ อีกฝ่ายจึงเดินมาหาผมก่อนจะก้มลงหอมแก้มผมแล้ววิ่งหนีเข้าห้องน้ำไป

         “อ๊ะ!อีตาบ้า ฝากไว้ก่อนเถอะ หึ่ย!!” ผมตะโกนไล่หลังอีกคนที่ตอนนี้เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำอย่างสบายใจ แต่ก็ยังไม่วายที่

จะตอบผมกลับอีก

         “ฝากไว้ได้แต่ต้องรีบมาเอาคืนนะครับไม่งั้นนอร์สคิดทั้งต้นทั้งดอกเลยนะ แล้วเดี๋ยวไฟจะหนาว ฮ่าๆๆๆ” นอร์สตะโกนออกมา

แข่งกับเสียงน้ำที่เปิดไว้ในห้องน้ำ

         “ทะลึ่ง!!” ผมว่าอีกคน แต่อีกฝ่ายกับหัวเราะร่วนจากในห้องน้ำซะงั้น   นอร์สนะนอร์สเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง เล่นให้เขินแต่เช้า

เลย!!!



                           
         “อ้าว กินกันสิจะมัวมองอะไรเดี๋ยวกับข้าวที่ม๊าเขาทำไว้จะเย็นชืดหมดนะ น้องไฟด้วยกินซะสิ ป๊าเห็นเราเอาแต่จ้องมองอะไร

ก็ไม่รู้ตั้งนานแล้วนะ” ป๊าว่าที่ผมเอาแต่นั่งมองแล้วก็ไม่ยอมกินข้าว แต่ไม่ใช่ผมคนเดียวที่มอง ทั้งผมทั้งนอร์สและไอ้อิฐเราทั้ง

สามต่างคนต่างจ้องมองกันเป็นระยะๆ ก็จะไม่ให้ผมมองได้ยังไงเพราะอยู่ดีๆวันนี้ป๊าก็นัดให้ไอ้อิฐมันมากินข้าวเช้าที่บ้านผมด้วย

น่ะสิ!!!

           หลังจากที่ม๊าไล่ผมไปตามนอร์สให้ไปเตรียมตัวทานข้าวเช้าก็เลยนั่งเล่นอยู่ที่ห้องของอีกฝ่าย จนอีกฝ่ายอาบน้ำแต่งตัว

เสร็จเราทั้งคู่จึงไปทานข้าวกัน แต่พอผมกับนอร์สเดินมาที่โต๊ะอาหารก็เห็นแขกที่ไม่รู้ถูกเชิญมาตั้งแต่เมื่อไหร่นั่งคุยกับป๊าผม

อย่างออกรสที่โต๊ะทานข้าวแล้วป๊ายังบอกอีกว่าวันนี้จะชวนไอ้อิฐมันทานข้าวเช้า กลางวันและเย็นที่บ้านด้วยเลย

 แหม มาทีเล่นกินครบทั้งสามมื้อเชียว?! ผมก็ได้แต่เออออห่อหมกไป แต่ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆกับสิ่งที่ป๊าทำ แต่ผมก็ได้แต่สงสัยยัง

ไงก็คงต้องรอดูท่าทีของป๊าต่อไป.....

         “ทานสินอร์สหรือว่ากับข้าวที่ม๊าทำไม่ถูกปาก เปลี่ยนก็ได้นะเดี๋ยวม๊าเปลี่ยนให้” ม๊าผมว่าก่อนทำท่าจะหยิบกับข้าวบางอย่าง

ไปเปลี่ยนให้นอร์ส แต่นอร์สกลับคว้ามือม๊าไว้ก่อน

         “ไม่เป็นไรครับม๊ากับข้าวของม๊าอร่อยแล้วก็ถูกปากผมมากเลยครับเพียงแต่ผมยังรู้สึกอิ่มๆอยู่เลยทานได้น้อยเท่านั้นเองครับ”

 นอร์สอธิบายให้ม๊าผมฟัง ผมจึงหันไปมองจานข้าวนอร์สที่ข้าวในจานแทบจะไม่พร่องไปแม้แต่น้อย

         “เหรอลูก แต่ม๊าว่าเราก็น่าจะทานอีกนิดนะเพราะข้าวเช้าดีต่อสุขภาพ” ม๊าบอกนอร์สอย่างเอ็นดู นอร์สเลยพยักหน้ารับ

         “เป็นอะไรรึเปล่านอร์ส” ผมถามนอร์สเพราะอีกคนดูเหมือนจะมีเรื่องไม่สบายใจให้คิดอยู่ตลอดเวลา

         “เปล่าครับ พี่ไฟก็ทานเถอะครับเดี๋ยวจะเป็นลมเอา ข้าวเช้ามีผลโดยตรงต่อสุขภาพนะครับ นอร์สเป็นห่วง” นอร์สบอกผม

แถมยังโชว์เลี่ยนต่อหน้าทุกคนอีกต่างหาก

         “อืม นอร์สก็เหมือนกันนะกินเยอะๆล่ะ” ผมรับปากก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานข้าวเพราะรู้สึกเหมือนใบหน้าของตัวเองเริ่มมี

อุณหภูมิที่เริ่มสูงขึ้นจากปกติเล็กน้อย แล้วไหนจะมีสายตาและรอยยิ้มของม๊าที่ส่งมาให้ผมกับนอร์สแค่นี้ก็เล่นเอาผมแทบจะมุด

ดินหนีจะมีก็แต่......

         “ห่วงตัวเองก่อนไหมนอร์ส ได้ข่าวว่าเรียนแพทย์ไม่ใช่เหรอกี่ปีล่ะกว่าจะจบ” ป๊าผมถามนอร์ส เจ้าตัวจึงวางช้อนส้อมก่อนจะ

ตอบคำถามป๊า

         “ปีนี้ปีสุดท้ายแล้วครับ” นอร์สตอบ

         “อืม ดีนี่แล้วถ้าจบนี่จะไปทำงานที่โรงพยาบาลไหนล่ะคงไม่บอกว่าต้องไปอยู่ต่างจังหวัดหรอกนะ” ป๊าผมถาม

         “ไม่ครับทำงานโรงพยาบาลในกรุงเทพฯนี่ล่ะครับ”

         “แล้วอยากไปทำโรงพยาบาลที่ไหนในกรุงเทพฯล่ะ แต่ว่าถ้าเป็นโรงพยาบาลชื่อดังคงจะต้องเก่งหน่อยนะเพราะเขารับคนที่

ความสามารถไม่ใช่หน้าตา” ป๊าผมว่า แต่ผมว่าบทสนทนาการถามคำถามของป๊าที่ถามนอร์สมันเริ่มแปลกๆ ผมเลยจะขัดป๊าว่าที่

นอร์สเรียนมันไม่ใช่ธรรมดาๆเกียรตินิยมอันดับสองแทบจะมากองวางอยู่ตรงหน้าเจ้าตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอยู่แล้ว แต่ม๊า

กลับส่งสายตาห้ามผมไว้ ผมจึงได้แต่สงบปากสงบคำทั้งที่ใจอยากจะแย้งอยู่รอมร่อ

         “ครับ เรื่องนี้ผมทราบดี ผมว่าไว้ป๊ารอไปงานผมรับปริญญาก่อนก็ค่อยว่ากันนะครับเพราะผมยังไม่สามารถบอกอะไรป๊าได้ใน

ตอนนี้เพราะปัจจุบันคือสิ่งที่เรากำลังทำ ส่วนอนาคตคือสิ่งที่เรากำลังจะเผชิญ ซึ่งนั่นมันก็เกิดหลังจากที่มันผ่านปัจจุบัน” นอร์ส

ตอบป๊า ผมลอบสังเกตสีหน้าของป๊าเหมือนว่าจะมีอยู่แวบหนึ่งที่ป๊ายิ้มมุมปากล็กน้อย แต่นั่นก็แค่แวบเดียวจริงๆ แต่ยังไงก็เถอะ


               ผมสาบานได้ว่าป๊าพอใจในคำตอบของนอร์สแน่นอน!!




                     
         “วันนี้อากาศอาจจะร้อนสักหน่อยนะ ไหวไหมนอร์ส ผู้หมวด” ป๊าหันมาบอกและหันมาถามนอร์สและไอ้อิฐ

         “ไหวครับ!!” ทั้งนอร์สทั้งไอ้อิฐตอบรับป๊า

         “งั้นก็ดี น้องไฟเดี๋ยวไปช่วยม๊าเขาเตรียมขนมและน้ำในครัวแล้วกลางวันๆค่อยเอามาให้ป๊านะ” ป๊าหันมาบอกผม

         “แต่ป๊า น้องไฟก็-”

         “ไม่มีแต่น้องไฟ มีแต่ตามนั้นเท่านั้น หวังว่าน้องไฟจะเข้าใจที่ป๊าพูด”

         “ครับป๊า” ผมรับคำป๊าอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไร แต่ทำไงได้ขืนขัดไปก็มีหวังโดนทั้งป๊าทั้งม๊าแถมถ้าพี่ลมอยู่ด้วยตอนนี้คง

เทศน์ผมหูชาแน่ๆ

         “งั้นน้องไฟกลับบ้านก่อนนะครับเดี่ยวกลางวันจะมาใหม่” ผมบอกป๊าก่อนจะหันไปคุยกับนอร์ส


         “ไฟไปก่อนนะนอร์สเดี๋ยวกลางวันมาหา ถ้าเหนื่อยก็พักนะ” ผมบอกนอร์สเพราะการที่จะมาทำสวนแถมยังกลางแดดร้อนๆ

และปัจจัยสำคัญคือการที่ทำไม่เป็นมันยิ่งดูเหมือนเป็นการทรมานร่างกายตัวเองเต็มๆ ผมก็เลยอดที่จะห่วงนอร์สไม่ได้

         “ครับพี่ไฟ ไม่ต้องห่วงนอร์สหรอก นอร์สดูแลตัวเองได้ แต่พี่ไฟก็ต้องรีบมาหานอร์สนะเดี๋ยวนอร์สจะคิดถึง” นอร์สบอกผม

ยิ้มๆ

         “อื้ม!!”

         “แล้วกูอ่ะ” เสียงของไอ้อิฐขัดขึ้น

         “เกี่ยวไรกับมึงด้วยล่ะ” ผมว่า

         “มึงไม่กลัวกูจะคิดถึงมึงบ้างเหรอ” ไอ้อิฐถามผม ส่วนนอร์สที่ยืนอยู่ข้างๆก็หันไปมองหน้าไอ้อิฐตรงๆ

         “แล้วกูจะกลัวทำไมล่ะ” ผมว่า ไอ้อิฐเลยปรายตาไปมองนอร์สที่ยืนอยู่ข้างๆผมก่อนจะหันกลับมาพูดกับผมต่อ

         “อ้อ!ใช่สิกูลืมไปว่ามึงคงมีคนที่มึงคิดถึงอยู่แล้ว กูมันก็แค่คนนอกที่ไม่มีค่าอะไร” ไอ้อิฐว่าอย่างตัดพ้อ

         “เออ กูล้อเล่นไม่ต้องมาทำเป็นเศร้าเลยนะ” ผมว่าไอ้อิฐก่อนจะหันไปบอกนอร์สว่าผมต้องรีบกลับ

         “ไฟกลับก่อนนะ”

         “ครับ เดินทางกลับดีๆนะครับ”



                     
         “กลับมาแล้วเหรอน้องไฟ”

         “ครับม๊า ม๊ามีอะไรให้น้องไฟช่วยไหม”

 .        “งั้นน้องไฟช่วยคว้านเม็ดลำไยออกให้ม๊านะเดี๋ยววันนี้ม๊าจะทำลำไยลอยแก้ว” ม๊าบอกผมก่อนจะเรียกพี่มะลิให้มาทำน้ำ

เก็กฮวยต่อจากที่ม๊าทำไว้ ส่วนผมก็จัดแจงหาที่นั่งก็หยิบมีดคว้านมาคว้านเม็ดลำไยออกแล้ววางใส่จาน ส่วนม๊าก็เดินมานั่งข้างๆ

ผม

         “น้องไฟได้คุยกับนอร์สรึยังลูก” ม๊าถามผม

         “คุยกันแล้วครับม๊า” ผมตอบ

         “แล้วเป็นยังไงบ้างลูกเข้าใจกันแล้วใช่ไหม หืม” ม๊าผมถามก่อนจะยื่นมือมาลูบหัวผม ผมจึงหยุดคว้านเม็ดลำไยแล้วหันมา

ยิ้มให้ม๊าบางๆ

         “ครับม๊า ขอบคุณม๊ามากนะครับที่คอยให้คำปรึกษาน้องไฟตลอด

น้องไฟรักม๊ามากนะครับ รักมากที่สุดในโลกด้วย” ผมบอกม๊าอ้อนๆ ม๊ายิ้มให้ผมน้อยๆก่อนจะถามคำถามผมต่อ

         “ม๊าก็รักน้องไฟมากนะ แล้วนี่กลางวันนี้ต้องเตรียมอาหารไปให้สามทหารเสือด้วยรึเปล่าลูก” ม๊าผมถามถึงป๊าแล้วก็นอร์ส

กับอิฐ

         “ด้วยครับม๊าเห็นป๊าบอกว่าช่วงบ่ายๆให้เอาไปให้”

         “อืม งั้นเดี๋ยวม๊าไปเตรียมทำอาหารไว้ก่อนดีกว่า คว้านดีๆระวังมือนะน้องไฟ” ม๊าเตือนผมก่อนจะขอตัวไปทำอาหารมื้อกลาง

วันให้กับสามหนุ่มสามมุมที่ตอนนี้คงจะตากแดดตัวดำกันอยู่กลางสวนแน่ๆ

         “เฮ้อ!!” ผมถอนหายใจเมื่อคิดถึงทั้งสามคนไหนจะเรื่องที่คิดไม่ตกกับท่าทีและบางอย่างที่ดูแปลกๆไปของทั้งสามคน

         “ป๊ากับนอร์สและอิฐต้องวางแผนหรือแอบมีความลับอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับเราแน่ๆ ต้องรู้ให้ได้ซะแล้ว” ผมตั้งใจแน่วแน่ว่า

ยังไงซะวันนี้ผมก็ต้องขอตัวเป็นนักสืบจำเป็นเพื่อรู้ความลับนี้ให้ได้ ผมรีบคว้านเม็ดลำไยออกให้หมดก่อนจะไปอ้อนม๊าเพื่อถาม

เอากับม๊าแทนเพราะผมเชื่อว่าถ้าหลอกถามทั้งสามคนคงต้องรอคำตอบยันลูกบวชแน่ๆ!!?

         “ม๊าคร๊าบบบน้องไฟคว้านเม็ดเสร็จแล้วม๊ามีอะไรให้น้องไฟช่วยทำอีกไหมครับ” ผมเดินเข้าไปหาม๊าพลางถามอ้อนๆ

ม๊าจึงหันมาเลิกคิ้วเชิงสงสัยในท่าทีของผม

         “มีอะไรจะถามม๊าก็ถามม๊ามาตรงๆก็ได้นะน้องไฟไม่ต้องมาทำทีเป็นอ้อนม๊าเลยนะ เฮ้อ!เจ้าลูกคนนี้” ม๊าถามผมอย่างรู้ทัน

         “โห ม๊าอ่ะรู้ทันน้องไฟตลอดเลยงี้ก็ไม่สนุกอ่ะ” ผมว่าพลางทำหน้างอนๆใส่

         “เล่นเป็นเด็กๆไปได้นะน้องไฟ” เสียงบุคคลปริศนาดังขึ้น ผมจึงหันไปมองตามเสียงนั้นก็พบกับพี่ลมแถมยังมีไอ้วีมาด้วยอีก

ต่างหาก

         “พี่ลม!!” ผมตะโกนเรียกชื่อพี่ชายก่อนจะโผเข้ากอดให้หายคิดถึงเพราะตั้งแต่ที่มาที่บ้านสวนพี่ลมก็แทบจะไม่ได้อยู่ติดบ้าน

และเมื่อสามสี่วันก่อนก็ถูกเรียกตัวให้ไปถ่ายแบบที่ญี่ปุ่นทิ้งน้องนุ่งไปทำงานให้นั่งคิดถึงอยู่ที่นี่

         “โอ๊ย!เบาๆก็ได้นะน้องไฟตัวก็ไม่ใช่เบาๆหนักขึ้นรึเปล่าเนี่ย” พี่ลมถามผมพลางทำท่าสำรวจรูปร่างของผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

         “อืมมม พี่ว่านะน้องไฟ พี่มีอะไรจะบอก” พี่ลมทำหน้าจริงจัง

         “หืม?อะไรเหรอ” ผมถามพี่ลม

         “ก็.........น้องไฟดูอ้วนเหมือนหมู ฮ่าๆๆๆๆ” พี่ลมว่าก่อนจะปล่อยฮาออกมาเสียชุดใหญ่ แถมคนที่อยู่ในบริเวณรอบๆก็พากัน

ขำขันอย่างอารมณ์ดีไม่เว้นแม้แต่ม๊า!!

         “พี่ลมน่ะสิที่อ้วนเหมือนหมู” ผมว่ากลับ

         “ไม่อ้วนซะหน่อยพี่ออกจะฟิตแอนด์เฟิร์มใช่ไหมวี” พี่ลมบอกผมก่อนจะหันไปถามความคิดเห็นของไอ้วีที่ยืนอยู่ข้างกัน

         “จริงแท้แน่นอนทีเดียวเชียว” ไอ้วีตอบพี่ลมซะยาวเหยียด ผมก็อดไม่ได้ที่จะแขวะทั้งคู่

         “แหม!!รับกันเป็นลูกคู่เชียวนะมีซัมติงอะไรกันรึเปล่าเนี่ย” ผมถามแหย่ทั้งคู่ พี่ลมไม่ยอมตอบแถมยังเฉหน้ามองไปที่อื่น

ถ้าวันนี้ประสาทการมองเห็นของผมยังคงดีอยู่หรือผมปกติดีไม่ได้เพี้ยนก็คงต้องบอกว่าเหมือนหน้าของพี่ลมจะอมชมพูขึ้นมานิดๆ

 ส่วนไอ้วีก็ไม่ตอบอะไรก็ได้แต่ยิ้มกรุ้มกริ่ม สำหรับไอ้วีผมไม่แปลกใจหรอกถ้ามันจะชอบพี่ลมเพราะมันกับผมก็รู้จักกันมาตั้งนาน

รู้ไส้รู้พุงกันหมดทุกอย่าง แต่ที่ผมสงสัยก็คือพี่ลม!! ผมอยากจะถามอะไรบางอย่างสั้นๆ มันไปสปาร์คกันตอนไหนห๊ะ!!!!!

         “มากันเหนื่อยๆ ม๊าว่าพี่ไฟพาวีไปพักก่อนไปลูกไป ส่วนน้องไฟก็อยู่ช่วยม๊าต่อในครัวนี่หละ” ม๊าบอกตัดบททุกคนเพราะถ้า

ขืนช้ากว่านี้คงจะได้เห็นใครแถวนี้หน้าแดงเป็นลูกตำลึงริมรั้วแน่ๆ

         “ครับม๊าเดี๋ยวพี่ลมกับวีขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับ” พี่ลมบอกกับม๊าก่อนจะลากไอ้วีให้เดินตามออกไปด้วยพร้อมกับมีพี่ๆคน

งานช่วยลากกระเป๋าเดินตามไปเก็บที่ห้องด้วย

         “ม๊าว่าคู่นี้น่ารักไหม” ผมหันไปถามความเห็นม๊ากับเรื่องของพี่ลมกับไอ้วีถึงแม้ทั้งคู่จะยังไม่ยอมบอกใครถึงสถานะความ

สัมพันธ์ตอนนี้ แต่สำหรับผมศิษย์เดียวกับเจน ญาณทิพย์ก็สัมผัสได้ว่าทั้งคู่ต้องรู้จักกันมากกว่านั้นแน่ๆ

         “อืม ก็น่ารักดีนะดูแล้วไม่เบื่อ พ่อแง่แม่งอนรักเคารพเชื่อฟังเหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามัน แต่การเป็นข้าวใหม่ปลามันบางครั้งมัน

ก็หอมหวานและบางครั้งมันก็ขมขื่นนะน้องไฟ” ม๊าหันมาบอกกับผมก่อนจะลงมือทำกับข้าวต่อ แต่ก็ยังคงพูดต่อจากเมื่อครู่เช่นกัน

         “ข้าวใหม่มันย่อมรสชาติอร่อย ชวนลิ้มลอง แต่อย่าลืมว่าเราต้องกินคู่กับปลาซึ่งในตัวปลาก็มีก้าง เหมือนกับคู่รักที่เริ่มใช้ชีวิต

ด้วยกันมันย่อมมีทั้งความหอมหวานของความรัก แต่ก็ต้องมาเจออุปสรรคที่คอยกีดขวางเส้นทางรัก”

         “งั้นการเป็นข้าวใหม่ปลามันก็ไม่ดีหนะสิครับ” ผมถามม๊า

         “จะว่าดีก็ดีแต่จะว่าไม่ดีก็ไม่ดีเพราะการใช้ชีวิตคู่อะไรหลายๆอย่างมันต้องขึ้นอยู่กับคนสองคน” ม๊าอธิบาย

         “ม๊าไม่รู้ว่าน้องไฟจะถามอะไรม๊า แต่ม๊าอยากจะบอกน้องไฟก่อนเลยว่า บางครั้งบางสิ่งบางอย่างที่แต่ละคนทำนั้นมันก็ย่อม

ต้องมีเหตุผมอยู่ในตัวของมันอยู่แล้วและยิ่งถ้าเป็นเรื่องราวของความรักจะทำอะไรให้ใช้ใจของคนสองคนในการตัดสินใจไม่ใช่ใช้

เพียงแค่ใจของคนๆเดียวในการกระทำอะไรลงไป เข้าใจในสิ่งที่ม๊าบอกนะ” ม๊าหันมาถามผมก่อนจะเดินไปยกหม้อต้มยำที่ถูกตั้ง

ค้างไว้ลงจากเตา

         “ครับม๊า” ผมรับคำ

         ไม่ว่าอะไรจะเกิด เมื่อเรามีความรักแล้ว การตัดสินใจอะไรก็ไม่ควรที่จะใช้ใจของคนเพียงคนเดียว แต่ควรที่จะใช้ใจจากคน

ทั้งสองคนในการแก้ปัญหาหรือตัดสินใจในทุกเรื่อง………
                 
     

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
          “ข้าวกลางวันรสเลิศมาเสิร์ฟแล้วคร๊าบบบบ!!” ผมตะโกนเรียกป๊า ไอ้อิฐแล้วก็นอร์สให้หยุดพักเที่ยงแล้วมาทานข้าวกลางวัน

กันก่อน

         “ไหนป๊าดูซิว่ากลางวันนี้น้องไฟเอาอะไรมาเสิร์ฟ” ป๊าว่าก่อนจะทำการเปิดปิ่นโตข้าวที่ผมกับม๊าช่วยกันทำ จากนั้นเจ้าตัวก็

ก้มลงไปสูดกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอของกับข้าวที่ผมกับม๊าทำ

         “หือ?กลิ่นหอมใช้ได้ แต่ไม่รู้ว่ารสชาติจะอร่อยถูกปากรึเปล่าน้า” ป๊าแกล้งแซวอาหารที่ผมทำพลางขยิบตาล้อๆส่งมาให้

         “ของแบบนี้อร่อยแน่นอนอยู่แล้วและที่สำคัญมีเชฟมืออาชีพอย่างน้องไฟทำนะอร่อยชัวร์ บอกเลยคุณหรีดต้องชิดซ้าย”

ผมบอกป๊าอย่างภูมิใจในฝีมือการทำอาหารของตัวเอง

         “อ้าว?มึงไม่ได้เป็นผู้กำกับหรอกเหรอ” เสียงไอ้อิฐดังขัดขึ้นจากทางด้านหลังพร้อมกับนอร์สที่กำลังเดินตามเข้ามาสมทบอีก

คน

         “แล้วไมวะ กูเป็นผู้กำกับแล้วทำกับข้าวไม่ได้งั้นเหรอ? ‘งั้นแสดงว่ามึงพลาดในฝีมือกู บอกเลยว่าโปรมากไม่ได้โม้ด้วย”

ผมบอกสกิลการทำอาหารขั้นเทพของตัวเองที่ค่อนข้างจะมั่นใจอย่างเกินร้อยว่าอร่อย......รึเปล่า?

         “งั้นถ้ามึงไม่อยากให้กูพลาดมึงก็มาทำให้กูกินตลอดชีวิตเลยสิ” ไอ้อิฐว่าก่อนจะมองตาผม แต่ไม่นานก็ต้องละสายตาไป

เพราะนอร์สที่กระแอมไอเบาๆพร้อมกับเดินแทรกเข้ามาอยู่ตรงกลางระหว่างผมกับไอ้อิฐที่เรายืนคุยกันอยู่

         “อะแฮ่ม!! มีอะไรอร่อยๆทานบ้างครับ แต่นอร์สว่านะพี่ไฟทำอะไรก็อร่อยหมดล่ะครับเพราะยังไงนอร์สก็เคยทานอาหารฝีมือ

พี่ไฟมาแล้ว” นอร์สบอกผมก่อนจะปรายตาหันไปมองไอ้อิฐที่ยืนอยู่ด้านหลัง ไอ้อิฐที่ถูกนอร์สมองด้วยสายตาและท่าทางแบบนั้น

ก็ดูจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร แถมยังทำท่าว่าทั้งสองคนจะมีเรื่องกันอีกด้วยซ้ำ ป๊าผมเลยเป็นคนพูดขัดขึ้นก่อนที่ทั้งคู่จะวางมวย

กัน ไอ้อิฐและนอร์สจึงดูสงบลงเมื่อป๊าเริ่มพูด 
       
         “เอาล่ะ ป๊าว่าเรามาทานข้าวกลางวันกันดีกว่า ผู้หมวดครับป๊าว่าเรามาคุยงานทางนี้กันต่อดีกว่าครับ” ป๊าหันไปบอกไอ้อิฐ

ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินแยกตัวออกไปคุยธุระกับป๊า

         “ไฟทานอะไรมารึยังครับ” นอร์สถามผมก่อนจะจัดแจงหาที่นั่งกินข้าว วันนี้โชคดีที่ในรถของม๊ามีเสื่อติดมาด้วยสงสัยว่าจะ

เอาไว้ใช้เวลาไปปิกนิกก็เลยได้มาปูนั่งทานข้าวกันอย่างสะดวกสบายหน่อย

         “ทานแล้ว นอร์สรีบกินเลยดีกว่าเดี๋ยวป๊ามาตามไปช่วยงานแล้วเดี๋ยวไม่ทัน” ผมบอกนอร์สก่อนจัดแจงจัดกับข้าวที่เตรียมมา

ให้ทาน

           วันนี้ค่อนข้างโชคดีหน่อยที่อากาศไม่ร้อนหรืออบอ้าวมากเกินไป ท้องฟ้าสดใส ปลอดโปร่งและนั่นจึงทำให้บรรยากาศ

ภายในสวนดูจะสดชื่นกว่าในทุกๆวัน  ผมกับนอร์สเราปูเสื่อเพื่อนั่งทานข้าวมื้อกลางวันที่สวน ผมกับนอร์สนั่งคุยกันไปทานอาหาร

กันไป มีบ้างที่บางครั้งที่ผมและนอร์สต่างคนต่างแกล้งอีกฝ่าย แถมยังมีแหย่กัน หยอกล้อกันบ้างนานทีที่เราจะได้ทำอะไรแบบนี้

 ผมว่าบรรยากาศมันดู....น่ารักๆและอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก.....มันรู้สึกสดชื่น.....และมีความสุข  คล้ายหัวใจพองโต

         “แล้วนี่ไฟจะกลับไปที่บ้านหรือว่าจะอยู่รอนอร์สที่สวนแล้วกลับพร้อมกัน” นอร์สถามผม จากนั้นเจ้าตัวก็ใช้หน้าตักผมแทน

หมอนหนุนนอน

         “ไม่แน่อ่ะ ไฟก็คงต้องรอดูป๊าก่อนว่าป๊าจะให้ไฟกลับหรืออยู่รอที่นี่” ผมตอบก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวอีกคน

         “แต่นอร์สอยากให้ไฟอยู่กับนอร์สที่นี่จัง” นอร์สบอกผมเสียงอ้อนๆก่อนจะดึงมือที่ผมใช้ลูบศีรษะของเจ้าตัวไปกุมไว้ก่อนจะ

ค่อยๆหลับตาลงซึมซับบรรยากาศสุดแสนจะสดชื่นของพืชพรรณธรรมชาติ 

         “ไฟก็อยากอยู่ที่นี่กับนอร์สนะ แต่ว่า...”

         “นอร์สเข้าใจครับว่าป๊าไม่ค่อยชอบนอร์สเท่าไร” นอร์สพูดขัดขึ้นก่อนผมจะพูดจบ

         “ใครว่าป๊าไม่ชอบนอร์สล่ะ พิสูจน์ให้ป๊าเห็นสิ ไฟเชื่อนะว่าป๊าก็แค่วางมาดเท่านั้นเอง” ผมพูดปลอบใจอีกฝ่าย

         “ครับ..เอ่อ..นอร์สมีเรื่องอยากจะถามไฟสักเรื่องสองเรื่องได้ไหมครับ” นอร์สลืมตาขึ้นมามองหน้าผมก่อนจะขอถามคำถาม

จากผมด้วยแววตาและสีหน้าท่าทางที่ดูจริงจัง

         “อืม ได้สิ ถามมาเลยถ้าคิดว่าคำถามนั้นไม่ยากที่ไฟจะตอบ” ผมบอกนอร์สก่อนที่เจ้าตัวจะถามคำถามผม

         “ไฟกับผู้หมวดอิฐรู้จักกันนานแล้วเหรอครับ”

         “อืม..ก็นานนะรู้จักกันตั้งแต่เด็กๆแล้ว เมื่อก่อนไฟไม่ค่อยชอบไอ้อิฐมันเท่าไรเพราะมันเป็นเด็กแว๊น ไฟไม่ชอบพวกเด็กแว๊น

เราทั้งคู่เลยไม่ถูกกัน” ผมเล่าให้นอร์สฟัง เมื่อก่อนไอ้อิฐมันเป็นเด็กแว๊นขอบแว๊นป่วนเมืองแล้วก็ชอบมีปัญหากับชาวบ้านเขาไป

ทั่ว แต่ที่จะหนักหน่อยก็คือมันชอบมามีปัญหากับผมจึงทำให้ผมกับมันทะเลาะกันอยู่เรื่อย แต่ก็เริ่มห่างๆกันเมื่อผมจะเข้าไปเรียน

ในกรุงเทพฯนั่นล่ะครับ

         “แล้วทำไมหมวดอิฐเขาถึงมาเป็นตำรวจได้ล่ะครับ”

         “เห็นมันบอกว่ามันอยากทำให้ที่บ้านภูมิใจในตัวมันอ่ะนะ” ผมตอบนอร์ส แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังแคลงใจอะไรบางอย่าง

         “แค่นี้?” นอร์สเลิกคิ้วถามผม

         “ก็...เพราะมันอยากเป็นเพื่อนกับไฟมั้งเพราะไฟเคยบอกว่าถ้าคนที่ไฟจะให้เป็นเพื่อนด้วยต้องเป็นคนในเครื่องแบบเท่านั้น”

ผมบอกนอร์สถึงแม้จะมีบางเรื่องที่บอกไม่หมดก็ตามที

         “แล้วผู้หมวดก็เลยมาเป็นตำรวจเพื่อที่ต้องการจะเป็นเพื่อนกับไฟงั้นสิ”

         “ก็ทำนองนั้น”

         “งั้นตอนนี้นอร์สไม่ได้เป็นคนในเครื่องแบบอย่างที่ไฟชอบแล้วไฟยังจะรักนอร์สอยู่ไหม” นอร์สถามผม...คล้ายไม่แน่ใจในสิ่ง

ที่ถาม

         “ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยนะ บางทีความรักมันก็เกิดขึ้นแบบที่ใจเราไม่ได้ปรารถนาก็ได้นะ อย่างที่มันเป็นอยู่ตอนนี้ไง ตั้งแต่แรก

สเปคของนอร์สอาจจะเป็นสาวสวยหน้าตาดีที่ไม่ใช่ไฟในตอนนี้ก็ได้นี่หน่า”

         “ไม่หรอกเพราะสเปคตั้งแต่แรกของนอร์สคือไฟคนเดียวเท่านั้น...คนเดียวที่นอร์สรักตั้งแต่แรกเห็น” นอร์สบอกผมยิ้มๆเล่น

เอาผมเขินซะไปไม่ถูกเลยพยายามหาอย่างอื่นเพื่อเรียกความสนใจของอีกคนให้ไปที่อื่นและเพื่อ......ลบความเขินอายของตัว

เอง

         “เลี่ยนไปไหม วู้ เล่นอะไรกันไม่รีบไปทำงานเหรอไงเดี๋ยวป๊าก็ว่าเอาหรอกนะ” ผมเฉไปเรื่องอื่น

         “ป๊าไม่ว่าหรอกครับ งั้นเอาเป็นว่าไฟรอนอร์สก่อนนะครับ นอร์สจะรีบทำให้ป๊าของไฟใจอ่อนให้ได้” นอร์สบอกผม

         “อื้ม รีบๆเข้านะไฟไม่ชอบรออะไรนานๆ” ผมตบบ่าอีกคนเพื่อเป็นกำลังใจให้ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะชักมือกลับก็ถูกอีกคนรวบ

ตัวไปกอดเสียแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก

         “อย่าเพิ่งมองใครนอกจากนอร์สนะครับ” นอร์สบอกกับผมเหมือนเป็นเด็กตัวน้อยๆที่หวงของรักของตัวเองและกลัวของสุดรัก

จะจากไป

         “นั่นมันก็ขึ้นอยู่ที่ว่านอร์สยังรักไฟเหมือนที่ไฟรักนอร์สรึเปล่า แต่ถ้าวันไหนที่ไฟไม่รักนอร์สวันนั้น...ไฟก็คงที่จะเลือกมองคน

อื่น” ผมบอกนอร์สตามความเป็นจริง

         “และนอร์สเชื่อว่ามันจะไม่มีวันนั้นครับ” นอร์สบอกผมก่อนจะผละออกมาเล็กน้อยพร้อมกับใบหน้าที่ค่อยๆโน้มลงมาจนสัมผัส

กับริมฝีปากของผม อีกฝ่ายค่อยๆละเลียดชิมความหวานจากริมฝีปากผมก่อนที่จะค่อยๆเริ่มสัมผัสมันอย่างแผ่วเบา นุ่มนวล เป็น

สัมผัสที่ดูลุ่มหลงและน่าหลงใหล มันจึงทำให้ผมเผลอครางผะแผ่วกับความรู้สึกดีจากรสสัมผัสนี้ แต่ทว่าไม่นานมันก็ค่อยๆแปร

เปลี่ยน จากความนุ่มนวลชวนหลงใหลให้กลายเป็นความรุ่มร้อนชวนน่าค้นหา จนผมเริ่มรู้สึกถึงลมหายใจที่ขาดช่วงของตัวเองจึง

ค่อยๆดันอีกฝ่ายออกเพื่อรับอากาศที่ขาดหายไป

         “เล่นบ้าอะไรของนอร์สเนี่ย!!!” หลังจากที่สูดอากาศที่ขาดหายเข้าไปจนเต็มปอด ผมก็หันไปจัดการกับคนตรงหน้าที่เป็นต้น

เหตุให้ขาดอากาศ

         “นอร์สไม่ได้เล่นนะครับ แต่นี่มันคือคำสัญญาของนอร์สที่มีให้ไฟนะครับ เดี๋ยวนอร์สขอตัวไปเอาใจว่าที่พ่อตาก่อนนะครับ

แล้วเดี๋ยวคืนนี้นอร์สค่อย..ทำการบ้านที่ค้างไว้ต่อนะครับ ไปก่อนนะครับคุณสุดที่รัก” ว่าจบนอร์สก็วิ่งออกไปปล่อยให้ผมต้องนั่ง

ระงับอาการเขินอายของตัวเองที่ตอนนี้หน้าผมต้องแดงปลั่งเหมือนสีมะเขือเทศแน่ๆเลย

         “อีตาบ้า!เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง” ผมว่าอีกคนที่วิ่งห่างไกลออกไป ก่อนที่มือจะเอื้อมไปสัมผัสริมฝีปากของตัวเองที่ตอนนี้มันยัง

คงมีไอร้อนจากสัมผัสเมื่อครู่ แต่นั่นก็ทำให้สามารถเรียกรอยยิ้มจากผมได้ไม่น้อย สู้ๆนะนอร์ส!

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                                   แผนการร้ายครั้งที่ 15 : ถ้าคุณเป็นนกตัวหนึ่ง .............ผมก็เป็นนกตัวหนึ่ง

         “โอ๊ย!เบาๆหน่อยสิครับไฟ”

         “ขอโทษ แต่นี่ไฟก็ทำเบาสุดแล้วนะ”

         “โอ๊ย!ๆๆ”

         “อดทนหน่อยสิ แผลแค่นี้ทำเป็นสำออยร้องเสียงดังไปได้” ผมว่านอร์ส ก่อนจะเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์แล้วกดที่แผลของอีก

คนที่แกล้งทำมาเป็นสำออย

         “โอ๊ย!ไฟครับนี่จะฆ่านอร์สใช่ไหมเนี่ย นอร์สเจ็บจริงๆนะครับ แผลถลอกนะครับ ไม่ใช่รอยคิสมาร์กที่นอร์สทำไว้บนตัวไฟสัก

หน่อยที่จะไม่เจ็บน่ะ” นอร์สบอกผมก่อนที่เจ้าตัวจะทำหน้าไม่พอใจในสิ่งที่ผมทำ

         “ไอ้บ้า ไอ้หื่น ไอ้ลามก ใครเขาให้นอร์สพูดเรื่องบ้าๆแบบนี้กันอย่างหน้าตาเฉยห๊ะ!!!!” ผมว่าอีกคนกลับ แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้

ร้อนรู้หนาวแถมยังยิ้มหน้าระรื่นชวนหมั่นไส้อีกต่างหาก!

         “ใจนอร์สสั่งให้พูดครับ” เจอประโยคนี้ของนอร์สเข้าไป บอกได้คำเดียวครับเดียว  ผมนี่อวกเลยครับ

         “ไม่คุยกับนอร์สดีกว่า ไฟว่าไฟไปหาไอ้อิฐน่าจะดีกว่ามายืนทำแผลให้นอร์สนะ” ผมแกล้งแหย่อีกคนเพราะผมรู้สึกว่าเวลา

นอร์สหึงผมมันดูน่ารักไปอีกแบบดีเหมือนกัน

         “ไปทำไมครับ เบื่อคนแถวนี้แล้วเหรอไม่เป็นไรครับเดี๋ยวนอร์สทำแผลให้ตัวเองก็ได้ส่วนไฟจะไปหาใครก็เชิญครับ” นอร์ส

บอกผมเสียงน้อยใจแถมยังแย่งสำลีที่ชุบแอลกอฮอล์ที่ผมเตรียมไว้เช็ดแผลอีกคนก็ถูกอีกฝ่ายหยิบเอาไปเช็ดแผลเอง

         “โอ๋ๆใครจะเบื่อคนแถวนี้ลงกันเล่า เอามานี่เลยเดี๋ยวไฟทำแผลให้” ผมดึงสำลีที่ถูกอีกคนดึงไปก่อนหน้านี้กลับมาไว้ที่ตัว

เองก่อนจะเริ่มเช็ดแผลให้อีกคนอย่างระวังมือ

           หลังจากที่นอร์สแยกจากผมเพื่อไปช่วยป๊าทำงานในสวนต่อ ผมก็ขอตัวกลับมาบ้านเพราะที่นี่ม๊าไม่มีคนช่วยทำอาหารไว้

รอสำหรับหนุ่มๆที่ทำงานตากแดดตากลมอยู่ในสวนกันทั้งวันเพราะม๊าใช้พี่ลมกับไอ้วีไปซื้อวัตถุดิบเพิ่มและให้พี่มะลิเอาข้าวกลาง

วันกับข้าวเย็นไปให้ยายจ๋าอีกที่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ไกลจากบ้านที่ผมกับครอบครัวอยู่เท่าไรและไม่นานคนที่ไปทำงานในสวนก็กลับ

มา สภาพแต่ละคนที่กลับมาเรียกได้ว่าแทบจะดูไม่จืดกันเลยทีเดียว คนแรกเป็นป๊าที่สภาพยังคงดูดีที่สุดในบรรดาสามคน คนที่

สองไอ้อิฐ รายนี้ที่เห็นว่าเห็นเป็นตำรวจ แต่ก็ยังมีรอยขีดข่วนตามตัวให้เห็น ส่วนคนสุดท้ายบอกได้เลยว่าหนักสุดยิ่งป๊าบอกว่า

นอร์สไปช่วยคนงานยกของแล้วอยู่ดีๆคนที่นำหน้าไปเกิดเสียหลักล้มทำให้คนอื่นๆพลอยล้มตามไปด้วย ผมจึงต้องมานั่งทำแผล

แถมยังต้องต่อวาทะกับอีกคนด้วยอีกต่างหาก แต่โชคดีที่แผลของนอร์สไม่ได้รุนแรงมาก แค่ถลอกบริเวณหัวเข้า ข้อศอก ข้อมือ

และฝ่ามือ แต่นั่นก็เป็นจุดสำคัญๆทีเดียว

         “อื้ม!เสร็จแล้ว” ผมบอกนอร์สก่อนจะปิดปลาสเตอร์ที่แผลบนฝ่ามือถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นการทำแผล

         “ขอบคุณครับ” นอร์สบอกผม แต่ก็ยังคงจ้องผมไม่เลิก

         “ไฟมีอะไรผิดปกติเหรอ” ผมเลิกคิ้วถามอีกคน

         “เปล่าครับเพียงแต่นอร์สชอบโมเมนต์นี้ของไฟเท่านั้นเอง” นอร์สบอกผม

         “ทำไมเหรอ โมเมนต์นี้ของไฟมันมีอะไรพิเศษอย่างนั้นเหรอ” ผมถามอีกคน

         “ก็.....มันดูอบอุ่น ดูละมุน เอาใจใส่ ถือว่าเป็นคุณสมบัติที่ดีของการเป็นหมอเลยล่ะครับ” อ๋อ!ที่แท้ก็คุณสมบัติของการเป็น

หมอนี่เองมิน่าล่ะทำไมอีกคนถึงเอาแต่จ้องมองไม่เลิก ผมคิดอะไรบางอย่างได้ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งไปให้อีกฝ่าย

         “แต่ไฟไม่ชอบเป็นหมอนี่หน่า...แต่ว่า....ถ้าจะให้เป็นเมียหมอก็โอเคอยู่นะ” ผมบอกนอร์สยิ้มๆ ก่อนจะหลุดขำเมื่อเห็นหน้า

อีกคนที่ทำหน้าเหวอเพราะปากที่เปิดกว้างจากอาการตกใจก็อดไม่ได้ที่ต้องแซว

         “หุบปากลงได้แล้วมั้งเดี๋ยวแมลงวันก็บินเข้าไปหรอก!! ฮ่าๆๆๆ” นอร์สจึงรีบเอามือปิดปาก แต่ก็ยังทำหน้าตกใจเหมือนเดิม

 เฮ้อ!นอร์สนะนอร์ส โดนแค่นี้ก็เหวอซะแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ผมนี่ขำเลยครับ!!



             
         “พี่ก็บอกถูกแล้วนะว่าม๊าให้ซื้ออันนี้”

         “แต่ม๊าบอกให้ซื้ออันนี้ไม่ใช่เหรอครับ”

         “นี่นายเถียงพี่เหรอ”

         “ผมเปล่าเถียงพี่นะครับก็ม๊าบอกมาแบบนั้นจริงๆ”

         “ดี!งั้นคืนนี้วีกับพี่เราแยกห้องกันนอน”

         “เฮ้ย!ได้ยังไงกันครับพี่ลม โอเควีผิดวีขอโทษแต่เราอย่าแยกห้องกันเลยนะ นะครับ นะๆๆๆ”

         “ไม่!!!คืนนี้วีเตรียมหาห้องนอนห้องอื่นได้เลย”

           เฮ้อ!!เสียงเอะอะโวยวายเหมือนคู่รักสามีภรรยา(?)ทะเลาะกันดังขึ้นอยู่ในห้องครัวของผมก่อนคนที่เป็นภรรยา(?)จะเดิน

หน้าหงิกหน้างอเพราะไม่พอใจคุณสามีออกมาจากครัว แถมยังไล่คุณสามี(?)ให้ไปนอนที่อื่นอีกต่างหาก ผมก็เลยอดไม่ได้ที่จะ

แหย่ทั้งคุณภรรยาและคุณสามี

         “ระวังไว้เถอะพี่ลมไล่เขาไปเดี๋ยวเขาไปนอนกับหญิงอื่นจะทำไง น้องไฟไม่อยากจะพูด ไอ้วีทั้งหล่อ ทั้งเก่ง ทั้งรวย เสน่ห์

อย่าให้บอก เรื่องเจ้าชู้ก็อย่าให้พูด แค่สาวเล็กสาวใหญ่เห็นมันเดินผ่านก็แทบจะเอาตัวเองใส่พานถวายให้มันอยู่แล้วนะ” ผมแหย่

พี่ลม ดูพี่แกจะหยุดชะงักไป ไอ้วีที่ยืนลุ้นอยู่ข้างๆก็แทบจะยืนไม่ติดเพราะอยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรต่อ

           พี่ลมหยุดเดินก่อนจะหันหน้ามามองผมกับไอ้วีช้าๆ แต่จากสายตาที่มองผม

ว่า......................................................................

         “ถ้าวีกล้าทำอย่างที่น้องไฟพูดล่ะก็....เรา-เลิก-กัน!!!” ว่าจบพี่ลมก็เดินจากไป ไอ้วีที่หน้าซีดอย่างกับไก่ต้มก็รีบวิ่งตามพี่ลม


ไป

         “เฮ้ย!!!พี่ลมเดี๋ยวก่อนรอวีด้วย มึงนะไอ้ไฟอย่าให้กูเคลียร์กับพี่ลมได้นะกูจะกลับมาฆ่าสุนัขในปากมึงงงงงง!!!” แล้วไอ้วีก็รีบ

วิ่งตามไปง้อพี่ลมที่ป่านนี้คงจะไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่แน่ๆ

         “เสียงเอะอะโวยวายอะไรกันเหรอน้องไฟ เมื่อกี้ม๊าเห็นพี่ลมเดินทำหน้าเหมือนจะฆ่าคนออกไปจากห้องครัวแล้วยังมีเจ้าวี

เพื่อนน้องไฟวิ่งตามไปอีก” ม๊าที่เก็บผักอยู่ที่ริมรั้วเพื่อเตรียมทำอาหารเย็นเดินเข้ามาถามผมถึงเสียงเอะอะโวยวายเมื่อครู่

         “ไม่มีอะไรหรอกครับม๊า แค่สามีภรรยาทะเลาะกันเฉยๆ” ผมตอบม๊า

         “หืม?” ม๊างงกับสิ่งที่ผมตอบ

         “ไม่มีอะไรหรอกครับม๊า” ผมบอกปัดม๊าเพราะม๊ากับป๊าคงจะยังไม่รู้ว่าสองคนนี้คบกัน ผมจึงไม่อยากเสี่ยงที่จะบอกเพราะรอ

ให้เจ้าตัวมาพูดกันเองน่าจะดีกว่า แต่ถ้าจะพูดถึงในตอนแรกผมก็สงสัยว่าทั้งคู่อาจจะคบกัน แต่พอฟังประโยคที่พี่ลมขู่ไอ้วีก็รู้ทัน

ทีว่าทั้งสองคนกำลังคบหาดูใจกันอยู่ แต่จะว่าไปไอ้วีนี่ก็แน่อยู่เหมือนกันเพราะถึงแม้มันจะเป็นเพื่อนสนิทของผม แต่มันก็เป็นคน

ที่เจ้า...เอ่อ...เสน่ห์แรงไปนิดซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ป๊าของผมไม่อยากได้มาเป็นลูกเขยของบ้านเพราะกลัวจะทำให้ลูกตัวเอง

ต้องมาร้องไห้เพราะกินน้ำตาใต้ศอก เฮ้อ!!งานช้างหน่อยนะเว้ยไอ้วีเพื่อนรัก อยากจะได้ลูกเสือก็ต้องเจอกับพ่อเสือ!?

         “ทำอะไรกันอยู่เหรอครับ มีอะไรให้นอร์สช่วยไหมครับ” นั่นไงครับยังพูดไม่ทันขาดคำผู้กล้าคนแรกที่กำลังเผชิญอยู่กับพ่อ

เสือเพราะอยากได้ลูกเสือ!

         “นอร์สมาก็ดีเลยลูก ม๊ากำลังอยากได้ผู้ช่วยทำอาหารเย็นอยู่พอดี” ม๊าหันไปคุยกับนอร์ส

         “อ้าวแล้วน้องไฟล่ะครับม๊า” ผมถามม๊า ถ้าเกิดม๊าจะให้นอร์สมาช่วยเป็นลูกมือทำกับข้าวแล้วผมจะมาทำหน้าที่อะไร

         “น้องไฟ?น้องไฟทำไม้เหรอ ม๊าไม่ได้บอกให้นอร์สมาเป็นผู้ช่วยม๊าสักหน่อย แต่ม๊าจะให้นอร์สมาเป็นผู้ช่วยน้องไฟทำอาหาร

ต่างหากล่ะ”

         “ห๊า!ม๊าจะให้น้องไฟทำอาหารจริงๆเหรอ ม๊าอย่ามาพูดเล่นกับน้องไฟนะ” ผมรีบถามม๊าเพราะกลัวม๊าจะแกล้งแหย่ผมเล่น

แต่พอผมมองหน้าม๊ากับแววตาที่ม๊ามองมา ผมว่านะวันนี้มันคงเป็นวันอภิมหาซวยของผมแล้วล่ะ

         “ม๊าไม่ชอบพูดเล่นนะน้องไฟ น้องไฟจะกลัวอะไรล่ะก็ในเมื่อมีนอร์สมาช่วยเป็นลูกมือ” มันก็ดีอยู่หรอกที่มีลูกมือมาคอยช่วย

แต่มันไม่เหมือนที่ผมทำกับม๊าเพราะม๊าทำอาหารขั้นเทพ บางครั้งผมทำไม่ถูกม๊าก็จะคอยแนะแล้วก็ไม่ใช่ว่านอร์สจะทำอาหารไม่

อร่อย แต่ผมไม่เคยโชว์ฝีมือตัวเองแบบฉายเดี่ยวโดยไม่มีม๊ามาแนะน่ะสิ ตายแน่ๆเลยไอ้ไฟงานนี้ ฮือๆๆ

         “แต่น้องไฟ..”

         “ไม่มีแต่น้องไฟ เชื่อมั่นในฝีมือของตัวเองหน่อยสิ” ม๊าบอกผม

         “นั่นสิครับไฟ ไฟทำได้อยู่แล้ว ไฟยังมีนอร์สช่วยนะครับไม่ได้ทำคนเดียวซะหน่อย” นอร์สบอกผม

         “เดี๋ยวม๊าไปดูป๊าก่อนนะ ฝากน้องไฟด้วยนะนอร์ส” ม๊าหันไปพูดกับนอร์สก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไป

         “นอร์สว่าเรามาทำอาหารเย็นกันเถอะครับ” พูดจบเจ้าตัวก็เดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ให้ตัวเองก่อนจะหยิบมาให้ผม

         “อื้ม” ผมตอบรับ ก่อนจะยื่นมืออกไปรับผ้ากันเปื้อนมาใส่เอง แต่ถูกอีกคนหันหนีแล้วเดินมาใส่ผ้ากันเปื้อนให้ผมแทน

         “นอร์สใส่ให้ครับ” นอร์สบอกก่อนจะจัดแจงใส่ผ้ากันเปื้อนให้ผม

         “ขอบคุณนะ” ผมขอบคุณอีกคน

         “ด้วยความยินดีอย่างยิ่งครับเชฟ ไม่ทราบว่าวันนี้เชฟคนพิเศษของนอร์สจะรังสรรค์เมนูน่าทานๆอะไรดีครับ” นอร์สถามผม

เหมือนผมเป็นเชฟประจำภัตตาคารหรู ส่วนเจ้าตัวก็ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเชฟอย่างดี
 
         “วันนี้เราจะมาทำสปาเกตตี้ผัดขี้เมาทะเล เดี๋ยวคุณนอร์สต้องหยิบกุ้ง หอยแมลงภู่ เนื้อปลาและปลาหมึกที่อยู่ในตู้เย็นออกมา

ล้างทำความสะอาด ส่วนเชฟไฟจะตั้งน้ำลวกเส้นสปาเกตตี้” ผมบอกนอร์ส

         “รับทราบครับเชฟไฟ” ว่าจบเจ้าตัวก็ทำท่าตะเบ๊ะรับคำสั่งเชฟอย่างผมแล้วเราทั้งสองคนก็ต่างไปทำหน้าที่ในส่วนของ

ตนเอง

           พอนอร์สล้างเจ้าพวก กุ้ง หอย หมึกเสร็จแล้วก็เอาเจ้าเนื้อสัตว์ทั้งหลายไปลวกในน้ำร้อนให้ พอลวกเสร็จก็เตรียมหยิบ

เครื่องปรุงมาเตรียมไว้ให้ผมทั้ง น้ำมันพืช ซีอิ๊วขาว น้ำปลา น้ำตาล พริกไทย ส่วนผมที่ลวกเส้นสปาเกตตี้เสร็จก็สับกระเทียม

หั่นพริกชี้ฟ้าเขียว-แดงพอหยาบ หั่นข้าวโพดอ่อน จากนั้นก็เด็ดใบกระเพราเพื่อเตรียมสำหรับทำสปาเกตตี้ขี้เมาทะเล

         “ทีนี้ก็ลงมือผัดสินะ” ผมบอกตัวเองก่อนตั้งน้ำมันบนกระทะไฟร้อนปานกลาง ใส่กระเทียมผัดจนเป็นสีเหลืองนวลหน้าทาน

ใส่เจ้าอาหารทะเลทั้งหลายลงผัดเกือบสุก นำเส้นสปาเกตตี้ที่ลวกในตอนแรกลงผัดพร้อมกับข้าวโพดอ่อน โดยมีผู้ช่วยคนพิเศษ

คอยช่วยหยิบวัตถุดิบต่างๆ จากนั้นปรุงรสด้วยเหล่าเครื่องปรุงรสทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น ซีอิ๊วขาว น้ำปลา พริกไทย น้ำตาลแล้วใส่

ใบกระเพรา พริกชี้ฟ้าลงไปเพื่อเพิ่มสีสันของเมนูอาหาร เมื่อส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันจึงตักใส่จาน โดยที่นอร์สอาสาจัดจานให้

ทั้งหมด 7 ที่สำหรับคนในบ้าน

         “เรียบร้อย” เมื่อผมตักสปาเกตตี้ลงจานสุดท้ายเสร็จนอร์สจึงจัดแจงถ่ายรูปเก็บไว้ถือว่าเป็นครั้งหนึ่งที่ได้แสดงบทบาทเป็น

เชฟและผู้ช่วยเชฟ

         “ทีนี้ไฟก็ยกจานเหล่านี้ไปให้ทุกคนได้ลองลิ้มชิมรสชาติกัน ไปครับเดี๋ยวนอร์สช่วยถือจานไปให้ด้วย” ว่าจบนอร์สก็ช่วยผม

ถือจานไปที่โต๊ะทานอาหารของบ้านที่ตอนนี้ทุกคนในบ้านนั่งรอทานอาหารจานนี้ของผมโดยเฉพาะ

         “มาแล้วคร๊าบบบบ ผัดสปาเกตตี้ขี้เมาทะเลโดยฝีมือเชฟไฟกับผู้ช่วยเชฟนอร์ส” ผมบอกทุกๆคนก่อนจะวางจานอาหารที่

ทำให้ทุกคนได้ลองชิมกัน

         “หน้าตาน่าทานใช้ได้เลยนะน้องไฟ ใครจัดจานล่ะ” ป๊าชมหน้าตาเจ้าสปาเกตตี้ที่ผมกับนอร์สช่วยกันสรรค์สร้างมันขึ้นมา

         “นอร์สเป็นคนช่วยน้องไฟจัดจานแล้วก็ทำอาหารครับป๊า” ผมบอกป๊า

         “อืม ใช้ได้ทีเดียวทีนี้ก็อยู่ที่รสชาตินะ” ป๊าว่าก่อนจะตักเส้นสปาเกตตี้ทาน ส่วนคนอื่นๆก็เริ่มลงมือทาน ส่วนผมกับนอร์สก็ยืน

ลุ้นกับรสชาติอาหารที่ตัวเองทำจนเผลอจับมืออีกฝ่ายไว้จนแน่น

         “ไฟตื่นเต้นจังเลยนอร์ส” ผมกระซิบบอกอีกคนพร้อมกับแรงบีบที่มือของนอร์สที่ผมบีบลงไปด้วยความตื่นเต้น จนอีกคนต้อง

คอยพูดปลอบเพื่อให้ตัวผมคลายความตื่นเต้นลง

         “ไฟทำได้อยู่แล้วครับ นอร์สเชื่อ” จากนั้นนอร์สก็บีบมือผมเบาๆเพื่อเป็นกำลังใจให้

         “อืม ป๊าว่านะรสชาติทุกอย่างโดยรวมโอเคมาก แต่......” ป๊าพูดเว้นวรรคเอาไว้ทำเอาผมลุ้นตัวโก่ง

         “มือที่จับกันไว้เมื่อไหร่จะปล่อยออกจากกันซะที” ป๊าว่าผมก่อนจะปรายตาลงมามองที่มือของผมกับนอร์สที่จับกันแน่นเพราะ

มัวแต่ตื่นเต้นแถมยังลุ้นกับคำติชม แต่พอป๊าพูดมาแบบนี้ผมกับนอร์สเราจึงรีบปล่อยมือออกจากกันโดยเร็ว

         “ทำอะไรก็หัดเกรงใจพ่อคนอื่นเขาบ้าง ลูกเขามีพ่อมีแม่จะมาจับมือต่อหน้าพ่อกับแม่เขาก็ให้มันรู้กาละเทศะหน่อยนะ” ป๊าว่า

นอร์ส ผมที่ยืนอยู่ข้างๆก็อดที่จะยิ้มขำกับคำพูดของป๊าไม่ได้ ม๊าที่นั่งทานสปาเกตตี้อยู่ข้างป๊าก้เอ่ยขึ้นขัดป๊า

         “ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรสักหน่อยป๊า ลูกเรากับนอร์สเขาเป็นแฟนกันจะจับมือถือแขนกันมันก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่ามาทำตัวหัว

โบราณหน่อยเลยป๊า” ม๊าผมว่าป๊าเข้าให้

         “ป๊าไม่ได้หัวราณนะม๊า แต่..”

         “ไม่มีแต่ป๊า ไม่เป็นไรนะนอร์สเราเป็นแฟนกันจะจับมือถือแขนมันก็เป็นสิทธิ์ของเรา แต่ก็อย่าทำอะไรที่มันลุ่มล่ามเกินเลยก็

พอ” ม๊าดุป๊าก่อนจะหันมาคุยกับนอร์สซึ่งเจ้าตัวก็รับคำตามที่ม๊าบอก ส่วนป๊าก็ได้แต่นั่งทำหน้ามุ่ยไม่พอใจม๊าที่ไม่ยอมเข้าข้างตัว

เอง

         “ผู้หมวดดูนะครับถ้าผู้หมวดมีแฟนอย่าเอาแบบม๊านะดูสิไม่เข้าข้างแถมยังว่าเราต่อหน้าลูกอีกต่างหาก” ป๊าหันไปคุยกับไอ้อิฐ

เพื่อหาพวก

         “ฮ่าๆๆๆครับป๊า ผมว่าชาตินี้ผมคงไม่มีหรอกครับเพราะรู้สึก...รักข้างเดียวแล้วมันเจ็บ” ไอ้อิฐบอกป๊ายิ้มๆ แต่หางตามันที่

เหลือบมามองผมกับแววตาเศร้าๆของมันก็อดไม่ได้ที่จะสงสาร

         “งั้นมึงก็ควรเลือกคนที่เขารักมึงสิ มึงจะได้ไม่ต้องเจ็บเพราะรักข้างเดียว” ผมว่าทั้งๆที่ก็รู้ว่าใครเป็นเหตุให้มันต้องเจ็บ

         “นั่นสิครับ บนโลกใบนี้ไม่ได้มีคนๆนั้นเพียงคนเดียวเพียงแค่คุณตัดใจจากคนนั้นแล้วเปิดใจเพื่อมองหาคนใหม่คุณก็จะได้ไม่

เจ็บ” นอร์สพูดสนับสนุนผมพร้อมทั้งบอกให้ไอ้อิฐมันยอมเปิดใจรับใครอีกคนที่ไม่ทำให้มันต้องเจ็บเข้ามาในชีวิต

         “งั้นถ้าผมบอกให้คุณตัดใจจากไอ้ไฟคุณจะทำได้ไหมครับ” ไอ้อิฐถามนอร์สกลับ ทั้งป๊าทั้งม๊าที่นั่งทานสปาเกตตี้กันอยู่ต่างก็

หยุดเพื่อรอฟังคำตอบของนอร์ส แต่คนที่ใจเต้นตุ้มๆต่อมๆก็คงจะมีผมนี่แหละที่อาการหนักกว่าเพื่อนเพราะผมกลัวกับคำตอบที่จะ

ได้รับจากอีกฝ่าย

         “ได้ครับ” เป็นเวลานานกว่านอร์สจะตอบคำถามไอ้อิฐ แต่คำตอบที่นอร์สตอบก็ทำเอาผมอึ้งไปเหมือนกันและตอนนี้ป๊าเริ่มจะ

มองนอร์สอย่างไม่พอใจ แต่ก่อนที่ป๊าจะว่าอะไรนอร์สอีกคนก็พูดขึ้นก่อน

         “ที่ผมบอกคุณว่าผมสามารถตัดใจจากพี่ไฟได้ก็ต่อเมื่อพี่ไฟเจอคนที่ดีกว่า พร้อมกว่า ให้พี่ไฟได้มากกว่าและรักพี่ไฟ

มากกว่าที่ผมรักและพี่ไฟก็รักเขาด้วยเช่นกัน วันนั้นผมก็จะเป็นคนเดินจากไป แต่ถ้าตราบใดที่พี่ไฟยังรักผมเหมือนที่ผมรักพี่ไฟ

ไม่มีวันเปลี่ยนต่อให้ผู้ชายคนนั้นเขาจะพร้อมยอมทำทุกอย่างให้พี่ไฟ ผมก็จะไม่มีวันยอมยกสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผมให้กับ

ผู้ชายคนนั้นไป ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตผมก็ยอม” นอร์สบอกกับทุกคนเสียงหนักแน่น

         “นอร์ส” ผมเรียกชื่ออีกคนเสียงแผ่วเบากับน้ำตาที่คลอบริเวณขอบตาเพราะสิ่งที่ผมได้ยินมันเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด เป็นสิ่งที่

ทำให้หัวใจพองโต จากนั้นผมจึงโผเข้ากอดอีกคนแน่น ความรู้สึกมากมายหลากหลาย ทั้งรัก ทั้งโหยหา และในทุกๆสิ่งที่ผู้ชาย

ตรงหน้าที่ชื่อนอร์สได้ทำให้ผมเสมอมา มันไม่ใช่แค่คำพูดที่หลายคนคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ลมปาก แต่ทุกคำพูดที่อีกคนพูดมามัน

เป็นสิ่งที่เขามอบให้ผมเสมอมา มันทำให้ผมได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้รักผมและไม่มีวันทอดทิ้งผม
 
นอร์สไม่ได้พูดให้ไอ้อิฐรับรู้

นอร์สไม่ได้พูดให้ป๊ายอมรับ

นอร์สไม่ได้พูดให้ทุกคนคิดว่าตัวเองเป็นคนดี

   แต่...นอร์สพูดให้ผมรู้ว่าเขารักผมและตราบใดที่ผมยังรักเขาเราจะไม่มีวันทอดทิ้งกัน
                           
     

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
         “เอาล่ะเรื่องทุกอย่างมันก็เป็นแบบนี้แหละ”

         “แล้วทำไมทุกคนถึงไม่บอกน้องไฟเลยล่ะ ไอ้อิฐมึงก็อีกคนทำอะไรก็ไม่ยอมปรึกษา นอร์สก็เหมือนกันมีอะไรก็ไม่ยอมบอก

กัน” ผมว่าเรียงทีละคน

           หลังจากที่ป๊ายอมรับนอร์สและอนุญาตให้เราทั้งสองคนรักกัน โดยที่ป๊าจะไม่ขัดขวางใดๆทั้งสิ้นไม่ว่าจะกรณีใดๆก็ตาม

แถมป๊ายังเล่าให้ฟังอีกว่าที่ใช้นอร์สไปทำงานในสวนก็เพื่อจะฝึกให้นอร์สทำงานให้ได้เพราะถ้าต้องมาคบกับลูกเจ้าของสวนต่อ

ไปตัวเองก็ต้องหยิบจับงานตรงนี้ให้เป็น ส่วนที่ให้ไอ้อิฐเทียวไปเทียวมาก็เพื่อที่จะทดสอบใจของนอร์ส ถ้าหากเจ้าตัวมาเห็นคน

รักอยู่กับคนอื่นแล้วคนอื่นมาจีบคนที่ตัวเองรักจะทำอย่างไร ซึ่งป๊าไม่ชอบคนที่หึงแล้วใช้กำลังแล้วนอร์สก็เลือกที่จะไม่ใช้กำลัง

เพียงแต่ทำให้คนรักของตัวเองเลือกที่จะรักตัวเองพยายามทำตัวเองให้คนรักเห็นว่ามีอะไรที่ดีกว่าคนที่มาจีบ ซึ่งนอร์สทำผ่าน

หมดทุกข้อจนมาถึงข้อสุดท้ายคือความจริงใจและจริงจังที่นอร์สมีต่อผม เหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่ป๊ากับไอ้อิฐร่วมมือกันเพื่อ

พิสูจน์ข้อสุดท้ายและคำตอบของนอร์สในตอนแรกก็ทำให้ป๊าเลือดขึ้นหน้า แต่พอมาเจอประโยคถัดไปก็ยอมอ่อนข้อและรับนอร์ส

เข้ามาเป็นหนึ่งในครอบครัวของเรา

         “ที่ป๊าไม่อยากบอกก็เพราะอยากจะทดสอบนอร์สแล้วก็อยากให้มันเป็นความลับ ถ้าหากป๊าบอกน้องไฟเรื่องทุกอย่างก็ไม่

เป็นความลับน่ะสิ” ป๊าผมหาข้ออ้างเพื่อให้มันดูดี ผมเองก็ไม่รู้จะว่าอะไรอีกเพราะยังไงป๊าผมก็ต้องหยิบยกข้ออ้างที่ดีกว่านี้มาพูด

กับผมอีกแน่

         “แล้วนี่พี่ลมไปไหนซะล่ะ ตอนที่ป๊ามาถึงเหมือนจะเห็นแวบๆว่ามาแล้วนะ” พอเคลียร์เรื่องทุกอย่างลงตัวป๊าก็ถามถึงพี่ชาย

ตัวดีของผมที่ตอนนี้พี่แกยังไม่กลับบ้าน

         “นั่นไงป๊าเดินยิ้มมาแต่ไกลโน่นเลย” ผมที่หาข้ออ้างมาเพื่ออ้างป๊าไม่ให้รู้ว่าที่ตอนนี้พี่ลมไม่ยอมกลับบ้านเพราะงอนไอ้วีแล้ว

ไอ้วีก็กำลังตามไปง้อ แต่พอหันกลับไปที่ประตูก็เจอเจ้าของเรื่องเดินยิ้มหน้าบานพร้อมถือช่อดอกกุหลาบขาวช่อใหญ่

         “อ้าวป๊าสวัสดีครับ ป๊ากลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะทำไมพี่ลมถึงไม่เห็นรู้เลย” พี่ลมวางดอกกุหลาบขาวช่อโตไว้ที่โต๊ะก่อน

จะเดินเข้ามากอดป๊าอย่างอ้อนๆ

         “แล้วพี่ลมจะรู้ได้ไงล่ะว่าป๊ากลับมาบ้านแล้วก็พี่ลมมัวแต่หายไปไหนก็ไม่รู้แล้วยังมีหน้ามาถามป๊าอีก” พูดจบป๊าก็ยื่นมือไป

บีบจมูกเล่นเบาๆ

         “ทำไรเนี่ยป๊า อายน้องไฟกับไอ้วีบ้างเหอะ” พี่ลมบอกป๊าก่อนจะส่ายหัวไปมาเพื่อให้ป๊าเอามือออกจากจมูกตัวเอง ป๊าชอบมา

เล่าให้ผมฟังตลอดเลยว่าชอบบีบจมูกพี่ลมเล่นเพราะจมูกพี่แกเล่นโด่งอย่างกับคนเชื้อสายชาวตะวันตก

         “ไม่เห็นต้องอายอะไรเลยพี่ลม น้องไฟว่าน่ารักดีออก” ผมมองสองพ่อลูกเล่นกันเป็นเด็กๆซึ่งมันก็เป็นภาพที่น่ารักดีทีเดียว

         “เมื่อกี้พี่ลมพูดถึงวี ใช่นายปฐวีเพื่อนน้องไฟรึเปล่า” ป๊าถามพี่ลม

         “ใช่ครับป๊า สวัสดีครับป๊า” คำตอบนี้พี่ลมไม่ได้เป็นคนตอบแต่ไอ้วีเพื่อนรักเพื่อนเลิฟของผมมันเป็นคนตอบป๊าแทน

         “อืม สวัสดีแล้วนี่มานานรึยังล่ะ” ป๊ารับไหว้ไอ้วีก่อนที่จะผายมือให้อีกคนนั่ง ซึ่งไอ้วีเลือกนั่งข้างๆพี่ลมโดยที่มีสายตาของป๊า

จ้องไม่ห่าง จากนั้นจึงถามเรื่องทั่วๆไป

         “ก็เพิ่งมาถึงวันนี้ครับ” ไอ้วีตอบป๊า

         “แล้วพักกับใครอะไรยังไงล่ะ” ป๊าเริ่มซักถามถึงห้องพักคืนนี้ของไอ้วี

         “เอ่อ...ผมพักอยู่กับพี่ลมครับ” ไอ้วีอ้ำๆอึ้งๆตอบป๊า

         “หืม? พักห้องเดียวกับพี่ลมอย่างนี้มันจะไม่อึดอัดแย่เหรอ ห้องรับแขกของบ้านก็มีเหลืออีกหลายห้องเปลี่ยนไปนอนห้องอื่น

น่าจะสะดวกกว่านะ” ป๊าเริ่มจะทำการแยกสองคนนี้ออกจากกัน ผมที่นั่งฟังป๊าซักถามโดยมีไอ้วีเป็นคนตอบก็อดสงสารมันไม่ได้ที่

ต้องมาตอบคำถามของป๊า สู้ๆนะเพื่อน กูรู้ว่ามึงทำได้

         “ไม่เป็นไรหรอกป๊าห้องของพี่ลมใหญ่จะตาย พี่ลมกับวีขอตัวไปจัดของที่ห้องก่อนนะ ไปวีไปจัดของที่ห้องเถอะ” แล้วพี่ลมก็

ลากไอ้วีให้ไปจัดของที่ห้องพัก

         “เฮ้อ!เจ้าลูกคนนี้”

         “โถ่ป๊าปล่อยๆพี่ลมบ้างก็ได้” ผมบอกป๊า

         “ปล่อยพี่ลมเหมือนอย่างกับปล่อยเรางั้นเหรอ มันคนละเรื่องกันเลยนะน้องไฟ นอร์สเขาได้พิสูจน์ตัวแล้วแต่เพื่อนน้องไฟคน

นี้ป๊าไม่ไว้ใจเลย” ป๊าส่ายหัวเมื่อพูดถึงไอ้วี

         “มันก็ไม่เสมอไปหรอกนะป๊า บางทีคนที่เราคิดว่าดีอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่เราคิดก็ได้นะ เดี๋ยวน้องไฟขอตัวไปดูนอร์สก่อนนะ

ครับ อย่าคิดมากล่ะ” ผมบอกป๊าก่อนจะเตรียมลุกไปหานอร์สที่ห้อง แต่ก็ต้องชะงักกับประโยคตัดพ้อของป๊า

         “มีลูกลูกก็ทิ้งปล่อยให้เราต้องนั่งเหงาเดียวดายเป็นตาแก่หงำหงึกอยู่คนเดียวเปลี่ยวใจไทยแลนด์ เฮ้อ!ชีวิตหนอชีวิต

อนิจจังทุกขังอนัตตา” ป๊ารำพึงรำพันในความละเลยของลูกที่ต้องปล่อยให้ตัวเองอยู่คนเดียวอย่างเหงาๆก็อดทำให้ผมยิ้มขำกับ

คำรำพึงมากกว่าสงสารที่ป๊าต้องอยู่คนเดียว

         “ป๊าก็มีม๊าไม่ใช่เหรอน้องไฟว่าน้องไฟไปดีกว่าไม่อยากเห็นคนแก่ตัดพ้อ ฮ่าๆๆๆๆ” ผมว่าทิ้งท้ายก่อนจะรีบวิ่งออกมาจากป๊า

เพราะไม่งั้นระเบิดจะลงที่ผมแน่ๆ

           ก็อกๆๆๆ

         “นอร์สไฟเองนะ” ผมเดินตรงดิ่งมาหานอร์สก่อนจะเคาะประตูเพื่อเรียกอีกฝ่ายเพราะได้ยินเสียงเหมือนอีกคนจะคุยโทรศัพท์

กับใครบางคนอยู่ถึงได้เดินมาเปิดประตูให้ช้า

         “ขอโทษนะครับพอดีคุยธุระนิดหน่อยเลยเปิดประตูให้ช้า”

         “ไม่เป็นไรหรอกแล้วนี่คุยเสร็จแล้วยังอ่ะ ไฟเข้ามากวนรึเปล่า” ผมถามอีกคนก่อนจะเดินไปนั่งที่ปลายเพราะกลัวว่าตัวเองจะ

เข้ามาขัดธุระของอีกฝ่าย

         “ไม่เลยครับ นอร์สคุยเสร็จพอดี” ว่าจบนอร์สก็เดินขึ้นมาบนเตียงนอนก่อนจะเอนนอนหนุนตักผมเหมือนเช่นทุกครั้งที่เราอยู่

ด้วยกันสองคน

         “วันนี้นอร์สมีความสุขที่สุดเลยนะครับ”

         “อื้ม วันนี้ไฟก็มีความสุขที่สุดเหมือนกัน ขอบคุณนะสำหรับเรื่องในตอนนั้น” ผมขอบคุณอีกคนจากใจ

         “นอร์สต่างหากที่ต้องขอบคุณไฟที่ทำให้นอร์สได้รู้จักกับคำว่ารัก” นอร์สบอกผมก่อนจะกุมมือผมขึ้นจุมพิตเบาๆ

         “แล้วเรื่องของคุณเจนแล้วก็คุณหญิงแม่ของนอร์สล่ะจะว่ายังไง ไฟคิดว่าท่านคงจะไม่ยอมให้เราได้คบกันหรอกนะ” ผมคิด

มาตลอดถึงเรื่องแม่ของนอร์สที่ต้องไม่เห็นดีเห็นงานกับการคบกันของผมกับนอร์สแน่ๆ

         “เรื่องนั้นไฟไม่ต้องห่วงหรอกนะครับเดี๋ยวนอร์สจัดการเองแล้วเราก็หยุดพูดเรื่องเครียดๆดีกว่านะครับเพราะนอร์สอยากจะ

เก็บเกี่ยวช่วงเวลาแบบนี้เอาไว้เยอะๆ” นอร์สบอกผม ผมจึงพยักหน้ารับ

         “นอร์สเรื่องวันนี้อ่ะ นอร์สพูดจริงๆเหรอว่าจะไม่ทิ้งไฟ”

         “จริงสิครับก็ไฟเป็นคนที่นอร์สรักแล้วนอร์สจะทิ้งไฟได้ยังไง นอร์สว่านี่ก็ดึกแล้วเรานอนพักผ่อนกันดีกว่า” ว่าจบนอร์สก็

รีบดึงผมให้นอนลงข้างกัน

         “เดี๋ยวก่อนสินอร์สเรายังไม่ได้อาบน้ำกันเลยนะ ไฟเหม็นรึเปล่าก็ไม่รู้”

         “งั้นก็ให้นอร์สพิสูจน์สิครับว่าเหม็นรึปล่า” นอร์สบอกผม แต่สายตาเจ้าเล่ห์ชอบกล

         “บ้า!!” จากนั้นผมก็หลับอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดเลยก็ว่าได้................................
















มาแล้วกับตอนต่อไป ตอนนี้รู้สึกจะเน้นหนักไปทางของกินมากกว่าตอนอื่นๆ 555555 ยังไงซะเรื่องราวของสองคนกำลังไปได้

สวย แต่ไม่รุ้ว่าจะเจอกับอุปสรรคอะไรกันบ้าง เอาเป็นว่าอยากรู้ก็อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะคะ อ้อ ลืมบอกไปว่าใครที่อยากรู้

เรื่องราวของ ปฐวี กับ พี่ลม ล่ะก็ ดีสอัพลงเด็กดีไปนานแล้ว ถ้าหากว่าใครอยากจะรุ้ก่อนก็ตามไปอ่านได้นะคะเพราะเดี่ยวหลัง

จากลงเรื่องนี้จบจะลงเรื่องของนายปฐวีกับพี่ลมค่ะ ^^

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
คุณพ่อขี้หวงเริ่มออกอาการอีกแล้วสินะคะ :m20:

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
              แผนการร้ายครั้งที่ 16 : ความรักก็เหมือนสายลม........คุณไม่อาจมองเห็น แต่รู้สึกถึงมันได้เสมอ

         “อืม นอร์ส” ผมที่เพิ่งจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะแสงแดดจากทางหน้าต่างที่เล็ดรอดเข้ามาตามช่องหน้าต่างที่ถูกเปิดแง้มเอา

ไว้

         “หืม?นอร์สไม่อยู่เหรอ” ผมลุกจากที่นอนก่อนจะมองหาเจ้าของห้องอีกคนที่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าตัวภายในห้องก็อดนึก

สงสัยไม่ได้ว่าเจ้าตัวนั้นไปอยู่ที่ไหน

         “เอ หรือว่านอร์สจะอยู่กับป๊า” พอนึกได้ผมก็รีบกลับห้องไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วเพื่อไปถามป๊าว่าเห็นนอร์สบ้างรึเปล่า

         “ป๊าเห็นนอร์สบ้างไหมครับ” ผมที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็เดินมาหาป๊าที่หน้าบ้านซึ่งป๊ากำลังนั่งดื่มกาแฟและคุยงานอยู่กับ

ไอ้อิฐ

         “ไม่นะป๊ายังไม่เห็นนอร์สตั้งแต่เช้าแล้ว” ป๊าบอกผม

         “แหม ตัวติดกันเชียวนะมึง” ไอ้อิฐค่อนขอดผม

         “มึงไม่ต้องมาว่ากูเลย แหมทีมึงมาบ้านกูทุกวันกูยังไม่ว่ามึงเลยหรือว่าที่มึงมาที่นี่ทุกวันเพราะมึงคิดอะไรกับพ่อกู” ผมว่าไอ้

อิฐมันกลับ

         “ไอ้เวร กูไม่ได้คิดอะไรกับพ่อมึงซะหน่อย แต่กูคิดอะไรกับลูกเขาต่างหาก” ไอ้อิฐมันพูดก่อนจะยักคิ้วหลิ่วตา

         “อะแฮ่ม!ผู้หมวดครับเรายุติข้อตกลงกันหมดแล้วครับไม่ต้องเล่นเพิ่มหรอกครับเพราะยังไงผมก็ไม่จ่ายค่าตัว แต่ผู้หมวดอาจ

จะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองนะครับ” ป๊าผมพูดกับไอ้อิฐน้ำเสียงนิ่งๆ ผมที่เห็นหน้ามันส่งยิ้มแหยๆให้ป๊าก็นึกขำ ไหนตอนแรก

เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย แต่ตอนนี้ไหงตอนนี้ดังแล้วแยกวง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ   
         
         “อุ้ย!ครับ ผมรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองแกลบเกินไปยังไม่อยากรีบจ่ายค่ารักษาพยาบาลครับ” ไอ้อิฐบอกป๊า

         “แล้วสรุปว่าไม่มีใครเห็นนอร์สเลยเหรอครับ” ผมถามป๊ากับไอ้อิฐซึ่งทั้งคู่ก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

         “เฮ้อ!แล้วนอร์สไปอยู่ที่ไหนนะ” ผมบ่นกับตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปโทรศัพท์หาอีกฝ่ายที่ห้อง

         “อ้าว พี่ลมจะไปไหนเหรอออกข้างนอกแต่เช้าเชียว” ผมทักพี่ลมที่ดูท่าทางรีบร้อนออกจากบ้าน

         “ธุระนิดหน่อยน่ะ” พี่ลมหยุดตอบผม

         “แล้วนี่องครักษ์ส่วนตัวของพี่ไปไหนซะล่ะ” ผมถามถึงไอ้วีเพราะทุกทีพี่แกกับไอ้วีตัวติดกันยิ่งกว่าปาท่องโก๋เสียอีก

         “อ๋อกำลังตามมาน่ะ” ว่ายังไม่ทันจบไอ้วีก็วิ่งกระหืดกระหอบออกมา

         “ช้าจริงวีรู้นะว่าพี่รีบยังจะช้าอีกเดี๋ยวก็ไม่ทันฤกษ์ทันเวลากันพอดี” พอไอ้วีเดินมาถึงพี่ลมก็สวดอีกคนชุดใหญ่ แต่เดี๋ยวนะเมื่อ

กี้พี่ลมกลัวไม่ทันฤกษ์ เอ่อ...ฤกษ์อะไร?

         “เอ่อ...พี่ลมไม่ทันฤกษ์อะไรเหรอ” ผมถามพี่ลม

         “เอ่อ...ฤกษ์...ฤกษ์ซื้อน้องหมาน่ะ” พี่ลมตอบผม

         “ห๊ะ!ซื้อน้องหมาต้องมีฤฏษ์ด้วยเหรอพี่ลม พี่ลมเพี้ยนปะเนี่ย” ผมว่าพี่ลม แต่เจ้าตัวไม่ตอบอะไรได้แต่ส่งยิ้มแหยๆมาให้แล้วก็

ลากไอ้วีให้ตามออกไป

                                                       ฤกษ์อะไรของเขากันนะ!?
                   
         “น้องไฟไปหยิบผลไม้ในตู้เย็นมาให้ม๊าหน่อยสิม๊าจะได้ปลอกแช่เย็นเอาไว้”

         “ครับม๊า” ผมจึงเดินไปหยิบผลไม้สองสามอย่างมาให้ม๊าปลอกแช่เย็นไว้

           หลังจากที่พี่ลมกับไอ้วีออกจากบ้านไปพร้อมกับทิ้งคำพูดแปลกๆอย่างเช่น ไม่ทันฤกษ์ ไม่ทันเวลา แต่พอถามอีกคนก็บอก

ว่าฤกษ์ซื้อน้เองหมา บ้านไหนที่เขาจะซื้อน้องหมาต้องดูฤกษ์ดูยามกันบ้างฟร้ะ!!! ผมเลยเข้ามาช่วยม๊าทำกับข้าวในครัว แต่ก่อน

หน้านั้นผมลองโทรหาอีกคนแต่ก็ไร้วี่แววเพราะอีกคนไม่ยอมรับสายยิ่งทำให้ผมเป็นกังวลมากขึ้นเพราะอีกคนหายไปที่ไหน อะไร

ยังไง ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้และที่สำคัญก็ไม่ยอมบอกผมอีกต่างหาก

         “คุณผู้หญิงขาคุณผู้หญิงมีคนมาหาคุณผู้หญิง คุณผู้ชายแล้วก็คุณหนูเล็กค่า คุณผู้หญิงขา” เสียงพี่มะลิตะโกนเรียกม๊ากับป๊า

ดังมาแต่ไกลถึงแขกที่มาหา ผมไม่แปลกใจเท่าไรที่จะมีใครมาหาป๊ากับม๊าเพราะทั้งป๊าและม๊าก็มีคนรู้จักมากพอสมควรแต่ที่น่า

แปลกที่คนที่มาหาป๊ากับม๊าจะมาหาผมด้วย!?

         “โอ๊ย!ตะโกนครั้งเดียวเขาก็ได้ยินกันทั้งบ้านแล้วมะลิจะตะโกนอะไรนักหนาแล้วคุณผู้ชายล่ะมารึยัง” ม๊าเอ็ดพี่มะลิก่อนจะถาม

ถึงป๊า

         “ตอนนี้คุณผู้ชายกำลังคุยกับแขกอยู่ค่ะ” พี่มะลิบอกม๊า

         “ดีแล้วงั้นเดี๋ยวมะลิมาจัดผลไม้ต่อก็แล้วกันนะ” ม๊าสั่งพี่มะลิ

         “ได้ค่ะคุณผู้หญิง” พี่มะลิรับคำ

         “ไปน้องไฟแต่งตัวให้เรียบร้อยไปดูกันซิว่าใครมาหา” ม๊าบอกผมก่อนจะจัดเสื้อผ้าของผมให้เข้าที่ให้เรียบร้อยก่อนที่เราทั้ง

สองคนจะเดินออกไปที่ห้องรับแขกของบ้าน

           ผมกับม๊าเราทั้งคู่เดินมาที่ห้องรับแขกของบ้านเห็นป๊ากำลังนั่งคุยอยู่กับแขกที่มาหาเมื่อครู่ก่อนจะเรียกผมกับม๊าเข้ามา

         “อ้าว มาโน่นแล้วครับ มานั่งเร็วม๊า น้องไฟ” ป๊าเรียก ผมจึงเดินเข้าไปแต่พอเดินเข้าไปแล้วรู้ว่าแขกที่มาหาทั้งป๊าม๊าแล้วก็ผม

เป็นใครก็ทำเอาผมช็อกไปชั่วครู่ นั่นมันพ่อนอร์สนี่หน่า แล้ว.....แล้ว..พ่อนอร์สมาทำแมวอะไรที่นี่!!!!

         “เราคงจะรู้จักพันตำรวจเอกอนุเทพ เกรียงณรงค์รักษ์นะ แต่ป๊าก็จะให้เรารู้จักกันอย่างเป็นทางการพันเอกอนุเทพ เกรียง

ณรงค์รักษ์หรือพ่อของนอร์ส” ป๊าแนะนำพ่อนอร์สให้ผมได้รู้จักอย่างเป็นทางการ ผมจึงยกมือไหว้ท่านตามมารยาท

         “สวัสดีครับคุณลุง” ผมทัก พ่อของนอร์สรับไหว้ผมก่อนจะยิ้มให้อย่างเอ็นดู

         “อืม สวัสดีแล้วทีหน้าทีหลังไม่ต้องเรียกลุงนะเรียกพ่อก็ได้เพราะยังไงซะเราก็จะเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว” พ่อนอร์สว่า

         “เอ่อ..ครับ..คุณพ่อ” ผมว่าแต่ก็ยังงงๆอยู่ดีถึงแม้จะรู้ความหมายที่อีกคนสื่อแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเราจะมาเป็นทองแผ่น

เดียวกันพูดอย่างกับจะมาสู่ขอผมงั้นแหละ.... เฮ้ย!!!!หรือว่า?!

         “ส่วนนี่คือน้องไฟลูกชายผมครับ” ป๊าบอก จากนั้นพ่อของนอร์สก็คุยถึงธุระที่มาในวันนี้

         “เอาล่ะผมว่าเรามาคุยถึงธุระที่ผมมาวันนี้ดีกว่าอย่างว่าล่ะครับผมเป็นทหาร ฉะนั้นผมก็เป็นคนตรงๆที่ผมมาในวันนี้คือจะมา

สู่ขอลูกของคุณอัศวินให้เจ้านอร์สมันไม่ทราบว่าทางคุณอัศวินมีปัญหาขัดข้องอะไรรึเปล่าครับ” พ่อของนอร์สไม่พูดพร่ำทำเพลง

มาถึงก็พูดถึงธุระของตนเองที่มาในวันนี้ได้ไม่อ้อมค้อม แต่นั้นมันทำให้ผมรู้สึกเขินเสียมากกว่า

         “ผมกับภรรยาก็ไม่ได้มีปัญหาขัดข้องแต่อย่างใดหรอกครับเพราะเรื่องนี้คงต้องรอการตัดสินใจของน้องไฟเสียมากกว่า ว่ายัง

ไงล่ะน้องไฟเราจะตกลงไหม” ป๊าบอกพ่อของนอร์สก่อนจะหันมาถามเอาคำตอบจากผม ผมที่โดนคำถามนี้เข้าไปก็ไม่รู้ว่าจะตอบ

ยังไง ไอ้ครั้นจะให้ปฏิเสธมันก็ดูจะเป็นการทำลายหน้าพ่อของนอร์สละความรู้สึกของอีกคนไม่ใช่ว่าผมจะไม่อยากตอบรับเพียงแต่

มันยังมีปัญหาคาราคาซังเหลือให้ผมกับนอร์สกลับไปแก้ปัญหาอีกเยอะและถ้าหากผมตอบรับแล้วเกิดมีปัญหากับคุณหญิงแม่ของ

นอร์สขึ้นมาจะทำยังไง

         “เอ่อ....คือว่า” ผมได้แต่อ้ำๆอึ้งๆไม่ตอบเสียทีนอร์สเลยพูดขัดขึ้น

         “ไม่ต้องกังวลเรื่องคุณแม่หรอกครับเดี๋ยวนอร์สกับคุณพ่อจะไปคุยกับท่านเอง” นอร์สบอกกับผม

         “แต่ว่า” ผมก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่าท่านจะยอม

         “งั้นก็เอาอย่างนี้สิเราทั้งสองคนก็หมั้นกันไปก่อนแล้วค่อยเคลียร์ปัญหาต่างๆได้เรียบร้อยก็ค่อยแต่งกัน ป๊าว่ามันก็ไม่ได้เสีย

หายอะไรนะ” ป๊าผมเสนอซึ่งหลายๆคนก็ดูจะเห็นด้วยกับความคิดนี้

         “นั่นสิครับแล้วพี่ไฟว่ายังไงครับจะยอมหมั้นกับนอร์สไหม” คราวนี้นรอร์สเป็นคนถามผมเองคือจะให้ผมตอบตอนนี้มันก็ดูจะ

เขินปากตัวเองน่าดู ผมได้แต่เม้มปาก กัดปากทำมันสารพัดวิธีเพื่อให้ตัวเองพูดให้ได้สุดท้ายผมเลยต้องส่งเสียงผ่านลำคอก่อนจะ

พยักหน้าตกลง

         “อืม” โอ๊ย!เขินชะมัดเลย

         “ทีนี้เราก็มาดูวันหมั้นกันคือผมอยากได้ให้เร็วที่สุดคุณอัศวินว่ายังไงครับ” พ่อนอร์สถามป๊า

         “เอาไงดีม๊าเห็นด้วยไหม” ป๊าก็หันมาถามม๊าอีกทีซึ่งมาก็เห็นด้วยก่อนจะแสดงความคิดเห็น

         “ม๊าเห็นด้วยนะป๊าแล้วคุณอนุเทพอยากได้วันไหนดีคะ” ม๊าหันไปถามพ่อนอร์ส ก่อนที่อีกคนจะยิ้มพร้อมกับตอบคำถาม

         “พรุ่งนั้ครับ”
                       
         “ผมหวังว่าค่าสินสอดทองหมั้นแค่นี้ก็คงพอนะครับ”

         “แค่นี้ก็เกินความคาดหมายแล้วครับ”

         “งั้นก็ดีเลยครับผมจะได้ไม่รู้สึกผิดหวังที่เตรียมค่าสินสอดมาได้ถูกใจว่าที่พ่อสะใภ้ ฮ่าๆๆๆๆ”

         “ถูกใจแน่นอนครับพ่อของว่าที่ลูกเขยจัดสินสอดชุดใหญ่ให้ทั้งที”

           บทสนทนาระหว่างป๊ากับพ่อของนอร์สคุยกันเรื่องค่าสินสอดทองหมั้นที่จะใช้ในงานหมั้นในวันพรุ่งนี้เพราะหลังจากที่พ่อ

ของนอร์สบอกจะจัดงานหมั้นในวันพรุ่งนี้อยู่ดีๆพี่ลมกับไอ้วีก็เดินถือสินสอดที่พ่อของนอร์สเตรียมาไว้ให้ขึ้นมาในบ้านและนั่นก็

ทำให้ผมรู้ความจริงว่า ไอ้ฤกษ์ที่พี่แกกลัวนักกลัวหนาว่าจะไม่ทันก็คือไอ้ฤกษ์ที่นอร์สจะพาพ่อมาขอหมั้นผม!!!

           ค่าสินสอดทองหมั้นที่ทางพ่อของนอร์สจะมอบให้นับได้ว่าเป็นจำนวนเงินที่เรียกได้ว่าทอล์คออฟเดอะทาวน์เลยก็ว่าได้

เพราะแค่จำนวนเงินที่เอามาหมั้นก็เยอะมากพอแล้วไหนจะมีสร้อยทอง รถยนตร์และคอนโดอีกหนึ่งห้องเบ็ดเสร็จรวมทรัพย์สินก็

เกือบๆ 30 ล้านเข้าไปแล้วแถมยังบอกอีกว่านี่แค่ค่าสินสอดงานหมั้น แต่ถ้าผมกับนอร์สแต่งกันเมื่อไหร่รับรองว่ายิ่งใหญ่กว่านี้แน่

         “นอร์สนะนอร์สทำอะไรไม่ยอมปรึกษไฟเลยนะ” ผมว่านอร์ส

         “ก็ถ้านอร์สบอกไฟมันจะเซอร์ไพรส์ไหมล่ะครับ” นอร์สอธิบายให้ผมฟัง ผมจึงเดินหนีอีกคนไปนั่งที่โต๊ะกลางทุ่ง

           หลังจากที่ป๊าผมกับพ่อของนอร์สคุยกันเรื่องสถานที่และแขกที่จะมางานกันเสร็จผมกับนอร์สเลยขอตัวซึ่งผมพาอีกคนออก

มาที่ทุ่งนาคุยกันเรื่องงานหมั้นที่เจ้าตัวทำเองโดยไม่ปรึกษาหารือผมซักคำ

         “โถ่!ไฟครับก็นอร์สอยากให้ไฟเซอร์ไพรส์ไงครับไฟไม่ชอบเหรอครับ” นอร์สว่าก่อนจะเดินตามผมมาที่โต๊ะก่อนเจ้าตัวจะนั่ง

ลงข้างกัน

         “ไม่ ก็นอร์สทำอะไรไม่ยอมปรึกษาไฟก่อนนี่หน่าแล้วถ้าเกิดคุณหญิงแม่ของนอร์สรู้เข้าท่านจะไม่โกรธนอร์สเหรอแล้วถ้าหาก

เราหมั้นกันแล้วท่านไม่ยอมรับไฟล่ะคราวนี้คนที่เสียใจไม่ใช่เราสองคนเหรอ”

         “ไฟครับไฟฟังนอร์สนะครับเราทั้งคู่ก็เคยผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาด้วยกันแต่ถ้านี่จะเป็นบททดสอบความรักที่เรามีต่อกันมันยิ่ง

ไม่ทำให้เรารักกันมากยิ่งขึ้นหรอกเหรอครับ” นอร์สบอกผมก่อนจะหยิบมือผมขึ้นไปกุมจากนั้นเจ้าตัวก็ก้มลงจุมพิตแผ่วเบา

         “นอร์สเชื่อว่าเราจะต้องผ่านมันไปได้ครับเชื่อนอร์สนะครับ ผมเชื่อในความรักของเรานะครับไฟ” นอร์สบอกผมก่อนที่จะรวบ

ตัวผมเข้าไปกอด มันเป็นกอดที่ทั้งแนบแน่นและให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

         “อื้ม ไฟจะเชื่อในความรักของเราและเราก็จะผ่านมันไปด้วยกันนะ”  ผมบอกนอร์ส เราสองคนจะเชื่อมั่นในความรักและเราก็จะ

ต้องข้ามผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน

         “นอร์สมีเรื่องอยากจะถามไฟครับ”

         “หืม มีอะไรเหรอ”

         “มีใครที่เคยนอนตักไฟแล้วไฟลูบหัวให้แบบนี้ไหมครับ” นอร์สถามผมเพราะตอนนี้เจ้าตัวนอนตักผมและให้ผมลูบหัวเหมือน

อย่างที่เจ้าตัวมักชอบทำ

         “อืม ก็มีนะ” ผมตอบนอร์สเพราะเท่าที่จำได้ก้เคยทำแบบนี้เพียงแต่ไม่บ่อยเท่านั้นเอง

         “กับใครเหรอครับ” นอร์สถามผมแต่น้ำเสียงดูจะติดห้วนๆขึ้นนิดนึง

         “เจฟสัน”

         “ลูกครึ่งเหรอครับ” หืม?สุนัขเขาใช้คำว่าลูกครึ่งด้วยเหรอเห็นเคยได้ยินแต่ลูกผสม

      “ไม่รู้สิ ต้องลองถามเจ้าของเขาดู แต่ว่าตอนนี้เจ้าของเขาย้ายบ้านไปแล้วล่ะไม่รู้ว่าจะกลับมาเที่ยวที่นี่อีกรึเปล่า” ผมตอบแต่

นอร์สกลับเลิกคิ้วงงๆซะงั้น

         “เจ้าของ?” นอร์สทวนคำ

         “อืม เจ้าเจฟสันมันมีเจ้าของแล้วเป็นสุนัขที่น่ารักแล้วก็เชื่องมากๆๆด้วยนะเสียดายที่เจ้าของบ้านเขาย้ายไปแล้วไม่งั้นนะนอร์ส

จะต้องรักเจ้าเจฟสันจนลืมไฟแน่ๆเลย” เพราะขนาดพี่ลมที่ไม่ค่อยจะถูกกับบรรดาสัตว์เลี้ยงทั้งหลายยังหลงรักเจ้าเจฟสันเหมือน

เป็นลูกของตัวเองเลย

         “เดี๋ยวก่อนนะครับเอ่อ..เจ้าเจฟสันนี่คือสุนัขเหรอครับ” นอร์สถาม

         “ใช่ ป่านนี้ก็คงจะได้หลายเดือนแล้วล่ะพูดแล้วก็คิดถึง” ผมลูปบหัวให้อีกคนแต่อยู่ดีๆนอร์สก็ผุดลุกขึ้นนั่งอย่างที่ผมแทบจะ

ไม่ทันได้ตั้งตัว

          “โถ่!ไฟครับผมถามเนี่ยหมายถึงคนไม่ใช่เจ้าตูบสักหน่อย” นอร์สดูจะเหวี่ยงหน่อยๆ ผมเลยคิดว่าสิ่งที่เจ้าตัวเข้าใจคงจะเป็น

คนไม่ใช่สุนัข

         “อ้าวก็นอร์สถามว่าไฟเคยทำแบบนี้กับใครแต่นอร์สไม่ได้ระบุว่าเป็นคน สัตว์หรือสิ่งของจะมาโทษไฟไม่ได้นะ” ผมว่านอร์ส

ทั้งๆที่ผมก็เข้าใจตั้งแต่แรกแล้วว่านอร์สหมายถึงคนไม่ใช่เจ้าตูบ

         “เฮ้ย!เล่นบ้าอะไรของนอร์สเนี่ย” หลังจากที่ผมว่าอีกคนไปอยู่ดีๆเจ้าตัวก็ผลักผมนอนกับโต๊ะก่อนจะขึ้นคร่อมผมไว้ซะงั้น

แถมยังมาทำท่าล่อแหลมกลางทุ่งนาอีกต่างหาก ผมล่ะเครียดกับนอร์สจริงๆ

         “ก็ไฟอยากแกล้งนอร์สก่อน นอร์สจะทำอะไรมันก็เรื่องของนอร์สไฟไม่มีสิทธิ์มาว่านอร์ส” นอร์สพูดกับผมและท่าทางที่ดูเอา

จริงของอีกคนก็ทำเอาผมขนลุกซุ่เหมือนกัน

         “ไฟขอโทษก็ไฟอยากให้นอร์สคลายเครียดเท่านั้นเอง” ผมพยายามพูดดีๆกับอีกคน แต่อีกคนกลับไม่สนใจแถมยังโน้มหน้า

เข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ อ๊ากกกกกกกก ผมอยากจะมีแหวนแบบโฟรโด้จะได้สวมแล้วหายไปจากสถานการณ์ตอนนี้จริงๆ ผมได้แต่

หลับตาปี๋แล้วยิ่งอีกคนที่โน้มหน้าลงต่ำเรื่อยๆ ลมหยใจที่ห่างจากหน้าผมเหลือไม่ถึงคืบก็ชวนเอาหัวใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ แต่เมื่อเวลา

ผ่านไปเกือบห้านาทีก็ไม่เห็นวี่แววว่าอีกคนจะทำอะไรผมเลยลองค่อยๆลืมตาที่หลับขึ้นก็เห็นอีกคนมองจ้องอยู่

         “คราวหน้าคราวหลังอย่าทำแบบนี้นะครับ ไฟก็รู้ว่านอร์สไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับคนที่นอร์สรักเพราะนอร์สหึงและหวงมาก”

พออีกคนพูดเสร็จก็ลุกออกจากตัวผม ผมจึงค่อยๆลุกตามอีกฝ่าย

         “ขอโทษนะ” ผมรู้สึกสำนึกผิดที่ไปแกล้งอีกฝ่ายเล่น นอร์สไม่ได้ว่าอะไรผมเพียงแต่เอื้อมมือมาขยี้หัวผมเล่นเหมือนผมเป็น

เด็กน้อยคนหนึ่ง

         “อย่ามาขยี้หัวไฟเล่นนะ ไฟเป็นพี่นอร์สนะแก่กว่านอร์สตั้งสองปี” ผมดุอีกคน แต่คนที่โดนดุกลับไม่มีท่าทีสะทกสะท้านอะไร

แม้แต่น้อย

         “แต่ในสายตานอร์สไฟไม่เหมือนพี่เลยสักนิดเหมือนเด็กเอาแต่ใจมากกว่า” นอร์สว่าผม หนอย!!อีตาบ้ามีสิทธิ์อะไรมาว่าเรา

เป็นเด็กเอาแต่ใจอย่างนี้มันต้องจัดการซะแล้ว

         “นี่นอร์สกล้าว่าไฟเป็นเด็กเอาแต่ใจเหรอ นี่แหนะ” ผมไล่ตีอีกคนก่อนที่นอร์สจะลุกขึ้นวิ่งหนีฝ่ามือพิฆาตของผมไปตามคันนา

         บรรยากาศช่วงสายๆอากาศไม่ร้อนอบอ้าวมากเท่าไร แต่ถ้าเลยช่วงเวลานี้ไปได้ล่ะก็คงจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีใครอยากจะออก

มาวิ่งเล่นกันเลยทีเดียว

         “โอเคครับไฟนอร์สยอมไฟแล้ว พอเถอะครับนอร์สวิ่งจนเหนื่อยแล้ว” นอร์สยกมือยอมแพ้ผม

         “ตั้งนานก็ไม่ยอมนะนอร์สแล้วก็ใช่ว่านอร์สจะเหนื่อยเป็นคนเดียวดูเหงื่อไฟสิอย่างกับคนอาบน้ำเลย” ผมว่านอร์สก่อนที่เราทั้ง

คู่จะนั่งลงที่คันนาสูดอากาศเข้าให้เต็มปอดและยิ่งเป็นอากาศจากธรรมชาติแล้วยิ่งดีต่อสุขภาพปอดเข้าไปใหญ่เลย

         “นอร์สเล่นอะไรก็ไม่รู้เหมือนเด็กๆเลย” ผมว่านอร์ส

         “หืม?ใครกันแน่ครับที่เล่นเป็นเด็ก แล้วนี่ยังมาโทษคนอื่นอีกอย่างนี้มันต้องโดนลงโทษ” แล้วนอร์สก็ยื่นหน้ามาหอมแก้มผม


           ฟอด!!


         “หืม แก้มไฟนุ๊มนุ่ม” นอร์สว่าทำท่าเคลิบเคลิ้ม

         “พูดไรของนอร์สเนี่ย” ผมว่าอีกคนที่นึกจะพูดอะไรก็พูด แถมแต่ละคำพูดก็พาลเอาผมเขินตลอด

         “ฮ่าๆๆๆก็มันเรื่องจริงนี่หน่าดูสิหน้าแดงหมดแล้วนะ” นอร์สว่าก่อนจะดึงแก้มผมเล่น ดูการกระทำของนอร์สแต่ละอย่างให้

ความเคารพผมจริงไร-จริงเหลือเกิน เฮ้อ!ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนรักนะ!!

         “พี่ว่าแล้วว่าเราสองคนต้องอยู่ที่นี่ ไปเร็วน้องไฟ นอร์สป๊ากับม๊าเรียกไปร้านชุดแต่งงานน่ะรีบไปเร็ว ดูเนื้อตัวน้องไฟสิ

มอมแมมอย่างกับเจ้าตูบเลย” พี่ลมมาตามผมกับนอร์สให้ไปลองชุดแต่งงาน จากนั้นพี่ก็ก็ว่าเรื่องเสื้อผ้าของผม แต่ถ้าดูๆไปแล้ว

ชุดของผมกับนอร์สมันก็เลอะพอๆกันแต่ไหงพี่แกไม่เห็นว่านอร์สเลยอ่ะ ไม่เห็นยุติธรรมเลย!!

         “น้องไฟไม่ได้เลอะคนเดียวซะหน่อยนอร์สก็เลอะพอๆกับน้องไฟนะทำไมพี่ลมไม่เห็นว่านอร์สเลยอ่ะ” ผมแย้งพี่ลม ไม่รู้แหละ

ยังไงผมก็จะไม่ยอมโดนว่าคนเดียวหรอกนะ

         “เฮ้อ!อย่าทำตัวเป็นเด็กๆสิน้องไฟเราแก่กว่านอร์สแต่ดูทำตัวเข้าสิยิ่งกว่าเด็กน้อยซะอีก” พี่ลมไม่ได้ว่าอะไรนอร์สแม้แต่น้อยมี

แต่ผมที่โดนว่าแถมยังถูกว่าทำตัวเป็นเด็กอีกต่างหาก ได้แล้วทุกคนจะได้รู้ว่าผมไม่ใช่เด็ก!!
                     
     

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
           “ม๊าว่าให้น้องไฟใส่ชุดสีครีม ส่วนนอร์สก็ให้เป็นสีดำ ป๊าว่าดีไหม” ม๊ากับป๊าช่วยกันเลือกชุดให้ผมกับนอร์สถึงแม้งานที่จะ

เกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้จะเป็นเพียงแค่งานหมั้นในครอบครัว แต่ม๊ากับป๊าแล้วก็พ่อของนอร์สก็อยากจะให้ใช้ชุดที่เลือกใส่ในงานหมั้นมา

ใส่ในวันงานแต่งที่คาดว่าคงจะได้เกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ส่วนตัวผมเองก็ภาวนาให้มันเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน

         “ป๊าว่าก็โอเคอยู่นะ” ป๊าบอกม๊าก่อนที่ม๊าจะหันไปถามความคิดเห็นจากพ่อของนอร์สซึ่งท่านก็ไม่ได้ขัดอะไรผมและนอร์สจึง

เอาชุดไปลองที่ห้องลองโดยมีพนักงานสาวสวยเป็นคนพาเดินไป

         “เดี๋ยวไฟจะพิสูจน์ให้นอร์สดูว่าไฟก็เป็นผู้ใหญ่มากพอที่นอร์สจะต้องเคารพ” ผมกระซิบทิ้งท้ายกับอีกคนก่อนจะเดินแยกไป

เปลี่ยนชุดที่ห้องลอง

           ชุดของผมกับนอร์สเป็นชุดรูปแบบเดียวกันนั่นก็คือทักซิโด้เพียงแค่แตกต่างกันตรงสีของผมเป็นสีครีมส่วนนอร์สเป็นสีดำ

ผมใช้เวลาไม่นานมากในการเปลี่ยนชุดก่อนจะรีบออกจากห้องเพื่อไปหาอีกคนที่ลองชุดอยู่ที่ห้องตรงข้ามกัน

           แอ๊ด!! เสียงผมเปิดประตูห้องดังขึ้นคนที่ยืนแต่งตัวอยู่ในห้องชะงักเล็กน้อยที่เห็นผมเดินเข้ามาหาถึงในห้องลองชุด

         “มีอะไรรึเปล่าครับไฟถึงได้มาหานอร์สถึงในห้องเลย” นอร์สถามก่อนจะละจากการแต่งตัวเพื่อหันมาคุยกับผม

         “ก็ไม่มีอะไรหรอก...เพียงแต่ไฟคิดถึงนอร์สเท่านั้นเอง” ผมเดินเข้าไปหาอีกคนก่อนจะโอบรอบคออีกฝ่าย นอร์สจึงจึงดึงตัว

ผมพร้อมกับรวบเอวผมไว้หลวมๆ

         “วันนี้ไฟไม่สบายรึเปล่าครับหรือว่าลืมกินยาแล้วไม่ได้เขย่าขวด” นอร์สถามผมยิ้มๆก่อนที่เจ้าตัวจะยกมือขึ้นเกลี่ยปอยผมของ

ผมที่มันตกลงมาปรกหน้า

         “เปล่าซะหน่อยเพียงแต่ไฟจะพิสูจน์ให้นอร์สได้รู้ว่าไฟไม่ใช่เด็กเอาแต่ใจ” พูดเสร็จผมก็ก้มลงจูบกับอีกฝ่ายซึ่งจูบคราวนี้ต่าง

ไปจากทุกทีเพราะคนเริ่มมักจะเป็นนอร์สและผู้ตามก็มักจะเป็นผมเสมอ แต่วันนี้ผมขอเป็นคนเริ่มและให้อีกฝ่ายเป็นคนตามซึ่ง

นอร์สก็ยอมทำหน้าที่ผู้ตามอย่างดี จนกระทั่งรสสัมผัสที่ดูหวานละมุนในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นรุ่มร้อนคนที่ทำหน้าที่คุมเกมอย่าง

ผมก็ต้องถูกแปรเปลี่ยนมาเป็นผู้ตามเกมนี้แทน

         “ไฟนี่เป็นเด็กเอาแต่ใจจริงๆนะครับ” นอร์สว่าผมแต่ริมฝีปากร้อนของเจ้าตัวยังคงแนบชิดอยู่ที่ริมฝีปากของผมไม่ห่าง ผมที่

ขาดอากาศหายใจจากจูบที่อีกคนมอบให้และไม่ว่าเราทั้งคู่จะเคนจูบกันบ่อยแค่ไหนผมก็ไม่เคยชินกับมันซะทีและดูเหมือนว่าอีก

คนก็จะอับสกิลในเรื่องนี้มากขึ้นทุกครั้ง ผมจึงต้องก้มหน้าซบลงที่อกของนอร์สเพื่อหาที่ยึดเหนี่ยวป้องกันไม่ให้ตัวเองล้มลงไป

กองกับพื้น นอร์สก็คงจะรู้ว่าผมพยุงตัวเองให้ยืนตรงได้ไม่ถนัดนอร์สจึงกระชับอ้อมกอดที่เอวให้แน่นขึ้น

         “นายก็เป็นเด็กที่เอาแต่ใจแถมยังเอาแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียวอีกต่างหาก” ผมว่าค้อนอีกคนเพราะเล่นสูบไปซะวิญญาณแทบจะ

หลุดออกจากร่าง

         “หึๆๆ นอร์สรักไฟนะครับ” นอร์สบอกผมก่อนจะก้มลงมาจุมพิตเบาๆบริเวณขมับ ผมไม่ได้ตอบอะไรได้แต่ทุบอกอีกฝ่ายเพื่อ

กลบอาการเขินอายของอีกคนมากกว่า

          แชะๆๆๆๆๆๆ

         “แหมๆๆแอบมาสวีทดรีมอะไรกันไหนนี้ห๊ะน้องไฟยังไม่ทันเข้าหอเลยนะ” พี่ลมที่ไม่รู้ว่าพี่แกเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่แถมยังถ่าย

รูปที่ผมซบนอร์สอีกต่างหาก น่าอายชะมัดเลย

         “พี่ลมเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ผมกับนอร์สรีบผละออกจากกัน ก่อนที่ผมจะถามคำถามพี่ลมว่าพี่แกเข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อ

ไหร่กัน

         “เข้ามาเมื่อไหร่ไม่รู้แต่ที่รู้ๆมาทันช็อดเด็ดของเรื่องก็แล้วกัน” พี่ลมว่าท่าทางเจ้าเล่ห์

         “ช็อตดงช็อตเด็ดอะไรกัน พี่ลมนี่พูดเพ้อเจ้อหลบไปเลยนะน้องไฟจะไปให้ม๊าดูชุด” ผมรีบทำทีไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งๆที่ข้างใน

แทบจะระเบิดกลายเป็นผุยผงเพราะท่าทางของพี่ลมอยู่แล้ว

         “แหมๆๆเขินก็ไม่บอกนะ นอร์สทีหน้าทีหลังจะทำอะไรก็ให้มันอยู่ในบ้านหรือที่ส่วนตัวสักหน่อยนะเพราะถ้ารุนแรงแล้วมีเสียง

เล็ดลอดชาวบ้านเขาจะตกใจกันหมด ฮ่าๆๆๆๆๆ” ผมที่เดินทิ้งห่างออกมาไกลจากนอร์สแล้วก็พี่ลม แต่ก็ยังคงได้ยินสียงพี่ลมแซว

ผมอย่างชัดเจน ไอ้พี่ลมมีความสุขมากนักใช่ไหมที่ชอบแกล้งให้น้องเขินเนี่ย!!

         “อ้าวมากันโน่นแล้วค่ะ” ม๊าเรียกป๊ากับพ่อของนอร์สที่คุยกันเรื่องธุรกิจให้หันมาดูชุดของผมกับนอร์ส

         “โหลูกป๊าดูดีจริงๆ นอร์สก็หล่อเหมาะกับตำแหน่งลูกเขยป๊าจริงๆเนอะม๊าเนอะ” ป๊าว่า จากนั้นทุกคนก็ตกลงเลือกชุดที่ผมกับ

นอร์สลองในวันนี้ไว้สำหรับใส่หมั้นและแต่ง เฮ้อ!รู้สึกตื่นเต้นจัง อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็วๆจัง

           หลังจากที่ผมกับนอร์สแยกย้ายกันกลับบ้านเพราะป๊าถือฤกษ์ว่าให้หมั้นกันก่อนแล้วค่อยมาอยู่ห้องเดียวกันทั้งผมและนอร์ส

เราทั้งคู่จึงต่างคนต่างกลับบ้านของตัวเอง พอมาถึงที่บ้านม๊าก็บังคับให้ผมอาบน้ำขัดตัวเพื่อเตรียมสำหรับงานในวันพรุ่งนี้ โดยมีพี่

ลมคอยเป็นคนดูแล

         “พี่ลมดีใจกับน้องไฟด้วยนะที่จะได้เป็นฝั่งเป็นฝากับเขาสักที” พี่ลมเดินเข้ามาเช็ดผมให้ผมเพราะผมเพิ่งจะอาบน้ำสระผม

ออกมาจากห้องน้ำ

         “ขอบคุณนะครับพี่ลม แต่น้องไฟก็อยากเห็นพี่ลมมีบรรยากาศแบบนี้บ้างนะครับ” ผมบอกกับพี่ลม พี่ลมไม่ไตอบอะไรเพียงแต่

ส่งยิ้มบางๆมาให้ผมแทนคำตอบ

         “นอร์สเป็นคนดีพี่เชื่อว่าเขาจะไม่ทำให้น้องพี่ต้องเสียใจเพราะถ้าเขาคิดทำเมื่อไหร่พี่กับป๊าจะไม่เอาเขาไว้แน่” ผมยิ้มให้กับ

คำขู่ของพี่ลม ไม่ว่าเราจะมีชีวิตแบบไหน ไม่ว่าตอนนี้ผมกำลังจะหมั้นหรือแต่งงานอยู่ก็ตามครอบครัวก็ยังคงเป็นครอบครัวอยู่

เสมอ

                 
         “เอาล่ะเป็นอันว่าพิธีเสร็จสิ้นแล้วนะทีนี้เราทั้งคู่ก็เป็นว่าที่คู่บ่าวสาวกันแล้วนะ จะทำอะไรก็ขอให้คิดถึงวันที่ต้องฝันฝ่าอุปสรรค

มาด้วยกันนะ ป๊าเชื่อว่าถ้าเราฝ่าอุปสรรคที่ยากเย็นแสนเข็ญมาด้วยกันได้ยังไงซะเราทั้งคู่ก็เป็นคู๋แท้กัน” ป๊าบอกผมกับนอร์ส

         “ส่วนพ่อก็อยากให้ลูกทั้งสองคิดและตัดสินใจไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ขอให้ใช้ใจไม่ใช่ใช้สมองเพราะความรักมันเกิดขึ้นจากจิตใจ

เราไม่ได้ใช้สมองจดจำ ฟังคำพ่อเอาไว้นะ” พ่อนอร์สบอกผมกับนอร์ส

         “ครับป๊า ครับคุณพ่อ” ผมกับนอร์สรับคำท่านทั้งสองก่อนจะก้มลงกราบท่าน

         “สำหรับม๊า ม๊าอยากจะบอกนอร์สว่าถึงแม้น้องไฟจะชอบทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจ ขี้งอนหรืออะไรก็แล้วแต่อะไรที่ยอมๆกัน

ได้ม๊าก็อยากจะให้เรายอมๆกันไป การเริ่มใช้ชีวิตคู่ก็เหมือนลิ้นกับฟันกระทบกระทั่งกันบ้างแต่ยังไงก็เป็นของที่ขาดกันไม่ได้”

ม๊าบอกก่อนจะลูบหัวเราทั้งสองคนอย่างเอ็นดู ผมกับนอร์สรับคำก่อนจะก้มลงกราบม๊า

         “อืม...คิดไม่ออก เพราะทุกคนแย่งพี่พูดไปหมดเลย แต่ว่านะนอร์ส ถ้านอร์สทำน้องพี่ร้องไห้หรือเสียใจเมื่อไหร่พี่ไม่เอาเราไว้

แน่แล้วพี่ก็อยากให้เรารักน้องพี่เหมือนอย่างที่ทุกคนในบ้านรักนะเพราะยังไงเราก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพี่แล้ว”

พี่ลมว่า นอร์สรับปากว่าจะไม่มีทางทำให้ผมเสียใจเด็ดขาด

         “คือตอนนี้กูอวยพรเป็นคนสุดท้ายเลยเหรอวะ ไม่เป็นไรคืออยากจะบอกว่ารักกันนานๆนะมีหลานให้กูเร็วๆนะมึงไอ้ไฟ” ไอ้วี

อวยพรให้ผม

         “หลานบ้านมึงสิกูไม่ใช่ผู้หญิงนะที่จะท้องได้แล้วนี่กูก็เพิ่งหมั้นยังไม่ได้แต่งเว้ย” ผมบอกไอ้วีแต่นอร์สกลับขัดขึ้น

         “แต่ก็ในไม่ช้าหรอกครับ” นอร์สว่า

         “เอาล่ะวันนี้ก็ถือว่าพิธีหมั้นผ่านไปได้ด้วยดีนะทีนี้ก็ให้คู่หมั้นทั้งสองคนได้ไปพักผ่อนกันดีกว่า” ป๊าบอกก่อนที่จะให้ผมกับ

นอร์สแยกตัวออกไปพัก ผมจึงขอตัวเข้าไปพักผ่อนในห้อง
 
         “อ๊ะ” ผมร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ดีๆคนที่เดินนำหน้าเข้าห้องมาก่อนกลับยืนกอดผมอ้อนๆจากทางด้านหลัง

         “นอร์ส” ผ่านไปเป็นเวลานานผมจึงเรียกอีกคนที่ไม่มีทีท่าว่าจะขยับหรือทำอะไร

          “ขอนอร์สอยู่อย่างนี้สักพักนะครับ” นอร์สบอกผมด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ

         “อืม ได้สิ แต่ว่านะไฟว่าเราควรที่จะกลับกรุงเทพฯเพื่อไปสะสางปัญหาทุกอย่างกันได้แล้วนะ ไฟกลัวตอนนี้ไฟยังทำใจพร้อม

ที่จะรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้แต่ถ้าช้ากว่านี้ไฟก็กลัวว่าตัวเองจะทนรับสิ่งที่เกิดไม่ได้” ผมบอกนอร์สและผมก็รู้สึกได้ว่าดูอีกคนจะ

ถอนหายใจอย่างหนักใจก่อนจะพูดกับผม

         “ได้ครับ ไฟพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันแล้วใช่ไหมครับ” นอร์สถามผม ผมจึงพยักหน้ารับ

         “อืม”








รู้สึกตอนนี้อะไรหลายๆอย่างกำลังจะลง แต่มันก็ยังไม่สุด ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าอุปสรรคอะไรที่ทั้งไฟและนอร์สต้องพบเจอ

ขอบคุณสำหรับคำคอมเม้นที่มีมาทุกตอนนะคะ ^^

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
               แผนการร้ายครั้งที่ 17 : ความสุขนั้น.........จะเป็นความสุขที่แท้จริงก็ต่อเมื่อเราได้แบ่งปันความสุขให้กับผู้อื่น...

                  หลังจากที่ผมตัดสินใจพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆและพร้อมที่จะเคลียร์และสะสางปัญหาที่มันคาราคาซังให้มัน

หมดไปและนี่ก็เป็นปัญหาระดับสึนามิที่ผมกับนอร์สเลือกที่จะเคลียร์มันให้เสร็จสิ้นเพื่อที่เราทั้งคู่จะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย

         “สวัสดีครับแม่ ไฟครับนี่แม่นอร์สครับ” นอร์สแนะนำคุณหญิงแม่ให้ผมรู้จัก

         “เอ่อ....สวัสดีครับคุณหญิงแม่” ผมกล่าวทักทายแม่ของนอร์สซึ่งก็โชคดีที่ท่านรับไหว้ผม

           ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ในบ้านของนอร์ส แต่จะให้เรียกว่าบ้านก็คงจะยังไม่พอกับความใหญ่โต โอ่อ่าและหรูหรา การตกแต่ง

ภายในไม่ได้ดูสีสันฉูดฉาดทันสมัยจนเกินไปออกจะติดแนววินเทจนิดๆแต่กลับทำให้ดูโมเดิร์นและทำให้เจ้าของบ้านดูภูมิฐานเมื่อ

อยู่ภายใต้การตกแต่งแนวนี้

         “เอ่อ...แม่ครับนี่ไฟครับ” หลังจากที่ผมทำความเคารพแม่ของนอร์สเสร็จเจ้าตัวก็แนะนำผมให้กับแม่ได้รู้จัก

         “มาก็ดีแล้วตานอร์ส นี่ลูกหายไปไหนตั้งเป็นอาทิตย์แม่กับหนูเจนติดต่อลูกไม่ได้เลยนะ” คุณหญิงแม่ว่านอร์ส

         “ขอโทษครับพอดีนอร์สติดธุระที่ต่างจังหวัด สัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยดีเท่าที่ควรครับ” นอร์สอธิบายให้คุณหญิงแม่เข้าใจ

แต่ยังไม่ทันที่นอร์สจะได้เริ่มเกริ่นเรื่องของเราสองคนก็มีเสียงรถที่หยุดอยู่ที่หน้าบ้านกับเสียง 18 หลอดอันเป็นเอกลักษณ์ของคน

ที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุดในรอบหลายล้านปีก็ดังขัดขึ้น

         “สวัสดีค่ะคุณหญิงแม่ อ้าวฮันนี่หายไปไหนมาหลายวันคะเจนกับคุณแม่ติดต่อคุณไม่ได้เลยนะคะ” ยัยเสียง 18 หลอดกล่าว

ทักทายคุณฆญิงแม่ของนอร์สก่อนจะเดินเข้ามานั่งแทรกกลางระหว่างผมกับนอร์สแถมยังถือวิสาสะคล้องแขนอีกคนและทำทีเป็น

เจ้าข้าวเจ้าของอีกฝ่าย ผมไม่ได้แสดงกิริยาอะไรออกไปเพียงแต่ส่งสายตาหาอีกคนที่พยายามแกะมือของเจนสิญาออกเพราะรู้ว่า

ผมเริ่มไม่พอใจกับการกระทำแบบนี้

         “เอาล่ะเมื่อกี้นอร์สจะพูดอะไรกับแม่นะ” คุณหญิงแม่ถามนอร์ส

         “คือนอร์สอยากจะคุยเรื่องแต่งงานกับแม่ครับ คือ-” ยังไม่ทันที่นอร์สจะทันได้พูดจบคุณหญิงแม่ก็แทรกขึ้นกลางบทสนทนา

         “ใช่เลย แม่เกือบลืมจนได้ ขอบใจมากนะนอร์สที่ลูกพูดเรื่องงานแต่งเพราะตั้งแต่แม่โทรหาลูกไม่ได้แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไง

สรุปว่าเรื่องงานแต่งของลูกกับหนูเจนแม่ไปหาฤกษ์มาให้แล้วนะน่าจะเป็นราวๆช่วงต้นเดือนหน้าซึ่งนั่นก็หลังจากลูกรับปริญญาไม่

กี่วันแม่ว่ามันเป็นฤกษ์ที่ดีทีเดียวเลยนะ” คุณหญิงแม่พูดกับนอร์สถึงเรื่องการแต่งงานระหว่างนอร์สกับยัยเสียง 18 หลอดนั่นจน

นอร์สไม่รู้ว่าจะขัดท่านได้ตรงไหนเพราะท่านเล่นพูดเองสรุปเองจนไม่รู้ว่าจะแย้งยังไง

         “มันจะไม่มีงานแต่งงานระหว่างนอร์สกับเจนครับแม่” นอร์สบอกคุณหญิงแม่เสียงหนักแน่น

         “นอร์สว่าอะไรนะคะ” ยังไม่ทันที่คุณหญิงแม่จะได้ถามยัยเสียง 18 หลอดกลับโพล่งขึ้นมาเสียก่อน

         “ผมก็ว่าอย่างที่ผมพูดนั่นล่ะครับ แม่ครับมันจะไม่มีงานแต่งงานระหว่างนอร์สกับเจนเกิดขึ้นไม่ว่าจะกรณีใดๆก็ตามครับ”

นอร์สบอกซึ่งนั่นก็ทำให้คุณหญิงแม่ไม่พอใจกับสิ่งที่ท่านได้ยิน ผมที่เป็นคนนอกก็ไม่รู้จะพูดยังไงเพราะยังไงซะถ้าผมพูดอะไร

ออกไปคนที่แย่ที่สุดอาจจะเป็นผมก็ได้ฉะนั้นผมจึงเลือกที่จะเงียบและฟังบทสนทนาต่อไป

         “แม่ต้องการเหตุผล” คุณหญิงแม่บอกนอร์สซึ่งนอร์สก็ไม่ลังเลที่จะตอบเหตุผลในการยกเลิกงานแต่งระหว่างตัวเองกับเจน

สิญา

         “เพราะนอร์สมีคนที่นอร์สรักแล้วครับแม่” นอร์สตอบ แค่คำตอบธรรมดาแต่ก็ทำให้ผมมีรอยยิ้มได้

         “เรื่องงี้เง่านั่นน่ะเหรอเหตุผลของเราตานอร์ส แม่ไม่คิดเลยนะว่าลูกจะมีเหตุผลที่งี้เง่าและไร้สาระแบบนี้” คุณหญิงแม่ว่านอร์ส

แต่อีกคนก็ไม่ได้มีสีหน้าหรือท่าทางโกรธที่ถูกคนเป็นแม่ว่ากล่าว


         “การที่นอร์สรักใครด้วยใจสักคนสำหรับนอร์สแล้วมันไม่ใช่เรื่องงี้เง่าสักนิดเลยนะครับแม่ แม่ครับนอร์สกับเจนเราไม่ได้รักกัน

เลยนะครับ” นอร์สพยายามอธิบายให้คุณหญิงแม่เข้าใจ จากนั้นจึงดันเจนสิญาออก

         “นี่นอร์สกล้าทำแบบนี้กับเจนเหรอคะ!!” ยัยเจนสิญาไม่พอใจที่ถูกนอร์สดันตัวเองออกจนต้องขยับตัวไปนั่งอีกโซฟาหนึ่ง

ส่วนนอร์สก็เขยิบเข้ามานั่งใกล้ๆกับผมแทน

         “เพราะไอ้นี่ใช่ไหมคะ คุณถึงทำแบบนี้กับเจน อ๋อ คุณหญิงแม่คะเจนว่าที่นอร์สจะยกเลิกงานแต่งทั้งหมดก็คงจะมีสาเหตุมา

จากไอ้นี่แหละค่ะ แกต้องทำยาเสน่ห์ใส่นอร์สแน่ๆ” ยัยเสียง 18 หลอดชี้หน้าว่าผมและนั่นก็เป็นตัวจุดชนวนที่ทำให้ผมฟิวส์ขาด

เพราะผมเกลียดที่สุดที่มีคนมาชี้หน้าว่าและโดยเฉพาะยัยเสียง 18  หลอดนี่!!

         “เหรอครับ คุณเจนคิดว่าผมไม่มีความสามารถขนาดต้องพึ่งยาเสน่ห์เลยเหรอครับ แต่ผมว่าถ้าเป็นตัวคุณเจนเองที่ต้องพึ่งมัน

ผมจะไม่สงสัยอะไรสักนิดเลยนะครับ” ผมตอกกลับยัยเจนสิญาจนอีกฝ่ายทนไม่ไหวต้องลุกออกจากที่นั่งมากรี๊ดใส่ผม แต่ก็โชคดี

ที่ผมกับทุกคนยกมือขึ้นปิดหูทันไม่งั้นมีหวังต้องเข้ารักษาแก้วหูด่วนแน่ๆ

         “แม่ว่าหนูเจนอยู่เฉยๆก่อนนะเดี๋ยวแม่จะเคลียร์เรื่องนี้เอง” คุณหญิงแม่บอกให้ยัยเสียง 18 หลอดสงบจิตสงบใจซึ่งอีกคนก็

ยอมนั่งลงและทำตามอย่างว่าง่าย จากนั้นแม่นอร์สก็เริ่มทำการซักถามนอร์ส แต่ก่อนที่ท่านจะได้ถามอะไรนอร์สท่านก็ได้ปรายตา

มามองผมชั่วแวบหนึ่งก่อนหันไปหานอร์ส ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมรู้ว่า ลางร้ายกำลังจะมาเยือนในไม่ช้า

         “มันยังไงกันนอร์ส จริงอย่างที่หนูเจนพูดรึเปล่าที่ว่าลูกกับนายคนนี้คบกัน” คุณหญิงแม่ถามซึ่งคำถามของท่านก็ค่อนข้างจะ

ตรงประเด็นเสียเหลือเกิน

         “ครับ นอร์สกับไฟเราทั้งคู่คบกันและตอนนี้เราสองคนก็หมั้นกันแล้วครับ” นอร์สบอกคุณหญิงก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือผมไว้

ผมจึงเงยหน้ามองอีกคน นอร์สที่มองผมก่อนอยู่แล้วยิ้มให้ผมบางๆก่อนที่ผมจะสัมผัสถึงแววตาที่มั่นคงและแน่วแน่ของอีกฝ่าย

ผมจึงไม่ลังเลเลยที่จะสอดมือของตัวเองประสานกับมือของอีกคนเพื่อที่จะได้สร้างความมั่นคงของเรา

         “นอร์ส นอร์สฟังแม่นะลูกไอ้สิ่งที่นอร์สกำลังทำอยู่แม่ว่าลูกกำลังสับสนมากกว่านะ” คุณหญิงแม่บอก

         “ไม่ครับ นอร์สไม่ได้สับสนนอร์สรู้ทุกเรื่องและนอร์สก็รู้ทุกอย่าง”

         “ถ้าในเมื่อลูกรู้ทุกอย่างแล้วทำไมลูกถึงทำแบบนี้และลูกก็อย่ามาอ้างว่าลูกรักนายนี่นะ” คุณหญิงแม่ว่าก่อนจะปรายตามามอง

ผมอย่างดูถูกนิดๆ ผมพยายามเก็บอาการเอาไว้ แม้ลึกๆข้างในก็ไม่ได้รู้สึกชอบใจกับสายตาที่คุณหญิงแม่ของอีกฝ่ายมองมาที่ตัว

เองก็ตามทีเถอะ     

         “ไฟชื่อไฟครับแม่ไม่ใช่นายนี่กรุณาเรียกให้เกียรติคู่หมั้นของนอร์สด้วยนะครับ” นอร์สบอกคุณหญิงแม่และนั่นก็ทำให้ท่านไม่

เริ่มพอใจ

         “นี่นอร์ส เรากล้าว่าแม่เพราะผู้ชายคนนี้น่ะเหรอ เหอะ ยังไงซะแม่ก็ไม่มีวันรับผู้ชายคนนี้มาเป็นคนในครอบครัวของแม่หรอก

นะเพราะคนที่แม่จะยกให้เป็นตำแหน่งลูกสะใภ้ต้องเป็นหนูเจนคนนี้เท่านั้น คนอื่นแม่ไม่รับ!!!” คุณหญิงแม่แม่บอกนอร์ส แต่นั่นก็

ทำให้ผมเริ่มกังวล

         “งั้นเหรอครับ คุณแม่แน่ใจเหรอครับที่จะยอมรับผู้หญิงที่ฉาวโฉ่แบบนี้มาเป็นลูกสะใภ้ของบ้านเราน่ะครับ” นอร์สบอกคุณหญิง

แม่ ถึงแม้จะเป็นคำพูดที่ดูจะธรรมดาแต่ก็ติดจะเยือกเย็นและเหยียดหยามอยู่ในน้ำเสียงนั่น โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงยัยเจนสิญา

         “นอร์สพูดอะไรคะ คุณไม่มีสิทธิมาว่าเจนแบบนี้นะคะ ยังไงซะเจนก็ยังเป็นว่าที่เจ้าสาวของคุณนะคะ อย่าบอกนะคะว่าคุณหลง

นายนั่นจนกลายเป็นคนแบบนี้” ยัยเสียง 18 หลอดนั่นบอกนอร์ส แถมยังหาว่าผมที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้นอร์สต้องเป็นแบบี้อีกด้วย

 นอร์สเพียงแต่มองยัยเสียง 18 หลอดนั่นยิ้มๆ แต่รอยยิ้มนั่นเปรียบเหมือนรอยยิ้มอาบยาพิษซะมากกว่าเพราะมันดูน่ากลัวและ

แปลกๆชอบกล แถมนอร์สยังหันไปมองอีกคนด้วยแววตาที่ดูสมเพชเวทนาเสียเต็มทน

         “เจนคิดว่าที่นอร์สเป็นแบบนี้ก็เพราะไฟเหรอครับ นั่นก็อาจจะใช่นะครับแถมตอนนี้นอร์สก็ทั้งรักและหลงไฟเอามากเสียด้วย

แต่นอร์สก็มีอะไรจะถามเจนเหมือนกันนะครับ เจนครับเท่าที่นอร์สจำได้คนที่มีสิทธิในตัวของนอร์สและเป็นว่าที่เจ้าสาวของนอร์ส

ไม่ใช่เจนนะครับแต่คนที่มีสิทธิทุกอย่างทั้งหมดและเป็นว่าที่เจ้าสาวเพียงคนเดียวของนอร์ส คนๆนั้นคือไฟต่างหากครับไม่ใช่

เจน!!รู้ไว้ซะด้วยครับ” นอร์สว่ายัยเสียง 18 หลอดนั่นจนเจ้าตัวหน้าซีดแถมยังตกใจกับสิ่งที่นอร์สพูด ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงและแวว

ตา นอร์สที่เคยอ่อนโยนกลับแปรเปลี่ยนมาเป็นแข็งกร้าว ไม่ใช่แค่ยัยเสียง 18 หลอดนั่นที่ตกใจ ผมก็ไม่ต่างอะไรกับยัยนั่นเท่าไร

แต่ก็ได้ทำให้ผมรู้ว่า เวลาที่นอร์สโกรธน่ากลัวอย่าบอกใครเลยล่ะและแน่นอนผมจะไม่ทำให้นอร์สโกรธ.....เพราะผมกลัว!? จาก

นั้นจึงหันไปหาคุณหญิงแม่ก่อนจะพูดในสิ่งที่ไม่มีใครรู้และนั่นรวมก็ถึงผมด้วย

         “แม่ครับนอร์สว่ามันถึงเวลาที่แม่ต้องรู้ความจริงทั้งหมดสักทีนะครับตลอดเวลาที่ผ่านมานอร์สได้ให้คุณอนุชา ทนายความ

ประจำตระกูลช่วยสืบเรื่องของเจนให้ผมและนั่นก็ทำให้ผมได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้!!และแม่เองก็น่าจะรู้ดีว่า

ข้อมูลที่คุณอนุชาเป็นคนหาเชื่อถือได้และถูกต้องที่สุด ฉะนั้นวันนี้นอร์สก็ได้ให้คุณอนุชานำข้อมูลที่ให้นอร์สได้ดูในวันนั้นมาให้แม่

ได้ดูและได้รับรู้เหมือนที่นอร์สรู้มาก่อนด้วยครับ” นอร์สบอกคุณหญิงแม่ก่อนจะหันไปเรียกคุณอนุชาทนายคนดังกล่าว

         “เชิญครับคุณอนุชา” นอร์สหันไปเรียกอีกคนที่มาคอยพวกเราทั้งหมดอยู่ก่อนแล้วซึ่งนั่นผมเองก็ยังไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้มาตั้งแต่

เมื่อไหร่!?
         

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
เจนสิญากำลังจะถูกเปิดโปงแล้วสินะคะ คุณหญิงแม่จะได้รู้เสียทีว่าตัวเองน่ะมีตาหามีแววไม่ คนที่ดูเท่าเทียมกันในบางครั้งก็ใช่จะดีเสมอไปอย่างที่แสดงออก ^^

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
        “คุณทนายอนุชานี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอนอร์ส” ผมกระซิบถามอีกคน

         “ก็มาในเวลาใกล้เคียงกัยเรานั่นหละครับ” นอร์สบอกก่อนจะหันไปจัดการกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อ

         “สวัสดีครับคุณหญิง” คุณทนายเอ่ยทักคุณหญิงแม่

         “สวัสดีค่ะคุณทนายอนุชา” คุณหญิงแม่ทักคุณทนายอนุชากลับ แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนตัวเองจะรู้จักและดูคุ้นเคยกับทนาย

คนนี้นักนะเพราะไหนจะท่าทางและลักษณะการเดินและคำพูดคำจาของทนายอนุชาคล้ายกับคนที่ผมรู้จักยังไงยังงั้น

         “เรื่องจริงเหรอคะคุณทนายที่นอร์สเป็นคนให้คุณช่วยสืบเรื่องของหนูเจนน่ะค่ะ” คุณหญิงแม่ถามคุณทนายอนุชา

         “ครับคุณหญิง ส่วนนี่ครับคือหลักฐานที่ผมไปสืบมาและได้ให้คุณนอร์สได้ดู” คุณทนายอนุชายื่นซองสีน้ำตาลส่งให้คุณหญิง

แม่ก่อนที่ท่านจะเปิดซองแล้วหยิบรูปภาพที่อยู่ด้านในซองออกมาดู ทันทีที่ท่านหยิบรูปขึ้นมาดูสีหน้าและแววตาที่ท่านมองภาพ

เหล่านั้นทั้งตกใจและเหลือเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้เห็น

         “มันคือรูปอะไรเหรอนอร์ส” ผมกระซิบถามคนที่ยืนอยู่ข้างกัน นอร์สจึงก้มลงมากระซิบบอกผมเสียงเบา

         “เดี๋ยวไฟก็รู้ครับ” นอร์สไม่ยอมบอกผมว่ารูปภาพที่คุณหญิงแม่ดูนั้นมันเป็นรูปอะไร แหม!!เดี๋ยวนี้กล้ามีความลับกับไฟนะ!!

         “นี่มันอะไรกันหนูเจน!!!” คุณหญิงแม่ตวาดกร้าวพร้อมกับโยนรูปในมือใส่ยัยเสียง 18 หลอดนั่น ผมที่อยากรู้มานานว่ารูปที่

ทำให้คุณหญิงแม่โกรธเกรี้ยวได้ขนาดนี้มันคือรูปอะไรกันแน่ แต่แล้วก็มีรูปหนึ่งที่ดันหล่นลงมาใกล้กับที่ผมยืนอยู่และนั่นก็ทำให้

ผมรู้ว่ามันคือรูปอะไร นี่มันรูปยัยเสียง 18 หลอดกำลังมีอะไรกับผู้ชายคนอื่น!!!!!! โอ้!พระเจ้า ผมไม่นึกไม่ฝันเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะ

กล้าทำเรื่องน่าอายแบบนี้ได้

         “มันไม่ใช่อย่างที่คุณหญิงแม่และทุกคนเข้าใจนะคะ นี่ไม่ใช่รูปของเจนรูปทั้งหมดนั่นถูกตัดต่อ!!!!” ยัยเสียง 18 หลอดแก้

ต่างให้กับตัวเองทั้งๆที่หน้าของตัวเองนั้นซีดเสียจนเหมือนไก่ต้ม

         “ถ้าในรูปพวกนั้นไม่ใช่คุณจริงแล้วคุณจะต้องหน้าซีดไปทำไม นอกเสียจากว่าคนในรูปนั่นจะเป็นคุณจริงๆ” ผมว่าและนั่นยิ่ง

ทำให้เธอหน้าซีดหนักกว่าเดิมและมีทีท่าไม่พอใจ แถมยังหันมาเล่นงานผมอีกต่างหาก แต่โชคดีหน่อยที่นอร์สเข้ามาขวางเอาไว้

           “หนอย!แกนั่นแหละที่อยากได้นอร์สจนตัวสั่นถึงได้ใส่ร้ายฉันแบบนี้ นอร์สคะในรูปนั่นไม่ใช่เจนจริงๆนะคะ คุณทนายอะไร

นั่นอาจจะใส่ร้ายเจนก็ได้นะคะหรือไม่มันสองคนอาจจะร่วมมือกันกลั่นแกล้งเจนก็ได้นะคะนอร์ส นอร์สต้องเชื่อเจนนะคะ” ยัยเจนสิ

ญากล่าวหาผมว่าผมร่วมมือกับคุณทนายแล้วใส่ร้ายป้ายสีเธอ ผมก็ใช่ว่าตัวเองจะเป็นพระอิฐพระปูนที่ต้องมานั่งให้คนอื่นกล่าวหา

ตัวเองเสียๆหายๆก็ลุกขึ้นเพื่อที่จะตอบโต้กลับบ้าง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทันทำอะไร นอร์สก็ห้ามผมไว้เสียก่อน ก่อนจะนอร์สจะ

หันไปว่ายัยเสียง 18 หลอดนั่นแทนผม

         “เจนครับคุณจะพูดหรือคุณจะว่าอะไรใครก็ช่วยดูตัวเองบ้างนะครับ ถ้าในรูปนั้นไม่ใช่คุณจริงแล้วคุณจะร้อนตัวแล้วโยนความ

ผิดไปให้คนอื่นทำไม แม่ครับแม่ลองคิดดูให้ดีๆนะครับ” นอร์สว่ายัยเจนสิญาก่อนจะหันไปบอกคุณหญิงแม่ ยัยเจนสิญาเลยรีบวิ่ง

ไปหาท่านเพื่อขอความเห็นใจ

         “คุณหญิงแม่คะ คุณหญิงแม่ต้องเชื่อเจนนะคะ” ยัยเสียง 18 หลอดทำทีเป็นสะอื้นร้องห่มร้องไห้สียใจเพียงเพื่อขอให้คุณ

หญิงแม่เห็นอกเห็นใจตัวเอง ผมที่นั่งมองดูอยู่ก็แทบจะจะลุกออกห่างจากภาพชวนน่าหมันไส้แบบนี้เอาเสียจริง

         “ออกไป” คุณแม่บอกยัยเสียง 18 หลอดนั่นเสียงเรียบจนอีกฝ่ายงงในสิ่งที่คุณหญิงแม่ท่านพูด

         “คุณหญิงแม่ว่าอะไรนะคะ”

         “ฉันบอกให้หล่อนออกไปจากบ้านหลังนี้!!!” คุณหญิงแม่ตวาดใส่ยัยเสียง 18 หลอดนั่นก่อนที่ท่านจะหันไปเรียกรปภ.ให้มา

พาตัวยัยเสียง 18 หลอดนั่นออกไป

         “รปภ.มาเอายัยผู้หญิงน่าไม่อายคนนี้ออกไปจากบ้านของฉันและอย่าให้หล่อนได้เข้ามาเหยียบในนี้ได้เป็นอันขาด” คุณหญิง

สั่งรปภ.เสียงกำชับ ก่อนที่พี่ยามทั้งหลายจะช่วยกันลากยัยเสียง 18 หลอดนั่นออกจากรั้วบ้าน

         “แกไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉันนะอีแก่!!ถ้าไม่ติดว่าบ้านแกรวยฉันคงไม่อยากจะคบกับลูกแกที่เป็นเกย์แบบนี้หรอกนะรู้ไว้ซะ

ด้วย ปล่อยฉันนะ!!ฉันบอกให้ปล่อยยยยยยยย!!!!!!!” เสียงยัยเจนสิญาว่าคุณหญิงแม่และนอร์สเสียๆหายๆก่อนที่เหล่ารปภ.จะ

โยนนางออกไปจากรั้วบ้านพร้อมกับเสียงรถที่ดังไกลออกไป จากนั้นคุณทนายจึงขอตัวกลับ

         “ฉันอยากจะเป็นลม” หลังจากที่ให้ยัยเจนสิญาออกไปพ้นจากรั้วบ้านได้คุณหญิงแม่ก็มีทีท่าว่าจะเป็นลม ผมกับนอร์สเลย

ต้องรีบเข้าไปดูแลท่าน

         “เอ่อ...คุณหญิงแม่ค่อยๆสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆนะครับ” ผมบอกคุณหญิงแม่ก่อนจะล้วงหยิบยาดมในกระเป๋ามาให้ท่าน

ดม ส่วนนอร์สก็บีบนวดท่านเพื่อให้ท่านได้ผ่อนคลาย

         “ขอบใจมาก” คุณหญิงแม่เอ่ยขอบคุณผมก่อนที่ผมกับนอร์สจะกลับไปนั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามกับท่าน

         “ลูกรู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้วทำไมไม่ยอมบอกแม่” คุณหญิงแม่ถามนอร์ส

         “นอร์สกลัวว่าแม่จะเป็นแบบนี้ไงครับ” นอร์สบอกท่าน

         “ไม่ต้องกลัวหรอกเพราะแม่ก็รู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้วเหมือนกัน” คุณหญิงแม่บอกผมกับนอร์ส

         “ห๊ะ!คุณหญิงแม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้ตั้งนานแล้วเหรอครับ” เป็นผมเองที่ถามท่านเพราะผมกับนอร์สไม่คิดเลยว่าท่านจะรู้เรื่องนี้

ขนาดผมที่อยู่กับนอร์สเกือบจะตลอดเวลาก็เพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายไหว้วานให้ทนายไปสืบหาข้อมมูลเรื่องยัยเสียง 18 หลอดนั่น

         “ใช่ แต่ก็ไม่ได้รู้ลึกทั้งหมดอะไรแบบนี้” คุณหญิงแม่บอก

         “แล้วทำไมแม่ถึงไม่ยอมบอกนอร์สล่ะครับ” นอร์สถามคุณหญิงแม่กลับ

         “ก็แม่ไม่อยากจะยอมรับน่ะสิว่าลูกจะมีแฟนเป็นผู้ชาย” คุณหญิงแม่ว่าละนั่นก็ทำให้ทั้งผมและนอร์สตกใจกับเรื่องที่เราได้ยิน

         “แล้วแม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไงครับ” นอร์สถามคุณหญิงแม่ซึ่งผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน

         “ก็พ่อของลูกนั่นแหละที่บอกแม่ แถมมาบอกเอาตอนที่ลูกมาขอให้ตัวเองไปเป็นคนขอหมั้นน้องไฟ” คุณพ่อของนอร์สเนี่ย

นะ แต่เอ่อ....สรรพนามที่คุณหญิงแม่ของนอร์สใช้เรียกผมทำไมมันช่างต่างกับตอนแรกลิบลับเลยล่ะ?

         “แล้วทำไมแม่ถึงไม่คัดค้านล่ะครับ” นอร์สถาม

         “ก็ตอนแรกแม่อยากจะค้านอยู่หรอกนะ แต่พ่อของลูกอีกนั่นแหละที่ยอมพูดให้แม่ใจอ่อน แต่แม่ก็ไม่พอใจนะที่เรื่องมันเป็น

แบบนี้จนแม่ได้รู้ความจริง”


         “ความจริง?ความจริงอะไรเหรอครับ”

         “ก็ความจริงที่ว่าน้องไฟเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทแม่น่ะสิ” นี่มันวันตกใจแห่งชาติรึยังไงเพราะแต่ละเรื่องที่ผมรับรู้มันทำให้

ผมทั้งตกใจและประหลาดใจเสียจริงและโดยเฉพาะความจริงที่รู้ว่า คุณหญิงแม่ของนอร์สกับแม่ผมท่านทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน!!!

         “เพื่อนรักกันเหรอครับ” นอร์สถาม

         “ใช่จ๊ะ แม่กับเกตแม่ของน้องไฟเราทั้งคู่เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่ยังเด็ก เราสองคนสัญญากันว่าถ้าโตขึ้นเราทั้งคู่มีลูกก็จะให้ลูก

ของเราแต่งงานกัน แต่พอแม่กับเกตขึ้นม.ปลายเกตก็ต้องถูกย้ายไปเรียนที่สุพรรณเพราะพ่อของเกตต้องไปทำงานที่โน่น ตั้งแต่

นั้นมาแม่กับเกตเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย จนวันที่พ่อไปสู่ขอน้องไฟนั่นแหละแม่ถึงได้รู้ว่านน้องไฟเป็นลูกของเกต” คุณหญิง

แม่เล่าให้ฟังซึ่งผมก็เคยได้ยินเรื่องนี้จากม๊าอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นคุณหญิงแม่ของนอร์ส


         “แล้วแม่รู้ได้ไงครับว่าแม่ของไฟเป็นเพื่อนรักของแม่ก็ในเมื่อวันนั้นแม่ไม่ได้ไปด้วย”

         “ก็ในคืนวันนั้นนั่นหละ แม่อยากจะรู้ให้ได้ว่าใครกันที่ทำให้ลูกของแม่ต้องเป็นแบบนี้ แม่จึงให้คนขับรถที่ไปส่งพ่อแล้วกลับ

มาบ้านช่วยให้เขาพาไปที่บ้านของน้องไฟและแม่ก็ได้เจอเกต แต่แม่ก็ไม่อยากให้ลูกๆรู้ว่าเรารู้จักกันจึงให้ทุกคนปิดไว้เป็นความ

ลับ”

         “งั้นอย่างนี้ก็แสดงว่า.....แม่ก็จะยอมให้เราสองคนแต่งงานกันเหรอครับ” นอร์สถามคุณหญิงแม่อย่างตื่นเต้น

         “ใช่จ๊ะ แต่ฤกษ์ต้องเป็นหลังจากที่นอร์สรับปริญญาไปแล้วนะ” คุณหญิงแม่บอกยิ้มๆ

         “ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับ” นอร์สขอบคุณคุณหญิงแม่ เฮ้อ!!และเรื่องราวก็ผ่านไปได้ด้วยดี!!

         “นอร์สไฟมีอะไรจะถาม” ผมถามนอร์สหลังจากที่อีกคนหาที่จอดรถในห้างจนเจอ

         “ครับ ได้สิครับ ไฟมีอะไรเหรอครับ” นอร์สถามผม

         “ไฟว่าทนายของนอร์สดูคุ้นๆยังไงก็ไม่รู้อ่ะ นอร์สว่าอย่างงั้นไหมอ่ะ” นั่นน่ะสิครับ ผมสงสัยตั้งแต่เริ่มเห็นคุณทนายนั่นแล้ว

         “เดี๋ยวไฟก็ได้รู้เองล่ะครับ” นอร์สบอกผมก่อนที่เราจะเดินเข้าห้าง

           หลังจากที่เคลียร์ปัญหาของคุณหญิงแม่ได้เรียบร้อย นอร์สก็ชวนไอ้วีกับพี่ลมมาฉลองกับเราด้วย โดยนอร์สนัดเจอทั้งสอง

คนเพื่อมาฉลองกันที่ห้างใกล้กับบ้านของนอร์สเอง

         “อ้าว คุณวีกับพี่ลมมาคอยโน่นแล้วครับ” นอร์สบอกผมก่อนจะดึงมือผมให้ตามเข้าไปสมทบกับอีกสองคนที่สั่งอาหารมาทาน

รออยู่ก่อนแล้ว

         “ทำไมมึงกับพี่ลมถึงได้มากันเร็วจังวะ” ผมถามไอ้วีเพราะขนาดบ้านนอร์สว่าอยู่ใกล้ยังมาถึงทีหลังทั้งสองคน นอกเสียจากว่า

ทั้งสองคนจะมาคอยอยู่ก่อน?

         “……………..” ไอ้วีไม่ตอบผมกลับหันไปมองหน้าพี่ลมพร้อมกับหันหน้ามามองนอร์สยิ้มๆ เดี๋ยวก่อนนะ ผมว่าเรื่องนี้มัน

แปลกๆแล้วล่ะ

         “เข้าไปนั่งด้านในก่อนสิครับไฟแล้วเดี๋ยวนอร์สจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ไฟฟังเองว่าทำไมคุณวีกับพี่ลมถึงได้มาอยู่ที่นี่ก่อนเรา”

นอร์สบอกผม ไม่รู้ล่ะเรื่องนี้นอร์สต้องรีบเคลียร์ให้ผมรู้ด่วน!!

         “คือว่าเรื่องของคุณทนายอนุชา นอร์สไม่ได้คุณทนายหาข้อมมูลเรื่องเจนให้หรอกครับ” ห๊ะ!

         “แต่ว่าข้อมูลที่นอร์สหามาเป็นความจริงทั้งหมดนะครับ” นอร์สรีบอธิบายก่อนที่จะโดนผมว่า

         “แล้วนอร์สให้ใครปลอมเป็นทนายเข้าไปหาคุณหญิงแม่” ผมถามนอร์ส เจ้าตัวเลยอ้ำๆอึ้งๆแถมยังหันไปมองไอ้วีเป็นระยะๆ

นี่อย่าบอกนะว่า

         “นี่นอร์สอย่าบอกนะว่าให้ไอ้วีปลอมเป็นทนายอนุชาเข้าไปหาคุณหญิงแม่น่ะ” โอ๊ย!ผมอยากจะบ้าตาย ถ้าหากถูกท่านจับได้

จะเป็นยังไงล่ะเนี่ย

         “เออกูเองแหละที่เข้าไปหาว่าที่แม่สามีมึงอ่ะ มึงไม่ต้องมาทำหน้าเครียดแบบนั้นเลยนะไม่ใช่เพราะกูเหรอที่เป็นคนหาข้อมูล

มาให้คุณหญิงแม่ดูมึงถึงได้ลงเอยแถมมีความสุขแบบนี้” ไอ้วีว่า ทีอย่างนี้ล่ะทวงบุญคุณ

         “เออ ขอบคุณมาก ก็กูแค่กลัวว่าคุณหญิงแม่จะจับได้นี่หว่า”

         “ระดับกูไม่มีทางพลาดอยู่แล้วล่ะ” ไอ้วีชมตัวเอง ผมได้แต่ส่ายหัวหมั่นไส้กับท่าทางของมันจริงๆ

         “พี่ดีใจกับน้องไฟแล้วก็นอร์สด้วยนะที่เราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันซะที พอแต่งกันไปแล้วก็รักกันมากๆๆๆๆล่ะ” พี่ลมบอกผม

กับนอร์ส ผมและนอร์สเงยหน้ามองสบตากัน ผมไม่นึกไม่ฝันเลยว่าตัวเองจะได้มีช่วงเวลาแบบนี้ มันช่าง...มีความสุขเสียจริงและ

ที่สำคัญ ผมกำลังจะได้แต่งงานแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!













เมื่อวานเกิดเหตุการณ์เน็ตหลุดกลางคันขณะอัพ ทำให้ดีสอัพได้แค่ครึ่งเดียว ต้องขอโทษทุกๆๆคนด้วยนะคะ เหลืออีกแค่ไม่กี่

ตอนเรื่องนี้ก็จะมาถึงเส้นชัยแล้ว ขอบคุณทุกคอมเม้นและขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านด้วยนะคะ ตอนนี้ไฟกับนอร์สก็ผ่านเรื่อง

ร้ายๆมาๆด้ด้วยดี รออยากจะให้ถึงวันงานแต่งงานจริงๆ 55555

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
แผนการร้ายครั้งที่ 18 : หากคุณรักใครสักคนของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุณสามารถให้ได้คือการอยู่เคียงข้างเขา

         “แหม แต่งตัวซะดูดีเลยนะมึง” ไอ้วีแซวผม

         “ดูดีไรมึง กูก็แต่งตัวดูดีแบบนี้อยู่ตลอด” ผมแย้งไอ้วี

           วันนี้เป็นวันรับปริญญาของนอร์ส ผมและครอบครัวเลยจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าตัวเสียหน่อย ซึ่งตอนนี้ผม พี่ลมและไอ้วี

ล่วงหน้าไปหาอีกคนที่กำลังเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรอยู่ภายในห้องประชุม ส่วนป๊ากับม๊าจะตามมาสมทบทีหลังให้พวกผม

ล่วงหน้าไปก่อนและโชคดีที่พวกผมไปถึงก็เจอกับคุณหญิงแม่และพ่อของนอร์สที่มารอลูกชายของตัวเองอยู่ก่อนแล้ว  พวกผม

จึงเข้าไปทักทายท่านทั้งสอง

         “สวัสดีครับคุพ่อ สวัสดีครับคุณหญิงแม่” ผมทักทายท่านทั้งสอง

         “สวัสดีจ๊ะน้องไฟแล้วนี่ป๊ากับม๊ายังไม่มาเหรอ” คุณหญิงแม่เรียกผมลงมานั่งข้างๆท่าน  ก่อนจะถามถึงป๊ากับม๊า ส่วนพี่ลมกับ

ไอ้วีขอตัวไปหาของทานเล่นรอนอร์ส

         “ครับ ป๊ากับม๊าบอกว่าให้พวกผมล่วงหน้ามาก่อน ส่วนท่านทั้งสองจะตามมาสมทบทีหลังครับ” ผมตอบคุณหญิงแม่ จากนั้น

ท่านก็ชวนผมคุยเรื่องอื่นๆทั้งเรื่องการเรียน เรื่องการทำงาน ส่วนพ่อของนอร์สขอตัวไปคุยธุระกับลูกน้อง จึงเหลือผมกับคุณหญิง

แม่นั่งคุยกันเพียงสองคน

         “แล้วทำไมน้องไฟถึงเรียนนิเทศศาสตร์ล่ะ” คุณหญิงแม่ถามถึงเหตุผลที่ผมเข้าเรียนิเทศ เอ่อ....ผมก็ไม่รู้จะตอบท่านยังไงดี

ว่าทำไมผมถึงเลือกเข้าเรียนนิเทศเพราะเหตุผลในตอนนั้นที่ผมเลือกนิเทศก็เป็นเพราะพี่ต้าร์......

         “ไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไรนะแม่เข้าใจ” คุณหญิงแม่บอกผมยิ้มๆจากนั้นท่านจึงยื่นมือมาลูบหัวผมอย่างเอ็นดู

         “คือ...ที่ผมอยากเข้านิเทศก็เพราะเอ่อ......เพราะผมเคยหลงรักรุ่นพี่คนหนึ่งแล้วเขาเข้าเรียนนิเทศที่ผมเรียนอยู่ ผมอยากที่

จะอยู่ใกล้ๆเขาผมเลยเลือกเรียนที่นั่น แต่สุดท้ายเราก็ไปกันไม่รอด” ผมบอกคุณหญิงแม่เพียงแต่ไม่ได้บอกว่ารุ่นพี่คนนั้นเป็นใคร

เพราะยังไงซะผมก็ไม่อยากจะนึกถึงมันอีก แต่พอลองนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เคยมีความสุขนั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกว่า....ผมเอา

เวลาที่มีค่าของตัวเองไปสูญเปล่ากับความรักที่จอมปลอมนั่นได้ยังไง แต่ถึงแม้ผมจะเสียดายเวลาที่ใช้ไปอย่างไร้ค่านั่นผมก็ไม่

สามารถย้อนเวลาแล้วนำมันกลับคืนมาก็คงจะไม่ได้และคิดซะว่าสิ่งที่ผ่านไปเป็นเพียงแค่ฝันร้ายที่ผมเคยเจอ ถึงแม้เวลาที่เสียไป

จะทำให้ผมเสียดาย แต่ในเมื่อตอนนี้ผมได้เจอนอร์ส เจอคนที่รักผมสุดหัวใจผมก็ไม่นึกเสียดายเวลาเหล่านั้นแต่อยากจะขอบคุณ

ขอบคุณที่ทำให้ผมได้เจอกับรักแท้....

         “แล้วน้องไฟก็มาเจอนอร์สใช่ไหม นอร์สเป็นคนดีมากๆๆนะลูก แม่เชื่อว่านอร์สเขาจะต้องไม่ทำให้น้องไฟต้องมานั่งเสียใจ

เหมือนที่รุ่นพี่คนนั้นเคยทำกับน้องไฟแบบนั้นหรอกนะ” คุณหญิงแม่บอกผม

         “ครับ ผมก็เชื่อแบบนั้น” ผมบอกคุณหญิงแม่และไม่นานเหล่านิสิตนักศึกษาที่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเสร็จต่างก็

ทยอยๆกันออกมาถ่ายภาพกับครอบครัว ผมเลยขอคุณหญิงแม่ไปโทรศัพท์ตามพี่ลมกับไอ้วีและโทรบอกป๊ากับม๊า

         “พี่ลมทางนี้” ผมโบกมือเรียกพี่ลมกับไอ้วี

         “อ่ะ กุหลาบขาว” พี่ลมยื่นกุหลาบขาวช่อโตให้ผมซึ่งผมก็รับช่อกุหลาบนั่นมาอย่างงงๆ

         “พี่ลมให้น้องไฟไมอ่ะ” ผมถามพี่ลมอย่างงงๆ

         “ก็ให้น้องไฟเอาไปแสดงความยินดีกับนอร์สไง ไปเรา นอร์สกำลังเดินมาโน่นแล้ว” พี่ลมบอกก่อนจะผลักผมไปหาอีกคนที่

กำลังเดินตรงมาทางนี้

         “ลูกแม่ดูดีจริงๆเลยนะเนี่ย แม่ภูมิใจในตัวลูกมากเลยนะนอร์ส แม่รักลูกนะ” คุณหญิงแม่บอกนอร์สก่อนที่ท่านจะดึงลูกชาย

สุดที่รักเข้ามากอดแล้วน้ำตาแห่งความภาคภูมิใจของผู้เป็นแม่ก็ค่อยๆหลั่งไหลลงมา ผมที่ยืนมองภาพนี้ก็รู้สึกนึกถึงตอนที่ม๊ากอด

ผมในวันที่ผมรับปริญญา ม๊าภูมิใจมากและก็ร้องไห้เหมือนอย่างที่ตอนนี้คุณหญิงแม่กำลังเป็น

         “นอร์สก็รักแม่เหมือนกันนะครับ” นอร์สบอกคุณหญิงแม่ จากนั้นทั้งคู่จึงผละออกจากกัน พ่อของนอร์สจึงเข้ามาแสดงความ

ยินดีกับนอร์สจากนั้นท่านจึงยื่นกล่องของขวัญให้อีกคน และบอกว่าของขวัญที่ให้เป็นของขวัญที่ทั้งคุณหญิงแม่และพ่อเป็นคน

เลือกให้

         “ขอบคุณครับ” นอร์สไหว้ท่านทั้งสอง

         “เอาไปให้นอร์สได้แล้วน้องไฟ” พี่ลมกระซิบบอกผม

         “เอ่อ....ยินดีด้วยนะ” ผมยื่นช่อกุหลาบขาวให้อีกคน นอร์สจึงยื่นมือมารับช่อกุหลาบขาวไป ก่อนจะก้มลงมองช่อกุหลาบขาว

แล้วจึงมองหน้าผม ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำหน้ายังไงส่งให้อีกฝ่ายจึงได้แต่เฉตามองไปบริเวณรอบๆแก้อาการเขินอายของตัวเอง

เพราะดอกไม้ที่ผมให้นอร์สไปมันเป็นดอกไม้ที่ผมชอบซึ่งเจ้าตัวก็คงจะรู้จึงได้มองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แบบนั้น!!

         “สวยจังเลยนะครับ” นอร์สพูด ผมจึงหันไปมองอีกฝ่ายก่อนจะก้มลงมองช่อกุหลาบ มันก็สวยอย่างที่อีกคนว่าจริงๆ และยัง

ไม่ทันที่ผมจะได้แสดงความคิดเห็นคุณหญิงแม่ก็ถามขึ้นมาเสียก่อน

         “คนให้หรือช่อดอกไม้ล่ะ” คุณหญิงแม่ถามนอร์สก่อนจะส่งยิ้มมาให้ผม ให้ตายเหอะเจ้าเล่ห์กันทั้งบ้านเลย!!

         “ก็คง...........ทั้งสองนะครับ” นอร์สบอกคุณหญิงแม่ก่อนจะหันมามองหน้าผมยิ้มๆ แต่ไอ้รอยยิ้มที่เจ้าตัวยิ้มให้มันไม่น่าไว้

วางใจเอาซะเล้ยย!!

         “เอาล่ะม๊าว่าเรามาถ่ายรูปครอบครัวกันดีกว่ามา” ม๊าผมที่มาสมทบกับป๊าทีหลังเดินเข้ามาพร้อมกับช่างภาพที่พวกเราก็ไม่มี

ใครรู้ว่าม๊าแกมาตั้งแต่เมื่อไร แต่เท่าที่รู้พอม๊ามาถึงก็จัดแจงให้พี่ช่างภาพมาช่วยถ่ายรูปให้ โดยรูปแรกเป็นรูปของนอร์สและครอบ

ครัวนอร์ส รูปที่สองคุณหญิงแม่ชวนม๊ากับป๊าใหไปถ่ายรูปด้วย รูปที่สามก็เป็นรูปครอบครัวนอร์สกับครอบครัวผมแถมมีไอ้วีร่วม

แจมเป็นว่าที่(?)คนในครอบครัวด้วย ก่อนรูปต่อมาจะเป็นรูปผม นอร์ส พี่ลมแล้วก็ไอ้วี ส่วนรูปสุดท้ายก็เป็นรูปของผมกับนอร์ส

         “ไฟถือช่อดอกไม้ให้นอร์สหน่อยนะครับ” นอร์สยื่นช่อดอกกุหลาบขาวมาให้ผมถือ ผมจึงรับช่อดอกไม้นั่นมาช่วยถือให้อีกคน

พอนอร์สส่งช่อดอกไม้มาให้ผมถือเสร็จเจ้าตัวก็ยื่นมือมาโอบผมเอาไว้ ผมพยายามขัดขืนไม่ให้อีกคนกอดก็โดนพี่ช่างภาพดุเอา

         “ใกล้ๆกันหน่อยครับ คุณไฟครับอยู่เฉยๆแล้วก็เขยิบเข้าใกล้คุณนอร์สหน่อยครับ” พี่ช่างภาพบอกให้ผมเขยิบเข้าใกล้อีกคน

เล็กน้อย ผมก็ทำตาม แต่ย้ำนะครับว่าเขยิบ ‘เล็กน้อย’

         “ไฟไม่ได้ยินที่พี่ช่างภาพพูดเหรอครับ พี่เขาให้ไฟเขยิบเข้ามาใกล้นอร์สอีกนะ” นอร์สก้มลงมากระซิบข้างหูผมจนผมต้องรีบ

เอามือปิดหูของตัวเองเอาไว้ก็เพราะอีกคนไม่ได้ก้มลงมากระซิบอย่างเดียวแถมยังเป่าลมร้อนออกมาอีก ใครเขาใช้ให้นายทำ

แบบนี้กานนนนน!!

         “นี่นอร์สทำบ้าไรของนอร์สเนี่ยอายคนอื่นเขาซะบ้างซินี่เราอยู่ในที่สาธารณะนะ” ผมว่าอีกคนเสียงเบาพร้อมทั้งเกรงใจบรรดา

พ่อแม่พี่น้องที่พยายามซะเหลือเกิน พยายามที่จะไม่ให้ผมรู้ว่าทุกคนกำลังแอบมองอยู่ผมกับนอร์สอยู่ เฮ้อ!จริงๆเลยนะแต่ละคน

         “ก็ไฟไม่เห็นเหรอครับพวกนักศึกษาคนอื่นๆกำลังมองมาที่ไฟกันทั้งนั้นเลยนะครับ โดยเฉพาะพวกนักศึกษาชาย ไฟนะไฟ

ทำไมไม่รู้จักหัดดูแลตัวเองซะบ้าง ไฟก็รู้ว่าตัวเองน่ารักแถมยังใส่ชุดแบบนี้มันยิ่งน่ารักและดึงดูดคนพวกนั้นเข้าไปใหญ่ คราวหน้า

คราวหลังท่าจะแต่งตัวก็ปรึกษากันบ้างนะครับเพราะนอร์สหวง” นอร์สว่าผมซะชุดใหญ่ไม่ได้เว้นที่ไว้ให้ผมได้อายเลยสักนิด

เพราะตั้งแต่เจอเข้ากับคำว่า น่ารัก ก็พาลเอาสติสตังค์ที่นานๆครั้งจะอยู่กับตัวล่องลอยหายไปและยิ่งหนักเข้าไปใหญ่กับ

ไอ้ประโยคสุดท้ายที่อีกคนพูด เพราะนอร์สหวง อ๊ากกกก ผมนี่แทบจะละลายกองไปนอนอยู่บนพื้น นอร์สนั่นแหละที่จะพูดอะไร

ไม่ปรึกษาหัวใจไฟเลย!!

         “นี่นอร์สกำลังหึงไฟอยู่เหรอ” ผมแกล้งถาม

         “ไม่ใช่มั้งครับ” นอร์สตอบ

         “โอ๋ๆไม่หึงนะไม่หึง เดี๋ยวพี่ซื้อลูกอมให้กินสองเม็ดนะ” ผมบอกนอร์สยิ้มๆ อีกคนที่เจอประโยคนี้ของผมเข้าไปก็ถึงกับหลุด

ขำพรืดซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่ามันน่าขำตรงไหน

         “ขำอะไรของนอร์สเนี่ยไฟจริงจังนะ” ผมว่า แต่อีกคนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดขำเลยแม้แต่น้อย

         “ก็ขำไฟไงขำ เฮ้อ!ไฟนะไฟชอบทำตัวหน้ามันเขี้ยวจริงๆเลย” นอร์สว่าก่อนจะเอื้อมมือมาบีบจมูกผม ให้ตายเถอะ!เขาเล่น

อย่างกับผมเป็นเด็กๆ

           แชะๆๆๆเสียงรัวชัดเตอร์ดังขึ้นที่ด้านหน้า ผมและนอร์สจึงหันกลับไปดูเห็นพี่ตากล้องลดกล้องลงส่งยิ้มให้ผมกับนอร์ส

และนั่นก็ทำให้ผมได้ตรัสรู้แล้วว่า................................

           ชิบหายยยยย!!!ผมลืมตากล้องงงงงงงง!!!!





                 

         “นอร์สแย่งไฟเหรอ ไฟจะกินอันนั้นนะ”

         “นอร์สไม่ได้แย่งไฟ...เอ่อ...พี่ไฟซะหน่อยพี่ไฟนั่นแหละเตี้ยหยิบไม่ถึงเอง”

         “นอร์สกล้าว่าไฟเตี้ยเหรอ งอนแล้วนะ ”

           หลังจากที่ถ่ายรูปและชื่นชมกับวันที่นอร์สได้รับปริญญาบัตรเป็นคุณหมอนอร์สอย่างเต็มตัวแล้ว คุณหญิงแม่ของนอร์สจึง

ชวนกันไปฉลองที่ร้านอาหารแถวริมแม่น้ำเจ้าพระยา

           บรรยากาศยามเย็นแถวริมน้ำเจ้าพระยาช่างให้ความรู้สึกโรแมนตี๊กโรแมนติก โดยเฉพาะเวลามานั่งทานอาหารชิวๆ สบายๆ

แบบนี้ แต่!!บรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติกที่ผมวาดไว้กลับต้องสลายเมื่อนอร์สแย่งลูกชิ้นลูกที่ผมเล็งเอาไว้ไปกินอย่างหน้าตา

เฉย แถมยังมาล้อหาว่าผมเตี้ยอีก คอยดูนะผมจะงอนไปเจ็ดวันเลย!!

         “นอร์สไปแกล้งพี่ไฟเขาทำไมล่ะลูก ขอโทษพี่เขาเลยนะ” คุณหญิงแม่ว่านอร์ส เหอะ!!ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นลูกรักคุณ

หญิงแม่

         “ไม่เป็นไรหรอกผกาให้น้องไฟโดนแบบนี้ซะบ้างจะได้เลิกเอาแต่ใจ นอร์สไม่ต้องไปง้อน้องไฟนะให้เจอแบบนี้ซะบ้าง”

ม๊าผมหันไปบอกนอร์ส

         “ครับม๊า” นอร์สรับปากม๊ายิ้มๆ

         “อะไรม๊า น้องไฟเป็นลูกม๊านะทำไมไม่ยอมเข้าข้างน้องไฟบ้างอ่า” ผมว่าม๊าอย่างน้อยใจ อะไรกัน ผมเป็นลูกแท้ๆของม๊า

ทำไมไม่ยอมเข้าข้างผมไปเข้าข้างนอร์สทำไม!

         “ม๊าไม่เข้าข้างเด็กเอาแต่ใจหรอก” ม๊าบอกผมแถมยังยักคิ้วข้างเดียวส่งให้อีก

         “ม๊าอ่ะ!!” ม๊าไม่ยอมเข้าข้างผมแถมยังมาว่าผมเป็นเด็กเอาแต่ใจอีกต่างหาก ทำไมชีวิตไอ้ไฟถึงไม่มีใครเข้าข้างบ้างนะ!!

         “อ่ะนี่ครับ นอร์สรู้ว่าไฟชอบ” นอร์สตักกุ้งกับลูกชิ้นหมูมาวางไว้ให้ที่จานของผม ผมที่งอนอีกคนตั้งแต่ครั้งแรกก็ไม่ยอมตัก


กิน...ถึงแม้ผมจะชอบมันมากก็ตามที แต่จะให้ผมกินมันลงได้ยังไงอ่ะก็ผมกลัวเสียฟอร์มเหมือนกันนะ

         “นอร์สกินเถอะไฟไม่กิน” ผมดันจานที่มีกุ้งกับลูกชิ้นหมูให้อีกคน

         “ไฟไม่กินจริงๆเหรอครับ” นอร์สถามผมเสียงหงอยๆ ไม่ต้องมาทำเสียงหมาหงอยเลยนะนอร์ส ไฟไม่ใจอ่อนหรอก......มั้ง

         “เอามาๆนี่ไฟเห็นแก่น้องกุ้งกับน้องลูกชิ้นหมูนะที่มันต้องไปจบชีวิตในท้องของคุณหมอใจร้ายสู้ให้มาจบชีวิตในท้องของผู้

กำกับไฟสุดหล่อยังจะดีกว่า” ผมว่าก่อนจะคีบลูกชิ้นหมูกับกุ้งมานั่งกิน ส่วนคนอื่นๆก็นั่งหัวเราะกับการกระทำของผม อะไรกัน

เล่า!!

         “สงสารน้องกุ้งกับน้องลูกชิ้นหมูหรืออยากกินเองมากกว่าครับคุณผู้กำกับไฟ” ไอ้วีว่าผม นั่นปากใช่ไหมไอ้วี?

         “ว่างๆก็พาลูกๆในปากไปหาสัตวแพทย์บ้างนะไอ้วีเผื่อมันจะมีปัญหาทางสมอง” ผมว่าไอ้วีก่อนจะแย่งกุ้งในจานของนอร์สไป

กินอย่างสบายใจเพราะตอนนี้นอร์สเปลี่ยนหน้าที่มาเป็นคนตักกุ้งกับลูกชิ้นให้ผมแทน ฟินอ่ะ!มีคนหล่อบริการ

         “อุ้ย!แรงแต่ชิน ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูให้คุณหมอนอร์สดูแลลูกๆในปากให้ คุณหมอครับลูกๆในปากผมฉลาดมากใช่ไหมครับเพราะ

ผมเห็นมันว่าไอ้ไฟทีไรเป็นเรื่องจริงทุกที” ไอ้วีว่าก่อนจะหันไปถามเรื่องลูกๆในปากของมันกับนอร์สซึ่งอีกคนที่ได้ยินคำถามของ

ไอ้วีถึงกับยิ้มขำก่อนจะตอบคำถามให้มัน

         “อันนี้ผมว่าคงต้องไปถามพี่ไฟเองดีกว่านะครับเพราะยังไงซะผมก็เป็นได้แค่หมอส่วนคนที่เป็นใหญ่กว่าหมอก็คือเมียหมอ

อย่างพี่ไฟนั่นแหละครับเพราะเรื่องนี้...นอร์สจะไม่ยุ่ง ฮ่าๆๆๆๆ” นอร์สว่าก่อนจะทำเอาหลายๆคนที่นั่งร่วมโต๊ะขำกันสนุกสนานและ

นั่นก็รวมถึงตัวผมเองด้วย

      “แล้วนี่ถามไฟยังว่าไฟอยากเป็นเมียหมอรึเปล่า ไม่ใช่ว่ามาคิดเองเออเองแบบนี้” ผมแกล้งว่าอีกคน แต่ถึงนอร์สจะไม่ให้ผม

ผมก็ต้องเป็นให้ได้เพราะไม่มีอะไรใหญ่เท่าการเป็นเมียหมอนอร์ส หึๆๆๆๆ

         “ถามแบบนี้แสดงว่าไม่อยากเป็นเหรอครับ” นอร์สถามผม

         “ก็ไม่เคยเห็นขออ่ะ” ผมบอกอีกคน

         “อืม...งั้น.....เอ่อ..สักครู่นะครับพอดีรุ่นพี่ที่รู้จักกันโทรมา” ยังไม่ทันที่นอร์สจะได้ขอผมแต่งงานเสียงโทรศัพท์เจ้ากรรมดัน

ดังขัดขึ้นมาซะก่อนและที่สำคัญผมไม่รู้ด้วยว่ารุ่นพี่ที่นอร์สรู้จักที่โทรเข้ามาหานั้นเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิง!!

         “เป็นไรไปน้องไฟพี่เห็นเรามองตามนอร์สตั้งนานแล้วนะ หึงรึไง” พี่ลมว่าผมเพราะตั้งแต่ที่นอร์สเดินออกไปรับโทรศัพท์ป่าน

นี้ยังไม่เดินกลับเข้ามายิ่งทำให้ผมรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก

         “ไม่ได้หึงสักหน่อยพี่ลมอย่ามามั่วนะ” ผมทำทีเป็นว่าพี่ลมทั้งที่ลึกๆในใจของผมแล้วก็ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังหึงอีกคนอยู่รึเปล่า

         “เหรออออกูเห็นมึงมองนอร์สตั้งแต่เขาเดินออกไปจนถึงตอนนี้สายตามึงยังไม่ยอมละออกจากทางที่เขาเดินไปเลยนะอย่าง

นี้แถวบ้านกูเขาเรียกว่ากำลังเริ่มหึงเว้ย” ไอ้วีบอกผม

         “แต่กูก็ไม่อยากหึงนะ มันไม่รู้สิแต่กูคิดว่ากูกำลังกลัว” ผมบอกไอ้วี ส่วนไอ้วีก็กับพี่ลมก็หันหน้ามองกันเพราะทั้งคู่รู้ดีว่าทำไม

ผมถึงกลัว...

         “พี่ว่าประวัติศาสตร์มันคงไม่ซ้ำรอยเดิมหรอกนะ” พี่ลมพูดปลอบใจผม ผมจึงส่งยิ้มบางๆไปให้พี่ลมกับไอ้วีเพราะผมกลัวว่า

ทั้งสองคนจะเป็นกังวลในเรื่องของผมและทำให้ตัวเองต้องมาหมดสนุกเอาเสียเปล่าๆ

         “อืม น้องไฟก็เชื่อว่ามันเป็นแบบนั้น” ผมบอกพี่ลมกับไอ้วีก่อนจะหันไปมองตามทางที่อีกคนเดินออกไปและพยายามเชื่อใจ

อีกคนทั้งๆที่ตอนนี้ตัวของผมเองก็ยังไม่ค่อยจะแน่ใจในตัวเองสักเท่าไร.....................
                       
       

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
           “เฮ้อ!!” ผมออกมายืนถอนหายใจคนเดียวอยู่บริเวณจุดชมวิวของร้านอาหาร

           หลังจากที่ผมนั่งคุยกับพี่ลมและไอ้วีเพื่อที่จะได้เลิกคิดฟุ้งซ่าน แต่ก็คุยกันได้ไม่นานเมื่อนอร์สเดินเข้ามาท่าทางเหมือนกับ

คนรีบร้อนจะไปไหนสักแห่งก่อนจะขอตัวออกไปธุระแล้วอีกสักพักจะกลับมา แต่ก็ไม่ยอมบอกเหตุผลว่าตัวเองจะไปที่ไหน ผมที่

ได้แต่มองตามอีกฝ่ายไปอย่างเงียบๆจึงขอตัวออกมาเดินเล่นเพื่อคลายความฟุ้งซ่าน แต่ผมว่ามันยิ่งทำให้ผมรู้สึกฟุ้งซ่านมากกว่า

เดิม

         “มึงก็หัดเชื่อใจเขาหน่อยสิไอ้ไฟ ประวัติศาสตร์มันคงไม่ซ้ำรอยเดิมหรอก.....มั้ง” ผมบอกกับตัวเองทั้งๆที่ก็ยังไม่แน่ใจ ผม

พยายามบอกกับตัวเองประวัติศสตร์มันคงไม่ซ้ำรอยเดิมแต่ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นกลับคล้ายกับภาพเหตุการณ์ในวันนี้ คล้ายมาก

ซะจนผมกลัว...กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีก

           วันนั้นเป็นวันที่ผมมาเลี้ยงฉลองรับปริญญาเฉกเช่นเดียวกับวันนี้ วันนั้นมีทั้งผม พี่ลม ไอ้วีและพี่ต้าร์ที่มางานฉลองวันรับ

ปริญญาให้กับผมและไอ้วีและยิ่งไปกว่านั้น วันนั้นก็คือเป็นวันที่พี่ต้าร์จะขอผมแต่งงานอีกเช่นเดียวกัน เราอยู่กินเลี้ยงกันจนใกล้

งานจะเลิกอยู่ดีๆพี่ต้าร์ก็คุกเข่าลงพร้อมกับกล่องกำมะหยี่สีแดงที่ด้านในมีแหวนเพชรเม็ดงามถึงแม้เม็ดของเพชรจะไม่ได้ใหญ่

มากแต่นั่นมันกลับมีค่ามากในจิตใจและสายตาของผม แต่ยังไม่ทันที่พี่ต้าร์จะได้ขอผมแต่งงานก็มีคนโทรศัพท์เข้ามาหาพี่ต้าร์

แล้วยังบอกว่าตอนนี้เขากำลังถือสายอยู่ด้านหลังผม จากนั้นเธอจึงเดินเข้ามาหาพี่ต้าร์แล้วยังบอกอีกว่าเธอเป็นคู่หมั้นตัวจริงของ

พี่ต้าร์ ส่วนผมก็เป็นได้แค่ของเล่นแก้เหงาของพี่ต้าร์.....วินาทีนั้นผมรู้สึกเหมือนมีคนเอาน้ำเย็นมาสาดทั้งหน้าและตัวผมเพราะ

ความรู้สึกมันทั้งหนาว ชาและเจ็บ....เหมือนสะเก็ดน้ำแข็งมันกระเด็นไปบาดลึกในใจจนกลายเป็นแผลที่ยังคงฝังใจผมมาถึงใน

ตอนนี้........................................

         “ไอ้ไฟ!!!แย่แล้วมึง ไอ้ไฟ!!” เสียงแตกตื่นของไอ้วีที่ตะโกนเรียกผมทำให้ผมต้องหลุดออกจากภวังค์ความคิดก่อนจะหันไป

ตามเสียงเรียกของอีกคนแทน

         “มีอะไรมึงตะโกนซะเหมือนเมียมึงกำลังจะคลอด” ผมว่าไอ้วี

         “เมียกูเป็นผู้ชายท้องไม่ได้ มึงนี่ก็นะชวนกูออกนอกเรื่องตลอด” ไอ้วีมันว่าผม ผมจึงขอโทษมัน

         “เออๆกูขอโทษแล้วนี่มึงมีอะไรถึงได้ตะโกนซะชาวบ้านแถวนี้เขาแตกตื่นกันไปหมดแล้วเนี่ย” ผมถามไอ้วี

         “มึงแย่แล้ว” ไอ้วีทำหน้าตื่นนิดๆ

         “อะไรแย่วะมึง”

         “นอร์ส นอร์ส” ไอ้วีได้แต่เรียกชื่อนอร์สและนั่นยิ่งทำให้ผมเริ่มใจคอไม่ค่อยดี

         “นอร์สทำไมนอร์สแย่อะไรมึงรีบบอกกูมาเร็วๆเลยนะ” ผมคะยั้นคะยอถามไอ้วี

         “กูว่ามึงรีบไปดูเองดีกว่าว่ะ รีบๆเลยนะมึงไม่งั้นเดี๋ยวจะไม่ทัน” ไอ้วีบอกผมก่อนจะรีบดันผมให้รีบไปดูอีกคน

         “เออๆงั้นกูไปดูนอร์สก่อนนะ” ผมว่าก่อนจะรีบวิ่งออกไป

         “เร็วๆเลยนะมึงไม่งั้นนอร์สจะแย่เอา” เสียงของไอ้วีตคะโกนตามหลังผมจึงหันไปพยักหน้ารับก่อนจะเริ่มออกแรงวิ่งสุดตัว

เพื่อไปดูอีกคนจนผมไม่ได้นึกเอะใจและไม่ได้ยินในสิ่งที่ไอ้วีกำลังจะพูดต่อจากนี้เพราะเสียงที่มันกำลังพูดอยู่นั้นเป็นเสียงที่ผ่าน

ไปตามสายลมที่ผมได้แต่เอะใจแต่ไม่ได้ฉุกคิด......

              รีบๆเข้านะไอ้ไฟเพราะตอนนี้นอร์สกำลังจะแย่...เพราะตอนนี้เขารอขอมึงแต่งงานจะแย่อยู่แล้ว!!โชคดีนะเว้ย....ไอ้ไฟ

เพื่อนรัก!

           ผมรีบวิ่งกลับไปที่เดิมเพราะกลัวว่าอีกคนจะเป็นอะไรไปและดูจากสีหน้าและท่าทางของไอ้วีที่มันวิ่งหน้าตาตื่นมาหาผมมัน

คงไม่ได้อำผมเล่นหรอกมั้งนะ?

         “เอ๋?” ผมที่รีบวิ่งกลับเข้ามาในร้านอาหารแต่กลับไม่พบใครอยู่ในร้านแต่กลับเต็มไปด้วยแสงไฟสลัวๆก่อนจะหันมองไปรอบๆ

บริเวณจนไปสะดุดเข้ากับ...ดอกกุหลาบขาวที่ประดับรายรอบอยู่บริเวณนี้พร้อมกับเสียงเพลงสบายๆที่ค่อยๆเปิดคลอเบาๆเพื่อขับ

ให้บรรยากาศดูอบอุ่นและโรแมนติก พอให้คนที่ยืนอยู่ในบริเวณนี้ได้จั๊กจี้หัวใจเล่น

         “โรแมนติกดีจัง” ผมว่าก่อนจะหันมองดูเชิงเทียนรูปหัวใจที่ประดับตกแต่งพร้อมกับดอกกุหลาบขาว ดอกไม้ที่ผมชอบ

จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นอยู่ทางด้านหน้าและนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่ามันยังมีอีกหลายเรื่องที่ทำให้ผมยิ้มได้จนกว่าเจ้าของงานจะเปิดเผย

ตัว

         “สวัสดีครับไฟ นอร์สอยากจะบอกไฟว่า ถ้าตอนนี้ไฟกำลังดูคลิปวีดีโอนี้อยู่แสดงว่าตอนนี้นอร์สเอ่อ.....กำลังจะขอไฟ

แต่งงานนะครับ ฮ่าๆ มันเป็นวีดีโอที่นอร์สได้รวบรวมภาพที่เราทั้งคู่ได้ไปเที่ยวกันและภาพที่เราไปเที่ยวตอนที่ไปถ่ายทำหนังที่

ต่างประเทศ นอร์สอยากจะเอาช่วงเวลานั้นมาถ่ายทอดเป็นภาพความทรงจำดีๆที่เรามีร่วมกันและฝ่าฝันมันจนมาถึงทุกวันนี้และ

สุดท้ายนี้ ถ้าไฟเก็บภาพเหล่านั้นเข้าไว้ในความทรงจำของไฟแล้วไฟก็อย่าลืมคนในความทรงจำคนนี้ของไฟด้วยนะครับ”

จากนั้นก็ขึ้นภาพที่ผมไปเที่ยวกับนอร์สที่อยุธยาบ้าง ที่กรุงโรมและที่อื่นๆที่ผมกับนอร์สได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน บางภาพก็เป็นภาพที่

อีกคนตั้งใจถ่ายให้มันออกมาดูเป็นธรรมชาติซึ่งผมว่ามันดูดีมากแถมยังนึกทึ่งในฝีมือของอีกคน บางภาพที่ถูกใส่มาในคลิปก็เป็น

ภาพที่ผมนอนซบไหล่อีกคนซึ่งตัวผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองไปเผลอนอนซบไหล่อีกคนได้ยังไงกัน ภาพในคลิปค่อยๆเปลี่ยน


ไปทีละภาพ...ทีละภาพจนไปหยุดอยู่ที่อีกคนที่เดินมาพร้อมกับจักรยานสีชมพูหวานแหววที่มีช่อดอกกุหลาบขาววางอยู่บนหน้า

รถและข้อความที่ถูกฉายอยู่บนสไลด์ มันเป็นเพียงข้อความสั้นๆแต่กลับทำให้ผมรู้สึกมีความสุขที่สุด


                                                                  Wil  you marry me?

         “แต่งงานกับนอร์สนะครับไฟ” นอร์สจูงจักรยานสีชมพูหวานแหววที่ค่อนข้างจะขัดกับลุคของเจ้าตัวเล็กน้อยพร้อมกับช่อดอก

กุหลาบขาวช่อโตที่วางไว้อย่างสวยงามที่หน้ารถ จากนั้นอีกคนจึงถามย้ำกับผมอีกครั้ง

         “แต่งงานกับนอร์สนะครับไฟให้นอร์สได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคนในความทรงจำของไฟได้ไหมครับ” นอร์สถามก่อนตั้ง

จักรยานให้เรียบร้อยแล้วนั่งลงคุกเข่ายื่นช่อดอกกุหลาบขาวช่อโตมาให้ผม

         “ไม่” ผมตอบอีกคนที่ได้ฟังคำตอบของผมถึงกับชะงักพร้อมกับหน้าเสียไปเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันที่อีกคนจะพูดอะไรตัดพ้อ

ต่อผมกลับยื่นมือไปรับช่อกุหลาบขาวของอีกคนพร้อมกับส่งยิ้มบางๆไปให้ซึ่งนั่นก็ทำให้อีกฝ่ายงงกับสิ่งที่ผมทำ


         “ไฟจะไม่ให้นอร์สได้เป็นแค่เพียงคนในความทรงจำของไฟ แต่ไฟจะให้นอร์สเป็นคนในชีวิตจริงของไฟต่างหากล่ะ ไฟจะ

แต่งงานกับนอร์สนะ” ผมเฉลยให้อีกคนฟัง นอร์สที่หน้าเสียในตอนแรกกลับยิ้มแก้มปริที่ผมยอมตกลงแต่งงานกับตัวเองด้วย

จากนั้นนอร์สก็โผเข้ากอดผมจนผมรู้สึกว่าเท้าแทบจะไม่ได้ติดพื้น นี่สินะที่เรียกว่า โดนกอดจนตัวลอย

เย่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!! เสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องดีใจของกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังของผมดังขึ้นและทำให้ผมรู้ว่าทุกคนที่เหลือไม่ได้

หายไปไหนกันหมดเพียงแต่แอบซุ่มยืนดูเหตุการณ์นี้กันทั้งหมด

         “ม๊าดีใจด้วยนะน้องไฟ พอใจรึยังล่ะอยากให้นอร์สขอแต่งงานไมใช่เหรอเอาซะโรแมนติกเชียวนะ” ม๊าแสดงความยินดีกับผม

พร้อมกับแซวผมเรื่องที่ผมอยากให้อีกคนขอแต่งงาน

         “ม๊าก็น้องไฟก็เขินเป็นเหมือนกันนะ” ผมว่าพลางเกาแก้มตัวเอง ก็มันทำไงได้ทุกคนก็อยู่เห็นเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นทั้งหมด

ถ้าจะไม่ให้ผมเขินอายเหมือนอีกคนที่ยืนยิ้มหน้าบานก็คงจะกระไรอยู่หรอกนะ

         “ฮ่าๆๆๆๆ” ทุกคนหัวเราะครื้นเครงกันอย่างสนุกสนานมีบ้างที่มาแหย่และมาแซวผมกับนอร์ส แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผมลืมผู้สมรู้

ร่วมคิดที่ทำให้ผมได้มาอยู่ที่นี่

         “ไอ้วี” ผมเรียกไอ้วีมันจึงหันกลับมาเลิกคิ้วมองผม มีไรว่ามาน้อง     

         “มึงโกหกกู มึงโกหกว่านอร์สกำลังจะแย่” ผมว่า ไอ้วีถึงกับหลุดขำซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าไอ้ประโยคเมื่อกี้มันน่าขำตรงไหน

         “โถ่!ไอ้ไฟกูก็นึกว่าจะมีเรื่องคอขาดบาดตายอะไรก็มึงนั่นแหละที่คิดตีโพยตีพายไปเองไม่ยอมฟังกูให้จบ” ไอ้วีว่าผม

         “ก็กูฟังจนหมดแล้ว มึงนั่นแหละที่โกหกกู” ผมว่า เอาสิงานนี้ผมต้องเถียงมันให้ชนะให้ได้...อย่างน้อยก็สักครั้งเถอะ!?

         “มึงยังฟังไม่จบ กูบอกว่านอร์สแย่ก็จริง แต่เขารอขอมึงแต่งงานจะแย่อยู่แล้วต่างหาก” โอเคครับ ผมเจอคำตอบของไอ้วี

เข้าไปผมยกธงขาวให้ดีกว่า

         “แต่มึงก็ได้ในสิ่งที่มึงอยากได้ไม่ใช่เหรอ ไปๆมึงเนี่ยจักรยานมีไว้ทำไมครับคุณนอร์สครับ” ไอ้วีว่าผมก่อนจะหันไปบอกกับ

นอร์ส

         “ครับๆคุณปฐวี ไฟครับไปนั่งรถเล่นกันนะ” นอร์สชวนผมก่อนที่ตัวเองจะขึ้นขี่จักรยานและให้ผมซ้อนท้ายอีกคน ผมที่ทำท่า

จะฝากช่อกุหลาบไว้กับพี่ลมก็ถูกเจ้าพี่ชายตัวดีบังคับให้ถือไปด้วย จากนั้นนอร์สจึงปั่นจักรยานไปเรื่อยๆชมวิวริมน้ำเจ้าพระยา

           นอร์สปั่นจักรยานมาเรื่อยๆตามทางก่อนจะปั่นขึ้นสะพานเพื่อเห็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างชัดเจนและตลอดทางที่ผ่าน

มาเราทั้งคู่ต่างก็ไม่ได้คุยอะไรกันเพราะเราต้องการที่จะได้เก็บความรู้สึกอุ่นซ่านในอกแบบนี้เอาไว้นานๆ

         “มีความสุขไหมครับไฟ” นอร์สจอดจักรยานก่อนจะหันมาถามผมที่ลงจากจักรยานมายืนรับลมยามเย็นพร้อมชมวิวจากด้าน

ล่างของสะพาน

         “อื้ม!มีความสุขสิ มีความสุขที่สุดด้วยล่ะ” ผมบอกอีกคน จากนั้นนอร์สจึงดึงผมเข้ามายืนใกล้ๆก่อนจะก้มลงก้มกระซิบที่ข้างหู

ผม

         “งั้นไฟลองทำตามนอร์สนะครับ” นอร์สบอกผมก่อนที่เจ้าตัวจะหันไปตะโกนคำว่าวันนี้ผมมีความสุขที่สุดเลยครับซะจนเสียง

ดังจนผู้คนที่สัญจรไปมาต่างหันมามองผมกับนอร์สกันเป็นทิวแถว เจ้าตัวที่ตะโกนเสร็จก็หันกลับมายิ้มให้กับผมก่อนที่จะบอกให้

ผมลองทำบ้าง

         “ลองสิครับไฟแล้วเดี๋ยวไฟจะรู้สึกดี” ผมลองทำตามอีกคน จากตอนแรกเสียงที่ตะโกนออกไม่ถูกใจอีกฝ่ายจนต้องตะโกน

ใหม่อีกหลายรอบและนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างที่อีกคนพูดไว้จริงๆ

         “ไฟคิดว่าหลายๆคนเขาเริ่มหันมามองเรากันแล้วนะนอร์ส” ผมบอกนอร์สก่อนจะหันไปเห็นคนที่เดินออกกำลังกายยามเย็น

บนสะพานหันมามองผมกับนอร์ส

         “ไฟไม่ต้องไปสนใจใครหรอกครับคิดซะว่าที่นี่มีเราแค่สองคน” นอร์สบอกผมยิ้มๆ

         “ไฟเพิ่งเคยเห็นนอร์สในมุมแบบนี้นะเนี่ย” ผมบอก

         “เดี๋ยวไฟก็จะได้เห็นนอร์สในหลายๆมุมเหมือนอย่างที่นอร์สจะได้เห็นไฟในหลายๆมุมไงครับ” นอร์สตอบ นั่นสินะอีกไม่นาน

ผมกับนอร์สเราทั้งคู่ก็จะได้เห็นอีกคนในส่วนที่เราไม่เคนได้เห็น เห็นในอีกมุมที่เราอาจไม่คาดคิด เห็นเพื่อเปลี่ยนให้เข้ากันเพราะ

อีกไม่นานเราสองคนก็จะกลายเป็นคนที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกันตลอด ไม่ว่าสุขหรือเศร้าเราก็จะอยู่ด้วยกันจากนี้และตลอดไป.........

แค่คิดก็ทำให้ผมไม่สามารถหยุดยิ้มได้เลย!!





                                            นอร์สขอไฟแต่งงานแล้วสินะ โฮะๆ

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                                                    แผนการร้ายครั้งที่ 19 : ที่ใดมีรัก...ที่นั่นมีชีวิต

               หลังจากที่ผมกับนอร์สเริ่มปั่นจักรยานเพื่อกลับไปที่ร้านอาหารเพราะเกรงว่าคนที่เหลือจะเป็นห่วงเอา แต่ระหว่างทาง

กลับในครั้งนี้ไม่ได้เงียบเหงาเหมือนใน ครั้งแรก

         “เออ...นอร์สไฟมีอะไรจะถามนอร์สอ่ะ” ผมเกริ่นถามอีกคน

         “มีอะไรเหรอครับ” นอร์สหันมาถามผม จากนั้นเจ้าตัวจึงหันกลับไปมองทางต่อเพราะตอนนี้นอร์สทำหน้าที่เป็นสารถีปั่น

จักรยานให้กับคนซ้อนกิติมศักดิ์ที่มีศักดิ์เป็นถึงว่าที่ภรรยาอย่างผม นึกถึงคำนี้มันจั๊กจี้หัวใจแปลกๆ แต่มันก็รู้สึกดีเหมือนกัน

         “คืออย่าหาว่าไฟละลาบละล้วงนะคือไฟอยากจะรู้จริงๆอ่ะ” ผมไม่กล้าถามอีกคนเกรงว่าอีกคนจะหาว่าผมก้าวก่ายเรื่องส่วน

ตัวของอีกคนมากจนเกินไป

         “ไฟอยากจะถามอะไรนอร์สเหรอครับ ถ้าจะถามอะไรก็ถามมาเถอะครับเพราะเราจะไม่มีความลับต่อกัน” นอร์สบอกผมเพื่อให้

ผมรู้สึกสบายใจที่จะถามคำถามที่ผมสงสัยออกไป

         “คือไฟอยากจะรู้ว่าตอนนั้นนอร์สคุยโทรศัพท์กับรุ่นพี่เรื่องอะไรเหรอ”

         “อ๋อ นอร์สก็คุยเรื่องการจัดงานขอไฟแต่งงานไงครับ พอดีว่ารุ่นพี่คนนี้เป็นแฟนกับพี่ชายของรุ่นพี่น่ะครับแล้วพี่เขาก็มีร้านจัด

ดอกไม้แถมยังเป็นออแกไนซ์ นอร์สก็เลยขอให้พี่เขาช่วยจัดสถานที่แล้วก็เตรียมเรื่องดอกไม้ให้กับไฟไงครับ” นอร์สตอบผม

แต่นั่นกลับทำให้ผมรู้สึกไม่ดีที่คิดระแวงอีกคน

         “ขอโทษนะนอร์ส” ผมกล่าวขอโทษนอร์สอย่างสำนึกผิดก่อนจะก้มหน้าซบลงกับแผ่นหลังของอีกฝ่ายแล้วหยิบช่อดอกไม้ที่

อีกคนให้ขึ้นมากอดเอาไว้หลวมๆ ไฟขอโทษที่ไม่ได้เชื่อใจนอร์ส

         “ขอโทษ?ขอโทษนอร์สทำไมกันครับไฟยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย” นอร์สถามผมอย่างสงสัย

         “ขอโทษที่ไฟระแวงนอร์ส ไม่เชื่อใจนอร์สแล้วก็คิดเรื่องไร้สาระไปเอง” ผมสารภาพกับอีกคน นอร์สที่ปั่นจักรยานอยู่ก็หยุด

ปั่นเอาเสียดื้อๆก่อนจะหันหน้ากลับมาตอบผม

         “ไฟไม่ผิดไม่ต้องมาขอโทษหรอกครับเพราะถ้าเป็นนอร์สนอร์สก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกับที่ไฟเป็น นอร์สก็ต้องขอโทษไฟ

เหมือนกันนะครับ” นอร์สบอกผม ผมจึงเงยหน้าที่ซบอยู่กับแผ่นหลังของนอร์สขึ้นไปมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะพบว่าอีกคนมองผม

แล้วยิ้มให้อยู่ก่อนแล้ว

         “อืม ต่อไปนี้ไฟจะเชื่อใจนอร์สให้มากยิ่งขึ้นนะ” ผมให้คำสัญญา

         “ครับต่อไปนี้นอร์สก็จะเชื่อใจไฟอย่างที่ไฟเชื่อใจนอร์ส แต่นอร์สก็อยากจะบอกไฟว่าไม่ว่ายังไงนอร์สก็จะไม่มีทางที่จะ

ทำให้คนที่นอร์สรักต้องเสียใจแน่นอนครับ” นอร์สบอกผมเสียงหนักแน่นคล้ายราวกับให้คำมั่นสัญญา

         “……..” ผมไม่ตอบอีกคนแต่ก้มหน้าลงไปซบกับแผ่นหลังของอีกฝ่ายพร้อมกับหลับตาลงเพื่อซึมซับทุกห้วงของอารมณ์และ

เพื่อแทนคำตอบที่ผมจะมอบให้กับเจ้าตัว

         “แต่นอร์สก็มีอีกเรื่องที่อยากให้ไฟได้สบายใจนะครับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเราสองคน นอร์สสัญญาว่านอร์สจะไม่ยอมให้

ประวัติศาสตร์มันต้องมาซ้ำรอยอีกครั้งและจะไม่ทำให้ไฟต้องเจ็บช้ำอีกเป็นอันขาดแน่นอนครับ” นอร์สบอกผม แต่ผมกลับสะดุ้ง

กับคำพูดของอีกคนที่เพิ่งพูดไปเมื่อครู่       
                     
         “นอร์สรู้?” ผมลืมตาจากการซึมซับบรรยากาศแสนสุขเมื่อชั่วครู่พร้อมกับเบิกตากว้าง แหงนหน้ามองอีกคนเพราะตกใจกับคำ

พูดที่นอร์สพูด

         “ก็ไม่ได้รู้มากมายหรอกครับ แต่ถึงแม้นอร์สจะรู้มากหรือรู้น้อยนั่นมันก็คืออดีตสำหรับไฟ แต่ตอนนี้นอร์สกำลังจะเป็นปัจจุบัน

และอนาคตของไฟ นอร์สเลยไม่อยากให้ไฟต้องกลัวว่ามันจะมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก” นอร์สบอกผม ซึ่งมันก็จริงอย่างที่อีก

คนพูด ไม่ว่านอร์สจะรู้มากหรือรู้น้อยยังไงซะสิ่งเหล่านั้นก็ได้กลายเป็นอดีต อดีตที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ แต่นอร์ส...ผู้ชายที่

ปั่นจักรยานให้ผมนั่งซ้อนท้ายอยู่ตรงหน้าผมนี่สิที่เขาจะเข้ามาเป็นปัจจุบันและอนาคตให้กับผมและเราก็จะเข้ามาเป็นปัจจุบันและ

อนาคตของกันและกันจากนี้และตลอดไป..............................


                         
           เช้าวันนี้ดูสดใสมากกว่าเช้าไหนๆที่ผมเคยเจอเพราะแน่นอนว่าเช้าวันนี้เป็นวันที่ผมกับนอร์สกำลังจะเริ่มจัดเตรียมงาน

สำหรับงานแต่งที่จะเริ่มต้นขึ้นในอาทิตย์หน้า แค่คิดชีวิตก็มีความสุขขึ้นเป็นกอง เฮ้อ!

         “สวัสดีครับคุณหญิงแม่” ผททักทายคุณหญิงแม่ของนอร์ส

         “อ้าว สวัสดีจ๊ะน้องไฟมาเร็วจังเลยนะนอร์สยังไม่ตื่นเลยแม่ว่าจะขึ้นไปปลุกอยู่พอดี งั้นเอางี้แม่จะช่วยวานให้น้องไฟไปช่วย

ปลุกตานอร์สให้แม่ทีเพราะเดี๋ยวแม่ต้องรีบไปแต่งตัวพอดีเพื่อนแม่เขาจะมาคุยเรื่องธุรกิจยังไงแม่ก็ฝากตานอร์สด้วยนะน้องไฟ”

ว่าจบคุณหญิงแม่ก็เดินจากไป เออว่าแต่ว่าผมยังไม่ทันจะได้ค้านหรือโต้แย้งอะไรคุณหญิงแม่ซักคำเพราะท่านเอาแต่พูดเองเออ

เองสรุปเองแล้วก็เดินจากไปเองปล่อยให้ผมต้องมานั่งคิดเองและงงเองและสรุปว่าผมต้องไปปลุกนอร์สเองและทำอะไรๆเอง?

งั้นเหรอ

         “ว่าแต่ว่าห้องนอนของนอร์สอยู่ส่วนไหนของคฤหาสน์หลังนี้หละเนี่ย!” ผมบ่นงึมงำอยู่คนเดียวก่อนจะเดินไปถามพี่แม่บ้านที่

เดินผ่านมาพอดี

           วันนี้ผมกับนอร์สนัดกันว่าจะไปคุยในเรื่องของการ์ดแต่งงานที่กำลังจะจัดขึ้นในอีกไม่ช้า แต่พอผมเห็นอีกคนยังไม่โทรศัพท์

ไปหาสักทีเลยตัดสินใจมาหาอีกฝ่ายที่นี่แทนและก็ทำให้ผมได้รู้ว่าตอนนี้อีกคนกำลังนอนอุดอู้อยู่ภายใต้ผ้านวมผืนหนาอย่าง


สบายใจจนทำให้ผมต้องโดนคุณหญิงแม่ใช้ให้มาปลุกคนที่กำลังนอนหลับอย่างสบายอยู่ภายในห้องนอนอย่างนาย

นอร์ส....นักศึกษาแพทย์ที่เพิ่งจบมาหมาดๆ

           ผมเดินขึ้นไปบนชั้นสองของคฤหาสน์หลังนี้ตามคำบอกของพี่แม่บ้านสาวสวย..และถ้าไม่ติดว่าผมกำลังจะแต่งงานกับลูก

เจ้าของบ้านป่านนี้ผมคงจะได้เบอร์สาวเจ้ามาเก็บไว้ในเมมเมอร์รี่แล้วนำกลับไปอวดไอ้วีได้อย่างสบายใจ แต่ถึงแม้มันจะไม่ใช่

รสนิยมของผมก็ตามทีเถอะ แต่นั่นมันก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ลูกผู้ชายอย่างเราๆก็ควรจะทำ.........นายปฐวีเพื่อนซี้สุดที่รักของผมได้

กล่าวไว้เมื่อนานมาแล้ว

         “ขึ้นชั้นสองเดินตรงไปเลี้ยวซ้ายจากนั้นก็ให้มองไปทางด้านขวาซึ่งเป็นห้องนอนของนอร์ส” ผมเดินท่องตำแหน่งห้องนอน

ของอีกก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าบานประตูที่เป็นหน้าห้องนอนของนอร์สซึ่งเชื่อได้เลยว่าป่านนี้เจ้าของห้องยังคงนอนคุดคู้อยู่ภายใน

ห้องเป็นแน่

           ผมเตรียมยกมือขึ้นเพื่อจะเคาะประตู้ห้องนอนของอีกฝ่าย แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงหัวใจเจ้ากรรมดันดังขึ้น

ขัดจังหวะเสียก่อน

         ตึกตัก ตึกตัก

         “จะมาเต้นทำแมวอะไรตอนนี้ด้วยเนี่ย” ผมว่าตัวเองก่อนจะลดมือลงเพื่อมากุมหัวใจที่เต้นรัวราวกับมีคนตีกลองชุดอยู่ภายใน

อก

         “หายใจเข้าลึกๆช้าๆอย่างนั้น..ดีมากไอ้ไฟทีนี้ก็พร้อมลุย” ผมบอกตัวเองให้สงบจิตสงบใจแต่จนแล้วจนรอดผมก็ไม่สามารถ

เอื้อมมือไปเคาะประตูห้องนอนของอีกคนได้

         “มันจะอะไรกันนักกันหนากับการแค่เอื้อมมือไปเคาะประตูของนอร์ส เฮ้อ! แล้วทีนี้จะเอายังไงดีหละเนี่ย” ผมถามตัวเองอย่าง

ใช้ความคิดก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องนอนของอีกคนอย่างถือวิสาสะ แต่จะให้ผมทำยังไงได้ก็ในเมื่อนี่เป็นทางออกทาง

เดียวที่จะทำให้ผมเข้าไปปลุกอีกคนที่นอนอยู่ภายในห้องได้

         “ขออนุญาตนะนอร์สที่ไฟถือวิสาสะเข้ามาโดยที่ไม่ได้เคาะประตูเรียกเพราะถ้าจะให้ไฟเคาะประตูจริงๆไฟว่าวันนี้เราคงไม่ได้

ไปดูแบบการ์ดแต่งงานแน่ๆ” ผมพูดกับอีกคนที่ตอนนี้คงจะไม่ได้รับรู้อะไรทั้งสิ้นเพราะพอผมเปิดประตูและทำทุกอย่างให้เบา

ที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็เห็นอีกคนยังคงนอนหลับสบายอยู่บนเตียงกว้างไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นตื่นโดยแม้แต่น้อย

         “เฮ้อ!ยังนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่อีกเหรอเนี่ย” ผมเดินเข้าไปใกล้อีกคนก่อนจะค่อยๆนั่งลงบนเตียงอย่างช้าๆเพื่อลดการสั่น

ไหวแล้วไปกระทบให้อีกคนต้องรู้สึกตัวตื่นก่อรจะเอื้อมมือไปเขี่ยปอยผมที่ตกลงมาปรกหน้าของอีกคน

         “คนอะไรก็ไม่รู้ขนาดหลับยังดูดีได้อีก!!” ผมว่า ก่อนจะสำรวจโครงหน้าอีกคนที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายนอนหลับผมก็ต้อง

แอบเผลอสำรวจโคงหน้าของนอร์สทุกที ซึ่งผมเองก็ยังไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร จนบางครั้งผมเองยังคิดว่าตัวเองอาจจะเป็น

พวกโรคจิตก็ได้!? แต่ก็ชั่งเถอะผมว่ามันเป็นสิ่งที่ผมทำแล้วมีความสุขแค่นี้ก็พอ

         “เฮ้ย!!!!” ผมที่นั่งสำรวจโครงหน้าของอีกคนจนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่จนต้องทำให้ตัวเองพลาดท่าเสียทีที่

ถูกอีกคนจับพลิกตัวแล้วกดผมแนบลงกับเตียงนอน ส่วนอีกฝ่ายก็คร่อมทับผมเอาไว้ แถมยังใช้แรงมหาศาลที่มีบีบข้อมือของผม

ลงกับเตียงไว้จนแน่น ซึ่งผมว่าท่ามันค่อนข้างจะเอ่อ...ล่อแหลมอยู่พอควร

         “เอ่อ.....เออ….” ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไปเลยได้แต่พูดเอ่อ อืม เออ ออไปเพราะมันเป็นเพียงประโยคเดียวที่คิดได้ในตอน

นี้และผมว่ามันค่อนข้างจะเป็นอะไรที่จะสิ้นคิดจริงๆที่เอ่ยประโยคฆ่าตัวเองตายแบบนี้เพราะประโยคพวกนี้ถ้าเอ่อเมื่อไหร่คำต่อ

ท้ายก็จะมา และปัญหา.....ผมจะเอาประโยคไหนมาต่อท้ายหละเนี่ย!!

         “คือคุณหญิงแม่ใช้ให้ไฟมาตามนอร์สน่ะ ไฟก็เลยจะเข้ามาปลุก” ผมตอบอีกคนและโชคดีที่ผมยังมีสติพอที่จะตอบแบบนั้น

เพราะนอร์สที่คร่อมผมเอาไว้อยู่จ้องมองผมเขม่งคล้ายคนต้องการคำตอบ แต่ลมหายใจของผมแทบหยุดชะงักเพราะผมคิดว่าท่า

ที่ผมกับนอร์สคุยกันอยู่ตอนนี้ล่อแหลมมากเกินไป แต่ผมกลับคิดผิดเมื่อสายตาถูกเลื่อนไปยังเสื้อผ้าที่อีกคนสวมใส่ เสื้อกล้ามตัว

บางที่โชว์กล้ามเนื้อแขนที่ไม่ได้ใหญ่โตมากมายแต่ก็ถือว่ากำลังพอเหมาะพอดีกับเจ้าตัวและกางเกงผ้าฝ้ายตัวบางที่สามารถมอง

ผ่านเห็นอะไรต่อมิอะไรได้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจนมากกว่าดูทีวีช่อง HD เสียอีก

         ฉ่าๆๆๆ ความร้อนและอุณหภูมิในร่างกายถูกไหลรวมมากองอยู่บนใบหน้าผมแทบจะทันที ผมจึงจำต้องเสหน้าไปทางอื่นเพื่อ

กลบเกลื่อนรอยริ้วแดงๆบนใบหน้าที่ผมเชื่อว่าป่านนี้มันคงจะปรากฎชัดให้อีกคนได้เห็นเป็นแน่

         “แล้วทำไมไฟไม่เคาะประตูหละครับ” ใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่อีกคนจะถามผมเพราะเหมือนนอร์สจะรู้เพราะจากอาการ

หน้าแดงและเสียงหัวใจของผมที่เต้นรัวๆส่งเสียงประท้วงซะดังชัดเจนไม่เกรงใจเจ้าของอย่างผมเอาเสียเลย

         “เอ่อ..คือ” ผมไปไม่ถูกกับคำถามง่ายๆแบบนี้เพราะจะให้ผมตอบได้ยังไงหละว่าที่ผมไม่เคาะประตูเรียกอีกคนเป็นเพราะผม

ตื่นเต้นที่จะได้เข้าห้องนอนของนอร์สเป็นครั้งแรกอย่างนั้นเหรอ?

         “คือที่ไฟไม่เคาะประตูห้องของนอร์สก็เพราะไฟตื่นเต้นที่จะได้เข้าห้องนอนนอร์สเป็นครั้งแรก ไฟเลยทำอะไรไม่ถูก” ตลก

บริโภคได้อีก!!   

         “คือ....ไฟกลัวจะรบกวนนอร์สเลยว่าจะเข้ามาเรียกข้างในตัวต่อตัวน่าจะดีกว่า” ผมตอบ นอร์สมองผมอยู่แวบหนึ่งก่อนจะ

พยักหน้าเข้าใจ แต่ทำไมสายตาที่อีกคนใช้มองกลับดู....เจ้าเล่ห์?  สนุก? ขบขัน? และที่สำคัญลางสังหรณ์ของผมมันก็ชักจะ

บอกว่ามันไม่ดีแน่ๆ ถ้าผมยังจะอยู่ท่านี้นานกว่านี้


         “เอ่อ...คือ” ผมที่จะบอกให้อีกคนลุกออกจากตัวผมก็เป็นต้องมีอันชะงักค้างทันทีเพราะสายตาที่อีกคนจ้องมองผมนั้นราวกับ

เวทมนต์ที่กำลังสะกดจิตผมอยู่ มันทำให้ผมไม่สามารถขยับเขื้อนไปไหนได้และนั่นก็ต้องทำให้ผมเสียจูบแรกของวันไป............


         “อื้ม อืออ” ผมส่งเสียงประท้วงอีกฝ่ายเมื่อลมหายใจของตัวเองเริ่มหยุดชะงัก นอร์สยอมผละออกจากริมฝีปากของผมเพื่อให้

ผมได้สูดอากาศหายใจ

         “นอร์ส...จะ..จะ..ทำอะไรอ่ะ!” ผมถามอีกคนอย่างตกใจเพราะหลังจากที่นอร์สผละออกมาจากการลิ้มชิมรสริมฝีปากของผม

แล้วเจ้าตัวกลับโน้มใบหน้าของตัวเองเข้ามาใกล้กับใบหน้าของผมจนทำให้มันอยู่ห่างกันแทบจะไม่ถึงเซน แต่นั่นก็มากพอที่จะ

ทำให้ผมคิดอะไรไปต่างๆนาๆ

         “ก็ทำในสิ่งที่จะแสดงความเป็นเจ้าของในตัวไฟไงครับ” ว่าจบนอร์สก็ก้มลงไปกัดบริเวณซอกคอของผมจนมันขึ้นรอยแดงๆ

         “ทำอะไรของนอร์สเนี่ยเดี๋ยววันนี้เราต้องไปดูการ์ดแต่งงานอีกนะแล้วถ้าคนอื่นเขามาเห็นล่ะจะทำยังไง” ผมโวยวายใส่อีกคน

 จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรในสิ่งที่อีกคนทำ แต่ติดที่ว่านี่เป็นวันที่ผมกับนอร์สต้องออกไปข้างนอกเพื่อไปเลือกแบบการ์ด

แต่งงาน ถ้าคนอื่นเกิดมาเห็นรอยแบบนี้เข้ามันอาจจะ....

         “ก็ดีน่ะสิครับ ทุกคนเขาก็จะได้รู้ว่าไฟเป็นของนอร์ส ก็ดูสิครับวันนี้ไฟเล่นแต่งตัวน่ารัก ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้าเป็นใครก็ต้องมอง

ก็ต้องชอบทั้งนั้นแหละ” นอร์สบอกผม ที่แท้ก็หวงน่ะสิ เฮ้อ! นอร์สนะนอร์สแฟนใครนะน่ารักจริงๆ

         “แล้วนอร์สชอบที่ไฟแต่งตัวแบบนี้ป่ะ” ผมถามอีกคนยิ้มๆ

         “ถามนอร์สแบบนี้แสดงว่าวันนี้จะไม่ไปเลือกแบบการ์ดแต่จะออกกำลังกายยามเช้ากันแทนใช่ไหมครับ” นอร์สถามผม

ผมจึงออกแรงผลักหน้าอกอีกคนออกน้อยๆซึ่งเจ้าตัวก็ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี

         “จะบ้าเหรอ!ไปอาบน้ำได้แล้ว ไปเลยไปเร็วๆเลย” ผมดันหลังอีกคนให้เดินเข้าห้องน้ำ

         “ไฟมาอาบให้นอร์สหน่อยสิครับ”

         “ไม่ต้องมายุ่งกับไฟเลยเข้าไปอาบน้ำเร็วๆเลยนะ ไฟให้เวลานอร์ส 20 นาที ถ้าทุกอย่างไม่เสร็จไฟโกรธจริงๆด้วย” อีกคนจึง

รีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อไปจัดการธุระของตัวเองให้เรียบร้อย ผมจึงลงไปรออีกคนที่ด้านล่าง  เกือบจะไม่ได้ไปเลือกแบบการ์ดซะ

แล้วไอ้ไฟ!

      “นอร์สยังไม่ตื่นเหรอน้องไฟ” ทันทีที่ผมเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน คุณหญิแม่ของนอร์สที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยที่รอคุย

งานกับเพื่อนของท่านก็รีบเอ่ยถามผมทันที

         “อ๋อ ตื่นแล้วครับอีกสักพักก็คงจะลงมา” ผมตอบคุณหญิงแม่ซึ่งท่านก็พยักหน้ารับก่อนที่เพื่อนของท่านจะมาถึงท่านจึงขอตัว

ไปคุยธุระ

         “คุณไฟจะรับอะไรระหว่างรอคุณนอร์สไหมคะ” พี่แม่บ้านสาวสวยเดินเข้ามาถามผมหลังจากที่ผมลงนั่งตรงโซฟาเพื่อรออีก


คน

         “ไม่ล่ะครับ ขอบคุณมากนะครับ” ผมตอบปฏิเสธไป พี่แม่บ้านจึงขอตัวไปทำความสะอาดบ้านต่อ

           ผมนั่งรออีกคนได้ไม่นานเจ้าตัวก็เดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน วันนี้นอร์สมาด้วยเสื้อผ้าสบายๆแต่ก็ทำให้เจ้าตัวดูดีได้ไม่

ยากขนาดว่าเป็นเสื้อเชิร์ตธรรมดาๆกับ กางเกงยีนส์สีดำเข้ม แต่กลับช่วยขับให้อีกคนดูหล่อในแบบลุคหนุมเซอร์กระชากใจสาว

ได้ไม่ยาก เหอะ!มาทำเป็นไม่พอใจที่เราแต่งตัวแบบนี้ทีตัวเองนะแต่งซะเต็มเชียว ผมคิดค่อนขอดอีกคนอยู่ในใจ

         “รอนานไม่ครับ” เมื่อนอร์สมาถึงก็รีบตรงดิ่งมาหาผมทันที

         “นานมากกกกกกกก” ผมทำทีเป็นลากเสียงยาวตอบ นอร์สจึงก้มลงไปหอมแก้มผมเสียงดังฟอดจนทำให้เหล่าแม่บ้านที่อยู่

ในบริเวณนี้ต่างพากันหันมองอย่างยิ้มๆ

         “ทำบ้าอะไรของอนอร์สเนี่ยหัดอายคนอื่นเขาซะบ้าง” ผมเอื้อมมือไปตีอีกคนเบาๆ แต่คนที่ถูกตีกลับไม่มีทีท่าว่าจะสำนึกเลย

สักนิด

         “จะไปอายทำไมกันครับคนกันเองทั้งนั้นและที่สำคัญที่นี่คือบ้านของนอร์สซึ่งมันก็เหมือนบ้านของไฟเราจะทำอะไรก็ไม่เห็น

ต้องอายใครเลยนะครับ อย่าคิดมากสิครับไฟเดี๋ยวไม่น่ารักหรอก” นอร์สบอกผมก่อนจะเอื้อมมือมายีหัวผมเบาๆ ก็มันเป็นซะแบบ

นี้ไงเล่า ใครกันจะกล้าไปโกรธลงได้

         “อืมก็ได้แล้วเราจะไปกันได้รึยัง” ผมถามนอร์สเพราะป่านนี้ทางโน่นคงจะรอผมกับนอร์สนานแย่

         “เชิญขอรับองค์หญิงเดี๋ยวองครักษ์ผู้นี้จะเป็นคนดูแลการเสด็จขององค์หญิงในครั้งนี้เองสบายใจหายห่วงได้ครับ”

 นอร์สลุกขึ้นพูดพลางผ่ายมือและทำท่าทางเหมือนองครักษ์พิทักษ์องค์หญิง?

         “กินยาลืมเขย่าขวดเหรอนอร์ส เรียนจบแล้วบ้าว่างั้น” ผมว่าพลางส่ายหัวกับการกระทำของอีกฝ่าย

         “ถ้านอร์สบ้าแล้วไฟรักนอร์สป่ะล่ะ” นอร์สถามผม เล่นถามคำถามที่รู้คำตอบดีอยู่แล้วซะด้วย

         “ไม่รักก็คงไม่แต่งหรอกพ่อองครักษ์สุดหล่อ” ผมว่าก่อนจะรีบวิ่งไปรออีกคนที่รถก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะตามหลังที่ดังมา

จากอีกฝ่าย ต่อให้นอร์บ้าแล้วให้ไฟเลิกรักนอร์สมันก็คงจะไม่ทันแล้วหละเพราะยังไงไฟก็รักนอร์สหมดหัวใจไปซะแล้ว!!!               
                             
         

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
      “ไฟว่าลายของแบบนี้น่ารักดีนะ”

         “แต่นอร์สว่าลายนี้เก๋กว่านะครับ”

         “ไม่เอาอ่ะไฟไม่ชอบไฟชอบแบบนี้มากกว่าเอาแบบนี้นะนอร์สนะๆๆๆ”

         “แต่นอร์สว่า..............”

         “แล้วทำไมน้องไฟกับนอร์สถึงไม่เอาการ์ดสองแบบมามิกซ์กันล่ะ” พี่ลมเสนอความคิดเห็นให้ผมกับนอร์ส

         “นั่นสินะ ไฟว่าถ้าเราเอาสองแบบมามิกซ์มันต้องน่ารักมากๆเลยนอร์สว่าไงอ่ะ” ผมหันไปถามความคิดเห็นของอีกคน

         “ครับนอร์สก็เห็นด้วย” จากนั้นผมจึงหันไปคุยเรื่องรายละเอียดของการ์ดโดยมีพี่ลมเป็นคนคอยต่อรองเรื่องราคาเพราะร้าน

ออกแบบการ์ดร้านนี้เป็นร้านของเพื่อนพี่ลมจึงไม่ยากในเรื่องของราคาและที่สำคัญยังสามารถการันตีรับรองความสวยงามของรูป

แบบการ์ดได้อีกด้วย

         “’งั้นน้องไฟกับนอร์สก็กลับไปก่อนก็ได้นะเดี๋ยวพี่จะอยู่คุยเรื่องของการ์ดให้” พี่ลมบอกผม ผมกับนอร์สจึงขอตัวกลับไปทำ

ธุระของตนเองทั้งเรื่องของธีมงานแต่ง ติดต่อสถานที่จัดงานซึ่งก็เป็นริมหาดส่วนตัวของครอบครัวนอร์สซึ่งคุณหญิงแม่เป็นคน

อนุญาตให้ใช้สถานที่นั้นในการจัดงาน ส่วนเรื่องรายละเอียดยิบย่อยก็มีพี่ลมกับไอ้วีและที่สำคัญยังมีไอ้ผู้หมวดอิฐคอยช่วยเหลือ

         หลังจากที่ผมกับนอร์สเคลียร์ธุระทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาช่วงเย็นๆ ผมจึงคิดว่าอยากจะกลับมาพักที่คอนโดของตัว

เองบ้างหลังจากที่ห่างหายจากมันมาเสียนานเพราะตั้งแต่ที่มีปัญหากับนอร์สในครั้งนั้นผมก็แทบจะไม่ได้มาที่นี่อีกเลย

         “ไปส่งไฟที่คอนโดของไฟนะ” ผมบอกนอร์สเพราะเจ้าตัวจะเลี้ยวเข้าที่พักของพี่ลม

         “ทำไมถึงไม่พักอยู่กับพี่ลมล่ะครับ”

         “ไฟคิดถึงที่โน่นน่ะ” ผมบอกอีกคนตามตรงก่อนที่อีกฝ่ายจะถอยรถแล้วมุ่งหน้าพาผมไปคอนโดที่ผมเคยพักอยู่

           ระยะทางของคอนโดผมกับที่พักของพี่ลมอยู่ห่างกันไม่ไกลมากจึงทำให้ใช้เวลาไม่นานมากในการเดินทางมาถึงที่คอนโด

ของผม

         “นอร์สจะกลับเลยหรือว่าจะเข้าไปข้างในก่อน” ผมลงจากรถก่อนจะหันไปถามอีกฝ่ายซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่าอยากเข้าไปพักข้าง

ในก่อน

      “อ่ะน้ำ” ผมยื่นแก้วน้ำเย็นไปให้อีกคนซึ่งนอร์สก็รับมันแต่โดยดีก่อนจะเดินไปนั่งพักที่โซฟา

         “วันนี้เหนื่อยทั้งวันเลยนะครับ” นอร์สบอกผมขณะที่ผมเดินมานั่งลงตรงโซฟาข้างกันเจ้าตัวจึงโน้มตัวมานอนตักผมเหมือน

เช่นทุกครั้ง

         “อืม แต่ก็มีความสุขดีนะ” ผมตอบนอร์สยิ้มๆ

         “ไฟครับช่วยจูบนอร์สหน่อยสิ”

         “ทำไมล่ะ”


         “ก็นอร์สจะได้รู้ว่านอร์สไม่ได้ฝันไป”

         “เขามีแต่ให้ตบหน้าหรือไม่ก็ตีแขนเพื่อให้รู้สึกตัวว่าไม่ได้ฝันไปเรียนมาจากสถาบันไหนกันเนี่ย”

         “สถาบันนอร์สสคูลครับที่นั่นสอนดีมากไฟไม่สนใจไปเป็นนักเรียนที่นั่นเหรอครับ” นอร์สถามผม

         “ไม่ดีกว่าครูที่นั่นเจ้าเล่ห์แถมชอบเอากำไรจากนักเรียนด้วย” ผมว่าก่อนจะบีบจมูกอีกคนแก้มันเขี้ยว

         “โถ่!ไฟครับนิดๆหน่อยๆเอง” นอร์สบอกพลางทำหน้าน่าสงสาร

         “นิดหน่อยของนอร์สแต่คนที่เสียกำไรมันคือไฟไม่ใช่เหรอ” ผมว่า

         “แหะๆ” อีกคนว่ายิ้มๆก่อนจะหลับตาลงช้าๆ

         “คืนนี้นอร์สขอนอนกับไฟที่นี่นะครับ” นอร์สบอผมทั้งๆที่ตายังคงหลับอยู่

         “แล้วคุณหญิงแม่ไม่ว่าเหรอ” ผมถามเพราะอีกคนยังไม่ได้โทรบอกทางบ้านและกลัวว่าคุณหญิงแม่ท่านจะเป็นห่วงเอา

         “ไม่หรอกครับ นะครับไฟให้นอร์สอยู่ที่นี่กับไฟนะครับ” นอร์สบอกผมเสียงอ้อนซึ่งมันค่อนข้างที่จะขัดกับลุคของอีกฝ่าย

แต่นั่นมันกลับทำให้อีกคนดูน่ารักไปในอีกแบบซึ่งมันก็ทำให้ผมใจอ่อนเหมือนทุกๆครั้งรวมทั้งครั้งนี้อีกด้วย

         “อืม แล้วคิดยังไงถึงอยากอยู่กับไฟล่ะ” ผมถามอีกคน

         “ก็เพราะนอร์สอยากจะยืนยันให้แน่ใจว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดในอาทิตย์หน้าไม่ใช่เพียงแค่ความฝันหรือสิ่งที่นอร์สคิดไปเอง

คิดว่านอร์สจะได้ใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่กับคนที่นอร์สรักสุดหัวใจอย่างไฟและได้แชร์ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างในชีวิตของนอร์สให้ไฟ นอร์ส

ต้องการสิ่งยืนยันให้กับตัวเองครับ” นอร์สบอกผม ซึ่งมันก็ทำให้ผมอยากจะยืนยันกับตัวเองเช่นเดียวกันว่าสิ่งที่มันกำลังจะเกิดขึ้น

นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ความฝันหรือความคิดไปเองเพียงฝ่ายเดียว

         “ได้สิ ไฟก็อยากจะหาคำตอบให้กับตัวเองเหมือนกันว่าไฟก็ไม่ได้ฝันหรือคิดไปเอง”


                           
           ช่วงเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกเพราะเพียงไม่กี่อึดใจข้างหน้าก็จะเป็นฤกษ์ที่ผู้ใหญ่ของทางผมและทางนอร์สได้จัดเตรียม

ไว้สำหรับงานมงคลซึ่งนั่นก็คืองานแต่งงานของผมและนอร์ส มีความสุขจริงวุ้ยยย!!!!

         “พี่ลมน้องไฟตื่นเต้นอ่ะ” ผมหันไปคุยกับพี่ลม

         “สู้ๆน้องพี่ทำได้อยู่แล้วเดี๋ยวรอเจ้าบ่าวมาพาออกไปดีกว่าจะได้ไม่ตื่นเต้น” พี่ลมพูดก่อนจะตามนอร์สให้พาผมออกไปรับ

แขกเหรื่อที่มางานแต่งเราสองคน

           งานแต่งงานของผมกับนอร์สเป็นธีมเรียบๆเน้นแนวสบายๆเสียมากกว่า โดยงานในช่วงเช้าเราจะจัดกันตรงริมหาดคล้ายเป็น

งานปาร์ตี้มากกว่างานแต่งเพราะหลักๆ นอร์สไม่อยากให้ผมต้องมานั่งเกร็งเลยอยากให้งานมันออกมาดูเป็นกันเองมากกว่า ส่วน

ตอนเย็นก็จะเป็นงานเลี้ยงกลางคืนคล้ายกับกาลาดินเนอร์เพราะคุณหญิงแม่เชิญเหล่าคุณหญิงคุณนายและผู้ที่มียศมีตำแหน่ง

สูงๆมางานก็เลยต้องจัดให้เกียรติแขกที่มางานในช่วงเย็นเพราะช่วงเช้าก็จะเป็นสำหรับเด็กๆเสียมากกว่า

         “ไม่ต้องเกร็งนะครับไฟคิดซะว่าเรามาปาร์ตี้กับเพื่อนๆแล้วก็คนพิเศษ” นอร์สบอกผมเพราะดูผมจะมีอาการประหม่าเล็กน้อย

         “อืม” ผมรับคำซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมดีขึ้น

         “เอาล่ะครับแขกผู้มีเกีรติทั้งหลายตอนนี้ก็มาถึงจุดไคลแม็กซ์ของงานกันแล้วนะครับเพราะเราจะทำการโยนเจ้าสาว เอ้ย!

โยนช่อดอกไม้ของเจ้าสาว ต้องขอประทานอภัยด้วยนะครับที่ผมรีบพูดจนรวบคำเร็วเกินไปหน่อย” พิธีกรประกาศเชิญผมขึ้นไป

บนเวทีที่ถูกตระเตรียมเอาไว้สำหรับใช้ในงานนี้โดยเฉพาะ ส่วนพิธีกรก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลก็เป็นไอ้วีเพื่อนซี้ของผมนี่   
         
         “เอาล่ะครับเจ้าสาวกำลังจะโยนช่อดอกไม้แล้วครับ โยนไปแล้วครับ” หลังจากที่ผมโยนเสร็จก็หันกลับไปดูว่าใครกันที่ได้รับ

ช่อดอกไม้ช่อนี้และก็ได้รู้ว่ารายต่อไปที่จะได้แต่งงานต่อจากผมก็คือ.....พี่ลมนั่นเอง ผมจึงหันไปยิ้มกับไอ้วีซึ่งมันก็ส่งยิ้มมาให้

ผมก่อนที่นอร์สจะมาพาผมลงเวทีไป

         “เป็นยังไงบ้างครับ ไฟชอบไหม” นอร์สถามผมขณะที่เราสองคนกำลังเดินเล่นรับลมอยู่บริเวณชายหาดยามสายที่แสง

อาทิตย์สาดส่องมากระทบกับผืนน้ำที่ทำให้ชวนหลงใหล

         “อืม ชอบมากเลยล่ะ ขอบคุณนะที่ทำให้ไฟได้มีวันนี้” ผมบอกนอร์สเพราะถ้าไม่มีนอร์สผมก็คงไม่ได้มีวันนี้ วันที่ผู้ชายธรรม

ดาๆอย่างผมมีความสุขที่สุด นอร์สไม่ได้ตอบอะไรผมเพียงแต่หยุดเดินแล้วนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าผม จากนั้นจึงจับมือผมไปกุมไว้

แน่นก่อนจะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้หัวใจผมพองโตและมีความสุขที่สุดในชีวิต

         “นอร์สขอสาบานว่านอร์สจะรักและจะดูแลไฟเป็นอย่างดีและจะไม่ทำให้ไฟต้องร้องไห้หรือเสียใจเป็นอันขาดเพราะนอร์สจะ

ไม่มีวันทำร้ายคนที่เป็นหัวใจของนอร์สเด็ดขาด ไม่ว่าไฟจะสุขหรือจะทุกข์ขอให้ไฟรู้เอาไว้ว่านอร์สจะคอยอยู่เคียงข้างกายไฟ

เสมอและนอร์สจะรักและดูแลไฟตราบเท่าที่นอร์สยังมีลมหายใจอยู่ ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่ทำให้นอร์สได้รู้จักกับคำว่า ‘รัก’

อีกครั้งนะครับ” พอนอร์สพูดจบผมและนอร์สต่างก็อยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน ก่อนที่น้ำตาที่ผมพยายามกักกั้นไว้ได้ไหลลงมา

อย่างไม่ขาดสาย มันเป็นน้ำตาของความดีใจและความซาบซึ้งใจในสิ่งที่อีกคนได้กระทำมัน

ไม่ต้องหวาน.................

...................ไม่ต้องซึ้ง

ไม่ต้องทำโรแมนติกอะไรให้วุ่นวาย........................

.....................ไม่ต้องป่าวประกาศบอกใครหลายๆคนว่ารู้เรารักกัน

ไม่ต้องให้สัญญาว่าจะรักกันตลอดไป....................

..........................แค่ขอให้รักกันอย่างนี้ มากกว่านี้ และจะดูแลกันอย่างนี้ แค่นี้....ก็มากพอสำหรับผู้ชายธรรมดาอย่างผม

 ขอบคุณนะนอร์ส ขอบคุณขอบคุณที่ทำให้ไฟได้รู้จักกับศรัทธาของความรัก ขอบคุณที่เกิดมาเพื่อกันและ

กัน.......................................










                                                      ตอนหน้าก็เป็นตอนจบแล้วนะคะ

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                                                   แผนการร้ายครั้งที่ 20 : เรารักด้วยรักที่ยิ่งกว่ารัก

                  งานเลี้ยงช่วงเย็นได้เริ่มต้นขึ้นมีเหล่าบรรดาคุณหญิงคุณนายและเหล่าเพื่อนๆของพ่อของนอร์สหลายต่อหลายคนที่เดิน

ทางมาร่วมงานในช่วงเย็นนี้ นอกจากนั้นยังมีเพื่อนๆของป๊ากับม๊าที่มางานในช่วงเย็นเช่นเดียวกัน งานช่วงหัวค่ำคล้ายกับงาน

กาลาดินเนอร์จึงทำให้ผมค่อนข้างประหม่าและเกร็งเล็กน้อย

         “ไม่ต้องเกร็งนะครับไฟ” นอร์สจับมือผมเพื่อให้ผมรู้สึกคลายความกังวลลงไป

         “อืม จับมือไว้แบบนี้นะ” ผมบอกนอร์สก่อนจะออกแรงบีบมือของอีกฝ่ายและนอร์สก็ยอมจับมือผมไว้ตามที่ผมขอจนงาน

ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย

           หลังจากที่ผมและนอร์สส่งแขกเหรื่อที่มาร่วมงานในช่วงเย็นเสร็จแล้ว จึงเหลือเพียงแค่คุณหญิงแม่ คุณพ่อของนอร์สและ

ป๊ากับม๊าของผมแล้วยังมีพี่ลม ไอ้วี ไอ้ผู้หมวดอิฐที่ยังคงรออยู่ด้วย

           ป๊ากับม๊าและยังมีคุณหญิงแม่และคุณพ่อนั่งรอผมอยู่ที่เตียงในห้องหอของที่จัดเตรียมเอาไว้ ซึ่งเป็นห้องพักของทาง

โรงแรมของครอบครัวของผม ผมกับนอร์สจึงเดินเข้าหาท่านทั้งสองก่อนจะนั่งลงตรงหน้าท่าน

         “และแล้ววันนี้ก็มาถึงสักทีเนอะป๊า” ม๊าหันไปบอกป๊า

         “นั่นสินะ เฮ้อ! ป๊าก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะเร็วขนาดนี้ ป๊ายังรู้สึกเหมือนน้องไฟยังเป็นเด็กชายตัวน้อยๆน่ารักๆที่วิ่งเล่นอยู่

กับป๊าและม๊า แต่ไหงวันนี้กลับต้องมาเข้าหอกับคนอื่นไปเสียแล้ว” ป๊าเอื้อมมือมาลูบหัวผมยิ้มๆพลางพูดถึงเรื่องสมัยเด็ก

         “คิดแล้วก็ใจหาย น้องไฟของป๊ากับม๊าดูโตขึ้นเยอะเลยนะ น้องไฟกำลังจะเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่กับคนที่น้องไฟรัก ม๊าอยากให้น้อง

ไฟประคับประครองความรักนี้ให้อยู่ตลอดรอดฝั่งนะ นึกถึงวันที่เรารักกันใหม่ๆยามที่เราทะเลาะกัน เชื่อใจกันเหมือนอย่างวันที่เรา

ผ่านอุปสรรคต่างๆมามากมาย หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะ” ม๊าบอกผมกับนอร์ส ผมและนอร์สจึงก้มลงกราบท่าน

         “รักลูกของป๊าให้เหมือนที่ป๊ารักนะนอร์ส ชีวิตของเราทั้งสองคนไม่ได้อยู่คนเดียวอีกแล้วนะ เรายังมีอีกคนที่จะมาคอยแชร์สุข

และทุกข์ มีอะไรก็ควรที่จะหันหน้าปรึกษากันนะ” ป๊าบอกผมก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวผมและนอร์ส ผมและนอร์สจึงก้มลงกราบ

ท่าน

         “ไงไอ้ลูกชายเลือกคู่ครองได้เหมาะดีนะ เฮ้อ และแล้วแกก็ได้เลือกในสิ่งที่ตัวเองได้เลือกเองสักทีนะดีกว่าต้องให้แม่แกคอย

มาเลือกให้อย่างที่ผ่านๆมา” พ่อของนอร์สว่ายิ้มๆก่อนจะโดนคุณหญิงแม่ตีเข้าที่แขนอย่างแรง ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมกับนอร์สลงมติว่า

ภาพที่เห็นนั้นมันก็......น่ารักดี

         “นี่คุณงานแต่งลูกนะพูดอะไรให้มันดีๆบ้าง” คุณหญิงแม่เอ็ด

         “ก็มันจริงนี่คุณ โอ๊ยๆ! โอเคๆผมยอมแพ้” คุณพ่อยกมือสองข้างเป็นนัยๆว่ายอมแพ้เพราะคุณหญิงแม่ง้างมือกำลังจะฟาดลง

มาที่ต้นแขนของตัวเองอีกที

         “มันก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับพ่อเพราะถ้าไม่ได้แม่ผมก็ไม่รู้ว่าจะได้แต่งกับไฟรึเปล่า อาจจะต้องขอบคุณท่านก็ได้ที่รู้จักกับม๊า

ของไฟ” นอร์สว่าก่อนจะหันมามองหน้าผมยิ้มๆ

         “โอเคพ่อก็ขอให้เรารักกันนานๆถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรนะ นอร์สเวลาที่ลูกทะเลาะกันให้ดูคู่ของพ่อกับแม่เอา

ไว้เข้าใจไหมเพราะถึงแม้พ่อกับแม่จะทะเลาะกันแค่ไหนแต่เราก็รักกัน จริงไหมคุณ” คุณพ่อมองคุณหญิงแม่ยิ้มๆ

         “คุณนี่ก็ยังเล่นไม่เลิกซะจริงๆ” คุณหญิงแม่บอกคุณพ่ออย่างเอือมระอา แต่บนใบหน้ากลับปรากฏริ้วสีแดงบางๆ

         “ส่วนแม่นะนอร์ส แม่อยากจะบอกลูก นอร์สรู้ไหมว่าทำไมแม่ถึงรักพ่อของลูก ที่แม่รักพ่อของลูกเพราะพ่อของลูกเป็นคนตรง

จริงใจและรักแม่ ใครหลายๆคนที่มีความรักเขาก็อยากให้คนรักของเรารักเขาอย่างจริงใจกันทั้งนั้น ฉะนั้นในฐานะที่นอร์สเป็นลูก

ของแม่ไม่ว่าลูกจะรักใครควรรักเขาจากใจจริงและจริงใจ ไม่เชื่อลูกลองถามน้องไฟดูสิ” อยู่ดีๆแม่ของนอร์สที่สอนอีกคนอยู่กลับ

หันมาถามผมแถมยังขยิบตาส่งให้ผมอีกต่างหาก

         “จริงไหมครับไฟ” นอร์สก็ดันมาเล่นถามอย่างที่คุณหญิงแม่บอกให้ถาม ผมที่เจอคำถามนี้อย่างไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถึงกับชะงัก

แถมยังยังรู้สึกขัดเขินกับรอยยิ้มและสายตาเจ้าเล่ห์ของอีกคนที่ส่งมาให้ ผมจึงเกาท้ายทอยแก้เขินก่อนจะพนักหน้าตอบอีกคน

         “เอาล่ะเหล่าพ่อๆแม่ๆก็ควรที่จะออกมาให้ลูกๆได้ใช้เวลาส่วนตัวกันได้แล้วเนอะ ไปป๊าไป ไปเร็วทุกคน” ม๊าเรียกให้ทุกคน

ออกจากห้องก่อนที่จะเหลือพี่ลม ไอ้วีและก็ไอ้ผู้หมวดอิฐ

         “อ่ะน้องไฟ ของขวัญวันแต่งงาน” พี่ลมยื่นกล่องของขวัญสีทองที่ถูกประดับตกแต่งด้วยโบว์สีสวย

            “ขอบคุณครับพี่ลม” ผมเอ่ยขอบคุณก่อนจะเอื้อมมือไปรับกล่องของขวัญ

      “ส่วนอันนี้ของนอร์สนะ” พี่ลมยื่นกล่องของขวัญแบบเดียวกับที่ผมได้รับส่งให้นอร์ส

         “อ่ะมึงไอ้ไฟอันนี้ของกูให้ในวันแต่งงาน เก็บรักษาให้ดีนะมึงของกูเปรียบเสมือนสิ่งมหัศจรรย์ของโลกมีชิ้นเดียวในโลกสั่งทำ

ขึ้นมาเพื่อมึงกับคุณนอร์สเขาเลยนะเว้ย รักกันนานๆนะเว้ยมึง มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง ฮ่าๆๆๆ” ไอ้วีว่า มันกวนตีนมาตั้งแต่

ผมรู้จักและตอนนี้มันก็ยังคงกวนตีนผมต่อไปและผมคิดว่ามันคงจะไปอัพเลเวลความกวนตีนมาเพิ่มอีกแน่ๆ ไอ้วี ไอ้เพื่อนเวร!!

         “ทีกับนอร์สเรียกคุณทีกับกูขึ้นมึงกูเชียวนะ” ผมค่อนขอดมันเพราะยังไงผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรที่มันจะเรียกผมแบบนั้น

เพราะยังไงซะผมก็ถูกมันเรียกแบบนี้มาตั้งแต่รู้จักกันแล้ว

         “โอเคได้ๆเดี๋ยวกูจัดให้เพราะๆเลยนะ อะแฮ่ม! ยินดีด้วยนะครับคุณมึงคุณกูขอให้คุณมึงมีความสุขกับเด็กของคุณมึงนะครับ”

ไอ้วีว่า

         “เด็กบ้านมึงสิ เดี๋ยวเหอะเดี๋ยวกูก็แช่งให้มึงอกหัก!” ผมว่าสะใจดีครับเห็นพี่ลมยืนอมยิ้มน้อยๆอีกต่างหาก

         “อ้าวไอ้ไฟอย่าพูดแบบนี้นะเว้ย ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมาเดี๋ยวพี่มึงก็เป็นโสดจนตายดิวะ” ไอ้วีบอกผมท่าทางซีเรียส แต่นั่นช่าง

ตรงกันข้ามกับสีหน้าของพี่ลมตอนนี้เสียจริงเพราะดูสิครับ แดงได้อีก ฮ่าๆๆๆๆ

         “พี่จะโสดหรือไม่โสดแล้วมันเกี่ยวอะไรกับวีด้วยไม่ทราบออกไปเคลียร์กันข้างนอกเลย” ว่าจบพี่ลมก็ดึงไอ้วีออกไปคุยข้าง

นอกทีนี้ก็เหลือแต่ไอ้ผู้หมวดอิฐ ผมและนอร์ส

         “ยินดีด้วยนะมึง นอร์ส” ไอ้ผู้หมวดมันยื่นกล่องของขวัญให้ผมกับนอร์ส

         “ขอบใจนะมึง” ผมเอ่ยขอบคุณ

         “ขอให้มึงกับนอร์สรักกันนานๆนะมึง แต่ถ้าวันไหนที่นอร์สเขาหมดรักมึงแล้ว มึงยังมีกูนะเพราะกูจะยังรอมึงถึงแม้กูจะรู้ว่ามัน

คงไม่มีวันนั้น” ไอ้อิฐบอกกับผมก่อนจะหันไปพูดกับนอร์ส

         “ยังไงก็รักมันให้มากๆนะครับถึงแม้มันจะเป็นคนนิสัยไม่ดี ขี้งอนในเวลาที่ไม่ควรงอนและเอาแต่ใจ  แต่ถ้าเกิดว่ามันรักใคร

แล้วมันรักจริง ผมจึงอยากบอกคุณว่าถ้าวันไหนที่คุณทำให้มันต้องเสียใจหรือร้องไห้ผมพร้อมที่จะจัดการกับคุณแน่และถ้าคุณ

หมดรักมันแล้วก็ขอให้บอกผมเพราะผมจะเป็นคนที่ดูแลมันต่อจากคุณเอง” ไอ้อิฐบอกนอร์ส

         “ครับผมจะรักไฟให้มากๆและผมเชื่อว่าผมจะไม่มีวันทำให้ไฟต้องร้องไห้หรือผมจะหมดรักไฟ คุณอิฐไม่ต้องรอและไม่ต้อง

เป็นห่วงหรอกนะครับเพราะมันจะไม่มีวันนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด” นอร์สบอกไอ้อิฐซึ่งดูมันจะชะงักไปกับคำพูดของนอร์ส แต่ก็เพียงแค่

ชั่วครู่เท่านั้นเพราะตอนนี้มันกลับมาตอบนอร์สได้อย่างปกติดีเหมือนอย่างเดิม

         “งั้นก็ดีครับ โชคดีนะไอ้ไฟ” ไอ้อิฐมันบอกผมก่อนจะเดินออกจากห้องไป

         “ไฟอยากจะอาบน้ำก่อนไหมครับ” นอร์สถามผมหลังจากที่ทุกคนออกไปจากห้องหมดแล้ว

         “อืม ก็ดีเหมือนกันนะรู้สึกเหนียวตัวยังไงก็ไม่รู้” ผมว่า

         “งั้นนี่ครับผ้าเช็ดตัวเดี๋ยวนอร์สจะดูเก็บของให้นะครับ” นอร์สบอกผมก่อนจะหาที่เก็บเหล่าของขวัญที่พี่ลมและคนอื่นๆเอามา

ให้

           ผมใช้เวลาในการอาบน้ำนานพอสมควรเพราะรู้สึกเหนื่อยและเพลียและยิ่งอีกคนที่คอยทำให้ผมทุกอย่างซึ่งก็ไม่รู้ว่าป่านนี้

ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง

           ผมค่อยๆเปิดประตูห้องน้ำออกอย่างเบามือ หลังจากที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงชะโงกหน้ามองหาอีกคน

จนทำให้ได้รู้ว่าคนที่ผมกำลังเป็นห่วงและมองหาอยู่นั้นกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงนอนเสียแล้ว

         “สงสัยคงจะเหนื่อยน่าดูเลยนะ” ผมพูดกับตัวเองเบาๆก่อนจะยืนมองดูอีกคนที่น่าจะกำลังหลับเป็นตายอยู่บนที่นอน

         “จะปลุกหรือไม่ปลุกดีนะ” ผมสองจิตสองใจว่าจะปลุกอีกคนที่กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงนอนดีหรือไม่ดีเพราะกลัวว่า

อีกคนที่เพลียมาทั้งวันถ้าถูกปลุกมันจะเป็นการรบกวนหรือเปล่านะ เอาไงดีวะไอ้ไฟ!!

           ผมค่อยๆนั่งลงข้างเตียงฝั่งที่มีอีกคนนอนอยู่อย่างเบาเสียงที่สุด จากนั้นจึงค่อยๆเรียกชื่ออีกคนอย่างแผ่วเบา

         “นอร์ส” ผมเรียกชื่อนอร์สแต่เจ้าตัวก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา

         “นอร์สลุกไปอาบน้ำดีกว่านะจะได้สบายตัวด้วย” ผมเพิ่มความดังของเสียงเล็กน้อยพร้อมกับเขย่าตัวอีกฝ่ายเพื่อให้รู้สึกตัวตื่น

 อีกคนที่ในตอนแรกนอนนิ่งไม่ไหวติงกลับขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะดึงผมลงไปกอด

         “เฮ้ย!ไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะนอร์ส ดูสิกลิ่นเหงื่อเต็มไปหมดเลย” ผมพยายามบอกให้อีกคนลุกไปอาน้ำให้สดชื่น แต่ยิ่งบอก

อีกฝ่ายกลับยิ่งทำตรงกันข้าม กลับกอดรัดผมแน่นกว่าเดิมเสียอีก

         “อืม แต่นอร์สอยากนอนกอดไฟแบบนี้ วันนี้เป็นวันเข้าหอไม่ใช่เหรอครับมันก็น่าจะมีอะไรที่ตื่นเต้นๆในวันเข้าหอไม่ใช่เหรอ

ครับ” นอร์สบอกผมทั้งๆที่ตายังคงหลับอยู่ แต่มีของอีกคนกลับอยู่ไม่สุขลูบไล้เลื่อนลงต่ำไปตามแนวแผ่นหลังของผมเรื่อยๆ

ผมจึงต้องเอื้อมมือไปหยุดมือที่กำลังลูบไล้นั่นไว้เสียก่อน

         “ไว้เอ่อ..ไว้วันหลังก็ได้นี่หน่า วันนี้นอร์สก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วพักผ่อนน่าจะดีกว่านะ” ผมพยายามต่อรองเพราะยังไงซะผมก็

ยังไม่ชินกับเรื่องแบบนี้อยู่ดี ก็มันจั๊กจี้หัวใจอ่ะ!!

         “ได้ยังไงกันครับวันนี้เป็นวันสำคัญเชียวนะครับ” นอร์สพยายามบอกเหตุผล

         “งั้นนอร์สก็ไปอาบน้ำก่อนสิ อาบเสร็จแล้วเราค่อยว่ากัน” ผมบอกอีกคนเสียงหวาน นอร์สที่กอดผมอยู่ในตอนแรกก็คลาย

อ้อมกอดออกเล็กน้อยพร้อมกับดวงตาที่ปิดอยู่ในตอนแรกก็ค่อยๆเปิดออก

         “งั้น.....นอร์สไปอาบน้ำก่อนนะครับ แต่นอร์สขออะไรมัดจำไว้ก่อนได้ไหมครับ” นอร์สถามผม

         “อะไรเหรอ?” ผมถามอีกฝ่ายอย่างงงๆ เจ้าตัวที่ใช้จังหวะที่ผมกำลังมึนงงขโมยหอมแก้มผมไป ก่อนจะวิ่งหายเข้าไปใน

ห้องน้ำปล่อยให้ผมได้แต่นั่งเขินอายอยู่คนเดียว เจ้าเล่ห์นักนะนายนอร์ส!     
                       
         

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
       “รอนานไหมครับไฟ” นอร์สโอบกอดผมจากทางด้านหลังเพราะตอนนี้ผมกำลังนอนอ่านหนังสือจึงนอนหันหลังให้อีกคน

         “ไม่นานนะว่าแต่ทำไมอาบเร็วจัง” ผมถามอีกคนก่อนจะปิดหนังสือเล่มที่อ่านวางไว้บนโต๊ะและหันหน้ามาหาอีกฝ่ายจนกลาย

เป็นว่าตอนนี้หน้าของผมซุกอยู่ที่อกของอีกคนแถมยังทำให้ได้กลิ่นครีมอาบน้ำกลิ่นเดียวกันอีกต่างหาก รู้สึกดีจังแฮะ! ความรู้สึก

นี้อาจจะเป็นเพราะว่าคนที่ใช้เป็นนอร์สจึงทำให้ผมรู้สึกดีทั้งๆที่ครีมอาบน้ำกลิ่นนี้ผมก็ใช้อยู่เป็นประจำ

         “ก็นอร์สคิดถึงไฟไงครับเลยต้องรีบออกมาหาว่าแต่ว่าไฟคิดถึงนอร์สไหมครับ” นอร์สถามผมพร้อมกับคลอเคลียร์อยู่กับผม

ของผม

         “อืม...คิดถึงดีไหมน้า” ผมแกล้งทำเป็นเอียงคอใช้ความคิด

            ฟอด!

         “อ๊ะ” ผมที่ตกใจกับการกระทำของอีกคนเพราะอยู่ดีๆนอร์สก็ก้มหน้ามาหอมแก้มผมเฉยๆทั้งๆที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

         “อะไรของนอร์สเนี่ย” ผมถามอีกคนก่อนจะยกมือขึ้นถูแก้มบริเวณที่ถูกอีกคนหอม รู้ว่าคนมันไม่ชินยังจะทำให้เขินอีกนะ!

         “ก็ไฟทำตัวน่ารักน่าฟัดทำไมล่ะครับดูสิน่ามันเขี้ยวซะขนาดนี้” นอร์สว่าก่อนจะเอื้อมมือมาบีบจมูกผมเล่นเหมือนผมเป็นเด็กๆ

ผมจึงทำหน้ายู่ใส่อีกฝ่าย

         “เดี๋ยวก็ไม่คิดถึงซะเลย!!!” ผมว่านอร์สจึงรีบเข้ามาง้อผม แบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน

         “โอ๋ๆอย่างงอนอย่าหายคิดถึงนอร์สเลยนะครับเดี๋ยวนอร์สจะพาไปเล่นชิงช้าสวรรค์ที่เอเชียทีค” นอร์สง้อผมก่อนที่ผมจะหลุด

คำกับวิธีง้อของอีกคน

         “ฮ่าๆๆๆๆนั่นง้อไฟเหรอนอร์สชิงช้าสวรรค์เอเชียทีคเนี่ยนะสูงจะตาย.....แต่อยากรู้ป่ะว่าจะทำไงให้ไฟหายงอน” ผมเงยหน้า

ขึ้นไปถามอีกคนที่เลิกคิ้วสงสัย

         “อะไรเหรอครับ”

         “ก็.......................” ผมทำเป็นลากเสียงยาวเพื่อให้อีกคนได้ลุ้น

         “ก็รักไฟแบบนี้ตลอดไปไง” ผมบอกอีกคนพร้อมกับส่งรอยยิ้มที่คิดว่าหวานจ๋อยหยดย้อยที่สุดไปให้

         “งั้น.....................” นอร์สพูดเสียงยาวพลางทำหน้าครุ่นคิดหลังจากที่ได้ยินในสิ่งที่ผมพูด ผมก็รอลุ้นว่าอีกฝ่ายจะว่ายังไง

ต่อ

         “งั้นนอร์สก็จะเริ่มง้อไฟโดยการรักไฟมากๆตั้งแต่ตอนนี้เลยก็แล้วกัน” นอร์สว่าก่อนจะก้มลงมาจูบผมโดยที่ผมก็ยังไม่ทันได้

ตั้งตัว แต่ถึงอีกฝ่ายจะทำโดยที่ผมตั้งตัวอยู่แล้วผมก็ไม่มีแรงมากพอที่จะไปขัดขืนอีกคนได้ ก็ดูหุ่นพี่แกสิห่างกับผมลิบลับขนาดนี้

ใครจะไปสู้แรงไหวกันเล่า!

         “อืม อืออ อ๊า” มือของอีกคนที่ไม่ยอมอยู่สุขก็ค่อยๆลูบไล้ผ่านเข้าไปในสาบเสื้อปะป่ายไปทั่วบริเวณแผ่นหลังจนลามมาถึง

ด้านหน้า แถมยังมีแรงกระตุ้นจากริมฝีปากร้อนที่คลอเคลียอยู่ไม่ห่างทำให้อุณหภูมิภายในร่างให้สูงขึ้นและเกิดเป็นความรู้สึกวาบ

หวิวน้อยๆ ทั้งๆที่ภายในห้องก็ไม่ได้ร้อนมากจนเกินไปติดจะหนาวเพราะอุณหภูมิของแอร์ที่เปิดไว้เสียด้วยซ้ำไป แต่ร่างกายของ

ผมกับนอร์สกลับร้อนลุ่มอย่างบอกไม่ถูก

         “ไว้พรุ่งนี้เถอะนะ วันนี้ไฟเหนือยอ่ะอยากพักด้วย” ผมบอกอีกคน ถึงแม้ผมกับนอร์สจะเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาด้วยกัน

ก็หลายครั้งแต่ถ้าจะให้เป็นวันนี้ก็รู้สึกเอ่อ......เขินๆยังไงก็บอกไม่ถูกหรืออาจจะเป็นเพราะว่า...วันนี้เป็นวันแต่งงานของผมกับ

นอร์สก็ได้

         “แต่ว่า” นอร์สพยายามจะคัดค้าน แต่ว่าวันนี้ผมอยากจะนอนกอดอีกคนแบบที่เรียกว่า ‘กอด’ เฉยๆ โดยที่ไม่ได้มีความหมาย

ใดๆแฝงอยู่

         “นะๆๆๆนะนอร์สนะนะๆสุดที่รักของไฟ” ผมออดอ้อนอีกคนเพราะผมเชื่อว่ายังไงๆนอร์สก็ต้องยอมใจอ่อนให้กับผมอยู่ดี

         “หืม?เมื่อกี้ไฟเรียกนอร์สว่าอะไรเหรอครับ” เอ๋?

         “เอ๋? ก็เรียก.....” ผมนั่งคิดว่าตัวเองเผลอเรียกอีกคนว่าอะไรหรือว่าหลุดปากเรียกคำแปลกๆออกไป คำแปลกๆงั้นเหรอ

งั้นก็....ตายแล้วไอ้ไฟหลุดจนได้! ผมรีบเอามือปิดปากตัวเองทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเผลอหลุดเรียกอีกคนแบบนั้นไปได้ยังไงเพราะ

จริงๆแล้วคำเรียกนั้นเป็นคำเรียกที่ผมเอาไว้เรียกอีกคนภายในใจหรือไม่ก็...ในฝันของผม แต่ก็ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเผลอเรียกอีก

แบบนั้นออกไปจริงๆ

         “เรียกแบบนั้นอีกสิครับนอร์สชอบ นอร์สอยากให้ไฟเรียกนอร์สแบบนั้น” นอร์สบอกผมก่อนจะดึงมือผมที่ปิดปากตัวเองเอาไว้

ออก

         “นะครับที่รัก....เรียกนอร์สแบบนั้นอีกนะครับ” นอร์สคะยั้นคะยอขอร้องให้ผมพูดคำนั้นอีกครั้ง

         “ที่รัก” พอผมพูดจบอีกคนก็รวบตัวผมเข้าไปกอดนั่นจนผมแทบจะหายใจไม่ออกจนต้องรีบดันอีกฝ่ายออก

         “นี่กะจะกอดให้ตายแล้วหนีไฟไปแต่งงานใหม่ใช่ไหมเอาซะไฟแทบหายใจไม่ออก” ผมเหน็บอีกคน แต่เจ้าคนที่โดนเหน็บ

กลับไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลยแม้แต่น้อยแถมยังดึงผมกลับไปกอดอีก แต่โชคดีที่ครั้งนี้ไม่ได้น่ากลัวเหมือนครั้งแรก หวังว่า

กระดูกของผมคงจะไม่หักนะ

         “ก็นอร์สดีใจไงครับ ไฟรู้ไหมตลอดเวลาที่เราคบกันนอร์สอยากจะเรียกไฟและอยากจะให้ไฟเรียกนอร์สแบบนั้นมาตลอด

แต่นอร์สก็กลัวว่าไฟจะไม่ชอบ แต่มาวันนี้ไฟรู้ไหมครับว่านอร์สดีใจมากๆเลยที่เราสองคนใจตรงกัน” นอร์สบอกผม ผมที่พูดได้แต่

ส่งเสียงอู้อี้ออกมาแทบจะไม่ได้เป็นคำเพราะติดที่ว่าหน้าของผมซุกอยู่กับหน้าอกของอีกฝ่าย ถึงแม้คำพูดที่ผมพูดไปมันอาจจะ

ไม่ได้เป็นคำๆ แต่ผมเชื่อว่าอีกคนจะต้องเข้าใจเพราะเราใช้ใจในการสื่อสารกัน

         “ไฟว่าอะไรนะครับ?” นอร์สก้มหน้าลงมาถามผม เกือบจะหวานละ เกือบละ ถ้านอร์สไม่ก้มลงมาถามไฟ ผมจึงแสร้งส่ายหัว

ว่าไม่มีอะไรอีกคนจึงเลิกสงสัย แต่ถึงแม้มันอาจจะไม่ใช่ในตอนนี้แต่ผมเชื่อว่าอีกไม่นานสักวันเราคงจะคุยกันด้วยภาษาใจโดยไม่

ต้องออกเสียงใดๆก็ทำให้เข้าใจกันได้และแน่นอนว่ามันต้องเกิดจากการใช้ชีวิตร่วมกันและใช้เวลาร่วมกัน ซึ่งผมกับนอร์ส เรา

กำลังจะก้าวผ่านขั้นบันไดนั้นไป........................

         “ทำไมนอร์สถึงชอบไฟเหรอ” ผมถามอนร์สเพราะผมยังไม่รู้เลยว่าอีกคนมาชอบผมได้ยังไง

         “ก็....ไฟน่ารักดีนอร์สก็เลยชอบครับ” นอร์สตอบผม

         “บ้า! ไม่จริงอ่ะ มันต้องมีมากกว่านั้นสิบอกมาเลยนะ” ผมคะยั้นคะยอเพราะยังไงซะผมก็เชื่อว่าที่นอร์สชอบผมมันต้องมีต้น

สายปลายเหตุมากกว่าการที่ผมน่ารัก!

         “ก็ตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งใหม่ๆมั้งครับ”

         “หืม?ปีหนึ่งอย่าบอกนะว่านอร์สก็เคยเรียนที่เดียวกับไฟมาก่อน” ผมถามอย่างสงสัยเพราะตั้งแต่ผมรู้มานอร์สเป็นแค่

นักศึกษาแพทย์ไม่ใช่เหรอ?

         “ก็ประมาณนั้นครับ คือตอนนั้นไฟอยู่ปีสามส่วนนอร์สก็เพิ่งเข้าปีหนึ่ง นอร์สอยู่คณะเดียวกับไฟแล้วก็สาขาเดียวกัน”

จริงเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าคนอย่างนอร์สจะเคยเรียนคณะเดียวกับผม

         “แล้วทำไมถึงไม่เรียนต่อให้จบล่ะ”

         “คือช่วงนั้นนอร์สมีปัญหากับพี่ต้าร์ แล้วมันก็เกี่ยวกับเรื่องของไฟ” นอร์สหนยุดพูดก่อนจะหันมามองหน้าผมแล้วเล่าเรื่องต่อ

         “คือนอร์สชอบไฟตั้งแต่เห็นไฟครั้งแรกและนอร์สก็รู้ว่าตอนนั้นไฟก็กำลังคบอยู่กับพี่ต้าร์ แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะครับก็คนมัน

รักตั้งแต่แรกเห็นแล้วนี่หน่า” นอร์สบอกผมก่อนจะหันมามองผมแถมยังทำหน้าน่าสงสารมาให้อีก ผมจึงทำการหยิกแก้มอีกคนให้

หายหมั่นไส้

         “อารมณ์ปประมาณรักแรกพบ พรหมลิขิตว่างั้น” ผมถามอีกคน

         โถ่ ไฟอ่ะมันเป็นแบบนั้นจริงๆนะครับ” นอร์สบอกผม ผมจึงแกล้งทำหน้ายู่ใส่อีกฝ่ายแม้ในใจอยากจะกรี๊ดเต็มที?แต่ก็ต้อง

เก็บเอาไว้อาการอย่าไปเยอะ ฮ่าๆๆๆเดี๋ยวอีกคนจะรู้ทันเอาแล้วมันจะเสียฟอร์ม

         “แล้วไงต่ออ่ะ” ผมทำทีเป็นแกล้งถามต่อทั้งๆที่ใจอยากจะรู้ใจจะขาด   

         “นอร์สว่าดูเหมือนไฟจะไม่ค่อยอยากจะรู้นะครับ งั้นไม่เป็นไรดีกว่าครับนอร์สไม่เล่าแล้วก็ได้” นอร์สบอก จากนั้นทำทีเป็นหัน

หน้าเตรียมนอนจึงทำให้ผมรีบร้องห้ามเพราะอยากจะรู้ว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไรต่อไป

         “เดี๋ยวก่อนสินอร์สไฟอยากจะรู้ว่าต่อไปมันเป็นยังไงเล่าให้ไฟฟังต่อก่อนนะ” ผมเรียกอีกคนพลางกระพริบตาปริบๆให้ดูน่า

สงสาร แต่ผมก็ดันลืมไปว่า ไม่น่าไปเล่นกับคนเจ้าเล่ห์แบบนอร์ส!!

         “งั้นไฟก็พูดให้เพราะๆหน่อยสิครับแบบ ที่รักครับไฟอยากจะรู้จังเลยว่าเรื่องมันเป็นยังไงต่อไป อะไรประมาณนี้ไงครับ”

ผมที่อยากจะรู้ว่าเรื่องมันจะเป็นยังไงต่อไปก็ยอมทำตามคำขอตามที่อีกฝ่ายเสนอทั้งๆที่เจ็บใจที่หลงกลอีกฝ่ายง่ายๆ ไอ้ไฟนะ

ไอ้ไฟรู้ทั้งรู้ว่านอร์สเจ้าเล่ห์!!

         “ที่รักคร๊าบบบบไฟอยากรู้จังเลยอ่ะว่าเรื่องมันจะเป็นยังไงต่อเหรอ” ผมส่งเสียงออดอ้อนพลางเอาหน้าซุกไซร้กับอกแกร่ง

ของอีกคนก่อนจะช้อนสายตาขึ้นไปมองอีกฝ่ายแล้วกระพริบปริบๆสองทีพอให้ดูน่ารัก(?) ก่อนจะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงมันมันได้ผล

ดีเกินคาด

         “ภรรยาใครน้าน่ารักที่สุดในโลกเลย” นอร์สบอกก่อนจะยอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟัง

           หลังจากที่นอร์สเริ่มชอบผมก็อยากจะแข่งกับพี่ต้าร์และที่สำคัญ

นอร์สก็รู้ว่าพี่ต้าร์ไม่ได้รักผมจริงเพราะพี่ต้าร์มีคู่หมั้นอยู่แล้วแต่นอร์สก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร จนสุดท้ายพี่ต้าร์ขู่ว่าจะทำให้ผมเสียใจถ้า

นอร์สยังไม่เลิกที่จะยุ่งกับผมเพราะนอร์สรู้ดีว่าตอนนั้นผมรักพี่ต้าร์มากจึงไม่อยากให้ผมเสียใจเลยยอมที่จะเป็นฝ่ายไปเองและ

นอร์สก็ได้มาเจอกับพี่เคธี่ นอร์สจึงทำทุกอย่างเพื่อที่จะลืมผม คอยดูแล เอาอกเอาใจพี่เคธี่ แต่สุดท้ายนอร์สก็มารู้ความจริงว่าพี่

เคธี่คือคู่หมั้นของพี่ต้าร์

         “ชีวิตนอร์สนี่น่าสงสารดีเหมือนกันเนอะ” ผมว่าก่อนจะทำหน้าสงสารในชีวิตของอีกคน

         “งั้นก็รักนอร์สให้มากๆสิครับ” นอร์สบอกผม

         “ก็รักอยู่นี่ไงถ้าไม่รักแล้วจะยอมแต่งด้วยเหรอ” ผมบอกอีกคนเสียงแผ่วในประโยคท่อนหลัง ก่อนจะก้มหน้าลงไม่กล้าที่จะ

มองสบตาของอีกฝ่ายที่ก้มมองอยู่ก่อนแล้ว ก็คนมันเขินทำไงได้อ่ะ!! นอร์สที่เห็นผมก้มหน้าหลบสายตาของตัวเองก่อนจะค่อยๆ

เชยคางผมให้ไปมองสบกับดวงตาของตน ดวงตาของนอร์สช่างเหมือนลูกแก้วที่ถูกประดับประดาด้วยสีสันสวยงามพร้อมกับมี

เวทมนตร์ที่ทำให้คนมองหลงใหล นอร์สค่อยๆโน้มหน้าลงมาหาผมในขณะที่ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปหาอีกคนจวบจนกระทั่งเรา

ทั้งคู่รับรู้ได้ถึงสัมผัสนุ่มหยุ่นที่บริเวณริมฝีปาก ก่อนจะปรับเอียงองศาของหน้าให้รับกับอีกคนให้ได้มากที่สุด เขาว่ากันว่ามนุษย์

เราฝึกการจูบตั้งแต่อยู่ในท้องของแม่เพราะศีรษะของเราขณะอยู่ภายในท้องแม่นั้นกลับเอียงด้านขวา ซึ่งนั่นทำให้นัก

วิทยาศาสตร์รู้ว่าเราก็เรียนรู้เรื่องแบบนี้กันตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดาแล้ว แต่ทำไมกันนะคนตรงหน้าของผมถึงได้ช่ำชองและ

เชี่ยวขาญขนาดนี้?

           หลังจากที่อีกคนดื่มด่ำกับรสจูบจากริมฝีปากของผมจนพอใจจึงผละออกมา แต่ริมฝีปากที่ถูกผละออกมาก็ยังคงแนบชิดอยู่

ที่ริมฝีปากของผม

         “รักนะครับที่รักของนอร์ส” นอร์สบอกผมทั้งๆที่ริมฝีปากของผมและอีกฝ่ายยังแนบชิดกันอยู่

         “อื้ม” ผมตอบอีกคนเพราะไม่กล้าที่จะขยับปากตัวเอง

         “แค่นี้เองเหรอครับ นอร์สอยากได้ยินมากกว่านี้อ่ะ” นอร์สบอกผม

         “อยากได้อะไรอีกเล่าแค่นี้ก็พอแล้ว เขาว่าโลภมากลาภมักหายนะ” ผมบอกอีกคน แต่ดูท่าทางแล้วอีกฝ่ายจะไม่สนใจในสิ่ง

ที่ผมพูดเลยแม้แต่น้อย

         “ไม่เห็นจะเคยได้ยินเลยนะครับเคยได้ยินแต่......” นอร์สบอกค้างไว้แค่นั้นก่อนจะ

         “เฮ้ย!!” ผมอุทานอย่างตกใจที่อยู่ดีๆอีกคนก็ผุดลุกขึ้นมาก่อนจะคร่อมทับผมเอาไว้ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูผมเรียกเอา

เสียววาบไปแทบทั้งด้านหลัง

         “รักมากๆรักมากที่สุด รักไฟนะครับ รักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” อีกคนกระซิบคำบอกรักข้างหูผมเล่นเอาผมเขินแทบไปไม่ถูก

         “ไฟครับ ไหนๆวันนี้นอร์สก็บอกรักไฟไปตั้งเยอะแล้วงั้นนอร์สก็เลยอยากจะขอ คืนความสุข ให้ตัวเองบ้างนะครับ” นอร์สบอก

ผม ผมที่สองจิตสองใจไม่รู้จะตอบยังไง แถมอีกคนยังทำน่าตาน่าสงสารเหมือนลูกหมาไม่ได้แทะกระดูก

         “แต่ว่าวันนี้นอร์สเหนื่อยมาทั้งวันนะ นอร์สน่าจะพักนะ” ผมหาเหตุผลมาอ้าง

         “ไม่เป็นไรครับ นอร์สไม่เหนื่อย นะครับที่รักนะๆๆ” นอร์สกระพริบตาปริบๆเล่นเอาผมใจอ่อนยวบยาบ โอ๊ย!พ่อคู๊ณทำอะไร

สงสารระบบไหลเวียนโลหิตกันบ้าง หัวใจนี่เต้นผิดจังหวะหรือยังก็ไม่รู้!!

      “แต่ว่าครั้งเดียวนะไฟอยากพั-” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบอีกคนก็รีบก้มหน้าลงมาประกบปากผมทันที

         “อื้มมม อ๊า อ๊ะ เบา อืม หน่อยสิ อ๊ะ นอร์ส พรุ่งนี้ไฟ อ๊า มีงานแต่เช้านะ” ผมพูดได้แค่นั้นก่อนที่อีกคนจะไม่ยอมให้ผมได้พูด

อะไรอีกเลย เฮ้อ!สงสัยผมต้องลางานพรุ่งนี้ซะแล้วล่ะและตอนนี้เอาเป็นว่าผมกับนอร์สขอตัดฉากไปที่โคมก็เลยแล้วกันนะครับ

เพื่อป้องกันเด็กที่อายุต่ำกว่า 118 ปีที่ไม่ยอมใช้จักรยานในการรับชม สำหรับค่ำคืนนี้ก็.....ราตรีสวัสดิ์นะครับ!!

        ไม่ว่าเรื่องราวที่ผ่านมาจะเลวร้ายขนาดไหน ผมก็ยังมีคนข้างกายที่ชื่อ นอร์ส คอยให้กำลังใจอยู่เสมอมาและไม่ว่ามันจะมา

จากแผนการบ้าๆที่ผมกับน้องธีน่าเป็นคนทำขึ้นมาก็เถอะ! แต่ผมว่ามันก็คุ้มดีนะกับการที่ใช้แผนการร้ายที่ทำขึ้นมัดใจคุณชาย

อย่างนายนอร์สคนนี้ได้ ผมว่ามันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มจริงๆ!!



                                                                              - The End -

















จบแล้วจร้าาาา และแล้วก็จบไปอีกหนึ่งเรื่อง ทีนี้ก็เตรียมเรื่องต่อไปนั่นก็คือ "จอมใจ" ที่ดีสแต่งค้างเอาไว้นั่นเอง 55555

ส่วนเรื่องนี้มีตอนพิเศษมาลงด้วยน้าาาา อย่าเพิ่งหายไปไหนกันนะคะ ไว้ดีสจะอัพตอนพิเศษของเรื่องนี้อาทิตย์หน้าพร้อมกับ

จอมใจ ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะคะ ทั้งเรื่องนี้แล้วก็จอมใจ ใครที่ยังไม่เคยอ่านคุณสะใภ้ที่รักก็ไปอ่านกันได้นะจ๊ะ ขอบคุณ

ทุกคนมากๆค่าาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2015 21:12:56 โดย Hades Novel »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
โชคดีจังเลยน้าที่คุณแม่ทั้งสองท่านรู้จักและสนิทสนมกันมาก่อน อะไรๆ ที่ควรจะยากก็กลับง่ายขึ้นมาทันตาเห็นเลย ^^

ดีใจกับนอร์สและไฟด้วยค่ะที่ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงเสียที :-[ มีความสุขมากๆ นะค้า~~

ปล. น้องธีน่าหายไปไหนแล้วคะเนี่ย เพราะปกติจะได้ยินเสียงน้องคอยชงพี่ๆ ทั้งสองคนตลอดเลย ><

รอตอนหน้าจ้า..

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
ดีใจกับทั้งสองคนด้วยนะที่ฝ่าฟันอุปสรรคกันมาได้

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :กอด1: ในที่สุดก็สมหวังกันสักที

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด