แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ+ SP 4 SP สุดท้าย 131058
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แผนการร้ายมัดใจคุณชายเย็นชา BY HADES ตอนที่ 20 ตอนจบ+ SP 4 SP สุดท้าย 131058  (อ่าน 28814 ครั้ง)

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                                                               SPECIAL PART 1 : ฝัน..ไม่ฝัน??

      “วันนี้ผมมีเคสที่ต้องไปตรวจคนไข้เพิ่มอีกไหมครับ”

      “ไม่แล้วค่ะคุณหมอ วันนี้มีแค่นี้ค่ะเวลาที่เหลือคุณหมอก็ไปพักผ่อนเถอะค่ะวันนี้คุณหมอก็เจอเคสผ่าตัดมาเยอะแล้ว”

      “งั้นเดี๋ยวถ้ามีอะไรคุณพยาบาลก็ช่วยเรียกด้วยนะครับ หมอจะนั่งพักอยู่ที่ห้อง” ผมบอกพยาบาลสาวสวยก่อนเดินตรงดิ่งมา

พักที่ห้องพัก

        วันนี้ผมมีเคสผ่าตัดตั้งแต่ช่วงเช้าและนั่นจึงทำให้ผมยังไม่ได้มีเวลาส่วนตัวในการพักผ่อน แต่เห็นจะมีช่วงนี้แหละที่ผมจะได้

พักกับคนอื่นบ้างซะที

      “เป็นหมอนี่ก็เหนื่อยเหมือนกันแฮะ”

        ผม หรือ หมอนอร์ส หรือ นายแพทย์นอร์สที่เพิ่งจะเข้ามาทำงานอยู่ในโรงพยาบาลของรัฐบาลได้เมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็

ทำให้ผมสัมผัสได้ว่าช่วงเวลาที่ผมเข้ามาเป็นหมอที่นี่สุดโหดใช่ย่อย

      “ป่านนี้ไฟจะทำอะไรอยู่นะ” ผมว่าก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาเช็คไลน์ที่อีกคนส่งรูปภาพขนมเค้กหน้าตาน่าทานมาอวดผม

ก่อนจะส่งข้อความมาบอกสุขสันต์วันเกิด เฮ้อ!แฟนใครนะน่ารักจริงๆ

      “อยากจะกลับไปฉลองวันเกิดกับไฟจัง เฮ้อ!!” ผมอยากจะกลับไปฉลองวันเกิดกับไฟตอนนี้เลยจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าเผื่อมีเคส

ฉุกเฉินเข้ามาหลายรายและจำนวนหมอที่มีไม่มากพอเพราะช่วงนี้หมอของที่นี่จัดกิจกรรมแพทย์อาสาไปรักษาผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกล

จากในเมืองหลงเหลืออยู่ในโรงพยาบาลก็ไม่กี่คนเท่านั้น

      “อยากให้เวลาเดินเร็วๆจัง เฮ้อ!” ผมว่า ก่อนจะหันไปหยิบเอกสารงานที่ทำค้างมาเช็คและ.................
                       
      “นอร์สตื่นได้แล้วเช้าแล้วนะ” อืม เสียงเหมือนมีใครมากระซิบอะไรข้างหู แต่ทำไมเสียงมันคุ้นๆเหมือนเสียงไฟเลยแฮะ?

      “นอร์สตื่นเถอะนะไม่งั้นวันนี้ไฟไม่ให้ของขวัญสุดพิเศษกับนอร์สนะ” ของขวัญ? ของขวัญสุดพิเศษ? เดี๋ยวนะ...ถ้ามีของขวัญ

แสดงว่าวันนี้ต้องมีงานหรือไม่ก็เป็นวันสำคัญอะไรสักอย่าง แต่ที่แน่ๆเสียงเซ็กซี่ๆที่กระซิบแผ่วเบาอยู่ข้างหูผมต้องเป็นไฟอย่าง

แน่นอนไม่มีทางผิดเพี้ยนแน่ๆ!!

       “อืม ของขวัญ ของขวัญอะไรเหรอครับไฟ” ผมพยายามลืมตาเพื่อมองอีกคนจนเห็นเป้าหมายก่อนจะดึงอีกคนเข้ามากอด

แต่ก็กลับถูกอีกฝ่ายตีเข้าให้อย่างเต็มแรง ไฟก็อย่างนี้หละครับไม่เคยชินกับมันสักที แต่ผมว่ามันก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของไฟนะ

ครับ

      “เล่นอะไรแต่เช้าเนี่ย คนกำลังจริงจังอยู่นะ แต่ว่านอร์สจำไม่ได้จริงๆเหรอว่าวันนี้เป็นวันอะไร?” อีกคนถามผมด้วยสายตางงๆ

 วันนี้....วันนี้เป็นวันอะไรอ่ะ วันตรุษจีน เข้าพรรษา ออกพรรษา วันเสาร์ วันอาทิตย์หรือวันจันทร์ เอ....แต่ว่าที่รู้ๆวันนี้ผมต้องไปทำ

งานแน่ๆ!

      “วันอะไรเหรอครับ นอร์สจำไม่ได้จริงๆ” วันนี้มันวันอะไร?

      “อย่าบอกนะว่าทำงานจนเบลอจำไม่ได้แม้กระทั่งวันเกิดตัวเอง?” ไฟบอกผม อ๋อ!อย่างนี้นี่เองไอ้เราก็คิดว่าวันอะไรก็แค่วัน

เกิด............วันเกิด...วันเกิดเรา.....ห๊ะ!!!

      “วันนี้วันเกิดนอร์สเหรอครับ”

      “ก็ใช่ไงไฟก็เลยจะมาปลุกนอร์สให้ไปอาบน้ำแต่งตัวจะได้ไปใส่บาตรกันเพื่อรับสิริมงคลในวันเกิด” ไฟบอกผม จากนั้นผมจึง

ก้มหน้าลงไปสำรวจอีกฝ่ายที่ถูกผมกอดเอาไว้ด้วยชุดไปรเวทที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วจะเหลือก็แต่ผมเท่านั้น

      “งั้นเดี๋ยวไฟลงไปรอนอร์สข้างล่างก่อนก็ได้ครับเดี๋ยวนอร์สจะรีบอาบน้ำตามลงไป” ผมบอกอีกคน จากนั้นอีกฝ่ายจึงขอตัวลง

ไปจัดเตรียมอาหารสำหรับใส่บาตร

        ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วตามลงไปสมทบกับอีกคนที่อยู่ข้างล่างแล้วก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พระสงฆ์เดินมารับบิณฑบาต

พอดี

      “ขอให้โยมทั้งสองประสบพบเจอแต่เรื่องดีๆในชีวิตนะ” หลวงพ่อให้พรผมกับไฟ เราทั้งคู่จึงรับพรของหลวงพ่อและหวังว่าพร

ที่ท่านให้นั้นจะเป็นจริง ก่อนที่ท่านจะเดินไปรับบิณฑบาตที่อื่นต่อไป

      “อ๊ะ!” ผมเห็นไฟทำท่าเซเหมือนคนจะล้มจึงรีบเข้าไปประคอง

      “เป็นอะไรรึเปล่าครับไฟ” ผมถามไฟเพราะวันนี้เห็นเจ้าตัวตื่นแต่เช้ากลัวว่าจะได้พักผ่อนน้อยและอาจจะเป็นลมเป็นแล้งไปได้

      “ไม่เป็นอะไรหรอก ไฟแค่เวียนหัวนิดหน่อยน่ะ” ไฟบอกผมก่อนจะส่งยิ้มบางๆมาให้ว่าไม่เป็นอะไร ผมจึงพยักหน้ารับทั้งๆที่ก็

ยังไม่วางใจในอาการของอีกคน แต่ผมก็ไม่อยากให้ไฟคิดมากว่าผมไม่เชื่อใจในสิ่งที่อีกคนบอก

      “งั้นเดี๋ยวไฟเข้าไปทำข้าวต้มทรงเครื่องของโปรดนอร์สดีกว่านะ” ไฟบอกผม ผมจึงช่วยอีกคนยกของเก็บเข้าบ้านก่อนจะ

อาสาขอเป็นลูกมือเชฟไฟในการทำอาหารเช้ามื้อนี้

      “มีอะไรให้นอร์สช่วยบ้างครับที่รัก” ผมเดินเข้าไปหาอีกคนที่กำลังขมักเขม้นในการทำข้าวต้มก่อนจะกอดอีกฝ่ายจากด้าน

หลัง

      “ช่วยไปนั่งรอไฟดีกว่าเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว ไปนั่งรอเป็นเด็กดีนะครับคุณสุดที่รัก” ไฟหันมาบอกผม ผมจึงยื่นมือไปบีบจมูกเล็กๆ

ของอีกฝ่ายอย่างหมันเขี้ยว จากนั้นจึงเดินไปนั่งรอข้าวต้มจากอีกคน

        ผมเดินไปนั่งรออีกคนที่กำลังทำอาหารอยู่ที่หน้าบ้านก่อนจะหาขนมปังเพื่อมาทานรองท้องไว้เสียก่อน จากนั้นจึงหยิบรีโมท

ทีวีเพื่อปฺดหารายการยามเช้าที่น่าสนใจ แต่ก็เปิดหาได้ม่านอีกคนก็เดินเข้ามาตามผม

      “ข้าวต้มเสร็จแล้วนะนอร์ส” ไฟเดินเข้ามาหาผมก่อนจะหยุดชะงักไป

      “ไฟเป็นอะไรครับ!” ผมตกใจเพราะอีกคนที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้าผมหน้าซีดราวกับไก่ต้มก่อนจะรีบวิ่งสุดตัวหายวับเข้าไปใน

ห้องน้ำ ผมจึงวิ่งตามเข้าไปดูอีกคนที่ตอนนี้โก่งคออาเจียนอย่างหนักจนทำให้ผมรู้สึกใจไม่ค่อยดีเท่าที่ควร

      “ไปหาหมอไหมครับไฟ” ผมถามก่อนจะเข้าไปลูบหลังอีกคนที่ดูอาการจะดีขึ้นจากเมื่อครู่

      “ไปหาทำไมล่ะหมอก็ในเมื่อมีหมอประจำตัวนั่งอยู่นี่ด้วยทั้งคน” ไฟหันมาขยิบตาบอกผม

      “ยังจะมาทำเป็นเล่นอีกนะครับไฟ นอร์สว่าไฟควรจะไปหาหมอที่โรงพยาบาลนะครับ นอร์สรู้จักพี่หมอที่เก่งๆจะได้ให้พี่เขา

ช่วยตรวจดูอาการให้” ผมบอกไฟ แต่อีกคนกลับส่ายหน้าเป็นพัลวัน

      “ไม่เอาอ่ะไฟไม่ถูกกับเข็มฉีดยาของหมอ นอร์สก็รู้อ่ะไฟไม่ไปนะ ไม่ไปนะๆๆๆๆๆ” ไฟจับที่ต้นแขนผมก่อนจะทำหน้าตาน่า

สงสาร เฮ้อ!รู้ว่าผมเป็นคนใจอ่อนยังจะมาทำหน้าเศร้าๆแบบนั้นอีกนะ!

      “ก็ได้ครับ แต่ไฟต้องพักผ่อนเยอะๆนะครับ” ผมบอกอีกคน ส่วนคนที่ไม่ต้องถูกบังคับให้ไปหาหมอกลับดีใจตาโตราวกับเด็ก

ได้ของเล่นชิ้นใหม่

      “รับทราบครับคุณแฟนสุดที่รัก” ไฟรีบรับปากผม จากนั้นผมจึงประคองอีกฝ่ายให้ค่อยๆเดินออกมาจากห้องน้ำไปนั่งพักที่โต๊ะ

ทานข้าว

      “ทานเยอะๆนะครับจะได้หายไวๆ” ผมบอกก่อนจะยกจานข้าวต้มที่หอมฉุยไปวางไว้ตรงหน้าของอีกคนและวางไว้ที่ของผม

เอง

        ผมและไฟชอบใช้เวลาไปกับการนั่งรับประทานข้าวและพูดคุยกันในเวลาทานข้าวเพราะผมว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน

ที่สุดจากเวลาทั้งหมดที่ผมต้องใช้มันไปกับการเข้าเวรและผ่าตัด

        ติ๊งต่อง!!! เสียงออดดังขึ้นจากทางหน้าห้องพักผมจึงบอกอีกฝ่ายให้นั่งรออยู่กับที่เพราะอีกคนเตรียมที่จะลุกไปเปิดประตู

      “อ้าว ป๊าม๊าสวัสดีครับ” ผมทักทายป๊ากับม๊าของไฟ ส่วนคนที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารคงจะได้ยินผมพูดถึงป๊ากับม๊าเจ้าตัวเลยรีบ

ปรี่เข้ามาหา

      “น้องไฟคิดถึงม๊ากับป๊าที่สุดในโลกเลย” ไฟเข้าไปกอดม๊ากับป๊าเหมือนเด็กน้อยๆที่พลัดหลงกับผู้ปกครอง

      “ไม่ต้องทำมาเป็นพูดว่าคิดถึงป๊ากับม๊าเลยนะ ถ้าเราคิดถึงแล้วจะไปแต่งงานกับนอร์สทำไม หย่าเลยดีไหมจะได้มาอยู่กับป๊า

กับม๊าแล้วน้องไฟจะได้หายคิดถึงดีหรือไม่ดี หืม?” ม๊าถามแหย่ไฟเล่นๆ ซึ่งอีกคนรีบส่ายหัวปฏิเสธทั้งๆที่หน้าเริ่มจะมีสีชมพูเรื่อๆ

เป็นริ้วๆที่ใบหน้ายิ่งทำให้อีกคนดูน่ารักเหมือนเด็กทั้งๆที่อายุก็มากกว่าผมถึงสองปี

      “ป๊ากับม๊าเข้ามาในห้องก่อนนะน้องไฟมีเรื่องเล่าให้ป๊ากับม๊าฟังเยอะแยะเลย” ไฟว่าก่อนจะเดินคุยกะหนุงกะหนิงเข้าไปที่

ห้องนั่งเล่นกับม๊าทิ้งให้ผมกับป๊าได้แต่ยืนมองภาพของสองแม่ลูกที่คุยกันอย่างสนุกสนาน

      “เป็นยังไงบ้างล่ะได้ข่าวว่าที่ทำงานใกล้กับคอนโดของเราเลยให้น้องไฟย้ายออกจากที่เก่าแล้วมาอยู่ด้วยกันที่นี่หนิ” ป๊าหัน

มาถามผม

      “ก็...ทำนองนั้นครับเพราะผมคิดว่าบ้านหลังนั้นที่ทางครอบครัวให้ใช้เป็นเรือนหอผมคิดว่าจะเข้าไปอยู่กับไฟเมื่อเราทั้งคู่หมด

ภาระแล้วครับ” ผมหันไปตอบป๊า

        ตามจริงแล้วผมมีบ้านอยู่อีกหลังที่ทางครอบครัวของผมกับครอบครัวของไฟลงมติให้ใช้เป็นเรือนหอเพื่อที่ผมกับไฟจะได้

ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน แต่ว่ามันค่อนข้างที่จะอยู่ไกลจากที่ทำงานของผม ผมจึงย้ายให้ไฟมาอยู่ด้วยกันที่คอนโดของผมซึ่งอยู่ใกล้กับ

ที่ทำงานมากกว่าที่บ้านหลังนั้น

      “แล้วชีวิตเรากับน้องไฟเป็นยังไงกันบ้าง” ป๊าถามผมแต่คราวนี้สายตายังคงมองอยู่ที่ภาพของสองแม่ลูกคุยกันอย่างออกรส

      “มีความสุขดีครับ ตอนนี้ไฟอยู่ว่างๆก็เลยขออาสาเป็นคนดูแลบ้านส่วนผมช่วงนี้ก็ค่อนข้างยุ่งๆกับเรื่องของงาน แต่เราก็

พยายามหาเวลาให้กันเสมอนะครับ” ผมบอกป๊า ซึ่งท่านก็หันมายิ้มให้ผมก่อนจะตบไหล่ผมอย่างให้กำลังใจ

      “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะนะ รักกันให้มากๆเข้าไว้” ป๊าบอกผม

      “ครับป๊า” ผมรับคำป๊าก่อนที่ป๊าจะเดินเข้าไปหาม๊ากับไฟ

      “ทำอะไรกันอยู่เหรอม๊า” ป๊าเดินเข้าไปถามม๊าที่ตอนนี้เหมือนคุยเรื่องของกินกับไฟ งานถนัดของไฟเขาเลยหละครับไอ้

เรื่องกินเนี่ย!

      “ก็...พูดเรื่องอาหารค่ำของวันนี้ไง ก็วันนี้เป็นวันเกิดของลูกเขยสุดหล่อไม่ใช่เหรอม๊าก็อยากจะเอาใจบ้างนะ” ม๊าบอกก่อนจะ

หันมามองหน้าผมยิ้มๆ ผมจึงพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างๆไฟ ส่วนป๊าก็เดินไปนั่งข้างๆกันกับม๊า

      “งั้น....นี่ของขวัญของป๊ากับม๊า” ป๊ากับม๊ายื่นกิ๊ฟท์วอชเชอร์ของที่พักในมัลดีฟส์ให้ผมกับไฟ

      “ม๊ากับป๊าให้เราเอาไว้ใช้ฮันนีมูนกันหลังจากที่เราเคลียร์เรื่องงานและเรื่องส่วนตัวได้เข้าที่เข้าทางแล้ว แต่มีข้อแม้ว่าต้องใช้

ภายในปีนี้นะไม่งั้นมันจะหมดอายุซะก่อนเพราะม๊าเสียดาย ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องไฟนะ ม๊าจะเอาไปฮันนีมูนกับป๊ารอบที่สิบหกแล้ว

นะ” ม๊าบอกผมกับไฟซึ่งเจ้าตัวดูท่าจะชอบทะเลมากเพราะนัยน์ตานี่แวววับพริบพราวกันเลยทีเดียว


      “มัลดีฟส์เลยเหรอม๊าทำไมม๊ามีแบบนี้แล้วไม่เคยเอามาบอกน้องไฟบ้างอ่ะ งอนม๊าแล้วนะ” ไฟว่าม๊าอย่างงอนๆ แต่เจ้าตัวก็ไม่

ได้งอนจริงงอนจังอะไรขนาดนั้น แต่งอนเพียงเพื่อต้องการที่คนทำให้งอนมาง้อก็เท่านั้นเอง ซึ่งนั่นก็เป็นผมด้วยที่อยู่ในกรณีนั้น

ของอีกคน

      “จะมางอนม๊าไม่ได้นะน้องไฟก็ในเมื่อม๊าจะเก็บอันนี้เอาไว้ให้น้องไฟกับคนที่น้องไฟรักได้เอาไปใช้ด้วยกันไงล่ะ” ม๊าว่าก่อน

จะเอื้อมมือมาลูบหัวไฟอย่างรักใคร่เอ็นดู

      “น้องไฟรักม๊าที่สุดในโลกเลย” ว่าจบเจ้าตัวก็กอดม๊าเสียแน่นจนทำให้ป๊าที่นั่งอยู่ข้างๆม๊าเอ่ยแซว

      “น้อยๆหน่อยนะน้องไฟนี่เมียป๊านะ โน่นเรามีคนรักก็ไปกอดกับคนรักเราโน่น” ป๊าว่าก่อนที่อีกคนจะหันหน้ามามองผมเขินๆ

      “กอดนอร์สก็ได้นะครับไฟ นอร์สไม่กัด” ผมบอกอีกคนยิ้มๆ แต่อีกคนกลับยู่หน้าใส่ ฮ่าๆๆๆเด็กจริงๆแฟนใครเนี่ย!!

      “เออเกือบลืมไปเลย ม๊ากับป๊าเอามะม่วงที่สวนมาฝาก แต่ว่าตอนนี้มันยังเปรี้ยวๆอยู่เพราะว่ามันเพิ่งจะสุก แต่ว่าเราต้องรอให้

มันสุกก่อนนะเพราะมันอร่อยมาก ม๊ารับประกัน” ม๊าว่า ก่อนจะให้ป๊าเดินไปหยิบมะม่วงจากที่รถขึ้นมาให้ผมกับไฟที่ห้อง มะม่วงที่

สวนของบ้านไฟแต่ละลูกใหญ่มากราวกับคัดไซต์มาอย่างดี

      “เป็นอะไรไปน้องไฟทำหน้าอย่างกับอยากที่จะกินซะขนาดนั้น” ม๊าหันไปถามเพราะอีกคนมองมะม่วงที่ป๊าเอาไปเก็บให้ไม่

วางตา

      “ไม่รู้เหมือนกันอ่ะม๊า แต่ว่ามันน่ากินดีนะ ม๊าทำมะม่วงน้ำปลาหวานให้น้องไฟหน่อยสิ น้องไฟชอบกินฝีมือม๊าที่สุด” ไฟหันไป

พูดกับม๊าอ้อนๆ จากนั้นท่านจึงไปทำมาให้ ผมจึงได้อยู่กับไฟสองคน

      “ไฟไม่สบายอยู่นะครับกินของแบบนั้นมันไม่ค่อยดีนะเดี๋ยวท้องก็เสียหรอก” ผมว่าอีกคน

      “แต่ไฟอยากกินอ่ะนอร์สให้ไฟกินนะๆๆๆๆ” ไฟคล้องแขนผมก่อนจะทำหน้าอ้อนๆ เอ...วันนี้ไฟมาแปลกแฮะทุกทีไม่เคยอ้อน

หรือว่าไม่สบายแล้วการกระทำเปลี่ยน??
                     
      “ค่อยๆกินก็ได้น้องไฟเดี๋ยวก็ติดคอหรอก” ม๊าบอกไฟเพราะตอนนี้เจ้าตัวนั่งกินมะม่วงน้ำปลาหวานอย่างเอร็ดอร่อยราวกับ

อยากกินมานาน

      “ก็น้องไฟอยากกินนี่หน่า” อีกคนตอบ แต่ก็ยังไม่หยุดกิน

      “ปกติน้องไฟไม่ชอบกินของเปรี้ยวไม่ใช่เหรอ ทำอย่างกับเป็นคนท้องไปได้” ม๊าว่า แต่ว่าไฟจะท้องได้ยังไง??

      “แล้วน้องไฟจะท้องได้ยังไงกันม๊า น้องไฟเป็นผู้ชายนะ” อีกคนบอกม๊าอย่างขบขัน แต่ว่า....ถ้ามันเป็นไปได้ล่ะจะทำยังไง
 
        ผมนั่งคิดถึงอาการของอีกคนตั้งแต่เช้าเพราะเมื่อเช้าไฟดูหน้าซีดราวกับคนจะเป็นลม แถมยังอ้อนผมกับทุกคนอย่างที่ไม่

ค่อยจะได้อ้อนเท่าไรโดยเฉพาะผมเพราะไฟเป็นคนที่เขินมากเวลาจะอ้อนผมและที่สำคัญไม่ไม่ชอบของเปรี้ยวแต่กลับกินอย่าง

เอร็ดอร่อย??

      “ตอนนี้เย็นแล้วม๊ากับป๊าขอตัวกลับก่อนนะนอร์ส น้องไฟ”

      “ครับ เดี๋ยวผมไปส่งครับ” ผมเดินไปส่งป๊ากับม๊าแทนไฟที่ยังนั่งทานมะม่วงต่ออย่างเอร็ดอร่อย

      “ไฟครับนอร์สว่าไฟหยุดกินเถอะเดี๋ยวท้องเสียนะครับ” ผมเดินเข้ามาหาอีกคนก่อนจะนั่งลงข้างๆและยึดจานมะม่วงไป

      “อ่า ก็ได้ๆ” ไฟทำตามอย่างว่าง่าย

      “เอ่อ...ไฟครับ” ผมเรียกไฟ จะบอกดีไม่ดีนะ? ผมชั่งใจอยู่ครู่ทั้งๆที่อีกคนมองหน้าผมเพื่อรอฟังผมต่อ

      “ไฟครับคือนอร์สมีที่ตรวจครรภ์ที่ได้จากทางโรงพยาบาลมาคือ...นอร์ส

อยากจะให้ไฟลองใช้ดูน่ะครับ” ผมบอกอีกคนไป ไฟที่มองหน้าผมแปลกๆเหมือนกับสิ่งที่ผมพูดเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ซึ่งผมก็รู้

ว่าเรื่องนั้นมันเป็นไปไม่ได้ แต่ว่า......ถ้าลองสักหน่อยก็น่าจะดีไม่ใช่เหรอ?

      “อืม ก็ได้อยู่ไหนล่ะ” ไฟยอมทำตาม ผมจึงรีบวิ่งไปหยิบที่ตรวจครรภ์มาให้อีกคน ก่อนจะประคองไฟไปเข้าห้องน้ำ

      “โอ๊ย!!ตื่นเต้น” ผมว่าเพราะตอนนี้ไฟก็เข้าไปตรวจในห้องน้ำซึ่งก็ได้เวลาที่จะรู้ผลและไม่นานอีกคนก็เปิดประตูเดินออกมา

      “เป็นยังไงบ้างครับไฟ ขีดเดียวหรือสองขีด” ผมถามอีกคน แต่หน้าของไฟกลับดูเหมือนคนตกใจกับอะไรบางอย่าง

หรือว่า.............

      “สอง...สองขีด....ไฟท้องเหรอนอร์ส มันเป็นไปไม่ได้อ่ะ มันจะเป็นไปได้ยังไงอ่ะนอร์สไฟเป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ แล้ว..แล้ว

ไหนจะลูกในท้องของไฟอีกอ่ะ ไฟเป็นผู้ชายนะร่างกายไฟมันไม่ได้มีมารองรับเด็กที่อยู่ในครรภ์นะ อึก” ไฟบอกผมราวกับคน

หวาดกลัว ผมจึงรวบตัวอีกคนมากอดปลอบให้กำลังใจ

      “ไม่เป็นไรนะครับไฟ ไม่เป็นไรนะ” ผมบอก แต่อีกคนกลับร้องไห้หนักกว่าเดิม

      “เป็นสิ!! ไฟเป็นแบบนี้นอร์สก็จะต้องทิ้งไฟไป ฮือๆๆ นอร์สจะทิ้งไฟใช่ไหม ฮึก ฮือๆ” ไฟพยายามจะผละออกจากผม แต่ผม

กลับกอดอีกฝ่ายแนนเพราะรู้ว่าสิ่งที่ไฟเป็นอยู่ตอนนี้มันมาจากการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย

      “ไม่ครับ นอร์สจะไม่มีวันทิ้งไฟกับลูกไปแน่นอน นอร์สสัญญาว่าจะรักไฟและลูกนะครับ” ผมว่าอีกคนที่ร้องไห้อย่างหนักก็

สลบอยู่ในอ้อมแขนของผม






                         
      “นอรส นอร์ส” อืม เสียงใครมาเรียกอีกแล้วเนี่ย

      “เลิกงานแล้วจะไม่กลับบ้านไปหาไฟเหรอ” ไฟ เอ๊ะ!เสียงไฟนี่หน่า

      “อืม ก็นอร์สอยู่ที่-” ผมกำลังจะตอบว่าตอนนี้ผมก็อยู่บ้านกับไฟ แต่พอหันไปมองสิ่งที่อยู่รอบๆตัวก็เห็นอีกคนอยู่ให้ห้องพัก

แพทย์ที่โรงพยาบาล ผมจึงนั่งทบทวนเรื่องราวตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ที่ผมผ่าตัดเสร็จแล้วเข้ามาพัก จากนั้นก็.............ฝัน? ผมฝันเหรอ

เนี่ย?

      “เป็นอะไรรึเปล่านอร์ส” ไฟถามผม

      “เอ่อ...เปล่าครับ แต่ว่าไฟไม่ได้รู้สึกแปลกๆอะไรใช่ไหมครับ แบบเวียนหัว? อยากกินของเปรี้ยว?” ผมถามไฟ แต่อีกคนก็งง

กับสิ่งที่ผมพูดแต่ก็ยอมตอบผม

      “ไม่นะ ไฟก็ปกติดี นอร์สนั่นแหละที่เป็นอะไรรึเปล่า” ไฟถามผมก่อนจะเดินเอามือเข้ามาอังหน้าผากผมไว้

      “ตัวก็ไม่ร้อนนะ” ไฟว่า ผมจึงบอกอีกคว่าไม่เป็นไรไปอีกฝ่ายจึงเลิกคิดมาก

      “เรากลับไปฉลองวันเกิดนอร์สที่บ้านเถอะครับ” ผมบอกอีกคนซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมแต่โดยดี

      “เอ...วันเกิดนอร์สปีนี้ไฟจะให้อะไรเป็นของขวัญนอร์สน้า” ผมแกล้งกระเซ้าเย้าแหย่อีกคน

      “ไม่บอก!!” ว่าจบไฟก็รีบเดินหนีผมออกจากห้องไป

      “เฮ้อ!!” ผมถอนหายใจกับการกระทำเด็กๆของอีกคน แต่จะว่าไปวันนี้ผมก็ได้ของขวัญที่ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมา

ก่อน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ความฝันของผมเท่านั้นก็ตามที แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นความจริงและไม่ได้ฝันไป นั่นคือการที่ผมได้อยู่

กับคนที่ผมรักอย่างไฟ แค่นี้ก็เป็นของขวัญวันเกิดที่ยิ่งใหญ่สำหรับผมแล้ว















                   ตอนพิเศษมาแล้วนะคะและงานมโนของหมอนอร์สก็มาเช่นเดียวกัน 55555 ไว้เจอกันกับตอนพิเศษตอนหน้านะคะ

 อัพพร้อมจอมใจเช่นเดียวกันจร้าา :mew1:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
อยากให้ความฝันของนอร์สเป็นจริงจังเลยน้า~~ :heaven

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                                                         SPECIAL PART 2 : หึงนะ!!!บอกเลย

            เช้านี้เป็นเช้าวันเสาร์เป็นเช้าที่ใครหลายๆคนก็ปรารถนา ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่และนั่นก็รวมถึงตัวผมด้วย แต่ถึงแม้ผม

จะปรารถนามันมากขนาดไหน ผมก็ไม่ได้มีโอกาสที่จะได้ใช้เวลาในวันสาร์ได้อย่างเต็มที่เหมือนกับคนอื่นๆเพราะด้วยหน้าที่และ

งานที่ผมทำ

      “คุณหมอคะพอดีวันนี้มีนักศึกษาแพทย์บอกว่าเป็นรุ่นน้องของคุณหมอมาหาอ่ะค่ะ” คุณพยาบาลเดินเข้ามาถามผมในห้อง

ผมจึงพยักหน้าให้เชิญอีกคนเข้ามา

      “สวัสดีครับพี่หมอนอร์ส” รุ่นน้องผมเอ่ยทัก

      “อืม สวัสดีโจเป็นยังไงบ้างสบายดีไหม” ผมถามอีกคนก่อนจะวางมีอจากงานที่ทำ

      “ก็เรื่อยๆครับ ช่วงนี้ใกล้จบแล้วเลยเหนื่อยนิดหน่อย” จากนั้นโจก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งเรื่องเรียนและเรื่องส่วนตัวบ้างเป็น

บางเรื่องให้ผมฟัง

        โจกับผมรู้จักกันเป็นอย่างดีเพราะโจเป็นน้องรหัสของผมโดยตรง โจเป็นคนที่ตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ ตาตี่ๆเหมือนคนจีนและที่

สำคัญหน้าตาดีมาก จนทำให้มีทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องทั้งชายและหญิงต่างเข้ามารุมล้อมจนทำให้อีกคนอึดอัดและชอบที่จะมาอยู่กับ

ผมเพราะอีกคนไม่ต้องการที่จะให้คนอื่นเข้ามายุ่งและก้าวก่ายชีวิต จนบางครั้งโจก็แอบเอาชื่อผมไปอ้างว่าเราเป็นแฟนกันเพราะ

อีกคนอยากที่จะตัดปัญหาไร้สาระนั่นไป

      “ได้ข่าวว่าพี่หมอนอร์สแต่งงานแล้วเหรอครับ” โจถามผม

      “อืม ก็ทำนองนั้นแหละ” ผมตอบอีกฝ่าย

      “งั้นทีนี้โจก็ไม่มีคนที่จะมาเป็นข้ออ้างในการไล่คนพวกนั้นแล้วน่ะสิครับ” น้องโจบอกผมเศร้าๆ ซึ่งนั่นมันก็น่าเห็นใจน้องอยู่

เหมือนกันนะครับ

      “ไม่เป็นไรหรอก โจก็เอาชื่อพี่ไปอ้างได้แต่ว่าพี่ก็ต้องขอคุยกับแฟนพี่ก่อนเพราะพี่ไม่อยากมีปัญหากับคนรัก” ผมบอกน้องไป

เพราะจริงๆแล้วถ้าเป็นตัวผมคนเดียวก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะสงสารน้องมัน แต่ถ้าเป็นไฟอันนี้ผมก็ไม่แน่ใจเพราะแค่ชื่ออีกคนก็

น่ากลัวเกินครึ่งไปแล้วแหละ

      “งั้นถ้าโจจะรบกวนอะไรพี่หมอนอร์สักอย่างสองอย่างจะได้ไหมครับ” น้องโจถามผม

      “เรื่องอะไรล่ะ ถ้าพี่ช่วยได้ก็จะช่วยนะ” ผมบอกน้องไปซึ่งเจ้าตัวทำหน้าดีใจราวกับเจอของเล่นถูกใจ

      “งั้นโจขอบคุณพี่หมอนอร์สมากเลยะครับ” น้องโจไหว้ขอบคุณผม เฮ้อ!ว่าแต่ว่าไอ้เรื่องที่อีกคนขอมันเป็นเรื่องอะไรกันหละ

เนี่ย??






                     
      “ไปดูหนังด้วยกันเนี่ยนะ”

      “ครับ คือโจอยากจะให้พี่หมอแกล้งมาเป็นคู่รักกับโจหน่อยอ่ะครับเพราะตอนนี้มีรุ่นน้องที่คณะมาตามจีบโจอยู่ แต่โจก็ปฏิเสธ

เข้าไปโดยบอกว่าโจมีแฟนแล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมเชื่อโจเลยอยากจะให้โจพาแฟนมาให้เขาดูก่อนเขาถึงจะเชื่อ ตอนนั้นโจก็แค่คิด

ว่าถ้าบอกแบบนั้นไปเขาจะเลิกตามตื้อโจแต่มันกลับกลายมาเป็นแบบนี้แล้วที่สำคัญโจก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครจะมีก็

แต่................พี่หมอนอร์สเนี่ยแหละครับที่โจเชื่อว่ายังไงพี่ก็ต้องช่วยโจ” น้องโจร่ายซะยาวกับเหตุผลที่ต้องให้ผมไปดูหนังกับ

อีกคนเพียงเพราะอยากจะให้ผมไปเล่นบทบาทสมมติเป็นคนรักจอมปลอมเพราะต้องการให้คนที่มาตามจีบเลิกมายุ่งกับตัวเองซะ

ที

      “แต่ว่า.....” ผมไม่แน่ใจว่าถ้าตัวเองยอมตบปากรับคำไปแล้วถ้าเกิดไฟจับได้ทีนี้หละน่าจะเรื่องใหญ่น่าดู

      “นะครับพี่หมอนอร์สแค่แป๊บเดียวเท่านั้นเอง โจรับรองว่าเดี๋ยวโจจะคุยกับแฟนพี่ให้เข้าใจเอง” เอ่อ....น้องโจครับขนาดพี่เป็น

คนรักไฟยังไม่ยอมฟังแล้วถ้าเป็นน้องโจที่เป็นใครก็ไม่รู้ที่ไปยุ่งกับแฟนฉันไฟคงจะฟังน้องอยู่หรอกนะครับ!?

      “แล้วต้องไปนานไหมครับเพราะพี่ไม่อยากมีปัญหากับไฟ” ผมถามน้อง ส่วนอีกคนที่เห็นผมน่าจะยอมตกลงไปก็ถึงกับตาวาว

รีบแจ้งรายละเอียดทันที

      “ไม่นานครับๆ น่าจะประมาณสามชั่วโมงได้เพราะเรากะเวลาไปและกลับเวลาประมาณนี้ก็น่าจะได้อยู่ครับพี่หมอนอร์สสะดวก

ไหมครับ” น้องโจถามผม ผมจึงยกนาฬิกาข้อมือมาดูเวลา ตอนนี้เวลาบ่ายโมงใช้เวลาสามชั่วโมงก็น่าจะประมาณสามโมงถึงสี่โมง

ผมเลิกงานเวลาห้าโมงซึ่งไฟก็จะมาหาผมเวลานี้ก็น่าจะโอเคได้อยู่ ผมจึงตบปากรับคำไปเล่นเป็นคู่รักกำมะลอกับน้องโจ

      “ได้ครับ แต่ว่าเราห้ามเลทเด็ดขาดนะ” ผมย้ำกับอีกคน

      “ไม่เลทแน่นอนครับ ขอบคุณพี่หมอนะครับ” น้องโจว่าก่อนที่ผมจะไปบอกคุณพยาบาลว่าผมจะไปธุระกับโจแล้วจะกลับเข้า

มาอีกทีตอนใกล้เลิกงาน หวังว่าคงจะมาทันก่อนที่ไฟจะมานะ.....
               



        ตอนนี้ผมกับโจมาที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุงแห่งหนึ่งตามที่รุ่นน้องที่ตามจีบอีกคนได้นัดเอาไว้

      “พี่หมอนอร์สชื่ออาร์ทเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คบกับโจมาตั้งแต่โจอยู่ปีหนึ่งจนตอนนี้โจอยู่ปีหกก็ประมาณห้าถึงหก

ปีแล้วก็ถ้าโจเรียนจบเราก็จะไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ตามนี้เลยใช่ไหมครับ” น้องโจหันมาถามผม

      “ใช่ แล้วพี่ก็จะบอกอีกว่าโจเป็นของพี่คนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยว โอเคงั้นก็ท่องตามนี้เลยนะ เอาให้เนียนๆเข้าไว้และที่

สำคัญอย่าทำพิรุธให้เขาจับได้ด้วยนะ” ผมย้ำเตือนอีกคน อีกคนจึงพยักหน้ารับก่อนที่เราทั้งคู่จะสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆสองที

ก่อนจะก้าวลงจากรถเพื่อพร้อมที่จะไปเล่นละครบทบาทสมมติ

      “นั่นไงครับพี่หมอนอร์ส คนนั้นไงครับที่ตามจีบโจ เขาชื่อกล้าเรียนบัญชีปีสาม” น้องโจหันมากระซิบบอกผม ผมจึงเอื้อมมือ

ไปจับมืออีกคนเพี่อสร้างความเนียนไม่ให้อีกคนที่กำลังมองหาผมกับโจเห็นแล้วสงสัย

      “หวัดดีกล้า” พอผมกับโจเข้าไปหาคนชื่อกล้า โจก็เป็นฝ่ายทักอีกคน ส่วนอีกคนที่ถูกทักก็หันมายิ้มให้กับโจก่อนจะหันมา

เห็นผมที่ยืนจับมืออยู่กับโจ ก่อนที่สีหน้าในตอนแรกจะแปรเปลี่ยนมาไม่พอใจ ผมที่รู้อยุ่แล้วว่ายังไงซะคนที่ชื่อกล้านี่ต้องไม่พอใจ

เพราะระดับการแสดงของผมก็ไม่ได้น้อยหน้าเพราะยิ่งถ้าผมทำให้อีกคนไม่พอใจมากเท่าไรนั่นก็แสดงว่าผมเล่นละครได้สม

บทบาท

      “นี่เหรอครับพี่โจที่พี่บอกว่าเป็นแฟนพี่” กล้าถามโจ อีกคนจึงพยักหน้า

      “สวัสดีครับ ผมชื่อกล้าเรียนอยู่บัญชีปีสามเห็นพี่โจเคยบอกว่าคบกับพี่ตั้งแต่เข้าปีหนึ่งแล้ว แต่ทำไมช่วงที่พี่โจเรียนอยู่ผมถึง

ไม่เคยเห็นพี่ไปรับไปส่งพี่โจเลยล่ะครับ” น้องกล้าถามผมซึ่งผมคิดว่าคำถามที่อีกคนถามก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียวสมแล้วล่ะที่เรียน

บัญชีปีสาม

      “พอดีโจเขาไม่ต้องการให้เรื่องของเราสองคนเป็นที่รู้จักมากก็เท่านั้น แต่ถึงแม้พี่จะไม่ได้ไปรับไปส่งแต่เวลาที่โจอยู่คอนโด

พี่ก็ดูแลโจเป็นอย่างดี” ผมบอกอีกคนซึ่งอีกฝ่ายดูน่าจะตึงๆไปนิดเพราะซึ่งที่ผมพูดมันค่อนข้างที่จะน่าเชื่อถือเพราก่อนหน้านั้นผม

ก็ถามรายละเอียดของโจทั้งหมดทั้งที่อยู่ ของที่ชอบทานและอะไรหลายๆอย่างเพราะถ้าอยากจะทำให้อีกคนเชื่อเราก็ต้องปิดช่อง

โหว่ของข้อผิดพลาดที่เราอาจจะทำพลาด เรามันมวยคนละชั้นนะไอ้น้อง

     “งั้นพี่ว่าเราไปทานไอติมสเวนเซ่นของโปรดโจกันดีกว่า” ว่าจบผมก็เดินพาโจไปทานไอติมส่วนอีกคนก็เดินตามหลังผมมา

พร้อมกับพยายามจับผิดผมกับโจ ผมจึงบอกให้โจพยายามทำตัวให้เนียนเข้าไว้แล้วทุกอย่างจะดีเอง เชื่อพี่!!!!

      “ทำเฉยๆไว้นะ ทำเป็นเหมือนว่าเราเป็นคนรักกันจริงๆ” ผมก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูของอีกคน ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าทำตาม

      “เชิญครับ” ผมเลื่อนเก้าอีให้กับโจ

      “ขอบคุณครับ” อีกคนเอ่ยขอบคุณผมก่อนที่ผมจะนั่งลงเก้าอี้ข้างๆโจ ส่วนกล้าก็เดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับผม

        ตอนนี้ผม โจ และกล้านั่งรับประทานไอศกรีมอยู่ที่ร้านสเวนเซ่นซึ่งผมก็เลือกสั่งแต่ไอศกรีมรสที่โจชอบเพราะทำให้คนที่นั่ง

อยู่ฝั่งตรงข้ามของผมเชื่อว่าผมกับโจเป็นคู่รักกันจริงๆ

      “เออ กล้าพอดีพี่ยังไม่ได้แนะนำให้เรารู้จักแฟนพี่อย่างเป็นทางการเลยนะ” โจบอกกล้าก่อนจะแนะนำผมให้อีกคนรู้จัก

      “นี่พี่อาร์ทเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่วนพี่อาร์ทครับนี่กล้ารุ่นน้องที่มหาลัยของโจ” โจแนะนำกล้าให้ผมรู้จัก ผมจึง

ทำทีเป็นหยักหน้ารับ

      “พี่อาร์ทเป็นนักธุรกิจแล้วพี่เจอกับพี่โจได้ยังไงเหรอครับ” กล้าถามผม

      “ก็..พอดีพี่เป็นเพื่อนกับพี่ชายของโจ กล้าคงรู้จักพี่เจ็ตนะ” ผมบอกอีกคน ซึ่งจริงๆแล้วผมก็รู้จักกับไอ้เจ็ตนะเพราะมันเคย

เรียนโรงเรียนเดียวกับผมมาก่อนตอนเรียนมัธยมปลายซึ่งนั่นทำให้ผมยอมช่วยโจเพราะโจเป็นน้องของเพื่อนผม

      “ครับ คือผมอยากจะถามอะไรพี่ตรงๆสักอย่างนะครับ” กล้าถามผม ผมจึงพยักหน้าเป็นอันว่ามีไรก็พูดมา

      “ผมถามจริงๆนะครับว่าพี่กับพี่โจเป็นแฟนกันจริงๆรึเปล่าไม่ใช่ว่าพี่กับพี่โจโกหกผมโดยการเล่นละครสมมติว่าเป็นแฟนกัน

เพื่อให้ผมเลิกยุ่งกับพี่โจ” กล้าถามผม ซึ่งเป็นคำถามที่ตรงมาก ผมกับโจจึงหันหน้ามองกันก่อนที่ผมจะตอบอีกคนไป

      “ทำไมกล้าถึงคิดว่าพี่กับโจต้องแกล้งเป็นแฟนเพื่อมาหลอกเราด้วยล่ะ เราลองคิดดูนะถ้าพี่กับโจไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วใครจะ

กล้าให้คนที่ไม่รู้จักมาอ้างตัวว่าเป็นแฟนกัน” ผมบอกอีกคน ส่วนอีกฝ่ายที่ได้ยินผมพูดแบบนั้นก็นั่งชั่งใจอยู่ครู่ แต่ผมก็ภาวนาให้

อีกคนเชื่อในสิ่งที่ผมพูดด้วยเถอะ

      “งั้นถ้าพี่สองคนเป็นแฟนกันพี่ก็จูบกันให้ผมดูหน่อยสิถือซะว่าเป็นเครื่องพิสูจน์ก็แล้วกัน” ห๊า!!อะไรนะให้ผมจูบกับโจงั้นเหรอ

 แค่ผมยอมมาช่วยโจก็ไม่รู้ว่าจะโดนไฟโกรธรึเปล่าก็ไม่รู้แล้วนี่ยังจะมาให้ผมจูบกับโจอีก ไอ้นอร์สได้ชะตาขาดก็วันนี้แหละ!!!!

      “ได้!!” ถึงแม้ผมจะตกใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายขอ แต่ถ้าอยากให้เรื่องมันจบๆผมก็จำเป็นต้องทำ แต่พอหันหน้ากลับไปกลับเจอ

สีหน้าตกใจของอีกคนแทน

      “ไม่ต้องเกร็งหรอกนะโจ” ผมบอกโจในสถานะพี่ชายและคู่รักจำเป็น ซึ่งอีกคนก้พยักหน้ารับแต่ก็ยังคงหวาดๆอยู่ดี

      “งั้น...” ผมว่าก่อนจะค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปใกล้กับอีกคนทีละนิด อีกนิด อีกนิดและอีกนิดเดียวเท่านั้นที่ริมฝีปากของผมกับโจ

จะประกบกัน ถ้าไม่ติดว่าผมหันไปเห็นหน้าคนที่รู้จักและรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดีเข้าเสียก่อนและแน่นอนว่าอีกคนก็คงจะเห็นผมเช่น

กัน

      “ไฟ!!//นอร์ส!!!!!!” งานใหญ่ระดับล้างโลกเลยล่ะครับงานนี้ ไอ้นอร์สนะไอ้นอร์สวันตายของมึงก็คงจะเป็นวันนี้แหละ!!!!!



                   
        หลังจากที่ผมผละออกมาจาโจก็รีบตรงดิ่งวิ่งมาตามทางที่เห็นไฟวิ่งออกไป แต่ตามเท่าไรก็ยังไม่เห็นทั้งๆที่ผมก็วิ่งตามอีก

คนมาติดๆ

      “หายไปไหนของเขานะ” ผมบ่นกับตัวเองก่อนจะหันไปเห็นอีกคนแวบๆที่ร้านตุ๊กตาซึ่งดูเหมือนจะคุ้นๆว่าเป็นร้านเพื่อนของ

ไฟ

      “ตามไปดูดีกว่า” ผมที่คิดได้ดังนั้นก็รีบวิ่งตามไปเห็นอีกคนกำลังนั่งคุยอยู่กับเพื่อนก่อนจะหันมามองผมทันทีที่ผมเปิดประตู

เข้าไปในร้าน

      “งั้นแอนไปธุระหน่อยนะ ฝากดูร้านให้ด้วยนะไฟ” เพื่อนของไฟบอกก่อนจะออกไปและหันมายิ้มทักทายผม ภายในร้านจึง

เหลือเพียงผมกับไฟสองคนเท่านั้น

      “ตามมาทำไมทำไมไม่ไปอยู่ดูแลกับคนรักใหม่ล่ะ” ไฟว่า จากนั้นเจ้าตัวจึงทำทีเป็นหยิบนิตยสารที่วางไว้อยู่บนโต๊ะขึ้นมา

อ่าน

      “โถ่!ไฟครับ ไฟฟังนอร์สอธิบายก่อนสิครับ นอร์สกับน้องโจเราไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนะครับ” ผมพยายามบอกให้อีกคน

เข้าใจ แต่สิ่งที่ได้รับกลับตรงกันข้ามเมื่ออีกคนนอกจากจะไม่เชื่อแล้วยังไม่อยากจะฟังในสิ่งที่ผมพูดอีกต่างหาก ไฟเวอร์ชั่นนี้น่า

กลัวสุดๆ!!

      “พอดีว่าน้องเขากำลังเดือดร้อนก็เลยมาขอให้นอร์สช่วยก็เท่านั้นเองครับ ไม่มีอะไรในกอไผ่จริงๆเชื่อนอร์สได้” ผมบอกก่อน

ที่ไฟจะวางนิตยสารลงแล้วหันมามองหน้าผมตรงๆ อ่า!และผมก็ทำให้ไฟฟังผมจนได้!!!

      “เรื่องที่ขอร้องให้ช่วยนี่มันกี่ยวกับการที่นอร์สต้องไปจูบอีกคนด้วยเหรอ” ไฟถามผม ซึ่งสีหน้าของไฟตอนนี้ดูน่ากลัวแปลกๆ

      “ก็...เอ่อ...ก็ทำนองนั้นอ่ะครับ แต่ว่ามันไม่ได้มีอะไรอย่างที่ไฟเข้าใจผิดเลยนะครับ คือน้องเขาไม่ต้องการที่จะให้ผู้ชายอีก

คนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่กับน้องมาจีบตัวเองก็เลยอยากจะให้ผมช่วยมาเล่นเป็นแฟนกำมะลอเพื่อให้ผู้ชายคนนั้นเลิกตามตื้อก็เท่านั้น

เองครับ” ผมบอกไฟตั้งแต่ต้นจนจบและหวังว่าไฟจะเชื่อในสิ่งที่ผมพูด

      “นอร์สคิดว่าไฟอายุเท่าไร นอร์สคิดว่าไฟจะเชื่อไอ้เรื่องบ้าๆที่นอร์สอาจจะแต่งมันขึ้นมาก็ได้งั้นเหรอ ไม่พอใจอะไรไฟก็บอก

กันมาตรงๆไม่ใช่มาใช้วิธีแบบนี้ไฟไม่ชอบ!!!” ไฟว่าก่อนจะลุกเดินออกจากร้านไป ไฟไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดเพราะผมคิดว่าถ้าเป็น

ผมผมก็คงจะไม่เชื่อเหมือนกัน เอาไงดีล่ะทีนี้ นอกจากไฟจะไม่เชื่อ ไม่ฟังแล้ว แถมยังโกรธและเข้าใจผมผิดอีกต่างหาก เฮ้อ!!

ไอ้นอร์สหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ แล้วทีนี้ผมจะง้อไฟยังไงดีเนี่ย!?



                     
            หลังจากที่ไฟเดินออกมาจากร้านตุ๊กตาผมก็รีบวิ่งตามอีกฝ่ายออกมาอย่างติดๆ แต่สุดท้ายผมก็ต้องคลาดสายตาจากอีก

ฝ่ายและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้อีกคนอยู่ส่วนไหนของในห้าง

      “มีทางเดียวแล้วสินะ เอาวะเป็นไงก็เป็นกัน!!” ผมตัดสินใจทำในบางสิ่งที่คิดออกและคิดว่านั่นมันคงเป็นทางเลือกสุดท้าย

สำหรับผมแล้วล่ะ

      “ท่านผู้มีเกียรติโปรดทราบตอนนี้มีญาติของคุณอัคนีมารอพบที่ประชาสัมพันธ์ เนื่องจากผลัดหลงกัน ขอให้คุณอัคนีมาพบ

ญาติที่ประชาสัมพันธ์ในเวลานี้ด่วนค่ะ หากคุณอัคนีได้ยินแล้วให้รีบมาพบญาติด่วนค่ะ ขอบคุณค่ะ”

      “ขอบคุณมากเลยนะครับที่ช่วยประกาศให้”

      “ไม่เป็นไรค่ะเพราะมันเป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว ขอให้คุณเจอกับคุณอัคนีนะคะ” พนักงานประชาสัมพันธ์บอกกับผมยิ้มๆ

ผมจึงยิ้มตอบเธอเป็นการขอบคุณ

        หลังจากที่ผมหาไฟไม่เจอผมก็คิดว่าให้พนักงานช่วยประกาศตามหาให้น่าจะดีกว่าการที่ผมต้องมาเดินตามหาอีกคนซึ่งผม

เองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ที่ไหน ผมจึงวิ่งไปซื้อกุหลาบขาวที่สวยที่สุดและดอกใหญ่ที่สุดในร้านมาหนึ่งดอกเพื่อซื้อมาง้ออีกคน

 ก่อนจะวิ่งมารบกวนประชาสัมพันธ์และผมก็หวังว่าไฟคงจะได้ยินเสียงประกาศนี้นะ

      “นอร์สทำบ้าอะไรเนี่ย!!ให้ประชาสัมพันธ์เขาประกาศหาไฟทำไมเล่า” นั่นไงครับยังไม่ทันขาดคำอีกคนก็รีบวิ่งตรงดิ่งเข้ามา

หาผม

      “ก็นอร์สไม่เห็นไฟก็คิดว่าไฟคงจะหลบนอร์ส นอร์สก็เลยให้ประชาสัมพันธ์เขาประกาศซตามหาหัวใจของนอร์สไงครับ”

ผมบอกอีกคนและสังเกตเห็นริ้วแดงๆบนใบหน้า แต่สีหน้าเจ้าตัวกลับดูราบเรียบ สงสัยคงจะเก็กอยู่สิท่า ขนาดเขินยังจะฝืน

วางมาดอีก แฟนใครนะฟอร์มเยอะเสียจริง!?

      “ไฟแค่ไปเข้าห้องน้ำเฉยๆ”

      “งั้นก็แสดงว่าไฟไม่ได้โกรธนอร์สหรืองอนนอร์สใช่ไหมครับ”

      “ใช่ ไฟไม่ได้โกรธ แต่!...” ไฟหยุดพูดไว้แค่นั้น

      “แต่อะไรครับ?” ผมถามอีกคน แต่อีกฝ่ายไม่ยอมตอบเอาแต่กัดปากตัวเองแทนเสียอย่างนั้น

      “แต่.....แต่...แต่ไฟหึงนอร์สต่างหากล่ะ!!” ไฟหลับหูหลับตาบอกผมเสียงดังพร้อมกับใบหน้าและใบหูของเจ้าตัวที่ดูจะขึ้นสี

อมชมพูน้อยๆและสายตาที่เริ่มหันมามองของผู้คนรอบข้าง

      “หึง? ไฟหึงนอร์สเหรอครับ” ผมถามอีกคนอย่างงงๆ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบแถมยังเมินหน้าหนีแต่สิ่งที่หนีไม่พ้นก็คือรอย

แดงจางๆบนใบหน้าของเจ้าตัว

      “ไม่น่าเชื่อว่าไฟจะหึงนอร์สด้วยนะเนี่ย ร้อยวันพันปีไม่เคยจะเห็นไฟหึงนอร์สเลย” เพราะตั้งแต่ที่ผมเริ่มคบกับไฟก็ไม่ค่อยได้

เห็นอีกคนแสดงอาการประชดประชันหรือหึงหวงแบบนี้มาก่อน แต่ถ้าเป็นแบบนี้ก้ดีเหมือนกันนะ...........ผมชอบ

      “ทำไมไฟจะไม่หึงล่ะเพียงแต่ไฟไม่อยากจะพูดเท่านั้นเองเพราะไฟเชื่อใจนอร์สไง ไฟรู้ว่านอร์สจะไม่มีทางทำให้ไฟเสียใจ

 แต่...แต่วันนี้มันไม่ใช่” ไฟพูดพร้อมกับน้ำตาเริ่มคลอที่เบ้าตา ผมจึงต้องรีบอธิบายให้อีกคนเข้าใจอีกครั้ง

      “ไฟครับ ไฟฟังนอร์สนะครับ สิ่งที่ไฟเห็นและที่ไฟเข้าใจมันคนละเรื่องนะครับ นอร์สแค่ไปช่วยรุ่นน้องเฉยๆไม่ได้คิดอะไรกัน

แบบนั้นจริงๆนะครับ”

      “นอร์สไม่คิด แต่น้องเขาอาจจะคิดก็ได้นี่!!” ไฟยังคงหาข้อมาโต้แย้งผม

      “งั้นนี่ครับ” ผมยื่นดอกกุหลาบขาวดอกใหญ่ให้อีกคน ไฟจึงมองผมงงๆแต่ก็ยอมที่จะเอื้อมมือมารับมันไป

      “รู้ไหมครับทำไมนอร์สถึงซื้อให้ไฟแค่ดอกเดียว” ไฟส่ายหัว ผมจึงบอกให้อีกคนได้เข้าใจ

      “ก็เพราะว่าไฟเป็นคนเดียวที่นอร์สรักไงครับ นอร์สรักไฟคนเดียวและไม่เคยคิดที่จะไปมีคนอื่น มันก็เหมือนกับการที่นอร์ส

เลือกดอกกุหลาบดอกนี้ให้กับไฟ นอร์สเลือกดอกกุหลาบที่ขาวและสวยและที่สำคัญต้องเป็นดอกที่ใหญ่และดีที่สุด ซึ่งจริงๆแล้ว

ดอกไม้ภายในร้านมันก็มีทุกสิ่งตามที่นอร์สต้องการหมดทุกดอกเพียงแต่ที่นอร์สไม่เลือกดอกที่เหลือแล้วมาเลือกดอกนี้ก็เป็น

เพราะว่า ดอกนี้คือดอกที่ใช่สำหรับนอร์สเหมือนอย่างที่ไฟคือคนที่ใช่เพียงคนเดียวสำหรับนอร์สไงครับ” ผมอธิบายให้อีกคนฟัง

ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดและขอโทษที่ทำอะไรโดยที่ไม่ยอมปรึกษากันก่อนเพราะถ้าหากผมปรึกษาอีกคนเรื่องแบบนี้ก็คงไม่

เกิดขึ้น

      “นอร์สขอโทษนะครับ ขอโทษที่ทำอะไรไม่ยอมปรึกษาไฟก่อน แต่นอร์สก็ขอบคุณนะครับที่ไฟเชื่อใจนอร์ส” อีกฝ่ายไม่ยอม

ตอบอะไรเพียงแต่กอดผมแน่นและปล่อยหยาดน้ำตาให้ไหลริน เฮ้อ!นอร์สรู้แล้วนะครับว่าไฟอ่ะหึงนอร์สมากขนาดไหน!!!

















           เลี่ยนได้อีกคู่นี้ เวลาหมอนอร์สง้อไปก็น่ารักไปอีกแบบ 5555 ขอบคุณทุกคำคอมเม้นนะคะ

ออฟไลน์ janeyuya

  • ชี่น้อยวิ่งหัวซุกหัวซุน... (*¯︶¯*)
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
    • สมาคมศรีพันยาแห่งบ้านทาคาคิ
น้องโจนี่ยังไงๆอยู่นะ

ออฟไลน์ noohxuehua

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เขิน นอร์สกับพี่ไฟ ขอบคุณนะไรท์

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                                           SPECIAL PART 3 : My heart…………Sweet heart

      “ไก่ย่างถูกเผา ไก่ย่างถูกเผา มันจะโดนไม่เสียบ เอ้า! มันจะโดนไม้เสียบ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆๆๆ”

      “พี่ๆว่ายังไงให้น้องๆผ่านหรือไม่ผ่าน”

      “ไม่ผ่านๆ เอาใหม่ๆเต้นให้มันดูมีชีวิตชีวาหน่อย เฮ้ย รุ่นพี่คนนึงเต้นให้น้องมันดูหน่อยซิ” เสียงของบรรดารุ่นพี่ทั้งหลายแหล่

ที่มาเตรียมรอรับน้องต่างก็จัดกิจกรรมนันทนาการเพื่อต้อนรับน้องๆปีหนึ่งที่เพิ่งจะได้เข้ามาสู่รั้วมหาวิทยาลัยในครั้งแรก ซึ่งนั่นก็

รวมถึงตัวผมด้วย

      “อ้าว ไอ้นอร์สติดคณะนี้เหมือนไอ้กันเหรอวะ” ไอ้เกมส์ทักผม

      “อืม แล้วมึงอ่ะได้คณะ’ไร” ผมหันกลับไปถามมันบ้าง

      “วิศวะว่ะแม่งไม่มีสาวๆสวยๆให้กูม่อเลย” ไอ้เกมส์บ่น

      “เสียใจด้วยนะมึง งานนี้ขอให้กูได้เกิดบ้างอะไรบ้างเพราะที่ตรงนี้เขามีไว้ให้คนหน้าตาดีอย่างกูยืนเท่านั้น ส่วนพวกหน้าตา

บ้านๆอย่างมึงกับไอ้นอร์สก็คงต้องรอไปก่อนนะ” ไอ้กันมันว่า ไอ้เกมส์ที่ยืนฟังไอ้กันเยาะเย้ยไม่ไหวจึงเตะก้นไอ้กันไปหนึ่งทีเพื่อ

ความสะใจของมันล้วนๆ

      “เออ!พ่อคนหน้าตาดี งั้นกูไปที่คณะก่อนก็แล้วกันเดี๋ยวรุ่นพี่แมร่งบ่นอีก” ไอ้เกมส์ว่าก่อนจะวิ่งตรงไปที่คณะของตัวเอง ส่วน

ผมกับไอ้กันก็นั่งฟังพี่ๆรับน้องต่อไป แต่ก็ต้องไปสะดุดกับใครคนหนึ่งที่นั่งเขียนป้ายชื่อแจกให้กับน้องๆที่เข้าใหม่

      “เฮ้ย!ๆไอ้นอร์สมึงเห็นอย่างที่กูเห็นเปล่าวะ” ไอ้กันสะกิดผมยิกๆ

      “เห็น?เห็นอะไรของมึง” ผมถามมันก่อนจะมองตามนิ้วชี้ที่มันชี้ให้ผมดู แต่ผมก็ภาวนาอย่าให้มันเห็นเหมือนอย่างที่ผมเห็น

เลย....แต่ผมว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้เพราะในเมื่อตอนนี้นิ้วชี้ของมันชี้ตรงไปที่ใครคนนั้นที่ผมสะดุดตาในตอนแรก

      "แมร่งผู้ชายหรือผู้หญิงวะ โคตรน่ารักสุดๆเลยว่ะ“ ไอ้กันมันบอกผมก่อนที่จะมองอีกคนตาเป็นมัน

      “ผู้ชาย มึงไม่เห็นว่าเขาใส่กางเกงนักศึกษาอยู่รึไง” ผมบอกมันและเริ่มที่จะไม่ค่อยจะพอใจในสายตาที่มันมองอีกคนที่นั่งอยู่

ที่โต๊ะ

     “แมร่งนางฟ้าชัดๆเลยว่ะ มึงว่าถ้ากูไปจีบพี่เขามันจะติดไหมวะ”

      “ไม่!” ผมรีบตอบ แต่ก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเผลอหลุดพูดในสิ่งที่คิดไปก่อนแล้ว

      “โหมึง บ่งบอกว่าให้กำลังใจกูมากเลยนะ เอ๊ะ!หรือว่ามึงจะแอ้มพี่เขาเองวะ” ไอ้กันหันมาถามผมสีหน้าเจ้าเล่ห์

      “กูจะแอ้มพี่เขาหรือไม่แอ้มมันก็เป็นเรื่องของกูมึงไม่ต้องมายุ่ง” ผมว่าแต่ไอ้กันก็ไม่ยอมเลิกเซ้าซี้ผมเสียที

      “มึงแน่ใจนะว่ามึงจะแอ้มพี่เขาจริงๆน่ะ มึงดูโน่นมีรุ่นพี่คนนึงเดินเอาน้ำมาให้ถึงโต๊ะแถมยังเช็ดหน้าให้กันอีกอย่างนี้บ้านกู

เรียกแฟนกันชัวร์ๆ มึงเตรียมกระดาษซับน้ำตาได้เลยเว้ยเพื่อน” ไอ้กันว่าก่อนที่มันจะหันกลับไปให้ความสนใจกับการรับน้องด้าน

หน้า ส่วนผมก็ได้แต่มองภาพนั้นอย่างเศร้าสลดใจที่ผมจะไม่ได้มีโอกาสได้จีบพี่เขาจริงๆ คิดแล้วมันเศร้าจริงๆ

                     
      “ฮือๆๆๆๆ” เสียงใครมานั่งบ้าร้องไห้ในห้องสมุดกันนะ!!

     “ฮือๆๆๆ ไอ้พี่ต้าร์บ้า ไอ้พี่ต้าร์เฮงซวย” เฮ้ย!!มันจะมากไปแล้วนะเว้ย!! ในนี้มันเป็นห้องสมุดที่เขามีไว้ให้อ่านหนังสือไม่ใช่ให้

มานั่งร้องไห้

        ผมคิดในใจก่อนจะเงยหน้าหันไปมองหาต้นตอของเสียงร้องไห้ แต่ก็ต้องตกใจเพราะเสียงที่มันดังขึ้นนั้นมันมาจากเก้าอี้ฝั่ง

ตรงข้ามที่ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่!!

      “เอ่อ...คุณครับที่นี่ห้องสมุดนะครับ คุณไม่ควรจะมานั่งร้องไห้เสียงดังแบบนี้นะครับ” ผมว่าเพราะคนที่นั่งร้องไห้อยู่ด้านตรง

ข้ามผมก็คือรุ่นพี่คนที่ผมแอบชอบไง!! งานเข้าแล้วไงไอ้นอร์ส

      “ใครสน!!” รุ่นพี่ที่นั่งร้องไห้ฝั่งตรงข้ามผมว่า สงสัยคงจะทะเลาะกับแฟนมาสิท่าถึงได้ร้องห่มร้องไห้ไม่หยุดเสียที ผมคิดใน

ใจแต่ก็ไม่ได้พูดออกไปเพราะเกรงว่าจะยิ่งเป็นการตอกย้ำอีกคน

      “แต่ว่าตอนนี้คนอี่นในห้องสมุดเขากำลังมองคุณอยู่นะครับ” ผมบอกอีกคน ซึ่งอีกฝ่ายก็มองรอบๆในห้องสมุดก็เจอกับสายตา

ที่ไม่พอใจของคนที่เข้ามาหาความเงียบสงบในการอ่านหนังสือ

      “ผมว่าคุณควรจะออกไปร้องไห้ข้างนอกนะครับ” ผมบอกอีกคนก่อนที่ผมจะเดินเอาหนังสือที่หยิบมาอ่านในตอนแรกไปเก็บ

ในชั้นให้เขาที่และพาอีกคนออกมาสงบสติอารมณ์ด้านนอก

      “นี่นายจะพาฉันไปไหนเนี่ย” ทันทีที่ผมดึงอีกคนออกมาจากห้องสมุดอีกฝ่ายก็รีบโวยวายใส่ผมอีกที

      “ตามผมมาเงียบๆน่าจะดีกว่านะครับ ผมไม่พาคุณไปทำมิดีมิร้ายหรอก” ผมว่า แต่อีกคนก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจผมเท่าไร

 แต่จะว่าไปอีกคนก็มือนุ่มใช่เล่นนะเนี่ย ก่อนที่ผมจะก้มลงไปมองมือของอีกคนที่ผมกำลังกุมไว้อยู่

      “มองอะไรของนายไม่ทราบ” อีกคนว่าผม จากนั้นผมรีบเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายแล้วยักไหล่ไม่ยี่หระบ่งบอกว่า ไม่มีอะไร

ครับคุณผู้ชาย

      “เมื่อไรจะถึงเนี่ยเดินมาตั้งนานแล้วนะ” คนที่ผมเดินพาออกมาด้วยเริ่มที่จะบ่นถึงระยะทางที่ผมพาเดินมา

      “ถึงแล้วครับ” ผมว่าก่อนจะจับอีกคนนั่งลงที่พื้นสนามหญ้า

      “สวนสาธารณะเนี่ยนะที่นายจะพามา?” อีกคนถามผม ผมจึงพยักหน้ายืนยันว่าสิ่งที่อีกคนพูดนั่นแหละคือสิ่งที่ผมจะพามาใน

ตอนแรก

      “ก็คุณร้องไห้หนักจนรบกวนคนอื่นในห้องสมุด ผมก็เลยให้คุณออกมาร้องไห้ที่นี่ให้พอใจละไม่เป็นการรบกวนคนอื่นด้วยไม่ดี

เหรอครับ” ผมหันไปบอกอีกคนยิ้มๆ ส่วนคนที่นั่งอยู่ข้างผมกลับทำหน้ายู่ใส่บ่งบอกว่าสิ่งที่ผมทำเจ้าตัวไม่ได้พอใจเลยสักนิด

      “ทีหลังนายก็บอกก่อนสิ แต่ก็ขอบคุณนะ” อีกคนเอ่ยขอบคุณผมเสียงเบาก่อนจะนั่งกอดเข่ามองแหงนหน้ามองท้องฟ้ายาม

บ่าย

      “มีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจก็บอกผมได้นะครับ” ผมบอกอีกคนก่อนที่อีกฝ่ายจะหันหน้ามามองผมยิ้มๆ

      “อื้ม แล้ว...นายชื่ออะไร อยู่ปีไหนล่ะ” อีกคนถามผม

      “ชื่อไอซ์อยู่ปีหนึ่งครับ” ผมโกหกชื่อของตัวเองเพราะผมยังไม่อยากให้อีกคนได้รู้จักชื่อของผม

      “ปีหนึ่งเหรอ...เด็กจัง พี่ชื่อไฟนะอยู่ปีสาม ขอบคุณนะไอซ์ที่มานั่งเป็นเพื่อนพี่” ชื่อไฟเหรอ? ชื่อคนละขั้วกับผมเลย

แฮะ.....ไฟกับน้ำแข็ง

      “พอดีพี่ทะเลาะกับแฟนนิดหน่อยไม่ได้มีอะไรหรอก” อีกคนบอกผม แต่สีหน้าตอนที่บอกผมมันค่อนข้างจะขัดกับคำพูดที่พูด

ออกมา แสดงว่าเรื่องที่ทะเลาะคงเป็นเรื่องที่ใหญ่อยู่เหมือนกัน

      “ผมว่ามันคงไม่นิดหรอกนะครับไม่อย่างนั้นพี่ก็คงจะไม่มานั่งร้องไห้แบบนี้หรอก” ผมบอกอีกคนยิ้มๆซึ่งอีกฝ่ายก็หันมามอง

หน้าผมยิ้มๆเช่นกัน แต่แววตาที่มองมานั้น มันยังคงหลงเหลือความเศร้าเอาไว้เล็กน้อย ผมจะทำยังไงดีนะที่จะให้ดวงตาที่สวยๆ

ของพี่ไฟมีแต่แววตาของความสุขไม่ใช่ความเศร้าแบบนี้เพราะยังไงซะ มันก็ไม่ได้เข้ากับพี่เลยสักนิด

      “ไอซ์...ไอซ์ ไอซ์ได้ยินที่พี่เรียกรึเปล่า” อีกคนโบกมือไปมาด้านหน้าผม

      “เอ่อ..ครับ ได้ยินครับ” ผมตอบ ผมเผลอนั่งจ้องอีกคนเหรอเนี่ย?

      “พี่ต้องไปแล้วไว้พรุ่งนี้เรามาเจอกันที่นี่อีกนะ บาย” พี่ไฟว่าก่อนจะลุกขึ้นโบกมือลาผมแล้ววิ่งหายลับไป นี่คงจะเป็นจุดเริ่ม

ต้นของความรู้สึกดีๆสินะ............................



                         
        ตลอดระยะเวลาสามอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมและพี่ไฟก็มานั่งคุยกันที่สวนสาธารณะกันอยู่บ่อยๆ ผมได้มานั่งฟังอีกคนเล่าเรื่อง

ราวที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเรียนหรือแม้กระทั่งเรื่องของหัวใจ จนทำให้ผมได้รู้ว่าอีกคนคือแฟนของลูกพี่ลูกน้องผม

ซึ่งนั่นก็ถือว่าโชคดีมากที่ผมไม่ได้บอกชื่อที่แท้จริงของผมให้กับอีกคนได้รับรู้เพราะผมก็ยังอยากที่จะมีความรู้สึกดีๆแบบนี้กับอีก

คนโดยไม่ต้องคิดว่าอีกคนคือคนรักของญาติผมและเพราะผมก็ไม่รู้ว่าในวันข้างหน้ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ผมอาจจะ...........

ไม่ได้เจออีกคนอีกแล้วก็ได้ ผมจึงอยากจะจดจำเรื่องราวความทรงจำที่ดีแบบนี้เอาไว้ในฐานะรุ่นน้องที่แอบชอบรุ่นพี่...............

      “วันนี้เป็นอะไรเหรอเห็นนั่งเหมอตั้งนานเชียว” พี่ไฟว่า

      “เปล่าหรอกครับ ผมคงจะเครียดเรื่องงานนิดหน่อยไม่ได้มีอะไรหรอก” ผมตอบเพื่อให้อีกคนสบายใจ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่าย

จะไม่ยอมเชื่อง่ายๆ

      “เอ่อ...พี่ไฟทำอะไรครับ” เพราะอยู่ดีๆอีกคนก็เอื้อมมือมาอังหน้าผากผม โดยที่ผมก็ไม่ทันได้ตั้งตัว

      “ก็วัดไข้ไง แต่ตัวก็ไม่ได้ร้อนนะ” อีกคนพูดพร้อมกับทำท่าจะผละมืออกจากหน้าผากผมแต่ผมก็ขว้ามือเล็กๆนั่นเอาไว้

      “เอ่อ....มีอะไรรึเปล่า” พี่ไฟถามผม ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงต้องจับมืออีกคนเอาไว้หรือว่าที่จริงแล้วผมต้องการที่จะรั้งอีก

ฝ่ายให้อยู่กับผมกันแน่

      “ไอซ์” อีกคนเรียกชื่อปลอมที่ผมบอกอีกคนในตอนแรก แต่ตอนนี้สมองผมมันไม่รับรู้สิ่งใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเสียงลม เสียงนก

ร้องหรือแม้กระทั่งเสียงของคนที่อยู่ตรงหน้า แต่มีเพียงเสียงเดียวที่ผมรับรู้คือเสียงของหัวใจของผมและของคนที่อยู่ตรงหน้า

แม้ตอนนี้มันอาจจะไม่ได้เต้นตรงกัน แต่ผมก็ยังคงหวังว่าสักวันหนึ่งเสียงของหัวใจของเราสองคนคงจะตรงกัน

        ผมค่อยๆโน้มหน้าไปใกล้อีกคนตามทฤษฏีแรงดึงดูดของโลก ซึ่งผมก็นึกขอบคุณนิวตันจากใจจริงก็วันนี้ที่คิดค้นทฤษฏีนี้ได้

เพราะมันทำให้ผมได้สัมผัสกับริมฝีปากนุ่มหยุ่นของอีกคน แม้มันจะเป็นสัมผัสที่เร็วไปหน่อยก็ตามที แต่แค่นี้มันก็เป็นเหมือนน้ำ

หล่อเลี้ยงชีวิตของผมไปอีกนาน

      “เอ่อ....ขอโทษครับ” ผมรีบขอโทษอีกฝ่ายเพราะเจ้าตัวดูจะตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น

      “ไม่เป็นไร...พี่จะคิดซะว่ามันคืออุบัติเหตุก็แล้วกันนะ เอ่อ....พี่ขอตัวก่อนดีกว่า” ว่าจบอีกคนก็วิ่งออกไป

      “แต่ผมไม่อยากจะให้มันเป็นแค่อุบัติเหตุเลยสักนิดนะครับ....พี่ไฟ” ผมบอกถึงแม้อีกคนจะไม่ได้ยินในสิ่งที่ผมพูดก็ตามที

        ผมเดินออกมาจากสวนสาธารณะหลังจากที่พี่ไฟวิ่งออกไปก่อนจะไปเจอกับไอ้กันที่ยืนหน้าเครียดรอผมอยู่

      “งานเข้าแล้วมึง” ทันทีที่ไอ้กันหันมาเห็นผมก็รีบเข้ามาบอกผมว่าตอนนี้มีรุ่นพี่ท่าทางไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไรมารอพบ ผมจึง

ไปหารุ่นพี่คนนั้นที่รอผมอยู่ก่อนตามสถานที่ที่ไอ้กันมันบอก

      “พี่ต้าร์” ผมเรียกชื่อรุ่นพี่คนดังกล่าว

      “ไม่เจอกันนานเลยนะนอร์ส” อีกคนหันมาคุยกับผม

      “นั่นสินะครับ ไม่เจอกันนานจริงๆ” ผมตอบ

      “ได้ข่าวว่านายสนิทกับไฟ”

      “แล้วพี่คิดว่ายังไงล่ะครับ”

      “ไม่ว่านายคิดหรือจะทำอะไรนายก็ควรที่จะหยุดมันซะ!!!และเลิกยุ่งกับไฟได้แล้วเพราะยังไงนายก็ไม่ได้มีสิทธิ์อะไรในตัว

ไฟ!”

      “ทำอย่างกับพี่มีสิทธิ์อย่างนั้นแหละ!!!!” ผมเริ่มไม่พอใจอีกคน

      “แต่ยังไงพี่ก็มีสิทธิ์ในตัวไฟมากกว่านาย!!!”

      “ทั้งๆที่พี่ก็ไม่ได้คิดจริงจังกับพี่ไฟอย่างงั้นเหรอ!!” ผมว่าอีกคนเพราะทางบ้านของพี่ต้าร์ยังไงซะทางผู้ใหญ่ก็จะต้องเลือกคู่

หมั้นคู่หมายให้อยู่ดี แล้วความรู้สึกของพี่ไฟล่ะ?

      “นั่นมันเรื่องของพี่นายไม่ต้องมายุ่งและนายก็เลิกยุ่งกับไฟได้แล้วเพราะถ้านายยังไม่เลิกยุ่งล่ะก็ พี่ก็จะไม่รับรองว่าต่อไปนี้มัน

จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับไฟบ้าง!!!!!!!!” พี่ต้าร์ว่าก่อนจะเดินชนไหล่ผมออกไป

        และแล้ววันที่ผมกลัวมาตลอดก็มาถึงสักที ผมไม่ต้องการให้เรื่องที่ไม่ดีมันเกิดขึ้นกับพี่ไฟ ผมจึงตัดสินใจที่จะเลิกติดต่ออีก

คน ถึงแม้ว่าอีกคนจะพยายามติดต่อมาหาผมมากเท่าไร แต่ผมเลือกที่จะซิ่วคณะที่ผมเรียนอยู่นี้แล้วไปเข้าคณะแพทย์และเลือกที่

จะลืมอีกคน โดยการที่ผมเลือกคบกับรุ่นพี่คนหนึ่งที่รู้จักกันและไม่นานผมก็เพิ่งรู้ว่าเธอคือคนที่เป็นคู่หมั้นคู่หมายของพี่ต้าร์ ซึ่งมัน

ก็ทำให้ผมนึกถึงใครอีกคนที่ผมพยายามหลบและหนีมาตลอดชีวิต พี่ไฟจะเป็นยังไงบ้างนะ ผมได้แต่คิดเรื่องนี้วนซ้ำแล้วซ้ำอีก

 จนกระทั่งวันหนึ่ง น้องธีน่าก็ต้องการแนะนำคนๆหนึ่งให้ผมได้รู้จัก ราวกับมีพรหมลิขิตหรืออาจจะเป็นเพราะฟ้าดลใจให้ผมได้มา

เจอคนที่ผมรักเพราะมันทำให้ผมได้กลับมาเจอกับพี่ไฟอีกครั้ง ถึงแม้ว่าอีกคนจะจำผมไม่ได้ก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้ผมรู้สึกดีใจอย่าง

บอกไม่ถูกและทำให้ผมหันกลับมามองในเรื่องพรหมลิขิตอีกครั้งที่ทำให้ผมได้มาเจอกับคนที่หัวใจผมเรียกหามาตลอดชีวิตและ

ทำให้ผมได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เป็นยิ่งกว่าหัวใจของผม ขอบคุณทุกๆสิ่งที่ทำให้ผมได้มีความสุขแบบนี้ และที่สำคัญ ขอบคุณพี่ไฟ

นะครับที่เกิดมาคู่กับนอร์ส.....รักนะครับ My heart Sweet heart ของผม!!

















       ตอนนี้เป็นตอนพิเศษที่ขอย้อนวันวานว่าทำไม๊ทำไมนอร์สถึงได้หลงรักพี่ไฟตั้งแต่แรกเห็น อาจจะเป็นเพราะพรหมลิขิตให้ทั้ง

คู่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ถ้าชีวิตจริงมีแบบนี้ชีวิตคงดี๊ดีเนอะคะ 5555555 ตอนหน้าเป็นตอนพิเศษตอนสุดท้ายแล้ว เรื่องราวจะ

เป็นของใครอีกคนที่หลายๆคนไม่ควรมองข้ามน้าาาาา รอติดตามตอนต่อไปนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
สงสัยเป็นเพราะช่วงนั้นไฟเองก็ระหอง
ระแหงกับต้าร์ด้วยนะคะ ก็เลยหลงลืมไปว่าเคยมีรุ่นน้องคนหนึ่งมาขโมยจูบจากตัวเองไปเหมือนกันนี่นา :-[

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Hades Novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
                                             SPECIAL PART 4 : ความในใจจาก....ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง
           วันนี้เป็นเช้าวันจันทร์ เป็นวันที่ผู้คนเริ่มออกทำงาน เด็กนักเรียนเดินทางไปโรงเรียนและแน่นอนว่า “ผู้หมวด” อย่างผมก็

ต้องออกไปปฏิบัติงานราชการเช่นเดียวกัน

      “สวัสดีครับผู้หมวดอิฐ เช้านี้อากาศสดใสว่าไหมครับ” และแน่นอนทุกๆเช้าผมก็มักจะได้ยินประโยคเดิมๆจากคนๆเดิมทักเป็น

ประจำ ซึ่งไอ้ประโยคนี้มักจะมาทุกวันไม่จำเป็นต้องเป็นเฉพาะวันจันทร์เท่านั้นที่ผมจะได้ยิน

      “ก็คงงั้นมั้งครับจ่ายอด” ผมตอบอีกคน ก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักหน้าพร้อมส่งรอยยิ้มมาให้

      “งั้นผมไปทำงนก่อนนะครับ ขอให้วันนี้อากาศดีแบบนี้ทั้งวันนะครับ” จ่ายอดบอกผม ก่อนจะขอตัวไปทำงานที่คั่งค้างไว้

        จ่ายอดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจคนแรกที่ผมรู้จักหลังจากถูกโยกย้ายให้มารับตำแหน่งผู้หมวดที่โรงพักแห่งนี้ จ่ายอดแกเป็น

ตำรวจที่ขยัน เป็นข้าราชการที่น่านับถือคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ผมยังนึกคิดเลยว่าบ้านเมืองของเราก็ไม่ได้มีแต่ข้าราชการที่โกงกิน

และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเพราะอย่างน้อยๆก็มีจ่ายอดคนนึงล่ะที่ไม่คิดจะทำเช่นนั้น

      “เช้านี้ผู้หมวดจะรับอะไรดีคะ ชาเย็น กาแฟเย็นหรือว่าโอเลี้ยงดีคะ” เสียงของตำรวจหญิงอีกคนเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นผมเข้ามา

ทำงานที่ห้องแล้ว

      “ขอเป็นกาแฟเย็นดีกว่าครับจะได้ไม่ง่วง ขอบคุณมากนะครับหมวดจิ๊บ” ผมบอกผู้หมวดสาวก่อนที่เจ้าตัวจะก้มลงไปจด

รายการที่ผมสั่ง จากนั้นจึงเงยหน้าส่งยิ้มให้ผมอย่างที่เธอทำเป็นประจำทุกครั้งที่ผมกล่าวขอบคุณเธอ

      “ยินดีค่ะ” เธอว่า ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทีนี้ภายในห้องทำงานก็เหลือแต่ผมคนเดียว ผมเอาเอกสารที่ยังสะสางไม่เสร็จ

ออกมาตรวจดูก่อนจะหันไปสะดุดตากับรูปภาพในกรอบรูป รูป....ที่ผมเป็นคนนำมาใส่กรอบและตั้งไว้เพื่อเป็นกำลังใจในการ

ทำงาน

      “เฮ้อ!” ผมถอนหายใจเมื่อรู้สึกอึดอัด คับแน่นภายในอกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกไว้ที่อกเมื่อมองไปที่รูปนั้น

ผมสะบัดความคิดฟุ้งซ่านที่เริ่มก่อตัวก่อนมันจะสร้างความรำคาญให้ผมจนไม่สามารถทำงานต่อได้ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะไล่ความ

คิดบ้าๆนั้นออกไปจากสมองเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน

      “ขออนุญาตครับผู้หมวด” จ่ายอดเอ่ยก่อนจะเปิดประตูเข้ามาหาผมในห้อง

      “มีอะไรรึเปล่าครับจ่า” ผมถามจ่ายอดเพราะเห็นว่าแกขออนุญาตเข้าแสดงว่าถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่แกก็คงไม่เข้ามา

      “ผมได้ยินว่าลูกชายของแม่เกตที่อยู่กรุงเทพฯกลับมาบ้านแล้ว ผู้หมวดจะไม่กลับไปทักทายเพื่อนเก่าสักหน่อยเหรอครับ”

จ่ายอดแกบอกผมยิ้มๆ ไอ้ไฟกลับมาแล้วเหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆก็ดีน่ะสิ ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม

      “แล้วตอนนี้ไอ้ไฟยังอยู่ที่บ้านรึเปล่าครับ” ผมถามจ่ายอด

      “เห็นว่าเพิ่งมาคงจะยังไม่ได้ไปไหน ถ้าผู้หมวดจะไปตอนนี้ก็ได้นะครับเดี๋ยวทางนี้ผมกับคนอื่นๆจะดูแทนเอง ไปทักทายคนที่

ผู้หมวดเฝ้ารอดีกว่าครับ” จ่ายอดแกว่า ผมไม่รอช้ารีบบอกฝากงานกับจ่าแกก่อนจะขอตัวไปหาไอ้ไฟที่บ้าน

                          ในที่สุดไฟก็กลับมา ไฟรู้ไหมอิฐเฝ้ารอไฟทุกวัน เฝ้ารอตั้งแต่วันที่ไฟเดินจากที่นี่ไป เฝ้ารอตั้งแต่วันที่อิฐรู้ใจ

ตัวเองว่าอิฐขาดไฟไม่ได้ เฝ้ารอ............ว่าสักวันอิฐจะได้สารภาพความในใจให้ไฟได้รู้




                   
        ทันทีที่ผมไปถึงบ้านของไฟ ผมไม่รอช้าตะโกนเรียกคนที่อยู่ในบ้านทันที

      “สวัสดีครับป๊า สวัสดีครับม๊า” ผมกล่าวทักทายพ่อกับแม่ของไฟ

      “สวัสดีครับผู้หมวดไปไงมาไงครับเนี่ย” ท่านเอ่ยถามผมเมื่อเดินมาเห็นผมยืนอยู่ด้านหน้าบ้าน

      “พอดีผมคิดถึงป๊ากับม๊าก็เลยแวะมาหาน่ะครับ” ผมเอ่ยออกไปทั้งๆที่สายตากลับกวาดหาอีกคน เอ....หรือว่าจะไม่อยู่ นี่ผม

คลาดกับไฟเหรอ

      “ปากหวานจริงเชียวผู้หมวดเข้ามาก่อนสิครับ” เสียงของพ่อไฟเอ่ยขัดขึ้นทำให้ผมหลุดจากภวังค์ความคิดก่อนจะเดินเข้าบ้าน

ตามที่ท่านชักชวน ไม่เป็นไรถ้าไม่เขอไว้มาหาใหม่พรุ่งนี้ก็ได้

      “ครับ” ผมตอบรับก่อนสายตาจะหันไปเห็นคนที่มองหามาตลอด

      “ไอ้ไฟ!!” ผมเรียกอีกคนอย่างตกใจเพราะไฟคนที่ผมรู้จักมันต้องดูผอมแห้งกว่านี้ แต่ไหนคราวนี้กลับดูดีกว่าแต่ก่อน ผิวขาว

อมชมพูเหมือนคนไม่เคยเจอแดด ริมฝีปากแดงอวบอิ่มบ่งบอกถึงคนสุขภาพดีทั้งๆที่เมื่อก่อนกลับเป็นหวัดไม่สบายได้ง่าย อาจจะ

จริงอย่างที่เขาว่า การไปอยู่เมืองกรุงอาจทำให้คนเราดูดี และโดยรวมอีกหลายๆอย่างที่ทำให้ใจผมเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ซึ่งมัน

เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือไฟ.................

      “ไอ้อิฐ!!!!” เสียงของอีกคนเรียกชื่อผมอย่างดัง คงจะตกใจไม่แพ้กันเพราะไอ้อิฐเมื่อก่อนกับไอ้อิฐในตอนนี้ช่างต่างกันลิบลับ

      “มึงเข้ามาในบ้านกูทำไม” อีกคนโวยลั่นเมื่อเห็นผมอยู่ในบ้าน

      “ก็กูอยากจะเข้าที่สำคัญป๊ากับม๊ามึงก็อนุญาต” ผมแกล้งตอบกวนๆเพื่อยั่วโมโหอีกคนเล่น ทั้งๆที่ใจผมอยากจะลองพูดดีๆกับ

อีกฝ่าย แต่จะทำไงได้ในเมื่อผมกับไฟเราไม่ถูกกัน

      “ป๊าม๊าให้ไอ้อิฐเข้ามาในบ้านเราทำไมก็รู้อยู่ว่าน้องไฟไม่ชอบ” ไฟหันไปเอาเรื่องพ่อกับแม่ แต่คำพูดที่ว่า ไม่ชอบ ของอีกคน

กลับทำให้ผมรู้สึกชาไปทั้งร่างเหมือนถูกของมีคมบาดลึกลงในใจดีๆนี่เอง ถึงแม้ผมจะรู้ว่าไฟไม่ชอบผม แต่ผมกลับเจ็บทุกครั้ง

เมื่ออีกคนพูดแบบนั้น

      “แต่ผู้หมวดเขาเปลี่ยนไปแล้วนะ” เสียงของพ่อไฟอธิบายให้ไฟเข้าใจ

      “เมื่อกี้ป๊าเรียกไอ้อิฐว่าอะไรนะ” ผมเห็นไฟถามพ่อของตัวเองกับสรรพนามที่ใช้เรียกผม สงสัยคงจะงงที่เห็นป๊าตัวเองเรียก

ไอ้เด็กที่เคยเกเรคนนี้ว่า ‘ผู้หมวด’

       “ผู้หมวด” พ่อของไฟเรียกผมใหม่อีกครั้ง ส่วนไฟที่ได้ยินแน่ชัดว่าไม่ได้ฟังผิด ทำตาโตตกใจในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน ไฟนะไฟ

ยังนิสัยเด็กเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

       “ห๊า!!ไอ้อิฐนี่นะเป็นผู้หมวด” ไฟร้องอย่างตกใจ ไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

      “ใช่น้องไฟ ร้อยโทอิฐิรัตน์ พงผาเทพ” เสียงของแม่ไฟบอกย้ำอีกรั้ง ยิ่งทำให้อีกคนทำหน้าปุเลี่ยนเข้าไปใหญ่ ผมว่าผม

คงจะขำก็เพราะหน้าของไฟนั่นแหละ เฮ้อ!

      “เออทำไม กูเป็นตำรวจอย่างที่มึงต้องการแล้วนะทีนี้มึงควรที่จะทำดีๆกับกูได้แล้ว” ผมบอกอีกคน ครับสาเหตุหลักๆและแรง

บันดาลใจที่ทำให้ผมเริ่มทำตัวเป็นคนใหม่ หันกลับมาเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ก็เป็นเพราะคำพูดของไฟเพียงคำเดียว ‘กูชอบ

คนในเครื่องแบบ’ และตั้งแต่นั้นมา ผมก็ทุ่มเทให้กับการอ่านหนังสือและพยายามสอบให้ติดตำรวจเพื่อที่อีกคนจะได้หันกลับมา

ชอบผมเพราะอย่างน้อยๆนี้อาจจะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้ไฟยอมคุยกับผม ไม่ไล่ผมเหมือนแต่ก่อน

      “ไม่เห็นจะเกี่ยว!!” อีกคนทำหน้าเลิกลั่กเพราผมเชื่อว่าไฟจำในสิ่งที่เคยพูดกับผมเอาไว้ได้ว่าตัวเองชอบคนในเครื่องแบบ

แต่ที่ทำเป็นแบบนี้ก็คงจะติดที่ว่า ‘ไอ้คนในเครื่องแบบที่ไฟชอบมันดันเป็นผมที่ไฟเกลียด’

      “จะไม่เกี่ยวได้ไงก็มึงบอกเองว่าถ้ากูได้เป็นคนในเครื่องแบบมึงจะคบกับกู” ผมท้วงอีกฝ่าย ก่อนจะพูดออกไปถึงแม้ไอ้คำว่า

‘คบ’ ที่อีกคนเคยพูดทันจะเป็นในฐานะเพื่อน แต่ผมก็ขอละเอาไว้ละกันเพราะผมเอง.............ก็อยากเป็นมากกว่านั้น       
       
      “มันอะไรกันไฟไปตกลงคบกันอะไรตอนไหนทำไมป๊าไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” เสียงของพ่อไฟดังขึ้น เจ้าตัวที่เป็นต้นเหตุรีบส่าย

หน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน

      “นั่นสิ ผู้หมวด” แม่ของไฟหันมาถามผมอย่างสงสัย

      “คือน้องไฟบอกไอ้อิฐว่า ถ้ามันได้ทำงานเป็นคนในเครื่องแบบน้องไฟจะคบกับมันแต่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น”อีกคนอธิบายให้

ผู้ใหญ่ทั้งสองเข้าใจ ผมจึงทำทีเป็นไม่สนใจ แต่ก็อดเหลือบไปองอีกคนไม่ได้ เมื่ออีกฝ่ายย้ำชัดเจนกับ สถานะ ที่ผมจะได้รับ

สถานะของอิฐสำหรับไฟคงเป็นได้แค่เพื่อนใช่ไหม ผมได้แต่ถามกับตัวเองเพราะผมไม่กล้าพอที่จะถามอีกคน ไม่ใช่ไม่กล้าถาม

แต่ผมไม่กล้าที่จะฟังคำตอบจากอีกคน

      “ค่อยยังชั่วหน่อย” เสียงพี่ชายของไอ้ไฟดังขึ้น

      “แต่กูไม่อยากอยู่ในฐานะเพื่อน” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจหรืออาจจะเป็นเพราะคำพูดของพี่ชายไฟทำให้ผมกล้าที่จะพูดแบบนั้น

แต่จากสีหน้าของอีกคนที่ดูจะตกใจในสิ่งที่ผมพูด ผมจึงต้องรีบแย้งให้อีกคนเข้าใจเสียให้เพราะผมกลัวว่าถ้าผมบอกแบบนั้นกับ

อีกคนไปจริงๆ อย่าว่าแต่สถานะอื่นเลย แค่คนรู้จักไฟจะให้ผมหรือเปล่าก็ยังไม่รู้

      “กูบอกว่ากูไม่อยากอยู่ในฐานะเพื่อน แต่กูอยากอยู่ในฐานะเพื่อนสนิทของมึง” ผมเฉไฉ ใช่ ผมไม่อยากอยู่ในสถานะเพื่อน

แต่ผมอยากอยู่ในสถานะ มากกว่า เพื่อนสนิทของไฟ       










                     
      “ไปอยู่กรุงเทพเป็นไงบ้าง” ผมถามไฟ หลังจากที่เราออกมาเดินเล่นที่ที่นาบ้านผม


      “ก็เรื่อยๆวุ่นวายตามประสาคนเมืองแล้วมึงอ่ะคิดไงมาเป็นตำรวจ” ไฟหันมาถามผม

      “ก็คิดจะจีบมึงไงเลยมาเป็น” ผมตอบอีกคนจริงจัง แต่อีกฝ่ายกลับหาว่าเป็นเพียงแค่การอำเล่นเท่านั้น

      “ไอ้เวร มึงตอบดีๆดิอย่ามาเล่น”

      “ก็กูพูดจริงมึงคิดว่ากูเล่นเหรอ” ผมพูดเสียงหนักแน่นและจริงจัง ผมอยากให้ไฟรู้ว่าผมต้องการเป็นมากกว่าเพื่อนและเพื่อน

สนิท

      “กูชอบมึงว่ะไอ้ไฟ” ผมบอกอีกนอีกครั้ง เผื่อว่าครั้งนี้ไฟจะได้รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นเรื่องจริง แต่พอผมพูดจบสีหน้าของอีกคน

กลับดูกังวลชอบกลและก็เป็นผมเองที่ไม่กล้าพอที่จะทำให้มันจริงจัง

      “ฮ่าๆๆๆกูคิดถูกละที่กูหลอกมึงหน้ามึงนี่แดงเป็นลูกตำลึงเลยว่ะ ไงอยู่กรุงเทพฯไม่มีคนบอกรักเหรอวะ” ผมทำทีเป็นแกล้งอีก

คนเล่นทั้งๆที่ผมกลับเจ็บกับสิ่งที่ตัวเองพูดเองเพราะสีหน้าของไฟหลังจากที่ได้ยินผมพูดจบกลับดูเศร้าเหมือนกำลังคิดถึงใคร

บางคนและนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่า ผมมาช้าเกินไป 

         “เฮ้ย!เป็นไรมึง กูเอ่อ..ไปพูดสะกิดต่อมเศร้ามึงเปล่าวะ” ผมเริ่มใจไม่ดีเมื่อไฟทำท่าเหมือนคนจะร้องไห้ แสดงว่าคนๆนั้น

คนที่ทำให้ไฟเศร้าได้ถึงเพียงนี้ต้องมีความสำคัญกับไฟมากๆ ยิ่งเป็นการตอกย้ำผมเป็นอย่างดี ผมพยายามทำเหมือนไม่มีอะไร

ทั้งๆที่ในใจผมเหมือนมันมีมีดสักพันเล่มปักอยู่ที่อก มันเจ็บจนชา

      “……………” ไฟไม่ยอมตอบคำถามของผม ยิ่งทำให้ผมเจ็บยิ่งกว่าเมื่อเห็นคนที่ตัวเอง รัก เจ็บแบบนี้

      “มึงอย่าเงียบดิไอ้ไฟ กูขอโทษ กูไม่รู้ มึงจะให้กูทำอะไรก็ได้กูยอมทุกอย่างเลย” ผมพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้อีกคนยอม

พูดกับผม แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะกลั้นยิ้มไม่อยู่เลยต้องระเบิดหัวเราะออกมา เอาซะผมอึ้งที่โดนอีกคนหลอกเอา


      “มึงแกล้งกูเหรอไอ้ไฟ” ผมถามอีกคน โห ไม่เจอกันนานสกิลการกวนนี่เพิ่มขึ้นเยอะทีเดียว

      “กูเปล่าแกล้งมึงนะ มึงนั่นแหละเข้าใจผิดเอง” ไฟว่าผม ก่อนจะยกนิ้วกลางส่งให้ ผมเลยแกล้งอีกฝ่ายกลับบ้าง

      “ต้องการขนาดยกให้กูถึงสองครั้งเลยเหรอวะ” ผมว่ายิ้มๆเห็นอีกคนหน้าแดงน้อยๆ

      “ต้องการบ้านมึงดิ กูด่ามึงโว้ยยย”ไฟว่าเสียงดังกลบเกลื่อน ก่อนเจ้าตัวจะไปสะดุดก้อนหินนั่งจุมปุกอยู่ที่พื้น ผมจึงรีบเข้าไป

ดูเพราะดูเหมือนข้อเท้าอีกคนจะแพลง

      “เป็นไรเปล่ามึง” ผมถาม

      “เจ็บข้อเท้าว่ะ จี๊ดเลย” ไฟตอบผมพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้ายิ่งทำให้ผมใจไม่ดี

      “ลุกไหวไหม”ผมถาม อีกคนดูเหมือนจะพยายามให้ตัวเองทรงตัวให้อยู่ แต่ก็ต้องกลับลงไปนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ที่พื้นดัง

เดิม

      “สงสัยข้อเท้ามึงแพลง” ผมว่าเพราะดูจากอาการเบื้องต้น จากนั้นก็จับให้อีกคนขี่หลัง แต่อีกฝ่ายกลับทำท่าผละออกห่างเล็ก

น้อยเหมือนตกใจ

      “มึงจะทำอะไร” ไฟร้องถาม

      “ก็ขี่หลังกู” ผมตอบก่อนจะประคองมันให้ขึ้นขี่หลังเพื่อที่จะพาไปดูข้อเท้าที่แพลง

      “จับดีๆล่ะมึงตกไปตายกูไม่มีค่าทำศพ” ผมว่า ทั้งๆที่ใจเป็นห่วงแทบแย่ ผมนี่ปากไม่ตรงกับใจเลยเนอะ!

        ผมพาไฟขี่หลังมาหยุดอยู่ที่เพิงสำหรับชาวนาที่เอาไว้พักเหนื่อยก่อนจะเดินหายไปไหนสักพัก ก่อนจะปล่อยอีกคนลงแล้ว

รีบวิ่งกลับบ้านเพื่อไปเอาชุดปฐมพยาบาล โชคดีที่บ้านผมกับนาอยู่ไม่ไกลกันมากจึงทำให้ไปกลับได้อย่างสะดวก       
   
      “เดี๋ยวกูจะลองนวดๆก่อนก็แล้วกันเผื่อจะดีขึ้น” ผมบอกไฟ จากนั้นจึงเอื้อมมือไปจับข้อเท้าที่แพลงของอีกคนเห็นไฟทำหน้า

เหยเกด้วยความปวด ผมจึงค่อยๆจับข้อเท้านั้นอย่างเบามือ แต่ไฟกลับทำท่าจะผละออกอย่างเกรงใจ ผมจึงหันไปมองหน้า

อย่างดุๆ อีกคนจึงยอมปล่อยให้ผมนวดข้อเท้าต่อไปอย่างว่าง่าย


      “ไหนมึงลองขยับดิ” หลังจากที่นวดเสร็จผมก็บอกให้อีกคนลองขยับข้อเท้าดูและเห็นว่าสีหน้าของไฟดูดีขึ้นก็ทำให้ผม


โล่งอก ส่วนเจ้าตัวก็ขอบคุณที่ผมช่วยนวดข้อเท้าให้

      “ขอบคุณนะ”

      “อื้ม” ผมรับคำ ก่อนจะนั่งลงข้างๆไฟ เก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาลที่นำมา 
     
        ยามเย็น ท้องฟ้าสีแสดกับทุ่งนาสีเขียวมันทำให้ผมได้ปล่อยใจของตัวเองได้ทบทวนและคิดเรื่องราวต่างๆนานาเกี่ยวกับคน

ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะเหลือบไปมองเห็นไฟที่เหม่อมองท้องฟ้ายามเย็น สายตาที่ดูเหม่อลอยเหมือนคิดถึงใครบางคน คนที่ไม่มีวัน

เป็นผม

      “เป็นไรไปมึงประจำเดือนมาไม่ปกติเหรอ” ผมทำใจสักพักก่อนถามอีกคนเพราะดูเหมือนดวงตาของไฟจะเอ่อคลอไปด้วย

น้ำตา ผมไม่ต้องการให้ดวงตาสวยๆของไฟต้องมีหยาดน้ำตามาปะปนเพราะมันจะทำให้ดวงแก้วแวววาวที่ผมชอบมองต้อง

หม่นหมอง

      “มึงเหอะที่มาไม่ปกติ” ไฟกลับมาว่าผมเหมือนปกติ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมยิ้มได้ที่เห็นอีกคนยิ้มถึงแม้มันอาจจะดูฝืนเต็มทน

      “ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะเพื่อทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย

      “เออนี่ กูถามมึงจริงๆนะ มึงคิดไงถึงมาเป็นตำรวจ” ไฟถามผม

      “กูก็อยากจะเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ก็แค่นั้น” ผมตอบ แต่เลี่ยงที่จะตอบแรงจูงใจหลักที่ทำให้ผมต้องมาเป็นตำรวจ


      “ตอบเป็นพระเอกเชียวนะมึง” ไฟเหน็บผม ผมได้แต่ยิ้มน้อยๆให้อีกคน

      “แต่กูก็ไม่ได้เป็นพระเอกของมึงอยู่ดี” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้ผมพูดประโยคนั้นออกไป บรรยากาศรอบกายจึงดูกลับมา

อึดอัดเหมือนครั้งแรก แต่เป็นไฟเองที่จะมองข้ามสิ่งที่ผมพูดไป

      “มึงนี่ วู้ อย่ามาเสี่ยวแถวนี้นะมึง” ไฟบอกปัด

      “เออ ก็มึงไม่อยู่ตั้งนานปล่อยให้กูหยอดของกูเหอะ” แล้วนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมไม่กล้าที่จะพูดให้มันจริงจัง

      “แล้วตอนนี้มึงก็ไม่ได้แว๊นแล้วอ่ะดิ” ไฟถามผมเพราะเมื่อก่อนผมเป็นเด็กแวนซ์ เด็กเกเรเลยก็ว่าได้

      “อืม มึงรู้ป่ะเมื่อก่อนกูเป็นเด็กแวนซ์ แต่เดี๋ยวนี้กูต้องมาจับเด็กแวนซ์ อารมณ์มันคนละแนวเลย” ผมว่า ซึ่งมันให้ความรู้สึก

คนละแบบจริงๆ คิดถึงตอนนั้นผมก็ไม่รูว่าตัวเองทำลงไปได้ยังไง

      “ก็แหงล่ะมึง” ไฟว่า ก่อนที่เราจะปล่อยให้สายลมที่พัดรอบกายขับกล่อมให้ผ่อนคลาย

        ผมหลับตาลงช้าๆ ผมอยากจะตักตวงความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกที่มีผมแล้วก็ไฟแค่สองคน ความรู้สึกที่ไม่ต้องมีคนอื่นเข้า

มาร่วมแทรก แม้ว่าความเป็นจริงแล้วมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ผมหวัง อย่างน้อยผมก็ขอให้มันเป็นเพียงแค่ฝัน ฝันที่ดีที่สุดที่ใน

ชีวิตผมเคยฝัน ฝันที่ผมไม่อยากจะตื่น..

      “มึง” อยู่ดีๆไฟก็ทำลายความเงียบที่ก่อตัวขึ้น

      “หืม?” ผมตอบรับ

      “มึงรู้สึกยังไงกับกูกันแน่” ผมลืมตาขึ้นมามองไฟที่ถามคำถามแบบนั้นกับผม นั่นสินะ ผมรู้สึกยังไงกับไฟกันแน่ ผมไม่ตอบแต่

เลือกที่จะขอกลับไปอยู่กับความฝันก่อนจะตื่นขึ้นมาเพื่อเผชิญกับความเป็นจริง ความจริงที่ทำให้ผมเจ็บปวด แต่ผมก้คงต้อง

ยอมรับมัน

      “มึงได้ยินกูป่ะเนี่ย” เสียงของไฟถามผมอีกครั้ง

      “กูไม่ได้หูหนวกก็ต้องได้ยินดิวะ” ผมตอบอีกคนเพราะผมยังไม่พร้อมที่จะตื่นมาเจอกับความเป็นจริง..........ก็แค่ในตอนนี้

เท่านั้น

      “งั้นกูถามทำไมมึงไม่ตอบ” ไฟเริ่มมีน้ำโห

      “กูหลับตาอยู่” ผมตอบไฟ ซึ่งผมไม่ได้กวนอีกคนจริงๆ

      “งั้นมึงก็ลืมตาดิ” ไฟขึ้นเสียงบังคับให้ผมลืมตา

      “มึงหลับตาก่อนแล้วกูจะตอบ” ผมให้อีกคนหลับตาลง ถึงแม้ใจผมจะรู้ดีว่าในห้วงความคิดที่อีกคนคำนึงหานั้นไม่ใช่ผม

แต่อย่างน้อยผมก็ขอแค่ในเวลานี้ที่อีกคนจะคิดถึงแต่เรื่องของผม

        ผมค่อยๆลืมตาขึ้นหลังจากที่เห็นว่าไฟหลับตาลงแล้ว ผมสังเกตเห็นคิ้วของอีกคนที่ขมวดกันจนเป็นปมก็อดที่จะยิ้มไม่ได้

 ไฟไม่ชอบให้ใครขัดใจ ซึ่งเรื่องนี้ใครๆก็รู้ ผมมองสำรวจใบหน้าของอีกคนอย่างใกล้ชิดเพราะมันอาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว

ที่ผมได้ทำแบบนี้ ผมค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปหาอีกฝ่าย กลิ่นหอมที่มาจากกลิ่นตัวของอีกคนปะทะเข้ากับใบหน้าผม มันเป็นกลิ่น

สดชื่นที่ผมจะจำไว้ไม่มีวันลืม จากนั้นริมฝีปากของผมก็สัมผัสกับริมฝีปากนุ่มหยุ่นของอีกคน มันเป็นเพียงแค่สัมผัสบางเบา แต่ผม

เชื่อว่ามันจะไม่มีวันหายไปจากใจผม

        ไฟค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่ดูตกใจพร้อมกับแสดงความงุนงงในสิ่งที่ผมทำลงไปอย่างเห็นได้ชัด

      “ถึงกูจะชอบหลอกมึง แต่สำหรับเรื่องความรู้สึกแล้ว........กูไม่เคยหลอกมึง”





                   
      “ฝันดีนะมึง” ผมบอกไฟ หลังจากที่เดินมาส่งอีกคนที่บ้าน

      “อืม เหมือนกัน” ไฟบอกลาผม จากนั้นจึงเดินหันหลังกลับเข้าบ้านไป

            ผมจึงค่อยๆหันหลังเดินกลับไปเมื่อเห็นอีกคนเดินหายลับตาไป-ภายในบ้าน สิ่งที่เกิดขึ้นภายในวันนี้ แม้อีกคนจะไม่ได้

เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา แต่สายตากับสิ่งที่แสดงออกมามันมากพอที่ทำให้ผมรับรู้อะไรหลายๆอย่าง ผมพูดมันได้เต็มปากเต็มคำว่า

 ‘ผมรู้สึกชาไปทั้งร่าง’ แต่จุดที่ชามากที่สุดนั้นเป็น ก้อนเนื้อในอกซ้ายของผมที่ตอนนี้มันชาจนไร้ความรู้สึก ผมอาจจะรู้จักกับไฟ

ก่อน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะได้เป็นคนที่ไฟรู้สึกดีด้วยก่อน ผมอาจจะมาช้าไปหรือไม่.......ผมอาจจะไม่ใช่คนที่ไฟตาม

หา

            แต่จู่ๆกลับมีหยดน้ำหยดลงบนพื้นด้านล่าง ผมคิดว่ามันเป็นน้ำฟ้าที่ตกลงมาจากฟ้าด้านบน แต่เปล่าเลย มันคือหยด

น้ำตาของผม ของผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งที่ไม่ใช่คนสำคัญสำหรับไฟ..................................



























                             จบแล้วนะคะสำหรับเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ 2 ที่เป็นเรื่องยาวที่ดีสแต่งจบในเว็บนี้ ขอบคุณทุกการตอบรับที่ดี

ขอบคุณทั้งคนที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นให้ดีสนะคะ ยังไงก็ฝากติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปด้วยนะคะ สุดท้ายนี้ก็ขอกล่าวคำว่า

                                                                      'ขอบคุณจากใจจริงค่ะ'

ปล. ตอนนี้ดีสแต่งเรื่อง จอมใจ อยู่ในตอนนี้ ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ ^^

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GMT101

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด