ตอนที่๑๔ เมื่อฟิกไม่อยู่...?
[Tin Side]
ไอ้ฟิกไม่อยู่สองวัน...เพราะมันต้องไปดูไซต์งานที่ต่างจังหวัด ผมเลยต้องห่อเหี่ยวอยู่กับพี่ภูสองคน ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก
“เฮ้อ...”
“มึงจะถอนหายใจอะไรนักหนาวะ”พี่ภูบ่นเสียงหงุดหงิด เหลือบมองผมด้วยสายตาขุ่นๆก่อนจะกลับไปหมกมุ่นกับหนังสือการ์ตูนตรงหน้าต่อไป
“เบื่อๆเซ็งๆไงไม่รู้ว่ะ”ผมมองโทรศัพท์ในมือ ชั่งใจอยู่นานว่าจะโทรไปหาไอ้ฟิกดีไหม แต่ก็กลัวว่าจะรบกวนเวลาของมันอีก นี่ขนาดมันไปได้แค่วันเดียวก็คิดถึงมันซะแล้ว
“ไปเที่ยวไหม พอดีเพื่อนกูได้บัตรมา”พี่ภูทำหน้ามีลับลมคมใน
“บัตรอะไร”ผมเริ่มมีลางสังหรณ์แปลกๆเมื่อเห็นสีหน้าของอีกคน
“ตอนแรกกูกะจะเอาไปให้คนอื่นอีกที...”พี่ภูพูดพลางหยิบบัตรออกมาจากกระเป๋าเงินส่งให้ผม
“ชวนผมเหลวไหลอีก”ผมก้มมองบัตรวีไอพีของอาบอบนวดแห่งหนึ่ง วีไอพีเสียขนาดไม่จำกัดชั่วโมง ผมขมวดคิ้วพลางพลิกบัตรไปมา
“พี่ตั้งใจจะไปเหรอ”ผมถามเสียงนิ่ง
“เปล่า พอดีเพื่อนให้กูมา จะปฎิเสธก็ไม่ได้ เดี๋ยวเสียเชิงหมด”อีกคนไหวไหล่
“เหรอ...แล้วนวดแบบไหน มีนาบด้วยหรือเปล่า”ผมพยายามอ่านรายละเอียดบนบัตรวีไอพีในมือ พี่ภูหัวเราะหึๆ
“มึงถามอะไรไร้สาระ คิดว่าไปนอนแช่น้ำเฉยๆรึไง”
“พี่เคยไปมาก่อนรึเปล่า”ผมเพ่งมองอย่างจับผิด จะได้เล่นงานได้ถูก คิดจะออกนอกลู่นอกทางไอ้ฟิกเหรอ ก็อย่างที่ผมเคยบอกนั่นล่ะ ผมไม่ยอมให้ใครมาทำให้ฟิกมันเสียใจแน่ ถึงคนๆนั้นจะเป็นพี่ภูก็เถอะ
“ไม่เคย มึงเห็นกูเป็นคนยังไงวะ”อีกฝ่ายทำเสียงหงุดหงิดก่อนจะขอบัตรคืน แต่ผมไม่ให้
“เอาไว้ที่ผมดีกว่า ผมไม่ไว้ใจพี่”ผมเก็บบัตรใส่ช่องเล็กๆในกระเป๋าๆ
“ไม่ใช่ว่ามึงจะเอาไปใช้เองนะ”
“เฮ้ย ผมไม่ใช่พี่นะ”พี่ภูชักสีหน้าใส่ ผมกลับมาเพ่งมองโทรศัพท์ในมือตัวเองเหม่อๆ ก่อนจะตัดสินใจทักไลน์ไอ้ฟิกไป
แต่มันไม่อ่าน...หรือว่ากำลังยุ่ง
“วันนี้มันออกไปดูไซต์งาน คงยุ่งๆทั้งวันล่ะมั้ง”จู่ๆพี่ภูก็เสริมขึ้นมา
“พี่ถามมันเหรอ”ผมเงยหน้าจากโทรศัพท์อีกครั้ง
“ถามเพื่อนมัน ฟิกมันไม่อ่านไลน์”อีกคนทำเสียงหงุดหงิด ผมยิ้มออกมา เวลาไอ้ฟิกทำงานหรือกำลังยุ่งอยู่มันจะไม่แตะโทรศัพท์เลย
“คิดถึงมันว่ะ”ผมเพ้อเบาๆ ไอ้ฟิกไม่อยู่ห้องเงียบมากจริงๆ ผมยังนึกภาพเวลาที่ไม่ได้อยู่กับมันนานๆไม่ออกเลย คิดแล้วก็พาลนึกไปถึงเรื่องพี่ภูเมื่อตอนที่ถูกเด้งไปนอก พี่เขาคงเหงามากแน่ๆ
“มึงยังอ่อนหัดอยู่นะ”พี่ภูหัวเราะเบาๆก่อนจะลุกเข้าไปในครัว ผมหันมองงงๆเห็นว่าพี่ภูกำลังค้นอะไรสักอย่างในตู้
“พี่จะทำอะไรอ่ะ”ผมยืนมองอยู่หน้าเคาน์เตอร์ครัว เห็นอีกคนก้มๆเงยๆหาถ้วยหาจาน
“ข้าวเย็นไง”พี่ภูกำลังตอกไข่ใส่ถ้วยใบใหญ่
“เหรอ ทำเผื่อด้วยสิ ขอฝากท้องหนึ่งวัน”เห็นท่าทางแล้วก็ไม่รู้ว่าจะได้เรื่องไหม
“ไม่อร่อยมึงก็อย่าบ่นแล้วกัน”พี่ภูทำหน้ายุ่ง เพราะส่วนมากเวลาพี่เขาอาสาทำกับข้าว ผมมักจะบ่นบ่อยๆ ไม่หนักเค็มก็หวานจ๋อยจนผมกินไม่ได้
“นานๆทีจะทำก็เอาให้เต็มที่ไปเลยสิ”เดาจากส่วนผสมคิดว่าพี่เขาน่าจะทำข้าวห่อไข่ ผมนั่งมองพี่ภูหั่นหอมด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ แล้วอดไม่ไหวต้องเข้าไปช่วย
“มึงหั่นผักให้กูก็พอ นอกนั้นกูทำเอง”หันไปเจอพี่ภูตักข้าวมาเสียเยอะ
“ข้าวเยอะไปรึเปล่า”
“ไม่เยอะหรอก กูจะทำเผื่อที่บ้าน”พี่ภูตอบเสียงเรียบ นี่ผมหูฝาดไปรึเปล่าเนี่ย แต่ก็ดีแล้ว นานๆทีพี่เขาจะทำอะไรแบบนี้ ไม่รู้ไปกินอะไรผิดสำแดงมา หลังจากที่หั่นหอมและเตรียมเครื่องเคียงอย่างอื่นพร้อมแล้ว ผมก็ผละไปรอที่โซฟา ไอ้ชัยทักไลน์มาพอดีเลยด้วย
ชัย- วันนี้ไปนั่งเล่นกัน นักร้องวงโปรดมาพอดี
ผมชั่งใจว่าจะไปดีไหม แต่อยู่หอมันก็เบื่อๆไม่มีอะไรทำ ฟุ้งซ่านเปล่าๆ ออกไปสนุกบ้างก็คงไม่เสียหายอะไร
ชัย - หรือกลัวเมียมึงด่า?
ติน - เปล่า เมื่อไหร่มึงจะเลิกแขวะเรื่องนี้สักทีวะ
ชัย - จนกว่าพวกมึงจะเลิกกันอ่ะ
ผมยิ้มขำ ไอ้ชัยมันก็พูดเล่นไปเรื่อย ผมชินกับลูกหมาในปากมันจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว จะมีแต่ไอ้ฟิกนี่ล่ะ ที่เต้นเป็นผีเข้าทุกทีเวลาเจอหมาในปากไอ้ชัย
ติน - มึงปากแฉะแน่ๆ ไงเจอกันที่ร้าน
ชัย - ให้มันได้อย่างนี้สิ!
เนื่องจากขี้เกียจรอข้าวห่อไข่ที่ไม่รู้ว่าจะเสร็จตอนไหนเลยคิดว่าจะขอฝากท้องที่ร้านหน้าหอแทนดีกว่า ลองเปิดไลน์ดู จนตอนนี้ไอ้ฟิกมันก็ยังไม่อ่านข้อความของผมเลย ไอ้หมาฟิกมันจงใจกวนประสาทแน่ๆ!เพราะผมยังเห็นมันโพสต์สเตตัสในเฟสอยู่เลย
“มึงจะไปไหนวะ”พี่ภูถามระหว่างที่ใช้ทิชชูซับหน้าที่เริ่มมันด้วยท่าทางหงุดหงิด
“ไปเที่ยวกับพวกไอ้ชัย”
“นั่นแน่...อย่าบอกนะว่าจะใช้บัตรวีไอพี”
“ตลกแล้ว ไปร้านนั่งเล่น ถ้าเหงาก็ตามมา”ผมยักคิ้วกวนประสาทให้ก่อนจะรีบออกไปจากห้อง เพราะเกรงใจขวดน้ำปลาในมือของอีกฝ่ายจะลอยตามมา
- ร้านนั่งเล่น
วันนี้คนแน่นมากกว่าปกติเพราะนักร้องที่ขึ้นเวทีค่อนข้างจะดังพอตัว หลังจากที่กวาดตามองหาโต๊ะที่ไอ้ชัยกับเพื่อนเจอก็ตาลายไปพักใหญ่เพราะแสงไฟมัวๆ และทันทีที่ผมไปถึงโต๊ะพวกมันก็เปิดปากแซวทันที
“แหม วันนี้ไม่พกเมียมาด้วยเหรอ เห็นตัวติดกันตลอด”ไอ้เบลล์เปิดก่อนคนแรก
“มันไม่อยู่”
“วันนี้ถือว่ามึงโสดหนึ่งวัน”ไอ้ชัยหน้าชื่นตาบานเป็นพิเศษ มันตบบ่าผมพร้อมกับเลื่อนแก้วเบียร์มาให้ ผมแค่รับมา ไม่ค่อยอยากดื่มเท่าไหร่
“พูดบ้าอะไรของมึงวะ”ผมส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนกวาดตามองไปรอบๆส่วนใหญ่จะเจอเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันมากกว่าพวกวัยผู้ใหญ่ ผมหยุดสายตาอยู่ที่โต๊ะแถวกลาง เมื่อจำได้ว่าใคร พี่ปากับพี่เนมนั่นเองข้างตัวของทั้งคู่มีสาวสวยคอยชงเหล้าขนาบข้างอยู่ ผมยกมือทักเมื่อสองคนนั่นหันมาเจอ
“ไอ้ฟิกไม่ได้มาด้วยเหรอ”สองสหายย้ายมานั่งโต๊ะข้างๆผม หิ้วสาวสวยสองคนมาด้วย พวกไอ้ชัยมองตาเป็นมันเชียว
“บริการพวกนั้นหน่อย”พี่ปาบอกผู้หญิงที่สวมเสื้อกล้ามรัดๆโชว์สัดส่วน ผมแอบขนลุกเมื่อเห็นสายตาเยิ้มๆกะลิ้มกะเลี่ยของพี่ปา
“ไม่เป็นไรครับ”ผมรีบยกมือห้ามเมื่อสาวอีกคนตั้งท่าจะเติมเบียร์ให้
“ไม่ได้ วันนี้มึงต้องเมา เมย์เติมให้มันเลย”พี่เนมชิงพูดขึ้นมาก่อนจะพยักเพยิดให้เมย์มานั่งข้างๆผม
“เฮ้ยพี่....”
“เออน่า วันนี้วันเดียว”อีกฝ่ายทำท่านึกสนุกก่อนจะหดโทรหาใครสักคน
“เออ ไอ้ภู มึงว่างไหม กูอยู่นั่งเล่น น้องฟิกไม่อยู่ทั้งที นานๆทีจะได้ฉายเดี่ยว...ไม่ได้ยุ ไอ้ตินก็มาเนี่ย แล้วเจอกัน”คุยจบพี่เนมหันมายักคิ้วใส่ผม
“ไม่ต้องซีเรียส วันนี้เป็นคืนของหนุ่มโสด”พี่ปาแทรกมาบ้าง ผมได้ยิ้มแห้ง พยายามจิบเบียร์ช้าๆ แต่เมย์ตัวหอมจริงๆ แถมยังคอยส่งสายตาเหมือนยั่วๆมาให้เป็นระยะๆอีก ไม่นานนักพี่ภูก็ตามมาสมทบ
“อะไรของพวกมึงเนี่ย”ถึงจะทำหน้ายุ่งแต่มือกลับคว้าแก้วเหล้าของพี่ปายกดื่ม
“เชี่ย นั่นแก้วกู”
“มาๆถ่ายรูปกันหน่อยพวกพี่”ไอ้ชัยยกโทรศัพท์ออกมา ผมเห็นสีหน้าของมันกับพวกพี่ปาแล้วไม่ไว้ใจ ตั้งใจจะขยับออกห่างแต่ไอ้เบลล์ที่นั่งอยู่ข้างๆกลับดึงผมเข้ากล้องซะงั้น
“วู้ อย่างกับบอยแบนด์หนุ่มโสด”พี่เนมชะโงกหน้ามองรูปถ่ายในโทรศัพท์ไอ้ชัย
“มึงไม่ต้องแท็กกูมานะ”สิ้นเสียงพี่ภูแจ้งเตือนเฟสบุ๊คก็เด้งขึ้นมา ผมเหลือบมองหน้าพี่ภูเมื่อเห็นแคปชั่นที่ถูกแท็กมา
“กูไม่ขำด้วยนะเว้ย”ผมบ่นพึมพำเมื่อมีคนรู้จักมากดไลค์ แถมยังถามว่าผมโสดตั้งแต่เมื่อไหร่ หนึ่งในนั้นคือไอ้ขวัญน้องเทคไอ้ฟิก
“อ้าว พวกมึงสองคนกลัวไอ้ฟิกด้วยเหรอ ข่มมันออกบ่อย”พี่ปาหัวเราะเสียงดัง
“ไม่ได้กลัว แต่กูไม่อยากให้มันยุ่งยาก”พี่ภูทำหน้าฉุนๆ
“เออน่า...กูอยากเห็นระเบิดลง”สองสหายหัวเราะเหมือนสนุก ไอ้เบลล์กับไอ้ชัยก็เป็นไปด้วยอีก
“พวกมึงไร้สาระว่ะ”
ผมสังเกตุว่าไอ้พวกนี้มันมองหน้ากันด้วยสายตามีลับลมคมในแปลกๆ จนผมเริ่มเอะใจ เหลือบมองท่าทีเพื่อนตัวเองพลางยกแก้วขึ้นดื่ม ชะงักเล็กน้อยเมื่อมีรสชาติแปร่งๆของเหล้าผสมมาด้วย
“พี่ ผมว่าพวกมันทำท่าทางแปลกๆว่ะ”ผมเอนไปกระซิบคนข้างๆ
“เออ กูก็ว่างั้น”อีกฝ่ายกระซิบกลับมา แก้วของผมถูกเปลี่ยนเป็นเหล้าที่ชงเสียเข้มจนนึกว่ากินแบบเพียวๆซะอีก
“ขอโทษนะครับ”เสียงหนึ่งดังขึ้นระหว่างที่ผมกำลังบ่ายเบี่ยงสาวชงเหล้าที่วนมาคอยบริการให้ผม เมื่อหันไปมองก็เจอชายหนุ่มหน้าขาวๆ คาดว่าคงวัยทำงานมายืนอยู่ข้างๆพี่ภู
“มีอะไร”พี่ภูถามเสียงหงุดหงิด
“พี่นั่งด้วยคนได้ไหมครับ”ผมขนลุกเกรียวอีกครั้ง พี่ปากับพวกผมมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“ไม่เห็นเหรอว่าโต๊ะเต็ม”เจ้าของเสียงดุหันไปมองอย่างไม่สบอารมณ์ แต่พี่หน้าขาวยังยิ้มได้อยู่
“ตรงนี้ยังไม่เต็ม แสดงว่านั่งได้”พี่หน้าขาวดึงเก้าอี้จากโต๊ะว่างข้างๆมานั่งซ้อนกับพี่ภู
“เฮ้ย ผมไม่เล่นด้วยนะ”อีกคนขยับตัวตรงทันที ผมยกแก้วเหล้าจิบเพื่อกลั้นรอยยิ้ม แต่ก็แทบสำลักเพราะเข้มสุดๆ
“ผสมอะไรบ้างเนี่ย”ผมหันไปมองสาวมือหนักข้างๆ ไม่ใช่เมย์แต่เป็นคนที่สวมเสื้อกล้าม โชว์รอยสักผีเสื้อตรงเนินหน้าอก เมื่อเห็นว่าผมคุยด้วย เธอเลยก้มมาตอบใกล้ๆ
“แค่โซดาค่ะ พี่พวกนั้นบอกให้ชงเข้มๆ”ผมวางสายตากลับมาที่แก้วเหล้าตรงหน้า ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าสาวชงเหล้ายืนเบียดอยู่ใกล้ๆผม แทรกระหว่างไอ้เบลล์ แต่ดูท่ามันจะชอบ ผมเริ่มจะร้อน อาจจะเพราะทั้งฤทธิ์แอลกลอฮอและโดนเบียด ผมก้มมองโทรศัพท์บนโต๊ะ ไอ้ฟิกไลน์มาหาเมื่อสักพัก
ฟิก - อยู่ไหน
ผมเงยหน้ามองพี่ภูที่ก้มเพ่งมองโทรศัพท์เหมือนกัน เดาว่าไอ้ฟิกคงถามด้วยเหมือนกัน พี่หน้าขาวยังวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ผมไม่อยากมองเลยกลับมาสนใจเรื่องของตัวเองดีกว่า
ติน - อยู่ร้านเหล้ากับพวกไอ้ชัย
ฟิก - อ๋อ...ไม่เห็นบอกกูเลย
ติน - มันกะทันหียงะ
ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าตัวเองพิมพ์ผิด แป้นพิมพ์มันเล็กไปรึเปล่าวะเนี่ย
ฟิก - มึงเมาแล้วเหรอ พิมพ์ห่าไรไม่รู้เรื่อง พอกันทั้งคู่เลยนะพวกมึง
ติน - ยังไม่เมา โทรมาดิ
ไอ้ฟิกไม่โทรธรรมดาแต่มันวิดีโอคอลมาเลย ผมมองข้างๆก็เจอนมเต็มๆ ยังไม่ทันได้กดรับมันก็วางไปก่อนแล้ว เหลือบมองพี่ภูก็เห็นว่าพี่เขาลุกไปเข้าห้องน้ำด้วยสีหน้าแปลกใจ
“กูว่าไอ้ฟิกคงหัวหมุนแน่ๆ”พี่เนมกลั้นยิ้มก่อนกลอกตามองพี่หน้าขาวที่เดินตามหลังพี่ภูไป
“กูไม่รู้จะขำเรื่องไหนดีว่ะ ไอ้ภูเจอสายแข็งซะแล้ว”พี่ปาทำหน้าประหลาดๆ
“มึงกลัวไอ้ฟิกเหรอวะ”ไอ้ชัยชะโงกมาคุยกับผม
“ไม่ได้กลัว”เอาจริงๆผมไม่กลัวมันหรอก แต่ก็ยังไม่เคยเห็นมันโกรธแบบจริงๆจังๆเสียที
“แต่ตอนจับโทรศัพท์เมื่อกี้มึงทำหน้าตกใจด้วยนะ”แล้วทั้งโต๊ะก็ฮาครืน จะมีก็แต่สาวชงเหล้าสองคนที่ดูงงๆ นั่งไปนั่งมารู้สึกว่าแก้วเหล้าผมพร่องไปเร็วจนน่าตกใจ ผมต้องคอยหลับตาเพื่อตั้งสติบ่อยๆ ไม่อยากเมา เดี๋ยวไอ้ฟิกโทรมาก็ยุ่งอีก
ฟิก - เดี๋ยวกูโทรไป นั่งอยู่ที่เดิมด้วยนะ ไม่ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำแบบไอ้ภู
ติน - เออๆ
ฟิก - มันออกมาจากห้องน้ำหรือยัง
ผมเหลียวมองไปยังทางเข้าห้องน้ำเจอพี่ภูเพิ่งเดินออกมาจริงๆด้วย ท่าทางเหมือนกำลังเดือด แต่ไม่เห็นพี่หน้าขาวแล้ว ครั้งนี้ผมกดรับสายไอ้ฟิกอย่างรวดเร็ว เพราะคิดว่าตอนนี้มันน่าจะอารมณ์เสีย
“ว่าไง”ผมทักเมื่อหน้าจอปรากฏเป็นสีหน้าบูดๆของไอ้ฟิก ผมเบี่ยงกล้องมาทางฝั่งพี่ภู เพราะกลัวหน้าอกของสาวๆข้างๆจะเข้ากล้อง พอดีกับที่พี่ภูนั่งลงที่เก้าอี้พอดี ไอ้ฟิกเหลือบมองด้วยสีหน้าขุ่นๆ
“มึงอยู่กลับใคร”
“ก็พวกไอ้ชัยแล้วก็พวกพี่ปาไง”คนที่ถูกพูดถึงเงยหน้ามองด้วยรอยยิ้มล้อเลียน
“แล้วไหนบอกว่าไม่เมา”ได้ยินเสียงมันพ่นลมหายใจออกมาดังๆ ผมดึงหูฟังออกหนึ่งข้าง
“คุยกับพี่ภูเปล่า”เจ้าของชื่อโบกไม้โบกมือปฏิเสธมา สงสัยคงโดนสวดไปหนึ่งยกแล้วเหมือนกัน
“มึงไม่ต้องเฉไฉ ให้กูดูข้างๆดิ ใครนั่งข้างมึง”ผมเหลือบมองสาวคนข้างๆ ยังไม่ทันได้หมุนกล้องเธอคนนั้นก็เข้ามาในกล้องเต็มๆเพราะไอ้เบลล์มันลุกขึ้นแล้วเซชน ไม่รู้ว่าจงใจหรือเปล่า ผมขึงตาใส่เพื่อนอย่างหงุดหงิด ไอ้ฟิกเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง
“ไม่มีอะไรนะเว้ย”
“เออ นมใหญ่รึเปล่าล่ะ”
แล้วมันก็วางสายไปทันที โกรธแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมโทรหามันอีกหลายรอบมันก็ไม่รับ จนมันส่งข้อความเสียงมาด่าบอกว่าจะนอนแล้วอย่ากวน กลับไปค่อยคุยกัน
“พวกมึงเล่นอะไรกันวะ หาเรื่องให้กูเฉย”ผมมองไปรอบโต๊ะด้วยสายตาหงุดหงิด
“เดี๋ยวกูเคลียร์ให้เอง ไอ้น้อง”พี่ปาพูดเสียงดัง สีหน้าท่าทางบ่งบอกว่าหมดสภาพแล้ว
“มึงไม่ต้องโทรไปกวนมันเลยนะเชี่ยปา”พี่ภูรีบลุกไปหาเพื่อนที่ควักเอาโทรศัพท์ออกมา
“เฮ้ย ได้ไง กูจะคุยกับมัน มึงไปนั่งที่เลย”พี่ปาไม่ยอมให้อีกคนมาแย่งโทรศัพท์ไป ผมมองแล้วถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พอกันทั้งคู่เลย
“เบื่อเหรอ”เสียงนุ่มกระซิบเบาๆ
“ก็...นิดหน่อย”ผมมองพี่ปาคุยอะไรสักอย่าง แต่ก็ถูกพี่ภูแย่งโทรศัพท์ไปคุยเอง
“มึงโกรธกูเหรอ ก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไร ...มันโพสต์เล่นๆ ..ฮะ ตลกแล้วไอ้ฟิก อย่ามาปากดี ...เออๆ ขอโทษ เอ้า เชี่ยปา”และพี่ปาก็แย่งโทรศัพท์ไปได้อีกครั้ง
“ฟิก แกฟังพี่นะ....”บลาๆ
“สัด มันวางไปแล้วนี่ พวกมึงเล่นอะไรกันวะ”พี่เนมทำหน้าขำๆเมื่อดึงโทรศัพท์มาจากเพื่อน ผมเลี่ยงความวุ่นวายไปเข้าห้องน้ำแทน รู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะเมื่อได้ล้างหน้าล้างตา ผมมองเงาสะท้อนของตัวเอง เออ เหมือนคนเมาเลยว่ะ ผมก้มล้างหน้าอีกครั้ง ก่อนจะออกมาจากห้องน้ำ อยู่นานๆก็ไม่ไหว เหม็นบุหรี่แต่พอออกมาก็เจอกับเมย์สาวชงเหล้าที่โต๊ะ
“อ้าว”ผมทักมึนๆ
“โต๊ะพี่เคลียร์บิลแล้วค่ะ”เมย์ตอบให้หายข้องใจ แต่เรียกผมว่าพี่นี่ดูจากหน้าตาแล้วเมย์คงแก่กว่าผมแน่ๆ
“อ้อครับ”ผมยิ้มให้ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมา
“เดี๋ยวค่ะ”แล้วก็ยัดกระดาษเล็กๆใส่มือผม
“ถ้าว่างก็โทรหากันได้นะคะ”
“ผมมีแฟนแล้วครับ คงรับไว้ไม่ได้”ผมส่งคืนก่อนจะเดินกลับโต๊ะ เห็นเพื่อนๆพี่ๆยังคงนั่งคุยกันอยู่
“ยังไม่กลับกันเหรอ ไหนว่าเคลียร์บิลกันแล้ว”ผมนั่งลงที่เดิม สาวๆหายไปจากโต๊ะแล้วค่อยหายใจสะดวกหน่อย
“เคลียร์แล้วก็ต่อ มึงสองคนยังไม่เมาก็ไม่กลับ”ไอ้ชัยชี้มาที่ผมกับพี่ภู ไอ้ตัวคนพูดก็คงจะเมาแล้ว มีแค่พี่เนม ไอ้เบลล์ที่ดูจะมีสติดีสุด
“เออใช่ วันนี้พวกมึงต้องเมาเป็นเพื่อนกู”พี่ปาผงกหัวมามอง
“กูอยากกลับแล้วว่ะ เดี๋ยวเมียงอน”ผมว่าไม่ทันแล้วล่ะ
“แค่วันเดียวน่านะๆอยู่เป็นเพื่อนกูหน่อย มึงด้วย”พี่เนมหันมามองผมกับไอ้เบลล์ สายตาดูบังคับกลายๆ
“ถ้ามีอะไร กูเคลียร์กับไอ้ฟิกเอง”พี่ปาตบโต๊ะเสียงดัง ระหว่างที่งัดตัวเองมานั่งหลังตรง
“มึงเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ”พี่ภูพึมพำ
“ผมยอมแค่สามแก้ว”ผมเสนอ แต่เมื่อเห็นแววตาแวววับของพี่เนมผมก็รู้ทันทีว่าพลาดแล้ว เพราะแก้วที่ว่าคือแก้วเบียร์และเพียวๆเลยด้วย คิดว่าผมจะรอดถึงแก้วที่สองเหรอ!
“มึงพูดแล้วอย่าตุกติกนะ คำไหนคำนั้น มึงด้วยไอ้ภูไม่ต้องทำหน้าหงุดหงิด”พี่เนมยิ้มเหี้ยมระหว่างที่รินเหล้าใส่แก้วช้าๆ
“งั้นมึงห้ามเมา ไปส่งกูด้วย”พี่ภูทำใจยอมรับสภาพตัวเองเรียบร้อยแล้ว ผมมองหน้าไอ้เบลล์มันกำลังอัดวิดีโอ
“ระหว่างพี่ภูกับไอ้ตินใครอึดกว่ากัน...พิสูจน์กันตอนนี้เลย”มันพากย์ของมันไป ผมมองหน้าอีกฝ่าย เหมือนอะไรบางอย่างกระตุ้นให้ผมต้องเอาชนะให้ได้
“มาเลย”ผมเองก็มั่นใจว่าไม่เมาก่อนแน่ๆ ผมคว้าแก้วมาจากพี่เนมก่อนจะค่อยๆผมคว้าแก้วมาจากพี่เนมก่อนจะค่อยๆกลั้นใจยกดื่มช้าๆ เหลือบมองเห็นพี่ภูกำลังยกดื่มเหมือนกัน สีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่
“รวดเดียวนะเว้ย ใจเย็นๆ มึงทำหกแล้ว อย่าโกง”เสียงพี่เนมแว่วมา เมื่อผมทำเหล้าหกใส่เสื้อตัวเอง
กึก!
พี่ภูกระแทกแก้วลงกับโต๊ะสีหน้าพะอืดพะอมก่อนจะรีบดื่มโค้กตาม
“ไอ้ตินแม่งช้าาา สาดดด”ไอ้คนที่ดื่มหมดแก้วก่อนทำเสียงดัง พี่เนมสั่งเหล้ามาอีกขวด สาวชงเหล้าชื่อเมย์โผล่มาจากไหนไม่รู้ โผล่มารินเหล้าให้พี่ภูเสียเต็มแก้วก่อนจะเดินมายืนข้างๆผม
“ไอ้ตินหมดแก้วแล้วครับ ถึงจะช้ามากๆก็ตาม ลุยอีกแก้วเลยเพื่อน”ผมเริ่มร้อน และมึนๆหัวหนักๆขึ้นมา เมย์ขยับมารินเหล้าให้ พร้อมกับวางมือลงบนบ่าก่อนจะก้มมากระซิบเบาๆ
“ถ้าหมดแก้วนี้ เมย์มีรางวัลให้”ผมได้แต่ยิ้มก่อนจะพยายามยกแก้วที่สองให้หมด
“เฮ้ย มึงถือแก้วไหวไหมไอ้ภู มาๆ เดี๋ยวกูช่วย”เสียงหัวเราะของพี่เนมดังแว่วเข้ามาในโสตประสาท ผมรวบรวมแรงฮึดดื่มแก้วที่สองจนหมด
“ขอน้ำ--”ผมหันไปหาไอ้เบลล์กะจะขอน้ำเปล่าล้างคอสักแก้ว แต่จู่ๆสาวข้างๆก็ก้มมาบดจูบอย่างไม่ทันตั้งตัว ได้ยินเสียงตกใจมาจากไอ้เบลล์และพี่เนม ผมตั้งใจจะผลักเจ้าตัวออกแต่แขนก็หนักเกินกว่าจะขยับได้
โครม!
ผมมึนเบลอไปชั่วขณะว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ยินเสียงวีดร้องและรู้ตัวอีกทีผมก็นอนกองกับพื้นแล้ว เก้าอี้แอ้งแม้งอยู่ข้างๆ
“นี่มึงทำงานแบบนี้เหรอ”เสียงกระชากไม่น่าฟังดังขึ้น ผมปรือตามองเห็นว่าเมย์ถูกผู้ชายตัวใหญ่หน้าโฉดกำลังกระชากข้อมืออยู่ ผมเห็นท่าไม่ดีเลยรีบโงนเงนยืนขึ้น
“พี่คุยกันดีๆนะ เขาเป็นผู้หญิงอย่า--พลั่ก”หมัดหนักๆกระแทกเข้าที่เบ้าตาผมจังๆ เหมือนล่องลอยอยู่พักใหญ่แล้วจู่ๆก็ตกมากระแทกพื้น ได้ยินเสียงโวยวายดังรอบตัว และปลายเท้าที่พยายามเข้ามากระทืบผม
“ได้ เดี๋ยว...มึงเจอกู”ผมยันตัวขึ้นมาอย่างยากลำบาก
“เชี่ยตินอย่า มึงเมาแล้วนะ”ไอ้เบลล์เข้ามาฉุดกระชากผมออกจากร้าน ผมมองอะไรไม่ชัดแต่เห็นลางๆว่าวุ่นวายพอตัว
“กูยังไหว...มึงไม่เห็นเหรอห๊ะว่ากูโดนต่อยทั้งๆที่กูไม่ผิด”
“ไม่ผิดอะไร มึงลวนลามแฟนกู”เสียงหนึ่งแว่วเข้ามา
“กูไม่รู้ แฟนมึงมาอ่อยกูเอง”
“อ้าว ไอ้เหี้ยนี่--”มีเสียงวีดร้องห้ามดังวุ่นวาย
“กูไม่สนหรอก กูมีแฟนแล้ว เหอะแล้วแฟนกูนะเป็นผะ-”พูดยังไม่ทันจบก็มีมือใครไม่รู้มาอุดปากผม
“ขอโทษครับพี่ พวกเราจะออกไปจากร้านแล้ว”เสียงพี่เนมดังอยู่ข้างตัว
“ครับ เข้าพี่ด้วยนะพี่ไม่อยากให้มีเรื่อง”ผมลืมตามองเห็นร่างตะคุ่มๆตรงหน้าก็ซัดเปรี้ยงเข้าให้
“เฮ้ยยยย”
“ไอ้ติน!”
แล้วผมก็ถูกหอบหิ้วออกมาจากร้านมึนๆ
“เชี่ย มาต่อยกู”ผมสบถเมื่อเริ่มปวดบริเวณที่โดนต่อย
“วันหลังกูจะไม่ให้มึงเมาแล้วสัด”เสียงไอ้เบลล์พึมพำ
“กูไม่ได้เมา แค่มึนๆ”ผมถูกดันเข้าไปในรถใครสักคน
“ไอ้ภูลุกขึ้นมา เหนื่อยจริงๆเลยว่ะ กูผิดเอง...”เสียงบ่นน่ารำคาญดังอยู่ใกล้ๆ
“กูจะนอน พวกมึงเงียบๆกันด้วย”ผมพึมพำขึ้นมา แล้วภายในรถก็เงียบจนได้ยินเสียงแอร์
…………………………………………………..
(มีต่อ)