Piw sideบางทีผมก็เคยคิดนะครับว่าตัวเองไม่มีดวงในเรื่องความรักเอาซะเลย ตั้งแต่แฟนคนแรกยันมาคนล่าสุด ต่างก็ทำผมเจ็บหนักทั้งนั้น จนวันนี้ผมก็ปลงเรื่องความรักไปแล้ว จะมีหรือไม่ ผมก็อยู่คนเดียวได้ ตอนเกิดก็เกิดมาคนเดียว แล้วทำไมตอนนี้จะอยู่คนเดียวไม่ได้ จริงไหม ตอนนี้ผมไม่อยากพึ่งแต่มือคนอื่น คอนโดของพี่ภูมันหรูหราเกินไปสำหรับผม ตั้งตัวได้เมื่อไหร่ผมจะย้ายออกทันที
ผมออกมาเดินเล่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อย จะว่าไปผมยังไม่ได้ไปเก็บของบางส่วนที่บ้านไอ้โตเลย ไปคนเดียวผมก็ไม่ค่อยกล้าสู้หน้ามันเท่าไหร่ ไม่อยากรบกวนไอ้ฟิกมันด้วย
ผมถอนหายใจเงินเก็บก็ใกล้จะหมดลงทุกทีแล้ว ผมเหลือบมองกระดาษที่แปะอยู่หน้าเซเว่นที่ประกาศรับพนักงานพาร์ทไทม์ ผมรีบเข้าไปสอบถามว่ายังรับอยู่รึเปล่า สรุปว่าว่างอยู่สามตำแหน่ง ผมเล็งไว้ที่กะกลางวันถึงดึกๆ ผมเรียนจบแค่ม.หก งานที่พอจะทำได้ก็คงมีแค่นี้
แต่มาคิดๆดูผมก็นิสัยแย่เหมือนกัน ตั้งแต่คบกับแฟนคนแรก ผมเป็นฝ่ายได้รับมาเสมอ เรื่องเงินมันหามาให้ใช้ตลอด กับไอ้ฟิกไอ้โตก็เหมือนกัน การเดินออกมาครั้งนี้ของผมจะถือว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่ก็แล้วกัน
ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ เสียงบีบแตรรถก็ดังขึ้น ผมหันไปมองก็เจอเด็กหนุ่มหน้าตาเกเรที่ใส่ช็อปตราเกษตรของม.ดังแถบนี้ ผมย่นหน้าพลางคิดว่าผมก็ไม่ได้เดินขวางทางหรืออะไรนะ แต่หน้าตาของมันดูเอาเรื่อง ผมเลยเดินชิดขอบถนนมากขึ้น แต่มันก็ยังบีบแตรใส่อีก
“อยากมีเรื่องเหรอวะ”ผมหันไปตะคอกฉุนๆ
“เปล่าครับ ผมแค่จะถามว่าผมแค่จะถามว่าจะไปไหน”มันพูดเพราะกว่าหนังหน้าเกเรๆของมัน ผมย่นคิ้ว มันจะอยากรู้ไปทำไม ผมไม่ได้ตอบแต่เดินต่อไปเหมือนไม่มีคนมาขัดจังหวะ
ปิ๊นนนนนน
คราวนี้มันบีบยาวๆเลยจนผมต้องหยุดเดิน
“มีอะไร”ยิ่งอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่
“ผมถามว่าจะไปไหน”เอ้า แล้วมันอยากรู้ทำไมวะ
“ทำไม จะไปส่งรึไง”ผมพูดออกไปส่งๆ
“เออดิ จะไปกับผมไหมล่ะ”ผมมองรถโซนิคเก่าๆของมัน ท่าทางของมันดูเหมือนพวกนักเลงเลย หรือผมคิดมากไปเองก็ไม่รู้ ผมล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ที่มีเงินติดตัวอยู่หกสิบบาทแล้วก็ถอนหายใจออกมา เอาวะ ไหนๆผมก็เจอแต่คนแปลกๆ เพิ่มไอ้เด็กนี่มาอีกคนจะเป็นไรไป
“งั้นรบกวนหน่อย”ผมทำใจกล้าขึ้นไปซ้อนท้ายโซนิคเก่าๆคันนั้น ใจง่ายอีกแล้วนะไอ้ปลิวเอ้ย
“พี่จะไปที่ไหนล่ะ”มันเหลียวมาถาม หน้าตาก็ไม่ได้หล่อมากค่อนไปทางธรรมดา ผิวเข้มเหมือนคนที่ตากแดดบ่อยๆ
“ไป...”ผมบอกที่อยู่บ้านไอ้โตไป มันก็บิดรถแรงๆจนผมตกใจ ไปกับไอ้นี่ผมปลอดภัยแน่เหรอ มันขี่รถได้น่าหวาดเสียวมาก จนผมต้องเกาะขอบเบาะเพื่อรักษาชีวิต มันดับรถเมื่อมาถึงหน้าบ้านไอ้โต บ้านเงียบเหมืิอนไม่มีคนอยู่ แต่ผมรู้ว่าไอ้โตอยู่ด้านใน ผมลงจากรถก็พอดีกับที่ไอ้โตโผล่มาดูว่าใครมา มันอาจจะคิดว่าเป็นไอ้ป่านก็ได้ล่ะมั้ง
“มึง...”ไอ้โตมีสีหน้าแปลกใจระคนมีความหวัง
“กูมาเก็บของ ที่ผ่านมากูรบกวนมึงไว้เยอะเลย ต้องขอบใจแล้วก็ขอโทษมึงด้วย”ผมเดินเบียดมันเข้าไปด้านใน แต่มันคว้าข้อมือของผมไว้ ความรู้สึกเก่าๆที่คิดว่าสลัดทิ้งไปได้แล้วกลับมาอีกครั้ง
“แล้วนั่นมีงมากับใคร”มันพยักเพยิดไปทางไอ้เด็กเกษตรที่นั่งรออยู่บนรถ ผมเหลือบมองเจ้านั่นที่มีท่าทีเก้ๆกังๆเหมือนทำตัวไม่ถูก
“แฟนใหม่กู”ไม่ต้องคิดมากมายอะไรเลยสำหรับคำตอบนี้
“อ้อ...”ไอ้โตปล่อยข้อมือของผม
“หาใหม่เร็วดีนี่”น้ำเสียงมันออกแนวประชดประชัน แต่ผมไหวไหล่อย่างไม่สนใจ
“เดี๋ยวช่วยเก็บของ”จู่ๆไอ้คนที่นั่งอยู่บนรถก็เดินตามผมมา ผมมองมันงงๆก่อนจะดึงให้มันรีบตามผมเข้ามาในห้องเพราะเดี๋ยวไอ้โตพูดอะไรขึ้นมาเดี๋ยวโป๊ะแตก
“นั่นแฟนเก่าเหรอ”มันบุ้ยใบ้ไปด้านนอก
“อืม”ผมตอบเบาๆก่อนจะคว้าเอาเสื้อกับกางเกงยีนส์ในตู้ออกมายัดๆใส่กระเป๋าใบเก่า ใบเดียวกันกับที่ผมเคยถือเข้ามาในบ้านหลังนี้
“ยังรักอยู่ไหม”มันถามด้วยสีหน้าสนใจ
“จะอยากรู้ไปทำไม”มันเป็นใครก็ไม่รู้
“เอ้า ก็ทำความรู้จักกันไว้ไง ผมชื่อปั้น”มันแนะนำตัวเอง ก่อนจะสะกิดแขนผม
“แล้วมึงอ่ะ”
“ปลิว”ผมตอบระหว่างที่พยายามยัดเสื้อลงไปให้เต็ม อะไรวะ ตอนขนมายังไม่เยอะเท่านี้เลย ของบางอย่างที่ไอ้โตซื้อให้ผมไม่ได้เอาไป เพราะมันไม่ใช่ของผมอีกต่อไปแล้ว ประตูห้องเปิดออกอีกครั้งเมื่อไอ้โตโผล่มามอง สายตามันพุ่งตรงไปที่ไอ้ปั้น
“ไปรู้จักกันได้ไง”ไอ้โตถามไอ้ปั้น ผมเหลือบมองมันเพื่อบอกให้มันเงียบ
“ไม่เกี่ยวกับพี่นี่”มันตอบด้วยเสียงกวนๆ
“ไปเอากุ๊ยที่ไหนมาวะปลิว แบบนี้มันจะดูแลมึงได้เหรอ”ไอ้โตพูดด้วยเสียงไม่พอใจ
“แล้วมึงมายุ่งอะไรด้วยล่ะ มันไม่ใช่เรื่องของมึง”ผมคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าสองใบมาถือก่อนจะพยักหน้าเรียกไอ้ปั้นให้ตามออกมา แต่ดูเหมือนมันกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง
“มึงว่าใครกุ๊ยวะ อย่างกูนี่ลูกผู้ใหญ่บ้านเว้ย”ไอ้ปั้นเดินเข้าไปหาไอ้โต เฮ้ย พวกมันจะวางมวยกันรึเปล่าวะเนี่ย
“มึงจะลูกใครกูไม่สน แต่ท่าทางอย่างมึงดูแล้วไม่ได้เรื่องว่ะ จะไปดูแลใครเขาได้”ทันทีที่ไอ้โตพูดจบ ไอ้ปั่นก็ปรี่เข้าไปซัดหมัดใส่ทันที ผมเห็นท่าทางมันแล้วก็คิดว่ามันคงเป็นพวกนักเลงแน่ๆเพราะหมัดหนักน่าดู แต่ผมไม่ห้ามมันสองคนหรอก เพราะลึกๆแล้วผมก็อยากให้ไอ้โตเจ็บตัวบ้างเหมือนกัน ผมหลบออกมาจากห้องปล่อยหมูกับหมาบ้ากัดกันไป รออยู่สักพักไอ้ปั้นก็ออกมาแต่ไม่เห็นวี่แววของไอ้โตเลยสักนิด หวังว่าคงไม่เดี้ยงไปแล้วหรอกนะ
“เดี๋ยวไปส่ง”มันบอกผมด้วยเสียงฉุนๆ หน้าตาดูเอาเรื่องจนผมไม่กล้าหือ ระหว่างที่ซ้อนท้ายมันผมก็เอาแต่คิดว่ามันมาช่วยผมทำไม?ทั้งๆที่ผมกับมันก็เป็นแค่คนแปลกหน้าต่อกัน
“ถามจริง มาช่วยกูทำไม”
“ไม่รู้”อ้าว
“ก็เห็นหน้าแล้วอยากช่วย”มันตอบมาแบบนั้นผมเลยไม่ได้ถามต่อ
“ขอบใจมาก”
“ไม่เป็นไร ขอเบอร์หน่อยดิ”มันยื่นโทรศัพท์ของมันมาให้ผม ผมเม้มปากอย่างชั่งใจ มันเป็นใครก็ไม่รู้ ไว้ใจได้แค่ไหน มาดีหรือเปล่า ผมดึงโทรศัพท์มากดเบอร์ของผมลงไป เอาวะ ลองเสี่ยงอีกสักครั้งก็ไม่เห็นเป็นไร
“ไว้จะโทรหานะ”มันพูดด้วยเสียงระรื่น ผมแค่พยักหน้า ไม่ได้หวังอะไรมากหรอก เพราะถ้าตั้งความหวังมันก็ผิดหวังได้ง่าย ผมขนกระเป๋าขึ้นไปบนห้องพี่ภู รู้สึกเกรงใจอยู่เหมือนกันแต่ตอนนี้ผมยังตั้งหลักไม่ได้จริงๆ ก็ต้องหน้าหนาเข้าไว้ก่อน ผมค้นหาวุฒิม.หกเพื่อไปสมัครงาน ...ชีวิตใหม่ของไอ้ปลิวจะเริ่มขึ้นแล้ว ต่อไปนี้ผมจะไม่ใช่ไอ้ปลิวคนเดิมอีกต่อไป
......................................................................
การเรียนรู้งานค่อนข้างยากสำหรับผม โดนดุไปก็หลายครั้งกว่าจะเข้าใจ เมื่อวานไอ้ปั้นมันบอกว่าจะโทรมา มันก็โทรมาจริงๆ ผมไม่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้มานานแล้ว แบบที่โทรคุยกันนานๆเหมือนกำลังโดนจีบ คุยไปคุยมาก็รู้ว่ามันเด็กกว่าผมแค่ปีเดียวเอง ก็ยอมรับว่าชอบมันนิดๆหรือเป็นเพราะผมไม่มีใครด้วยล่ะมั้ง แต่ผมก็ไม่ได้หวังอะไรกับคนแบบไอ้ปั้นมากอยู่ดี คนแบบมันที่รับคนแปลกหน้าอย่างผมไปด้วย ใครจะรู้มันอาจทำแบบนี้กับทุกคนที่มันอยากจีบก็ได้
ผมเงยมองนาฬิกาในเซ่เว่น อีกไม่กี่ชั่วโมงผมจะเลิกงานแล้ว ผมก้มหน้าก้มตาคิดเงินต่อไป เหลือบเห็นว่ามีน้ำโค้กกับขนมปังหลายห่อวางกองอยู่ตรงหน้า
“เลิกงานตอนไหน”ผมมองเจ้าของขนมเหล่านั้นด้วยสายตามึนๆ ไอ้ปั้นนั่นเอง
“เที่ยงคืน”อีกตั้งชั่วโมงกว่าๆ ผมคิดเงินให้มัน แต่ไอ้ปั้นก็ยื่นถุงขนมกับน้ำมาให้ผม
“ซื้อให้ ไปรอด้านนอกนะ”แล้วมันก็เดินออกไป ทิ้งให้ผมมึนงงอยู่แบบนั้น มึนงงที่เห็นมันหน้าขึ้นสีด้วย อะไรวะ ทำไมมันทำท่าทางมุ้งมิ้งแบบนั้นหรือผมมองอะไรผิดไป
“นั่นแน่ มีหนุ่มน้อยหน้าโฉดซื้อขนมให้ด้วย”พี่หนิงที่นั่งกินข้าวอยู่ที่พื้นแซวมา ผมแค่ยิ้มแห้งๆ รู้สึกแปลกๆขึ้นมา ไอ้ปั้นนี่...มันแมนแน่เหรอวะ ท่าทางของมันทำเอาผมเริ่มกลัว ผมลูบหัวเกรียนๆของตัวเอง นึกถึงคำพูดของไอ้ฟิกขึ้นมาที่มันบอกว่าผมดูแมนๆ ...ไม่นะเฮ้ย หรือผมจะดูแมนขึ้นจริงๆ!?
ปิดยอดเสร็จผมก็ถือถุงขนมที่ไอ้ปั้นซื้อให้ออกมาด้วย มันนั่งสูบบุหรี่อยู่หน้าเซเว่น...มันก็ดูแมนดีนี่หว่า แต่ไอ้ฟิกก็แมนๆมันยังพลาดพลั้งได้เลย ผมสะบัดความคิดไร้สาระออกไปก่อนจะไปสะกิดมัน
“เลิกงานแล้วเหรอ”มันอ้าปากหาวนอนใส่
“เออ แล้วมารอทำไม”
“จะไปส่ง”ผมอุ่นวาบขึ้นมาในอกทันที แต่ก็รีบบอกตัวเองทันทีว่าอย่าเพิ่งไปหลงกลมัน
“ไม่ต้องลำบากหรอก พรุ่งนี้มีเรียนไหม”มันลุกขึ้นยืนก่อนจะปัดกางเกง
“มีตอนบ่าย...แล้วทำไมไม่กินอ่ะ”มันพยักเพยิดไปที่ถุงขนมในมือของผม
“ยังไม่หิว”ผมตอบ ไอ้ปั้นพยักหน้ารับรู้ มันทำหน้าหงุดหงิดก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมารับสาย
“อะไรอีกล่ะพี่ วู้ ผมบอกพี่ฟิกไปเมื่อวานแล้ว”ผมหันไปมองอย่างสนใจ ฟิกไหนวะ ใช่ไอ้ฟิกกิ๊กเก่าผมรึเปล่า
“เออ ๆ พี่มาหาพี่ตินเองเลยดิ หึๆ หรือกลัวโดนต่อยอีก ...”มันคุยอยู่สักพักก็วางตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าเป็นไอ้ฟิกแน่ๆ
“รู้จักไอ้ฟิกด้วยเหรอ”ไอ้ปั้นย่นคิ้วมองผม...ท่าทางแบบนี้ของมันดูน่ารักดี
“ก็รู้จักแบบผ่านๆ พี่รู้จักด้วยเหรอ”ผมรู้สึกแปลกๆขึ้นมาเมื่อได้ยินมันเรียกผมว่าพี่
“อืม เป็นกิ๊กเก่ามัน”ผมตอบพลางยักคิ้ว ไอ้ปั้นมองผมตาโต
“จริงอ่ะ”แล้วมันก็เงียบไปเลย จนมาส่งผมที่คอนโดมันถึงได้เปิดปากอีกครั้ง
“ขอขึ้นไปคุยอะไรด้วยหน่อยดิ”มันมองหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง อืม...คุยอะไรตอนเที่ยงคืนวะ
“อือ มาสิ”อยากพิสูจน์อะไรบางอย่างด้วย พี่ภูมันจะด่าผมไหมวะที่พาผู้ชายขึ้นห้องแบบนี้ มันตามผมมาเงียบๆ
“เป็นอะไร”ผมถามเมื่อทนความเงียบแบบนี้ไม่ไหว
“เปล่านี่”มันไหวไหล่ ทำท่าทางกวนโอ๊ยใส่ผม ผมเลยเงียบใส่บ้าง จะว่าไปก็แปลกจริงๆผมเพิ่งรู้จักมันได้แค่สองสามวันก็ยอมให้มันเข้ามาก้าวก่ายขนาดนี้เลยเหรอ เฮ้อ ข้อเสียของผมคือเป็นคน'ง่ายๆ' ผมยอมรับ ทั้งเรื่องไอ้ฟิก ไอ้โตอีก ถ้าผมเอาแต่ทำตัวแบบนี้มันก็คงจะลงอีหรอบเดิมซ้ำๆแน่ แต่นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ผมยอมให้มันขึ้นมาบนห้อง
“ห้องพี่สวยว่ะ”พอเข้ามาด้านในมันก็เดินสำรวจนู่นนี่ไปทั่ว
“ไม่ใช่ห้องกู แฟนไอ้ฟิกให้ยืม”ผมตอบระหว่างที่มันเปิดตู้เย็นแล้วทำเสียงตกใจเมื่อเจอแต่ของมึนเมาในนั้น
“ขอเบียร์สองกระป๋องนะ”
“เฮ้ย ไม่ใช่ของกูเว้ย”ผมรีบท้วง
“เดี๋ยวซื้อคืนก็ได้ บ้านผมรวย”ผมเเอบเบ้หน้า จากที่ฟังมันเล่ามาคร่าวๆแล้วก็รู้มาว่ามันเป็นลูกผู้ใหญ่บ้านจริง บ้านอยู่ต่างจังหวัด และอยู่แก๊งพวกอันธพาลๆด้วย เหมือนพวกนักเลงประจำหมู่บ้านอะไรเทือกๆนั้น
“แล้วมึงจะคุยอะไร”ผมย้ำถึงประเด็นที่มันขอขึ้นมา ไอ้ปั้นจิบเบียร์พลางมองหน้าผม
“พี่ยังไม่ได้เล่าให้ผมฟังเลย เรื่องเกี่ยวกับตัวพี่อ่ะ ผมอยากรู้”ส่วนใหญ่ผมจะให้มันเล่าเรื่องของมันมากกว่า
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ชีวิตเหลวๆ”มันทำหน้าขัดใจ
“ขอแบบละเอียดๆดิ”มันย้ายมานั่งข้างๆผม ก่อนจะส่งเบียร์มาให้ ไม่ใช่ว่าไม่อยากกินนะ แต่นี่มันของพี่ภู ผมไม่กล้าแตะหรอก
“ก็...”ผมเลยเล่าให้มันฟังทุกเรื่องตั้งแต่แฟนคนแรกยันคนล่าสุด เหมือนได้ระบายออกมาด้วย แต่ครั้งนี้ผมไม่มีน้ำตาอีกต่อไปแล้ว ไอ้ปั้นนั่งฟังอยู่เงียบๆ
“พี่ยังรักมันอยู่ไหม ไอ้โตน่ะ”ผมมองหน้ามันก่อนจะถอนหายใจ
“พยายามลืมอยู่ มึงคงเข้าใจนะว่ามันต้องใช้เวลา”
“ผมจะทำให้พี่ลืมมันเอง”ไอ้ปั้นพูดด้วยเสียงมั่นใจ จนผมหัวเราะออกมา
“ผมพูดจริงนะ แต่พี่ต้องเปิดใจให้ผมด้วย”มันโน้มตัวเข้ามาใกล้จนผมร้อนวูบวาบขึ้นมา
“มึงสนใจกูที่ตรงไหน”เพราะมันเข้าหาผมแปลกๆ จะไม่ให้ตงิดใจได้ไง
“ก็เห็นแล้วชอบ อยากรู้จัก แค่นั้นแหละ”มันไหวไหล่
“มึงเป็นแบบนี้กับทุกคนรึเปล่า” ผมกลัวจะเสียใจแบบที่แล้วๆมาอีก
“เปล่า นี่ผมเพึ่งทำแบบนี้กับพี่คนแรกเลยนะ”ผมได้แต่ยิ้ม ยังไม่ปักใจเชื่อหรอก ใครๆก็พูดได้
“พี่ปลิว...”ไอ้ปั้นทำหน้าจริงจังอีกครั้งจนผมต้องกลั้นหายใจรอฟังว่ามันจะพูดอะไร
“คือ...”มันขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น สองมือโอบรอบคอของผม ..อืม..ผมว่ามันแปลกๆแล้วนะ
“มึงแค่หวังฟันกูใช่ไหม”ผมพูดแทรกขึ้นมา ลมหายใจกลิ่นเบียร์เป่ารดอยู่ใกล้ๆ
“เปล่านะพี่”มันรีบส่ายหน้าไปมา อื้อหือ ทำไมมันทำท่าทางไม่เข้ากับหน้าโฉดๆของมันเลยว่ะ ผมเริ่มใจเต้นตุบๆ
“เออๆ ช่างเหอะ”ผมบอกปัด แต่ไม่ได้ห้ามมันเพราะอยากรู้ว่ามันจะทำอะไรต่อ มันโน้มหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะกดริมฝีปากลงมาอย่างกล้าๆกลัว ๆเหมือนเด็กที่ไม่ประสีประสา จนผมต้องเป็นฝ่ายนำก่อนเอง รับรู้ได้ว่าตัวมันกำลังสั่นน้อยๆ...ทำเอาผมรู้สึกเหมือนเครื่องดับกลางคัน
“หยุดทำไมอ่ะ”มันทำหน้าตื่นๆเมื่อผมผละออกมา นี่มันใช่คนเดียวกับที่เข้าไปต่อยไอ้โตรึเปล่าวะ มันทำแบบนี้ผมกลัวนะ
“มึงมาเพราะเรื่องนี้เหรอ”ผมมองมันมึนๆ
“ผมไม่ได้หวังฟันพี่นะเว้ย แต่ผมเต็มใจมาให้พี่ฟันเอง”
บึ้ม!
เหมือนมีอะไรระเบิดอยู่ในตัวผม บระเจ้า!ไม่คิดว่าจะมีใครมาพูดแบบนี้กับผม ผมกลืนน้ำลายอย่างเฝื่อนคอ
“มึงเมาใช่ไหม”
“ไม่ได้เมา แค่นี้เองจิ๊บๆ”มันหัวเราะ ใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อย ผมจะบ้าตาย
“เฮ้ย ไอ้ปั้นมึงก็รู้ว่ากู เอ่อ กูเป็นรับ แล้วมึง...”ผมถอนหายใจดังเฮ้อ เสียดายรูปร่างมาดแมนของมันจริงๆ
“แล้วทำไมล่ะพี่ แค่นี้พี่จะเลิกคุยกับผมเหรอ ผมชอบพี่จริงๆนะ ไม่รับรักผม ผมปล้ำพี่จริงๆแน่”ว่าแล้วมันก็ขยับมานั่งบนตักของผม เป็นภาพที่สุดจะบรรยายจริงๆ ผมไม่น่าไปตัดผมเกรียนเลย
“มึงทำได้เหรอ” ผมหลุดหัวเราะออกมา แค่จูบมันยังเก้ๆกังๆเลย ทั้งๆที่ท่าทางของมันก็ดูร้ายแท้ๆ
“ทำได้ดิ”มันดูโกรธที่ถูกหยาม ผมได้แต่รอคอยว่ามันจะทำอะไรผม แต่มันก็ไม่เริ่มสักที จนผมแอบหงุดหงิด
“มึงต้องเคยนอนกับสาวๆมาแล้วสิ ใช่ไหม”หรือยังไม่เคย เป็นไปไม่ได้!
“ไม่เคย”
ครืน!
คำตอบของมันทำลายความหวังของผมอีกครั้ง
“ผมไม่นอนกับผู้หญิง ผมจะรอคอยคนที่ชอบเท่านั้น”มันมองผมด้วยสายตาหวานเยิ้ม
“ทำไมมึงเป็นแบบนี้ได้วะ เอาความแมนของมึงออกมา รึต้องให้กูแมนเองวะ”ผมดึงคอเสื้อมันเขย่าไปมาอย่างหงุดหงิด แต่ไอ้ปั้นดูจะไม่สะทกสะท้านอะไร
“ถ้าพี่ได้ผมแล้ว อย่าบอกใครนะ เพราะผมดีกรีนักเลงในหมู่บ้านเลยนะ แถมเป็นลูกผู้ใหญ่บ้านอีก พี่ต้องเก็บเงียบไว้นะ”ไอ้ปั้นกระซิบเบาๆก่อนจะแตะจูบลงมาที่ซอกคอเบาๆ ผมได้แต่มึนงง พูดอะไรของมันวะ
“เมาแล้วก็กลับได้แล้ว”ผมดันมันออกจากตัว ก่อนจะยืนเท้าเอวมองมันด้วยสายตาเอือมๆ
“พี่สัญญาก่อนดิ ว่าจะคุยกับผมต่อ มันไม่เกี่ยวกันหรอกว่าพี่กับผมเป็นยังไง”ไอ้ปั้นคว้ามือผมไปจับ
“เออๆ สัญญา”ไหนๆผมก็ลองเสี่ยงมาขนาดนี้แล้ว ก็ลองๆคุยกับมันไปก่อนล่ะกัน ผมเสียเวลาไปหลายชั่วโมงกว่าจะทำให้มันหลัยได้ เมื่อมันหลับแล้วผมก็ต้องถอดเสื้อนักศึกษากับกางเกงที่เปื้อนเบียร์ของมันไปซัก เอาผ้าห่มมาคลุมให้ไปก่อน หวังว่าคงไม่ตื่นมาโวยวายอีกหรอกนะ เฮ้อ ดวงผมนี่ได้เจอแต่คนแปลกๆรึไงก็ไม่รู้
--------------------------------
เอาส่วนของปลิวมาให้ คู่นี้อาจจะแทรกมาเป็นระยะๆเนาะ
ปลิวจะได้เปลี่ยนตำแหน่งไหม รอดูต่อไป

ตอนหน้าเจอสามหนุ่มต่อ