ผมรอดจากสถานการณ์นั้นมาได้อย่างหวุดหวิด มีผู้ใหญ่ใจดีให้ผมยืมโทรศัพท์ ผมจึงโทรหาลุงที่มีตำแหน่งในสน.ให้ไปจัดการพวกที่โกดัง ใครพอมีเส้นก็รอด ส่วนที่เหลือก็โดนจัดการไปตามระเบียบ ป๊ากับม๊าไม่ได้ไปญี่ปุ่นจริง หลังจากที่กลับมาบ้านพวกท่านเลยพาผมไปโรงพยาบาลในเมืองที่ไกลจากบ้านมาก คงเพราะกลัวพวกเด็กช่างกลแน่ๆ
ผมไม่ทันได้จ่ายค่าตอบแทนคนที่ช่วยผมออกจากโกดังเลยด้วยซ้ำเพราะป๊ากับม๊าย้ายที่อยู่กะทันหัน โชคดีที่ย้ายมาที่เดียวกับไอ้ชัย ป๊าเองซื้อบ้านไว้ก่อนแล้ว พวกท่านคงคิดเรื่องนี้อยู่ตลอดล่ะมั้ง ผมต้องเข้าเรียนม.ห้าใหม่เพราะเกรดแย่มาก เจอไอ้ชัยบ้างบางครั้ง ยังเข้าหน้ากันไม่ค่อยติดไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ส่วนตัวผมนั้นเหมือนได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ตอนแรกผมก็เกรงๆว่าจะมีคนตามมาเอาเรื่อง แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น แต่เห็นเสื้อช็อปเด็กช่างยนต์ทีไร ผมไม่สบายใจทุกครั้ง กับพี่ว่านและคนอื่นๆผมก็ไม่ได้ติดต่อไปอีกเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง จึงไม่รู้ชะตากรรมของพวกนั้นเลย
“มึงโอเคแล้วใช่ไหมวะ”ไอ้ชัยเข้ามาถามเป็นครั้งแรกหลังจากผ่านไปร่วมเดือน
“อืม ก็ดีกว่าเมื่อก่อนแล้ว เออ แล้วมึงจะเข้าคณะไหน”ไอ้ชัยกำลังเตรียมสอบเข้ามหา'ลัยแล้ว ส่วนผมต้องรอไปอีกปี อิจฉาเหมือนกัน
“เกษตรว่ะ กูเบื่อวิศวะพวกช่างทั้งหลาย”ไอ้ชัยหัวเราะอย่างไร้อารมณ์
“กู...ทำเรื่องแย่ๆไว้”ไอ้ชัยตบบ่าผมเบาๆ
“อย่าไปคิดให้ปวดหัว ตอนนี้มึงเป็นคนใหม่แล้วนะเว้ย” ผมพยายามจะมองทุกอย่างในแง่ดี จนอะไรเริ่มเข้าที่เข้าทางและผมจะเก็บเรื่องนี้ไว้ให้ลึกที่สุด เพราะผมไม่อยากพูดถึงมันอีกแล้ว จนผมเลื่อนชั้นขึ้นม.หก ไอ้ชัยติดต่อมาบอกว่ามันจะรอสอบเข้าพร้อมผม เพราะมันไม่ติดเกษตร แต่ไปติดวิศวะแทน (คณะที่มันเกลียด) ผมก็ดีใจอยู่นะ อย่างน้อยๆมันก็เข้าปีหนึ่งช้าเหมือนผม....
......
...
นั่นคือเรื่องทั้งหมดที่ไอ้ตินเล่าให้ผมฟัง สรุปว่ามันสร้างเรื่องเองแล้วหนีมาสินะ และคนในกลุ่มมันก็ไม่ได้โดนทำร้ายตามที่มันเล่ามาก่อนหน้านี้ ยกเว้นไอ้นัทที่เป็นแฟนเก่าไอ้ติน ผมนอนมองดาวเรืองแสงบนเพดานอย่างมึนงง มีหลายเรื่องที่ผมอยากพูดแต่ก็พูดไม่ออก เรื่องบางเรื่องที่มันเคยเล่าให้ฟังมันก็โกหกผมมานานแล้ว อย่างเรื่องที่มันย้ายมาที่นี่ตอนแรกมันบอกว่าย้ายมาหลังจากเรียนจบม.หก...แต่ผมก็เข้าใจที่มันต้องปิด มันคงไม่อยากให้ใครรู้เรื่องอดีตแย่ๆของมัน คงไม่มีใครอยากจำหรอก ไอ้ภูขยับตัวอยู่ข้างๆ เหมือนไม่รู้จะพูดอะไร ผมหันไปมองไอ้ตินที่นอนเอาแขนก่ายหน้าผากก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ
“มึงโอเคไหม”เพราะสีหน้ามันดูไม่ดีเลย ไอ้ตินยิ้มก่อนจะหันมามองผม
“มึงผิดหวังในตัวกูไหม ที่ทำแบบนั้น กูทิ้งทุกคนที่รักกูแล้วหนีเอาตัวรอดมา”
“กูไม่เคยตั้งความหวังในตัวมึงอยู่แล้วไอ้ติน”ผมไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นคนดีหลังจากที่มันรวมหัวกับไอ้ภูทำเรื่องแย่ๆกับผม
“แล้วอีกอย่าง ถ้าเป็นกู กูก็เลือกชีวิตตัวเองก่อนนั่นแหละ”เพราะผมมันเป็นประเภทที่ไม่ยอมเจ็บตัวเพื่อใครหรอก ผมไม่ใช่พระเอกอ่ะ ยกเว้นคนที่ผมรักมากจริงๆถึงจะยอมทำแบบนั้น
“เรื่องมันต่างกัน อย่างมึงกูไม่แปลกใจหรอก”ไอ้ตินแย้งมาเบาๆ
“ทำไมวะ ถ้ามึงอยู่ช่วยลูกพี่มึง มึงจะดูเท่ห์ขึ้นมาหรือไง”ไอ้ภูแทรกขึ้นมา ผมได้ยินไอ้ตินพ่นลมหายใจออกมา
“พี่ไม่ต้องมาพูดหรอก ผมรู้ว่าถ้าเป็นพี่ ยังไงพี่ก็ไม่ยอมหนีออกมาคนเดียวแน่ แถมยังโกหกเล่าเรื่องให้ตัวเองดูดีอีก ขอโทษนะ ที่ต้องโกหกไปแบบนั้นทั้งๆที่กูหนีแบบคนขี้ขลาดมา ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดมึงนะ ที่ไม่อยากให้มึงเข้ามายุ่งเรื่องนี้เพราะที่ไม่อยากให้มึงรับรู้เพราะกู..ไม่อยากให้มึงรู้จักอีกมุมของกู”ไอ้ตินถอนหายใจ ผมเลยเอื้อมมือไปจับมือมันไว้ก่อนจะหัวเราะ
“ถึงกูจะตกใจอดีตของมึง แต่มันก็ผ่านไปแล้ว ที่มึงทำได้คือแก้ไข กูไม่รู้สึกอะไรหรอกที่มึงเลือกหนีออกมาเอง อย่างที่กูบอกไง กูไม่คิดว่ามึงจะเป็นคนดีขนาดนั้น”คำพูดของผมทำให้ไอ้ตินยิ้มออกเป็นครั้งแรก
“กูควรต้องรู้สึกยังไงวะ”
“เออ ไอ้ตินถ้ามึงเข้าเรียนปีหนึ่งช้าไปหนึ่งปีงั้นมึงก็อายุเท่ากูอ่ะดิ แล้วเรียกกูว่าพี่ทำไม”ไอ้ภูทำหน้างงๆ
“เพราะผมนับถือพี่เป็นเหมือนพี่ชายคนหนึ่งของผมไง”ไอ้ตินตอบเบาๆ
“แต่พี่ไม่ต้องกลัวนะ ผมไม่ปล่อยให้พี่มีจุดจบเหมือนพี่ว่านหรอก”มันหัวเราะขึ้นมาแต่เป็นเสียงหัวเราะที่หดหู่สำหรับผม
“เฮ้ย ไอ้ติน เอาจริงนะเว้ย ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นจริงๆ มึงไม่ต้องมาปกป้องกูหรอก มึงห่วงตัวมึงเองเถอะ ส่วนกูคิดยังไงกับเรื่องนี้มึงก็ไม่ต้องถามด้วย”ไอ้ภูพลิกตัวมานอนตะแคง ก็อย่างที่รู้ๆกันว่าไอ้ภูมันรักพวกพ้องจะตาย ไอ้ตินเงียบลงอีกครั้ง สายตาทอดมองดาวเรืองแสงบนเพดาน
“มึงจำตอนที่ไอ้นัทมาก่อเรื่องได้ไหม”ไอ้ตินพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“อืม ทำไมวะ”เรื่องไหนที่เกี่ยวกับไอ้นัท ผมจำได้ดีเลยล่ะ ทั้งๆที่บางเรื่องอยากจะลืมก็เถอะ
“ปืนกระบอกนั้นที่มันเอามาให้กูเมื่อตอนม.ห้า คือปืนกระบอกเดียวกันกับที่กูใช้ขู่มัน ตลกดี”ไอ้ตินพูดขึ้นมาเบาๆก่อนจะถอนหายใจ อาจจะฟังดูไม่มีอะไรมาก แต่มันคงรู้สึกไม่ดีล่ะมั้ง
“แต่ถ้ากูมีมึงเป็นศัตรูกูว่ามึงน่ากลัวนะ”ไอ้ภูพึมพำขึ้นมา
“มีแต่คนบอกแบบนั้น”มันยกยิ้ม ผมคิดถึงเรื่องพี่ว่านของมัน พี่เขาจะรู้สึกยังไงนะ...หลังจากที่ไอ้ตินทำแบบนี้ แล้วหายหัวไปเลย ยังจะชอบไอ้ตินอยู่รึเปล่า
“สรุปแล้วโจทก์ของมึงมีแค่พี่ว่านอะไรนั่นคนเดียวใช่ไหม”
“อาจจะหลายคน พี่โย่ด้วย เด็กแว๊นอีกล่ะ รึไอ้เด็กช่างกลที่กูเบี้ยวเงินมันอีก"ผมหัวเราะเมื่อได้ยินประโยคหลัง
“แล้วทำไม มันถึงเพิ่งมาเอาคืนมึงล่ะ”ไอ้ภูถามเหมือนมันจะตื่นเต้น จนผมรู้สึกได้
“เท่าที่ผมเดา พ่อพี่ว่านคงจัดการลงโทษอะไรสักอย่างแน่ๆ เพราะผมคิดว่าเรื่องคราวนั้นก็เป็นข่าวใหญ่อยู่เหมือนกัน ดีที่ผมเส้นใหญ่เลยกลายเป็นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไป นี่ขนาดผ่านไปนานแล้ว พี่เขาคงยังเจ็บใจอยู่ เลยอยากจะเอาคืนผมล่ะมั้ง ที่ไอ้นัทโดนเล่นงานจนอยู่ไม่ได้ก็เพราะมันไม่ยอมบอกที่อยู่ของกู ไอ้พวกช่างยนต์ที่มาเล่นงาน มันบอกว่าพี่ว่านให้โอกาสกูมานานแล้ว แต่กูก็ไม่ได้ไปแม้แต่ขอโทษ กูทำเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ”มันถอนหายใจอีกครั้ง ผมเลยได้แต่บีบมือมันเบาๆเพราะไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไรดี
“พี่เขาอาจจะไม่ทำอะไรมึงก็ได้”ผมมองโลกในแง่ดี ไอ้ตินพลิกตัวมามองผม
“โลกสวยจัง”มันบิดจมูกผมแรงๆหนึ่งที
“แล้วพวกไอ้แก๊งล่ะ มันจบเรื่องกับมึงแล้วใช่ไหม”ไอ้ภูถามขึ้นมา
“ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่ได้ข่าวมันเลย แต่ที่มันโดนแทงไปคราวนั้นก็เจ็บหนักพอดูเลย”
“ระวังไว้ด้วยนะเว้ย เกิดมันยังไม่หายแค้น”ไอ้ภูเตือน
“แล้วที่มึงคุ้นหน้าเด็กช่างนี่หมายความว่าไง”
“ไม่มีอะไรหรอกแค่หน้าคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหนเฉยๆ”มันไหวไหล่
“กูเผลอคิดมากเลย มึงรู้ไหม”ไอ้ภูหัวเราะก่อนจะยกตัวมองหน้าไอ้ติน
“แต่มึงดีนะ ที่กลับใจทัน เป็นกูคงเตลิดตั้งแต่รู้ว่าเพื่อนทิ้ง พ่อแม่หนีไปเที่ยวแล้วว่ะ”ไอ้ภูหัวเราะเบาๆ
“มึงมันเด็กขี้น้อยใจไง”ผมล้อเลียนไอ้ภู ผมก็นับถือไอ้ตินนะที่ตอนนั้นมันไม่คิดน้อยใจทำเรื่องให้เลยเถิด
“คือผมก็พอจะรู้ตัวไงว่าเป็นเพราะผมเอง ทุกคนถึงได้เปลี่ยน ตอนแรกก็คิดอยากจะประชดป๊ากับม๊า แต่ผมกลัว ถ้าเกิดว่าพวกท่านยิ่งโกรธผมแล้วหนีผมไปอีก ก็แย่น่ะสิ”ไอ้ตินหัวเราะเบาๆกับความคิดของตัวเอง
“มึงนี่คิดต่างจากกูจริงๆว่ะ”ไอ้ภูพึมพำเบาๆ สอดมือมาลูบพุงผมไปด้วย บรรยากาศค่อยผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง เรื่องเครียดๆไม่ค่อยเหมาะกับผมเลยจริงๆ
“เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่พื้นฐานการเลี้ยงดูและจิตใจเว้ย”ผมเข้าโหมดมีสาระ ไอ้ภูหยิกพุงผมเบาๆ
“แต่กูว่าพวกมึงก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก ชั่วพอๆกันแหละ กูนี่โชคดีจริงๆ ได้คนชั่วๆมาตั้งสองคน”ผมพูดให้พวกมันสองคนผ่อนคลายลงบ้าง
“แล้วรักไหมล่ะ”
“เปลี่ยนอารมณ์ไวจริงๆนะพวกมึงเนี่ย”ผมยิ้มน้อยๆ
“ไม่อยากให้เครียดไปด้วยไง”ไอ้ตินเอือมมือมานวดตรงหว่างคิ้วให้
“แล้วไอ้พี่ว่านของมึงนี่…มึงเคยสนิทมากเลยเหรอ”ไม่ใช่อะไรหรอก ผมแค่อยากรู้เฉยๆเอง ไอ้ตินยกยิ้มมอง
“ก็สนิทอยู่นะ ตอนนั้นไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด”
“อ้อ…”
“ทำไม”
“เปล่า ถามเฉยๆ”ผมตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ทำไมกลัวไอ้ตินมันจะชอบเหรอ”ไอ้ภูกระซิบใกล้ๆ มันทำสีหน้าตลกๆ
“บ้าดิ กูแค่ถามเฉยๆ”ไอ้ภูหัวเราะหึๆ ไอ้ตินขยับเข้ามานอนกอดผม
“นอนเถอะ ดึกแล้ว”มันพึมพำเบาๆ
“กูดีใจนะ ที่มึงเล่าเรื่องนี้ให้กูฟัง”อย่างน้อยมันก็ไม่คิดจะปิดบังผม
“กูแค่ไม่สบายใจ อีกอย่างกูก็คิดว่ามึงคงรับได้”ผมนอนลืมตามองดาวบนเพดานห้องเพราะนอนไม่หลับไปแล้ว เรื่องเก่าๆของมันสองคนนี่ทำเอาวัยเด็กของผมกลายเป็นเด็กไร้เดียงสาไปเลย แต่ก็อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ นิสัยแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้แล้วจริงๆ ได้แต่หวังว่าการกลับไปบ้านเก่าของไอ้ตินครั้งนี้จะจบลงด้วยดี และคืนนั้นผมฝันแฟนตาซีมาก ฝันว่าผมกับพวกมันปล่อยพลังใส่ผู้ร้าย สงสัยเป็นเพราะฟังเรื่องบองไอ้ตินก่อนนอนมาแน่ๆ
TBC.
ตอนนี้ยกให้ตินเต็มๆ เรื่องปลิวรอให้จบเรื่องของตินก่อนเนอะ
สำหรับตัวละครของติน โดยพื้นฐานไม่ใช่คนโหดอะไร แต่จะออกแนวเยือกเย็นมากกว่า ไม่อย่างนั้นพี่แกคงจัดการฟิกเองคนเดียวแล้ว แต่เพราะตอนนั้นตินชอบฟิกจึงไม่อยากทำร้ายฟิกด้วยมือของตัวเอง (ยืมมือภูแทน) สรุปทั้งสามคนนี้ก็ไม่ได้นิสัยดีเด่อะไรเลยสักคนค่ะ ตินเองก็มีมุมที่เห็นแก่ตัวบ้าง ไม่มีใครดีใครชั่ว 100% คนศีลเสมอกันมักอยู่ด้วยกันได้

(โดนถีบ) สามคนนี้เลยคบกันไหลลื่นไง (เหรอ!)
เขียนงงๆขออภัยนะ เพราะปั่นตอนมึนๆ

ป.ล.รูปนี้คือตัวอย่างของที่เราจะแจกน้า รูปที่เอามาให้ดูเป็นแบบเฉยๆ ตรงจี้จะเป็น PFT (ภูฟิกติน) กติกาก็ง่ายๆเอง เล่นกันเถอะ เดี๋ยวแป้ก

รอเร็วๆนี้นะ ตอบได้ทั้งในเพจและในเล้าเลย
