ผมเดินลัดสนามหญ้าแห้งๆมาที่ตำแหน่งเดียวกับที่ผมเห็นไอ้คนปริศนา ยังดีที่มันยังไม่หายไปไหน เมื่อผมเดินเข้าใกล้รั้วบ้าน มันก็ขยับเข้ามาใกล้ๆเช่นกัน ผมมองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา มันเป็นคนร่างสูงผอม ใบหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นคนไม่ยอมใครและดูท่าจะแสบเอาเรื่อง มันอยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงยีนส์ขาดๆ
“มีอะไร”ผมถามทันที
“จะไม่บอกชื่อกูหน่อยเหรอ”
“จำเป็นด้วยเหรอ”ผมเลิกคิ้วมอง มันหัวเราะ สองมือล้วงเข้าไปในกางเกง ท่าทางเหมือนพวกกุ๋ย
“กูชื่อแก๊ง”ผมขยับถอยห่างออกจากรั้วอย่างระวังตัว อริเก่าไอ้ตินนี่เอง ไอ้แก๊งดูจะขำที่เห็นท่าทางเกร็งๆของผม
“กูมาดี ไม่ได้มาร้าย”ใครจะเชื่อวะ แต่เท่าที่กวาดสายตามองก็ไม่เห็นว่ามันพกอาวุธอะไรมา หรือว่าซ่อนแนบเนียนก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ท่าทางของมันดูไม่เหมือนคนที่พร้อมจะมีเรื่อง
“แล้วมึงมาด้อมๆมองๆแถวนี้ทำไม”
“แค่อยากมาเจอเพื่อนเก่า”มันพูดด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้รั้วมากขึ้น
“แล้วก็อยากมาเจอหน้าแฟนไอ้ตินด้วย …รู้สึกรสนิยมมันจะแปลกขึ้นทุกวัน”ไอ้แก๊งหัวเราะขึ้นมา สายตามองสำรวจผม
“ต้องการอะไร”ผมถามไปตรงๆ แต่เมื่อมันไม่ตอบ ผมจึงทำหน้ากวนประสาท
“หรือว่าอยากได้เงิน หาเศษตังค์แป๊บนะ”ผมล้วงมือควานหาเศษเงินในกระเป๋า
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน กูคงเข้าไปซัดปากมึงแล้วล่ะไอ้ฟิก”ผมกลับมามองมันอีกครั้ง รู้จักชื่อผมซะด้วย แสดงว่ามันก็อาจจะตามสืบเรื่องไอ้ตินอยู่เหมือนกัน
“อย่าบอกนะว่าตอนนี้เป็นคนดีแล้ว?”
“ทำนองนั้น”มันไหวไหล่ แต่เท่าที่ดู มันก็ไม่ได้มีท่าทางคุกคามผมแต่อย่างใด
“กูได้ยินเด็กในตลาดมันคุยกันว่าไอ้ตินกลับมาที่บ้าน ก็เลยแวะมาดูว่าจริงรึเปล่า มันคงมาเคลียร์เรื่องไอ้ว่านใช่ไหม”ผมไม่ได้ตอบคำถามของมัน ไอ้แก๊งหยิบหมากฝรั่งออกมาเคี้ยวด้วยท่าทางสบายๆ
“ถ้ามึงมาอยู่ที่นี่ได้ แสดงว่ามันคงเล่าอดีตกากๆของมันให้ฟังแล้ว มึงคิดว่าไง”
“เฉยๆ เพราะกูไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์”ไอ้แก๊งเดาะลิ้นเบาๆ มันเหลือบมองไปด้านบน ผมมองตามแต่ก็ไม่พบใคร ดูเหมือนมันจะระแวดระวังเอาเรื่อง
“ไอ้ตินไม่อยู่ใช่ไหม”มันกลับมามองผมตามเดิม
“ทำไม กลัวมันเหรอ”ไอ้แก๊งหัวเราะทันที
“กูไม่เคยกลัวมัน แล้วก็ไม่คิดจะกลัวด้วย ที่กูมาเพราะกูแค่อยากมาคุยกับมันตรงๆ”
“มันออกไปข้างนอก แต่อีกเดี๋ยวก็คงกลับ”ผมเม้มปาก คำถามที่อยากถามวิ่งวนอยู่ในหัว ไอ้แก๊งเลิกคิ้วมองผม
“มีอะไรจะถามกูไหม”มันยกยิ้มเหมือนรู้ทัน
“มี มึงยังแค้นไอ้ตินอยู่รึเปล่า”คำถามของผมทำให้มันถอนหายใจทันที มันเหลียวมองรอบๆ ก่อนจะตอบคำถาม
“เมื่อก่อนก็ยังแค้นอยู่ …มึงต้องเข้าใจนะว่าตอนนั้นกูเห็นเรื่องศักดิ์ศรีเป็นเรื่องสำคัญ กูถือว่ามันหยามและหักหลังที่มาสอยเด็กกู แต่มึงรู้ไหม หลังจากที่ผ่านเรื่องทั้งหมดมา หลังจากที่กูเกือบตายจากเรื่องตอนนั้น กูกลับคิดว่าเรื่องที่กูทำแม่งโคตรไร้สาระ ตอนนี้กู…ไม่ได้เจ็บแค้นอะไรมันอีกแล้วว่ะ เพราะต้นเหตุจริงๆก็ไม่ได้มาจากันแค่คนเดียว อีกอย่างตอนนี้กูก็ทิ้งศักดิ์ศรีบ้าๆพวกนั้นไปหมดแล้ว”ไอ้แก๊งดูสุขุมขึ้นมา แต่ผมยังเห็นแววบางอย่างในดวงตาของมัน
“ที่กูมา กูแค่มาพูดเรื่องที่ยังค้างคาอยู่ให้จบ…กูติดคำขอโทษมันอยู่”ไอ้แก๊งพูดออกมาตรงๆ ผมผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย
“มันก็มีเรื่องที่อยากบอกมึงเหมือนกัน กูมั่นใจ”ไอ้แก๊งเอาลิ้นดุนกระพุงแก้มเหมือนครุ่นคิด
“แต่มึงแปลกนะ มันไปชอบมึงได้ไงวะทั้งๆที่มึงกิ๊กกะเมียเก่ามัน”โอ้โห ข้อมูลแน่นจริงๆ
“เรื่องมัน…ซับซ้อนน่ะ”
“แล้วมึงก็ยังชอบมันอีกทั้งๆที่มันเคยรุม--”
“เรื่องของกู”จู่ๆผมก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาที่โดนขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆ ผมไม่ได้โกรธเคืองเรื่องที่พวกมันเคยทำกับผมแล้ว แต่ผมไม่อยากให้คนแปลกหน้ามาหยิบยกเรื่องนี้มาพูด
“อ้าว ไม่พอใจเหรอวะ โทษที ไม่คิดว่าจะเซ้นซิทีฟ”มันหัวเราะในลำคอ ผมเหลือบมองทางหน้าประตูเมื่อเห็นรถคุ้นตาของไอ้ตินกำลังเคลื่อนเข้ามา
“มันกลับมาแล้ว อยากคุยก็ไปขอมันเข้ามา”พูดจบผมก็ผละออกมาจากรั้ว ไอ้ภูหอบหิ้วถุงอะไรเยอะแยะไปหมด มาถึงมันก็จ้องผมด้วยสายตากดดัน
“เมื่อกี้มึงคุยกับใคร กูเห็นนะ”
“กิ๊กกูมั้ง”หงุดหงิดขึ้นมาเสียดื้อๆ ไอ้ภูขึงตามองผม ยกมือขึ้นเหมือนจะตบหัว
“มึงลองดิ กูโกรธมึงแน่”ผมทำหน้าตึง ไอ้ภูลดมืองก่อนจะนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม
“เป็นไร โกรธที่ไม่ได้ไปเหรอวะ”
“เปล่า”แค่หงุดหงิดเฉยๆ
“ไอ้ฟิก….เมื่อกี้กูว่ากูเห็น…”ไอ้ตินเข้ามาถาม แต่ก็ถูกขัดจังหวะเพราะเสียงรถKSRที่เคลื่อนมาจอดที่หน้าประตู ไอ้แก๊งบีบแตรสองสามครั้ง มันจ้องมองมาที่ไอ้ติน
“เพื่อนเก่ามึงมา”ผมสะกิดมันให้ไปเปิดประตู ไอ้ภูชะเง้อชะแง้มอง
“ไอ้แก๊งเหรอ หรือมันจะมาเอาเรื่องมึงวะ”
“ไม่หรอก”ไอ้ตินถอนหายใจ ก่อนจะไปเปิดประตูให้เพื่อนเก่าเข้ามาง่ายๆ แต่ผมคิดว่ามันคงแปลท่าทางเพื่อนเก่ามันออกว่าไม่ได้มาหาเรื่อง
“สงสัยวันนี้คงมีฉลองล่ะมั้ง”ไอ้เนมพึมพำเบาๆ สายตามองไปที่ไอ้ตินกับเพื่อนเก่าที่กำลังคุยอะไรกันสักอย่าง ไอ้ตินดูสบายใจขึ้นมาเป็นกองเลย มันเดินกลับมาพร้อมรอยยิ้มจาง
“วันนี้ไอ้แก๊งจะมาแจมด้วย”
งานเลี้ยงย่อมๆกำลังเกิดขึ้น ไอ้ชัยดูแปลกใจมากทีเดียวที่เห็นไอ้แก๊ง แต่มันก็เปิดอกคุยกันโดยที่ไม่มีใครต้องเจ็บตัว แต่ผมคิดว่าที่มันมาวันนี้ มันต้องมีจุดประสงค์มากกว่ามาเคลียร์เรื่องไอ้ตินแน่ๆ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าบรรยากาศระหว่างไอ้ม่อนและไอ้แก๊งดูไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่ นอกนั้นก็เข้ากันได้ค่อนข้างดี
“มึงเป็นอะไรวะ หน้าตาบูดบึ้งมาตั้งนานแล้ว”ไอ้เคนถามระหว่างที่ผมกำลังปิ้งบาร์บีคิวอยู่
“เปล่า กูแค่หงุดหงิดนิดหน่อย เดี๋ยวก็หาย”
“งอนที่พวกมันไม่ให้ไปด้วยเหรอ”ไอ้เคนถามด้วยสีหน้าขำๆ
“มึงคิดว่ากูจะงอนด้วยเรื่องแค่นั้นเหรอ กูไม่ใช่ตุ๊ดนะมึงที่จะขี้น้อยใจ”
“อ้าว แล้วก่อนหน้านี้หมาตัวไหนมันทำหน้าบูดวะ แปลกนะมึงเนี่ย”ไอ้เคนดูงุนงงกับอารมณ์ของผม
“กูแค่รู้สึกไม่ชอบที่โดนขุดอดีตว่ะ”ผมบอกมันออกมาในที่สุด ไอ้เคนเงยหน้ามอง
“เรื่องไหน อดีตมึงมีเยอะเหลือเกิน”
“ก็เรื่อง…ที่พวกมันเคยทำไม่ดีใส่กูอ่ะ ไอ้แก๊งมันไปสืบเรื่องนี้มา แปลกนะเว้ย จู่ๆกูก็โกรธขึ้นมาไม่มีปีไม่มีขลุ่ย”
“…ก็มึงไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มานานแล้วล่ะมั้ง พอมาโดนขุดเลยรู้สึกเหมือนโดนสะกิดแผลเก่าล่ะมั้ง”ผมคิดตามคำพูดของไอ้เคน มันก็จริงนั่นล่ะ ตั้งแต่วันที่ผมให้โอกาสพวกมัน เรื่องนี้ก็ไม่เคยถูกหยิบยกขึ้นมาพูดอีกเลย เพราะผมเลี่ยงที่จะไม่พูดถึง
“รีบๆทำตัวปกติซะล่ะ ไอ้สองคนนั่นมันห่วงมึงนะเว้ย”ผมเหลือบมองกลับไปที่โต๊ะ เห็นไอ้ตินมองมาทางผม แต่ก็เสมองอย่างอื่นแบบเนียน ๆ จะว่าไปมันสองคนก็ไม่ได้มาเซ้าซี้ผมเลยตั้งแต่ที่ผมอารมณ์ไม่ปกติ
“เออ”ไอ้เคนถือบาร์บีคิวกลับไปที่โต๊ะ ผมยืนทำหน้าที่ปิ้งๆย่างๆไปอีกพักใหญ่ จนอารมณ์เข้าที่จึงกลับไปนั่งร่วมวงตามเดิม ไอ้แก๊งกำลังพูดรำลึกความหลังอยู่พอดี
“ตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้น กลุ่มกูมันแตก ไอ้เหี้ยว่านก็ทำวางโต จนพวกกูแม่งเกือบอยู่ไม่ได้ โดนพวกมันคุกคามมาตลอด”ไอ้แก๊งดูจะเกลียดขี้หน้าไอ้ว่านมากพอดู
“กูเองก็ผิด”ไอ้ตินแทรกมาเบาๆ
“กูไม่ได้ติดใจเรื่องมึงแล้วนะไอ้ติน แต่กูยังมีเรื่องค้างคากับไอ้เหี้ยว่าน”ไอ้แก๊งมองไปที่ไอ้ม่อนตรงๆ
“มึงก็รู้จักมันใช่ไหมวะ กูเคยเห็นมึงอยู่กับไอ้ว่านเมื่อหลายเดือนก่อน ทำไมวะ ตอนนั้นมันสั่งให้มึงเล่นงานไอ้ตินหรือไง”ไอ้แก๊งพูดเสียงดัง ไอ้ม่อนเลยกลายเป็นจุดรวมสายตา
“ก็อย่างที่ผมเคยบอกไป ว่าผมก็รู้จักกับพี่ว่าน”
“มึงไม่เห็นบอกกูเลยว่าเคยเจอมัน”ไอ้ภูสอดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“แล้วมึงคุยกับใครวะ เมื่อเย็นน่ะ”ผมพูดขึ้นมาบ้างเพื่อกดดันมัน ไม่รอดแน่มึง
“ผมคุยกับพี่เม่น นี่ไม่ไว้ใจผมกันเหรอ บอกแล้วไงว่าที่ผมมาด้วยเพราะอยากมา ไม่ได้เกี่ยวกับพี่ว่าน ผมแค่อยากช่วยพี่ภู ตอบแทนที่เคยช่วยผมเมื่อหลายปีก่อน”ไอ้ม่อนมองหน้าไอ้ภูสลับกับไอ้เนม ทั้งวงเงียบไปพักใหญ่ๆ อาจกำลังคิดว่าจะไว้ใจไอ้ม่อนได้จริงหรือ ไอ้เชนดันแก้วโค้กมาให้ผม พร้อมกับยักคิ้วให้ เมื่อยกจิบถึงได้รู้ว่ามันผสมเบียร์ด้วย
“เอามาจากไหนวะ”ผมกระซิบ
“กูเอาติดมา อย่างกูมันเข้าเส้นแล้ว ขาดไม่ได้หรอกว่ะ”มันพึมพำกลับมาเช่นกัน ไอ้ตินกระแอมเบาๆก่อนจะหันไปคุยกับไอ้แก๊งต่อ เหมือนพวกมันก็อยากเข้ามาคุยกับผม แต่เหมือนจะลังเลว่าผมอารมณ์ปกติแล้วหรือยังเลยได้แต่มองมาจนตัวผมจะสึกกร่อนอยู่แล้ว และนี่ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ไอ้เชนมันจงใจกระซิบกระซาบใกล้ๆผมบ่อยๆ ก็ได้ มันไม่รู้อะไรวะแล้ว
“เลิกป่วนได้แล้วไอ้เชน”
“มึงกลัวเหรอ”เออสิ
“กลัวมึงน่วมไง”ผมก็พอจะสังเกตว่าพวกมันสองคนดูหงุดหงิดกับผมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่อยากให้ไอ้เชนทำตัวป่วนประสาทสะกิดต่อมระเบิดของพวกมัน
“มึงห่วงกูใช่ไหม”มันหัวเราะ
“กูห่วงตัวเองต่างหาก”ผมตอบไปตามตรง ไอ้เชนเบ้หน้า ก่อนจะปลีกตัวออกไปนั่งเล่นคนเดียวตามประสาคนบ้าๆ นานเข้าคนในวงเริ่มน้อยลงจนเหลือแค่ผม ไอ้แก๊ง และไอ้สองตัวนั่น อาจเพราะคนอื่นอยากให้คุยกันสะดวกล่ะมั้ง
“ตกลงมึงมาหากูเพราะอะไรวะ”ไอ้ตินถามทันทีที่คนอื่นๆลุกไปจากโต๊ะแล้ว ไอ้แก๊งถอนหายใจก่อนจะยืนขึ้น มือเลิกชายเสื้อเผยให้เห็นรอยจางๆของแผลเป็น คงเป็นแผลที่โดนแทงครั้งนั้นแน่ๆ
“กูยังมีความแค้นกับมันอยู่…กูไม่ได้อยากจะยืมมือมึงหรอกนะ ไอ้ติน แต่ตอนนี้…กูไม่มีที่พึ่งอื่น ถ้ามึงไปเคลียร์กับมันกูจะไปด้วย ครั้งสุดท้าย ที่กูจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้”ไอ้แก๊งดูจะมุ่งมั่นกับเรื่องนี้มาก และดูจะไม่ลดละง่ายๆด้วย
“มันคุ้มเหรอ ที่กูกลับมาครั้งนี้ กูอยากมาเคลียร์เรื่องเก่าๆให้มันจบ ถ้าเลี่ยงได้ กูไม่อยากใช้กำลัง”ไอ้ตินพูดขึ้นเบาๆ
“แล้วมึงคิดว่าไอ้ว่านมันจะยอมคุยกับมึงง่ายๆเหรอ อย่างน้อยมันอัดมึงก่อนนั่นล่ะถึงจะยอมคุย”ไอ้แก๊งทำเสียงหึในลำคอ
“กูรู้…แต่เรื่องของมึงกับพี่ว่านอย่าเอามาปนกับเรื่องกูได้ไหมวะ ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากช่วยมึงนะ แต่กูว่ามันไม่เวิร์คหรอก ถ้ามัวแต่เอาคืนกันไปมาแบบนี้”
“แล้วที่ผ่านมาที่กูต้องโดนเหยียบย่ำล่ะวะ มึงไม่ได้อยู่ในจุดนั้นแบบกู มึงไม่เข้าใจหรอก หรือไม่มึงก็ถามไอ้นัทสิ ว่ามันโดนอะไรมาบ้าง”
“มึงก็ไปเคลียร์กับมันตัวๆสิวะ ปัญหาของมึง ไม่ใช่ของไอ้ติน อย่าเอามันไปเกี่ยว หรือมึงกลัวมัน”ไอ้ภูพูดขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปนาน ไอ้แก๊งเลียริมฝีปากไปมา ไม่ได้ตอบคำถามของไอ้ภู ตามความเห็นของผม ผมก็ว่าไอ้แก๊งมันกลัวไอ้ว่านนั่นล่ะ ถึงไม่กล้าลุยเดี่ยว หรือมันเป็นพวกเก่งเฉพาะตอนมีเพื่อนช่วยหนุนด้วย ไอ้แก๊งเหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่มันก็หุบปากเงียบตามเดิม
“ถ้ากูเคลียร์ปัญหาของกูจบ กูจะช่วยมึงแต่มึงคงรู้ว่ากูจะใช้วิธีไหน”
“…เออ”ไอ้แก๊งดูจะไม่เต็มใจนัก แต่มันเองก็คงไม่มีพรรคพวกที่ไหนแล้วแน่ๆ
“ถ้าไม่มีเรื่องนี้ มึงจะมาหากูไหมวะ”ไอ้ตินถามขึ้นมาเบาๆ ไอ้แก๊งยกยิ้ม
“มาดิ กูตั้งใจจะมาอยู่แล้ว กูรู้ว่ามึงต้องกลับมาเคลียร์”
“มึงมองกูผิดนะ แก๊ง กูตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่กลับมา อาจฟังดูแย่ แต่กูไม่อยากจำเรื่องที่กูเคยทำไว้ ไม่อยากรับรู้ว่ากูทิ้งปัญหาไว้ให้ใครบ้าง กูแค่อยากลืม ถึงได้ทำเหมือนว่าช่วงเวลานั้นไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของกูเลย จนมาเกิดเรื่องขึ้นเพราะพี่ว่าน”ไอ้ตินถอนหายใจเบาๆ มันไม่มองหน้าใครเลย ผมมองหน้าไอ้แก๊ง มันเองก็เงียบไปเหมือนกัน ไอ้ตินก็แค่อยากหนีอดีตแย่ๆของตัวเอง ผมเพิ่งมารู้สึกตอนนี้เองว่ามันทิ้งปัญหาไว้เยอะเหมือนกัน คนที่ยังแค้นมันอยู่คงมีไม่น้อยแน่ๆ
“พี่โย่ยังคบกับพวกเด็กแว๊นอยู่รึเปล่าวะ”ไอ้ตินถามรำลึกความหลัง
“เปล่า ไม่ได้คบแล้ว ก็แยกๆย้ายกันไป แต่ตอนที่มีเรื่องเห็นเขาเล่าว่าพ่อไอ้ว่านมันยัดคดีให้กลุ่มพี่โย่ทั้งแก๊งเพื่อให้ไอ้ว่านพ้นผิด แต่โชคยังดีที่มีคนมาช่วยประกันตัวพวกพี่โย่”
“ใครวะ”ไอ้แก๊งมองไอ้ตินด้วยสีหน้าแปลกใจ
“มึงไม่รู้เหรอ…ก็พ่อมึงไง”ไอ้ตินดูจะงุนงงจริงๆ
“เหรอวะ ทำไมป๊าไม่เคยบอกกูเลย ช่วงนั้นกูจิตตกอยู่ตั้งนาน”ไอ้แก๊งไหวไหล่
“สงสัยคงคิดว่าพวกนั้นก็เคยดูแลมึงล่ะมั้ง ถึงจะ…ดูแลแบบแย่ไปหน่อย แต่เอาเถอะ ยังไงพวกนั้นไม่แค้นมึงหรอก”
“ไม่ได้ดีใจเลยสักนิด”
“แต่มึงคงรู้จักไอ้ว่านดีว่ามันไม่ใช่คนที่เล่นสะอาด ถ้ามันแค้น มันเอาคืนได้ทุกทางนั่นแหละ”ไอ้แก๊งตบบ่าไอ้ตินเบาๆ
“แต่กูโคตรแปลกใจเรื่องแฟนใหม่มึงเลยว่ะ”ไอ้แก๊งหันมามองหน้าผม ก่อนจะมองไอ้ตินเลยมาที่ไอ้ภู
“มึงมีปัญหาอะไร”ไอ้ภูถามเสียงขุ่นทันที
“เปล่า บอกแล้วว่าแค่แปลกใจที่คบกันได้ทั้งๆที่…”ผมวางแก้วโค้กเสียงดังกว่าปกติ ไอ้แก๊งเลยจำต้องหยุดพูด มันมองหน้าผมงงๆ แต่ไม่นานก็คงเข้าใจว่าผมยังเคืองๆมันอยู่
“เออ งั้นกูกลับก่อนนะ”มันส่งยิ้มทั่วโต๊ะ ไอ้ตินเดินไปส่งเพื่อนเก่าที่หน้าประตู ไอ้ภูหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าจริงจัง
“บอกได้หรือยังว่ามึงเป็นอะไร นั่งเป็นใบ้ทำหน้าบูดเป็นหมาปั๊กอยู่ตั้งนาน”
“หมาปั๊กเป็นไงกูไม่เคยเห็น”ผมยังคงทำเล่นต่อไป ไอ้ภูถอนหายใจเสียงดัง
“มึงเป็นอะไร”มันถามเน้นทีละคำ ไอ้ตินกลับมาพร้อมกับส่งสายตาคาดคั้นมาทางผม
“กูแค่…หงุดหงิดนิดหน่อย”
“เรื่อง”ไอ้ตินแทรก
“กูหงุดหงิดที่ไอ้แก๊งมันขุดเอาเรื่องเก่าๆมาพูดใส่ กูแค่รู้สึกไม่ค่อยโอเค”ผมไหวไหล่ทำเหมือนเรื่องเล็กน้อย กลัวพวกมันจะคิดมากอีก มันสองคนนั่งเงียบไปหลายนาที
“แต่ตอนนี้กูโอเคแล้ว พวกมึงไม่ต้องคิดมากหรอก”ผมทำลายความเงียบเป็นคนแรก
“เอาจริงๆกูยังไม่เคยขอโทษมึงจริงๆจังๆเลยนะ”ไอ้ภูหันมามองหน้าผม
“มึงเคยขอโทษกูไปแล้ว กูจำได้”ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน เรื่องคราวนั้นมันก็เกิดนานแล้ว และผมก็โอเคดีมาตลอด ไม่ได้คิดมากเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะผมจงใจไม่คิดมากล่ะมั้ง หรือเพราะตอนนั้นผมไม่อ่อนไหวมากเท่าตอนนี้ ผมยอมรับและรู้ตัวเองดีว่าว่าอารมณ์อ่อนไหวมากกว่าเมื่อก่อนมาก ตั้งแต่เกิดเรื่องไอ้ภูคราวนั้น
“แต่พวกมึงคงรู้ใช่ไหมว่ากูไม่ได้ติดใจกับเรื่องตอนนั้นแล้วจริงๆ”ผมลอบมองสีหน้าของมันสองคน โล่งหน่อยที่มันสองคนมีรอยยิ้มอยู่บนหน้า
“ย้ายมานอนห้องกูด้วยนะ ได้ข่าวว่ามึงไปนอนกับเพื่อนมึง”
“เออ”
“กูไม่ชอบขี้หน้าไอ้เชนเลยว่ะ มันจงใจยั่วโมโหกู ถ้ากูเล่นมันมึงจะมาหาว่ากูไร้เหตุผลไม่ได้นะ”ไอ้ภูพูดอย่างหัวเสีย
“มึงอย่าไปถือสามันเลย มันแค่ล้อเล่น”จำได้ว่ามันพูดไว้ว่าพิสูจน์อะไรสักอย่าง
"แล้วมึงจะไปเคลียร์กับไอ้ว่านตอนไหน"ผมเปลี่ยนเรื่อง รู้สึกอยากเร่งเวลาให้ผ่านไปเร็วๆจะได้จบๆเรื่องเสียที
"พรุ่งนี้ เตรียมตัวได้เลย"
TBC.
เค้ามาแล้วว

รอกันนานเลย
ตอนหน้าคงจบเรื่องกับว่านแล้วค่ะ