3P[ฉบับพิเศษ]เมื่อผมเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน [เปิดขายแล้วน้า]1/2/60 P.46
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ชอบใครมากที่สุด (ถามอีกแล้ว 55)

พี่ภูคนโหด เรื่องหื่นไว้ใจได้
61 (25.2%)
น้องเกรียนฟิก ผู้มีสามี2คน
98 (40.5%)
พี่ตินคน(แอบ)โหด อย่าให้โมโหเชียว
83 (34.3%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 242

ผู้เขียน หัวข้อ: 3P[ฉบับพิเศษ]เมื่อผมเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน [เปิดขายแล้วน้า]1/2/60 P.46  (อ่าน 293769 ครั้ง)

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ก็น่าสงสารว่านอยู่นะ โดนแทงอ่ะ
แต่คงไปทำอะไรแก๊งไว้สิท่า

ปล.สมน้ำหน้าอิม่อน หึๆ

ออฟไลน์ ♥♥ดอกช่อบานสะพรั่ง♥♥

  • เหรียญยังมีสองด้าน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
อิอิ ฟิกโมเม้นแบบนี้ก็มี.รอตอนต่อไป  :pig4: :hao4:

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ขออนุญาตรอตอนต่อไปแบบด่วนๆ อยากรู้เรื่องปั้นมากอ่ะะะะ 55555

ออฟไลน์ Cady

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ masmaro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จะพูดยังไงดีอะพี่ว่านมันก็ผิดตินก็ผิด แต่ก็อยากให้จบแบบเคลียๆไปเลย
แต่หนูฟิกของสองหนุ่มนี้ขี้หึงเหมือนกันนะเนี้ย  :katai3:
แต่มีลางว่าพี่ว่านจะจบไม่สวย ไปทำเมียรักเมียหวงของเค้าเองนิ ช่วยไม่ได้
หนูฟิกแค่เจ็บแต่คนทำคงสาหัสเกือบตายแน่ๆ  :hao3: :hao3:

จะรอตอนหน้านะคะ สู้ๆๆๆ ชอบเรื่องนี้มากกกก อยากให้มาอัพทุกวันด้วยซ้ำ  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ zzom

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดถึงปลิวค่ะ ... อยากให้ปลิวรุกเลยนะ  :hao5: :katai4:

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
ตอนที่๑๓ ว่าน ครึ่งหลัง






[Phu Side]

                ไอ้ตินมันตัดสินใจจะเข้าไปในโกดังคนเดียว ซึ่งผมก็ขัดมันไม่ได้เพราะเป็นการตัดสินใจของมัน ถึงจะไม่สบายใจแต่ก็ต้องยอมรับ

“กูว่ามันแปลกๆแล้วว่ะ”ไอ้ฟิกบ่นพึมพำทันทีเมื่อประตูโกดังเลื่อนปิดลง ผมมองไปรอบๆเห็นว่าเพื่อนไอ้ตินมันลงมาจากรถอีกคันด้วยสีหน้าไม่ดีนัก

“มันอาจจะอยากคุยแบบเป็นส่วนตัวล่ะมั้ง”ผมตอบพลางปราดมองไปที่วัยรุ่นพวกนั้นและเห็นสีหน้าสะใจของไอ้พวกนั้น

 “กูลงไปยืดเส้นยืดสายนะ ส่วนมึงนั่งอยู่ในนี้นั่นแหละ”ผมเสริมทันทีเมื่อเห็นว่าไอ้ฟิกตั้งท่าจะค้าน เมื่อก้าวลงจากรถ ไอ้ชัยก็ขยับมาหาผมทันที

“ผมว่ามันแปลกๆว่ะ ทำไมมันต้องปิดประตูด้วยวะ”ไอ้ชัยเหลือบมองไปรอบๆก่อนจะหยุดอยู่ที่รถของไอ้ว่าน

ระหว่างที่ก้าวลงจากรถ ผมก็กวาดสายตาไปรอบๆ สัมผัสได้ทันทีว่าไอ้พวกวัยรุ่นเหล่านั้นดูระแวดระวังและมีท่าทางพิลึกชอบกล ผมเหลือบมองไปยังรถอีกคันที่จอดอยู่ด้านใน เดาว่าเป็นรถของพวกลูกพี่มัน

“พี่ …ผมว่า”พูดยังไม่ทันจบไอ้ชัยก็ทรุดลงเพราะถูกฟาดเข้าอย่างจัง ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกชาร์จเข้ากับรถอย่างจัง แขนถูกบิดไพล่หลังจนเจ็บแปลบๆ

“พวกมึงอยู่นิ่งๆ ไม่งั้นกูเล่นมันแน่”เสียงเข้มท่าทางเอาเรื่องดังขึ้น พร้อมกับที่ไอ้ฟิกถูกกระชากออกจากรถ

“พี่ว่าน”ไอ้ชัยครางอู้อี้

อ้อ…นี่น่ะเหรอ ไอ้ว่าน ผมกวาดตามองคนรูปร่างสูงแต่สมส่วนอย่างคนออกกำลัง ไอ้ฟิกหน้าซีดเหมือนลูกหมา แต่ก็ยังไม่วายกวนตีนได้

“เฮ้ย มึงไม่รู้เหรอว่ากูเส้นใหญ่นะเว้ย”มันขยับตัวหมายจะดึงตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมของไอ้ว่าน แต่ก็ทำได้แค่ดิ้นอยู่ฝ่ายเดียว

“เหี้ยเอ้ย”เสียงสบถของไอ้เนมดังเข้าหู มันเองก็ถูกลากออกมาเหมือนกัน โดยไอ้ม่อน ในอกผมเริ่มเดือดปุดๆ ว่าแล้วไม่มีผิด ไอ้เหี้ยนี่ไว้ใจไม่ได้ ผมมองไปที่ไอ้แก๊งมันคว้าคอเสื้อไอ้เนมไว้ ไม่รู้ว่าตาฝาดหรือยังไง ถึงได้เห็นมันขยิบตามาให้

“พวกมึงต้องการอะไร”น่าแปลกที่ผมใจเย็นกว่าที่คิด แต่อาจจะเพราะว่าไอ้ฟิกอยู่ใกล้ไอ้ว่านก็ได้ ผมเองก็ไม่รู้พิษสงของมันด้วยว่าร้ายแค่ไหน ถ้าทำอะไรบุ่มบ่าม ไอ้ฟิกอาจจะเจ็บตัวก็ได้

“หึ ไม่ใช่เรื่องของมึง”ไอ้ว่านตอบเสียงกวนตีน ผมข่มอารมณ์หงุดหงิดไว้ให้ลึกที่สุด

“นี่น่ะเหรอ แฟนใหม่ไอ้ติน เหอะ”มันทำเสียงเยาะๆก่อนจะกวาดตามองไอ้ฟิก

“ทำไม หนักหัวพ่อมึงเหรอ”ความกลัวก็ทำลายความกวนตีนของไอ้ฟิกไม่ได้ ผมปรามมันทางสายตา

“ปากดีนักนะมึง อยากแดกตีนมากใช่ไหม”ไอ้คนที่กำแขนผมไว้แน่นเหมือนคีมเหล็กพูดขึ้น ผมกระแทกเท้าใส่หน้าแข้งมันเต็มแรง จนมันสะดุ้งโหยง

“แดกตีนกูก่อนเป็นไง”

“เฮ้ย พาพวกมันไปเก็บ”คำว่า‘เก็บ’ทำให้ไอ้ฟิกหุบปากเงียบ มันเหลือกตามองผมด้วยสีหน้าซีดๆ แต่ผมแค่ยักคิ้วให้มัน ผมเชื่อว่าไอ้พวกนี้ไม่อุกอาจขนาดนั้นหรอก

“เชี่ยม่อน มึงรู้ใช่ไหม ถ้ากูหลุดไปได้ จะเกิดอะไรขึ้น”ไอ้เนมพูดเสียงกระชาก

“ผมไม่มีทางเลือก ถ้าผมไม่ทำผมก็โดนเล่นอยู่ดี”ไอ้ม่อนพึมพำเสียงอ่อน หึ เหตุผลปัญญาอ่อนก็ไม่ทำให้มันพนผิดหรอก

มันลากพวกผมไปที่โกดังหลังเล็กๆเก่าๆซ่อมซ่อที่อยู่ใกล้ๆกับโกดังหลังใหญ่ไปไม่ไกลนัก

“ถ้าพวกมันตุกติกก็จัดการเลย กูอนุญาต แต่ไอ้นี่กูจัดการเอง”เสียงไอ้ว่านดังมาจากด้านหลัง หมายความว่ามันจะเล่นงานไอ้ฟิกเองเหรอ ยังไม่ทันได้คิดแผนอะไร ไอ้คนที่จับผมไว้ก็ผลักผมเข้าไปในโกดังเหม็นอับทันที ผมหมุนตัวเหวี่ยงหมัดใส่มันไปจังๆ 

“อย่าซ่าส์”ไอ้ม่อนปรี่เข้ามาถีบหน้าท้องผมเต็มแรงจนเซไปชนกับกองไม้ขึ้นรา ผมขึงตามองมันอย่างโกรธจัด ไอ้ม่อนเดี๋ยวมึงได้ลิ้มรสตีนกูแน่

“เอาของพวกมันออกมาให้หมด”ไอ้ว่านสั่ง มือยังคงจับคอไอ้ฟิกไว้มั่น ไอ้แก๊งค้นเอาโทรศัพท์ของไอ้ชัยออกมา ผมแปลกใจที่มันแค่ตะปปผ่านๆเท่านั้น หลังจากที่ถูกเอาของมีค่าออกไปจนหมดแล้วประตูโกดังก็ปิดลง เหลือแค่ผมกับนักโทษอีกสองคน ไอ้ฟิกไม่ได้เข้ามาด้วย อาจจะถูกพวกไอ้ว่านเล่นงานอยู่ คิดแล้วก็เดือดปุดๆจนต้องเตะกองไม้เน่าๆพวกนั้นเต็มแรง

“ใจเย็นดิ ไอ้ภู”ไอ้เนมพูดขึ้นมา สีหน้ามันสงบกว่าปกติ ผมถอนหายใจพรืด

“แม่งเอ้ย กูว่าแล้ว มันต้องไม่จบง่ายๆ”ผมยังคงเดินวนไปวนมาอย่างหงุดหงิด

“เป็นไงล่ะเพื่อนมึง สุดท้ายมันก็มาหลอกพวกมึง”ผมหันไปเล่นงานไอ้ชัยแทน อย่างน้อยๆก็ระบายความหงุดหงิดได้บ้าง

“แล้วเด็กพี่ล่ะ มันก็หลอกพี่เหมือนกัน”มันคงหมายถึงไอ้ม่อน

“หึ กูเดาไว้แล้วว่ามันคิดไม่ซื่อ”

“ไอ้แก๊งมันไม่ได้หลอกพวกผมหรอก”

“พูดจาพระเอกชิบหาย”ผมมองมันอย่างหงุดหงิด

“พี่อยู่เฉยๆเถอะ ทำใจเย็นๆแล้วค่อยๆคิด”ไอ้ชัยเงยหน้ามองผมด้วยท่าทางที่ทำให้ผมเดือดมากกว่าเดิม

“เฉยเหรอ ใจเย็นเหรอ ไอ้คนที่อยู่กับเหี้ยว่านมันไม่ได้สำคัญกับมึงนี่หว่า”ผมขยุ้มคอเสื้อมันเข้ามาใกล้ๆ แต่ไอ้เนมเข้ามาห้ามทัพซะก่อน

“อย่าหัวร้อนกันสิวะ พวกมึงนี่ แยกๆ”

“เหอะ อย่าดีแต่พูดก็แล้วกัน  ไอ้ของที่มึงพกมาน่ะ อย่าสักแต่พกมาทำเท่”ทำไมผมจะไม่รู้ว่ามันพกปืนมาด้วย

“ผมแค่เอามาป้องกันตัว ไม่เหมือนพี่หรอก…”มันตอบเสียงเบา

“กู ทำไม”ผมคว้าคอเสื้อมันขึ้นมาอีกครั้ง แววตามันดูหวาดหวั่น แต่ก็ยังทำเหมือนว่าไม่กลัว ผมรู้ว่ามันตั้งใจจะพูดถึงเรื่องไหน ไอ้เรื่องที่ผมทำคนตาย ไม่ว่านานแค่ไหน มันก็เหมือนเป็นตราบาปที่คอยย้ำเตือนผมเสมอ ไอ้ชัยเงียบไปนานเหมือนความกล้าของมันหมดลง 

“พวกมึงบ้ากันให้พอ”ไอ้เนมประชดประชันมาจากอีกมุม ผมก้มมองไอ้ชัยก่อนจะกระซิบกับมันเบาๆ

“คนอย่างมึงมันก็ได้แค่นี้ เป็นแบบนี้ไงไอ้อันถึงไม่เอามึง ไม่มีน้ำยา”ผมถอยออกมาจากไอ้ชัยด้วยสีหน้าเยาะๆ มันจ้องมาที่ผมอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะหลบสายตาไปเอง

“มึงพูดอะไรกับมันวะ”ไอ้เนมถามเบาๆก่อนจะมองไอ้ชัยที่นั่งก้มหน้าอยู่คนเดียว

“แค่กระตุ้นมันนิดหน่อย”ผมยิ้มพอใจ ในหัวเริ่มคิดหาทางรอด ไอ้แก๊งน่ะเหรอ….มันไม่ได้เอาปืนของไอ้ชัยไป คำถามคือทำไม? ผมจำได้ว่ามันยังแค้นไอ้ว่านอยู่ หรือว่ามันรอเวลาเอาคืน ความเงียบที่เกิดขึ้นทำให้ผมได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นจากด้านนอก เสียงสบถอย่างเจ็บปวดของไอ้ฟิก ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ 

 “มึงว่าข้างนอกนั่นมีกี่คน”ไอ้เนมหันมาถามเมื่อเสียงด้านนอกเงียบลงแล้ว

“ไม่รู้ว่ะ”ผมตอบเสียงขุ่น

“อย่าเพิ่งยั๊วสิว้า…มาช่วยกันคิดหน่อยว่าจะเอาไง ด้านนอกคงอย่างเยอะ”ไอ้เนมพึมพำอยู่ข้างๆ เสี้ยวหน้าของมันมีรอยช้ำจางๆ

“ใครทำมึงวะ”

“เหี้ยม่อน”

“กูขอจัดการมันเอง”เหี้ยม่อนบังอาจมาถีบผม อย่างมันต้องเจอให้หายซ่าส์ บารมีพี่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ไอ้เนมหันมามองผมด้วยสายตาจริงจัง

“ถ้างั้นก็ทบต้นทบดอกให้กูด้วย”

“กูนึกว่าจะห้ามซะอีก”ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเหลือบมองไอ้ชัยที่นั่งนิ่งมือกำแน่นเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ อาจจะเพราะคำพูดของผมไปจี้ใจดำของมันเข้าก็ได้ ท่าทางเหมือนมันอยากต่อยผมด้วย แต่ก็ไม่กล้าพอ

“ถ้าพังประตูออกไปได้ แล้วกูจะยอมให้มึงต่อยกู”ผมยักคิ้วท่าทางกวนตีนไปให้มัน

“เฮ้ย มึงเอาจริงเหรอ”ไอ้เนมค้านเบาๆ

“เออดิ”ผมมั่นใจว่ามันไม่กล้าต่อยผมอยู่แล้ว

“ด้านนอกมีคนตั้งเยอะ ผมไม่รู้ว่าเราจะสู้ไหวรึเปล่า”มันพูดด้วยเสียงไม่แน่ใจ

“มึงมีปืน”

“แต่…”มันมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

“ก็แค่ขู่ ยิงขึ้นฟ้าสองสามนัด”แต่ก็เสี่ยงว่าลูกกระสุนจะไปตกอยู่ที่หลังคาบ้านใครรึเปล่า

“…”ไอ้ชัยยังคงเงียบอยู่

“ถ้าทำไม่ได้ก็เอามาให้กู ไอ้พวกคนดี”พึมพำประโยคหลังเบาๆ

“พูดอะไรของมึง เดี๋ยวนี้รู้จักตัดพ้อชีวิตด้วยเหรอวะ”เพื่อนข้างๆหัวเราะเบาๆ ผมถอนหายใจฉุนๆ ก่อนจะปรายตามองไอ้ชัย ไอ้นี่แม่งทำตัวขัดใจผมจริงๆ

“ตกลงมึงเอาไง”ผมถามขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อทนกับความเงียบไม่ไหว อีกอย่างผมปล่อยให้ไอ้ฟิกอยู่กับไอ้ว่านนานแล้วด้วย ไม่รู้ว่าป่านนี้มันจะเป็นยังไงบ้าง

“ก็ได้ ผมจะพังประตูออกไป”มันตอบด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

“เออดี”ผมขยับบิดเนื้อบิดตัวไปมา ระหว่างที่ไอ้ชัยหลับตาเหมือนกำลังทำสมาธิ

“ถีบพร้อมกันเลยดิ”ไอ้เนมเสนอ ดูจากตัวโกดังเก่าๆ ก็มีโอกาสในการพังประตูออกไปได้ ไอ้เนมส่งสัญญาณให้เตรียมพร้อม ก่อนจะพุ่งตัวไปที่ประตูเต็มแรง บานประตูสั่นกราวเมื่อเจอลูกถีบจากสามคน เมื่อพร้อมใจกันถีบเป็นครั้งที่สามประตูก็เปิดออก จนผมงงว่าทำไมมันถึงเปิดง่ายขนาดนี้

“ไอ้แก๊งมันช่วยเรา มันไม่ได้อยู่ข้างไอ้ว่านหรอก”ไอ้ชัยพึมพำเบาๆ แต่ก็คุยกันได้ไม่นานเพราะพวกลูกน้องไอ้ว่านที่นั่งก๊งเหล้าอยู่ด้านนอกกำลังแตกฮือ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกมันเอาเงินมาจากที่ไหน

“สัด เงินกู”ไอ้เนมสบถเสียงต่ำ มันคว้าท่อนไม้มาถือไว้มั่นก่อนจะปรี่หาไอ้พวกนั้นทันที ผมเหวี่ยงหมัดใส่ลูกกระจ๊อกกากๆไปหลายคน เกิดเสียงดังปังขึ้น ไอ้พวกลูกกระจ๊อกแตกฮือ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก

“พวกมึงถอยไป แล้วเปิดประตูให้พวกกู”มันชี้ปืนกราดไปทางพวกนั้นที่ย่อตัวกลัวกันขี้หด ผมรอไม่ไหวจึงเข้าไปถีบประตูโกดังเต็มแรงจนเกิดเสียงดังปังอีกรอบ ไอ้เนมดูจะหัวเสียเอาเรื่องเพราะผมเห็นมันไล่ฟาดดะหมด มีเสียงรถKSRดังแว่วเข้ามาใกล้ กลุ่มวัยรุ่นท่าทางกวนตีนโผล่มาอีกนับสิบ กำลังจะบ่นว่าซวย แต่ไอ้พวกนั้นกลับเข้ามาช่วยพวกผมรุมยำกับลูกจ๊อกที่เหลือ ดูจากการแต่งตัว ผมเดาว่าพวกนี้น่าจะเป็นพวกพ้องของไอ้แก๊งแน่ๆ

“กูจะนับหนึ่งถึงสาม เปิดประตู”ไอ้ชัยจ่อปืนขู่ ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเข้าไปเปิดประตูให้ด้วยมืออันสั่นระริก

ปัง!

ผมกระแทกประตูให้เปิดออกเต็มแรง ภาพที่เห็นคือไอ้ฟิกและไอ้ตินถูกจับมัดกับเก้าอี้ บาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่ ไอ้ฟิกเหลียวมามองสีหน้าเหมือนคนถูกหวย และนั่นก็ทำให้ผมฟิลขาด พวกมันทำไอ้ฟิกขนาดนั้นเลยเหรอ ไอ้ว่านสินะ!ผมตั้งใจจะพุ่งเข้าไปหามัน แต่จู่ๆไอ้ตินก็ผุดมาจากเก้าอี้ได้ ผมจึงเบนเข็มไปที่ไอ้ม่อนแทน มันหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นสีหน้าของผมเข้า

“มึงจะหนีไปไหน”ผมเข้าไปกระชากไหล่ของมันได้ทัน ก่อนจะกระแทกเข่าเข้าหน้าท้องมันเต็มแรงจนมันจุกตัวงอ

“อย่าซ่าส์เหรอ หึ บอกตัวมึงเองก่อนเถอะ”ผมกระชากคอเสื้อมันขึ้นมาอีกรอบ กระแทกกำปั้นเข้าที่ปลายคางของมันจังๆ ไม่ทันให้มันได้เซแถ่ดๆ ผมก็ตามเข้าไปปล่อยหมัดซ้ำอีกรอบ

“พี่ผม--”มันพึมพำอะไรสักอย่าง แต่ผมขึงตาใส่แทนมันจึงหุบปาก

“พี่มึงก็ช่วยอะไรไม่ได้ กูบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเล่นตุกติกกับคนอย่างกู”ไอ้ม่อนยกมือขึ้นบังฝาเท้าของผม เมื่อเล่นหน้ามันไม่ได้ผมก็เปลี่ยนเป้าหมายมาที่หน้าท้องของมันแทน

“ผมจำเป็นต้องทำ อุก--”มันพูดตะกุกตะกัก ยกมือปัดป่ายฝาเท้าของผม อาการหน้ามืดเริ่มลดลง ผมจึงเห็นสภาพไอ้ม่อนได้ชัด มันนอนงอตัวเหมือนกุ้ง ใบหน้าเริ่มออกอาการบวม

“โทษกูไม่ได้นะ”ผมก้มไปดูว่ามันอาการหนักมากหรือเปล่า ก่อนจะผละมองรอบตัว แปลกใจที่เห็นไอ้ว่านนอนกดมือที่หน้าท้อง เลือดสีสดไหลออกมาไม่น้อย อะไรวะ ผมยังไม่ทันได้คิดบัญชีกับมันเลย

“สัด มึงไม่ต้องมายุ่งกับกูเลยไอ้เหี้ย”เสยงก่นด่าของไอ้ฟิกดังขึ้น เมื่อผมขยับเข้าไปใกล้ มันมองหน้าไอ้ตินด้วยสายตาทิ่มแทง สีหน้าขุ่นมัว

“เป็นอะไรมากรึเปล่า”ผมนั่งคุกเข่าตรงหน้ามัน สายตากวาดมองทั่วใบหน้าฟกช้ำของอีกฝ่าย ส่วนไอ้ตินดูจะเจื่อนลงเล็กน้อย

“เออสิ มึงไม่เห็นเหรอ เหี้ยว่านแม่ง…”ไอ้ฟิกบ่นพึมพำ ยกมือขึ้นแตะมุมปากฟกช้ำ ผมดึงข้อมือที่เกิดรอยแดงของมันมาดู

“เหี้ยว่าน กูยังไม่ทันได้คิดบัญชีกับมันเลยนะ”ผมพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด

“ไว้ค่อยเคลียร์ก็แล้วกัน”ไอ้ตินพูดขึ้นเบาๆ มันยืดตัวขึ้นสีหน้าเจ็บปวด

“เหอะ”ไอ้ฟิกขึงตามองไอ้ตินเขม็ง

“เป็นอะไร”ผมถามงงๆ ไม่รู้ว่าในโกดังนี่เกิดอะไรขึ้นบ้าง 

“กูว่าไอ้ว่านกับไอ้ตินมันกิ๊กกัน”ไอ้ฟิกโน้มตัวมากระซิบใกล้ๆ ผมเลิกคิ้วอย่างสงสัย ไอ้ว่านกับไอ้ตินเนี่ยนะ

“เฮ้ย…มึงก็พูดไป”ผมหัวเราะขำๆ ก่อนจะพยุงให้มันลุกขึ้น มันร้องโอดโอยก่อนจะเกาะไหล่ผมแน่น

“มึงเคลียร์เรื่องไอ้ว่านให้เสร็จ จะได้กลับบ้านกัน”ไอ้ฟิกหันไปหาไอ้ตินที่มองไอ้ว่านนอนจมกองเลือดอยู่

“คงเคลียร์ตอนนี้ไม่ได้ กูไม่นิยมซ้ำคนเจ็บ”มันตอบเสียงเรียบ ผมเองก็เหมือนกัน คงต้องเคลียร์กันทีหลัง ไอ้ฟิกดูหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ

“อะไรวะ หรือว่ามึงอยากอยู่บ้านเก่านานๆ”ผมมองคนข้างๆอย่างแปลกใจ น้ำเสียงประชดประชันที่ออกมาจากไอ้ฟิกผมว่าฟังไม่ผิดแน่

“ไม่ใช่ แต่ตอนนี้มันก็เจ็บมากแล้ว ไว้ค่อยเคลียร์ พี่พามันออกไปก่อน เดี๋ยวผมจัดการทีเหลือเอง”ไอ้ตินพยักหน้ามาให้ ผมจึงพาไอ้ฟิกที่บ่นกระปอดกระแปดไปตลอดทาง ออกมาจากโกดังได้ก็ไม่เจอทั้งพวกไอ้แก๊งและไอ้ว่านแล้ว เหลือแต่ไอ้เนมกับไอ้ชัยที่นั่งจิบเหล้าที่ยังเหลือๆอยู่

“มันใช่เวลาไหม”ไอ้ฟิกมองไอ้สองคนนั่นด้วยสายตาเหลืออด

“เอาสักจิบไหม”ไอ้เนมยื่นแก้วมาให้ไอ้ฟิก แต่มันเบือนหน้าหนี ผมเลยรับมาแทน

“มึงอย่ากินนะ”มันสั่งเสียงขุ่น ผมชะงักมือที่กำลังยกแก้วเหล้า

“เป็นไรของมึงเนี่ย”

“เรื่องของกู”ผมบีบไหล่มันแรงๆ จนมันทำหน้าบู้บี้

“มึงนี่คิดอะไรไร้สาระว่ะ”คงไม่พ้นเรื่องไอ้ว่านแน่ๆ

“ไร้สาระที่ไหน มึงไม่เป็นกู มึงไม่รู้หรอกว่ะ”มันทำเสียงเข้มก่อนจะแย่งแก้วเหล้าไปจากมือผม

“นั่น ไหนว่าไม่กินไง มึงนี่ประสาทหนักแล้วว่ะ”ผมปล่อยให้มันยืนเองก่อนจะหยิบถั่วในจานเข้าปาก

“เออ เกือบลืม กูอนุญาตให้มึงต่อย กูจะไม่โกรธมึง”ผมหันไปหาไอ้ชัยอีกครั้ง มันกมือแน่นเหมือนจะต่อยผมจริงๆ แต่เมื่อผมใช้สายตานิ่งๆมองหน้ามัน มันก็คลายมือลง

“ผม…ช่างเถอะ”มันตอบปัด

“ดีมาก”ผมตบบ่ามันสองสามที ไอ้เนมสำลักเหล้าก่อนจะหัวเราะเสียงดัง

“เป็นมึง มึงจะรู้สึกยังไงวะ”ไอ้ฟิกเข้ามายืนใกล้ๆเพราะไม่เหลือที่นั่งแล้ว ผมเลยดึงให้มันมานั่งบนตักผม มันอิดๆออดๆไม่ยอมอยู่พักใหญ่ แต่สุดท้ายก็สู้แรงผมไม่ได้ ก็เลยต้องนั่ง

“เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ”ผมลูบคอที่ปวดแปลบๆก่อนจะหันไปมองมัน

“สมมุตินะ ถ้าเกิดว่ากูจูบไอ้นิคต่อหน้ามึง มึงจะรู้สึกยังไง”ผมขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

“กูแค่สมมุติ”มันรีบพูด

“ถามทำไม”มันต้องมีอะไรแน่ๆ ผมมองหน้าบูดบึ้งของไอ้ฟิกก่อนจะหัวเราะออกมา

“คิดมากน่า…”

สักพักไอ้ตินก็ออกมาด้วยสีหน้าที่อ่อนลง มันกวาดตามองพวกผมก่อนจะทำเสียงหงุดหงิดออกมา

“นึกว่ากลับกันแล้ว ยังมีอารมณ์มานั่งกินเหล้าอีกเหรอ”

“ก็เงินกูอ่ะ”พวกมันควักไปหมดกระเป๋าเลย ยังดีที่ไม่เอาบัตรของผมไป ไม่งั้นเจอหนักกว่านี้กันแน่ๆ

“ฉลองนิดๆหน่อยๆจะเป็นไรไป”ไอ้เนมแทรกอีกเสียง

“แล้วเอาไงเรื่องพี่ว่าน”ไอ้ชัยหันไปถามเพื่อนบ้าง

“กูโทรหาลุงแล้ว เดี๋ยวจะเอารถโรง’บาลมารับ”

“เออ ไอ้แก๊งมันแค้นอะไรนักหนาวะ”ไอ้ชัยพึมพำเบาๆ สีหน้าครุ่นคิด ผมไม่อยากจะสนใจเรื่องของพวกมันก็เลยไม่ได้ใส่ใจฟัง ไปๆมาๆ ไอ้ตินก็ทนเสียงรบเร้าของไอ้ชัยกับไอ้เนมไม่ไหวจึงมาร่วมวงด้วย

“มันโกรธอะไรมึงวะ”ผมกระซิบกับมันเบาๆ ไอ้ตินถอนหายใจเล็กน้อย

“เรื่องพี่ว่านนั่นแหละ…คืองี้”แล้วมันก็เล่าให้ผมฟังว่าเกิดอะไรขึ้น

“อ๋อ…”ผมพยักหน้าช้าๆ ไม่รู้ว่าไอ้ฟิกได้ยินรึเปล่า แต่มันขยับตัวยุกยิกอยู่บนตักผม

“ลุกดิ ตูดแหลมว่ะ”ผมตบแขนมันเบาๆ แต่มันก็โวยลั่น

“กูยิ่งเจ็บแขนอยู่”มันทำหน้าหงิก

“สำออย”ไอ้ชัยแพล่มออกมา

“เสือก”

“เออ มึงอย่าลืมนะ…จบเรื่องแล้ว”ผมทำตาแพรวพราวใส่มัน ไอ้ฟิกขึงตาใส่

“ยัง มึงยังไม่ได้เคลียร์เรื่องไอ้ว่านเลยไม่ใช่เหรอ ไม่รู้ล่ะ”มันยักคิ้วก่อนจะลุกหนีไปรอในรถ จนรถพยาบาลมารับศพ เอ้ย มารับไอ้ว่านกับไอ้ม่อนและ พวกลูกน้องบางคน ผมมารู้ทีหลังว่าลุงของไอ้ตินเป็นผอ.เลยไม่โดนยิงคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนไอ้เชนกับไอ้เคนตามมาทีหลังด้วยสีหน้าแช่มชื่น ซักได้ความว่าพวกมันไปลงอ่างมา ไม่ได้ป๊อดหรือหนีแบบที่โดนไอ้ชัยกล่าวหา

“ลงอ่างที่ไหนวะ”ผมเอนตัวไปถามไอ้เคน มันหรี่ตามองผมทันที

“นั่นแน่ ถามแบบนี้แสดงว่าสนใจสิท่า ผมไปฟ้องไอ้ฟิกดีกว่า”อ้าว ไอ้นี่

“เชี่ยเคน!”ไม่ทันแล้ว ไอ้เคนมันปรี่เข้าไปหาไอ้ฟิกที่รถ พร้อมกับเล่าความเท็จแบบไม่กลัวตาย จนไอ้ฟิกมันพลอยโกรธผมไปด้วยเลย!

……………………………………………………

เหตุการณ์วุ่นวายผ่านไปสองวัน ไอ้เนมกับเพื่อนไอ้ฟิกและไอ้ชัยก็ขอตัวกลับไปก่อน เหลือแค่ผม ไอ้ฟิก ไอ้ตินที่ยังต้องอยู่เพราะไอ้ตินยังเคลียร์เรื่องไอ้ว่านไม่จบดี ส่วนไอ้ม่อนก็ได้ข่าวว่ามันเจ็บเอาเรื่อง แต่ไม่ถึงขั้นเข้าไอซียู พี่มันก็โทรมาถามผม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะน้องมันก็ผิดจริงๆ ผมกะว่าจะไปเยี่ยมดูอาการมันซะหน่อย อยากเห็นสภาพของมันเหมือนกัน ส่วนไอ้ฟิกนี่ก็ดันมาหึงไม่เข้าเรื่อง ไอ้ว่านกับไอ้ติน…อืม…ผมไม่เห็นว่าจะมีความเป็นไปได้ ไม่รู้สิ แต่ถ้าเป็นจริงก็คงเป็นคู่ที่แปลกแน่ๆ แต่ก็นั่นล่ะ ไอ้ฟิกมันยังคงโกรธไอ้ตินอยู่ที่ไปจูบไอ้ว่านต่อหน้ามัน แถมมันหงุดหงิดมากขึ้นไปอีกที่ไอ้ตินจะไปเยี่ยมไอ้ว่าน หรือพูดตรงๆก็ไปเคลียร์ให้จบแบบจริงๆจัง ๆ ผมเองก็เห็นด้วย จะได้จบๆเสียที

“กูว่ามันสองคนต้องกิ๊กกันแน่ๆ”ไอ้ฟิกยังคงยึดมั่นในความคิดของตัวเอง

“ใครวะ”ผมทำมึนแกล้งทำเป็นไม่รู้ เพราะขี้เกียจจะฟังคำบ่นที่ตามมายืดยาวของมัน สู้แกล้งมึน คอยพูดเอาใจมันให้จบๆเรื่องไปดีกว่า

“กูพูดให้ฟังตั้งหลายรอบแล้ว มึงไม่ได้ฟังเลยเหรอวะ”มันทำหน้าหงิกอีกครั้ง

“เออน่า มันไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมาก มึงพูดบ่อยๆเดี๋ยวมันก็ทำจริงหรอก”ผมปลีกตัวหนีออกมา เพราะไอ้ฟิกมันตั้งท่าจะบ่นอีกครั้ง

“ตกลงมึงจะไปเยี่ยมมันเหรอ”ออกมาก็เจอไอ้ต้นเรื่องก็เลยถามมันซะหน่อย

“อืม ว่าจะคุยให้จบ จะได้กลับ ไว้ค่อยมาคิดบัญชีที่ทำไอ้ฟิกทีหลัง”ไอ้ตินตอบพลางเก็บยาแก้ฟกช้ำ ผมนั่งลงบนพนักโซฟา ลูบรอยแผลของตัวเองพลางใช้ความคิดไปด้วย

“กูถามจริงๆนะ มึงยังโกรธไอ้พี่ว่านอยู่ไหม”

“อืม…มันก่ำกึ่งกันน่ะ โกรธที่พี่เขาทำร้ายไอ้ฟิก แต่เรื่องที่ผมถูกเล่นงาน ผมไม่ได้โกรธแล้ว”มันตอบเสียงนุ่มก่อนจะถอนหายใจ

“ผมไม่อยากกลับไปแบบค้างๆคาๆ พี่คงเข้าใจนะ”

“เออ”

“แต่ไอ้ฟิก…”มันเงียบเสียงลงเมื่อไอ้ฟิกเดินเข้ามาในห้อง

“พวกมึงนินทากูกันแน่ๆ”มันมองผมสลับกับไอ้ตินอย่างจับผิด

“เออ นินทาว่ามึงงี่เง่าน่ารำคาญ”ถ้ามันเป็นเด็กของผมล่ะก็…ผมตบปากมันไปตั้งแต่ที่มันบ่นรอบที่สามแล้วแน่ๆ

“กูรู้ ขอโทษล่ะกัน กูแค่หงุดหงิด”ไอ้ฟิกถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา

“ช่างเถอะ”ไอ้ตินไหวไหล่

“แล้วมึงจะไปวันไหน”มันเปลี่ยนมาถามบ้าง

“พรุ่งนี้”ไอ้ตินตอบด้วยท่าทางระมัดระวัง ได้ข่าวว่าเมื่อคราวก่อนมันโดนหมัดไอ้ฟิกไปด้วย

“กูไปด้วยนะ”ผมแอบโล่งอกที่ไอ้ฟิกมันกลับมาทำตัวเป็นปกติเสียที บรรยากาศในบ้านก็พลอยดีขึ้นไปด้วย ตอนดึกๆอากาศที่นี่จะเย็น กลิ่นดอกตีนเป็ดจากบ้านใกล้เรือเคียงฉุนซะผมปวดหัว จนต้องปิดหน้าต่าง

“กูเหม็นต้นตีนเป็ดว่ะ”ผมบ่นอีกครั้งเมื่อกลิ่นไม่พิสมัยลอยมาในอากาศเย็นๆ

“อีกไม่กี่วันก็ได้กลับแล้ว บ่นมากว่ะ”ไอ้ฟิกเหลือบมองจากหนังสือการ์ตูน ผมขยับเข้าไปยื่นหน้าใกล้ๆมันเพื่อดูว่ามันอ่านอะไร

“ขยับมาใกล้ทำไม”มันทำเสียงหงุดหงิดก่อนจะเอนตัวออกห่าง

“ก็อยากรู้ว่าสนุกไหม”ผมขยับตาม มันถอนหายใจพรืดใหญ่ก่อนจะยกหนังสือเล่มนั้นให้ผม

“อ่านให้จบนะมึง”มันพลิกตัวนอนอีกข้าง ทิ้งให้ผมขำที่กวนประสาทมันได้สำเร็จ ไอ้ตินยังอาบน้ำไม่เสร็จเสียที ผมเลยได้โอกาสแกล้งไอ้ฟิกอีกรอบ ผมยื่นมือไปแตะแขนมันเบาๆ พ่นลมหายใจใกล้ๆใบหูของอีกฝ่าย

“ไอ้ภู อย่ากวนตีน”มันออกปากด่าโดยที่ไม่หันมามอง

“มาออกกำลังกันดีกว่า กำลังหนาวๆ”ผมบิดใบหูของมันเบาๆ

“กูจะนอนแล้ว!”มันหันมาตะคอก แต่ยังคงไม่มองหน้าผม

“เชื่อเหอะ พอกูเริ่มมึงก็หายง่วง เป็นแบบนี้ทุกที แล้วชอบทำปากแข็ง”ผมเฝ้ามองปฏิกิริยาของมัน จนต้องเป็นฝ่ายถอยทัพไปเองเพราะว่ากลั้นขำไม่อยู่ นานๆครั้งจะได้เห็นไอ้ฟิกมันเขิน



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2015 20:38:18 โดย DuenTwinBII »

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4


[Fix Side]




วันนี้เป็นวันที่ไอ้ตินจะไปเยี่ยมไอ้พี่ว่าน หลายวันมานี้ผมทำตัวไม่สมกับเป็นไอ้ฟิกเอาซะเลย ใช้ไม่ได้จริงๆ

“ทำตัวให้สมกับเป็นไอ้ฟิกหน่อยสิวะ”ผมมองเงาสะท้อนอันหล่อเหลาของตัวเอง ตบหน้าเรียกสติสองสามทีก็ลงไปด้านหลัง ไอ้ภูกับไอ้ตินตื่นก่อนผมเสียอีก เห็นมันสองคนกำลังคุยอะไรกันสักอย่าง

“ข่าวเช้ามีอะไรบ้าง”ผมถามระหว่างที่เดินเข้ามาในครัว

“ต้มเลือดหมูร้อนๆกับไข่เจียว”ไอ้ตินตอบก่อนจะเดินเข้ามากอดผม

“อะไร”ถามระหว่างตักข้าวใส่จาน

“หายโกรธกูแล้วเหรอ”มันพึมพำเบาๆ

“กูไม่ได้โกรธมึงนี่”ตอบเสียงมึนก่อนจะเบี่ยงตัวมาที่โต๊ะอาหาร ไอ้ภูยกยิ้มขึ้นมา

“ไม่ได้โกรธแค่ประชดประชันมาสองวัน” 

“แล้วพวกมึงกินกันเเล้วเหรอ”ผมเปลี่ยนเรื่องมาถามพวกมันแทน

“เรียบร้อย”

“ไม่รอกู”

“มึงตื่นสายนี่ กูหิวก็เลยกินก่อน กระเพาะไม่ได้ติดกันสักหน่อย”ไอ้ภูตอบเสียงกวน ผมนั่งลงจัดการมื้อเช้าไปคนเดียว จากรสชาติแสนอร่อย เดาว่าไม่ใช่ฝีมือของไอ้ตินแน่ แต่ไข่เจียวฝีมือไอ้ตินแน่นอน

“แล้วอาการไอ้ม่อนเป็นไงบ้างวะ”อยากรู้ว่ามันช้ำแค่ไหน บังอาจมาเล่นตุกติกกับไอ้ภู ตอนนั้นผมกำลังงง ๆแต่มานึกดูอีกทีไอ้ภูมันน่ากลัวมากจริงๆ เหมือนเมื่อตอนที่เกิดเรื่องพี่พิสเลย ซึ่งผมไม่เห็นมันเป็นแบบนี้มานานแล้ว

“ไม่รู้ ก็กะว่าจะไปดูอยู่”ไอ้ภูดูไม่สนใจเท่าไหร่นัก ผมเหลือบมองไอ้ติน มันเอาแต่จ้องผมมานานแล้ว ไม่รู้ว่าหน้าผมมันมีอะไรผิดปกติ

“มองไร”

“เปล่า”มันตอบพร้อมรอยยิ้มที่ทำผมหงุดหงิดขึ้นมา ไม่ชอบรอยยิ้มแบบนี้ของมันเลยจริงๆ

“เออ แล้วเพื่อนมึงเป็นไงบ้าง ไอ้แก๊งน่ะ”ไอ้ภูหันไปคุยกับไอ้ติน ผมเลยได้โอกาสเงียหูฟังไปด้วย

“ตอนนี้หลบไปอยู่ที่ชลบุรี แต่ผมก็บอกมันแล้วนะว่าจะจัดการให้”เสียงของไอ้ตินดูเป็นกังวล

“แล้วไอ้ว่านมันจะเอาเรื่องรึเปล่าวะ”

“ไม่รู้ดิ แต่คงไม่หรอกมั้ง...ผมก็ไม่แน่ใจ พ่อพี่เขาค่อนข้างดุ”ไอ้ภูหัวเราะลั่นทันที

“ดุแน่เหรอวะ นี่ขนาดดุไอ้ว่านมันยังเป็นขนาดนี้”

“ก็เหมือนพ่อพี่นั่นแหละ”เกิดความเงียบขึ้นมาระลอกใหญ่ มีเพียงเสียงผมซดน้ำต้มเลือดหมูเสียงดังแทรกมา ไอ้ภูพึมพำอะไรสักอย่าง จับใจความได้ว่าคนละชั้นกัน

“แล้วไอ้แก๊งมันมีเรื่องแค้นอะไรกับพี่ว่านของมึงล่ะ”ผมถามบ้างเพื่อลดบรรยากาศแปลกๆ แต่ก็แอบแขวะมันเล็กน้อย

“ยังไม่ได้ถามมันเลย แต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันคงโดนพวกพี่ว่านข่มขู่มาเยอะล่ะมั้ง แถมยังต้องมากลายเป็นเบ๊พี่ว่านอีก...ก็คงจะแค้นอยู่”ไอ้ตินถอนหายใจดังเฮ้อ

“แล้วนี่มึงอิ่มหรือยัง จะได้รีบๆไปเคลียร์ให้จบ”ไอ้ภูเร่ง ผมเลยรีบยัดๆให้หมด ก่อนเตรียมตัวไปโรงพยาบาล ตั้งแต่รู้จักพวกมันมา ผมเข้าโรง'บาลบ่อยอยู่เหมือนกัน จากปกติแทบไม่เคยไปเหยียบ แต่ส่วนมากพวกมันจะเป็นฝ่ายไปเยี่ยมคนอื่นมากกว่า ไม่เคยเห็นมันจะเจ็บป่วยเลยสักครั้ง 

“ถามจริง พวกมึงเคยป่วยบ้างไหมวะ”ผมถามเมื่อพวกมันเสด็จออกมาแล้ว

“ถามแปลก ก็ต้องเคยสิ”ไอ้ตินมองผมด้วยสายตาขบขัน

“แต่เท่าที่กูอยู่กับพวกมึงมา กูยังไม่เคยเห็นพวกมึงป่วยเลยนะ”ยกเว้นเวลาที่พวกมันมีเรื่องกับคนอื่นมา

“อยากรู้เหรอ เอียงหูมา”ไอ้ภูกระดิกนิ้วให้ผมเอนเข้าไปใกล้

“กูไม่อยากรู้แล้ว”เห็นสีหน้าชั่วๆของไอ้ภูแล้วผมก็เดาได้เลยว่าคำตอบของมันต้องไม่สร้างสรรค์แน่ เพื่อให้ไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้ ผมกับพวกมันก็ออกเดินทางไปโรง'บาลทันที ไอ้พี่ว่านพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องพิเศษ แถมผมเพิ่งรู้ด้วยว่าลุงของไอ้ตินเป็นผอ.ของที่นี่ รวยกันจริงๆ แบบนี้ผมสบายไปทั้งชาติคิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกมันสองคน หึๆ

“คิดไรอยู่”ไอ้ตินเหลียวมามองระหว่างที่เดินนำไปห้องพักผู้ป่วยของไอ้พี่ว่าน

“เปล่า”ผมไหวไหล่ทำหน้ามึน

“กูรู้ว่ามึงคิดอะไร”ไอ้ภูเข้ามากระซิบพลางรั้งต้นคอผมไปใกล้ๆ

“ไอ้โม้”

“มึงคิดไม่ผิดหรอกที่คบกับพวกกูอ่ะ”มันกระซิบเบาๆ ทำเอาผมแปลกใจอยู่เหมือนกัน

“ห้องนี่แหละ”ไอ้ตินหยุดอยู่ที่ห้องริมสุด กว่าจะถึงเล่นเอาเมื่อยเลย ผมรอจนไอ้ตินเข้าไปก่อน ผมถึงก้าวตามเข้าไป กลิ่นฉุนแบบฉบับของโรงพยาบาลทำให้ผมต้องย่นจมูก ไม่ค่อยชอบกลิ่นแบบนี้เลยจริงๆ เจ้าของเตียงปรือตามองผู้มาเยี่ยม สีหน้าไม่ยินดีนักเมื่อเห็นพวกผม

“…มาทำไม”มันทักด้วยเสียงอันเบาหวิว

“ผมมาเคลียร์ให้จบ เรื่องของผมกับพี่จะได้ไม่ต้องค้างคาอีก”ไอ้ตินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ มันลากเก้าอี้มานั่ง ส่วนผมกับไอ้ภูนั่งลงที่โซฟา ไม่มีของมาเยี่ยมอะไรทั้งนั้น อย่างไอ้ว่านไม่สมควรจะได้รับหรอก

“กูไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว”ไอ้ว่านพึมพำ จนผมต้องตะแคงหูฟัง ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้ยินแน่

“จริงเหรอ”ไอ้ตินดูไม่ค่อยเชื่อนัก ได้ยินเสียงมันถอนหายใจ

“ผมไม่ได้โกรธเคืองอะไรพี่เลยนะ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อน ผมไม่ติดใจอะไร ยกเว้นเรื่องที่พี่ทำกับแฟนผม”ไอ้ตินเว้นจังหวะไว้ ผมได้ยินเสียงหึมาจากไอ้ว่าน ดูท่าไอ้นี่คงจะยังไม่เข็ด

“พี่ต้องขอโทษมัน แล้วผมจะไม่เอาเรื่อง”

“อะไรนะ”ไอ้ภูโพล่งออกมาเสียงดัง มันขยับเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงเตียงคนป่วย

“แต่กูไม่ยอม คนใจนักเลงแบบมึงคงเข้าใจใช่ไหม ไอ้ว่าน”ไอ้ภูไปยืนจ้องหน้าไอ้ว่านอยู่นาน จนผมต้องลุกจากที่นั่งไปแตะไหล่มัน

“ไว้ค่อยเคลียร์หลังจากที่กูหายดีแล้ว”

“มันก็แน่อยู่แล้ว”ไอ้ภูแค่นเสียงเหอะออกมา

“สรุปพี่จะขอโทษมันไหม”ไอ้ตินพูดขึ้นมาอีกครั้ง จนไอ้ว่านเหลียวมองผม

“ถ้าไม่ ก็เคลียร์กันอีกที”ไอ้ตินยังยิ้มได้อยู่ แต่ไม่ใช่รอยยิ้มที่น่ามองนัก ความเงียบคงเป็นคำตอบ ผมคิดว่าคนอย่างไอ้ว่านไม่มีทางพูดคำว่าขอโทษกับผมแน่

 “กู…”ไอ้ว่านพึมพำบางอย่างขึ้นมา

“กูขอโทษที่ทำร้ายมึง”มันมองหน้าไอ้ตินด้วยสายตาที่สื่อความรู้สึกบางอย่าง มีผมเบ้หน้าเป็นแบล็คกราวน์

“ช่างเถอะ”มันตอบปัดๆ วางมือลงบนหน้าท้องของไอ้ว่าน ผมใจแกว่งเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางของไอ้ติน ผมก็ไม่อยากงี่เง่าหรือคิดมากทำตัวน่ารำคาญอะไร แต่ผมแค่คิดว่า…กับไอ้ว่าน บางทีไอ้ตินอาจจะรู้สึกพิเศษๆบางอย่างก็ได้ แบบที่ไม่ใช่คนรักหรืออะไรที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น หรืออาจเพราะว่ามันเคยชื่นชมไอ้ว่านมาก่อน และช่วงเวลานั้นมันสองคนก็เคยสนิทกันชนิดที่ว่าไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เพราะตามปกติ ไอ้ตินมันต้องโหดกว่านี้ไม่ใช่เหรอ หรือเป็นผมที่คิดมากไปเอง

“พี่ทำอะไรไอ้แก๊ง”ไอ้ตินถามเสียงเรียบ ผมสังเกตว่ามันออกแรงกดที่หน้าท้องของไอ้ว่าน แต่ใบหน้าของไอ้ตินก็ยังมีรอยยิ้ม

“เปล่านี่”มันพึมพำตอบกลับมา ใบหน้าเผือดซีด อาจจะเพราะว่าเจ็บแผลหรือไม่ก็หวั่นๆกับสีหน้าของไอ้ติน

“แล้วมันแค้นอะไรนักหนา”

“ไม่รู้”ไอ้ว่านตอบแทบจะทันที

“กูเหนื่อย อยากพัก”มันพึมพำเบาๆ สีหน้าเจ็บปวดฉายชัด

“ผมไม่อยากมาเสียเที่ยว”ไอ้ตินถอนหายใจ มือยังคงวางอยู่ที่ตำแหน่งเดิม

“…สำหรับกู มึงเป็นคนสำคัญเสมอ”ผมกลอกตามองไอ้ภูทันที แต่ก็รอฟังว่ามันจะพูดอะไรต่อ

“บางที…มันอาจจะเป็นแค่ข้ออ้างของคนขี้แพ้อย่างกูก็ได้ ความจริงแล้วกูเสียใจที่มึงไม่คิดจะติดต่อมา ไม่คิดจะมาดูคนที่มึงทิ้งไว้ข้างหลัง แล้วพอได้เห็นมึง กูก็เลยรู้ว่ามึงตั้งใจจะลืมกูจริงๆ กูอาจจะเป็นคนบ้าๆก็ได้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ะ ช่วงที่ผ่านมากูพยายามหาคนมาแทนมึง แต่มันก็ไม่ใช่”ไอ้ว่านสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะทอดสายตามองไปที่นอกหน้าต่างเหมือนมองไม่เห็นผมกับไอ้ภูที่ยืนหัวโด่อยู่

“แม่งพูดเหมือนโดนแฟนทิ้ง”ผมกระซิบกระซาบกับไอ้ภูเบาๆ ไอ้ตินแค่มองไอ้ว่านนิ่งๆ

“ผมพยายามเข้าใจพี่นะ”นี่พวกมันนั่งทางในคุยกันหรือไง ทำไมผมถึงไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง

“กูจะเรียกคุณมัดมาตามจองเวรมึง”ผมพูดขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องนี้พอดี ไอ้ว่านขมวดคิ้วน้อยๆ แลดูงุนงงและกวนตีนไปพร้อมๆกัน จู่ๆผมก็รู้สึกว่ามันช่างคล้ายไอ้ภูอะไรอย่างนี้ คล้ายตรงที่ทำหน้างงก็ยังดูกวนตีน บ้าไปแล้ว

“ใครคือคุณมัด”ไอ้ตินถามสีหน้างุนงง

“มึงนี่ตกข่าวว่ะ ใครๆเขาก็รู้จักทั่วบ้านทั่วเมือง”มันทำหน้างงเข้าไปใหญ่ ผมจึงเลิกพูด กลับมานั่งที่โซฟาพร้อมกับไอ้ภู ปล่อยให้มันสองคนเคลียร์กันไป

“เมื่อกี้มึงจ้องหน้ามันทำไม”ไอ้ภูถามเสียงขุ่น

“กูแค่คิดว่ามันเหมือนมึง”ไอ้ภูแทบจะแยกเขี้ยวแล้วกัดคอผม

“กูเนี่ยนะ มึงหยุดคิดเลย คนละชั้นกันเว้ย”มันทำหน้าไม่พอใจ

“เวลามึงงงมึงทำหน้าแบบมันเลย”ผมยังยืนยันคำเดิมว่าเหมือน กลับยิ่งทำให้ไอ้ภูหงุดหงิดเข้าไปอีก

“มึงอย่าเอากูไปเทียบกับมัน”มันขึงตาใส่ ก่อนจะบีบข้อมือที่ยังช้ำอยู่ของผมเต็มแรง เล่นเอาผมหลุดร้องเสียงดัง

“สม”แล้วมันก็ขยับไปนั่งชิดมุมโซฟา คว้านิตยสารมาอ่าน บดบังหน้าตัวเอง ผมเลยเบนความสนใจมาที่ไอ้ตินและไอ้ว่าน มันคุยอะไรกันสักอย่าง ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้ฟัง

“ผมขอโทษอีกครั้งที่ตอนนั้นทิ้งทุกคนไปแบบนั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงกันบ้าง”ไอ้ตินรำพึงเบาๆ

“ก็สบายดี กูติดต่อพวกมันตลอด”

ผมแอบถอนหายใจ พอจะเข้าใจอยู่บ้าง ยังไงไอ้ว่านอาจจะเป็นคนที่เคยสำคัญกับไอ้ตินก็ได้ เพราะไม่อย่างนั้น ตอนนี้ไอ้ตินคงไม่มาคุยด้วยหรอก เอาเถอะ ในเมื่อเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ผมจะปล่อยไปก็แล้วกัน มาคิดดูอีกที ไอ้ว่านกับไอ้ตินคงไม่มีวันได้เจอกันอีกแน่ ยกเว้นหลังจากนี้ที่มันหายดี

“แต่เรื่องไอ้ฟิก ผมยังไม่จบนะ พี่อย่าลืมซะล่ะ แล้วก็เลิกสอดแนมผมด้วย จากนี้ไปพี่ก็เริ่มใช้ชีวิตใหม่เถอะนะ”

“อือ จะพยายาม”ไอ้ว่านฝืนยิ้มเล็กน้อย พระเอกนักนะมึง

“เสร็จยังวะ”ผมแทรกขึ้นมาอย่างรู้จังหวะ ไอ้ว่านมองหน้าผมก่อนจะพยายามฝืนยิ้มให้

“ผมกลับก่อนล่ะ อ้อ แล้วเรื่องไอ้แก๊ง ผมไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้ามันเกิดเพราะว่าพี่เป็นคนผิด พี่คงรู้นะว่าควรจะแก้ยังไง”ไอ้ตินทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ

“มึงไม่ต้องบอกมันทุกเรื่องหรอก โตจนมีเมียได้แล้ว ก็ปล่อยให้มันคิดเองบ้าง”ไอ้ภูยืดตัวบิดขี้เกียจ มันก้มมองคนป่วยด้วยรอยยิ้มเยาะๆ นึกไม่ออกจริงๆว่าไอ้ว่านกับไอ้ภู ถ้าต่อยกันจริงๆใครจะชนะ ผมว่ามันก็เอาเรื่องพอกันทั้งคู่

“ไอ้ติน”เสียงเรียกของไอ้ว่านดังขึ้นอีกครั้ง

“เรื่องไอ้แก๊ง…พ่อพี่เอาเรื่องรึเปล่า”มันดูเป็นกังวลขึ้นมานิดหน่อย

“ก็ได้ยินมาว่ากำลังตามตัวอยู่ แต่ระดับไอ้แก๊งมันมีที่หนีเยอะจะตาย ผมเองก็กะจะช่วยมันอีกทาง”ไอ้ว่านพยักหน้าก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง

“กูจะได้ต่อยมันเมื่อไหร่”ไอ้ภูถามทันทีเมื่อออกมาจากห้องพิเศษ

“ราวๆหนึ่งเดือนล่ะมั้ง”ไอ้ตินตอบด้วยเสียงไม่แน่ใจ

“กูเหนื่อยแทนพวกมึงเลยว่ะ”ผมมองหน้ามันสองคนอย่างระอา บางทีก็เหนื่อยหน่ายแทนพวกมันกับไอ้เรื่องเอาคืน ต่อยตี ถึงเรื่องนี้จะเกี่ยวกับผมก็เถอะ ถึงผมจะยังแค้น และเหม็นหน้าไอ้ว่านมันอยู่มาก แต่ก็…ไม่รู้สิ ผมไม่ได้โกรธเกลียดไอ้ว่านมากทั้งๆที่ควรจะเกลียด ก็เหมือนๆเมื่อตอนกรณีของไอ้เนม แต่ถ้าให้ผมญาติดีกับไอ้ว่าน ก็ไม่ไหว และมันคงไม่อยากญาติดีกับผมด้วย

“แล้วไอ้แก๊งมันจะไม่เป็นไรแน่เหรอ”ผมเป็นห่วงมันนิดหน่อย

“อืม มันเก่ง”ไอ้ตินระบายยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเพื่อน

“เฮ้ย เกือบลืม กูจะแวะไปดูไอ้ม่อนซะหน่อย”ไอ้ภูพูดเสียงดังเมื่อนึกได้

“เสียใจ มันย้ายออกจากโรง’บาลไปแล้ว สงสัยจะระแวงมั้ง”ไอ้ตินยิ้ม ผมหรี่ตามอง

“ทำไมวะ”

“เผอิญกูหมั่นไส้ เลยไปขู่มันว่าจะให้ลุงกูจ่ายยาผิด”มันหัวเราะขำกับฝีมือของตัวเอง ร้ายกาจจริงๆ





……………………………………………………………………….






“ไปเที่ยวน้ำตกกัน”ไอ้ตินชวนเมื่อใกล้กำหนดกลับเข้าไปทุกที ก็ตกลงกันไว้ว่าจะกลับวันพรุ่งนี้ หลังจากที่ไปเยี่ยมไอ้ว่านก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก ผมไม่ได้กังวลอะไรอีกแล้วที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกมันก็แล้วกัน

“ร้อน”ผมมองแดดด้านนอกแล้วอ่อนใจ

“ไม่ร้อนมากหรอก แถวนั้นร่มไม้เยอะ ไหนๆก็เอากล้อง เอากระดานวาดรูปมาแล้วไม่ใช่เหรอ”ไอ้ตินยังคงเชิญชวนต่อไป ผมหรี่ตามองอย่างจับผิด ทำไมมันดูกระตือรือร้นซะเหลือเกิน ไอ้ภูก็เช่นกันมันถึงกับลงทุนทำแซนด์วิชเอง คิดดูเถอะ ถ้าพวกมันไม่ได้กินยาผิดแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“พวกมึงวางแผนอะไรกัน บอกมาตามตรง”ผมยืดตัวกอดอกมองหน้ามันสองคนด้วยสายตาจริงจัง

“เปล่านี่ แค่อยากไปเที่ยวพักผ่อนเฉยๆ หรือมึงไม่อยากไป”ไอ้ภูย้อน

“เออสิ แดดเปรี้ยงขนาดนี้”ให้ตาย ผมก็ไม่สู้หรอก

“ก็บอกว่าที่น้ำตกไม่มีแดด”ไอ้ตินแย้ง พวกมันสองคนมองหน้ากัน ผมไหวตัวช้าไป รู้ตัวอีกทีพวกมันก็จับผมหิ้วแขน ขา ออกมาด้านนอกแล้ว

“เฮ้ย พวกมึงทำบ้าอะไรวะ”ผมโวยวายเสียงดัง เอาให้ได้ยินกันทั้งซอยไปเลย

“พาไปน้ำตก”ไอ้ตินตอบหน้าระรื่น อะไรของพวกมันวะ สุดท้ายพวกมันก็บังคับผมไปจนได้ ผมจึงนั่งหน้าบูดอยู่ที่เบาะหลัง ระหว่างที่รถแล่นผ่านหมู่ไม้ไปเรื่อยๆ

“แค่นี้โกรธเหรอ กะจะพาไปดูน้ำตกสวยๆ”ไอ้ตินเหลือบมองผมผ่านกระจก ส่วนไอ้ภูหมกมุ่นกับไอโฟนของมัน

“เฮ้อ ช่างเถอะ แล้วอีกไกลไหม”ผมละสายตามาจากนอกหน้าต่าง ก่อนจะยื่นหน้าไปหาไอ้ติน

“อีกนิดเดียว”มันตอบพร้อมรอยยิ้ม ท่าทางดูผ่อนคลายลงเมื่อเห็นผมเลิกทำหน้าบูดแล้ว ผมกวาดตามองของที่พวกมันเอามาด้วย ก็เกิดคำถามขึ้นมาทันที

“เอาของมาทำไมตั้งเยอะ”

“อยู่ถึงตอนดึกเลยไง อากาศดีมากนะ เดินขึ้นไปอีกหน่อยจะมีชั้นหินกว้างๆ เห็นว่าคืนนี้มีดาวตกด้วย ก็เลยกะว่าจะอยู่ดู แต่ถ้าไม่อยากดูจะกลับก็ได้ เพราะมันคงดึก”มันรีบเสริมเมื่อเห็นผมเริ่มย่นคิ้ว

“เหรอวะ”นี่พวกมันวางแผนกันไว้แล้วเหรอ ผมเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมา ทิ้งตัวนั่งที่เบาะตามเดิม ก่อนจะหยิบเอากล้องมาเก็บบรรยากาศข้างทาง กว่าจะถึงแดดก็อ่อนแล้ว มีผู้คนอยู่บ้างประปราย ส่วนใหญ่มาปิกนิกกับครอบครัว

“แซนด์วิชที่มึงทำกินได้แน่นะ”ผมถามย้ำเมื่อเห็นแซนด์วิชของไอ้ภูในถุง หน้าตาก็พอดูน่ากินหน่อย

“แล้วแต่ กินไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน”ไอ้ภูตอบกลับมาด้วยสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย

“พูดแค่นี้ก็งอน”

“กูไม่ได้งอน แค่บอกเฉยๆ อุตส่าห์ทำมาให้ยังมากวนตีนอีก”

“เออๆ ไม่พูดมากก็ได้”ผมยกมือยอมแพ้ก่อนจะเดินตามไอ้ตินขึ้นไปตามเนินหินก้อนใหญ่ มันเลือกมาเกือบบนสุดเลย คนไม่ค่อยจะมีแล้วด้วย เพราะส่วนใหญ่จะมากันตอนเช้าๆ แต่นี่พวกมันมากันตอนบ่าย ผมถึงได้บ่นไง

“ตรงนี้แดดร่ม ลมเย็นด้วย”ไอ้ตินทำหน้าพอใจ มันแกะเสื่อผืนเล็กก่อนจะวางกระเป๋าทับกันปลิว จู่ๆผมก็นึกไปถึงเมื่อตอนปีหนึ่ง ที่ผมพามันไปเที่ยวน้ำตก แล้วก็จบลงที่…..

“เฮ้ย พวกมึงนี่แผนสูงว่ะ”ผมมองหน้ามันสองคนสลับกัน ไอ้ภูกับไอ้ตินทำหน้างงๆก่อนจะหัวเราะออกมา

“ไม่ได้เหรอ”ไอ้ตินเอนมากระซิบใกล้ๆ ผมล่ะอยากทุ่มกระเป๋าใส่พวกมันจริงๆ

“พวกมึงนี่มัน….”ผมพยายามจะคุมสติตัวเอง เดี๋ยวจะเก้อเขินนัก ไม่น่ารู้ตัวก่อนจริงๆ

“ไม่ต้องห่วงน่า คนเยอะๆกูไม่กล้าหรอก”ไอ้ภูยิ้มแบบมีเลศนัย

“กูไม่ได้ห่วงเรื่องนี้เว้ย พวกมึงนี่ชอบทำกูแย่ตลอด”นี่ผมหลงกลพวกมันอีกแล้ว ตามพวกมันไม่ทันจริงๆ แล้วอีกอย่างน้ำตกแบบนี้ คงไม่เปิดให้ดึกขนาดนั้นหรอก

 “จะได้อยู่ดูหรือเปล่า”ผมพึมพำเบาๆ เดาว่าตอนนั้นผมอาจจะสลบเหมือดไปแล้ว

“กูเห็นด้านล่างมีส้มตำกับไก่ย่างขาย เดี๋ยวมา”ไอ้ภูผละลงไปด้านล่าง ผมเลยเอาพวกน้ำกับขนมคบเคี้ยวอื่นๆออกมา แต่พอเปิดขวดน้ำมาดมๆดู เบียร์นี่หว่า

“เอามามอมกูรึเปล่าเนี่ย”ผมหรี่ตามองไอ้ติน มันยักคิ้วหลิ่วตามาให้

“เอามาบิ้วเฉยๆ”

“ระดับกูไม่จำเป็นว่ะ”

“จริงอ่ะ”แต่ก่อนที่ไอ้ตินมันจะทำรุ่มร่ามกับผม ก็มีสาวๆมานั่งปิกนิกไม่ใกล้ไม่ไกล ผมก็ส่งยิ้มไปตามมารยาท จนไอ้ภูกลับมาพร้อมกับส้มตำและไก่ย่าง ผมก็เหงือกแห้งพอดี

“แจกยิ้มให้สาวหน้าบานเชียวนะ”ไอ้ภูหยิกเอวผมเบาๆ จากหางตาจะเห็นว่าสาวๆพวกนั้นมองไอ้ภูตาเป็นมัน กับไอ้ตินยังไม่ออกอาการเท่านี้เลย หรือสาวๆพวกนี้จะชอบผู้ชายลุคเลวๆ แต่ถ้ามองดีๆสาวๆบางคนก็ดูแสบใช่เล่น ใส่สายเดี่ยวโชว์รอยสักเสียด้วย แต่ไอ้คนถูกจ้องกลับนั่งแทะไก่ย่างไม่ได้สนใจเลยสักนิด

“สาวมองมึงอ่ะ”ผมสะกิดไอ้ภูก่อนจะพยักเพยิดไปยังกลุ่มสาวๆพวกนั้นที่เริ่มทำเสียงดัง เดาว่าคงแอบเอาเหล้ามาเหมือนกัน

“แล้วไง”มันตอบเสียงเมินเฉย ทำเอาผมยิ้มกว้าง กลับมาแย่งส้มตำกับไอ้ตินต่อ จะว่าไปสาวๆพวกนี้ก็เป็นอุปสรรคในการหื่นของมันสองคนเหมือนกัน พวกมันจึงทำได้แค่วางมือบนหน้าขาของผม และยังเนียนๆส่งเบียร์ให้ผมอยู่ตลอด   

“กูอยากกินตำคอหมูย่าง ซื้อให้หน่อยดิ”ผมใช้ไอ้ภูอีกรอบ มันทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ แต่ก็ยอมลงไปอยู่ดี แต่เมื่อไอ้ภูลุกไปปุ๊บ แม่สาวสายเดี่ยวก็รีบลุกตามไปทันที

“ไม่ห่วงเหรอ”ไอ้ตินถามเสียงล้อเลียน

“ไม่เท่าไหร่”ไม่รู้สิ ผมก็รู้อยู่แล้วว่าไอ้ภูมันไม่ค่อยคั่วผู้หญิง ผมก็ไม่เคยถามมันด้วยว่าเคยคบรึเปล่า แต่ผู้หญิงแนวๆนี้คงไม่ใช่แนวมันหรอก ไอ้ตินเหลียวซ้ายมองขวาก่อนจะดึงผมเข้าไปประกบจูบ กลิ่นส้มตำชัดๆ…แต่มันก็รีบผละออกทันที ผมก้มหน้าก้มตาแทะไก่ย่างเพราะไม่รู้ว่ามีคนเห็นช็อตเมื่อกี้รึเปล่า

“เชี่ยเอ้ย”ไอ้ภูกลับมาตัวเปล่า สีหน้าบูดบึ้ง และผมก็พอจะรู้สาเหตุเพราะแม่สายเดี่ยวเดินตามมาติดๆ ผมยกขวดน้ำบ้วนปากก่อนจะหาลูกอมมาดับกลิ่นส้มตำ (นี่ไม่ได้เตรียมพร้อมเลยนะ)

“ทำหน้าบูดหน้าบึ้งไม่น่ารักเลยนะ”ผมยื่นมือไปเขี่ยแก้มมัน ไอ้ภูเอนตัวออกห่างก่อนจะมองไปทางสาวๆกลุ่มนั้น แต่จู่ๆมันก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก แต่ผมกลับร้อนๆหนาวๆชอบกล

“ไอ้ภู…”และแน่นอนว่าผมมักจะเดาสีหน้าแบบนี้ของมันถูก ไอ้ภูรั้งใบหน้าของผมเข้าไปใกล้ ผมขึงตาใส่มัน แต่มันกลับยกยิ้ม ก่อนจะโฉบเข้ามาขบกัดริมฝีปากของผมเบาๆ เสียงหัวเราะจากสาวๆกลุ่มนั้นเงียบลงทันที ไอ้ภูผละออกไปแทะไก่ย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีแค่เสียงกลั้นขำมาจากไอ้ติน ผมแทบไม่กล้าเงยหน้ามองใครทั้งนั้น แต่ก็ดีเหมือนกันผู้หญิงพวกนั้นจะได้รู้เสียทีว่าส่งสายตามาก็ไม่มีประโยชน์

“ฟิก ไปเพื่อนเข้าห้องน้ำหน่อยดิ”ไอ้ตินสะกิด ผมย่นคิ้ว กะอีแค่ไปห้องน้ำ ทำไมมันไปคนเดียวไม่ได้ แต่พอเห็นหน้าแดงเรื่อๆเพราะฤทธิ์แอลกลอฮอร์ของมันก็พอจะเข้าใจ

“เอาจริงเหรอวะ”ผมกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ แต่ไอ้ภูรีบคว้าอะไรบางอย่างใส่กระเป๋าก่อนจะเดินนำหน้าไป ทีเรื่องแบบนี้นี่ไวกันจริงๆ

“เอาจริงดิ”ไอ้ตินทำตาวิบวับใส่ ผมเลยคว้าลูกอมมายัดใส่ปากมัน ก่อนจะเดินตามไอ้ภูไป หวังว่าสาวๆพวกนั้นคงไม่แอบตามมาหรอกนะ เฮ้ย แต่คงไม่มีใครโรคจิตขนาดนั้นหรอก ต้องโทษส้มตำ ผมเมาส้มตำเลยกล้าทำอะไรบ้าบิ่นแบบนี้ ห้องน้ำมีแบบแยกเป็นห้องอาบน้ำล้างตัว และแน่นอนว่าไอ้ตินมันรีบดันตัวผมเข้าไปในห้องอาบน้ำทันทีพอปิดประตูลงกลอนได้พวกมันก็รีบเข้ามาดึงเสื้อผมออกทันที

“เบาๆนะเว้ย”ผมแอบกลัวคนจะเข้ามาได้ยินจริงๆ ในระหว่างที่ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ริมฝีปากของทั้งคู่ก็เริ่มจู่โจม ขบกัดไปตามร่างกาย ปลายลิ้นของไอ้ภูวนเวียนอยู่แถวๆสะดือจนผมต้องแขม่วพุงไม่รู้กี่รอบ

“อย่าหลับตา”ไอ้ตินกระซิบเบาๆ ก่อนย้ำจูบไปตามซอกคอ

“กูอาย”พูดแล้วก็หน้าร้อนขึ้นมา

“ยังจะอายอีกเหรอ”ไอ้ภูหัวเราะเบาๆ ฝามือหนาเล้าโลมที่จุดอ่อนไหวที่กำลังก่อตัวตามแรงอารมณ์ ผมผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ระหว่างที่รู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่บนฟองอากาศ เสียงหอบเครือของอีกสองคนดังแว่วเข้ามา สัมผัสลื่นๆและแข็งขื่นแทรกเข้ามาในตัวจนต้องปล่อยเสียงครางออกมา หลังจากนั้นก็ดำเนินไปอย่างทุลักทุเล ทุลักทุเลจริงๆเพราะกลัวว่าจะมีคนเข้ามาก็เลยไม่ถึงฝั่งกันสักคน

“แผนวันนี้ล่มหมด”ไอ้ตินบ่นขำๆ ระหว่างที่พากันลงมาจากชั้นน้ำตก ไอ้ภูอยากดูดาวตกขึ้นมาก็เลยต้องย้ายที่ไปยังที่ตั้งแคมป์ จะมีลานหญ้ากว้างๆไว้สำหรับตั้งเต้นท์ตรงนั้นจะเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

แต่ถึงจะล่ม อย่างน้อยพวกมันก็แคร์ผมมากกว่าอารมณ์หื่นของพวกมัน ผมกลัวจะมีคนเข้ามาใช้ห้องน้ำแล้วมาได้ยินเข้า ก็เลยไม่ค่อยจะมีอารมณ์ร่วมสักเท่าไหร่ พวกมันสองคนก็คงจะรู้ ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุนี้หรือเปล่ามันสองคนจึงล่มพอๆกับผม

“กูว่าพวกมึงต้องงดไอ้เรื่องหื่นลงบ้างแล้วว่ะ เห็นไหม ใกล้จะเสื่อมสมรรถภาพกันแล้ว”

“งั้นมึงคงเสื่อมก่อนพวกกูอีกว่ะ ปิ๋วก่อนคนแรก”ไอ้ภูทำหน้าตึงๆ มันผลักจนผมเซแถดๆเพราะหอบหิ้วของมาด้วย

“พอๆเลิกพูดเรื่องนี้”ไอ้ตินเข้ามาห้ามทัพ มันเองคงไม่อยากจะเสวนาถึงเท่าไหร่ หลังจากที่เลือกมุมได้แล้ว ผมก็นอนกลิ้งบนผืนหญ้าทันที กลิ่นธรรมาตินี่มันชื่นใจจริงๆ

“นอนก็ระวังๆบ้าง เจอขี้หมากูจะหัวเราะให้ฟันหลุด”ไอ้ภูขัดจังหวะชื่นมื่นของผมอีก

“กูทำมาให้ก็กินดิ เหลืออีกสองอัน พวกมึงเอาไปแบ่งกัน”ผมกำลังงงว่าไอ้ภูพูดถึงอะไร มากระจ่างก็เมื่อมันเอาแซนด์วิชยัดปากผมนี่แหละ เหลือบมองไอ้ตินเห็นมันจำต้องเคี้ยวแซนด์วิชทูน่าของไอ้ภู

“กูขอถามพวกมึงสองคนเลยนะ ว่าเคยคบกับผู้หญิงนานสุดเท่าไหร่”ผมมองหน้าคนข้างๆสลับไปมา

“อืม…”ไอ้ตินทำหน้าครุ่นคิด

“สักห้าเดือนได้ แต่กูโชคร้ายด้วยแหละ ก็เลยโดนหักอก”อย่างไอ้ตินเนี่ยนะ

“แล้วมึงล่ะ”ผมหันไปถามไอ้ภูบ้าง

“กูไม่เคยคบแบบจริงจังนะ ตอนนั้นแค่….”ผมพยักหน้าเข้าใจทันที ไม่ต้องรอให้มันพูดจบหรอก

“กูถามอีก แล้วผู้ชายคนแรกที่มึงคบด้วยล่ะ”

“กูน่ะนะ ตอนนั้นสักม.ห้าได้ แต่ป่านนี้มันคงมีใหม่เป็นสิบแล้ว”ไอ้ภูตอบเสียงเรื่อยๆ

“แล้วมึงรักมากไหมวะ”คนอย่างไอ้ภูไม่เคยคบซ้อนไง ไม่รู้ว่าตอนนั้นมันจะรู้สึกแบบไหน

“มึงคงเข้าใจคำว่าความรักแบบเด็กๆใช่ไหม ในตอนนั้นใครๆก็คิดว่ามันจะยืนยาวตลอดไปนั่นแหละ แต่อดีตก็คืออดีต ถ้ากูเจอมันอีกครั้ง กูก็ไม่หวั่นไหวอะไรทั้งนั้น กูรู้ว่ามึงจะถามต่อ”ไอ้ภูเสริมพร้อมรอยยิ้มรู้ทัน ผมหันไปมองไอ้ตินบ้าง มันเองก็ไม่ใช่ประเภทเจ้าชู้ด้วย

“ผู้ชายคนแรกของกูไม่มีอะไรให้จำหรอก ช่วงนั้นเป็นช่วงวัยคะนองก็อยากลองไปเรื่อย”ผมถึงบางอ้อ แบบนี้ค่อยเบาใจหน่อย จะได้ไม่มีกรณีเจอคนรักเก่าแล้วสับสนในตัวเอง แต่ถ้ามีล่ะก็ผมจะตบหัวให้หายสับสนเลยคอยดู

หลังจากที่ถ่างตารอมานานแสนนาน ผมก็ได้เห็นดาวตกพร้อมๆกับพวกมันสองคนเป็นครั้งแรก

“มึงเชื่อเรื่องคำอธิฐาษไหม”ไอ้ตินกระซิบใกล้ๆ มือสอดเข้ามาลูบพุงผมเล่น

“ไม่รู้ดิ”

“แต่กูไม่เชื่อ”ไอ้ภูพลิกตัวมามองหน้าผม ใต้ท้องฟ้ากระจ่างแบบนี้ผมเห็นแววตาที่ทอดมองมายังผมแล้วรู้สึกอิ่มเอมใจขึ้นมา

“เหรอ แต่บางครั้งผมก็เชื่อนะ”นิ้วมือเย็นๆมันวนลูบใกล้สะดือและมีแววว่าจะต่ำกว่านั้น ผมจึงตะปปมือมันออก

“อย่าซน”

“ทำไมกลัวเหมือนเมื่อในห้องน้ำเหรอ”มันถามเสียงขบขัน ผมถึงกับถอนหายใจพรืด

“นั่นมันเหตุสุดวิสัย”   

“จริงเร้อ อย่างนี้ต้องพิสูจน์”ไอ้ภูขยับเข้ามากระซิบใกล้ๆ

“อะไรนะ”ผมขมวดคิ้วมองหน้ามันงงๆ

“กูเช่าเต้นท์ไว้แล้ว”ไอ้ตินพึมพำขึ้นมา

“พร้อมไหม”ไอ้ภูหัวเราะหึๆ ไอ้พวกนี่แม่งงง รู้ใจผมจริงๆ เอ้ย ไม่ใช่ พวกมันนิสัยไม่ดีจริงๆ!
 
 

TBC.
มาอัพเสียที! คิดถึงสามหน่อล่ะซี้ ตอนนี้ไม่มีNCเนอะ ขอโต้ดจริงๆ เขียนไม่ออกค่ะ แค่รู้ว่าสามหนุ่มจัดเต็มหลังจากที่รอบแรกล่ม
ส่วนตอนของว่านจะแยกไว้เป็นตอนพิเศษเนอะ เรื่องเคลียร์กันของภูกะตินก็จะอยู่ในพาร์ทนี้ด้วย
เจอกันตอนหน้าค่ะ จะพยายามอัพให้เร็วกว่านี้เนอะ :กอด1:



ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
พี่ภูหื่นไม่ออกนี่เป็นเรื่องช็อกมากค่ะ 555555555555555
แต่เข้าใจว่าสถานที่มันไม่ให้จริงๆ 555555555555555

ออฟไลน์ DKTime

  • ขอบเขตความรู้สึกยิ่งใหญ่ ความเสียใจอาจแฝงไว้ในความเฉยชา....
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-2
    • https://twitter.com/UKnowJJTime_DK
ชอบบบบบ ยิ่งอ่านยิ่งหลงสามหน่อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
คิดถึงสามหน่อ สกิลความหื่นของตินกับพี่ภูนี่ไม่มีลดเลยนะ

จบเรื่องว่านแล้ว จะมีเหตุอะไรมาป่วนฟิกอีกมั้ยหนอ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
งือออ เคลียร์เรื่องว่านไปได้ก็โล่งใจไปเปราะนึง ได้รู้พาร์ทฝั่งพี่ภูสักทีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่ก็ไม่ได้เกร็งเท่าไหร่เพราะรู้ว่าคนอย่างพี่ภูคงเอาอยู่นั่นแหละ ฟิกนี่แอบหึงตินแบบจริงจังมากอะ ฮ่าๆๆๆ แล้วพอเคลียร์เรื่องคาใจกันไปต่อมหื่นของสองหนุ่มนี่ก็ทำงานเลยนะวางแผนกันมาซะดิบดีเลย อย่างที่ฟิกบอกว่าพอเรื่องแบบนี้ละเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยแถมยังไวตลอด สามหนุ่มได้เปลี่ยนบรรยากาศกันแบบนี้เราคนอ่านก็สบายใจ  :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เรื่องหื่นๆไว้ใจสามคนนี้ได้เลย  :hao6:

ออฟไลน์ Zxjmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
หลุดขำเรื่องคุณมัดมาก55555555

ออฟไลน์ Dark_Noah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-3
ว่านต้องไปทำอะไรแก๊งแน่เลย รู้สึกได้ สงสารแก๊งซะแล้วสิ เฮ้อ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
ฟิกมันงี่เง่าได้น่ารักดีวะ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ฟิกเกรียนได้สะใจมาก
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ สงสารสามหน่อจัง. ว่าแต่ในเต้นท์คงหายค้างอะเนอะ

ออฟไลน์ LSK

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ชอบจูบรสสัมตำกับคุณมัด ฟิกนี่ทันกระแสตลอด

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
นึกว่าพี่ภูจะเสื่อมจริงๆ 5555+ แต่คงความหื่นเต็มตุง เอ๊ย เต็มอัตราสิน่ะ ตินก็ใช่ย่อย ฟิกเอ๊ย งดนานเกิน ก้นระบมแน่ 55555+

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
ภูกับตินเตรียมพร้อมสุดๆ  :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ไอ่พี่ว่านน่าจะอยากคบกับตินแบบจริงจัง
ถึงขนาดหาตัวแทนมาใช้แทนติน
แต่ไม่ใช่ ไม่เหมือน
หุหุ

ยังไงๆ มันก็ใช่แค่ ภู+ฟิก+ติน
คนอื่นอย่าพยายามเสนอหน้ามายุ่งเกี่ยว
ฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ ♥♥ดอกช่อบานสะพรั่ง♥♥

  • เหรียญยังมีสองด้าน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
ฟิกนี้เกรียนจริง ขอบคุณค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ poohanddew

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
คนที่ว่านใช้แทนตินนี่เราว่าแก๊งค์นะ
ถึงได้แค้นปานนี้
นานๆทีฟิกจะหึง
ภูเจอชะนีหื่นหายเลย

ออฟไลน์ manutty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 846
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
คิดถึงงงงงงงงงงงงมากกกกกกกกกก  :mew1:  ดีใจที่จบเรื่องด้วยดีไม่มีใครต้องเจ็บหนักทางฝ่ายสามหน่อ มีแต่อีกฝ่ายที่น่วม สม อยากมาทำเมียสองเฮีย โดยเฉพาะพี่ภู เมียกูอยู่ไหน  :m20: ความรักมันบังคับกันไม่ได้ ว่านรักติน แต่ตินรักแบบพี่ ต่อให้ได้ตัวไปแต่ไม่ได้ใจก็ไม่มีค่า ยกเว้นตินจะไม่มาเจอฟิก อาจจะตอบรับได้ แต่โชคชะตาลิขิตแล้วว่าไม่ใช่คู่กัน เราว่าว่านไม่ได้จะทำร้ายตินหรอก แค่เสียใจ เสียความรู้สึกที่ตินทิ้งพวกตัวเองไป แบบหนีเอาตัวรอด เลยทั้งรักทั้งแค้น แต่รักมากกว่า อยากให้ตินมาขอโทษ มาอธิบายไม่ใช่เงียบเฉย  ส่วนเรื่องแก๊ง คง โดนว่านใช้เป็นตัวแทนตินไม่แปลกถ้าจะเจ็บแค้นและเอาคืน ว่านต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองก่อไว้ จัดการให้เรียบร้อยซะ คือ ไปสู่ขอมาเป็นผัวจริงๆซะ จะได้จบๆ  :laugh:  แต่น่าสงสารสามหน่อ โดนมารชะนีขัดขวางทำให้บิ้วไม่ออก แต่ยังดีมีแผนสำรอง ตอนหน้าจัดด้วยนะคนเขียน  :haun4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ฟิกอะไรคือการที่จะให้คุณมัดมาตามจองเวรว่าน :m20:
จูบรสส้มตำ ว่าแต่เราอยากมุดเต้นท์ดูจัง :oo1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
คิดเหมือนข้างบนเลย ว่าคนที่แทนติน คือแก๊ง

แก๊งถึงได้แค้นเอามีดเสียบพุง

ภูกับตินอยากเล่นเอ้าดอร์หรือ 555555555

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4


SP’ ลอยกระทง







~วันเพ็ญเดือนสิบสองน้ำก็นองเต็มตะลิ่งเราทั้งหลายชาย หญิงสนุกจริงๆวันลอยกระทงง~





เสียงเพลงที่คุ้นเคยดีดังอยู่รอบตัว ผู้คนเนืองแน่นเบียดเสียดเดินกันขวักไขว่อยู่บนถนนที่แปรสภาพเป็นงานลอยกระทงขึ้นชื่อของจังหวัดตาก ลอยกระทงสายไหลประทีปพันดวงนั่นเอง ปีนี้มันสองคนชวนผมมาลอยกระทงเสียไกล ซึ่งสองปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้คิดว่าจะลอยเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ปีนี้มันนึกพิสดารอะไร

“คนเยอะ”คำบ่นของไอ้ภูดังแทรกเสียงเพลงขึ้นมา ใบหน้าคมเข้มขมวดมุ่นมากกว่าเดิม มันออกจะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย

“อย่าเครียดๆกินนี่ดีกว่า”เพื่อไม่ให้มันอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ ผมจึงจิ้มลูกชิ้นปิ้งไปจ่อปากมัน แต่จิ้มหมิ่นเหม่ไปหน่อยเมื่อมันอ้า
ปากจะงับลูกชิ้น ไอ้ลูกชิ้นนั่นก็ร่วงตกพื้นทันที มีเสียงหัวเราะของไอ้ตินเป็นแบ็คกราวน์

“งั้นไปเดินเล่นตรงสะพานแขวนกันก่อนดีกว่า คนน้อยแล้วค่อยเดินดูงานกัน”ไอ้ตินเสนอ ผมก็เห็นด้วย ไอ้ภูเดินหน้าตึงตามมา

“กินน้ำมะพร้าวไหม”ไอ้ตินยื่นหลอดมาให้

“เอาไว้ล้างหน้าตัวเองเถอะ”

“อ้าว กวนอีก”มันตีหน้านิ่งมองผม

“ก็อยากให้อารมณ์ดีไง”ผมกลั้นขำเต็มที่ก่อนจะเดินนำไปที่สะพานแขวน สะพานแขวนที่ว่าเป็นสะพานข้ามแม่น้ำปิงเพื่อข้ามไปอีกฝั่งก็ไม่ไกลมากนักหรอก แถมสะพานนี่ก็เก่าแก่อายุกว่าร้อยปีด้วย ตอนแรกก็คิดว่าสะพานจะพุ แต่เขาซ่อมแซมเพื่อความสวยงามแล้ว บนสะพานมีมุ้งลวดกั้น หลอดไฟหลากสีประดับสวยงาม มองจากตรงนี้จะเห็นเวทีกลางน้ำที่ใช้แสดงแสงสีประกอบการลอยกระทงกะลาพันใบ ส่วนใหญ่จะมีคู่รักมาเดิน มานั่งเล่นมากกว่า ผมเหลียวมองสองคนด้านหลัง สีหน้าของพวกมันดูจะโอเคขึ้นแล้ว

“มานั่งตรงนี้”ผมนั่งลงบนพื้นสะพาน ตบที่ว่างข้างตัวให้อีกสองคนมานั่งด้วย พวกมันก็ตามมาอย่างว่าง่ายเชื่อฟัง

“อากาศดีว่ะ”ไอ้ภูพึมพำ เอนพิงไหล่ผมพลางหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป

“รอดูกระทงกะลาก่อนนะ”ไอ้ตินพึมพำอยู่ข้างๆ ในมือถือแผ่นผับไว้ ผมชะโงกหน้าไปดูบ้าง อีกไม่นานก็จะมีการแสดงและปล่อย
กระทงกะลาแล้ว เป็นการแสดงของแต่ล่ะชุมชน มาแข่งกันอะไรเทือกๆนี้ เสียงพลุดังสนั่นจนผมสะดุ้งโหยง และกระทงกะลาพันใบก็ค่อยๆถูกปล่อยระหว่างที่การแสดงเริ่ม แสงวิบวับจากกระทงกะลาในผืนน้ำก็สวยดี และมันก็ลอยเป็นสายจริงๆด้วย ไอ้ตินเอากล้องมาถ่ายตั้งเมื่อไหร่ไม่รู้

“กูว่าไปหากระทงกะลาแบบนี้มาลอยดีกว่าว่ะ”ไอ้ภูพยักเพยิดไปยังแม่น้ำที่มีแสงวิบวับเต็มไปหมด

“มีขายเหรอ”

“ไม่รู้ ก็ลองไปดูก่อน”ผมเหลียวมองรอบตัวก่อนจะสะกิดไอ้ติน มันชะงักการเก็บภาพบรรยากาศก่อนจะหันมามองผม

“มีอะไร”

“ถ่ายรูปให้กูหน่อย”ผมขยับเสื้อให้เข้าที่ พับชายกางเกงยีนส์ขึ้นมาเหนือข้อเท้าเล็กน้อย ก่อนจะย้ายตัวเองไปยืนหล่ออยู่กลาง
สะพาน

“เฮ้ย ขวางทางคนอื่นเขา”ไอ้ตินรีบพูด

“ก็รีบๆถ่ายดิวะ”ผมพยักหน้าส่งสัญญาณให้มันเริ่มถ่ายได้ แต่สงสัยมันจะกลัวคนด่าเพราะมันรีบเสียจนหลุดโฟกัส

“เอาใหม่ดิ ไม่มีใครเขาว่าหรอก”ผมพูดอย่างมั่นใจ ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับหนุ่มๆวัยรุ่นที่ยืนมองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ไอ้ภูกระแอม
กระไอแทรกมา กว่าจะได้รูปสวยๆ หน้าหล่อๆ ก็เสียเวลาตั้งนาน

“แค่นี้พอ คนมองแล้ว”ไอ้ตินเก็บกล้อง ส่งยิ้มขอโทษขอโพยไปรอบตัว

“เออ ตอนแรกกูกะจะไปนั่งกลางถนนด้วยซ้ำ แต่คนเยอะจัด เลยต้องเปลี่ยนความคิด”ไอ้ตินส่ายหน้าระอาๆก่อนจะดึงผมกลับมานั่งที่เดิมเพราะคนเดินสวนไปมา

“ถ่ายรูปกัน”ไอ้ภูแชะภาพทั้งๆที่ผมกับไอ้ตินยังไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรเลย แล้วมันก็เอารูปนั้นไปเรียกยอดไลค์

“ดูดีอยู่คนเดียว แม่งขี้โกง”ไอ้ตินพึมพำอย่างหงุดหงิดเมื่อมันเห็นรูปที่ไอ้ภูแท็กมาให้ ไอ้ตินไม่เท่าไหร่ แต่หน้าผมนี่สิ เบลอ
เหลือเกิน ทุเรศมาก แถมแคปชั่นของมันก็หลงตัวเองสุดๆ

‘กูหล่อสุด’เหรอ อยากจะอ้วก”ผมทำท่าโก่งคอใส่มัน รูปนี้ทำร้ายผมเกินไป ผมจึงจัดการลบแท็กออก

“เออ ที่ม.เราจัดงานลอยกระทงด้วยใช่ไหมวะ”เชื่อไหมว่าผมไม่เคยไปเที่ยวเลยสักปี ตอนปีหนึ่งถูกจักเดินขบวนแต่ผมก็โดดออกมาได้อย่างแนบเนียนโดยการส่งไอ้ชายไปแทน หลอกมันว่ารุ่นพี่สวยๆอยากเดินคู่กับมัน

“จัดดิ มึงรู้ไหมกูถูกทาบทามให้ไปนั่งคู่กับนางงามด้วยนะ”ไอ้ตินพูดด้วยเสียงเซ็งๆ

“ทำอวด กูก็เคย เมื่อตอนละอ่อน”ผมอวดบ้าง ไม่เคยหรอก หนังหน้าผมยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ดูเหมือนปีนี้น้องเพชรเดือนคณะจะได้ใจแม่ยกไปหลายคน

“กูก็เคยนะ”ไอ้ภูรำลึกความหลังบ้าง

“อย่างมึงเนี่ยนะ”ผมทำเสียงไม่เชื่อ

“เออ อย่างกูมันทำไม กูไม่หล่อเหรอ ถามจริง”ไอ้ภูมันหันมาทำหน้าจริงจังใส่

“หล่อมากกก”ผมลากเสียงยาวๆเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง แต่มันทำหน้าตึงๆ ผมเลยหยิบโทรศัพท์หารูปของมัน ขุดไปขุดมาก็เจอรูปเมื่อสมัยมันอยู่ปีหนึ่ง หน้าใสกว่าตอนนี้มาก ผมเหลียวมองรอบตัว มันสองคนไม่ได้สนใจผมแล้ว จึงกดเซฟรูปไอ้ภูทันที รูปสมัยปีหนึ่งมีแค่รูปนี้รูปเดียว นอกนั้นมันไม่ได้ถ่ายไว้เลย ส่วนใหญ่จะมีแต่รูปมุมคณะมัน ไม่ก็รูปเกียร์ รูปเสื้อ รูปรุ่น บลาๆ ขุดไปเรื่อยๆผมก็เจอภาพที่พี่ปาแท็กมาให้มัน เป็นรูปที่มันแต่งตัวย้อนยุค เครื่องจัดเต็ม นั่งข้างๆกับผู้หญิงสวยๆ ผมเอาศอกใส่ไอ้ตินก่อนยื่นโทรศัพท์ไปให้มันดู

“หืม…ไม่ได้โม้จริงๆด้วย”แล้วผมกับมันก็สุมหัวเราะกันอยู่สองคน จนเจ้าตัวเริ่มรู้สึกได้

“หัวเราะเหี้ยอะไรกัน”สีหน้ามึนตึงของมันนั่นล่ะที่น่าขำ

   “มึงแต่งแบบนี้ก็หล่อนะ”ผมโชว์รูปให้มันดูพร้อมกับไล่กดไลค์เพื่อขุดรูปมัน

“ไอ้ฟิก กวนตีนว่ะ มึงโดนแน่”มันยิ้มชั่วก่อนจะกดโทรศัพท์ของตัวเอง ผมมองฟีดข่าวด้วยใจเต้นตึกตัก ไอ้ภูมันเอารูปตอนที่มัน
แอบถ่ายผมมาลง แต่ละรูปพีคๆทั้งนั้น

“พอๆเล่นอะไรไร้สาระ”

“มึงเริ่มก่อนเอง”

จากนั้นผมกับมันก็สงบศึกเพราะคนเริ่มมาเดินเยอะจนหนาตา พวกผมเลยข้ามไปเดินเล่นอีกฝั่ง คนน้อยกว่ามาก เงียบและมืดจริงๆเหมือนตรงนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้เที่ยว มีแค่ร้านค้าข้างทางไม่กี่ร้าน

“ไปซื้อกระทงมาลอยกัน ร้านนั้นขาย”ไอ้ตินกระตุกมือผมให้เดินตาม เป็นร้านเล็กๆ มีกระทงหลายแบบ ขนมปัง กระทงใบตองสวยงาม และกระทงกะลาสวยงาม ใช้ดินปั้นเป็นรูปต่างๆเกาะตามขอบกะลาแล้วทาสีทอง สวยดี เป็นของที่ระลึก แต่ไอ้ภูกับไอ้ตินมันซื้อเพื่อไปลอย มันซื้อกระทงกะลาอันล่ะสี่ร้อยกว่าบาทเพื่อลอยน้ำ

“เอาจริงอ่ะ”ผมถามมันอีกครั้งเมื่อเห็นราคา

“อือ สวยดี”ไอ้ตินตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

“ซื้อแค่อันเดียวก็พอ”ผมรีบห้ามเมื่อเห็นมันจะหยิบมาอีกสองใบ

“งก”เสียงไอ้ภูแว่วมาให้ได้ยิน

“ก็ลอยด้วยกันไง กูมีของบางอย่างมาด้วย”มันสองคนทำหน้าสงสัย แต่ผมยังไม่บอก เดินนำไปยังริมหาดทรายแม่น้ำปิง มีจุดให้ลอยกระทงอยู่ด้วย คนยังไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ส่วนมากไปอยู่ฝั่งนู้นกันหมด ผมค่อยๆหยิบของบางอย่างออกมาจากเป้ ไอ้ภูกับไอ้ตินมองด้วยท่าทางลุ้นๆเหมือนเด็ก

“อะไรวะ”ไอ้ภูถามเมื่อเห็นผมหยิบเอาหุ่นเล็กๆที่ปั้นจากแป้งข้าวเหนียว ขนาดเท่านิ้วโป้งเป็นหุ่นผู้ชายสามคน สมัยเด็กๆตอนที่ผมอยู่กับแม่ เวลามีเทศกาลลอยกระทงแบบนี้ ที่บ้านจะปั้นหุ่นให้ครบตามสมาชิกในครอบครัว ตอนนั้นผมจำได้ว่าปั้นหมาใส่ไปด้วย แต่ไม่ได้ใช้กระทงลอย ใช้เปลือกหยวกกล้วยแข็งๆมาทำเป็นมุมสี่เหลี่ยมเอาไม้เสียบเป็นพื้น เอาธงติดรอบด้วย จากนั้นก็จะเอาไปลอยน้ำ คงเป็นการปล่อยเคราะห์ปล่อยโศกอย่างหนึ่งล่ะมั้ง ผมก็ไม่เคยถาม

“หุ่นพวกมึงไง มองไม่ออกเหรอ หน้าบึ้งๆนี่คือมึงไงภู ส่วนไอ้ที่ยิ้มๆคือมึง”ผมอธิบายให้มันสองคนฟังก่อนจะวางหุ่นทั้งสามลงในกระทงกะลา

“แล้วเวลาเทียนมันละลายจะทำไง”ไอ้ตินถามเสียงกังวลเพราะกระทงกะลาจะใช้เทเทียนลงไปในกะลาเกือบครึ่งนึงเลย มีตีนกา
ปักอยู่ตรงกลาง

“ช่างมันเถอะ แค่ให้มันลอยไปด้วยกันก็พอ”มันสองคนมองหน้าผมด้วยรอยยิ้ม

“เข้าใจคิดเหมือนกันนะ”ไอ้ภูหัวเราะเบาๆก่อนจะหยิบไฟเช็คออกมาจุด

“เดี๋ยวๆ ผมขออธิษฐานก่อน”ไอ้ตินหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าเนือยๆของไอ้ภู ก็มันไม่เชื่อเรื่องทำนองนี้นี่นะ แต่ผมไม่อยากให้ไอ้ติน
เก้อเขินเลยนั่งลงข้างๆไอ้ตินอธิษฐานเป็นเพื่อนมัน ไอ้ภูจำต้องนั่งลงด้วยสีหน้าตลกๆ

“เป็นครั้งแรกเลยนะที่กูทำแบบนี้”

“เออน่า อธิษฐานเพื่อกูไง”

“หืม”ทั้งไอ้ภู ไอ้ตินหันมามองผมเป็นตาเดียว เฮ้ย นี่ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย น่าอายจริงๆ ผมหลับตาลงเพื่อกลบเกลื่อนอาการแปลกๆของตัวเอง แต่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าพวกมันสองคนยังคงมองผมอยู่ด้วยสายตาหยาดเยิ้ม นี่ถ้าอยู่บนเตียง ผมคงเสร็จพวกมันแน่ๆ

“มองอะไร จุดไฟดิ”ผมกระแอม ไอ้ภูเลยจัดการเอามือป้องลม จุดไฟอย่างทุลักทุเล เมื่อไฟลุกแล้วก็ต้องรีบปล่อยลงแม่น้ำเพราะเปลวไฟลุกโชติเลย ผมกับมันสองคนนั่งมองกระทงกะลาลอยไปไกลจนเห็นแต่แสงเล็กๆไกลๆ

“รู้สึกมีไฟบ้างรึเปล่า”ไอ้ตินหันมาถามด้วยนัยน์ตาแพรวพราว

“ไฟอะไรของมึงวะ”ผมรีบลุกบิดเนื้อบิดตัว โชคดีที่มีคนมาลอยกระทงก็เลยไม่มีอาการกระอักกระอ่วนเกิดขึ้นแต่อย่างใด


RRRRR

“ใครโทรมา”ไอ้ภูถามทันทีเมื่อเห็นผมหยิบโทรศัพท์ออกมาดู แต่เจ้าของชื่อกลับทำให้ผมแปลกใจเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

“พี่มิน”พี่แว่นของผมหายหน้าหายตาไปนานจริงๆ ไอ้ภูชักสีหน้าทันทีเมื่อรู้ว่าเป็นใคร

“ว่าไงพี่ หายไปนานเลยนะ”ผมทักด้วยน้ำเสียงดีใจ ข้างห้องมันว่าง จะว่าไปก็เหงาที่ไม่มีคนคอยป่วนประสาท

[คิดถึงล่ะซี้] พี่มินตอบกลับพร้อมหัวเราะ ผมย่นคิ้วเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างแทรกมาด้วย

“พี่อยู่ที่ไหนอ่ะ”เพราะผมได้ยินเสียงเพลงเดียวกันกับที่เปิดอยู่ที่อีกฝั่งเลย

[ให้ทาย] ยังมาทำเสียงระรื่นอีก ผมหันไปมองไอ้สองตัวที่ยืนมองอยู่ไม่ห่างก่อนจะยกนิ้วให้สี่นิ้วเพื่อบอกว่าขออีกสี่นาที แต่ไอ้
ตินชูสองนิ้วขึ้นมาแทน ไอ้นี่ก็เป็นไปกับไอ้ภูด้วยเหรอ หวงไม่เข้าเรื่อง

“งานลอยกระทง?”

[ที่ไหนเอ่ย] น้ำเสียงระรื่นของอีกฝ่ายทำให้ผมรู้เลยว่าพี่มินอยู่งานเดียวกันกับผมแน่ๆ

‘เสร็จหรือยัง’

เสียงดุๆดังแว่วมา ผมยิ้มออกเมื่อจำได้ว่าเจ้าของเสียงนี้คือใคร

“โห คบกับพี่พิสยืดเหมือนกันนะ”

[แน่นอน แล้วฟิกล่ะ มากับสองคนนั่นหรือเปล่า]

“ไม่น่าถาม ของมันแน่อยู่แล้ว”

[ยืนจ้องตาเขม็งเลยล่ะสิ] พี่มินหัวเราะเบาๆ

“พี่อยู่ตรงไหน”

[ลานเบียร์ มาหาพี่สิ คิดถึ๊งคิดถึง] ผมหลุดยิ้มออกมาเพราะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแว่วมา แต่ก็ต้องรีบหุบเมื่อเห็นไอ้ภูชี้หน้าผมอยู่

“เออๆ งั้นเดี๋ยวแวะไป เจ้าที่เรียกแล้ว”

[โอเค ๆ แต่พี่ไม่หวังหรอกนะ เจ้าที่ดุตั้งสองคน อาจจะไม่ได้มาหาพี่ก็ได้] พอวางสายจากพี่มินปุ๊บ พวกมันก็ยิงคำถามแทบจะทันที

“มันอยู่ที่งานเหมือนกันเหรอ”ไอ้ภูถามคนแรก

“อือ มากับพี่พิส”ผมยกชื่อรุ่นพี่อีกคนขึ้นมา เพื่อให้พวกมันเบาใจ ไอ้ตินระบายยิ้มออกมาในที่สุด

“จะไปหาเหรอ ไปก็ได้นะ ไม่ได้ว่า”แน่ล่ะซี้ ผมเหลือบมองไอ้ภูอย่างขอความเห็น มันก็พยักหน้าส่งๆมาให้

“แต่แวะดูงานก่อนนะ ถ้ามันรอได้ ก็ให้รอไป”ไอ้ภูก็ยังคงเป็นไอ้ภู ไม่รู้ไปเหม็นขี้หน้าพี่มินอะไรนักหนา หลังจากที่เดินข้ามมาที่ฝั่งเดิมแล้ว ผมกับพวกมันก็เริ่มเดินเที่ยวในงาน ส่วนใหญ่ก็หมดเงินไปกับของกิน ไม่ก็ซุ้มปาโป่ง ไอ้ภูกับไอ้ตินปาโดนเกือบหมดได้ตุ๊กตามาตัวเบ่อเริ่ม แต่ผมไม่เอา เพราะไม่รู้จะหิ้วกลับยังไง แต่พี่เจ้าของร้านบอกว่าให้ย้อนกลับมาเอาทีหลัง

“ไปนั่งชิงช้าสวรรค์กันป่ะ”ห๊ะ นี่ผมหูฝาดหรือเปล่าวะเนี่ย ผมกับไอ้ภูเหลียวมองไอ้คนพูดคอแทบหัก

“เฮ้ย นี่มึงกี่ขวบแล้ววะ”ไอ้ภูย่นคิ้วแบบไม่เห็นด้วยนัก ผู้ชายตัวโตๆสามคนมานั่งชิงช้าสวรรค์นี่คงดูไม่จืดแน่

“ผมแค่อยากถ่ายรูปเฉยๆ แต่ถ้าไม่ไปก็เดินเล่นแถวนี้ก่อนก็ได้นะ ผมไปซื้อตั๋วก่อน”ผมมองหน้าไอ้ภูเพื่อปรึกษาว่าจะเอายังไง

“มึงเอาไง”ไอ้ภูก้มมากระซิบ

“ตามใจมันหน่อยแล้วกัน”ไม่อยากให้มันนั่งคนเดียว เดี๋ยวมันจะงอน ถึงจะไม่เคยเห็นมันในโมเมนต์นั้นก็เถอะ ผมเดินไปสะกิดมัน

“ซื้อให้กูกับไอ้ภูด้วย”ไอ้ตินหัวเราะเมื่อเห็นใบหน้าตึงๆของไอ้ภู ผมเหลือบมองรอบๆ เด็กๆต่างก็มองพวกผมเป็นตาเดียว จำไม่ได้ด้วยว่าครั้งสุดท้ายที่นั่งชิงช้าสวรรค์นั้นเกิดขึ้นตอนไหน ผมนั่งลงข้างๆไอ้ติน ส่วนไอ้ภูก็มองนู่นมองนี่เหมือนคนไม่เคยขึ้น จนเมื่อกระเช้าค่อยๆเคลื่อนขึ้นสูง มันก็ก้มมองวิวเบื้องล่าง

“มึงไม่เคยขึ้นเหรอ”

“เออดิ”

“จริงอ่ะ ตอนเด็กๆก็ไม่เคยเหรอ”ขนาดไอ้ตินยังแปลกใจ

“ไม่เคย”มันทำหน้าขรึม ผมหัวเราะ ก็นะ ครอบครัวแบบไอ้ภูนี่คงไม่พามาเที่ยวแบบนี้หรอก ผมมองอะไรไปเรื่อย ไอ้ตินก็เก็บภาพตามที่ตั้งใจ ผมเหลือบมองมันสองคน

“พวกมึงหลับตาก่อนดิ”

“ทำไม”มันถามออกมาพร้อมกัน

“หลับตาก่อนดิ”ผมยังคงยืนยันคำเดิม ไอ้ตินอมยิ้มน้อยๆก่อนจะยื่นหน้ามาใกล้ๆ

“จะจูบเหรอ”

“ไม่ใช่เว้ย!”

“โอเคๆ”ไอ้ตินยอมหลับตาก่อนคนแรก ส่วนไอ้ภูยังมาทำหน้ากวนตีนใส่ผมอีก

“ถ้าไม่หลับมึงก็อด”ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าอดอะไรแต่มันก็รีบหลับตาลงในทันทีเลย สงสัยไอ้ภูคงคิดเรื่องนั้นแน่ๆ!

“ถ้าลืมตาก่อนกูโกรธอ่ะ”ผมหยิบจี้ที่ตั้งใจจะให้พวกมันสองคนนานแล้วออกมาก่อนจะยื่นไปตรงหน้ามันสองคน

“ลืมตาได้”สิ้นเสียง พวกมันสองคนก็ลืมตาขึ้นทันที มันจ้องจี้ในมือผมมึนๆก่อนจะเงยหน้ามอง

“ทำให้กูเหรอ”ไอ้ภูถามมึนๆ

“จะเอาไม่เอา”

“เอาดิ”มันรีบรับจี้ไปดู

“ขอบใจนะ”ไอ้ตินก้มอ่านชื่อที่สลักอยู่บนจี้

เกิดความเงียบขึ้นอยู่นานจนกระเช้าเลื่อนมาจอด มีเด็กๆต่อคิวแถวยาวเชียว พอลงมาได้ผมก็รีบยืดแข้งยืดขาทันที ตั้งใจว่าจะไปหาพี่มิน แต่พวกมันก็พาแวะนั่นแวะนี่ตลอดทาง

 “ตกลงพวกมึงไม่อยากให้กูไปหาพี่มินใช่ไหม”

“เปล่านี่ กูแค่ไม่เคยมา ก็เลยอยากเดินดูรอบๆแค่นั้นเอง”ไอ้ภูตอบด้วยสีหน้าไม่ชวนให้เชื่อ แต่สุดท้ายก็เดินมาถึงลานเบียร์จนได้ อยู่ไกลเหลือเกิน เดินจนขาลากเลย แต่ที่น่าแปลกคือพี่มินกับพี่พิสยังไม่กลับไปอีก

“เฮ้ย พี่มิน โห ไม่เจอนาน โทรมจังวะ”คิดเหรอว่าผมจะชม หึๆ พี่มินทำหน้ามุ่ย

“นึกว่าจะชมว่าหล่อซะอีก แต่ไม่หล่อคนแถวนี้ก็หลง”พูดพลางเหล่มองพี่พิสที่นั่งกุมแก้วเบียร์สีหน้ามึนๆ ถ้ามองไม่ผิดดูเหมือ
นพี่พิสจะโกรธอะไรสักอย่าง มหันไปมองไอ้สองคนที่ยืนมองอยู่ห่างๆ

“มานั่งนี่สิ”ผมกวักมือเรียกเลื่อนเก้าอี้มาให้พวกมันสองคน สาวเชียร์เบียร์ขาวๆหน้าตาจิ้มลิ้มมองมาทางนี้เสียหลายรอบ พี่พิสก็ยิ่ง
ทำหน้าบูด จนผมต้องเอนไปหาใกล้ๆ

“เป็นไรครับ ทำหน้าบูดเชียว”พี่พิสถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เบื่อไอ้แว่นเจ้าชู้”อีกฝ่ายพึมพำกลับมา อ้อ…หรือสาวเชียร์เบียร์คนนั้นถูกใจพี่มินเข้า พี่พิสทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะดื่มรวดเดียว
หมด

 “เบาๆหน่อย กินไปเยอะแล้วนะ”พี่มินเอ่ยเตือน

“ยุ่ง”อีกฝ่ายตอกกลับเสียงขุ่น ผมหันไปหาไอ้สองตัวที่นั่งเงียบบ้าง

“ให้กินได้แค่สามแก้วนะ”ไอ้ตินพูดขึ้นมา ผมอ้าปากจะเถียงแต่พอเห็นสีหน้าเอาจริงของมันก็เถียงไม่ออก

“งานเทศกาลทั้งที ก็ปล่อยๆฟิกบ้างก็ได้”พี่มินออกความเห็น เหมือนพี่เขาจะเมาๆมึนๆนิดหน่อย แต่สายตาภายใต้กรอบแว่นดู
กระจ่างใส ผมก็เห็นแววเจ้าชู้เรี่ยราดของพี่มินเหมือนกัน หรือเป็นเฉพาะตอนเมาๆ

“เสือก”ไอ้ภูเขวี้ยงสายตาขุ่นๆไปให้ ผมเลยได้แต่นั่งจิบเบียร์เงียบๆ ส่งให้มันสองคนก็ไม่เอาอีก สรุปเกือบทั้งโต๊ะอารมณ์ไม่จอ
ยกันทั้งนั้น ที่หนักกว่าใครก็คงไม่พ้นพี่พิสเนี่ยล่ะ

“พี่มิน เมาแล้วก็กลับดีไหม”ผมลองพูด แต่พี่มินก็รีบค้านทันที

“เมาอะไร ไม่ได้เมาซะหน่อย พี่รอเจอฟิกนะเนี่ย”

“แน่เหรอ”พี่พิสแทรกมาด้วยเสียงประชดประชัน

“อ้าว อย่าหาเรื่องกันสิ”พี่พิสถอนหายใจ ก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมเป็นห่วงพี่เขาเหมือนกัน พี่มินพอเมาแล้วก็เอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย

“เดี๋ยวกูมานะ”

“จะไปไหน”มันสองคนถามทันที

“ไปดูพี่พิส”

“แล้วมึงเกี่ยวอะไรกับมัน”ไอ้ภูหันมาขมวดคิ้วใส่

“ไม่ได้เกี่ยว แค่เป็นห่วงเฉยๆ”ผมเห็นพวกมันดูไม่โอเคก็เลยต้องนั่งลงตามเดิม

“มึงไม่ไปดูเมียมึงหน่อยเหรอ”ไอ้ภูหันมาพูดกับพี่มินเป็นครั้งแรก

“ห๊ะ พิสทำไม”พี่มินทำหน้ามึนๆเหมือนคนไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนจะมองไปรอบๆพอไม่เจอพี่พิสก็รีบลุกตามไป ไอ้ตินถอนหายใจออกมาทันที

“เบื่อพวกขี้เมา”คำพูดของมันทำเอาผมสำลักเบียร์ ไอค่อกแค่กทันที สักพักพี่มินก็กลับมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“พิสหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้”

“กลับไปแล้วมั้ง”ไอ้ตินตอบแทน ก็อาจจะจริง นิสัยแบบพี่พิสคงไม่ทนรอพี่มินหรอก พี่เขาถอนหายใจ

“สงสัยจะกลับไปแล้วจริงๆแน่ กลับยังไง รถก็ไม่ได้เอามา”พี่มินพึมพำพลางกดโทรศัพท์ อย่างพี่พิสถ้าจะกลับเองก็หาวิธีได้อยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าแถวนี้มีแท็กซี่รึเปล่านี่สิ ดูท่างานลอยกระทงของพี่มินจะไม่สนุกแล้วล่ะ

“ไว้ค่อยคุยกันทีหลังนะ พี่ต้อง…”พี่มินถอนหายใจอีกรอบ ก่อนจะขอตัวออกไปตามหาแฟน ที่เหลือผมรับช่วงต่อเอง แต่ก็นั่งได้ไม่นานเพราะพวกมันสองคนไม่ยอมให้ผมอยู่จนดึก

“กูง่วงแล้ว จะกลับไปนอน”ไอ้ภูพูดเสียงขุ่น

“โรงแรมไม่หนีไปไหนหรอก”ผมบ่นกลับ

“ถ้าอยากกินมากเดี๋ยวซื้อให้”

“มันไม่ได้ฟีล”กินอยู่บนห้องจะไปสนุกอะไร

“เฮ้อ ไหนบอกว่าจะเบาเรื่องเหล้าเรื่องเบียร์ไง ถ้าทำไม่ได้จะพูดทำไม”ไอ้ตินเปิดฉากบ่นทันที ทำเอาผมเริ่มรู้สึกผิด

“เออๆ ไม่กินแล้วก็ได้”ผมยอมถอยให้พวกมัน เดี๋ยวจะเถียงกันยาว 

   “ประชดรึเปล่า”ไอ้ภูก้มมามองหน้าผมใกล้ๆ

“เปล่า ไม่ได้ประชด ขี้เกียจเถียงกับพวกมึงอ่ะ มีตั้งสองคนกูเถียงไม่ชนะหรอก”ไอ้พวกขี้โกง

“ที่บ่นนี่เพราะห่วงนะ”ไอ้ตินสอดมือมากอดเอวผมหลวมๆ

“รู้น่า”ผมเถียงแพ้พวกมันตลอดจริงๆ

กว่าจะถึงโรงแรมที่จองไว้ก็เข้าวันใหม่แล้ว ต้องแบกไอ้หมีตัวโตมาอีก ผมอยากนอนบนเตียงนุ่มๆจะแย่ แต่ดูเหมือนคำขอจะไม่เป็นผลเพราะทันทีที่หัวแตะหมอนไอ้สองคนนี่ก็เข้ามาก่อกวนทันที

“มึงจะถอดกางเกงกูทำไมเนี่ย”ผมลืมตามองมือปลาหมึกของไอ้ภูที่กำลังดึงกางเกงผมออก

“อาบน้ำไง”กูไม่เชื่อ!

“กูจะนอนนิ่งๆ จะทำอะไรก็ทำ”พูดตบผมก็หลับตาลงนอนเหมือนขอนไม้ทันที

“เล่นงี้เหรอ”ไอ้ตินหัวเราะก่อนจะเข้ามาจี้เอวผม

“เชี่ย อย่านะเว้ย”สุดท้ายก็หอบแฮ่กๆพอกันทั้งสามคน สุดท้ายพวกมันก็ง่วงหลับไปเอง เฮ้อ รอดไปอีกวัน ไอ้พวกนี้ชอบหาเรื่องให้ผมเสียตัวได้ตลอด!






TBC.
เอาตอนลอยกระทงสั้นๆมาให้  :กอด1: ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมาก
ตอนหน้าค่อยเจอกับสองหนุ่ม ภูกับตินค่ะ อยู่กันสองคนจะเป็นยังไง  :laugh:
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ





ออฟไลน์ hormonesyj

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 721
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-3
สุขสันต์วันลอยกระทงค่ะทั้งคนเขียนแล้วก็สองผัวหนึ่งเมียเลย  :L2:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :impress2:  ขอบคุณค่ะ น่ารักจัง
แต่ไม่น่าเชื่อว่าฟิกจะรอดนาน
ตั้งตารอตอนหน้าเลยค่ะ อิอิ ภูตินๆๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2015 16:19:19 โดย ❣☾月亮☽❣ »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด