"ที่หนึ่ง" : END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "ที่หนึ่ง" : END  (อ่าน 192362 ครั้ง)

ออฟไลน์ ToeyTato

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #120 เมื่อ03-10-2015 15:07:11 »

ที่หนึ่งสู้ๆ

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #121 เมื่อ03-10-2015 18:18:05 »

เด็กชายที่หนึ่งน่ารักจังเลยคะ

ออฟไลน์ twenty8

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #122 เมื่อ03-10-2015 21:34:45 »

บอกตรงๆพระเอกเรื่องนี้แม่งโคตรน่ารักอะ ฮือออ
อิจฉาน้องโรมมากค่ะ

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #123 เมื่อ03-10-2015 23:37:06 »

ตายๆๆๆๆๆๆ พลังทำลายล้างสูงมากค่ะน้องที่หนึ่ง

ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #124 เมื่อ04-10-2015 00:12:23 »

ที่หนึ่ง....ในใจ ฮิ้ววว

ออฟไลน์ tempo_oil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #125 เมื่อ04-10-2015 03:43:25 »

ที่หนึ่งน่ารักมากกกกก เราจะหาผู้ชายแบบนี้ได้จากไหนนนนน

ออฟไลน์ decem

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #126 เมื่อ04-10-2015 04:49:17 »

น่ารักมากเลยค่ะ
ขอติงเรื่องคำผิดกับเว้นวรรคประโยคหน่อยนะคะ
ที่หนึ่งน่ารักมากเลย เหมือนลูกหมา ฮา
มาต่อไวๆนะคะ :mew1:

ออฟไลน์ Rhythm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #127 เมื่อ04-10-2015 06:59:23 »

 :hao7: โอ้ย....ที่หนึ่งน่ารักเกินไปแล้ว จะค่อยเอาใจช่วยนายนะ  :กอด1:


ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #128 เมื่อ04-10-2015 10:30:31 »

จะจีบแล้วนะ

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #129 เมื่อ04-10-2015 11:43:37 »

ขอให้ได้เป็น"ที่หนึ่ง"ของโรมจริงๆครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
« ตอบ #129 เมื่อ: 04-10-2015 11:43:37 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ xaomammx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #130 เมื่อ04-10-2015 11:47:37 »

งื้อออออออ ชอบที่หนึ่งเป็นผู้ชายที่น่ารัก อบอุ่นและซื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเอง
โรมก็น่ารัก ขอจัดสักคนส่งมาจัดการหนูดำหน่อยค่ะ เอาที่แมนกว่านางค่ะ5555
รอคนเขียนมาต่อน่อวววว มาเร็วๆๆ :katai4: :jul1:

ออฟไลน์ Maiiz Ellfiez

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #131 เมื่อ04-10-2015 12:51:41 »

ที่หนึ่งน่ารักวุ้ย
เห็นแววดราม่ามาราง ๆ แต่ยังคงความมุ้งมิ้งไว้ได้อยู่

ออฟไลน์ Kimdodo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #132 เมื่อ04-10-2015 18:57:43 »

เรื่องในอดีตมันต้องมีอะไรแน่ๆๆ ราชาสีดำเราดูลึกลับมากอ่ะ สู้ๆน้าาา :mew3:

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #133 เมื่อ05-10-2015 17:05:01 »

 :o8: :o8:

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #134 เมื่อ06-10-2015 00:37:22 »

ชอบแบล็คจริงๆนะเนี่ยะ
ส่วนที่หนึ่ง... ไม่ต้องน้อยใจไปนะ
ป้าให้ที่หนึ่งเป็นที่หนึ่งในใจป้าไปเรียบร้อยแล้ว

น้องโรม... หนูจะรับมือกับการจีบของที่หนึ่งยังไงดีลูก
เลือกเสื้อผ้าเตรียมไปเดทล่วงหน้ากับที่หนึ่งแต่เนิ่นๆเลยดีไหม?

ติดตามและเป็นกำลังใจให้ค่ะ ^ ^

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #135 เมื่อ06-10-2015 07:58:23 »

ที่หนึ้งรุกแล้วๆ
น้องโรมโหมดแฮงค์เครื่องรวนน่ารักอ่าาา

ออฟไลน์ meeyeon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 5 [09.10.15]
«ตอบ #136 เมื่อ09-10-2015 23:36:05 »

เขิน ฟิน มากกกก

รุกหนักๆ จีบหนักๆ อร๊ายย ชอบอะ

ติดตามนะคะ

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 5 [09.10.15]
«ตอบ #137 เมื่อ09-10-2015 23:36:22 »

บทที่ 5

   "พี่โรมโคตรช้า"

   เคยเกลียดเสียงอะไรสักอย่างจนอยากเสกให้หูตัวเองมีปุ่มปิดเสียงไหมครับ อาจเป็นเสียงแตรจากรถยนต์เวลากำลังข้ามถนน เสียงนกร้องข้างระเบียงตอนจะอ่านหนังสือ หรือเสียงนาฬิกาปลุกในวันที่ไม่จำเป็นต้องตื่นเช้า

   สำหรับผมแล้ว ผมเกลียดเสียงของเด็กเวรนี่มากที่สุด

   "ไหนบอกมาสี่โมง นี่จะห้าโมงแล้วเพิ่งถึง"

   ส่วนสูงที่มากกว่าผมประมาณห้าเซนติเมตรกำลังมองลงมา ผมสีบลอนด์ทองยิ่งทำให้ใบหน้าที่ขาวอยู่แล้วดูสว่างเข้าไปใหญ่ ผมตัดเป็นทรงตามสมัยนิยมถูกจัดแต่งอย่างดี ชุดเด็กมัธยมปลายไม่เข้ากับสีผมมันเลยพับผ่าสิ

   'วี' คือชื่อของเด็กปีหนึ่งคนนี้ ถ้าจะให้นิยามความสัมพันธ์ของเราแบบยาวๆ คือกลุ่มรุ่นพี่รุ่นน้องที่ต้องช่วยเหลือดูแลกันผ่านวิธีการเลือกอย่างการจับฉลาก เรียกแบบสั้นๆ ก็สายรหัส อาจดูน่าเศร้าถ้าผมกำลังจะบอกว่าทั้งสายของผมสี่ปีมีผู้เหลือรอดชีวิตแค่ผมกับเด็กนี่ พี่ปีสี่ของผมไม่สนใจเรื่องสายรหัส ส่วนปีสองก็ซิ่วไปเรียนหมอเรียบร้อย

   เพราะงั้นไอ้เด็กนี่เลยติดผมแจยิ่งกว่าอะไร

   "ก็อยากมาเวลานี้ มีปัญหา?"

   ผมตอบกลับแบบปัดรำคาญ วันนี้ที่คณะมีจัดอีเวนท์ Back to school หรือผมเรียกมันว่าวันคนแก่รำลึกความหลัง เด็กในคณะจะใส่ชุดนักเรียนไม่ว่าจะสมัยประถมหรือมัธยมมาพบปะเฮฮาสังสรรค์ถ่ายรูปกัน ที่จริงงานพวกนี้ไม่ได้ถูกโฉลกกับผมหรอก แต่วีมันรบเร้าจนผมต้องยอมมา บอกว่าสมัยมัธยมไม่มีสายรหัสอะไรแบบนี้ พอมามหาวิทยาลัยเลยคาดหวังไว้เยอะ เสียใจด้วยนะที่ต้องมาพบความจริงว่ามีแค่ผมนี่แหละที่เป็นพี่สาย

   โดยส่วนตัวผมเป็นคนรักษาเวลา แต่กว่าจะรื้อหาเสื้อสมัยมัธยมเจอก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แบล็คเคยเอามาเผื่อตั้งแต่สมัยเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่ง แต่ได้มาใช้จริงตอนปีสามเนี่ยแหละ

   "เปล่า แล้วทำไมมากับพี่ที่หนึ่งอะ"

   นั่นไง ว่าแล้วมันต้องถามคำถามนี้ วีเป็นผู้ชายที่จัดว่าหน้าตาดี เฟรนด์เคยบอกว่าสาวๆ ในคณะกรี๊ดกร๊าดไม่ใช่น้อย น่าเสียดายตรงที่มันพูดมาก น่ารำคาญ แล้วก็ชอบถามซอกแซกไปเรื่อย

   ใครจะไปคิดล่ะว่าที่หนึ่งจะพักอยู่คอนโดเดียวกับผม ตอนกำลังเดินออกจากห้องเพื่อมาที่คณะเขาก็กดแตรเรียกให้ขึ้นรถมาด้วยกัน ถึงผมจะปฏิเสธแล้วเดินหนีมาเขาก็ไม่ลดละ ค่อยๆ ขยับรถตามมาตลอดจนต้องยอมแพ้ในลูกตื้อ ที่น่าประทับใจคือถึงตลอดทางเขาถามอะไรมาผมก็จะตอบไปแค่สามคำ อืม อ๋อ โอเค หมอนั่นก็ไม่เห็นจะแสดงออกว่าไม่พอใจในอาการเฉยชาของผม

   "เจอระหว่างทาง เขาเมตตากูเลยพามาด้วย"

   "โหย พี่ที่หนึ่งนี่แสนดีอย่างที่เขาว่ากันจริงด้วยอะ มายไอดอล" ดูจากการแสดงออกว่าชื่นชมอย่างชัดเจนแล้ววีคงปลื้มที่หนึ่งมากอยู่พอควร

   "ก็คงงั้นมั้ง"

   "พี่โรมรู้จักกับพี่ที่หนึ่งมานานยัง ผมเห็นใส่ชุดนักเรียนเหมือนกันเลย เป็นเพื่อนมาตั้งแต่มัธยมเหรอ"

   อยากจะตอบไปว่า เพิ่งเคยคุยกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่ะ แต่อย่าเลย เดี๋ยวไอ้เด็กช่างถามมันไม่หยุดซัก นี่แค่ใส่ชุดโรงเรียนเดียวกันมันยังเห็น "ไม่ใช่เพื่อนสนิท แต่รู้จักมันมานานแล้ว อยู่โรงเรียนเก่าเป็นคนดัง"

   "โห สาวติดตรึมอะดิ"

   "กูจะรู้ไหมล่ะ"

   ...รู้แค่มันจีบกูอยู่เนี่ย

   "ไรว้า ไม่มีประโยชน์เลยพี่รหัส"

   "งั้นตัดสายเลยแล้วกัน บาย"

   ไม่ได้พูดเล่นหรืออยู่ในบทงอน ผมไม่ชอบคนพูดมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คงเป็นเพราะคนในกลุ่มส่วนใหญ่เป็นแนวพูดเฉพาะที่จำเป็นเลยชินกับสภาพแวดล้อมอย่างนั้น พอมาเจอเด็กเปรตนี่เลยอยากจะตัดสายวันละล้านรอบ

   มันเคยรัวสติกเกอร์มาในไลน์ตั้งแต่หกโมงยันสองทุ่ม สิริรวมแล้วก็แค่ห้าร้อยกว่าข้อความ ผมโคตรตกใจตอนที่เห็น ตอนแรกนึกว่ากรุ๊ปไหนสักกรุ๊ปที่ผมอยู่มีเรื่องดราม่าเกิดขึ้น พอเปิดเข้าไปดูเท่านั้นแหละอยากจะขอบคุณที่ตัวเองปิดการเตือนจากไลน์เอาไว้ ด่ามันกลับไปชุดใหญ่ น้องรหัสปีหนึ่งแสนดีก็ส่งกลับมาแค่ว่า 'เย้ ตอบแล้ว' พร้อมกับสติกเกอร์หมีสีน้ำตาลทำท่าดีใจเป็นข้อความต่อมา

   ชีวิตดีๆ มีน้องรหัสทั้งทีก็สติไม่เต็ม

   "เฮ้ยยย ผมขอโทษ ไม่เล่นแล้วคร้าบ" เข้ามาเกาะแขนแถมยังคลอเคลีย ขนลุกเกรียวเลยครับผม

   "นี่กูพี่มึงสองปีเลยนะ เล่นอะไรให้รู้จักกาลเทศะหน่อย"

   "ก็ใช่ไงพี่ ผมปีหนึ่งพี่ปีสาม ก็ห่างกัน... แฮะๆ ไม่เล่นๆๆ" ผมส่งสายตาพิฆาตไปให้คนที่ยังพูดไม่เลิก ลองพูดออกมาอีกคำสิ มันได้โดนตัดสายจริงๆ ไม่ใช่แค่ขู่

   "กูโคตรรำคาญมึงเลย"

   "พี่เคยบอกแล้ว"

   "กูถามจริงนะ คนไม่เต็มอย่างมึงนี่ตอนสอบตรงเข้ามาได้เพราะเปลี่ยนตัวเอาคนอื่นเข้ามาสอบแทนใช่ป่ะ"

   เรื่องนี้มันอวดตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเลย ผมไม่เคยต้องปริปากถามเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เดี๋ยววีมันก็เล่าออกมาเอง ล่าสุดที่เล่าก็กลับไปถึงชีวิตสมัยมัธยมต้นแล้ว คาดว่าคงลงไปถึงอนุบาลในอีกไม่ช้า

   "โหยพี่โรม ผมนี่ท็อปเท็นตอนประกาศคะแนนนะเว้ย"

   "แสดงว่ามึงเอาคนอื่นมาสอบแทนจริงๆ"

   "พี่แม่งงง"

   "อยากโดนตัดสายป่ะ?"

   เงียบกริบ เอาเรื่องนี้มาขู่แล้วได้ผลตลอด สมัยผมเข้าปีหนึ่งมาถึงพี่ปีสองจะไม่ใส่ใจแต่ปีสามกับปีสี่ก็ดูแลดี แม้ผมจะไม่ได้ทำดีกับพวกพี่เขาคืนไปเท่าไหร่ก็เถอะ อยู่ดีๆ มีพี่นอกสายเลือดมาปรากฎตัว ใครมันจะไปชินไวขนาดนั้น ตอนอยู่ปีสองยิ่งแล้วใหญ่ ไอ้เด็กนั่นซิ่วไปตั้งแต่เดือนแรกที่เข้าเรียน ยังไม่ทันจะจำชื่อได้ก็หายไปแล้ว

   ผมเลยไม่ได้มีความผูกพันอะไรกับระบบนี้เท่าไหร่ ไม่ได้บอกว่าไม่ดีนะ อย่างแบล็คสายรหัสมันก็น่ารัก ผมเคยเจออยู่หลายครั้ง ก็แล้วแต่โชคชะตาที่จะพาคนแบบไหนให้มาเจอด้วย สงสัยนางฟ้าเขาคงกลัวผมเหงา พอมาปีนี้เลยส่งเด็กปากมากมาให้ชดเชยของปีที่แล้ว

   เรื่องที่บอกจะตัดสายก็พูดไปงั้นแหละ ยังไงวีมันก็น้องสายผม

   "พี่ชอบเอาจุดอ่อนผมมาขู่อะ โคตรแย่"

   "มึงก็ทำตัวดีๆ แบบคนปกติดิ"

   อย่างแรกเลยคือเลิกพล่ามเรื่องไร้สาระ แล้วก็เลิกทำตัวหลั่นล้าตลอดเวลาอย่างกับเมายา

   "มีพี่คนเดียวนั่นแหละบอกว่าผมไม่ปกติ" มีคนเคยบอกไหมว่าผู้ชายตัวใหญ่ทำท่างอนปากจู๋มันดูไม่ได้น่ะ "กว่าพี่จะมาเขากลับกันไปหมดแล้ว นี่ผมรอถ่ายกับพี่คนเดียวเลยนะ"

   มีการมาลำเลิกบุญคุณกับผมอีก เพิ่งเห็นว่ารอบตัวมีผู้คนบางตากว่าที่ควรจะเป็น จะมีเป็นกระจุกใหญ่ก็ตรงม้านั่งที่ห่างออกไปไม่ไกล ขนาดเห็นแค่ด้านหลังยังรู้เลยว่าใครอยู่ตรงนั้น

   "พี่โรม หันมาทางนี้"

   แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงแจ้วๆ ที่เอาแต่เรียกชื่อผม อีกอย่างที่ผมไม่ชอบคือมันชอบเซลฟี่ทุกที่ ทุกเวลา เจอผมเมื่อไหร่สิ่งแรกๆ ที่ทำคือหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ อย่างกับพ่อแม่ขี้เห่อที่ตามถ่ายลูกตั้งแต่เพิ่งคลอดจนถึงปัจจุบัน

   "ชิ มุมนี้ก็ได้ แต่มุมนี้ผมไม่หล่ออะ"

   "...เด็กนรก"

   ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าแล้วครับ พอวีเห็นว่าผมไม่ยอมหันเข้าหากล้อง เขาก็จัดการพาตัวเองมานั่งยองๆ ด้านหน้าของผมแล้วถ่ายจากมุมเงย คนที่เห็นหน้าตัวเองในกล้องอย่างมันก็หุบเหนียงได้ แต่คนที่กำลังเมินหน้าหนีกล้องอย่างผมนี่สิ อุบาทว์ยิ่งกว่าอะไรดี

   "ฮ่าๆๆ หน้าพี่โคตรจี้" ยังไม่พอ ซูมให้ดูอีกว่าสภาพมันแย่ขนาดไหน

   "ลบเลยนะมึง"

   "ไม่ ถ้าพี่โรมไม่ยอมถ่ายรูปกับผมดีๆ"

   นัยน์ตาแพรวระยับแบบคนขี้เล่นที่ส่งมาทำเอาผมอยากจะทรุดตัวลงตรงนั้น เฮ้ย นี่ผมอยากรู้มากเลยนะ ไอ้เด็กนี่มันจะอยากถ่ายรูปเก็บไว้ทำไมมากมายวะ รูปรวมสายของผมเองยังมีไม่กี่รูป แล้วผมก็ไม่เห็นอยากจะได้เพิ่มขนาดนั้น

   "เนี่ยเห็นป่ะ แม่งแท็กกันเต็มไอจีเลย ผมไม่ยอมแพ้หรอก"

   มึงเปิดรูปสายรหัสที่เขามากับครบสาย แถมยังมีสายโคอีก สิริรวมในภาพมีประมาณสิบชีวิต ...แล้วจะอัพรูปผู้ชายสองคนไปสู้เนี่ยนะ ประสาทป่ะวะ

   "แค่จำนวนคนมึงก็แพ้แล้ว"

   "เราก็เอาหน้าตาเข้าสู้ดิพี่!"

   อยากจะบอกเทวดาทั้งหลายที่ส่งไอ้เด็กเวรตะไลนี่มาเกิดว่าทีหลังรบกวนเช็คคิวซี (Quality check) ก่อนที่จะส่งมันออกมาด้วยได้ไหม ยังไงผมก็ยังไม่เห็นความเต็มในสติของมัน

   ตอนนี้อยากได้พาราสักแผง อาการประสาทเริ่มมาทักทายผมแล้ว

   "กูยอมแพ้"

   "นะนะนะ ถ่ายรูปกับผมหน่อย วันนี้อุตส่าห์ใส่มาแบบจัดเต็มเลยนะพี่"

   อวดชุดเต็มยศด้วยการก้าวถอยหลังไปสามก้าว แล้วหมุนตัวอย่างกับต้องการให้ผมดูดีเทลรายละเอียดด้านหลัง วีแต่งมาเต็มตามที่บอก เสื้อ กางเกง เข็มขัด รวมถึงถุงเท้าและรองเท้า อะหือ แล้วดูผมใส่มา เสื้อนักเรียนปล่อยชายกับกางเกงสีดำ ไม่ต้องพูดถึงเข็มขัดไม่มีอยู่แล้ว รองเท้าก็เป็นรองเท้าแตะง่อยๆ ที่ซื้อในตลาดนัด

   มึงเต็มที่กับชีวิตเกินไปไหมวี

   "จะถ่ายแล้วนะ"

   วียังคงยืนอยู่ที่เดิม รูปที่ผมเห็นในจอคือเด็กเปรตหัวทองกำลังยืนยิ้มแล้วชี้มาข้างหลังหรือก็คือผมเอง ถ้าจะถ่ายไกลขนาดนั้นไม่ต้องให้ยิ้มก็ได้ ยังไงก็ไม่เห็นหรอก

   "ไกลไปอะ ผมอยากได้ที่เห็นหน้าพี่ชัดๆ"

   "มึงถ่ายไกลขนาดนั้นมันคงชัดหรอก"

   "งั้นต้องถ่ายใกล้ๆ เนอะ"

   บอกว่าใกล้ก็ใกล้จริงๆ ขยับตัวเข้ามาจนชิดกับผมยังไม่พอยังยื่นหน้าเข้ามาอย่างกับมีขั้วแม่เหล็กติดอยู่ที่แก้ม ผมล่ะเหนื่อยใจกับมัน

   "พี่โรม ยิ้มนะ สา..."

   "พี่ถ่ายให้ไหมครับ?"

   มือที่เตรียมกดปุ่มรูปกล้องค้างอยู่อย่างนั้น วีลดมือลงทำให้เห็นว่าใครคือเจ้าของเสียง ที่หนึ่งกำลังยืนยิ้มแบบที่หนึ่งสไตล์ให้กับเราสองคน เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่เขาหลุดมาจากกลุ่มกล้องพวกนั้นได้เร็วอย่างนี้

   "พี่ที่หนึ่ง ถ่ายรูปกันไหมครับ"

   บอกแล้วว่าวีมองที่หนึ่งเป็นไอดอล พอเห็นว่าคนที่เพิ่งเข้ามาร่วมวงถ่ายรูปเป็นเจ้าของตำแหน่งเดือนคณะเมื่อสองปีที่แล้วพี่รหัสแสนจืดชืดซึ่งไร้ความน่าสนใจอย่างผมก็โดนลืมในทันที สองคนนั้นไม่ใช่แค่เซลฟี่ตามที่วีชวนแต่เริ่มมองหาโลเคชั่นอื่นถ่ายทำมิวสิคเอ็มวีกันแล้ว

   "พี่โรมช่วยถ่ายให้หน่อย"

   เหมือนเป็นคำขอ แต่มันคือคำสั่งต่างหาก ไม่พูดเปล่าวียัดโทรศัพท์เครื่องใหญ่ใส่มือของผมเรียบร้อย เป็นพี่รหัสนี่มันต้องควบตำแหน่งช่างถ่ายรูปด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมเดินตามผู้ชายหน้าตาดีสองคนไปทุกที่ ไม่แน่ใจว่าทั้งคู่เป็นนักศึกษาหรือว่านายแบบมืออาชีพกันแน่ ไม่ใช่แค่รู้องศาการยืน แต่เคมียังเข้ากันดีจนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้ จะว่าไปผมถ่ายไปกี่สิบรูปแล้วนะ เพลินมือจนลืมไปเลย

   "รูปไม่สวยห้ามบ่นนะ"

   ป้องกันตัวเองไว้ก่อนยามที่ส่งมือถือคืน ผมไม่กล้าเสี่ยงกับเด็กเปรตอย่างวีหรอก ขี้บ่นจะตาย โฟกัสเคลื่อนบ้างล่ะ มุมไม่สวยบ้างล่ะ ย้อนแสงบ้างล่ะ ทีหลังก็จ้างช่างภาพมืออาชีพมาถ่ายให้แล้วกัน

   "โหยพี่ ไม่มีใครสนใจวิวหรอก เขาสนใจแต่หน้าตา"

   "หลงตัวเองฉิบหายมึงอะ"

   "ผมเป็นพวกที่ยอมรับความจริงต่างหาก"

   เอาที่มึงสบายใจเลยครับ

   "วีช่วยถ่ายรูปให้พี่หน่อยสิ" ตอนแรกก็นินทาในใจว่าคนอย่างที่หนึ่งก็แอบบ้ากล้องอยู่เหมือนกัน แต่พอเขาขยับตัวมาชิดกับผมเท่านั้นแหละก็รู้ได้เลยว่ารูปที่เขาขอให้ช่วยถ่ายจะต้องมีผมอยู่ด้วย

   "ได้พี่ แป๊..."

   "เอาเครื่องพี่ถ่ายนะ" ที่หนึ่งชิงยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้ก่อนที่วีจะหยิบมือถือขึ้นมา "อยากมีรูปคู่กับพี่โรมเก็บไว้ในเครื่องตัวเองบ้าง"

   วีพยักหน้ารับรู้แล้วรับสมาร์ทโฟนของเขาไว้ในมือ ในขณะที่ผมยืนนิ่งเพราะคำพูดเมื่อกี้ มันดูเหมือนเป็นประโยคขอให้ช่วยถ่ายรูปธรรมดาๆ ที่ในใจผมกลับบอกตัวเองว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น

   "เข้าใจเลยพี่ กว่าจะได้รูปคู่พี่โรมแต่ละทีโคตรยาก" หันมากรอกตาใส่ผมอีก เดี๋ยวนะมึง เวลาเจอทีไรมึงรัวเป็นสิบช็อตอย่างนั้นเรียกว่าโคตรยาก? "แต่พี่รหัสผมน่ารัก ให้อภัย"

   "ใช่ น่ารักมาก"

   อาจเป็นเพราะเขาอยู่ใกล้ผมมาก เสียงกลั้วหัวเราะนั้นมันเลยดังชัด

   และสิ่งที่ชัดมากกว่า คือจังหวะการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้น

   "พี่โรมยิ้มหน่อย"

   "ไม่ยิ้ม"

   "หืม เป็นอะไรครับ" ทำไมเขาต้องพูดเพราะกับผมด้วยอะ มันดูอบอุ่นเกินไป "ไม่ชอบถ่ายรูปเหรอ"

   "ไม่ชอบ"

   ผมไม่ใช่คนที่จะมารักษาน้ำใจด้วยการพูดอ้อมๆ หรือพูดโกหก เพราะงั้นตอนที่เขาถามมาผมเลยตอบไปตามความรู้สึก

   แล้วผมก็ไม่กลัวที่หนึ่งจะเสียความรู้สึกด้วย

   "แต่ผมชอบนะ" ที่หนึ่งแม่งบ้า ผมทำหน้าบูดบึ้งขนาดนี้แล้วยังยิ้มให้ได้อีก

   "พี่ๆ ครับ ช่วยเลิกมองตาแล้วหันมามองกล้องได้แล้ว ไม่งั้นผมจะหายไปพร้อมมือถือของพี่นะ"

   เสียงขี้เล่นเรียกให้เราสองคนกลับมาให้ความสนใจกับเครื่องสี่เหลี่ยมที่อยู่ตรงหน้า ผมทำหน้านิ่งๆ ตลอดเวลาที่วีบอกให้ยิ้ม ไม่สนใจว่าคนทางขวาจะเปลี่ยนไปแล้วกี่ท่า

   "พี่โรมไม่ยิ้มเลยอะ"

   "กูไม่อยากยิ้ม ใครจะทำไม"

   "ก็เปล่า" เขาส่งเครื่องอเนกประสงค์คืนให้เจ้าของ "พี่ที่หนึ่งผมขอไอดีไลน์หน่อย เดี๋ยวส่งรูปให้"

   ที่หนึ่งพยักหน้าแล้วขยับนิ้วบนหน้าจอสี่เหลี่ยมไปมา หน้าที่ยิ้มจนเป็นเอกลักษณ์ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นขมวดคิ้ว หืม มีอะไรผิดปกติอย่างนั้นเหรอ

   "ไลน์พี่เข้าไม่ได้ว่ะ แอพเด้ง" เขาเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว "ส่งให้พี่โรมไว้แล้วกัน เดี๋ยวพี่ค่อยไปขออีกรอบเอง"

   อ้าวเฮ้ย ไหงภาระตกมาที่ผม?

   จะประท้วงคนที่ตัดสินใจแบบไม่ปรึกษาก็พบว่าสองคนนั้นเปลี่ยนไปคุยเรื่องการประกวดดาวเดือนที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพิ่งรู้ว่าน้องสายที่ดูไม่เต็มของผมก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าประกวดเหมือนกัน นี่ตำแหน่งเดือนมันตกต่ำขนาดที่ไอ้วีมันเข้าแข่งได้แล้วเหรอ ผมไม่อยากจะคิดภาพตอนมันขึ้นไปยืนตอบคำถามเกรียนๆ ให้กรรมการปวดหัวเล่นเลยแฮะ

   "งั้นผมไปก่อนนะพี่ เจอกันวันหลังนะพี่รหัส"

   วีบอกว่ามีนัดกินข้าวกับเพื่อนต่อเลยขอตัว ผมโบกมือไปมาให้เด็กหัวทองที่ขนาดเดินออกไปไกลแล้วยังหันหลังกลับมากระโดดหยองแหยงลาผมอีกครั้ง ยังไงก็ยืนยันว่าน้องสายผมมันไม่ปกติ

   "จะกลับเลยไหม?"

   คนที่ยังคงยิ้มหวานจนตาหยีถามผม ผมคงจะตอบไปอย่างไม่มีอะไรตะขิดตะขวงใจถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่ที่หนึ่ง เกิดมากี่สิบปีไม่เคยโดนจีบ แยกไม่ออกว่าอันไหนมีน้ำใจในฐานะเพื่อนหรือว่าทำเพื่อหวังผลอะไรบางอย่าง

   "กลับ แต่เดี๋ยวกลับเอง"

   "งั้นไปกินข้าวก่อนเนอะ"

   คำว่ากลับกับคำว่ากินนี่มันออกเสียงกันคนละอย่างเลยนะ ผมอ้าปากเตรียมจะเถียงแต่พอเห็นเขาทำหน้าอ้อนวอนแล้วก็ได้แต่เก็บเสียงเอาไว้ มีวิธีที่ผมจะคุยกับที่หนึ่งโดยไม่ต้องมองหน้าไหมครับ

   ผมเพิ่งค้นพบว่าตัวเองมีอาการแพ้ ‘ที่หนึ่ง’ เพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง

   "วีส่งรูปมาให้แล้วนะ" ผมบอกเขาตอนที่เราสองคนนั่งรอข้าวในร้านอาหารตามสั่งหน้ามอ "โห ถ่ายไปกี่รูปเนี่ย"

   ตอนแรกที่มีการแจ้งเตือนมันขึ้นว่ามีแค่สามข้อความใหม่ พอผมกดเข้าไปอ่านเท่านั้นแหละถึงรู้ว่ามันเป็นแค่ภาพทดลองส่ง เพราะหลังจากนั้นไม่นานการแจ้งเตือนก็เปลี่ยนเป็นมีการสร้างอัลบั้มขึ้นใหม่ จำนวนก็ไม่เยอะเท่าไหร่ ห้าสิบกว่ารูปเอง

   "โรมเลือกเฉพาะรูปที่ชอบส่งมาเลย" เขาบอกทั้งๆ ที่ยังไม่เงยหน้าจากหน้าจอ จากมุมนี้เห็นได้ชัดว่าเขากำลังกดไล่ดูตรงหน้าแรกของแอพพลิเคชั่นไลน์

   "ใช้ได้แล้วเหรอ" ผมถามออกไปด้วยความสงสัย

   "หืม?"

   "ไหนบอกแอพเด้ง"

   เขายิ้มให้ผมจางๆ "สงสัยเครื่องมันใกล้พัง"

   ...น่าเชื่อถือมาก มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งออกมาได้ไม่กี่เดือนใกล้พัง

   ที่หนึ่งยื่นโทรศัพท์ของตัวเองมาให้ผม จากหน้าแรกเปลี่ยนเป็นหน้าเพิ่มเพื่อนโดยใช้ไอดี ผมเงยหน้าขึ้นมาขอคำอธิบายจากเจ้าของเครื่อง

   "จะได้ส่งรูปให้ไง"

   "หลอกขอไลน์?"

   ผมไม่ได้ถามเล่นๆ มันคือความสงสัยที่เกิดขึ้นจริง มันดูบังเอิญเกินไปหน่อยไหมที่เขาเลือกบอกวีให้ส่งมาให้ผมโดยใช้ข้ออ้างว่าโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดมีปัญหา แล้วมือถือของเขาก็แสดงความอัจฉริยะด้วยการสามารถรักษาตัวเองได้ด้วยเวลาไม่ถึงชั่วโมง

   "ไม่หลอก ขอจริง" ตอนนี้อยากได้ที่หนึ่งคนที่ผมเจอวันนั้นกลับมาชะมัดเลย คนที่ประหม่ากับทุกการกระทำ ไม่ใช่คนที่กำลังยิ้มแพรวพราวเป็นตัวร้ายในละครอยู่ตอนนี้

   "ถ้าไม่ให้ล่ะ"

   เขาเล่นเกมส์จ้องตากับผมอยู่พักใหญ่ เปลี่ยนเป็นก้มลงไปให้ความสนใจกับหน้าแรกของไลน์เหมือนเดิม ปากเขาพึมพำอะไรออกมา น่าเสียดายที่ในร้านอาหารเต็มไปด้วยเสียงโวยวายผมเลยไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรอยู่

   โทรศัพท์ในมือของผมสว่างวาบ การแจ้งเตือนล่าสุดทำให้ผมได้แต่มองหน้าเขาสลับกับของในมือไปมา

   มันเป็นไปได้ยังไง...

   ผมมันคนที่แสดงออกทางสีหน้าหมด ที่หนึ่งคงจับสังเกตได้ว่าตอนนี้ในหัวของผมเต็มไปด้วยคำถาม เขาเลยเฉลยออกมาสั้นๆ

   "ความจริงก็มีนานแล้ว แค่อยากจะเนียนขออีกรอบเท่านั้นเอง"

   TeeNueng : Sent you a photo

***
   มีต่อด้านล่างนะคะ

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 5 [09.10.15]
«ตอบ #138 เมื่อ09-10-2015 23:47:23 »

   ภาพปรากฎชายหนุ่มสองคนยืนหันหน้าเข้าหากันโดยไม่ได้สังเกตว่าการกระทำของตนเองถูกกล้องจับภาพไว้แล้ว ทั้งสองอยู่ในชุดนักเรียนแบบเดียวกัน ชายผมสีน้ำตาลที่เข้มกว่าอีกคนกำลังส่งยิ้มหวาน โดยที่เสี้ยวใบหน้าของอีกคนเผยชัดว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี

   ผมปล่อยให้หน้าจอแสดงภาพที่ถ่ายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนโดยเปิดเพลงคลอไปด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงเปิดภาพนี้ทิ้งไว้ ที่หนึ่งส่งมาให้ผมอีกสามสี่ภาพซึ่งสภาพของผมดูไม่จืดทั้งหมด น่าจะยิ้มตามที่วีบอก มันเป็นอะไรที่แย่มากที่ต้องโดนเปรียบเทียบกับเจ้าของตำแหน่งรองเดือนมหาลัย พยายามย้อนกลับไปนึกว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไรกับผมอยู่ ใบหน้าของเขาเลยเต็มไปด้วยความสุขได้ขนาดนี้

   ที่หนึ่งไม่มีทีท่าสะทกสะท้านกับคำก่นด่าของผมยามที่รู้ว่าเขาเป็นเพื่อนในไลน์มานานมากแล้ว คาดคั้นเท่าไหร่ก็ได้คำตอบเพียงอย่างเดียวคือความลับ ผมไม่ใช่คนที่จะมานั่งตรวจเช็คเพื่อนรายวันอยู่แล้วเลยไม่รู้ว่าไอดีไลน์ของเขาถูกเพิ่มเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ และมันก็ทำให้ผมหวาดระแวงถึงขนาดที่นั่งเช็คเพื่อนในเฟสว่ามีคนชื่อที่หนึ่งอยู่ในรายชื่อรึเปล่า

   "เดี๋ยวนี้เปลี่ยนแนวเพลงแล้วเหรอน้องโรม"

   เสียงใสดังขึ้น หลังจากที่นั่งกินข้าวเย็นกับที่หนึ่งเสร็จผมก็กลับมานอนแผ่อยู่บนโซฟาในห้อง แน่นอนว่ายังไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูใดๆ ก็มีอยู่คนเดียวที่ไร้มารยาทกับผมได้อย่างนี้

   "อืม เพลงไทยก็เพราะดี"

   ตอบกลับไปอย่างไม่ใส่นัก ได้ยินเสียงหัวเราะเคล้ามากับเสียงรองเท้าสลิปเปอร์ดังกระทบพื้น ชั่วครู่ก็เห็นคนที่คิดไว้ก้มหน้าลงมาหา ใบหน้าเรียว ผิวขาวกับตารีบอกถึงเชื้อชาติได้อย่างง่ายดาย ผมสีดำที่ยาวระต้นคอหล่นมาตามแรงโน้มถ่วง สร้อยคอสีเงินห้อยแท็กทหารคู่กับเกียร์วิศวะแกว่งไปมาจนเกือบจะกระแทกหน้า 'เน็ท' ยิ้มให้แล้วพูดต่อ

   "ไหนใครเคยบอกว่าเพลงไทยน่ารำคาญ ฟังยังไงก็ไม่เพราะ"

   "คนเรามันต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น" ผมตอบแล้วลุกขึ้นนั่งดีๆ คว้าน้องหมีสีส้มมาไว้กับตัวก่อนที่เพื่อนสนิทอันดับหนึ่ง (ซึ่งเป็นอันดับเดียวกับแบล็ค ไวท์ แล้วก็นิช) จะคว้าไป

   เน็ทชอบน้องหมีส้มมากๆ วางแผนจะขโมยของผมตั้งหลายรอบ

   "แถไปเรื่อยนะมึง"

   ผลักหัวจนเอนไปอีกทาง ผมปิดเพลงที่เปิดค้างไว้ เน็ทนั่งลงตรงที่ว่างที่ยังเหลืออยู่พร้อมกับโยนกุญแจพวงใหญ่ที่มั่นใจได้ว่าหนึ่งในนั้นต้องเป็นกุญแจสำรองห้องผมอย่างแน่นอนลงบนโต๊ะ

   โคตรบุกรุกสิทธิส่วนบุคคล

   "มาไม?" ในช่วงเวลาที่ผมต้องการพื้นที่ส่วนตัว ทำไมชอบมีคนมาวุ่นวายตลอดเลย

   "โห เดี๋ยวนี้มาห้องเพื่อนไม่ได้เหรอออ"

   ไม่พูดเปล่ายังดึงผมสีน้ำตาลของผมลงอย่างแรง

   "เชี่ย! กูเจ็บ!"

   "อะไร เดี๋ยวนี้ด่ากลับ เดี๊ยะๆ" เน็ทเป็นคนชอบใช้ความรุนแรงครับ มันชอบเล่นแรงๆ อย่างตีหัว หยิก ข่วน หรือไม่ก็กระชากผมอย่างนี้เนี่ยแหละ ผมเป็นกระสอบทรายให้จนชินแล้ว

   "กูบอกแล้วว่าอย่าเข้าไปเรียนวิศวะ เพราะสังคมเถื่อนๆ นั่นแหละทำให้มึงเป็นคนหยาบกร้ ...เหี้ย!"

   ยังไม่ทันบ่นจบ เขาก็จัดการปาหมอนอิงขนาดเล็กเข้าหน้าของผมเต็มๆ แล้วระยะห่างระหว่างเราสองคนก็มีอยู่นิดเดียว แรงปะทะมันเลยทำเอาแสบหน้าพิลึก ผมบอกแล้วว่าเน็ทเป็นคนหยาบคายและกร้านโลก

   "ถ้ามึงยังไม่เลิกด่ากูนะน้องโรม หมีส้มของมึงได้ลงไปนอนเล่นอยู่ในบ่อตัวมาสคอตในมอแน่"

   ดูจากรอยยิ้มแสยะและคำขู่แล้วมันไม่ใช่แค่คำบอกเล่า แต่พร้อมจะเป็นการกระทำได้ทันทีที่ผมปริปากเรื่องนิสัยของเขาอีกครั้ง

   มีคนบอกว่ากลุ่มผมเป็นกลุ่มที่เลือกเรียนได้ไม่เข้ากับบุคลิกเลยสักคน ผู้ชายที่ดูหล่อร้ายอย่างแบล็คแทนที่จะไปอยู่วิศวะหรือไม่ก็สถาปัตย์ตามแบบผู้ชายแมนๆ กลับไปเรียนกฎหมาย ส่วนเน็ทก็เป็นหนุ่มน้อยที่ไม่ควรจะเข้าไปเรียนในคณะที่เต็มไปด้วยคนห่ามๆ อย่างวิศวะ

   แต่ถ้าให้ตัดเรื่องหน้าตาแล้วดูแต่นิสัยว่าใครสันดานแย่ที่สุดในกลุ่มผมยกให้เน็ท หน้าตานี่บ่งบอกอะไรไม่ได้เลยจริงๆ เขาทั้งปากร้าย มือหนัก ไม่สนใจความรู้สึกคนอื่น นิสัยเสียเยอะแยะ โดยเฉพาะนิสัยหวงเพื่อนที่ขึ้นชื่อว่าหวงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ ถ้าลองคิดจะแทรกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพวกผมสิ พ่อคุณไม่ใช่แค่ขู่ฟ่อเท่านั้นหรอก พุ่งฉกเลยต่างหาก

   "แล้วสรุปมาทำไม"

   ถึงเราสี่คนจะอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันก็ไม่ค่อยเจอเน็ทบ่อย มันชอบบ่นเรียนหนัก กิจกรรมอีก หอที่มันอยู่ก็ห่างไปจากคอนโดของผมกับแบล็คพอควร

   "อยากมาหา มีปัญหาไรป่ะ"

   "เหยดดด คนอย่างนัทธิเนี่ยนะบอกอยากมาหา ตั้งแต่รู้จักกันมามีแต่เรียกกูให้ไปหาตลอด"

   "เออ คนอย่างกูเนี่ยแหละครับโรมัน"

   คงหมั่นไส้ความโอเวอร์แอคติ้งของผม เน็ทเปลี่ยนจากนั่งเป็นนอนยาวไปกับโซฟา โดยหันเท้ามาเขี่ยๆ ให้ผมเขยิบไปจนสุดอีกฝั่ง เออดี นี่ใครเป็นเจ้าของห้องกันแน่

   หลังจากยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ได้แล้ว คนที่ทำตัวเป็นเจ้าของห้องก็จัดการกดปุ่มเปิดทีวีจากรีโมต ไล่จากช่องเบอร์หนึ่งไปเรื่อย จนตอนนี้ผ่านไปสิบห้าเลขแล้วเน็ทก็ยังไม่หยุดกดปุ่มบวกสักที

   "ทำไมมึงไม่กดเลขช่องเลย" ผมถามด้วยความสงสัย

   "กูเปิดไปงั้น เผื่อเจออะไรน่าสน" คำตอบที่สมกับเป็นคนนิสัยไม่แคร์โลกอย่างเขาดี เน็ทมองตรงไปยังหน้าทีวีจอแบนที่แสดงภาพละลานตา จนมาหยุดตรงช่องการ์ตูนเคเบิ้ลที่เปิดฉายจอนนี่บราโว่อยู่ ผมไม่เคยดูเรื่องนี้มากี่ปีแล้ว

   "นี่หอมึงไม่มีทีวีรึไง ต้องมาขอส่วนบุญที่ห้องกูเนี่ย" คือมันตั้งใจดูมากอะ ตั้งใจแบบรู้สึกว่าคนข้างๆ ไม่ใช่ผู้ชายที่อายุเข้าเลขสองแล้วแต่เป็นผู้ชายที่อายุสี่ห้าขวบ

   "มี แต่จะดูที่นี่" เขาขยับขาเป็นพาดผ่านตัวผมไปยังพนักพิงอีกฝั่ง สบายมากไหมครับคุณมึง? "มึงเลิกพูดสักทีเหอะน้องโรม กูจะดูการ์ตูน อย่ามายุ่ง"

   ปากบอกจะดูการ์ตูน แต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปแล้วมองแต่หน้าจอสี่เหลี่ยมขนาดห้านิ้วคืออะไร ผมมองเพื่อนตัวเองใช้มือซ้ายที่ไม่ใช่มือข้างถนัดค่อยๆ กดไปบนหน้าจอทีละจุดแล้วได้แต่ถอนหายใจ ถ้าเป็นไปได้ผมจะไม่คุยผ่านไลน์หรือเฟสบุ๊คกับเน็ท เพราะพ่อคนมีความเป็นตัวของตัวเองสูงจะมีวิธีการพิมพ์ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างนี้ ประมาณว่าถ้าอยากให้ตอบก็รอไป

   เรื่องของผู้ชายหัวทองที่เซตหัวได้สูงยิ่งกว่ากระบังลมของคนในยุคกลางจบลงไปแล้ว โฆษณาตอนพักเบรคกำลังบอกช่วงเวลาฉายต่อจากนี้ ต่อไปเป็นเรื่องของเจ้าหมาโง่สีชมพูที่พูดให้เฉพาะคนดูเข้าใจ พูดถึงเรื่องนี้ผมสงสัยจนถึงทุกวันนี้ว่าเขาแต่งงานกันไปได้ยังไง น่ากลัวบ้านจะแตกอยู่ร่อมร่อ

   ผมนั่งดูเจ้าหมาโง่เคอร์เรจวิ่งวุ่นไปมาในบ้านโดยที่เมอเรียลก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น แน่นอนว่าอุสทิสหัวล้านก็เอาแต่ด่าลั่นห้อง แพทเทิร์นเดียวกันในทุกตอน

   "อ้าว?"

   กำลังอินไปกับภาษาใบ้ของเจ้าหมาที่ยืนสองขาบ่อยกว่ายืนสี่ขา หน้าจอที่เคยมีสีสันก็กลายเป็นดำสนิท ผมหันกลับมาหาคนที่กำลังยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู มืออีกข้างยังถือรีโมตสีดำไว้ นี่มันเป็นบ้าอะไรอยู่

   "อะไรของมึงงง"

   "หุบปากไป ...ฮัลโหล ให้กูมารอตั้งนานกว่าจะโทรมา ...เออ อยู่กับกูแล้ว แป๊บๆ" เขากดปุ่มอะไรสักอย่างบนหน้าจอ จัดการหาหนังสือเรียนที่ผมวางกองไว้บนโต๊ะมาทำเป็นที่ค้ำยันก่อนจะวางมือถือลงไป

   หน้าจอขนาดใหญ่โชว์ชื่อที่ผมคุ้นเคย ด้านล่างเขียนว่า connecting ทำให้รู้ว่าเขากำลังให้ผมคุยกับใคร

   (ว่าไง)

   ทันทีที่สัญญาณต่อติด ภาพหนุ่มแว่นที่ปรากฎขึ้นบนหน้าจอก็ทักทายด้วยการโบกพู่กันขนาดเล็กในมือไปมา 'นิช' ดันแว่นกรอบใหญ่ที่ไหลลงมาให้กลับขึ้นไปอยู่ด้านบนเหมือนเดิม รอยยิ้มสดใสของเขาก็เป็นสิ่งที่ทำให้โลกดูสว่างขึ้นเหมือนเคย

   "ฮายยย" ผมโบกมือไปมาอย่างรวดเร็ว ภาพเคลื่อนไหวขนาดเล็กตรงมุมจอกำลังแสดงภาพผู้ชายสองคนนั่งเบียดกันบนโซฟาสีดำเพื่อไม่ให้ตัวเองหลุดเฟรม

   (น่ารักขึ้นรึเปล่าน้องโรม)

   มุมกล้องของอีกฝั่งหมุนไปมาอย่างรวดเร็ว จากที่เห็นแค่ใบหน้าสีขาวซีดของอีกฝั่งก็ขยายออกเป็นเห็นว่าเขาเปลี่ยนไปนั่งขัดสมาธิ ด้านข้างมีโต๊ะญี่ปุ่นขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์วาดรูป

   นิชเลือกเรียนต่อทางด้านศิลปะ เขาเข้าเรียนในโรงเรียนที่สอนเกี่ยวกับทางด้านนี้โดยตรง โชคดีที่พ่อแม่สนับสนุนในการตัดสินใจ นิชเลยได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองรักตลอดเวลา

   "ไม่อะ โทรมมากกก งานเยอะมากกก"

   "เออ โคตรโทรมจริงมึง"

   เป็นผมที่อ้อนกลับไป โดยมีเน็ทเป็นคนเสริม ในบรรดาทุกคนนิชใจดีกับผมที่สุด ไม่เคยขัดใจผมเหมือนแบล็ค ไม่เอาแต่ใจแบบเน็ท แต่ก็ไม่ได้เหงาอะไรหรอกนะที่ไม่ได้เรียนที่เดียวกัน ต่างคนก็มีทางเดินเป็นของตัวเองนี่นา

   (หึหึ ทางนู้นเลี้ยงไม่ดีล่ะสิ)

   "ใช่ๆๆ มาหารอบนี้ขอเสบียงแบบจัดเต็มนะ"

   (ไปอยู่แล้วล่ะ แต่ขอหลังงานเดือนนี้หมด) ชี้นิ้วไปตรงโต๊ะข้างตัว (พอดีเขาเร่งมา)

   แบล็คบอกเสมอว่านิชเป็นคนที่มีพรสวรรค์ทางศิลปะ ไม่เฉพาะวาดรูปสีน้ำที่เขาถนัดที่สุด แต่รวมไปถึงดนตรีอีกด้วย นิชเล่นดนตรีได้หลายชนิด ทั้งไทยแล้วก็สากล ผมเคยลงเรียนกีตาร์แล้วนิชลงเรียนกลอง เรียนได้แค่สองเดือนผมก็ยอมรับว่าไม่ใช่ทาง ในขณะที่อาจารย์ของนิชชมว่าเขาเป็นนักเรียนที่เรียนรู้ได้ไวที่สุดที่เคยสอนมา เรียกได้ว่าเขาเกิดมาเพื่อเดินทางนี้อย่างแท้จริง
แล้วเขาก็ใช้ความสามารถของตัวเองให้เป็นประโยชน์โดยการรับงานวาดรูปผ่านช่องทางออนไลน์ มีคนติดตามผลงานบนอินสตาแกรมไม่น้อยเลยล่ะ

   "พวกมึงจะมุ้งมิ้งกันอีกนานไหม มันเปลืองเน็ตกู"

   เน็ทพูดขึ้นมาทะลุกลางปล้อง อ้าว นี่ก็นึกว่าให้ผมคุยกับนิชซะอีก

   "อ้าว ล่ะมึงจะคอลทำไร"

   "ถามมันเองดิ" ชี้ไปหาคนที่ยังคงยิ้มอยู่ในโทรศัพท์ "ชอบด่ากูเป็นจอมหวง มึงก็ไม่ต่างจากกูล่ะว้า"

   (อะไรๆ มึงนั่นแหละที่เปิดประเด็น จากกูไม่ตามเลยกลายเป็นเกาะติดเลย)

   "ก็ชัดเจนขนาดนั้น มึงไม่ต้องตามก็รู้ครับ" เน็ททำหน้าบึ้งใส่กล้อง เขาเปลี่ยนท่าเป็นไขว่ห้างแล้วก็พิงหัวมาทางผม

   (มึงก็เหวี่ยงก่อนตลอด เดี๋ยวกูจัดการเองไม่ต้องมาแทรกเวลากูพูดนะ อะ น้องโรมครับ) หนุ่มแว่นหันมาคุยกับผม (พี่นิชมีเรื่องจะถาม)

   ผมขอเสริมข้อมูลเกี่ยวกับคนชื่อนิชอีกนิดนะครับ เมื่อไหร่ที่เขาเรียกตัวเองว่า 'พี่' กับผมเมื่อไหร่ ไม่ว่าตอนนั้นเขาจะยิ้มหวานหรือใช้น้ำเสียงสดใสแค่ไหน จงระวังตัวให้ดี พายุกำลังมา

   แล้วผมก็สัมผัสได้ว่าพายุลูกนี้เป็นพายุที่ใหญ่มาก

   กลืนน้ำลายลงคอ ตอบกลับไปหาคนที่ยังยิ้มแย้มอย่างไม่เต็มใจนัก "ถามมาได้เลยฮับ"

   (ผู้หญิงที่ชื่อเฟรนด์ เป็นใครกันเหรอครับน้องโรม)

   นั่นไงล่ะ... มีอยู่กี่เรื่องกันเชียวที่ทำให้คนอย่างเน็ทเสด็จมาหาผมที่ห้อง แล้วคนอย่างนิชยอมเสียเวลาอันมีค่าในการทำงานมาวีดีโอคอลหา เมื่อกี้ผมบอกว่าเน็ทจะฉกคนที่เข้ามาแทรกเป็นส่วนหนึ่งของพวกเราใช่ไหม ถ้าใครคนนั้นโชคดีพอเลยรอดจากพิษงู สุดท้ายแล้วคุณก็อาจโดนฆาตกรรมซ้ำในห้องพักฟื้นด้วยวิธีการแสนพิสดารจากนิชก็เป็นได้

   "ง่า...เพื่อนฮับ"

   "เพื่อนไรแม่งมโนในเฟสรัวๆ อย่างนั้นวะ" จะห้ามให้คนปากเสียอย่างนัทธิให้เงียบได้เกินสามนาทีฝันไปเถอะ "กูนี่อยากจะเข้าไปเขียนว่า 'ออกมาจากโลกสมมุติได้แล้วครับ' ใส่หน้าวอลล์แม่ง"

   (เน็ท กูบอกว่าอย่าพูดแทรก) นิชถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน มีใบหน้าเอือมระอาเป็นสิ่งประกอบ

   "กูแค่เสริม"

   (สี่จีมึงจะหมดก็เพราะเอาแต่นอกเรื่องนั่นแหละ) เขายกมือขึ้นปาดสีน้ำสีชมพูที่ติดบริเวณข้างแก้ม คืออยากจะบอกว่าเห็นตั้งแต่เริ่มคอลแล้วนิช การที่ใส่แว่นนี่ไม่ช่วยให้สายตาดีขึ้นเลยใช่ไหม (แต่พี่ไม่คิดว่าเป็นแค่เพื่อนนะ พวกเราลงมติกันแล้ว)

   มติที่ว่าคือแบล็ค นิช แล้วก็เน็ท ไม่มีไวท์เป็นส่วนประกอบ ยัยนั่นโลกส่วนตัวสูงยิ่งกว่าอะไรดี ไม่มีเวลามายุ่งเรื่องคนอื่นอย่างที่สามคนนี้กำลังทำหรอก ไวท์น่ะมีโทรศัพท์ไว้ให้คนอื่นโทรหาเท่านั้นแหละ ไลน์เพิ่งมีเมื่อปีก่อนเพราะคุณพินิจอยากจะส่งรูปมาให้ดูบ่อยๆ ไม่ต้องพูดถึงโซเชียลชนิดอื่นแม่คุณไม่เคยคิดจะแตะต้อง

   "แค่เพื่อนจริงๆ เรื่องนี้คุยกับแบล็คแล้ว"

   "เหรอออ" ทั้งหรี่ตาทั้งลากเสียงยาว ถ้าจะไม่เชื่อขนาดนั้นนะ

   (คุยว่า?)

   "ก็เดี๋ยวจะไปคุยกับเขาให้เคลียร์ ว่าให้เลิกทำให้คนอื่นเข้าใจผิด"

   "จะไปคุย? ไหนเหี้ยแบล็คบอกคุยเรียบร้อยแล้ว เลิกยุ่งกันแล้ว" อีกข้อเสียของคนปากมาก ความลับอะไรไม่เคยเก็บได้สักอย่าง ผมจ้องเน็ทตาเขียวให้มันรู้ตัวว่าหลุดปากพูดออกมาแล้วว่าความจริงพวกนี้ทำงานเป็นขบวนการ ไม่มีทางหรอกที่แบล็คจะเก็บเรื่องไว้คนเดียวน่ะ ถือคติเรื่องของโรมคือเรื่องของเรากันหมด

   (เฮ้อ กูบอกแล้วไงว่าให้เงียบ...)

   "กูต้องแคร์?" ยักไหล่ขึ้นเพื่อบอกว่าเรื่องที่เพิ่งหลุดปากไม่ได้กระเทือนถึงส่วนจิตสำนึกเลยแม้แต่น้อย "ถ้ายังไม่เคลียร์เดี๋ยวกูจัดการให้ แค่นั้นเอง"

   "เน็ท..."

   ผมเรียกชื่อเขาเสียงอ่อน บอกแล้วไม่ให้เข้าไปเรียนวิศวะ นอกจากการกระทำจะเถื่อนแล้วใจยังถ่อยตามไปอีก

   (อันนี้พี่เห็นด้วยนะน้องโรม ถ้าน้องไม่กล้าให้พวกพี่ทำให้ก็ได้)

   เคยเล่ารึยังว่าสิ่งหนึ่งที่คนในกลุ่มนี้เหมือนกันหมดคือหวงผมมาก จริงอยู่ว่าผมอายุน้อยที่สุดเลยอาจคิดว่าลุคของผมเป็นน้องเล็กที่น่าปกป้อง นั่นเป็นความคิดที่ผิดมาก ถึงผมจะดูจืดจางมากที่สุดเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ผมก็ยังเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายธรรมดาที่ดูแลตัวเองได้ไม่ต้องให้ใครมาคอยห่วง จะตัดสินใจอะไรก็ทำได้เองไม่ต้องรอปรึกษาใครก่อน

   แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขามอง

   ผมยังคงเป็นน้องเล็กที่พวกเขามองว่าเป็น 'หน้าที่' ที่จะต้องดูแลผมไปตลอด

   "พี่นิช ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวโรมจัดการเอง"

   งัดไม้ตายออกมาใช้ แค่เรียกเขาว่าพี่แล้วก็แทนตัวเองว่าโรม ผู้ชายใจดีอย่างนิชก็ไม่เคยที่จะต้านทานผมได้หรอก วะฮะฮ่า
คนในจอยกมือขึ้นเสยผมที่ยาวปิดหน้า ขณะเดียวกันก็ยิ้มบางเฉียบ (พี่ว่าพี่จัดการให้ดีกว่านะ)

   "เชื่อมือกูได้เลยเพื่อนรัก"

   คงกลัวผมไม่มั่นใจ เน็ทยกมือขึ้นทำเป็นสัญลักษณ์เยี่ยมโดยมีหน้าระรื่นขั้นสุดเป็นเครื่องการันตีว่างานนี้ต่อให้ผมห้ามแค่ไหนจอมหวงเพื่อนจะไม่ยอมรามือแน่ๆ

   "แงงง ไม่ทำงี้ดิ"

   (ไม่งอแงไร้เหตุผลครับน้องโรม)

   "ก็พวกมึงไม่มีเหตุผลอะ"

   "พวกกูสาระเต็มเปี่ยมต่างหาก เนอะ" หันไปขอความเห็นจากผู้ชายที่เปลี่ยนไปหันหน้าเข้าหาโต๊ะ นิชเพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วยแล้วก้มลงไปขีดเขียนอะไรต่อ

   ผมขอร้องไห้ตอนนี้ได้ไหม

   "เข้าใจตรงกันแล้วเนอะ เปลืองสี่จีกูชะมัด บ๊ายบายพี่นิชเร็ว"

   (ไว้เจอกันนะ)

   หน้าจอไม่มีภาพเคลื่อนไหวอีกแล้ว เหลือเพียงหน้าโฮมสกรีนเป็นด้านหลังของผู้ชายในชุดช็อปวิศวะที่ผมมั่นใจว่าไม่ใช่แผ่นหลังของเน็ทแน่นอน

   "ก็ตามนั้นนะ เดี๋ยวกูจัดการให้เองไม่ต้องห่วง อีกสามวันรอฟังผลได้เลย"

   "ไม่ต้องเลยนะมึง"

   นี่ขนาดเฟรนด์ไม่ได้บอกตรงๆ ว่ากำลังจีบผมยังโดนขวางขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดเลยถ้ารู้ว่าที่หนึ่งแกรนด์โอเพนนิ่งออกตัวว่าจะจีบผมจะโดนขนาดไหน

   ขอพูดเปิดใจอย่างไม่มีอะไรปิดบัง ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่อยากยอมรับว่ากำลังโดนผู้ชายจีบ

   โดยเฉพาะผู้ชายคนนั้นคือที่หนึ่ง

   "กูมาบอก ไม่ได้มาขออนุญาต" ในพจนานุกรมของเน็ทไม่เคยมีคำว่าขออนุญาตหรอก ยกตัวอย่างก็การที่เขาใช้กุญแจสำรองไขเข้ามาในห้องผมหน้าตาเฉยไง สิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่าเน็ทอยู่เหนือกฎทั้งปวง

   "ทำไมพวกมึงต้องมายุ่งกับชีวิตกูวะ?"

   เสียงโทรศัพท์สั่นครืดเรียกความสนใจจากบทสนทนาที่ยังไม่จบ บนหน้าจอสมาร์ทโฟนของเน็ทปรากฎภาพนิ้วก้อยของคนสองคนอยู่ชิดติดกันโดยมีด้ายสีแดงผูกไว้ ส่วนชื่อของคนโทรเข้าทำเอาผมขมวดคิ้ว 'อนาคต' ชื่อบ้าอะไรนั่น

   "...ตายยากฉิบ" เจ้าของโทรศัพท์พูดลอยๆ ตอนที่หยิบโทรศัพท์มาไว้ในมือ เขากดสไลด์ขวาเพื่อรับสาย "มีไร ...ห้องเพื่อน น้องโรมไง ...แล้วมาบอกตอนนี้เนี่ยนะ บ้าป่ะไอ้เชี่ย ...หยุดเลย ถ้ามึงไม่หยุดพูดกูจะวางสาย ...หือ ขู่เหรอ กูทำจริงเสมอแหละ ...เออๆ ลงไปล่ะ"

   ถึงการโทรจะใช้เวลาไม่กี่นาที มันก็เต็มไปด้วยความหลากหลายทางอารมณ์มาก เริ่มจากอารมณ์ดี  แล้วก็เริ่มใช้น้ำเสียงหงุดหงิด จบด้วยทำหน้าเหมือนกินยาขมเข้าไป เขาหยิบกุญแจพวงใหญ่ไว้ในมืออีกฝั่ง โบกมือลาให้ผมแล้วเดินไปทางหน้าประตู

   เน็ทก็ยังทำอะไรตามใจตัวเองไม่เคยเปลี่ยน

   ผมเท้าคางกับโซฟา มองคนที่ยังคงบ่นปลายสายแบบนอนสต็อปเปลี่ยนสลิปเปอร์เป็นรองเท้าหนังคู่ใหม่ที่ไม่เคยเห็น ไอ้นี่ก็เป็นพวกบ้ารองเท้า เท้าก็มีแค่สองข้าง จะเปลี่ยนไปทำไมบ่อยๆ

   "น้องโรม" เสียงนั้นเรียกผมออกจากภวังค์ "มึงเข้าใจอะไรผิดนิดหน่อยนะ กูไม่ได้ยุ่งกับชีวิตของมึง กูยุ่งกับชีวิตน้องโรม 'ของพวกเรา' ต่างหาก"

   จบประโยคในเวลาไล่เลี่ยกับเสียงปิดประตู จากตรงนี้ยังได้ยินน้ำเสียงแสนมั่นใจในตัวเองนั้นบ่นอยู่ไกลๆ

   น้องโรมของพวกเราอะไรล่ะ

   นี่ผมไม่มีสิทธิแม้กระทั่งในชีวิตตัวเองเลยเหรอเฮ้ย!


***
   พากลุ่มคนหวงน้องโรมมาเปิดตัวเพิ่มค่ะ ให้ที่หนึ่งเตรียมใจไว้เยอะๆ ว่าการจีบน้องโรมไม่ง่ายแน่ๆ (หัวเราะ)
   สัปดาห์นี้งานเข้าเจ้าแบบเต็มๆ โดนดูดพลังชีวิตจนรู้สึกว่าตัวเองเป็นซอมบี้น้อยๆ (ปาดน้ำตา) พิมพ์ไปเบลอไป ถ้าเจอคำผิด พิมพ์ตกหล่น หรือใช้คำตรงไหนแปลกๆ ทักได้เลยนะคะ เดี๋ยวเจ้ากลับมาแก้ค่ะ
   ฝนก็ยังตกตลอด ดูแลสุขภาพกันเยอะๆ นะคะ
   เจอกันตอนหน้าค่ะ

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 5 [09.10.15]
«ตอบ #139 เมื่อ10-10-2015 01:40:27 »

น้องโรมของพี่ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 5 [09.10.15]
« ตอบ #139 เมื่อ: 10-10-2015 01:40:27 »





ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 5 [09.10.15]
«ตอบ #140 เมื่อ10-10-2015 02:15:06 »

จะเจอศึกหนักแล้วที่หนึ่ง

ออฟไลน์ tempo_oil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 5 [09.10.15]
«ตอบ #141 เมื่อ10-10-2015 03:47:04 »

โรมของเราเองงงงง (โดนตบ)

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 5 [09.10.15]
«ตอบ #142 เมื่อ10-10-2015 05:23:48 »

 :ruready :laugh:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 5 [09.10.15]
«ตอบ #143 เมื่อ10-10-2015 05:56:41 »

อยากบอกพี่ๆของน้องโรมเหลือเกินว่า ผู้หญิงที่ชื่อเฟรนด์ไม่น่ากลัวเท่าเท่าผู้ชายชื่อที่หนึ่งหรอกนะจ๊ะ :laugh:
คนที่โทรมาตามเน็ท นี่แฟนเน็ทแน่เลย โด่วววว ที่งี้รีบชิ่งหนีเลย อยากมาก็มา อยากไปก็ไป หัวหมุนตามโรมเลย :jul3:

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 5 [09.10.15]
«ตอบ #144 เมื่อ11-10-2015 00:05:51 »

เปิดตัวเน็ท กับ นิช แล้ว ชอบนิชอ่ะ แต่ชอบที่สุดก็ยังคงเป็นราชาแบล็คนะจ้ะ
แต่ละคนในกลุ่มนี่ มีบุคลิกเฉพาะตัวน่าสนใจกันดีจังเลย น้องโรมก็ด้วย
แต่ที่ทุกคนเป็นเหมือนกันนี่คือ หวงน้องโรมกันทั้งนั้น มีลงมติกันด้วย 555
ที่หนึ่ง ยังโชคดีสินะ ที่แบล็คไม่ได้กีดกัน แถมยังมีแอบช่วยด้วย
แต่จะรับมือกับเน็ทกับนิชยังไงนี่สิ เน็ทชอบทำรุนแรงด้วยอ่ะ ชักเป็นห่วง
แต่ยังไง เพื่อน้องโรม ที่หนึ่งทนได้อยู่แล้วเนอะ
ชอบที่หนึ่ง เวลารับมือกับนิสัยเฉพาะตัวของน้องโรมนะ
น้องโรม จะแสดงออกมายังไง ที่หนึ่ง รับได้หมด ยิ้มตลอดเลย น่ารัก ๆ
อ้อ ตอนนี้ น้องวีของน้องโรม ก็น่ารักดีนะ เห็นที่หนึ่ง เป็นไอดอลซะด้วย
คู่ของเน็ทก็น่าสนใจ แหม ทั้งรูปในหน้าโฮมสกรีน นิ้วก้อยผูกด้ายแดง
แถมชื่อเรียกเข้า อนาคต โหย ๆ แค่นี้ก็รู้หมดแล้วว่าเป็นอะไรกัน
น่าสนใจจริง ๆ แสบ ๆ อย่างเน็ทนี่ ใครหนอที่เอาอยู่ อยากรู้ ๆ
เอาใจช่วยที่หนึ่งกันต่อไปจ้า  :กอด1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 5 [09.10.15]
«ตอบ #145 เมื่อ11-10-2015 13:02:10 »

ฉันล่ะสงสารเฟรนด์จริง ๆ นี่ยังไม่อะไรยังโดนกีดกันขนาดนี้
ถ้ากลุ่มคนหวงน้องโรมรู้จักเรื่องของที่หนึ่งเข้าจะว่ายังไง

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 5 [09.10.15]
«ตอบ #146 เมื่อ11-10-2015 21:32:10 »

น้องโรมมมมมมมมมมมมมมม

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 5 [09.10.15]
«ตอบ #147 เมื่อ12-10-2015 21:15:20 »

แต่ละคน มีนิสัยเฉพาะตัวที่น่าสนใจมาก ๆ เลย
เนื้อเรื่องก็น่าติดตาม ดูมีปมในอดีตเยอะเชียว
อ่านไปอ่านมา เหมือนที่หนึ่ง จะเข้าใจง่ายสุดแล้วนะ 555
อ้อ ยังมีน้องวี อีกคน น่ารักดี ต้องอย่างนี้ถึงจะเป็นน้องรหัสโรมได้
ว่าแต่ เวลรอใครอยู่นะ

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 5 [09.10.15]
«ตอบ #148 เมื่อ13-10-2015 12:56:21 »

น้องโรมมมม... ชอบจังเวลานิชเรียกแบบนี้
ชอบเพื่อนโรมมากค่ะ รู้สึกตั้งแต่เจอแบล็คแล้วว่าที่หนึ่งต้องเจองานหินแน่ๆ
เป็นกำลังใจให้ที่หนึ่งนะคะ จะได้สอยน้องโรมของทุกคนมาจากอ้อมอกของเพื่อนๆสุดหวงได้เสียที

ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #149 เมื่อ16-10-2015 22:29:20 »

บทที่ 6

   บนรถบัสขนาดใหญ่เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมหาศาลแออัดกันอย่างกับเป็นรถขนแรงงานต่างด้าวหนีเข้าเมือง เสียงเอ็มซีกำลังอธิบายกิจกรรมบนรถดังออกลำโพงจนน่าปวดหัว เสียงกลองสันทนาการก็ตามมาไม่หยุดหย่อน ผมหยิบหูฟังออกมายัดใส่หูเผื่อว่ามันจะช่วยลดความโหวกเหวกที่น่ารำคาญนี้ได้บ้าง กดปุ่มเพิ่มเสียงแบบที่ถ้าอยู่ในบีทีเอสคนนั่งถัดไปอีกสามเก้าอี้ก็ยังได้ยิน

   น่าเสียดายที่ผมไม่ได้อยู่บนรถไฟฟ้า

   ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมว่าผมกำลังไปที่ไหน ใช่แล้ว กิจกรรมที่ถูกอ้างว่ามีขึ้นเพื่อสานสัมพันธ์ให้พี่กับน้องได้รู้จักกันมากขึ้น การรับน้องนั่นเองครับ

   "ปวดหัวเหรอ"

   คนข้างๆ สะกิดแล้วก้มลงมาถาม ผมหันไปมองหน้าเจ้าของตำแหน่งเดือนคณะที่กำลังอยู่ในอาการกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด

   "อืม อย่ากวนได้ป่ะ"

   ตอบตัดรำคาญ ผมหยิบหูฟังขึ้นมายัดใส่หูอีกครั้งแล้วพิงกับหน้าต่างบานใหญ่ ข่มตาให้หลับเพื่อที่จะได้ไม่ต้องรับรู้ว่ารอบข้างตอนนี้วุ่นวายมากแค่ไหน

   บอกแล้วว่าผมไม่ใช่คนที่ชอบเข้าสังคมเท่าไหร่นัก นี่เป็นการมาค่ายรับน้องครั้งแรกด้วยซ้ำไป ปีหนึ่งโดด ปีสองก็โดด ตั้งใจจะทำสถิติโดดไปถึงปีจบให้ทุกคนลืมว่าเคยมีคนชื่อโรมอยู่ในคณะ แต่ความตั้งใจนั้นก็ถูกทำลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีด้วยฝีมือของน้องสายเวรตะไลอย่างไอ้ปารวี พอผมบอกว่าจะไม่ไปรับน้องเท่านั้นแหละ มันก็เริ่มปฏิบัติการก่อกวนทันที

   วิธีการก็ง่ายๆ ส่งไลน์ด้วยคำว่า 'ไปรับน้องด้วย' ซ้ำเป็นร้อยๆ รอบตลอดวัน จนผมต้องตัดสินใจปิดสัญญาณอินเทอร์เน็ตไว้ชั่วคราว แถมตอนตอบว่าไปก็ได้ยังมีบอกหน้าตาเฉยว่าถ้าแผนหนึ่งไม่สำเร็จก็เตรียมแผนสำรองไว้แล้วด้วย แผนสองก็เปลี่ยนไปตื้อในเมสเสจ แผนสามคือจะโทรมาหาทุกห้านาที และแผนสี่คือมาลากตัวผมถึงห้อง

   มือถือผมยังไม่พังนี่ก็เป็นบุญมากเท่าไหร่แล้ว

   ความเย็นตรงข้างแก้มทำให้ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งแรกที่เห็นคือขวดน้ำพลาสติกที่มีหยดน้ำเกาะอยู่พราว ส่วนสิ่งที่สองที่ยื่นตามมาหลังจากผมรับขวดน้ำมาถือไว้งงๆ คือยาพาราแผงใหญ่

   "กินก่อนค่อยนอนต่อ"

   นี่ก็อีกหนึ่งความวุ่นวายในชีวิตผมช่วงนี้ ที่หนึ่งผู้ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่ากำลังเดินหน้าจีบผมอย่างไม่ลดละ หลังจากที่หมอนี่ทำผมประสาทกินไปรอบเรื่องไลน์แล้วก็ทักมาหาบ่อยครั้ง พอรู้ว่าผมจะมาค่ายรับน้องด้วยเท่านั้นแหละก็ผันตัวไปเป็นผู้จัดการส่วนตัวที่คอยเช็คเรื่องข้าวของจำเป็นในการอยู่ค่ายตลอดเวลา

   เมื่อเช้าก่อนออกจากห้องยังไลน์มาบอกว่าอย่าลืมหยิบแปรงสีฟันมาด้วยอยู่เลย

   "ไม่กิน"

   "ไม่ดื้อสิ"

   ตรรกะอะไรของเขาที่ทำให้การไม่กินยาเท่ากับผมดื้อ ผมปวดหัวก็เพราะเสียงดังที่ตีกันไปมาไม่ยอมหยุดนี้ต่างหาก เพราะงั้นถึงกินไปทั้งแผงมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้น

   อยากจะโทษตัวเองที่ไม่สนิทกับคนในคณะ ตอนเลือกที่นั่งเลยกลายเป็นผมจำใจต้องนั่งกับผู้ชายที่ชื่อที่หนึ่งโดยไม่มีทางเลือก เพราะนอกจากเขาแล้วมองไปทางไหนก็ไม่เจอคนที่คุ้นหน้าเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่ป้ายชื่อของบางคนมีเลขสามที่หมายถึงอยู่ปีสามเขียนไว้เหมือนของผม

   "รำคาญเสียงไมค์ ไม่ได้เมารถ"

   "ก็กินดักไว้ก่อน"

   "..."

   อยากด่ากลับว่าบ้านพ่อมึงสิกินยาดักปวดหัว ติดตรงใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยกังวลทำให้ผมปิดปากเงียบ ผู้ชายคนนี้เขาจริงจังกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเกินไปไหม

   ไม่รอให้ผมตอบตกลง เขาแกะยาไว้ในมือ ตาดุที่มองมาเหมือนกำลังบอกว่าให้ผมรับมันไปซะ

   แค่ไม่อยากเถียงกับคนที่ดูผีเข้าผีออกตลอดเวลาอย่างที่หนึ่ง ผมเลยรับมาแล้วรีบๆ กลืนมันลงคอไป เขาพยักหน้าอย่างพอใจตอนที่ผมยื่นขวดน้ำคืนให้

   "เก่งมาก"

   แถมยังชมอีก ถ้าไม่บอกว่านี่คือที่หนึ่งผมต้องคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นร่างโฮโลแกรมของแบล็คแน่ๆ

   ผมกลับเข้าไปอยู่ในโลกของเสียงเพลงอีกครั้ง ที่นั่งของผมอยู่เกือบหลังสุดเพราะงั้นผมจะไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าตอนนี้ด้านหน้ากำลังทำกิจกรรมไปถึงไหนแล้ว อยากให้มันจบไวๆ ชะมัด ตอนนี้เส้นเลือดในสมองของผมเต้นตุบๆ เตรียมจะแตกแล้วมั้ง

   อยากจะหลับก็หลับไม่ลง รถบัสที่เป็นรถพัดลมทำให้ลมตีหน้ารุนแรงต่อเนื่อง ผมขยับตัวเตรียมที่จะปรับบานกระจกให้ลดระดับลงมาหน่อย มือสองข้างจับตรงที่ล็อคไว้แน่น แต่ไม่ว่าจะใช้แรงขนาดไหนมันก็ไม่ขยับอย่างที่ผมต้องการ สนิมกินจนปรับไม่ได้แล้วล่ะสิ ให้ความรู้สึกเหมือนตอนขึ้นรถเมล์ร้อนเวลาฝนตกเลย

   "ให้ช่วยไหม" ที่หนึ่งถามขึ้น

   "จับด้านซ้ายไปแล้วกัน"

   "โอเค"

   เขาตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ผมขยับตัวไปทางขวาเพื่อให้เขามีพื้นที่แทรกเข้าถึงบานกระจกได้ง่ายขึ้น คราวนี้ใช้แรงเพียงเล็กน้อยมันก็เลื่อนลงมาอย่างง่ายดาย

   "ขอบ...คุณ"

   ผมตั้งใจจะหันหน้ามาขอบคุณที่ช่วยปรับกระจกลง ลืมไปว่าพื้นที่ว่างระหว่างเบาะมันไม่ได้มีเยอะมากเท่าไหร่ เพราะงั้นตอนที่เอ่ยปากบอกถึงรู้สึกว่าตอนนี้เราอยู่ใกล้กันมากแค่ไหน ถ้าให้อธิบายแบบในนิยายคงเขียนว่าใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจ ซึ่งไม่ได้ยินแน่นอนเพราะเสียงที่ดังออกลำโพงมีมากกว่านั้นมาก

   งั้นผมควรจะอธิบายว่าใกล้กันขนาดไหนน่ะเหรอ อืม...

   ใกล้อย่างที่เห็นได้ชัดว่าสายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่นขนาดไหนล่ะมั้ง

   "เต็มใจ" คำพูดที่บอกกลับมาบางเบาไม่แพ้กัน เขามองหน้าผมอยู่สักพักใหญ่ก่อนที่เสียงเอ็มซีจะเรียกชื่อเขาซ้ำๆ

   "พี่ที่หนึ่งอยู่ตรงไหนคะ? ออกมาช่วยน้องทำมาหากินหน่อยยย"

   นั่นถึงทำให้ที่หนึ่งผละออกไปช้าๆ เขายังคงโฟกัสอยู่ที่หน้าผมยามตอบกลับ และเป็นอีกครั้งที่ผมเห็นเลือดฝาดขึ้นบนหน้าเขา

   "อุ๊ยตาย ทำไมหน้าแดงอย่างนี้คะพี่ที่หนึ่ง ร้อนเหรอคะ มะมา เดี๋ยวพัดใหญ่นะ" ตามมาด้วยเสียงโห่ฮาจากทุกสารทิศ อีกหนึ่งอย่างที่ผมสังเกตได้คือเขาพยายามเว้นระยะห่างระหว่างตัวเขาเองกับผมตลอดเวลา ไม่ใกล้หรือไกลจนเกินไป รวมถึงอาการผีเข้าผีออกที่มาเป็นระยะ เมื่อกี้ก็อายหน้าแดงอย่างกับไม่เคยมีใครมาใกล้ ทีตอนถ่ายรูปล่ะเบียดอย่างกับเป็นแฝดสยาม

   "เอาล่ะค่ะ หลังจากสมบัติล้ำค่าของคณะอย่างพี่ที่หนึ่งได้ออกมาเป็นผู้ประเดิมเกมส์รายแรก น้องก็ขอเปิดกติกาเลยแล้วกันเนอะ สำหรับกิจกรรมต่อไปนะคะ เราจะมีสลากให้จับสองส่วน ส่วนแรกคือชื่อของใครสักคนบนรถนี้ และส่วนที่สองคือคำสั่ง ถ้าทำภารกิจไม่สำเร็จก็จะโดนทำโทษนะคะ"

   ผมฟังคำอธิบายเพียงให้เข้าใจ หันมาสนใจกับแอพพลิเคชั่นแชตสีเขียวที่ขึ้นแจ้งเตือนว่ามีข้อความใหม่ เนื้อความมาจากแบล็คผู้ซึ่งกลายเป็นบุคคลไร้บ้านในเวลานี้ เดี๋ยวนี้ไปหาที่ห้องถ้าไม่เจอไวท์ก็เจอความว่างเปล่า ไม่รู้ไปขลุกอยู่ที่ไหน

   เขาส่งมาถามว่าผมอยู่ไหน เลยตอบไปสั้นๆ ว่ามารับน้อง คำว่า read ขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีข้อความใดส่งมาต่อ ไม่รู้ว่าคุณพ่อบังเกิดเกล้าเกิดอารมณ์ดีอะไรขึ้นมาเลยถามผมอย่างนี้

   "เล่นมือถือในรถเดี๋ยวก็ยิ่งปวดหัวหรอก"

   ที่หนึ่งนั่งลงตรงที่เดิม เพิ่มเติมคือมีรอยลิปสติกสีแดงสดเป็นรูปหัวใจติดอยู่ตรงข้างแก้มทั้งสองข้าง ไปโดนเกมส์พิลึกๆ อะไรมาล่ะสิ ผมเก็บโทรศัพท์ลงอย่างว่าง่ายเพราะจริงตามที่เขาพูด ขืนผมปวดหัวมากกว่านี้อาจมีการขย้อนของเก่าออกมาไม่ช้าก็เร็ว

   "ตลกรึเปล่า" เขาถามต่อ ชี้ไปตรงรอยแดงที่เด่นชัด

   "ไม่นะ"

   "ชัวร์?"

   ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลบอกผมว่าเขาดูไม่มั่นใจกับสิ่งที่อยู่บนแก้ม ผมไม่เคยเข้าค่ายรับน้องอะไรอย่างนี้มาก่อน ทุกอย่างเลยดูเป็นสิ่งใหม่ที่แปลกตา แต่ให้ผมมีรอยอะไรแบบนี้ผมก็ไม่เอาด้วยหรอก

   "ก็ไม่แย่"

   "ช่วยเช็ดให้ได้ไหม" ผมว่ามันเป็นคำถาม อะไรคือการที่เขายื่นทิชชู่มาด้วย "คนแถวนี้บอกว่าไม่หล่อ"

   ผมบอกแล้วไงว่าที่หนึ่งเปลี่ยนโหมดได้ไวจนน่ากลัว

   ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับซองพลาสติกที่ห่อกระดาษสีขาวไว้ จัดการเช็ดรอยแดงบนแก้มเร็วๆ ผมล่ะไม่เข้าใจกลไกการทำงานของเครื่องสำอาง ทำไมถึงติดแน่นติดทนได้ขนาดนี้ ไม่เคยเข้าใกล้ที่หนึ่งมากขนาดนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย ผิวเนียนกว่าที่คิด ขนตาก็ยาวดี

   "ช่วยมองไปทางอื่นได้ไหม" เล่นจ้องหน้าผมขนาดนี้ จะสะกดจิตให้หลงรึไงกัน ที่หนึ่งหัวเราะในลำคอเบาๆ นัยน์ตายิ้มจนแทบไม่เห็นสีดำ

   "ไม่ได้ครับ"

   "ไม่ทำก็ไม่ช่วยนะ"

   ต้องให้ขู่แบบเด็กวีรเวร ผู้ชายข้างหน้าถึงยอมหลับตาลง จนในที่สุดรูปหัวใจที่อยู่บนแก้มของเขาทั้งสองข้างก็หายไป เหลือเพียงรอยแดงจางๆ เท่านั้น

   ที่หนึ่งยังไม่ยอมลืมตาตอนผมลดมือลงแล้ว ใบหน้าที่มีแต่คนบอกว่าหล่อไร้ที่ติทำให้ผมได้แต่ถามตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ในตอนนี้ รู้ทั้งรู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับตัวเองแต่ทำไมถึงยังยอมทำให้ตามที่ขอ เน็ทเคยบอกว่าผมไม่ใช่คนที่เข้าถึงยาก ผมแค่มีเกณฑ์ในการเลือกคนที่จะเข้ามาในชีวิตอย่างชัดเจนแล้วก็มั่นคง ถ้าผมไม่อยากยุ่งกับใคร ผมก็จะออกห่างอย่างที่เรียกได้ว่าเจอหน้ากันครั้งนั้นครั้งเดียวพอ

   แต่กับผู้ชายชื่อที่หนึ่ง มันดูยากเกินกว่าจะกำหนด ถ้าไม่นับเรื่องความสามารถรอบด้านที่มากจนน่าอิจฉา ที่หนึ่งก็เป็นผู้ชายที่น่าคบหาในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง เขาวางตัวดีจนผมประทับใจ อีกอย่างเขาก็ไม่ใช่คนจำพวกที่ผมอยากหลีกหนี พูดในภาพรวมคือถ้ามีผู้ชายอย่างนี้เข้ามาในชีวิตเพื่อที่จะอยู่ในฐานะ 'เพื่อน' ผมก็พร้อมที่จะให้เขา

   มันยากตรงที่นั่นไม่ใช่ตำแหน่งที่เขาต้องการ ผมตัดเรื่องเพศของเราสองคนออกไปตั้งแต่วันที่เขาประกาศว่าจะจีบผม ความมั่นคงในนัยน์ตาทำให้เชื่อมั่นว่าเขาคิดดีแล้วก่อนที่จะเข้ามาบอกต่อหน้า ที่เหลือมันเลยอยู่ที่ความรู้สึกของผม ว่าจะวางเขาไว้ตรงตำแหน่งไหน

   อาจจะดูแย่ ถ้าผมกำลังจะบอกว่าตอนนี้ไม่ว่ายังไงตำแหน่ง 'ที่หนึ่ง' ที่เขาต้องการผมไม่อาจให้ได้

   "เป็นอะไรครับ ยังปวดหัวอีกเหรอ?" แสนดี เป็นห่วงเป็นใยทุกการเคลื่อนไหว นั่นคือเขา ตั้งแต่ได้รู้จักกับเขาบอกเลยว่าผมยังหาข้อเสียแทบไม่เจอ

   "เปล่า"

   ตัดบท จัดการพาตัวเองเข้าสู่โลกส่วนตัวโดยไม่สนใจว่ามันจะเป็นการแสดงออกที่ดูก้าวร้าวเกินไปรึเปล่า เพราะความคิดหนึ่งของผมก็ยังคงย้ำกับตัวเองเสมอว่าผมควรจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ให้ผู้ชายคนนั้นออกไปจากโลกของผม

   โดยอีกส่วนก็กระซิบคำที่แบล็คเคยพูดไว้ ผมควรจะเดินออกมาได้แล้ว

   เพลงสากลของวงนอกกระแสเล่นวนไปซ้ำๆ หนึ่งในนิสัยพิลึกของผมคือสามารถฟังเพลงเดียวกันซ้ำได้เป็นสัปดาห์โดยไม่เปลี่ยนไปฟังเพลงอื่นเลยแม้แต่น้อย เสียงหัวเราะเคล้ากับเสียงกลองบ่งบอกถึงระดับความสนุกสนานของกิจกรรม เมื่อไหร่จะถึงที่พักนะ ผมอยากลงไปเหยียบพื้นดินจะแย่แล้ว

   "..รม ...พี่โรม...พี่โรมมมม"

   มั่นใจได้ร้อยเปอร์เซนต์ว่าคงไม่มีใครชื่อโรมแบบผมอีกแล้ว เสียงที่ออกผ่านไมค์ไม่ใช่เสียงของเอ็มซีสาว และไม่มีทางลืมเสียงที่น่ารำคาญแบบนี้ได้เป็นอันขาด เสียงน้องสายผมเอง

   "พี่โรมหลับอยู่ครับ"

   ยังไม่ทันที่จะตอบกลับเสียงเรียก ที่หนึ่งก็ลุกขึ้นตอบแทน ใครบอกผมหลับกัน นี่เห็นไหมว่าลืมตาอยู่เนี่ย

   "งือออ พี่ที่หนึ่งปลุกพี่โรมมาช่วยผมหน่อยดิ"

   "ให้พี่เล่นแทนได้ไหม ไม่อยากปลุก"

   เสียงแรกที่ผ่านไมค์ทำให้ได้ยินชัดเจนแม้ผมจะอยู่เกือบหลังสุด ส่วนเสียงที่สองคือการอาสาที่นำมาซึ่งการร้องโห่จนลั่นรถ

   "ได้ค่ะพี่ที่หนึ่งงง น้องเต็มใจให้เปลี่ยนตัววว"

   "มา จะให้พี่ทำอะไร"

   "เมื่อกี้น้องวีจับได้เกมส์แน่นอนอยู่แล้วค่ะ กติกาก็ง่ายๆ ให้ถามแล้วตอบแค่ว่าแน่นอนอยู่แล้ว ใครที่ตอบอย่างอื่นจะโดนทำโทษค่า"

   ถ้าจำไม่ผิดผมเคยเห็นเน็ทเปิดรายการโชว์เกาหลีที่มีเกมส์นี้เล่น มันเหมาะสำหรับคนที่มีปมมากกว่าคนที่ดูพร้อมในทุกทางอย่างสองคนนี้นะ เชื่อเหอะว่าวีมันต้องชนะแหง ไม่มีใครหลงตัวเองได้เกินมันอีกแล้ว

   "พี่ที่หนึ่งคิดว่าผมหน้าตาดี" นั่นไง... เปิดมาก็เรียกเสียงหัวเราะได้อย่างที่คิด

   "แน่นอนอยู่แล้ว แต่วีก็รู้ว่าพี่หน้าตาดีกว่า"

   "ฮึ่ม แน่นอนอยู่แล้ว พี่จะลงคะแนนให้ผมเต็มทุกช่องตอนประกวดดาวเดือน"

   ความกะล่อนของวีมาพร้อมเสียงแซวจากทุกทิศทาง

   "แน่นอนอยู่แล้ว แต่ต้องเป็นการแสดงที่พี่ประทับใจจนลืมไม่ลงนะ วีเมื่อเช้าไม่ได้อาบน้ำมาใช่ไหม"

   "ฮื้อ...แน่นอนอยู่แล้วก็ได้ พี่ครับ คำถามต่อไปห้ามโกรธนะ แต่ผมอยากรู้อะ พี่ที่หนึ่งคิดว่าตัวเองเป็นที่หนึ่งเสมอ"

   ทั้งรถตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนกำลังรอคอยคำตอบที่ค้างคาในใจ ที่หนึ่งเกิดมาเพื่อเป็นที่หนึ่ง นั่นคือสิ่งที่ผมและคนอื่นรับรู้มาตลอด แม้เขาจะไม่เคยอวดอ้างสรรพคุณที่ยาวเป็นหางว่าวของตัวเองเลยก็ตาม

   "...ไม่ล่ะ"

   เสียงเขาที่ผ่านไมค์เต็มไปด้วยรอยร้าว ไม่มีใครสนใจเกมส์แล้วล่ะครับเวลานี้ อย่างเบาะที่อยู่หลังจากผมถึงกับอุทานไม่เป็นภาษาตอนที่เขาตอบออกมาอย่างนั้น "อยากเป็นที่หนึ่งอยู่เรื่องหนึ่ง แต่ยังไม่สำเร็จ"

   "เรื่องอะไรคะพี่?"

   "พี่อยากเป็น 'ที่หนึ่ง' ของคนๆ หนึ่งครับ" เขาเว้นช่วงการพูดไปครู่หนึ่ง "ได้แต่อยาก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เป็นที่หนึ่งสักทีเหมือนกัน"


***
มีต่อนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด