Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 19 Part 1/2 : 14/07/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 19 Part 1/2 : 14/07/59  (อ่าน 33182 ครั้ง)

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขอแจ้งเรื่องการเปลี่ยนชื่อเรื่องนะคะ

จากเรื่อง. กะเทยร้าย....ผู้ชายกวนโอ้ย ขอเปลี่ยนเป็น  Poppy Love The Series....รักใสๆ  ของยัยกะเทยซ่าส์

เนื่องจากเรื่องนี้ คิดว่าจะมีมากกว่า 1 ภาคคะ ดังนั้น ก็เลยอยากจะตั้งชื่อเรื่องในแต่ละภาค ให้สอดคล้องกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาคนั้นๆ  คะ

ฝากติดตามกันด้วยนะคะ  :mew1: :pig4:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-09-2015 04:23:00 โดย Film-mii »

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนที่  8   ศึกชิงนาง   Part 1

   ไอ้เต้มองดูฉันอยู่พักนึง  มันทำหน้าแปลกๆ  มันคงจะแปลกใจที่ฉันสวยขึ้นแน่เลย  อิอิ   ส่วนฉันก็เริ่ดๆ เชิดๆ ใส่มันเต็มที่คะ  ปล่อยให้ชื่นชมความงามที่อยู่ตรงหน้าจนจุใจ  ( มั่นมาก )

   “ เฮ้ย!  นี่มึงไปทำอะไรมาวะ  ไม่เจอแค่แปปเดียว  เปลี่ยนไปขนาดนี้เลยหรอวะ ”   

   “ ก็นิดหน่อย  ไม่ได้ทำอะไรมาก   กำลังเป็นสาว  ความสวยก็ต้องบานสะพรั่งเป็นธรรมดา ”  ฉันนี่พูดแบบมั่นมากแถมยังเชิดใส่มันอีก
 
   “ เหรอ......  เปลี่ยนไปนิดหน่อย  สวยตายหละ 555555 ”  มันหัวเราะเยอะเสียงดัง  ทำให้ฉันชักจะเริ่มอารมณ์เสีย 

   “ พูดนี่ไม่ได้ดูตัวเองเลยนะ  นอกจากจะไม่ได้หล่อแล้ว ยังทำตัวป่าเถื่อน  ชอบใช้กำลัง  จะบอกอะไรให้นะ  ฉันยังหาข้อดีในตัวแกไม่เจอเลยสักอย่าง ”  ฉันด่ามันไปชุดใหญ่  ทำเอาเสียงหัวเราะนั้นหายไป  ตอนนี้มันท่าทางจะโกรธเข้าซะแล้ว  ทำหน้าดุเชียว  แต่ฉันเองแอบสะใจเบาๆ คะ

   “ ปากดีนักนะมึง  ช่างเหอะ  วันนี้กูอารมณ์ดี  กูยกให้มึง 1 วันแล้วกัน ” มันยิ้มแหยะๆ อย่างมีเลศนัย  แต่ฉันนี่สิ  งง  เป็นไก่ตาแตกไปเลยคะ  อะไรกันนะที่มาดลใจให้มันอารมณ์ดีได้ถึงขนาดนี้

   “ ก็ดีแล้ว  เลิกป่าเถื่อนซักวัน  จะได้เป็นผู้เป็นคนกับเค้าขึ้นมาบ้าง ”  ฉันแขวะมันไปอีกทีนึง  แต่มันก็ยังยืนยิ้มอยู่ได้  ไอ้บ้านี่  ท่าทางจะบ้า

   “ เออ ว่าแต่  บ้านอยู่แถวนี้หรอ ”  มันทำหน้าสงสัย 

   “ ถ้าบ้านฉันอยู่แถวนี้  นายคงได้เห็นหน้าฉันทุกวันแล้วหละ  ถามอะไรแปลกๆ ”

   “ บ้าหรอ ฉันบอกรึไง ว่าบ้านฉันอยู่แถวนี้ ”  อืม จริงด้วย นี่ฉันคิดเอง  เออเองนี่หว่า  หน้าแตกเลยคะ อิอิ

   “ เออ  นั่นดิ  แล้วนายมาทำอะไรแถวนี้หละ ”  ฉันอยากรู้เรื่องของมันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย 

   “ วันหยุด ก็เลยมาเล่นกับเพื่อน แล้วเธอหละ มาทำอะไร ” 

   “ ก็....  มาหาเพื่อนเหมือนกัน ”  เอ๊ะ นี่ฉันกับมัน เริ่มคุยกันดีๆ แล้วหรอเนี่ย  เป็นไปได้ยังไง  ฉันว่าไอ้เต้ มันต้องกินยาแล้วลืมเขย่าขวดแน่ๆ เลย  ส่วนฉันเอง ดีมาก็ดีไปจ้ะ 

   “ แล้วอยู่ถึงเย็นป่ะ เย็นนี้ไปกินเหล้าที่บ้านเพื่อนฉันมั้ย  ถ้าไป  เธอต้องเลี้ยงเหล้าพวกเรานะ ”  ว่าแล้วไง ที่มาพูดดีกับฉัน เพราะหวังจะให้ฉันเลี้ยงเหล้านี่เอง  ฝันไปเถอะยะ 

   “ หรอ......  ขอบใจนะที่ชวน  แต่ฉันขอปฏิเสธ  กะเทยอย่างฉัน  ไม่เลี้ยงผู้ชายยะ ”  พูดแล้วฉันก็เชิดใส่มันเบาๆ คะ 

   “ งั้นไม่เป็นไร  ฉันเลี้ยงก็ได้  มาป่ะ ” มันจะชวนฉันไปให้ได้เลยใช่มั้ย  เห็นหน้าฉันเป็นขี้เหล้าขนาดนั้นเลยหรอ ขอโทษจ้ะ เทยไม่ดื่มแอลกอฮอล์ 

   “ ไม่ไป  จบป่ะ ”  ฉันทำท่าทางกวนตรีนมันแล้วก็เดินเชิดออกมา   แต่มันก็ยังเดินตามฉันมา  ฉันรู้สึกได้ถึงแม้จะไม่ได้หันหลังกลับไปมองก็ตาม   แล้วมันก็เดินมาตัดหน้าฉัน  ฉันตกใจมาก   เกือบหยุดฝีก้าวเอาไว้ไม่ทัน  ตอนนี้เรายืนห่างกันไม่มาก 

   “ นี่นาย  ทำอะไร  ฉันเกือบจะเดินชนนายแล้วนะ ”  ฉันเริ่มจะโมโห 

   “ เรายังคุยกันไม่จบ  กล้าดียังไง เดินหนีฉันมาแบบนี้ ” มันทำหน้าดุใส่ฉัน 

   “ ฉันคุยจบแล้ว  แล้วฉันก็ไม่มีอะไรจะคุยกับนายแล้ว หลีกทางให้ฉันด้วย ”  ฉันพูดชัดเจนทุกถ้อยทุกคำ  แต่เหมือนมันจะฟังไม่รู้เรื่อง  ยังยืนจ้องหน้าฉันสีหน้าเอาเรื่อง  ส่วนฉันเองก็ไม่ได้หวาดกลัวมันเหมือนกัน จ้องหน้ามาก็จ้องหน้ากลับไปตามระเบียบคะ 

   “ ฉันขอไปส่งเธอที่บ้านเพื่อนหน่อยได้ไหม ”  มันพูดเสียงแข็ง  ช่างเป็นประโยคขอร้องที่ฟังดูขัดหูจริงๆ   แต่ก็ทำเอาฉันอึ้งไปเลยคะ  นี่มันจะมาไม้ไหน  ฉันชักจะเริ่มกลัวๆ แล้วสิ 

   “ จะไปทำไม  นายก็กลับบ้านเพื่อนไปดิ ”  ฉันพยายามผลักไสไล่ส่งมัน

   “ อยู่บ้านมันไม่ค่อยมีอะไรทำ  ไปกับเธอน่าสนุกกว่า  เผื่อจะมีอะไรทำ  ” มันทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ใส่ฉัน

   “ อยากมาก็ตามใจ  แต่ฉันไม่มีอะไรสนุกๆ  ให้นายทำหรอกนะ ”  ฉันพูดน้ำเสียงไม่พอใจ  แล้วเดินหลบมันออกมา  มันก็เดินตามฉันมาจริงๆ 

   ฉันเดินมาไม่ไกลมากก็มาถึงบ้านอิสายป่าน  ที่หน้าบ้านของนางมีโต๊ะม้าหินอ่อนอยู่  ฉันจึงเดินไปนั่งรอนางอยู่ตรงนั้น  ไอ้เต้ยืนมองดูบ้านอิสายป่านอยู่สักพัก  จึงเดินเข้ามาหาฉัน   ฉันมองมันอย่างไม่สบอารมณ์

   “ อ้าว  ใจคอจะไม่ชวนกันนั่งเลยหรอครับ ”  มันพูดประชดฉัน  คำว่าครับที่ออกจากปากมันทำให้ฉันขนลุกซู่  มันฟังดูแปลกๆ  พิลึกๆ  อย่างกับไม่ใช่ตัวมันเอง

   “ ถึงบ้านเพื่อนฉันแล้ว ก็กลับไปดิ ” ฉันชักจะเริ่มหงุดหงิด  เมื่อไหร่มันจะกลับสักทีนะ

   “ โอ้โห  อุตส่าห์เดินมาส่ง  ขอบใจสักคำก็ไม่มี  แถมยังไล่เรากลับอีก ”  มันทำหน้าเซ็งๆ และส่ายหัวไปมา

   “ ถ้ายังไม่อยากกลับ ก็นั่งก่อนดิ ”

   “ ไม่ดีกว่า  ฉันรู้หรอกว่าเธอรำคาญฉัน  ถ้าอยากให้ฉันกลับมากนัก  ฉันกลับก็ได้ ”  มันพูดเสียงกร่อยๆ  หน้าบิดหน้างอ  ท่าทางน้อยอกน้อยใจ   ฉันก็เอ๋อแด* สิคะ  มันกำลังทำอะไรของมันอยู่ รู้ตัวบ้างมั้ยเนี่ย 

   “ ก็ยังไม่ได้บอกว่ารำคาญสักหน่อย  คิดไปเองทั้งนั้น ” 

   “ ก็อาการเธอมันฟ้อง  ไม่ต้องพูด  ก็รู้สึกได้ ”  ฉันกลืนน้ำลายลงคอไปอึกหนึ่ง ก่อนจะหลบสายตามัน  เหมือนมันจะงอนๆ ฉันนะ  หรือฉันคิดไปเอง  คนอย่างไอ้เต้นี่นะ จะมาสนใจใส่ใจฉันขนาดนี้   หันไปอีกที  ก็เห็นมันเดินกลับแล้ว   

   “ เต้....  ขอบใจนะ ”  มันหยุดเดินแล้วหันกลับมาหาฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน  มันเป็นรอยยิ้มที่ดูจริงใจดี  แล้วมันก็เดินเข้ามาหาฉันอีกครั้ง 

   “ เปลี่ยนจากคำขอบใจ  เป็นอย่างอื่นได้ป่ะ ” มันยังยิ้มไม่หุบ   แต่ฉันนี่สิ เอ๋อแด* อีกแล้วคะ  มันต้องการอะไรจากฉัน  ฉัน งง ไปหมดแล้วคะ 

   “ จะขออะไรก็ขอมา  ถ้าให้ได้ก็จะให้ ”  ถึงฉันจะพูดแบบนั้น  แต่ความจริงแล้ว ฉันก็ไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่หรอก

   “ ไว้เจอกันคราวหน้า  เดี๋ยวจะบอกนะ ” มันพูดเสียงนุ่ม  ตาหวานเยิ้ม  ยิ้มจนแก้มปริ  แล้วเดินจากไป   ฉันมองตามหลังมันอย่างสงสัย  อยากรู้จริงๆ ว่าในใจของมันคิดอะไรอยู่  แต่จะให้เจอกันคราวหน้านี่  ฝันไปเถอะจ้ะ

   ฉันนั่งรออิสายป่านอยู่พักนึง นางก็เดินออกมาจากบ้าน  อินี่ จะแต่งตัวเปรี้ยวเกินไปแล้ว  นางใส่กางเกงขาสั้น  เสื้อรัดรูป  แถมยังใส่เสื้อชั้นในอีก  ทำให้มองเห็นว่ามีหน้าอก แลดูละม้ายคล้ายคลึงชะนีเอามากๆ ถ้าไม่ติดตรงหัวโปก  ก็คงจะดูละมุนนีกว่านี้อยู่หรอก  มันเดินไปขับมอไซต์มารับฉันที่นั่งรออยู่ม้าหินอ่อน  ฉันก็ขึ้นนั่งมอไซต์ในท่านั่งเบี่ยงเช่นเคย  แล้วนางสายป่านก็ขับมอไซต์ไปส่งฉันถึงที่บ้านอย่างปลอดภัย  มันชวนฉันไปเล่นที่บ้านอิกระต่าย  แต่ฉันปฏิเสธเพราะต้องอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ  ดูเป็นเด็กเรียนเอามากๆ เลยหละสิ  แต่จริงๆ แล้วฉันก็ขี้เกียจอยู่เหมือนกันนะ  แต่พอนึกถึงพ่อแม่แล้ว ก็ไม่อยากทำให้ท่านผิดหวัง  เพราะเท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ท่านก็แลดูจะผิดหวังในตัวฉันมากแล้ว  ฉันจึงต้องพยายามตั้งใจเรียน เพื่อชดเชยในส่วนอื่นให้กับพ่อและแม่ของฉัน ให้ท่านได้ภูมิใจในตัวลูกคนนี้บ้าง

   เสาร์ – อาทิตย์  วันหยุดที่ใครหลายๆ คนได้นอนพักผ่อน หรืออกไปเที่ยวเล่น  แต่มันกลับเป็นวันที่ฉันขลุกอยู่แต่กับหนังสือทั้งวัน  แต่ฉันก็ไม่ลืมที่จะกินยาคุมนะจ้ะ  อิอิ  และแล้วเช้าวันจันทร์ก็มาถึง  สัปดาห์นี้  เป็นสัปดาห์ของการสอบ midterm  ของภาคเรียนที่  1  วิชาแรกที่สอบ ก็คือวิชาคณิตศาสตร์  ฉันจำมันได้ดีเลยแหละ  เพราะมันเป็นวิชาที่ง่ายมากสำหรับฉัน  และฉันก็ทำมันเสร็จอย่างรวดเร็ว  ต้องได้คะแนนเต็มแน่ๆ เลย   วันแล้ววันเล่า  การสอบก็ยังดำเนินต่อไป  จนกระทั่งถึงวิชาสุดท้าย  ซึ่งก็คือวิชาภาษาไทย   จะว่าง่ายก็ง่ายนะ  แต่จะว่ายากก็ยาก  ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ   และแล้วการสอบ midterm  ของฉันก็สิ้นสุดลง  ฉันออกจากห้องสอบเป็นคนเกือบท้ายๆ  เพราะมัวแต่ตรวจทานข้อสอบอีกรอบก่อนส่งกระดาษคำตอบ  พอมั่นใจแล้วก็ลุกเดินออกจากห้องสอบ  ฉันเดินลงมาจนถึงชั้นล่างของอาคารเรียน  ไม่นึกเลยว่าจะมีคนรอฉันอยู่

   “ ฟิล์ม....... ”  เสียงไอ้โต๊ดเรียกฉันดังมาจากทางด้านหลัง  ฉันจึงหันกลับมาหามัน 

   “ อ้าวโต๊ด  นึกว่ากลับบ้านแล้ว ” ฉันพูดคุยกับมันตามปกติ

   “ ยังหรอก ว่าแต่ฟิล์มเถอะ สอบเป็นไงบ้าง ” 

   “ ก็ดีนะ  พอทำได้บ้าง  แล้วโต๊ดหละ ”

   “ ก็ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง  ฟิล์มอย่าไปสนใจเลย  ว่าแต่  เย็นนี้ไปเดินตลาดไนท์ด้วยกันมั้ย  ”  มันทำท่าทางกล้าๆ กลัวๆ อย่างกับฉันเป็นนางยักษ์นางมารงั้นแหละ 

   “ ตลาดไนท์หรอ  อืม.......  ก็ดีนะ  เดี๋ยวชวนอิสายป่านกับอิกระต่ายไปด้วย ” ฉันทำท่าคิดอยู่พักนึง  ก่อนจะตอบตกลง  และขอชวนเพื่อนๆ ไปด้วย  ไอ้โต้ดเริ่มหน้าบูดหน้าบึ้ง   สงสัยฉันจะพูดอะไรผิดคอมันซะแล้ว

   “ ฟิล์มไปกับเราแค่สองคนไม่ได้หรอ ”  อ๋อ... ฉันเริ่มเข้าใจแล้ว  ว่าทำไมมันถึงทำหน้าทำตาแบบนี้

   “ เอ่อ......  ไปสองคนก็ได้  แต่กลับค่ำไม่ได้นะ  แล้วเจอกันที่ทางเข้าตลาดไนท์  ห้าโมงเย็น  ” ฉันทำท่าคิดอยู่พักนึง  แล้วก็ตอบตกลงมันไปอีกตามเดิม  มันนี้ยิ้มจนเห็นฟันทุกซี่เลยคะ  แล้วฉันก็ยิ้มเบาๆ ให้มันเช่นกัน 

   เราสองคนเดินไปที่โรงจอดรถด้วยกัน  พอถึงที่นั่นก็โบกไม้โบกมือล่ำลากัน  ฉันขับรถมอไซต์มาถึงบ้าน  หิวข้าวมาก  เดินไปเปิดตู้กับข้าว เห็นอาหารที่แม่เตรียมไว้ให้ ก็จัดการสิคะ จะรออะไรหละ  ช่วงนี้กินยาคุม ก็เลยรู้สึกหิวข้าวบ่อยไปนิดนึง  จากนั้นฉันก็เปลี่ยนเสื้อผ้า  เป็นกางเกงยีนส์ขายาวทรงกระบอก  และเสื้อยืดสีขาวธรรมดาๆ  พอแต่งตัวเสร็จแล้วฉันก็ขับมอไซต์ไปตลาดไนท์  พอมาถึงก็หาที่จอดรถ  แล้วเดินไปที่ทางเข้าตลาด  เห็นไอ้โต๊ดยืนรออยู่แล้ว  มันแต่งตัวเท่ห์มาก  บวกกับใบหน้าหล่อๆ และผิวขาวๆ ของมันแล้ว  ทำให้มันดูเปล่งประกาย  มีออร่ามาก  จนฉันนี่แทบไม่อยากจะเดินกับมันเลย  เพราะเราสองคนดูต่างกันมาก   

......................................................................

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
ค้างอะ  มายาวๆ หน่อยสิ อิอิ ลงวันละ 2 ตอนก็ดีนะ

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เดี๋ยวมาต่อให้ได้อ่านกันแน่นอนจ้ะ ใจร่มๆ นะคะ  :z2: :katai3:

ออฟไลน์ คนอ่าน

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-13
เราชอบเต้โดยไม่มีสาเหตุอ่า555

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เราชอบเต้โดยไม่มีสาเหตุอ่า555

ชอบนายเต้ ระวังจะอกหักนะจ้ะ

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
รอๆๆๆๆ มะไหร่จะมานะ ตกลงเตี นิสัยไม่ดีหรอ รอตอนตอปาย ขอยาวยาววววววว

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ตอนที่  8   ศึกชิงนาง   Part 2

   “ โห......  ฟิล์ม  มาช้าจัง  เรายืนรอตั้งนานแล้วนะ ”  ไอ้โต๊ดบ่นให้ฉัน  แต่สีหน้ามันกลับตรงข้ามกับคำพูดของตัวเอง เพราะตอนนี้มันกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่  ดูไม่เหมือนคนอารมณ์เสียเลย

   “ โทษที  ช่วยแม่ทำงานบ้านนิดหน่อย ก็เลยมาช้า ”  ฉันเอาแม่มาอ้างอีกแล้ว  จะบาปมั้ยหละหนิ  ที่จริงแล้วมัวแต่นั่งกินข้าวอยู่  กินไปดูทีวีไป  เพลินดี สุดท้ายมาสายจนได้  หุหุ 

   “ ไปกันเถอะ ”  ฉันพยัคหน้าเบาๆ  แล้วเราสองคนก็เดินเข้าไปในตลาดกัน

   ในขณะที่เรากำลังเดินตลาดกัน  สายตาหลายคู่ต่างจ้องมองมาที่เราทั้งสองคน  คำนินทาก็แว่วมาเข้าหูฉัน  ฉันได้ยินมันชัดเจน  สายตาจิกกัดเหล่านั้นมองมาที่ฉันไม่หยุดหย่อน  ท่าทางของพวกเขายิ่งแสดงออกถึงความเกลียด  ความหมั่นไส้  ในตัวฉันมากขึ้น  ฉันรู้สึกและสัมผัสได้     ฉันพยายามไม่รับรู้และไม่เก็บมาคิดใส่ใจ  แต่ก็ทำไม่ได้  การเดินตลาดในวันนี้มันช่างอึดอัด  และไม่มีความสุขเอาซะเลย 

   “ ฟิล์ม  ฟิล์มโอเคป่ะ ”  ไอ้โต๊ดหันมาถามฉันที่ยืนอยู่ข้างๆ   มันเองก็คงจะรู้ว่าฉันกำลังโดนนินทาจากนักเรียนมัธยมที่มาเดินตลาด  ซึ่งส่วนมากก็จะมีแต่ชะนีกับกะเทยที่นินทาฉันออกนอกหน้านอกตา 

   “ ไม่ค่อยโอเคเลยหวะ ”  ฉันหันหน้าไปตอบมัน  สีหน้าไม่ค่อยสดชื่น เพราะกำลังหดหู่อย่างแรง

   “ ถ้าฟิล์มไม่สบายใจ  กลับบ้านเลยดีมั้ย  เดี๋ยวเราไปส่ง ” คำพูดของไอ้โต๊ด  ทำให้ฉันรู้สึกว่ามันก็แคร์ความรู้สึกของฉันอยู่เหมือนกัน

   “ แล้วได้ของที่อยากซื้อแล้วหรอ ” ไหนๆ ก็มาแล้ว ฉันไม่อยากให้มันมาเสียเที่ยว  ก็เลยถามออกไปอย่างนั้น 

   “ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้ออะไรเป็นพิเศษหรอก แค่อยากชวนฟิล์มมาเดินตลาดด้วยกัน ”  มันพูดแล้วส่งยิ้มมาให้ฉัน  ฉันก็เขินสิคะ  ทำอะไรไม่ถูก   ได้แต่หันหน้าหนีหลบหน้ามันแล้วบิดตัวไปมาเล็กน้อย 

   “ ฟิล์ม.....  เป็นไรอะ ”  ฉันหลุดออกจากภวังค์ของอาการเขินอาย  รวบรวมสติ  แล้วหันกลับมามองหน้ามันอีกครั้ง  มันยังยิ้มไม่หุบเลยอะ  ฉันได้แต่พยายามทำตัวให้นิ่งไว้

   “ ไหนๆ ก็มาแล้ว  เดินต่อเถอะ ครบ 1 รอบแล้วค่อยกลับ ”  ไอ้โต๊ดยักคิ้วหนึ่งที  แล้วเราสองคนก็เดินตลาดกันต่อจนครบ 1 รอบ  สุดท้ายแล้วเราก็ไม่ได้อะไรกันเลย  นอกจากอาการปวดขา  ตลาดใหหญ่มาก  คือเดินจนปวดขาอะ  5555

   เป็นเวลาเย็นมากแล้ว  เวลาก็น่าจะราวๆ 6 โมงเย็นได้  ฉันขี่มอไซต์คู่ใจมาถึงบ้าน  แล้วเดินเข้าไปในบ้าน  เห็นแม่กำลังทำอาหารอยู่ ฉันจึงเข้าไปช่วย  เย็นนี้เราสองแม่ลูกทำกับข้าวช่วยกันจนเสร็จ  และก็เป็นอีกวันที่เราได้นั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน 4 คน พ่อ แม่ ลูก  มันเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นและมีความสุขมาก  พ่อกับแม่เองก็ไม่ลืมถามเรื่องการสอบของฉัน  ฉันก็ตอบท่านออกไปอย่างภาคภูมิใจว่าฉันทำข้อสอบได้ทุกวิชา   ซึ่งฉันไม่เคยลืมเลย  ว่าฉันจะต้องทำให้ท่านภูมิใจในตัวฉันให้ได้

   ก๊อกๆ  ก๊อกๆ  เสียงเคาะประตูห้อง  ฉันที่กำลังนอนอ่านหนังสือเรียนอยู่บนที่นอน  จึงพับเก็บหนังสือ  และเดินมาเปิดประตู  เห็นไอ้น้องชายตัวแสบยื่นโทรศัพท์มือถือของพ่อมาให้  มันบอกว่าอิสายป่านโทรมา  ฉันรับโทรศัพท์มาแล้วดูเบอร์โทรบนหน้าจอมือถือ  เบอร์อิสายป่านจริงๆ ด้วยสิ 

   “ ฮัลโหล  ว่าไงมึง ” ฉันพูดอย่างเป็นกันเอง

   “ อิฟิล์ม  เอ่อ..... คือ........  โชคอยากคุยกับมึงอะ  มึงจะคุยกับเขามั้ย ”  เสียงจากปลายทางฟังดูอ่อยๆ  และแผ่วเบาจนฉันเกือบจะไม่ได้ยิน  แต่พอรู้ว่าไอ้โชคจะขอพูดสายด้วย ฉันก็เงียบ หยุดคิดอยู่พักนึง  ก่อนจะตอบอิสายป่านออกไป

   “ มันอยู่กับมึงหรอ ”

   “ อืม  พอสอบเสร็จ มันก็มาชวนกูกินเบียร์  ตอนแรกกูก็ปฏิเสธมันนะ แต่พอมันบอกว่าจะเลี้ยงเท่านั้นแหละ  กูปฏิเสธไม่ลง ”  อิสายป่านตอบฉันแบบกล้าๆ กลัวๆ  เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น  ฉันเล่าให้อิสายป่านฟังหมด มันรู้ดีว่าฉันเกลียดไอ้โชค  แต่มันก็ยังทำแบบนี้  เพื่อนนะเพื่อน  เฮ้อ......

   “ มันอยากคุยกับกูจนต้องติดสนบนมึงเลยหรอวะ  ถ้ามันอยากคุยกับกูจริงๆ  ฝากบอกมันด้วย  ว่าให้มาคุยต่อหน้ากู  ไม่ใช่คุยทางโทรศัพท์แบบนี้  กูไม่ชอบ ”  ฉันอารมณ์เสียใส่อิเพื่อนสาวทรยศ 

   ตู๊ด...........................  ตู๊ด..................................  ฉันวางสายทันที ไม่รอให้มันได้พูดอะไรอีก 

   วันเสาร์ – อาทิตย์ หลังสอบ  ช่างเป้นวันหยุดที่มีความสุขมากๆ เลยสำหรับฉัน  เพราะฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการดูทีวี  และลเนเกมส์ตลับกับน้องชาย  แต่ฉันก็ไม่ลืมอ่านหนังสือ  ทบทวนบทเรียนนะจ้ะ   และแล้ววันเวลาแห่งการพักผ่อนก็ผ่านไป   

   เช้าวันจันทร์ที่แสนจะน่าเบื่อก็มาถึง   แต่ทำไมกันนะ วันนี้ฉันถึงดูตื่นเต้นมากขนาดนี้  ก็เพราะว่าวันนี้คุณครูที่ปรึกษาจะประกาศผลสอบที่พวกเราสอบไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วยังไงหละ  ตื่นเต้นจังเลย  จะได้คะแนนเท่าไหร่นะ  ผลปรากฏว่า ฉันทำคะแนนสอบได้ TOP  ในบางวิชา  ส่วนวิชาอื่นๆ ที่ไม่ได้ TOP  แต่ฉันก็ได้คะแนนสูงอยู่เหมือนกัน  เอาเป็นว่าฉันพอใจในผลสอบครั้งนี้   

   เวลาพักเที่ยงมาถึง  อิสายป่านก็เดินมาหาพวกเรา 3 คนที่ห้อง  ถ้าวันไหนพวกเราพักก่อน พวกเราก็จะเดินไปหานางที่ห้อง แต่วันนี้นางคงได้พักก่อนพวกเรา  ถึงได้ย่างกายเข้ามาหาพวกเรา   ในขณะที่เรายังเก็บอุปกรณ์การเรียนใส่กระเป๋ายังไม่เสร็จ  มันก็มาเร่งเอาๆ  น่าตบชะมัดเลยอิเพื่อนคนนี้  เสร็จแล้วพวกเราก็สะพายกระเป๋ากันลงไปกินข้าวที่โรงอาหาร  กินเสร็จก็นั่งเม้าท์มอยกันไปตามระเบียบ  อยู่ๆ พวกมันก็เกิดอาการปวดฉี่พร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย  ทิ้งให้ฉันต้องนั่งเฝ้าสมบัติของพวกมันอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนโต๊ะประจำเพียงคนเดียว   ฉันก็เอาหนังสือเรียนมาเปิดอ่านรอพวกมันสิคะ จะได้ไม่นั่งเสียเวลา  แลดูมีสาระ  อิอิ

   “ ขอนั่งด้วยคนได้เปล่า ”  ฉันเงยหน้าขึ้นจากหนังสือไปมองดูเจ้าของเสียงนั่น  เสียงนี้คุ้นหูฉันดี และมันจะเป็นใครไปไม่ได้เลย  ไอ้โชคนั่นเอง   มันยืนทำหน้าเศร้าอยู่ตรงหน้าฉัน 

   “ นั่งสิ ”  แล้วมันก็นั่งลงตรงม้าหินอ่อนข้างหน้าฉัน 

   “ เราอยากมาขอโทษฟิล์มเรื่องวันนั้น เราขอโทษที่ทำแบบนั้นกับฟิล์ม  ยกโทษให้กันได้มั้ย ”  ฉันกระดกน้ำลายลงคอไปอึกนึง  มองเห็นผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า  มันดูน่าสงสารมาก 

   “ แล้วฟิล์มจะมั่นใจได้ยังไง ว่าโชคจะไม่ทำอย่างนั้นอีก ”  ฉันต้องการหลักประกันที่แน่นอน มากกว่าคำพูดที่ออกจากปากผู้ชายคนนี้ คนที่ฉันเคยไว้ใจ 

   “ เย็นนี้ป้าชวนฟิลืมไปทานข้าวที่บ้าน  โชคจะขอสัญญาต่อหน้าป้า  ว่าโชคจะไม่ล่วงเกินฟิล์มอีก  โชคทำได้ดีที่สุดแค่นี้ ”  มันพูดสีหน้าจริงจัง 

   “ แค่นี้ ?? ”  ฉันถามย้ำอีกครั้ง

   “ แค่นี้พอมั้ย  พอที่จะทำให้เราสองคนกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ”  ฉันเงียบและหยุดคิดอยู่พักนึง  แต่ฉันก็ไม่ได้ละสายตาไปจากผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าฉันเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว  มันเองก็จ้องมองฉันอย่างไม่ละสายตาเช่นกัน   ในที่สุดฉันก็ได้คำตอบ   ฉันเปรยยิ้มเล็กๆ  ออกไปก่อนจะให้คำตอบมัน 

   “ ได้สิ  เพื่อน ”  มันยิ้มดีใจกับคำตอบที่ได้รับ  ฉันเองก็ยิ้มต้อนรับมิตรภาพครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งเช่นกัน   

   “ ขอบใจนะ  โชคสัญญา  ว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีของฟิล์ม  ” รอยยิ้มที่สดใสแบบนี้  ฉันดีใจจริงๆ ที่ได้เห็นมันอีกครั้ง 

   และแล้วความน่ารักสดใสของไอ้โชคก็กลับมา  ฉันรู้สึกโล่งมาก เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก  เย็นนี้ฉันบอกแม่ว่าจะไปเล่นบ้านอิสายป่าน  แต่จริงๆ แล้วไปบ้านไอ้โชคนั่นเอง   โกหกแม่อีกแล้ว  เมื่อไหร่จะเลิกซักทีนะนิสัยแย่ๆ แบบนี้  พอไปถึงบ้านก็เจอน้องสาวของมันและป้าเบซี่ พวกเรานั่งทานอาหารด้วยกัน กับข้าววันนี้เป็นฝีมือป้าเบซี่ล้วนๆ และยังคงอร่อยเหมือนเดิม  ฉันนี่หิวมาจากไหนไม่รู้  กินไป 2 จานเบาๆ คะ  น้องสาวของไอ้โชคอาบน้ำขึ้นห้องไปเรียบร้อย   เราเริ่มคุยกันเรื่องนั้น  ดูเหมือนป้าเบซี่จะตกใจเล็กน้อย  แต่แกก็ไม่ได้ดุด่าอะไรเราทั้ง 2 คน  แต่กลับสอนให้เราสองคนใส่ใจกับการเรียนและถ้าจะมีความรักก็ให้อยู่ในกรอบ  ห้ามทำอะไรเกินเลย  มีความรักเพื่อเป็นกำลังใจให้กัน  ห้ามมีความรักเพื่อเป็นที่ระบายความใคร่ของกันและกัน  สำหรับเด็กในวัยเรียนอย่างพวกเรา  คำสอนนี้ถือว่าดีมากๆ เลยแหละ  หลังจากที่ป้าเบซี่สอนอะไรๆ หลายๆ อย่างพวกเราแล้ว  ไอ้โชคก็ให้คำสัญญากับฉันต่อหน้าป้าเบซี่ตามที่ตกลงกันเอาไว้  คำสัญญาในครั้งนี้ฉันถือว่ามีป้าเบซี่เป็นหลักประกัน  เพราะไอ้โชคมันเคารพป้าแกมาก  คราวนี้ถ้ามันจะทำอะไรไม่ดีๆ กับฉัน มันคงจะได้นึกถึงคำสัญญานี้ ที่เคยพูดต่อหน้าป้าเบซี่  มันจะได้ให้เกียรติฉันอยู่เสมอ

   เรากลับมาสนิทกันเหมือนเดิม  หลังเลิกเรียนฉันก็จะใช้เวลาซ้อมตะกร้อกับไอ้โชคประมาณครึ่งชั่วโมง  และไปติวหนังสือให้มันที่บ้าน  โดยจะต้องมีป้าเบซี่หรือน้องสาวของมันอยู่ด้วยทุกครั้ง   เพราะฉันจะไม่ยอมอยู่ในบ้านกับมันสองต่อสองเป็นอันขาด  บางวันไอ้โต๊ดก็ชวนฉันไปซ้อมตะกร้อที่สนามกีฬาอำเภอ  ฉันก็ต้องปลีกตัวไปกับไอ้โชคบ้าง  กับไอ้โต๊ดบ้าง  เฮ้อ.... คนสวยเพลีย  หรา........

   “ อิฟิล์ม  มึงพร้อมรึ่ยังคะ ”  เสียงอิสายป่านที่ดังมาจากปลายสายถามฉัน 

   “ พร้อมแล้วเนี่ย  รอนานแล้วด้วย  เมื่อไหร่พวกมึงจะมาหละคะ ”  ฉันเหน็บอิเพื่อนสาวไปทีนึง บอกให้ฉันแต่งตัวรอตั้งนานแล้ว แต่ตัวเองยังไม่โผล่หน้ามาสักที  ฉันชักจะเริ่มเซ็งพวกมันแล้ว

   “ เออๆ  อยู่บ้านอิกระต่ายหนิ  เดี๋ยวไปรับ  แค่นี้นะ ” มันเหวี่ยงฉัน  ตัวเองเป็นคนผิดนัดยังจะมาเหวี่ยงฉันอีก ฉันหละป่วยจิตจริงๆ เลย   

   เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง  ฉันนั่งรอมันอยู่ที่หน้าบ้าน  ลืมบอกไป  วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน พวกเราเลยนัดกันออกไปกินหมูกระทะบุฟเฟ่ที่อำเภอข้างเคียง  เพราะร้านนี้เห็นบอกว่าใหญ่มาก ของกินเยอะมาก และเติมของตลอด โดยเฉพาะกุ้งกับปลาหมึก ของโปรดคะ  พวกเราจึงดั้นด้นไปกินให้ได้   ในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดลง  อิเพื่อนสาวสองนางหยุดรถที่หน้าบ้านของฉัน ภาพที่ฉันเห็นคือ พวกนางแรดมากคะ  แต่งตัวได้เปรี้ยวมากๆ  กางเกงขาสั้นนี่ก็สั้นสุดๆ  กับเสื้อยืดสีขาวบางรัดรูป มองทะลุเห็นสายเสื้อชั้นใน  แหม๋  มันคงหวังจะไปอ่อยผู้ชายแถวนั้นเต็มที่เลยหละสิ  ส่วนฉันหนะหรอ ก็กางเกงยีนส์ขายาวทรงกระบอกตัวเดิม  กับเสื้อยืดสีเหลืองตัวโปรด  ดูไม่เข้ากับพวกมันเลยคะ  ฉันขับมอไซต์ของฉันไปเอง ส่วนอิกระต่ายก็นั่งซ้อนท้ายอิสายป่านเช่นเคย 

   พวกเราขับมอไซต์ไปรับแม่นางมายต่อ  บ้านของนางอยู่ไม่ไกลจากบ้านฉันมากนัก   พอครบ 4 นางแล้ว  พวกเราก็ขับมอไซต์ไปอีกประมาณ  20  กิโลเมตร  เพื่อมากินหมูกระทะที่อำเภอข้างเคียง  พอมาถึงร้าน ภาพแรกที่เห็นคือ  รถจอดเต็มหน้าร้าน ทั้งรถยนต์ รถมอไซต์  เยอะแยะเต็มไปหมด  พวกเราเดินเข้าไปในร้าน  ร้านใหญ่โตมากจริงๆ  มีพนักงานออกมาต้อนรับและพาเราไปนั่งโต๊ะที่ว่าง  จากนั้นพวกเราก็ลุกไปหยิบสารพัดอาหารที่จะช่วยดับความหิวกระหายของพวกเราได้  ได้ของกินมาเต็มโต๊ะเลยคะ  ส่วนฉันก็เน้นกุ้งกับปลาหมึก   เอามาเยอะเป็นพิเศษ  พอได้วัตถุดิบมาจนครบแล้วเราก็เริ่มย่างเนื้อ กินข้าวผัด กินยำ กินอะไรหลายๆ อย่าง และนั่งเม้าท์มอยกันอย่างสนุกสนาน 

...........................................................................


ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ตอนที่  8   ศึกชิงนาง   Part 2  ( ต่อ )

        “ หวัดดีครับ  ผมมาช้าเกินไปมั้ย ” ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกคะ  ไอ้โชคนั่นเอง   ฉันเป็นคนชวนมันเองคะ   

   “ มาสายนะคะโชค  อย่างนี้ต้องลงโทษ ”  โทนเสียงสูงน่าหนวกหูของอิกระต่ายดังขึ้นก่อนเพื่อนเลยคะ

   “ ลงโทษยังไงอะ ”  แน่ะ  ไอ้โชคก็ตามน้ำซะงั้น

   “ คืนนี้โชคต้องไปส่งเราที่บ้านนะ  โอเคมั้ย ”  ไม่ค่อยสำรวมกิริยามารยาทเลยนะจ้ะเพื่อนสาว  ทำท่าสะดีดสะดิ้งซะขนาดนี้  เข้ากับชุดแรดๆ ของหร่อนจริงๆ คะอิกระต่าย

   “ ได้อยู่แล้ว  ยังไงเราก็ต้องไปส่งฟิล์มอยู่ดี ” นั่นสินะ  สรุปว่าอิกระต่ายหน้าแตก  เพล้ง!  5555555  พวกเราพากันหัวเราะนาง  นางก็งอนๆ ไปตามระเบียบ 

   “ นั่งสิโชค  นั่งข้างๆ  ยายฟิล์มนี่แหละ ”  เสียงใสๆ ของแม่นางมายเชิญไอ้โชคมานั่งข้างฉัน 

   ไอ้โชคเดินมานั่งเก้าอี้ข้างฉัน  แต่ก้นไม่ทันจะถึงพื้นเก้าอี้ ก็ต้องหยุดชะงัก 

   “ ได้ไงวะ ”  ไอ้โต๊ดพูดเสียงดังพอควร   จนคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่บริเวณนั้นหันขวับมาดูกันเลยทีเดียว   

   ไอ้โชคที่กำลังนั่งลงและหยุดชะงัก  ก้นยังไม่แตะเก้าอี้เลย   แต่กลับต้องยืนขึ้นเต็มตัว 

   “ มึงมีปัญหาอะไรวะไอ้โต๊ด ”  ไอ้โชคถามเสียงเข้ม 

   “ กูว่ามึงมานั่งกับกูดีกว่า  ให้ฟิล์มนั่งทางนั้นกับมาย ” เป็นข้อเสนอที่ดี  ฉันเห็นด้วยคะ  ไอ้โชคไม่พูดอะไร   ผู้ชายสองคนต่างจ้องมองหน้ากันตาเขม็ง  เอิ่ม.... มันจะต่อยกันป่ะเนี่ย  ไปเถอะนะโชคจ๋า  วันนี้วันเกิดฟิล์มนะ  อย่าให้มีเรื่องไม่ดีอะไรเกิดขึ้นเลยนะจ้ะ  ฉันได้แต่ภาวนาในใจ  แล้วไอ้โชคก็เดินอ้อมไปนั่งกับไอ้โต๊ด   ฮื้ดดดดด  ฉันถอนหายใจไปฟืดนึง  เกือบแล้วๆ 

   เราขอเตาเพิ่มอีก 1 เตา  ฉันกับมายนั่งทางเดียวกัน  ส่วน 4 คนนั้นก็นั่งทางเดียวกัน  ฉันนั่งกินเตาเดียวกับไอ้โต๊ดและไอ้โชค  ส่วนเพื่อนสาวอีก 3 คนของฉันก็นั่งกินเตาเดียวกัน  แล้วฉันก็หนีไม่พ้นสายตาจิกกัดของอิสายป่านและอิกระต่าย  พวกมันใช้ทั้งสายตาและคำพูดจิกกันฉันอยู่เรื่อยๆ  ฉันก็ตอบโต้บ้าง  แต่ก็แพ้พวกมันสองคนอยู่ดี เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียว  เรื่องจิกกัดเพื่อนหนิ  ฉันหละปวดหัวกับพวกมันจริงๆ  ฉันทนไม่ไหวก็เลยลุกไปตักอาหารคนเดียว  ตอนแรกไอ้โชคกับไอ้โต๊ดจอขอตามมาถือของให้  แต่ฉันกลัวมันตีกันซะก่อน  ก็เลยตัดบทด้วยการปฏิเสธไปทั้งสองคนนั้นแหละ แล้วก็ชิ่งมาคนเดียวซะเลยหนิ  โล่งหัวสมองดี  ไม่มีเสียงของอิพวกนั้นสองคนแล้ว  รู้สึกสมองโล่งๆๆ 

   ฉันเดินเลือกอาหารเพลินเลยทีเดียว ก็ของกินมันเยอะมากอะ  จะกินอะไรดีเลือกไม่ถูก  ก็หยิบไปอย่างละชิ้นสองชิ้น กะจะชิมให้หมดทั้งร้านเลย  แต่ที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ กุ้งกับปลาหมึกคะ ชอบจริงๆ   

   “ ไอ้ฟิล์ม ”  กรี๊ดดดดด  ไอ้บ้าที่ไหน  มาเรียกชื่อฉันแบบนี้  ฉันถึงกับหันขวับไปมองหน้ามันอย่างเร็ว  เห็นมันยืนอยู่ตรงหน้า   ฉันตกใจตาลุกโต  จะเป็นใครไปไม่ได้  มันคือไอ้เต้   มาครั้งนี้มันมาแบบป่าเถื่อนอีกแล้ว

   “ เฮ้ย  มึงเป็นไรวะ เห็นหน้ากูอย่างกับเห็นผี ดูทำหน้าทำตาเข้า ”  คำทักทายของมันทำให้ฉันได้สติสตังค์กลับคืนมา  ฉันเริ่มฉุนขึ้นมาทันที  ที่ได้ยินคำพูดที่ไม่ไพเราะเสนาะหูแบบนี้   

   “ ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ”  ฉันพูดกระแทกแดกดันใส่มัน แล้วยิ้มเยาะใส่ อารมณ์แบบว่าอยากยั่วโมโหมัน 

   “ เหรอออ.....  หล่อ เท่ห์ ขนาดนี้  จะเป็นผีได้ไงวะ นี่มึงใช้ตาดูหรือใช้อย่างอื่นดู ”  แอร๊ยยยยย  นอกจากจะยั่วโมโหมันไม่สำเร็จแล้ว  ฉันยังโดนมันด่าอีก  เริ่มจะมีน้ำโหแล้วนะ 

   “ หล่อตายแหละ  ที่บ้านมีกระจกรึป่าว  ส่องบ้างอะไรบ้าง  เผื่อจะได้เห็นความจริง ” ฉันเอาบ้าง เรื่องอะไรจะปล่อยให้มันเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว 

   “ มีครับ  ส่องทุกวัน แล้วก็หล่อทุกวันที่ส่องด้วย  55555  ”  มันกำลังหัวเราะเยาะฉันอย่างสนุก   ส่วนฉันก็ได้แต่ยืนกำหมัดแน่น  และส่งสายตาพิฆาตไปให้มัน   แต่ดูเหมือนมันจะหัวเราะหนักเข้าไปใหญ่ หัวเราะไม่หยุดสักที มันคงคิดว่ามันชนะฉัน ที่ทำให้ฉันโกรธจนเลือดขึ้นหน้าได้ขนาดนี้ 

   ฉันทนไม่ไหว  ก่อนจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง  เพราะถ้าฉันควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ขึ้นมาหละก็  ฉันก็จะ  ก็จะกรี๊ดดดดดด  เสียงดังลั่นเลยหนะสิ  ฉันจะทำแบบนั้นไม่ได้คะ อายคนอื่น  ฉันจึงตัดสินในเดินหนีมัน 

   “ เฮ้ย! ไปไหนวะ ยังคุยกันไม่จบเลย  จะรีบไปไหนวะ ”  มันเรียกฉันเสียงดุ   ฉันหยุดฝีก้าว   หันกลับมาหามัน  แล้วเดินเข้าไปหามันอีกครั้ง 

   “ จะคุยอะไรอีก  ฉันไม่มีอะไรจะทะเลาะกับแกแล้ว ไร้สาระ ” ฉันพูดเสียงแข็งใส่มันคืน 

   “ โอเค  ไม่ทะเลาะก็ได้  แล้วนี่มาทำอะไร ”  มันเริ่มพูดจาน้ำเสียงเป็นปกติ 

   “ ถามไรแปลกๆ ก็มากินหมูกระทะไง ”  ฉันนี่สิ  ยังยียวนกวนประสาทมันไม่เลิก ก็มันหน้าหมั่นไส้นี่นา 

   “ โด่ว  ไอ้เราก็อุตส่าห์พูดด้วยดีๆ แล้วนะ ทำไมไม่พูดดีๆ  กับผมบ้างหละคร้าบบบ  ”  หยีๆๆๆ  ได้ยินคำว่าครับออกจากปากมันแล้วรู้สึกสะอิกสะเอือนบอกไม่ถูก 

   “ คะ แล้วคุณเต้ มาทำอะไรแถวนี้  ห้ามบอกว่ามากินหมูกระทะนะคะ ”  ฉันพูดประชดมันคืนบ้าง  พูดประชดแบบเพราะๆ สตอเบอแหลแบบนี้ฉันก็พูดเป็นนะจ้ะ

   “ ก็บ้านผมอยู่แถวนี้  ว่างๆ ผมก็มากินร้านนี้ประจำหละครับ  เพิ่งเคยมาอะดิ ถึงไม่เคยเห็น ”  มันยังเล่นไม่เลิกคะ 

   “ คะ เพิ่งเคยมา  แล้วก็เพิ่งรู้ด้วยว่าบ้านของคุณเต้อยู่แถวนี้  วันหลังจะได้ไม่มาอีก ”  มันไม่เลิก ฉันก็ไม่เลิกเหมือนกัน 

   “ ว่าแต่  มากินหมูกระทะวันนี้หนิ  ต้องมีโอกาสพิเศษอะไรแน่ๆ เลย ผมเดาถูกรึป่าวคับ ”  แหม๋  รู้ดีจังเลยนะจ้ะ  แสนรู้  แสนรู้   5555555 

   “ ถูกต้องแล้วคะ ”  ฉันทำเป็นยิ้มให้มัน 

   “ เนื่องในโอกาสอะไรหรอครับ  พอจะบอกผมได้มั้ย ” มันก็ทำเป็นยิ้มให้ฉันเหมือนกันคะ  หน้าตามันยียวนกวนประสาทมากๆ เลย  หน้ากวนตรี*  ชักจะเริ่มฉุนแล้วนะ 

   “ งานวันเกิดฉันเอง ”  ทนไม่ไหวจนได้  ฉันเริ่มพูดจามะนาวไม่มีน้ำเข้าซะแล้ว 

   “ อ้าว  หรอ  สุขสันต์วันเกิดนะ ”  มันทำท่าทางตกใจ  แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน  ก็ยังดี อย่างน้อยๆ  คำว่าสุขสันต์วันเกิด ก็แลดูจะจริงใจ 

   “ ขอบใจ  ฉันไปหละ มานานแล้ว เดี๋ยวเพื่อนถามหา ” 

   “ เดี๋ยวก่อนดิ  คือ...  ฉันยังไม่ได้ให้ของขวัญวันเกิดแกเลย ”  มันทำหน้าตาจริงจัง  ทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้

   “ ไม่เป็นไร  แค่สุขสันต์วันเกิดก็พอแล้วหละ ”  ฉันตอบมันออกไปอย่างนั้น เพราะไม่ต้องการของขวัญจากมัน  ไม่รู้ว่ามันจะเล่นพิเรนอะไรอีก         

   “ ไม่ได้ดิ  เสาร์นี้ว่างป่ะ เดี๋ยวพาไปเอาของขวัญ ”  มันยิ้มแปลกๆ  ท่าทางทะแม่งๆ 

   “ เฮ้ย! ไม่เป็นไร  ไม่เป็นไรจริงๆ ”  ฉันรีบปฏิเสธไปทันที  ไม่ว่ามันจะให้อะไร แต่ฉันก็ไม่อยากรับของมันอะ

   “ ไม่ได้  ต้องไป  แล้วก็ต้องเอาด้วย นี่แกอย่าลืมนะว่าแกติดหนี้บุญคุณฉันครั้งหนึ่ง  ฉะนั้นฉันขอให้แกไปกับฉันวันเสาร์นี้ ”  มันเล่นทวงบุญคุณ  ก็จะบุญคุณอะไรซะอีกหละ ก็บุญคุณที่มันเดินไปส่งที่บ้านอิสายป่านนั้นแหละ บุญคุณที่มันยัดเยียดให้  แถมครั้งนี้มันยังจะยัดเยียดสิ่งของให้อีก  แบบนี้ฉันก็ติดหนี้มันไม่รู้จักจบจักสิ้นอะดิ 

   “ เออ  ไปก็ได้  แต่ไปได้ไม่นานนะ ”  ฉันจำใจต้องตอบตกลงมัน  มันก็ยิ้มพอใจใหญ่เลย

   “ เสาร์นี้เจอกันที่สนามบาส สนามกีฬาอำเภอแก  เก้าโมงเช้า  ห้ามมาสายด้วยหละ ”  มันขู่ฉันนิดๆ  แต่ฉันไม่กลัวหรอกยะ

   “ รู้แล้ว  แล้วบอกได้มั้ยว่าจะพาไปไหน แล้วของขวัญที่จะให้คืออะไร ”  ฉันถามมันพร้อมกับทำหน้า งงๆ  มันเดินเข้ามาใกล้ฉัน  แล้วมองฉันตั้งแต่ล่างขึ้นมาบน  และหยุดมองที่หน้าฉัน 

   “ พอถึงเวลา  ก็รู้เองแหละ ”  น้ำเสียงที่ฟังดูสยิว ทำเอาฉันขนลุกขนพอง  และใบหน้าหื่นๆ ของมัน  ทำให้ฉันชักไม่แน่ใจแล้วว่า  ของขวัญที่มันจะให้ฉัน  มันเป็นสิ่งของ หรือว่าอะไรกันแน่ 

   ก่อนที่ฉันจะเดินกลับ  มันยังทิ้งท้ายไว้อีกว่า  ให้ฉันไปคนเดียว  ห้ามเอาใครมาด้วย  ถ้าเห็นฉันเอาใครมาด้วย มันจะต่อยให้เลือดกบปากกันทุกคนเลย  ฉันโดนขู่ไว้แบบนี้  แล้วฉันจะทำยังไงดี  ฉันต้องไปคนเดียวจริงๆ  หรอ  คิดแล้วกลุ้มใจ  เครียดระดับ 10  ได้แต่ภาวนา  ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี     

...........................................................................

******* ตอนที่  9  Coming  Soon


ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
เต้มันมีแผนร้ายแน่ๆ เลย ต้องระวังตัวนะ ไม่น่าใว้ใจ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เต้มันมีแผนร้ายแน่ๆ เลย ต้องระวังตัวนะ ไม่น่าใว้ใจ

ไม่อยากไปกับนายเต้เลย บอกตามตรงว่ากลัว กลัวมากๆ  จะไปหรือไม่ไปดี อิอิ  :hao4:

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนที่  9   

   ฉันเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับของกินมากมาย  อิสายป่านกับอิกระต่ายก็จิกกัดฉันใหญ่   มาหาว่าฉันตายอดตายอยากมาจากไหน ถึงได้หอบหิ้วของกินมาเยอะแยะแบบนี้  แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร ไม่อยากตอบโต้ เชิดใส่เบาๆ จ้ะ 

   “ ฟิล์มไปนานจังเลยนะ ”  เสียงไอ้โชคเอ่ยถามฉัน  ก่อนที่ฉันจะนั่งลง 

   “ ก็มัวแต่เลือกของกินอยู่นี่ไง  ก็เลยมาช้า ”  ฉันยิ้มอ่อนๆ  แล้วหลบสายตาของไอ้โชคที่กำลังจ้องมองฉันอยู่อย่างสงสัย   ฉันก็ทำท่าหยิบโน่น หยิบนั่นมากิน  เผื่อมันจะเลิกถามฉันซักที

   “ เอ่อ  ฟิล์ม  เมื่อกี้เราเห็นไอ้เต้ด้วยแหละ  มันเพิ่งเดินไปตักของกินมามั้ง เห็นถืออาหารมาเต็มมือเลย  ฟิล์มไปตักอาหารมา  ได้เจอกันรึป่าว ”  คำถามของไอ้โต๊ด  ทำเอาฉันแทบกลืนอาหารไม่ลง

   “ ป่าวนี่   สงสัย  คงจะเป็นเพราะคนเยอะมั้ง  อีกอย่าง เรามัวแต่ยุ่งอยู่แต่กับการเลือกของกิน ก็เลยไม่ทันสังเกต ”  ฉันโกหกออกไปอย่างนั้น    แบบว่า โกหกหน้าตาเฉย  อิอิ

   “ หรอ  ที่นี่คนก็เยอะจริงๆ แหละ  เราว่าจะเดินไปทักทายมันหน่อยหนะ ขอตัวแปปนึงนะ ”  ฉันก็ตกใจสิคะ  ไอ้โต๊ดจะไปหาไอ้เต้  ถ้าไอ้เต้มันบอกว่าเจอฉัน  ไอ้โต๊ดก็รู้สิว่าฉันโกหก  ไม่ได้ๆ ฉันต้องสกัดมันเอาไว้ให้ได้ 

   “ โต๊ด ”  ฉันเรียกชื่อมันเสียงดัง  ฉันลืมตัวไปเลย  ก็ทำไงได้หละ คนมันตกใจนี่นา  ไอ้โต๊ดที่เพิ่งลุกเดินออกจากโต๊ะไปได้ไม่กี่ก้าว  ก็ต้องหยุดเดินและหันกลับมาหาฉัน

   “ เอ่อ...  คือ...  คือ....  ฟิล์มปวดท้องอะ  โต๊ดไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อยได้มั้ย ”  แผนการของฉันที่เพิ่งคิดได้เรียกสายตาของทุกคนให้มาจับจ้องที่ฉัน  พวกมันกำลังมองฉันท่าทางตกใจกันน่าดู 

   “ อิฟิล์ม  มึงชวนไอ้โต๊ดไปห้องน้ำ  มึงแรดมาก ”  โทนเสียงสูงที่ฟังดูหนวกหูของอิกระต่ายจิกกัดฉันเป็นคนแรก

   “ ร่านมาก  อิห่า  มึงจะมา want  อะไรตอนนี้ยะ ”  อิสายป่านก็ช่วยมันโหมโรงซะงั้น

   “ อิพวกบ้า  คงมีแต่พวกมึงนี่หละ ที่คิดได้อัปรีย์ขนาดนี้  ”  ฉันด่าพวกมันกลับ  ความคิดของพวกมันนี่วนเวียนอยู่แต่กับเรื่องแบบนี้ตลอดเลย  ฉันหละเซ็ง

   “ ฟิล์มให้เราไปเป็นเพื่อนก็ได้นี่นา  ทำไมต้องให้ไอ้โต๊ดพาไปด้วยหละ มันกำลังจะไปหาเพื่อนมันนะ ”  ไอ้โชคถามฉัน  เหมือนมันกำลังน้อยใจ  หน้าบิดหน้างอแล้วไง  เหอะๆ

   “ จริงนะฟิล์ม  ให้ไอ้โชคพาไปก็ได้นะ เราจะได้ไปทักทายไอ้เต้สักหน่อย ” 

   “ ถ้าโต๊ดอยากไปเพื่อนมากก็ไปดิ  เดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำเองคนเดียวก็ได้ ”  ฉันทำท่างอนๆ มัน  แผนนี้ต้องสำเร็จแน่ๆ เลย 

   “ ก็ได้ครับ  ผมพาไปก็ได้ ” มันพูดแล้วก็ยิ้มหวานให้ฉันอีกแล้ว  ฉันก็ยิ้มกลับเพื่อเป็นการขอบใจมันที่พาฉันไปเข้าห้องน้ำ  และแล้วแผนการนี้ก็สำเร็จ  แต่ดูเหมือนว่าไอ้โชคจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่  โทษทีนะโชค  คือมันจำเป็นจริงๆ ฉันลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ โดยมีไอ้โต๊ดเดินไปเป็นเพื่อน 

   หลังจากที่ฉันกับไอ้โต๊ดทำธุระที่ห้องน้ำกันเสร็จแล้ว  ( ปัสสาวะนะ)  พวกเราก็กลับมานั่งโต๊ะเหมือนเดิม  ฉันเร่งให้ทุกๆ คนรีบๆ กิน  โดยอ้างว่ารีบกินรีบกลับ  เพราะที่บ้านไม่อยากให้กลับบ้านค่ำ  ที่จริงแล้วมันก็คือแผนสองของฉัน แผนที่จะไม่ให้ไอ้โต๊ดไปหาไอ้เต้นั่นเอง  แล้วมันก็สำเร็จจริงๆ

   พวกเรากินของคาวกันจินอิ่ม  แล้วตบท้ายด้วยของหวาน  นั่นก็คือไอศกรีมที่แสนอร่อยนั่นเอง  หลังจากกินไอศกรีมจนอิ่มแล้ว พวกเราก็เรียกคิดเงิน  และจ่ายเงินไปตามระเบียบ  แล้วเดินออกมาจากร้าน  พวกเรามายืนออกันอยู่ที่หน้าร้าน  แต่ไม่ได้ยืนขวางประตูทางเข้าร้านนะ  พวกเรายืนคุยกันอยู่ไม่นาน  ฉันบอกให้ไอ้โชคและไอ้โต๊ดกลับบ้านเลบย ไม่ต้องไปส่งพวกเรา  พวกมันก็ตอบตกลง   พอคุยกันเสร็จพวกเราก็โบกไม้โบกมือล่ำลากัน   

        พวกเรา  4  นางขับมอไซต์กลับบ้านกัน  ระยะทางก็ไกลอยู่นะ  แถมยังมืดด้วย  แต่พวกเราก็ไม่ได้หวาดกลัวอะไรเลยคะ  ทำไงได้  ก็มีหญิงแกร่งมาด้วยตั้ง 3  นาง  คงไม่มีผู้ชายที่ไหนกล้าเข้ามาปล้ำหรอกนะ  พวกเราไปส่งแม่นางมายด์ที่บ้านก่อน  จากนั้นอิสายป่านกับอิกระต่ายก็ขับมอไซต์มาส่งฉันที่บ้าน  อิสายป่านบอกจะขอค้างคืนที่บ้านอิกระต่าย  ฉันก็หมดห่วง  เพราะไม่อยากให้มันกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ คนเดียว   ฉันลาพวกมันที่หน้าบ้าน แล้วขับมอไซต์เข้าไปในบ้าน   ช่วงนั้นก็เป็นเวลาประมาณสามทุ่มครึ่งแล้ว  ฉันเดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดีสุดๆ 

       “ กลับมาแล้วหรอลูก ”  น้ำเสียงที่อบอุ่นของแม่เอ่ยถามฉัน 

       “ จ้ะแม่  พ่อเข้านอนแล้วหรอ ”

       “ ก็เพิ่งเข้าไปนอนเมื่อกี้เอง ”  ไอ้น้องชายของฉันตอบแทนแม่  ไม่ได้ถาม แต่อยากมีส่วนร่วมว่างั้น

       “ หรอ  ไม่ได้ถามมึง ”  ฉันทำหน้ากวนตรีนใส่มัน  ขอแกล้งหน่อยเถอะ 

       “ ไอ้ห่า  กวนตรีนนะมึง  เดี๋ยวกูเตะเลย ”  มันพูดและหัวเราะไปด้วย   พวกเรามักจะหยอกล้อกันแบบนี้เสมอ  ดูกัดกันเป็นประจำ  แต่จริงๆ แล้วพวกเรารักกันมากนะ 

       “ พอเถอะลูก  ไปอาบน้ำได้แล้ว มันดึกมากแล้วนะ ” 

       “ จ้ะแม่ ”   แล้วฉันก็ไปอาบน้ำ ตามที่แม่บอก  อาบน้ำเสร็จก็ขึ้นห้องนอนเลย  เพราะรู้สึกเพลียๆ

       คืนนี้ฉันอ่านหนังสือได้ไม่กี่หน้า  ก็เริ่มมีอาการง่วงเหงาหาวนอน   ฉันเก็บหนังสือแล้วเตรียมตัวเข้านอน  เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น  ฉันเดินไปเปิดประตู  ไอ้น้องชายตัวแสบยื่นโทรศัพท์มาให้ฉัน  ไอ้โชคโทรมาคะ  เราคุยกันอยู่ไม่นาน  ฉันก็ขอวางสายเพราะง่วงมาก  แต่ก่อนจะวางสายไอ้โชคบอกอยากจะซื้อของขวัญวันเกิดให้ฉัน  จะชวนไปเดินเลือกของขวัญวันเสาร์นี้  ด้วยอารมณ์ที่ง่วงนอนมาก สติสัมปชัญญะไม่ค่อยจะครบเท่าไหร่  ฉันจึงตอบตกลงมันไป  นัดหมายสถานที่กันเสร็จแล้ว  เราก็บอกฝันดีกัน  และวางสาย

       เช้าวันรุ่งขึ้น  ฉันก็ตื่นไปโรงเรียน  อากาศวันนี้ร้อนมากๆ เลย  ขนาดนั่งเรียนอยู่ในห้อง  ในภาคเช้า  ก็ยังร้อนสุดๆ  แล้วภาคบ่ายจะร้อนตับแลบขนาดไหนเนี่ย  พอถึงเวลาพักเที่ยง  พวกเรา 4 นางก็ไปนั่งกินข้าวที่โรงอาหารกันเหมือนเดิม กินเสร็จก็นั่งเม้าท์มอยกันสนุกสนาน 

       “ มึงๆ  วันอาทิตย์นี้   ไปดูแข่งขันฟุตซอลกันมั้ย  ”  อิสายป่านชวนพวกเราไปดูกีฬา  แน่ใจนะ ว่าไปดูกีฬาจริงๆ

       “ จริงหรอมึง  ที่ไหนอะ  อยากไปมากๆ เลย ”  ดัดจริตพูดอีกแล้วอินี่  เป็นใครไปไม่ได้ อิกระต่ายนั่นเอง

       “ โอ้ย  วันๆ มึงมัวแต่ทำอะไรอยู่คะ ไม่รู้จักติดตามข่าวสารบ้านเมืองเลยนะมึง ” อิสายป่านแขวะเบาๆ 

       “ งานกีฬาฟุตซอลเยาวชนของจังหวัดเราไงแก  ปีนี้เค้าจัดกันที่อำเภอเรา  โดยใช้สนามกีฬาอำเภอของเราเป็นที่แข่งขัน  คัดเอาตัวแทนแต่ละอำเภอมาแข่งกัน  เห็นว่าแข่ง 2 วัน  เสาร์ – อาทิตย์ นี้แหละ ”  แม่นางมายเล่ามาซะยาวเหยียด 

      “ เอ้า !  งั้นเราก็ไปดูกันสองวันเลยดิ ”  อิกระต่ายท่าทางดีใจมาก  ฉันรู้หรอก  ว่าแกคิดอะไร 

       “ โอ้ย อินี่  ไปดูแค่วันอาทิตย์ก็พอแล้ว  จะได้ดูคู่ชิงชนะเลิศด้วย  ส่วนวันเสาร์ก็พักผ่อนสิยะ  การบ้านก็มีตั้งเยอะ  มึงไม่คิดจะทำเลยรึไง  มัวแต่เอาเวลาไปนั่งดูผู้ชายอยู่นั่นแหละ ”  อิสายป่านจิกอิกระต่ายอีกแล้ว  แต่ที่นางพูดก็ดูมีสาระนะ 

       “ เหรอ....  ทำการบ้าน  อิห่า  กูเห็นมึงลอกตลอด  อย่ามาตอแหลคะ ”  อิกระต่ายก็ไม่น้อยหน้าคะ  เอาคืนบ้าง

       “ คร้า  พูดดี  มึงก็นั่งลอกอยู่ข้างๆ กูไม่ใช่หรอยะ ” โถ่  อิพวกนี้ทำเป็นจิกกัดกัน  ที่จริงแล้วก็ลอกกันทั้งคู่คะ  ลอกของใครหนะหรอ ก็คงจะหนีไม่พ้นของฉันนี่เอง 

       “ ตกลงมึงจะไปกับพวกกูมั้ย ”  อิกระต่ายหันมาถามฉัน 

       “ ไปก็ได้นะ  แต่ขอเป็นคู่ชิงชนะเลิศได้มั้ยอะ  คือถ้าจะให้ไปนั่งดูทั้งวันก็เสียดายเวลาแย่เลย  พวกมึงก็รู้ว่ากูต้องอ่านหนังสือ ” จริงๆ แล้วในใจฉันก็ไม่อยากไปเลยนะ  ช่วงนี้อากาศยิ่งร้อนๆ อยู่   ไม่อยากออกนอกบ้านเลย

       “ เออ  ถ้าถึงคู่ชิงชนะเลิศ  เดี๋ยวกูจะไปรับมึงแล้วกัน ”  อิสายป่านพูดท่าทางเซ็งๆ   ฉันก็ยิ้มรับสวยๆ  คะ 

   หลังเลิกเรียน   อิกระต่ายและแม่นางมายก็เดินไปขึ้นรถรับส่ง   ส่วนฉันกับอิสายป่านก็เดินไปที่โรงจอดรถ  เพราะเราขับมอไซต์มาโรงเรียน  ฉันยืนคุยกับอิสายป่านอยู่ข้างๆ โรงจอดรถ  รอให้รถข้างในเหลือน้อยกว่านี้ก่อน  เพราะไม่อยากไปเบียดเสียดกับใคร  เราสองคนยืนเมาท์มอยกันอยู่สองคนอย่างเมามัน  แต่แล้วไอ้โต๊ดก็เดินเข้ามาหาพวกเรา 

   “ ฟิล์ม วันนี้รีบกลับหรือป่าว ” 

   “ จะชวนฟิล์มไปไหนหรอจ้ะโต๊ด  ”  ฉันไม่ทันได้ตอบหรอก อิสายป่านก็สอดแทรกขึ้นมาซะก่อน

   “ ก็ว่าจะชวนไปหน้าโรงเรียนนี่แหละ ”  มันทำท่าทางเขินอายนิดๆ 

   “ ชวนแต่ฟิล์มคนเดียวหรอ ไม่ชวนเราบ้างหละ ยืนอยู่ด้วยกันตั้งสองคน  แต่ชวนคนเดียวซะงั้น ”  อิสายป่านแอบพูดประชดไอ้โต๊ด 

   “ ก็.....  ไปได้นะ ถ้าสายป่านอยากไป ”  มันพูดเหมือนไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่นัก 

   “ แหม๋ๆ  รู้หรอกน่า  ว่าอยากไปกับอิฟิล์มสองคน  งั้นเรากลับบ้านก่อนแล้วกัน  มึง  กูกลับบ้านก่อนนะ   ขอให้โชคดีนะจ้ะ  บาย  ”  มันหันมายิ้มเยาะฉัน  แล้วก็เดินเข้าไปในโรงจอดรถ  ปล่อยให้ฉันอยู่กับไอ้โต๊ดสองคน   

   “ ว่าไงหละฟิล์ม  จะไปมั้ย ”  ฉันทำท่าคิดอยู่พักนึงก่อนจะตอบมันออกไป

   “ ไปสิ  แต่เราไปได้ไม่นานนะ  กลับบ้านเย็นมากไม่ได้  เดี๋ยวที่บ้านเป็นห่วง ” มันพยัคหน้าเป็นอันว่ารับทราบ

   เราสองคนเดินมาที่หน้าโรงเรียน  แล้วเดินข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม  มีร้านค้าอยู่มากมาย  ทั้งร้านขายของกิน ร้านเครื่องเขียน  แล้วก็ร้านอื่นๆ อีกเยอะแยะ  ไอ้โต๊ดพาฉันเดินมาที่ร้านขายตุ๊กตา  ฉันก็งงๆ  ว่าทำไมมันถึงพาฉันมาที่ร้านนี้

   “ โต๊ด  พาเรามาที่นี่ทำไมหรอ ”  ฉันถามอย่างสงสัย

   “ ก็มาซื้อของขวัญวันเกิดให้ฟิล์มไง ”  ฉันทำท่าตกใจ   ตาลุกโต  แบบว่า เซอร์ไพร์มาก

   “ จริงหรอ ”  ฉันถามมันอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ   

   “ จริงสิ  ฟิล์มอยากได้ตัวไหนหละ เลือกได้เลยนะ เดี๋ยวเราซื้อให้  ”  มันส่งยิ้มให้ฉัน   ฉันเขินจนไม่กล้ามองหน้ามัน ได้แต่บิดตัวไปมาเล็กน้อย 

   ฉันเดือนเลือกตุ๊กตาอยู่นาน  มีแต่ตัวสวยๆ น่ารักๆ จริงๆ แล้วอยากได้ทุกตัวเลยนะ  แต่คนซื้อให้เค้าคงจะซื้อให้ตัวเดียวละมั้ง  ก็ราคาตุ๊กตามันแพงนี่นา  มีตั้งแต่ราคา  200  -  500 บาทเลยอะ  ฉันก็พยายามเลือกตัวที่มันน่ารักๆ และไม่แพงมาก เพราะกลัวจะเป็นภาระของคนจ่ายมากเกินไป  และในที่สุดฉันก็เลือกได้แล้ว  มันเป็นตุ๊กตาหมีขนสีน้ำตาล  นุ้มม นุ่มม  และมันก็น่ารักมาก  ฉันหยิบตุ๊กตาตัวนี้ให้ไอ้โต๊ด  มันบอกว่าน่ารักดี  แล้วเราก็เดินไปจ่ายเงิน  เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ คือไอ้โต๊ดเป็นคนซื้อให้ฉันนั่นเอง  ฉันเดินยิ้มออกมาจากร้าน ดีใจมากๆ เลยที่ได้ตุ๊กตาหมีเป็นของขวัญ 

   “ ขอบใจนะโต๊ดที่ซื้อตุ๊กตาตัวนี้เป็นของขวัญให้ฟิล์ม ”  ฉันยังยิ้มไม่หุบเลยคะ

   “ ไม่เป็นไร  เราเต็มใจจะซื้อให้อยู่แล้ว  แต่เราเลือกตุ๊กตาไม่เป็นนี่สิ  กลัวไม่ถูกใจฟิล์ม ก็เลยชวนมาเลือกเองซะเลย  หวังว่าคงจะถูกใจนะ ”   

   “ ถูกใจมากๆ เลยหละ  ตุ๊กตาน่ารักขนาดนี้ ”  ฉันแสดงอาการดีใจจนออกนอกหน้า  จนไอ้โต๊ดหัวเราะฉันเบาๆ

   “ แล้วคนซื้อให้ไม่น่ารักหรอ  ”  มันทำหน้าตาบ้องแบ้ว  กระพริบตาปริบๆ ใส่ฉัน 

   “ น่ารักสิ  ”  ฉันตอบออกไปอย่างหวานซึ้ง

   “ ถ้าอย่างนั้น  ก็รักสิครับ  ”  มันทำหน้าทำตากวนโอ้ยสุดๆ  แต่ก็น่ารักดี   

   “ 55555  เปล่า   ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย  ”  ฉันเองก็ทำหน้าทำตากวนประสาทมันกลับบ้าง 

   “ คร้าบบ  กลับบ้านกันเถอะ  เดี๋ยวที่บ้านฟิล์มจะเป็นห่วง ”  ฉันพยัคหน้าหน้า แล้วเราสองคนก็เดินข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นโรงเรียนของเรานั่นเอง   เราเดินเข้าไปในโรงจอดรถแล้วขับมอไซต์ออกมา   เราโบกมือลากันที่หน้าโรงเรียน  เสร็จแล้วฉันก็ขับมอไซต์กลับบ้าน  วันนั้นก็กลับถึงบ้านเกือบๆ ห้าโมงเย็น  เพราะมัวแต่เลือกตุ๊กตา  หุหุ

   วันเวลาผ่านไป  วันเสาร์ก็มาถึง  วันนี้ฉันจำได้ว่ามีนัดกับไอ้โชค   เรานัดกันที่บ้านอิสายป่าน  เวลาสี่โมงเช้า  ฉันขับรถมอไซต์มาถึงบ้านอิสายป่านตอนเก้าโมงครึ่ง   ฉันมาถึงก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมง จึงใช้เวลานี้นั่งเม้าท์มอยกับอิสายป่านในระหว่างที่รอไอ้โชค 

   “ ไหนมึงบอกว่าจะอ่านหนังสือไงยะ  ที่แท้ก็มีนัดไปเที่ยวกับผู้ชาย ” มันเริ่มจิกกัดฉันทันทีเมื่อรู้ว่าฉันนัดกับไอ้โชควันนี้  ไม่น่าบอกมันเลย 

   “ เที่ยวบ้าอะไร  ไปซื้อของแปปเดียวเอง ”  ฉันรีบแจ้งแถลงไขให้มันทราบ

   “ ก็เหมือนกันนั่นแหละ นี่มึง กูถามจริง  ตกลงมึงจะเลือกใครกันแน่ ” มันพูดท่าทางดูจริงจัง   

   “ เลือก  เลือกอะไรของมึง ”  ฉันถามกลับ  อยากรู้ว่ามันหมายถึงอะไร

   “ โอ้ย  อย่าแอ๊บแบ้ว อินโนเซ้น  ได้มั้ยจ้ะ  ขอร้อง ”  มันเริ่มจิกกัดฉันเข้าแล้วไง 

   “ ด่ากูอีก อิห่า  ถ้ากูรู้  กูจะถามมึงมั้ยหนิ  อยู่ดีๆ มึงก็พูดเรื่องเลือกขึ้นมา  กูก็งงสิคะ ” ฉันค้อนมันกลับ  ชักจะเริ่มโมโหแล้วนะ  ตัวเองพูดไม่รู้เรื่องแล้วยังมาด่าฉันอีก เฮ้อออ 

   “ ก็เรื่องผู้ชายไงยะ  ตกลงมึงจะเลือกใคร ระหว่างไอ้โชค  กับไอ้โต๊ด ” มันทำตาใสแป๋วใส่ฉัน 

   “ ถ้ามึงหมายถึงเลือกเป็นแฟน  กูขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะว่า  กูไม่เอาใครทั้งนั้น   เป็นเพื่อนกันนี่แหละดีแล้ว ” ฉันตอบออกไปน้ำเสียงหนักแน่น  ไม่มีลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว 

   “ โอ้ย อินี่ ถ้างั้นมึงก็กินแล้วทิ้งก็ได้นี่นา  ยังไงพวกเราก็เหมาะกับแบบนี้อยู่แล้ว ” มันทำมาเป็นสอนฉัน  เหอะๆ

   “ เพื่อนกันทั้งนั้น ทำแบบนั้นได้ไง  แล้วจะมองหน้ากันติดหรอ  พอๆ เลยมึง  เลิกคิดอะไรอุบาทได้แล้ว  ”  ฉันปรามอิสายป่านก่อนที่มันจะชวนฉันคุยเรื่องลามกไปมากกว่านี้ 

   “ เออ  พอก็ได้  งั้นมึงนั่งรอไอ้โชคอยู่นี่นะ  กูไปนอนดูทีวีก่อน ” มันคงจะโกรธฉัน   ก็หน้าตาไม่สบอารมณ์ขนาดนั้น  แถมยังเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าไปในบ้านอีก  เทยหละเพลียกับมันจริง จริ้งงงง

   นั่งรอไอ้โชคไม่นานมันก็ขับมอไซต์มาจอดที่หน้าบ้านอิสายป่าน  เรากล่าวทักทายกัน  ก่อนที่ฉันจะขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายมอไซต์ไอ้โชคในท่านั่งเบี่ยงเช่นเคย  ไอ้โชคขับมอไซต์พาฉันมาที่อำเภอข้างเคียง  ก็อำเภอเดียวกันกับร้านหมูกระทะที่พวกเรามากินตอนวันเกิดฉันนั่นแหละ ที่อำเภอนี้เจริญกว่าอำเภอฉันมาก  ดูเป็นในเมืองมากๆ เลยแหละ  ไอ้โชคขับรถมาจอดที่หน้าร้านร้านหนึ่ง  เราสองคนเดินเข้าไปในร้าน  ฉันก็รู้ทันทีว่าร้านนี้เป็นร้านขายผ้าห่ม  มีผ้าห่มอยู่หลายแบบด้วยกัน  แต่ที่สะดุดตาฉันก็คงจะเป็นผ้าห่มลายการ์ตูน  มันดูผืนใหญ่แล้วก็หนาพอสมควร  ฉันกับไอ้โชคเดินเลือกอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจได้  ฉันเลือกเป็นผ้าห่มลายหมีพู   ราคาค่อนข้างแพงซะด้วย  แต่ไอ้โชคก็จ่ายไหวอยู่ดี  อิอิ   

       หลังจากที่ไอ้โชคได้ซื้อผ้าห่มลายหมีพูเป็นของขวัญให้ฉันแล้ว ฉันก็นึกว่ามันจะพาฉันกลับบ้าน  แต่ที่ไหนได้  มันพาฉันไปที่บ้านมัน  โชคดีหน่อยที่คราวนี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง  เพราะมีป้าเบซี่แล้วก็น้องสาวของมันอยู่ด้วย  มันบอกว่าป้าเบซี่จะทำอาหารเที่ยงให้ทานเพื่อฉลองวันเกิดให้ฉันย้อนหลัง   จะว่าไปแล้ว ป้าเบซี่นี่น่ารักสุดๆ เลยอะ  พวกเราทานอาหารกลางวันกันจนอิ่ม  ป้าเบซี่ชวนฉันอยู่ต่อ เพราะอยากคุยกับฉัน  ฉันจึงตอบตกลงตามคำขอของป้าแก

       “ การเรียนเป็นยังไงบ้าง ” ป้าเบซี่ถามฉัน  ฉันยิ้มให้ป้าแกไปทีนึง ก่อนจะตอบออกไป

       “ ก็ดีคะ เรียนสนุกดี ” คำถามมันกว้างเกินไป ฉันไม่รู้จะตอบยังไงดี  ก็เลยตอบไปแบบนั้น 

       “ เห็นโชคบอกว่าหนูเรียนเก่งมาก ”  ป้าเบซี่ดูจะสนใจในตัวฉันจังเลยแฮะ 

       “ ไม่ได้เก่งอะไรมากมายขนาดนั้นหรอกคะ  อาศัยว่าขยันอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนบ่อยๆ  ก็เลยพอถูๆ ไถๆ ไปได้บ้าง ”  ต้องถ่อมตัวกันหน่อย  จะได้ดูน่ารัก 

       “ ว่างๆ ก็มาติวหนังสือให้โชคบ้างสิจ้ะ ”  ฉันหันไปมองหน้าไอ้โชค  ก็นึกถึงเรื่องวันนั้นขึ้นมาทันที  ทำให้ฉันหน้าซีดขึ้นมาเลยทีเดียว   

       “ ได้สิคะ  ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกัน  อะไรที่พอช่วยกันได้ก็ช่วยกันไปคะ ”  ป้าเบซี่ยิ้มกว้างให้ฉัน ฉันเองก็ยิ้มกลับเช่นกัน   

   แล้ววันนั้นทั้งวันฉันก็อยู่ติวหนังสือให้กับไอ้โชค โดยมีป้าเบซี่และน้องสาวของมันอยู่ในบ้านด้วย  ทำให้ฉันอุ่นใจไปเยอะ ว่ามันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีกแน่นอน  ถ้าตราบใดที่เราสองคนไม่ได้อยู่ในที่ลับตาคนสองต่อสอง  เวลาล่วงเลยมาจนถึงห้าโมงเย็น  ฉันจึงลาป้าเบซี่กลับบ้าน  ไอ้โชคก็ขับมอไซต์มาส่งฉันที่หน้าบ้านอิสายป่านแล้วมันก็กลับ   ส่วนฉันก็เดินไปขี่รถมอไซต์ที่จอดเอาไว้ที่ข้างบ้านอิสายป่าน  และขับกลับบ้าน  กว่าจะถึงบ้านก็เกือบๆ หกโมงเย็น 

   วันนี้ได้ของขวัญอีกชิ้นแล้ว  ดีใจจัง  ผ้าห่มลายหมีพู  น่ารักสุดๆ   แต่เอ๊ะ รู้สึกเหมือนฉันจะลืมอะไรบางอย่างนะ  ลืมอะไรหรือป่าวนะ  พยายามคิดแล้วก็จำไม่ได้สักที   เฮ้อออ  ช่างเหอะ  ฉันคงไม่ได้ลืมอะไรหรอกมั้ง 

.........................................................................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2015 23:49:15 โดย Film-mii »

ออฟไลน์ Chanik

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เทยยยย เอ็งลืมคุณเต้น่าา อย่าโดนต่อยละลูกสาว :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เต้ตามมาถึงที่แน่

/ปาดเหงื่อ

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
ดีแล้วที่ไม่ได้ไป ไอ้เต้มันร้ายกาจ ตีองมีแผนแน่ๆๆ ไม่งั้นไม่ให้ไปคนเดวหลอก

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เต้ร้่ายมั้ย  เต้จะตามมาหาฟิล์มถึงที่มั้ย  แล้วเต้จะต่อยฟิล์มมั้ย  ต้องรอติดตามตอนต่อไปนะจ้ะ  :hao5:

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ตอนที่  10

   วันนี้เป็นวันอาทิตย์  ฉันตื่นแต่เช้า เพราะเมื่อคืนฉันรู้สึกเพลียๆ  ก็เลยเข้านอนแต่หัวค่ำ  ได้นอนจนเต็มอิ่มไปเลย  ตื่นมาก็รู้สึกสดชื่น  หลังจากที่เสร็จกิจวัตรประจำวันในตอนเช้าแล้ว  ฉันก็มานั่งทำการบ้านอยู่หน้าบ้าน  อากาศวันนี้เย็นสบายดี  ฉันนั่งทำการบ้านไปเรื่อยๆ จนเสร็จ  เป็นเวลาเที่ยงกว่าๆ  พอดี  ฉันจึงเดินเข้าไปหาแม่ที่อยู่ในครัว  ถามแม่ว่ากลางวันนี้จะทำอะไรกิน แม่ก็จัดแจงเมนูให้ฉันฟัง ฉันจึงอาสาช่วยแม่ทำกับข้าว  ต้องทำตัวเป็นแม่บ้านแม่เรือนซักหน่อย  หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว  ฉันก็หอบหนังสือมานั่งอ่านอยู่ที่โต๊ะไม้หน้าบ้าน   จนเวลาล่วงเข้าสี่โมงเย็น   และแล้วเพื่อนสาวสองนางของฉันก็ปรากฏตัว  พวกมันขับมอไซต์เข้ามาหาฉันที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่

   “ โอ้ยยย  จะขยันอะไรขนาดนี้ยะ ”  มาถึงก็เริ่มเปิดฉากทันทีเลยจ้ะ  หนวกหูกับเสียงมันจริงๆ 

   “ เก็บๆ เลยนะมึง  พวกกูมารับแล้วหนิ  เค้าจะเตะคู่ชิงชนะเลิศกันแล้วนะ  รีบๆ เลย ” อิสายป่านเร่งรัดฉัน   

   “ เออๆ  รอกูแปปนึง ”  ฉันรีบเก็บหนังสือแล้วเอาเข้าไปเก็บในบ้าน ก่อนจะเดินออกมาหาพวกมัน 

   ฉันซ้อนมอไซต์มากับอิสายป่านและอิกระต่าย  ซ้อน 3 เลยจ้ะ  พวกมันบอกว่าฉันตัวเล็กก็เลยให้ไปนั่งข้างหน้าสุด อิสายป่านอยู่ตรงกลางและเป็นพลขับ  ส่วนอิกระต่ายก็นั่งเบี่ยงสวยๆ แอ๊บชะนีเหมือนเคย  พวกเราขับมอไซต์มาถึงสนามกีฬาอำเภอ  คนเยอะมาก   สมแล้วที่เป็นคู่ชิงชนะเลิศ   อิสายป่านบอกว่าพวกเรามีที่นั่งประจำแล้ว เพราะพวกมันมาจองตั้งแต่เช้าๆ ตอนนี้ให้แม่นางมายนั่งเฝ้าที่เอาไว้ให้  ฉันจึงเดินตามมันไปจนถึงที่นั่งของพวกเรา  ดีจังที่ได้นั่งบนอัฒจรรย์  ไม่ต้องไปยืนเกาะขอบสนามเหมือนคนอื่นๆ   และที่สำคัญ สนามฟุตซอลนี้อยู่ในตัวอาคารนะจ้ะ  ทำให้พวกเราไม่ต้องไปนั่งตากแดดเชียร์กีฬา  แต่มันก็ยังร้อนอยู่ดี  เพราะคนเยอะมาก เบียดเสียดกันสุดๆ   ทั้งร้อน ทั้งอึดอัดเลยหละ

   สิ้นสุดการรอคอย เมื่อนักกีฬาทั้งสองทีมลงสู่สนาม  และกรรมการเป่านกหวีดให้เริ่มการแข่งขันได้  เสียงกองเชียร์ดังอึกทึก  เสียงกรี๊ดของชะนีและกะเทยก็ดังไม่แพ้กัน  ฉันนี่แสบแก้วหูมากๆ เลย  จะบอกว่าดูไม่เป้นหรอกนะฟุตบอล หรือฟุตซอลอะไรเนี่ย แต่ที่มาดู  ก็คงจะเป็นเพราะ มาดูนักกีฬามากกว่า  อิอิ  ดูไปดูมาฉันก็ชักจะมีอารมณ์ร่วมแล้วสิ  เมื่อทีมที่ฉันแอบเชียร์เป็นฝ่ายบุก  และเกือบจะยิงประตูได้หลายครั้ง  เสียงเชียร์จากฉันเริ่มดังขึ้นโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเริ่มสนุกกับเกมส์การแข่งขันนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  รู้แต่ว่าทีมที่ฉันเชียร์  มีผู้ชายคนหนึ่ง หล่อมาก หน้าตาคมเข้ม  เท่ห์สุดๆ ไปเลยอะ  และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันเชียร์ทีมนี้ 

   การแข่งขันสิ้นสุดลง ทีมที่ฉันแอบเชียร์ก็เป็นฝ่ายชนะจริงๆ ด้วย  รู้สึกดีใจมากที่ทีมที่ตัวเองเชียร์ชนะ  ฉันก็เลยเผลอกรี๊ดไปทีนึง  55555  เพื่อนสาวสามนางก็มองมาที่ฉัน  พวกมันทำหน้าตกใจ  ก็แหงหละ ฉันไม่เคยกรี๊ดให้พวกมันเห็นเลยนี่นา  พวกมันคงตกใจน่าดูที่เห็นฉันกรี๊ด  พวกมันจ้องฉันกันใหญ่เลย ฉันก็อายๆ  ไม่กล้าสู้หน้าพวกมัน  ได้แต่นั่งก้มหน้าเกาหัวยิกๆ 

   “ แหม  ไม่ค่อยเลยนะมึง ”  อิสายป่านทักท้วงฉันก่อนคนอื่นๆ 

   “ ตั้งแต่รู้จักกันมา  กูเพิ่งเคยเห็นมึงกรี๊ดก็ครั้งนี้หละอิฟิล์ม สงสัยจะเก็บกดมานาน ”  อ้าว อิกระต่าย  อิห่าหนิ  กัดฉันตลอด

   “ ฟิล์มก็กรี๊ดเสียงดังเหมือนกันนะ เสียงดังกว่าพวกเราอีกแหนะ ” แม่นางมายก็เอากับพวกมันอีกคน  ตกลงเธอชมฉันหรือจิกฉันกันแน่จ้ะ 

   “ โอ้ย มันก็ต้องมีบ้างแหละ  ทำไม  ฉันกรี๊ดนี่มันผิดปกติมากเลยรึไง ” ฉันหันกลับไปบ่นให้พวกมัน  “ เออ ”  พวกมันก็พร้อมใจกันตอบอย่างพร้อมเพรียง  ทำเอาฉันหน้าชาไปเลย  ไม่สู้คนคะ  เชิดใส่เบาๆ 

   พวกเราเดินออกมาจากอาคารที่ใช้แข่งขันกีฬา  กำลังจะกลับบ้านกัน  อยู่ๆ อิสายป่านกับอิกระต่ายก็ปวดฉี่ขึ้นมา พวกมันก็เลยพากันไปเข้าห้องน้ำ  ฉันชวนมายไปซื้อน้ำ เพราะเสียงเชียร์และเสียงกรี๊ดเมื่อกี้ทำให้ฉันคอแห้ง  เราเดินไปถึงร้านขายน้ำอัดลม  มีคนกำลังซื้ออยู่  พวกเราก็เลยยืนรออยู่พักนึง  ทำไมมันนานจังเลยนะ  อิแค่ซื้อน้ำแก้วเดียวเฉยๆ  ฉันเริ่มหงุดหงิดหน้านิ่วคิ้วขมวด  พอคนข้างหน้าหันหน้ากลับมาเท่านั้นหละ  ฉันถึงกับตกใจ  ยืนอึ้ง  ตาค้างไปเลยคะ 

   “ ขอโทษนะครับ  พอดีผมรอตังทอนอยู่   ก็เลยทำให้พวกคุณรอนานไปหน่อย ”  เสียงของผู้ชายคนนี้ดังเข้ามาในโสตประสาทของฉัน ทำให้ฉันหลุดจากภวังค์

   “ อ๋อ  คะ  ไม่เป็นไรคะ ”  เจอหน้าหล่อๆ เข้าหน่อย ฉันนี่โกรธไม่ลงจริงๆ  ก็ต้องให้อภัยไปตามระเบียบ 

   “ ครับ ขอตัวนะครับ ”  แล้วชายหนุ่มก็เดินเลี่ยงพวกเราออกไป 

   “ ฟิล์ม  นั่นมันนักกีฬาทีมที่ชนะเมื่อกี้หนิแก ”  แม่นางมายดูตื่นเต้นเกินหน้าเกินตาแล้วนะยะ 

   “ รู้แล้ว  ฉันจำได้ ” ก็แน่หละ ใครจะจำไม่ได้ ก็ผู้ชายคนนี้แหละ ที่ทำให้ฉันเชียร์ทีมนั้น และเป็นคนที่ทำให้ฉันดีใจจนเผลอกรี๊ดออกมา  ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกันและพูดคุยกันแบบนี้  ยิ่งดูใกล้ๆ ก็ยิ่งหล่อระเบิดระเบ้อ 

   “ แก เค้าหล่อมากเลยนะ หล่อที่สุดในสนามเลยอะ ”  แม่นางมายก็ยังทำท่าทางตื่นเต้นดีใจไม่หยุด  เอิ่ม  คือ  น้องนีคะ  เป็นสาวเป็นนางช่วยเก็บอาการหน่อยก็ดีนะ  ฉันได้แต่คิดในใจ 

   พอพวกเราได้น้ำกันคนละแก้วแล้วก็เดินกลับมารอพวกนั้นที่รถ  พอพวกมันมาถึงก็เหวี่ยงฉันกับแม่นางมายเรื่องที่พวกเราไปซื้อน้ำก่อนและไม่รอ   พอเหวี่ยงเสร็จก็พากันเดินหน้าบิดหน้างอไปซื้อน้ำ ปล่อยให้พวกฉันยืนรออีกแล้ว  ฉันยืนจิบน้ำอัดลมไปเรื่อยๆ  พรางกวาดสายตามองดูผู้คนในสนามกีฬาที่กำลังเล่นกีฬากันอยู่  ส่วนมากก็จะมีแต่ผู้ชาย  อาหารตาเพียบ  ฉันก็เลยยืนรอได้อย่างใจเย็น  แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น  เมื่อชายคนนึงได้โผล่เข้ามาในลานสายตาของฉัน  มันยืนหน้าดุอย่างกับเสือ  ในมือกำหมัดแน่น  ยืนอยู่ห่างจากฉันไม่ไกลมากนัก  ฉันสะดุ้งตกใจ  มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย  มันไปอารมณ์เสียมาจากไหน  แล้วมันจะมาลงกับฉันมั้ย   มันยืนจ้องฉันอยู่พักนึง  ก่อนจะเดินเข้ามาหาฉัน 

   “ ไอ้เชี่ย  มึงผิดนัดกูหรอ  ”  มันตะคอกเสียงดังใส่ฉัน  จนฉันตกใจ   ฉันยืนนิ่ง  คิดตามที่มันพูด  ก็จำได้ว่าฉันมีนัดกับมันจริงๆ   ซวยแล้วไง ดันลืมนัดของมันซะนี่  งานเข้าแน่ๆ  เลย

   “ ป่าวนะ  ฉันไม่ได้ลืม  พอดีเมื่อวานฉันต้องไปทำธุระกับแม่  ก็เลยมาไม่ได้  ”  ฉันกุเรื่องขึ้นมาหลอกมันหน้าตาเฉย  หวังว่ามันคงจะเชื่อนะ

   “ ไม่เชื่อเว้ย  อย่าคิดว่าจะหลอกคนอย่างกูได้  กูไม่ใช่เด็กอนุบาล ”  มันดูโมโหมากขึ้นกว่าเดิมซะอีก  น่ากลัวมากๆ เลยอะ   ต้องยอมรับว่ากลัว  เพราะตอนนี้ไม่มีไอ้โต๊ดอยู่ด้วย แล้วใครจะปกป้องฉันหละ  ฮือๆๆ

   “ ไม่เชื่อก็ตามใจ ” ฉันพูดเสียงแข็งแล้วก็เชิดใส่มัน   มันเดินเข้ามาจับแขนฉันและกำเอาไว้แน่น  จนรู้สึกเจ็บ

   “ โอ้ย  ปล่อยเดี่ยวนี้เลยนะ ” ฉันทำตาดุใส่มัน 

   “ ไม่ปล่อย เรามีเรื่องต้องคุยกัน ”  มันลากแขนฉันไปกับมัน  ฉันก็พยายามสะบัดแขนให้หลุด แต่เหมือนยิ่งดิ้นมันก็ยิ่งกำแน่นขึ้น  ฉันจึงเลิกพยายามขัดขืนและเดินตามมันไปแต่โดยดี   อิแม่นางมายก็ไม่ได้ช่วยอะไรฉันเลย  ปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ  อย่างฉันโดนผู้ชายอย่างไอ้เต้รังแกได้ยังไง  มีเพื่อนก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย  เทยเพลียจิต 

   มันลากฉันมาในที่ลับตาคน  แล้วปล่อยแขนฉัน  ที่นี่เป็นหลังอาคารอะไรสักอย่างนึง  เพราะตอนเดินตามมันมาฉันก็ไม่ได้สังเกตทางมากนัก  มัวแต่คิดว่ามันจะทำอะไรฉัน  ฉันจะทำยังไงดีถึงจะรอดไปได้  ฉันกลัว  กลัวมากๆ เลยตอนนี้ 

   “ มึงรู้มั้ย  ว่ากูมารอมึงนานแค่ไหน ”  ฉันทำหน้าสำนึกผิด และส่ายหัวไปมา 

   “ งั้นมึงก็รู้ไว้ซะ  ว่ากูมารอมึงตั้งแต่สามโมงเช้าจนถึงเที่ยง  สุดท้ายมึงก็ไม่มา  ทำไม  ทำไมถึงทำแบบนี้ ”  มันตะคอกเสียงดังใส่ฉัน  แล้วเสียงนั้นก็แผ่วเบาในประโยคสุดท้าย     

   “ ขอโทษนะเต้  คือ.....  ฉันลืมนัดของแกจริงๆ ”  ฉันพูดความจริงกับมัน  เพราะขืนโกหกไปมากกว่านี้ มันก็คงจะไม่เชื่อ  และทำให้มันโกระมากกว่านี้ก็ได้  ฉันยังไม่อยากโดนเตะตอนนี้  ก็เลยพูดออกไปแบบนั้น  เผื่อสถานการณ์จะดีขึ้น 

   “ คิดไว้แล้ว  ว่ามันต้องเป็นแบบนี้  นัดของฉันมันคงไม่ได้สำคัญอะไรกับแกสินะ  แกถึงได้ลืมมันง่ายๆ แบบนี้ ” มันพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา  ที่ฟังดูเจ็บปวด  แถมหน้ามันยังดูเศร้าๆ อีก 

   ไอ้เต้มองฉันด้วยสีหน้าแววตาที่เศร้าหมอง  มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิดมากขึ้น  จนไม่กล้าสู้หน้ามัน ฉันทำได้แค่เพียงหลบหน้ามันและเงียบไป  ในสถานการณ์นี้ ความเงียบอาจจะช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้น  เราสองคนนิ่งเงียบไม่พูดอะไรกันสักพักนึง  แล้วไอ้เต้ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน 

   “ ถ้าฉันบังคับแกมากเกินไป  ฉันขอโทษ ”  น้ำเสียงนุ่มๆ  ที่ฉันได้ยิน ชวนให้ฉันเงยหน้าขึ้นมามองหน้ามัน   ก็ยังคงเห็นหน้าเศร้าๆ ของมันอยู่เหมือนเดิม  แถมยังทำตาละห้อยใส่ฉันอีก โถๆ ช่างดูน่าสงสารอะไรอย่างนี้

   ฉันยังคงนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว  จนกระทั่งมันเดินหนีฉันไป  ฉันจึงหันกลับไปมองตามหลังมัน  และตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างออกไป

   “ เต้  เสาร์นี้ว่างมั้ย ”  มันหยุดเดินแล้วหันกลับมามองฉัน 

   “ ทำไมหรอ ”  มันพูดสีหน้าเย็นชา  เอิ่มมม  เมื่อกี้มันยังทำหน้าเศร้าอยู่เลย  ทำไมมันเปลี่ยนอารมณ์ง่ายขนาดนี้หละ

   “ ถ้านายยังอยากให้ของขวัญฉัน  เสาร์นี้เก้าโมงเช้า  ฉันจะมารอนายที่สนามบาสนะ ”  มันไม่ตอบอะไรฉันเลย  ยืนนิ่งเงียบ  มองฉันอย่างเย็นชา  แล้วก็เดินจากไป  เง้อ  แบบนี้มันหมายความว่าไงอ่า 

   ฉันเดินมาหาเพื่อนๆ ตรงที่จอดรถ  เพราะมั่นใจว่ายังไงพวกมันก็ต้องรอฉันแน่นอน ก็ฉันมากับพวกมัน  พวกมันคงไม่ใจร้ายทิ้งฉันให้เดินกลับหรอกใช่มะ  พอฉันเดินมาถึงที่จอดรถก็เห็นอิกระต่ายกับอิสายป่านยืนทำหน้าเครียดอยู่  พอพวกมันเห็นฉันก็พากันตกใจ 

   “ เฮ้ยมึง เป็นไงบ้างวะ ”  อิสายป่านถามฉันด้วยความเป็นห่วง

   “ มันทำอะไรมึงหรือป่าว  เห็นมายบอกว่ามีผู้ชายพามึงไปไหนก็ไม่รู้  พวกกูก็เป็นห่วง ” อิกระต่ายก็ดูเป็นห่วงเป็นใยฉันเหมือนกัน  มีเพื่อนแบบนี้ ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย   

   “ ไม่เป็นไรหรอก  มันไม่ได้ทำอะไรฉัน   เราแค่คุยกันเฉยๆ ” 

   “ เออๆ  ดีแล้วที่มึงไม่เป็นอะไร  ป่ะๆ กลับกันเถอะ  เดี๋ยวมันจะมืดซะก่อน ”  อิสายป่านชวนพวกเรากลับบ้าน  พวกเราก็ขึ้นรถกัน  ซ้อนสามเหมือนเดิม อิกระต่ายนี่ไม่ยอมเปลี่ยนตำแหน่งให้ฉันไปนั่งสวยๆ ข้างหลังเลยเถอะ มันอ้างว่ามันตัวใหญ่ ไปนั่งข้างหน้าไม่ได้ เพราะจะทำให้อิสายป่านขับรถลำบาก เหตุผลดูเข้าที ฉันก็เลยยอมๆ มันไป 

    เป็นเวลาประมาณสามทุ่ม  ฉันขึ้นมาอ่านหนังสือที่ห้อง  คืนนั้นฉันอ่านหนังสือแทบจะไม่รู้เรื่อง    เพราะเรื่องระหว่างฉันกับไอ้เต้ในวันนี้  มันผุดเข้ามาในหัวสมองของฉันอยู่เป็นระยะๆ   ฉันจึงตัดสินใจปิดหนังสือและเข้านอนตั้งแต่สี่ทุ่ม เพราะรู้ว่าตอนนี้ไม่มีสมาธิแล้ว อ่านต่อไปก็ไม่เข้าใจ จำอะไรไม่ได้  จึงตัดสินใจปิดไฟนอน  แม้แต่ตอนนอนฉันก็ยังคิดถึงแต่เรื่องของไอ้เต้  มันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมองของฉัน  ฉันพยายามข่มตานอน  นอนพลิกตัวกลับไปกลับมา  ทำอย่างนี้อยู่นานจนกระทั่งหลับไป                 

   เช้านี้ฉันตื่นขึ้นมารู้สึกว่าตัวเองนอนไม่เต็มอิ่ม ไม่รู้หลับไปตั้งแต่ตอนไหน  ฉันงัวเงียลุกขึ้นมาจากที่นอนเพราะเสียงนาฬิกาปลุกตัวเดิม  ยังง่วงอยู่เลยอะ  ขอนอนต่อได้มั้ย  วันนี้อยากลาโรงเรียนสุดๆ   คิดออกแล้วว่าจะทำยังไง  อิอิ  ฉันเดินไปปลดล็อกประตูห้อง  แล้วกลับมานอนต่อ  เพราะนี่คือแผนการลาโรงเรียนของฉันนี่เอง 

   ก๊อก   ก๊อก  ก๊อก   เสียงเคาะประตูดังขึ้น

   “ ฟิล์ม  สายแล้วนะลูก  ตื่นไปโรงเรียนได้แล้วนะ ”  เสียงแม่ตะโกนอยู่หน้าห้อง  ฉันได้ยินทุกคำ  แต่ไม่ตอบ  แถมยังแกล้งหลับต่ออีก  ขอวันนึงนะแม่  หนูไม่ไหวจริงๆ  ความขี้เกียจเริ่มครอบงำ 

   เสียงเปิดประตูดังขึ้น  ฉันได้ยินเสียงฝีก้าวที่กำลังเดินเข้ามาหาฉัน  แม่นั่งลงข้างเตียงแล้วเอามือมาแตะหน้าผาก  และเอามือแตะตรงซอกคอของฉัน  ได้ยินแม่บ่นพึมพำว่าตัวของฉันไม่ได้ร้อน  แม่เขย่าแขนฉันเบาๆ พร้อมกับเรียกชื่อฉัน  ฉันก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ ทำตัวเหมือนคนป่วย 

   “ แม่ ”  ฉันเรียกแม่ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

   “ ไม่สบายหรือป่าว ” แม่ถามฉันสีหน้าเป็นห่วง

   “ หนูปวดหัวมากเลยจ้ะ  วันนี้ขาลาโรงเรียนนะแม่  ”  แม่พยัคหน้าเป็นการตอบรับคำขอของฉัน 

   “ เด๋ยวแม่ทำข้าวต้มมาให้กินนะ กินแล้วก็กินยา  แล้วก็นอนพักผ่อน  จะได้หายเร็วๆ ”  ฉันยิ้มอ่อนๆ ให้แม่ แล้วหลับตาลงช้าๆ  งานนี้รางวัลออสก้า ตุ๊กตาทอง  ต้องตกเป็นของฉันแน่ๆ เลย ในฐานะดาราเจ้าบทบาท  ก็เล่นซะตีบทแตกขนาดนี้  55555  ( โกหกพ่อแม่แบบนี้ไม่ดีนะจ้ะ อย่าลอกเลียนแบบเป็นอันขาด )

   วันนั้นฉันก็นอนเป็นคนป่วยทั้งวัน  พอตกเย็นมาฉันก็บอกแม่ว่าอาการปวดหัวเริ่มดีขึ้นแล้ว  แม่ก็ยิ้มใหญ่เลย  แล้วคว้าตัวฉันไปกอด  กอดของแม่ช่างอบอุ่นจริงๆ   ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสองทุ่ม  แม่บอกให้ฉันขึ้นไปนอน  เพราะกลัวว่าจะไม่สบายอีก  ฉันก็ไม่ขัดคำสั่งแม่   ขึ้นมานอนตั้งแต่หัวค่ำ  กำลังจะปิดไฟนอน  ไอ้น้องบ้าก็มาเคาะประตูเรียกให้ฉันไปรับโทรศัพท์  คงเป็นใครไปไม่ได้ที่โทรมา  มีอยู่คนเดียว  ไอ้โชคนั่นเอง 

   “ หวัดดีจ้ะโชค ”  ฉันเริ่มทักทายเลขหมายปลายทาง

   “ หวัดดีครับฟิล์ม ” มันทักทายฉันกลับอย่างสุภาพเช่นกัน

   “ วันนี้โทรมาแต่หัวค่ำเลยนะ ” ฉันแซวมันเล่นๆ 

   “ วันนี้ไม่เห็นฟิล์มที่โรงเรียนเลยอะ  พอไปถามมาย มายก้บอกว่าวันนี้ฟิล์มไม่มาเรียน  เราก็คิดว่าฟิล์มคงไม่สบาย เป็นห่วงมาก  อยากกโทรหาตั้งแต่เที่ยงแล้ว  แต่คิดว่าถ้าโทรไปตอนนั้นก็ไม่ได้คุยกับฟิล์มหรอก  คงได้คุยกับพ่อฟิล์มแทน ”  มันพูดซะยาวเหยียด 

   “ ก็คงงั้นมั้ง ”  ฉันหัวเราะเบาๆ

   “ ไม่ตลกเลยนะฟิล์ม  แล้วฟิล์มเป็นไงบ้าง  ไม่สบายหายรึยัง ” 

   “ ปวดหัวนิดหน่อย ตอนนี้หายแล้วหละ  ขอบใจนะที่เป็นห่วง ” 

   “ ฟิล์มนอนพักผ่อนเถอะ  พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนนะ ฝันดีครับ  ” 

   “ จร้าๆ  ฝันดีจ้ะ ”  ฉันนี่ยิ้มแก้มปริเลย  แปลกมาก  ปกติคุยกับไอ้โชคก็รู้สึกเฉยๆ นะ แต่ทำไมวันนี้คุยกับมันแล้วฉันถึงรู้สึกดีจังเลยแฮะ 

   ฉันมองไปที่ผ้าห่มลายหมูพูที่กำลังปกคลุมร่างกายของฉันอยู่  ผ้าห่มผืนนี้ทำให้ฉันนึกถึงหน้ามัน  หน้าไอ้โชคลอยเข้ามาในห้วงความคิดของฉัน  ทำให้ฉันยิ้มแก้มปริอีกครั้ง  และคืนนั้นก็เป็นอีกคืนที่ฉันนอนหลับฝันดี 

   ที่โรงเรียน  ในคาบเรียนช่วงเช้า  ตอนนี้เป็นคาบเรียนของวิชาภาษาอังกฤษ  คุณครูมีบทความบทหนึ่งให้พวกเราไปอ่านสอบทีละคน  ซึ่งเป็นการสอบเก็บคะแนน  เรื่องอ่านเนี่ยฉันก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าเป็นเรื่องหลักไวยกรณ์เนี่ยฉันขอบายคะ  ยอมรับว่าไม่เก่งเอาซะเลย  สุดท้ายแล้วฉันก็ทำออกมาได้ดีตามคาด  10/10  คะ  คุณครูเรียกฉันไปหา  และบอกว่าฉันพูดภาษาอังกฤษสำเนียงใช้ได้ที่สุดแล้ว  จึงขอให้ฉันเป็นตัวแทนของโงเรียนไปแข่ง  Speech  Contest  เหมือนเป็นการกล่าวสุนทรพจน์นะถ้าจำไม่ผิด  อิอิ  ฉันตอบตกลงและรับปากกับครูว่าจะทำให้ดีที่สุด 

   ในขณะที่ฉันกำลังนั่งกินข้าวเที่ยงกับเพื่อนสาว  3  นางอย่างเอร็ดอร่อย   ก็ได้ยินเสียงชะนีน้อยโต๊ะข้างๆ กำลังคุยกันเรื่องไอ้โชค  ฉันนี่หูผึ่งเลยคะ  แปลกจัง  แต่ก่อนนี่ไม่คิดจะสนใจอะไรหรอก แต่ทำไมช่วงนี้ ฉันรู้สึกว่าตัวเองสนใจมันมากขึ้น  ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ

   “ แก  วันนี้ฉันเห็นพี่โชคเตะฟุตบอลอยู่สนามหน้าอาคาร  ม.  ต้น  ด้วยแหละ ” เสียงน้องนีคนนึงพูดขึ้น

   “ จริงหรอ  อากาศร้อนๆ แบบนี้  พี่เค้าคงจะเสียเหงื่อไปเยอะเลยนะแก  ฉันว่าฉันจะซื้อน้ำเปล่าไปให้พี่เค้า  แกว่าดีมั้ย ”  น้องนีคนนี้นี่ออกตัวแรงเกินไปแระ  ฉันชักจะหมั่นไส้ 

   “ เอาเลยสิแก  ส่วนฉันนะจะซื้อน้ำหวานหรือไม่ก็น้ำอัดลมไปให้พี่เค้าดีกว่า  ”  น้องนีคู่ขาอีกคนก็เริ่มไม่มียางอายเหมือนกันแล้วสินะ 

   พูดจบพวกนางก็พากันหัวเราะคิกคัก   ฉันนี่หมั่นไส้มาก  เริ่มฉุนแล้ว  อยากตบชะนีสองตัวนี่จริงๆ เลย  เอ้ย  ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย  ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้หละ  เฮ้อ  เป็นอะไรมากรึ่ป่าวอิฟิล์ม  แต่เหมือนไม่ใช่ฉันแค่คนเดียวนะที่ฉุนชะนีสองคนนี้  เพื่อนสาวฉันก็มีอารมณ์ร่วมด้วยคะ 

   “ โอ้ย  มันจะอะไรกันนักกันหนา  อิแค่ผู้ชายคนเดียว ”  อยู่ดีๆ อิสายป่านก็ร้องแหกปากขึ้นลอยๆ  เหมือนตั้งใจจะให้ไปกระทบใครบางคนที่ฉันกำลังหมั่นไส้อยู่ 

   “ เออ  กูก็ว่างั้นแหละ ”  ฉันพูดขึ้นน้ำเสียงไม่พอใจ  เพื่อนสาว  3  นาง  ก็หันขวับมามองฉันทันที  แต่ฉันก็ไม่ได้แคร์คะ เชิดใส่เบาๆ    พวกมันก็มองฉัน  งงๆ 

   “ ฟิล์ม  แกเป็นอะไร ”  แม่นางมายเอ่ยถามฉันด้วยความสงสัย 

   “ ไม่ได้เป็นไร  แค่รำคาญ  เข้าใจมั้ย ”  ฉันพูดกระแทกแดกดันต่อหน้าเพื่อนสาว  3  นาง  ทำเอาแม่นางมายกับอิกระต่ายเอ๋อแด*  ส่วนอิสายป่านก็ยิ้มเยาะ  มันคงจะรู้ว่าฉันตั้งใจจะพูดให้ใคร

   ฉันลุกขึ้น  แล้วบอกเหล่าเพื่อนสาวว่าจะไปเข้าห้องน้ำ   เสร็จแล้วก็จะขึ้นห้องเลย   พวกมันก็โอเค  ฉันจึงเดินเอาจานไปเก็บ  ฉันกำลังจะเดินออกจากโรงอาหาร  ไอ้โชคก็แว้บเข้ามาในหัวสมองของฉัน  ฉันจึงหยุดฝีก้าวแล้วคิดอะไรเล็กน้อย  ก่อนจะหันกลับเข้าไปในโรงอาหาร  แล้วเดินไปที่ร้านขายน้ำ  ฉันเลือกซื้อน้ำเปล่ากับน้ำเขียว  แล้วก็เดินไปที่หน้าอาคารเรียน  อาคารเรียนนี้ก็คืออาคารของฉันและเป็นอาคารเรียนของ ม. ต้น นั่นเอง  ฉันมองไปข้างหน้าเห็นไอ้โชคกำลังเล่นฟุตบอลกับพวกผู้ชายอยู่  โห  เหงื่อโชกเลยอะ  เสื้อนักเรียนสีขาวนี่อาบเหงื่อจนเปียก  แล้วพวกมันจะเรียนภาคบ่ายกันยังไงวะเนี่ย 
   
   เหมือนเกมส์การแข่งขันจะจบลงแล้ว  ฉันกำลังจะเดินเอาน้ำที่ซื้อมาเข้าไปให้ไอ้โชค แต่ไม่ทันซะแล้ว  น้องนีหลายคนพากันวิ่งพรวดเข้าไปหาไอ้โชคที่อยู่กลางสนาม   ตอนนี้ไอ้โชคโดนรุมโดยเหล่าน้องนีนับห้าคนได้   นี่พวกแกไม่เหม็นเหงื่อมันเลยรึไงจ้ะ  ฉันมองดูภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ 

   “ ฟิล์ม ”  เสียงน้องนีที่ไหนมาเรียกฉัน  ฉันหันหลังกลับไปมอง ก็เห็นแม่นางพวงยืนอยู่ 

   “ พวง  แกมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ”  ฉันทำหน้า งงๆ 

   “ เพิ่งมาเมื่อกี้แหละ แล้วแกทำไรอยู่นี่ ไม่ขึ้นห้อง  จะถึงเวลาเรียนคาบบ่ายแล้วนะ ”

   “ อ๋อ  ฉันรอเพื่อนอยู่   แกขึ้นไปก่อนเลย ”  ฉันโกหกไปแบบนั้น   นางก็พยัคหน้ารับทราบ

   “ โอเค  งั้นฉันไปก่อนนะแก  แกก็รีบๆ ขึ้นมาหละ  เข้าเรียนสายเดี่ยวโดนครูดุเอาไม่รู้ด้วยนะจ้ะ ” ฉันยิ้มให้นาง  นางก็ยิ้มกลับ  แล้วแม่นางพวงก็เดินขึ้นอาคารเรียนไป

   ฉันก้มหน้ามองดูน้ำเขียวแฟนต้าที่ซื้อมา  ก่อนจะเงยหน้าขึ้น  ในขณะที่ฉันกำลังจะเดินขึ้นอาคารเรียน  ก็มีเสียงเรียกชื่อฉันดังขึ้นอีกครั้ง  คราวนี้เป็นเสียงผู้ชาย  ฉันรู้ว่าเจ้าของเสียงนี้คือใคร  ฉันจึงหยุดเดินและหันกลับไปหาเจ้าของเสียง  มันกำลังวิ่งเข้ามาหาฉัน  พอมาวิ่งมาถึงมันก็หายใจหอบแฮกๆ  เหงื่อนี่ท่วมตัวเลยอะ   แต่ทำไมถึงไม่มีกลิ่นเหม็นเหงื่อนะ มีแต่กลิ่นน้ำหอมของผู้ชาย  กลิ่นอ่อนๆ  มากระทบประสาทการดมกลิ่นของฉัน หอมจัง  กำลังพอดีเลย  ไม่ฉุนมากเหมือนพวกที่ชอบอาบมา

   “ กำลังจะขึ้นห้องหรอ ”

   “ อืม ” ฉันตอบสั้นๆ ห้วนๆ   สีหน้าเรียบเฉย  มันก็มองฉันแปลกๆ 

   “ เป็นไรอะ  ไม่สบายอยู่หรือป่าว   ทำไมดูไม่สดใสเลยหละ ”  ช่างสังเกตจริงๆ นะพ่อคุณ

   “ ป่าว  เราสบายดี  ขึ้นห้องก่อนนะ ”  ฉันก็ยังทำสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม 

   “ เดี๋ยวดิ ”  ฉันกำลังจะเอี้ยวตัวไป  พอได้ยินมันห้ามเอาไว้  ฉันก็เอี้ยวตัวกลับมา

   “ มีอะไร ”  ฉันชักจะเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ  ฉันแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน  ไอ้โชคก็คงจะสังเกตเห็น  มันถึงได้ทำหน้าซีดเผือดขนาดนั้น  คงรู้สินะว่าฉันเริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้ว 

   “ ปกติฟิล์มไม่กินน้ำเขียวหนิ  ทำไมวันนี้ถึงซื้อมากินหละ ”  ฉันนี่หน้าเหว๋อไปเลยคะ  ตอนแรกก็ตั้งใจจะซื้อมาให้มันนั่นแหละ แต่พอเห็นสาวๆ พวกนั้นซื้อมาให้มันเยอะแล้ว  ก็เลยเปลี่ยนใจไม่อยากให้แระ 

   “ ก็อยากลองกินดูบ้าง ไม่ได้รึไง ”  ฉันย้อนถามมันกลับ 

   “ ได้สิ  แต่ฟิล์มมีน้ำตั้ง 2 ขวดอะ  วันนี้ฟิล์มกินน้ำเปล่าไปก่อนได้มั้ย  ส่วนน้ำเขียวนั่น เราขอซื้อต่อนะ ”  พูดแล้วมันก็ยิ้มหวานให้ฉัน  ทำให้ฉันไขว้เขวซะแล้วสิ   

   “ บ้า  ได้ไงกัน ”  ฉันปฏิเสธมันไป 

   “ ฟิล์มค้าบบบ  ตอนนี้โชคหิวน้ำมากเลยอะ  ขอซื้อต่อนะ นะๆ  ”  มันออดอ้อนฉัน  ทำหน้าทำตาบ้องแบ๊ว  กระพริบตาปริบๆ  น่ารักโครต 

   “ นายจะหิวได้ไง  ก็ฉันเห็นสาวๆ  แห่กันเอาน้ำไปให้นายแล้วหนิ ”  ฉันกำลังน้อยใจ รึป่าว  สับสนในตัวเอง 

   “ แต่เราก็ไม่ได้รับน้ำจากใครสักคนเลยเลยนะ ”  ดูมันทำหน้าทำตา  กวนโอ้ยชะมัด 

   “ จะไปรู้หรอ  เอ้านี่  ฉันให้นายเลยแล้วกัน  เห็นแล้วสงสาร ”  ฉันยื่นน้ำเขียวแฟนต้าให้มัน  ฉันรู้ว่ามันชอบกินน้ำเขียว ฉันก็เลยตังใจซื้อมาให้มัน  มันก็รับไป   

   “ ขอบใจนะ ”  มันยิ้มหวานให้ฉันอีกแล้ว  เหอะๆ  พอเถอะ  ฉันเขินนะ  ฉันหลบสายตามันแล้วบิดตัวไปมา  เอิ่มม  นี่ฉันกำลังเขินไอ้โชคอยู่จริงๆ หรอ   

   “ ฟิล์ม  เป็นไรอะ หน้าแดงๆ  ไม่สบายอีกหรือป่าว ” พูดแล้วมันก็เอามือมาแตะหน้าผากฉัน  แอร๊ยยยย  ตุ๊บๆ  ตุ๊บๆ  หัวใจของฉันกำลังสั่นไหว  อาการชักจะเริ่มแปลกๆ แล้วแฮะ  มันแตะหน้าผากฉันไม่นาน  ก็เอามือออกไป 

   “ ตัวก็ไม่ร้อนหนิ  ฟิล์มเป็นไรหรือป่าว  บอกเราได้นะ เดี๋ยวเราจะพาไปห้องพยาบาล ”  ฉันเงยหน้าขึ้นมามองหน้ามัน  มันดูสีหน้าจริงจังมาก สงสัยคงคิดว่าฉันไม่สบายจริงๆ 

   “ เราสบายดี  ขึ้นห้องกันเถอะโชค  ใกล้จะถึงเวลาเรียนแล้ว ”  ฉันพูดเสียงสั่นๆ  พูดจบก็รีบวิ่งขึ้นอาคารเรียนทันที  ไม่รอไอ้โชคเลย   มันก็ร้องเรียกให้ฉันรอด้วย  แต่ฉันก็ไม่รอ รีบวิ่งเข้าห้องทันที  มันก็วิ่งตามฉันมาจนถึงประตูหน้าห้อง  ฉันมองเห็นมันยกขวดน้ำเขียวแฟนต้าขึ้น พร้อมกับส่งยิ้มมาให้ฉัน  และบอกว่าขอบใจนะ  แล้วมันก็เดินออกไปจากตรงนั้น

  ไอ้โชคคง  งง  กับพฤติกรรมแปลกๆ ของฉัน  เพราะขนาดฉันเองก็ยัง  งง กับตัวเอง  นี่ฉันทำอะไรลงไป  ฉันกำลังรู้สึกแบบไหนกับมันกันแน่    หรือว่า  ฉันกำลัง........................  ฮือๆๆ  ไม่นะ  ฉันยังไม่พร้อม   :katai1:

.....................................................................



ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :really2:

อยากรู้จังว่าเต้จะให้อะไรเป็นของขวัญ

(แอบเชียร์เต้ ฮ่าๆๆ)

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
ชอบโชคแล้วใช่มั้ย อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Fan club  the series ของเราหายหน้าหายตาไปไหนกันหมดน้อ ช่วงหลังๆ มานี้ เห็นมีมาเม้นกันอยู่ สอง สามคน  :hao5:

    คิดถึงทุกๆ คนนะคะ ถ้าเข้ามาอ่านแล้ว ก็คอมเม้นพูดคุยและให้กำลังใจเค้าด้วยน้า  :pig4:


ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
จะโชคหรือจะเต้ดี

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ช่วงนี้ทำ OT เยอะไปหน่อย  ไม่ค่อยมีเวลาเขียนตอนต่อไปเลย  แต่ก็พยายามหาเวลามานั่งเขียนให้ได้อ่านกันอยู่นะ  เขียนได้วันละไม่กี่หน้าเอง  เอาเป็นว่า  ตอนต่อไป  จะลงให้ได้อ่านกันวันอังคารนะ  อดทนรอหน่อยนะจ้ะ   :katai4: 

ปล. คิดถึงนักอ่านทุกๆ คนเลย   :mew1:

ออฟไลน์ Chanik

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
วันนี้จะอัพตอนต่อไปทันหรือป่าวนะ  เพราะตอนนี้เพิ่งเลิกงาน รู้สึกเหนื่อยๆ เพลียๆ  ขอพักร่างกายแปปนะ  คิดถึงนักอ่านทุกคนเหมือนเดิม o13

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนที่  11

   ฉันนั่งครุ่นคริดถึงความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้  ความรู้สึกแปลกๆ ที่ฉันกำลังมีต่อไอ้โชค  ถึงแม้ในใจลึกๆ จะรู้คำตอบอยู่บ้าง  แต่ก็พยายามปฏิเสธมัน  เพราะไม่อยากให้มันเกิดขึ้น   ฉันไม่อยากกลืนน้ำลายตัวเองเลยจริงๆ  ฉันเก็บเอาเรื่องนี้มาคิดแล้วคิดอีก จนกลายเป็นว่าตอนนี้ฉันกำลังเหม่อลอยและตัดขาดจากโลกภายนอกไปแล้ว 

   “ เฮ้ย!  มึงเป็นอะไรวะ  ”  ฉันสะดุ้งตื่นเพราะเสียงแหกปากของไอ้น้องชายตัวแสบ

   “ ป่าว  ก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ”  มันมองฉันแบบ งงๆ  แล้วนั่งลงบนม้าหินอ่อนฝั่งตรงข้ามกับฉัน

   “ มีอะไรก็บอกกูนะเว้ย  กูไม่อยากเห็นพี่ชายเป็นทุกข์ ” ฉันทำหน้าดุใส่มัน  ให้ตายเถอะ  เมื่อไหร่มันจะเลิกเรียกฉันว่าพี่ชายสักที  บอกเป็นร้อยครั้ง พันครั้งแล้วนะ  ว่าห้ามเรียกแบบนี้  พอมันเห็นฉันทำหน้าดุ  แทนที่มันจะกลัวฉัน  แต่ตรงกันข้าม    มันนั่งหัวเราะใหญ่เลย 

   “ พอๆ  กูมีเรื่องจะถามมึงหน่อย  ในฐานะที่มึงเป็นผู้ชายแท้ๆ คนนึง ”  ฉันพูดท่าทางจริงจัง   มันก็เริ่มทำหน้าจริงใจเหมือนกัน  เพราะเรากำลังจะเข้าโหมดของการมีสาระแล้ว 
 
   “ มีไรก็พูดมาสิ  รอฟังอยู่ ”  ฉันนิ่งอยู่พักนึง ในใจก็ยังคงคิดว่าจะถามมันดีมั้ย  และแล้วก็ตัดสินใจถามมันออกไป

   “ มึงคิดว่า  จะมีผู้ชาย  มาชอบกะเทยมั้ยวะ ”  ฉันคาดหวังจะได้คำตอบที่พึงปรารถนา 

   “ ไม่รู้ดิ  กูว่ามึงเอาเวลาไปตั้งใจเรียนเถอะ  ดีกว่าจะมาคิดเรื่องบ้าๆ อะไรแบบนี้  เพราะถึงเค้าจะชอบมึงจริงๆ แต่สุดท้ายเค้าก็ทิ้งมึงไปหาผู้หญิงอยู่ดี  เชื่อกู  ร้อยทั้งร้อย ” คำตอบของมันทำเอาฉันหน้าเหว๋อไปเลยคะ ถึงมันจะเป็นน้องฉัน แต่เราก็อายุห่างกันแค่ปีเดียวเอง บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าความคิดความอ่านของมันดูเป็นผู้ใหญ่กว่าฉันอีกแฮะ 

   “ เออๆ  รู้แล้ว  แก่มา  ดูแล้วกูด้วยหละ ”  55555  มันหัวเราะขึ้นมา   มันน่าตลกตรงไหนอะ

   “ ไอ้บ้า  พี่ชายแค่คนเดียว ดูแลได้สบายๆ อยู่แล้ว  ไม่ต้องเป็นห่วง ”  ฉันยิ้มให้กับมัน แล้วมันก็ยิ้มให้กับฉัน   ถึงอนาคตฉันจะไม่มีใคร แต่ฉันก็มั่นใจว่าฉันจะยังมีไอ้น้องชายตัวแสบคนนี้อยู่เคียงข้างฉันเสมอ

   คำตอบที่ได้จากชายผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องของตัวเอง  มันคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด  เพราะมีผู้ชายในโลกนี้ไม่กี่คนนักหรอกที่จะหวังดีกับฉัน  ฉันเก็บเอาคำตอบนั้นมานั่งคิดทบทวนต่อในขณะที่ฉันกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้อง  เวลาล่วงเลยเข้าสี่ทุ่มแล้ว   ไอ้โชคยังไม่โทรมาอีกหรอเนี่ย  เอิ่มม   อย่าบอกนะว่า นี่ฉันกำลังนั่งรอโทรศัพท์มันอยู่  ปกติมันก็ไม่ได้โทรมาหาฉันทุกวันหรอกนะ แล้วฉันก็ไม่เคยใส่ใจด้วยว่ามันจะโทรมาหรือไม่โทร  แต่ทำไมวันนี้ฉันถึงได้ถวิลหามันนักหละ  สงสัยฉันจะเริ่มเป็นเอามากแล้วนะเนี่ย  ขืนปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ต่อไป  ต้องการการเรียนแน่ๆ เลย  ฉะนั้นควรตัดไฟตั้งแต่ต้นลม  ก่อนที่ไฟมันจะลุกโชนไปมากกว่านี้  คิดได้แบบนี้แล้ว  ก็เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเลยก็แล้วกัน  สู้โว้ย!!

   เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันก็อาบน้ำแต่งตัวมาเรียนเหมือนทุกๆ วัน  วันนี้โชคดีหน่อยมาถึงโรงเรียนก่อนที่ฝนจะตก  เฮ้อๆ  ไม่ชอบเล้ยหน้าฝนเนี่ย  เพราะมันเป็นอุปสรรคต่ออะไรหลายๆ อย่าง อย่างน้อยๆ ก็เรื่องมาโรงเรียนนี่ไง   วันไหนที่ฝนตกฉันก็ต้องขับมอไซต์กางร่ม  ใส่เสื้อกันฝน  กว่าจะมาถึงโรงเรียนก็สะบักสะบอมเลยแหละ   วันนี้ฝนตกในช่วงเช้า ทำให้เราได้มาเข้าแถวทำกิจกรรมเคารพธงชาติและสวดมนต์ไหว้พระที่หน้าห้องเรียนของตัวเอง  ก็ดีนะ ดีกว่าไปยืนตากแดดที่หน้าเสาธง  หุหุ

   “ นี่อิฟิล์ม  ช่วงนี้เข้าหน้าฝนแล้วนะมรึง  พ่อมึงยังจะให้มึงขับมอไซต์ฝ่าลมฝนไปกลับโรงเรียนอีกหรอ  ทำไมมึงไม่ขอพ่อมึงมาขึ้นรถประจำทางกับพวกกูหละ ”  อิกระต่ายถามฉัน 

   “  ไม่เอา  กูไม่ชอบ คนเยอะเบียดเสียดกันอย่างกับปลากระป๋อง ”  ฉันพูดสีหน้าไม่สบอารมณ์ 

   “ เออๆ  แล้วแต่มรึงแล้วกัน ”  มันต้องอย่างนี้สิจ้ะอิเพื่อนสาว  ชอบจริงๆ มีเพื่อนตามใจ

   เสียงเพื่อนนักเรียนในห้องพูดขึ้นแว่วๆ ว่าคุณครูมาแล้ว  พวกเราจึงพากันวิ่งวุ่นเข้าประจำที่ของตัวเอง  แล้วก็นั่งกันได้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนที่ครูจะเดินเข้าห้อง  เป็นแบบนี้ประจำ  555555  พอครูเข้านั่งประจำที่หัวหน้าห้องก็บอกทำความเคารพ  พวกเราก็ไหว้สวัสดีค่ะ/ครับ  กันถ้วนหน้า  แลดูเป็นเด็กน่ารักจังเลยเน่าะ 

   “ นาย.................... ” คุณครูเรียกชื่อจริงของฉัน  โอเค ไม่เป็นไร ถ้าเป็นครูฉันให้อภัยได้  แต่ถ้าเป็นคนอื่น ฉันโกรธจริงๆ ด้วย 

   “ ครับ ”  ฉันขานรับที่ครูเรียก  ถึงจะกระดากปากแต่ก็ต้องจำใจพูด  เพราะครูไม่อนุญาตให้พูดคะขานั่นเอง

   “ คุณครู...............  เรียกให้เธอไปพบ ที่ห้องพักครูตอนนี้  ครูอนุญาตให้เธอลงไปได้ ”  สงสัยจะเป็นเรื่องครูเคยคุยเอาไว้ก่อนหน้านี้แน่ๆ เลย  เรื่องที่จะให้ฉันเป็นตัวแทนไปแข่งขัน  Speech  Contest  นั่นแหละ  พอครูอนุญาตแล้ว ฉันก็ลุกเดินออกจากห้องและมุ่งหน้าไปที่ห้องพักครูซึ่งอยู่ชั้น  1 

   ในขณะที่ฉันกำลังจะเดินไปที่ห้องพักครูที่อยู่ชั้นล่างนั้น  ฉันก็ต้องเดินผ่านห้องไอ้โชค  ช่วงที่เดินผ่านประตูห้องมัน  หางตาของฉันก็เหลือบไปเห็นไอ้โชคที่กำลังนั่งคุยกันกับเพื่อนมันอยู่  มันมีความรู้สึกอะไรบางอย่าง  แปล๊บๆ เข้ามาข้างในหัวใจของฉัน  ฉันจึงหยุดฝีก้าวเอาไว้ที่หน้าประตูห้องมัน  และหันไปมองดูมันอย่างเต็มตา  ประจวบกับที่มันหันมามองดูฉันพอดีเช่นกัน  มันจึงส่งยิ้มทักทายฉันตามมารยาท ( มั้ง )  แต่ฉันตัดสินใจแล้ว ว่าจะต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม  ฉันจึงมองมันหน้านิ่ง  สีหน้าของมันก็เริ่มเปลี่ยนไป  ตอนนี้มันทำหน้า งงๆ  แหงหละ มันต้อง งง  อยู่แล้ว  เพราะอยู่ดีๆ ฉันก็ทำตัวแบบนี้  ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีเหตุการณ์ให้ทะเลาะกันมาก่อน  เป็นใครก็ต้อง งง กันทั้งนั้นแหละ  แล้วฉันก็ตัดสินใจเดินต่อไปยังห้องพักครู  โดยที่ไม่ได้ยิ้ม หรือทำท่าทางอะไรทักทายมันเลย มันคงจะ งง  เป็นไก่ตาแตกไปแล้วแน่ๆ เลย

   ที่โรงอาหารในเวลาพักเที่ยง  พวกเรา 4 นางก็นั่งกินข้าว เม้าท์มอยกันตามประสากะเทย  เอ๊าะ  มีน้องนีด้วย 1 คน  เกือบลืมไปเลยว่านางเป็นนี  ก็สนุกสนานเฮฮากันไปตามระเบียบจ้ะ

   “ เออ  อิฟิล์ม  ได้ยินข่าวว่ามึงได้เป็นตัวแทนระดับ ม. ต้น  ของโรงเรียนเรา  ไปแข่งขันพูดภาษาอังกฤษหรอยะ ”  อิสายป่านทำหน้าทำตาอยากรู้อยากเห็น 

   “ เออ  ใช่  แมร่ง  ครูเอาเนื้อหาภาษาอังกฤษมาให้กูท่องจำตั้ง 1 หน้ากระดาษเลยนะมรึง  ใครจะไปจำได้หมด กูไม่อยากไปแข่งเลยหวะ ”  ฉันทำหน้าเซ็งๆ ปนคิดหนัก  จะไม่ให้คิดหนักได้ไงหละ แค่เนื้อหาภาษาไทย 1 หน้ากระดาษจะให้จำให้ได้ทั้งหมดก็ว่ายากแล้ว  แต่นี่ภาษาอังกฤษ  จะจำได้ยังไงหมด  แถมต้องออกเสียงให้ถูกต้อง  และให้ได้สำเนียงอีก  โอ้ยยย  เทยกลุ้มคะ  อยากบ้าตาย 

   “ ทำๆ ไปเถอะ  เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ” อย่าบอกนะว่านี่คือคำพูดปลอบใจของมึง  อิกระต่าย 

   “ มึงก็พูดได้ดิ  ลองมาเป็นกูดูมั้ยหละ  กูก็อยากรู้เหมือนกัน  ว่าที่มึงบอกเดี๋ยวมันก็ผ่านไป  มึงจะผ่านไปได้ยังไง ”  ฉันหงุดหงิดจนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่จึงพาลอิกระต่ายและพูดหาเรื่องมันจนได้

   “ เอ้าอินี่  ก็กูไม่ได้เก่งเหมือนมึงหนิ มึงเก่งมึงก็ทำไปสิ ” อิกระต่ายก็เริ่มขึ้นเสียงใส่ฉันแล้วเหมือนกัน 

   “ พอๆ  จะทะเลาะกันไปทำไม  มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ  ฉันว่าแกใจเย็นๆ ก่อนนะฟิล์ม  ยังมีเวลาอีกนานกว่าจะถึงวันแข่งขัน  ฉันเชื่อ ว่าแกต้องทำได้  สู้ๆ ” แม่นางมายเหมือนนางฟ้าที่ช่วยมาหยุดไม่ให้พวกเราทะเลาะกัน  และทำให้ฉันได้สติ  ใช่แล้ว ยังเหลือเวลาอีกเป็นเดือน ฉันจะต้องท่องจำมันทุกวัน  วันละหลายๆ รอบ ถ้าทำถึงขนาดนี้แล้ว จะจำไม่ได้ก็ให้มันรู้ไปสิคะ  อะไรมันจะเกินความสามารถของกะเทยอย่างฉัน  5555555

   ฉันรู้ตัวว่าฉันผิดที่เป็นฝ่ายเหวี่ยงอิกระต่ายก่อน ทั้งๆ ที่มันก็พูดปลอบใจฉันแท้ๆ แต่กลับโดนฉันเหวี่ยงซะนี่  ฉันจึงพูดขอโทษอิกระต่ายก่อน  นางบอกไม่เป็นไร แล้วนางก็ขอโทษฉันเหมือนกันที่พูดออกมาแบบนั้น  แล้วสถานการณืก็กลับมาสดใสเหมือนเดิม ฉันเลี่ยงที่จะคุยเรื่องการแข่งขันบ้าบอนั้น  และชวนเหล่าเพื่อนสาวคุยเรื่องอื่นกันต่อ 

   “ ฟิล์ม  โชคขอคุยด้วยหน่อย ”  ฉันที่กำลังเม้าท์มอยกับเหล่าเพื่อนสาวอย่างสนุกสนานก็ต้องมองไปหาต้นเสียงนั้น  เห็นไอ้โชคยืนอยู่ตรงหน้า  และมันก็กำลังทำหน้าเคร่งขรึมใส่ฉัน 

   “ มีอะไรก็พูดมาสิ  เราฟังอยู่ ”  ฉันพูดน้ำเสียงเย็นชา  พร้อมกับท่าทีที่ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่  เพราะฉันไม่มองหน้ามันเลย

   “ โชคขอคุยกับฟิล์ม 2 คน  เรามีเรื่องต้องคุยกัน ”  ฉันหันไปมองหน้ามัน ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์  แต่มันก็ยังทำหน้าเคร่งขรึมใส่ฉันเหมือนเดิม 

   ฉันลุกขึ้น  แล้วบอกให้มันเดินตามฉันไป  จากนั้นฉันก็บอกเหล่าเพื่อนสาวว่าเดี๋ยวจะกลับมา พวกมันก็ทำหน้าเอ๋อแด*กันใหญ่  คงจะ งง  หละสิว่าเกิดอะไรขึ้น 

   เราสองคนเดินมาหน้าอาคารเรียนของเด็กประถม  โดยมีฉันเป็นคนเดินนำหน้า และมันก็เดินตามหลังมาติดๆ  ที่หน้าอาคารเด็กประถมจะมีศาลาไม้เรือนไทยอยู่  ฉันเห็นว่าที่นั่นปลอดคน  จึงเดินไปนั่งบนนั้นพร้อมกับไอ้โชค 

   “ โชคมีไรก็รีบๆ พูดมาเถอะ  ใกล้จะถึงเวลาขึ้นเรียนคาบบ่ายแล้ว  เราไม่อยากเข้าเรียนสาย ”  ฉันพูดเสียงแข็ง

    “ ฟิล์มเป็นไรอะ  ฟิล์มดูแปลกๆ ไป  ไม่ยิ้ม ไม่ทักทาย แถมยังพูดจากับเราแปลกๆ เหมือนเราไม่ใช่เพื่อนกันเลย ”

   “ เราไม่ได้เป็นไรหรอก  ก็แค่.......   ก็แค่........ ” ฉันอ้ำอึ้งจนไอ้โชคคงจะทนไม่ไหว  มันจึงพูดสวนฉันขึ้นมา

   “ ก็แค่อะไรหละฟิล์ม  รีบพูดมาสิ  เราอยากรู้เหตุผลที่ฟิล์มทำตัวแปลกๆ แบบนี้  แทบจะบ้าอยู่แล้วนะ ” มันดูกระวนกระวายใจมาก  ฉันมองงหน้ามันอยู่พักนึง ก่อนจะตอบอะไรบางอย่างออกไป

   “ โชคช่วยอยู่ห่างๆ เราหน่อยได้ไหม ”  ฉันพูดประโยคนี้อย่างนุ่มนวล  แต่มันกลับทำให้ไอ้โชคอึ้งไปเลยทีเดียว  ฉันเห็นมันนั่งตัวแข็ง  และนิ่งเงียบไปสักพักใหญ่ๆ  ในแววตาของมันดูเศร้าอย่างเห็นได้ชัด  ฉันมองเห็นน้ำตาคลอเบ้าบนดวงตาคู่นั้น  เพียงกระพริบตาแค่ครั้งเดียว  น้ำตาก็ไหลผ่านแก้มทั้ง 2 ข้าง   ดวงตาคู่นั้นกำลังชุ่มไปด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวดสินะ 

   “ ฟิล์มหมายความว่าไง  ”  ไอ้โชคถามฉันเสียงสั่น  น้ำตาของมันก็ไหลออกมาเรื่อยๆ ไม่มีท่าทีจะหยุดเลย

   “ ฟิล์มอยากให้โชคเลิกยุ่งกับเราสักที ไม่ต้องทักทาย  ไม่ต้องพูดคุย  ไม่ต้องเจอหน้ากันเลยยิ่งดี ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา  และไม่กล้ามองหน้ามัน  เพราะตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกผิด  สีหน้าแววตาของฉันกำลังโศกเศร้าไม่ต่างจากไอ้โชคนักหรอก  แต่ฉันจำเป็นต้องทำ   ขอโทษด้วยนะโชค   ฉันได้แต่คิดในใจ

   “ ทำไมหละฟิล์ม  เราทำอะไรให้ฟิล์มไม่สบายใจ  เราทำอะไรให้ฟิล์มโกรธ  ก็บอกกันมาดีๆ สิ   จะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน  มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ  คุยกันดีๆ คุยกันให้รู้เรื่องได้ไหม ” มันพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเจ็บปวดมากๆ  คำพูดของมันทำให้ฉันเจ็บแปล๊บในหัวใจ  ฉันก็อยากบอกความรู้สึกจริงๆ ให้แกฟังอยู่หรอกนะ  แต่ฉันกลัว  กลัวอะไรหลายๆ อย่าง  นี่คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วหละ  แล้วฉันก็ตัดสินใจพูดบางอย่างออกไป เพื่อให้จบๆ กันสักที

   “ หยุดพูดได้แล้ว ฉันรำคาญ  ฉัน......  ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับแกแล้ว  ไม่อยากเห็นหน้าแก  ต่อไปนี้ไม่ต้องเสนอหน้ามาให้ฉันเห็นอีกนะ  ถ้าแกยังมาตอแยกับฉันอีก  ฉันจะโกรธ จะเกลียดแกไปตลอดชีวิตเลย ไอ้บ้า ”  ฉันพูดตะคอกใส่มันเสียงดัง  พูดไปน้ำตาก็ไหลออกมา  ฉันรู้ว่าตัวเองก็กำลังร้องไห้เหมือนกัน  แต่ตัดสินใจไปแล้วหนิ ต้องทำให้ถึงที่สุด 

   สิ่งที่ฉันพูดทำให้ไอ้โชคยิ่งร้องไห้หนักขึ้น  น้ำตาของมันไหลออกมาอาบแก้มทั้งสองข้าง  ทั้งสะอึกสะอื้นไปด้วย  ไม่มีคำถามอะไรออกมาจากปากของเขาอีกเลย  มีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมาแทนคำตอบ   มันคงเจ็บปวดมากเลยสินะ  ฉันรู้ ฉันเข้าใจ  เพราะฉันก็กำลังรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน    ในที่สุดฉันก็ทนเห็นความเจ็บปวดที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว    ฉันจึงวิ่งปาดน้ำตาออกมาจากศาลา ไม้เรือนไทย   ทิ้งให้ไอ้โชคนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง  ( ใจร้ายสุดๆ เลยใช่ไหม)

    ฉันวิ่งเข้าไปในห้องน้ำหญิง  มีชะนีน้อยใหญ่อยู่จำนวนนึง  พวกนางก็ตกในสิคะ  ไม่ใช่ตกใจที่เห็นกะเทยมาเข้าห้องน้ำหญิงนะ  แต่ตกใจที่เห็นฉันวิ่งร้องไห้เข้ามาในห้องน้ำ   ฉันเองก็อายพวกนางมาก  จึงเดินเข้าห้องน้ำแล้วล็อกประตู  จากนั้นฉันก็ปล่อยโฮออกมาอย่างเต็มที่  ใช้มือทั้งสองข้างมาปิดปากตัวเองไว้ เพื่อไม่ให้เสียงร้องไห้เล็ดรอดออกไปข้างนอกได้    ฉันนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในนี้สักพักใหญ่  กว่าจะหยุดน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาดั่งสายน้ำไหลได้  เวลาก็ล่วงเลยเข้าคาบเรียนแรกในช่วงบ่ายแล้ว  ฉันจึงรีบวิ่งออกจากห้องน้ำและขึ้นอาคารเรียน 

   ถึงแม้น้ำตาจะหยุดไหล  แต่ก็ไม่อาจซ่อนความเจ็บปวดที่อยู่ภายในใจได้ เพราะมันกำลังแสดงออกมาทางสีหน้าที่ดูเศร้า และท่าทางซึมๆ   ฉันเดินมาจนถึงประตูห้องก่อนจะขออนุญาตครูเข้าห้อง  ครูก็ถามว่าไปทำอะไรมา ฉันก็ตอบไปว่าท้องเสีย เข้าห้องน้ำหลายรอบก็เลยเข้าเรียนช้า เหมือนครูจะไม่ติดใจอะไร  ก็เลยอนุญาตให้ฉันเข้าห้องได้  ฉันเดินไปนั่งที่  โต๊ะหน้าสุด ตรงกลาง  อยู่ตรงข้ามกับหน้ากระดาน และครูก็กำลังสอนอยู่  ฉันรู้ว่าเพื่อนสาวสองคนของฉันกำลังจ้องมองดูฉันที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาอย่างสงสัย  แต่พวกไม่กล้าถามอะไรฉัน เพราะตอนนี้ครูกำลังสอนอยู่   คาบนั้นทั้งคาบฉันนั่งเหม่อลอย คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก็เรื่องไอ้โชคนั่นแหละ  จนทำให้ฉันไม่มีสมาธิในการเรียน   ในที่สุดคาบเรียนนี้ก็หมดไป 

    “ เฮ้ย!  อิฟิล์ม  มึงเป็นอะไรวะ  กูเห็นมึงนั่งเหม่อลอยทั้งคาบเลย  ตกลงมึงเรียนรู้เรื่องป่ะเนี่ย ”  อิกระต่ายที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันเอ่ยถามอย่างสงสัย

    “ นั่นดิ  ตั้งแต่ฟิล์มกับโชคไปคุยกัน  กลับมาอีกทีก็ขึ้นเรียนคาบบ่าย  แถมฟิล์มยังดูซึมๆ  อีก  มีไรกันรึป่าว ”  แม่นางมายที่นั่งถัดไปจากอีกระต่ายกำลังถามในสิ่งที่ฉันไม่อยากตอบ 

   “ พวกมึงอย่าถามอะไรกูเลย   กูเหนื่อย  กูไม่พร้อมที่จะตอบคำถามอะไรทั้งนั้น ”ฉันนั่งก้มหน้า  พูดเสียงอ่อยๆ 

   พวกมันก็พากันเงียบกริบ  และไม่ตั้งคำถามอะไรกับฉันอีกเลย จนกระทั่งเลิกเรียน  ฉันเดินมานั่งรออิสายป่านที่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างอาคารเรียนมัธยม   พวกเรานัดเจอกันที่นี่เป็นประจำทุกวัน เพื่อนั่งเม้าท์มอย  และเดินไปโรงจอดรถด้วยกัน     

   “ โอ้ย  มึง   วันนี้ครูสั่งการบ้านโครตเยอะเลย  กูหละเซ็ง ”  มันเพิ่งเดินมาถึงก็บ่นใหญ่เลย  พร้อมกับวางกระเป๋าลงบนโต๊ะอย่างแรง ทำเอาฉันสะดุ้งตกใจ

   “ อิห่า  กูตกใจหมดเลย มึงจะวางกระเป๋าให้มันดีๆ กว่านี้หน่อยไม่ได้หรอ ” ฉันค้อนใส่มันเบาๆ 

    “ ก็กูเซ็ง เซ็ง เซ็ง  นี่นา  มึงรู้มั้ย  วันนี้กูกะว่าจะชวนอิกระต่ายออกไปล่าเหยื่อสักหน่อย งานเยอะแบบนี้ก็อดหนะสิ  โอ้ย  กูเบื่อ  ไม่รู้จะสั่งอะไรกันนักกันหนา  ”   

   “ ทำๆ ไปเถอะ  วันไหนว่างๆ ค่อยไปก็ได้  เหยื่อของพวกแกไม่หายไปไหนหรอก  แต่คะนนที่จะได้นี่สิ  จะหายไปในพริบตา ถ้าแกไม่ทำการบ้านส่ง ”  ฉันต้องเตือนสติมันบ้าง 

    “ เออๆ  รู้แล้ว  ว่าแต่  วันเสาร์นี้มึงว่างมั้ย  เราไปออกล่าเหยื่อกันเถอะ ”  พูดซะน่ากลัวเลยอินี่   ฉันครุ่นคิดอยู่พักนึง  แล้วก็นึกขึ้นได้ว่านัดกับไอ้เต้ไว้ 

    “ กูไม่ว่าง ”  อิสายป่านมองหน้าฉันใหญ่เลย  เหมือนมันกำลังจะจับผิดฉันยังไงอย่างนั้น

    “ ทำไมมึงจะไม่ว่างวะ อย่าบอกกูนะว่าอ่านหนังสือ  กูไม่ยอมนะจ้ะ  ไปแปปเดียวเองนะมึง กลับมาค่อยอ่านก็ได้ ”  มันก็ยังพยายามเล้าโลมให้ฉันไปกับมันอยู่ดี  แต่ขอโทษจ้ะ มีนัดสำคัญ ถ้าไม่ไปครั้งนี้  มีหวังได้ตายแหงๆ

    “ ไม่ใช่อย่างนั้น  คือ.........  กูมีนัดกับเพื่อนเก่าอะ  ไม่ได้เจอกันนานแล้ว  กะว่าจะไปเล่นบ้านมันสักหน่อย ” ฉันพยายามยิ้มกลบเกลื่อนคำโกหกของตัวเอง  หวังว่ามันคงจะเชื่อนะ 

    “ อืม  ไว้วันหลังก็ได้  แต่คราวหน้า  ห้ามปฏิเสธนะยะ ไม่งั้นโดนตบ ”  อ่า  มันกำลังขู่ฉันหรอเนี่ย   ไม่กลัวหรอกนะ  แต่ก็ต้องพยัคหน้าตอบรับคำขู่ของมัน  ทำไงได้  เพื่อนอุตส่าห์ชวนนี่นา   

   คืนนี้  หลังจากที่ฉันนั่งดูทีวีกับครอบครัวจนถึงเวลาสามทุ่ม  ฉันก็ขอตัวขึ้นห้อง   เดินเข้ามาในห้องนอน  ก็เจอผ้าห่มลายหมีพู  ที่ไอ้โชคซื้อให้เป็นของขวัญในวันเกิด  ฉันยืนมองดูมันแล้วคิดถึงคนให้   น้ำตาก็ไหลออกมา  ฉันเอามือปาดน้ำตาตัวเองและทำใจให้หยุดร้องไห้  ตัดสินใจแล้ว ต้องทำให้ได้  ฉันเดินเข้าไปเก็บผ้าห่มผืนนั้นแล้วเอาเข้าไปยัดไว้ในลิ้นชักชั้นล่างสุดของตู้เสื้อผ้า    ปิดลิ้นชัก  แล้วล็อกกุญแจเอาไว้   จะได้ไม่ต้องเห็นมันอีกต่อไป 

.............................................................................


ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนที่  11  ( ต่อ )

         เช้าวันต่อมา   ฉันก็ยังคงไปเรียนตามปกติ  วันนี้ทั้งวันเหมือนมันจะผ่านไปได้ด้วยดีเลยแฮะ  เพราะตลอดทั้งวัน ฉันไม่เจอไอ้โชคเลย  จนกระทั่ง เลิกเรียน  ฉันมานั่งรออิสายป่านที่เดิม  วันนี้มันมาช้าผิดปกตินะ  โรงเรียนก็เลิกนานแล้ว แต่ทำไมมันยังไม่มาสักที 

    “ รอสายป่านอยู่หรอ ”  เสียงนั้นดังมาจากข้างหลังฉัน  มันเป็นเสียงที่ฉันรู้จักดี  ใครหนะหรอ  ก็ไอ้โชคไงหละ 

    ฉันนั่งเงียบ  และไม่ยอมหันกลับไปทักทายมัน  ก็ฉันบอกแล้วไง ว่าไม่ต้องเจอ ไม่ต้องทักทาย ไม่ต้องพูดคุย  มันยังหน้าด้านอีกเน่าะ  หึหึ    ซักพักนึงมันก็เดินอ้อมมายืนอยู่ตรงหน้าฉัน  กร๊ากกกก  เห็นหน้ามันจนได้ 

    “ ใจคอจะไม่ชวนกันนั่งหน่อยหรอ ”  มันยังกล้ามาทำหน้ากวนตรีนฉันอีก 

   “ ไม่ได้เชิญ   แต่ถ้าอยากนั่งก็ตามใจ ”  ฉันพูดเสียงเข้ม  สีหน้าดุเอาเรื่อง  แต่มันก็ยังยิ้มกวนๆ  ใส่ฉันอีก  แล้วก็นรั่งลงตรงหน้าฉันจริงๆ  ด้วย  พูดถึงขนาดนี้แล้ว  มันยังกล้า  หน้าด้านโครตๆ 

   “ วันนี้ไม่เจอหน้าฟิล์มทั้งวันเลย  รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ ”  มันพูดพรางทำตาใสแป๋ว  แต่ฉันก็ยังหน้าดุใส่มันเหมือนเดิม   ฉันไม่มีทางใจอ่อนอีกแล้วยะ 

   “ วันนี้ก็ไม่เจอโชคทั้งวัน  รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก  ”

    “ รู้สึกแบบนั้นจริงหรอ  ไม่เชื่อหรอก  โชคว่า  ฟิล์มต้องรู้สึกไม่ต่างจากโชคแน่ๆ เลย ”  พูดแล้วมันก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่   ส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้ฉัน  ไอ้บ้าเอ้ย  ฉันชักจะเริ่มโมโหแล้วสิคะงานนี้

   “ โชค  ที่เราคุยกันเมื่อวาน  เหมือนโชคจะไม่เข้าใจอะไรเลยนะ ”  มันก็ทำหน้าทำตาอย่างกับคนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย  ยิ่งทำให้ฉันโมโหจนเลือดขึ้นหน้า  ใกล้จะทนไม่ไหวแล้วนะ  ไอ้โชค 

   “ เรื่องอะไรอะ  เราไม่เห็นรู้เรื่องเลย  เราลืมไปหมดแล้วหละ ”  กรี๊ดดดด  ฉันอยากจะกรี๊ด  ดูมันพูดเข้า 

    “ ลืม จะบ้าหรอ  อย่ามาทำเป็นปลาทองความจำสั้นไปหน่อยเลย  นั่งร้องไห้เสียน้ำตาไปเป็นถังขนาดนั้น  ยังกล้าบอกว่าลืมอีกหรอ ”  คราวนี้ท่าทางจะได้ผล  ไอ้โชคเริ่มหน้าซีดลงเรื่อยๆ แล้วมันก็นั่งเงียบไปสักพักนึง  ส่วนฉันก็นั่งยิ้มเยาะมันสิคะ  สะใจดี  คิดจะมากวนประสาทยั่วโมโหฉันดีนัก 

   “ คำขอแบบนั้น  จะจำไปทำไม  ยังไงก็ทำไม่ได้อยู่ดี  ฝืนทำไปก็มีแต่จะเจ็บปวด  ไม่มีความสุขหรอก   ลืมๆ มันไปยังจะดีกว่า  เราไม่อยากบังคับใจตัวเอง  ฟิล์มก็เหมือนกัน  จะทำแบบนี้ไปเพื่อนอะไร ”  มันพูดได้ซึ้งกินใจมาก จนฉันคล้อยตามอารมณ์และความรู้สึกของมันไปเลย   

   “ พอเถอะโชค  เราจะกลับแล้ว ”  ฉันหลบหน้ามันพรางพูดออกไปเสียงกร่อยๆ 

   “ อิฟิล์ม  มึงรอกูนานไหม ”  อิสายป่าน  อิเพื่อนตัวดีมาถึงจนได้   

    “ นาน  มึงมัวแต่ไปทำอะไรอยู่  กูไม่สนุกกับมึงเลยนะ ”  ฉันพูดน้ำเสียงไม่พอใจและชักสีหน้าใส่มัน 

   “ เออมึง  กูขอโทษ ”  มันก็ทำหน้าสำนึกผิดซะเต็มที่

    “ กลับกันเถอะ   กูอยากกลับบ้านแล้ว ”  มันก็พยัคหน้าเบาๆ   

    ฉันลุกขึ้นจากโต๊ะม้าหินอ่อน  ไอ้โชคที่นั่งอยู่ตรงหน้าฉันก็ลุกขึ้นเหมือนกัน  ฉันมองหน้ามันตาเขม็ง  เหมือนเป็นสัญญาณบอกว่า  ไม่ต้องเดินตามพวกเราไป 

    “ โชค  เพื่อนแกรออยู่ที่สนามตะกร้อนะ ”  อิสายป่านพูดแปลกๆ มันรู้ได้ไงว่าเพื่อนไอ้โชครออยู่ที่สนามตระกร้อ แถมมันยังยิ้มให้ไอ้โชคอีก 

    “ ขอบใจนะ ”  แล้วมันก็เดินจากไป     

   “ อิสายป่าน  มึงรู้ได้ไงว่าเพื่อนไอ้โชครอมันอยู่ที่นั่น ”  นางทำหน้าตกใจ  ฉันก็จ้องมันหน้าดุ   งานนี้ต้องเป็นไปตามที่ฉันคิดแน่ๆ เลย  ร้ายกาจนัก  ทั้งผู้ชาย ทั้งเพื่อน 

    “ เอ่อ....คือ.....  แหมมึง  ก็โชคมันบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับมึงสองคน  มันก็เลยให้กูอยู่คุยกับเพื่อนมันไปก่อน  เพื่อนต่างห้องมันก็มันแต่คนหล่อๆ   กูอยาก   กูก็เลยตอบตกลงไป  ”  คะ  อิเพื่อนเลว  เอาอีกแล้วนะมึง 

    “ เออ  ดีจริงมีเพื่อนแบบนี้  วันหลังถ้ามันเอาเพื่อนมันมาล่อมึงอีก  มึงก็คงจะทิ้งให้กูอยู่คนเดียวอีกหละสิ ” 

   “ คนเดียวที่ไหน  มึงก็อยู่กับโชคสองคน  ส่วนกูก็ได้อยู่กับผู้ชายตั้งสองสามคน  เรามีแต่ได้กับได้   ไม่ดีหรอจ้ะ ”  มันหัวเราะใหญ่เลย  แถมยังทำท่าทางกระดี๊กระด๊าอีก    เฮ้อออ  มันจะรู้บ้างมั้ย  ว่าฉันไม่ได้ต้องการอยู่กับไอ้โชคเลย   

   พอกลับถึงบ้าน  ฉันก็หอบการบ้านมานั่งทำที่โต๊ะหน้าบ้าน  นึกขึ้นมาได้ว่าวันเสาร์นี้มีนัดกับไอ้เต้  คิดแล้วก็กลุ้ม  มันจะทำอะไรฉันหรือป่าวนะ  หมายถึงเตะต่อยอะนะ  แล้วอยู่ดีๆ ฉันไปนัดมันทำไมเนี่ย   ปล่อยให้มันเดินหนีไปก็ดีแล้ว  นี่ฉันแคร์ความรู้สึกของมันมากเกินไปรึ่ป่าว เพื่อนก็ไม่ใช่ เป็นแค่คนรู้จักกันเอง  แบบนี้ก็เท่ากับว่าฉันจะต้องอยู่กับคนแปลกหน้าอะดิ  โอ้ย  เครียดๆ  มันจะพาฉันไปไหนหรือป่าวนะ   

   วันต่อมาฉันก็ไปเรียนเหมือนเดิมตามปกติ   ก็เจอไอ้โชคทุกวัน มันพยายามเข้ามาพูดคุยกับฉัน  ฉันก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดที่จะไม่คุยกับมันเลยหรอกนะ  มันถามมา  ฉันก็ตอบคำ  ตอบสั้นๆ ห้วนๆ   แต่มันก้ยังยิ้มได้  และยังเข้ามาคุยกับฉันเรื่อยๆ  เฮ้อออ  ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป  ฉันต้องใจอ่อนเข้าสักวันแน่ๆ เลย  น้ำหยดลงหิน หินยังกร่อน  แล้วใจของฉันจะแข็งแกร่งดั่งภูผาขนาดนั้นเลยหรอ   

   ในที่สุดวันเสาร์ก็มาถึง   วันนี้ฉันตื่นแต่เช้า  เช้านี่คือกี่โมงใช่ไหม  ก็เจ็ดโมงเช้าไง  55555  นี่เช้าแล้วใช่ไหม  กว่าจะอาบน้ำ แต่งตัว กินข้าวเสร็จ  ก็เกือบๆ แปดโมงเช้า   ฉันนั่งดูการ์ตูนกับน้องอยู่สักพักจนถึงแปดโมงครึ่ง  ก็ได้ฤกษ์ออกจากบ้าน  ฉันขับมอไซต์คู่ใจไปที่สนามกีฬาอำเภอ  และเดินไปรอไอ้เต้ที่สนามบาส  ฉันมาถึงก่อนเวลานัดประมาณสิบนาที  ฉันจึงขึ้นไปนั่งรอมันบนอัฒจรรย์ข้างสนามบาส  นั่งรอไปเรื่อยๆ จนตอนนี้เวลา  เก้าโมงครึ่ง  นี่มัน late  มาสามสิบนาทีแล้วนะ  ยังไม่มาอีกหรอ  ฉันชักจะเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ  จากนั้นไม่นานฉันก็เจอตัวมันจนได้  มันกำลังเดินเข้ามาหาฉัน  โอ้ววว  ทำไมมันถึงแต่งตัวได้หล่อ  เท่ห์  ขนาดนี้หละ  หันกลับมามองดูตัวเอง   เอิ่มม   เสื้อยืดกางเกงยีนส์  ช่างเหอะ  ดูคลาสสิกไปอีกแบบ  555555

   “ นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว ”  พอมันมาถึง  ฉันก็เริ่มเปิดฉากปะทะฝีปากก่อนทันที 

    “ ก็ว่าจะไม่มานะ  ต่คิดดูแล้ว  เห็นใจคนนัดหวะ  ไม่อยากให้เขารอเก้อ ”  นี่มันพูดใส่ฉันชัดๆ เลยนี่หว่า  ฉันก็หน้าเสียไปเลยคะ 

    “ ก็มันลืมจริงๆ หนิ  ไม่ได้ตั้งใจลืมสักหน่อย  ขอโทษแล้วไง  แล้วก็นัดให้ใหม่แล้วด้วย  จะเอายังไงอีก ” 

   “ ก็ป่าว  แล้วนี่มารอนานยัง ” มันกล้าถามฉันหน้าตาเฉย  ทั้งๆ ที่มันให้ฉันรอตั้งครึ่งชั่วโมง  เหอะๆ

    “ มาตั้งแต่เก้าโมงเช้า จนตอนนี้เก้าโมงครึ่ง มารอนายสามสิบนาทีแล้วหละ คงไม่นานหรอกมั้ง ” ฉันพูดประชดใส่มัน  หวังว่ามันคงจะสำนึก 

   “ เออ  ไม่นานจริงๆ ด้วย  ฉันมารอตั้งสามชั่วโมง  แถมคนที่นัดไว้ยังไม่มาอีก ”  มันพูดให้ฉันอีกแล้ว  แถมยังยิ้มเยาะอีก  ไอ้เต้  แกนะแก  อย่าให้ถึงทีฉันบ้างก็แล้วกัน   

   “ พอเหอะ  จะพูดถากถางฉันไปถึงไหน  แล้วนี่  แกจะให้ของขวัญอะไรฉันหรอ  เอามาดิ  ฉันจะได้รีบๆ กลับ ”

    “ ให้แน่ๆ หละ  แต่ตอนนี้  ไม่มีให้หรอกนะ  ถ้าอยากได้ก็ต้องไปกับฉัน ”  ฉันตกใจสิคะ  ไปกับมัน  ไปไหน   ไปกันสองคนเนี่ยนะ  มันจะเอาฉันไปฆ่าทิ้งหรือป่าวเนี่ย   ความกลัวเริ่มเข้าครอบงำทันที 

    “ แล้วแกจะพาฉันไปไหน บอกมาก่อนดิ ”  ฉันต้องรู้สถานที่ไปซะก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจ ว่าจะไปหรือไม่ไป  ณ จุดนี้  ฉันยังมีสิทธิ์เลือกนะคะ  หุหุ

     “ บอกไป  เค้าก็ไม่เรียกว่าเซอร์ไพร์อะดิ  ลงมา  ไปกันได้แล้ว ”  มันใช้น้ำเสียงข่มขู่ฉัน  ฮือๆ  มันไม่ยอมบอกจริงๆ ด้วย คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้  นี่ฉันต้องไปจริงๆ ใช่มั้ย 

   “ รู้แล้ว  เดินนำไปก่อนสิ  เดี๋ยวเดินตามไป ” 

   “ ตามมาเร็วๆ หละ  อ้อ  อย่ากลัวจนปอดแหก  แล้ววิ่งหนีกลับบ้านไปซะหละ  ไม่งั้นกูอัดมึงเละแน่  เลือดกบปาก  หน้าแหกหมอไม่รับเย็บแน่มึง  ”  โอ้วว  มันขู่ฉันหนักเลยคราวนี้   ฉันนี่ถึงกับหน้าซีดเผือดเลยทีเดียว 

   พูดแล้วมันก็เดินนำหน้าฉันไป   ตอนนี้ฉันกลัวมาก  กลัวที่จะต้องไปกับมันสองคน  แต่ถ้าหนี  มันต้องต่อยฉันแน่ๆ เลย  ศพไม่สวยแน่คราวนี้    แต่ถ้าไปกับมัน  ฉันอาจจะรอดก็ได้  จริงสิ ฉันอาจจะคิดมากไปเอง  มันคงไม่ทำอะไรฉันหรอกมั้ง    เอาวะ  ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว  เสี่ยงเดินตามมันไปดีกว่า  หวังว่าคงจะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นนะ  คิดแล้วฉันก็ลุกขึ้นและเดินตามไอ้เต้ไป

................................................................................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2015 14:37:04 โดย Film-mii »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
- -

นั่งลุ้นรอบสอง เต้จะให้อะไรน้ออออออ

(แอบสงสารโชค โดนน้องตีห่าง  :ling1:)

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
สั้นจังเลย ตอนนี้ มาลงอีกนะ สงสารคนอ่านตาดำๆเถอะ เข้ามาดูทุกวันเลย ตอนหน้ายอยาวๆ เลยนะ

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
/bluecherry/ ของขวัญที่เต้ให้จะเป็นอะไรน้อ ต้องติดตามตอนต่อไป แต่อยากจะบอกว่า ถูกใจฟิล์มมากๆ ส่วนโชค เขาคนนี้ก็ขยันเข้าหาจริงๆ เช้าถึงเย็นถึง เค้าจะใจแข็งไปได้ถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้  :katai1:

/anglenan/ 55555 ฟิล์มว่า ตอนนี้ก็ยาวอยู่นะ หรือคนอ่าน อ่านจนเพลิน ก็เลยรู้สึกว่าตอนนี้มันสั้น เอาเป็นว่า ตอนหน้า รอฟินกันได้เลย จะฟินขนาดไหน ต้องติดตามตอนต่อไปนะจ้ะ  :hao6:


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด