ห่างหายไปนานเลย มาต่อให้แล้วนะ ตอนที่ 15 คืนนี้ในขณะที่ฉันกำลังนั่งทบทวนบทเรียนวิชาภาษาอังกฤษอยู่บนที่นอน มองไปเห็นตุ๊กตาหมี นึกถึงเจ้าของที่ให้มา ก็พานคิดไปถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อตอนบ่าย แต่ก็ช่างมันเถอะ เพราะสุดท้ายแล้วเราก็ผ่านมันมาได้ และเราก็ยังคงเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม เราตกลงกันอย่างนั้น ฉันละสายตาจากตุ๊กตาหมี และหันกลับมาอ่านหนังสือตามเดิม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ...........
ฉันเดินไปเปิดประตู ไอ้น้องชายตัวแสบยื่นโทรศัพท์มาให้พร้อมกับบอกว่าเพื่อนโทรมา ฉันรับเอาโทรศัพท์มา ก่อนจะปิดประตู แล้วกลับไปนั่งบนที่นอน เบอร์ไอ้โชคนี่นา โทรมาจริงๆ ด้วยแฮะ
“ ฮาโหล ” ฉันทักทายคนปลายทางสั้นๆ
“ ฟิล์มหรอ ทำไรอยู่ ” น้ำเสียงที่ฟังดูตื่นเต้นดีใจของคนปลายทางทักทายกลับมา
“ อ่านหนังสือ พรุ่งนี้มี Test วิชาภาษาอังกฤษหนะ ”
“ ขยันจัง โชคกวนฟิล์มรึเปล่า ”
“ ไม่เป็นไร คุยได้นิดหน่อย ” ฉันยิ้มบางๆ ให้กับคนปลายทาง เขาจะรู้หรือเปล่านะว่าฉันกำลังยิ้มให้
เราคุยกันอยู่ประมาณ 5 นาที ไอ้โชคกลัวรบกวนเวลาอ่านหนังสือสอบของฉัน ฉันกลับไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่กลับรู้สึกว่า อยากคุยกับมันนานกว่านี้ แต่ในเมื่อเขาหวังดี ฉันก็ขอตอบรับน้ำใจ เราจึงวางสายกัน ฉันแอบคิดถึงไอ้โชคด้วยแหละ จะปิดกั้นความรู้สึกของตัวเองไปอีกนานแค่ไหนนะฟิล์ม
ห้าทุ่มแล้ว ฉันเริ่มง่วงนอน ตาแทบจะปิดอยู่แล้ว อ่านมาสองสามรอบแล้วหละ งั้นคืนนี้พอแค่นี้แล้วกัน ฉันเก็บหนังสือและปากกาเน้นข้อความ ไปวางไว้ที่โต๊ะหนังสือ ระหว่างนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ฉันเดินกลับมาตรงที่นอนแล้วทิ้งกายอันบอบบางลงบนที่นอนนุ่มๆ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มาดูหมายเลขที่โชว์อยู่บนหน้าจอ ใครโทรมาดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้นะ
“ สวัสดีคะ ” ฉันทักทายหมายเลขปลายทางอย่างเป็นทางการ
“ ...............................” เงียบ ไม่พูด โรคจิตหรือป่าวว้า
“ ถ้าไม่พูด ขอวางสายนะคะ ”
“ เดี๋ยวก่อน ” เสียงจากปลายทางสวนขึ้นมาทันที เสียงผู้ชายนี่หว่า
“ แล้วต้องการพูดกับใครคะ ”
“ ขอสายฟิล์มครับ ” เอ๋.....ใครอะ
“ พูดสายอยู่คะ ”
“ เชี่ย กูนึกว่าผู้หญิงที่ไหน เสียงโครตเหมือน ” เอิ่มม ภาษาดอกไม้แบบนี้ คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากมันคนเดียว ฉันเพิ่งนึกออก ว่ามันบอกว่าจะโทรหาคืนนี้ ลืมไปสนิทเลย 5555
“ ขอบใจที่ชม แต่จะดีใจกว่านี้ ถ้าจะกรุณาใช้ภาษาสุภาพในการสื่อสาร ” ขอจิกเบาๆ หน่อยเถอะ
“ คร้าบผม ไหนบอกว่าเบอร์พ่อ ทำไมถึงรับสายได้หละ ”
“ เบอร์พ่อจริงๆ พอดีเพื่อนโทรมา คุยเสร็จก็เลยยังไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปคืนพ่อ แกก็โทรมานี่แหละ ”
“ จริงอะ นึกว่าแอบขโมยโทรศัพท์พ่อมาไว้รอรับโทรศัพท์ผมซะอีก ” ช่างกล้าคิดเน่าะ หลงตัวเองสุดๆ
“ ฉันไม่ทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นหรอกยะ ว่าแต่ดึกดื่นขนาดนี้ โทรมาทำไมไม่ทราบ ”
“ มีเรื่องไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ อยากพูดระบาย อยากขอคำปรึกษา กูคิดว่ามึงนี่แหละ จะให้คำตอบกูได้ดีที่สุด ”
ฉันก็ทำหน้า งงๆ นึกไม่ออกเลย ว่าไอ้เต้จะมาปรึกษาฉันเรื่องอะไร แล้วมันรู้ได้ไง ว่าฉันจะให้คำตอบมันได้ดีที่สุด มโนไปเองมากกว่า ไอ้นี่ท่าทางจะเพี้ยน มันเริ่มเล่าเรื่องของมันให้ฉันฟัง จะเรื่องอะไรซะอีกหละ นอกจากเรื่องผู้หญิง พร่ำเพ้ออยู่ได้ว่าไม่เข้าใจผู้หญิง ทำไมผู้หญิงโกรธง่าย ขี้งอน หายยาก แล้วยังมาบ่นต่ออีกว่าง้อผู้หญิงไม่เป็น เออ มันก็สมควรอยู่หรอก ฉันหละนึกภาพผู้ชายป่าเถื่อนๆ อย่างมันตามง้อผู้หญิงไม่ออกจริงจริ๊ง คงตลกตายชัก 55555
ฉันปล่อยให้มันพล่ามอยู่นาน สุดท้ายก็ลงท้ายด้วยการขอคำปรึกษาจากฉัน เกี่ยวกับวิธีง้อผู้หญิง สงสัยคงจะโดนแฟนงอลมาแหงๆ ถึงจะไม่ยอมพูดตรงๆ ฉันก็พอเดาได้หรอกน่า อาการแบบนี้ ไอ้เต้เอ้ยยย ใครจะไปคิดว่าแกจะมีมุมน่ารักๆ แบบนี้ ฉันจะช่วยสงเคราะห์แล้วกัน ขอให้แกง้อแฟนได้สำเร็จนะจ้ะ
“ ง่ายนิดเดียวแก ผู้หญิงเค้าชอบอะไรสวยๆ งามๆ ถ้าแกจะง้อจริงๆ ก็ลองซื้อตุ๊กตา ไม่ก็หาดอกไม้สวยๆ ไปง้อเค้าสิ แนะนำว่าเป็นดอกกุหลาบสีแดงนะแก รับรองร้อยทั้งร้อย หายงอลหายโกรธแน่ๆ ”
“ งั้นก็เอามันทั้งสองอย่างนั่นแหละ แต่..... เลือกไม่เป็นหวะ มึง...... ช่วยเลือกหน่อยดิ ” น้ำเสียงติดๆ ขัดๆ นั้นกำลังขอให้ฉันช่วยเหลือ
“ ก็ได้ จะไปซื้อวันไหนหละ ”
“ เอาวันที่มึงว่างแล้วกัน ว่างวันไหนก็ค่อยบอก แต่อย่าให้เกินอาทิตย์นี้นะเว้ย ” ขู่ฉันหรอยะ แต่ครั้งนี้มาแปลก ตามใจฉันด้วย ปกติเห็นบังคับตลอด แต่ก็ดีแล้วแหละ ฉันจะได้รู้สึกเป็นอิสระขึ้นมาหน่อย
เราตกลงกันว่าถ้าฉันได้เวลาว่าง ฉันจะโทรไปบอกมันอีกที ส่วนเรื่องดอกไม้กับตุ๊กตา ค่อยไปเลือกดูที่ร้าน และการสนทนาของเราก็จบลง
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นเช้ากว่าปกติ วันนี้ก็เลยมาถึงโรงเรียนแต่เช้า เช้าของฉันนี่ก็ประมาณเจ็ดโมงครึ่งนี่แหละ เอ... เช้ารึป่าวนะ แต่ที่รู้ๆ คือไม่เห็นอิกระต่ายกับมายด์บนห้อง คิดว่าน่าจะยังไม่มา ฉันเลยเดินไปที่ห้องของอิสายป่าน กะว่าจะไปเม้าท์กับนางสักหน่อย พอเดินไปถึงหน้าประตูห้องก็สอดส่องหาเพื่อนสาวใหญ่เลย แต่กลับไม่เจอซะงั้น สงสัยยังไม่มาโรงเรียน
“ ทำไรอะ ” เสียงดังมาจากข้างหลัง ทำเอาฉันสะดุ้ง หันขวับทันที ........ ไอ้โชคนี่เอง ฉันกำลังตกใจหน้าตาตื่น แต่มันกลับหัวเราะฉันซะนี่ ฉันเลยแสดงสีหน้าไม่พอใจออกไป
“ มันน่าขำตรงไหนไม่ทราบ ทำคนอื่นตกใจแทนที่จะขอโทษ แต่กลับมายืนหัวเราะแบบนี้ มันหมายความว่ายังไง ” เป็นไงหละ หน้าซีดอย่างกับไก่ต้มเลยทีนี้
“ ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจ ไม่คิดว่าฟิล์มจะตกใจขนาดนี้ ว่าแต่..... มาหาใครหรอ มาหาโชครึป่าว ” มันทำหน้าเหรอหราใหญ่เลย กวนประสาทแต่เช้าจริงๆ
“ จะถามทำไม ก็รู้ๆ อยู่ว่ามาหาใคร ”
“ แหม ก็ลองถามดู เผื่อฟิล์มจะใจดี คิดถึงโชคบ้าง ” มันทำตาหวาน กระพริบตาปริบๆ น่ารักดี อิอิ
“ อย่าคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยเลย แต่ถ้าอยากฝันลมๆ แล้งๆ ก็เชิญ ฉันไปแหละ ”
ใจจริง ก็คิดถึงอยู่นะ 5555 ปากแข็งไปงั้นแหละ ทำเป็นอวดเก่ง เดี๋ยวเถ้อะ ถ้าเขาไปมีคนอื่นแล้วจะหนาว ได้แต่บอกตัวเองอย่างนั้น แล้วจะให้ทำไง ให้ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง แล้วพูดทุกอย่างออกไปตามที่รู้สึกจริงๆ มีหวังอีกฝ่ายได้ใจกันพอดี เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราง่าย ขอเล่นตัวสักหน่อยละกัน
ฉันเพิ่งเดินหันหลังให้ไอ้โชค แต่มันกลับเรียกฉัน ฉันเลยต้องหันกลับไปหาเจ้าของเสียงเรียกอีกครั้ง
“ เย็นนี้เรามีเตะฟุตซอลกับเพื่อนต่างโรงเรียน ที่สนามกีฬาอำเภอ ไปดูมั้ย ”
“ ไม่รู้สิ ดูก่อนแล้วกันนะ ”
ฉันเดินกลับมาที่ห้อง เพื่อนๆ เริ่มมากันเยอะแล้ว แต่สองนางนั้นยังไม่โผล่หัวมาเลย ฉันจึงหยิบหนังสือวิชาภาษาอังกฤษขึ้นมาทบทวนบทเรียนอีกครั้ง กะว่าจะเอาคะแนนเต็มให้ได้เลย หรือไม่ก็ต้องได้ท็อปของห้อง ฉันต้องชนะพวกผู้ชายและผู้หญิงทุกคน ฉันจะเป็นหน้าเป็นตาให้กับกะเทยเอง เรื่องการเรียนนะ แต่ความสวยนี่ ยังไม่ถึงขั้น
“ อยากขยันแบบนี้บ้างจัง ” ฉันละสายตาจากตัวอักษรบนหน้ากระดาษและเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ตรงหน้า
จะใครซะอีกหละ ไอ้โต๊ดนั่นเอง ฉันมองดูใบหน้าที่เรียบเฉยของไอ้โต๊ดอยู่พักนึง ก่อนจะยิ้มให้มัน
“ มาอ่านด้วยกันสิ เดี๋ยวเราติวให้ ” ฉันชวนอย่างเต็มใจ แล้วมันก็ยิ้มรับ ก่อนจะเดินอ้อมมานั่งข้างๆ ฉัน
“ เรื่องเมื่อวาน ขอโทษจริงๆ นะ ฟิล์มยังโกรธเราอยู่รึป่าว ” ฉันหันมายิ้มให้กับใบหน้าเศร้าๆ ของมัน
“ ไม่โกรธแล้วหละ ก็โต๊ดสัญญาแล้วหนิ ว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก เราเชื่อว่าโต๊ดจะทำตามสัญญา เพราะเราเป็นเพื่อนกัน และจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป ” ฉันพูดด้วยรอยยิ้มที่สดใส และยังคงยิ้มให้มันอยู่อย่างนั้น ทำให้ไอ้โต๊ดยิ้มกลับมาด้วยรอยยิ้มที่ดูน่ารักสดใสเช่นกัน แบบนี้แหละที่ฉันต้องการ เพราะมันคือรอยยิ้มที่แสดงถึงมิตรภาพของคำว่า “ เพื่อน ” เพื่อนกันตลอดไป
ตอนเที่ยงของวันนี้ หลังจากที่ฉันกินข้าวอิ่มแล้ว ฉันก็ต้องมาพบครูที่ห้องพักครู เรื่องไปสอบแข่งขันการกล่าวสุนทรพจน์เป็นภาษาอังกฤษนั่นแหละ ครูก็ลองให้ฉันอ่านเนื้อหาที่ให้ไปคราวก่อนให้ฟังหนึ่งรอบ จากนั้นก็พาฉันอ่าน สอนเรื่องการออกเสียงหนักเบาในแต่ละคำ โดยแต่ละคำจะออกเสียงเน้นหนักเพียงแค่ 1 พยางค์เท่านั้น มันทำให้ฉันปวดหัวมาก เพราะนอกจากจะจำเนื้อหาให้ได้ทั้งหมดแล้ว ฉันต้องมานั่งจำอีกว่า แต่ละคำ มันเน้นหนักตรงพยางค์ไหน และต้องมานั่งฝึกออกเสียงให้ถูกต้อง และให้ได้สำเนียงเหมือนฝรั่งอีก คุณครูบอกว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ และหลังเลิกเรียนต้องมาซ้อมพูดกับครูทุกวัน จนกว่าจะถึงวันแข่ง คุณครูดูเคี่ยวเข็ญฉันมาก เพราะวันแข่งจริงจะมีขึ้นสัปดาห์หน้าแล้ว งานนี้ก็เลยต้องเคี่ยวกันหน่อย ใช่มั้ยคะ คุณครูขา
คาบวิชาลูกเสือ ช่วงนี้คุณครูปล่อยให้เราพักผ่อนตามอัธยาศัย ก่อนจะเรียกประชุมกอง เพื่อปิดกอง สามสาวก็นั่งเม้าท์มอยกันอีกตามเคย แต่การเม้าท์ครั้งนี้ ท่าทางจะได้เรื่อง
“ พวกมึง คืนนี้ที่บ้านกูมีหมอลำด้วยนะ ไปดูกันมั้ย ” อิสายป่านชวนเราสองคน ท่าทางดูตื่นเต้น
“ หมอลำหรอมึง อยากดูจัง ไปสิ แล้วมึงหละอิฟิล์ม ออกบ้านได้มั้ยยะ ” มันหันมาจิกฉัน
“ ถ้าจะออกไปจริงๆ ก็คงต้องโกหกที่บ้านแหละ แต่กู..... ไม่ค่อยชอบดูหมอลำเท่าไหร่หวะ ”
“ โอ้ยยย นี่ตกลงมึงโง่หรือแกล้งโง่กันแน่ ไปดูหมอลำไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นหลักมันอยู่ที่ผู้ชายต่างหากหละ ต้องให้บอกให้สอนอยู่เรื่อยเลย ” อิสายป่านเทศนาฉันใหญ่เลย ก็ไม่รู้จริงๆ นี่นา เค้ายังใสๆ อยู่เลยอะ
“ ว้ายยย ผู้ชาย แล้วไงต่อมึง ” สะดีดสะดิ้งเชียวนะมึง แหม พูดเรื่องผู้ชายหน่อยไม่ได้
“ เอ้าอินี่ โง่อีกคนแระ กูจะบอกอะไรให้ กะเทยอย่างพวกเราเวลาไปดูหมอลำ ก็ต้องแต่งหน้าแต่งตัวสวยๆ แล้วก็ชวนผู้ชายให้มากินเหล้ากับเรา พอพวกมันเมาได้ที่ พวกมันก็จะเกิดอารมณ์ ถึงตอนนั้น เราก็จะเป็นคนสนองความต้องการให้ผู้ชายยังไงหละจ้ะ ” อิสายป่านสาทะยายจนเห็นภาพเลยแฮะ
ฉันนี่อึ้งไปเลยคะ เห็นเพื่อนสาวพูดเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ แสดงว่ามันต้องเคยทำมาก่อนแน่ๆ เอิ่ม... เพื่อนสาวฉันจะแรงไปไหนเนี่ย แถมยังมาถ่ายถอดวิชามารให้พวกเราอีก งานนี้เอาไง ฉันต้องทำแบบนั้นจริงๆ หรอ
หลังจากเลิกเรียน ฉันก็ต้องไปซ้อมอ่านภาษาอังกฤษกับครู ซ้อมอยู่สองสามรอบครูก็ปล่อยให้ฉันกลับบ้าน ก่อนกลับยังย้ำให้ฉันกลับไปซ้อมอ่านที่บ้านอีก นี่กะจะเอาที่หนึ่งเลยหรอคะครูขา
พอกลับถึงบ้าน สิ่งแรกที่ฉันวิ่งเข้าหาก็คือตู้กับข้าวตามเคย ช่วงนี้กินเยอะมาก รู้สึกว่าตัวจะบวมๆ ขึ้นแล้วนะ ส่วนหน้านี่ไม่ต้องพูดถึง แก้มเริ่มมาเรื่อยๆ และ ความเป็นน้องนีเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นทุกวัน ขอบคุณพลังแห่งยาคุม คิคิ พอกินอิ่ม ก็ได้เวลาซ้อมอ่านตามที่ครูสั่ง อ่านไปได้หนึ่งรอบ ก็นึกขึ้นได้ว่าไอ้โชคชวนไปดูแข่งฟุตซอล ถ้าเป็นแต่ก่อนคงไม่ไปแน่ๆ แต่ทำไมตอนนี้ ถึงคิดแล้วคิดอีก สุดท้าย ก็ตัดสินใจไปจนได้
ฉันขับรถมอไซต์มาถึงสนามกีฬาอำเภอ ก็ตรงดิ่งไปที่สนามฟุตซอลทันที ตอนนั้นก็เย็นมากแล้ว แสงแดดอ่อนๆ เริ่มจางหายไป แต่ก็ยังไม่ถึงกับมืด ฉันขึ้นไปนั่งเชียร์บนแสตน เห็นไอ้โชคในสนามด้วยแหละ นั่งดูอยู่ซักพักเริ่มหิวน้ำ เลยเดินออกไปซื้อน้ำ คิดไงไม่รู้ ซื้อน้ำเปล่าไปสองขวดซะงั้น 55555 เอาไปเผื่อไอ้โชคมั้ง อิอิ
ลืมบอกไป จริงๆ แล้วการแข่งขันเนี่ยไม่ใช่การแข่งขันอย่างเป็นทางการอะไรหรอก แต่เป็นการแข่งขันที่พวกเขาจัดกันขึ้นมาเอง และแข่งอย่างจริงจัง ตามกติกาและมีกรรมการด้วยนะ คนก็มาเชียร์กันเยอะพอสมควร แล้วก็ถึงเวลาพัก ไอ้โชคเดินไปรวมตัวกันกับเพื่อนๆ ที่ข้างๆ สนาม ฉันตัดสินใจเดินเข้าไปทักทายตามประสาเพื่อน
“ โชค ” ฉันเรียกชื่อนั้นเบาๆ แล้วไอ้โชคก็หันมาหาฉันที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“ ฟิล์ม มาจริงๆ ด้วย นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว ” มันหน้าตาตื่นและดูท่าทางดีใจ
“ พอดี.....อ่านหนังสือแล้วปวดหัวหนะ ก็เลยออกมาผ่อนคลายสักหน่อย ” 555 พูดไปนั่น ตอแหลสุดๆ
“ จริงหรอ ” มันถามอย่างกับไม่เชื่อ แถมยังทำหน้ากวนตรีนสุดๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ ทำเอาฉันเอ๋อแดกไปเลย
“ นี่ ที่หัวเราะแบบนั้น คงไม่คิดว่าเราอยากจะมาดูโชคเตะฟุตซอลหรอกนะ ” ฉันเริ่มร้อนตัวไปเองแล้วไง
“ ป่าวซักหน่อย ฟิล์มพูดเองนะ ว่าแต่ คนอะไรกินน้ำสองขวด หรือว่า....... ”
“ อะ ซื้อมาให้โชคนั่นแหละ ” ฉันยื่นน้ำเปล่าให้ มันก็อึ้งไปเลยสิคะงานนี้
“ เอ่อ.... นี่ฟิล์มซื้อมาให้เราจริงๆ หรอ ” มันคงไม่เชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ไม่ใช่ความฝัน
“ เซ้าซี้อยู่นั่นแหละ จะเอาป้ะ ถ้าไม่เอาก็บอกมา จะได้กลับ ” 5555 ขู่เบาๆ ซะเลย
“ เฮ้ย เอาดิ ขอบใจนะ ” มันยื่นมือมารับขวดน้ำ และยิ้มให้ ฉันก็ยิ้มกลับเหมือนกันจ้ะ หุหุ
ฉันกลับไปนั่งเชียร์บนแสตนเหมือนเดิม พอเกมส์นี้จบลงก็เป็นอันจบการแข่งขันพอดี สรุปว่าทีมไอ้โชคก็ชนะไปแบบหวุดหวิด ฉันเดินออกมาจากสนาม และกำลังจะเดินไปที่รถ ไอ้โชคก็เรียกเอาไว้ซะก่อน ฉันหันกลับไป เห็นมันกำลังวิ่งมาหาฉัน พอมาถึงก็หอบใหญ่เลย ท่าทางคงเหนื่อยน่าดู
“ ฟิล์มจะกลับบ้านเลยหรอ ” ฉันพยัคหน้าตอบ
“ เห็นสายป่านบอกว่าคืนนี้มีหมอลำ แล้วก็ชวนฟิล์มแล้วด้วย ตกลงจะไปมั้ย ”
“ ไม่รู้สิ เราไม่ค่อยชอบดูหมอลำ ไม่รู้จะไปรึป่าว ”
“ ไปเถอะนะ เดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน ” แล้วมันจะส่งตาหวานมาทำไมเนี่ย เค้าแอบเขินอยู่นะ
“ เอ่อ..... ไปก็ได้ แต่กลับดึกไม่ได้นะ พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน ” ฉันทำท่าคิดอยู่พักนึง และสุดท้ายก็ตอบตกลง เพราะอะไรหนะหรอ เพราะไอ้โชคบอกว่าจะไปเป็นเพื่อนมั้ง
“ ให้ไปรับป่ะ ” ฉันรีบปฏิเสธออกไปทันที เพราะกลัวพ่อกับแม่จะเห็น
เราตกลงกันว่าจะไปเจอกันที่บ้านอิสายป่านตอนสองทุ่ม จากนั้นฉันก็กลับบ้านไปอาบน้ำ กินข้าว และแอบเอาโทรศัพท์ของพ่อโทรไปหาอิสายป่าน บอกว่าจะออกไปหาตอนสองทุ่ม นางก็รับทราบ และบอกว่าให้มาแต่งหน้าแต่งตัวที่บ้านนางก็ได้ ฉันก็ตกลงตามนั้น ฉันโทรไปหาอิกระต่ายแล้วบอกให้นางออกมารับตอนสองทุ่ม จากนั้นฉันก็ไปบอกพ่อกับแม่ว่าจะชวนอิกระต่ายไปติวหนังสือที่บ้านอิสายป่าน ก่อนจะหอบหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังสือ เพื่อเป็นหลักฐานว่าหนูจะไปติวจริงๆ นะ พอถึงเวลาสองทุ่ม อิกระต่ายเพื่อนสาวก็มารับฉันแล้วเราก็ตรงดิ่งไปยังบ้านอิสายป่านทันที ใช้เวลาขับรถประมาณ 20 นาทีก็ถึงบ้านนางแล้วจ้ะ ไกลนิดนึง
พอมาถึงบ้านอิสายป่านก็เห็นไอ้โชคนั่งรออยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้านอยู่แล้ว แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง มันแต่งตัวเท่ห์มาก ดูหล่อขึ้นเป็นกองเลยอะ แตกต่างจากฉันลิบลับ เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงส์ยีนส์ทรงกระบอกขายาว ดูเช้ยยย เชยยยย กะเทยแบบนี้ก็มี คงจะคิดอย่างนั้นใช่มะ เฮ้อออ..... ก็เค้าแต่งตัวไม่เป็นนี่นา
เราเดินเข้าไปทักทายไอ้โชค และพูดคุยกันอยู่ไม่นาน อิสายป่านก็ออกมาจากบ้าน แล้วคว้าตัวเราสองนางเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้ไอ้โชคนั่งรออยู่หน้าบ้านคนเดียว พอเข้าไปในบ้าน ก็เห็นเครื่องสำอางที่วางอยู่ตรงหน้า อย่างเยอะ อย่างกับจะไปประกวดนางงาม อิสายก็แนะนำพวกเราว่าแต่ละอย่างใช้ทำอะไรบ้าง จากนั้นมันก็ปล่อยให้เราแต่งหน้ากันเอาเอง ไม่คิดจะสนใจเพื่อนเลย พวกฉันไม่เคยแต่งหนิ จะแต่งได้ยังไง อินี่สวยอยู่คนเดียว ชักจะเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ ฉันคว้าแป้งฝุ่นมาทาหน้า ทาคอ แล้วหยิบแป้งพับมาตบหน้าและลำคอเบาๆ ตามด้วยปัดแก้มสีชมพูอ่อนๆ ปัดบางๆ เพราะกลัวจะแก้มแดงเหมือนลิง ตามด้วยลิปกลอสสีชมพูอ่อนๆ จะหวานไปไหนเนี่ย ส่องกระจกดูอีกครั้ง ก็สวยแล้วนะ 5555 พอดีกว่า เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าไปเล่นลิเก
หลังจากที่แต่งหน้าเสร็จแล้ว อิสายป่านก็จัดแจงหาชุดมาให้พวกเรา ฉันเลือกเปลี่ยนแค่กางเกง เปลี่ยนมาเป็นกางเกงยีนส์ขาเดฟ แบบรัดติ้วนิดๆ แต่เสื้อก็ยังเป็นตัวเดิม ส่วนเพื่อนสาวฉันหนะหรอ ก็สุดฤทธิ์กันไปเลยจ้ะ พอคิดว่าสวยเป๊ะกันแล้วก้ได้เวลาออกจากรังซักที พวกเราเดินออกไปที่หน้าบ้าน ไอ้โชคถึงกับสะดุ้งตกใจ หน้าตาตื่น อย่างกับเห็นผี ให้ตายเถอะ พวกันเป็นนางฟ้านะยะ ไม่ใช่ผีสางที่ไหน
“ โชคดีหน่อย ที่ฟิล์มไม่แต่งตัวเหมือนเพื่อน ไม่งั้น...... ” มันพูดพึมพำกับฉันแค่สองคน เพราะนางเพื่อนสาวตัวดีสองคนนั้นเดินนำหน้าไปไกลแล้ว
“ ไม่งั้นอะไรไม่ทราบ พูดให้มันดีๆ นะ ” ฉันทำหน้าดุใส่มัน เอาสิ ถ้าแกกล้าว่าฉัน
“ เปล่าๆ ฟิล์มจะแต่งแบบไหน ยังไงก็ดูสวยและน่ารักสำหรับโชคเสมอแหละ ” แอร๊ยยยย ฉันเคลิ้มไปเลยแหละ ราวกับตกอยู่ในภวังค์แห่งรัก
“ บ้า ไปกันเถอะ พวกนั้นไปไกลแล้ว เดี๋ยวเดินตามไม่ทันพอดี ” มันยิ้มและพยัคหน้างึกๆ แล้วเราสองคนก็เดินตามเพื่อนสาวเข้าไปในงาน
เราเดินเข้ามาในงานกันแล้ว มีร้านขายของมากมาย มียิงปืน ปาลูกโป่งด้วยนะ อยากได้ตุ๊กตาจัง จะว่าไปแล้ว คนเยอะมากเลย เราเดินกันมาได้ซักพัก อิสายป่านก็คว้าตัวฉันไปซะงั้น
“ มีไรวะ ทำไมต้องออกมาคุยกันสองคนด้วย ” ฉันถามอย่างสงสัย
“ ก็กลุ่มเรามีผู้ชายมาด้วยหนะสิ แบบนี้ผู้ชายที่ไหนจะกล้าเข้ามาหาพวกเราหละ มึงช่วยทำอะไรสักอย่างได้มั้ย คืนนี้ก็ลงทุนเต็มที่มากเลยนะ จะพลาดไม่ได้เป็นอันขาด ”
“ แล้วมึงจะให้กูทำยังไง ”
“ มึงก็พาไอ้โชคไปเดินเล่นที่อื่นสิ พวกกูจะได้เริ่มแผน หมอลำเริ่มลำแล้วนะมึง จะทำอะไรก็รีบทำ ” นี่ถ้าไม่เห็นแก่ความอยากของมัน ฉันคงคิดว่านี่เป็นแผนของอิสายป่านชัวร์ แผนที่จะทำให้ฉันอยู่กับไอ้โชคสองต่อสอง หรือฉันมองโลกในแง่ร้ายเกินไป
เราเดินกลับมาหาอิกระต่ายและไอ้โชคเหมือนเดิม ฉันเหล่ตาไปหาอิสายป่าน นางก็ส่งสายตาเป็นสัญญาณให้ฉันเริ่มทำตามแผนได้เลย ฉันจึงชวนไอ้โชคไปเข้าห้องน้ำ ไม่ได้ไปทำอะไรแบบนั้นนะ แค่ชวนเดินไปเป็นเพื่อนเฉยๆ เราเดินกลับมาที่บ้านอิสายป่าน เพื่อมาเข้าห้องน้ำ โชคดีหน่อยที่ห้องน้ำบ้านมันอยู่นอกบ้าน พอเข้าห้องน้ำเสร็จเราก็กลับเข้าไปในงานเหมือนเดิม เราเลือกยืนดูอยู่ด้านหลัง เพราะไม่ได้เอาเสื่อมา เลยไม่มีอะไรไปปูนั่งกัน ไอ้โชคถามหาเพื่อนสาวสองคนของแน ฉันก็บอกว่าพวกนางบอกให้รอเจอกันอยู่ตรงนี้ มันก็พยัคหน้าเป็นอันรับทราบ ยืนดูไปได้ซักพัก เพื่อนไอ้โชคก็เข้ามาทักทาย มันเลยขอตัวไปคุยกับเพื่อน ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ในใจนี่คือ ปล่อยให้ฉันยืนอยู่คนเดียวได้ไงวะ
ฉันยืนดูหมอลำอยู่คนเดียว สนุกมันก็สนุกอยู่หรอก แต่ชักปวดขาแล้วสิ เอ๋..... เหมือนมีคนกำลังจ้องมองเราอยู่เลยแฮะ จากทางซ้ายมือ ฉันไม่รีรอ หันขวับไป เพื่อให้หายคาใจ กรี๊ดๆๆๆๆๆ ตกใจ หน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที มันเดินเข้ามาใกล้ๆ ฉัน สีหน้าเย็นชา แล้วคว้าเอาข้อมือของฉัน ก่อนจะลากฉันไปหน้าตาเฉย นี่จะไม่ถามอะไรฉันสักคำเลยใช่มั้ย
.......................................................................