Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 19 Part 1/2 : 14/07/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 19 Part 1/2 : 14/07/59  (อ่าน 33172 ครั้ง)

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนที่  12

   ฉันเดินตามไอ้เต้มาจนถึงที่จอดรถมอเตอร์ไซต์ของมัน  มันขึ้นไปขี่รถมอเตอร์ไซต์แล้วสตาร์ทรถ  รถของมันเป็นรถยี่ห้อ  Mio  จำได้ว่าสมัยนั้น พวกผู้ชายชอบขับรถยี่ห้อนี้กันมาก เพราะมันดูเท่ห์ดี ส่วนตัวแล้ว ฉันก็ว่ามันเท่ห์ดีเหมือนกัน  เหมาะสำหรับผู้ชาย แต่ถ้าจะให้ผู้หญิงอย่างฉันไปขับ คงจะดูไม่เหมาะแน่ๆ  แต่ถ้าให้นั่งซ้อนท้ายผู้ชาย  ก็โอเครนะ  อิอิ   

   “ เอ้า!  ขึ้นรถสิ  ยืนทำหน้าเอ๋ออยู่นั่นแหละ ”  มันหันมาเรียกฉันขึ้นรถ น้ำเสียงดุเชียว  แถมยังด่าฉันอีก  ไอ้บ้าเอ้ย 

   “ ก็กำลังจะขึ้นนี่แหละ  จะรีบไปไหนไม่ทราบ ”  ฉันแขวะมันกลับไปทีนึง  ก่อนจะเดินหน้าบึ้งไปนั่งซ้อนท้ายมอไซต์ในท่านั่งเบี่ยงอย่างสวยงาม

   “ เฮ้ยๆ  นั่งอะไรแบบนี้วะ  นั่งใหม่เดี๋ยวนี้เลย  ” อะไรอีกเนี่ย  ฉันชักจะอารมณ์เสียแล้วนะ

   “ ฉันจะนั่งท่านี้  แล้วฉันก็จะไม่เปลี่ยนไปนั่งท่าอื่นด้วย ”  ฉันพูดเสียงแข็งใส่มัน  ให้รู้ซะบ้าง ว่าฉันไม่ยอมคน

   “ มึงจะนั่งดีๆ หรือจะต้องให้กูใช้กำลัง ”  มันขู่ฉันอีกแล้ว 

   “ เออๆ  นั่งใหม่ก็ได้  ไม่เห็นต้องใช้กำลังเลย ”  ฉันลงจากรถแล้วขึ้นไปขั่งคร่อมตามปกติ   ให้ตายสิ  ขี่รถยี่ห้อนี้ในท่านั่งคร่อม  มันรู้สึกแมนๆ  ยังไงก็ไม่รู้   เพราะมันแท้ๆ เลย  ทำให้ฉันไม่สวย  แถมยังดูเป็นผู้ชายเข้าไปใหญ่ 

   “ นั่งแบบนี้ตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง  เสือ*อยากนั่งเหมือนผู้หญิงอีก ไม่ได้ดูสารรูปตัวเองเล้ย ”  แอร๊ยยย  มันกัดฉันอีกแล้ว  คราวนี้กัดเจ็บ กัดแรงซะด้วย ผู้ชายอะไรปากจัดมาก ฉันนี่โกรธจนเลือดขึ้นหน้าเลยคะ 

   “ จะไปก็รีบไปสิ  จะได้รีบไปรีบกลับ  มันแต่พูดให้น้ำลายฟูมปากอยู่นี่แหละ   รำคาญ ”  ตาฉันเอาคืนบ้าง   มันก็หน้าดุใส่ฉันสุดๆ   ฉันหันหน้าหนีและทำหน้าทำตาไม่รู้ไม่ชี้   5555  สะใจเบาๆ

   หลังจากที่กัดกันมาพอสมควร  คงจะได้ฤกษ์งามยามดีแล้วหละ  ไอ้เต้ก็ขับรถมอไซต์พาฉันไปยังจุดหมาย  สถานที่  ที่ฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน  มันบึ่งมอไซต์ไปตามถนนใหญ่  แล้วก็ลัดเลาะเข้าตามหมู่บ้าน  ต่างๆ  จนฉันสับสนจำทางอะไรไม่ได้เลย  ก็มันเล่นขับเข้าหมู่บ้านเป็นสิบๆ หมู่บ้านขนาดนั้น  แถมยังเป็นหมู่บ้านต่างอำเภออีก ฉันไม่เคยมา  ไม่รู้จักหมู่บ้านพวกนี้เลย  นี่มันจะเอาฉันมาฆ่าหมกป่าหรือป่าวนะ 

 จนในที่สุดเราก็มาโผล่ที่ถนนใหญ่อีกครั้ง  อ้าว  ไปไงมาไงวะเนี่ย  มาโผล่ที่ถนนใหญ่ได้ไงหละหนิ  เง้ออ ฉันนี่เป็นพวกไม่ชำนาญทางจริงๆ แหละ  ก็ฉันไม่ใช่ขาเลาะเหมือนอิเพื่อนสาวสองคนนั่นนี่นา  ไอ้เต้พาฉันขับไปเรื่อยๆ  ฉันก็พยายามสังเกตป้ายข้างทางตลอด จะได้รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนแล้ว   รู้สึกว่าทางมันคุ้นๆ นะ  เหมือนเคยมาแล้ว  ฉันเหลือบไปเห็นป้ายบอกสถานที่ท่องเที่ยวมันเขียนว่า................  ฉันก็อ๋อขึ้นมาทันที  ว่าแล้วไง ทางมันคุ้นๆ  ที่แท้เส้นทางนี้ก็คือเส้นทางที่จะไปยังเขื่อนประจำจังหวัดของเรา   ที่เขื่อนมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมาย  อย่าบอกนะว่าไอ้เต้มันขับรถ  40  กว่ากิโลเมตรเพื่อที่จะพาฉันมาเที่ยวเขื่อน  บ้าไปแล้ว   

และแล้วสิ่งที่ฉันคาดเดาก็เป็นจริง  เมื่อไอ้เต้ขับรถมาจอดแถวๆ  เขื่อน  ฉันลงจากรถและหันมองไปรอบๆ เห็นวัยรุ่นกลุ่มนึงกำลังถ่ายรูปกับป้ายชื่อเขื่อน   พร้อมกับพูดคุยหยอกล้อและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน  ทำเอาคนที่กำลังมองดูอยู่ได้ยิ้มและหัวเราะตามไปด้วย 

“ อยากถ่ายกับเขาหรอ  เห็นมองตาไม่กระพริบ ” เสียงของไอ้เต้แทรกเข้ามาในหูฉัน  ทำเอาหมดอารมณ์ไปเลยทีเดียว  ฉันหันไปหามันที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉัน  มันมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่อะ  แถมยังจ้องหน้าฉันอีก 

“ ก็อยากถ่ายหนะสิ  แกเอากล้องมาด้วยหรือป่าวหละ ”  ฉันพูดประชดมันไปอย่างนั้น

“ ไม่มีอะ  ถึงมี  ก็ไม่อยากถ่ายหรอก  กลัวถ่ายติดวิญญาณ  555555 ”  มันหัวเราะเสียงดัง  คงจะพอใจน่าดูที่ได้กัดฉัน  กัดแต่ละทีนี่จุกไปถึงตับไตไส้พุงเลยคะ  ไอ้นี่มันปากจัดจริงๆ  ฉันก็โมโหสิคะงานนี้  เรื่องไรจะปล่อยให้มันเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว  อย่างนี้ต้องเอาคืน

“ ก็ไม่แน่  ถ้าถ่ายแต่รูปแก  คงจะเห็นวิญญาณเยอะน่าดู  555555 ”  ฉันเอาคืนบ้าง  คราวนี้มันถึงกับหัวเราะไม่ออก  ได้แต่ยืนทำตาเขียวปี๋ใส่ฉัน  แต่ฉันก็ไม่หยุดคะ ยังหัวเราะต่อไป ช่วยไม่ได้ ก็มันขำจริงๆ นี่นา  555555

“ หยุด  หยุดได้แล้ว ” มันตะโกนบอกให้ฉันหยุด   แต่ฉันก็ไม่ได้หยุดหัวเราะกะทันหันหรอกนะ เพราะอารมณ์มันยังค้างอยู่    ฉันพยายามหยุดขำ  เสียงหัวเราะนั้นก็เบาลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดไป   

“ ไปกันได้แล้ว ” มันเดินตรงไปที่ศาลาที่อยู่ใกล้ๆ  ฉันก็เดินตามไป 

มันเลือกศาลาที่ไม่มีคน  แล้วก็เข้าไปนั่งในศาลานั้น  ตอนนี้ศาลามีแค่เราสองคน  เป็นศาลาที่เขาทำเอาไว้ให้นั่งดูเขื่อน  มีอยู่หลายอัน  ถ้านั่งอยู่ในศาลาแล้วมองออกไปที่เขื่อน  ก็จะเห็นเขื่อนเป็นบริเวณกว้าง  ช่วงนี้น้ำในเขื่อนกำลังเยอะเลยทีเดียว  เพราะตอนนี้เป็นหน้าฝน  แต่วันนี้บรรยากาศดี  ไม่มีท่าทีว่าจะมีเมฆครึ้มหรือฝนตกแต่อย่างใด   

“ บรรยากาศดีจังเลยเน่าะ ”  ฉันที่กำลังมองดูน้ำในเขื่อน  หันไปมองเจ้าของเสียงที่กำลังนั่งทอดสายตาไปที่เขื่อน  พร้อมด้วยรอยยิ้มที่ดูเป็นธรรมชาติ  เหมือนกำลังชื่นชมความงามของธรรมชาติที่อยู่ข้างหน้า

“ นายเนี่ย  ก็ดูอ่อนโยนเหมือนกันนะ”  มันหันหน้ามาหาฉันพร้อมกับรอยยิ้มเดิม

“ เห็นฉันเป็นคนป่าเถื่อนขนาดนั้นเลยรึไง ”  ฉันหัวเราะเบาๆ  มันพูดอย่างกับตัวเองไม่ป่าเถื่อนงั้นแหละ  ทั้งๆ ที่จริงแล้ว   ป่าเถื่อนที่สุด 

“ หรือไม่จริง ”  ฉันพูดเพียงแค่นี้  แต่กลับทำให้มันสีหน้าเปลี่ยนไปทันที  หน้าตาเคร่งขรึมอีกแล้ว 

“ เออ  กูมันป่าเถื่อน  ป่ะ  ไปได้แล้ว  หมดอารมณ์ ”  พูดแล้วมันก็เดินพรวดพราดไปที่รถ  ฉันนี่เอ๋อแด*ไปเลยคะ  ให้ตายเหอะ  อารมณ์แปรปรวนจริงๆ เลยไอ้บ้านี่ 

ฉันเดินตามมันไปที่รถ  พอมาถึงที่จอดรถ  มันก็นั่งรออยู่บนรถแล้ว  ฉันจึงขึ้นไปนั่งคร่อมซ้อนท้ายมัน  เสียงสตาร์ทมอไซต์ดังขึ้น  แล้วขับออกไป  คราวนี้จะพาฉันไปที่ไหนอีกหละ  แต่ฉันก็คิดเอาไว้แล้วหละว่าคงเป็นที่นั้นแน่ๆ เลย 

มันขับรถพาฉันเข้ามาในหาด..........  หาดนี้เป็นหาดของเขื่อนที่พวกเรามาเที่ยวนี่แหละ  เขื่อนนี้ทั่งเขื่อน  จะมีหาดนี้อยู่หาดเดียว และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจะต้องมากันเกือบทุกคนเมื่อแวะมาเที่ยวที่เขื่อนแห่งนี้   มันขับรถเข้ามาจอดในที่จอดรถที่ทางหาดจัดเอาไว้ให้  จากนั้นพวกเราก็เดินต่อไปอีกประมาณหนึ่งกิโลเมตรได้มั้ง   และแล้วพวกเราก็เดินมาถึงหาดจนได้  หาดที่นี่สวยดีนะ  ช่วงที่มานี้ไม่ใช่หน้าเทศกาล เป็นแค่วันหยุด  ผู้คนไม่ค่อยเยอะเหมือนหน้าเทศกาล  แต่ก็ถือว่าเยอะสำหรับวันหยุดอยู่นะ บรรยากาศดูครึกครื้นดี  มีคนเล่นน้ำกันเยอะแยะ   ทั้งๆ ที่แดดก็ร้อนมากๆ  งานนี้น้องเทยขอบายแล้วกัน  กลัวดำอะ    มีบานาน่าโบ๊ทด้วยนะ  วัยรุ่นชอบเล่นกันมาก  เล่นทีก็มีเสียงกรี๊ดกร๊าดให้ได้ยินอยู่ตลอด  ชอบก็ตอนที่คนขับพลิกบานาน่าโบ๊ท  แล้วคนที่นั่งอยู่ก็พากันตกลงน้ำกันทั้งหมด  เห็นแล้วสะใจดี  หมั่นไส้  กรี๊ดกันดีนัก เป็นไงหละ ตกน้ำแล้วพากันกรี๊ดไม่ออกเลยคะ  55555    ฉันก็ว่าเขาไปนั่น  แต่ก็อยากลองเล่นดูบ้าง   มาเที่ยวตั้ง  2 ครั้ง  แต่แม่ก็ไม่ยอมให้เล่นสักครั้ง  วัยรุ่นเซ็ง 

ตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว   ไอ้เต้พาฉันเดินลงมานั่งในร่มที่ทางร้านค้าจัดไว้ให้  แต่มีข้อแม้ว่าเราจะต้องสั่งอาหารจากร้านของเขา  อ้าว  อาหารที่นี่ยิ่งแพงๆ อยู่ด้วย เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว  แถมมันยังเช่าเปลมานั่งอีกตั้ง  2  ตัว    ฉันไม่ได้เตรียมเงินมาเยอะแยะขนาดนั้นนะ  มันทำอะไรคิดจะปรึกษาฉันบ้างไหม

แม่ค้าเอาเปลมากางให้เรา 2 ตัว  และปูเสื่อให้ตรงข้างหน้าเปล  แล้วหันมาถามว่าจะสั่งอะไรดี  ฉันไม่ได้ง้างปากพูดเลยสักคำ ไอ้เต้มันก็ชิงพูดก่อน  มันก็สั่งเอาๆ  ส้มตำ ขนมจีน ปลาเผา ต้มยำ ยำรวม  น้ำเปล่า น้ำโค้ก น้ำแข็ง  โอ้ย  สั่งมาเยอะมาก  ฉันนั่งอึ้งไปเลยคะ  แม่ค้ารับออเดอร์เสร็จก็เดินไปร้านค้าเพื่อเตรียมอาหารตามที่สั่งมาให้

“ นี่แก  แกสั่งเยอะเกินไปรึ่ป่าว  ฉันไม่ได้เอาตังคืมาเยอะขนาดนั้นหรอกนะ ”  มันก็นั่งหน้าตาเฉย ไม่พูด  ไม่หันมาหาฉันเลยแม้แต่นิดเดียว  เอาแต่นั่งมองดูน้ำอยู่นั่นแหละ  เอ๊ะ หรือมันกำลังดูอย่างอื่น 

“ นี่  นายเต้  ได้ยินที่ฉันพูดมั้ย ”  ฉันพูดเสียงดังขึ้น  เพราะกำลังร้อนใจเรื่องที่ไม่มีเงินจ่ายค่ากับข้าว

“ จะโวยวายไปทำไม ฉันเลี้ยง  แกไม่ต้องเสียเงินเลยสักบาท  รู้แล้วก็เงียบซะ  อาหารมาก็กินให้หมดด้วย ถ้ากินไม่หมด  ฉันจะให้แกจ่าย”   เหอะๆ  ขู่ฉันหรอยะ  เรื่องกินขอให้บอก กับข้าวแค่นี้ ฉันฟาดเรียบอยู่แล้วจ้ะ  ช่วงนี้ยาคุมกำลังออกฤทธิ์ซะด้วย  กินไม่เหลือซากแน่ๆ  อิอิ 

“ ให้มันจริงเถอะ  ฉันไม่อยากล้างถ้วยหรอกนะ ” 

“ อืม  กินให้มันหมดเถอะ  กินเยอะๆ  จะได้อ้วนๆ  ผอมไปไม่สวยนะเว้ย  ”  มันแหย่ฉัน   ฉันก็ทำหน้าแปลกๆ 

“ อยากเห็นฉันสวยตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ ” 

“ ป้าว  ก็พูดไปงั้นๆ แหละ”  พูดแล้วมันก็หลบสายตาฉัน  หันกลับไปมองน้ำหรืออะไรที่อยู่ในน้ำเหมือนเดิม 

เราสองคนนั่งรออาหารกันอยู่สักพักใหญ่ๆ  ระหว่างที่รอ  ก้คุยกันไปเรื่อยเปื่อย  ส่วนมากมันก็จะถามฉันเรื่องเรียนมากกว่า  ไม่คิดว่าคนอยางไอ้เต้จะสนใจเรื่องเรียนกับเค้าด้วย เห็นเถื่อนๆ แบบนี้  นึกว่าจะชวนคุยเรื่องเถื่อนๆ ซะอีก  คุยกันไปคุยกันมา ก็ได้เรื่องว่า  ไอ้เต้มันชอบเรียนวิชาคำนวณ  เหมือนฉันเลยอะ  ฉันก็ชอบคำนวณเหมือนกัน  มันบอกอีกว่าตั้งแต่เรียนมามันได้เกรด 4 วิชาคณิตศาสตร์มาตลอด  ไม่ค่อยจะขี้โม้เลย  ส่วนฉันก็ไม่ยอมปล่อยให้มันอวดอยู่คนเดียวหรอก ฉันจึงอวดมันกลับไปบ้าง ว่าฉันก็ได้เกรด  4  วิชานี้มาตลอดเหมือนกัน  เราก็คุยกันไปเรื่อยๆ  จนกระทั่งแม่ค้าเอาอาหารมาเสิร์ฟ  เราลงมานั่งที่เสื่อแล้วกินอาหารกันจนเกลี้ยง  คือ.... ไอ้เต้มันอิ่มได้ซักพักนึงแล้วหละ  แต่ฉันยังกินต่อไปได้เรื่อยๆ  กินเร็วมาก กินจนหมด  อย่างกับปอบลง   55555  ไอ้เต้มันก็นั่งอ้าปากอึ้งไปตามระเบียบ 

“ ไปตายอดตายอยากมาจากไหนเนี่ย ”  ฉันกำลังนั่งแทะหัวปลานิลอยู่อย่างเอร็ดอร่อย  ต้องหยุดชะงัก    สีหน้าไม่สบอารมณ์  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้คนที่มันพูดให้ที่กำลังนั่งเปลอยู่

“ ก็คนมันหิวหนิ  แกบอกเองไม่ใช่หรอว่าให้ฉันกินให้หมด ฉันก็กำลังกินให้หมดอยู่นี่ไง ”  พูดแล้วฉันก็ก้มลงไปแทะหัวปลานิลอีกครั้ง

“ ใครจะไปรู้ ว่าจะกินขนาดนี้  ขนาดหัวปลายังไม่เว้น ”  ฉันเงยหน้าขึ้นมามองมันอีกที

“ นี่  ฉันจะบอกอะไรให้  หัวปลานิลนี่แหละ  อร่อยที่สุดแล้ว ”  พร้อมกับยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมาโชว์ถึงความอร่อยของมัน   มันก็ทำหน้า งงๆ  แล้วพยัคหน้าพยัคหน้าเบาๆ 

เราสองคนกินข้าวอิ่มกันไปแล้ว ก็ขึ้นมานั่งบนเปล  ดูคนเล่นน้ำ  และพวกที่เล่นบานาน่าโบ๊ท  ดูพวกเขาสนุกมาก  อยากสนุกแบบนั้นบ้างจัง 

“ เคยขี่บานาน่าโบ๊ทป่ะ ”  คนข้างๆ เอ่ยถามฉันขึ้นมา

“ ไม่เคยหรอก มาทีไรแม่ก็ไม่ยอมให้เล่นตลอดเลย ”  สายตายังจับจ้องอยู่ที่กลุ่มคนที่กำลังเล่นบานาน่าโบ๊ท

“ อยากลองเล่นป่าว ”  มันชวนฉันเล่นบานาน่าโบ๊ทด้วย  เอาไงดีหว่า  ฉันนั่งคิดอยู่พักนึง ก่อนจะตอบมันออกไป

“ ไม่เอาดีกว่า  ตอนนี้ยังไม่พร้อมอะ ”  เอาเข้าจริงก็กลัวอยู่นะ ใจนึงก็อยากเล่น ใจนึงก็กลัว  ไม่ได้กลัวไอ้เต้นะ แต่กลัวบานาน่าโบ๊ทอ่า  แถมยังขย่มกันอย่างแรง  เห็นแล้วกลัวอย่างบอกไม่ถูก  ก็เลยปฏิเสธออกไปอย่างนั้น 

“ กลัวอะดิ  ก็อย่างนี้หละน้า  คนไม่เคยขี่  ฉันเข้าใจ  เพราะครั้งแรก ฉันก็กลัวเหมือนกัน  แต่ตอนนี้ไม่กลัวแล้วหละ  เพราะมันสนุกม้ากกก  ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดหรอก  ลองป่าว  เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง ” ฉันถึงกับหู่ผึ่ง  หันขวับมาทันที  ของฟรี เทยชอบ  หุหุ  แต่คิดดูอีกที  ไม่เอาดีกว่า  ฉันจึงปฏิเสธไอ้เต้ไปอีกรอบ  มันก็ทำหน้าเซ็งๆ และส่ายหัวไปมา  ก่อนจะหันกลับไปมองสายน้ำที่อยู่เบื้องหน้าเหมือนเดิม 

เรานั่งย่อยอาหารกันต่อ  ระหว่างนั้นไอ้เต้ก็สรรหาเรื่องมาชวนฉันคุยอยู่ตลอด  มีสาระบ้าง ไร้สาระบ้าง  จิกกัดกันบ้าง  คุยกันไปคุยกันมาเหมือนเราสนิทกันเลยแฮะ  หรือฉันรู้สึกไปเอง  อาจจะเป็นเพราะไอ้เต้มันเป็นคนพูดเก่งก็ได้มั้ง  แถมยังปากจัดอีก  ก็เลยสู้ฝีปากกะเทยอย่างฉันได้สูสีเลยทีเดียว  การสนทนาของเราสองคนก็เลยกลายเป็นสนุกสนานกันไปเลย   เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ เพราะอย่างน้อยๆ ฉันจะได้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย   จนถึงเวลาประมาณบ่ายสอง  ไอ้เต้ก็เรียกเก็บเงิน  และมันก็เป็นคนเลี้ยงข้าวมื้อนี้จริงๆ ด้วย  ว้าวว  อิ่มจังตังค์อยู่ครบ     

ฉันขอให้ไอ้เต้พากลับบ้าน แต่มันบอกว่าอยากจะพาฉันไปเที่ยวอีกที่นึงก่อน เพราะมาถึงที่นี่แล้ว ก็อยากเที่ยวให้มันครบ  แน่นอนว่าที่อีกที่นึงที่มันจะพาฉันไป  ฉันก็รู้จักเหมือนกัน  เพราะถ้ามาที่เขื่อนนี้  นอกจากหาดแล้ว  ก็จะมีสถานที่อีกที่นึงที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ  และไปเที่ยวกันเยอะมากไม่แพ้หาด   มันเป็นเหมือนน้ำตกเทียมนะ  เพราะที่ที่เรากำลังจะไป  มันเป็นสถานที่  ที่ใช้ระบายน้ำออกจากเขื่อน คล้ายๆ กับฝายน้ำล้น  แต่ที่นี่ไม่ได้ระบายน้ำออกเยอะมากขนาดนั้น  ที่นี่จะมีท่อใหญ่ๆ อยู่  2  ท่อ  ใช้ระบายน้ำออกจากเขื่อน  น้ำจะตกลงมายังพื้นดินที่อยู่ข้างล่าง ที่เต็มไปด้วยหินและโขดหินมากมาย  ทำให้เกิดเป็นน้ำไหลผ่านโขดหินเหล่านั้น  และกลายเป็นเสมือนลำธาร  ที่มีน้ำไหลอยู่ตลอดเวลา 

ไอ้เต้ขับรถพาฉันมาที่น้ำตกเทียมที่ว่า  จริงๆ แล้วที่นี่มีชื่อเรียกอยู่นะ  และนักท่องเที่ยวทุกคนก็จะรู้จักสถานที่แห่งนี้ดีในชื่อนั้น   พอมาถึง เราก็เอารถไปจอดไว้ที่จอดรถที่เขาเตรียมไว้ให้ แล้วเดินเข้ามาจนถึงน้ำตกเทียม  ไอ้เต้บอกว่าถ้าอยู่ต้นน้ำตกน้ำมันไหลแรงมาก  ไม่ชอบ  ก็เลยพาฉันเดินออกมาไกลจากต้นน้ำหน่อย   พอได้ที่แล้วก็พาฉันขึ้นไปนั่งบนศาลาไม้ไผ่  ที่นี่จะมีศาลาไม้ไผ่สร้างติดกับน้ำตกเทียม  และสร้างกันหลายหลัง  ยาวไปตามลำธารทั้ง  2  ข้างไม่ไกลมากนัก  ศาลาไม้ไผ่พวกนี้ก็จะเริ่มหมดแล้ว  ไม่ได้มีเอาไว้รับลูกค้าตลอดลำธารหรอกนะ 

“ เฮ้ยแก  ไม่ต้องขึ้นไปนั่งหรอก  ลงไปเล่นน้ำกันเลย  เล่นแล้วก็กลับกันไง  จะได้ไม่ต้องเสียเงิน ”  ฉันเรียกไอ้เต้ที่กำลังเดินขึ้นไปนั่งบนศาลาที่อยู่ใกล้ๆ ลำธาร 

แต่เหมือนมันจะไม่ฟังอะไรฉันเลย เพราะมันยังเดินต่อไปจนถึงศาลาแล้วขึ้นไปนั่งบนนั้นหน้าตาเฉย  ฉันก็เดินตามไปจนถึงศาลา  มันเรียกให้ฉันขึ้นไปนั่งกับมัน  และบอกว่าจะเลี้ยงเอง  เท่านั้นแหละ  ฉันก็ยิ้มแป้น  แล้วขึ้นไปนั่งบนศาลากับมัน   มันมองฉันแล้วยิ้มแปลกๆ    ก่อนจะหันหน้าเข้าหาลำธาร  ฉันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก  เพราะยังไงก็ของฟรี  เรานั่งอยู่ไม่นานก็มีแม่ค้ามารับออเดอร์  ไอ้เต้ก็สั่งพวกเครื่องดื่ม น้ำเปล่า น้ำแข็ง น้ำโค้ก แล้วก็ส้มตำ 1  ครก กับยำอีก 1 จาน  กินแล้วกินอีก ไม่เป็นไร  อาหารที่กินไปมื้อเที่ยงย่อยหมดแระ  กินได้ๆ 

“ ลงไปเล่นน้ำกันป่ะ ”  เสียงชวนของมันฟังดูน่าตื่นเต้นจังเลยแฮะ 

“ อืม ไปดิ  แต่ขอไม่เปียกมากนะ  เดี๋ยวที่บ้านรู้  ”  มันก็พยัคหน้าหงึกๆ

“ เดี๋ยวรออาหารมาก่อน ค่อยลงไปแล้วกัน ” ไอ้เต้ถือโอกาสออกคำสั่งกับฉัน แต่ฉันก็พยัคหน้ารับ 

นั่งรอซักพักนึง  แม่ค้าก็เอาอาหารมาเสิร์ฟ  เราพากันนั่งกินรองท้องไปนิดนึง  ก่อนจะลงไปเล่นน้ำกัน  ฉันนั่งอยู่บนโขดหินขอบๆ  ลำธาร  มันเป็นโขดหินสูง  น้ำจึงไม่ท่วมขึ้นมาถึงตรงที่ฉันนั่ง   พับขากางเกงยีนส์ตัวโปรดขึ้นมาเกือนถึงหัวเข่า  แล้วหย่อนขาลงไปในน้ำ  น้ำเย็นมาก  กระแสน้ำไหลไม่ค่อยแรงมาก  แต่ก็ไม่ได้เบามาก  น้ำไหลพอดีน่าเล่นมากเลยแหละ  เสียดายที่ไม่ได้เตรียมตัวมาเล่นน้ำ ไม่งั้นลงไปแช่ตั้งนานแระ  ส่วนไอ้เต้หนะหรอ  คงเตรียมตัวมาเล่นน้ำซะเต็มที่เลยสิท่า  ก็ดูมันสิ เล่นน้ำสนุกเชียว  อิจฉาเบาๆ  เล่นน้ำไปได้สักแปปนึง  มันก็แหวกว่ายมาหาฉัน

“ ไม่ลงมาเล่นน้ำด้วยกันจริงๆ หรอ  อยู่บนนั้นร้อนจะตาย  ลงมาเล่นด้วยกันสิ  น้ำเย็นมาก  สบายยยย  ” มันกำลังพยายามพูดยั่วยวนให้ฉันลงไปลอยน้ำกับมันอย่างเต็มที่   ฉันก็เอาแต่ส่ายหน้าอย่างเดียว  ช่วยไม่ได้  ทำไมแกไม่บอกฉันก่อนหละว่าจะมาที่นี่  จะได้เตรียมตัวมาเต็มที่   ไอ้บ้าเอ้ย 

“ งั้นก็นั่งรออยู่นี่นะ  ขอเล่นอีกสักหน่อยก่อน  เดี๋ยวพากลับบ้าน ” 

“ เอาให้เต็มที่เลยก็ได้  ฉันไม่รีบกลับหรอก กลับตอนนี้แดดก็ร้อน  อีกอย่างที่ฉันนั่งอยู่ก็ร่มดี  ไม่ได้ตากแดดอะไร  นั่งอยู่นี่ก็เพลินๆ ดี  แกไปเล่นเถอะ ” 

“ โอเคร  ไปแระ ” แล้วมันก็ว่ายน้ำไปตรงกลางลำธาร    ฉันมองตามหลังมัน  จู่ๆ  ก็มีความคิดนึงแว๊บเข้ามา   ไอ้เต้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ  ถ้าไม่ป่าเถื่อน   คงน่ารักมากๆ เลยแหละ  บรืออออ   นี่ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย

ฉันนั่งดูไอ้เต้เล่นน้ำอยู่สักพักนึง  ก็มีกลุ่มเพื่อนสาวสามนาง  เดินเข้ามาหาฉัน  ถามไถ่กันได้ข่าวว่าพวกนางอยู่  ม. 4  เป็นรุ่นพี่ของฉันปีนึง  ฉันก็เลยเรียกพวกนางว่าพี่  พวกนางก็แซวฉันเรื่องไอ้เต้ ถามกันจังว่ามากับผัวหรอ ฉันก็ตกใจแทบกรี๊ดดด  ดูยังไงว่าเป็นผัว  คือพวกเราไม่ได้สวีทหวานกันเลยนะจ้ะ  กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันก็หามีไม่  อย่ามาเดาสุ่มสี่สุ่มห้านะคะ  ฉันปฏิเสธไปในทันทีและบอกว่าเป็นเพื่อนของเพื่อน  พวกนางก็เออ ออ  เหมือนจะเข้าใจนะ 

“ แหม  ทีแรกก็นึกว่าผัวคุณน้อง  พวกพี่ว่าจะเข้ามาถามเคล็ดลับ มาทำยังไงถึงได้ไม้เริ่ดขนาดนี้ ” พี่สาวคนนึงพูดขึ้น น้ำเสียงตอแหลสุดๆ

“ ถ้าไม่ใช่ผัว  พวกพี่ก็มีสิทธิ์  คงไม่ว่าอะไรนะจ้ะ  ถ้าพวกพี่จะขอไปเช็คไม้ผู้ชายคนนั้น ”  อีกนางนึงก็พูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่ไอ้เต้ 

งานนี้ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันนะ ว่าเวรกรรมจะตกอยู่ที่ใคร  คือพวกนางยังไม่รู้ว่าไอ้เต้มันเกลียดกะเทยมาก และเป็นพวกป่าเถื่อนชอบใช้กำลังอีกต่างหาก พวกพี่สาวอาจถูกมันกระทืบก็ได้  หรือไม่ก็  ไอ้เต้โดนกะเทยสามนางรุมโทรม  แต่ประเด็นหลังเนี่ยมีโอกาสน้อยมาก เพราะดูพวกนางแต่ละคนสิ  หุ่นดีๆ กันทั้งนั้น  เอาเถอะๆ  ขอให้โชคดีแล้วกันนะคะพี่สาว  เอาชีวิตให้รอดกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยไร้สีเลือดนะจ้ะ

“ หนูว่า  อย่าไปยุ่งกับมันเลยคะ  มันเป็นพวกซาดิสนะคะ  ชอบใช้ความรุนแรง ”  ฉันพยายามเตือนพวกนาง

“ ว้ายยย  พวกพี่ชอบคะ  พูดแล้วน้ำลายไหล  อยากกินแล้วหละพวกมรึง  กูว่าพวกเราไปกันเถอะ ”  พี่สาวอีกคนง้างปากพูดบ้าง  หลังจากที่ยืนสังเกตการณ์อยู่นาน   นางออกตัวแรงสุดๆ

ฉันก็ยิ้มเจือนๆ  ให้กับพี่สาวทั้งสามนาง  พวกนางก็ยิ้มกลับ  แววตาเป็นประกาย  ประกายแห่งความหวังว่าจะได้กินไอ้เต้สินะ  เหอะๆๆ ขอให้สมหวังกันถ้วนหน้า   สามนางพญาลงน้ำแล้วแหวกว่ายเข้าไปหาไอ้เต้  คราวนี้จะเกิดอะไรขึ้น โอ้ย ฉันไม่อยากเห็นภาพนั้น  ฉันจึงตัดสินใจเดินขึ้นมานั่งรอไอ้เต้อยู่ที่ศาลา  นั่งกินส้มตำ กับยำ แล้วก็จิบน้ำโค้กรอ

กำลังนั่งกินอร่อยๆ  คิดอะไรเพลินๆ  อยู่ๆ ก็มีเสียงผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้มาเรียก เธอๆ  ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกนะ เพราะไม่คิดว่าเค้าจะเรียกฉัน   ฉันก็นั่งกินต่อไป    เสียงเรียกนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง  ก็ไอ้คำว่า เธอๆ เหมือนเดิมอีกนั่นแหละ  ฉันเริ่มสงสัย  ว่าจะใช่ฉันหรือป่าว  จึงหันไปตามเสียงเรียก  แอร๊ยยยยย   ผู้ชายมาจากที่ไหนเนี่ย  หล่อจังเลยอ่า  ขาว ตี๋  สเป็คเค้าเลยนะตัวเอง 

“ เธอนั่นแหละ ”  เสียงเรียกของผู้ชายคนนี้  ทำให้ฉันที่กำลังนั่งตาค้าง หลุดออกจากภวังค์ 

“ ห๊ะ!  นาย....  เรียกฉันหรอ ”  ฉันถามอย่างสงสัย 

“ อื้ม  ก็เรียกเธอนั่นแหละ   เรียกตั้งสองสามครั้งแหนะกว่าจะยอมคุยกับเรา ”  เขาพูดเหมือนน้อยใจฉันเลยอะ  หรือฉันคิดไปเอง  หรือป่าว 

“ ขอโทษที  คือ....  ฉันไม่คิดว่านายจะเรียกฉัน ”

“ นั่นสินะ  ก็เรียกเธอๆ แบบนั้น  ใครเค้าจะหันหละ  ว่าแต่  เธอชื่ออะไรหรอ ”  น่านไง  เขาจะจีบฉันหรือป่าวว้า

“ ชื่อฟิล์ม  แล้วนายหละชื่ออะไร ”  ฉันถามกลับบ้าง 

“ ภูมิครับ  อายุ  16  ปี แล้วฟิล์มหละ ” 

“ ภูมิเป็นพี่เราปีนึง ”  ฉันตอบออกไปแบบนี้   เขาก็พยัคหน้า  แล้วยิ้มให้ฉัน ฉันก็ยิ้มกลับตามมารยาท ( มั้ง ) 

ฉันชวนเขาขึ้นมานั่งบนศาลา  แหม ไม่ค่อยจะแรงเลยนะฟิล์มเอ้ย   5555   เขาก็ไม่ปฏิเสธด้วยนี่สิ  ขึ้นมานั่งบนศาลากับฉันเฉยเลย  จริงๆ ก็แค่ชวนตามมารยาท อะนะ  แขกดันเข้าบ้านจริงๆ ซะงั้น  แต่ไม่มีอะไรเกินเลยหรอกนะ  พวกเราก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย  ไม่ค่อยจะมีสาระอะไรหรอก   แต่ก็สนุกดี  ดีกว่านั้งเบื่อๆ เซ็งๆ รอไอ้เต้ 

เรานั่งคุยกันได้ไม่นาน  ไอ้เต้ก็เดินหน้าดุอย่างกับยักษ์มาที่ศาลา  ตัวนี่เปียกโชกเลยอะ  ดีนะที่มันใส่เสื้อสีดำ ไม่งั้นคงได้เห็นอะไรดีๆ แน่เลย    ก่อนจะเดินมาถึงศาลามันคงจะเห็นฉันนั่งคุยกับอิตาภูมิแล้วหละมั้ง  พอมาถึงศาลามันก็ทำหน้าดุ  ตาขวางใส่นายภูมิใหญ่เลย  ตายห่า  มันจะต่อยเค้าป่ะเนี่ย   แต่โชคดีไป  ที่นายภูมิยอมลงจากศาลาแต่โดยดี   แล้วเดินจากไป  นายภูมิคงจะคิดว่าไอ้เต้เป็นแฟนฉันสินะ  ถึงได้จากกันโดยไม่มีคำล่ำลา   

“ กินอิ่มรึยัง ” ไม่ได้ดุแค่หน้า   เสียงก็ดุเหมือนกัน   ฉันนี่ถึงกับตกใจ  หน้าเริ่มซีดแล้วจ้ะ 

“ อิ่มแล้ว  แกหิวมั้ย ขึ้นมากินอะไรก่อนดิ ” ฉันพูดเสียงนุ่มนวล  เพราะดูท่าทางมันกำลังโกรธจัด  ต้องพยายามทำตัวให้น่ารักเข้าไว้  จะได้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ในใจตอนนี้คิดแต่เรื่องนี้ 

“ ไม่กินเว้ย  อิ่มแล้วก็ลงมา  แล้วเดินไปรอกูที่รถ  เมิงกับกูมีเรื่องต้องสะสางกัน ”มันตะคอกเสียงดังใส่ฉัน  ฮือๆ  ตอนนี้ฉันกลัวมาก  กลัวจนตัวสั่นไปหมด  ทำอะไรไม่ถูกเลย 

“ ได้ๆ  เดี๋ยวเราไปรอที่รถนะ ”  ฉันพูดเสียงสั่น   ส่วนไอ้เต้ก็ยังทำหน้าดุใส่ฉันเหมือนเดิม

มันเดินไปจ่ายค่าอาหารที่ร้านค้า    ส่วนฉันก็เดินไปรอมันที่รถ   มาถึงรถแล้ว  ฉันก็ยังกลัวไม่หาย  และมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกกลัวมากขึ้น  ฉันคิดกังวลไปต่างๆ นาๆ  ว่าไอ้เต้มันคงโกรธจัด เรื่องที่ฉันทิ้งให้มันโดนกะเทยสามนางนั้นลวนลาม  ส่วนตัวเองก็หนีขึ้นมานั่งคุยกับผู้ชายบนศาลา  มันช่างเป็นการเอาเปรียบไอ้เต้จริงๆ เลย  ฉันมีความสุข แต่ไอ้เต้มีความทุกข์ ฉันนี่มันแย่จริงๆ  เลย  ไม่รู้จักคิดก่อนจะทำอะไรลงไป  ทั้งๆ ที่วันนี้มันก็พามาเที่ยว แถมยังเลี้ยงข้าวอีก  แต่ทำไมฉันถึงทำกับมันแบบนี้นะ  สมควรแล้วหละที่มันจะโกรธ   เอาเถอะ  จะโดนมันเตะต่อย  ก็ปล่อยให้มันทำไป  ฉันผิดเอง  ฉันขอรับผิดชอบทุกอย่างด้วยตัวของฉันเอง  ฮือๆ  ศพไม่สวยแน่ๆ งานนี้     :katai1: :hao5:   

.............................................................................

ออฟไลน์ Chanik

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ค้าาาง มาต่อเร็วๆนะคะ :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ดูจากอาการเต้แล้วคงจะทั้งงอนแล้วก็หึง

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
เต้เป็นอะไรอะ อิอิ หึงหรอ มาต่ออีกนะ มาต่อแบบยาวๆเลยนะ

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
เต้หึงอ่ออออออออ

เต้น่ารัก เชียร์เต้นะ อิอิ

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เต้หึง 5555 แต่ละคนก็พูดไปนั่น

คงไม่ใช่หรอกมั้ง ก็เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย  นายเต้จะมาหึงเค้าทำไมอ่า

วันนี้หยุดงาน เดี๋ยวตอนเย็นๆ จะมาเขียนต่อ ถ้าเขียนเสร็จก็จะอัพลงทันที  แต่ถ้าไม่เสร็จ ก็รอต่อไปก่อนแล้วกันเน่าะ  :t3:

ออฟไลน์ tutatoomtam

  • รัก.................!
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คุณฟิมขา!!!! เค้าขอโทษที่หายไปน้าาาาาา เค้าหาเรื่องนี้ไม่เจอ คือไม่รุ้ไงว่าคุณฟิมเปลี่ยนชื่อเรื่อง ที่หาเจอตอนนี้คือเปิดดูกระทู้เม้นเก่า // เต้!!! แกหึงละสิ  ยังไงก้ต้องเป้นเต้อ่ะ เอาจริงๆ เชียร์เต้ว่ะ -,,- ถ้าคิดผิดก็ก้มหน้าก้มตาเน้อะ 55555555 :z2:

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คุณฟิมขา!!!! เค้าขอโทษที่หายไปน้าาาาาา เค้าหาเรื่องนี้ไม่เจอ คือไม่รุ้ไงว่าคุณฟิมเปลี่ยนชื่อเรื่อง ที่หาเจอตอนนี้คือเปิดดูกระทู้เม้นเก่า // เต้!!! แกหึงละสิ  ยังไงก้ต้องเป้นเต้อ่ะ เอาจริงๆ เชียร์เต้ว่ะ -,,- ถ้าคิดผิดก็ก้มหน้าก้มตาเน้อะ 55555555 :z2:

ง่าาาา แล้วคนอื่นๆ จะหาเจอมั้ยเนี่ย บางคนก็หายเงียบไปเลย เพราะตามหาเรื่องนี้ไม่เจอรึป่าวน้า

ปล. ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ  :pig4: :pig2:

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ตอนที่   13     o13

         ฉันเดินมารอไอ้เต้ตรงที่จอดรถมอไซต์ของมัน  เพื่อรอรับการลงโทษ  ยืนรออย่างกระวนกระวายใจ   ตอนนี้กลัวสุดๆ  ยืนรออยู่ซักพักนึง  ไอ้เต้ก็เดินหน้าดุอย่างกับเสือเข้ามาหาฉันแล้ว  เลือดกบปากแน่ๆ เลยงานนี้  ฮือๆ  เค้ากลัว 

   “ รอนานมั้ย ”  ตอนนี้มันอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว  หน้าดุๆ กับคำพูดตะคอกเสียงดังเมื่อกี้  ทำฉันตกใจและกลัวจนถึงขีดสุด  หน้าซีดเผือดลงเรื่อยๆ  แล้วฉัน 

   “ ไม่นานหรอก  รอได้ ”  ฉันพยายามยิ้มให้มัน   เผื่อมันจะอารมณ์ดีขึ้น

   มันยืนนิ่ง ทำหน้าดุใส่ฉันไม่หยุดสักที  แล้วก็ไม่ยอมพูดอะไร  เอาแต่ยืนจ้องหน้าฉัน  จนฉันตัวแข็งเกร็งไปหมด
 
   “ เออ....นี่   แกเล่นน้ำสนุกมั้ย ”  ฉันแอ๊บถามมันไปอย่างนั้นแหละ  จริงๆ  แล้วก็พอจะเดาได้ ว่าเกิดอะไรขึ้น   

   “ ไม่เว้ย  มึงใช่มั้ย  ที่ปล่อนอิกะเทยสามตัวนั่นลงไปลวนลามกูในน้ำ ”  ท่าทางมันโมโหมากขึ้น  โธ่  ฉันไม่น่าถามเรื่องนี้เลย 

   “ เปล่านะ  ฉันเตือนพวกนั้นแล้วว่าอย่าไป  แต่พวกเขาก็ไม่ฟัง  แกจะให้ฉันห้ามยังไง ” ฉันรีบอธิบายออกไปตามความจริง  ก่อนที่มันจะโกรธจัด  จนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ แล้วต่อยฉันเข้าให้ 

   “ เออ ห้ามไม่ได้ก็ไม่ต้องห้าม พวกมันสมควรโดนแล้ว  ที่ไม่เชื่อคำเตือนของมึง ” 

   “ แกทำอะไรพวกเขา ”     

   “ ก็แค่ปากแตก  หน้าแหกหมอไม่รับเย็บ  ช่วยไม่ได้  ใครบอกให้มันมาลวนลามกู  ดีเท่าไหร่แล้ว  ที่กูทำแค่นั้น  ถ้าพวกมันไม่รีบหนีนะ  ได้นอนจมกองเลือดแน่ๆ  55555 ”  มันช่างกล้าหัวเราะ  ทั้งๆ ที่ทำร้ายร่างกายผู้อื่น แต่ฉันนี่สิ ถึงกับตกใจกับการกระทำของมันเลยอะ 

   “ ปากแตก  ทำไมต้องทำเขาเลือดตกยางออกขนาดนั้นหละ  เขาไปทำอะไรให้แก ” ฉันชักจะเริ่มโมโห 

   “ ก็มันมาจับแขน จับไหล่กู  กูไม่ชอบให้พวกตุ๊ดมาจับตัวกู  รังเกียจ  ขยะแขยง ” แรงมากคำพูดประโยคนี้  และมันก็ยิ่งทำให้ฉันโกรธมากขึ้น เพราะมันคงลืมไปแล้ว ว่าฉันก็เป็นกะเทยคนนึงเหมือนกัน

   “ หรอ  แค่โดนเนื้อโดนตัวนิดหน่อย  แกก็ทำร้ายพวกเขาขนาดนั้น  ถ้าฉันเผลอไปจับมือถือแขน เกาะไหล่แกบ้าง แกก็คงจะทำร้ายฉันเหมือนพวกนั้นสินะ ” มันยืนนิ่งอยู่พักนึง ก่อนจะตอบออกมา 

   “ เออ  ถ้ามึงทำ  กูก็จะต่อยมึงเหมือนกัน ” ฉันได้แต่ยืนจ้องหน้ามัน  นี่ฉันถามอะไรออกไป  ฉันคิดว่าตัวเองเป็นใคร  ก็แค่กะเทยคนนึง  มันก็ต้องทำกับฉันแบบพวกนั้นอยู่แล้ว  จะถามให้มันได้อะไรขึ้นมา

   “ ฉันอยากกลับบ้านแล้ว  ช่วยไปส่งฉันที่สนามกีฬาอำเภอหน่อย ” ฉันหลบหน้ามันแล้วพูดออกมาเสียงอ่อยๆ

   “ ขึ้นรถสิ ” มันขึ้นไปนั่งบนรถมอไซต์  ก่อนจะสตาร์ทรถ  ฉันก็ขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายมันเหมือนเดิม 

   ไอ้เต้ขับรถมอไซต์พาฉันออกมาจากเขื่อน  ตอนแรกก็คิดว่าคงจะพากลับบ้าน  แต่ที่ไหนได้  มันกลับพาฉันขี่เข้าไปในสวนสัตว์  เป็นสวนสัตว์แห่งเดียวของจังหวัดเรา  อยู่ไม่ไกลจากเขื่อนมากนัก   ฉันเคยมาเที่ยวที่นี่แล้วครั้งนึง  ไม่คิดเลยว่าไอ้เต้จะพามาเที่ยวที่นี่อีกครั้ง  ฉันก็ตกใจนิดๆ  แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร เพราะก็อยากไปเที่ยวอีกสักครั้งเหมือนกัน  ก็เลยปล่อยให้มันขับเข้าไปข้างในจนถึงที่จอดรถของสวนสัตว์  เราจอดรถ  แล้วมันก็เดินนำฉันเข้าไปในสวนสัตว์ 

   เรามาถึงข้างในสวนสัตว์แล้ว  สิ่งแรกที่เห็นและสะดุดตาฉันมากๆ เลยก็คือนกยูง  ยิ่งตอนที่มันรำแพนนะ สวยมาก ฉันแสดงออกอย่างชัดเจนว่าชอบและตื่นเต้นมากที่ได้เห็นนกยูงรำแพน  จนไอ้เต้สังเกตเห็นละมั้ง มันเลยทักท้วง

   “ ชอบนกยูงหรอ ”  ฉันหันหน้าไปหามัน  มันยืนอยู่ข้างๆ ฉันนี่เอง

   “ ชอบดิ  แกดูมันรำแพนสิ  สวยโครตๆ เลยใช่มั้ยหละ ”  ฉันมองไปที่นกยูงที่กำลังรำแพน

   “ น่าเสียดายเน่าะ  ไม่ได้เอากล้องมาด้วย  ไม่งั้นคงได้ถ่ายรูปให้แกเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก ” 

   “ ไม่เป็นไรหรอก  แค่นี้ก็เป็นความทรงจำดีๆ แล้วหละ ” ฉันพูดแล้วยิ้มให้กับเหล่านกยูงที่อยู่ตรงหน้า 

   “ อืม  ไปดูอย่างอื่นกันเถอะ  ยังมีสัตว์อีกหลายตัวเลยนะ ”  มันพูดน้ำเสียงดูตื่นเต้น  ชวนให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นตามไปด้วย ทั้งๆ ที่เคยมาแล้วนะ  แต่นั่นมันก็นานมากแล้ว  สัก 2 ปี ได้แล้วมั้ง  กลับมาคราวนี้หวังว่าคงจะมีสัตว์แปลกๆ มาเพิ่มนะ 

   เราเดินดูสัตว์ต่างๆ ในสวนสัตว์อย่างสนุกสนาน   เหมือนกับว่าเราสองคนลืมเรื่องที่ทะเลาะกันที่น้ำตกไปแล้ว  แต่ก็ดีแล้วหละ  เพราะแบบนี้รู้สึกดีกว่าเยอะ   เราสนุกกันมาก  จำได้ว่ามีสัตว์ให้เราดูเยอะแยะเต็มไปหมด  เราซื้อผักไปให้กวางกินด้วยแหละ   มันก็เดินเข้ามากินผักที่อยู่ในมือเรา  ตอนแรกก็กลัวๆ นะ  แต่พอให้ไปซักพักนึง  ก็เริ่มชิน  แถมยังรู้สึกว่าพวกมันน่ารักอีกด้วย  ใครจะเชื่อหละ ว่าผู้ชายอย่างไอ้เต้ จะทำเรื่องแบบนี้เป็นกับเค้าด้วย  อยากบอกว่า เวลามันยิ้ม  ยิ้มอย่างมีความสุขเหมือนในตอนนี้   น่ารักโครตๆ เลยง่า

หลังจากที่เราเดินดูสัตว์กันอยู่นาน  ก็รู้สึกเหนื่อยกันแล้ว  จึงเดินมานั่งที่ศาลาไม้  เค้าทำเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักผ่อนกันสินะ  แถมใกล้ๆ ยังมีร้านค้าขายของกินเต็มไปหมดเลย  เริ่มหิวแล้วสิ 

“ เหนื่อยจังเลย  แต่ก็สนุกดี  หิวหรือยังหละ ” มันหันมาถามฉัน

“ หิวสิ  เดินจนอาหารย่อยหมดแล้ว ” ฉันตอบง้องแง้งออกไปเหมือนเด็ก  มันก็หัวเราะฉันใหญ่เลย  นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย  เฮ้อๆ  คิดแล้วก็งงกับตัวเอง 

“ หิวหรอเด็กน้อย  รอป๋าอยู่นี่นะ เดี๋ยวป๋าไปซื้อขนมมาให้กิน ” มันพูดไปยิ้มไป  ก่อนจะเดินไปซื้อของกิน

ฉันนั่งรอมันอยู่ซักพักนึง  มันก็หอบของกินมาประเคนถึงที่เลยคะ  มีทั้งน้ำอัดลม  น้ำเปล่า  ขนมกรุบกรอบมากมาย  และที่อยากกินมากเลยคือซาลาเปากับขนมจีบนั่นแหละ  มันหอบของกินมาวางไว้ข้างๆ  ฉัน  แล้วนั่งลง   เรานั่งห่างกันเพียงแค่ถุงขนมกั้นตรงกลางเท่านั้น   มันหยิบซาลาเปาขึ้นมาแล้วก็   
   
   “ ซาลาเปาไส้หวานร้อนๆ ” มันยื่นซาลาเปามาให้ฉัน  ฉันก็แอบดีใจนิดๆ กำลังอยากกินอยู่พอดีเลย 

   “ ขอบใจนะ ”  ฉันยื่นมือไปรับซาลาเปา  แกะกระดาษที่อยู่ตรงข้างล่างออก  แล้วก็กินอย่างไม่เกรงใจใคร 

   เรานั่งกินขนมและน้ำกันจนดับความหิวลงได้  ฉันก็ชวนไอ้เต้กลับ เพราะตอนนี้มันก็เกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว กว่าจะกลับถึงบ้านอีก  คงจะค่ำพอดี  แต่ไอ้แต่กลับบอกว่ายังกลับไม่ได้ 

   “ อ้าว  ทำไมหละแก  มันจะเย็นแล้วนะ ฉันกลับบ้านเย็นมากๆ ไม่ได้นะ ”  ฉันพูดบอกมันสีหน้ากังวล

   “ รู้แล้ว  ที่ฉันบอกว่ายังกลับไม่ได้  เพราะฉันยังไม่ได้ให้ของขวัญแกเลยนะ ”  อ้าว  แล้วที่พาฉันมากินมาเที่ยวฟรีเนี่ย  ไม่ใช่ของขวัญหรอกหรอ 

   “ แล้วที่พามาเที่ยว  ไม่ใช่ของขวัญหรอ ” มันส่ายหน้าไปมา

   “ ก็รีบๆ ให้มาสิ  จะได้รีบๆ กลับ  ”

   “ ก็กำลังจะให้อยู่นี่ไง อย่าเร่งดิวะ  คนยิ่งเขินๆ อยู่ ”  มันพูดเสียงแผ่วเบาตอนประโยคสุดท้าย  แต่ฉันก็ยังได้ยินอยู่ดี  ก็แปลกใจสิคะ  เขินอะไรของมันวะ

   “ เขินอะไร  ฉันไม่ใช่แฟนแกนะ  จะเขินไปทำไมหนิ ” มันก็ทำหน้าตกใจ คงนึกไม่ถึงหละสิว่าฉันจะได้ยิน 

   “ ก็ไม่เคยนี่หว่า  เนี่ยครั้งแรกเลยนะเว้ย ”  ไอ้บ้า ยิ่งพูดยิ่ง งง  มันหมายถึงอะไรของมันเนี่ย

   “ เออๆ  จะอะไรก็เร็วๆ เข้าเถอะ ” ฉันเร่งมัน แต่มันกลับนั่งทำท่ากล้าๆ กลัวๆ อยู่พักนึง จนฉันชักจะเริ่มหงุดหงิด  แต่ฉันก็ไม่ได้พูดแทรกมันขึ้นมา  เพราะคิดว่า  มันคงกำลังใช้ความพยายามอยู่  เห็นบอกว่าครั้งแรก 

   “ เพื่อน  ฉันขอมอบคำว่าเพื่อนเป็นของขวัญวันเกิดให้แก ”  มันพูดท่าทางจริงจัง  น้ำเสียงหนักแน่น  ทำเอาฉันอึ้งไปเลยคะ  ของขวัญวันเกิดอะไรเนี่ย 

   “ ของขวัญชิ้นนี้แกใช้เวลาคิดนานหรือเปล่า ” ฉันถามมันออกไปช้าๆ  มันนั่งหน้านิ่งและจ้องหน้าฉัน 

   “ ก็เพิ่งคิดเมื่อกี้นี่แหละ ” ฉันตกใจ เบาๆ  แล้วยิ้มแหยๆ ให้มัน

   “ เอ่อ...  แต่ฉันว่า  เอาเป็นอย่างอื่นดีกว่านะ  เที่ยวก็ได้นะ  ฉันสนุกมากๆ เลย  เป็นของขวัญที่ดีมากๆ เลยแหละ ”  แต่ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นะ  สีหน้าท่าทางของมันแสดงออกมาอย่างนั้น 

   “ มึงไม่อยากได้  แสดงว่ามึงไม่อยากเป็นเพื่อนกับกู ”  เอาแล้ววว กูๆ มึงๆ อีกแล้ว  ไหนจะน้ำเสียงดุดันนั่น  มันกำลังโมโหชัดๆ 

   “ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ”  ฉันพูดเสียงหวานใส่มัน  เผื่อสถานการณ์จะดีขึ้น

   “ แล้วมันหมายความว่าไงวะ ”  แต่สถานการณ์ไม่ได้ดีขึ้นเลย   

   “ ตกลง  ฉันจะรับของขวัญของแก  ต่อจากนี้ไป  เราสองคนเป็นเพื่อนกัน ”  ทุกอย่างดีดูขึ้น  ด้วยรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของไอ้เต้  คงจะดีใจที่ฉันรับของขวัญของมัน 

   “ ก็แค่เนี๊ยะ  ไม่เห็นต้องทำให้มันเป็นเรื่องเลย ” ฉันยิ้มให้กับมันและพยัคหน้าเบาๆ

   “ ไหนบอกว่ารังเกียจตุ๊ด แต๋ว กะเทย  มากไม่ใช่หรอ  ทำไมถึงอยากเป็นเพื่อนกับฉันหละ ”

   “ ไม่ได้อยากเว้ย  ให้เป็นของขวัญ ความหมายมันคนละอย่างกัน ”  โอ๊ะ  ฉันงง  มันพูดบ้าอะไรของมัน  พูดเอาแต่ใจ พูดเอาแต่ได้ พูดอย่างกับว่าฉันอยากจะเป็นเพื่อนแกนักหนิ

   “ ที่บอกว่าไม่เคย และบอกว่าเป้นครั้งแรก  คือการขอกะเทยเป็นเพื่อนเนี่ยนะ ”  มันทำหน้าเหรอหรา และพยัคหน้าตอบรับ 

   “ ทำไม  ฉันจะมีเพื่อนแบบแกบ้างไม่ได้เลยรึไง ”  มันถามออกแนวประชดประชันซะมากกว่า 

   “ แล้วทำไมถึงอยากเป็นเพื่อนกับฉันหละ ” ฉันถามอีกครั้งด้วยความสงสัยอย่างแรง

   “ ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้อยาก ”

   “ เออ...  นั่นแหละ ไหนว่าเกลียด   แล้วจะมาเป็นเพื่อนกันทำไม ”  ฉันกำลังน้อยใจอยู่หรือป่าว  ไม่เข้าใจตัวเองเลย

   “ ก็แกไม่เหมือนคนอื่น  แกไม่เหมือนพวกนั้น  อย่างน้อย  แกก็ไม่ลวนลามฉัน  แล้วแกก็ดูไม่แรดด้วย  แอลกอฮอล์ก็ไม่กิน  เรียนหนังสือก็ใช้ได้  น่าจะเป็นเพื่อนที่ดี   ฉันไว้ใจแกได้ใช่มั้ย  ”  ฉันอึ้งกับสิ่งที่มันบรรยายออกมา  ผู้ชายป่าเถื่อนอย่างไอ้เต้มองฉันแบบนี้จริงๆ หรอ 

   “ ฉันก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอกน่า ” มันยิ้มให้ฉันและพยัคหน้างึกๆ   ฉันก็ยิ้มกลับเช่นกัน 

   “ ตกลงว่าเราสองคนเป็นเพื่อนกันแล้วนะ ”  ท่าทางมันดูตื่นเต้นมาก 

   “ คงงั้นมั้ง ” ฉันตอบออกไปหน้าตาเฉย  แกล้งมันสักหน่อย 

   “ โด่ววว  เอาดีๆ สิ ”  มันเริ่มหน้างอแล้วจ้ะ  แต่ฉันสะใจนิดๆ  จนต้องแอบหันไปหัวเราะเบาๆ  ไม่ให้มันเห็น     

   “ โอเคๆ  นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราสองคนเป็นเพื่อนกัน  ชัดเจนรึยังจ้ะ ”  ฉันทำหน้าทำตาล้อเลียนใส่มัน   แทนที่จะโกรธ  แต่กลับยิ้มและหัวเราะใหญ่เลย  เห็นมันหัวเราะ  ฉันก็หัวเราะตาม  ดูมีความสุขดีเนอะ

   และแล้วมิตรภาพของคำว่าเพื่อน ก็เริ่มต้นขึ้นด้วยเสียงหัวเราะของเราสองคน  มิตรภาพระหว่างเราจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า ฉันไม่รู้หรอก  แต่ฉันจะทำมันให้ดีที่สุด  ในฐานะเพื่อนคนนึง  และได้แต่หวังว่ามิตรภาพของคำว่าเพื่อนระหว่างฉันกับมัน   จะยืนยาวตลอดไป     :mc4:

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

        ในที่สุดก็ได้เวลากลับบ้านสักที  หลังจากที่เราตกลงเป็นเพื่อนกันเรียบร้อยแล้ว  ไอ้เต้ก็ขับรถมอไซต์ไปส่งฉันที่สนามกีฬาอำเภอ  เราล่ำลากันเรียบร้อย   ก่อนที่ฉันจะเดินมาขึ้นรถมอไซต์ของตัวเองที่จอดอยู่ใต้ต้นไม้  แล้วขับกลับบ้าน

   วันนั้นฉันกลับมาถึงบ้านก็ประมาณห้าโมงครึ่ง  ดีนะที่ไม่ได้ตัวเปียกกลับมา  กลับมาถึงบ้านก็เดินเข้าไปในครัว กะว่าจะไปหาของกินสักหน่อย  ก็เจอแม่ที่กำลังหุงข้าวและทำกับข้าวอยู่  แม่ก็ถามว่าหายไปไหนมาทั้งวัน  ฉันก็ต้องโกหกแม่ว่าไปติวหนังสือให้อิสายป่านที่บ้านมัน  แม่ก็ไม่ถามอะไรต่อ  เพราะสิ่งที่ฉันโกหกมันเป็นเรื่องการเรียน  แม่เลยไม่ซักไซ้มาก  ฉันเปลี่ยนจุดหมายจากหาของกิน มาเป็นช่วยแม่ทำอาหาร  จะได้กินข้าวเร็วๆ เพราะหิวมาก 

   วันอาทิตย์ผ่านไป เช้าวันจันทรืที่แสนจะน่าเบื่อก็มาเยือนอีกครั้ง  ไม่อยากไปโรงเรียนเลย  ขอพักต่ออีก 1 วันได้มั้ย  หรือว่า จะต้องใช้แผนเดิม  ไม่นะ  เดี๋ยวจะกลายเป็นเด็กนิสัยเสีย  ฉันตื่นตั้งแต่หกโมงครึ่ง  ลุกขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันแล้วขับรถไปโรงเรียน 

   ในห้องเรียนชั้น ม.3/1  ในคาบเรียนเช้า  ขณะที่เรากำลังนั่งรอครูเข้ามาสอนวิชาที่สาม  ซึ่งเป็นวิชาสุดท้ายก่อนที่จะพักเที่ยง  ฉันก็นั่งเม้าท์มอยกับอิกระต่ายและแม่นางมายไปเรื่อยเปื่อย ไม่ค่อยจะมีสาระกันเท่าไหร่  ไอ้โต๊ดเดินมาจากไหนก็ไม่รู้   หน้าบูดมาเชียว  แล้วมันก็หยุดอยู่ที่โต๊ะฉัน  และยืนอยู่ตรงหน้าฉัน

   “ มีอะไรรึป่าวโต๊ด ” ฉันสงสัยก็เลยเป็นฝ่ายถามมันก่อน

   “ เรามีเรื่องจะคุยด้วย  ออกไปคุยกับเราข้างนอกหน่อยสิ ”  มันพูดสีหน้าเอาเรื่องน่าดู 

   “ ไม่ได้หรอก  เดี๋ยวครูก็จะเข้าสอนแล้ว  มีไรก็พูดกันตรงนี้แหละ ” 

   “ ฟิล์มกับไอ้เต้ไปเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ” ฉันตกใจ  ทำไมมันถึงรู้เรื่องนี้หละ 

   “ ก็เพิ่งตกลงเป็นเพื่อนกัน  รู้ได้ไง  มันบอกโต๊ดหรอ ”  ฉันก็ยังสงสัยไม่หาย  ก็เลยต้องถามให้หายสงสัย 

   “ อืม  มันฝากขอเบอร์ฟิล์มด้วยแหละ  ฟิล์มจะให้มันรึป่าวหละ ” มันพูดและหันหน้าหนีฉัน  เหมือนไม่ค่อยจะเต็มใจขอเบอร์ให้เพื่อนสักเท่าไหร่เลยนะ         

   “ ไม่มีหรอก  มีแต่เบอร์พ่อเบอร์เดียว  ให้ไม่ได้จริงๆ  ”  มันหันหน้ากลับมาหาฉัน ยังหน้าบูดหน้างอไม่หาย 

   “ จะไปบอกมันให้  ว่าฟิล์มบอกอย่างนี้ ” พูดแล้วมันก็เดินหน้าบูดกลับไปนั่งที่ตัวเอง  ฉันมองตามหลังอย่างสงสัย  แต่ก็พอเดาออก  ว่าทำไมมันถึงหน้าบูดหน้างอแบบนั้น   คงไม่พอใจเรื่องฉันกับไอ้เต้แน่ๆ เลย

   ตอนเที่ยงของวันนี้หลังจากที่พวกเรากินข้าวกันอิ่มแล้ว  ก็รีบบึ่งมาเข้าห้องสมุดทันที  เพราะอากาศข้างนอกร้อนมาก  ก็เลยต้องหนีร้อนมาพึ่งแอร์เย็นๆ ในห้องสมุดนี่แหละ  เย็นกาย  สบายใจสุดๆ   ฉันก็หยิบหนังสือเรียนวิชาวิทยาศาสตร์มาอ่านเล่นๆ เพลินๆ  เกี่ยวกับดาราศาสตร์  พวกดวงดาวต่างๆ นั่นแหละ  ชอบมาก  รู้สึกว่ามันน่าค้นหา  อ่านแล้วตื่นเต้นสุดๆ  ส่วนพวกเพื่อนสาวก็พากันหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน  มีสาระกับเขาก็วันนี้แหละ  ฉันแอบชะโงกหน้าไปมอง  ที่ไหนได้ อ่านข่าวซุบซิบดารา  เหอะๆ  ฉันคงมองโลกในแง่ดีมากเกินไป โดยเฉพาะกับนางพวกนี้ 

   ฉันนั่งอ่านหนังสืออยู่เพลินๆ  รู้สึกเหมือนมีผู้ชายมานั่งอยู่ตรงข้าม   ฉันละสายตาจากหน้ากระดาษและเหลือบไปมองดูผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าฉัน  นึกว่าใคร  ไอ้โชคนี่เอง  เหงื่อท่วมตัวมาเชียว  สงสัยคงจะเล่นกีฬาเพิ่งเสร็จ  กลิ่นกายที่ปนกับกลิ่นน้ำหอมยังจะติดจมูกฉันอยู่เสมอ  เพราะมันชอบมาหาฉันในสภาพแบบนี้เกือบทุกวัน

   “ หาฉันเจอได้ไง ” ฉันถามมันเบาๆ  เพราะในห้องสมุดห้ามส่งเสียงดัง   

   “ ฟิล์มอยู่ไหน โชคก็หาเจอหมดแหละ  แล้ววันนี้นึกยังไงถึงได้พากันเข้าห้องสมุด ”

   “ พูดเบาๆ สิ  นี่มันห้องสมุดนะ นายจะพูดเหมือนปกติไม่ได้  เดี๋ยวครูก็ดุเอาหรอก ”  ฉันดุมันด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้  หวังว่าคงไม่ดังเกินไปนะ 

   “ งั้นก็ออกไปคุยกันข้างนอกสิ  นะๆ น้า...... ”  ขี้อ้อนจริงๆ  เอาไงดีหละทีนี้ 

   “ มันร้อน  มีไรค่อยคุยกันหลังเลิกเรียน  ที่ม้าหินอ่อนเหมือนเดิม  ตกลงมั้ย ”  มันยิ้มแก้มปริ ตาหวานเยิ้มเลยจ้ะ   

   “ ตกลงครับ  แต่ตอนนี้ ขอนั่งอ่านหนังสือในนี้ด้วยคนนะ ”  มันทำหน้าตาน่าสงสาร กระพริบตาปริบๆ  อย่างกับลูกแมวตัวน้อยๆ เลยง่า  น่ารักมากมาย  ชอบมาทำให้ฉันหวั่นไหวนะอิตาบ้า 

   “ อืม ” แล้วมันก็เดินไปหยิบหนังสือมานั่งอ่านตรงที่เดิม  ตรงข้ามกับฉัน

   ฉันเริ่มไม่ค่อยมีสมาธิอ่านหนังสือก็เพราะไอ้โชคมันมานั่งอยู่ตรงหน้าฉันนี่แหละ  ดูเหมือนมันไม่ค่อยจะสนใจอ่านหนังสือเท่าไหร่หรอก  ฉันเห็นนะว่ามันแอบมองฉันอยู่เรื่อยๆ  พอฉันมองไปที่มัน มันก็ทำเป็นอ่านหนังสือ พอฉันอ่านหนังสือ  มันก็แอบมองฉัน  อย่านึกนะว่าฉันไม่รู้ไม่เห็น  เสียสมาธิก็เพราะแบบนี้แหละ  แถมยังรู้สึกอึดอัดอีก    สรุปว่าตั้งแต่ไอ้โชคมานั่งอ่านหนังสือด้วย  ฉันอ่านอะไรไม่ค่อยจะรู้เรื่องเลย  เฮ้อ........

   ใกล้ถึงเวลาขึ้นเรียนคาบบ่ายแล้ว  พวกเราเดินออกจากห้องสมุด ไอ้โชคแยกกับพวกเราตรงหน้าห้องสมุด  มันบอกว่ามันจะไปเข้าห้องน้ำ  พวกเราสี่สาวจึงเดินขึ้นอาคารเรียน  ในขณะที่พวกเรากำลังเดินไปที่ห้องเรียน  ซึ่งแม่นางมายด์กับอิกระต่ายเดินนำหน้าไปโน่นแล้ว   ส่วนฉันกับอิสายป่านกำลังเดินผ่านห้อง ม.2/2  อยู่ดีๆ  อิสายป่านก็หยุดเดินตรงหน้าประตูห้อง ม.2/2  ฉันที่เดินตามหลังมันมาก็หยุดเดินเช่นกัน  สังเกตเห็นเพื่อนสาวมองเข้าไปในห้องนั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  หรือว่า

   “ มีอะไรวะมึง  อย่าบอกนะว่า  มึงปิ้งผู้ชายในห้องนี้ ” มันหันขวับกลับมาหาฉันอย่างเร็ว หน้าตาตื่น ตาลุกโต  คงจะตกใจที่ฉันจับได้หละสิ 

   “ มึงรู้ได้ไง ”  หน้าซีดอย่างกับไก่ต้มแล้วคร้าอิเพื่อนสาว 

   “ ป่าว  กูเดาเอา  และกูก็คิดว่ากูเดาถูกด้วย ” ฉันพูดอย่างมั่นใจ  อาการแบบนี้ ใช่เลย 

   “ เออใช่  รู้แล้วก็เงียบไว้เลยนะมรึง  ห้ามเอาไปพูดให้ใครฟัง  เข้าใจมั้ย ”  มันขู่ฉันอีกแระ

   “ เข้าใจ  แล้วจะบอกกูได้รึยัง ว่ามึงกำลังปิ๊งน้องผู้ชายคนไหนอยู่ ”  ฉันก็แอบอยากรู้อยากเห็นเหมือนกันแฮะ 

   “ เออน่า  เดี๋ยววันหลังกูจะบอก  วันนี้เข้าห้องเรียนกันก่อนเถอะ  ใกล้จะถึงเวลาเรียนแล้ว  ป่ะๆ ”  แหม  คงเขินหละสิท่า  เหอะๆ ไม่บอกตอนนี้ก็ไม่เป็นไร  ให้เวลานางทำใจก่อน 

   มันเดินนำหน้าฉันไป  ส่วนฉันก็แอบหันเข้าไปมองดูน้องๆ ผู้ชายที่อยู่ในห้องนั้น อยากรู้จังเลยน้า  ว่าอิสายป่านมันแอบชอบคนไหนอยู่  จะว่าไปแล้วผู้ชายห้องนี้ก็มีแต่คนหล่อๆ น่ารักๆ กันทั้งนั้นเลย  แล้วผู้เชายคนไหนหละ ที่โดนตาโดนใจเพื่อนฉัน  มีแต่คนหล่อๆ  เดายากจริงๆ 

   “ มองไรอะ ”  ฉันสะดุ้งตกใจ หันกลับมาหาเจ้าของเสียงโดยเร็ว   นึกว่าใคร ไอ้โชคนี่เอง  ฉันนี่ถอนหายใจไปฮืดนึงเลยคะ  ไอ้บ้า เล่นเอาใจหายใจคว่ำหมด

   “ ทำบ้าอะไรหนิ  ฉันตกใจหมดเลยนะรู้มั้ย ” ฉันเริ่มอารมณ์เสีย  แสดงสีหน้าไม่พอใจ

   “ ขอโทษ  แล้วมองอะไรอยู่หรอ  อย่าบอกนะว่ากำลังแอบมองหนุ่มๆ อยู่ ”  มันทำท่าน้อยใจซะงั้น

   “ จะบ้าหรอ  ฉันไม่เอาเวลามาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้หรอกจ้ะ ”  ฉันโกหกมันออกไปแบบนั้น

   “ ก็แล้วไป  อย่าให้รู้นะว่าแอบมองผู้ชายคนอื่น  โชคไม่ยอมจริงๆ ด้วย ” อ่า  มันพูดบ้าอะไรของมันเนี่ย  แถมยังทำสีหน้าแปลกๆ อีก  อย่าบอกนะว่ามันกำลังหึงหวงฉัน  ไม่นะ  เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย 

   “ บ้า  พูดอะไรอย่างนั้น  เราไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย นายมีสิทธิ์อะไรมาห้ามไม่ให้ฉันมองผู้ชายคนอื่น ”

   “ ไม่มีสิทธิ์ห้ามหรอก  แต่ขอได้ไหม ”  น้ำเสียงที่อ่อนโยน กับสีหน้าแววตาที่ดูน่าสงสาร  ทำให้ฉันอ่อนไหวอีกแล้ว  มามุขนี้ตลอดเลย 

   “ เข้าห้องกันเถอะ  เดี๋ยวครูจะเข้าสอนแล้ว ”  ฉันบ่ายเบี่ยงออกไป  เพราะไม่อยากตอบคำถามของมัน 

   มันก็ยืนนิ่ง  ทำหน้าตาน่าสงสารอยู่เหมือนเดิม  คงหวังจะให้ฉันตอบตกลงหละสิ  ไม่มีทางซะหรอก มุขนี้ในตอนนี้  ใช้ไม่ได้ผลหรอกยะ  ฉันยืนจ้องหน้ามันอยู่สักพักนึง   ยิ่งมองยิ่งสงสารมัน  ฉันจึงตัดสินใจเดินหนีมัน  และเดินเข้าห้องเรียนของตัวเอง   

   ในขณะที่นั่งรอครูเข้ามาสอนอยู่นั้น  ไอ้โต๊ดก็เดินมาหาฉันที่ตะอีกครั้ง  พร้อมกับยื่นโทรสัพท์มาให้  ฉันถามมันว่าเอาโทรศัพท์มาให้ทำไม  มันก็ตอบกลับมาว่าไอ้เต้อยากคุยด้วย  ฉันตกใจนิดๆ  แล้วรับโทรศัพท์กับไอ้โต๊ดมา   มันบอกว่าถ้าคุยกันเสร็จแล้วค่อยเอาโทรศัพท์ไปคืน  ฉันก็ตอบตกลง  ไอ้โต๊ดเดินกลับไปที่โต๊ะท่าทางหงุดหงิดน่าดู  แล้วการสนทนาของเราก็เริ่มขึ้น

   “ ฮาโหล  มีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันหรอ ”

   “ เรามีเรื่องต้องคุยกัน  เย็นนี้มาเจอกันหน่อย ที่สนามบาสที่เดิม ”  เสียงปลายทางท่าทางจะอารมณ์เสีย 

   “ ดูก่อนนะ  ว่าว่างรึป่าว ” 

   “ กูจะรอมึงที่สนามบาส  เข้าใจมั้ย ” มันตะคอกเสียงดัง  แล้ววางสายใส่ฉัน  โดยที่ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย   

   ตู๊ด...........  ตู๊ด............  ตู๊ด.............

   ไอ้บ้าเอ้ย  ไม่มีเหตุผล   เอาแต่ใจตัวเอง  สรุปคือฉันต้องออกไปเจอมันอีกแล้วใช่มั้ย   ช่างเหอะ  เป็นเพื่อนกันแล้วนี่นา  มันคงไม่เตะต่อยฉันหรอกนะ  ฉันนั่งถอนหายใจเบาๆ  ก่อนจะลุกเดินเอาโทรศัพท์ไปคืนไอ้โต๊ด ที่กำลังนั่งหน้าบูดอยู่ที่โต๊ะ  มันถามว่าฉันกับได้เต้คุยอะไรกัน ฉันก็ตอบไปตามจริงเรื่องที่ไอ้เต้นัดให้ไปเจอเย็นนี้  มันทำหน้าตกใจ  แล้วขอไปด้วย  ฉันเห้นว่ามันน่าจะปลอดภัยสำหรับฉัน  ก็เลยตอบตกลง  และนัดให้ไปเจอกันที่สนามตะกร้อก่อนเวลาห้าโมงเย็น  แล้วค่อยเดินไปหาไอ้เต้ที่สนามบาส  มันคงไม่ว่าอะไรหรอกนะที่ฉันพาไอ้โต๊ดไปด้วย  เพราะไอ้โต๊ดก็เพื่อนมันเหมือนกัน

   แต่ใครจะไปรู้  ว่าเรื่องเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นกับฉัน  ในอนาคตอันใกล้นี้  ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย  น่ากลัวกันทุกคน  ฉันจะเอาตัวรอดจากการกระทำร้ายๆ ของผู้ชายคนนี้ได้หรือไม่  โปรดติดตามตอนต่อไป    :o12: :m15: :monkeysad:   

......................................................................



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
อยากอ่านต่อแล้วอะ ลงตรอเลยเถอะ เต้เอาไง เนี่ย

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อยากอ่านต่อแล้วอะ ลงตรอเลยเถอะ เต้เอาไง เนี่ย

ช่วงนี้งานยุ่งมาก ไม่ค่อยมีเวลาเขียนเลย   :katai4:

รอกันหน่อยนะจ้ะ  :call:  :katai3:




ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
      หายไปหลายวัน  งานเยอะเกิน  ไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่  แต่ก็มาต่อให้แล้วนะ   :katai4:

ตอนที่  14  Part 1/2

      เลิกเรียนแล้ว  ฉันมานั่งรออิสายป่านที่เดิม  ไม่นานนางก็เดินสะพายกระเป๋าใบใหญ่มาท่าทางอิดโรย  สีหน้าดูเศร้าๆ  พอเดินมาถึง  นางก็นั่งลง  ฉันถามว่าเป็นอะไร  ก็เอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมตอบ  ฉันคิดว่ามันคงมีเรื่องไม่สบายใจ  เลยไม่อยากถามอะไรมาก ถ้ามันอยากพูด อยากระบาย ก็คงจะพูดออกมาเองแหละ  ฉันเข้าใจถึงความรู้สึกแบบนี้ดี  จึงไม่อยากเซ้าซี้อะไรมาก  ได้แต่นั่งเป็นเพื่อน  นางก็นั่งเงียบกริบ  สีหน้าเศร้า  ฉันเลยหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาอ่านซะเลย  ซักพักนึงมันก็เริ่มปริปากพูดออกมาจนได้ 

   “ มึง  ทำไมน้องเค้าต้องไปนั่งคุยกับนางชะนีคนนั้นด้วย ”  ฉันละสายตาจากหนังสือ  หันไปมองดูเพื่อนที่อยู่ตรงหน้า เห็นมันกำลังก้มหน้าก้มตาพูด   

   “ มึงหมายถึงน้องที่มึงชอบที่อยู่ห้อง ม.2/2  อะหรอ ”  มันพยัคหน้าตอบรับเบาๆ 

   “ น้องเค้าเป็นผู้ชายนะ  มันไม่แปลกหรอกที่น้องเค้าจะคุยกับผู้หญิง ” มันนั่งก้มหน้าก้มตา  เงียบกริบ

   “ เอาน่า....  กูว่าการได้แอบรักแอบชอบ  มันก็ทำให้เรามีความสุขและตื่นเต้นไปอีกแบบนะ ” ฉันพยายามพูดปลอบใจ และยิ้มให้กำลังใจ  แต่มันกลับก้มหน้าก้มตา  ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาพูดกับฉันเลย  ท่าทางจะอาการหนัก 

   “ เรากลับบ้านกันเถอะ ”  นางเงยหน้าขึ้นมาพูดกับฉันประโยคเดียว ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปโรงจอดรถ  ด้วยสีหน้าที่เศร้าสลดใจเหมือนเดิม  ฉันไม่รีรอ  รีบลุกขึ้นเดินตามมันไป

      วันนั้นอิสายป่านก็กลับบ้านด้วยความโศกเศร้า  นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นนางเศร้าได้ถึงขนาดนี้  ท่าทางจะคิดจริงจังกับน้องคนนั้นมาก  ไม่งั้นคงไม่เป็นถึงขนาดนี้  ฉันก็เป็นห่วงนางนะ  ก่อนกลับยังบอกให้นางไม่ต้องคิดมากและขับรถกลับบ้านอย่างมีสติ  เราสองคนขับรถออกจากโรงเรียน แล้วแยกทางกัน เพราะทางกลับบ้านของเราอยู่คนละทาง  วันนั้นฉันกลับถึงบ้านประมาณสี่โมงเย็น

      พอกลับถึงบ้าน  ฉันก็แวะเข้าครัวก่อนเป็นอันดับแรก เพราะหิวมาก  ยาคุมออกฤทธิ์อีกแล้ว  เปิดตู้เย็น ตู้กับข้าว เจอของกิน  ก็เอามากินจนเกลี้ยง  กินจุมากเลยช่วงนี้ ไม่รู้ว่าน้ำหนักจะขึ้นมากี่กิโลแล้ว  ยังไม่ได้ชั่งดูเลย  แต่คิดว่าคงเพิ่มขึ้นเยอะ  พอกินเสร็จก็รีบอาบน้ำ แต่งตัว  แล้วขับรถออกไปที่สนามกีฬาอำเภอ  ฉันนัดกับไอ้โต๊ดเอาไว้ที่สนามตะกร้อ  พอเดินไปถึงก็เห็นไอ้โต๊ดยืนรออยู่   เราสองคนพูดคุยทักทายกันเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหาไอ้เต้ที่สนามบาสซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามตะกร้อมากนัก  และแล้วเราก็เดินมาถึงสนามบาส  สถานที่นัดหมาย  เห็นไอ้เต้กำลังเล่นบาสในสนามอยู่เลย   ตอนนี้เป็นเวลาประมาณห้าโมงเย็นแล้ว แสดงแดดอ่อนๆ ที่ทอดผ่านมา  ไม่ทำให้ฉันร้อนมากเท่าไหร่  ก็เลยนั่งรอมันบนอัฒจรรย์ข้างๆ สนามบาสนี่แหละ    มันมองเห็นเราสองคนที่นั่งรออยู่บนอัฒจรรย์แล้ว   แต่มันกลับทำหน้าดุ ส่งสายตาพิฆาตมาซะงั้น   เพียงแค่แปปเดียวก็ละสายตาจากเราแล้วกลับไปเล่นบาสต่อ   

      คิดเอาไว้ในใจแล้วแหละ ว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ  ทำใจรอรับเรื่องร้ายๆ  อีกแล้วฉัน   กลุ้มใจไปก็เท่านั้น  ในสนามผู้ชายเยอะมาก  ขอดูให้เป็นอาหารตาหน่อยเถอะ  ในขณะที่รอไอ้เต้  ฉันก็กวาดสายตามองดูผู้ชายที่กำลังเล่นบาสอยู่ในสนาม  โหววว  มีแต่คนหล่อๆ  ทั้งนั้นเลย  แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่า  ไอ้เต้ดูหล่อและเท่ห์ที่สุดในสนาม  ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ นะ  ถ้ามันยิ้มบ้าง  จะดูดีมากๆ  แต่นี่อะไรหน้าบูดตลอด

      นั่งรออยู่สักพักใหญ่ๆ  ในที่สุดไอ้เต้ก็ตะโกนบอกเพื่อนๆ ของมันในสนามว่าขอเลิกเล่นก่อน  แล้วมันก็เดินออกมาจากสนามมาหาเรา  เดินหน้าดุมาเชียว  พอเดินมาถึงก็บอกให้เราลงมาจากอัฒจรรย์และเดินตามมันไป    เราก็เดินตามไปจนถึงที่จอดรถของมัน   และหยุดคุยกันที่นี่ 

    “ กูไม่รู้เลยนะ  ว่ามึงจะตามมาด้วย ”  ไอ้เต้เปิดฉากด้วยการพูดเหน็บแนมไอ้โต๊ด 

    “ มีฟิล์มที่ไหน  ก็มีกูที่นั่นแหละ ปล่อยให้ไปไหนมาไหนคนเดียวไม่ได้หรอก  มันอันตราย ” ไอ้โต๊ดก็เอาคืนบ้าง เหอะๆ

    “ หรอ  แล้ววันที่พวกเราไปเที่ยวด้วยกัน  ทำไมมึงไม่ตามไปด้วยหละ ”  ทำเอาไอ้โต๊ดหน้าเสีย  และหันมามองหน้าฉัน  ฉันจึงพยัคหน้าให้   ทำเอามันโกรธใหญ่เลย   ไอ้เต้ก็ไม่น่าเอาเรื่องนี้มาพูด  ฉันหันหน้ากลับไปหาไอ้เต้  ก่อนจะต่อว่ามันออกไป 

    “ ไม่เห็นต้องพูดแบบนี้เลย  พวกนายสองคนเป็นเพื่อนรักกันไม่ใช่หรอ  ทำไมต้องหาเรื่องทะเลาะกันด้วย ”

      ทั้งสองคนนิ่งเงียบ  ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมมองหน้นกัน  ฉันจึงตัดสินใจพูดเรื่องที่ไอ้เต้นัดให้ฉันออกมาหาวันนี้  แบบว่า  เข้าเรื่องเลยแล้วกัน  จะได้รีบกลับบ้าน  เพราะมันก็เย็นมากแล้ว

    “ เต้  ที่แกนัดฉันออกมาเนี่ย  มีอะไรจะคุยงั้นหรอ ” 

    “ ก็มี  แต่ขอคุยแบบส่วนตัวได้ป่ะละ ”  มันพูดน้ำเสียงปกติ  คงจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้แล้วสินะ

     ฉันหันไปหาไอ้โต๊ดที่ยืนอยู่ข้างๆ  และบอกออกไปว่าขอคุยกับไอ้เต้สองคนก่อนได้ไหม  มันก็ทำสีหน้าไม่พอใจ  แต่สุดท้ายมันก็ยอมทำตามคำขอของฉัน  ก่อนจะเดินออกไป  มันบอกว่าจะรออยู่ที่จอดรถ  แต่ไอ้เต้ดันพูดขึ้นว่าไม่ต้องรอ ให้กลับบ้านเลย   เพราะมีเรื่องต้องคุยกับฉันยาว  ตอนแรกไอ้โต๊ดก็ปฏิเสธท่าเดียว  ฉันกลัวว่ามันสองคนจะทะเลาะกันมากกว่านี้  ก็เลยขอร้องให้ไอ้โต๊ดกลับบ้านไปก่อน

    “ ไอ้เต้ขอได้  ทีเราขอไม่ได้  ทำไมฟิล์มทำแบบนี้กับเราหละ ”  มันพูดท่าทางน้อยใจฉัน 

    “ ก็ได้ วันหลังโต๊ดขออะไร เราจะให้ทุกอย่างเลย  ”  ฉันพูดตัดบทออกไปอย่างนั้น  เพราะอยากให้มันรีบๆ ออกไปจากที่นี่   ฉันจะได้รีบๆ คุยกับไอ้เต้ และจะได้กลับบ้าน กลัวมันค่ำก่อน  เดี๋ยวโดนที่บ้านดุเอา 

    “ จริงนะ ”  มันยิ้มหวานให้ฉันจนแก้มปริ   ฉันก็ยิ้มกลับ  แล้วตอบออกไปว่าจริง  มันก็ยิ้มใหญ่เลย   

    “ วันนี้กลับก่อนก็ได้  พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนนะครับ ” มันพูดจาสุภาพ อ่อนหวาน  กระพริบตาปริบๆ  ฉันก็ได้แต่ยิ้มให้ 

    “ จ้ะ  ขับรถกลับบ้านดีๆ นะ ” ฉันพูดด้วยความเป็นห่วงในฐานะเพื่อนคนนึงนะ

    “ คร้าบผม ”  มันพูดแล้วยิ้มให้ฉันอีกแล้ว   อะไรจะน่ารักขนาดนั้น   

      ก่อนไปไอ้โต๊ดพูดบอกไอ้เต้ว่า ห้ามทำร้ายร่างกายฉัน  ไอ้เต้ก็ตอบว่าเพื่อนกัน ไม่ทำอะไรหรอก  แล้วผู้ชายสองคนก็ร่ำลากันตามประสาเพื่อน  ก่อนที่ไอ้โต๊ดจะเดินออกไป  ตอนนี้เหลือแค่ฉันกับไอ้เต้สองคนแล้ว ฉันจึงเร่งรัดให้มันพูดเรื่องของมันออกมาซักที     

    “ มีไรก็รีบพูดมา  ฉันจะรีบกลับบ้าน ”

    “ รีบขนาดนั้นเลย  กลับค่ำหน่อยไม่ได้รึไง ” เอ๋  ทำไมมันพูดแบบนั้นหละ  ฉันชักจะสงสัย

   “ ฉันกลับค่ำไม่ได้  แกก็รู้ไม่ใช่หรอ  เคยบอกแล้วหนิ ”  ฉันพูดดักคอมันเอาไว้ก่อน

    “ ก็ไม่ได้กลับบ้านค่ำทุกวันหนิ  วันนี้กลับค่ำหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง  ใช่ป่ะ ” มันยืนทำหน้าเข้มใส่ฉัน สร้างแรงกดดันเบาๆ

       ความจริงฉันจะกลับบ้านค่ำก็ได้นะ  แต่ต้องโกหกว่าไปทำรายงานบ้านเพื่อน  หรือไปติวหนังสือให้เพื่อนอะไรประมาณนี้  พ่อกับแม่ก็จะหยวนๆ บ้าง  เพราะมันเป็นเรื่องมีสาระ  แต่ครั้งนี้ฉันจะต้องโกหกพ่อกับแม่แบบนั้น  เพื่อไอ้เต้  มันก็ยังๆ อยู่นะ  ฉันจะเอายังไงดี 

      “ นะแก  คือ....  ฉันหิวข้าว  ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อย  เดี๋ยวเลี้ยงเอง ” ฉันตาลุกวาวทันทีที่ได้ยินว่าไอ้เต้จะเลี้ยงข้าว  นี่มันเอาของกินมาล่อเลยหรอ  แหม  แค่ข้าว ฉันกลับไปกินบ้านก็ได้ยะ 

       “ ไม่เอาหรอก ฉันกลับไปกินที่บ้านดีกว่า ”  อย่าคิดนะว่าจะล่อลวงฉันได้สำเร็จ 

       “ เออๆ  งั้นเอางี้  ไปกินหมูกระทะที่เกาลูน  โอเคป่ะ ”  คราวนี้มันเอาหมูกระทะมาล่อฉันเลยแฮะ  อยากบอกว่าร้านนี้อร่อยมาก  อยากกินอะ  ฉันคิดอยู่สักพักนึง ก็ได้คำตอบ

       “ ไปก็ได้  แกเลี้ยงใช่มั้ย ”  มันก็ทำท่าครุ่นคิดอยู่แปปนึง ก่อนจะพยัคหน้างึกๆ  เป็นอันตกลง   

       เย้ๆ  ของฟรีมาอีกแล้วจร้า  พวกเราสองคนขับรถคนละคันไปที่ร้านเกาลูนเจ้าอร่อย พอไปถึงก็เจอคนเยอะมาก  สมแล้วที่เป็นร้านหมูกระทะที่อร่อยมากๆ  เราเดินเข้าไปในร้าน มีพนักงานออกมาต้อนรับ และพาเราไปนั่งโต๊ะที่ว่างอยู่  ไอ้เต้สั่งหมูกระทะชุดใหญ่มาสองชุด  พร้อมกับน้ำโค้ก  ฉันก็ถามว่าทำไมสั่งมาเยอะจัง  มันบอกว่าตัวเองหิว แล้วอีกอย่าง ฉันก็กินเยอะด้วย  ก็เลยสั่งชุดใหญ่มาสองชุดเลย   มันกำลังว่าฉัน  แต่ฉันก็ไม่สนใจหรอก  เพราะมันเป็นเรื่องจริง  เชิดหน้าใส่เบาๆ คะ 

       ระหว่างที่รอมันก็ชวนคุยไปเรื่อย  ฉันพยายามซักไซร้ให้มันพูดเรื่องที่มันอยากจะคุยกับฉัน  แต่ก็ไม่สำเร็จ   มันบอกว่ากินให้อิ่มก่อนค่อยคุยกัน   ฉันเบื่อจะถามแล้ว  ก็เลยตอบตกลงไปตามนั้น  แล้วมันก็ชวนฉันคุยไปเรื่อย  จะเรื่องอะไรหละ  ถามอยู่ได้ว่าเสาร์อาทิตย์ทำอะไรบ้าง  ฉันก็ตอบๆ ไป  เสร็จแล้วฉันเลยถามคำถามเดิมกลับบ้าง  ใครจะไปเชื่อว่ามันทั้งอ่านหนังสือ ทั้งเรียนพิเศษ  ตกเย็นมาก็เล่นกีฬา  ออกกำลังกาย  โห....ดูเป็นคนมีสาระมากๆ   ไม่น่าเชื่อว่าจะมีนิสัยและพฤติกรรมป่าเถื่อนแบบนี้  คือ... ชอบหาเรื่อง เตะ ต่อย คนอื่น  อะไรทำนองนี้ 

       เรานั่งรอไม่นาน  พนักงานก็เอาเตามาให้  พร้อมกับหมูกระทะชุดใหญ่สองชุด น้ำโค้กและน้ำแข็ง  พอทุกอย่างถูกวางบนโต๊ะจนเสร็จสรรพ  ไอ้เต้ก็บอกให้ฉันบริการน้ำโค้ก   ฉันไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เลย แต่ก็ต้องจำใจทำ เพราะมันเป็นเจ้ามือนี่นา  จะมานั่งกินเฉยๆ ก็ยังไงอยู่  บริการมันหน่อยก็ได้มั้ง  แล้วฉันก็จัดแจงน้ำโค้กไปให้มัน 1 แก้ว และของฉันอีก 1 แก้ว  จากนั้นมันก็ใช้ฉันต่อ บอกให้เอาหม้อกระทะขึ้นค้างบนเตา เติมน้ำซุป  แถมยังสั่งให้เอามันหมูทาทั่วๆ กระทะอีก  ฉันชักจะเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ  แต่ก็ต้องจำใจทำเหมือนเดิม  ฉันทำตามที่มันสั่งจนเสร็จ  แล้วมันก็เริ่มหยิบเนื้อขึ้นมาย่างบนกระทะ   ฉันไม่รีรอ คีบเอาหมูสามชั้นของโปรดมาย่างฝั่งตัวเองเหมือนกัน  เราสองคนนั่งกินไป  คุยกันไป   ไอ้เต้บ่นว่าหิวข้าว อยากกินข้าว  มันจึงสั่งข้าวผัด   ก็เลยถามฉันว่าจะกินด้วยมั้ย  ฉันก็ตอบกวนๆ ออกไปว่า  ถ้าสั่งมาก็กิน  มันก็เลยสั่งข้าวผัดรวมจานกลาง  เรานั่งกินกันไปเรื่อยๆ  น้ำโค้กหมดทีไร  ฉันก็ต้องเป็นคนบริการมันตลอดเลย  ออกอาการเซ็งเบาๆ  แต่ก็ทำๆ ไป   เราสองคนนั่งกินอาหารทุกอย่างบนโต๊ะจนหมด  ฉันก็อิ่มแปล้พอดีเลย   อิ่มจัง  ตังค์อยู่ครบ 

       หลังจากที่กินกันจนอิ่มแล้ว  ก็ถึงเวลาคุยเรื่องที่ไอ้เต้อยากคุยกับฉันสักที  แอบลุ้นอยู่นะว่าจะคุยเรื่องอะไร  ฉันจึงบอกให้มันพูดเรื่องของมันมาได้แล้ว   มันก็บอกให้ฉันใจเย็นๆ  ขอกินน้ำอีกสักแก้วก่อน  ไอ้บ้านี่  ลีลาจริงๆ  เลย   พอมันดื่มโค้กจนหมดแก้ว  ฉันก็เริ่มตั้งคำถามอีกครั้ง

       “ ตกลงจะคุยเรื่องอะไร ”

       “ ก็เรื่องที่ฉันฝากไอ้โต๊ดไปขอเบอร์แกไง  ”  อ๋อ  นึกว่าเรื่องอะไร  เรื่องแค่เนี่ย  ทำไมต้องมีพิธีรีตองขนาดนี้ด้วยนะ คุยอยู่สนามกีฬาก็ได้  ป่านนี้คงได้กลับบ้านไปนอนดูทีวีแล้ว

       “ โอ้ยยย...   นึกว่าเรื่องอะไร  ทำไมแกไม่พูดตั้งแต่ทีแรก  จะลากฉันมากินหมูกระทะด้วยทำไม ”  พูดแล้วก็เซ็ง เรื่องแค่นี้ลีลาอยู่ได้

       “ เออ....   สรุปจะให้มั้ย ” คำถามสั้นๆ  ที่ถามด้วยน้ำเสียงดุดัน  ทำฉันกดดันเหมือนกันนะเนี่ย  แต่ก็ต้องขอตอบออกไปว่า 

       “ คงให้ไม่ได้หรอก ”   ไอ้เต้หน้าดุขึ้นมาทันที  จ้องฉันตาเขม็ง

       “ ทำไมวะ  ทำไมถึงให้ไม่ได้ ” มันเริ่มเอะอะโวยวาย  จนคนแถวนั้นเริ่มหันมาดูกันใหญ่แล้ว  ทำอะไรไม่คิดเลยนะมัน  ไม่อายคนอื่นบ้างรึไงว้า

       “ แก เบาเสียงลงหน่อยสิ  คือ....  ถ้าเอาเบอร์ไป  ยังไงก็ไม่ได้คุยกันอยู่ดี เพราะถ้าแกโทรมา พ่อก็ต้องรับสายก่อน  พอพ่อได้ยินเสียงแก  พ่อไม่มีทางให้เราคุยกันหรอก ”  ดูจากสีหน้า   เหมือนมันจะอารมณ์เย็นลงแล้ว  ค่อยโล่งอก  นึกว่าจะโดนเตะกลางร้านหมูกระทะซะแล้ว

        “ เออ....  รู้แล้ว  แต่ฉันมีวิธี   แกรีบๆ เอามาให้ฉันเลย  ที่ฉันเลี้ยงวันนี้ ไม่ได้เลี้ยงฟรีนะเว้ย  แลกกับเบอร์แก  เอามาซะดีๆ ”  ง่า  ที่แท้ก็เป็นแผนการอันชั่วร้ายของมันนี่เอง  ไอ้เราก็นึกว่าฟรี ไม่มีข้อแลกเปลี่ยน  ที่ไหนได้  ของฟรีไม่มีในโลก  สำหรับไอ้เต้ ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอ  หรือไม่ก็เก็บเอาไว้ทวงบุญคุณทีหลัง  คราวหน้า  ฉันจะไม่รับอะไรจากมันอีกแล้ว  วันนี้ถือว่าเป็นวันซวย

       “ รู้แล้ว  เอาโทรศัพท์มาดิ จะกดเบอร์ให้ ” ถึงฉันจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่  แต่ก็ต้องจำใจให้เบอร์ไอ้เต้ไป 

       มันยื่นโทรศัพท์มาให้  ฉันรับมาและกดเบอร์โทรของพ่อ  แล้วยื่นโทรศัพท์กลับคืนเจ้าของเครื่อง  มันก็รับเอาไป และบอกว่าจะเมมเป็นชื่อฉัน  ฉันก็บอกออกไปว่าตามใจ  เพราะจะเมมชื่อว่าอะไร  สุดท้ายก็ต้องได้คุยกับพ่อก่อนอยู่ดี  คราวนี้แหละ  มันจะได้โดนพ่อฉันด่า จนไม่กล้าโทรมาอีกเลยคอยดู  คิดแล้วก็สะใจ 55555  จนเผลอหัวเราะออกมาเบาๆ

       “ ขำไรอะ ”  มันทำหน้า งงๆ  เฮ้อ... ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยย....

       “ เปล่า  ไม่มีอะไร อิ่มแล้วแก กลับบ้านกันเถอะ ” มันพยัคหน้าตอบรับ

       หลังจากที่ไอ้เต้จ่ายเงินค่าอาหารแล้ว พวกเราก็เดินออกมาหน้าร้าน  มันบอกจะไปส่งฉันที่บ้าน  ฉันจึงรีบปฏิเสธทันที  เพราะถ้าพ่อเห็นเข้า  ฉันซวยแน่ๆ  และบอกเหตุผลไปตามตรง  มันก็เข้าใจ  และไม่ไปส่งฉัน   เราล่ำลากัน  ฉันขับรถกลับบ้าน  ส่วนไอ้เต้จะกลับบ้านหรือไปต่อที่ไหนก็เรื่องของมัน  ฉันกลับถึงบ้านสองทุ่มกว่าๆ   งานนี้ต้องหาข้ออ้างแล้วสิเรา  เฮ้อ.....  ต้องโกหกพ่อกับแม่   ชักจะทำตัวไม่ดีแล้วฉัน   เพราะไอ้เต้คนเดียว   :angry2:               

          เดี๋ยวมาต่อ  Part 2  ให้นะจ๊ะ   :bye2:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-10-2015 21:00:42 โดย Film-mii »

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
มาแล้ว หายไปนานมากเลยอะ มาต่ออีก 2 ตอนนะ 555

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

นึกว่าแฟนนิยายจะหายไปหมด ดีใจที่ยังมีคอมเม้น  และขอบคุณสำหรับการติดตามจร้า   :impress2:

ออฟไลน์ PoMArmKuB

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
อ่านถึงตอนที่ 10 เอง เด่วอ่านต่อ 555555 หนุกดี

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ถึงจะให้เบอร์พ่อไปเต้ก็อาจผ่านด่านพ่อได้นะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ตอนที่  14  Part  2/2

      เช้าวันรุ่งขึ้น  ฉันก็ทำหน้าที่ของนักเรียนเหมือนเดิม  คือไปโรงเรียนก่อนแปดโมงเช้า เข้าเรียน  และพักกลางวัน  เป็นช่วงเวลาที่ฉันชอบมาก เพราะจะได้นั่งเม้าท์มอยกับเพื่อนๆ  อิสายป่านที่ดูเศร้าตั้งแต่เมื่อวาน  วันนี้ก็ยังเหงาหงอยเหมือนเดิม  ในกลุ่มมีฉันแค่คนเดียวที่รู้สาเหตุที่ทำให้เพื่อนสาวเป็นแบบนี้  ส่วนอิกระต่ายกับแม่นางมายด์พากันนั่ง  งง  ถามอิสายป่าน  นางก็ไม่ยอมพูดอะไร  พวกมัน 2 คนก็เลยเดินไปซื้อข้าว  ท่าทางหงุดหงิดอิสายป่านน่าดู           

       “ แค่ผู้ชายคนเดียว  ทำให้มึงเป็นถึงขนาดนี้เลยหรอ ”  ฉันพยายามจะเตือนสตินาง

      “ มึงไม่เคยรักใครชอบใคร  แล้วจะมาเข้าใจอะไรกู ”  นางพูดเสียงอ่อยๆ  เหมือนกำลังจะร้องไห้ 

       “ ถึงกูจะไม่เข้าใจ  แต่กูก็ไม่อยากเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้  ผู้ชายเยอะแยะในโรงเรียน   เลือกชอบสักคนสิวะ  จะมามัวเศร้าอยู่ทำไม  เชื่อกูเถอะ ” 

       “ นั่นสินะ  เศร้าไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร  ขอบใจมึงมากนะ ”  ฉันยิ้มให้กำลังใจเพื่อน   และนางก็ยิ้มตอบเช่นกัน 

       เราเดินไปซื้อข้าว  พอไปถึงร้านข้าวราดแกงเจ้าประจำ  เราก็สั่งกับข้าวที่อยากกิน  และกลับมานั่งโต๊ะ   เห็นเพื่อนสาวอีก 2 นางนั่งรออยู่แล้ว   พอนั่งลงก็นึกขึ้นได้ว่าลืมซื้อน้ำมาด้วย  อิสายป่านก็เลยฝากฉันซื้อ   

       ฉันเดินไปซื้อน้ำอัดลมที่ร้านขายน้ำ  พอหันหลังกลับก็เจอไอ้โชคที่ยืนอยู่ตรงหน้า   มันกำลังยืนทำหน้าทะเล้นใส่ฉัน  ไอ้บ้านี่  กวนประสาทมาก  ฉันเดินเลี่ยงออกมา  แต่มันก็ขยับตัวมาขวางทางเอาไว้  ซ้ายที  ขวาที  เล่นบ้าอะไรของมัน   ฉันชักจะอารมณ์เสียแล้วนะ 

       “ หลีกทางหน่อย  จะรีบไปกินข้าว ”  เสียงดุๆ ของฉันไม่สะทกสะท้านอะไรเลย  เพราะมันยังยืนอยู่ที่เดิม

      “ ขอไปนั่งกินด้วยได้มั้ย  ”  พูดแล้วมันก็ส่งยิ้มมาให้ฉันเหมือนเคย 

       “ แล้วเพื่อนไปไหนซะหละ  ทำไมไม่ไปนั่งกินกับเพื่อน ”

       “ ก็ฟิล์มไงเพื่อนเรา  นะๆ  ถ้าฟิล์มอนุญาต  เราจะเดินไปซื้อกับข้าวเดี๋ยวนี้เลย ”  ปฏิเสธไปก็คงไม่สำเร็จ  ฉันจึงตอบตกลง   มันดีใจใหญ่เลย  ยิ้มจนหน้าบาน  ก่อนจะรีบวิ่งไปซื้อข้าว

       ฉันเดินมานั่งที่โต๊ะ   และบอกกับเพื่อนๆ ว่าไอ้โชคจะมากินข้าวด้วย  ดูพวกนางตกใจนิดนึง  แถมยังแอบแซวฉันอีกว่าฉันเป็นคนชวนมันมานั่งกินข้าวด้วย  ฉันก็รีบแก้ต่างให้ตัวเองทันที   หวังว่าพวกมันคงจะเชื่อฉันนะ  นั่งกินข้าวได้ไม่นานไอ้โชคก็เดินมาทรุดตัวนั่งลงข้างๆ ฉัน  ทำเอาฉันตกใจไปเลยทีเดียว  มันก็มองหน้าฉันแล้วทำทำหน้าเหรอหรา 

       “ โชค  ไปนั่งที่อื่นไม่ได้หรอ ” ฉันไม่ได้รังเกียจมันหรอกนะ แต่ฉันกำลังกลัว  กลัวใจตัวเอง 

       “ ไม่เอาหรอก  นั่งกับฟิล์มนี่แหละ  ทำไมอะ  รังเกียจเราหรอ ” ดูมันทำหน้าทำตาสิ  น่าตาทะเล้นๆ แบบนั้น  น่ารักเป็นบ้าเลย  ฉันรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าและหูทั้งสองข้าง  เกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย

       “ เปล่า  นั่งตรงนี้ก็นั่ง ” ฉันรีบหลบสายตาคู่นั้นทันทีที่พูดจบ  และทานข้าวต่อไป

       “ โชค  ถ้าฟิล์มไม่อยากให้นั่งด้วย  มานั่งกับเราก็ได้นะ ” แรงมากอิกระต่าย  ช่างกล้าเนอะ

       “ เอ่อออ  ไม่ดีกว่า  นั่งตรงนี้แหละ  เดี๋ยวกับข้าวไม่อร่อย ”

       55555  เสียงหัวเราะของพวกเราดังขึ้น   ฉันไม่ได้ตั้งใจหัวเราะเยาะมันหรอกนะ  แต่ฉันขำเพราะคำพูดของไอ้โชคนี่แหละ  อิกระต่ายก็หน้าบูดไปตามระเบียบ  แถมยังงอนพวกเราอีก   ดูๆ ไปแล้วก้น่าสงสารนะ  พวกเราก็เลยช่วยกันปลอบใจนาง  เห็นไอ้โชคบอกว่าวันหลังจะพาหนุ่มๆ มานั่งเป็นเพื่อนนาง  เท่านั้นแหละ  นางก็กลับมาสดชื่นเหมือนเดิม  ท่าทางดีใจเอามากๆ เลยแหละ  เฮ้อออ เพื่อนฉัน  จะโดนไอ้โชคหลอกรึ่ป่าวเนี่ย 

       หลังจากกินข้าวเสร็จ  ไอ้โชคก็ขอตัวไปเตะบอลกับเพื่อน  ก่อนไปมันบอกฉันว่าคืนนี้ขอโทรหา  ฉันก็ตอบออกไปว่าตามใจ  มันยิ้มดีใจ  แล้วเดินจากไป  พวกเรา 4 สาวก็ได้เวลานั่งเม้าท์มอยกันต่อ 

       ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว  แต่วันนี้เป็นเวรทำความสะอาดห้องของฉัน  ฉันเลยต้องอยู่ทำความสะอาดห้องก่อน  เพื่อนร่วมเวรมีอิกระต่ายและมายด์ด้วย  แล้วก็ไอ้โต๊ดอีกคน   แล้วก็เพื่อนอีก 4  คน  ในขณะที่กำลังทำความสะอาดห้องอยู่  ไอ้โต๊ดก็เดินมาหาฉันพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มาให้  สีหน้าท่าทางไม่พอใจ  บอกว่าไอ้เต้โทรมา  ฉันก็รับเอาโทรศัพท์มา  และเดินออกไปคุยนอกห้อง  ไอ้โต๊ดก็เดินตามหลังมา   

       “ ว่าไงเต้ ” ฉันกล่าวทักทายหมายเลขปลายทาง

       “ มีเรื่องไม่ค่อยสบายใจหวะ  อยากปรึกษาแก  เย็นนี้มาเจอกันหน่อยดิ ”  น้ำเสียงของมันฟังดูเศร้าๆ  เหมือนคนมีเรื่องทุกข์ใจจริงๆ แหละ

       “ พรุ่งนี้มีสอบย่อยวิชาภาษาอังกฤษ  ฉันต้องอ่านหนังสือ  คงไปหาแกไม่ได้หรอก ”  ฉันพูดไปตามจริง  หวังว่ามันจะใช้เป็นข้ออ้างได้นะ 

       “ อืม ไม่เป็นไร  งั้นคืนนี้ฉันโทรหาแกนะ  อยากระบายความรู้สึกหวะ ” 

       “ อืม ”    ฉันวางสายแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ไอ้โต๊ด  ที่ยืนทำหน้าบูดหน้างออยู่

       “ ฟิล์ม  ทำเวรเสร็จแล้วอยู่คุยกับโต๊ดที่ห้องก่อนได้มั้ย ”

       “ ทำไมต้องที่ห้องด้วยหละโต๊ด  ไปคุยกันข้างล่างไม่ได้หรอ ” ฉันว่ามันแปลกๆ นะ ก็เลยพยายามเปลี่ยนสถานที่  อีกอย่าง  ในตอนนี้มันอารมณ์เสียซะด้วย ไม่อยากอยู่กับมันสองต่อสอง               

       “ ไหนฟิล์มบอกว่า  ถ้าเราขออะไรจะให้ทุกอย่างไง  เราขอแค่นี้ไม่ได้หรอ  ทีไอ้เต้ขออยู่กับฟิล์มสองคนหละ  ฟิล์มยังให้มันเลย ”  ฉันนี่หน้าเหวอ  เอ๋อแดก  ไปเลยคะ  ดันไปสัญญาเอาไว้แบบนั้นจริงๆ   ฉันเลยตอบตกลงไป 

       เราเดินกลับเข้ามาในห้อง และช่วยกันทำเวรจนเสร็จ  ฉันบอกให้ไอ้โต๊ดรออยู่บนห้อง  ส่วนฉันก็แอ๊บเดินลงไปข้างล่างกับมายด์และอิกระต่าย  เพราะไม่อยากให้พวกมันรู้ว่าฉันอยู่บนห้องกับไอ้โต๊ดสองคน   พอพวกนางสองคนเดินไปขึ้นรถประจำทาง  ฉันก็เดินกลับขึ้นห้องไปหาไอ้โต๊ด 

       “ จะคุยอะไรกับฟิล์มหรอ  รีบๆ หน่อยนะ อิสายป่านนั่งรออยู่ข้างล่าง ”  ฉันเดินเข้ามาทางหลังห้อง เพราะประตูหน้าห้องถูกปิดแล้ว  พอดีกับไอ้โต๊ดยืนอยู่หลังห้องพอดี   

       มันเดินสวนฉันไป  และปิดประตูหลังห้อง  ฉันตกใจสุดขีด   ยืนตัวแข็ง  ใจเต้นตึกๆ  ความกลัวเริ่มครอบงำ  ไอ้โต๊ดเดินเข้ามาหาฉันในระยะเกือบประชิดตัว  ฉันได้แต่ยืนตาค้าง  หน้าซีดเผือด 

       “ โต๊ด  โต๊ดจะทำอะไร ” ฉันพูดเสียงสั่นด้วยความกลัว

       “ ถึงขนาดนี้แล้ว  ฟิล์มยังไม่รู้อีกหรอว่าโต๊ดจะทำอะไร ”  มันทำตาหวานเยิ้มใส่ฉัน  ไม่นะ  ฉันยังไม่พร้อม  ฮือๆ 

       “ ล้อเล่นใช่มั้ย  โต๊ดคงไม่ทำจริงๆ หรอก  เรากลัวไปหมดแล้วนะ  อย่าล้อเล่นแบบนี้สิ ”

       ฉันเดินเลี่ยงมันไปที่ประตูหลังห้อง  แต่ไม่ทันจะถึงประตู  ไอ้โต๊ดก็เดินมาสวมกอดฉันจากด้านหลัง  จนฉันสะดุ้งตกใจ  ฉันบอกให้มันปล่อย  และพยายามดิ้นขัดขืนหวังจะให้หลุดจากอ้อมกอดนี้  แต่มันกลับรัดแน่นขึ้น จนหายใจแทบไม่ออก  ฉันดิ้นจนเหนื่อย   และหมดแรงต่อสู้แล้ว  จึงหยุดอยู่อย่างนั้น

       “ เอาเลยสิ  อยากทำไรก็เชิญ ”  ฉันพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา  ความหวังที่จะรอด  คงหมดลงแล้วสินะ 

       “ โต๊ดรักฟิล์มนะ   อย่าดื้อนะครับคนดี ” เสียงหื่นนั่นกระซิบข้างหูของฉันเบาๆ  ชวนให้ขนลุกไปทั้งตัว 

       ไอ้โต๊ดเริ่มรุกล้ำอธิปไตยของฉันด้วยการไซร้ไปตามซอกคอของฉัน  ฉันกลัวจนตัวสั่น  มือทั้งสองข้างเลื่อนขึ้นมาจับหน้าอกของฉันที่กำลังตั้งเต้าจากฤทธิ์ของยาคุม  มือนั้นเริ่มขยำหน้าอกของฉันอย่างช้าๆ และนุ่มนวล  ดวงตาของฉันค่อยๆ ปิดลง  ด้วยเคลิบเคลิ้มกับการกระทำนี้   มันผละตัวฉันออกไปนิดนึง  ก่อนจะจับฉันหันกลับมา   ลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง  เห็นไอ้โต๊ดยืนหน้าหื่น ตาหวานเยิ้ม  กำลังปลดกระดุมเสื้อ  และถอดออกในที่สุด  ผิวขาวๆ แผ่นอกกว้างๆ  และซิกแพ็กที่พอเห็นรางๆ  มันชวนให้ฉันหลงใหลได้ดีเลยทีเดียว

       ไอ้โต๊ดถลาตัวเข้ามาโอบกอดฉันอีกครั้ง  มันยังไซร้ซอกคอของฉันเหมือนเดิม  โชคดีหน่อยที่มันไม่ได้ดูดคอของฉัน เพียงแค่หอม  จูบ และใช้ลิ้นเลียไปทั่วลำคอ  ให้ความรู้สึกเสียวจนขนลุกไปทั้งตัว   ฉันค่อยๆ  หลับตาลงอย่างเคลิบเคลิ้ม  ไม่นานริมฝีปากของฉันก็โดนประกบด้วยริมฝีปากของผู้ชายคนนี้   เราจูบกันอย่างดูดดื่ม  และสอดลิ้นเข้าหากันอย่างนุ่มนวล   เราจูมพิศกันอย่างดูดดื่มอยู่พักนึง  ก่อนจะละริมฝีปากออกจากกัน

“ ฟิล์ม  ช่วยเราหน่อยนะ  ตอนนี้เราเงี่ยนสุดๆ เลยอะ ”

       “…………………………. ”  ฉันพูดอะไรไม่ออก  เพราะตอนนี้กลับมามีสติอีกครั้ง  คิดถึงสิ่งที่เราสองคนกำลังทำอยู่  นี่ฉันกำลังทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย  ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือสติและความถูกต้องได้ยังไง  โง่จริงๆ เลย 

       ไอ้โต๊ดถอดอ้อมกอดออกจากฉัน  และถอยห่างไปเล็กน้อย  สองมือเริ่มปลดเข็มขัดออกจากเกงเกง  ก่อนจะถอดกางเกงนักเรียนสีน้ำเงินออก  เหลือเพียงแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียว  โชคดีไป  นึกว่าจะเห็นกางเกงในซะแล้ว  เฮ้ออออ  แต่โชคดีก็อย่าได้ไม่นาน  เมื่อสองมือนั้นกำลังจะถอดบ็อกเซอร์   ไม่นะ  ม้ายยยยยยยย

      “ หยุดนะ ”  สองมือนั้นหยุดชะงัก  บ็อกเซอร์ยังคงอยู่ที่เดิม  เกือบไปๆ   

      “ ทำไมหละฟิล์ม ”  คำถามมาพร้อมกับใบหน้า งงๆ 

       “ พอเถอะโต๊ด  เราทำอะไรเกินเลยกันมามากแล้ว  พอได้แล้ว ”  เสียงอ่อยๆ ของฉัน กำลังขอร้องให้มันหยุด

       “ ไม่เอานะ  ทำแบบนี้ก็อารมณ์ค้างสิ  ทำต่ออีกนิดนะ  เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว ”  มันทำตาละห้อย  ดูน่าสงสาร  แล้วค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้  แต่ฉันกลับเอามือทั้งสองข้างดันอกของมันเอาไว้  จนเจ้าตัวต้องหยุดฝีก้าวเอาไว้ตรงนั้น

       ฉันมองดูไอ้โต๊ดที่อยู่ตรงหน้า   นึกถึงวันเก่าๆ ที่ผ่านมา  มันช่างดีเหลือเกิน  เทียบกับวันนี้มันฝันร้ายชัดๆ  ความเจ็บปวดที่เห็นเพื่อนดีๆ คนนึง  กลายมาเป็นแบบนี้   ทำให้ฉันถึงกับน้ำตาคลอเบ้า   ในที่สุดฉันก็ทนความเจ็บปวดในครั้งนี้ไม่ไหว  น้ำตาของฉันเอ่อล้นออกมาไม่ขาดสาย  พร้อมกับเสียงสะอื้นที่แสนเจ็บปวด   

       “ ขอโทษ  ขอโทษนะ ” ใบหน้าเศร้าๆ พูดเสียงกร่อยๆ   

       ฉันยิ้มท่ามกลางน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม   ก่อนจะถลาเข้ากอดไอ้โต๊ด

       “ ขอบคุณนะ ”  เราสวมกอดกันและกันอย่างอบอุ่นด้วยมิตรภาพของเพื่อน 

       และในที่สุด  ฉันก็ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในวันนั้นไปได้  โดยไม่ต้องเสียตัว  เอ๊ะ แค่นี้เค้าเรียกว่าเสียตัวรึป่าวนะ  ไม่รู้สิ  แต่สำหรับฉัน  ฉันไม่คิดว่ามันเป็นการเสียตัวนะ  เพราะตรงนั้นของฉันยังเวอร์จิ้นอยู่  และยังไม่ได้ปะทะกับน้องชายของมันเลยนะ  แสดงว่าฉันยังเป็นสาวบริสุทธิ์ จร้า.....

...........................................................................



ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
สั้นจังอะ มาอีกตอนเถอะ รอหลายวันเลยเนี่ย ยังไม่จุใจเลย เด๋วเรารอ ให้ลงหลายๆตอน แล้วค่อยอ่านดีกว่า มันค้างมากมาย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tutatoomtam

  • รัก.................!
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :m31:
ที่โต๊ดมันทำแบบนี้ เพราะอิเต้มันช้าไง โอ้ยยยย ทำอะไรชักช้าไม่ได้ดั่งใจเลยอิเต้
//ค่อนข้างใส่อารมนิสสสสหนุง 5555555 ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันค่ะว่าทำไมถึงได้เชียร์เต้
 :pig4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ดีนะที่หนูฟิล์มยังไม่เสียซิง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ooomukooo

  • AngieAngel
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
    • AngieAngel
ง่า เค้าก็หาอยู่ตั้งตั้งนาน
ว่าพี่ฟิล์มหายไปไหน  :katai4:
โถ่ ที่แท้ก็เปลี่ยนชื่อเรื่อง  :z3:
เหอๆ เราโง่เอง  :katai1:
แต่ดีใจที่หาเจอจนได้
ยังติดตามอยู่น่ะค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ ปุกปิกกุ๊กกิ๊ก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :hao6: :hao6: :hao6:     ฟิล์มมีเเตผู้ชายเข้ามา  แต่ล่ะคนเกมือนจะเข้ามาจีบเลย

ออฟไลน์ ปุกปิกกุ๊กกิ๊ก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :serius2: :angry2: :serius2: :angry2:    บ้าจริงทำไมเปนงี่ไปได้เนอะ ม่เปนยังไงเราก้อชอบ

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

      ช่วงนี้งานหนักอีกแล้ว  ไม่ค่อยมีเวลาเขียนอีกตามเคย  รอกันได้มั้ยเอ๋ย

# PoMArmKuB # ตามมาอ่านเร็วๆ นะ  อิอิ

# 4559 # สงสารโต๊ด  แล้วไม่สงสารฟิล์มบ้างหรอ  แอบน้อยใจเบาๆ

# angelnan # ง่า  ไม่เอาแบบนั้นได้ป่ะ อยากให้ตามอ่านและคอมเม้นให้ทุกตอนเลยอะ นะๆ

# tutatoomtam #  อย่าบอกนะว่า  ตัวเองเชียร์ให้นายเต้ปล้ำเราอะ  ไม่นะ  ใจร้ายจัง  ฮือๆๆ 

#  TaecKhun Imagine Love #  คิดเหมือนกันเลย  สรุปคือ.....เรายังไม่เสียซิงจริงๆ ใช่มะ

#  ooomukooo #  หายหน้าหายตาไปนานเลย  แต่ในที่สุด  ก็หากันจนเจอ  อิอิ  คิดถึงจังเลย

# ปุกปิกกุ๊กกิ๊ก #  ชอบอะไร  ชอบใคร  55555  แอบมีความลับหรอ  อิอิ

       
       แล้วเจอกัน  ตอนที่  15  เร็วๆ นี้    :mew1:

   

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0


วันนี้เลิกงานเที่ยงคืน กลับถึงห้องแล้วจะอัพตอนที่ 15 นะจ้ะ   :katai4:

 o13 o13 o13 o13 o13


ออฟไลน์ ooomukooo

  • AngieAngel
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
    • AngieAngel

ออฟไลน์ Film-mii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

       ห่างหายไปนานเลย  มาต่อให้แล้วนะ   :laugh:

ตอนที่  15 

   คืนนี้ในขณะที่ฉันกำลังนั่งทบทวนบทเรียนวิชาภาษาอังกฤษอยู่บนที่นอน  มองไปเห็นตุ๊กตาหมี  นึกถึงเจ้าของที่ให้มา  ก็พานคิดไปถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อตอนบ่าย  แต่ก็ช่างมันเถอะ  เพราะสุดท้ายแล้วเราก็ผ่านมันมาได้  และเราก็ยังคงเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม   เราตกลงกันอย่างนั้น   ฉันละสายตาจากตุ๊กตาหมี  และหันกลับมาอ่านหนังสือตามเดิม

   ก๊อก    ก๊อก  ก๊อก  ...........

   ฉันเดินไปเปิดประตู  ไอ้น้องชายตัวแสบยื่นโทรศัพท์มาให้พร้อมกับบอกว่าเพื่อนโทรมา  ฉันรับเอาโทรศัพท์มา ก่อนจะปิดประตู  แล้วกลับไปนั่งบนที่นอน   เบอร์ไอ้โชคนี่นา  โทรมาจริงๆ ด้วยแฮะ

   “ ฮาโหล ” ฉันทักทายคนปลายทางสั้นๆ   

   “ ฟิล์มหรอ  ทำไรอยู่  ” น้ำเสียงที่ฟังดูตื่นเต้นดีใจของคนปลายทางทักทายกลับมา

   “ อ่านหนังสือ  พรุ่งนี้มี  Test  วิชาภาษาอังกฤษหนะ ”

   “ ขยันจัง  โชคกวนฟิล์มรึเปล่า ” 

   “ ไม่เป็นไร  คุยได้นิดหน่อย ” ฉันยิ้มบางๆ ให้กับคนปลายทาง  เขาจะรู้หรือเปล่านะว่าฉันกำลังยิ้มให้

   เราคุยกันอยู่ประมาณ 5 นาที  ไอ้โชคกลัวรบกวนเวลาอ่านหนังสือสอบของฉัน  ฉันกลับไม่ได้คิดอย่างนั้น  แต่กลับรู้สึกว่า อยากคุยกับมันนานกว่านี้  แต่ในเมื่อเขาหวังดี   ฉันก็ขอตอบรับน้ำใจ  เราจึงวางสายกัน  ฉันแอบคิดถึงไอ้โชคด้วยแหละ  จะปิดกั้นความรู้สึกของตัวเองไปอีกนานแค่ไหนนะฟิล์ม 

   ห้าทุ่มแล้ว  ฉันเริ่มง่วงนอน  ตาแทบจะปิดอยู่แล้ว  อ่านมาสองสามรอบแล้วหละ  งั้นคืนนี้พอแค่นี้แล้วกัน  ฉันเก็บหนังสือและปากกาเน้นข้อความ  ไปวางไว้ที่โต๊ะหนังสือ   ระหว่างนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง   ฉันเดินกลับมาตรงที่นอนแล้วทิ้งกายอันบอบบางลงบนที่นอนนุ่มๆ  ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มาดูหมายเลขที่โชว์อยู่บนหน้าจอ  ใครโทรมาดึกๆ ดื่นๆ  แบบนี้นะ 

   “ สวัสดีคะ ” ฉันทักทายหมายเลขปลายทางอย่างเป็นทางการ 

   “ ...............................”  เงียบ  ไม่พูด  โรคจิตหรือป่าวว้า

   “ ถ้าไม่พูด  ขอวางสายนะคะ ”

   “ เดี๋ยวก่อน ” เสียงจากปลายทางสวนขึ้นมาทันที   เสียงผู้ชายนี่หว่า 

   “ แล้วต้องการพูดกับใครคะ ”

   “ ขอสายฟิล์มครับ ”  เอ๋.....ใครอะ 

   “ พูดสายอยู่คะ ” 

   “ เชี่ย  กูนึกว่าผู้หญิงที่ไหน  เสียงโครตเหมือน ”  เอิ่มม  ภาษาดอกไม้แบบนี้  คงจะเป็นใครไปไม่ได้  นอกจากมันคนเดียว   ฉันเพิ่งนึกออก ว่ามันบอกว่าจะโทรหาคืนนี้  ลืมไปสนิทเลย  5555

   “ ขอบใจที่ชม  แต่จะดีใจกว่านี้  ถ้าจะกรุณาใช้ภาษาสุภาพในการสื่อสาร ”  ขอจิกเบาๆ หน่อยเถอะ

   “ คร้าบผม  ไหนบอกว่าเบอร์พ่อ  ทำไมถึงรับสายได้หละ ”

   “ เบอร์พ่อจริงๆ  พอดีเพื่อนโทรมา  คุยเสร็จก็เลยยังไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปคืนพ่อ  แกก็โทรมานี่แหละ ”

   “ จริงอะ  นึกว่าแอบขโมยโทรศัพท์พ่อมาไว้รอรับโทรศัพท์ผมซะอีก ”  ช่างกล้าคิดเน่าะ  หลงตัวเองสุดๆ 

   “ ฉันไม่ทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นหรอกยะ  ว่าแต่ดึกดื่นขนาดนี้  โทรมาทำไมไม่ทราบ ”

   “ มีเรื่องไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่  อยากพูดระบาย  อยากขอคำปรึกษา  กูคิดว่ามึงนี่แหละ จะให้คำตอบกูได้ดีที่สุด ”

   ฉันก็ทำหน้า งงๆ  นึกไม่ออกเลย  ว่าไอ้เต้จะมาปรึกษาฉันเรื่องอะไร  แล้วมันรู้ได้ไง ว่าฉันจะให้คำตอบมันได้ดีที่สุด  มโนไปเองมากกว่า  ไอ้นี่ท่าทางจะเพี้ยน  มันเริ่มเล่าเรื่องของมันให้ฉันฟัง  จะเรื่องอะไรซะอีกหละ นอกจากเรื่องผู้หญิง  พร่ำเพ้ออยู่ได้ว่าไม่เข้าใจผู้หญิง ทำไมผู้หญิงโกรธง่าย ขี้งอน หายยาก  แล้วยังมาบ่นต่ออีกว่าง้อผู้หญิงไม่เป็น  เออ  มันก็สมควรอยู่หรอก ฉันหละนึกภาพผู้ชายป่าเถื่อนๆ อย่างมันตามง้อผู้หญิงไม่ออกจริงจริ๊ง  คงตลกตายชัก  55555 

   ฉันปล่อยให้มันพล่ามอยู่นาน สุดท้ายก็ลงท้ายด้วยการขอคำปรึกษาจากฉัน  เกี่ยวกับวิธีง้อผู้หญิง  สงสัยคงจะโดนแฟนงอลมาแหงๆ  ถึงจะไม่ยอมพูดตรงๆ ฉันก็พอเดาได้หรอกน่า อาการแบบนี้  ไอ้เต้เอ้ยยย  ใครจะไปคิดว่าแกจะมีมุมน่ารักๆ แบบนี้  ฉันจะช่วยสงเคราะห์แล้วกัน  ขอให้แกง้อแฟนได้สำเร็จนะจ้ะ 

   “ ง่ายนิดเดียวแก  ผู้หญิงเค้าชอบอะไรสวยๆ งามๆ  ถ้าแกจะง้อจริงๆ  ก็ลองซื้อตุ๊กตา   ไม่ก็หาดอกไม้สวยๆ ไปง้อเค้าสิ  แนะนำว่าเป็นดอกกุหลาบสีแดงนะแก  รับรองร้อยทั้งร้อย  หายงอลหายโกรธแน่ๆ ”

   “ งั้นก็เอามันทั้งสองอย่างนั่นแหละ  แต่.....  เลือกไม่เป็นหวะ  มึง......  ช่วยเลือกหน่อยดิ ”  น้ำเสียงติดๆ ขัดๆ นั้นกำลังขอให้ฉันช่วยเหลือ 

   “ ก็ได้  จะไปซื้อวันไหนหละ ”

   “ เอาวันที่มึงว่างแล้วกัน  ว่างวันไหนก็ค่อยบอก  แต่อย่าให้เกินอาทิตย์นี้นะเว้ย ”  ขู่ฉันหรอยะ  แต่ครั้งนี้มาแปลก  ตามใจฉันด้วย ปกติเห็นบังคับตลอด  แต่ก็ดีแล้วแหละ  ฉันจะได้รู้สึกเป็นอิสระขึ้นมาหน่อย

   เราตกลงกันว่าถ้าฉันได้เวลาว่าง  ฉันจะโทรไปบอกมันอีกที   ส่วนเรื่องดอกไม้กับตุ๊กตา  ค่อยไปเลือกดูที่ร้าน  และการสนทนาของเราก็จบลง   

   เช้าวันรุ่งขึ้น  ฉันตื่นเช้ากว่าปกติ  วันนี้ก็เลยมาถึงโรงเรียนแต่เช้า  เช้าของฉันนี่ก็ประมาณเจ็ดโมงครึ่งนี่แหละ  เอ...  เช้ารึป่าวนะ  แต่ที่รู้ๆ  คือไม่เห็นอิกระต่ายกับมายด์บนห้อง คิดว่าน่าจะยังไม่มา   ฉันเลยเดินไปที่ห้องของอิสายป่าน  กะว่าจะไปเม้าท์กับนางสักหน่อย  พอเดินไปถึงหน้าประตูห้องก็สอดส่องหาเพื่อนสาวใหญ่เลย แต่กลับไม่เจอซะงั้น   สงสัยยังไม่มาโรงเรียน 

   “ ทำไรอะ ”  เสียงดังมาจากข้างหลัง ทำเอาฉันสะดุ้ง  หันขวับทันที ........ ไอ้โชคนี่เอง   ฉันกำลังตกใจหน้าตาตื่น แต่มันกลับหัวเราะฉันซะนี่  ฉันเลยแสดงสีหน้าไม่พอใจออกไป

   “ มันน่าขำตรงไหนไม่ทราบ  ทำคนอื่นตกใจแทนที่จะขอโทษ  แต่กลับมายืนหัวเราะแบบนี้  มันหมายความว่ายังไง ”  เป็นไงหละ  หน้าซีดอย่างกับไก่ต้มเลยทีนี้ 

   “ ขอโทษนะ  ไม่ได้ตั้งใจ  ไม่คิดว่าฟิล์มจะตกใจขนาดนี้  ว่าแต่.....  มาหาใครหรอ  มาหาโชครึป่าว ” มันทำหน้าเหรอหราใหญ่เลย  กวนประสาทแต่เช้าจริงๆ 

   “ จะถามทำไม  ก็รู้ๆ  อยู่ว่ามาหาใคร ”

   “ แหม   ก็ลองถามดู เผื่อฟิล์มจะใจดี  คิดถึงโชคบ้าง ”  มันทำตาหวาน  กระพริบตาปริบๆ  น่ารักดี  อิอิ

   “ อย่าคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยเลย  แต่ถ้าอยากฝันลมๆ แล้งๆ ก็เชิญ  ฉันไปแหละ ”

   ใจจริง  ก็คิดถึงอยู่นะ  5555  ปากแข็งไปงั้นแหละ  ทำเป็นอวดเก่ง   เดี๋ยวเถ้อะ  ถ้าเขาไปมีคนอื่นแล้วจะหนาว ได้แต่บอกตัวเองอย่างนั้น  แล้วจะให้ทำไง  ให้ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง  แล้วพูดทุกอย่างออกไปตามที่รู้สึกจริงๆ  มีหวังอีกฝ่ายได้ใจกันพอดี  เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราง่าย  ขอเล่นตัวสักหน่อยละกัน 

   ฉันเพิ่งเดินหันหลังให้ไอ้โชค  แต่มันกลับเรียกฉัน  ฉันเลยต้องหันกลับไปหาเจ้าของเสียงเรียกอีกครั้ง   

   “ เย็นนี้เรามีเตะฟุตซอลกับเพื่อนต่างโรงเรียน  ที่สนามกีฬาอำเภอ  ไปดูมั้ย  ”

   “ ไม่รู้สิ  ดูก่อนแล้วกันนะ ” 

   ฉันเดินกลับมาที่ห้อง  เพื่อนๆ เริ่มมากันเยอะแล้ว  แต่สองนางนั้นยังไม่โผล่หัวมาเลย  ฉันจึงหยิบหนังสือวิชาภาษาอังกฤษขึ้นมาทบทวนบทเรียนอีกครั้ง   กะว่าจะเอาคะแนนเต็มให้ได้เลย  หรือไม่ก็ต้องได้ท็อปของห้อง  ฉันต้องชนะพวกผู้ชายและผู้หญิงทุกคน  ฉันจะเป็นหน้าเป็นตาให้กับกะเทยเอง  เรื่องการเรียนนะ  แต่ความสวยนี่  ยังไม่ถึงขั้น 

   “ อยากขยันแบบนี้บ้างจัง ”  ฉันละสายตาจากตัวอักษรบนหน้ากระดาษและเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ตรงหน้า
จะใครซะอีกหละ  ไอ้โต๊ดนั่นเอง   ฉันมองดูใบหน้าที่เรียบเฉยของไอ้โต๊ดอยู่พักนึง  ก่อนจะยิ้มให้มัน

   “ มาอ่านด้วยกันสิ  เดี๋ยวเราติวให้ ” ฉันชวนอย่างเต็มใจ  แล้วมันก็ยิ้มรับ  ก่อนจะเดินอ้อมมานั่งข้างๆ  ฉัน

   “ เรื่องเมื่อวาน  ขอโทษจริงๆ นะ  ฟิล์มยังโกรธเราอยู่รึป่าว ”  ฉันหันมายิ้มให้กับใบหน้าเศร้าๆ ของมัน 

   “ ไม่โกรธแล้วหละ  ก็โต๊ดสัญญาแล้วหนิ ว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก   เราเชื่อว่าโต๊ดจะทำตามสัญญา  เพราะเราเป็นเพื่อนกัน และจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป ”  ฉันพูดด้วยรอยยิ้มที่สดใส  และยังคงยิ้มให้มันอยู่อย่างนั้น  ทำให้ไอ้โต๊ดยิ้มกลับมาด้วยรอยยิ้มที่ดูน่ารักสดใสเช่นกัน  แบบนี้แหละที่ฉันต้องการ  เพราะมันคือรอยยิ้มที่แสดงถึงมิตรภาพของคำว่า        “ เพื่อน ”  เพื่อนกันตลอดไป 

   ตอนเที่ยงของวันนี้  หลังจากที่ฉันกินข้าวอิ่มแล้ว  ฉันก็ต้องมาพบครูที่ห้องพักครู  เรื่องไปสอบแข่งขันการกล่าวสุนทรพจน์เป็นภาษาอังกฤษนั่นแหละ   ครูก็ลองให้ฉันอ่านเนื้อหาที่ให้ไปคราวก่อนให้ฟังหนึ่งรอบ  จากนั้นก็พาฉันอ่าน  สอนเรื่องการออกเสียงหนักเบาในแต่ละคำ   โดยแต่ละคำจะออกเสียงเน้นหนักเพียงแค่  1  พยางค์เท่านั้น  มันทำให้ฉันปวดหัวมาก เพราะนอกจากจะจำเนื้อหาให้ได้ทั้งหมดแล้ว ฉันต้องมานั่งจำอีกว่า  แต่ละคำ  มันเน้นหนักตรงพยางค์ไหน   และต้องมานั่งฝึกออกเสียงให้ถูกต้อง  และให้ได้สำเนียงเหมือนฝรั่งอีก  คุณครูบอกว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ  และหลังเลิกเรียนต้องมาซ้อมพูดกับครูทุกวัน  จนกว่าจะถึงวันแข่ง  คุณครูดูเคี่ยวเข็ญฉันมาก  เพราะวันแข่งจริงจะมีขึ้นสัปดาห์หน้าแล้ว  งานนี้ก็เลยต้องเคี่ยวกันหน่อย  ใช่มั้ยคะ คุณครูขา 

   คาบวิชาลูกเสือ  ช่วงนี้คุณครูปล่อยให้เราพักผ่อนตามอัธยาศัย ก่อนจะเรียกประชุมกอง เพื่อปิดกอง  สามสาวก็นั่งเม้าท์มอยกันอีกตามเคย  แต่การเม้าท์ครั้งนี้  ท่าทางจะได้เรื่อง 

   “ พวกมึง  คืนนี้ที่บ้านกูมีหมอลำด้วยนะ  ไปดูกันมั้ย ” อิสายป่านชวนเราสองคน  ท่าทางดูตื่นเต้น

   “ หมอลำหรอมึง  อยากดูจัง  ไปสิ  แล้วมึงหละอิฟิล์ม  ออกบ้านได้มั้ยยะ ” มันหันมาจิกฉัน

   “ ถ้าจะออกไปจริงๆ  ก็คงต้องโกหกที่บ้านแหละ  แต่กู.....  ไม่ค่อยชอบดูหมอลำเท่าไหร่หวะ ”

   “ โอ้ยยย  นี่ตกลงมึงโง่หรือแกล้งโง่กันแน่   ไปดูหมอลำไม่ใช่ประเด็นหลัก  ประเด็นหลักมันอยู่ที่ผู้ชายต่างหากหละ  ต้องให้บอกให้สอนอยู่เรื่อยเลย ”  อิสายป่านเทศนาฉันใหญ่เลย  ก็ไม่รู้จริงๆ นี่นา   เค้ายังใสๆ อยู่เลยอะ 

   “ ว้ายยย    ผู้ชาย  แล้วไงต่อมึง ”  สะดีดสะดิ้งเชียวนะมึง  แหม  พูดเรื่องผู้ชายหน่อยไม่ได้ 

   “ เอ้าอินี่  โง่อีกคนแระ  กูจะบอกอะไรให้  กะเทยอย่างพวกเราเวลาไปดูหมอลำ  ก็ต้องแต่งหน้าแต่งตัวสวยๆ  แล้วก็ชวนผู้ชายให้มากินเหล้ากับเรา  พอพวกมันเมาได้ที่  พวกมันก็จะเกิดอารมณ์   ถึงตอนนั้น  เราก็จะเป็นคนสนองความต้องการให้ผู้ชายยังไงหละจ้ะ ”  อิสายป่านสาทะยายจนเห็นภาพเลยแฮะ 

   ฉันนี่อึ้งไปเลยคะ  เห็นเพื่อนสาวพูดเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้  แสดงว่ามันต้องเคยทำมาก่อนแน่ๆ  เอิ่ม...  เพื่อนสาวฉันจะแรงไปไหนเนี่ย  แถมยังมาถ่ายถอดวิชามารให้พวกเราอีก  งานนี้เอาไง   ฉันต้องทำแบบนั้นจริงๆ หรอ     

   หลังจากเลิกเรียน  ฉันก็ต้องไปซ้อมอ่านภาษาอังกฤษกับครู  ซ้อมอยู่สองสามรอบครูก็ปล่อยให้ฉันกลับบ้าน ก่อนกลับยังย้ำให้ฉันกลับไปซ้อมอ่านที่บ้านอีก  นี่กะจะเอาที่หนึ่งเลยหรอคะครูขา 

   พอกลับถึงบ้าน  สิ่งแรกที่ฉันวิ่งเข้าหาก็คือตู้กับข้าวตามเคย  ช่วงนี้กินเยอะมาก รู้สึกว่าตัวจะบวมๆ ขึ้นแล้วนะ ส่วนหน้านี่ไม่ต้องพูดถึง  แก้มเริ่มมาเรื่อยๆ และ  ความเป็นน้องนีเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นทุกวัน ขอบคุณพลังแห่งยาคุม คิคิ  พอกินอิ่ม  ก็ได้เวลาซ้อมอ่านตามที่ครูสั่ง อ่านไปได้หนึ่งรอบ ก็นึกขึ้นได้ว่าไอ้โชคชวนไปดูแข่งฟุตซอล  ถ้าเป็นแต่ก่อนคงไม่ไปแน่ๆ  แต่ทำไมตอนนี้  ถึงคิดแล้วคิดอีก สุดท้าย ก็ตัดสินใจไปจนได้ 

   ฉันขับรถมอไซต์มาถึงสนามกีฬาอำเภอ  ก็ตรงดิ่งไปที่สนามฟุตซอลทันที  ตอนนั้นก็เย็นมากแล้ว แสงแดดอ่อนๆ เริ่มจางหายไป  แต่ก็ยังไม่ถึงกับมืด  ฉันขึ้นไปนั่งเชียร์บนแสตน  เห็นไอ้โชคในสนามด้วยแหละ  นั่งดูอยู่ซักพักเริ่มหิวน้ำ เลยเดินออกไปซื้อน้ำ  คิดไงไม่รู้  ซื้อน้ำเปล่าไปสองขวดซะงั้น  55555  เอาไปเผื่อไอ้โชคมั้ง  อิอิ 

   ลืมบอกไป จริงๆ แล้วการแข่งขันเนี่ยไม่ใช่การแข่งขันอย่างเป็นทางการอะไรหรอก  แต่เป็นการแข่งขันที่พวกเขาจัดกันขึ้นมาเอง  และแข่งอย่างจริงจัง  ตามกติกาและมีกรรมการด้วยนะ  คนก็มาเชียร์กันเยอะพอสมควร   แล้วก็ถึงเวลาพัก   ไอ้โชคเดินไปรวมตัวกันกับเพื่อนๆ ที่ข้างๆ สนาม   ฉันตัดสินใจเดินเข้าไปทักทายตามประสาเพื่อน 

   “ โชค ”  ฉันเรียกชื่อนั้นเบาๆ   แล้วไอ้โชคก็หันมาหาฉันที่ยืนอยู่ข้างหลัง

   “ ฟิล์ม  มาจริงๆ ด้วย  นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว ”  มันหน้าตาตื่นและดูท่าทางดีใจ 

   “ พอดี.....อ่านหนังสือแล้วปวดหัวหนะ   ก็เลยออกมาผ่อนคลายสักหน่อย ”  555  พูดไปนั่น ตอแหลสุดๆ

   “ จริงหรอ ”  มันถามอย่างกับไม่เชื่อ  แถมยังทำหน้ากวนตรีนสุดๆ  ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ  ทำเอาฉันเอ๋อแดกไปเลย   

   “ นี่  ที่หัวเราะแบบนั้น  คงไม่คิดว่าเราอยากจะมาดูโชคเตะฟุตซอลหรอกนะ ” ฉันเริ่มร้อนตัวไปเองแล้วไง

   “ ป่าวซักหน่อย  ฟิล์มพูดเองนะ  ว่าแต่  คนอะไรกินน้ำสองขวด  หรือว่า....... ” 

   “ อะ  ซื้อมาให้โชคนั่นแหละ ”  ฉันยื่นน้ำเปล่าให้  มันก็อึ้งไปเลยสิคะงานนี้ 

   “ เอ่อ.... นี่ฟิล์มซื้อมาให้เราจริงๆ หรอ ” มันคงไม่เชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ไม่ใช่ความฝัน 

   “ เซ้าซี้อยู่นั่นแหละ  จะเอาป้ะ  ถ้าไม่เอาก็บอกมา  จะได้กลับ ”  5555  ขู่เบาๆ ซะเลย

   “ เฮ้ย   เอาดิ  ขอบใจนะ ”  มันยื่นมือมารับขวดน้ำ   และยิ้มให้  ฉันก็ยิ้มกลับเหมือนกันจ้ะ  หุหุ 

   ฉันกลับไปนั่งเชียร์บนแสตนเหมือนเดิม  พอเกมส์นี้จบลงก็เป็นอันจบการแข่งขันพอดี  สรุปว่าทีมไอ้โชคก็ชนะไปแบบหวุดหวิด   ฉันเดินออกมาจากสนาม  และกำลังจะเดินไปที่รถ  ไอ้โชคก็เรียกเอาไว้ซะก่อน ฉันหันกลับไป  เห็นมันกำลังวิ่งมาหาฉัน  พอมาถึงก็หอบใหญ่เลย  ท่าทางคงเหนื่อยน่าดู   

   “ ฟิล์มจะกลับบ้านเลยหรอ ”  ฉันพยัคหน้าตอบ

   “ เห็นสายป่านบอกว่าคืนนี้มีหมอลำ  แล้วก็ชวนฟิล์มแล้วด้วย  ตกลงจะไปมั้ย ”

   “ ไม่รู้สิ  เราไม่ค่อยชอบดูหมอลำ  ไม่รู้จะไปรึป่าว ” 

   “ ไปเถอะนะ  เดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน ”  แล้วมันจะส่งตาหวานมาทำไมเนี่ย  เค้าแอบเขินอยู่นะ 

   “ เอ่อ.....  ไปก็ได้  แต่กลับดึกไม่ได้นะ  พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน ”  ฉันทำท่าคิดอยู่พักนึง และสุดท้ายก็ตอบตกลง  เพราะอะไรหนะหรอ  เพราะไอ้โชคบอกว่าจะไปเป็นเพื่อนมั้ง 

   “ ให้ไปรับป่ะ ”  ฉันรีบปฏิเสธออกไปทันที  เพราะกลัวพ่อกับแม่จะเห็น 

   เราตกลงกันว่าจะไปเจอกันที่บ้านอิสายป่านตอนสองทุ่ม  จากนั้นฉันก็กลับบ้านไปอาบน้ำ  กินข้าว  และแอบเอาโทรศัพท์ของพ่อโทรไปหาอิสายป่าน บอกว่าจะออกไปหาตอนสองทุ่ม  นางก็รับทราบ และบอกว่าให้มาแต่งหน้าแต่งตัวที่บ้านนางก็ได้  ฉันก็ตกลงตามนั้น   ฉันโทรไปหาอิกระต่ายแล้วบอกให้นางออกมารับตอนสองทุ่ม  จากนั้นฉันก็ไปบอกพ่อกับแม่ว่าจะชวนอิกระต่ายไปติวหนังสือที่บ้านอิสายป่าน  ก่อนจะหอบหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังสือ เพื่อเป็นหลักฐานว่าหนูจะไปติวจริงๆ นะ  พอถึงเวลาสองทุ่ม  อิกระต่ายเพื่อนสาวก็มารับฉันแล้วเราก็ตรงดิ่งไปยังบ้านอิสายป่านทันที  ใช้เวลาขับรถประมาณ 20 นาทีก็ถึงบ้านนางแล้วจ้ะ  ไกลนิดนึง 

   พอมาถึงบ้านอิสายป่านก็เห็นไอ้โชคนั่งรออยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้านอยู่แล้ว  แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง  มันแต่งตัวเท่ห์มาก  ดูหล่อขึ้นเป็นกองเลยอะ  แตกต่างจากฉันลิบลับ  เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงส์ยีนส์ทรงกระบอกขายาว  ดูเช้ยยย  เชยยยย   กะเทยแบบนี้ก็มี  คงจะคิดอย่างนั้นใช่มะ  เฮ้อออ.....  ก็เค้าแต่งตัวไม่เป็นนี่นา   

   เราเดินเข้าไปทักทายไอ้โชค และพูดคุยกันอยู่ไม่นาน  อิสายป่านก็ออกมาจากบ้าน  แล้วคว้าตัวเราสองนางเข้าไปในบ้าน  ทิ้งให้ไอ้โชคนั่งรออยู่หน้าบ้านคนเดียว   พอเข้าไปในบ้าน  ก็เห็นเครื่องสำอางที่วางอยู่ตรงหน้า อย่างเยอะ  อย่างกับจะไปประกวดนางงาม  อิสายก็แนะนำพวกเราว่าแต่ละอย่างใช้ทำอะไรบ้าง  จากนั้นมันก็ปล่อยให้เราแต่งหน้ากันเอาเอง  ไม่คิดจะสนใจเพื่อนเลย  พวกฉันไม่เคยแต่งหนิ  จะแต่งได้ยังไง  อินี่สวยอยู่คนเดียว  ชักจะเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ  ฉันคว้าแป้งฝุ่นมาทาหน้า ทาคอ  แล้วหยิบแป้งพับมาตบหน้าและลำคอเบาๆ  ตามด้วยปัดแก้มสีชมพูอ่อนๆ ปัดบางๆ  เพราะกลัวจะแก้มแดงเหมือนลิง  ตามด้วยลิปกลอสสีชมพูอ่อนๆ  จะหวานไปไหนเนี่ย  ส่องกระจกดูอีกครั้ง   ก็สวยแล้วนะ  5555  พอดีกว่า  เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าไปเล่นลิเก 

   หลังจากที่แต่งหน้าเสร็จแล้ว อิสายป่านก็จัดแจงหาชุดมาให้พวกเรา  ฉันเลือกเปลี่ยนแค่กางเกง  เปลี่ยนมาเป็นกางเกงยีนส์ขาเดฟ  แบบรัดติ้วนิดๆ  แต่เสื้อก็ยังเป็นตัวเดิม  ส่วนเพื่อนสาวฉันหนะหรอ  ก็สุดฤทธิ์กันไปเลยจ้ะ พอคิดว่าสวยเป๊ะกันแล้วก้ได้เวลาออกจากรังซักที  พวกเราเดินออกไปที่หน้าบ้าน  ไอ้โชคถึงกับสะดุ้งตกใจ  หน้าตาตื่น  อย่างกับเห็นผี  ให้ตายเถอะ  พวกันเป็นนางฟ้านะยะ  ไม่ใช่ผีสางที่ไหน 

   “ โชคดีหน่อย  ที่ฟิล์มไม่แต่งตัวเหมือนเพื่อน  ไม่งั้น...... ”  มันพูดพึมพำกับฉันแค่สองคน เพราะนางเพื่อนสาวตัวดีสองคนนั้นเดินนำหน้าไปไกลแล้ว

   “ ไม่งั้นอะไรไม่ทราบ  พูดให้มันดีๆ  นะ ”  ฉันทำหน้าดุใส่มัน  เอาสิ  ถ้าแกกล้าว่าฉัน 

   “ เปล่าๆ  ฟิล์มจะแต่งแบบไหน  ยังไงก็ดูสวยและน่ารักสำหรับโชคเสมอแหละ ”  แอร๊ยยยย  ฉันเคลิ้มไปเลยแหละ  ราวกับตกอยู่ในภวังค์แห่งรัก 

   “ บ้า   ไปกันเถอะ  พวกนั้นไปไกลแล้ว เดี๋ยวเดินตามไม่ทันพอดี ” มันยิ้มและพยัคหน้างึกๆ  แล้วเราสองคนก็เดินตามเพื่อนสาวเข้าไปในงาน 

   เราเดินเข้ามาในงานกันแล้ว มีร้านขายของมากมาย  มียิงปืน ปาลูกโป่งด้วยนะ  อยากได้ตุ๊กตาจัง   จะว่าไปแล้ว  คนเยอะมากเลย   เราเดินกันมาได้ซักพัก  อิสายป่านก็คว้าตัวฉันไปซะงั้น 

   “ มีไรวะ  ทำไมต้องออกมาคุยกันสองคนด้วย ”  ฉันถามอย่างสงสัย 

   “ ก็กลุ่มเรามีผู้ชายมาด้วยหนะสิ  แบบนี้ผู้ชายที่ไหนจะกล้าเข้ามาหาพวกเราหละ  มึงช่วยทำอะไรสักอย่างได้มั้ย  คืนนี้ก็ลงทุนเต็มที่มากเลยนะ  จะพลาดไม่ได้เป็นอันขาด ”

   “ แล้วมึงจะให้กูทำยังไง ”

   “ มึงก็พาไอ้โชคไปเดินเล่นที่อื่นสิ  พวกกูจะได้เริ่มแผน  หมอลำเริ่มลำแล้วนะมึง  จะทำอะไรก็รีบทำ ”  นี่ถ้าไม่เห็นแก่ความอยากของมัน ฉันคงคิดว่านี่เป็นแผนของอิสายป่านชัวร์  แผนที่จะทำให้ฉันอยู่กับไอ้โชคสองต่อสอง  หรือฉันมองโลกในแง่ร้ายเกินไป 

   เราเดินกลับมาหาอิกระต่ายและไอ้โชคเหมือนเดิม  ฉันเหล่ตาไปหาอิสายป่าน  นางก็ส่งสายตาเป็นสัญญาณให้ฉันเริ่มทำตามแผนได้เลย  ฉันจึงชวนไอ้โชคไปเข้าห้องน้ำ  ไม่ได้ไปทำอะไรแบบนั้นนะ  แค่ชวนเดินไปเป็นเพื่อนเฉยๆ  เราเดินกลับมาที่บ้านอิสายป่าน  เพื่อมาเข้าห้องน้ำ โชคดีหน่อยที่ห้องน้ำบ้านมันอยู่นอกบ้าน  พอเข้าห้องน้ำเสร็จเราก็กลับเข้าไปในงานเหมือนเดิม  เราเลือกยืนดูอยู่ด้านหลัง  เพราะไม่ได้เอาเสื่อมา  เลยไม่มีอะไรไปปูนั่งกัน  ไอ้โชคถามหาเพื่อนสาวสองคนของแน  ฉันก็บอกว่าพวกนางบอกให้รอเจอกันอยู่ตรงนี้  มันก็พยัคหน้าเป็นอันรับทราบ  ยืนดูไปได้ซักพัก  เพื่อนไอ้โชคก็เข้ามาทักทาย  มันเลยขอตัวไปคุยกับเพื่อน  ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร  แต่ในใจนี่คือ  ปล่อยให้ฉันยืนอยู่คนเดียวได้ไงวะ 

   ฉันยืนดูหมอลำอยู่คนเดียว  สนุกมันก็สนุกอยู่หรอก แต่ชักปวดขาแล้วสิ  เอ๋.....  เหมือนมีคนกำลังจ้องมองเราอยู่เลยแฮะ  จากทางซ้ายมือ  ฉันไม่รีรอ  หันขวับไป  เพื่อให้หายคาใจ  กรี๊ดๆๆๆๆๆ  ตกใจ  หน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที   มันเดินเข้ามาใกล้ๆ ฉัน  สีหน้าเย็นชา  แล้วคว้าเอาข้อมือของฉัน  ก่อนจะลากฉันไปหน้าตาเฉย  นี่จะไม่ถามอะไรฉันสักคำเลยใช่มั้ย       

.......................................................................



ออฟไลน์ chanipanokyoong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :a5: :a5: ค้างมารากรีบๆมาต่อนะคะ รออยู้ววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด