♥ มหา'ลัย มาหารัก ♥ THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥ มหา'ลัย มาหารัก ♥ THE END  (อ่าน 553264 ครั้ง)

ออฟไลน์ nsai.ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
จบก็กวนไปอี๊ก...กวนพอกันทั้งคู่จริงๆ ตอนท้ายๆที่คุยกันทำให้นึกถึงหอแต๋วแตกเลย 555+
รอคณะต่อไปค่า

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
โลกแห่งความเป็นจริงกับในนิยายต่างกันมาก ระยะห่างระหว่างสองคณะ ไม่มีต่ำกว่า 2 กิโล

บางทีก็อยากให้เป็นแบบในเรื่องบ้าง

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
ได้หมีมา ก็แสดงว่า หมาก็น่าจะได้เมีย(ดูจากความหื่นของหมา มันคงจะไม่สนด้วยว่าไอ้หมีเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย) และหมอหมาก็ได้เมีย แฮปปี้เอนดิ้งทั้งสองคู่
 :mc3: :mc3:

ออฟไลน์ PUN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากค่ะ

ชอบคาแร็คเตอร์ของคณิตมากๆ ชอบตั้งแต่ชื่อละ อารมณ์กวนตีนแต่มีมุมน่ารักๆ ดี

ออฟไลน์ cinnsin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สุดท้ายก็จูนเข้าหากันได้ซะที เยยยยยย้
ปล.รอสามคณะที่เหลือนะคะะะะ > <

ออฟไลน์ screaminoflve

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบบบบบบบบบบ
เหลืออีกสามคณะแล้วอ่ะ ใจหายจัง รู้สึกรักทุกๆตอนเลยค่ะ

ป.ล.คุณจิตติเรียนที่ไหนอ่ะ ทำไมมีงานรับปริญญาช่วงเดียวกับมอเราเลย 5555555

ออฟไลน์ ที่เดิมในหัวใจสาววาย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ยอมใจกับคำด่าที่ไปขุดมาด่ากัน 55555 น่ารักดี ด่าไปด่ามารักกันเฉย  :o8: ชอบค่ะชอบ รอติดตามเรื่องต่อไปอยู่นะคะ ฝากกำลังใจให้คุณจิตติดาวมอ และก็ฝากแสดงความยินดีกับแก๊งคิตตี้ด้วยนะคะ คิดถึงทุกคนเลย  :mew1:

ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
หมากับหมี.. เออก็เข้าใจตั้งเนอะ 5555
หมา เอ้ยกุมภ์นี่น่ารักดีนะบางที พอถึงเวลาก็พูดออกมาตรงๆเลยไม่ต้องอ้อมค้อม ชอบๆ
ปล. พึ่งรู้ว่าแก๊งคิตตี้มีจริงๆอยากเห็นจังค่ะว่าจะเป็นขนาดในนิยายมั้ย  :ling2:

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ชอบมากๆชอบทุกเรื่องเลยยย เป็นกำลังใจให้น้าาา :katai5:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ทำยังไงถึงจะได้เห็นแก๊งค์คิตตี้ตัวจริงบ้างงงงงง  :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เป็นเมียไปตั้งนานแล้วนะหมอหมา
เพิ่งจะมารู้สึกเป็นแฟนกันเหรอ 555

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
รอคณะต่อไป :z2:

ออฟไลน์ packy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รักซึมลึกอ่ะดิหมา เอ้ย..หมอ
พอเค้าไป ถึงได้รู้ตัวช้า

ออฟไลน์ Misakiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ได้แค่นี้ก็พอใจละ ถึงมันจะไม่หวานมาก แต่ก็ละมุน
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
ึึแม้จะจบด้วยดี แต่ทำไมดิฉันถึงรู้สึกเศร้ายังไงก็ไม่รู้ อ่านจบแล้วนิ่งคิดอยู่นาน นิยายหรือเรื่องสั้นของคุณจิตติไม่เคยมีเรื่องไหนไม่ทำให้ดิฉันติดหนึบ อ่านเรื่องไหนก็อินกับเรื่องนั้นตลอด จนต้องตามอ่านทุกเรื่องที่เขียน (ตอนนี้ก็กำลังตามเก็บแต้ม) ดังนั้นเรื่องสั้นล่าสุดนี้ก็ไม่ต่างกัน

สิ่งที่จะพูดต่อไปนี้ ขอบอกก่อนว่าเอาความรู้สึกตัวเองเป็นบรรทัดฐานล้วนๆ อาจไขว้เขวและผิดเป้าไปบ้าง คุณจิตติก็อย่าว่ากันนะคะ

เริ่มแรกของเรื่องดิฉันตำหนิคณิตอยู่มาก ดิฉันมองว่าทำไมเขาจึงเป็นอย่างนั้น ทำไมทำตัวอย่างนั้น แต่ก็เข้าใจว่าอาจเป็นวิถีชีวิตวัยรุ่นวัยเรียน แต่ถ้าจินตนาการว่าหากไม่มีกุมภ์เข้ามา จะมีใครมาเปลี่ยนเขาให้ไปในทางที่ดีได้ไหม? ถ้าไม่มีกุมภ์เข้ามา คณิตจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองไม่ค่อยใส่ใจกับการเรียนนัก? แต่ทั้งที่ตำหนิติเตียนเขาไว้มาก ท้ายที่สุดดิฉันกลับเข้าข้างเขา เห็นใจเขา และเศร้าไปกับเขาด้วยเมื่อกุมภ์ไม่กลับห้องในคืนวันเกิดนั้น เรียกว่าถูกคุณจิตติดาวมอจับตีลังกากลับหัวเสียอ่วมอรทัยเลยทีเดียว

กุมภ์เป็นตัวละครที่ดิฉันมองอย่าพินิจพิเคราะห์ ดิฉันคิดว่า ความรักที่เขาให้กับคณิตนั้นเป็นรักอย่างไรกันแน่ อนึ่งที่พูดเช่นนี้มิได้หมายความว่าดูถูกความรักของใคร แต่ระยะเวลาไม่นานนี้ได้เป็นความเชื่อมั่นเพียงพอแล้วหรือ สำหรับการยืนยันต่อคณิตว่า เขาจะเลิกเจ้าชู้และฟันแล้วทิ้ง อ้ายนิสัยคาสโนว่าอยากได้ใครก็ต้องเอาให้ได้นั้น กุมภ์จะยังคงมันไว้อยู่หรือไม่? หรือว่าพอเป็นแฟนกับคณิตแล้ว ก็จะเลิกทีไปเลยทีเดียว ดิฉันแอบคิดต่างว่า ดูอย่างคนติดเหล้าติดบุหรี่สิ เขายังเลิกกันไม่ได้ง่ายๆ แล้วเรื่อง "นิสัย" ซึ่งคงแปลได้ว่าความเคยชิน สิ่งที่ทำจนติดเป็น routine นั้นจะ "ตัด" ทีเดียวขาดได้เลยหรือ จริงอยู่ว่ากุมภ์ลองพยายามมีคนใหม่แล้ว และพบว่าเขาลืมคณิตไม่ได้ แต่โบราณว่าวัวเคยขาม้าเคยขี่ ย่อมไม่อาจตัดใจได้ในทันที ดิฉันอาจจะกำลังดูถูกความรักของกุมภ์ หรืออาจจะอินกับเรื่องนี้มากไปสักนิด (หรืออาจเป็นข้ออ้างให้คุณจิตติแปลงเรื่องสั้นนี้เป็นเรื่องยาว ฮา) หรืออาจบางทีเพราะได้อ่านแต่มุมมองของคณิตฝ่ายเดียว จึงทำให้เอียงข้าง แต่ดิฉันก็ว่า การเป็นเสือผู้หญิงนี้ ในชีวิตจริงย่อมเลิกไม่ได้ง่ายๆ ดิฉันไม่ได้หมายความว่าเลิกไม่ได้ แต่มันเลิกยาก ก็คล้ายกับเหล้านั่นแหละ แต่บางที...คงเพราะเป็นคณิตใช่ไหม จึงหยุดเสือผู้หญิงคนนี้ได้ และก็คงเพราะเป็นคณิต (ซึ่งก็เป็นเสือผู้หญิงเช่นกัน) จึงทนกุมภ์ได้ เรียกว่าสองคนนี้เหมาะกันเสียยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยก เป็นปลาไหลกับน้ำแกงที่ขลุกขลิกมีรสกลมกล่อมน่าทานเสียนี่กระไร

พูดพล่ามมาซะเยอะ เอาเป็นว่าดิฉันเคยมีประสบการณ์ไม่ค่อยดีกับผู้ชายอย่างกุมภ์ (ไม่ได้เจอเอง แต่เป็นคนใกล้ตัวชนิดที่ส่งผลต่อตัวดิฉันด้วย จึงกลายเป็น trauma มาจนถึงทุกวันนี้) จึงรู้สึกฝังใจและเข้าข้างคณิตที่ต้องทนเห็นกุมภ์ไปเที่ยวข้างนอก และบางทีก็ควงผู้หญิงเพื่อเสพสัมพันธ์ทางกาย คิดว่าคณิตก็เจ็บช้ำระกำใจ แต่เพราะไม่ค่อยได้กินแบรนด์บ่อยนัก จึงไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกตัวเอง แต่ความเจ็บในใจก็มีไม่น้อยไปกว่ากันเลย ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมแม้เรื่องจะจบดี แต่ดิฉันก็ยังรู้สึกเศร้าดังที่ได้เอ่ยไปแล้วข้างต้น

ดิฉันคงไม่อาจยกตนข่มท่าน ถือเอาตัวเองเป็นใหญ่ไปตัดสินใคร จึงขอแอบกระซิบบอกคุณจิตติว่า เรื่องนี้สมควรเป็นเรื่องยาวอย่างที่สุด (ฮา ขออนุญาตตะล่อมนะคะ) เพราะเมื่อยิ่งยาวก็จะยิ่งฟินจนไปแตะขอบฟ้า

ขอบคุณดาวมอด้วยจอกคารวะ

 :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-12-2015 20:40:35 โดย Wordslinger »

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
โอ้ แม่สาว (พ่อหนุ่ม)น้อย  นี่คือการขอเป็นแฟนหรือนี่ เกรียนกันจริงๆ  :mew5:

ออฟไลน์ M_April

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
หมารักหมอแล้วเนอะ

ออฟไลน์ owlseason

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
วันนี้เราสอบมาค่ะ ทำไม่ได้เลย ออกจากห้องสอบมาเหมือนหัวใจหยุดเต้น ชีวิตแม่งเศร้ามาก
จนมาอ่านนิยายของคุณ
ขอบคุณมากนะคะที่ทำให้หัวใจเรากลับมาเต้นอีกครั้ง ☺️☺️☺️☺️

ออฟไลน์ Pakbung Mazo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
โอ้ยอ่านไปขำไป คำคมกาละแมตอนนี้ขอเสนอคำว่า "ใจกระเทยไปเลยกู" 5555555555คณิตมาสายฮาของจริงอะขำ
ปล. อ่านคำพูดคำจาความคิดของคณิตแล้วคิดถึงแต่เสียงป๋อมแป๋มเลยค่ะ มันได้อะ

ออฟไลน์ PHA_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เป็นเซตที่สนุกมากๆๆๆๆๆ้
เราชอบเรื่องนี้ที่สุดในเรื่องที่ผ่านๆมาเลย ว่าดันว่าชอบความรักที่ไม่ค่อยหวานแต่เข้าใจกัน เลี้ยงด้วยลำแข้ง555555555เป็นกำลังใตให้คุณจิตตินะคะ รอเรื่องต่อๆไปอยู่ๆอย่าลืมเรื่องยาวนะคะ55555555สู้ๆค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เล่นคำเอาซะงงในบางทีเดี๋ยวหมอ เดี๋ยวหมา เดี๋ยวมึง จะพูดกันดีๆบ้างไหมคู่นี้ฮาร์ดคอตลอด

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
ฮ่าๆๆๆ บางทีก็รู้สึกมึนๆแบบคณิตนะ  :m20:

ออฟไลน์ Aomoto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณมากที่เขียนให้อ่าน สนุกทุกตอน สำนวนนิยายแบบจิตติจิตติ ชอบมาก ไม่เบื่อเลย นานแค่ไหนก็รอคะ

ออฟไลน์ Littlesir

  • I adore all the things you hate about yourself.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-0
เราไม่ชอบนิสัยกุมภ์เท่าไหร่อะ แข๊งงงงแข็ง
ชอบแบบนุ่มๆมากกว่า แต่ก็อย่างว่าจะให้มานิสัยละมุนนุ่มๆทั้งมหาลัยก็ใช่ที่

จะรอคณะต่อไปนะ คุณจิตติดาวมอไม่ใบ้บ้างเหรอคับ ว่าคณะไรคือคณะต่อไป

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
รอคณะต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18
ศึกษาดูใจศาสตร์

คุณเคยชอบใครมั้ย
ชอบแบบจริงจัง ชอบแบบที่ไม่เคยชอบใครมาก่อน หัวใจเต้นแรง เพ้ออยู่ตลอดเวลา แค่คิด ภาพของใครคนนั้นก็พุ่งเข้ามาในหัวแล้ว ถ้าคุณเคยรู้สึกแบบนี้ ผมอยากจะบอกว่า...ผมเองก็ไม่ต่างกัน
ผมอาจจะเป็นนิสิตศึกษาศาสตร์ที่สอนชีววิทยาแต่ไม่เข้าใจว่ารักกับชอบต่างกันยังไง แค่พออนุมานได้ว่าความรักอาจมีความผูกพันเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งต่างจากผมกับคนคนนั้นโดยสิ้นเชิงเพราะเราไม่เคยผูกพันกัน แม้เกี่ยวข้องกันบ้าง แต่ในความสัมพันธ์นั้นก็ยังไม่มีชื่อเรียก ดังนั้นผมจึงพูดได้แค่เพียง...ชอบ
ชอบรุ่นน้องตัวสูงมานานหลายปีแล้ว
“ไอ้โฟร์! โฟร์ บูมบัณฑิต” เสียงปอนด์กับเอ็ม เพื่อนสนิทของผมร้องเรียก
ผมหันไปทางต้นเสียง ส่งยิ้มให้พวกมันก่อนจะวิ่งเหยาะๆ เข้าไปหา แย่หน่อยที่ชุดครุยค่อนข้างยาว เลยทำให้การเดินหรือขยับตัวลำบากขึ้น
“น้องขอบูม ไหนๆ ก็จบแล้วมากอดคอกันเถอะ” เอ็มพูด ดวงตาคู่นั้นฉ่ำปรือเหมือนเตรียมจะร้องไห้เต็มแก่ มิตรภาพตลอดห้าปีมันยาวนานจนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพราะต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนผมก็ยังจดจำเพื่อนทุกคนได้อยู่ดี
ผมยืนอยู่ตรงกลาง เอื้อมมือไปกอดคอเพื่อนทั้งสองคนเอาไว้ รอบตัวเราถูกล้อมรอบด้วยรุ่นน้องปีหนึ่งในชุดนิสิตถูกระเบียบ แถมกำลังก้มหน้าก้มตาเตรียมพร้อมสำหรับการบูมบัณฑิตสุดกำลัง
“e e d u c…c c a t i…i i i o n education ha!”
หลังจากยืนปลื้มปริ่มให้รุ่นน้องบูมและร้องเพลงคณะเสร็จ ผม ปอนด์ และเอ็มก็เดินออกมานั่งพักอยู่ตรงลานกิจกรรมของคณะ บนโต๊ะเต็มไปด้วยดอกไม้และของขวัญแสดงความยินดีมากมาย ทั้งจากครอบครัวและสายรหัส เพื่อนในเอกคนอื่นๆ เริ่มเก็บภาพความประทับใจ จะมีก็แต่เราสามคนที่เหนื่อยเกินกว่าจะลุกไปถ่ายภาพเหมือนช่วงเช้าแล้ว
เข็มนาฬิกาบนหน้าปัดตรงข้อมือบอกเวลาย่างเข้าบ่ายโมงซึ่งยังคงมีแดดร้อนแรง โชคดีที่คณะศึกษาศาสตร์รับปริญญาในช่วงเช้า ตอนบ่ายพวกเราเลยมีเวลามานั่งรำลึกความทรงจำเรื่อยเปื่อยกันไป
“ปีนี้ก็จบแล้วเนาะ” ปอนด์พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม แต่กลับเจือไปด้วยความเศร้าอย่างน่าประหลาด
“นั่นดิ จะได้เจอกันอีกมั้ยวะ”
“ต้องได้เจอดิ” ผมแทรกบ้าง
จริงอยู่ที่อาจไม่ได้เจอกันทุกวันเหมือนตอนเรียน แต่เกือบหนึ่งปีที่เราต่างแยกย้ายไปทำงานแล้วกลับมาเจอกันในวันนี้ มันก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่ ผมเริ่มต้นชีวิตกับคนใหม่ๆ แต่ก็ไม่หลงลืมคนเก่าที่เคยอยู่ด้วยกัน
“เห็นมึงพูดแบบนี้ตลอด”
“แต่ก็ได้เจอกันตลอดไม่ใช่หรือไง”
“โฟร์”
“หืม...”
“มึงกับพวกกูเจอกันตลอดก็จริง แต่หลังจากนี้มึงอาจจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วนะ” ประโยคที่เอ็มพูดทำให้ผมหุบยิ้มในทันที ใจหาย...คงเป็นความรู้สึกเดียวที่สัมผัสได้
“ไม่รู้ดิ ถ้าไม่เจอก็คงเสียใจนิดหน่อย”
“ไปหาน้องมันมั้ย”
“ไม่เอาอ่ะ”
“อาจไม่ได้เจอกันแล้วนะเว้ย มึงยังจะป๊อดอีกเหรอ”
“ไม่มีประโยชน์หรอก ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น”
“อย่างน้อยก็ส่งท้าย ก่อนที่ทุกอย่างมันจะเดินไปข้างหน้าจนมึงตามไม่ทัน เดี๋ยวกูไปส่งที่คณะ พวกสหเวชฯ รับช่วงบ่าย ถ้าออกมามึงก็วิ่งเข้าชาร์จเลย”
ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ ความจริง...ผมกับใครคนนั้นอายุห่างกันหนึ่งปี แต่เพราะศึกษาศาสตร์เรียนห้าปี และสหเวชศาสตร์เรียนสี่ปี เราเลยได้รับปริญญาพร้อมกัน
“ไปเถอะ”
“เอาไดอารี่ที่มึงเขียนไปให้ด้วยดิ กูรู้ว่ามึงเอามา”
“น้องมันไม่อ่านหรอก”
“ไม่อ่าน แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเขาได้รับไปแล้ว”
“อืม...ขอทำใจแป๊บ”
เขาเป็นเหมือนน้องชายที่แสนดี เป็นความทรงจำเกือบครึ่งหนึ่งในมหา’ลัย และที่สำคัญ...เขาเป็นรักแรกของผม รักที่เหมือนเป็นไปไม่ได้ และสุดท้ายทุกอย่างก็จะเคลื่อนผ่านไปโดยที่เรายังคงรักษาความสัมพันธ์แบบพี่น้องเอาไว้ จนกว่าเราจะลืมกัน







สี่ปีก่อน…
“เทอมนี้กูฟาดเอเคมีชัวร์”
“ตื่นครับไอ้ฟาย แค่ดุลสมการกากๆ มึงยังผิด คิดเหรอว่าจะได้”
“แน่นอน”
“อย่าลืมดิ ตัดเกรดกับเภสัชฯ แล้วก็พวกสหเวชฯ นะครับ”
“แล้วไง เภสัชฯ ก็ใช่ว่าจะเก่งเคมี อีกอย่างกูเข้าไปเช็กรายชื่อใน REG เรียบร้อย พวกที่เรียนกับเราก็แค่ปีหนึ่ง คิดเหรอว่ามันจะสู้ปีสองแข็งแกร่งอย่างเราได้”
เสียงที่เถียงกันไปมานั้นเป็นของปอนด์และเอ็มเพื่อนสนิท ส่วนผมชื่อโฟร์ เรียนอยู่คณะศึกษาศาสตร์เอกชีววิทยาปีสอง แรกเริ่มเดิมทีผมไม่ได้อยากเป็นครูหรอก แต่พอได้มาอยู่ก็คิดว่าทุกอย่างไม่ได้แย่อย่างที่เข้าใจ เพื่อนในเอกผมมีสี่สิบคน ทุกคนรักและสนิทกันในระดับหนึ่ง แต่พอนานวันเข้าโลกก็มักจะเหวี่ยงคนเหมือนๆ กันให้มาอยู่ด้วยกันเสมอ ศึกษาศาสตร์ เอกชีวะฯ ปีสองเลยแตกกลุ่มแตกกออยู่กันเป็นก๊วนแก๊งแทน
บางกลุ่มใหญ่มากมีสมาชิกนับสิบคน ทรงอิทธิพลที่สุดในเอก แต่บางกลุ่มก็น้อยจนเป็นเหมือนพลเมืองชั้นสองอย่าง...ผม ปอนด์ และเอ็ม
ถึงจะแค่สามคนก็มีความสุขดี เพราะเราไม่ได้มีศัตรูที่ไหน รู้ความลับของกันและกันแทบทุกเรื่อง อย่างไอ้ปอนด์เนี่ยเคยอกหักครั้งแรกตอน ม.3 จากนั้นก็แอบชอบรุ่นพี่ที่แก่กว่าถึงสิบปีจนอีกฝ่ายหนีไปแต่งงาน ส่วนไอ้เอ็มเรียนไม่ค่อยเก่ง ชอบหนีเที่ยว ชอบเดินทาง ถึงขนาดขโมยเงินในกระปุกน้องสาวตัวเองเพื่อซื้อตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศ บางทีผมก็ตลกเพราะไอ้พวกนี้ชอบคิดหรือทำอะไรแผลงๆ ตลอดเวลา จนผมคิดว่าอีกหน่อยคงจะบ๊องตามพวกมันไป
“มึง กูอยากกินนักเก็ต” จู่ๆ เอ็มก็พูดขึ้น ขณะกำลังเดินผ่านโรงอาหารทางผ่านขึ้นตึกเรียน แต่กลับถูกจูงจมูกให้ไขว้เขวด้วยกลิ่นตลบอบอวลของอาหารแทน
“เออ รีบเลย”
“เร่งทำไม นี่เพิ่งคาบแรก อาจารย์ไม่เช็กชื่อหรอก”
“เหรอออออออ” ไปเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากไหน แน่นอนคาบแรกส่วนใหญ่อาจารย์มักไม่สอน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เช็กชื่อนะโว้ย
“ปล่อยให้พวกเก่งๆ มันออกหน้าไปก่อน เราท้ายแถวไม่มีใครมาสนใจหรอก” ปอนด์สนับสนุน
สุดท้ายก็ลงเอยที่เราซื้อขนมมานั่งกินเล่นนับสิบนาที บวกเวลาเล่นมือถืออีกห้านาที สรุปตอนนี้เราก็สายเกินกว่าจะให้อภัยแล้ว
“มึง...” ผมแทรกขึ้นบ้าง
“อะไร”
“กูว่าเราโดดไปเลยดีกว่ามั้ย ไม่ต้องเข้าหรอก เลตขนาดนี้” ตามจริงคือไม่อยากอาย สู้ไม่โผล่ไปก็อาจขายหน้าไม่มากเท่าโผล่ไปกลางคลาสแบบนี้
แกร๊ก!
“ช้าไปแล้วล่ะ” เสียงลูกบิดประตูถูกหมุนจนสุด สิ่งที่ทำได้ก็มีแค่ทำใจและยอมรับทุกอย่าง
“เลตยี่สิบนาทีนะคะ” ฮือออออ คาบแรกของเด็กท้ายแถวอย่างเราช่างได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเหลือเกิน เพราะที่นั่งสโลปภายในห้องเนืองแน่นไปด้วยนิสิตจนแทบหาเก้าอี้ว่างไม่เจอ แถมอาจารย์ยังพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนโมโหเต็มแก่อีกด้วย
ผม ปอนด์ และเอ็มเลยรีบวิ่งหาที่นั่งพัลวัน เพื่อจะได้ไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นๆ แต่เหมือนเวลาทำชั่วแล้วก็มักจะได้อะไรชั่วๆ ตอบแทนกลับมา
ไม่มีที่ว่างที่ติดกันสำหรับเราเลย นอกเสียจากจะแยกกันนั่งคนละมุม ประกอบกับอาจารย์ก็ยังพูดเร่งไม่หยุด ทำให้เราตัดสินใจแยกย้ายกันนั่งมุมใครมุมมันเพื่อหลีกหนีความอายไปก่อน
“ตรงนี้ว่างอยู่” เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น มันเหมือนแสงสว่างที่มีคนจุดให้เพื่อหาทางออกยังไงยังงั้น
“ขอบคุณนะ” ผมบอกก่อนจะนั่งลงข้างๆ ใครคนนั้น
คนที่ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเพราะไม่ใช่เด็กศึกษาศาสตร์ ใบหน้าคมกับริมฝีปากหยักเป็นสระอิทำให้ผมเผลอจ้องมองไม่คลาดสายตา แถมจมูกก็ยังโด่งมากๆ อีกต่างหาก
ใครวะ?
โคตรน่ารักเลย โคตรหล่อ โคตรดึงดูด หัวใจของผมเต้นแรง นี่มึงใจเต้นแรงกับคนที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนเหรอไอ้โฟร์ ผมได้แต่ปรามตัวเองในใจแม้จะรู้ดีว่าไม่ได้ผล ขนาดหยิบปากกากับสมุดจดเลกเชอร์ก็ยังทำผิดๆ ถูกๆ จนอีกฝ่ายมองตามด้วยความสงสัย
“อยู่ศึกษาฯ เหรอ” ผมหันไปสบตากับคนข้างๆ กะพริบตาปริบสองสามครั้ง
“รู้ได้ไง”
“เห็นเสื้อคลุมเพื่อนพี่”
“แล้วรู้ได้ไงว่าเป็นพี่”
“ศึกษาศาสตร์ที่อยู่คลาสนี้มีแต่ปีสองทั้งนั้น”
“อ้อ แล้วนี่อยู่คณะอะไรอ่ะ วิทยา สหเวชฯ หรือเภสัชฯ” จำได้ว่าเซ็กเรียนเคมีค่อนข้างใหญ่ และรายชื่อใน REG ก็บอกไว้หมดแล้วว่าเด็กศึกษาฯ แก่ที่สุดในบรรดาทุกคณะ เพราะที่เหลือมีแต่ปีหนึ่งทั้งนั้น
“สหเวชฯ ครับ เทคนิคการแพทย์น่ะ”
“อ้อออออ”
เราเงียบกันไปพักใหญ่ จริงอย่างที่เอ็มกับปอนด์ว่า อาจารย์ไม่ได้เช็กชื่อและไม่ได้เริ่มต้นการสอน นอกเสียจากชี้แจงเนื้อหาที่ต้องเรียนในเทอมนี้เท่านั้น กระทั่งเสียงทุ้มนุ่มหูเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“พี่ชื่ออะไร”
“หา? ถามเราเหรอ”
“ครับ”
“ชื่อโฟร์”
“ผมชื่อเทคนะ ยินดีที่ได้รู้จัก” มือหนายื่นมาข้างๆ ผมได้แต่มองตาม ไม่กล้าเอื้อมมือเข้าไปจับ ไม่รู้สิ มันหวั่นๆ เหมือนอาการของคนกำลังเขินยังไงชอบกล
พอเห็นว่าผมไม่ยอมจับมือ รุ่นน้องยิ้มเก่งเลยถือวิสาสะจับนิ้วก้อยของผมแล้วเขย่าไปมา ทำเอาหัวใจคนถูกกระทำกระเด้งกระดอนไม่มีทิศทางอยู่พักใหญ่
นี่แหละความทรงจำแรกระหว่างเรา ความทรงจำระหว่างผมและรุ่นน้องปีหนึ่ง
ความทรงจำ...ที่ต่อให้ผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่มีวันลืม








“โง้ยยยยยยย น่ารัก น่ารัก น่าร้ากกกกกกก”
ผมกลับมาถึงหอพัก กระโจนลงไปกลิ้งบนเตียงอย่างเสียสติ โชคดีหน่อยที่อยู่คนเดียวเลยไม่มีใครมาหาว่าผีเข้า หน้าของผมร้อนผ่าวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากหมดคลาสเคมี ผมกับเทคก็โบกมือให้กันก่อนจะแยกย้าย เขินว่ะ เขินสัดๆ
ดิ้นกะแด่วๆ ไปหลายรอบจนหมดแรง ก่อนจะลุกขึ้นมาจากเตียง เปิดแล็ปท็อปซึ่งอยู่บนโต๊ะหนังสือขึ้น ภารกิจสำคัญในการตามหาคนที่ปลื้มมันจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเฟซบุ๊ก!!
รายชื่อใน REG ของมหา’ลัยมีประโยชน์อย่างมาก เพราะมันจะช่วยให้ผมตามหาเด็กเทคปีหนึ่งได้ง่ายขึ้น ผมพยายามไล่อ่านรายชื่อที่ต่อท้ายด้วยคณะสหเวชศาสตร์ โดยลองพิมพ์ชื่อคนเหล่านั้นในช่องค้นหาเฟซบุ๊ก แม่งหาทั้งไทยทั้งอังกฤษ เพื่อหวังว่าจะเจอ
“ไม่ใช่” บ่นเป็นรอบที่สิบ แต่ก็เท่านั้น
ระหว่างหาก็กดแอดเฟรนด์ค้นหารายชื่อที่เจอไปด้วย ผมพยายามอย่างมาก แต่กลับไม่เจอเฟซบุ๊กของเทคอย่างที่ตั้งใจ สงสัยจะไม่ได้ใช้ชื่อกับนามสกุลจริงอย่างที่คาดไว้แต่แรก
ติ๊ง!
แจ้งเตือนในระบบเด้งขึ้นมา บ่งบอกว่ามีใครคนหนึ่งรับผมเป็นเพื่อนในโซเชียลแล้วเรียบร้อย จากที่กำลังใจหดหายกลับเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ผมคลิกเข้าไปในเฟซบุ๊กของรุ่นน้องคนหนึ่ง พลางเลื่อนเมาส์ไปยังรายชื่อของเพื่อนที่มีอยู่ทั้งหมด
4,560 คน เหยดดดดดดดดดดดด
ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนออกจากรายชื่อเพื่อนเพื่อเข้าไปส่องในอัลบั้มภาพที่ถูกแท็ก เผื่อโชคดีจะได้เจอ แต่ผลก็คือไม่
เหนื่อยว่ะ
กลับเข้าไปในรายชื่อเพื่อนใหม่ ไล่ดูรูปโพรไฟล์ทีละคนด้วยสายตาเมื่อยล้าเต็มที แม้มีโอกาสที่เจ้าของเฟซกับรุ่นน้องปีหนึ่งอย่างเทคจะไม่ได้เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กกันก็ตาม เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็ตายดิว้าาาาา
จากห้าโมงเย็น ตอนนี้เวลาปาไปเกือบสองทุ่มแล้ว นี่ผมเอาเวลามาตามหารุ่นน้องตั้งสามชั่วโมงเลยเหรอวะ!
Rrrrrrrrrrrrrr
เสียงเรียกเข้าที่มีปลายสายเป็นเพื่อนสนิทอย่างปอนด์ดังขึ้น
“ว่า...”
[แดกข้าวกัน]
“ไม่หิว”
[ทำห่าอะไร]
“เออน่ะ มึงไปกินกับไอ้เอ็มเถอะ”
[ตามใจ กูแค่จะบอกว่าเจอรุ่นน้องที่นั่งข้างมึงตอนคาบเคมีด้วย เห็นมึงคุยกันสนุกเลยจะเรียกมาเจอ แต่ก็ช่างเถอะว่ะ]
“เดี๋ยว!!!” ผมรีบเบรกทันควัน
อะไรนะ เทคอยู่แถวนั้นเหรอ
[อะไรของมึงไอ้โฟร์]
“กูจะไปกินข้าวกับพวกมึง อยู่ร้านไหนเดี๋ยวตามไป”
[ผีเข้าเหรอ เออๆ พวกกูอยู่ที่ร้าน...] หลังจากวางสายของปอนด์ ผมก็รีบพาตัวเองไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบชุดธรรมดาที่ดูไม่ธรรมดาขึ้นมาใส่ จัดทรงผม ดูความเรียบร้อยของตัวเองก่อนจะออกไปตามนัดของเพื่อนทั้งสองคน ทั้งที่จุดหมายจริงๆ แล้วมันอยู่ที่รุ่นน้องคนนั้นมากกว่า
แต่พอไปถึง...
“อ้าวพี่โฟร์ มากินข้าวเหรอ” ผมพยักหน้าทันที เมื่อเห็นว่าเทคกำลังเดินออกจากร้าน แต่เผอิญมาเจอผมเข้าซะก่อน
“อื้ม เทคอ่ะ”
“มากินข้าวเหมือนกัน แต่จะกลับแล้ว”
มาเสียเที่ยว แต่ก็ไม่เชิงพลาดทุกอย่างซะทีเดียว อย่างน้อยก็ได้เห็นหน้าแล้วกัน พอยืนด้วยกันแบบนี้ทำไมรู้สึกว่าอีกฝ่ายสูงจังวะ
“มากับใคร” ผมถาม
“เพื่อนน่ะครับ แต่มันกลับไปก่อนแล้ว พี่ล่ะ”
“มา...กับเพื่อน” ว่าพลางชี้ไปยังไอ้สองตัวที่นั่งยิ้มแฉ่งโบกมือมาให้เหมือนล่วงรู้ความลับอะไรบางอย่าง เอาจริงๆ ถ้าปอนด์กับเอ็มจะรู้ก็คงไม่แปลก เราสนิทถึงขนาดมองตาก็รู้ใจกันนานแล้ว
“งั้นกินข้าวให้อร่อยนะพี่ เจอกันในคาบเคมี”
“เฮ้ยเทค”
“อะไรครับ”
“มีเฟซป่ะ คือเผื่อมีอะไร...”
“อ๋อ ขอมือถือพี่หน่อยดิ” มือหนาแบมือมาตรงหน้า ผมเลยไม่ขัดศรัทธายื่นมือถือให้กับอีกฝ่าย เจ้าตัวกดอะไรไม่รู้ขยุกขยิกสักพักก่อนจะยื่นมือถือคืนมาให้
“เดี๋ยวผมกลับห้องแล้วจะรับแอดนะ บาย”
พูดจบก็โบกมือเดินผละออกไปทันที ร่างสูงในชุดนิสิตยังอยู่ในสายตาของผมจนกระทั่งขับรถออกไป บนหน้าจอมือถือเป็นหน้าโพรไฟล์ของเทคจริงๆ มิน่าล่ะถึงหาไม่เจอ

เทค ไม่อยากเป็นเดือนคณะ

สรุปปอนด์กับเอ็มก็รู้จนได้ว่าผมตกหลุมพรางที่เด็กสหเวชฯ นั่นขุดไว้จนหาทางขึ้นไม่ได้ เพราะงั้นตลอดมื้อผมเลยถูกแซวไม่หยุด ทั้งอาย ทั้งโกรธเลยว่ะ แม่งจะล้ออะไรนักหนา
“แดกข้าวดีๆ ดิไอ้โฟร์”
“ก็กินอยู่นี่ไง”
“กูว่ามึงวางมือถือก่อนเหอะ”
“เดี๋ยวน้องมันรับแอด กลัวพลาด”
“เชี่ยไรมึงเนี่ย”
มือขวาตักข้าวใส่ปาก ส่วนมือซ้ายเลื่อนมือถือไปเรื่อยๆ รอเวลาจนไม่เป็นอันทำอะไร ปล่อยเพื่อนมันบ่นไปจนกว่าจะเหนื่อยนั่นแหละ เพราะถึงยังไงแล้วผมก็ไม่มีทางหยุดรอ
“เฮ้ยยยยย”
“เป็นห่าไร ผีเข้าเหรอ”
“น้องมันรับกูเป็นเพื่อนแล้ว อ๊ากกกกกก น้องมันไลค์รูปกู น้องมันไลค์รูปกูด้วยเว้ยยยยยยยยยย” ผมดีใจถึงขนาดลุกขึ้นเต้นแร้งเต้นกาจนคนมองไปทั่วร้าน จะขัดใจหน่อยก็ตรงที่ถูกปอนด์กับเอ็มดึงแขนให้นั่งลงด้วยความอับอายเนี่ยแหละ
“ใจเย็นนะ คนมองแล้วไอ้สัด กูอาย”
“เพิ่งรู้เว้ย ว่าดีใจจนเนื้อเต้นมันเป็นยังไง” ผมตอบเสียงติดสั่นเล็กน้อย ตั้งแต่เข้ามาเรียนในมหา’ลัย ผมไม่เคยรู้สึกใจเต้นแรงกับใครเลย แต่ตอนนี้ถึงแม้จะแค่นั่งอยู่ตรงหน้าจอมือถือ ความรู้สึกของผมมันก็ไม่ได้ต่างจากการมีรุ่นน้องคนนั้นนั่งอยู่ใกล้ๆ เลย
และในเมื่อโอกาสมาถึงผมก็ไม่รอช้า

Punthanuch Srisawang
ขอบคุณนะ รับซะเร็วเลย
เทค ไม่อยากเป็นเดือนคณะ
ไม่เป็นไรพี่ กินข้าวเสร็จยัง
Punthanuch Srisawang
ยัง
เทค ไม่อยากเป็นเดือนคณะ
พี่ชื่อพันธนัชเหรอ
Punthanuch Srisawang
อื้อ มีไรป่ะ
เทค ไม่อยากเป็นเดือนคณะ
เปล่า ชื่อคล้ายกัน บังเอิญเนาะ

โหยยยยยย โมเมนต์นั้นไม่รอช้ารีบเข้าไปดูรายชื่อนิสิตใน REG และก็พบความจริงว่า ชื่อของเราคล้ายกันมาก แต่นามสกุลต่างกันนิดหน่อย

ธนัช ธำรงวิสิทธิ์
เนี่ยชื่อน้อง ส่วน...
พันธนัช ศรีสว่าง
ชื่อผม อยากเปลี่ยนนามสกุลไปใช้ของน้อง แต่ก็กลัวว่ามันจะเร็วเกินไป คงต้องใช้เวลาศึกษาดูใจกันอีกสักพักใหญ่ก่อน นี่ผมฝันหรือจินตนาการกันแน่วะเนี่ย ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นขนาดนี้เลยจริงๆ
“ไอ้โฟร์ มึงช่วยกินข้าวดีๆ หน่อย เดี๋ยวกูก็จับมือถือยัดปากแม่งหรอก”
“แป๊บนึง”
ผมไม่ได้สนใจเสียงของเพื่อน แต่ยังคงก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข้อความตอบกลับไปอย่างกระตือรือร้น มันไม่ง่ายเลยที่เราจะรู้สึกชอบใครสักคนเอามากๆ และมันก็ไม่ง่ายเลยที่เวลารู้สึกชอบใครแล้วเราจะสามารถละสายตาไปจากเขาได้

Punthanuch Srisawang
อื้อ แล้วนี่ทำอะไรอยู่
เทค ไม่อยากเป็นเดือนคณะ
ดูหนัง โหลดใส่ external ไว้นานแล้ว
ยังไม่ได้ดูสักที
Punthanuch Srisawang
งั้นไม่กวนละ
ดูหนังให้สนุกนะ
เทค ไม่อยากเป็นเดือนคณะ
ครับ

แล้วทุกอย่างก็เงียบไป ที่บอกว่าไม่กวนละ ความจริงคืออยากกวนต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้าทำอย่างนั้นกลัวว่าอีกฝ่ายจะรำคาญ
หลังจากใช้เวลาหมกมุ่นกับโทรศัพท์มือถือในร้านอาหารอยู่นาน พอกลับไปถึงห้องผมก็ไม่ละความพยายามโดยการรื้อค้นตู้หนังสือเก่าๆ ที่ไม่เคยเปิดกรุตั้งแต่จบปีหนึ่ง ในนั้นมีอุปกรณ์เครื่องเขียนหลายอย่างที่พี่รหัสเคยซื้อเอาไว้ให้ และสิ่งที่ผมกำลังตามหาก็คือ...
สมุดบันทึกสีตุ่นๆ เล่มหนึ่ง ที่พี่รหัสเคยบอกว่าต้องดั้นด้นไปซื้อไกลถึงเชียงใหม่เพราะเขาเย็บด้วยมือตัวเอง ดูจากภายนอกถึงแม้จะเก่าไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังใช้การได้อยู่
ผมไม่เคยเขียนไดอารี่ แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงคึกอยากเขียนขึ้นมา อาจเพราะอยากเก็บความทรงจำในวันแรกกับคนที่รู้สึกชอบผ่านตัวหนังสือด้วยล่ะมั้ง ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะอดทนเขียนแบบนี้ไปได้สักกี่วัน ถ้าเบื่อก็เลิก ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที แต่สำหรับตอนนี้ขอแค่ผมยังมีกำลังใจที่จะเขียนมันก็พอ

20 ส.ค. 2553
วันแรกที่เจอเด็กผู้ชายตัวสูงคนหนึ่ง เป็นผู้ชายไม่ต้องตกใจ ก็แปลกนะเพราะไม่เคยสนใจใครมาก่อนแต่กลับไม่สามารถละสายตาไปจากคนคนนี้ได้เลย น้องมันเรียนปีหนึ่ง แต่ท่าทางไม่ได้ดูเด็กเลย บางครั้งดูนิ่งๆ แต่บางครั้งก็เป็นกันเอง น่าค้นหาดี
นั่นแหละ ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรในหน้าแรกของไดอารี่ ก็ไม่เคยว่ะ เคยแต่จดหนี้ค่าหวยให้แม่ เอาเป็นว่าตอนนี้ผมรู้สึกชอบใครสักคนหนึ่งขึ้นมาแล้ว คนคนนั้นเป็นเด็กสหเวชฯ ปีหนึ่ง ชื่อเทค
ฝันดี

เชื่อมั้ย คืนนั้นผมนอนหลับฝันดียิ่งกว่าคืนไหนๆ ในรอบปีเลยล่ะ...







คลาสเคมีในสัปดาห์ต่อมาเป็นที่น่าเสียดายที่สุดท้ายผมกับเทคก็ไม่ได้นั่งข้างกันอีก เพราะที่นั่งมันเปลี่ยนได้เรื่อยๆ แล้วเขาก็ต้องนั่งกับเพื่อน ใครมันจะไปหน้าด้านนั่งแทรกกลุ่มเพื่อนคนอื่นได้กัน ดังนั้นบทสนทนาที่เตรียมไว้เพื่อจะคุยกับอีกฝ่ายเลยต้องพับเก็บไปตามระเบียบ
วิวเดียวที่เห็นในม่านสายตาก็มีแค่ท้ายทอยขาวๆ กับท่าทางกวนโอ๊ยของเด็กที่ค่อนข้างป็อปอย่างเทคเท่านั้น ผมได้แต่หาเหตุผลสารพัดเพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตเขา แต่สุดท้ายมันก็ยังว่างเปล่าเหมือนเคย
“จ้องอยู่นั่นแหละ มึงไม่แดกท้ายทอยมันไปเลยล่ะ” เสียงของเอ็มแทรกขึ้น ทำให้ผมละสายตาจากคนตรงหน้ามามองที่เพื่อนสนิทอีกครั้ง
“เสียดายว่ะ อยากคุยกับน้อง”
“ก็เข้าไปคุยดิ”
“เพื่อนมันอยู่เต็มไปหมด จะให้กูหน้าด้านเข้าไปเหรอ”
“อ่ะนี่ ทางออกของมึง”
มือหนายื่นใบปลิวแผ่นหนึ่งมาให้ ผมอ่านข้อความตรงหน้าอยู่สักพักก่อนจะหันมาถามความเห็นทั้งปอนด์กับเอ็ม อย่างน้อยค่ายอาสาพัฒนาที่คณะสหเวชฯ เป็นคนจัดก็อาจทำให้ผมกับเทคได้คุยกันมากขึ้น
“กูสนใจ” ผมตอบแทบไม่คิด
“คืองี้นะ ปัญหามันอยู่ที่ว่าคณะเราก็มีชมรมพัฒนาชนบท แล้วเขาก็จัดค่ายช่วงเดียวกันด้วย มึงจะไม่ไปของคณะเราเลยเหรอ”
“ไปให้หมดนั่นแหละ”
“ไม่เหนื่อยเหรอวะ”
“กูยอมตาย ยอมตายยยยยยยยยยย”
“รักแท้แพ้เทคนิคการแพทย์จริงๆ”







มาจนได้ค่ายอาสาพัฒนา หลังจากพาตัวเองระหกระเหินไปค่ายพัฒนาชนบทมาแล้ว สภาพคงไม่ต้องถามหาว่าจะเลวร้ายแค่ไหน ซึ่งผมก็ต้องสู้ แต่เหมือนบุญมีแต่กรรมบัง เพราะผมโง่เองที่ไม่ถามเทคว่าจะไปด้วยหรือเปล่า คิดแค่ว่าปีหนึ่งต้องไป สุดท้ายเราเลยไม่ได้เจอกัน
เทคไม่อยู่ กูไหลตาย
สองค่ายผ่านพ้นไปแบบละเหี่ย ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ โดยไม่รู้จุดหมาย ไม่รู้ว่าน้องปีหนึ่งคนนั้นยืนอยู่ตรงไหนของเส้นทาง สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงทักแชตไปเพื่อหวังว่าน้องจะตอบบ้าง ซึ่งก็นานๆ ครั้ง และตอบทีก็สั้นมากจนเหมือนแทบไม่ได้คุย
ผมไม่รู้ว่าเทคมีแฟนแล้วหรือยัง ไม่รู้อะไรเลย จะถามก็ไม่กล้า ได้แต่ส่องหน้าไทม์ไลน์ไปวันๆ แถมเฟซบุ๊กเจ้าตัวยังแทบไม่มีการเคลื่อนไหว รูปถ่ายก็ไม่เคยอัพ จะมีก็แต่รูปที่เพื่อนๆ ติดแท็กมาเท่านั้น ผมเลยไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง และควรจัดตัวเองอยู่ในหมวดไหนของความสัมพันธ์

เทค ไม่อยากเป็นเดือนคณะ
พี่โฟร์

ง้ากกกกกกก น้องทักแชตมาเว้ย น้ำตาจะไหล หายนอยด์ไปเลย

Punthanuch Srisawang
ว่าไง
เทค ไม่อยากเป็นเดือนคณะ
ไปค่ายอาสาพัฒนามาเหรอ เห็นอัพรูป
Punthanuch Srisawang
อืม น้องไม่ไปอ่ะ
เทค ไม่อยากเป็นเดือนคณะ
ติดทำรายงานกับเพื่อนครับ เลยไม่ได้ไป
แล้วสนุกมั้ย
Punthanuch Srisawang
สนุกนะ

เข้าสู่สภาวะเดดแอร์โดยสมบูรณ์ เทคเงียบไป ไม่ได้ตอบหรือกำลังพิมพ์อะไรกลับมาอีก พอหันมองนาฬิกาตั้งโต๊ะก็เห็นว่ามันดึกมากแล้ว น้องคงอยากนอนทั้งที่ออนไลน์อยู่ ไม่เป็นไร

Punthanuch Srisawang
เทค
ฝันดีนะไอ้น้อง
เทค ไม่อยากเป็นเดือนคณะ
ฝันดีครับ

13 ก.ย. 2553
เคยเป็นมั้ยที่เข้าไปดูหน้าเฟซของใครบางคนทุกวัน เปิดทุกครั้งที่คิดถึง หรือผ่านไปแค่นาทีเดียวก็ยังห่วงว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ทั้งที่จริงๆ แล้วเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่เราเองกลับรู้จักเขาไปซะทุกอย่าง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-04-2024 06:11:00 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18
Rrrrrrrrrrrrrrrrrr
“โหล” ผมกรอกเสียงใส่โทรศัพท์มือถือ ปลายสายก็ไม่ใช่ใครที่ไหน หนึ่งในเพื่อนซี้ตัวติดกันของผมเอง
[อยู่ไหนวะ]
“เซเว่นหน้าหอ มีอะไร”
[กูเจอเด็กมึงที่หอในเว้ย มันอยู่ร้านหนังสือ]
“จริงดิ!” ปกติแอบไปตามส่องออกจะบ่อยไม่ยักเจอสักที พอมาวันนี้ไอ้ปอนด์ดันเจอของดีเข้าซะงั้น
[รีบเลยมึง เดี๋ยวมันไม่อยู่]
“โอเคๆ”
ผมรีบวางขนมและเครื่องดื่มไว้ที่เดิม มุ่งหน้าเข้าไปภายในมหา’ลัยในสภาพเสื้อลิเวอร์พูลกางเกงแมนยูฯ แถมยังใส่รองเท้าช้างดาวของแท้อีกต่างหาก แต่นาทีนี้ใครสนล่ะ ผมแทบจะไม่ได้คุยกับน้องเลยนอกจากในแชต จากความหวังที่มันค่อยๆ ริบหรี่อยู่แล้วก็ยิ่งไม่หลงเหลือเลย
พอมาวันนี้ อะไรที่พอจะไขว่คว้าได้ผมก็ต้องทำไปก่อน
ผมมาถึงร้านหนังสือหน้าหอในภายในห้านาที เห็นปอนด์กับเอ็มโบกมือไหวๆ อยู่ใกล้ต้นไม้ พร้อมกับชี้ให้เดินเข้าไปในร้านหนังสือเล็กๆ นั่น ใจของผมเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ ยามก้าวเข้าไปภายในร้าน เห็นร่างสูงกำลังยืนอ่านหนังสือการ์ตูนวันพีซอยู่ ผมก็ตั้งท่าจะเข้าไปทักทาย แต่...
“ไปกันยัง” เสียงของผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งทักขึ้นมาเสียก่อน
ผมได้แต่หลบอยู่ตรงมุมหนึ่งของชั้นหนังสือ ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ชัดเต็มสองรูหูแต่ก็พยายามคิดในใจ เขาไม่ได้เป็นอะไรกัน เขาไม่ได้เป็นอะไรกัน...
“อื้อ”
“หิวแล้ว”
“อยากกินอะไรล่ะ” เสียงนุ่มที่ตอบกลับไปแบบนั้นทำเอาผมเขวไปพักใหญ่
“ซูชิ”
“โอเค เดี๋ยวพาไปกิน”
“ใจดีจังเลยนะป๋า”
“กระเป๋าหนักอยู่แล้ว” ว่าพลางตบกระเป๋ากางเกงนิสิตไปด้วย ผมได้แต่มองตามร่างสูงกับผู้หญิงตัวเล็กคนนั้นเดินไปที่เคาน์เตอร์ จ่ายเงินค่าหนังสือการ์ตูนเสร็จก็เดินออกไป ทิ้งผมให้ยืนงงไปชั่วขณะ
สิ่งที่ทำได้คือเดินกลับไปหาปอนด์กับเอ็มที่ยืนซุ่มอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล บอกกับมันว่าผมเจอของดีเข้าแล้วจนกระทั่งทั้งคู่อาสาพาผมขับรถตามรุ่นน้องปีหนึ่งไปติดๆ และก็ได้รู้ความจริงในตอนนั้น เรื่องเพ้อฝันสุดท้ายก็เป็นแค่ความฝัน เทคมีแฟนแล้ว
และสถานะของผมก็ควรจัดเข้าไปอยู่ในหมวด ‘คนอื่น’ สักที
“เฮ้ย ใจเย็นมึง มันมีแฟนแล้วมึงก็ชอบคนใหม่ดิ” นี่คือคำปลอบใจตามประสาเพื่อนที่ผมได้รับจากเอ็ม หลังจากพากันมานั่งหน้าละห้อยในหอของผม พร้อมกับเบียร์อีกโหลใหญ่
“เปลี่ยนใจง่ายขนาดนั้นได้ก็ดีดิ”
“เอาน่า มันก็แค่ช่วงเลือดร้อนของมึง คิดดู มีหล่อกว่านี้ เท่กว่านี้อีก เดี๋ยวกูหาให้”
“ห่า กูไม่ได้ชอบใครง่ายขนาดนั้นเว้ย ไม่ได้ชอบที่หน้าตาด้วย กูแค่ชอบรอยยิ้มของมัน กูอยากมีคนยิ้มแบบนั้นอยู่ใกล้ๆ กูก็เลยชอบ” วินาทีแรกที่ผมเห็นเทคและมีโอกาสได้ทักทายกัน ริมฝีปากรูปสระอิเป็นความทรงจำเดียวที่ผมจำได้ขึ้นใจ
“มึง...โอเคใช่มั้ย”
“กูโอ...เค จริงๆ” แม้ปากจะบอกแบบนั้น แต่มือที่หยิบแก้วเบียร์ขึ้นมาจ่อปากกลับสั่นเทา แม้แต่น้ำตาก็ยังทรยศผมเพราะมันไหลลงมาไม่ขาดสาย
“มันไม่รู้หรอกว่ากูมองมันมานานแค่ไหน พยายามแค่ไหนเพื่อให้ตัวเองได้มีโอกาสเข้าไปคุย อาทิตย์หนึ่งจะเจอกันมากกว่าครั้งก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อแล้ว”
“...”
“บางทีมันก็มีนะ อารมณ์หน่วงๆ ที่คลางแคลงใจ ทำไมมันไม่มีความเคลื่อนไหวบนเฟซเลย ทำไมยังออนไลน์ตลอดเวลาแต่เรากลับไม่รู้ว่ามันคุยกับใคร คนที่ชอบหรือเปล่า ในใจกูได้แต่ภาวนานะเว้ยว่าขออย่าให้มันชอบใครเลย บางทีกูก็เห็นแก่ตัวอยากเก็บมันไว้เป็นของตัวเอง แต่พอวันนี้...”
เหมือนก้อนอะไรสักอย่างจุกอยู่ที่คอจนพูดออกมาไม่ได้ ผมหายใจไม่ออก เจ็บยอกที่อกเกินกว่าจะอธิบาย การแอบชอบใครคนหนึ่งส่งผลเสียขนาดนี้เลยเหรอ เพราะถ้ารู้ตั้งแต่แรกผมคงไม่พาตัวเองเข้าไปอยู่วังวนแบบนี้ เข้าไปเพื่อให้รู้สึกเจ็บกับความไม่สมหวัง
“เฮ้ย โฟร์”
“ก็เป็นได้แค่นั้นแหละ”
ผมถูกกอดเอาไว้ด้วยอ้อมแขนของเพื่อน ถูกลูบหลังปลอบประโลมจนกว่าจะคลายสะอื้น ผมว่าผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เกิดมาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร แล้วพอวันหนึ่งที่เสียใจดันเป็นรักข้างเดียวอีก ใครจะน่าสมเพชเท่ากับคนอย่างผมบ้าง ร้องไห้เสียใจให้กับคนคนหนึ่ง ทั้งที่เขาไม่เคยรู้เลยว่าระหว่างเรามันคืออะไร

Punthanuch Srisawang
Instinct – ความจริงที่เจ็บปวด https://www.youtube.com/watch?v=qTimCE-EU_A
ตื่นขึ้นมาได้แล้วนะเรา จะมัวแต่คอยเฝ้าฝันไปถึงไหน
ตื่นขึ้นมาได้แล้วหัวใจ และเดินออกไปเผชิญความจริงที่เจ็บปวดและแสนเศร้า
ว่าเราไม่ได้คู่กันเลย…

6 พ.ย. 2553
ถึงตอนนี้คง...หมดหวังแล้วว่ะ อกหักคนเดียวซะด้วยสิ
จะชอบมึงต่อไปดีรึเปล่า ชอบแต่ไม่ทำอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้มันเป็นความฝันแสนหวานต่อไป ดีกว่าต้องมาเจอความจริงที่ถูกมึงปฏิเสธมันด้วยตัวเอง มาวันนี้คงคิดว่าจะหยุดจริงๆ แล้วนั่นแหละ แต่อย่างน้อยก็ขอให้ทุกอย่างเป็นความทรงจำที่ดี ว่าครั้งหนึ่งเคยพยายามและแอบชอบคนคนหนึ่งโดยไม่เผื่อใจให้ใครเลย
เพิ่งรู้ว่ามันเจ็บมาก พอแล้วกับการฝันกลางวันตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ขอบคุณที่ทำให้กูได้ทำอะไรบ้าบอแบบนี้นะเทค
ขอให้โชคดี







ปิดเทอมมมมมมม เทอมหนึ่งผ่านพ้นไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย และปีใหม่ก็มาถึงในคืนนี้ ผมพร้อมแล้วที่จะทิ้งทุกอย่างในปีที่แล้วและก้าวผ่านทุกอย่างเพื่อเริ่มต้นใหม่ ปอนด์กับเอ็มพากันหนีไปเคาต์ดาวน์ไกลถึงดอยอินทนนท์ มีเพียงผมที่ยืนอยู่หน้าระเบียงบ้านของตัวเองเพื่อรอพลุลูกที่สี่
อธิษฐานและก้าวผ่านทุกอย่างไป...
ตั้งแต่รู้ความจริงวันนั้น ผมก็ไม่ได้คุยกับรุ่นน้องตัวสูงอีกเลย และที่หนักหนากว่าคือคลาสเคมีได้จบลงแล้วเมื่อหมดเทอม นั่นหมายความว่าในปีหน้าเราจะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก มหา’ลัยมันกว้าง ความเป็นไปได้ในการจะเจอกับใครสักคนหนึ่งอีกโดยบังเอิญมีแค่ไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ และผมคงไม่โชคดีขนาดนั้น
โทรทัศน์ที่แม่กับพ่อเปิดเอาไว้เพื่อเคาต์ดาวน์พร้อมกับคนทั้งประเทศนั้นดังในโสตประสาท ผมมองไปบนท้องฟ้ามืดสนิท รอฟังเสียงนับถอยหลังจากสิบเป็นเก้า...แปด กระชั้นไปเรื่อยๆ
สาม...สอง...หนึ่ง
ปุ้ง!!
พลุลูกแรกถูกจุดขึ้น พร้อมกับคอลไลน์ที่ดังขึ้นมาในเวลาใกล้เคียงกัน
[แฮปปี้นิวเยียร์ ขอให้มึงมีความสุขมากๆ นะเว้ย] ภาพที่ผมเห็นตรงหน้าคือเพื่อนทั้งสองคนที่กำลังใส่หมวกไหมพรมและเสื้อกันหนาวตัวหนา ด้านหลังเต็มไปด้วยผู้คนมากมายจนผมรู้สึกอยากพาตัวเองไปฉลองกับพวกมันที่โน่น
“แฮปปี้นิวเยียร์ ไอ้ปอนด์ ไอ้เอ็ม ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ”
[อื้ม พลุสวยมาก มึงเห็นมั้ย]
“เห็น มึงดูพลุบ้านกูดิ ก็สวยนะ”
[ไอ้ย่ะ มีอวดนะมึง อธิษฐานแล้วหรือยัง]
“ไม่ทันละ มึงคอลมาขัดจังหวะ”
[งั้นกูอวยพรให้แล้วกัน ขอให้มึงสมหวังในความรักนะโว้ยยยยยย รักมึง กูรักมึงไอ้โฟร์!!] ผมได้แต่หัวเราะตามเสียงแหบแห้งที่ตะโกนลอดผ่านเข้ามา นับดูดีๆ ก็เกือบสองปีครึ่งแล้วที่เป็นเพื่อนกันมา ถึงผมจะไม่มีเทค แต่ก็ยังมีเพื่อน
เพื่อนที่ไม่เคยจากไปไหน

31 ธ.ค. 2553
มันเป็นความรู้สึกที่บอกใครไม่ได้ แต่ความชอบที่บอกว่าชอบไปแล้วก็เอาคืนกลับมาไม่ได้เหมือนกัน ถ้าปีนี้เราได้เคาต์ดาวน์ด้วยกันก็คงดี อย่างน้อยคงมีคนเคียงข้าง จับมือไปด้วยกัน เพียงแต่ปีนี้...มันเป็นอย่างฝันไม่ได้จริงๆ
แฮปปี้นิวเยียร์นะเทค






ฮัลโหลปีสาม
เปิดเทอมวันแรกใครๆ ก็ตื่นเต้น เทอมที่แล้วได้เกรดมาแทบคาบเส้น 3.01 แม่แทบจะตีตายแต่ก็รอดเพราะผ่านเกณฑ์มาอย่างหวุดหวิด ผมห่างไกลจากคำว่าเฟรชชี่หน้าใสมาอีกปี นานหลายเดือนที่ผมไม่เจอเทคเลย และที่สำคัญก็พยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้ส่องเฟซบุ๊กน้องมันเหมือนทุกที
“หูยยยย ปิดเทอมไม่ได้เจอ หล่อขึ้นนะมึง” ไอ้เอ็มชมใหญ่ ผมเลยทำหน้ายิ้มกริ่มบอกกลับไปแบบทีเล่นทีจริง
“งี้แหละ คนมันแฮปปี้”
“ตั้งแต่รู้ว่าน้องมันเลิกกับแฟน มึงนี่ทำตัวมีความสุขขึ้นมาทันทีเลยนะ”
“อะไร”
ได้แต่ขมวดคิ้วกลับ ใครเลิกกับแฟน แล้วอะไรคือการที่ผมต้องมีความสุขเพราะเรื่องแบบนี้ด้วย ปิดเทอมบอกเลยว่าต่างฝ่ายต่างออกไปใช้ชีวิต ผมหนีไป Work & Travel อยู่สามเดือน ไม่ค่อยมีเวลาคุยกับไอ้สองตัวนี้จริงจังเท่าไหร่ จนกระทั่งวันนี้ วันแรกของการเปิดเรียน
“อ้าวก็ไอ้เทคไง มันเลิกกับแฟนไปเมื่อเดือนก่อน กูนึกว่ามึงจะรู้ซะอีก”
“ไม่รู้” ตอนที่ตอบกลับไป ผมแทบไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่ากำลังยิ้มอยู่ เหมือนความหวังกำลังถูกจุดขึ้นมาตรงหน้าอีกครั้ง รอให้ผมกระโจนไปข้างหน้าอย่างไม่กลัว
“เลิกชอบมันไปหรือยังล่ะ”
“ยัง ยังชอบอยู่”
“ลุยเลย ปีสามละ อีกไม่กี่ปีก็เรียนจบแล้ว ทำให้เต็มที่” อีกฝ่ายตบบ่าปุๆ ให้กำลังใจ ความจริงตลอดหลายเดือนที่เราไม่ได้เจอกัน ไม่ได้พูดคุย ผมพยายามแล้วแต่กลับพบว่าตัวเองยังคงเขียนไดอารี่ถึงรุ่นน้องคนนั้นทุกวันจนกลายเป็นความเคยชิน แม้รู้ว่าสุดท้ายเราจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกันและกันก็ตาม
ผมรีบเช็กตารางเรียนของรุ่นน้องตัวสูงเร็วพลัน คิดดูแค่ชื่อกับนามสกุลผมก็จำได้ขึ้นใจแล้ว เพียงขอแค่ให้รู้ว่าเวลานี้เทคอยู่ที่ไหนหรือกำลังเรียนอะไรมันก็ง่ายที่จะเจอกัน
“มึง...” ผมโพล่งขึ้น
“อะไร”
“พักกลางวัน...พักกลางวันไปกินข้าวที่โรงอาหารคณะสหเวชฯ กัน”
“ร้ายไม่เบานะ เออ ไปก็ไป”
ที่ผมทำไปเพื่อหวังว่า ใจที่เคยให้เขาไปแล้วไม่มีคนเก็บเอาไว้จะได้รับการดูแลอีกครั้ง...
โรงอาหารตอนเที่ยงเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ผู้คนพลุกพล่านจนแทบจะชนกันล้มหัวคะมำอยู่รอมร่อ ผมทิ้งตัวลงบนเก้าอี้สีขาว พร้อมกับสั่งน้ำอัดลมมาดื่มดับกระหายเพียงแก้วเดียว ส่วนสายตาก็สอดส่องหาใครบางคนที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายเดือน
ปอนด์กับเอ็มก็ทำงานแข็งขัน เป็นหน่วยกล้าตายตระเวนไปทั่วโรงอาหารเพื่อมองหารุ่นน้องปีสอง ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของมันแท้ๆ แต่มันก็ทำเพื่อผมตลอดไม่มีบ่น
“ไอ้โฟร์ น้องมันนั่งอยู่ตรงนั้น” ปอนด์รีบวิ่งเข้ามาที่โต๊ะ ชี้ให้ผมดูรุ่นน้องตัวสูงที่กำลังถือจานข้าวนั่งลงกับเพื่อนอีกสองคน
“เออว่ะ ทำไงดีวะ”
“ไปซื้อข้าวเลย แล้วเดินเนียนบอกหาที่นั่งไม่ได้”
“สิ้นคิดฉิบ”
“เร็วดิ จะไปหรือไม่ไป ถ้าลีลามาก มึงก็แห้วนะ”
สุดท้ายก็เออออรีบควักกระเป๋าสตางค์เดินไปซื้อหาอาหารอย่างไวว่อง ผมทำทีมองซ้ายมองขวาใกล้ๆ กับรุ่นน้องตัวสูง ขณะที่ในใจก็ได้แต่ภาวนาว่าขอให้อีกฝ่ายเอ่ยทักทายด้วยเถอะ
“พี่ พี่โฟร์”
เยส! ผ่านด่านแรกไปอีกขั้น
“อ้าวเทค นั่งตรงนี้เหรอ” โกหกหน้าตายมาก แต่ไม่แคร์หรอก ชอบมาได้ปีหนึ่งแล้วอ่ะจะให้ผ่านไปง่ายๆ เหรอ
“ครับ พี่มากับใคร”
“มา...เอ่อ มาคนเดียว แต่เหมือนไม่มีที่นั่ง”
“นั่งด้วยกันสิครับ” ร่างสูงโปร่งรีบกระถดตัวไปด้านข้าง พร้อมกับเพื่อนของเขา ในเมื่อชวนกันขนาดนี้ผมก็ไม่อยากขัดศรัทธา รีบทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ อีกฝ่ายทันที
“ไม่เจอกันตั้งนาน หล่อขึ้นป่ะเนี่ย” อูยยยย น้องมันทักว่าหล่อขึ้นด้วยว่ะ
“น้องก็เหมือนกัน จำแทบไม่ได้เลย” ไม่ได้โกหกครับ เหมือนยิ่งเรียนสูงขึ้นออร่ามันก็ยิ่งออก
“ปิดเทอมพี่หายไปไหน ไม่ได้เจอกันเลย”
“ก็ยุ่งๆ อ่ะ ปิดเทอมปีสองก็หนีไปเวิร์กที่เมกาสามเดือน”
“สนุกมั้ย”
“ก็ดีนะ ว่าแต่น้องเถอะปิดเทอมทำอะไรบ้าง”
“อกหักว่ะพี่...” เจ้าตัวพูดเสียงเศร้าสลด
“อย่าคิดมาก อย่างน้องมีคนชอบเยอะจะตายไป จะมีใหม่เมื่อไหร่ก็ได้”
“มีคนชอบเยอะ แล้วมีพี่อยู่ในนั้นป่ะ”
“...”
“ล้อเล่นครับ”
ไม่ได้อยากให้พูดเล่นเลยจริงๆ คนที่อยู่ตรงนี้มันจริงจังนะโว้ย
“ไอ้เทค มีคนฝากมาว่ะ” พูดกันได้ไม่เท่าไหร่ เพื่อนของรุ่นน้องตัวสูงที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนก็ยื่นขนมถุงใหญ่มาให้ เราต่างมองของตรงหน้าสลับกับคนถือไปมา
“ใครให้อ่ะ”
“เจ้าเก่าเจ้าเดิม”
“บอกเขาว่าไม่ต้องซื้อมาให้กูแล้ว”
“ไปเคลียร์กันเองดิ”
“ไม่เอาว่ะ”
“เขินอ่ะดิ เห็นเป็นรุ่นพี่มาชอบหน่อยมีปฏิกิริยาทุกราย เอาน่า ไหนๆ เขาก็เอาของมาเซ่นขนาดนี้แล้วไปขอบคุณสักหน่อยก็ไม่เสียหายหรอก ไปล่ะ” เพื่อนของน้องพูดจบก็เดินผละออกไปทันที ทิ้งให้ผมที่นั่งขมวดคิ้วแทบเป็นปมเพราะความสงสัยเลยมองหน้าหล่อเหลาแบบไม่กะพริบ
อยากถาม แต่ก็ไม่กล้าเพราะไม่ใช่เรื่องของเรา แต่...
“มีอะไรติดหน้าผมเหรอครับ” เทคกลับเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเสียก่อน
“อ๋อเปล่า แค่สงสัย”
“เรื่อง?”
“เดี๋ยวนี้น้องมีคนส่งขนมถึงที่เลยเหรอเนี่ย คณะไหนกัน”
“รุ่นพี่ปีสาม เรียนคณะแพทย์น่ะครับ ผมก็ไม่อะไรนะ เขาก็น่ารักดี”
“อ้อ ดีจังเลย” แค่ได้ยินชื่อคณะก็แทบยกธงขาวยอมแพ้แล้วล่ะ จะเอาอะไรไปสู้เขาวะ ถ้าเรียนเก่งเหมือนเพื่อนในคณะก็ดีสิ แต่นี่เป็นแค่หางแถว จะหาข้อดีไปสู้ก็ยังหาแทบไม่เจอ
หลังจากนั้นผมกินข้าวแทบไม่ลง เราแยกกันหลังจากนั้นสิบห้านาที เห็นเทคเดินไปหาใครคนหนึ่งที่นั่งห่างออกไปไม่ไกลนัก รุ่นพี่คนนั้นเป็นผู้ชายที่หน้าตาน่ารักมาก น่ารักจนผมต้องก้มมองตัวเองว่า ไม่มีอะไรสู้เขาได้เลย สุดท้ายก็ต้องเดินคอตกกลับมาหาไอ้สองตัว แล้วบอกกับมันว่าทุกอย่างได้จบลงแล้ว
พังไม่เป็นท่า และไม่มีแรงจะสู้ต่อไปแล้วจริงๆ

14 ส.ค. 2554
เพลงนาฬิกา ของปลานิลเต็มบ้าน ฟังเพลงนี้มานานแล้วตั้งแต่ Youtube มียอดวิวแค่ไม่กี่หมื่นวิวเอง วันนี้กลับมาฟังอีกรอบ เฮ้ย! ห้าล้าน เวลามันผ่านไปเร็วเหมือนกัน แล้วชีวิตผมเกี่ยวอะไรกับเพลง?
บางทีก็แอบมีความคิดแปลกประหลาดว่า คู่ของเข็มวินาทีอยู่ตรงไหน ในเมื่อบนนาฬิกามีแค่เข็มสามเข็ม ก็ต้องมีคนเสียสละใช่หรือเปล่า แล้วถ้าเข็มวินาทีหายไปจะเป็นยังไง เข็มชั่วโมงกับเข็มนาทีจะรู้สึกเจ็บปวดบ้างมั้ย บางทีเราก็ไม่อยากเป็นคนที่ถูกมองข้าม เพราะถูกทำแบบนี้ประจำแทนที่จะชินกลับต้องมานั่งร้องไห้ ไม่อยากเลยว่ะ มีคนคิดต่างบ้างมั้ย มองเห็นความสำคัญของมันบ้างมั้ย
คงจะดีถ้าคนคนนั้นเป็นคนที่เราชอบ เป็นเข็มชั่วโมงที่อยากให้ถ่านนาฬิกาหมดแล้วเรามาหยุดตรงกัน แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องยาก เข็มชั่วโมงกับเข็มนาทียังดูมีโอกาสมากกว่า แต่เพราะความหวังเล็กๆ ไม่ใช่เหรอที่ทำให้คนเรามีความสุข ดังนั้นกูขอหวังต่อไปได้มั้ย...
ฝันดีว่ะเทค







“โฟร์ มึงโอเคป่ะ” คุ้นๆ ประโยคนี้มั้ย ผมต้องมาได้ยินคำนี้อีกครั้งหลังจากได้รู้ความจริงว่าคนที่แอบชอบมาตลอดสองปีมีแฟน และก็คงไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นเด็กปีสามคณะแพทย์คนนั้นไง คนที่ผมไม่กล้าแม้จะออกไปสู้หรือพยายามอะไรทั้งนั้น รู้อยู่แล้วว่าต้องแพ้ รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
“กูควรจะชินแล้วไม่ใช่เหรอวะ” ผมตอบกลับไป หากแต่น้ำตากลับคลออยู่ในตาทั้งสองข้าง
“ลืมไอ้เทคมันเถอะ เอาจริงๆ”
“...”
“มึงอยู่กับความฝันจนลืมความจริงนานเกินไปแล้ว”
“กูอยากลืมเว้ย แต่มึงเข้าใจมั้ยว่าคนมันชอบไปแล้วจะให้ทำไงวะ ต่อให้มึงหาคนที่หน้าเหมือนไอ้เทคมาให้กูยังไง กูก็ยังชอบเด็กนั่นอยู่ดี”
“...”
“มึงเคยมั้ยเห็นใครบางคนที่มีรอยยิ้มที่เราชอบ ความจริงเราไม่ได้ชอบคนคนนั้นหรอก เราแทบไม่รู้จักใครคนนั้นด้วยซ้ำ แต่ที่เราชอบเพราะรอยยิ้มแบบนั้นทำให้เรานึกถึงใครบางคนขึ้นมาต่างหาก และเมื่อไหร่ก็ตามที่กูเจอใครที่ยิ้มเหมือนมัน กูก็จะคิดถึง นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้กูลืมไม่ได้”
ผมพูด ขณะที่มือยังสาละวนอยู่บนหน้าไทม์ไลน์ในเฟซบุ๊กของคนตัวสูงอยู่ ผมเหมือนกำลังคลั่ง ทำอะไรก็ไม่ได้สักอย่างนอกจากอิจฉาเขาไปวันๆ ทำไม...ทำไมถึงเป็นผมไม่ได้
และทำไม ถึงไม่มีอะไรดีๆ ไปสู้คนอื่นเขาเลย
“มึง เขามีรหัสเฟซของกันและกันด้วยว่ะ กูอยากลงหลุม”
“ใจเย็นไอ้โฟร์ มึงเลิกเพ้อได้แล้ว!”
“...”
“พอเถอะ กูขอร้อง มึงก็แค่ฝันไป มึงก็แค่ชอบมันอยู่ฝ่ายเดียว เลิกหลอกตัวเองแล้วใช้ชีวิตของมึงซะ”
“ฮึก...ทำไมฝันหวานมันตื่นเร็วจังวะ”
“ตื่นเร็วตื่นช้า สักวันก็ต้องตื่น มึงมีความสุขได้เว้ย มีความสุขได้โดยไม่ต้องฝัน”
และหลังจากนั้นผมก็ไม่รับรู้ข่าวคราวของรุ่นน้องอย่างเทคอีกเลย ลบเฟซออกจากระบบ พยายามหายไปจากชีวิตและเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ เพื่อหวังว่าสักวันจะได้เจอใครสักคนที่ใจตรงกันบ้าง
แม้การเริ่มก้าวไปข้างหน้าในแต่ละวันนั้น มันจะพาเอาความทรงจำและไดอารี่สีตุ่นๆ ตามไปด้วยเสมอ

2 มี.ค. 2555
นานแล้วที่รู้ว่าแอบชอบรุ่นน้องคนหนึ่งมาเกือบสองปี แต่ยิ่งรู้เราก็ยิ่งไกลกันไปเรื่อยๆ ผมเริ่มล้า เหนื่อย และอยากถอยอยู่หลายครั้ง พอมาอีกวันผมกลับมีกำลังใจจะทำทุกอย่างต่อไปอย่างน่าประหลาด แต่...วันนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่รู้สิ ผมแค่คิดว่าควรหยุดดีกว่า หยุดมาดำเนินชีวิตของตัวเอง ทำตามความฝันและปล่อยให้เรื่องทุกอย่างเป็นไปตามโชคชะตา บางทีผมอาจเลือกการไม่มีคนรักเลยแล้วหันไปทำอะไรบางอย่างที่เหมาะกับตัวเองมากกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องเจ็บที่รู้สึกไปคนเดียว
ในเมื่อความชอบมันสวนทางกับความเป็นจริง ผมเลือกที่จะอยู่กับความจริงมากกว่า
หวังว่าสักวันผมจะเข้มแข็งพอที่จะกล่าวอำลาอย่างจริงใจสักที
ขอบคุณนะเทค

23 ต.ค. 2555
วันเวลาเก่าๆ ฉายภาพเดิมซ้ำๆ เหมือนทุกอย่างยังวนเวียนอยู่ไม่ไปไหน ถึงแม้ใครหลายคนในชีวิตจะจากไป มึงจากไป แต่เชื่อว่าสักวันก็ต้องกลับมา กลับมาเพื่อให้รู้ว่ายังมีใครบางคนตั้งหน้าตั้งตารออยู่ คนเป็นพันเป็นหมื่นกว่าจะเวียนมาบรรจบกันอีกครั้งคงเป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ง่ายเลย
คิดถึงมึงว่ะเทค นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน

16 พ.ค. 2556
ต้องไปฝึกสอนแล้วว่ะ คราวนี้ออกต่างจังหวัดเลย คงไม่ได้กลับมหา’ลัยอีกนาน คิดถึงเพื่อน คิดถึงบรรยากาศที่นี่ แต่ความทรงจำใหม่อย่างโรงเรียนและการยืนเข้าแถวเคารพธงชาติตอนแปดโมงก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ออกจะสนุกด้วยซ้ำ ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ทำเอาตื่นเต้นไปหลายวัน
แล้วมึงล่ะเทคเป็นไงบ้าง ปีนี้ก็คงฝึกงานแล้วเหมือนกัน ไม่รู้ว่าอยู่ที่โรงพยาบาลไหน อาจจะยุ่งๆ ไปบ้างแต่ต้องสู้นะเว้ย ความรักล่ะเป็นยังไง แฟนมึงเขาดูแลดีมั้ย ขอโทษนะที่ไม่ได้ตามข่าวมึงเลย แต่กูเจ็บแล้วว่ะ ผ่านไปกี่ปีกูก็รู้แค่ว่ากูยังคิดถึงแต่มึง มีแค่มึง ต่อให้มึงหนีไปแต่งงานสร้างครอบครัวและมีความสุขไปนานแล้ว แต่...รุ่นพี่คนนี้ก็ยังชอบมึงอยู่นะ ชอบทั้งที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะมันเป็นความทรงจำที่สวยงามที่สุดในชีวิตกู
พรุ่งนี้กูจะคิดถึงมึง พรุ่งนี้กูจะอวยพรให้มึงมีความสุข และถ้ามีโอกาสเราคงได้กลับมาพบกันอีกครั้ง

5 ก.ค. 2557
ใจหาย...
เรียนจบแล้วและก้าวเข้าสู่สายการทำงานอย่างจริงจัง ปอนด์ไปเป็นครูในโรงเรียนเอกชน ส่วนเอ็มหนีไปเรียนต่อเมืองนอก ส่วนผมก็กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเอาทางไหนเพราะไม่ได้ชอบการสอนอะไรขนาดนั้น ช่วงเดือนแรกผมยังเดินทางไปโน่นไปนี่ให้หายเบื่อ มองหาจุดหมายในชีวิต กระทั่งสองเดือนให้หลังผมก็ได้รู้ว่าผมอยากเรียนต่อ
คณะอะไรก็ได้ที่ตัวเองชอบ ดังนั้นนี่จึงเป็นหนึ่งปีที่เว้นว่างจากการเรียนและการทำงาน เป็นหนึ่งปีที่มีหลากหลายความรู้สึก วันก่อนผมไปญี่ปุ่น เจอคนหน้าตาเหมือนรุ่นน้องที่เคยชอบด้วยแหละ แค่เหมือนแต่ไม่ใช่คนคนเดียวกันหรอก คิดดูดิ ชอบคนคนหนึ่งมาเกือบห้าปี ชอบทั้งที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขาเป็นยังไง สบายดีมั้ย รู้แค่ว่าวันนี้เขายังคงอยู่ในความทรงจำไม่ไปไหน
ถึงเทค...
จำได้ว่าเมื่อวันนั้นที่เราเจอกัน มึงน่ารักมากเว้ย ตัวก็สูง ขาโคตรยาว ที่สำคัญคือยิ้มของมึงทำให้กูยิ้มตามได้อย่างน่าประหลาด กลายเป็นกูที่ตกหลุมรักปากรูปสระอิไปโดยปริยาย กูอยากบอกรักมึงแต่ก็ไม่กล้าพอ พอมีโอกาสกูก็ปล่อยให้หลุดลอยไป เพราะกลัวว่าจะถูกปฏิเสธ เพราะกลัวว่าอาจไม่คู่ควรกับมึง
กูไม่เคยมั่นใจอะไรทั้งนั้น แต่การแอบมองอยู่ห่างๆ มันก็มีทั้งความสุขและความเศร้า มีความสุขตอนที่เห็นมึงยิ้มและหัวเราะ แต่ก็รู้สึกใจหายตอนที่ข้างกายของมึงมีใครอีกคนอยู่ด้วย กูอาจไม่ใช่คนที่ดีพอที่มึงจะรัก แต่ถ้ากูมีโอกาสกูก็อยากจะบอกว่ากูรักมึง รักมึงนะ รักมากเลย
แต่ช่างเถอะ มึงไม่มีทางรู้ และกูจะเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้เอง
ขอบคุณรอยยิ้มในวันแรกที่มอบให้ เพราะมันจะกลายเป็นรอยยิ้มที่กูจำไปจนวันสุดท้าย
รัก

บันทึกความทรงจำวันสุดท้าย
19 ธ.ค. 2558
“e e d u c…c c a t i…i i i o n education ha!”
รับปริญญาแล้ว ตอนนี้ผม ปอนด์ และเอ็มกลายเป็นบัณฑิตที่ต้องยิ้มแฉ่งอยู่หน้ากล้องเพื่อเก็บภาพความทรงจำสุดท้ายไปด้วยกัน
หน้าสุดท้ายของไดอารี่เล่มนี้ผมก็ยังคงเขียนถึงน้องชายปีหนึ่งที่เรียนสหเวชฯ คนเดิม ความรู้สึกทั้งหมดกูขอไม่เขียนแล้วกัน สิ่งเดียวที่อยากบอกก็คงเป็น...ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ความฝันในตอนนั้นมันยังติดอยู่ในหัวอยู่เลย
โฟร์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-04-2024 06:12:36 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18

เพื่อนรักพาผมมาที่คณะสหเวชฯ เสียงบูมของน้องๆ ปีหนึ่งดังไกลมาจนถึงหน้าคณะ ผมเดินตรงเข้าไปภายในลานกิจกรรมเพื่อมองหาใครบางคน คนที่อยากเจอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเราจะแยกย้ายไปใช้ชีวิตของใครของมัน ก่อนเราจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก
ผมกวาดตามองไปโดยรอบจนหยุดอยู่ที่ใครคนหนึ่งที่ใส่ชุดครุยและกำลังถ่ายรูปอยู่กับสายรหัส รีบกระชับมือที่ถือสมุดไดอารี่ให้แน่นขึ้น หันไปขอความคิดเห็นกับเพื่อนอีกสองคน ซึ่งทั้งปอนด์และเอ็มก็พยักพเยิดให้ทำใจกล้าเดินเข้าไปทักทาย
รอจนคนตัวสูงถ่ายรูปเสร็จและปลีกวิเวกมานั่งพักอยู่ที่โต๊ะ ผมก็ก้าวเท้าเข้าไปหา ทั้งที่ในหัวช่างว่างเปล่าซะเต็มประดา
ยิ่งเดินเข้าใกล้ หัวใจก็ยิ่งเต้นแรง...แรงจนเหมือนวันแรกที่เราเจอกัน
ภาพความทรงจำของผม เทคยังหน้าตาเหมือนเดิม เป็นเด็กปีหนึ่งที่มีปากรูปสระอิและส่งยิ้มตาหยีมาให้ เขายังคงเป็นแบบนั้นแม้เวลาจะผ่านไปอีกกี่สิบปีก็ตาม
อยากร้องไห้ว่ะ
“เทค ยินดีด้วยนะ” นี่คือคำทักทายแรกของผมในรอบสามปี
“อ้าว พี่โฟร์ คิดว่าจะไม่ได้เจอกันซะแล้ว”
เจ้าตัวรีบลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ส่งยิ้มมาให้จนโลกสดใสไปหมด
“ถึงมาหานี่ไง กลัวไม่ได้เจอ”
“ถ่ายรูปด้วยกันมั้ยครับ ผมอยากมีภาพเก็บไว้”
“ก็ดี”
ผมพยักหน้ารับ รีบจัดครุยของตัวเองเล็กน้อยก่อนจะยืนเคียงข้างคนตัวสูง ครั้งแรกในรอบสามปีเราทักทายกันไม่กี่ประโยค แต่คงได้รูปถ่ายกลับมาอีกเป็นอัลบั้ม
“เดี๋ยวผมเรียกพี่ตากล้องก่อนนะ”
จากนั้นไม่ถึงสองนาที เราก็พร้อมเก็บความทรงจำไปด้วยกันแล้ว
“สาม...สอง...”
แชะ!
“ขอผมกอดคอพี่ได้มั้ย ทำไมพี่ตัวเล็กจัง”
“พูดมากน่า” บอกออกไปแบบนั้นแต่ก็ยอมให้รุ่นน้องตัวสูงเอื้อมมือมาพาดบ่าอยู่ดี ผมไม่ได้มองไปที่กล้อง แต่กลับมองไปยังเสี้ยวหน้าของเทค จดจำทุกอย่างที่เป็นเขาทั้งหมด ก่อนช่างภาพจะกดชัตเตอร์
แชะ!
เราไม่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่ขอให้รู้ว่าเรายังมีกันและกันอยู่เสมอไม่ว่า...จะอยู่ที่ไหนก็ตาม เราอยู่ที่นี่เหมือนเพื่อน เคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกันในวันสุดท้าย เป็นพี่น้องบัณฑิตที่เรียนจบพร้อมกัน แค่นี้แหละที่ความทรงจำของผมต้องการ
จากวันแรกถึงวันนี้ห้าปีแล้วที่มีโอกาสได้ชอบ และคิดว่าก็คงจะชอบต่อไป
“คิดถึงเนาะ เหมือนตอนนั้นผมยังอยู่ปีหนึ่ง แล้วพี่ก็เป็นแค่เด็กศึกษาฯ ปีสองอยู่เลย” หลังจากถ่ายรูปเสร็จ เราใช้เวลาอันน้อยนิดพูดคุยกันด้วยเรื่องราวในอดีต ความทรงจำระหว่างเรามันน้อยมาก แต่ผมกลับพูดได้เต็มปากเลยว่ามีทั้งความสุขและความเศร้าอยู่ในนั้นเต็มไปหมด
“อื้ม ถ้าไม่เข้าห้องเลตเราก็คงไม่ได้รู้จักกัน”
“ผมเป็นไงบ้างในตอนนั้น”
“เหมือนตอนนี้เลย ยิ้มหล่อๆ เหมือนเดิม ตัวสูงเหมือนเดิม และก็คงฮอตเหมือนเดิม”
“พี่เองก็เหมือนกัน พี่ยังตัวเล็กเหมือนเดิม ยิ้มน่ารักเหมือนเดิม”
“...”
“แต่ไม่รู้ทำไม ก่อนหน้าที่เราเจอกัน พี่ถึงไม่ยิ้มแบบนี้ พี่ชอบยิ้มเศร้าๆ”
“ฮ่าๆ เหรอ”
“จริงๆ ยิ้มแบบนี้ดูดีกว่าเยอะ”
“เทค มีอะไรจะให้ว่ะ”
“ครับ”
ผมยื่นสมุดไดอารี่สีตุ่นๆ ให้กับอีกฝ่าย เจ้าตัวมองมันพลางขมวดคิ้วมุ่น ก่อนผมจะลุกขึ้นยืน คงไม่มีประโยชน์ที่จะถามไถ่อะไรอีก ชีวิตของเขาก็แค่ปล่อยให้คนสำคัญของเขารับรู้ แต่กับคนที่แค่ผ่านเข้ามาก็ทำได้แค่เดินผ่านไป
“อยากให้เก็บไว้ ไม่จำเป็นต้องอ่านก็ได้ ขอบคุณความทรงจำระหว่างเรานะน้องชาย”
“...”
“พี่ขอให้เทคโชคดี”
ผมพอแล้ว อย่างน้อยก็มีโอกาสได้บอกลากัน สร้างความทรงจำที่สวยงามและหยุดมันไว้แค่นั้น เพื่อหวังว่าสักวันหนึ่งที่ผมคิดถึง ผมจะได้ย้อนกลับมาในช่วงเวลานี้ เวลาที่หัวใจเต้นช้าจนเหมือนจะหยุด
“พี่โฟร์”
“...”
“พี่! อย่าเพิ่งไป” กายสูงวิ่งเข้ามาประชิด และรั้งข้อมือของผมไว้
“เทค มีอะไร”
“พี่เขียนถึงผมเหรอ” ว่าพลางชูสมุดไดอารี่ขึ้นมาด้วย ดีใจที่อย่างน้อยก็ได้อ่านบันทึกหน้าแรก แค่หน้าเดียวก็บอกได้ทั้งหมดแล้วว่าผมชอบน้องมันมากแค่ไหน
“อืม พี่เขียนให้ ตลอดหลายปีพี่มีโอกาสได้ศึกษาดูใจเทคฝ่ายเดียว แล้วพี่ก็รู้ว่าสุดท้ายพี่ก็ยังชอบน้องเหมือนเดิม ตลกว่ะ”
“ทำไมไม่บอกกันตั้งแต่ตอนนั้น”
“แล้วบอกตอนนี้มันผิดมากเลยเหรอ”
“ไม่ผิดหรอก”
ความเงียบเกาะกุมไปทั่วพื้นที่ ผมพูดอะไรไม่ออก ทำอะไรก็ไม่ถูก นอกจากจ้องหน้าคนตัวสูงนิ่งค้าง ริมฝีปากรูปสระอิเป็นสิ่งเดียวที่ผมสนใจ ก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มนุ่มๆ เล็ดลอดออกมา
“พี่…”
“...”
“ผมโสดอยู่นะ”
“...”
“โสดรอพี่มาสองปีแล้ว ดีใจที่เจอกันครับ”

END
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-04-2024 06:13:49 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ Jitsupa_milk

  • Just Milky('s) Way
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
งื้อ ตอนแรกนึกว่าจะไม่สมหวังสะแล้ว
กะเสร็จท่าทางน่าจะน่ารัก รอคอยหนังสือค่ะ ^^

ออฟไลน์ packy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จบดี แต่ทำไมเราเศร้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด