อาการผีอำเป็นไงไม่รู้รู้แต่ว่าตอนนี้อึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก ทิวากานต์ผู้ไม่กลัวผีและเชื่อมั่นว่าเหตุการณ์ลึกลับต่างๆ สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ปรือตาหาสาเหตุของอาการแน่นหน้าอกขยับตัวไม่ได้ และกลุ่มผมสีช็อกโกแลตนมเป็นประกายล้อแสงแดดที่ส่องผ่านผืนผ้าใบเข้ามาคือคำตอบ
ไม่รู้นอนอีท่าไหน ไอ้ตัวแสบถึงได้มาเกยอยู่บนตัวเขาแทนฮิวโก้ที่นอนกอดกันกลมเมื่อคืน เด็กนี่ก็ตัวหนักเหลือเกิ๊นนน ก่อนกลับไทยเขาต้องไปบอกมาดามโอเนลล์ให้ควบคุมน้ำหนักลูกชายเสียแล้ว
เขาพยายามใช้มือข้างที่ขยับได้หยิบโทรศัพท์มาดูเวลา แปดโมงเช้าแล้ว มิน่าข้างนอกถึงได้ยินเสียงคนเดินกันวุ่นวาย
ยังไม่ทันสะกิดอลันด์ให้ตื่นซิปเต็นท์ก็ถูกรูดลงมาพร้อมใบหน้าของสองแฝด (สงสัยเมื่อคืนฮิวโก้ลืมล็อคเต็นท์แน่ๆ) มาร์โก้หรือมาริโอ้คนใดคนหนึ่งนี่แหละทักขึ้นมาก่อน ตาสีฟ้าสดเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
“ทำไมอัลมานอนอยู่นี่ล่ะ อ้าว ด็อกเตอร์ตื่นแล้วเหรอ อรุณสวัสดิ์”
“อรุณสวัสดิ์” พยายามตอบกลับแฝดสักคนไปทั้งที่มีวัตถุหนักกว่าเจ็ดสิบกิโลกรัมทับอยู่บนตัว ฝาแฝดหัวเราะชอบอกชอบใจนั่งยองๆ หน้าเต็นท์ดูคุณหมอพลิกร่างอลันด์ไปทางฮิวโก้
กว่าจะสำเร็จเมื่อยข้อมือชะมัดตัวหนักอย่างกับวัวชายหนุ่มวัยสามสิบกับอีกไม่กี่เดือนบิดตัวคลายอาการเมื่อยล้า แทนที่จะได้พักผ่อนเอาแรงพร้อมลุยต่อเต็มที่กลับกลายเป็นว่าเพลียหนักยิ่งกว่าเจอผ่าตัดใหญ่ติดกันสามเคสเสียอีก เขาเปิดฝาขวดน้ำยกกระดกดื่มรวดเร็วเกือบหมดขวดก่อนปีนออกมานั่งกับฝาแฝดมาร์โก้มาริโอ้ข้างนอกเต็นท์ พอดีกับที่สองคนข้างในเริ่มรู้สึกตัว ไอ้เด็กลูกครึ่งตาสีซีดขยับตัวลุกขึ้นนั่งหน้ามึนตาบวมเฉ่ง ส่วนฮิวโก้ก็มีสภาพไม่ต่างจากทิวากานต์มากนัก
“อรุณสวัสดิ์ฮิวโก้แล้วก็อัลด้วย”
“อรุณสวัสดิ์มาร์โก้” อลันด์ฝืนเปิดตายกมือทักทายคนที่น่าจะเป็นแฝดพี่ก่อนถูกอีกฝ่ายแก้อย่างรวดเร็ว
“มาริโอ้ต่างหาก” ฝาแฝดเสื้อสีส้มตอบ เพราะงั้นเสื้อสีแดงก็คือมาร์โก้ไปโดยปริยาย
“โอเค มาริโอ้ หาว~” ไอ้ตัวแสบอ้าปากหวอหาวเต็มที่ไม่รักษาภาพลักษณ์ “หิวชะมัด”
“กำลังมาปลุกไปกินข้าว ว่าแต่อัลมานอนที่นี่ได้ไง ทิ้งทอมนอนคนเดียวเหรอ” มาร์โก้ว่า ใบหน้าอ่อนเยาว์ยุ่งเล็กน้อยคงไม่พอใจที่อลันด์ทิ้งพี่ชายตัวเองมา หากปฏิกิริยาตอบกลับอย่างรวดเร็วเป็นใบหน้าบูดบึ้งของผู้ถูกกล่าวหาและสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของสองพยานก็ทำให้แฝดพี่หน้าเหวอ “ฉันพูดอะไรผิดเหรอ”
“ทอมต่างหากที่ดีดฉันออกมาจากเต็นท์!”
“นายไปกวนอะไรเขาหรือเปล่า หรือว่านอนกรนเสียงดัง” แฝดน้องเดา
“โหะ! ฉันเคยนอนกรนเหรอ?” อลันด์ใช้ตาสีฟ้าซีดกวาดมองทุกคนที่เคยนอนกับเขาก่อนได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้า “ฉันนอนดิ้นหรือเปล่า?”
“ไม่ดิ้น แต่เธอนอนทับฉันจนชาไปครึ่งตัว” คุณหมอแค่พูดความจริงทำไมต้องมองตาขวางแบบนั้นด้วยล่ะ
“ที่มันแคบนี่ ด็อกบอบบางเกินไปต่างหากทีฮิวโก้ไม่เห็นจะบ่นเลย” แค่เห็นอาการโอ๋ประหนึ่งเป็นทาสเจ้าเหมียวตัวแสบเมื่อคืนแล้วเขาขอสรุปในใจ
ฮิวโก้ไม่กล้าบ่นมากกว่า...“สรุปแล้วทำไมทอมถึงดีดอัลออกมาล่ะ ปกติตัวติดกันตลอดนี่นา” ก่อนจะออกทะเล แฝดพี่ก็พากลับเข้าเรื่องได้ทัน
“หมอนั่นพาผู้หญิงมานอนที่เต็นท์ นายจะให้ฉันอยู่ดูหนังสดหรือไง!”
“โอ้ว - มาย - ก็อด” สองแฝดประสานเสียงดังลั่น ก่อนที่มาร์โก้จะกระโดดเข้าไปในเต็นท์เบียดกับแมวถูกทิ้งข้างใน “อัลกำลังจะบอกว่าพี่ชายผู้ไร้เดียงสาของเราไม่บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้วอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่!”
“โอ้ววว แม่ต้องดีใจแน่ๆ”
“แต่ฉันว่าทอมต้องทิ้งผู้หญิงคนนั้นภายในคืนนี้แหละ” มาริโอ้ขัดพี่ชายก่อนที่จะพากันดีใจจนลืมความหงุดหงิดของอลันด์
“ทำไมคิดงั้นล่ะ” คุณหมอจากเมืองไทยถามเสียงซื่อ ตอนนั้นโธมัสยังกระตือรือร้นถามเคล็ดลับเกี้ยวหญิงจากเขาอยู่เลย แล้วไหงพอได้ถึงจะเขี่ยทิ้งเร็วปานจรวดแบบนี้
“ทอมทนพวกผู้หญิงไม่ได้หรอก ไม่งั้นมีแฟนเป็นโขยงตั้งนานแล้ว”
“แต่ก็ไม่แน่หรอกน่า พอได้ลองแล้วอาจจะติดใจก็ได้”
“พนันกันไหมล่ะ สิบปอนด์”
“โอเค ฮิวโก้สนใจพนันด้วยไหม”
“คงไม่” พี่รองบ้านกริฟฟิธส์ส่ายหัวปฏิเสธคำชวน มาร์โก้เลยหันมาหาคุณหมอที่นั่งอยู่ข้างกันแทน
“ด็อกล่ะ สนใจไหม”
“ข้างมาริโอ้แล้วกัน สิบปอนด์”
“เจ๋ง” แฝดน้องฉีกยิ้มตาหยี “อัลล่ะ ลงข้างไหน”
“ไม่ลงทั้งสองข้างนั่นแหละ! ไอ้หมาขนทองนั่นทิ้งฉันเพราะผู้หญิง ฉันจะฆ่ามัน!”
“อุ๊ย”
เป็นเพื่อนกันมาสิบกว่าปี ไม่เคยมีครั้งไหนที่อลันด์จะโมโหโธมัสได้เท่าครั้งนี้เลยจริงๆ ไอ้หมาขนทองหน้าซื่อตัวนั้นกล้าดีดเขาออกจากเต็นท์เพียงเพราะแม่สาวร้านบะหมี่นมตูมย่องมาหากลางดึก แล้วปล่อยให้เขาเดินคลำทางท่ามกลางความมืดเพ่งสายตาหาเต็นท์ของฮิวโก้ท่ามกลางมวลมหาประชาเต็นท์นับพันเพื่ออาศัยเป็นที่ซุกหัวนอนในยามค่ำคืนที่เหลือ ไม่น่าโมโหก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว!
ร่างเล็กไซส์เกือบกะทัดรัดถ้าไม่ติดรอบเอวที่ขยายมากเกินไปหน่อยจ้ำขาไปข้างหน้าไม่ยอมหยุด ปล่อยให้พวกฝาแฝด ฮิวโก้และด็อกเถื่อนเดินตามไปหามื้อเช้ากินที่ส่วนร้านค้าหลังเก็บเต็นท์กับข้าวของไปไว้ที่รถแล้ว สาบานได้เลยว่าที่รีบเดินไม่ใช่เพราะหิวมากแต่เพราะโมโหโธมัสที่ก้าวเท้าตามมาไกลๆ ต่างหาก
“อัล เดินไม่มองทางเดี๋ยวก็ล้มหรอก” สิ้นคำโธมัสไม่ทันไหร่เด็กผู้ชายตัวสูงเท่าไหล่ก็สะดุดพื้นทันควัน ดีว่าทรงตัวได้เลยไม่ลงไปกองกับพื้นให้ได้ขายหน้า เจ้าเด็กเมย์แฟร์หันหน้าค้อนใส่คนเตือนขวับคล้ายจะบอกว่า
ที่สะดุดเมื่อกี้เป็นเพราะแกนั่นแหละพูดขึ้นมา ถ้าแกไม่พูดฉันก็ไม่ขายหน้าแบบนี้หรอก ปกติอลันด์ทำหน้าเฉยๆ ก็น่ากลัวอยู่แล้วพอโกรธขึ้นมาจริงๆ เจอดวงตาสีซีดจ้องเขม็งยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ คนถูกค้อนเลยได้แต่ทำหน้าจ๋อยเดินหงอยหางลู่หูตกตามเด็กตัวสูงแค่อกต้อยๆ
“เช้านี้คงต้องเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่อาหารจีนสินะ” ทิวากานต์เอ่ยขึ้นกลางวง คนโตสุดรู้สึกสนุกกับบรรยากาศที่บรรยายไม่ถูกตอนนี้สุดๆ แต่เหมือนจะผิดเวลาไปหน่อยเลยถูกไอ้ตัวแสบค้อนเข้าให้อีกคน
“จะกินมัฟฟิน!”
“ดีนี่ ขอไข่ดาวด้วยนะ” แต่มีหรือที่คุณหมอจะสลดไปกับเขา ชายหนุ่มยิ้มพราวระยับสดใสประหนึ่งพระอาทิตย์บนฟ้า อลันด์ก็บ้าจี้เดินมาลากแขนคุณหมอเข้าบูธขายมัฟฟินไปเลย
“นายแย่แน่ ทอม” แฝดน้องมาริโอ้ขู่พี่ชายคนโต ใบหน้าเหมือนพี่ชายราวกับถอดมายิ้มทะเล้น “อัลโกรธจริงแบบนี้ ง้อยากหน่อยนะ”
“รู้แล้วน่า”
“งานนี้นายผิดเต็มประตู และฉันจะไม่ช่วยเพราะนายทำอัลร้องไห้” ฮิวโก้ขู่พี่ชายทิ้งท้ายก่อนเดินตามอลันด์เข้าไปที่ร้านขายอาหารเช้า ทิ้งโธมัสที่หน้าซีดลงเรื่อยๆ ไว้กับฝาแฝด
“โอ้ว - มาย - ก็อด” สองแฝดร้องประสานเสียงดังลั่น ก่อนที่แฝดพี่จะหน้าแหย “ฉันแพ้พนันแน่”
“ฉันรู้ว่าฉันผิดนะ แต่พวกนายจะให้ฉันไล่เธอกลับไปงั้นเหรอ เธอเป็นผู้หญิงตัวนิดเดียวแล้วตอนนั้นก็มืดมาก ไม่ปลอดภัยสักนิด”
“พี่ก็เลยกอดเธอทั้งคืนแล้วปล่อยให้อัลที่ตัวเล็กกว่าผู้หญิงคนนั้นหาที่นอนใหม่ตอนมืดๆ” มาริโอ้แย้งทันควัน
“หล่อนเก่งน่าดูนะ รู้ด้วยว่าทอมนอนเต็นท์ไหนถึงได้มาหาถูกตอนมืดๆ” แล้วมาร์โก้ก็เสริม
ยิ่งฟังสองแฝดพูด โธมัสยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองหดเล็กลงจนเหลือตัวเท่าเม็ดถั่วเขียว พวกเขาทะเลาะกันจนอลันด์ร้องไห้ครั้งสุดท้ายก็ตั้งเมื่อประถมสอง จากที่ตอนแรกแค่รู้สึกผิดตอนนี้เขาเครียดจนไม่รู้จะทำยังไงให้เพื่อนซี้หายโกรธแล้วจริงๆ โอเค สารภาพเลยเขาชอบแกล้งอลันด์ให้ร้องไห้ก็จริงแต่ไม่ได้ร้องแบบนี้อ่ะ
ตามตารางที่วางไว้สำหรับงานกลาสตันเบอรี่วันสุดท้าย พวกเขาจะไปดูการแสดงของ George Ezra เจ้าของเพลงคุ้นหู Budapest ที่เวที John Peel แล้ววิ่งไปดู The 1975 ที่เวทีหลัก Pyramid พักหาเสบียงเติมท้องก่อนแวะไปดู Bombay Bicycle Club สักพักที่เวที Other ที่สิงเมื่อวานทั้งวันแล้วก็รีบกลับไปจองที่ที่เวที Pyramid สำหรับการแสดงส่งท้ายของสองวงสุดยอดอย่าง The Black Key และ Kasabian แล้วกลับบ้านของพี่น้องกริฟฟิธส์กันคืนนี้เลย
แต่กว่าจะถึงโชว์ของ George Ezra ก็ตั้งเกือบบ่ายสอง กลุ่มของทิวากานต์เลยเดินเล่นแวะดูการแสดงของซุ้มนู้นซุ้มนี้ไปเรื่อยหลังกินมื้อเช้าเรียบร้อย
โธมัสเดินรั้งท้ายต้อยๆ เหมือนหมาถูกเมิน ส่วนคนนำขบวนก็เป็นอลันด์ที่อยากจะเดินดูการแสดงไปซะทั่วงานให้ขาลาก ได้ยินเสียงกีตาร์อะคูลสติกดังมาจากเต็นท์ไหนไม่ได้ต้องรีบวิ่งเข้าไปดูตลอดมีฮิวโก้เป็นทาสคอยพะเน้าพะนอ ส่วนสองแฝดแยกตัวไปตั้งแต่กินข้าวเสร็จ เห็นบอกว่าจะไปเล่นเครื่องเล่นที่ยกมาตั้งในงาน ทิวากานต์ที่เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวจากการถูกแมวอ้วนทับหลายชั่วโมงขอบาย ยอมเดินตามเด็กตัวเท่าไหล่ชมการแสดงไปเรื่อยๆ ดีกว่า
หลังเดินจนขาแทบลาก หยุดชมดนตรีไม่ต่ำกว่าห้าวงการแสดงของ George Ezra ก็ใกล้ถึงเวลา ฮิวโก้เลยแนะนำว่าให้เดินกลับไปจองที่นั่งรอสบายๆ แถวเวทีดีกว่า ทิวากานต์ที่ปวดขาไม่แพ้ตอนยืนผ่าตัดนานหลายชั่วโมงจึงรีบตกลงทันที
“อลันด์ นั่นอลันด์ โอเนลล์หรือเปล่า” เจ้าของตาสีซีดหันซ้ายหันขวามองหาต้นเสียงคุ้นหู ใบหน้าที่มักติดจะเฉยชาฉีกยิ้มกว้างเป็นครั้งแรกของวันยามเห็นชายมีอายุร่างใหญ่ไว้หนวดเครารุงรังเป็นคนเรียก
“ปีเตอร์!”
“ไง อลันด์ตัวแสบ ได้ข่าวมาว่านายไปเรียนต่างประเทศ”
“ก็งั้นแหละ” อลันด์ยักไหล่ก่อนสวมกอดกับอีกฝ่าย “แต่ผมไม่มีพลาดงานนี้แน่”
“คิดอยู่เหมือนกันว่าจะเจอนายไหม ชีวิตโอเคนะ?”
“พอใช้ได้ ประเทศที่ผมไปอยู่มีวงดนตรีเจ๋งๆ อยู่บ้าง ผมคงไม่เฉาสักเท่าไหร่”
“งั้นเหรอ”
“แล้วคุณมาทำอะไรแถวนี้ล่ะ ผมนึกว่าคุณจะอยู่ที่เวทีใหญ่เสียอีก”
“มาดูพวกเด็กใหม่ๆ น่าสนใจน่ะ สนใจไปดูด้วยกันไหมล่ะ” ปีเตอร์หันร่างกายใหญ่โตไปทางเวทีเล็กๆ ที่มีคนดูอยู่ไม่เกินสามสิบคน หากวงดนตรีที่แสดงอยู่ก็เล่นเต็มที่โชว์ฝีมือสุดตัว
“อ่อ เวทีอยู่นี่นี่เอง” สายตาที่อลันด์เงยหน้ามองป้ายเรียกให้ทิวากานต์มองตาม ป้ายเล็กๆ แปะอยู่ข้างโดมขนาดเล็กว่า BBC Introducing “คงไม่ล่ะปีเตอร์ ผมกับเพื่อนว่าจะไปหาที่ดีๆ รอดูจอร์จี้”
ปีเตอร์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนทำหน้าเสียดาย เขาตบบ่าเล็กๆ ของอลันด์สองสามที “ฉันรอนายที่เวทีนี้เสมอนะอลันด์ กลับมาให้ได้ล่ะ”
“อืม”
บรรยากาศดูซึมลงทันทีหลังแยกจากปีเตอร์ ถ้าเป็นปกติโธมัสคงทำอะไรสักอย่างให้บรรยากาศดีขึ้น แต่ตอนนี้เจ้าหมาตัวโตยังมีคดีติดตัวทุกอย่างเลยอึมครึมไปหมด เหมือนว่าทุกคนจะรู้สาเหตุแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทิวากานต์ก็ไม่ใช่พวกอยากรู้เรื่องชาวบ้านจึงเงียบเสียงทำเหมือนไม่มีอะไร นั่งรอสองแฝดมาสมทบอะไรๆ คงดีขึ้นบ้าง
ก่อนการแสดงเริ่มขึ้นแค่สิบนาทีมาร์โก้กับมาริโอ้ก็เดินยิ้มโชว์ฟันขาวมาแต่ไกล ผมสีทองสะท้อนแสงแดดจัดจ้านช่วงบ่ายชวนแสบตา
“ยะโฮ รถบั๊มฟ์เจ๋งมากเลย เสียดายนะที่พวกพี่ไม่ไปด้วยกัน” แฝดเสื้อส้มว่า โยนตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆ ให้อลันด์ “นั่นของฝาก”
“ไร้สาระ” เด็กแสบโยนหมีน้อยให้ฮิวโก้ พี่รองบ้านกริฟฟิธส์ก็จัดการยัดใส่กระเป๋าเสื้อตัวเองทันที
“แล้วนี่ทำไมนั่งกันเงียบ ไปดูโชว์เถอะ จะเริ่มแล้ว”
แล้วไอ้อาการอึมครึมเมื่อครู่ก็หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นเมื่อการแสดงบนเวทีเริ่มต้นขึ้น แต่มันสั้นไปหน่อยแค่ครึ่งชั่วโมงพอนักร้องลงเวทีทุกอย่างก็กลับมาเงียบเหมือนเดิม แต่ไม่มีเวลาให้คิดมาก ทุกคนต้องเร่งฝีเท้าไปเวทีใหญ่ให้ทันการแสดงของ The 1975
Now everybody's dead
And they're driving past my old school
He's got his gun, he's got his suit on
She says, "Babe, you look so cool"1อลันด์ไม่ได้ขี่คอโธมัสแล้ว นานๆ เด็กหนุ่มตัวเล็กถึงยอมขึ้นคอฮิวโก้เพื่อดูหน้านักร้องให้ชัด ถึงจะดูสนุกแต่ไม่เฮฮาเท่ากับเมื่อวาน พอการแสดงจบก็กลับมาอึดอัดอีกครั้งจนสองฝดทนไม่ไหวลากแขนคุณหมอจากไทยไปหามื้อเย็นกินแล้วบอกทุกคนว่าเจอกันตอนโชว์ของ Bombay Bicycle Club เท่านั้นทุกคนก็แยกย้ายทางใครทางมัน
“แยกออกมาแบบนี้จะดีเหรอ” ทิวากานต์ถามสองแฝดที่ผลัดกันจิ้มฟิชแอนด์ชิฟกินท่าทางสบายใจเชิ้บ
“ดีสิด็อกเตอร์ ขืนอยู่กับพวกนั้นต่อได้ประสาทเสียแน่ ทอมก็โง่ไม่ยอมง้ออัลสักที สมควรโดนทิ้งแล้ว”
“นายพูดเหมือนสองคนนี้เป็นคู่รักกันอย่างนั้นล่ะ”
“หูยยย...” มาร์โก้ร้องเสียงดังตบเข่าฉาด “ยิ่งกว่านั้นอีก อัลกับทอมนะเหมือนคู่แต่งงานผัวเมียละเหี่ยใจมาก”
“ใช่ แล้วตอนนี้เจ้าผัวตัวดีดันแอบไปมีอีหนู เมียหลวงเลยโกรธไงล่ะ”
“แล้วฉันควรทำยังไงกับผัวเจ้าชู้แอบมีอีหนูซุกไว้ดีล่ะมาริโอ้” เสียงทุ้มติดฉุนจัดของคุณเมียละเหี่ยใจดังขึ้นด้านหลังสองแฝด มาร์โก้กับมาริโอ้หน้าเหวอสะดุ้งแทบตกม้านั่งลงไปกองกับพื้นเมื่ออลันด์ยื่นหน้าออกตรงกลางก่อนเขกหัวสองพี่น้องไปคนละที
ทิวากานต์กลั้นขำจนตัวงอ
เด็กพวกนี้ตลกชะมัด!“แล้วสองคนนั้นล่ะ” ชายหนุ่มถามคนที่พาร่างอวบๆ มานั่งข้างเขา พลางยื่นจานกระดาษใส่ฟิชแอนด์ชิฟให้
“ไม่รู้สิ ไม่อยากอยู่ด้วยเลยแวบออกมาซะเลย” เด็กหนุ่มยักไหล่ไม่ใส่ใจ หากตาเป็นประกายกับอาหารที่คุณหมอส่งให้ นิ้วเรียวสวยคีบแท่งมันฝรั่งทอดเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ “แล้วนี่วางแผนจะไปไหนกันต่อ”
“ไม่รู้สิ คงไปหาที่พักไม่ก็เดินเล่นเรื่อยๆ มั้ง ความจริงแซม สมิธก็น่าสน แต่กว่าจะเดินไปถึงเวทีคงใกล้เลิกพอดี”
“แล้วอัลอยากไปไหนล่ะ” แฝดน้องใจกล้าถามหยั่งเชิง
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“ไปเล่นเครื่องเล่นกันไหม มีชิงช้าสวรรค์ด้วย”
อลันด์ส่ายหัวปฏิเสธข้อเสนอของมาร์โก้ “ฉันมางานดนตรีเพราะอยากดูดนตรี แต่ถ้าพวกนายอยากไปเล่นก็ไปเถอะ ค่อยเจอกันตามเวลาเดิม”
ฝาแฝดยู่หน้า พอเป็นเรื่องดนตรีทีไรอลันด์ไม่สนใจคนอื่นเลย
“ฉันไปกับอลันด์ดีกว่า ไม่รู้จะมีโอกาสได้มาที่นี่อีกไหมต้องเอาให้คุ้ม เครื่องเล่นพวกนี้ที่เมืองไทยก็มีเยอะแยะ” คำพูดของคุณหมอถูกใจคนฟังน่าดู เด็กตัวเท่าไหล่หันมายิ้มให้ก่อนยัดปลาทอดเข้าไปอีกคำใหญ่
สุดท้ายกลุ่มหกคนใหญ่ๆ ก็แตกกันเป็นสามคู่ ฝาแฝดไปหาเครื่องเล่นต่อ ส่วนพวกเขาสองคนรอจนเบอร์เกอร์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่หมดก็เริ่มออกเดินย่อย อลันด์บอกว่าสนใจซุ้ม Acoustic ที่อยู่ฟากของเต็นท์ที่พวกเขาพักกัน ออกจะไกลไปหน่อยแต่เห็นดวงตาสีซีดบอกความต้องการออกมาปิดไม่มิดทิวากานต์เลยยอมเออออไป
เหมือนว่าวันนี้จะไม่มีฝนเป็นอันว่าโชคดีที่ไม่ต้องลุยโคลน พวกเขามาถึงจุดหมายตอนเกือบห้าโมงเย็น คนดูบางตาเพราะการแสดงล่าสุดเพิ่งจบไป แถวนั้นมีบาร์นั่งดื่มพอดี ระหว่างรอการแสดงชุดต่อไปสองหนุ่มต่างวัยจึงพร้อมใจกันเข้าไปในร้าน สั่งเบียร์เย็นๆ มาดื่มให้ชื่นใจ จุดบุหรี่สูบไปคุยไป ผู้หญิงบางคนส่งยิ้มให้คุณหมอชาวเอเชีย ทิวากานต์ก็แค่ยิ้มกลับไม่คิดจะสานต่อ ถึงดูเหมือนเจ้าชู้แต่เขาก็เลือกนะ ถ้าไม่สวยสะดุดตาหรือน่ารักน่าฟัดก็ไม่ค่อยสนใจจะมองหรอก
“พอมาเที่ยวแล้วด็อกดูไม่เหมือนคนเป็นหมอเลย” เพิ่งจุดบุหรี่มวนใหม่ได้ไม่ทันไรเด็กฝรั่งหน้าขาวผิวบางจนเห็นเส้นเลือดฝอยเป็นสีแดงกระจายเต็มแก้มก็เปิดประเด็น
“ตอนนี้เป็นนักท่องเที่ยวไง ไม่ใช่หมอ”
“นั่นสินะ”
“เมาแล้วหรือไง เบียร์แค่เหยือกเดียวเองนะ คออ่อนว่ะ”
“เมาก็ตลกล่ะ มีหมอที่ไหนบ้างจะมางานอะไรแบบนี้ ส่วนใหญ่เขาไปดูในฮอลล์ดีๆ กันทั้งนั้นแหละ”
“หมอคนนี้ไง” ชายหนุ่มยิ้มหวานจงใจกวนคนเด็กกว่าแล้วตอบตามความรู้สึกจริงๆ “ความจริงแล้วงานดนตรีที่กลาสตันเบอรี่เป็นความฝันหนึ่งของแม่ฉัน เขาอยากมาที่นี่มากจนพลอยทำให้ฉันอยากมาที่นี่ด้วย รสนิยมการฟังเพลงฉันก็ได้มาจากแม่ พอมีโอกาสเลยไม่อยากพลาด”
“ถ้าแม่ด็อกได้มาเธอต้องชอบแน่ๆ”
“ไม่มีทาง”
“อ้าว”
“ถ้าแม่ฉันอยากมาจริงเขามาเองตั้งนานแล้ว แต่แม่ฉันน่ะไม่ชอบคนเยอะแล้วก็ขี้เบื่อมาก เชื่อได้เลยว่าถ้ามาถึงคงดูแค่ไม่กี่วงแล้วก็หมดความอดทนรีบกลับบ้านแน่ๆ แต่ถ้าเป็นคอนเสิร์ตนักร้องเกาหลีนะถึงไหนถึงกัน”
“แม่ด็อกตลกแหะ”
“ถ้าได้เจอกันเธอจะชอบเขาแน่นอน แม่ฉันไม่เคยตั้งเงื่อนไขกับคนที่รัก ไม่เคยบังคับให้ฉันต้องทำอะไรที่เขาอยาก เขาให้ฉันเลือกแล้วก็ตัดสินใจเองตั้งแต่เล็กๆ เรียนรู้ที่จะเจ็บและรักตัวเองให้เป็น สิ่งเดียวที่เขาขอคือให้ฉันอยู่กับความจริงอย่างมีความสุข”
“งั้นทำไมคุณถึงมาเป็นหมอล่ะ”
“ฉันดูไม่มีความสุขเหรอ”
อลันด์ส่ายหัว “ไม่รู้สิ แต่คุณดูเหนื่อยมาก ช่วงสอบก็แทบไม่ได้นอน”
“เหนื่อยแต่สนุก มันก็เหมือนเกม ยิ่งตั้งเป้าหมายไว้ยากพอเราสามารถผ่านมันไปได้มันโคตรจะสะใจ” ทิวากานต์เป็นผู้ชายที่แปลกมากในสายตาอลันด์จริงๆ แต่เด็กหนุ่มก็เชื่อว่าทั้งหมดที่ชายหนุ่มพูดมาเป็นเรื่องจริง สายตาตอนที่บอกว่าสะใจมันใช่...
“ถามอีกทีทำไมคุณถึงมาเป็นหมอ เอิ่ม... หมอผ่าตัดล่ะ”
ตาคมดุของคุณหมอเหลือบมองคนถามเล็กน้อยก่อนถามกลับ “อยากได้คำตอบจริงๆ หรือคำตอบดีๆ ล่ะ”
“จริงๆ”
“เงินดี แค่นั้นแหละ”
“งั้นผมพูดจริงๆ จากใจอีกทีเลย คุณแม่งไม่เหมือนหมอเลยให้ตายเถอะ”
การแสดงช่วงเย็นที่เวที Acoustic เป็นนักร้องคนเดิมกับเมื่อวานที่เล่นเป็นวงปิดของเวที Other คนที่บางตาเมื่อครู่กลายเป็นกลุ่มคนเกือบพันชีวิตมาดูการแสดงของเด็กหนุ่มคนนี้ อลันด์ดูเหมือนจะชอบมากเจ้าตัวตาวาวโยกตัวโห่ร้องตามตลอดคอนเสิร์ต
พอจบการแสดงพวกฝาแฝดก็โทรมาตามให้รีบไปหา มีเวลาเหลืออีกยี่สิบนาที ถ้าเร่งเท้าหน่อยคงทัน แต่อลันด์กับทิวากานต์กลับเห็นตรงกันอีกครั้งว่าค่อยๆ เดินไปดีกว่า ไม่ทันก็ช่างแม่ง
“ด็อกจำเวทีที่เจอปีเตอร์เมื่อเช้าได้ไหม เวทีเล็กๆ ที่มีคนดูน้อยนิดนั่นน่ะ”
“อ่าฮะ” ทิวากานต์พยักหน้ารับ ทำไมจะจำไม่ได้ในเมื่อเป็นที่ที่ทำให้บรรยากาศอันแสนสุขมันเพี้ยนไป
“เมื่อสามปีที่แล้วผู้ชายที่เราเพิ่งดูโชว์ของเขาจบไปเมื่อกี้ขึ้นเวทีนั่นมีคนดูไม่ถึงยี่สิบคนด้วยซ้ำ แต่ปีถัดมาเขาได้ออกอัลบั้ม เมื่อปีที่แล้วขึ้น Pyramid Stage มีคนดูนับหมื่นมาดูเขา แล้วปีนี้ก็ได้เล่นเป็นวงปิดของ Other Stage ตอนนี้มีทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก ได้เล่นเป็นวงเปิดให้ The Black Keys เคยเดทกับซูเปอร์โมเดลที่เดินแบบให้กับวิคตอเรีย ซีเครทสองปีติดกัน”
“เจ๋งนี่”
“ผมว่าเขาต้องเป็นลูกรักของ BBC แหง” เจ้าตัวว่าติดตลก ใบหน้ามึนๆ ยิ้มจนตาเป็นสระอิ ถึงจะประชดแต่คงทั้งรู้สึกอิจฉาและชื่นชมไม่แพ้กัน
“เวทีนั้นเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ เขาเคยผ่านจุดที่มีคนดูแค่ไม่กี่คนมาก่อน ต่อสู้กับอุปสรรคมาไม่น้อยจนได้ยืนท่ามกลางแสงสปอร์ตไลท์ ถูกไหมล่ะ”
“อืม เขาเป็นไอดอลลับๆ ของผมนะ ผมอยากเป็นให้ได้แบบเขา ยืนอยู่บนเวทีกับกีตาร์หนึ่งตัว ร้องเพลงที่เขียนขึ้นด้วยตัวเองต่อหน้าคนฟังมากๆ ที่ตั้งใจฟังแบบนั้น” ไอ้ตัวแสบเงียบไปพักใหญ่ จะทุ่มหนึ่งแล้วแต่ฟ้ายังคงสว่างเหมือนบ่ายแก่ๆ ผมสีน้ำตาลอ่อนถูกลมพัดจนปลิวระแก้มขาว “ผมเคยมีชื่ออยู่ในลิสต์นักร้องที่จะได้ขึ้นเวที Introducing เมื่อสองปีที่แล้ว”
“...”
“แต่ผมไม่ได้ขึ้นเพราะแด๊ดไม่ยอม ผมยังไม่บรรลุนิติภาวะ ทุกอย่างต้องผ่านผู้ปกครองผมเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้โอกาสนั้นลอยผ่านหน้าไป” อลันด์หันหน้าหนีไปทางอื่นเมื่อลมหอบใหญ่พัดมาอีกตอนที่พวกเขาเดินอยู่บนคันนา “แด๊ดที่เคยตามใจผมทุกอย่าง สนับสนุนให้ผมเล่นดนตรี ซื้อกีตาร์ตัวแรกให้จนถึงตัวล่าสุด เป็นตัวตั้งตัวตีห้ามไม่ให้ผมเป็นนักร้อง ตั้งเงื่อนไขยากๆ ขึ้นมาขวางผมทุกทาง ตลกดีไหมละ”
“เขาคงมีเหตุผลของเขา”
“ผมเคยถามเขานะ เขาบอกว่าอยากให้ผมเข้ามหาวิทยาลัยมากกว่า เขาอยากให้ผมเรียนแล้วมาช่วยดูแลบริษัทที่เขาทำอยู่ สุดท้ายก็เพราะเงิน”
“แต่ถ้านายทำตามเงื่อนไขที่เขาตั้งได้ นายก็จะได้ทำตามฝันนี่ ตอนนี้นายยังต้องพึ่งเงินเขาอยู่เลยอย่าบ่นมากเลยน่าอดทนสักหน่อย อีกไม่กี่ปีเอง...นายทำได้อยู่แล้ว” ฝ่ามือใหญ่แตะหลังศีรษะคนเด็กกว่าขยี้เบาๆ อลันด์คงรู้สึกแย่แต่เขาก็ไม่ใช่คนปลอบเก่ง เวลาเห็นใครเศร้าทำได้แค่อยู่ข้างๆ ให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียวแค่นั้น
“ผมจะเป็นนักร้องที่ดังจนตอกหน้าแด๊ดให้หงายไปเลย”
“GOOD IDEA BOY” ทิวากานต์ส่งยิ้มให้คนเด็กกว่า เขาชูกำปั้นขึ้นกลางอากาศเรียกรอยยิ้มจากอีกคนได้ทันควันพร้อมกำปั้นเล็กกว่าที่ชกเข้ามาเบาๆ “สัญญากับฉันแล้วนะ ทำให้ได้ล่ะ”
“แน่นอน ด้วยเกียรติของลูกผู้ชายเลย”
TBCไม่ได้มาลงตอนใหม่นานเลย ฮืออออ
งานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาเลยค่ะ TT___________TT
เค้าจะรักกันได้ไงอะ ฉันนึกไม่ออก
อันนี้ต้องรอลุ้นกันต่อไปนะคะ หุหุ
รู้สึกว่าหมอวากับเด็กแสบเริ่มใกล้ชิดสนิทกันมากขึ้นนะ
รู้รหัสห้อง ติวหนังสือกันนู่นนี่ ไปไหนมาไหนด้วยกัน
ใกล้ชิด เคยชิน ผูกพัน เตรียมตัวหลงเสน่ห์กันได้เลย5555
แต่ไม่รู้ใครจะหลงใครก่อนแหะ
จริงๆปิ๊งหมอวานะคะ
กรี๊ดกร๊าดคนอื่นให้กระชุ่มกระชวยไปพลางๆ 555555
นั่นน่ะสินะคะ ใครจะหลงใครก่อน อันนี้ก็ขอให้ติดตามในตอนต่อไปนะคะ
><
แล้วเจอกันตอนหน้าเร็วๆ นี้ค่า
ปูลู เอารูปอิมเมจพี่นภของน้องแสบมาฝากค่ะ ก็หล่อใส(ซื่อ)ประมาณนี้ล่ะ ฮ่าๆๆๆ
1 Robbers - The 1975