♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต+แจ้งข่าว P. 25
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ไหนๆ นิยายใกล้จะจบแล้ว เลยสอบถามความสนใจรวมเล่มค่ะ

สนใจ
ไม่สนใจ
รวมก็ดี ไม่รวมก็ได้

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต+แจ้งข่าว P. 25  (อ่าน 266789 ครั้ง)

ออฟไลน์ kataiyai

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-1
ใครดีนะ เลือกไม่ถูกเลย  :hao6:

ออฟไลน์ sb_ng

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ชอบค่ะะะะะ สนุกกกก น่าติดตามมากๆ
อ่านง่าย เรื่อยๆชิวๆดีค่ะ
อัลแสบซนดี 555555 ด็อกก็มีมุมอบอุ่น
น่ารักทั้งคู่เลย ส่วนเจมส์นี่อยากให้นางมีคู่นะ 555
รอดูด็อกหลงเด็กเนอะ 55555
รอติดตามต่อจ้าาา

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก หมอวายิ่งอ่านยิ่งหล่อนะเนี่ย

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
โมเมนต์ของเจมส์มันหน่วง ๆ หนัก ๆ ดีเหมือนกัน ก็อยากจะเชียร์นะ แต่เกรงใจพระเอก
พี่หมอยังมีเวลาทำความรู้จักกับน้องแสบอีกนานเลยล่ะ

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
เขียนได้ฟินเฟ้อออออออค้าาาาาา

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 05 [22.09.15]
«ตอบ #36 เมื่อ22-09-2015 13:34:22 »

TRACK 05
สามสิบยังแจ๋ว

หมดช่วงสงกรานต์ก็เข้าสู่ช่วงเทรนโค้งสุดท้ายก่อนสอบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า งานที่โรงพยาบาลหลังวันหยุดยาวก็เยอะคนไข้ล้นมือจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน นอกจากต้องเจียดเวลามาทำรายงานสรุปผลในแต่ละวันแล้ว เวลาที่ว่างก็ต้องอ่านหนังสือเพิ่มเติมความรู้ เผลอแป๊บๆ ก็ใกล้หมดเดือนเมษาแล้ว

เป็นวันปกติอีกวันที่คุณหมอทิวากานต์จะตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง เขากดปิดนาฬิกาปลุกให้เสียงเพลง Breezeblocks ของวง Alt-j เงียบเสียงก่อนหรี่ตาในความมืดจ้องมองวันที่บนโทรศัพท์ “วันนี้หยุดนี่นา”

ถึงจะไม่ต้องไปทำงานแต่ร่างสูงก็ลุกมาออกกำลังกายด้วยการซิทอัพร้อยครั้งเหมือนทุกวัน(ที่มีเวลาว่าง) ก่อนเดินเข้าครัวจัดการหุงข้าว ทำกับง่ายๆ สองสามอย่างใส่ทัปเปอร์แวร์ ล้างทำความสะอาดผลไม้ เช็ดให้แห้งแล้วใช้แรปพลาสติกห่อ สุดท้ายก็ต้มชาจีนใส่กระติกน้ำร้อน เอาทุกอย่างมาวางจัดเรียงเป็นระเบียบในตะกร้าสานมีฝาปิดเป็นอันเรียบร้อยถึงค่อยไปอาบน้ำ

ชายหนุ่มอาบน้ำพิถีพิถันกว่าทุกวัน สระผมสองรอบจนสะอาดถึงออกมาหยิบเสื้อผ้าสีสว่างใส่ ปลายนิ้วเรียวนุ่มเลื่อนแตะขวดน้ำหอมสองขวดในลิ้นชักเมื่อลังเลว่าวันนี้ควรใช้กลิ่นไหนดี ก่อนสุดท้ายจะตัดสินใจหยิบ Terre d'Hermes ขึ้นพรมตามจุดชีพจรร่างกาย

มื้อเช้าแบบง่ายๆ ตามประสาหนุ่มโสดหนีไม่พ้นขนมปังปิ้งใส่แฮมกับชีสและกาแฟดำสักแก้ว กินเสร็จ ทำความสะอาดอุปกรณ์การกินเรียบร้อยก็ตอนหกโมงเช้าพอดี เท่านี้คุณหมอหล่อ โสด แต่ไม่โฉดอย่างทิวากานต์ก็หิ้วตะกร้าสานพร้อมจะออกไปพบปะผู้คนโปรยเสน่ห์ให้สาวน้อยสาวใหญ่ว้าวุ่นใจแล้วล่ะ

แกร๊ก!

เสียงปลดล็อคประตูดังขึ้นพร้อมกัน พาให้ตาสองคู่ต่างสีสบกันแทบจะในทันที คุณหมอวัยเฉียดสามสิบมองดูเด็กฝรั่งตรงหน้าที่วันนี้อยู่ในชุดเรียบร้อยแปลกตาด้วยความฉงน อีกฝ่ายก็ดูแปลกใจอยู่เหมือนกันที่เห็นเขาแต่เช้าแบบนี้

“ไปเรียนเหรอ เดี๋ยวนี้มหาลัยเขามียูนิฟอร์มน่ารักๆ แบบนี้ให้ใส่ด้วย?” เขาเดาเอาว่าอีกฝ่ายไปเรียนเมื่อเห็นหนังสือเรียนชุดใหญ่ในอ้อมกอดของไอ้ตัวแสบ หากชุดยูนิฟอร์มไม่คุ้นตาก็ทำให้ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่และถ้าความจำเขายังไม่เพี้ยนไปเขาจำได้ว่าอีกฝ่ายมาต่อ BBA ทิวากานต์เองก็ไม่มั่นใจเรื่องเปิดปิดเทอมของพวกวิทยาลัยอินเตอร์เสียด้วย

“ชุดนักเรียนมัธยม” อลันด์ตอบเสียงเรียบ เขาจัดการปิดประตูห้องก่อนเดินนำคุณหมอไปที่ลิฟต์

“อ้าว ไหนว่ามาต่อ BBA”

“ยังไม่จบมัธยม เหลืออีกเทอม แด๊ดให้โอนมาเรียนต่อที่นี่”

“เออแหะ พิลึกแท้” แทนที่จะให้จบมัธยมที่นู่นก่อนแล้วค่อยมาต่อมหาวิทยาลัยก็ยังไม่สายแต่นี่ดันเหลือติ่งมาตั้งหนึ่งเทอม ถ้าคุณพ่อไม่เพี้ยนก็คงต้องวางแผนดัดหลังลูกชายตัวเองสักอย่างแน่ “แล้วนี่ไปยังไง”

“คนจากบ้านคุณตามารับ”

ใบหน้าหล่อพยักตามคำตอบ ตาคมเหลือบมองคนเด็กกว่าเกือบรอบอย่างพิจารณาอีกครั้ง วันนี้เจ้าตัวแสบสวมสูทสีกรมท่าทับเชิ้ตขาว ผูกไทสีเดียวกับสูท กางเกงแสลคขายาวสีเทา รองเท้าหนังแก้วสีดำ แต่ที่ทำให้ออกปากชมว่าน่ารักคือ straw boater hat คาดริบบิ้นสีกรมท่าบนผมสีช็อกโกแลตนมต่างหาก ต้องยอมรับเลยว่าพอมาแต่งตัวแบบนี้แล้วอลันด์ดูน่ารักเหมือนตุ๊กตาเด็กฝรั่งทีเดียว

“แล้วเรื่องซ้อมดนตรีล่ะ ต้องไปเรียนแบบนี้ทำยังไง”

“พี่นภให้ไปซ้อมวันอังคารกับพฤหัสหลังเลิกเรียน สองทุ่มเลิก เสาร์อาทิตย์ตอนเช้าไปเล่นที่โรงบาลเหมือนเดิม ตอนบ่ายไปซ้อม”

“จริงจังดีนะ” คุณหมอหนุ่มแตะมือกับหมวกฟางจับโยกเบาๆ พอดีกับที่ลิฟต์มาถึงชั้นลานจอดรถ “ฉันไปก่อนล่ะ ตั้งใจเรียนด้วย บาย”

“บาย”



อลันด์นั่งรอรถจากบ้านคุณตาอยู่ที่ล็อบบี้เกือบห้านาทีจนเห็นรถโรดสเตอร์จากเยอรมันสีขาวของด็อกเถื่อนขับออกไปแล้วรถรับส่งของเขาจึงมารับ คนขับรถวัยกลางคนค่อนไปทางปลายขอโทษขอโพยเขายกใหญ่ที่มาสายเนื่องจากยังกะเวลาไม่ถูกก่อนเปิดประตูด้านหลังให้เขาเข้าไปนั่ง

เมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากที่พัก เจ้าของตาสีฟ้าซีดถึงกับถอนหายใจเบาๆ ไว้อาลัยในโชคชะตาของตัวเอง จากที่เคยมีโรลส์-รอยซ์ แฟนธ่อมรับส่งเวลาไปอยู่โรงเรียนประจำก็กลายมาเป็นเมอร์ซิเดส เบนซ์ เอสคลาสสีดำขลับแบบนี้แทน ไม่นึกแปลกใจเจมส์ที่เรียกเขาว่าคุณชายตกยาก แต่จะโทษใครได้ในเมื่อเขาเลือกที่จะเป็นแบบนี้เอง

โรงเรียนแห่งใหม่ที่เขาจะเข้าศึกษาในระยะเวลาที่เหลืออีกหนึ่งเทอมเป็นโรงเรียนสาขาจากโรงเรียนเดิมที่อังกฤษ เมื่อมาอยู่ประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักจึงกลายเป็นโรงเรียนนานาชาติไม่บังคับอยู่ประจำ และจากที่มีแต่นักเรียนชายก็กลายเป็นโรงเรียนสหศึกษา เปิดเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึง sixth form (year 13) หากพวกเครื่องแบบและการเรียนยังคงเหมือนเดิมอยู่เป็นส่วนมาก อลันด์เองได้รับอนุญาตจากอาจารย์ใหญ่ให้สามารถใช้ยูนิฟอร์มของเดิมได้หมดเปลี่ยนแค่สีเนคไทเท่านั้น

แม้จะออกจากคอนโดย่านอโศกตั้งแต่หกโมงเช้าและขับรถออกนอกเมืองสวนทางกับคนส่วนใหญ่ที่มุ่งเข้าด้านในแต่กว่าจะถึงโรงเรียนที่อยู่ไกลเกือบชานเมืองกรุงเทพก็เจ็ดโมงสิบห้านาทีแล้ว แค่คิดว่าทุกวันต้องเผชิญกับการเสียเวลานั่งรถนานๆ แบบนี้ก็เหนื่อยขึ้นมาทันที

เด็กฝรั่งเดินเข้าห้องเรียน มองหาที่นั่งว่างจนเจอโต๊ะเกือบหลังสุดด้านในที่ยังไม่มีคนจับจองก็เข้าไปนั่ง ตั้งหนังสือวางลงบนโต๊ะพร้อมกับหมวกฟาง สองมือจับสาบเสื้อสูทกระพือดับร้อนพลางหอบหายใจสูดเอาไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศเข้าปอด

“หวัดดี ฉันโรเจอร์ ไม่เคยเห็นหน้านายเลยเพิ่งย้ายมาเหรอ ผิดห้องหรือเปล่า”

ตาสีฟ้าซีดตวัดมองคนทักก่อนกดสายตาดูมือที่ยื่นออกมา โรเจอร์เป็นเด็กผู้ชายผมดำตาสีเขียวตัวไล่เลี่ยกับเขาเพียงมองแวบแรกก็ให้ความรู้สึกเหมือนโธมัส เท่านันไม่ต้องคิดมากมือเรียวสวยก็ยื่นมือไปจับ “ถ้านี่ใช่ห้องของเด็ก year 13 ล่ะก็ถูกแล้ว ฉันอลันด์”

“ว้าว ย้ายเข้ากลางคันเหรอไม่เคยมีแบบนี้เลยนะเนี่ย ยินดีที่ได้รู้จักนะอลันด์”

“เช่นกัน”

“นายมาจากไหนน่ะ”

“ลอนดอน” ถึงจะยอมทำความรู้จักกับอีกคนหากอลันด์กลับขีดเส้นแบ่งกับอีกคนเอาไว้ด้วยใบหน้าเรียบเฉยและน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนเคยจนเพื่อนใหม่ฟ่อไปเล็กน้อย แต่ความจริงแล้วเจ้าตัวไม่ได้หยิ่ง ก็แค่รู้สึกประหม่ากับเพื่อนใหม่ ไหนจะเด็กผู้หญิงหลายคนในชั้นเรียนอีกล่ะ เขาเคยชินกับห้องเรียนที่มีแต่ผู้ชายมาตลอดทั้งชีวิต พอเจอพวกเธอมองมาที่เขาเหมือนจะสนใจเลยอดรู้สึกไม่ได้

“ฉันเกิดที่นี่ล่ะ แบบว่าเป็นลูกครึ่งน่ะ แม่เป็นคนไทยพ่อเป็นอังกฤษ แล้วก็เรียนที่นี่มาตั้งแต่มัธยม ถ้านายสงสัยอะไรถามได้เลยนะ”

“ขอบใจ” พูดสั้นๆ ก่อนหันคอกลับไปหน้าห้อง ทำเป็นมองสำรวจไปรอบๆ จนเผลอสบตากับเด็กสาวคนหนึ่ง เท่านั้นเธอกับเพื่อนอีกสองคนก็แทบจะวิ่งมาหาเขา แต่อลันด์ยังโชคดีที่ออดดังพอดีกับอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาเช็คชื่อพอดี พวกผู้หญิงกลุ่มนั้นเลยต้องกลับไปนั่งที่ตัวเอง

“สวัสดีจ้ะทุกคน วันนี้เรามีเพื่อนใหม่จะมาเรียนกับเราด้วยนะจ๊ะ โอเนลล์แนะนำตัวหน่อยจ้ะ”

เด็กแสบลอบถอนหายใจ เงยหน้าขึ้นมองอาจารย์ประจำชั้นที่เขาเจอเมื่อวันมาสมัครเรียนก่อนลุกขึ้นยืนแนะนำตัวเร็วๆ แล้วกลับลงไปนั่งต่อ “อลันด์ โอเนลล์ ยินดีที่ได้รู้จัก”

“โอเนลล์เรียนอยู่ที่โรงเรียนของเราที่อังกฤษมาก่อน แต่เพราะเหตุผลบางอย่างเลยทำให้ต้องย้ายมาเข้าเรียนที่ประเทศไทยกลางคัน ยังไงก็ช่วยให้คำแนะนำเพื่อนใหม่ด้วยนะจ๊ะ” เมื่อจบประโยคสายตานับสิบคู่จากทั้งห้องเรียนก็มองมาที่เขาเป็นตาเดียว อลันด์เม้มปากแน่นเสตาไปทางอื่น รู้สึกหน้าเห่อร้อนไปหมด ถึงเขาจะชอบให้ทุกคนมองเขาแต่ก็แค่ตอนเล่นดนตรีเท่านั้น ไม่ใช่ถูกจ้องเอาเหมือนตัวประหลาดแบบนี้ มันไม่ชินเอาเสียเลย 

วันนั้นกว่าจะเลิกเรียนเด็กหนุ่มลูกครึ่งตาน้ำข้าวก็แทบหมดพลังไปกับการตอบคำถามของพวกสาวๆ พวกเธอกรี๊ดกร๊าดชอบใจกันใหญ่ที่รู้ว่าเขามาจากโรงเรียนชายล้วน ถามนู่นถามนี่เยอะแยะไปหมดจนเขาตอบไม่ถูก จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าโธมัสที่ชอบสาวๆ นักมาเจอแบบเขาบ้างจะเป็นยังไง

พอขึ้นรถได้เขาก็สลบทันทีกว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนคนขับรถของบ้านคุณตามาปลุกว่าถึงคอนโดแล้วนั่นแหละ อลันด์ขอบคุณอีกคนเบาๆ ปฏิเสธความช่วยเหลือถือของขึ้นไปส่ง ก่อนหอบเอาหนังสือใส่อ้อมแขนเดินผ่านล็อบบี้เข้ามาตรงโถงลิฟต์

เวลาเกือบห้าโมงเย็นหากแดดยังจ้าประหนึ่งเพิ่งบ่ายสอง ปกติเวลานี้จะมีพวกคุณแม่ว่างงานเพิ่งกลับจากจ่ายของสดยืนจับกลุ่มเม้าท์ระหว่างรอลิฟต์อยู่สี่ห้าคน แต่วันนี้อลันด์เห็นเพียงผู้ชายหน้าคุ้นตาตัวสูงพอๆ กับด็อกเตอร์ทิวากานต์อยู่คนเดียว

“ชั้นไหนครับ” ชายแปลกหน้าหันมาถามเขาเป็นภาษาอังกฤษเมื่อพวกเขาก้าวเข้ามาในกล่องเหล็ก ท่าทางเขาเหมือนคนต่างชาติมากกว่าคนไทยแม้จะมีผมสีดำสนิท นัยน์ตาคมกริบสีน้ำตาลอ่อนทอดมองเด็กหนุ่มอ่อนโยนเหมือนผู้ใหญ่มองเด็กเล็กๆ

“ยี่สิบเอ็ดครับ”

“ชั้นเดียวกันเลย อืม... นี่ใช่อลันด์ใช่ไหม”

“ครับ?” ตาสีฟ้าซีดเบิกกว้างออกเล็กน้อยเมื่อได้ยินคนแปลกหน้าเรียกชื่อตัวเองถูก และยิ่งต้องตกใจเข้าไปอีกเมื่ออีกฝ่ายแนะนำตัว

“ฉันชื่อวิคเตอร์เป็นพ่อของด็อกเตอร์ทิวากานต์น่ะ แต่ได้ยินเรื่องของเธอจากนภมาเยอะแยะเลย ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

“พ่อ?” อลันด์มองหน้าคนตัวสูงกว่าชัดๆ อีกครั้ง ดูยังไงผู้ชายคนนี้ก็อายุไม่น่าเกินสี่สิบ แล้วแบบนี้จะเป็นพ่อด็อกเถื่อนนั่นได้ยังไง อีกอย่างเขาก็ไม่เคยได้ยินทิวากานต์พูดถึงพ่อเลยสักครั้ง

“ใช่แล้วล่ะ ตกใจล่ะสิ ปกติฉันก็ไม่ค่อยมาหาเขาหรอกวาไม่ชอบน่ะ แต่พอดีว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ” วิคเตอร์หยุดคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อลิฟต์จอดลงที่ชั้น 21 เขาล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์ Evisu หยิบพวงกุญแจรูปทรงประหลาดออกมาแกว่งตรงหน้าเด็กหนุ่ม “วันนี้วันเกิดครั้งที่สามสิบของหมอวาล่ะ ฉันเลยเอาของขวัญมาให้ สนใจไปแฮปปี้เบิร์ธเดย์เขากับฉันไหม”

“เอ่อ... ก็ได้ครับ”

“กู๊ด งั้นช่วยกดกริ่งเรียกเขาให้หน่อยสิ” พ่อของทิวากานต์ขยิบตาทะเล้นๆ ให้อลันด์ก่อนดันหลังร่างเล็กไปยืนหน้าประตู ส่วนตัวเองก็หลบไปยืนข้างๆ “กดแบบที่เธอชอบกดเลย”

“คุณรู้?”

“แน่นอน” เป็นอีกครั้งที่วิคเตอร์ขยิบตา อลันด์ไม่อยากจะบอกเลยว่าวิคเตอร์เป็นผู้ชายที่ดูดีและมีเสน่ห์มากคนหนึ่ง เพียงแค่มองตาเขาตรงๆ ก็เหมือนถูกดูดเข้าไปในบ่วงเสน่ห์เขาแล้ว และที่สำคัญเขาหล่อกว่าทิวากานต์หลายเท่านัก!

เด็กแสบฉีกยิ้มกว้างตอบกลับไปก่อนจิ้มนิ้วรัวๆ บนกริ่ง ไม่นานเสียงโวยวายตึงตังของคุณหมอก็ลอดผ่านบานประตูให้ได้ยิน อลันด์หันไปหัวเราะคิกคักกับวิคเตอร์พอดีกับที่ทิวากานต์เปิดประตูออกมา

“ไอ้เด็กบ้า ต้องให้ฉันบอกไหมว่ามารยาทการกดกริ่งที่ดีควรทำยังไง”

“แฮปปี้เบิร์ธเดย์”

“ห๊ะ!”

“Happy birthday to you, Happy birthday to you, Happy birthday dear doctor wa, Happy birthday to you” คนร้องเพลงไม่ใช่อลันด์หากแต่เป็นวิคเตอร์ที่โผล่มาซ้อนด้านหลังเด็กลูกครึ่ง เขาฉีกยิ้มกว้างแม้กระทั่งตอนออกแรงสุดกำลังง้างประตูไม้ไว้ไม่ให้ลูกชายปิดใส่หน้า

“มาทำไมเนี่ย ไม่ต้อนรับเว้ย กลับไปเลย” ตอนนี้อลันด์เข้าใจแล้วว่าทำไมทิวากานต์พูดภาษาอังกฤษเก่ง คงเพราะใช้เถียงกับพ่อบ่อยนี่เอง แถมยังเถียงฉอดๆ แบบน่าถีบด้วยนะ

“ก็วันเกิดลูกทั้งทีพ่อต้องมาฉลองน่ะสิ”

“ไม่เป็นไร เกรงใจ กลับไปทำงานใช้เวลาที่มีค่าเป็นเงินเป็นทองของคุณต่อเถอะ”

“ลูกไม่อยากได้ของขวัญชิ้นนี้เหรอ” พวงกุญแจรถถูกแกว่งขึ้นตรงหน้าคุณหมอพาลเอาแรงต่อต้านเมื่อกี้หายควับเมื่อเห็นตราสัญลักษณ์ม้าป่ากับเขากวางหกอันแถมด้วยชื่อเมืองชตุทท์การ์ท วิคเตอร์แกล้งทำหน้าเศร้าพูดเสียงหงอย “งั้นพ่อเอาไปคืนโชว์รูมเขาก็ได้นะ”

ทิวากานต์แกล้งกระแอม ปลายนิ้วเกาหลังหูตัวเองอ้อมแอ้มพูด “อะแฮ่ม... ไหนๆ ก็ซื้อมาแล้วนิ จะรับไว้ก็ได้”

พอได้ยินแบบนั้นวิคเตอร์ถึงกับฉีกยิ้มกว้างกระพริบตาปริบๆ ทำหน้าประหนึ่งเจอเรื่องสุดซึ้ง “ดีใจจัง พ่อหวังว่าลูกจะชอบนะ จอดอยู่ข้างล่างแน่ะลงไปดูกันเลย อลันด์ก็ไปดูด้วยกันนะ”

“ครับ” เด็กฝรั่งพยักหน้าหงึกหงักเริ่มรู้สึกตื่นเต้นไปด้วย เขาไม่ค่อยรู้เรื่องรถหรอกแต่ดูท่าของขวัญที่วิคเตอร์เอามาให้ด็อกจะต้องดีมากแน่ๆ คุณหมอสองหน้าถึงรีบเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังตีนรีบรับของไว้

“งั้นไปเปลี่ยนชุด เอาหนังสือไปเก็บก่อนเนอะแล้วค่อยลงไปดูกัน” วิคเตอร์ว่าเป็นจังหวะเดียวกับที่ทิวากานต์คว้ากุญแจรถหมับก่อนรีบพุ่งออกมาจากห้องปิดประตูเรียบร้อย คนเป็นพ่อยิ่งฉีกยิ้มจนหน้าบาน ดูเจ้าลูกชายจะชอบของขวัญชิ้นนี้น่าดู เดี๋ยวได้เห็นของจริงจะยิ่งตกใจกว่านี้อีก

ฝ่ามือใหญ่ไม่ต่างจากลูกชายดันหลังคนเด็กกว่าไปทางห้องฝั่งตรงข้าม อลันด์เองรีบวิ่งเข้าห้องโยนหนังสือเรียนกับหมวกทิ้งบนโซฟาเมื่อได้ยินเสียงคุณหมอตะโกนเร่งมาไกลๆ ชุดนักเรียนถูกถอดทิ้งตามรายทางตั้งแต่ห้องนั่งเล่นจนถึงห้องนอนก่อนถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อฮูดดี้แขนยาวสีเทากับกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบสีแสบตาเมื่อโผล่กลับออกมาอีกครั้ง

“ชักช้า” ทิวากานต์บ่นเสียงอู้ ชายหนุ่มสับขาอยู่กับที่ท่าทางตื่นเต้นเหมือนเด็กอนุบาล ทันทีที่เห็นหน้าเด็กแสบโผล่ออกมาก็รีบฉุดแขนวิ่งไปที่ลิฟต์พร้อมกัน นี่ถ้าเหาะลงไปได้เขาคงเหาะลงไปแล้ว

ของขวัญวันเกิดครบรอบสามสิบปีของคุณหมอทิวากานต์จอดแอบอยู่ลานจอดรถชั่วคราวชั้นล่างด้านในเลยทางเข้าล็อบบี้ไปหน่อย ตาถอดแบบจากบิดามาทั้งองศาหางตาและสีเบิกกว้างแทบถลนเมื่อเห็นพอร์เช่ 911 Turbo S Cabriolet สีขาวทะเบียนประมูลเลขวันเกิด แค่คิดว่าจะได้ครอบครองเจ้าชายกบขาวความเร็วสูงตัวนี้น้ำตามันจะไหลให้ได้

ค่าบำรุงกับค่าประกันไหนจะค่าน้ำมันมันเท่าไหร่กันละเนี่ย!!!

“ชอบไหมวา”

“อึก... ก็... ก็ดี๊” คุณหมออ้อมแอ้มตอบเสียงสูงไม่ค่อยอยากยอมรับให้เสียหน้า หากปัจจุบันกายหยาบยืนอยู่ตรงนี้ส่วนวิญญาณนั้นแทบลอยเข้าไปสิงในรถแล้ว

“ต้องขอบใจอลันด์เขาล่ะที่ช่วยมาถามเราให้ว่าอยากได้แบบไหน” คำพูดของวิคเตอร์พาลให้คุณหมอหนุ่มระลึกถึงวันที่ไอ้ตัวแสบมากดกริ่งเรียกเขารัวๆ กลางดึก นี่สงสัยถ้าเขาตอบว่าชอบอิตาลีมากกว่าเยอรมันคงได้ม้าหรือกระทิงไม่ก็สามง่ามมากอดแน่ๆ

“ว่าแต่ค่าประกัน ค่าบำรุง ค่าอะไหล่...”

“ปีแรกจะออกให้แต่ปีถัดไปออกเองนะ”

“โหย... งั้นอย่าซื้อมาให้ใช้เลยดีกว่า ผมยังมีซีโฟร์กับซีรีส์ไฟว์จอดรออยู่อีกนะ แล้วนี่จะเอาไปจอดไหนยังไม่รู้เลย ที่จอดรถของคอนโดที่ซื้อไว้ก็เต็มหมดแล้วเนี่ย”

“เอามาจอดที่ผมก่อนก็ได้นะ ตอนนี้ว่าง สองที่เลย” เด็กฝรั่งอาสา ตาสีฟ้าเป็นประกายวิบวับ ท่าทางตื่นเต้นไม่แพ้เจ้าของวันเกิดเลยถูกวิคเตอร์จับขยี้หัวเล่นไปที

“ก็ขายทิ้งไปสักคันซี่ เก็บไว้สามคันยังไงก็ใช้ไม่หมดหรอก ระหว่างนี้ก็เอารถจอดไว้ที่ของอลันด์ก่อน”

“ขอคิดก่อนแล้วกัน แต่ตอนนี้อยากฟังเสียงน้องกบใจจะขาดแล้ว”

“เอาเลย มันเป็นของลูกแล้วนี่”

ทิวากานต์ฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวเป็นระเบียบ ถึงอย่างนั้นก็ไม่รีบร้อนจนดูตลก เขากดปลดล็อคและปุ่มคำสั่งให้หลังคาผ้าใบเปิดออก ไม่ถึงสามสิบวินาทีดีเจ้ากบขาวก็ปรากฏตัวให้เห็นเบาะหนังสีแดงสด

“แม่ - เจ้า - โว้ย!” คุณหมอตะโกนลั่น มือไม้สั่น “น้ำตาจะไหลขอเก้าอี้ด้วยครัช ทำไมสวยอย่างนี้ แบบนี้มันต้องลอง”

มาดผู้ดีเมื่อครู่หายเกลี้ยงประหนึ่งสับสวิตท์ ร่างสูงโย่งกระโดดพรวดเดียวก็เข้าไปนั่งหลังพวงมาลัยเรียบร้อย น้ำตาคลอเบ้าตอนสตาร์ทรถแล้วลองเร่งเครื่องจนได้ยินเสียงน้องกบคำรามเบาๆ ช่างไพเราะเสนาะหูอะไรอย่างนี้

“ไอ้แสบอยากนั่งไหม มาเลยๆ” มือหนากวักเรียกเด็กฝรั่งหยอยๆ เท่านั้นคนอายุน้อยสุดก็วิ่งไปเปิดประตูนั่งข้างคุณหมอบนรถเรียบร้อย

“สุดยอดอ่ะด็อก โคตรเท่”

“หึหึ” ทิวากานต์หัวเราะต่ำในลำคอพลางยืดอก เขาปรายตามองพ่อแล้วยิ้มให้อย่างที่ไม่เคยทำ “พ่อ ขอกระเป๋าตังค์หน่อย”

“หืม? จะเอาไปทำไม”

“เหอะน่า เมื่อกี้รีบไปหน่อยเลยไม่ได้เอาลงมาด้วย”

ถึงจะยังงงๆ แต่เมื่อลูกชายสุดที่รักยื่นมือมาขอพร้อมรอยยิ้มหวานเหมือนแม่มันวิคเตอร์ก็ยอมหยิบกระเป๋าสตางค์หนังสีดำของ Yves Saint Laurent วางแหมะบนฝ่ามือเนียนตามประสามือศัลย์ที่รักษามือยิ่งชีพ

“แต้งกิ้ว เดี๋ยวขอไปลองรถแถวหัวหินหน่อย ดึกๆ จะกลับมาคืนให้นะ ไปละ บาย” พูดจบปุ๊บทิวากานต์ก็เหยียบคันเร่งพาน้องกบพุ่งไปข้างหน้าปั๊บ ปล่อยให้คนเป็นพ่อกับผู้โดยสารข้างๆ หน้าเหวอกันแบบไม่ได้นัดหมาย

คือถ้ามันไม่เลวบ้างเนี่ยทำแบบนี้ไม่ได้นะครับอลันด์ขอบอกเลย!

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 05 [22.09.15]
«ตอบ #37 เมื่อ22-09-2015 13:44:22 »

เพราะตอนออกจากคอนโดมาก็ห้าโมงเย็นแล้วไม่แปลกใจสักนิดที่รถราจะติดจนน่ารำคาญ กระนั้นคุณหมอนักซิ่งสามารถซอกแซกออกซอยนู่นซอยนี้พาน้องกบมาถึงพระรามสองได้ภายในเวลาครึ่งชั่วโมง แดดร่มลงเยอะหลังคาที่ถูกปิดตอนอยู่ในเมืองก็ถูกเปิดออกอวดโฉมอีกครั้ง

อลันด์นั่งเท้าแขนข้างหนึ่งกับประตูรถให้ลมโกรกหน้าพัดผมกระจาย รู้สึกมึนตัวเองหน่อยๆ ที่ตกกระไดพลอยโจรไปเที่ยวต่างจังหวัดกับด็อกเถื่อนตอนเย็น แต่อีกฝ่ายบอกว่าแค่ไปกินข้าวแล้วกลับไม่เกินสี่ทุ่มแน่นอนเขาก็เลยไม่รู้จะกังวลทำไม แต่แม่เขาที่มักจะโทรมาหาตอนหกโมงเย็นคงช็อกน่าดูที่ลูกชายไม่รับโทรศัพท์ ขนาดด็อกวายังรีบจนลืมกระเป๋าสตางค์เขาเองก็รีบจนลืมโทรศัพท์ไว้บนห้องเหมือนกัน หวังว่าแม่จะไม่ตกใจจนรีบบึ่งจากลอนดอนมาตามหาตัวลูกชายหรอกนะ

“กาแฟสักหน่อยม่ะ”

“หืม? ขอโกโก้ปั่นแล้วกัน” ตาสีซีดปรือขึ้นเล็กน้อยมองป้ายร้านกาแฟสีเขียวตรงหน้า คุณหมอก็ขับรถเข้าไปตรงส่วนไดรฟ์ทรูจัดการสั่งของตัวเองกับคนข้างตัวเรียบร้อย พอจะจ่ายเงินก็เปิดกระเป๋าตังค์ที่ยึดจากพ่อมาหยิบบัตรเครดิตส่งไปมั่วๆ ใบหนึ่ง

“ให้ตายเถอะ มีแต่ดอลล่าร์ยูเอสกับดอลล่าร์ฮ่องกง ไม่คิดจะแลกเงินหน่อยหรือไง” คุณหมอบ่นอุบเมื่อรื้อกระเป๋าสตางค์แล้วเห็นแต่ธนบัตรต่างชาติกับเครดิตการ์ดเรียงกับเป็นแถว มีเงินไทยไม่ถึงสามพัน

“ใครใช้ให้เอาของเขามาล่ะ”

“ของๆ พ่อก็เหมือนของๆ ลูกไม่เคยได้ยินคำนี้เหรอ”

อลันด์ส่ายหัวพรืด บทจะกวนตีนหมอผ่าตัดนี่ก็ทำได้ดีเกินจนน่าถีบ ก่อนจะโงหัวขึ้นมาจากประตูรถหันไปมองคุณหมอที่นั่งผิวปากหลังพวงมาลัยรอกาแฟ “ว่าแต่วิคเตอร์เขาเป็นพ่อคุณจริงๆ เหรอ”

“เป็นเพื่อนกันมั้ง เขาก็บอกอยู่ว่าเป็นพ่อยังมาถามอีก”

“วิคเตอร์ยังดูหนุ่มเกินกว่าจะมีลูกชายอายุสามสิบขวบน่ะ อีกอย่างผมรู้สึกคุ้นหน้าเขายังไงไม่รู้”

ทิวากานต์ใช้ปลายนิ้วชี้เกาข้างแก้มเบาๆ ก่อนชี้ไปที่ป้ายบิลบอร์ดโฆษณาเครื่องดื่มชื่อดังยี่ห้อหนึ่งไม่ไกลจากร้านกาแฟ “ฉันไม่แปลกใจนะถ้าเด็กฝรั่งแบบเธอจะไม่รู้จักนภ แต่ถ้าไม่คุ้นหน้าพ่อฉันบ้างเนี่ยแสดงว่านายคงเป็นพวกหลังเขาไม่ก็อาศัยอยู่ในที่ห่างไกลความเจริญแบบขีดสุดน่ะ”

“พะ พรีเซ็นเตอร์โค้กคนนั้นที่เล่นหนังฮอลลีวู้ดด้วยอ่านะ” ทำไมอลันด์จะไม่รู้จัก ก็ลูกพี่ลูกน้องเขาคนหนึ่งชอบวิคเตอร์มากเลยน่ะสิ มิน่าถึงได้รู้สึกคุ้นๆ!

“ใช่ นั่นล่ะวิคเตอร์ พ่อฉันเอง เอ้า! โกโก้ปั่นได้แล้ว” ทิวากานต์ตัดบทเมื่อพนักงานยื่นแก้วกาแฟกับโกโก้ปั่นมาให้ หลังดูดไปสองอึกก็วางตรงช่องเก็บแล้วชับรถพุ่งกลับเข้าทางหลวงเอเชียสายสองมุ่งหน้าเพชรเกษมลงใต้ต่อ

เนื่องจากเป็นวันจันทร์ถนนออกต่างจังหวัดจึงค่อนข้างโล่ง ว่าที่ศัลยแพทย์ได้ทดสอบรถใหม่สมใจ ช่วงไหนถนนโล่งก็เหยียบสองร้อยนิดๆ ช่วงไหนรถเยอะก็แค่ร้อยหกสิบ แต่ถ้าถนนตรงไม่มีรถคันอื่นแตะเกือบสุดหน้าปัดก็มี เพราะงั้นออกจากร้านกาแฟไม่ถึงชั่วโมงดีก็เข้าเขตหัวหินแล้ว

“กินน้ำมันชิบหายยยยยยยยยยย” เสียงทุ้มโวยวายลั่นเมื่อน้องกบดับเครื่องสนิทในลานจอดรถของรีสอร์ทแห่งหนึ่งแล้วพบว่าเกจวัดน้ำมันแทบแตะตัวสัญลักษณ์รูปปั๊ม

อลันด์ตวัดตาสีซีดมองหน้าคุณหมอเอือมๆ ก็พี่แกเล่นเหยียบมิดแบบนี้น้องกบจะไม่กินน้ำมันเหมือนสูบได้ยังไง เขาเปิดประตูรถลงมายืดแข้งยืดขามองไปรอบๆ ได้ยินเสียงคลื่นอยู่ไม่ไกล นี่เขาก็นั่งเงียบมาตลอดทางไม่ได้ถามอีกคนเลยว่าพามาที่ไหน ถ้าถูกหลอกไปฆ่าคงต้องโทษตัวเองอย่างเดียว

“พามาที่ไหนเนี่ย”

“กว่าจะถามนะ ถ้าถูกหลอกไปฆ่าว่าไงเนี่ย บอกว่าพามากินข้าวไง”

“ที่โรงแรม?”

“ที่นี่แหละ ร้านเขาขึ้นชื่อ วิวดี อาหารอร่อย ป่ะเข้าไปข้างในเถอะ ช้ากว่านี้แสงหมดอดดูทะเลพอดี” คุณหมอแตะข้อศอกเด็กฝรั่งเบาๆ เป็นทำนองให้เดินไปข้างหน้า เขานำอลันด์เข้าไปข้างในคล่องแคล่วเหมือนคุ้นกับสถานที่ดี เมื่อมีพนักงานต้อนรับโผล่มาก็แจ้งความประสงค์ไป หลังจากนั้นหล่อนก็พาแขกต่างเชื้อชาติเข้าไปที่ส่วนห้องอาหาร

เด็กหนุ่มอดร้องว้าวออกมาไม่ได้เมื่อพนักงานสาวสวยพาพวกเขามาที่โต๊ะด้านนอกริมหาด โต๊ะที่ได้เป็นโต๊ะเตี้ยนั่งกับพื้น หากที่นั่งกลับไม่ใช่เบาะเหมือนที่เคยเห็นแต่เป็นเตียงขนาดผู้ใหญ่สองคนเอนนอนได้สบายหันหน้าออกสู่ชายหาดเห็นทะเลซัดคลื่นเข้าหาฝั่งเป็นระยะ บวกกับแสงเทียนสีเหลืองนวลเสริมบรรยากาศให้ยิ่งโรแมนติกเหมาะสำหรับคู่รักสุดๆ

คู่รักงั้นเหรอ...

“ยืนทำไม นั่งดิ” ตาสีซีดเหลือบลงต่ำมองคุณหมอตัวโตที่ลงไปกึ่งนั่งกึ่งนอนกระดิกเท้ารอบนฟูกเรียบร้อย ท่าทางแม่งชิลล์มาก บวกกับที่เหมือนจะมาบ่อยเดาได้ไม่ยากเลยว่าต้องเคยพาสาวในสังกัดนับไม่ถ้วนมาหลอกกินตับที่นี่เป็นแน่

สุดท้ายทนสายตาคุณหมอไม่ไหว เด็กฝรั่งหัวน้ำตาลอ่อนก็ยอมนั่งลงข้างๆ ช่วยกันเปิดเมนูสั่งอาหารเครื่องดื่มพอให้ไม่อดตายไปอีกมื้อแล้วก็นั่งรอ ช่วงนั้นท้องฟ้าก็ค่อยๆ ถูกย้อมเป็นสีดำพอดีตอนเกือบทุ่มสมกับเป็นหน้าร้อน

เครื่องดื่มมอทเทลสีสวยถูกนำมาเสิร์ฟเป็นอย่างแรก ก่อนตามด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยเป็นคำเล็กๆ จัดใส่ช้อนก้นหนา จานที่สองเป็นซีซาร์สลัด และจานหลักเป็นอาหารทะเลเผากินคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ดที่เล่นเอาเด็กฝรั่งซี้ดซาดลิ้นห้อยหน้าแดง ก่อนตบท้ายด้วยของหวานเบาๆ อย่างสตรอเบอร์รี่เชอร์เบท อิ่มจนท้องตึง ไหนจะลมทะเลที่พัดตีหน้า เสียงคลื่นที่เหมือนกล่อม เบาะเตียงที่ชวนซบผนวกกับเปิดเทอมวันแรก ไม่แปลกเลยที่เด็กหนุ่มตาปรือทำท่าจะหลับ

“อะไรกัน ง่วงแล้วเหรอ” ทิวากานต์หัวเราะในคอพลางเซ็นชื่อลงในใบเสร็จ “เสียใจนะ วันนี้คงเปิดห้องให้ไม่ได้พรุ่งนี้ต้องทำงาน”

อลันด์รีบเด้งตัวขึ้นจากเบาะ จู่ๆ ก็ขนลุกซู่ “เชิญคุณเก็บไว้เปิดกับสาวๆ ของคุณเถอะ”

“คิดไปถึงไหนเนี่ย ถึงฉันจะชอบบริหารเสน่ห์แต่สงวนไว้เฉพาะผู้หญิงนะครับ ผู้ชายขอเซย์โน” แต่นานๆ ทีก็ไม่เลว... ประโยคหลังทิวากานต์เก็บมันไว้ในใจไม่อยากทำกระต่ายตื่นตูมจนหมดสนุก

เขาแค่ชอบมองคนหน้าตาดี ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิงแค่สวยสะดุดตาก็น่ามองทั้งนั้น แต่ถ้าเจ๊าะแจ๊ะจริงจังจนถึงขั้นขึ้นเตียงขอสงวนไว้สำหรับสาวๆ ก็พอ กับผู้ชาย....รอเขาเกิดคึกอยากลองค่อยมาพูดกันอีกที

“ก็ดูคุณพูดดิ น่ากลัวชะมัด จู่ๆ มาเปิดหงเปิดห้อง”

สิ้นเสียงทุ้มมีเสน่ห์ของอลันด์ คุณหมอก็หัวเราะก๊ากไม่สนสายตาใคร ลองมาเห็นหน้ามึนๆ ของไอ้ตัวแสบขึ้นสีเลือดแบบเขินๆ จนหูแดงสิตลกจะตาย คิดได้ไงว่าเขาจะเอามันทำเมีย ถึงหน้าตาดีแบบที่เขาชอบมอง แต่รอลิงออกลูกเป็นปลากระเบนก่อนนะค่อยมาอ่อยใหม่

“ขำอะไรเล่า ไม่ตลกนะเว้ย”

“ขำเด็กคิดลึก อย่าบอกนะที่คิดแบบนี้เพราะหลงเสน่ห์ฉันอ่ะ ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าคนมันหล่อเป็นที่ต้องการต่อทั้งเพศตรงข้ามและเพศเดียวกัน”

“ฝันอยู่หรือไง แค่ไม่ไว้ใจด็อกเถื่อนแบบคุณต่างหาก”

“ไม่ไว้ใจแต่ก็ยอมตามมาถึงนี่ละนะ” หัวเราะหึหึอีกครั้งก่อนร่างสูงใหญ่จะลุกจากเตียง กวักมือเรียกเด็กฝรั่งให้ลุกตามไปด้วยกันเงียบๆ จนถึงน้องกบจึงหันมาถามคนตัวสูงเท่าไหล่ “ยังไม่สองทุ่มเลย ไปเดินเล่นที่ตลาดโต้รุ่งกันไหม”

“มันคืออะไร”

“ก็พวกร้านค้า ขายของฝาก ของกิน ขนม”

“ตามใจเถอะ” อลันด์เคลงหัวทำหน้ามึนตามสไตล์ เปิดประตูเข้าไปนั่งประจำที่ถึงเบลท์คาดเรียบร้อย ตอนนี้จะพาเขาไปไหนก็ไปเถอะเพราะให้เขากลับบ้านเองคงกลับไม่ถูก เงินก็ไม่มีติดตัวสักบาท

“โอเค”



กว่าทิวากานต์วนรถหาที่ปลอดภัยจอดน้องกบได้ก็สองทุ่มเป๊ะ เขาพาเด็กต่างชาติเดินดูร้านค้าสองข้างทางไปเรื่อยๆ เห็นอะไรน่าสนใจก็เข้าไปดูแต่ไม่ได้ซื้อ ที่จะยอมเสียเงินก็มีแค่ขนมไทยที่อลันด์เห็นแล้วสนใจถึงซื้อมาให้ลองกิน

“ว่าแต่วันนี้คุณไม่ทำงานหรือไง ผมเห็นออกไปตั้งแต่เช้านึกว่าไปทำงานซะอีก” เด็กหนุ่มว่าพลางแทะขนมเบื้องรสหวานเจี๊ยบ

“ไปทำบุญวันเกิดให้ตัวเองกับแม่มา เชื่อไหมว่าฉันกับแม่เกิดวันเดียวกันล่ะ ถึงอย่างนั้นแม่ฉันก็ชอบแอบมาเซอร์ไพรส์วันเกิดอยู่เรื่อย แต่ละปีไม่เคยซ้ำพล็อตกันเลยแล้วฉันก็จับไม่ทันสักครั้ง” ยามพูดถึงมารดาผู้ล่วงลับ ใบหน้าหล่อเหลาของคุณหมอตัวสูงก็เคลือบไปด้วยรอยยิ้มและความสุขฉายชัดบนดวงตาสีน้ำผึ้ง

“แล้วคุณไม่เคยเซอร์ไพรส์แม่กลับบ้างหรือไง”

“เคย แต่ไม่เคยสำเร็จ” คุณหมอยิ้มตาหยี “แม่ฉันจับผิดเก่งสุดๆ ตีหน้าเล่นละครเป๊ะขนาดไหนก็โดนจับได้ทุกที”

“แล้วปีนี้ล่ะแม่คุณไม่ได้มากับวิคเตอร์นี่ แล้วออกมาแบบนี้จะเซอร์ไพรส์กันยังไง”

“ไม่มีเซอร์ไพรส์มาสองปีแล้วตั้งแต่แม่ฉันเสีย”

“เอ่อ... เสียใจด้วยนะ”

“ไม่ต้องทำหน้าเศร้าน่า มันเป็นสัจธรรมชีวิต” มือหนาแตะลงบนกลุ่มผมสีช็อกโกแลตนมก่อนขยี้เบาๆ “แต่ถึงเขาไม่อยู่ก็มีวิคเตอร์มาเซอร์ไพรส์แทนทุกปี ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก”

“ดูเหมือนคุณไม่สนิทกับเขาเท่าไหร่” อลันด์ว่าตามที่เห็น ถึงแด๊ดจะดุและเข้มงวดกับเขามากแต่ไม่เคยโต้เถียงกันเหมือนคนนอกแบบที่ทิวากานต์ทำกับวิคเตอร์เลย

“ประมาณนั้น เอาจริงๆ นะ ชีวิตฉันมันตลกมากเลยขนาดเอาไปสร้างเป็นละครได้เลย ฉันเพิ่งรู้ว่าวิคเตอร์เป็นพ่อฉันก็ตอนแม่เสีย หมอนั่นมายืนร้องไห้ที่งานศพแล้วก็เดินมาบอกว่าเป็นพ่อ คิดดูแล้วกันว่าตอนนั้นฉันจะรู้สึกยังไง แม่ฉันเป็นซิงเกิ้ลมัม เราอยู่กันมาสองคนตลอด เด็กๆ ก็รู้สึกน้อยใจที่ไม่มีพ่อ แต่เพราะแม่ทำหน้าที่ทั้งพ่อทั้งแม่ได้ดีมากจนฉันคิดว่าเรามีกันแค่สองคนก็พอแล้ว แล้วจู่ๆ ดาราฮ่องกงชื่อดังถึงขั้นเล่นหนังฮอลลีวู้ดก็เดินมาบอกว่าเป็นพ่อฉันตอนที่แม่ตาย ฉันเลยนึกว่ากำลังถ่ายรายการสาระแนซ่อนกล้องอยู่อะไรแบบนี้ หัวเราะจนพระมองค้อนเลยล่ะ”

ทิวากานต์เล่าไปหัวเราะไปดูไม่มีอาการเสียใจหรือเจ็บปวดอะไรสักนิด หากนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนกลับหม่นลงยามทอดมองไปข้างหน้า

“แต่พอรู้ว่าเขาเป็นพ่อฉันจริงๆ มันก็ช็อกล่ะนะ ที่สำคัญเขาก็มาเอาตอนที่ฉันอยู่คนเดียวได้แล้ว ความรู้สึกที่มีให้เขามันเลยออกจะเฉยชากึ่งๆ ไม่ชอบขี้หน้า คิดดูสิปล่อยให้แม่เลี้ยงฉันคนเดียวมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้วกลับมาในวันที่สายไป จะให้เราสนิทกันมันก็ไม่ใช่ป่ะล่ะ มันแค่ไม่ชอบแต่ก็ไม่ถึงกับเกลียด”

ไอ้ตัวแสบก้มหน้าแทะขนมเบื้องเงียบๆ งดออกความเห็น เรื่องในครอบครัวคนอื่นก็ต้องให้เขาจัดการกันเอง คนนอกจะไปเสนอคงไม่ใช่เรื่อง ทั้งที่อยากบอกว่าวิคเตอร์ดูรักทิวากานต์จะตายไม่งั้นคงไม่ซื้อรถซูเปอร์คาร์ให้หรอก

“แต่มีเรื่องตลกอยู่เรื่องนึงนะ”

“หืม” คนเด็กกว่าเงยหน้ามองเสี้ยวคางเรียวได้รูปของคุณหมอ เลิกคิ้วหนาสีน้ำตาลขึ้นน้อยๆ ชีวิตรันทดขนาดนี้ยังมีเรื่องตลกอีกเหรอ

“ตอนฉันอายุสักสิบสี่สิบห้านี่แหละ จู่ๆ ดันอยากรู้ว่าพ่อคือใคร ฉันไม่เคยถามแม่ก็ไม่เคยบอก วันนั้นกลับจากโรงเรียนแล้วนึกครึ้มใจพอดีเลยลองถามดู ตอนนั้นแม่นั่งฉันดูทีวีอยู่ ถามจบปุ๊บแม่ก็ชี้ไปที่ทีวีพอดีกับโฆษณาที่วิคเตอร์เป็นพรีเซ็นเตอร์ขึ้นพอดี ฉันหัวเราะลั่นบ้านเลยคิดว่าแม่อำเล่น ก็แม่ฉันน่ะบ้าพวกดารานักร้องมาก ที่ไหนได้...แม่พูดความจริงแล้วฉันไม่เชื่อเองต่างหาก”

อลันด์หัวเราะก๊ากกับคำสารภาพของคุณหมอ มันก็ตลกร้ายอยู่นะแต่หน้าทิวากานต์ตอนเล่ามันเซ็งได้ใจจนคนฟังกลั้นขำไม่อยู่ แต่ชักจะขำมากเกินความจำเป็นเลยถูกคุณหมอขยี้หัวเล่นไปอีกที

“มากไปๆ”

“ตลกอ้ะ” เด็กฝรั่งอมยิ้มอีกครั้งก่อนเดินนำคุณหมอดูร้านรวงสองข้างทางต่อ อลันด์วิ่งเข้าร้านนู้นออกร้านนี้ตามแต่ที่เห็นอะไรน่าสนใจ บางครั้งเร็วจนหายไปจากสายตาคุณหมอให้ต้องชะเง้อหาบ่อยๆ กลัวเอาลูกเขามาทิ้งไว้ที่นี่แล้วมาดามโอเนลล์จะตามมาบีบคอถึงบ้าน

หลังแวะซื้อน้ำขวดแป๊บๆ ไม่ทันไรเด็กฝรั่งหน้าตายก็หายไปอีกหน ทิวากานต์ชะเง้อคอมองหากลุ่มผมสีอ่อนท่ามกลางผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ หันซ้ายหันขวาไม่เจอหากก่อนจะได้เริ่มร้อนใจเสียงทุ้มคุ้นหูก็ดังลอยเข้ามาในหู

“When I find myself in times of trouble
Mother Mary comes to me
Speaking words of wisdom, let it be
And in my hour of darkness
She is standing right in front of me
Speaking words of wisdom, let it be
Let it be, let it be
Let it be, let it be
Whisper words of wisdom, let it be1


เจ้าเด็กหน้ามึนเผลอแป๊บเดียวก็วิ่งไปขอกีตาร์นักดนตรีเปิดหมวกมาดีดเล่นซะแล้ว แถมยังเล่นเพลงของ The Beatles เสียด้วย ตั้งแต่เห็นความสามารถเจ้าตัวไปเมื่อวันสงกรานต์รวมกับวันนี้ก็ต้องบอกว่ามีฝีมือจริงๆ น้ำเสียงทุ้มห้าวแบบเด็กผู้ชายเข้าได้ดีกับเสียงกีตาร์ที่บรรจงดีดให้ทำนองเสียงหนักเบา รวมกับใบหน้าหล่อคมเข้มอย่างชาวตะวันตกยิ่งทำให้เป็นที่สะดุดตาเข้าไปใหญ่ นักท่องเที่ยวหลายคนหยุดฟัง บ้างก็ตบมือตามจังหวะหรือไม่ก็ร้องคลอตามบทเพลงอมตะ

“There is still a light that shines on me
Shine on until tomorrow, let it be…”


เสียงตบมือดังเกรียวกราวเมื่อเจ้าเด็กแสบร้องจบ แบงค์ยี่สิบบ้างเหรียญสิบบ้างกะเอาคร่าวๆ ด้วยสายตาสักร้อยกว่าบาทถูกโยนใส่กล่องกีตาร์

ตาสีฟ้าซีดมีประกายภาคภูมิใจก่อนยักคิ้วให้คุณหมอตัวสูงเมื่อเห็นอีกคนในคลองสายตา “เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดเพื่อนบ้านที่น่ารักของผม ผมเลยอยากจะร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้เขาเสียหน่อย แต่ผมไม่ค่อยถนัดเพลงไทยเท่าไหร่ใครร้องได้ก็ช่วยร้องให้ด้วยนะครับ”

นายแพทย์ทิวากานต์เลิกคิ้วสูง รู้ดีอยู่หรอกที่ไอ้เด็กแสบจะร้องเพลงอวยพรให้แต่มันสังหรณ์ใจแปลกๆ ยังไงไม่รู้

“พอทราบอายุขวัญตา น้องเอยพี่มานั่งทำตาปริบ ปริบ2

ซื้อ - หวย - ทำ - ไม - ไม่ - ถูก - แบบ - นี้ - บ้าง - !

แค่ร้องท่อนแรกทิวากานต์ก็อยากจะวิ่งพุ่งกลับไปหาน้องกบขับรถเข้ากรุงเทพทิ้งไอ้เด็กหน้าตายไว้ที่หัวหินให้รู้แล้วรู้รอด ไอ้เด็กเวรนั่น! ทำเขาอายแล้วยังมีหน้ามายักคิ้วหลิ่วตาให้อีก มันน่าจับเอากีตาร์ฟาดสักที ทำไมมันกวนโอ๊ยแบบนี้ เมื่อกี้ไม่น่าชมมันเลยให้ตายเถอะ!!!

“น้องอายุสามสิบ สามสิบทำไมยังสวย
ยังเต่ง ยังตึง ตึงตัง น้องเอยขาวจัง ขาวดังอาม่วย
ยิ้มก็หวานเสียด้วย ป๋าป่วยยังมองตาแป๋ว
โถใครจะเชื่อ ว่าแม่บุญเหลืออายุมากแล้ว
สาบสิบยังแจ๋ว แจ๋วเสียจนน่าจีบ
โอ้แม่มะพร้าวเนื้อตัน น้องเอยมามันเอาเมื่อตอนสามสิบ
โอ๊ยแม่แก้มสองหยิบ สามสิบดูซิยังสวย”


เสียงตบมือเป่าปากด้วยความชอบใจดังลั่นตลาดโต้รุ่งเสียยิ่งกว่าตอนที่อลันด์ร้องเพลง Let It Be ประมาณสามสี่เท่าได้ ไอ้เด็กหน้าตายฉีกยิ้มหน้าบานจนถึงใบหู มันน่าปล่อยทิ้งไว้ที่หัวหินจริงๆ นะจะบอกให้!

.
.
.

สองหนุ่มต่างวัยกลับถึงที่พักเกือบห้าทุ่ม อลันด์หน้าบูดเป็นตูดหมีเพราะถูกทิวากานต์บ่นมาตลอดทางสองร้อยกิโลเมตรจากหัวหินถึงอโศก ดูเหมือนคุณหมอไม่ค่อยอยากจะยอมรับกับตัวเองเสียเท่าไหร่ว่าอายุย่างเข้าเลขสามแล้ว แหม่...หน้ายังใสเด้งอย่างกับเพิ่งยี่สิบสี่ทำบ่น เด็กหนุ่มเลยแอบเตะน้องกบไปทีตอนลงจากรถเป็นการแก้แค้นแล้วรีบวิ่งกลับขึ้นมาก่อนไม่อยู่รอให้คุณหมอตามมาหักคอข้อหาประทุษร้ายลูกรัก

ทิวากานต์ยังคงบ่นอุบอิบคาดโทษไอ้เด็กแสบในใจยาวเป็นหางว่าว เห็นมันน่ารักหน่อยไม่ได้หาเรื่องกวนประสาทมาหักล้างความคิดได้ตลอด

เขาเปิดกระเป๋าเงินของวิคเตอร์สำรวจดูความเสียหายระหว่างอยู่ในลิฟต์ ธนบัตรสีเทาสกุลบาทที่มีอยู่สามใบถูกดึงมาใช้ใบหนึ่งซื้อของกินเล่นให้อลันด์ไปไม่ถึงร้อย เงินทอนที่เหลือถูกยัดลวกๆ อยู่ในนั้นพร้อมสลิบบัตรเครดิตที่เขาใช้รูดเป็นค่าอาหารกับค่าน้ำมันขากลับ หากแต่ที่สะดุดตาเอาตอนนี้กลับเป็นรูปถ่ายเก่าๆ ขนาดสองนิ้วครึ่งที่แอบอยู่หลังช่องใส่บัตรเครดิต คงแพล่มออกมาตอนเขาดึงบัตรไปรูดค่าน้ำมัน

ตาคมสีน้ำตาลอ่อนทอแสงอ่อนลง เขาพับกระเป๋าปิดเหมือนเดิมระหว่างกดรหัสเปิดประตูเข้าบ้าน ห้องชุดแบบ Duplex มืดสลัว มีเพียงแสงไฟนัวๆ จากตรงบันไดที่เปิดอัตโนมัติไว้เท่านั้น หากการที่เครื่องปรับอากาศยังคงทำงานอยู่แสดงว่าวิคเตอร์ไม่ได้ไปไหนแต่ยังรอเขาอยู่ที่ห้อง

คุณหมอหนุ่มเปิดไฟให้ห้องชั้นล่างสว่างก่อนเดินขึ้นบันไดไปห้องนอนเล็กที่เคยเป็นห้องของแม่ วิคเตอร์นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงขนาดสามฟุต ทิวากานต์ไม่อยากปลุกอีกฝ่ายมาเผชิญหน้ากันให้เกิดความอึดอัดเสียเปล่าๆ จึงเลือกวางกระเป๋าสตางค์มูลค่าสูงกว่าเงินสดที่ใส่ไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงแล้วเลี่ยงออกไปเงียบๆ

บุหรี่นอกตัวเล็กถูกจุดไฟท่ามกลางความมืด เผลอแป๊บเดียวก็หมดวันเกิดเขาเสียแล้ว ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจะของขวัญวันเกิดชิ้นที่สองจากพ่อจะเป็นรถราคายี่สิบกว่าล้าน ชิ้นแรกเมื่อปีที่แล้วยังเป็นแค่นาฬิกาโอเมก้าแบบสปอร์ตธรรมดาๆ แต่คิดไปแล้วก็ไม่แปลกใจ ไอ้ซีโฟร์ที่จอดอยู่ข้างล่างนั่นเขาก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่าวิคเตอร์หุ้นเงินกับแม่คนละครึ่งซื้อให้เขาเป็นของขวัญรับปริญญา

“เป็นหมอแต่มาสูบบุหรี่แบบนี้คนไข้ที่ไหนเขาจะเชื่อถือ”

คิดถึงเสือ เสือก็มา

ทิวากานต์เงยหน้ามองผู้ชายตัวสูงใหญ่ไม่ต่างกับเขาก่อนหันไปสนใจบุหรี่ในมือต่อ ไม่ต้องมองก็รู้สึกได้ว่าวิคเตอร์ย่อตัวลงนั่งข้างเขา

“ชอบของขวัญไหม”

“ก็ดี แต่กินน้ำมันโคตร”

“ชอบก็บอกว่าชอบไม่เห็นต้องอ้างเรื่องอื่น”

“ชอบ!” คุณหมอหนุ่มกระแทกเสียงใส่คนเป็นพ่อลั่น อีกเหตุผลที่ไม่ชอบวิคเตอร์ก็เพราะชอบกวนประสาทเขานี่แหละ

“ก็แค่นั้น” นักแสดงชื่อดังหัวเราะในลำคอก่อนลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เขาก้มมองนาฬิกาก่อนตีหน้าเสียดาย “พ่อต้องไปแล้วล่ะ พรุ่งนี้มีงานต่อที่เซี่ยงไฮ้”

“ก็ไปสิ จะบอกทำไม”

“เปล่า แค่อยากให้รู้ อ่อ เห็นนภบอกว่ากำลังจะสอบเป็นหมอศัลย์ใช่ไหม พ่อไม่ค่อยรู้อะไรหรอกแต่ตั้งใจอ่านหนังสือนะ ถ้าสอบผ่านหมดเดี๋ยวจะส่งค่าน้ำมันมาให้”

“ผม - หา - เอง - ได้”

“ก็พ่ออยากให้อ่ะ” เขาทำเสียงเล็กเสียงน้อยไม่เข้ากับวัยและหน้าตาก่อนฉีกยิ้มกว้างให้ลูกชาย ฝ่ามือหนาเริ่มปรากฏร่องรอยแห่งวัยขยี้ลงบนกลุ่มผมสีดำสนิทเบาๆ อย่างที่อยากทำมาตลอดตั้งแต่ทิวากานต์เกิด แต่กว่าจะได้ทำก็รอเวลาผ่านไปตั้งสามสิบปี ช่างเป็นการรอคอยที่ยาวนานเหลือเกิน

“น่ารำคาญเว้ย มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย” คุณหมอปัดมือคนเป็นพ่อพัลวัน ใบหน้าหล่อเหลาแทบถอดแบบมาจากบิดาง้ำงอไม่น่าดู กระนั้นวิคเตอร์ยังส่งยิ้มให้อีกคนไม่ถือสา

“ไปแน่ล่ะ สุขสันต์วันเกิดนะวา มีความสุขมากๆ พ่อรักลูกนะ”



วิคเตอร์กลับไปนานแล้วแต่ทิวากานต์ยังนั่งอยู่ที่เดิม กำลังสูบบุหรี่ตัวที่สามของคืนนี้ คำว่ารักของผู้ให้กำเนิดยังวนเวียนอยู่ในหัว

รักงั้นเหรอ

วิคเตอร์ก็คงรักเขาจริงๆ นั่นแหละ แต่มาบอกให้เขารู้ช้าไปจนตอนนี้มันยังเดินทางไม่ถึงหัวใจเขาเลย คงต้องใช้เวลา...ทิวากานต์คิดว่างั้น แม้ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่กว่าที่รักของพ่อจะสัมผัสกับหัวใจของเขาได้สักที



TBC

ว่าจะมาลงเมื่อวาน แต่งานยุ่งๆ เลยไม่ได้ลง วันนี้มีเวลาว่างก็เลยรีบเอามาลงก่อนลืมอีก
อ่านคอมเม้นต์แล้วตกใจนิดหน่อยไม่คิดว่าจะมีคนเชียร์พ่อเฮนรี่ที่สามขนาดนี้ 555
คนนี้เขาเกิดมาเพื่อเป็นพระรอง(ซีรีส์เกาหลี)จริงๆ ค่ะ
ว่าแต่ไม่มีใครชอบหมาขนทองตัวโตแบบหนุ่มทอมบ้างเหรอคะ *w*

แล้วเจอกันตอนหน้าค่าาาาา
 :mew1:

------------------

1 Let It Be - The Beatles
2 สามสิบยังแจ๋ว - เวอร์ชั่นป้าง นครินทร์

เอาโฉมหน้าน้องกบของพี่วามาให้ยลค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-09-2015 14:47:46 โดย บัวน้อย ไร่แตงโม »

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
อุ้ยยยคุณพ่อของขวัญวันเกิดนี่ฝุดๆอ่ะ

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
รักคุณพ่อแทนแล้วอ่ะะะ(หลายใจจิงฉันนนน)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ฉันอยากเห็นหมอปล้ำเจ้าฝรั่งน้อยละ

ออฟไลน์ karmdodcom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
#ทีมวิคเตอร์

..เอ๊ะ เหมือนผิดคนรึเปล่า??

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เพิ่งได้อ่านตอนที่แล้วกำลังหันหน้าไปเชียร์ท่านเฮนรี่ที่สามอยู่ พอมาเจอตอนนี้ เอะชักลังเลจะเชียร์หมอดีไหม

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
วันพิเศษก็ต้องฉลองกับคนพิเศษสินะ
หมอวาอย่ากลืนน้ำลายตัวเองก็แล้วกันว่าจะไม่คิดอะไรกับเด็กแสบ
อย่ามัวชะล่าใจเจมส์ไปแล้วยังเหลือพี่นภอีกคน

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
ชอบอ่ะ    ค่อยๆเป็นค่อยๆไป แต่มีความพิเศษซ่อนอยู่ในนั่น  ละมุนเว่อร

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
แปะก่อนนะคะ ช่วงนี้สอบเดี๋ยวกลับมาเม้นน้า T _ T

ออฟไลน์ sb_ng

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
รู้สึกหวั่นไหวกับคุณพ่อ 555555555
น่ารักกกกกกอ่ะ คุณพ่อน่ารักกกก
ความสัมพันธ์หมอวากับคุณพ่อก็ต้องใช้เวลาและความใส่ใจกันเนอะ
ขอให้ความสัมพันธ์พ่อลูกดีขึ้นในเร็ววัน
รถหมอวานี่แซ่บทุกคันนน เหมือนคนใช้และคนให้สินะ 5555555
รอติดตามต่อจ้าาา

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 06 [26.09.15]
«ตอบ #49 เมื่อ26-09-2015 10:34:39 »

TRACK 06



อากาศเมืองไทยร้อนเสียจนอลันด์คิดว่าไขมันที่ตุนไว้ใช้ช่วงหน้าหนาวน่าจะละลายหายไปบ้าง แต่หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งล่าสุดที่โรงพยาบาลเขากลับพบว่ามันเพิ่มขึ้นมาตั้งสิบห้ากิโลกรัมหลังย้ายมาอยู่เมืองไทยได้เพียงสี่เดือน ต้องยอมรับอย่างลูกผู้ชายว่าอาหารที่นี่อร่อยจนหยุดกินไม่ได้ โดยเฉพาะวันที่ไปซ้อมดนตรีที่บ้านนภ เด็กฝรั่งมักจะกินบรรดาอาหารที่แม่ของนักร้องหนุ่มทำไว้ให้เสียราบคาบ

วันนี้เป็นอีกวันที่อลันด์จะไปซ้อมดนตรีและเป็นโอกาสดีที่จะได้เจอนภอีกครั้งหลังจากเจ้าตัวติดงานยาวจนไม่ได้เจอหน้ากันมาสองสัปดาห์ มีเพียงข้อความแชทส่งหากันเพื่อปรึกษาเรื่องดนตรีเท่านั้น

ร่างสูงน้อยกว่ามาตรฐานชายไทยนิดเดียวแบกกระเป๋าใส่กีตาร์คู่ใจเข้าร้านกาแฟชื่อดังร้านประจำที่มาใช้บริการทุกครั้งที่ต้องมาเล่นดนตรีที่โรงพยาบาล สั่งเมนูเดิมๆ ที่พนักงานแทบจะหยิบแก้วมาเขียนทันทีที่เห็นหน้าก่อนเดินไปหย่อนอุปกรณ์คู่ชีวิตไว้บนเก้าอี้ตัวติดกระจก ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายโมง นภบอกว่าจะขับรถมารับตอนบ่ายโมงครึ่ง เด็กฝรั่งเลยมีเวลานั่งชิล เขียนไอเดียใหม่ๆ ที่คิดได้ลงบนสมุดโน้ตเล่มเล็กไปเรื่อย

ก็อกๆ

ตาสีฟ้าซีดเงยขึ้นมองตามเสียงเคาะก่อนสบเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาของว่าที่คุณหมอศัลย์ตัวสูง ทิวากานต์ฉีกยิ้มมาให้ก่อนเดินเข้ามาในร้าน สั่งกาแฟกับพนักงานแล้วถึงค่อยมานั่งตรงข้ามกับเขา

“เมื่อเช้านั่งแท็กซี่มาเหรอ” คุณหมอเปิดปากถามหลังจากวานิลลาลาเต้ในแก้วมัคถูกวางลงบนโต๊ะ

“อืม” กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่ทุกวันเสาร์เด็กฝรั่งจะติดรถเพื่อนบ้านมาที่โรงพยาบาล แต่เมื่อเช้าเจ้าเด็กฝรั่งตื่นสายโด่งเลยมาไม่ทันคุณหมอที่หน้าบ้านอย่างเคย

อลันด์ลอบมองชายตรงหน้าเงียบๆ ทิวากานต์ยังดูดีและหล่อเหลาเหมือนเคย น้ำหอมที่เลือกพรมมาวันนี้ก็ให้กลิ่นอบอุ่นน่าเข้าใกล้ หากดวงตาที่มักทอประกายกลับดูลึกโหลเหมือนคนอดนอน ร่างกายซูบผอมผิดกับตัวเขาที่ขยายข้างเอาทุกวัน เหมือนได้ยินเจ้าตัวบ่นในลิฟต์อยู่เมื่อหลายวันก่อนว่าใกล้เข้าสู่ช่วงสอบแล้ว งานประจำที่โรงพยาบาลก็หยุดชั่วคราวเหลือเพียงรับจ็อบ GP ที่นี่ไว้เป็นค่าข้าวตัวเองกับลูกรักทั้งสามเท่านั้น เห็นแบบนี้แล้วชักสงสารอยากเอาไขมันตัวเองแบ่งให้เพื่อนบ้านสูงวัยบ้างสักนิดก็ยังดี

พูดถึงเรื่องสอบ...เขาเองก็ใกล้จะสอบแล้วนี่หว่า

ตอนนี้อลันด์ได้มหาวิทยาลัยที่เรียนต่อเป็นที่แน่นอนแล้ว แต่เรื่องสอบปลายภาคที่ใกล้เข้ามานี่สิ เขายังไม่ได้อ่านหนังสือทบทวนสักตัว!

วันไหนไม่ได้ไปซ้อมกลับถึงห้องทำการบ้านเสร็จก็หลับเป็นตาย เสาร์อาทิตย์ก็เล่นดนตรีตลอด ถ้าคะแนนจบออกมาไม่ดีโดนแด๊ดบินมาเชือดถึงที่แน่ๆ ไหนจะสอบ A-Level อีกล่ะ ดีว่าวิชาคณิตศาสตร์ต่างๆ ที่เขาถนัดที่สุดทยอยสอบบ้างแล้วเหลือแต่พวกวิทยาศาสตร์ตัวยากๆ นี่แหละ แล้วไม่รู้เขาจะลงสอบทำไมเยอะแยะหลายวิชา แค่คิดก็เครียดจนปวดหัวตุบแล้ว

“เป็นอะไร ทำหน้าเครียดเชียว”

“ยังไม่ได้อ่านหนังสือสอบเลยน่ะสิ”

“หืม จะสอบแล้วเหรอ” ตาเรียวดุเลิกขึ้นแปลกใจน้อยๆ ความรู้สึกเมื่อครั้งเห็นเจ้าเด็กฝรั่งใส่ชุดนักเรียนครั้งแรกเหมือนเพิ่งผ่านมาไม่นานนี้เอง แป๊บๆ จะหนีไปใส่ชุดนักศึกษาเสียแล้ว เวลามันไม่เคยคอยใครจริงๆ

“อ่าฮะ ถ้าคะแนนออกมาไม่ดีต้องโดนแด๊ดด่าแน่”

“งั้นก็ไปอ่านหนังสือสิจะมานั่งบ่นทำไม แล้วช่วงใกล้สอบก็งดซ้อมดนตรีไปก่อน”

อลันด์พยักหน้ารับ คงต้องทำอย่างที่คุณหมอว่า นี่ถ้ายังอยู่ที่อังกฤษเขายังมีเพื่อนช่วยติวให้ แม้แต่เจมส์ที่ไม่ชอบหน้ากันเท่าไหร่ก็ยังมาช่วยเมื่อใกล้ช่วงสอบ แต่ที่โรงเรียนใหม่เขาไม่มีเพื่อนสนิทเลย จะมีที่พอคุยกันได้ก็แค่โรเจอร์คนเดียว และหมอนั่นไม่ได้ฉลาดเสียด้วยสิ

“ทำหน้าหงอยเชียว ซีเรียสกับการสอบขนาดนั้น”

“นิดนึง แค่ไม่อยากให้มันแย่ อุตส่าห์ทำดีมาตั้งนาน ถ้าตกเพราะมาอยู่คนเดียวมันน่าสมเพชจะตาย”

ทิวากานต์ถอนหายใจเบาๆ เขาวางสมาร์ทโฟนลงบนโต๊ะก่อนดึงปากกาสไตลัสออกมาจิ้มๆ หน้าจอ “สอบวันไหนบ้าง”

“ก็...เกือบทั้งเดือน”

“งั้นจดมาว่าวันไหนสอบวิชาไหน เดี๋ยวช่วยติวให้”

“หืม?” ตาสีซีดเงยขึ้นมองหน้าคนพูดไม่เชื่อหู คุณหมอท่าทางเหมือนซอมบี้เนี่ยนะจะช่วยติวให้เขา

“ข้อสอบเด็กมัธยมไม่ยากหรอกน่า ฉันมีพวกโน้ตสรุปเก็บไว้เยอะ เดี๋ยวเอามาให้อ่าน”

“เหะๆ” เด็กฝรั่งอมยิ้มชอบใจ รีบฉวยปากกาสไตลัสกับโทรศัพท์ของคุณหมอมาจดตารางสอบตัวเองให้อีกฝ่ายดู ทิวากานต์รับกลับมาแล้วพยักหน้าบ่นงำงึมกับตัวเอง

“งั้นเริ่มคืนนี้เลยแล้วกัน วิชาแรกชีวะใช่ไหม วิชาถนัดฉันเลยล่ะ”

แหงล่ะ...เป็นหมอไม่ถนัดชีวะมันก็กระไร เด็กฝรั่งบ่นในใจพลางเหลือบมองคนตรงข้ามเป็นระยะ จู่ๆ ก็เสนอตัวช่วยเขาไม่รู้ว่าสงสารจริงๆ หรือวางแผนชั่วอะไรไว้หรือเปล่า

“ไม่ได้หลอกไปฆ่าหมกส้วมหรอกใช่ไหม ช่วงนี้คุณก็ต้องสอบเหมือนกันนิ ไม่ยุ่งหรือไง”

ทิวากานต์ฟังเด็กฝรั่งตาสีฟ้าพูดแล้วก็หัวเราะก๊ากลั่นร้านกาแฟแทบสำลักลาเต้ที่เพิ่งจิบไปเมื่อครู่ ไอ้เด็กเวรนี่ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นคนดีบ้างเลยหรือไงวะ “ไม่ได้ยุ่งมากหรอก แค่ไม่ค่อยได้นอนเพราะอ่านหนังสือหนัก แล้วที่อาสาติวเนี่ยไม่ใช่อะไร ฉันจะได้ทบทวนด้วยก็แค่นั้น อ่านแต่เรื่องหนักๆ อย่างเดียวปวดหัวตายชัก เอาไอ้วิชาพื้นฐานพวกนี้มาเบรกบ้างก็ดี”

“งั้นเรอะ โอเคก็ได้ คืนนี้ใช่ไหม”

“เยส” คุณหมอพยักหน้า

“ขอบคุณนะด็อก”

“ไม่เป็นไร ถือว่าช่วยเหลือแมวหลงถิ่น” ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองนาฬิกาข้อมือ “งั้นเริ่มสักสองทุ่ม กินข้าวให้เรียบร้อยค่อยมาเคาะห้องแล้วกัน มาให้ตรงเวลาด้วยฉันไม่ชอบคนไม่รักษาเวลา” ท้ายเสียงกดต่ำเหมือนขู่แต่สายตาจริงจัง เจ้าแมวหลงถิ่นตัวอวบถึงกับลอบกลืนน้ำลายเพราะไม่เคยเจอโหมดโหดของคุณหมอมาก่อน

“ได้”

ดีลกันเสร็จเรียบร้อยโทรศัพท์ของเด็กฝรั่งก็มีสายเข้าพอดี เด็กหนุ่มผมสีนมช็อกโกแลตกดรับพูดคุยสองสามคำจึงวางสาย “พี่นภมารับแล้ว ผมไปก่อนล่ะ”

คุณหมอชูแก้วมัคลาแทนการโบกมืออย่างทุกครั้ง มองตามหลังอลันด์ไปจนเห็นร่างเล็กๆ นั่นขึ้นมินิคูเปอร์ของนักร้องหนุ่ม อย่าว่าแต่อลันด์งงเลยเขาเองก็งงที่เสนอตัวช่วยไอ้เด็กแสบนั่นอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าให้เลือกเหตุผลระหว่างเพราะเหงาที่ช่วงนี้ไม่มีใครกับเพราะที่มาดามโอเนลล์ขอร้องให้ช่วยดูแลลูกชาย เขาคงตอบข้อหลังทันทีโดยไม่ลังเล

.
.
.

เสียงกีตาร์ดีดบรรเลงเป็นเพลงของวงร็อคในตำนานอย่าง The Beatles คลอด้วยเสียงร้องแหบแห้งเป็นเอกลักษณ์ดังไปทั่วห้องซ้อมใต้ดินของบ้านพันธุกานต์มาหลายชั่วโมงแล้ว ลูกชายเจ้าของบ้านที่วันนี้ได้หยุดพักเสียทีนอนกระดิกเท้าฟังอยู่บนโซฟาพลางฮัมตาม ขณะที่ตาก็จับจ้องเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กในมือไม่ห่าง จนเด็กลูกครึ่งดีดโน้ตตัวสุดท้ายจบเขาก็กระเด้งตัวขึ้นมาฉีกยิ้มหวานให้

“แสบ เรามาทำอะไรสนุกๆ กันดีกว่า”

“ทำอะไร” เด็กหน้าตายชะงักมือที่กำลังจะเล่นเพลงต่อไป เขาว่าจะลองฝึกเพลงของจิมมี่ เฮนดริกซ์ดูบ้างแต่เหมือนว่าเรื่องสนุกของนภคงไม่เกี่ยวด้วยแน่ๆ

“อัดคลิปลงยูทูปกัน”

“หืม?”

“วางโครงสร้างหนทางแห่งการมีชื่อเสียงไงเล่า ถ้านายอยากเป็นนักร้องดังนายก็ต้องทำให้ทุกคนรู้จักนายเสียก่อน แล้วเดี๋ยวนี้การโปรโมตตัวเองมันง่ายนิดเดียวไม่ต้องเสียเงินสักบาท”

“งะ งั้นเหรอ” หนุ่มน้อยเหมือนไม่ค่อยมั่นใจนัก เขาอยากเป็นนักร้องน่ะใช่ อยากมีคนที่ฟังเพลงของเขามันก็ใช่ แต่ไอ้เรื่องอยากดังเนี่ย...ไม่ค่อยแน่ใจ อีกอย่างเขาสัญญาลูกผู้ชายกับแด๊ดไปแล้วว่าจะเรียนให้จบก่อนถึงค่อยจริงจังทางด้านดนตรีเต็มตัว ไม่งั้นเขาไม่ถ่อมาที่ไทยตอนนี้แต่หนีออกจากบ้านตั้งแต่อายุสิบหกไปเป็นนักร้องแล้ว ซึ่งเรื่องนี้นภก็รู้ดีแล้วทำไมยัง...

“อย่าทำหน้าแบบนั้นซี่ ฉันเข้าใจว่านายอยากเรียนให้จบก่อน แต่ก็ควรสร้างฐานแฟนคลับเดนตายไว้แต่เนิ่นๆ แล้วถ้าในอนาคตนายเกิดดังขึ้นมามันน่ามีอะไรในอดีตที่ให้พวกแฟนคลับเขาขุดคุ้ยกันหน่อย แบบที่ว่าน่าประทับใจ” นักร้องหนุ่มจบประโยคด้วยรอยยิ้มกว้างโชว์ฟันครบทุกซี่

หัวสมองใต้กลุ่มผมสีช็อกโกแลตนมคิดอยู่เกือบสามนาทีคำนวณผลได้ผลเสียแล้วจึงยอมพยักหน้าตกลงในที่สุด คิดเข้าข้างตัวเองว่าแด๊ดไม่รู้หรอกและอีกอย่างแค่อัดคลิปลงโซเชียลมันก็ไม่ได้อยู่ในสัญญานี่

เพียงเวลาไม่ถึงชั่วโมงดีคลิปร้องสดเล่นสดเพลง Like Dreamers Do ของ The Beatles ก็ถูกนภจัดการอัดโหลดลงยูทูปเสร็จสรรพ ไม่ลืมโปรโมตคลิปด้วยการตัดส่วนหนึ่งสั้นๆ  15 วินาทีลงในอินสตาแกรมของตัวเองพร้อมลิงค์และแคปชั่นสั้นๆ ว่า ‘ฝาก ‘ตัวแสบ’ น้องชายสุดน่ารักของผมด้วยนะคร้าบ’ ให้แฟนคลับได้กรี๊ดกร๊าดกัน

อลันด์ยกมือลูบแก้มลูบคางตัวเองแก้เขิน อยากจะส่งลิงค์ไปให้เพื่อนรักที่ลอนดอนดู อีกใจก็อยากรู้ฟีดแบ็คว่าจะเป็นยังไงบ้าง ผลตอบรับจะดีไหม คุ้มกับที่ยอมสัญญากับแด๊ดหรือเปล่า

“ว้าว แสบดูสิ แป๊บเดียวคอมเม้นต์ขึ้นพรวดๆ เลย”

นภยื่นหน้าจอไอโฟนห้าเอสของตัวเองจ่อหน้าเด็กหนุ่มแทบชิดปลายจมูกโด่ง อลันด์ย่นคอหนีเล็กน้อยหากตาสีฟ้าซีดจับจ้องข้อความแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นบนหน้าจอไม่หยุดหย่อนเขม็ง หลายคนชมว่าเขาน่ารัก ร้องเพลงเพราะ มีคนที่จำเขาจากตอนขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีกับนภเมื่อสงกรานต์ที่ข้าวสารได้ด้วย บางคนก็บอกว่าเขาเหมือนเซอร์พอล แมคคาร์นีย์เวอร์ชั่นจูเนียร์แก้มใสพลันเห่อร้อนขึ้นมาทันที เขากับตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่คนนั้นเนี่ยนะ อย่างกับฝันไปแน่ะ

มือเรียวสวยถูกยกขึ้นลูบคางตัวเองเล่นอีกครั้งทั้งที่ไม่มีแม้แต่เส้นขนโผล่แพล่มออกมา หน้าขาวขึ้นสีเลือดกระจายไปถึงใบหูที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กลุ่มผมหนานุ่ม นภมองเด็กฝรั่งตัวเตี้ยสูงเท่าคางเขาเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง เออ...เวลาเด็กหน้าตายมันเขินก็น่ารักดีเหมือนกันนะเนี่ย

คนที่ถูกบอกว่าเหมือนเซอร์พอลจูเนียร์นั่งเบียดกับนภบนโซฟาอ่านคอมเม้นต์ที่ยังคงหลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ จนตาเหลือบไปเห็นเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ เท่านั้นเด็กนักเรียนถึงนึกได้ว่ามีนัดติวกับคุณหมอหน้าดุห้องตรงข้ามในอีกไม่ถึงชั่วโมงข้างหน้า ก้นที่ติดเบาะเมื่อครู่จึงลอยเด้งขึ้นมาในทันทีราวนั่งทับของร้อน

“พี่นภ ผมต้องรีบกลับแล้วล่ะ”

“รีบไปไหนน่ะ ยังไม่สองทุ่มเลย อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนดิ แม่พี่ทำกระดูกหมูอบกะทิไว้ด้วยเนี่ย”

“ไว้โอกาสหน้านะ ผมมีนัดกับด็อกเตอร์ตอนสองทุ่ม ไปสายเขาฆ่าตายแน่เลย”

“นัดอะไร สำคัญหรือเปล่า โทรไปเลื่อนเขาก่อนได้ไหม”

“พอดีเขาอาสาช่วยติวให้ ผมไม่อยากโทรไปเลื่อน”

“งั้นเหรอ” นักร้องหนุ่มทำเสียงเสียดมเสียงดาย หน้าตาหงอยขึ้นมาทันที อยากจะเสนอตัวช่วยติวให้แทนคุณหมอลูกชายเพื่อนรักพ่อแต่ก็เจียมตัวว่านักร้องเรียนอินเตอร์นิเทศศาสตร์แบบเขาจะไปสู้คุณหมอดีกรีเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยชื่อดังด้านการแพทย์ได้อย่างไร

ยิ่งเห็นอลันด์ทำหน้าเสียดายเหมือนกันยิ่งอยากอยู่ดูไอ้ตัวแสบเล่นกีตาร์ต่ออีกให้สมความคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน แต่คงต้องปล่อยให้กลับไปหาคุณหมอช่วยติวก่อน ขืนเจ้าตัวทำคะแนนออกมาไม่ดีถูกแด๊ดดี้ลากกลับลอนดอนเขาคงไม่มีโอกาสได้เจอเจ้าตัวอีก

มือหนาขยี้หัวอีกคนเล่นเบาๆ ก่อนฉีกยิ้มกว้างแบบที่สาวแท้สาวเทียมค่อนประเทศเห็นเป็นอันต้องหลงให้เด็กฝรั่งตาฟ้ารู้สึกดีขึ้น “ไม่เป็นไร หยุดซ้อมไปก่อนก็ได้ ช่วงนี้ยังไงก็ต้องตั้งใจอ่านหนังสือสอบ ไว้ปิดเทอมจะมานอนเล่นที่นี่ทั้งวันทั้งคืนเลยก็ได้ พี่จะให้แม่ขุนเราให้อ้วนเลย”

“แค่นี้กางเกงนักเรียนก็คับจะแย่แล้ว สงสัยตอนซื้อชุดนักศึกษาคงได้อัพไซส์ให้มัมตกใจเล่นแหงๆ”

“มัมน่าจะดีใจนะที่ลูกชายไม่อดตาย ป่ะ พี่ช่วยเก็บกีตาร์ให้เดี๋ยวไปส่งที่คอนโดด้วย ชักช้าไปไม่ทันถูกหมอวาดุพี่ไม่รู้ด้วยนะเว้ยไอ้แสบ” นภยิ้มอีกครั้งแล้วช่วยไอ้ตัวแสบเก็บข้าวของ พอขึ้นไปข้างบนแม่เขาตกอกตกใจเสียยกใหญ่ว่าทำไมรีบกลับ พออธิบายเหตุผลให้ฟังเธอก็รีบกุลีกุจอห่อกระดูกหมูอบกะทิมาให้กล่องใหญ่เผื่อไปให้นายแพทย์ทิวากานต์ด้วย

นภขับรถมาส่งเด็กฝรั่งที่คอนโดตอนเกือบจะสองทุ่มพอดี เขาโบกมือลาอีกคน ไม่ลืมบอกให้อีกฝ่ายตั้งใจอ่านหนังสือสอบก่อนขับรถออกไป

อลันด์เลือกกลับห้องตัวเองไปเก็บของ ล้างหน้าล้างตาก่อนหอบหนังสือเรียนกับกล่องทัปเปอร์แวร์ใส่กระดูกหมูอบกะทิไปกดกริ่งหน้าห้องคุณหมอตัวโต เหมือนจะติดเป็นนิสัยไปแล้วที่ต้องกดรัวๆ ให้อีกคนหัวฟัดหัวเหวี่ยงมาเปิดประตูให้

“ช้า!” ทิวากานต์ว่าทันทีที่เห็นเจ้าเด็กแสบยืนเจี๊ยมเจี๋ยมอยู่หน้าห้องหอบหนังสือพะรุงพะรัง

ร่างสูงเฉียดร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเบี่ยงตัวให้คนตัวสูงเท่าไหล่เดินเข้ามาในห้อง ก่อนปิดประตูให้แล้วเดินตามหลังเล็กๆ ของอีกคนเข้ามาด้านใน

เป็นครั้งแรกที่อลันด์ได้เข้ามาในห้องของหนุ่มโสดสุดฮอต ตาสีฟ้าซีดกวาดมองไปทั่วห้องที่ตกแต่งได้ต่างจากห้องเขาสุดๆ เหมือนไม่ใช่ห้องคู่แฝดกันแม้จะใช้สีโทนน้ำตาลเหมือนกันก็เถอะ ตรงส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่นมีชุดโซฟาผ้ากำมะหยีสีเทาจัดเป็นรูปตัวยูชุดใหญ่ ด้านล่างปูพรมขนยาวมีกองหมอนวางกระจายอย่างกับฮาเร็ม โทรทัศน์ LED เครื่องใหญ่พร้อมชุดโฮมเธียเตอร์ แต่ยังไม่น่าตื่นเต้นเท่าจอโปรเทคเตอร์ที่ม้วนเก็บอยู่ด้านบน

นี่อยู่คนเดียวจริงป่ะเนี่ย...

“เลิกมองได้ล่ะ ห้องเรียนอยู่นู่น” คุณหมอว่าขำๆ ไม่ว่าใครเข้ามาห้องเขาต้องมองไอ้ห้องดูหนังนี่ตาค้างกันทุกคน ทั้งหมดนี่ไม่ใช่ฝีมือเขาสักนิดแต่เป็นแม่ที่ทำไว้ดูนักร้องเกาหลีต่างหาก ส่วนเขาน่ะนานๆ จะเอาหนังมาเปิดดูสักที ยิ่งพออบรมแพทย์ประจำบ้านก็ยุ่งเสียจนไม่ได้แตะปล่อยให้ฝุ่นเกาะจนใกล้จะเจ๊งแล้ว

“เจ๋งไปเลย เหมือนห้องดูหนังที่บ้านเด๊ะ” เจ้าตัวแสบว่าหันมามองตาวาว “วันหลังขอเอาแผ่นคอนเสิร์ต Oasis มาเปิดได้ไหมอ่า”

“ตลก” นิ้วเรียวดีดหน้าผากเจ้าเด็กตัวเท่าไหล่หนึ่งทีจนอีกฝ่ายร้องอู้ว “ทำตัวให้น่ารักก่อนค่อยมาอ้อน”

“ไม่ได้อ้อนสักหน่อย” อลันด์บ่นอุบก่อนยอมเดินตามทิวากานต์ไปตรงส่วนใต้บันไดที่ถูกจัดเป็นส่วนทำงานและห้องหนังสือ บนชั้นมีทั้งหนังสือนิยาย การ์ตูน โฟโต้บุ๊ค แต่ที่เยอะจนล้นออกมาคือตำราภาษาอังกฤษและเยอรมันของคุณหมอหน้าดุ มีโต๊ะทำงานสองตัววางคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะตัวหนึ่ง วางเครื่องไอแมคกับแมคบุ๊คโปรอีกตัวหนึ่ง ดูแล้วก็มากเกินกว่าที่หมอคนหนึ่งจะใช้ แถมพอสังเกตดีๆ โต๊ะที่วางเครื่องไอแมคมีฝุ่นจับอยู่บางๆ

“นั่งพื้นได้ไหม” เสียงของคุณหมอฉุดเด็กหนุ่มจากความอยากรู้อยากเห็นไปชั่วครู่ ตาสีฟ้าซีดมองพื้นที่อีกคนว่าเห็นโต๊ะญี่ปุ่นสองตัวกางต่อกัน ด้านล่างเป็นพรมขนยาวเหมือนกับหน้าทีวี มีหมอนอิงวางกระจาย

“ได้”

“โอเค” ทิวากานต์พยักหน้า เขาดันตำราเล่มหนาบนโต๊ะไปกองไว้อีกด้านให้มีที่ว่างพอสำหรับหนังสือเรียนของเด็กมัธยม “งั้นเริ่มเลยแล้วกัน กินข้าวมาเรียบร้อยแล้วนะ”

เด็กฝรั่งส่ายหัวพรืด “ยังเลย ซ้อมดนตรีเพลิน แต่แม่พี่นภห่อกับข้าวมาให้ด้วยเผื่อสำหรับด็อกด้วยนะ”

คุณหมอส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ “ฉันกินเรียบร้อยแล้ว นู่นในครัวมีข้าวเหลืออยู่หน่อย ไปคดเอาจากหม้อมากินเดี๋ยวอ่านหนังสือรอ”

ได้ยินคุณหมอสั่งแบบนั้น ร่างอวบใกล้ระยะสุดท้ายของเด็กฝรั่งก็รีบลุกจากพื้นที่เพิ่งเอาก้นไปแตะได้ไม่ถึงสามวิเข้าไปในครัว ก้มๆ เงยๆ หาจานข้าวได้ก็คดข้าวมาสามทัพพี(หมดหม้อพอดี) กระดูกหมูอบกะทิใส่จานอีกใบ หยิบช้อนส้อมพร้อมค่อยถือออกมาหาโต๊ะทานข้าวข้างนอก

“ผมนั่งกินที่ไหนได้มั้ง”

“โต๊ะกินข้าวอยู่นั่น น้ำในตู้เย็นกินได้เลยนะ แก้วอยู่ในตู้ชั้นบน” ทิวากานต์ตอบทั้งที่ยังก้มหน้าอ่านหนังสือเรียนของเด็กฝรั่ง

อลันด์ใช้เวลาจัดการมื้อเย็นของตัวเองสิบห้านาที ล้างจานเก็บคืนที่เดิมอีกห้านาที ร่างอวบของเด็กวัยกำลังโตก็มานั่งตรงข้ามคุณหมอพร้อมจะเรียนแล้ว ทิวากานต์เงยหน้ามองเล็กน้อยก่อนปิดหนังสือลง

“ฉันอ่านคร่าวๆ แล้ว ไม่ยากเท่าไหร่ เล่มนี้ตอนฉันเรียนปีหนึ่ง เนื้อหาใกล้เคียงกันอยู่ ลองไปอ่านดู”

“ภาษาไทยเยอะจัง” เด็กฝรั่งครางเสียงอ่อน ถึงจะพูดไทยชัดอ่านออกเขียนได้แต่เจอเยอะๆ แบบนี้ก็มึนเป็นธรรมดา ครั้งล่าสุดที่อ่านภาษาไทยเป็นพรืดแบบนี้คือตอนอ่านเพชรพระอุมาให้คุณยายฟังเมื่อตอนเรียน year 7 นู่น

“ฉันรู้ว่าเธออ่านได้น่า นี่ก็สรุปย่อมาแล้วทั้งนั้น ตรงไหนไม่เข้าใจค่อยถาม โอเค๊”

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก สองมือขยับหยิบหนังสือเรียนเปิดพลิกหน้าสมุดเริ่มทบทวนบทเรียนที่ต้องใช้สอบตั้งแต่บทแรก แกะลายมือยุ่งๆ ของคุณหมออ่านทำความเข้าใจแล้วย่อโน้ตเป็นภาษาถนัดตัวเองลงสมุดอีกที ส่วนทิวากานต์ก็อ่านหนังสือวิชาการภาษาเยอรมันสลับเปิดดิกชันนารีไปเรื่อยๆ

ห้องกว้างขนาดร้อยตารางเมตรกับอีกนิดหน่อยตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงขีดเขียนของดินสอสลับเปิดหน้ากระดาษ นานครั้งถึงจะได้ยินเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามเจ้าของห้องเป็นภาษาอังกฤษเพราะอ่านลายมือไม่ออก ต้องยอมรับว่าสมุดจดของคุณหมอมีประโยชน์มาก สรุปเข้าใจง่าย ยกตัวอย่างที่มีประโยชน์ อลันด์แทบไม่แตะตำราเล่มหนาของตัวเองนอกจากเปิดเทียบเนื้อหาเลยสักนิด

แป๊บๆ เมื่อสังเกตได้ว่าห้องเงียบผิดปกติ ทิวากานต์จึงยอมเงยหน้าขึ้นจากตำราโดยไม่มีเสียงเรียกของไอ้ตัวแสบมาถามนู่นนี่ ใบหน้าหล่อเหลาถึงกับคลี่ยิ้มเอ็นดูยามเห็นเด็กฝรั่งนอนฟุ่บไปกับโต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ยที่ใช้อ่านหนังสือ เขาเหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าตีหนึ่งแล้วจึงไม่แปลกใจ ไหนจะตื่นแต่เช้าไปเล่นดนตรี ตกบ่ายก็ซ้อม หัวค่ำก็มานั่งอ่านหนังสือยาว คงจะเหนื่อยมากถึงเผลอหลับไปแบบนี้ อยากจะปล่อยอีกคนหลับต่อแต่คงไม่สบายตัวนัก ปลายนิ้วเรียวจึงค่อยสะกิดแก้มอีกคนเบาๆ เป็นการปลุก

“แสบ... ง่วงแล้วก็ลุกไปนอนที่ห้อง”

“หือ...”

“ไปนอนที่ห้อง พรุ่งนี้ค่อยมาอ่านต่อ”

เด็กฝรั่งครางอือๆ อาๆ ตาปรือแต่ก็ยันตัวเองนั่งตรงๆ ได้ไม่ลำบากนัก มือขวากำหลวมมาขยี้หัวตาเหมือนตุ๊กตาไขลาน ทำท่าทางงัวเงียได้น่ารักจนคุณหมอยิ้มกว้าง

“ไหวไหมเนี่ย”

“ไหว...”

ไหวมาก...ตายังไม่เปิดเลย ทิวากานต์แอบหัวเราะในใจ เขาช่วยเก็บบรรดาหนังสือกับสมุดของเจ้าตัวแสบให้ ส่วนเจ้าของตัวจริงเอาตัวเองให้ลุกได้ก่อนก็นับว่าดีแล้ว

“หยุดขยี้ตาได้แล้ว ตาเสียหมด มานี่เดี๋ยวไปส่ง” ชายหนุ่มรวบกองหนังสือไว้ด้วยแขนข้างเดียว อีกมือดึงแขนเด็กฝรั่งไม่ให้ล้มหน้าทิ่มพาจูงไปห้องตรงข้าม สติของอลันด์เองก็ค่อยๆ กลับมาทีละน้อยตามก้าวที่เดิน “แล้วพรุ่งนี้ต้องไปเล่นดนตรีอีกไหม”

“เล่น...”

“แล้วซ้อมล่ะ”

“พี่นภบอกสอบให้เสร็จก่อนค่อยไป”

“งั้นหยุดงานที่โรงพยาบาลไปด้วยดีไหม คุยกับเขาได้หรือเปล่า จะได้ตั้งใจอ่านหนังสืออย่างเดียว”

“ได้ มัมจะโทรบอกคุณลุงให้”

ฟังคำตอบงัวเงียจากคนไม่ตื่นดีแล้วได้แต่สงสัย “คุณลุง?”

“ลุงเป็นเจ้าของโรงบาล”

ดีว่าตอนนี้คุณหมอไม่ได้อมอะไรไว้ในปาก ไม่งั้นได้มีพ่นพรวดออกมาแน่ๆ โอ๊ยยย...รับจ็อบอยู่โรงพยาบาลนี้ตั้งนาน ไม่คิดว่าท่านผู้อำนวยการขี้ตื๊อคนนั้นจะเป็นญาติกับไอ้เด็กนี่ ยังดีไม่เคยบ่นให้ไอ้ตัวแสบฟังไม่งั้นเขามีหวังโดนเด้งแน่ๆ แล้วก็หวังว่าไอ้นี่จะไม่ไปเล่าเรื่องที่ถูกเขารังแกให้ลุงมันฟังหรอกนะ!

ทิวากานต์ยืนมองไอ้ตัวแสบพยายามเบิ่งตามองที่ตัวล็อคประตูอัตโนมัติแล้วจิ้มนิ้วกดรหัสสี่หลักทีละตัวด้วยความเชื่องช้าจนจิ้มตัวสุดท้ายได้ประตูไม้ก็เปิดออกกว้าง คุณหมอว่าจะส่งแค่นี้แต่ไอ้ตัวแสบก็เดินตุปันตุเป๋เข้าห้องไปเสียก่อน เขาที่ช่วยหอบหนังสือมาส่งเลยจำต้องเดินตามเข้าไปด้านใน ยันขึ้นไปถึงห้องนอนเล็กของเจ้าตัวเพราะกลัวหลานผอ. โรงพยาบาลจะตกบันไดลงมาคอหักตายเสียก่อน

ห้องนอนของอลันด์ก็เหมือนเด็กผู้ชายทั่วๆ ไป มีโปสเตอร์วงดนตรีที่ชอบติดอยู่กับนักฟุตบอลคนโปรด (เด็กนี่เป็นแฟนเชลซีชัวร์ ตั้งแต่กางเกงบอลที่เห็นใส่บ่อยๆ แล้วยังมีโปสเตอร์แฟรงค์ แลมพาร์ดแปะอยู่ แต่คาดว่าคงโดยกระชากทิ้งลงมาเร็วๆ นี้เพราะเจ้าตัวจะย้ายไปเล่นให้แมนซิตี้แล้วในฤดูกาลใหม่) มีกีตาร์โปร่งวางอยู่สามตัวกับกีตาร์ไฟฟ้าอีกหนึ่ง หนังสือเรียนเรียงเป็นระเบียบบนโต๊ะ(แต่ไม่ยักมีการ์ตูนสักเล่ม ไม่รู้ว่าเพราะตั้งใจเรียนหรือไม่สนใจอะไรเลยนอกจากดนตรีกันแน่)

“ไปอาบน้ำแปรงฟันก่อนค่อยมานอน ไม่ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย ออกไปคลุกฝุ่นมาทั้งวันเตียงสกปรกหมด”

“ง่วงอ่ะ”

“ไม่ได้ ไปๆ อย่าขี้เกียจ” วิญญาณคุณแม่เข้าสิงทันทีเมื่อเห็นเด็กตัวเท่าไหล่ทำท่าจะนอนทั้งที่ยังใส่ชุดเดิมตั้งแต่เช้า ทิวากานต์ที่ถูกแม่สอนให้อาบน้ำก่อนนอนทุกครั้งจึงอดไม่ได้ เขาวางหนังสือเรียนของไอ้เด็กแสบบนโต๊ะแล้วฉุดแขนคนขี้เซาให้ลุกไปเข้าห้องน้ำ

แม้จะง่วงมากแค่ไหนแต่เมื่อคุณหมอยังยืนยันคำเดิม อลันด์ก็ต้องยอมเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ตามคำสั่งก่อนกลับมานอน

ผู้ชายตัวใหญ่รอส่งจนอีกคนที่จัดการตัวเองเสร็จแล้วปีนขึ้นเตียงถึงยอมกลับห้องตัวเอง ไม่ลืมบอกอีกคนว่าตอนเช้าให้รีบตื่นออกไปโรงพยาบาลพร้อมกันด้วย ก่อนออกจากห้องก็จัดการปิดไฟหลักให้แล้วเปิดไฟผนังไว้แทน ไม่ลืมตรวจดูและล็อคห้องให้เรียบร้อยก่อนออกมา รู้สึกว่าจะทำหน้าที่ดูแลไอ้เด็กนี่เกินกว่าที่มาดามโอเนลล์ขอร้องแต่เพราะสำนึกความเป็นคนดีและจิตวิญญาณความเป็นแม่มันสูงเลยปล่อยเด็กแสบไปตามยถากรรมไม่ได้ต่างหาก นี่ถ้ามาดามเขารู้ว่าดูแลลูกชายเขาดีแบบนี้บางทีหล่อนอาจจะยกลูกชายให้เขาเลี้ยงก็ได้ ดูอายุสิ...ห่างกันตั้งรอบนึงพอถูไถเป็นพ่อลูกได้อยู่นะ

แค่ดูแลเด็กวันเดียวรู้สึกตัวเองแก่ขึ้นมาเป็นสิบปีเลยวุ้ยไอ้วา

.
.
.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-09-2015 10:38:42 โดย บัวน้อย ไร่แตงโม »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 06 [26.09.15]
« ตอบ #49 เมื่อ: 26-09-2015 10:34:39 »





ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 06 [26.09.15]
«ตอบ #50 เมื่อ26-09-2015 10:43:49 »

ทิวากานต์สอบข้อเขียนส่วนแรกเสร็จเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เหลือสอบ OSCE อีกครั้งก่อนจะได้สอบปากเปล่า ช่วงนี้นอกจากรับจ็อบที่โรงพยาบาลของลุงไอ้เด็กแสบห้องตรงข้ามช่วงวันเสาร์อาทิตย์แล้วคุณหมอแบบเขาก็ว่างทั้งสัปดาห์ แต่ถึงจะบอกว่าว่างเขาก็ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการอ่านหนังสือเตรียมสอบส่วนถัดไป ตกเย็นเป็นช่วงติวให้อลันด์จนกว่าอีกฝ่ายจะสอบมาราธอนเสร็จซึ่งก็เหลืออีกแค่สองสัปดาห์ หลังจากนั้นเจ้าตัวจะบินกลับไปอังกฤษเพื่อร่วมงานเลี้ยงจบการศึกษากับเพื่อนที่นู่นและอาจอยู่ลอนดอนยาวจนกว่ามหาวิทยาลัยที่เจ้าตัวเรียนจะเปิด

คุณหมอสงสัยอยู่ในใจหน่อยๆ ว่าทำไมอลันด์ต้องสอบ A-Level อีกในเมื่อเจ้าตัวได้มหาวิทยาลัยแล้ว เพราะคะแนนส่วนนี้จะใช้ยื่นเฉพาะมหาวิทยาลัยในต่างประเทศที่เปิดรับคะแนนส่วนนี้เท่านั้น ความจริงถ้าจะเรียนวิทยาลัยนานาชาติในไทย บางที่ใช้แค่คะแนนสอบ GCSE (General Certificate of Secondary Education) ก็พอ หรือไม่ก็ไปสอบตรงส่วนกลางเอาเลย นี่เสียเวลาเรียน sixth form ไปเปล่าๆ ตั้งสองปี พอลองเดาเอาเองว่าการมาเรียนต่อที่ไทยคงเป็นเรื่องปุบปับก็ดูจะสมเหตุสมผลอยู่บ้าง

มาดามโอเนลล์เองพอรู้ว่าเขามีเวลาว่างหลังสอบเกือบเดือนหลังระหว่างรอผลสอบออกก็ชักชวนเขาให้ไปเที่ยวบ้านที่ลอนดอน ทิวากานต์สนใจข้อนี้มากเพราะที่พักฟรี(แถมอยู่ใจกลางลอนดอนใกล้สวนสาธารณะไฮด์ปาร์คอีกต่างหาก) จะได้ถือโอกาสนี้หาที่เรียนต่อเสียเลย ตอนเธอชวนจึงคล้อยตามไปแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว

หลังยัดมื้อเที่ยงทำเองแบบง่ายๆ (ข้าวห่อไข่สูตรไม่ใส่ซอสมะเขือเทศ) ล้างจานเรียบร้อย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นราวกับรู้ ตาคมมองชื่อคนโทรเป็นผู้หญิงที่เขาเพิ่งนึกถึงเมื่อกี้ก็กดรับทั้งที่สังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องยุ่งตามมา

“สวัสดีครับ”

‘สวัสดีค่ะคุณหมอ ไม่ได้คุยกันตั้งหลายวันเป็นยังไงบ้างคะ สอบเสร็จหรือยัง’

“ก็เรื่อยๆ ครับ เพิ่งสอบไปได้แค่ส่วนแรก ช่วงนี้เลยยังต้องอ่านหนังสืออยู่”

‘คุณหมอคงยุ่งน่าดู น้าขอบคุณมากนะคะที่ยังเจียดเวลามาช่วยติวให้อัล’

“ไม่ยุ่งหรอกครับ ตอนนี้ผมไม่ได้ประจำที่โรงพยาบาลแล้ว สอบเสร็จค่อยรอบรรจุอีกที ตอนนี้เลยนอนอ่านหนังสือตีพุงอยู่ที่บ้านเฉยๆ ฮ่าๆ”

‘ดีจริง น้านึกว่าโทรมารบกวนคุณหมอเสียแล้ว ถ้าหมอวาว่างอยู่ก็ดีเลยค่ะ น้ามีเรื่องอยากรบกวนเวลาคุณหมอสักหน่อย’

“อะไรหรือครับ” ทิวากานต์แทบจะตีเข่าฉาด เขาว่าแล้วเชียวว่าที่มาดามโอเนลล์ลงทุนโทรศัพท์ข้ามทวีปมาหาเขามันต้องมีเรื่องอะไรให้ช่วยเกี่ยวกับไอ้ตัวแสบแหง

‘คืองี้นะคะ พอดีว่าวันนี้คนขับรถที่บ้านคุณตาเจ้าอัลเขาเกิดอุบัติเหตุตอนขากลับจากส่งอัลที่โรงเรียนพอดี ทีนี้เลยไม่มีคนไปรับเจ้าตัวแสบตอนเลิกเรียนน่ะค่ะ อัลไม่มีเพื่อนสนิทที่โรงเรียนใหม่ด้วยจะรบกวนให้เขามาส่งถึงอโศกคงไม่ได้ จะให้นั่งแท็กซี่กลับเองน้าก็กลัว...’

ท้ายประโยคมาดามโอเนลล์ทำเสียงได้น่าสงสารจนคนฟังที่รู้อยู่หรอกว่าจะถูกใช้ให้ไปรับลูกแทนคนขับรถถึงกับใจอ่อน ทิวากานต์ถอนหายใจก่อนกรอกเสียงลงไป “เดี๋ยวผมไปรับให้ก็ได้ครับ โรงเรียนไหนครับ”

‘จริงหรือคะคุณหมอ น้าขอบคุณมากเลยค่ะ เจ้าอัลอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติ XXX แถวดอนเมืองน่ะค่ะ วันนี้สอบด้วยเห็นว่าจะสอบเสร็จตอนบ่ายสองนี้แล้ว คุณหมอไปรับได้เลยค่ะ เดี๋ยวน้าจะบอกเจ้าอัลไว้’

“ครับ ยังไงผมขอเบอร์อลันด์ด้วยนะครับ”

‘อ้าว หมอวายังไม่มีเบอร์น้องเหรอคะ’

“ยังครับ” คุณหมอวัยสามสิบว่าตามตรง เป็นเพื่อนบ้านกันมาหลายเดือนเข้าไปแล้ว เข้าห้องอีกคนก็เริ่มบ่อยขึ้นถึงขั้นรู้รหัสผ่านประตูห้องกันแล้วแต่ยังไม่แม้แต่เบอร์ พวกไลน์ เฟซบุ๊ค วอทแอพ เลิกคิดว่าจะมีไปได้เลย

มาดามโอเนลล์ส่งเสียงหัวเราะมาตามสายก่อนให้เบอร์เด็กฝรั่งแก่เขา ‘น้าขอบคุณหมอวาจริงๆ นะคะ ยังไงอย่าลืมมาลอนดอนให้ได้ แด๊ดดี้เจ้าอัลเขาก็อยากเจอคุณหมอ เตรียมไวน์กับเหล้าอย่างดีรอไว้แล้ว’

“ครับ ผมว่าจะไปหาที่เรียนต่อพอดี ยังไงจะรีบให้คำตอบนะครับ”

‘ค่ะ งั้นน้าไม่รบกวนแล้วค่ะ ฝากอลันด์ด้วยนะคะ ถ้าดื้อจับตีได้เลยน้าไม่ว่า’

“ฮ่าๆ ถ้าผมทำจริงห้ามมาต่อว่าผมทีหลังนะครับ ผมละอยากตีเจ้าแสบวันละหลายรอบ ดื้อจริงๆ”

‘น้าเข้าใจค่ะ’ คนเป็นแม่ยอมรับโดยดี เธอคุยกับทิวากานต์อีกเล็กน้อยก่อนวางสายไป

คุณหมอมองนาฬิกาเห็นว่าเหลืออีกชั่วโมงเดียวเด็กแสบจะสอบเสร็จจึงลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ในหัววางแผนการเดินทางคร่าวๆ เขาไปแถวนั้นไม่บ่อยนักแต่รู้ว่ารถติดพอตัวยิ่งใกล้ช่วงเลิกงานยิ่งติดหนัก และแถวนั้นมีร้านอาหารอร่อยอยู่มากบางทีเขาน่าจะพาอลันด์หาอะไรกินก่อนกลับมาอ่านหนังสือถือเป็นการพักผ่อนสมอง คิดแบบนั้นแล้วกุญแจรถซูเปอร์คาร์ที่ได้เป็นของขวัญวันเกิดจึงถูกหยิบขึ้นมาใช้ในวันนี้หลังจากแตะครั้งสุดท้ายเมื่อสองสัปดาห์ก่อน



ตามข้อมูลจากพี่กู(เกิ้ล)บอกว่าโรงเรียนนานาชาติที่อลันด์เรียนมีค่าเทอมแพงเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทยนั้นตั้งอยู่ในซอยแคบๆ ที่เต็มไปด้วยบ้านคน ใกล้กับถนนเส้นที่บอกได้ว่ารถติดมหาโหดแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร และทิวากานต์คิดว่าคำกล่าวนั้นไม่ได้เกินจริงแม้แต่น้อย ทั้งที่เป็นช่วงบ่ายหลังพักเที่ยงแต่รถราที่พากันแย่งเข้าซอยเล็กๆ มีจำนวนมากเสียจนคุณหมอเซ็ง หยิบบุหรี่มาจุดสูบหมดไปครึ่งตัวถึงได้พ้นเข้าซอยขับตามป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายเลี้ยวจนงงกว่าจะเจอโรงเรียนนานาชาติสุดไฮโซซ่อนตัวอยู่ด้านใน

บ่ายสองโมงตามที่มาดามโอเนลล์บอกพอดี รถราคาไม่ต่ำกว่าล้านเรียงรายเต็มบริเวณหน้าโรงเรียน รอสักพักแค่บุหรี่หมดไปอีกตัวนักเรียนที่ส่วนมากเป็นคนไทยก็ทยอยเดินออกมาขึ้นรถของตัวเอง ทิวากานต์หยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาไอ้ตัวแสบ รอครู่เดียวก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำรับสายเสียงสุภาพ

“แสบ นี่หมอวานะ ฉันมารับตอนนี้จอดรถรออยู่หน้าโรงเรียน”

‘โอ - ไอ - ซี มัมบอกแล้ว ผมกำลังออกไป โรเจอร์ช่วยคืนสมุดโน้ตเล่มนั้นด้วย’ ท้ายประโยคไอ้แสบตะโกนคุยกับใครสักคนที่น่าจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นก่อนกลับมาคุยกับเขา ‘รอแป๊บนึงนะ’

“อ่าฮะ รออยู่กับน้องกบนะ”

‘โอเค’

ตัดสายไปไม่ถึงห้านาทีร่างอวบๆ ของเด็กฝรั่งก็เดินออกมาจากโรงเรียนพร้อมกับเพื่อนคนหนึ่ง หมวกฟางสวมอยู่บนหัวกันแสงแดดลามเลียใบหน้าขาวที่ขึ้นสีแดงจัดจากอาการร้อน พอตาสีซีดเห็นพอร์เช่ 911 Turbo S Cabriolet จอดรออยู่ก็รีบโบกมือลาเพื่อนแล้ววิ่งมาเปิดประตูข้างคนขับขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว หมวกฟางถูกถอดวางบนตักเร็วพอๆ กับที่เจ้าตัวพยายามถอดเสื้อสูทออก ทิวากานต์จึงรีบปรับแอร์ให้อย่างรู้ใจ

“สอบเป็นไงบ้าง”

“ดี ตรงกับที่อ่านมาเลย ด็อกมารอนานไหม”

“ไม่นานเท่าไหร่ เดี๋ยวพาไปกินอะไรอร่อยๆ เอาม่ะ”

“เอา!” ถามปุ๊บเด็กตัวอวบตอบปั๊บ ตาสีซีดเป็นประกาย ตั้งแต่หยุดไปซ้อมดนตรีที่บ้านนภ อลันด์ก็แทบไม่ได้กินของอร่อยอีกเลย (แต่น้ำหนักไม่ได้ลดตามนะ เขายังกินปริมาณเท่าเดิม) พอคุณหมอที่ทำอาหารได้อร่อยพอๆ กับแม่พี่นภแนะนำมาจึงรีบตกลงทันที

“ดี แต่ร้านมันเปิดเย็นหน่อย ตอนนี้ไปเดินห้างเล่นก่อนแล้วกัน”

“ตามใจด็อกเลย”

เมื่อผู้โดยสารตามใจสารถี ทิวากานต์จึงรีบขับรถออกไปห้างขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้โรงเรียนที่ที่สุด มีเวลาให้โต๋เต๋รอร้านเปิดอยู่สามชั่วโมงกว่าคุณหมอเลยเสนอดูหนังสักเรื่อง แต่พออลันด์เห็นรายชื่อหนังที่เข้าช่วงนี้แล้วก็ได้แต่ส่ายหัวพรืด (มีหนังซอมบี้ชื่อดังยังยืนโรงฉายอยู่ในโรงและทิวากานต์คิดว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก หากเจ้าตัวแสบเอาแต่ส่ายหัวปฏิเสธยืนการเสียงแข็งหน้าขาวซีดเผือดว่าจะไม่เข้าไปดูหนังเรื่องนี้เด็ดขาด คาดว่าเจ้าตัวคงกลัวซอมบี้ขึ้นสมอง รู้จุดอ่อนไอ้ตัวแสบแบบนี้แล้วทิวากานต์ก็ไม่กระโตกกระตากเอ่ยล้ออะไร เก็บไว้รอแกล้งเจ้าตัวทีหลังดีกว่า อิอิ)

สุดท้ายสองหนุ่มต่างเชื้อชาติ สัญชาติ และวัยเลยเดินดูของไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ร้านหนังสือ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ของใช้ในบ้าน คุณหมอได้เสื้อยืดของ MUJI มาสองตัว ส่วนเจ้าเด็กแสบได้กางเกงยีนส์ LEVI ไซส์ที่ขยายขึ้นตามขนาดรอบเอวที่เพิ่มโดยไม่รู้ตัว

“นั่นใช่น้องแสบที่พี่นภโพสรูปหรือเปล่า”

“เหมือนอยู่นะ แล้วผู้ชายที่มาด้วยใครอ่ะ หล่อพอๆ กับพี่นภเลย”

ชื่อคุ้นหูทั้งสองชื่อแบบนี้คงหมายถึงอลันด์ที่อยู่ข้างทิวากานต์ตอนนี้แน่ๆ หากคุณหมอหนุ่มทำเป็นไม่ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของสองสาวด้านหลัง เขายังทำทีเป็นก้มๆ เงยๆ ดูรองเท้าผ้าใบของ VANS ไปเรื่อย ส่วนเด็กฝรั่งก็มีความสุขดีกับชั้นรองเท้าของอาดิดาส

“ตัวจริงน้องแสบน่ารักกว่าในคลิปอีกเนอะ”

คลิปอะไรวะ? ทิวากานต์สงสัยอยู่ในใจ คงไม่ใช่คลิปหลุดอะไรหรอกใช่ไหม ไม่งั้นมาดามโอเนลล์ได้ประสาทเสียแน่

“นั่นสิ ร้องเพลงก็เพราะ ถ้าได้เป็นนักร้องต้องดังมากแน่ๆ”

“ไปขอถ่ายรูปก่อนเลยม่ะ”

“จะบ้าเหรอน้องเขาตกใจแย่ อีกอย่างหล่อนพูดภาษาอังกฤษได้หรือไง”

แล้วสองสาวก็หัวเราะคิกคักต่อยกใหญ่เหมือนลืมไปว่าทิวากานต์ที่มากับไอ้แสบยืนอยู่ตรงนี้และเข้าใจที่พวกเธอพูดทุกคำ เขาเลิกสนใจรองเท้าเดินไปหาเด็กตัวเท่าไหล่ที่ยังช่างใจเลือกอาดิดาสนีโอคอลเลคชั่นใหม่ไม่ได้ว่าควรซื้อรุ่นไหนกลับไปดี

“แสบ”

“หือ?”

“ก่อนหน้านี้นายไปถ่ายคลิปอะไรมา เมื่อกี้พวกผู้หญิงตรงนู้นพูดถึงกันใหญ่” เขาเหลือบสายตาไปทางหญิงสาวสองคนทำทีเป็นเลือกรองเท้าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

“อืม...” ศีรษะทุยใต้กลุ่มผมหนานุ่มสีช็อกโกแลตหนุ่มเอียงไปข้างหนึ่งอย่างใช้ความคิด “พี่นภเคยให้อัดคลิปร้องเพลงลงยูทูปอยู่ครั้งนึง คงหมายถึงอันนั้นล่ะมั้ง”

“หืม? จริงเหรอ”

“ใช่ ผมดูล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ ตอนนี้ยอดวิวจะแตะแสนแล้วนะ” พอพูดถึงผลงานใบหน้าติดจะเฉยชาก็ฉีกยิ้มแก้มปริ มือหนึ่งล้วงสมาร์ทโฟนจากด้านในเสื้อสูทกดหาคลิปในยูทูปให้คุณหมอดู “นี่ไง”

ทิวากานต์มองดูเด็กตรงหน้าในจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ ดีดกีตาร์หลับตาร้องเพลงของ The Beatles เป็นอีกด้านของอลันด์ที่เขาไม่เคยเห็น แตกต่างจากตอนอยู่บนเวทีที่ออกจะแข็งและเคอะเขินอยู่บ้าง เจ้าตัวตอนที่มีเพียงกล้องจับดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก เรียกได้ว่ามีราศีความเป็นศิลปินจับพร้อมจะเจิดจรัสบนเวทีได้อย่างภาคภูมิ ขอเพียงมีงานดีๆ เจ้าตัวดังแน่ และถ้าได้เดบิวต์ที่บ้านเกิดอย่างประเทศอังกฤษอลันด์สามารถเป็นศิลปินระดับโลกได้ด้วยซ้ำ

ที่สำคัญคืออลันด์ดูมีความสุขทุกครั้งเมื่อได้เกี่ยวข้องกับเสียงเพลง แล้วทำไม...ถึงต้องมาถูกขังอยู่ในประเทศเล็กๆ ที่ไม่ได้ส่งเสริมฝีมือทางดนตรีได้มากเท่าประเทศที่พร้อมอย่างบ้านเกิดเจ้าตัวและต้องเรียนบริหารธุรกิจที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับดนตรีเลยด้วยนะ

ทิวากานต์คิดแล้วได้แต่สงสัยอีกครั้ง ไอ้ตัวแสบมีพรสวรรค์และความสามารถอย่างแท้จริงไร้ข้อกังขา แล้วคนเป็นพ่อแม่มองไม่เห็นจนถึงขั้นสร้างเงื่อนไขแปลกๆ ขึ้นมาเป็นอุปสรรคขวางทางเดินลูกเชียวเหรอ

“เก่งนี่” เขาชมตามตรงก่อนยื่นโทรศัพท์คืนให้ พอถูกชมตรงๆ แบบนี้ไอ้ตัวแสบเลยออกอาการเขินแก้มแดงยิ้มจนปากจะฉีกจนเห็นลักยิ้มชัดทั้งสองข้าง “ดนตรีน่ะ ชอบมากเหรอ”

“ที่สุด” อลันด์ยิ้มโชว์ฟันขาวพลางหยิบรองเท้าคู่หนึ่งบนชั้นมาลอง “มันเหมือนอะไรสักอย่างที่ช่วยปลดปล่อยจิตใจ รู้สึก high เหมือนตอนสูบกัญชา”

“เด็กไม่ดีนะเนี่ย” ทิวากานต์จัดการดีดหน้าผากไอ้ตัวแสบไปทีก่อนหัวเราะเสียงเบาเมื่อได้ยินอลันด์บ่นอุบว่าแค่ลองสูบนิดๆ หน่อยตอนไปอัมสเตอร์ดัม โอเค ที่นั่นกัญชาขายกันแบบถูกกฎหมายและเด็กนี่ก็คงแค่อยากรู้อยากลองตามประสาวัยรุ่น แต่ทิวากานต์คิดว่าชักจะเข้าใจความคิดซับซ้อนของพ่อแม่เด็กนี้แล้วว่าทำแบบนี้ทำไม ขนาดเติบโตมาในครอบครัวที่ดูเพียบพร้อมยังเฮี้ยวจนน่าปวดหัว ขืนปล่อยให้ไปตามทางนักดนตรีที่พอมีชื่อเสียงก็หลงระเริงได้ง่ายๆ แล้วล่ะก็...คุณหมอไม่อยากคิดต่อเลย

อีกอย่างเล่นส่งมาอยู่ไกลหูไกลตาแบบนี้ไม่รู้ว่าเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถ้าเกิดว่าคนที่เด็กนี่เจอไม่ใช่คนแบบเขาหรือนภ แต่ไปเจอพวกคนไม่ดีเข้าล่ะ แทนที่อลันด์จะทำตามเงื่อนไขได้คงดีแตกไปเสียก่อน

แล้วนี่ทิวากานต์ต้องมาคิดมากประหนึ่งเป็นพ่อมันอีกคนทำไมเนี่ย ดูอลันด์ซิ ยังลอยหน้าลอยตาลองรองเท้าสบายใจเชิ้บน่าหมั่นไส้จนขอดีดหน้าผากอีกสักที ดื้อตาใสจริงๆ ไอ้เด็กแสบเอ๊ย!



TBC

v
v
v

มีตอนพิเศษแถมให้หนึ่งตอนข้างล่างค่ะ
 :mew1:

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- HIDDEN TRACK 01 [26.09.15]
«ตอบ #51 เมื่อ26-09-2015 10:59:54 »

HIDDEN TRACK 01



วันนี้ทิวากานต์ก็ไปรับอลันด์ที่โรงเรียนอีกเพราะคุณลุงคนขับรถบ้านคุณตายังไม่หายดี มันก็ดีอยู่หรอกมีรถสปอร์ตเท่ๆ ไปรับไปส่งถึงหน้าโรงเรียนทุกวัน แต่เขาไม่ชอบใจสายตาคนอื่นที่มองมาเอาเสียเลย แน่นอนว่าเขาอยากเป็นที่รู้จัก แต่อยากให้รู้จักจากงานของเขามากกว่าชีวิตส่วนตัวอะไรแบบนี้

เด็กฝรั่งเดินเตาะแตะหอบหนังสือเรียน หมวกฟาง กับเสื้อสูทเข้ามาในล็อบบี้คอนโดหลังถูกทิวากานต์เอามาทิ้งไว้ตรงหน้าทางเข้า ส่วนคนขับรถดีกรีว่าที่ศัลยแพทย์คาร์ดิโอพาน้องกบซิ่งไปรับสาวที่ไหนสักคนแล้วจะตามมาทีหลัง

เขากลับห้องตัวเอง เก็บของ เปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบหนังสือเรียนสำหรับติวคืนนี้เดินไปห้องตรงข้าม จิ้มรหัสหน้าประตู ‘2828’ เหมือนทุกวันแต่ต่างออกไปตรงที่เจ้าของห้องไม่อยู่นี่สิ

อลันด์อยากเป็นเด็กดีนั่งเงียบๆ อ่านหนังสือของตัวเองตามที่ทิวากานต์สั่งหรอกนะ แต่โอกาสดีๆ แบบนี้หาง่ายที่ไหน ในเมื่อเจ้าของไม่อยู่ขอหนูสำรวจหน่อยเถอะ!



เด็กลูกครึ่งตัวแสบวางแผนการสำรวจคร่าวๆ ในใจ ข้ามส่วนระเบียงไปเลย ไม่มีอะไรน่าสนใจเพราะเคยมายืนสูบบุหรี่ตรงนี้กับคุณหมอเจ้าของห้องอยู่บ้าง มีแค่ราวตากผ้า(แขวนกางเกงในไว้เต็มราว)กับลานหินกรวด ที่น่าสนใจกว่าน่ะเป็นห้องเก็บของทางผ่านไประเบียงต่างหากล่ะ

มือขาวจัดการแง้มตู้ออกเล็กน้อยก่อนตัดสินใจเปิดจนสุด มีทั้งกล่องเก็บเศษกระดาษ หนังสืออะไรสักอย่างใส่ถุงพลาสติกห่อไว้อย่างดี แต่ที่เยอะสุดคงเป็นกล่องรองเท้า หากส่วนใหญ่เป็นรองเท้าผ้าใบมีทั้งของผู้หญิงและของผู้ชาย คงเป็นของแม่ทิวากานต์นั่นแหละ

ห้องนั่งเล่นเป็นเป้าหมายถัดไปจากห้องเก็บของ อลันด์เสียเวลารื้อตู้นู้นตู้นี้อยู่นานเพราะมีแต่อัลบั้มรูปเก็บไว้เต็มไปหมด แล้วสองในสามตู้ที่เปิดดูดันเป็นอัลบั้มภาพนักร้องเกาหลี บางคนหน้าสวยเสียจนไม่อยากเชื่อว่าเป็นผู้ชายถ้าไม่เห็นลูกกระเดือก กว่าจะเจออัลบั้มรูปของทิวากานต์เสียเวลาดูหน้านักร้องพวกนั้นไปตั้งหลายนาที

อลันด์ค่อยๆ พลิกอัลบั้มรูปอย่างตั้งใจ มีตั้งแต่ทิวากานต์ตอนยังเป็นเด็กทารกตัวแดงๆ บางรูปมีผู้หญิงล้อมรอบบอกความฮอตแต่เด็ก และเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหน้าแม่ของคุณหมอ...

หล่อนเป็นผู้หญิงตัวเล็ก อาจจะเล็กกว่าอลันด์นิดหน่อย หน้าก็เล็กนิดเดียว เวลายิ้มจะเห็นลักยิ้มชัดทั้งสองข้าง หน้าเธอแทบไม่มีส่วนไหนเหมือนทิวากานต์เลย มีแต่ริมฝีปากบางๆ กับรอยยิ้มและลักยิ้มนี่แหละที่ถ่ายทอดออกมาเป๊ะ

ทิวากานต์ตอนเด็กนั้นน่ารักเกินคาด บางรูปนึกว่าเป็นเด็กผู้หญิงด้วยซ้ำเพราะผมบ๊อบตัดล้อมกรอบใบหน้านั่นแหละ แต่ชอบทำหน้าบูดหน้าบึ้งเป็นยักษ์คล้ายอารมณ์เสียตลอดเวลา ท่าทางเกเรและดื้อแตกต่างจากปัจจุบันมาก เหมือนว่าจะไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศด้วยช่วงหนึ่ง แต่อลันด์ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ไหน น่าจะยุโรปไม่ก็อเมริกา พอโตขึ้นมาอีกหน่อยใส่ชุดนักเรียนเสื้อขาวกางเกงขาสั้นสีดำค่อยดูเรียบร้อยขึ้น ตอนนี้น่าจะกลับมาอยู่ไทยแล้ว หน้าตาเองเริ่มมีเค้าปัจจุบันมากขึ้นแต่หน้ายังหวานหยดเหมือนเดิมแม้ตัดผมสั้นเกรียนก็ตาม

ช่วงกางเกงขาสั้นมีแค่สี่อัลบั้ม หลังจากนั้นทิวากานต์เข้าเรียนมหาวิทยาลัย สักพักถึงเปลี่ยนมาใส่เสื้อกาวน์ ตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ พอกับความคมเข้มของหน้าตาจนเป็นเหมือนปัจจุบัน หากสิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนคือรอยยิ้มที่ส่งให้คนหลังกล้อง แค่มองก็รู้ว่าคุณหมอรักคนๆ นั้นมากแค่ไหน

อัลบั้มรูปสุดท้ายที่เปิดดูเป็นของเมื่อประมาณสองสามปีที่แล้ว คุ้ยหาดูแล้วไม่เจอรูปช่วงปีหลังๆ อีก คงเพราะคนถ่ายไม่อยู่แล้วนั่นเอง...

เขาใช้เวลาดูรูปเพลินเกือบชั่วโมงก่อนจะรีบเก็บอัลบั้มรูปทั้งหมดกลับที่เดิมเรียบร้อยประหนึ่งไม่เคยมีใครไปยุ่งมาก่อน แล้วเปลี่ยนเป้าหมายเป็นตู้โชว์ข้างจอทีวีแทน

“เอ๋ เหรียญทอง อันนี้ก็เหรียญทอง มีถ้วยรางวัลด้วย อย่างด็อกเนี่ยนะเล่นกีฬา เอ... แชมป์เยาวชนประเภทปืนสั้นอัดลมแห่งประเทศไทย เดี๋ยวนะ ตรงนั้นก็เหรียญรางวัลแข่งยิงปืน เอ่อ... Gold Medal ISSF World Shooting Championships กูอ่านผิดป่าววะ”

“ไอ้ตัวแสบทำไรน่ะ”

“เหวย” เด็กฝรั่งสะดุ้งโหยงกระโดดเท้าลอยก่อนล้มก้นประแทกพื้นดังปึ้ก โชคร้ายที่ตรงนั้นพรมขนยาวปูไปไม่ถึงด้วยสิ

“ฉันไม่อยู่แอบรื้ออะไรหรือเปล่า” ทิวากานต์โผล่หน้ามาจากทางเข้าหรี่ตาจ้องไอ้เด็กแสบเขม็ง รู้ล่ะว่าไอ้แมวหลงมันต้องมาแอบสำรวจห้องเขาแน่ๆ เสียอย่างเดียวจับไม่ได้คาหนังคาเขา

“ปะ ป๊าววว” อลันด์ลุกขึ้นยืนพลางเอามือลูบก้นปรอยๆ เจ็บชะมัด สงสัยนั่งติวไม่ได้แหงคงต้องขอนอนกันล่ะ แต่นาทีนี้บอกเลยแถสดแหลแหลกลดแลกแจกแถมสุดตัวให้รอดเงื้อมือหมอโฉดชอบเล่นปืน “แค่มาดูเฉยๆ ว่าเหรียญรางวัลอะไร เยอะดีเนอะไม่ยักรู้ว่าด็อกชอบเล่นกีฬาด้วย”

“อ๋อ” คุณหมอแกล้งครางรับยาวในลำคอก่อนทำท่านึกยักคิ้วยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อคิดแผนดัดหลังแมวไร้มารยาทได้ “ก็เล่นก่อนขึ้นมหาลัยนั่นแหละ พอดีตอนนั้นว่างแล้วไอ้เด็กโรงเรียนคู่อริมันชอบมาหาเรื่องเลยขอแม่ไปเรียน เรียนไปเรียนมาอย่างที่เห็นบนชั้น ได้เหรียญมาเต็มเลย”

“เก่งเนอะ แล้วเลิกเล่นไปแล้วเหรอ” เด็กฝรั่งถามเสียงอ่อน กระดึ๊บตัวเองออกห่างตู้โชว์เหรียญรางวัลทันทีราวกับอยู่ใกล้ของร้อน

“ว่างๆ ยังไปสนามซ้อมอยู่นะ แต่ไม่ได้ไปมาหลายเดือนล่ะ เธอพูดมาก็ดีเลย สอบรอบสองเสร็จไปซ้อมมือหน่อยดีกว่าเดี๋ยวสนิมเกาะมือกันพอดี”

“ฟังดูน่าสนุกเนอะ”

“สนุกมาก เวลาไม่ชอบใครก็เอาหน้ามันไปติดกับเป้าแล้วยิงนะ ยิ่งโคตรสนุก”

“โห นี่เป็นหมอจริงป่ะเนี่ย” เจ้าตัวบ่นอุบแต่ยังเดินหลบตามาเกาะแขนคุณหมอทำหน้าเจี๋ยมเจี๊ยมใส่ สัญญากับตัวเองในใจว่าต่อไปนี้จะพยายามเป็นเด็กดีไม่ทำให้ทิวากานต์โกรธแล้ว หากก่อนอื่นต้องรีบเปลี่ยนเรื่องเดี๋ยวคุณหมอถามขึ้นมาว่าคิดไงไปด้อมๆ มองๆ แถวนั้นแล้วตอบไม่ได้ขึ้นมาจะซวยเอา “หิวแล้วอ่ะ ทำข้าวกินกันเถอะ เดี๋ยวผมเป็นลูกมือช่วยล้างผักให้นะ”

“หึหึ คิดไงจะเป็นเด็กดีเนี่ย”

“เห็นผมเป็นเด็กยังไงกัน นี่โคตรเด็กดีเลยนะ ไม่เคยทำให้คุณครูต้องเสียใจ”

“แต่ถ้าติวแล้วคะแนนยังแย่ โดนดีดแน่ไอ้เด็กแสบ” ทิวากานต์ตีหน้าโหดชี้นิ้วขู่ใส่เด็กตัวเท่าไหล่ เห็นหน้าอลันด์ซีดยิ่งกว่าไก่ไหว้เจ้าแล้วต้องรีบเดินหนีเข้าห้องครัวกลั้นขำจนปวดแก้ม ถ้ารู้ว่าเอาเหรียญแชมป์ยิงปืนมาทำให้เด็กดื้อเรียบร้อยขึ้นมาได้เขาทำไปตั้งนานแล้วนะเนี่ย

“วู้ เคยได้ยินไหมถ้าตั้งใจอะไรก็ทำได้ นี่ตั้งใจเรียนตั้งใจอ่านหนังสือทุกวันเลยนะ ไหนๆ จะทำอะไรกินดีน้าวันนี้”

“เอาหัวหอมไปปลอกไป เดี๋ยวทำข้าวแกงกะหรี่หมูทอด ดีม่ะ”

“ดีมาก แต่ขอปลอกแครอทกับมันฝรั่งแทนได้ไหมอ่า ด็อกปลอกหัวหอมเหอะ แลกกันๆ”

“เรื่องมากเหรอ”

“ป๊าววว” เจ้าตัวร้องเสียงหลง รีบเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบหัวหอมออกมากอดไว้เต็มแขนเมื่อเห็นว่าที่ศัลยแพทย์หยิบมีดทำครัวขึ้นมาแล้ว “ปลอกหอมก็ได้ ชอบมากนะเนี่ย ปลอกไปร้องไห้ไป ชอบที่ซู้ด”

“บอกให้ทำก็ทำไปอย่าบ่น”

“คร้าบ”

“ว่านอนสอนง่ายแบบนี้ค่อยอยู่กันยืดหน่อย”

บางทีอลันด์คงต้องประเมินทิวากานต์ใหม่ ไอ้มีดผ่าตัดที่เอามาขู่เมื่อครั้งที่เจอกันช่วงแรกๆ เทียบไม่ได้เลยกับลูกปืนและเหรียญรางวัลประกาศความสามารถด้านนี้ และขอสัญญาจากใจจริงต่อหน้ากีตาร์มาร์ติน แอนด์ โค รุ่น  M36 ว่าต่อไปนี้เขาจะเป็นเด็กดีไม่พยายามทำให้คนแก่กว่าโมโหอีก

ส่วนตอนนี้เด็กหนุ่มได้แต่ขอบคุณพระเจ้าซ้ำๆ ที่ช่วยคุ้มครองให้อยู่รอดปลอดภัยจากลูกปืนคุณหมอมาจนถึงทุกวันนี้แม้จะเคยกวนตีนอีกฝ่ายไว้มาก ก็แหม...ใครมันจะไปนึกว่ามีหมอนิยมเล่นปืนเหมือนกันวะ!



END TRACK

ฮืออออ อยากเอามาลงตั้งแต่วันพฤหัสแต่ติดประชุมยาวทั้งพฤหัสกะศุกร์เลย
เลยเอาตอนพิเศษมาแถมให้ค่ะ (ความจริงคือมันต้องมีอยู่แล้วล่ะตอนนี้ ฮ่าๆๆ)

อ่านคอมเม้นต์แล้วเหมือนหลายคนจะไม่ปิ๊งหมอวานะคะ
ผู้ชายคนไหนมาใหม่กรี๊ดทุกคนเลยอ่ะ สงสารพ่อพระเอกของเรา โอ๋ๆ ใครไม่รักเรารักนะ

ขอเม้าท์นอกเรื่องนิดนึงค่ะ
เมื่อวันพุธเราไปดูคอนเสิร์ตวง MUSE มา อยากบอกว่ามันส์มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สนุกสุดๆ เป็นอีกหนึ่งในวงโปรดของเราเลย มีใครได้ดูบ้างไหมคะ
คืออยากบอกว่าน้องอัลก็อยากเป็นศิลปินแนวๆ นี้แหละค่ะ แต่สไตล์ดนตรีอาจจะต่างกันโขอยู่
แต่ไปดูคอน MUSE แล้วอยากเปลี่ยนแนวดนตรีน้องอัลเลยอ่ะ เป็นคอนที่ดีที่สุดเท่าที่เคยดูมากในชีวิตเลยค่ะ

ตอนหน้าหมอวาจะไปบุกบ้านน้องอัลที่อังกฤษบ้าง
เจอกันเร็วๆ นี้นะคะ ^^

ปล. ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ
จุ๊บ
 :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-09-2015 19:04:28 โดย บัวน้อย ไร่แตงโม »

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เค้าอยากได้คุณพ่อ ขอได้ใหมมมมมมมม






พี่หมอวากับน้องแสบน่ารักอะ

ออฟไลน์ ReiiHarem

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 886
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-3
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
รออยู่น้า
กำลังสนุกเลย

 :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
เค้าจะรักกันได้ไงอะ ฉันนึกไม่ออก

ออฟไลน์ sb_ng

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
รู้สึกว่าหมอวากับเด็กแสบเริ่มใกล้ชิดสนิทกันมากขึ้นนะ
รู้รหัสห้อง ติวหนังสือกันนู่นนี่ ไปไหนมาไหนด้วยกัน
ใกล้ชิด เคยชิน ผูกพัน เตรียมตัวหลงเสน่ห์กันได้เลย5555
แต่ไม่รู้ใครจะหลงใครก่อนแหะ

จริงๆปิ๊งหมอวานะคะ
กรี๊ดกร๊าดคนอื่นให้กระชุ่มกระชวยไปพลางๆ 555555

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
TRACK 07



ทิวากานต์ตัดสินใจใช้ช่วงหยุดรอผลสอบไปลอนดอนเร็วกว่ากำหนดและขยายเวลาที่จะพักจากสองสัปดาห์เป็นหนึ่งเดือนเต็มหลังโธมัสเพื่อนตัวโตผมทองของอลันด์โทรมาตื๊อเช้าตื๊อเย็น ล่อลวงด้วยตั๋วงานเทศกาลดนตรีกลาสตันเบอรี่กับทริปเยือนมิวนิคพร้อมที่พักฟรีรวมอาหารสามมื้อ แล้วมีหรือคุณหมอจะไม่สนใจ (เยอรมันเป็นอีกประเทศที่น่าไปเรียนต่อมากถ้าไม่ต้องมาเริ่มเรียนภาษาดอยทช์จริงจัง)

โชคดีเขามีวีซ่าเข้าสหราชอาณาจักรและเชงเก้นวีซ่าสำหรับพร้อมบินพอดีจึงตอบตกลงอย่างรวดเร็วและเลื่อนตั๋วให้เร็วขึ้นอีกหนึ่งสัปดาห์ หนแรกเมื่อวิคเตอร์รู้ว่าเขาจะไปพักผ่อนที่ลอนดอนคุณพ่อกระเป๋าหนักรีบเสนอตัวซื้อตั๋วชั้นเฟิร์ตสคลาสให้ แต่ทิวากานต์ตอบปฏิเสธไปด้วยไม่อยากให้เป็นบุญคุณอะไรกันมากแค่น้องกบที่บ้านก็ท่วมหัวแล้ว แม้จะเสียดายนิดๆ ก็เหอะ

ส่วนเพื่อนบ้านตัวแสบอย่างอลันด์บินล่วงหน้าเขาไปก่อนแล้วหนึ่งสัปดาห์ทันทีที่สอบเสร็จ เห็นว่าจะรีบกลับไปร่วมพิธีจบการศึกษากับเพื่อนที่โรงเรียนเก่า ไม่รู้ว่าทำได้ไงทั้งที่ออกจากโรงเรียนไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะรักกันมากก็คงเพราะบริจาคให้โรงเรียนเยอะนั่นแหละ (ครอบครัวนี้ทำอะไรแปลกดีนะ)

นั่งๆ นอนๆ อ่านหนังสือ ดูหนังฟังเพลง แอบจิ๊จ๊ะกับนุ่นที่บังเอิญเจอกันพอดีใช้เวลาสิบสองชั่วโมงบนเที่ยวบินตรงสุวรรณภูมิ - ฮีทโธรว์ได้อย่างคุ้มค่า หนุ่มเอเชียตัวสูงชะลูดก็ลากกระเป๋าออกมารับอากาศยามเช้าของเกาะอังกฤษพลางมองหาเด็กแสบที่ถูกมาดามโอเนลล์บังคับให้ลุกจากที่นอนมารับเขา

เป็นเรื่องยากสักหน่อยกับการมองหาเด็กฝรั่งท่ามกลางกลุ่มผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ แถมอลันด์ยังจัดได้ว่าเป็นพวกตัวกระเปี๊ยกสูงแค่ไหล่ ทิวากานต์ต้องเสียเวลาชะเง้อมองอยู่พักใหญ่กว่าจะเจอเด็กหนุ่มใส่สูทเดินหน้ามึนมาหา

“ช้าชะมัด”

“ลอนดอนก็รถติดไม่แพ้กรุงเทพหรอกนะ อัลเบิร์ตช่วยยกกระเป๋าคุณหมอไปเก็บด้วย” ท้ายประโยคเจ้าเด็กแสบหันไปพูดกับชายหนุ่มวัยใกล้เคียงทิวากานต์ด้านหลัง

ตอนนั้นทิวากานต์ถึงเห็นว่ามีชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับเขาเดินตามอลันด์มาด้วย พอเขาได้ยินคำสั่งจากปากคุณชายโอเนลล์ผู้ช่วยพ่อบ้านนามว่าอัลเบิร์ตจึงตรงเข้ามาจัดการกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ให้ทันทีสมกับเป็นทายาทของพ่อบ้านมือหนึ่งแห่งตระกูลใหญ่บนเกาะอังกฤษ

แม้จะค่อนข้างเกรงใจและกระดากอยู่บ้างที่มีคนมาบริการประหนึ่งเขาเป็นแขกวีไอพีแต่คุณหมอก็ยอมให้อีกฝ่ายทำหน้าที่โดยไม่ทักท้วงอะไร และทำตัวเจี๋ยมเจี๊ยมยามก้มมองสารรูปตัวเองในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงแสลคแสนสุภาพเรียบร้อยสลับกับพ่อบ้านของอลันด์ที่สวมสูทสุภาพเต็มยศประหนึ่งจะไปออกงานกลางคืน

ว่าที่ศัลยแพทย์(เหลือแค่รอผลสอบเพื่อวุฒิบัตรและหนังสืออนุมัติออก)เข้าใจแล้วว่าที่อลันด์เคยกล่าวหาเขาว่าแต่งตัวเหมือนคนขับรถเมื่อครั้งไปรับมาดามโอเนลล์ที่สนามบินสุวรรณภูมินั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เขามันผิดเองแหละที่สุภาพได้ไม่เท่ากับพวกผู้ดีอังกฤษ!

ทั้งคู่เดินตามหลังอัลเบิร์ตไปยังรถที่จอดรอด้านนอกก่อนทำให้ทิวากานต์ช็อกอีกครั้งด้วยโรลส์-รอยซ์ แฟนธ่อมสีดำมันวับที่ชาตินี้ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีบุญตูดได้นั่งกับเขาสักครั้ง เหล็กหล่อรูปนางฟ้าสยายปีกบนกระโปรงหน้าสะท้อนแสงแดดยามเช้าเป็นประกายวิบวับเข้าตาให้พร่าเลือน อักษรตัว R ซ้อนกันสองตัวที่กลางล้อไม่กลับหัวกลับหางบ่งบอกว่านี่แหละโรลส์-รอยซ์ของแท้จากอังกฤษ

บางทีนะ...บางทีทิวากานต์ก็คิดว่าเด็กอลันด์มีอะไรทำให้เขาเข็มขัดสั้นมากเกินไปแล้ว

เป็นเด็กแค่อายุสิบแปดดันมีรถหรูระดับนี้พร้อมพ่อบ้านและคนขับรถส่วนตัว ถามจริงเหอะว่าจะมีเด็กอายุเท่านี้สักกี่คนกันที่จะใช้ชีวิตได้หรูหราราวกับหลุดออกมาจากนิยายน้ำเน่าแบบนี้!

หลังพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนเบาะได้โดยไม่เป็นลมไปก่อน รถที่เคลมตัวเองว่าหรูที่สุดในโลกจึงเคลื่อนตัวออกจากสนามบินฮีทโธรว์ด้วยความเร็วทำที่สามารถทำได้ท่ามกลางการจราจรหนาแน่น

เจ้าอลันด์ตัวแสบนั่งเฉยเหมือนเป็นเรื่องปกติ ตาสีซีดปรือปรอยคล้ายจะหลับลงไปอีกรอบแต่ยังคงฝืนเอาไว้หันมองเพื่อนบ้านที่เมืองไทยตาปรือ “ทอมบอกว่าด็อกจะไปกลาสตันเบอรี่ด้วย”

“ใช่ ฉันเลยรีบมาไง” คุณหมอละสายตาจากทิวทัศน์ด้านนอกหันมาจ้องตาเด็กตัวเล็กที่พูดทั้งตาจะปิด ปกติเจ้าตัวแสบไม่ใช่พวกขี้เกียจนอนกินบ้านกินเมืองและออกจะตื่นเช้าเป็นนิสัย ท่าทางง่วงขนาดนี้เมื่อคืนคงนอนดึกหรือไม่ก็แทบไม่ได้นอนเป็นแน่ “แล้วนี่เป็นอะไร ง่วงก็นอนไปก่อน”

“เพราะด็อกไม่รีบมาผมเลยง่วงแบบนี้ไง ถ้ามาพร้อมกันตั้งแต่สัปดาห์ก่อนผมไม่ต้องตื่นทั้งที่นอนไปแค่ชั่วโมงเดียวมารับหรอก ตอนนี้พวกทอมก็มารอที่บ้านจะไปงานกลาสตันเบอรี่แล้วด้วย”

“ฉันมีงานที่ต้องทำก่อนนี่”

“ไม่รู้ล่ะ ถ้าผมไปไม่ทันดู KODALINE เล่นละก็ด็อกต้องรับผิดชอบ”

ทิวากานต์ยิ้มขำเมื่อถูกคนเด็กกว่าคาดโทษ มือหนาผลักหัวอีกคนเล่นเบาๆ ก่อนบอกให้ไอ้ตัวแสบนอนเสียเดี๋ยวไม่มีแรงไปผจญภัยงานเทศกาลดนตรีวันนี้

โรลส์-รอยซ์ แฟนธ่อมที่ตีราคาเป็นเงินไทยบวกภาษีนำเข้าแล้วไม่ต่ำกว่าคันละสามสิบกว่าล้านบาทพาผู้โดยสารเข้าสู่ใจกลางลอนดอนเชื่องช้าเนื่องจากการจราจรติดขัด หากในที่สุดก็จอดลงหน้าบ้านหลังหนึ่งย่านเมย์แฟร์ (Mayfair) ตอนเกือบเก้าโมงเช้า

ทิวากานต์สะกิดปลุกไอ้ตัวแสบเมื่อรถจอดนิ่งสนิท เด็กขี้เซากระพริบตาสองสามทีทำหน้ามึนตามสไตล์ก่อนกระโดดลงรถทันทีที่อัลเบิร์ตเปิดประตูให้

“มาดามโอเนลล์เตรียมมื้อเช้าสำหรับคุณหมอไว้ให้ที่ห้องครัวแล้วครับ เชิญคุณหมอเข้าไปรับประทานได้เลย ส่วนกระเป๋าพวกนี้ผมจะยกขึ้นไปเก็บไว้ให้ที่ห้อง ไม่ทราบว่าจะให้แม่บ้านจัดการจัดตู้เสื้อผ้าเลยหรือไม่ครับ”

“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมจัดการเอง” เขาตอบปฏิเสธอย่างสุภาพก่อนเดินตามลูกชายเจ้าของบ้านเข้าไปด้านใน เสียงโหวกเหวกดังลั่นราวกับระเบิดเมื่อทั้งคู่โผล่หน้าเข้าไป

“Welcome to London, Doctor Wa” โธมัสแทบจะกระโดดกอดทิวากานต์ทั้งตัวเหมือนหมากระโจนใส่เจ้าของเล่นเอาคนเดินทางมาทางไกลเกือบหงายหลัง วันนี้หนุ่มผมทองอยู่ในชุดลำลองสบายๆ เหมือนวัยรุ่นทั่วไปด้วยเสื้อกล้ามและกางเกงยีนส์ขาสั้นเสมอเข่า ผมยาวถูกมัดเป็นจุกด้านหลังมีหนวดเคราหรอมแหรมบนใบหน้า นัยน์ตาฟ้าสีสดถูกแว่นกันแดดทรงนักบินปิดทับไว้ ด้านหลังมีโธมัสไซส์เอ็มอีกสองคนยืนฉีกยิ้มส่งมาให้อยู่

“สวัสดีทอม ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีนะ”

“ยิ่งกว่าดี” อดีตกัปตันชมรมรักบี้ว่าก่อนดึงแขนคุณหมอให้มาเจอกับโธมัสไซส์เอ็มสองคนที่หน้าเหมือนกันอย่างกับแกะ “นี่มาร์โก้กับมาริโอ้น้องชายฝาแฝดสุดแสบของผมเอง”

ตาคมมองคนที่น่าจะเป็นมาร์โก้กับมาริโอ้แล้วเหลือบมองอลันด์เดินดุ่มๆ ทิ้งตัวบนโซฟาตัวใหญ่ข้างเด็กหนุ่มผมสีอ่อนตัวใหญ่อีกคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ พอหันกลับมามองคู่แฝดที่ยังดูเด็กอยู่มากเทียบกับคนห้องตรงข้ามเขาแล้วจึงพบว่าตัวใหญ่กว่าลูกเจ้าของบ้านเสียอีก ถ้าไม่นับรวมรอบเอวที่ขยายจนจะใหญ่กว่าเพื่อนแล้วน่ะนะ

“ยินดีที่ได้รู้จักนะมาร์โก้ มาริโอ้”

“เช่นกันด็อกเตอร์ แต่นี่น่ะมาริโอ้”

“ส่วนนี่มาร์โก้” เจ้าฝาแฝดชี้นิ้วใส่อกตัวเองแล้วบอกชื่อใหม่ โชคดีที่แค่หน้าเหมือนไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเหมือน ทิวากานต์เลยจำๆ ไว้ก่อนว่าเสื้อกล้ามสีน้ำเงินคือมาร์โก้ ส่วนเสื้อสีฟ้าคือมาริโอ้

“ด็อกไม่ต้องซีเรียสนะ ขนาดผมยังแยกเจ้าฝาแฝดนี่ไม่ค่อยออกเลย ส่วนนั่นฮิวโก้ น้องชายคนรองของบ้านกริฟฟิธส์” โธมัสชี้นิ้วไปที่เด็กหนุ่มผมบลอนด์จนเกือบขาวหากตาสีฟ้าสดเหมือนพี่น้องอีกสามคนเด๊ะๆ เด็กหนุ่มส่งยิ้มน้อยๆ มาให้ก่อนก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือในมือต่อ “หมอนั่นเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยสนใจชาวบ้านเขาเท่าไหร่ ด็อกไม่ต้องใส่ใจไป”

“พี่น้องเยอะดีนะ”

“ความจริงยังมีอีฟแล้วก็ลียอนกับนิค แต่ว่าอีฟเตรียมตัวจะไปล่องเรือยอร์ชที่กรีซ ลียอนติดถ่ายละคร แล้วเจ้าตัวเปี๊ยกนิโคลัสอยู่กับคุณยายที่มิวนิค”

อย่างกับครอบครัววีสลีย์ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ยังไงยังงั้น คุณหมอพยักหน้าเออออกับโธมัสพลางสรุปเงียบๆ ในใจ แน่นอนว่าครอบครัวกริฟฟิธส์คงร่ำรวยมากพอจะส่งลูกทั้งเจ็ดคนเรียนโรงเรียนประจำราคาแพงหูฉี่ได้ไม่ขัดสนเหมือนครอบครัววีสลีย์แน่ๆ

ยืนมึนๆ ไม่รู้จะทำอะไรต่อมาดามโอเนลล์ก็โผล่มาพอดีราวกับรู้ เธอทักทายเขาพร้อมรอยยิ้มฉีกกว้างก่อนไล่เขาไปกินอาหารเช้าที่ห้องครัวและขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมไปงานเทศกาลดนตรีกับพวกเด็กๆ โชคไม่ดีเขามาช้าไปหน่อยจึงไม่ได้เจอพ่อของอลันด์ที่ออกไปทำงานก่อนหน้านั้นแล้ว

ส่วนอลันด์ถูกแม่ไล่ตะเพิดให้ขึ้นไปนอนรอบนห้องตั้งแต่ระหว่างรอคุณหมอจัดการมื้อเช้า มีฮิวโก้กับแมวลายวัวตัวอ้วนที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนเดินตามตูดต้อยๆ ประหนึ่งเป็นบอดี้การ์ดคอยระวังไม่ให้ไอ้ตัวแสบตกบันไดวนลงมาคอหักตายเสียก่อน

ครอบครัวโอเนลล์แทบทำให้ทิวากานต์ช็อคอีกครั้งด้วยบ้านที่ดูภายนอกไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายแต่มีถึงเจ็ดชั้น เป็นชั้นใต้ดินไปสามดาดฟ้าอีกหนึ่งพร้อมลิฟต์ในตัว มีสระว่ายน้ำที่ชั้นใต้ดิน พอรวมกับทำเลที่ตั้งแล้วไม่กล้าตีราคาบ้านเป็นเงินไทยให้ตกใจไปมากกว่านี้เลย เอาเป็นว่าถ้ามีเงินซื้อบ้านหลังนี้ได้สบายๆ โรลส์-รอยซ์แค่คันเดียวดูจิ๊บจ้อยไปเลย

ด้านโธมัสบอกว่าพวกเขาจะค้างที่กลาสตันเบอรี่หนึ่งคืนแล้วก็ที่บ้านกริฟฟิธส์ย่านชานเมืองนอกลอนดอนอีกคืนไม่จำเป็นต้องเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนก็ได้ แต่ทิวากานต์ผู้ต้องอาบน้ำก่อนนอนขอพกเสื้อผ้าไปเปลี่ยนด้วยหนึ่งชุดถ้วน เกือบสิบโมงคุณหมอในชุดใหม่เสื้อยืดกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบก็พร้อมเดินทางไปงานเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกพร้อมกับพวกเด็กๆ แล้ว

มาดามโอเนลล์เดินมาส่งพวกเขาขึ้นรถที่หน้าบ้านระหว่างรออลันด์กับฮิวโก้ลงมาจากห้องนอน ทำในสิ่งที่ทิวากานต์คาดได้อย่างแม่นยำว่าจะฝากฝังลูกชายและพวกเด็กๆ ไว้กับเขาพอดีกับสองคนที่เหลือวิ่งออกมาพอดี

ไอ้ตัวแสบถอดชุดสูทกับรองเท้าหนังออกเหลือเพียงเสื้อโปโลกับแฮร์ริ่งตันแจ็คเก็ตของเบอเบอร์รี่และกางเกงยีนส์ขายาว สวมรองเท้าผ้าใบธรรมดา ผมยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง เมื่อมายืนรวมกับพี่น้องตระกูลกริฟฟิธส์แล้วดูเหมือนเป็นน้องเล็กของบ้านไปเลย

“ดูแลตัวเองกันดีๆ นะจ๊ะ อย่าขับรถเร็วล่ะ” เธอหอมแก้มส่งเด็กแต่ละคนขึ้นรถ BMW X5 M50d F15 ที่จอดรออยู่หน้าบ้านอย่างรู้งาน ไม่ลืมหอมแก้มทิวากานต์ประหนึ่งว่าเป็นลูกชายคนโตของเธอด้วยอีกคน จนเมื่อฮิวโก้ถูกหอมแก้มเป็นคนสุดท้าย น้องคนรองของบ้านกริฟฟิธส์จึงขึ้นประจำที่นั่งคนขับ

“ฉันว่าเราไปไม่ทันดูโชว์ของ Vance Joy แน่ๆ” เจ้าแฝดมาร์โก้ว่าหลังรถเคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านไอ้ตัวแสบได้ไม่เท่าไหร่ มีมาริโอ้พยักหน้าเห็นด้วย

“ช่วยไม่ได้นี่ เราต้องรอด็อกมาก่อน แต่ผมไม่ได้โทษว่าเป็นความผิดของด็อกหรอกนะ” โธมัสเอี้ยวตัวมาจากเบาะหน้าข้างคนขับฉีกยิ้มหวานเอาใจเหมือนหมาประจบเจ้าของ

“โทษทีนะ แต่ฉันต้องอยู่รอส่งเอกสารก่อนจริงๆ”

“ช่างเหอะ ขอแค่ไปทัน Kodaline ก็พอแล้ว” คนตัวเล็กสุดในรถว่า ในมือถือกระดาษตารางอะไรสักอย่างมีร่องรอยปากกาขีดเต็มไปหมด

“ความจริงวันนี้ก็ไม่ค่อยมีวงไหนน่าสนใจเท่าไหร่ ด็อกสนใจวงไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า” แฝดมาริโอ้ชะโงกหน้าจากเบาะหลังสุดมาดูแผ่นกระดาษในมืออลันด์ก่อนหันมองเขาตาแป๋วรอคำตอบ

“The Black Keys แต่วงอื่นก็น่าสนอยู่ เสียดายปีนี้ไม่มี Arctic Monkey กับ Alt-J ฉันเป็นแฟนคลับลับๆ ของสองวงนี้เลยล่ะ”

“เจ๋ง ผมก็ชอบที่ด็อกว่ามาหมดเลยถึง Alt-J จะเมาไปหน่อยก็เถอะ แล้วเราก็วางแผนจะต้องเกาะหน้าเวทีตอน The Black Keys กับ Kasabian เล่นให้ได้ด้วย” มาร์โก้ชูนิ้วโป้งให้คุณหมอ เริ่มรู้สึกสนิทกับเพื่อนต่างวัยที่ดูท่าจะเข้ากันได้ดีเพราะดนตรี

ตลอดระยะเวลาสองชั่วโมงกว่าจากลอนดอนไปกลาสตันเบอรี่กลายเป็นเรื่องที่สนุกเกินคาดสำหรับทิวากานต์ เจ้าฝาแฝดสองตัวคุยสนุกและมีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัวมากเมื่อเขาได้รู้ว่าฝาแฝดมาร์โก้และมาริโอ้ที่อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ของสถาบันเซิร์นเพิ่งอายุสิบห้าเท่านั้น พี่รองอย่างฮิวโก้เองกำลังขึ้น Year 13 ที่โรงเรียนมัธยมในเยอรมันวางแผนจะเรียนต่อด้านแพทย์ ทิวากานต์เลยถือโอกาสนี้สอบถามเรื่องสถาบันที่จะมาเรียนต่อไปด้วย ส่วนโธมัสเพิ่งได้รับจดหมายตอบรับเข้าศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยด้านวิศวกรรมการบินที่เยอรมันแล้ว และจะกลับมาเรียนต่อที่โรงเรียนนายร้อยทหารบกแซนด์เฮิสต์ก่อนเข้ากองทัพอากาศเหมือนคุณปู่ต่อไปในอนาคต

ทิวากานต์เหลือบมองอลันด์ที่หลับสนิทแม้มีเสียงคุยรบกวนตลอดเวลาแล้วถึงกับส่ายหน้า ขนาดเพื่อนรอบตัวที่ดูเฮฮายังวางแผนชีวิตได้รัดกุมแบบนี้ พ่อแม่เจ้าเด็กนี้ถึงประสาทเสียน่ะสิที่ลูกชายจะไปเป็นนักร้องน่ะ



รถ SUV คันใหญ่เลี้ยวเข้าจอดที่จอดรถสำหรับผู้มางานเทศกาลดนตรีกลาสตันเบอรี่ด้วยความนิ่มนวล ต้องขอบคุณโช้กและยางอย่างดีจากเยอรมันที่ทำให้เจ้าชายนิทราอย่างอลันด์หลับสนิทตลอดทางแม้จะวิ่งตกหลุมขนาดใหญ่มาก็ตาม

ไอ้ตัวแสบอ้าปากหวาดวอดๆ ก่อนลงจากรถหยิบเป้แบคแพคใบใหญ่สะพายไหล่ ฝาแฝดกริฟฟิธส์รื้อท้ายรถหยิบอุปกรณ์กางเต็นท์ออกมาถือ จากที่จอดรถต้องเดินไปอีกไกลกว่าจะถึงเวที ตอนนี้จะบ่ายโมงแล้วพลาดการแสดงของ Vance Joy ไปอย่างน่าเสียดาย พวกเขาจึงตกลงกันว่าจะหาที่กางเต็นท์ก่อนจะเต็มหมดแล้วค่อยไปหาอะไรรองท้อง พอสักสี่โมงเย็นถึงไปเวที Other Stage เพื่อดูการแสดงของ Kodaline ที่อลันด์ย้ำหนักย้ำหนาว่าต้องมาดูให้ได้

เต็นท์สำหรับสองคนจำนวนสามหลังถูกกางกระจายห่างกันในรัศมียี่สิบเมตรท่ามกลางหลังคาเต็นท์อีกนับร้อยที่แผ่ไปทั่วท้องนาอันเป็นสถานที่จัดงานดนตรีระดับโลก แน่นอนว่าฝาแฝดมาร์โก้และมาริโอ้ขอนอนด้วยกัน ทิวากานต์เลยทำตัวเป็นอะไรก็ได้แมนให้เด็กสามคนที่เหลือเลือก

“ผมนอนกับด็อกเตอร์ก็ได้” ฮิวโก้ว่าเสียงเรียบ ผมสีอ่อนจางของเขาแทบกลืนหายไปท่ามกลางแสงจ้า “อัลตัวเล็กก็ไปนอนกับทอมเถอะ จะได้ไม่เบียดกันมาก”

เหตุผลเข้าท่าทีเดียว หมายักษ์กับแมวตัวเล็ก(อ้วนแค่ส่วนพุง)ในเต็นท์หลังน้อยคงพอดี ส่วนฮิวโก้ที่แม้จะตัวสูงตามรอยพี่ชายมาติดๆ ก็ไม่ได้มีกล้ามเนื้อใหญ่โตชวนอึดอัด ถ้าต้องมานอนตัวตรงนิ่งๆ กับทิวากานต์คงไม่รู้สึกลำบากมากนัก เมื่อตกลงกันเรียบร้อยทั้งหกคนจึงได้ฤกษ์เฮละโลกันไปหาของกินในงาน



เทศกาลดนตรีกลาสตันเบอรี่เป็นเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดกันที่ท้องนาแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของอังกฤษโดยการสนับสนุนจากคุณปู่เจ้าของไร่ใจดีชื่อไมเคิลติดต่อกันมาเกือบห้าสิบปีแล้ว และได้ชื่อว่าฝนตกให้ได้ลุยโคลนกันทุกปีไม่เสียชื่อประเทศอังกฤษ ปีแรกๆ ที่จัดก็มีวงดนตรีไม่เท่าไหร่ หากปัจจุบันมีมากกว่าสองร้อยวงดนตรี หลายสิบเวที สตาฟนับไม่ถ้วนและคนดูเป็นแสน บัตรขายล่วงหน้าหนึ่งปีและหมดลงภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแม้ไม่มีรายชื่อศิลปินออกมาด้วยซ้ำ

คุณหมอวัยสามสิบจากเมืองไทยมองดูฮิปปี้ยุคใหม่เดินยกสมาร์ทโฟนถ่ายเซลฟี่ผ่านไปผ่านมาด้วยสายตาแปลกๆ เด็กต่างชาติมีความเป็นตัวของตัวเองสูง หลายคนไม่แคร์สายตาคนอื่นถ้าจะแต่งตัวประหลาดๆ หรืออย่างเด็กข้างตัวเขาที่อากาศตอนนี้ร้อนชิบหายก็ยังใส่เสื้อแจ็กเก็ตรูดซิปปิดคออยู่เหมือนเดิม

พวกเขายัดฮอตดอกไปคนละสองชิ้น (โธมัสกับอลันด์ล่อไปสาม) ข้าวโพดปิ้งคนละฝัก หลังจากนั้นก็พกน้ำเปล่าคนละขวดเดินไปเวที Other Stage เพื่อจับจองที่ดูการแสดงของ Kodaline และคงอยู่ที่เวทีนี้ยาวจนถึงการแสดงสุดท้ายของคืน อลันด์ปฏิเสธการไปดูไฮไลท์ของวันที่เวทีพีรามิด(เวทีใหญ่สุด)เพราะวงเมทัลร็อคจากอเมริกานั้นไม่ใช่สไตล์และเห็นด้วยกับคำพูดของอเล็ก เทอร์เนอร์นักร้องนำวง Arctic Monkeys ที่ว่า Metallica ไม่เข้ากับกลาสตันเบอรี่อย่างที่สุด!

หลังพักเวทีไปสามสิบนาทีในที่สุด Kodaline ของอลันด์ก็ขึ้นแสดง คนดูนับหมื่นเบียดกันอยู่หน้าเวทีที่ใหญ่เป็นอันดับสองของงาน พวกเขาได้ที่กลางๆ ท่ามกลางผู้คนมากมาย และถึงแม้ทิวากานต์จะไม่ชอบคนเยอะๆ ยังรู้สึกสนุกไปกับการปลดปล่อยตัวเองขยับร่างกายไปตามจังหวะ เพลงแหกปากร้องคลอไปกับนักดนตรีบนเวที กระโดดตบมือให้สุดตัวไม่สนใจสายฝนที่เทลงมาเหมือนย้อนไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้งทั้งที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยกลางคน

พอจบจาก Kodaline ก็เป็น Imagine Dragons พวกเขายังคงปักหลักอยู่ที่เดิม ใช้เวลาตั้งแต่สี่โมงเย็นถึงเที่ยงคืนไปกับวงดนตรีร็อคห้าวง! หลายครั้งที่โธมัสให้อลันด์ขี่คอเพื่อดูการแสดงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บางทีก็เป็นฮิวโก้ที่ยอมให้เด็กตัวอวบขึ้นคอ ทิวากานต์ถูกยุจนลองไปหนึ่งครั้งก่อนพบว่ามันไม่เวิร์คเลย อลันด์ตัวหนักมากจนคุณหมอนึกว่าจะคอหักตายซะแล้วตอนที่เจ้านั่นลงจากคอ

เมื่อการแสดงสุดท้ายของวันจบกลุ่มฝูงคนต่างแยกย้ายกันกลับที่พักของตัวเอง ส่วนกลุ่มของอลันด์เลือกหาอะไรเติมท้องก่อนเข้านอนคืนนี้และตื่นมาตะลุยวงดนตรีในวันถัดไปซึ่งเป็นวันสุดท้ายของงาน

มื้อค่ำนี้เป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอิมพอร์ตจากญี่ปุ่น อุ่นท้องและอิ่มมากพอเมื่อซัดกันไปคนละสองถ้วย โธมัสได้เพิ่มมาอีกถ้วยจากเจ้าของร้านลูกครึ่งจีน - อังกฤษ ขาว สวย หมวย และเอ็กซ์มาก หนุ่มรักบี้จากโรงเรียนชายล้วนดูจะเขินพอสมควร แต่กลับไม่ยอมแบ่งบะหมี่ให้อลันด์ที่เรียกร้องจะกินอีกจนฮิวโก้ต้องหันไปสั่งไส้กรอกจากร้านข้างๆ มาให้กินแทน

กลุ่มควันสีขาวลอยฟุ้งท่ามกลางความมืดหลังจากพวกเขาเดินไปล้างเนื้อตัวล้างตัวกันก่อนเข้านอน เด็กพวกนี้เป็นสิงห์อมควันกันโดยแท้ แม้แต่เด็กสุดอย่างมาร์โก้และมาริโอ้ก็สูบเป็นตั้งแต่ขึ้น Year 10 และที่เซอร์ไพรส์สุดคือฮิวโก้ พี่คนรองของบ้านที่ดูเรียบร้อยกลายเป็นคนยื่นบุหรี่สัญชาติเยอรมันให้คุณหมอลองรสชาติดู

ตีหนึ่งกว่าแล้ว บริเวณที่กางเต็นท์เริ่มถูกความเงียบโรยตัว กลุ่มคนจำนวนมากหายเข้าไปในที่พักของตนเองเพื่อพักผ่อน บางส่วนยังนั่งพูดคุยกันอยู่บนสนามหญ้าเหมือนพวกเขา
 
“พี่สาวร้านบะหมี่เหมือนจะสนใจพี่ชายของพวกเรามากเลย มาริโอ้ว่างั้นไหม” มาร์โก้เริ่มบทสนทนาใหม่ขึ้นเมื่อโธมัสเล่าเรื่องการแข่งรักบี้กับโรงเรียนคู่แข่งจบ

“นั่นสิ เธอมองพี่ชายสุดหล่อของพวกเราตาเป็นมันเลย ดูเหมือนโธมัสก็สนใจด้วย” มาริโอ้หัวเราะคิกคักเข้าคู่กับคู่แฝดตัวเองยามแซวพี่ชายตัวเองให้อายได้ โธมัสหน้าแดงจัดลามไปถึงใบหู ภายนอกเขาดูเหมือนเด็กหนุ่มรูปหล่อที่มีสาวสวยมาติดพันมากมาย หากจริงๆ แล้วไร้เดียงสาเรื่องผู้หญิงได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“ถ้าสมมติเธอสนใจนายจริงๆ นายจะว่าไง” คุณหมอลองถามหยั่งเชิงโธมัสดู ก่อนได้รับคำตอบกลับมาเป็นใบหน้าแดงจัดที่ส่ายไปมาไม่พูดจาอะไรนอกจากบุหรี่ที่พยายามยัดเข้าปากอยู่ตลอดเวลา

ทิวากานต์ดูดบุหรี่หมดไปสองตัวก็ชักง่วง เขาขอตัวกลับเข้าเต็นท์ก่อนใครเพื่อน มานึกย้อนดูแล้ววันนี้เขาได้ทำอะไรเยอะเหลือเกิน บินมาถึงอังกฤษเมื่อเช้า ตอนบ่ายมางานเทศกาลดนตรี แล้วใช้เวลาช่วงเย็นถึงค่ำหมดไปกับการดูดนตรี เกือบสิบปีแล้วที่ไม่ได้ทำอะไรมากขนาดนี้ ตั้งแต่ขึ้นชั้นคลีนิคคำว่าเวลาว่างดูเป็นอะไรที่แรร์มาก เมื่อมีวันหยุดก็หมดไปกับการนอนพักผ่อนหรือไม่ก็รอให้แม่มาลากพาไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ พอแม่ไม่อยู่ก็หมกตัวกับงานและตำรา เขาต้องขอบคุณเจ้าเด็กตัวแสบข้างนอกนั้นสินะที่ให้เขาได้มาปลดปล่อยตัวเองอีกครั้ง

ก่อนหลับตาลงฮิวโก้ก็เปิดเต็นท์เข้ามา หลังรูดซิปล็อคเต็นท์เรียบร้อยแล้วเด็กหนุ่มลูกเสี้ยวเยอรมันเอ่ยราตรีสวัสดิ์ก่อนล้มตัวลงนอนราบข้างๆ ร่างสูงของคุณหมอ ความเงียบเข้าครอบคลุมอีกครั้งก่อนที่สติจะดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทรา

.
.
.

สำหรับหมอที่ผ่านการเจอศพมาแล้วนับไม่ถ้วน ผีเป็นอะไรที่เขาจะไม่คิดถึงเป็นอย่างแรกเมื่อได้ยินเสียงแปลกประหลาดในเวลากลางคืน ทิวากานต์หรี่ตาเงี่ยหูฟังเสียงกุกกักหน้าเต็นท์ เงาตะคุ่มด้านหน้าขยับไปมาบนผืนผ้าใบกันน้ำ เขาลุกขึ้นนั่งทันทีเมื่อคิดว่ามีใครบางคนพยายามเข้ามาขโมยของในเต็นท์ พร้อมกับที่ฮิวโก้ก็ความรู้สึกไวพอจะตื่นขึ้นมาสังเกตการณ์ด้วย

ตีสาม... สองหนุ่มลอบมองเพื่อปรึกษากันเงียบๆ ผ่านสายตา เงาด้านหน้ายังขยับไปมาและพยายามที่จะรูดซิปเปิดเต็นท์จากด้านนอกเข้ามาข้างในให้ได้ ฮิวโก้ยัดไฟฉายใส่มือทิวากานต์ ส่งซิกบอกว่าจะเป็นคนเปิดเต็นท์เองและถ้ามีอะไรผิดปกติให้เอาไฟฉายฟาดหัวไอ้แมวขโมยได้เลย

ทิวากานต์พยักหน้ารับ เขาชูนิ้วเป็นสัญญาณนับหนึ่งถึงสามให้เด็กหนุ่ม

หนึ่ง - สอง - สาม!

หน้าเต็นท์ถูกเปิดออกกว้างพร้อมกับคุณหมอที่ยกมือขึ้นสูงเปิดไฟฉายสาดใส่หน้าผู้บุกรุกจนต้องหยีตายกมือบังใบหน้าไว้ ผมสีนมช็อกโกแลตฟูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงส่องประกายภายใต้แสงไฟจ้า

“อัล” ฮิวโก้เรียกชื่อผู้บุกรุกยามวิกาลเสียงแผ่ว ไอ้ตัวแสบตวัดสายตาค้อนขวับมาให้ในทันที ใบหน้าขาวง้ำงอเม้มปากแน่นก่อนกลั้นใจอ้าปากบอกจุดประสงค์ที่มาบุกเต็นท์ชาวบ้านยามดึก

“นอนด้วยสิ”

ถึงจะยังมึนๆ แต่ฮิวโก้ก็เขยิบตัวให้มีที่ว่างพอที่อีกคนจะเข้ามาได้ เท่านั้นอลันด์จึงรีบปีนเข้ามา เจ้าตัวทำหน้าบู้บี้นั่งขัดขาอยู่กลางเต็นท์ให้เจ้าของพื้นที่สองคนก่อนหน้าขยับขยายที่กันเอง

“ทำไมไม่นอนกับทอมล่ะ หมอนั่นกรนเสียงดังหรือไง” ตอนนี้คุณหมอชักอารมณ์เสีย ตื่นกลางดึกไม่พอยังต้องแบ่งที่นอนคับแคบกับเด็กแสบอีกหนึ่ง

“ก็แม่ผู้หญิงที่ร้านขายบะหมี่นั่นแหละตามทอมมา ผมเลยถูกเตะโด่งออกมาจากเต็นท์” แสงจากไฟฉายทำให้เห็นริมฝีปากหยักคล้ายแมวขยับพูดด้วยความไม่พอใจ ดวงตาสีซีดวาววับ

“อ้าว” คุณหมอร้องเสียงหลง ตาคมมองเด็กตัวเท่าไหล่ที่หน้าเริ่มบูดเข้าไปทุกที ดูท่าคงโมโหมากแต่ทำอะไรไม่ได้

“งั้นนอนด้วยกันนี่แหละ” ฮิวโก้สรุปให้ เขาหันไปรูดซิปปิดเต็นท์ตามเดิมก่อนเอนตัวลงนอนตะแคงข้างเล็กน้อย มือใหญ่ฉุดแขนอวบให้ล้มตัวลง “อัลนอนเถอะ นอนกับฉัน”

อลันด์มีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย เด็กหนุ่มยอมลงไปนอนกับฮิวโก้ไม่ประท้วงอะไร หากด้วยพื้นที่คับแคบตัวอวบๆ จึงปีนขึ้นไปเกยบนอกอีกคนเพื่อเหลือที่ให้ทิวากานต์นอนได้เหมือนเดิม

คุณหมอถอนหายใจเล็กน้อย ดับไฟฉายในมือลงแล้วล้มตัวลงนอนเบียดกับอีกสองคน จากที่คิดว่าเจอแมวขโมยดันกลายเป็นเจอแมวหลงถูกทิ้งเสียได้

ท่ามกลางความมืด ทิวากานต์ได้ยินเสียงเด็กสองคนกระซิบกระซาบคุยกันฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ชื่อของทอมหลุดออกมาบ่อยครั้ง พอกับเสียงฮึดฮัดคล้ายกลั้นสะอื้นของคนที่นอนอยู่ตรงกลาง เห็นหน้าตายเหมือนไม่แยแสใครในโลกแต่กลับเซนซิทีฟเกินคาด กว่าอลันด์จะหยุดร้องไห้ก็เกือบตีสี่ที่ทุกอย่างเงียบลงและพาคุณหมอหลับสนิทได้อีกครั้ง

 

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
อาการผีอำเป็นไงไม่รู้รู้แต่ว่าตอนนี้อึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก ทิวากานต์ผู้ไม่กลัวผีและเชื่อมั่นว่าเหตุการณ์ลึกลับต่างๆ สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ปรือตาหาสาเหตุของอาการแน่นหน้าอกขยับตัวไม่ได้ และกลุ่มผมสีช็อกโกแลตนมเป็นประกายล้อแสงแดดที่ส่องผ่านผืนผ้าใบเข้ามาคือคำตอบ

ไม่รู้นอนอีท่าไหน ไอ้ตัวแสบถึงได้มาเกยอยู่บนตัวเขาแทนฮิวโก้ที่นอนกอดกันกลมเมื่อคืน เด็กนี่ก็ตัวหนักเหลือเกิ๊นนน ก่อนกลับไทยเขาต้องไปบอกมาดามโอเนลล์ให้ควบคุมน้ำหนักลูกชายเสียแล้ว

เขาพยายามใช้มือข้างที่ขยับได้หยิบโทรศัพท์มาดูเวลา แปดโมงเช้าแล้ว มิน่าข้างนอกถึงได้ยินเสียงคนเดินกันวุ่นวาย

ยังไม่ทันสะกิดอลันด์ให้ตื่นซิปเต็นท์ก็ถูกรูดลงมาพร้อมใบหน้าของสองแฝด (สงสัยเมื่อคืนฮิวโก้ลืมล็อคเต็นท์แน่ๆ) มาร์โก้หรือมาริโอ้คนใดคนหนึ่งนี่แหละทักขึ้นมาก่อน ตาสีฟ้าสดเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

“ทำไมอัลมานอนอยู่นี่ล่ะ อ้าว ด็อกเตอร์ตื่นแล้วเหรอ อรุณสวัสดิ์”

“อรุณสวัสดิ์” พยายามตอบกลับแฝดสักคนไปทั้งที่มีวัตถุหนักกว่าเจ็ดสิบกิโลกรัมทับอยู่บนตัว ฝาแฝดหัวเราะชอบอกชอบใจนั่งยองๆ หน้าเต็นท์ดูคุณหมอพลิกร่างอลันด์ไปทางฮิวโก้

กว่าจะสำเร็จเมื่อยข้อมือชะมัดตัวหนักอย่างกับวัว

ชายหนุ่มวัยสามสิบกับอีกไม่กี่เดือนบิดตัวคลายอาการเมื่อยล้า แทนที่จะได้พักผ่อนเอาแรงพร้อมลุยต่อเต็มที่กลับกลายเป็นว่าเพลียหนักยิ่งกว่าเจอผ่าตัดใหญ่ติดกันสามเคสเสียอีก เขาเปิดฝาขวดน้ำยกกระดกดื่มรวดเร็วเกือบหมดขวดก่อนปีนออกมานั่งกับฝาแฝดมาร์โก้มาริโอ้ข้างนอกเต็นท์ พอดีกับที่สองคนข้างในเริ่มรู้สึกตัว ไอ้เด็กลูกครึ่งตาสีซีดขยับตัวลุกขึ้นนั่งหน้ามึนตาบวมเฉ่ง ส่วนฮิวโก้ก็มีสภาพไม่ต่างจากทิวากานต์มากนัก

“อรุณสวัสดิ์ฮิวโก้แล้วก็อัลด้วย”

“อรุณสวัสดิ์มาร์โก้” อลันด์ฝืนเปิดตายกมือทักทายคนที่น่าจะเป็นแฝดพี่ก่อนถูกอีกฝ่ายแก้อย่างรวดเร็ว

“มาริโอ้ต่างหาก” ฝาแฝดเสื้อสีส้มตอบ เพราะงั้นเสื้อสีแดงก็คือมาร์โก้ไปโดยปริยาย

“โอเค มาริโอ้ หาว~” ไอ้ตัวแสบอ้าปากหวอหาวเต็มที่ไม่รักษาภาพลักษณ์ “หิวชะมัด”

“กำลังมาปลุกไปกินข้าว ว่าแต่อัลมานอนที่นี่ได้ไง ทิ้งทอมนอนคนเดียวเหรอ” มาร์โก้ว่า ใบหน้าอ่อนเยาว์ยุ่งเล็กน้อยคงไม่พอใจที่อลันด์ทิ้งพี่ชายตัวเองมา หากปฏิกิริยาตอบกลับอย่างรวดเร็วเป็นใบหน้าบูดบึ้งของผู้ถูกกล่าวหาและสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของสองพยานก็ทำให้แฝดพี่หน้าเหวอ “ฉันพูดอะไรผิดเหรอ”

“ทอมต่างหากที่ดีดฉันออกมาจากเต็นท์!”

“นายไปกวนอะไรเขาหรือเปล่า หรือว่านอนกรนเสียงดัง” แฝดน้องเดา

“โหะ! ฉันเคยนอนกรนเหรอ?” อลันด์ใช้ตาสีฟ้าซีดกวาดมองทุกคนที่เคยนอนกับเขาก่อนได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้า “ฉันนอนดิ้นหรือเปล่า?”

“ไม่ดิ้น แต่เธอนอนทับฉันจนชาไปครึ่งตัว” คุณหมอแค่พูดความจริงทำไมต้องมองตาขวางแบบนั้นด้วยล่ะ

“ที่มันแคบนี่ ด็อกบอบบางเกินไปต่างหากทีฮิวโก้ไม่เห็นจะบ่นเลย” แค่เห็นอาการโอ๋ประหนึ่งเป็นทาสเจ้าเหมียวตัวแสบเมื่อคืนแล้วเขาขอสรุปในใจ ฮิวโก้ไม่กล้าบ่นมากกว่า...

“สรุปแล้วทำไมทอมถึงดีดอัลออกมาล่ะ ปกติตัวติดกันตลอดนี่นา” ก่อนจะออกทะเล แฝดพี่ก็พากลับเข้าเรื่องได้ทัน

“หมอนั่นพาผู้หญิงมานอนที่เต็นท์ นายจะให้ฉันอยู่ดูหนังสดหรือไง!”

“โอ้ว - มาย - ก็อด” สองแฝดประสานเสียงดังลั่น ก่อนที่มาร์โก้จะกระโดดเข้าไปในเต็นท์เบียดกับแมวถูกทิ้งข้างใน “อัลกำลังจะบอกว่าพี่ชายผู้ไร้เดียงสาของเราไม่บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้วอย่างนั้นเหรอ”

“ใช่!”

“โอ้ววว แม่ต้องดีใจแน่ๆ”

“แต่ฉันว่าทอมต้องทิ้งผู้หญิงคนนั้นภายในคืนนี้แหละ” มาริโอ้ขัดพี่ชายก่อนที่จะพากันดีใจจนลืมความหงุดหงิดของอลันด์

“ทำไมคิดงั้นล่ะ” คุณหมอจากเมืองไทยถามเสียงซื่อ ตอนนั้นโธมัสยังกระตือรือร้นถามเคล็ดลับเกี้ยวหญิงจากเขาอยู่เลย แล้วไหงพอได้ถึงจะเขี่ยทิ้งเร็วปานจรวดแบบนี้

“ทอมทนพวกผู้หญิงไม่ได้หรอก ไม่งั้นมีแฟนเป็นโขยงตั้งนานแล้ว”

“แต่ก็ไม่แน่หรอกน่า พอได้ลองแล้วอาจจะติดใจก็ได้”

“พนันกันไหมล่ะ สิบปอนด์”

“โอเค ฮิวโก้สนใจพนันด้วยไหม”

“คงไม่” พี่รองบ้านกริฟฟิธส์ส่ายหัวปฏิเสธคำชวน มาร์โก้เลยหันมาหาคุณหมอที่นั่งอยู่ข้างกันแทน

“ด็อกล่ะ สนใจไหม”

“ข้างมาริโอ้แล้วกัน สิบปอนด์”

“เจ๋ง” แฝดน้องฉีกยิ้มตาหยี “อัลล่ะ ลงข้างไหน”

“ไม่ลงทั้งสองข้างนั่นแหละ! ไอ้หมาขนทองนั่นทิ้งฉันเพราะผู้หญิง ฉันจะฆ่ามัน!”

“อุ๊ย”



เป็นเพื่อนกันมาสิบกว่าปี ไม่เคยมีครั้งไหนที่อลันด์จะโมโหโธมัสได้เท่าครั้งนี้เลยจริงๆ ไอ้หมาขนทองหน้าซื่อตัวนั้นกล้าดีดเขาออกจากเต็นท์เพียงเพราะแม่สาวร้านบะหมี่นมตูมย่องมาหากลางดึก แล้วปล่อยให้เขาเดินคลำทางท่ามกลางความมืดเพ่งสายตาหาเต็นท์ของฮิวโก้ท่ามกลางมวลมหาประชาเต็นท์นับพันเพื่ออาศัยเป็นที่ซุกหัวนอนในยามค่ำคืนที่เหลือ ไม่น่าโมโหก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว!

ร่างเล็กไซส์เกือบกะทัดรัดถ้าไม่ติดรอบเอวที่ขยายมากเกินไปหน่อยจ้ำขาไปข้างหน้าไม่ยอมหยุด ปล่อยให้พวกฝาแฝด ฮิวโก้และด็อกเถื่อนเดินตามไปหามื้อเช้ากินที่ส่วนร้านค้าหลังเก็บเต็นท์กับข้าวของไปไว้ที่รถแล้ว สาบานได้เลยว่าที่รีบเดินไม่ใช่เพราะหิวมากแต่เพราะโมโหโธมัสที่ก้าวเท้าตามมาไกลๆ ต่างหาก

“อัล เดินไม่มองทางเดี๋ยวก็ล้มหรอก” สิ้นคำโธมัสไม่ทันไหร่เด็กผู้ชายตัวสูงเท่าไหล่ก็สะดุดพื้นทันควัน ดีว่าทรงตัวได้เลยไม่ลงไปกองกับพื้นให้ได้ขายหน้า เจ้าเด็กเมย์แฟร์หันหน้าค้อนใส่คนเตือนขวับคล้ายจะบอกว่าที่สะดุดเมื่อกี้เป็นเพราะแกนั่นแหละพูดขึ้นมา ถ้าแกไม่พูดฉันก็ไม่ขายหน้าแบบนี้หรอก ปกติอลันด์ทำหน้าเฉยๆ ก็น่ากลัวอยู่แล้วพอโกรธขึ้นมาจริงๆ เจอดวงตาสีซีดจ้องเขม็งยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ คนถูกค้อนเลยได้แต่ทำหน้าจ๋อยเดินหงอยหางลู่หูตกตามเด็กตัวสูงแค่อกต้อยๆ

“เช้านี้คงต้องเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่อาหารจีนสินะ” ทิวากานต์เอ่ยขึ้นกลางวง คนโตสุดรู้สึกสนุกกับบรรยากาศที่บรรยายไม่ถูกตอนนี้สุดๆ แต่เหมือนจะผิดเวลาไปหน่อยเลยถูกไอ้ตัวแสบค้อนเข้าให้อีกคน

“จะกินมัฟฟิน!”

“ดีนี่ ขอไข่ดาวด้วยนะ” แต่มีหรือที่คุณหมอจะสลดไปกับเขา ชายหนุ่มยิ้มพราวระยับสดใสประหนึ่งพระอาทิตย์บนฟ้า อลันด์ก็บ้าจี้เดินมาลากแขนคุณหมอเข้าบูธขายมัฟฟินไปเลย

“นายแย่แน่ ทอม” แฝดน้องมาริโอ้ขู่พี่ชายคนโต ใบหน้าเหมือนพี่ชายราวกับถอดมายิ้มทะเล้น “อัลโกรธจริงแบบนี้ ง้อยากหน่อยนะ”

“รู้แล้วน่า”

“งานนี้นายผิดเต็มประตู และฉันจะไม่ช่วยเพราะนายทำอัลร้องไห้” ฮิวโก้ขู่พี่ชายทิ้งท้ายก่อนเดินตามอลันด์เข้าไปที่ร้านขายอาหารเช้า ทิ้งโธมัสที่หน้าซีดลงเรื่อยๆ ไว้กับฝาแฝด

“โอ้ว - มาย - ก็อด” สองแฝดร้องประสานเสียงดังลั่น ก่อนที่แฝดพี่จะหน้าแหย “ฉันแพ้พนันแน่”

“ฉันรู้ว่าฉันผิดนะ แต่พวกนายจะให้ฉันไล่เธอกลับไปงั้นเหรอ เธอเป็นผู้หญิงตัวนิดเดียวแล้วตอนนั้นก็มืดมาก ไม่ปลอดภัยสักนิด”

“พี่ก็เลยกอดเธอทั้งคืนแล้วปล่อยให้อัลที่ตัวเล็กกว่าผู้หญิงคนนั้นหาที่นอนใหม่ตอนมืดๆ” มาริโอ้แย้งทันควัน

“หล่อนเก่งน่าดูนะ รู้ด้วยว่าทอมนอนเต็นท์ไหนถึงได้มาหาถูกตอนมืดๆ” แล้วมาร์โก้ก็เสริม

ยิ่งฟังสองแฝดพูด โธมัสยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองหดเล็กลงจนเหลือตัวเท่าเม็ดถั่วเขียว พวกเขาทะเลาะกันจนอลันด์ร้องไห้ครั้งสุดท้ายก็ตั้งเมื่อประถมสอง จากที่ตอนแรกแค่รู้สึกผิดตอนนี้เขาเครียดจนไม่รู้จะทำยังไงให้เพื่อนซี้หายโกรธแล้วจริงๆ โอเค สารภาพเลยเขาชอบแกล้งอลันด์ให้ร้องไห้ก็จริงแต่ไม่ได้ร้องแบบนี้อ่ะ



ตามตารางที่วางไว้สำหรับงานกลาสตันเบอรี่วันสุดท้าย พวกเขาจะไปดูการแสดงของ George Ezra เจ้าของเพลงคุ้นหู Budapest ที่เวที John Peel แล้ววิ่งไปดู The 1975 ที่เวทีหลัก Pyramid พักหาเสบียงเติมท้องก่อนแวะไปดู Bombay Bicycle Club สักพักที่เวที Other ที่สิงเมื่อวานทั้งวันแล้วก็รีบกลับไปจองที่ที่เวที Pyramid สำหรับการแสดงส่งท้ายของสองวงสุดยอดอย่าง The Black Key และ Kasabian แล้วกลับบ้านของพี่น้องกริฟฟิธส์กันคืนนี้เลย

แต่กว่าจะถึงโชว์ของ George Ezra ก็ตั้งเกือบบ่ายสอง กลุ่มของทิวากานต์เลยเดินเล่นแวะดูการแสดงของซุ้มนู้นซุ้มนี้ไปเรื่อยหลังกินมื้อเช้าเรียบร้อย

โธมัสเดินรั้งท้ายต้อยๆ เหมือนหมาถูกเมิน ส่วนคนนำขบวนก็เป็นอลันด์ที่อยากจะเดินดูการแสดงไปซะทั่วงานให้ขาลาก ได้ยินเสียงกีตาร์อะคูลสติกดังมาจากเต็นท์ไหนไม่ได้ต้องรีบวิ่งเข้าไปดูตลอดมีฮิวโก้เป็นทาสคอยพะเน้าพะนอ ส่วนสองแฝดแยกตัวไปตั้งแต่กินข้าวเสร็จ เห็นบอกว่าจะไปเล่นเครื่องเล่นที่ยกมาตั้งในงาน ทิวากานต์ที่เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวจากการถูกแมวอ้วนทับหลายชั่วโมงขอบาย ยอมเดินตามเด็กตัวเท่าไหล่ชมการแสดงไปเรื่อยๆ ดีกว่า

หลังเดินจนขาแทบลาก หยุดชมดนตรีไม่ต่ำกว่าห้าวงการแสดงของ George Ezra ก็ใกล้ถึงเวลา ฮิวโก้เลยแนะนำว่าให้เดินกลับไปจองที่นั่งรอสบายๆ แถวเวทีดีกว่า ทิวากานต์ที่ปวดขาไม่แพ้ตอนยืนผ่าตัดนานหลายชั่วโมงจึงรีบตกลงทันที

“อลันด์ นั่นอลันด์ โอเนลล์หรือเปล่า” เจ้าของตาสีซีดหันซ้ายหันขวามองหาต้นเสียงคุ้นหู ใบหน้าที่มักติดจะเฉยชาฉีกยิ้มกว้างเป็นครั้งแรกของวันยามเห็นชายมีอายุร่างใหญ่ไว้หนวดเครารุงรังเป็นคนเรียก

“ปีเตอร์!”

“ไง อลันด์ตัวแสบ ได้ข่าวมาว่านายไปเรียนต่างประเทศ”

“ก็งั้นแหละ” อลันด์ยักไหล่ก่อนสวมกอดกับอีกฝ่าย “แต่ผมไม่มีพลาดงานนี้แน่”

“คิดอยู่เหมือนกันว่าจะเจอนายไหม ชีวิตโอเคนะ?”

“พอใช้ได้ ประเทศที่ผมไปอยู่มีวงดนตรีเจ๋งๆ อยู่บ้าง ผมคงไม่เฉาสักเท่าไหร่”

“งั้นเหรอ”

“แล้วคุณมาทำอะไรแถวนี้ล่ะ ผมนึกว่าคุณจะอยู่ที่เวทีใหญ่เสียอีก”

“มาดูพวกเด็กใหม่ๆ น่าสนใจน่ะ สนใจไปดูด้วยกันไหมล่ะ” ปีเตอร์หันร่างกายใหญ่โตไปทางเวทีเล็กๆ ที่มีคนดูอยู่ไม่เกินสามสิบคน หากวงดนตรีที่แสดงอยู่ก็เล่นเต็มที่โชว์ฝีมือสุดตัว

“อ่อ เวทีอยู่นี่นี่เอง” สายตาที่อลันด์เงยหน้ามองป้ายเรียกให้ทิวากานต์มองตาม ป้ายเล็กๆ แปะอยู่ข้างโดมขนาดเล็กว่า BBC Introducing “คงไม่ล่ะปีเตอร์ ผมกับเพื่อนว่าจะไปหาที่ดีๆ รอดูจอร์จี้”

ปีเตอร์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนทำหน้าเสียดาย เขาตบบ่าเล็กๆ ของอลันด์สองสามที “ฉันรอนายที่เวทีนี้เสมอนะอลันด์ กลับมาให้ได้ล่ะ”

“อืม”

บรรยากาศดูซึมลงทันทีหลังแยกจากปีเตอร์ ถ้าเป็นปกติโธมัสคงทำอะไรสักอย่างให้บรรยากาศดีขึ้น แต่ตอนนี้เจ้าหมาตัวโตยังมีคดีติดตัวทุกอย่างเลยอึมครึมไปหมด เหมือนว่าทุกคนจะรู้สาเหตุแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทิวากานต์ก็ไม่ใช่พวกอยากรู้เรื่องชาวบ้านจึงเงียบเสียงทำเหมือนไม่มีอะไร นั่งรอสองแฝดมาสมทบอะไรๆ คงดีขึ้นบ้าง

ก่อนการแสดงเริ่มขึ้นแค่สิบนาทีมาร์โก้กับมาริโอ้ก็เดินยิ้มโชว์ฟันขาวมาแต่ไกล ผมสีทองสะท้อนแสงแดดจัดจ้านช่วงบ่ายชวนแสบตา

“ยะโฮ รถบั๊มฟ์เจ๋งมากเลย เสียดายนะที่พวกพี่ไม่ไปด้วยกัน” แฝดเสื้อส้มว่า โยนตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆ ให้อลันด์ “นั่นของฝาก”

“ไร้สาระ” เด็กแสบโยนหมีน้อยให้ฮิวโก้ พี่รองบ้านกริฟฟิธส์ก็จัดการยัดใส่กระเป๋าเสื้อตัวเองทันที

“แล้วนี่ทำไมนั่งกันเงียบ ไปดูโชว์เถอะ จะเริ่มแล้ว”

แล้วไอ้อาการอึมครึมเมื่อครู่ก็หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นเมื่อการแสดงบนเวทีเริ่มต้นขึ้น แต่มันสั้นไปหน่อยแค่ครึ่งชั่วโมงพอนักร้องลงเวทีทุกอย่างก็กลับมาเงียบเหมือนเดิม แต่ไม่มีเวลาให้คิดมาก ทุกคนต้องเร่งฝีเท้าไปเวทีใหญ่ให้ทันการแสดงของ The 1975

Now everybody's dead
And they're driving past my old school
He's got his gun, he's got his suit on
She says, "Babe, you look so cool"
1

อลันด์ไม่ได้ขี่คอโธมัสแล้ว นานๆ เด็กหนุ่มตัวเล็กถึงยอมขึ้นคอฮิวโก้เพื่อดูหน้านักร้องให้ชัด ถึงจะดูสนุกแต่ไม่เฮฮาเท่ากับเมื่อวาน พอการแสดงจบก็กลับมาอึดอัดอีกครั้งจนสองฝดทนไม่ไหวลากแขนคุณหมอจากไทยไปหามื้อเย็นกินแล้วบอกทุกคนว่าเจอกันตอนโชว์ของ Bombay Bicycle Club เท่านั้นทุกคนก็แยกย้ายทางใครทางมัน

“แยกออกมาแบบนี้จะดีเหรอ” ทิวากานต์ถามสองแฝดที่ผลัดกันจิ้มฟิชแอนด์ชิฟกินท่าทางสบายใจเชิ้บ

“ดีสิด็อกเตอร์ ขืนอยู่กับพวกนั้นต่อได้ประสาทเสียแน่ ทอมก็โง่ไม่ยอมง้ออัลสักที สมควรโดนทิ้งแล้ว”

“นายพูดเหมือนสองคนนี้เป็นคู่รักกันอย่างนั้นล่ะ”

“หูยยย...” มาร์โก้ร้องเสียงดังตบเข่าฉาด “ยิ่งกว่านั้นอีก อัลกับทอมนะเหมือนคู่แต่งงานผัวเมียละเหี่ยใจมาก”

“ใช่ แล้วตอนนี้เจ้าผัวตัวดีดันแอบไปมีอีหนู เมียหลวงเลยโกรธไงล่ะ”

“แล้วฉันควรทำยังไงกับผัวเจ้าชู้แอบมีอีหนูซุกไว้ดีล่ะมาริโอ้” เสียงทุ้มติดฉุนจัดของคุณเมียละเหี่ยใจดังขึ้นด้านหลังสองแฝด มาร์โก้กับมาริโอ้หน้าเหวอสะดุ้งแทบตกม้านั่งลงไปกองกับพื้นเมื่ออลันด์ยื่นหน้าออกตรงกลางก่อนเขกหัวสองพี่น้องไปคนละที

ทิวากานต์กลั้นขำจนตัวงอ เด็กพวกนี้ตลกชะมัด!

“แล้วสองคนนั้นล่ะ” ชายหนุ่มถามคนที่พาร่างอวบๆ มานั่งข้างเขา พลางยื่นจานกระดาษใส่ฟิชแอนด์ชิฟให้

“ไม่รู้สิ ไม่อยากอยู่ด้วยเลยแวบออกมาซะเลย” เด็กหนุ่มยักไหล่ไม่ใส่ใจ หากตาเป็นประกายกับอาหารที่คุณหมอส่งให้ นิ้วเรียวสวยคีบแท่งมันฝรั่งทอดเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ “แล้วนี่วางแผนจะไปไหนกันต่อ”

“ไม่รู้สิ คงไปหาที่พักไม่ก็เดินเล่นเรื่อยๆ มั้ง ความจริงแซม สมิธก็น่าสน แต่กว่าจะเดินไปถึงเวทีคงใกล้เลิกพอดี”

“แล้วอัลอยากไปไหนล่ะ” แฝดน้องใจกล้าถามหยั่งเชิง

“ไม่รู้เหมือนกัน”

“ไปเล่นเครื่องเล่นกันไหม มีชิงช้าสวรรค์ด้วย”

อลันด์ส่ายหัวปฏิเสธข้อเสนอของมาร์โก้ “ฉันมางานดนตรีเพราะอยากดูดนตรี แต่ถ้าพวกนายอยากไปเล่นก็ไปเถอะ ค่อยเจอกันตามเวลาเดิม”

ฝาแฝดยู่หน้า พอเป็นเรื่องดนตรีทีไรอลันด์ไม่สนใจคนอื่นเลย

“ฉันไปกับอลันด์ดีกว่า ไม่รู้จะมีโอกาสได้มาที่นี่อีกไหมต้องเอาให้คุ้ม เครื่องเล่นพวกนี้ที่เมืองไทยก็มีเยอะแยะ” คำพูดของคุณหมอถูกใจคนฟังน่าดู เด็กตัวเท่าไหล่หันมายิ้มให้ก่อนยัดปลาทอดเข้าไปอีกคำใหญ่

สุดท้ายกลุ่มหกคนใหญ่ๆ ก็แตกกันเป็นสามคู่ ฝาแฝดไปหาเครื่องเล่นต่อ ส่วนพวกเขาสองคนรอจนเบอร์เกอร์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่หมดก็เริ่มออกเดินย่อย อลันด์บอกว่าสนใจซุ้ม Acoustic ที่อยู่ฟากของเต็นท์ที่พวกเขาพักกัน ออกจะไกลไปหน่อยแต่เห็นดวงตาสีซีดบอกความต้องการออกมาปิดไม่มิดทิวากานต์เลยยอมเออออไป

เหมือนว่าวันนี้จะไม่มีฝนเป็นอันว่าโชคดีที่ไม่ต้องลุยโคลน พวกเขามาถึงจุดหมายตอนเกือบห้าโมงเย็น คนดูบางตาเพราะการแสดงล่าสุดเพิ่งจบไป แถวนั้นมีบาร์นั่งดื่มพอดี ระหว่างรอการแสดงชุดต่อไปสองหนุ่มต่างวัยจึงพร้อมใจกันเข้าไปในร้าน สั่งเบียร์เย็นๆ มาดื่มให้ชื่นใจ จุดบุหรี่สูบไปคุยไป ผู้หญิงบางคนส่งยิ้มให้คุณหมอชาวเอเชีย ทิวากานต์ก็แค่ยิ้มกลับไม่คิดจะสานต่อ ถึงดูเหมือนเจ้าชู้แต่เขาก็เลือกนะ ถ้าไม่สวยสะดุดตาหรือน่ารักน่าฟัดก็ไม่ค่อยสนใจจะมองหรอก

“พอมาเที่ยวแล้วด็อกดูไม่เหมือนคนเป็นหมอเลย” เพิ่งจุดบุหรี่มวนใหม่ได้ไม่ทันไรเด็กฝรั่งหน้าขาวผิวบางจนเห็นเส้นเลือดฝอยเป็นสีแดงกระจายเต็มแก้มก็เปิดประเด็น

“ตอนนี้เป็นนักท่องเที่ยวไง ไม่ใช่หมอ”

“นั่นสินะ”

“เมาแล้วหรือไง เบียร์แค่เหยือกเดียวเองนะ คออ่อนว่ะ”

“เมาก็ตลกล่ะ มีหมอที่ไหนบ้างจะมางานอะไรแบบนี้ ส่วนใหญ่เขาไปดูในฮอลล์ดีๆ กันทั้งนั้นแหละ”

“หมอคนนี้ไง” ชายหนุ่มยิ้มหวานจงใจกวนคนเด็กกว่าแล้วตอบตามความรู้สึกจริงๆ “ความจริงแล้วงานดนตรีที่กลาสตันเบอรี่เป็นความฝันหนึ่งของแม่ฉัน เขาอยากมาที่นี่มากจนพลอยทำให้ฉันอยากมาที่นี่ด้วย รสนิยมการฟังเพลงฉันก็ได้มาจากแม่ พอมีโอกาสเลยไม่อยากพลาด”

“ถ้าแม่ด็อกได้มาเธอต้องชอบแน่ๆ”

“ไม่มีทาง”

“อ้าว”

“ถ้าแม่ฉันอยากมาจริงเขามาเองตั้งนานแล้ว แต่แม่ฉันน่ะไม่ชอบคนเยอะแล้วก็ขี้เบื่อมาก เชื่อได้เลยว่าถ้ามาถึงคงดูแค่ไม่กี่วงแล้วก็หมดความอดทนรีบกลับบ้านแน่ๆ แต่ถ้าเป็นคอนเสิร์ตนักร้องเกาหลีนะถึงไหนถึงกัน”

“แม่ด็อกตลกแหะ”

“ถ้าได้เจอกันเธอจะชอบเขาแน่นอน แม่ฉันไม่เคยตั้งเงื่อนไขกับคนที่รัก ไม่เคยบังคับให้ฉันต้องทำอะไรที่เขาอยาก เขาให้ฉันเลือกแล้วก็ตัดสินใจเองตั้งแต่เล็กๆ เรียนรู้ที่จะเจ็บและรักตัวเองให้เป็น สิ่งเดียวที่เขาขอคือให้ฉันอยู่กับความจริงอย่างมีความสุข”

“งั้นทำไมคุณถึงมาเป็นหมอล่ะ”

“ฉันดูไม่มีความสุขเหรอ”

อลันด์ส่ายหัว “ไม่รู้สิ แต่คุณดูเหนื่อยมาก ช่วงสอบก็แทบไม่ได้นอน”

“เหนื่อยแต่สนุก มันก็เหมือนเกม ยิ่งตั้งเป้าหมายไว้ยากพอเราสามารถผ่านมันไปได้มันโคตรจะสะใจ” ทิวากานต์เป็นผู้ชายที่แปลกมากในสายตาอลันด์จริงๆ แต่เด็กหนุ่มก็เชื่อว่าทั้งหมดที่ชายหนุ่มพูดมาเป็นเรื่องจริง สายตาตอนที่บอกว่าสะใจมันใช่...

“ถามอีกทีทำไมคุณถึงมาเป็นหมอ เอิ่ม... หมอผ่าตัดล่ะ”

ตาคมดุของคุณหมอเหลือบมองคนถามเล็กน้อยก่อนถามกลับ “อยากได้คำตอบจริงๆ หรือคำตอบดีๆ ล่ะ”

“จริงๆ”

“เงินดี แค่นั้นแหละ”

“งั้นผมพูดจริงๆ จากใจอีกทีเลย คุณแม่งไม่เหมือนหมอเลยให้ตายเถอะ”



การแสดงช่วงเย็นที่เวที Acoustic เป็นนักร้องคนเดิมกับเมื่อวานที่เล่นเป็นวงปิดของเวที Other คนที่บางตาเมื่อครู่กลายเป็นกลุ่มคนเกือบพันชีวิตมาดูการแสดงของเด็กหนุ่มคนนี้ อลันด์ดูเหมือนจะชอบมากเจ้าตัวตาวาวโยกตัวโห่ร้องตามตลอดคอนเสิร์ต

พอจบการแสดงพวกฝาแฝดก็โทรมาตามให้รีบไปหา มีเวลาเหลืออีกยี่สิบนาที ถ้าเร่งเท้าหน่อยคงทัน แต่อลันด์กับทิวากานต์กลับเห็นตรงกันอีกครั้งว่าค่อยๆ เดินไปดีกว่า ไม่ทันก็ช่างแม่ง

“ด็อกจำเวทีที่เจอปีเตอร์เมื่อเช้าได้ไหม เวทีเล็กๆ ที่มีคนดูน้อยนิดนั่นน่ะ”

“อ่าฮะ” ทิวากานต์พยักหน้ารับ ทำไมจะจำไม่ได้ในเมื่อเป็นที่ที่ทำให้บรรยากาศอันแสนสุขมันเพี้ยนไป

“เมื่อสามปีที่แล้วผู้ชายที่เราเพิ่งดูโชว์ของเขาจบไปเมื่อกี้ขึ้นเวทีนั่นมีคนดูไม่ถึงยี่สิบคนด้วยซ้ำ แต่ปีถัดมาเขาได้ออกอัลบั้ม เมื่อปีที่แล้วขึ้น Pyramid Stage มีคนดูนับหมื่นมาดูเขา แล้วปีนี้ก็ได้เล่นเป็นวงปิดของ Other Stage ตอนนี้มีทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก ได้เล่นเป็นวงเปิดให้ The Black Keys เคยเดทกับซูเปอร์โมเดลที่เดินแบบให้กับวิคตอเรีย ซีเครทสองปีติดกัน”

“เจ๋งนี่”

“ผมว่าเขาต้องเป็นลูกรักของ BBC แหง” เจ้าตัวว่าติดตลก ใบหน้ามึนๆ ยิ้มจนตาเป็นสระอิ ถึงจะประชดแต่คงทั้งรู้สึกอิจฉาและชื่นชมไม่แพ้กัน

“เวทีนั้นเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ เขาเคยผ่านจุดที่มีคนดูแค่ไม่กี่คนมาก่อน ต่อสู้กับอุปสรรคมาไม่น้อยจนได้ยืนท่ามกลางแสงสปอร์ตไลท์ ถูกไหมล่ะ”

“อืม เขาเป็นไอดอลลับๆ ของผมนะ ผมอยากเป็นให้ได้แบบเขา ยืนอยู่บนเวทีกับกีตาร์หนึ่งตัว ร้องเพลงที่เขียนขึ้นด้วยตัวเองต่อหน้าคนฟังมากๆ ที่ตั้งใจฟังแบบนั้น” ไอ้ตัวแสบเงียบไปพักใหญ่ จะทุ่มหนึ่งแล้วแต่ฟ้ายังคงสว่างเหมือนบ่ายแก่ๆ ผมสีน้ำตาลอ่อนถูกลมพัดจนปลิวระแก้มขาว “ผมเคยมีชื่ออยู่ในลิสต์นักร้องที่จะได้ขึ้นเวที Introducing เมื่อสองปีที่แล้ว”

“...”

“แต่ผมไม่ได้ขึ้นเพราะแด๊ดไม่ยอม ผมยังไม่บรรลุนิติภาวะ ทุกอย่างต้องผ่านผู้ปกครองผมเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้โอกาสนั้นลอยผ่านหน้าไป” อลันด์หันหน้าหนีไปทางอื่นเมื่อลมหอบใหญ่พัดมาอีกตอนที่พวกเขาเดินอยู่บนคันนา “แด๊ดที่เคยตามใจผมทุกอย่าง สนับสนุนให้ผมเล่นดนตรี ซื้อกีตาร์ตัวแรกให้จนถึงตัวล่าสุด เป็นตัวตั้งตัวตีห้ามไม่ให้ผมเป็นนักร้อง ตั้งเงื่อนไขยากๆ ขึ้นมาขวางผมทุกทาง ตลกดีไหมละ”

“เขาคงมีเหตุผลของเขา”

“ผมเคยถามเขานะ เขาบอกว่าอยากให้ผมเข้ามหาวิทยาลัยมากกว่า เขาอยากให้ผมเรียนแล้วมาช่วยดูแลบริษัทที่เขาทำอยู่ สุดท้ายก็เพราะเงิน”

“แต่ถ้านายทำตามเงื่อนไขที่เขาตั้งได้ นายก็จะได้ทำตามฝันนี่ ตอนนี้นายยังต้องพึ่งเงินเขาอยู่เลยอย่าบ่นมากเลยน่าอดทนสักหน่อย อีกไม่กี่ปีเอง...นายทำได้อยู่แล้ว” ฝ่ามือใหญ่แตะหลังศีรษะคนเด็กกว่าขยี้เบาๆ อลันด์คงรู้สึกแย่แต่เขาก็ไม่ใช่คนปลอบเก่ง เวลาเห็นใครเศร้าทำได้แค่อยู่ข้างๆ ให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียวแค่นั้น

“ผมจะเป็นนักร้องที่ดังจนตอกหน้าแด๊ดให้หงายไปเลย”

“GOOD IDEA BOY” ทิวากานต์ส่งยิ้มให้คนเด็กกว่า เขาชูกำปั้นขึ้นกลางอากาศเรียกรอยยิ้มจากอีกคนได้ทันควันพร้อมกำปั้นเล็กกว่าที่ชกเข้ามาเบาๆ “สัญญากับฉันแล้วนะ ทำให้ได้ล่ะ”

“แน่นอน ด้วยเกียรติของลูกผู้ชายเลย”



TBC

ไม่ได้มาลงตอนใหม่นานเลย ฮืออออ
งานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาเลยค่ะ TT___________TT

เค้าจะรักกันได้ไงอะ ฉันนึกไม่ออก
อันนี้ต้องรอลุ้นกันต่อไปนะคะ หุหุ

รู้สึกว่าหมอวากับเด็กแสบเริ่มใกล้ชิดสนิทกันมากขึ้นนะ
รู้รหัสห้อง ติวหนังสือกันนู่นนี่ ไปไหนมาไหนด้วยกัน
ใกล้ชิด เคยชิน ผูกพัน เตรียมตัวหลงเสน่ห์กันได้เลย5555
แต่ไม่รู้ใครจะหลงใครก่อนแหะ

จริงๆปิ๊งหมอวานะคะ
กรี๊ดกร๊าดคนอื่นให้กระชุ่มกระชวยไปพลางๆ 555555
นั่นน่ะสินะคะ ใครจะหลงใครก่อน อันนี้ก็ขอให้ติดตามในตอนต่อไปนะคะ
><

แล้วเจอกันตอนหน้าเร็วๆ นี้ค่า

ปูลู เอารูปอิมเมจพี่นภของน้องแสบมาฝากค่ะ ก็หล่อใส(ซื่อ)ประมาณนี้ล่ะ ฮ่าๆๆๆ


1 Robbers - The 1975

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด