ร้านนี้อลันด์เคยมากับนภตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้ากัน หลังจากนั้นมีโอกาสมาบ้างอีกสองสามครั้งโดยทุกครั้งก็จะมากับนภนี่แหละ น้องมิ้ลค์(นิสสันคิวบ์ของอลันด์)มาถึงร้านไล่เลี่ยกับรถของพวกนภ พอเห็นหน้าคุณครูควบตำแหน่งเจ้าของห้องซ้อมใจดี ร่างอวบๆ แทบถลาเข้าไปกอดถ้าไม่ติดนิ้วคุณหมอรั้งคอเสื้อไว้
“เหมือนจะลืมกระเป๋าตังไว้ที่รถ ไปเอาด้วยกันหน่อยซิ”
“ไปเอาเองไม่ได้หรือไง”
“ไปด้วยกัน” ทิวากานต์พูดเสียงนิ่งตาคมจ้องอีกคนน่ากลัว แล้วมีหรือที่ไอ้ตัวแสบจะสนใจ เด็กลูกครึ่งตีหน้าบูดชูนิ้วกลางให้อีกคนพร้อมกับสบถอีกเล็กน้อยไร้มารยาทจนน่าตีให้ก้นช้ำ หากแทนที่คนถูกยั่วโมโหจะโกรธคุณหมอวัยสามสิบกลับฉีกยิ้มขำตรงเข้ามาล็อคคอเด็กตัวเท่าไหล่ลากไปที่รถ “คิวเข้าไปรอที่ร้านกับพวกนภเลยนะ เดี๋ยวพี่กับอัลตามไป”
“ได้เลยคร้าบเฮีย” หนุ่มไทยเชื้อสายจีนแต่ผิวเข้มขานรับคำขันแข็งตะเบ๊ะมือให้อีกต่างหาก ทิวากานต์มองเพื่อนไอ้ตัวแสบขำๆ ก่อนลากตัวปัญหากลับไปที่รถ
เขาเปิดประตูหลังต้อนให้เด็กฝรั่งขึ้นไปแล้วตามประกบไม่ห่าง ห้องโดยสารกว้างขวางตกอยู่ในความเงียบเมื่อประตูรถปิดลง คุณหมอวัยสามสิบมองเด็กอายุห่างกันรอบหนึ่งอย่างใช้ความคิด เพียงชั่วพริบตาที่อลันด์เหลือบตาสีซีดมองมา แขนยาวแข็งแรงก็รีบตวัดรอบเอวนิ่มอีกคนไว้ ใบหน้าแนบแก้มชิดแก้มไม่ให้เหลือช่องว่าง
“งอนอะไรหืม?” ทิวากานต์ถามเสียงอ่อนพลางโยกตัวเบาๆ คล้ายกล่อมเด็กดื้อให้นิ่งเสีย
“ต้องให้พูดเหรอ”
“หึงเหรอ หึงก็พูดมาตรงๆ ซี่”
“อย่ามากวนกันนะ!” อลันด์แหวเสียงสูง จงใจศอกใส่ท้องคุณหมอไปที เสียดายไปนิดที่คุณหมอเกร็งท้องทันเลยไม่เจ็บเท่าไหร่แถมยังมีหน้ามาทำทะเล้นใส่อีก มันน่าข่วนหน้าหล่อๆ ให้ได้แผลนักเชียว “เมื่อกี้ยังยั่วให้ผมหึงตอนนี้มาออเซาะกอดเอาใจ ตบหัวแล้วลูบหลังกันชัดๆ”
ศัลย์แพทย์หนุ่มนึกขอบคุณนิสัยฝรั่งของเด็กหนุ่ม พูดตรงไปตรงมาไม่ค่อยเก็บความรู้สึกมีอะไรเคลียร์กันตรงนั้นดีกว่าอดทนไว้แล้วระเบิดออกมาทีหลังจนทุกอย่างพังเป็นผุยผงเลิกคิดถึงเรื่องซ่อมไปเลย และเขายังชอบบทพยศเหมือนแมวตัวแสบให้เขาต้องคอยเอาใจนั่นด้วย สนุกเหมือนกำลังเลี้ยงแมวขนฟูจริงๆ ตอนนี้คุณหมอยอมรับเต็มปากเต็มคำเลยว่าเป็นทาสแมวดื้อตัวนี้เข้าเต็มเปา
“แกล้งเธอแล้วมันสนุกนี่นา”
“หา?!” เหมือนคำพูดจะไม่ถูกใจคุณชายเขาเท่าไหร่ ตาสีซีดจึงตวัดมองคนด้านหลังขวับ คมกริบเสียถ้าเป็นมีดทิวากานต์คงได้เลือด “ต่อยกันไหม”
“ตัวเท่าลูกหมาอย่ามาท้า” ชายหนุ่มวัยสามสิบหัวเราะก๊าก มือข้างหนึ่งขยี้ผมคนในอ้อมกอดจนยุ่งไม่เป็นทรง จนเสียงหัวเราะแทนที่ด้วยเสียงหายใจเบาๆ แนบแก้ม อลันด์รับรู้ได้ถึงแรงสั่นเป็นจังหวะตุบๆ แนบอยู่กับแผ่นหลังจากผู้ชายตัวใหญ่ เสียงหัวใจของอีกคนที่ดังเป็นจังหวะรัวเร็วไม่ต่างจากเขา
พวกเขากอดกันเงียบๆ อย่างนั้นนานจนเด็กฝรั่งคิดว่ามากเกินไปจะทำให้คนอื่นผิดสังเกตจึงท้วงคนแก่ขี้หลงขี้ลืมซะ “ไหนว่าลืมหยิบกระเป๋าเงินไง หาสิ”
“ความจริงไม่ได้ลืมกระเป๋าหรอก แต่ลืมอย่างอื่น”
“ลืมอะไร”
“ลืมให้รางวัลคนเก่ง”
“ยังไม่ประกาศผลสักหน่อย...” ปลายเสียงหายไปในลำคอ รู้สึกอุ่นวาบยามริมฝีปากแตะแนบแก้มเรื่อยขึ้นไปบนขมับก่อนวกลงมาแตะมุมปาก กระซิบถ้อยคำเอาแต่ใจชิดอยู่ตรงนั้นไม่ถอยไปไหน
“ฉันตัดสินแล้วว่าเธอเก่งแค่นั้นก็พอ”
ปลายนิ้วนุ่มเหมือนนิ้วเด็กทารกดันคางมนให้เงยขึ้นสบสายตากันท่ามกลางความมืดภายในรถ ทิวากานต์นึกขอบคุณบริษัทผู้สร้างรถคันนี้นักที่ออกแบบห้องโดยสารได้กว้างขวางจนผู้ชายตัวใหญ่อย่างเขานั่งได้สบายและยังเหลือที่ให้จับฟัดเด็กตัวอวบได้อีกหน่อย
“Special kiss for the greatest musician”
เนื่องจากพวกเขามาตอนครัวใกล้จะปิดแล้วเมนูที่สั่งได้จึงมีไม่มากนัก กระนั้นทั้งเจ็ดชีวิตกลับกินเสียยอดเงินทะลุหมื่น ตอนแรกการันต์อาสาจะจ่ายคนเดียวบอกว่าเลี้ยงน้องแต่ทิวากานต์กับนภไม่ยอม เถียงกันอยู่นานจนเจ้าของงานตัวจริงหน้าบูด ผลสรุปจึงหารสามโดยมีข้อแม้ว่ามื้อหน้าการันต์จะขอเป็นเจ้ามือคนเดียว ส่วนนภก็ขออนุญาตทิวากานต์ล่วงหน้าพาอลันด์ไปเลี้ยงเป็นการส่วนตัวกับกลุ่มเพื่อนที่เล่นดนตรีด้วยกัน
นภหวาดๆ กับสายตาคุณหมอรูปหล่ออยู่บ้างยามเอ่ยขออนุญาตผู้ปกครองแบบไม่เป็นทางการของอลันด์ ตาสองชั้นเรียวได้รูปเหมือนเม็ดอัลมอนด์ให้ความรู้สึกน่าเกรงขาม แม้ริมฝีปากจะไม่ได้โค้งคว่ำลงหรือหยักขึ้นเพียงเหยียดตรงไม่ได้แสดงอาการอะไรเท่านั้น แต่ความนิ่งเงียบนั่นแหละคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของทิวากานต์สำหรับคนไม่สนิท
“ขอแค่พากลับบ้านก่อนสี่ทุ่มแล้วก็ดูแลน้องให้ดี ที่เหลืออลันด์เขาโตแล้วพอจะรู้ตัวว่าควรทำยังไง”
“ครับ ขอบคุณมากครับ” นภยกมือไหว้คนแก่กว่าท่าทางสุภาพ นอบน้อมเสียจนทิวากานต์คิดว่าตัวเองเป็นพ่อไอ้ตัวแสบไปเสียชิบ แต่เพราะกิริยาอ่อนน้อมถ่อมตนพูดจาสุภาพแถมภาพลักษณ์ดีของอีกฝ่ายทำให้คุณหมอไว้วางใจที่จะปล่อยให้อลันด์ไปฉลองด้วย
เขาพูดกับนักร้องหนุ่มอีกนิดหน่อยเรื่องสอบของอลันด์ก่อนแยกย้ายกันทางใครทางมัน วันนี้การันต์ขับรถกลับบ้าน(ความจริงเป็นคฤหาสน์หลังย่อมๆ เหมือนในละครหลังข่าวเด๊ะ)ย่านพุทธมณฑล มีคนินทร์พ่วงไปด้วยตามประสาคนรู้จักเพราะบ้านอยู่ใกล้กัน ส่วนพวกนภกับเพื่อนเฮโลไปต่อกันแถวทองหล่อ
“ฮ้าววว~~~” เด็กฝรั่งยกมือปิดปากหาวเสียงดัง ตาสีน้ำข้าวฉ่ำปรือเข้าทำนองหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน นึกไปถึงเตียงอุ่นของทิวากานต์แล้วอยากจะสั่งให้ศัลยแพทย์ผู้ผันตัวไปเป็นสารถีฝ่าไฟแดงเสียเดี๋ยวนั้น
“อย่าเพิ่งหลับ อีกนิดจะถึงแล้ว” ถ้าเป็นคนอื่นคงบอกให้อลันด์หลับไปก่อนถึงแล้วค่อยปลุก แต่คุณหมอเขามองไกลไปกว่านั้น ขืนปล่อยให้เจ้าตัวนอนไปตอนนี้พอถึงเวลานอนจริงๆ จะพาลนอนไม่หลับเอาน่ะสิ
“วา เปิดเพลงฟังได้ไหมเงียบแบบนี้ยิ่งชวนง่วง”
“จะขอทำไม รถตัวแท้ๆ จะทำอะไรก็ทำสิ”
“ก็ไม่ค่อยเห็นวาเปิดเพลงตอนขับรถนี่นา นึกว่าไม่ชอบ” เขาบ่นอุบ มือยื่นไปเปิดเพลงจากแผ่นซีดี ไม่ทันไรเพลงYellow ของ Coldplay ก็ดังขึ้นกลบความเงียบ
“เวลาขับรถคนเดียวเปิดฟังอยู่หรอก แต่พอมีคนนั่งด้วยแล้วไม่อยากเปิด อยากได้ยินเสียงพูดชัดๆ มากกว่า”
“งะ งั้นเหรอ” เด็กหนุ่มตะกุกตะกัก นั่งนิ่งๆ ฟังทิวากานต์ร้องเพลงคลอตามเสียงจากลำโพง เสียงทุ้มใหญ่ห้าวจัดต่างจากตอนพูดที่แสนจะน่าฟังราวกับเป็นคนละคน แถมยังร้องเพี้ยนผิดคีย์อีกต่างหาก แต่อลันด์เลือกที่จะนั่งมองไฟท้ายสีแดงของรถคันหน้าแล้วฟังเงียบๆ อย่างนั้น
“Look at the stars, look how they shine for you
And all the things that you do” เพลงในรถเปลี่ยนเป็นเพลงไปนานแล้วแต่อลันด์ยังนั่งเงียบจนคนขับรถนึกว่าหลับ ทิวากานต์หันมาจะสะกิดปลุกเด็กขี้เซาตอนรถติดไฟแดงสุดท้ายก่อนเลี้ยวเข้าซอยที่ตั้งคอนโด หากพอหันไปกลับเห็นตาสีอ่อนจับจ้องมาที่เขาอยู่แล้ว
“นึกว่าหลับไปแล้วซะอีก”
อลันด์หลุบตาลงส่ายหัวเบาๆ ก่อนช้อนสายตาขึ้นมองคนข้างกายที่ตัวใหญ่เสียจนหัวแทบติดเพดานรถ เขากรอกตาคล้ายลังเลเพียงแวบเดียวแล้วเอ่ยขอสิ่งที่เขาต้องการ “จูบผมอีกทีได้ไหม”
“หะ หา?” ถ้าไม่เคยเห็นทิวากานต์เขินก็รีบๆ มาดูซะตอนนี้นะ คุณหมอจอมเนี้ยบหลุดมาดทำหน้าตาตื่นตกใจจนเกือบเหยียบคันเร่งพุ่งไปชนรถคันข้างหน้าทั้งที่ยังติดไฟแดงอยู่ สีแดงเป็นปื้นปรากฏบนแก้มขาวไม่รู้เพราะเลือดมันขึ้นไปสูบฉีดหรือเพราะแสงจากไฟท้ายรถคันอื่นกันแน่ แต่ตอนนี้หน้าเขาตลกจนอลันด์ขำก๊าก
“อะไรกัน แค่นี้เขินหรือไง”
“ไม่ได้เขินเว้ยแค่ตกใจ นึกว่าจะขอแวะเซเว่นซื้อขนมขึ้นไปกิน ไม่คิดว่าจะขอจูบนี่”
“หึหึ เขินก็สารภาพมาเถอะ ไม่เคยถูกขอจูบล่ะสิ”
“แหงล่ะ ปกติเคยแต่จูบเลยไม่ต้องขอ ขอทำไมเสียเวลา”
“เหอะ งั้นไม่จูบล่ะ ช่างมันเถอะ” กลายเป็นอลันด์ต้องเบะปากใส่อีกคนด้วยความหมั่นไส้แทน
พอถึงที่พักอลันด์ก็เดินเข้าห้อง 2111 แบบไม่ต้องคิด โยนกระเป๋าเป้กับกล่องกีตาร์บนโซฟาเสร็จก็วิ่งขึ้นข้างบนไปอาบน้ำสระผมเตรียมนอนด้วยง่วงเต็มแก่
ส่วนเจ้าของห้องตัวจริงต้องคอยเก็บข้าวของไอ้ตัวยุ่งให้เป็นสัดเป็นส่วน มองไปมองมามีข้าวของเพิ่มเข้ามาในห้องตั้งหลายชิ้น ไม่ใช่ของใครอื่นมีแต่อลันด์นั่นแหละที่แทบจะอยู่ห้องเขามากกว่าห้องตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ในตู้เสื้อผ้ามีชุดนักศึกษากับชุดนอนทิ้งไว้ แม้แต่ในห้องน้ำก็ยังมีขวดแชมพูกับครีมอาบน้ำแล้วก็โฟมล้างหน้าสูตรอ่อยโยนไร้แอลกอฮอล์ของผู้หญิงจากเคาน์เตอร์ดังวางกระแทกตา ถ้าคนไม่รู้เข้ามาเจอคงนึกว่าเขาอยู่กินกับผู้หญิงที่ไหนสักคนแน่ๆ
เกือบสิบห้านาทีเด็กฝรั่งถึงได้เดินออกมาจากห้องน้ำตัวแดงเป็นกุ้งต้มเพราะอาบน้ำอุ่น พอเจอแอร์ในห้องนอนถึงกับหดตัว โยนผ้าขนหนูทิ้งบนราวแล้วรีบกระโดดขึ้นเตียงหยิบผ้านวมมาห่ม
“อัล เช็ดหัวให้แห้งก่อนแล้วค่อยนอนนะ” ทิวากานต์ว่าเสียงดุ ดุจริงจังจนเด็กน้อยเบะปากหน้างอลุกจากผ้านวมอุ่นๆ หยิบผ้าเช็ดตัวที่เพิ่งโยนทิ้งไปเมื่อกี้ขึ้นมาเช็ดหัว
“หนาวอ่ะ ลดแอร์หน่อยได้ไหม”
“ร้อนจะตาย” เจ้าของห้องว่างั้น กระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลดออกหมดโชว์ช่วงอกกับหน้าท้องสีน้ำนมยืนยันความร้อนในห้องได้ดี มือหนาดึงเข็มขัดออกจากเอวม้วนเก็บใส่ตู้แล้วหยิบชุดนอนออกมาแทน เฉยชากับเสียงโอดครวญของอลันด์อย่างถึงที่สุด
“ไม่ไหวแล้ว หนาวจริงๆ นะ” เขาว่ายืนยันคำเดิม ทำตัวสั่นประกอบให้ดูด้วย นี่ถ้าเป็นโธมัสล่ะเดินมากอดเขาแล้วยอมตามใจให้ทันทีที่เอ่ยปากพูด แต่เหมือนจะคิดผิดเพราะทิวากานต์เคยบอกว่าเขาไม่เหมือนกับหมาขนทองนั่น คุณหมอวัยสามสิบเลยทำเพียงมองเด็กหนุ่มด้วยแววตาเฉยชาก่อนจะดุซ้ำ
“เพราะหัวเปียกไงถึงได้หนาว ทำไมไม่เช็ดหัวให้แห้งก่อนออกมาล่ะจะได้นอนเลย ไม่ต้องบ่นเลยนะทำตัวเองทั้งนั้น”
“ทำไมต้องดุด้วยล่ะ” เด็กฝรั่งหน้างอ หากมือยังขยับเช็ดผมตัวเองตามที่อีกคนสั่ง ไม่รู้เริ่มกลัวทิวากานต์ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอถูกดุแล้วอดหงอไม่ได้จริงๆ กลัวยิ่งกว่าแด๊ดอีกสารภาพตรงนี้เลย
“เพราะเธอมันดื้อไง” เขาถอดเสื้อปาใส่ตะกร้า เอาชุดนอนพาดบ่าเปลือย เดินดุ่มเข้ามาจับข้อมือขาวไว้ให้หยุดขยี้หัวตัวเองแล้วแย่งเอามาจัดการเช็ดผมให้แทน เช็ดไปปากก็บ่นไป “โตแล้วนะอัล อย่าทำให้เป็นห่วงสิ”
อลันด์ก้มหน้ายืนนิ่งๆ ยอมให้คุณหมอเช็ดผมจนแห้ง ตบท้ายด้วยจูบข้างขมับก่อนตบตูดไล่ไปให้นอน
“เรียบร้อย ไปนอนได้”
เขาก็ว่าง่ายเดินเตาะแตะทิ้งตัวบนเตียงใหญ่ ตะแคงตัวมองทิวากานต์เอาผ้าขนหนูที่เช็ดผมเขาเมื่อกี้ไปแขวนแล้วค่อยเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระตัวเองบ้าง ถึงตอนนี้จะไม่ค่อยรู้สึกหนาวแล้วเพราะไออุ่นจากอีกคนที่ยืนซ้อนหลังเมื่อครู่ยังอวลอยู่ไม่หายไปไหน แต่มือขาวก็ดึงผ้านวมขึ้นคลุมตัวถึงคางดีกว่าให้อีกคนออกมาห่มให้แล้วบ่นใส่อีกรอบ
ทิวากานต์ก็เป็นแบบนี้...ปากร้ายแต่ใจดีที่สุด คงเพราะแบบนี้ละมั้งเขาถึงได้ทั้งรักทั้งเกรง
ตาสีฟ้าซีดยังเปิดอยู่แบบนั้นจนคุณหมอเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเรียบร้อย แม้แต่ผมที่สระจนได้กลิ่นแชมพูลอยมาแต่ไกลยังแห้งดีไม่ให้เด็กมาย้อนเอาได้ พอร่างสูงใหญ่นั่นเข้ามาใกล้เห็นอลันด์ยังไม่หลับก็อมยิ้มหยิบรีโมตกดปิดไฟแล้วสอดตัวใต้ผ้าห่มผืนหนารั้งร่างนุ่มนิ่มเข้ามากอด
“นอนไม่หลับเหรอ หืม?” ปลายจมูกโด่งซุกกับแก้มขาวสูดกลิ่นแบบเด็กผู้ชายเข้าเต็มปอด ไม่หอมมากแต่ให้ความรู้สึกดีกว่ากลิ่นน้ำหอมผู้หญิงเยอะ
“เปล่า รอวา”
“รอทำไม ทุกทีไม่เคยเห็นรอ” หัวถึงหมอนปุ๊บหลับเป็นตายปั๊บก็ไอ้ตัวแสบนี่แหละ
“วันนี้อยากรอ อยากกู๊ดไนท์คิสก่อนนอน” ทิวากานต์ฉีกยิ้มโชว์ฟันขาว กดจูบแรงๆ บนปากอิ่มหยักเหมือนปากแมวจนได้ยินเสียงดังจุ๊บเป็นกู๊ดไนท์คิสที่ไม่ได้หวานเลยสักนิดแต่คนได้รับถูกใจที่สุด
เด็กแสบหัวเราะคิกชอบอกชอบใจซุกหน้าเข้าแผงอกอีกคนพลางหลับตาลง เขาชอบแบบนี้แหละ ไม่ต้องหวานด้วยคำพูดกันให้มากแต่ไปลงกับการกระทำทุกอย่างแทน ค่อยๆ รัก ค่อยๆ ซึมซับความรู้สึกลงไปในใจให้ผูกพันเกินกว่าจะแยกได้อีกเมื่อรู้ตัว
.
.
.
ทั้งที่ตอนนี้น่าจะดีใจเพราะผ่านเข้ารอบการประกวดดนตรีของมหาวิทยาลัยได้แต่ไม่ทันไรการสอบก็จ่อคอหอยมาแล้ว แน่นอนว่าสำหรับอลันด์ดนตรีสำคัญแต่การเรียนนั้นสำคัญกว่ามาก(ขืนทำคะแนนกลางภาคไม่ดี มีหวังแด๊ดลากกลับลอนดอนชัวร์ๆ) ดังนั้นในเมื่อเหล่าอาจารย์ที่สอนแทบไม่แนะแนวข้อสอบกลางภาคให้เลยแม้แต่นิดเดียว นักศึกษาผู้น่าสงสารจึงต้องทบทวนทุกสิ่งอย่างที่เรียนมาตั้งแต่ต้นเทอมด้วยตนเองน่ะสิ!
และเนื่องจากวันจันทร์ที่จะถึงนี้เป็นวันสอบวันแรก อลันด์ผู้มีสภาพใกล้ตายเข้าไปทุกทีจึงนัดกับเพื่อนเพียงคนเดียวใช้วันที่อาจารย์งดสอนมาทบทวนบทเรียนกันที่คอนโด
เด็กฝรั่งไซส์มินินอนแผ่กับพื้นห้องท่ามกลางกองหนังสือและชีทของวิชาที่เรียนทั้งหมดในเทอมนี้ ไม่ไกลเป็นคนินทร์ที่สภาพไม่ต่างกันซุกหัวเข้ากับหนังสือวิชาการเล่มหนาปาหัวหมาแตก หลังจากมองตากันคล้ายส่งเสียเป็นครั้งสุดท้ายอลันด์ก็ลุกขึ้นนั่งชวนเพื่อนไปหาอะไรกินที่ห้างใกล้ๆ คอนโดเป็นการพักผ่อนเพราะเที่ยงพอดี
เด็กหนุ่มสองคนเดินเท้าฝ่าอากาศร้อนอบอ้าวของกรุงเทพเข้าไปหาแอร์เย็นๆ ในห้าง ร้านกาแฟสัญลักษณ์สีเขียวเป็นที่แวะพักแห่งแรก ได้น้ำปั่นเย็นๆ มาคนละแก้วก็เดินหาร้านฝากท้อง แต่เพราะวันนี้เป็นวันธรรมดาและมาตอนพักเที่ยงพอดีเด๊ะ แทบทุกร้านจึงเต็มไปด้วยบรรดาพนักงานออฟฟิศมากหน้าหลายตา ท้องก็ร้องครวญครางน่าสงสารจะให้เลือกมากก็กระไร ร้านไก่ทอดจากอเมริกาจึงเป็นคำตอบเพราะคนน้อยสุดมีโต๊ะให้นั่งทันทีไม่ต้องรอเล่นเก้าอี้ดนตรี แน่นอนว่ามื้อนี้จะไม่บอกทิวากานต์เด็ดขาดว่ากินอะไรให้เสี่ยงถูกดุแน่ๆ
เสียงกีตาร์กับกลองกระหึ่มอลังการดังของเพลง Supremacy จากวง Muse ดังลั่นร้านตอนเด็กฝรั่งกำลังใช้สองมือยัดไก่เข้าปาก เจ้าตัวสะดุ้งโหยงรีบวางไก่หยิบกระดาษทิชชูเช็ดมือลวกๆ กดรับสายท่ามกลางสายตามองมาด้วยความขบขันของคนทั้งร้าน อลันด์สัญญากับตัวเองในใจว่าจะเปลี่ยนริงโทนสำหรับไอ้หมาขนทองเป็นเพลงอื่นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!
“อะไร”
‘ไหงทักกันเสียงเย็นชางั้นล่ะอัล ไม่ได้โทรคุยกันตั้งนานนายควรจะทักทายแบบสดใสใส่ฉันสิ’
“ฉันทำแน่ถ้านายไม่ได้มาแอบเปลี่ยนเสียงริงโทนเป็นเพลงบ้านี่ คนทั้งร้านหัวเราะฉันหมดแล้ว”
โธมัสหัวเราะดังลั่นมาตามสายเล่นเอาคนฟังขมวดคิ้วฉับ ‘ไม่ดีเหรอนายจะได้ตื่นเต้นเวลาฉันโทรมาหาไง’
“โอ้ ขอบคุณมากทอม” เด็กหนุ่มหยิบกระดาษทิชชูอีกแผ่นเช็ดปาก ตาสีซีดมองคนินทร์หยิบไก่ทอดชิ้นที่สามจากถังขึ้นมาฉีกเข้าปาก “คิดไงยอมเสียค่าโทรศัพท์โทรมาหาฉันได้ล่ะ แค่แชทกับฉันในเฟซบุ๊คไม่พอหรือไง”
‘ตัดรอนกันมากนะอัล ฉันแค่อยากได้ยินเสียงนายบ้างเท่านั้นแหละ’
“อย่ามาตอแหล จะอวดอะไรก็ว่ามา” เขากรอกตาขึ้นฟ้าพลางฟังเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจจากคนปลายสาย ตั้งแต่แยกจากกันแบบไม่ค่อยดีวันนั้นพวกเขาแทบไม่ได้คุยกันเท่าไหร่ มีเฟซบุ๊คกันบ้างก็จริงแต่เหมือนต่างคนก็ต่างยุ่ง และอลันด์เข้าใจดีว่าบทเรียนวิศวกรรมที่เยอรมันไม่ง่ายเลย ไหนโธมัสต้องไปเดินแบบ ถ่ายแบบอยู่เนืองๆ อีกล่ะ
‘ฉันได้บัตรฟร้อนท์โรว์สำหรับวิคตอเรีย ซีเครทแฟชั่นโชว์ของปีนี้ที่ลอนดอนล่ะ อืม...ถ้านายสนใจเรามาเจอกันที่ลอนดอนได้นะ ฉันพานายเข้างานได้ แต่น่าเสียดายที่ซาร่าคนสวยของเราติดงานเดินแบบให้เจ้าอื่นไปเสียแล้ว ไม่งั้นเราคงได้เห็นยัยม้าดีดกะโหลกนั่นใส่ชุดชั้นในเดินบนรันเวย์ล่ะ’
แค่ชุดชั้นใน ทั้งร่างเปลือยฉันก็เห็นมาแล้ว เด็กหนุ่มคิดในใจ “แล้วไง ฉันไม่สนใจหรอก” เขาตอบตามจริง แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยสนใจอะไรพวกนี้อยู่แล้ว
‘โอ้ว นายไม่อยากเห็นแฟนฉันเหรอ เธอเดินงานนี้ด้วยนะ’
“หา? แฟน”
‘ใช่ ตอนนี้ฉันกำลังเดทกับนางแบบสุดเซ็กซี่คนนึงอยู่ล่ะ ฉันกะแนะนำพวกนายให้รู้จักกันตอนธันวานี้นะ แต่ถ้านายไม่มาก็คงอด ไง...สนใจแล้วล่ะซี่’
“ไม่มีทาง” เขาตอบกลับไปเสียงห้วน “นายจะคบกับผู้หญิงคนไหนก็เรื่องของนายเหอะทอม”
‘หึๆ ฉันนึกว่านายจะมาอาละวาดใส่เหมือนที่กลาสตันเบอรี่เสียอีก ไม่รักฉันแล้วหรือไง’
“ฉันจะอาละวาดทำไมในเมื่อนายไม่ได้ทิ้งฉันเพื่อไปเอากับสาวที่ไหนนี่”
‘อ่อ จะบอกว่านายไม่แคร์ฉันแล้วงั้นสิ ใช่ซี่ นายมีด็อกแล้วก็จะลืมเพื่อนคนนี้ใช่ไหม’ โธมัสเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว เขาอุตส่าห์โทรหาเพื่อนรักทันทีที่ตื่นนอนเพื่ออยากได้ยินว่าอีกคนคิดถึงเขา แต่ดูที่อลันด์ทำสิมีแต่ความเฉยชา
“ด็อกเกี่ยวอะไรทอม”
‘ทำไมจะไม่เกี่ยว ตอนที่มันมาลอนดอนนายเอาแต่อยู่กับมันทั้งที่มันเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน พอนายไปกรุงเทพนายก็แทบไม่ติดต่อฉันก่อนเหมือนตอนที่นายย้ายไปใหม่ๆ เลย’
“ทอม! อย่ามาทำตัวหยาบคายแบบนี้นะ” เด็กหนุ่มส่งเสียงขู่ไปตามสาย รู้สึกโกรธเพื่อนรักขึ้นมาเพียงเพราะโธมัสก้าวร้าวใส่ทิวากานต์ เรียกคุณหมอด้วยคำว่า
It‘โอ - ไอ - ซี นายเห็นมันดีกว่าฉัน’
“ฉันว่าเรากำลังคุยกันไม่รู้เรื่อง ไปสงบสติก่อนแล้วค่อยคุยกันใหม่นะ” เขายกโทรศัพท์ออกจากหูแล้วกดวางสายทันทีไม่รอให้อีกคนได้ประท้วงขอความเห็นใจ พอโธมัสโทรเข้ามาอีกทีก็จัดการบล็อคเบอร์ไปเลย
“แฟนเก่าโทรมาง้อเหรอ” หนุ่มไทยเชื้อสายจีนหน้าเข้มว่ากลั้วเสียงหัวเราะ เขาหยิบไก่ทอดชิ้นที่สี่ฉีกเข้าปาก ในขณะที่อีกคนหมดอารมณ์กินไปแล้ว
“เพื่อนน่ะ”
“หึหึ พวกนายทะเลาะกันเหมือนคนรัก”
“เสียใจนะ หมอนั่นมีแฟนแล้วเป็นนางแบบฮอตสาวสวยหุ่นดีสุดเซ็กซี่ที่กำลังได้เดินแบบให้กับวิคตอเรียซีเครทปีนี้”
“เพื่อนนายเป็นใครกันถึงได้มีบุญขนาดนั้น” เขาหัวเราะท่าทางไม่ได้จริงจังกับคำพูดตัวเองนัก หยิบเฟรนฟรายส์ขึ้นมากินหนึ่งชิ้นตามด้วยดูดน้ำอัดลมเสียงดัง
“หมาตัวโตขนสีทองตาสีฟ้าแสนรู้แต่บ้าพลัง ตอนนี้โดนเนรเทศไปอยู่มิวนิค”
“ต้องเป็นหนุ่มหล่อล่ำกล้ามโตสเปคสาวและเกย์ทั่วโลกแน่ๆ”
“งั้นมั้ง” อลันด์ยักไหล่ จู่ๆ ก็รู้สึกหมดอารมณ์กินขึ้นมาตื้อๆ อุตส่าห์รักษาระยะห่างเพื่อให้พวกเขาคบกันเป็นเพื่อนต่อไปเหมือนที่เคยเป็นมา แต่โธมัสไม่ให้ความร่วมมือเลย
สับสนกับเพื่อนรักที่ทำท่าเหมือนจะหึงหวงใส่กันทั้งที่หมอนั่นก็มีแฟนสาว และจากคำบอกเล่าของฮิวโก้ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนแรกที่เจ้านั่นจิ๊จ๊ะด้วยแน่ๆ หลังจากที่พวกเขาแยกกัน แต่มีนางแบบและไฮโซสาวสวยอีกหลายคนที่ผ่านมือ
ดูเหมือนพอถูกเปิดซิงโธมัสสามารถสะบัดคราบหนุ่มใสซื่อไร้เดียงสากับผู้หญิงได้อย่างสมบูรณ์แบบจนน่าหมั่นไส้“คุณสมบัติดีขนาดนี้ ไม่เคยหวั่นไหวบ้างหรือไง ขอโทษที่เสือกนะ แต่อย่างที่บอกพวกนายทะเลาะกันได้เหมือนคนรักมากจนฉันอดคิดไม่ได้ว่าแฟนเก่านายโทรมาง้อน่ะ ฉันได้ยินนายพูดถึงเรื่องที่เพื่อนคนนั้นทิ้งนายไปหาผู้หญิงอื่นด้วย แต่ถ้านายจะหวั่นไหวกับผู้ชายมันก็ไม่แปลกนะ บุคลิกนายมันเหมือนพวก twink เลย”
“คิว!” เด็กฝรั่งร้องเสียงหลง มือขาวคว้าเฟรนฟรายส์ปาใส่เพื่อนร่วมชั้นเรียนทันที บอกว่าเขาเป็น twink นี่หยิบมีดมากระซวกไส้กันเลยดีกว่า “ให้ตายเถอะ ฉันไม่ใช่เกย์เว้ย ไม่เคยมีรสนิยมแบบนั้นด้วย”
“เหๆ ใจเย็นๆ ฉันแค่บอกว่า...บุคลิกนายมันให้เฉยๆ” เขาออกความเห็นแล้วรีบรีบเสริมก่อนอลันด์จะหยิบเฟรนฟรายส์ทั้งกล่องโยนใส่เขา “ยังไงล่ะ ก็นายตัวเล็กนิดเดียวเอง เล็กกว่าผู้หญิงบางคนที่คณะอีก ตัวเล็กดูน่ารักน่าปกป้องอ่ะ ฉันยังคิดเลยว่าต้องคอยดูแลนายเวลาไปไหนมาไหน บางทีเวลาเห็นนายอยู่กับพี่วาฉันยังคิดว่าพวกนายเหมาะสมกันมาก”
“โอ้ว - มาย - ก็อด ฉัน...ฉะ ฉัน ฉัน I am a man M - A - N man I never thought I could look like that!” อลันด์ตกใจจนลืมภาษาไทยไปชั่วขณะ ทั้งโกรธทั้งฉุนที่คนินทร์พูดย้ำว่าเขาตัวเล็กตั้งสามครั้ง แต่ช็อกมากกว่าที่เพื่อนเหมือนจะดูความสัมพันธ์ของเขากับทิวากานต์ออก เจ้าตัวอ้าปากพะงาบๆ อยู่เกือบนาทีกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ
“เฮ้ย ตกใจอะไรขนาดนั้น ใจเย็นๆ”
“จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงกัน ฉันเป็นผู้ชาย เรียนโรงเรียนชายล้วนมาตลอด แต่ดันดูมองว่าเหมือนเด็กผู้หญิงเนี่ยนะ แด๊ดคงภูมิใจน่าดู”
“ไม่ได้บอกว่าเหมือนเด็กผู้หญิงซะหน่อย มันแบบว่า...ก็ผู้ชายเนี่ยแหละแต่เป็นผู้ชายที่ดูน่ารักน่าทะนุถนอมน่ะ”
คำปลอบใจจากเพื่อนชาวไทยเพียงคนเดียวไม่ได้ช่วยให้จิตใจของอลันด์ดีขึ้นเลยสักนิด โอเค...เขาอาจจะชอบกับทิวากานต์ เคยเกือบมีเซ็กส์กับเพื่อนรักที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่เขาก็มั่นใจว่าไม่ได้มีพฤติกรรม like a girl อะไรแบบนั้นสักนิด
“เครียดเหรออัล ไม่เอาน่าอย่าซีเรียส มีเยอะแยะไปออก ที่พวกผู้หญิงเขาเรียกว่าอะไรนะ เคะๆ เมะๆ อ่ะ เคยเห็นเจ้เรียกอยู่ เนี่ย...ไม่ใช่แค่ฉันคิดไปเองคนเดียวนะเว้ย คนอื่นเขาก็คิดเหมือนกัน แต่เขาจิ้นนายกับพี่นภอ่ะ”
“หา?” ยิ่งพูดอลันด์ยิ่งไม่เข้าใจ อะไรคือเคะ อะไรคือเมะ แล้วจิ้นนี่คืออะไร ทำไมถึงจิ้นเขากับพี่นภ มันดีหรือไม่ดี แต่ไม่น่าจะแย่เพราะเหมือนคิวจะชอบ?
“คืองี้จิ้นมันมาจากคำว่า imagine กับคำว่าจินตนาการเว้ย แล้วจิ้นเนี่ยเขาใช้กับคนสองคนที่อยู่ด้วยกันแล้วมีเคมีกุ๊กกิ๊กอ่ะ เดี๋ยวเปิดให้ดู แป๊บนะ” ว่าแล้วหนุ่มไทยผู้มีพี่สาวเป็นสาววายก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดๆ จิ้มๆ ก่อนยื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้เพื่อนชาวต่างชาติดูรูปนักแสดงชายสองคน
“เอ่อ... เขาเป็นคู่รักกันใช่ไหม” ตาสีฟ้าอ่อนดูรูปผู้ชายสองคนนั่งเบียดชิดมองตากันหวานย้อย ดูไงก็คู่เกย์ชัดๆ
“ไม่ได้เป็นคู่รักแต่เป็นคู่จิ้น” หนุ่มไทยเฉลย “แค่เล่นหนังด้วยกันแต่คนดูแล้วลุ้นให้คู่กันยิ่งกว่าพระเอกกับนางเอกตัวจริง คนนี้เป็นรุกคนนี้เป็นรับ แล้วไม่ได้มีแค่สองคนนี้แต่มีอีกหลายคู่เลย ยิ่งพวกนักร้องเกาหลีนะมีเยอะมากกก แฟนคลับเห็นแล้วกรี๊ดฟินเว่อร์”
เด็กฝรั่งรู้สึกเหมือนเกิดอาการคัลเจอร์ช็อก สองมือกุมขมับ
ขอเวลาทำใจแป๊บ เข้าใจดีว่าประเทศไทยเปิดกว้างเรื่องเพศที่สามมาก แต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ ประเทศอังกฤษที่เขาอยู่มาทั้งชีวิต มีการเปลี่ยนแปลงกฏหมายสำหรับเพศที่สามมากมายยังดูไม่เปิดขนาดนี้เลย
“เดี๋ยวนะ แล้วทำไมถึงมีจิ้นๆ อะไรฉันกับพี่นภ”
“ที่พี่นภเขาชอบลงรูปคู่นายในไอจีไง พวกแฟนคลับพี่นภกรี๊ดเยอะมาก น้องสาวฉันยังจิ้น เมื่อวันประกวดได้ยินพวกผู้หญิงกรี๊ดกร๊าดที่พี่นภมาเชียร์นายด้วยอ่ะ แต่ขอโทษนะ ฉันจิ้นพี่วากับนายมากกว่า น่ารักกว่าเยอะ”
ให้ตายเถอะ อลันด์อยากลุกขึ้นแจกฟัคหลายๆ ทีให้ไอ้เพื่อนหน้าเข้มนี่ พูดแต่เรื่องเข้าใจยากและตบท้ายด้วยการบอกว่าเชียร์เขากับด็อกหน้าโหดนั่น โอเค มันก็ดีถ้าจะมีคนยอมรับเรื่องที่เขาคบกับผู้ชายได้ แต่เขาอยากคบกันเงียบๆ ไม่ต้องบอกให้ใครที่ไหนรับรู้นี่นา แล้วกับพี่นภนี่อะไรอีก นี่ไม่รู้ว่านภลงรูปในไอจีแบบไหนคนอื่นถึงเห็นแล้วเอาไปคิดต่อได้ขนาดนั้น แม้มันจะบริสุทธ์ใจกันทั้งสองฝ่ายก็เถอะ ถ้าคนขี้หวงอย่างทิวากานต์รู้เข้าได้มีเหวี่ยงแน่ๆ
“เห อย่าเครียดไปน่า นายไม่ได้ชอบผู้ชายจริงๆ สักหน่อยจะแคร์ทำไม”
เพราะมันมีส่วนจริงน่ะสิถึงแคร์ แน่นอนว่าอลันด์ไม่ได้พูดออกไปให้มัดตัวเอง เหมือนหนีเรื่องเรียนน่าปวดหัวมาเจอเรื่องปวดหัวกว่า ทั้งหมดต้องโทษไอ้หมาขนทองที่คิดถึงเขาจัดโทรมารังควานไกลจากมิวนิค
เด็กลูกครึ่งถอนหายใจเฮือกใหญ่หมดอารมณ์กินไก่ทอดสิ้นเชิง ยอมนั่งเงียบๆ ดูคิวกินไก่จนหมดถัง สงสัยอยู่เหมือนกันถ้าเพื่อนเขาลากลงไปกินในน้ำได้คงดีกว่านี้ #ผิดๆ
TBCเด็กยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำค่ะ ยังไงก็ประสบการณ์สู้พวกตาเฒ่า(หัวงู)ไม่ได้อยู่ดี
ไล่ต้อนคุณหมออยู่ดีๆ โดนเล่นคืนซะงั้น แต่คงสมใจน้องอัลเขาอยู่ละมังคะ หุหุ
ปล. เหล้าแก้วละสี่พันห้าของพี่รัน (ไปจิกรูปจากเฟซบุ๊คเพื่อนมา)
ปล. 2 เพลงที่หนูอัลเล่นบนเวที อยากให้ลองฟังดูค่ะตามลิงค์ข้างล่างเลย
1
Home - Gabrielle Aplin2
Crazy - Gnarls Barkley