♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต+แจ้งข่าว P. 25
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ไหนๆ นิยายใกล้จะจบแล้ว เลยสอบถามความสนใจรวมเล่มค่ะ

สนใจ
ไม่สนใจ
รวมก็ดี ไม่รวมก็ได้

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต+แจ้งข่าว P. 25  (อ่าน 268980 ครั้ง)

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ก็น้องอัลน่ารักจนใครที่ได้อยู่ใกล้อดใจไม่ไหว
โถคุณพ่อทำมาหวงลูกเอาตอนนี้ ถ้ารู้ว่าทอมทำอะไรอัลไว้บ้าง คิดว่าทอมจะรอดไหม

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ค้างมากมายยยยยยย

ออฟไลน์ ren

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
    • " Welcome To Y Entertainment "
อ่านตอนนี้แล้วยิ้มแก้มปริอีกแล้วล่ะค่ะ น่ารักมากๆ  อนาคตพ่อตาลูกเขยคงมีให้ไฟว้กันอีกแน่ๆเลย
ชอบที่หมอวาเขินจัง 

ออฟไลน์ Wereena

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
    • facebook
แงงง มันดีอ่ะเรื่องนี้ อยากอ่านต่อๆๆๆๆ  ติดตามค่าา  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ pim-lovemj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :m16: แหม เข้าใจอารมณ์แด๊ดของน้องอัลเลยค่ะ ประมาณว่าลูกสาวจะมีแฟน เลยหวงใช่ม้า
ส่วนพีหมอวา เลิกซึนได้แล้วค่ะ โดนจับได้ขนาดนี้แล้วยอมรับมาเหอะ แต่อย่ามาม่าใส่น้องอัลนะ ห้ามทำน้องอัลเสียใจเด็ดขาด
#ทีมน้องอัลค่ะ

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
หมอวาแอบชอบน้องแล้วใช่ม้ะ?  :hao7:

ออฟไลน์ cinpetals

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
โฮยยยยยย เมื่อไหร่จะชัดเจนกันสักที  :sad4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 14 [08.11.15]
«ตอบ #159 เมื่อ08-11-2015 15:33:10 »

TRACK 14



“ตอนนี้ด็อกกำลังทำแบบทอมนะ ด็อกกำลังทำให้ผมรู้สึกเหมือนคนพิเศษของด็อก ทำให้ผมค่อยๆ ถลำใจปล่อยตัวไปให้ ก่อนพบว่าสุดท้ายด็อกก็ทิ้งผมไปหาผู้หญิงคนอื่นเหมือนทอม สารภาพเลยแล้วกัน ที่กลาสตันเบอรี่นั่น... ผมหึงทอม

เด็กฝรั่งตัวเล็กค่อนไปทางอวบทำท่าทอดถอนหายใจเหมือนคนแก่วัยใกล้ปลงกับชีวิตหลังพูดออกมายืดยาว ตาสีอ่อนหลบมองไปทางอื่นที่ไม่ต้องเห็นหน้าคุณหมอรูปหล่อที่เหมือนจะใจดี แต่สุดท้ายก็แค่มาหลอกให้เขาดีใจว่าได้เป็นคนสำคัญก่อนทิ้งไปหาผู้หญิงตามรสนิยมดั้งเดิมอย่างที่เขาเคยโดนกระทำมาแล้วจากเพื่อนสนิท

“อัล”  เสียงทุ้มต่ำเรียกเขาด้วยชื่อเล่นเหมือนคนอื่นๆ ไม่ใช่ไอ้ตัวแสบ ตัวแสบ หรือแสบอย่างเคยเรียกอลันด์ให้ยอมหันกลับไปมองคนแก่กว่าด้วยสายตาติดจะงงเล็กน้อย กระนั้นเด็กหนุ่มไม่ได้ถามอะไรนอกจากมองหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งคล้ายไม่พอใจอะไรสักอย่าง หรือทิวากานต์จะไม่ชอบที่เขาพูดเหมือนไม่ไว้ใจอีกฝ่ายอะไรแบบนั้น

ให้ตายเถอะ คุณหมอตอนนี้น่ากลัวจริงๆ

ตาสีอ่อนดูคุณหมอกางแขนออกทำท่าเชิงบอกแกมบังคับให้เอาตัวเข้าไปซุกเหมือนก่อนหน้านี้ซะ ถึงตอนนี้หน้าตาด็อกเถื่อนสุดโฉดจะไม่น่าเข้าใกล้เท่าไหร่ แต่ร่างอวบยอมคลานกระดึ๊บๆ ไปหา วางใบหน้าลงกับอกคนตัวใหญ่อีกครั้งทั้งที่รู้ดีว่าการใกล้กันเกินความจำเป็นเช่นนี้ไม่ดีต่อหัวใจเขาเอาเสียเลย แต่ยังไงกอดย่อมดีกว่าถูกถีบตกเตียงแหงแซะ เพียงสัมผัสกันเท่านั้นทั้งร่างก็ถูกคุณหมอรัดแน่นเสียจนแนบสนิทไปทั้งตัว ใกล้จนได้ยินเสียงหัวใจจากอกด้านซ้ายของทิวากานต์เต้นเป็นจังหวะดังชัดอยู่ในหู มันเป็นทำนองหนักแน่นสม่ำเสมอไม่ได้เต้นโครมครามเหมือนกับของเขา ถึงอย่างนั้นอลันด์กลับชอบที่มันเป็นแบบนี้จนยอมอยู่นิ่งๆ ในอ้อมกอดอบอุ่นของคุณหมอตัวโต

“ฉันเป็นคนหวงของ ของของฉันก็คือของของฉัน ฉะนั้นต่อไปนี้ห้ามทำแบบที่ทำกับฉันกับใครคนอื่นอีก ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามกับของของฉันถ้าฉันไม่เต็มใจจะให้ แล้วก็เลิกพูดถึงไอ้หมาขนทองหน้าโง่นั้นได้แล้ว เพราะฉันกับมันไม่เหมือนกัน ฉันน่ะ... ถ้าไม่รู้สึกไม่ทำแบบนี้ด้วยหรอกนะ

“หือ?” หลุดปากอุทานมาได้เท่านั้นทุกอย่างก็ถูกสะกดไว้ด้วยแรงกดจากริมฝีปากอุ่นที่ทาบทับลงมา ไฟบนหัวเตียงดับฉึบปล่อยความมืดกระจายทั่วห้องนอนใหญ่ ผ้านวมผืนหนาถูกทิวากานต์ตวัดคลุมให้ขึ้นมาถึงคอ หมอนข้างเนื้อหอมต้นเหตุการแก่งแย่งกันทุกคืนถูกทิ้งเป็นหมาหัวเน่าไปแล้วเพราะคืนนี้คนบนเตียงเขานอนกอดกันเอง

.
.
.

“ช่วงนี้หน้าตาดูดีมีความสุขเกินหน้าเกินตาชาวบ้านเขาเหลือเกินนะ” เสียงประชดจากนายแพทย์รุ่นพี่เรียกสายตาทิวากานต์ให้หันไปมอง คนอ่อนวัยกว่าได้ยินแล้วยิ้มตอกย้ำความสุขคับอกไปอีกดอกจนการันต์ทนไม่ไหวเดินมาเตะน่องรุ่นน้องสักที

ดูมันสิ ปกติผ่าเสร็จทีไรทำหน้าเครียดจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่วันนี้ผ่าสามเคสติดยังยิ้มระรื่น หมั่นไส้ว่ะ!

“อะไรกันครับพี่รัน อิจฉาน้องเหรอ น้องมีความสุขนี่อิจฉามากใช่ไหม” แทนจะสลดทิวากานต์กลับฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม ทำหน้าตาชื่นบานพร้อมเสียงกระแดะๆ ใส่รุ่นพี่ที่เคารพ

“เออสิ” การันต์ว่า ใบหน้าอ่อนกว่าวัยดูหมองคล้ำไม่สดใสเหมือนเคยติดจะดูมีเรื่องเครียดอยู่ด้วย ในฐานะน้องรักทิวากานต์จึงเลิกเล่นแล้วถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง

“ไหวป่ะพี่ ช่วงนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า น้องรักยินดีเป็นที่พักใจนะครับ”

“ก็เรื่องคนไข้นั่นแหละ เฮ้อ...” พูดแล้วรุ่นพี่คนเก่งถึงกับถอนหายใจ ปกติเจอเคสหนักแค่ไหนการันต์ไม่เคยหวั่นไม่เคยแสดงอาการท้อแบบนี้มาก่อน สงสัยเคสนี้จะหนักหนาจริงๆ ถึงเป็นได้ขนาดนี้ “เย็นนี้เลิกงานแล้วต้องไปรับเด็กกลับบ้านป่ะ ไปกินเหล้าเป็นเพื่อนหน่อยดิ”

“ไม่พี่ วันนี้ผมว่าง ร้านไหนว่ามาเลย” โชคดีไปที่ช่วงนี้เด็กแสบติดซ้อมดนตรีทุกวันเพราะใกล้แข่งแล้ว เขาเลยไม่ต้องไปรับเจ้าตัวกลับบ้านพร้อมกันอย่างเคย นี่ก็ไม่ได้แตะแอลกอฮอล์มาหลายสัปดาห์ วันนี้ขอหน่อยเถอะ

“ดีๆ เลิกงานแล้วงั้นเจอกันที่...เลยนะ รถใครรถมัน พี่เลี้ยงเอง” เขาเอ่ยชื่อร้านอาหารลอยฟ้าของโรงแรมหรูสุดปลายถนนสีลม ลาภปากไอ้วาอีกแล้ว

ตบปากรับคำเรียบร้อย พูดคุยอะไรกันอีกหน่อย ทิวากานต์ก็หอบแฟ้มคนไข้กลับห้องมาเขียนสรุปผลการรักษา ไม่ลืมเมสเสจไปบอกเด็กแสบด้วยว่าคืนนี้ให้หาอะไรกินเลยไม่ต้องรอเขากลับไปทำ ไม่ถึงสิบนาทีอลันด์ก็ส่งข้อความกลับมาว่า ‘OK’ สั้นๆ ไม่บอกอารมณ์ แต่ทิวากานต์อยากให้อีกฝ่ายน้อยใจเขาสักหน่อย คืนนี้กลับไปเขาจะได้ง้อให้ชื่นใจไปเลย



“เกิดมาฉันไม่เคยเจอใครดื้อเท่ายัยนี่เลยจริงๆ ตัวเองจะตายแหล่ไม่ตายแหล่อยู่แล้วยังรั้นทำนู่นทำนี่ ตัวก็แค่นั้นกลัวไม่ตายเร็วหรือไง” ปกติการันต์ไม่ใช่หมอประเภทเอาคนไข้มาคุยให้คนอื่นฟัง แต่ในกรณีนี้เขาไม่นับทิวากานต์เป็นคนอื่นแต่มัดมือชกนับเป็นหมอผู้ช่วยให้มานั่งฟังเขาบ่นนี่แหละ

ศัลยแพทย์รุ่นพี่ว่าแล้วกระดก Single Malt Wishky อายุ 25 ปี แก้วละสี่พันห้าเข้าปากอีกอึกลิ้มรสเหล้าสก็อตรสเยี่ยม คืนนี้ไม่เมาไม่เลิก ถ้าเมาจนขับรถกลับไม่ได้ก็เปิดห้องนอนแม่งที่นี่ไปเลยจะแคร์อะไรคนมันรวยซะอย่าง

“ใช่คนที่อาจารย์วุฒิส่งมาให้หรือเปล่าครับ น่ารักดีนะครับ”

ชายหนุ่มลองถามดูถึงคนไข้เจ้าปัญหาของรุ่นพี่ เหมือนจะได้ยินพยาบาลคุยผ่านหูมาบ้างเรื่องคนไข้ ASD ในความดูแลของอาจารย์แพทย์ด้านอายุรกรรมโรคหัวใจที่ถูกส่งต่อมาให้การันต์รักษาต่อเพราะอาการค่อนข้างแย่ต้องรีบผ่ารักษาโดยด่วน ติดแค่ว่าเตียงยังไม่ว่างต้องรอไปอีกสักพักใหญ่สาวน้อยคนนั้นจึงไม่ได้ขึ้นเขียงให้รุ่นพี่เขาผ่าเสียที ดีไม่ดีคงได้ขึ้นเขียงพร้อมๆ กับไอ้ตัวแสบของเขาที่ยังไม่ได้ไปส่องกล้องตรวจด้วยซ้ำ แต่ไปรักษาในส่วนที่เป็นเอกชนของโรงพยาบาลเลยมีเตียงว่างรอให้ขึ้นไปนอนเสมอ

“ถ้าไม่ดื้อจะน่ารักกว่านี้อีก” การันต์ทำปากยื่น นึกถึงคนไข้ตัวกระจิ๋วหลิวแถมยังอายุน้อยกว่าเขาเกินรอบมาสองสามปีแต่กลับไม่กลัวเขาสักนิด เตือนอะไรไปไม่เคยฟัง ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งจะจับมาตีให้ก้นลาย! “นี่ล่าสุดก็วิ่งจนเป็นลม แถมล้มได้แผลมาเต็มตัวอีก กูละเบื่อ...”

“อย่าบอกนะว่าคนไข้ที่โดนโรคจิตตามมาถึงในโรงพยาบาลคือคนนี้ด้วย โหยพี่ ถ้าไม่วิ่งเขาก็เสร็จโรคจิตสิครับ ผมว่าน้องเขาทำถูกแล้วนะ” หลายวันก่อนมีข่าวลือไปทั่วโรงพยาบาลเรื่องโรคจิตตามติดคนไข้รายหนึ่งอาจหาญทำการอุกอาจถึงในสถานพยาบาล เล่นเอาฝ่ายบริหารเต้นผ่างๆ ปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยขนานใหญ่

“มันหงุดหงิดเอ็งเข้าใจไหมไอ้วา บอกแล้วว่าอาการไม่ดีพยายามอย่าอยู่คนเดียว ไปไหนมาไหนให้มีคนไปด้วยยังรั้นมาตรวจคนเดียว พอเกิดเรื่องขึ้นมาเป็นไง เกือบตายไหม เพราะดื้อแท้ๆ”

ทิวากานต์ไม่พูดตอบโต้อะไรเอาแต่หัวเราะหึๆ ในคอฟังนายแพทย์รุ่นพี่บ่นคนไข้คนนั้นให้ฟังไปเรื่อย อาการแบบนี้สงสัยจะไม่ต่างจากเขา ติดเด็กแหง! ความจริงยี่สิบกลางๆ ก็ไม่เด็กเท่าไหร่แล้วแต่พี่เขามันจะสี่สิบแล้วนี่สิ ถ้าตกล่องปล่องชิ้นกันคงได้เป็นตำนานรักหมอกับคนไข้อีกคู่แน่ๆ เขาไม่ซีเรียสเรื่องแบบนี้หรอกนะ พี่เขาจะรักใครเขาก็ยินดีด้วย ดีกว่าปล่อยให้โสดเป็นพ่อม่ายเมียทิ้งใช้ชีวิต(อิจฉาคนหล่ออย่างเขา)ไปวันๆ แบบนี้ก็พอ

“แล้วนี่แกกับน้องฝรั่งคนนั้นไปถึงขั้นไหนกันแล้ววะ เห็นนั่งรถมาด้วยกันทุกวัน พยาบาลยันแม่ค้าข้างนอกเขาลือกันให้แซ่ดว่าแกน่ะมีตัวจริงสิ้นสภาพเพลย์บอย” พอเริ่มเมาวาจาสุภาพเริ่มหาย ทิวากานต์ชินแล้ว ผู้ชายเหมือนกันจะเรื่องเยอะก็ใช่ที่ ไม่ใช่อะไรเขาเองก็เป็น

“เพลย์บอยอะไรกันครับ นี่หมอวาใสๆ ครับ”

“แอ๊บใสน่ะสิ”

คนแอ๊บใสหัวเราะก๊ากแม้ถูกรุ่นพี่ที่เคารพเหน็บเข้าให้ คนมันเป็นยังไงก็รู้ๆ กันอยู่ แต่ที่การันต์แน่ใจคงเป็นทิวากานต์ที่คงกำลังปลูกต้นรักครั้งใหม่ ไม่งั้นผู้ชายตัวสูงหน้าตาดีเหมือนพระเอกหนังฮ่องกงชื่อดังคงได้เล่นหูเล่นตากับสาวสวยทั้งหลายบนเล้าจ์ลอยฟ้าแห่งนี้ไปแล้ว ถึงจะแปลกใจไปบ้างว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักไม่ใช่ผู้หญิงสวยก็เถอะ แต่เรื่องรสนิยมเป็นเรื่องเฉพาะตัวจะวิจารณ์อะไรได้ หมอที่โรงพยาบาลใช่จะชายแท้มีกลายพันธุ์กันก็หลายคนเห็นจนชิน

“ฉันเห็นแกเลิกควงคนนู้นทีคนนี้ทีก็ดีใจ อย่างแกมันขี้เหงามีเป็นตัวเป็นตนจะได้ไม่ไถลไปไหน แต่จะทำอะไรไม่ห่วงหน้าตัวเองก็เกรงใจพ่อแม่เขาบ้าง น้องเขายังเด็กเข้าใจไหม”

“บ่นเป็นพ่อเลยนะครับ จะบอกให้ผมระวังคุกก็พูดมาตรงๆ เถอะ”

“เออแน่ะ เตือนเพราะหวังดีมาประชดกูอีก เดี๋ยวโดนข้อหาพรากผู้เยาว์เข้าจริงจะหัวเราะไม่ออก”

“สิบแปดแล้วไม่คุกแล้วพี่” ทิวากานต์หัวเราะร่วน “ผมยังไม่คิดถึงขั้นนั้นหรอกพี่รัน อย่างน้อยก็นู่นรอให้เด็กนั่นอาการดีก่อนค่อยคิดอีกที กลัวทำตอนนี้จะตายคาอกขึ้นมาเปล่าๆ”

“ไอ้ชั่ว” ด่ารุ่นน้องตัวดีเสียงไม่เบานักแล้วปาอัลมอนด์ใส่หน้าหล่อๆ ที่พูดสัปดนออกมาได้น่าถีบ ดูมันเถอะกับเด็กยังไม่เว้น พวกผู้หญิงหลงไปได้ยังไงกัน คนดีอยู่ในกรอบมาตลอดอย่างการันต์ถึงกับกุมขมับ เขาว่าเขาก็เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้องมาตลอดนะ แม่ทิวากานต์ก็ดูสอนลูกมาดีแต่ทำไมมันผ่าเหล่าผ่ากอแบบนี้เขาอยากรู้จริงๆ

คนถูกด่าเอาแต่หัวเราะไม่พูดแก้ตัวอะไร ชวนหนุ่มรุ่นพี่ดื่มให้หายกลุ้มคุ้มค่าเหล้ากับค่าเซอร์วิสชาร์จจนเกือบเที่ยงคืนนั่นแหละถึงยอมแยกย้ายทางใครทางมัน

การันต์เมาจริงแต่ยังพอพูดจารู้เรื่องเดินไหวแต่ให้ขับรถกลับคอนโดส่วนตัวริมแม่น้ำฝั่งตรงข้ามโรงแรมคงไม่ดี เลยจอดรถทิ้งไว้ที่นี่แล้วเรียกใช้บริการรถของโรงแรมไปส่งแทน

ทิวากานต์เองก็ไม่ชอบคนเมาแล้วขับเพราะฉะนั้นเมื่อเขาเมาแม้จะไม่หนักมากเท่าการันต์แต่ก็นั่งดื่มน้ำเปล่าเป็นลิตรสลับเข้าห้องน้ำที่โรงแรมจนสร่างถึงค่อยขับรถกลับบ้านตอนตีสองกว่า หลังคาผ้าใบถูกเปิดออกรับอากาศยามค่ำคืน ทั้งที่เพิ่งจะเดือนปลายเดือนกันยาหากเริ่มได้กลิ่นลมหนาวเสียแล้ว หวังว่าปีนี้ฤดูหนาวคงได้หนาวสมใจไม่ใช่ร้อนตับแตกเหมือนหลายปีที่ผ่านมา

ซูเปอร์คาร์ทรงสวยจากเยอรมันถอยเข้าซองจอดตรงเป๊ะเรียบร้อย เมื่อเครื่องยนต์ดับสนิทร่างสูงใหญ่จึงก้าวลงมา คุณหมอผิวปากหวิวนึกครึ้มใจอยากสูบบุหรี่ หากพอตบๆ กระเป๋ากางเกงกับกระเป๋าเสื้อว่างเปล่าแล้วจึงนึกได้ว่าตัดสินใจเลิกไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนเพราะเจ้าของรถทรงเหลี่ยมคันข้างๆ

พอคิดถึงหน้าฝรั่งจ๋าที่ป่านนี้คงหลับสนิทไปแล้วพลันรอยยิ้มกว้างก็ผุดขึ้นบนใบหน้า อารมณ์อยากดูดนิโคตินหายวับราวเสกมนต์

เขาไม่เคยเรื่องมากว่าคนที่เขารักต้องเป็นใครมาจากไหน เขาต้องการแค่คนที่อยู่ข้างๆ แล้วมีความสุข คนที่เป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น และอลันด์คล้ายจะเป็นคำตอบที่เขามองหา เจ้าเด็กตัวแสบค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในใจไม่ทันให้ตั้งตัว สำนึกได้อีกทีเขาก็รับอีกฝ่ายเข้ามาผูกพันเสียแล้ว หากจะหาสาเหตุคงเป็นเขาที่ขี้เหงาเกินไปเหมือนหมาถูกเจ้าของทิ้งพออยู่ใกล้ใครมากเข้าหน่อยเป็นได้หวั่นไหวติดเขาไปหมด และตอนนี้ก็กำลังติดเจ้าเด็กฝรั่งนั่นได้ที่จนแทบอยากกินทั้งตัวไม่เหลือให้ใครได้พบเจออีกเลย

คุณหมอเดินยิ้มมาตลอดทาง หลังกดรหัสผ่านสี่ตัวจนได้ยินเสียงปลดล็อกมือขาวนวลจึงผลักบานประตูห้องเข้าไปก่อนแปลกใจที่เห็นไฟในห้องนั่งเล่นยังคงสว่าง อลันด์คงลืมปิดไม่ก็...

เพียงสาวเท้าเข้าไปดูถึงเห็นร่างอวบของเด็กฝรั่งในชุดนอนซุกตัวท่ามกลางกองหมอนบนพื้นห้อง ไม่ไกลมีกีตาร์ไม้ของมาร์ตินแอนด์โคนอนเอ้งเม้งอยู่ข้างกองกระดาษโน้ตที่เต็มไปด้วยรอยปากกา ปกติอลันด์เป็นเด็กมีระเบียบใช้ของเสร็จแล้วเก็บเข้าที่ตลอดไม่เคยต้องบอก นี่คงเผลอหลับข้าวของถึงได้กระจายอยู่แบบนี้แต่ทำหัวใจคนมองพองฟูด้วยความยินดีลึกๆ อยู่ในอก

ทำไมอลันด์น่ารักแบบนี้นะ เหมือนแมวจริงๆ ทำเหมือนไม่สนใจแต่ความจริงก็ห่วง ทำเหมือนไม่ชอบที่เขาวุ่นวายแต่ตัวเองนั่นแหละที่วิ่งเข้ามาอ้อนให้เขากอดลูบหัวลูบหน้าอยู่ประจำ

ตีสามแล้วทิวากานต์เพิ่งอาบน้ำเสร็จตัวหอมฉุย แต่คืนนี้เขาจะไม่ขึ้นไปนอนบนห้องและจะไม่ปลุกเด็กฝรั่งไปนอนดีๆ ด้วย เพราะคืนนี้เขาจะนอนบนพื้นจ้องเจ้าเหมียวตัวโตให้ชื่นใจจนกว่าฟ้าจะสางเลย

.
.
.

อลันด์กลืนน้ำลายลงคอดังอึก รู้สึกหูอื้อขณะกวาดตาสีฟ้าซีดมองผู้คนนับร้อยตรงหน้าด้วยความตระหนก ฝ่ามือสองข้างชื้นเหงื่อ กรามแข็งเกร็งขยับไม่ออก รวมไปถึงหัวใจที่เต้นแรงจนเจ็บชวนให้วิ่งไปหาหมอหัวใจสองคนที่นั่งอยู่ท่ามกลางฝูงชนเสียจริง กระนั้นความยินดีส่วนหนึ่งปลุกปลอบใจเขาว่าบนเวทีนี่แหละคือที่ของเขา มีอาวุธคู่ใจอยู่ในมือแล้วฉะนั้นอย่าได้กลัวไป!!!

“มาถึงวงที่สิบกันแล้วนะครับ แต่วงนี้เขาไม่ได้ยกโขยงกันมาแต่เป็นหนุ่มน้อยปีหนึ่งฉายเดี่ยวครับ ยังไงเวทีเราเปิดกว้างอยู่แล้ว ไม่ว่าจะคนเดียวสองคนหรือสิบคนก็ประกวดได้ทั้งนั้น”

“ใช่แล้วค่ะ ขอแค่เล่นดนตรีด้วยตนเอง และพกความมั่นใจมาเต็มร้อยก็ขึ้นเวทีประกวดของเราได้เลย”

“งั้นเราจะรออะไรละครับ เชิญพบกับหนุ่มน้อยลูกครึ่งส่งตรงจากลอนดอน อลันด์ โอเนลล์ BBA อินเตอร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี กับเพลง Home และเพลง Crazy !!!”

เสียงปรบมือดังกึกก้องหอประชุมผสานไปกับเสียงผิวปากเชียร์จากกองเชียร์ที่เขาคุ้นหน้าบ้างไม่คุ้นหน้าบ้าง นับๆ ดูก็นานหลายเดือนแล้วเหมือนกันที่เขาไม่ได้ขึ้นเวทีร้องเพลงต่อหน้าคนมากมาย ครั้งสุดท้ายนั่นคงเป็นตอนงานเลี้ยงอำลาเพื่อนที่โรงเรียน

เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึกตั้งสติก่อนเอ่ยสวัสดีกับผู้ชม ไม่ต้องพูดให้มากความนิ้วทั้งสิบที่ทั้งหยาบทั้งหนาแต่เขาแสนจะรักมันสัมผัสสายกีตาร์เปล่งเสียงออกมาโน้ตแรกให้คนทั้งห้องประชุมขนาดเล็กพากันเงียบเสียงลงคล้ายตกลงสู่ห้วงทำนองดนตรีหวานเศร้า เสียงร้องทุ้มแหบขับกล่อมเล่าความในใจของเด็กคนหนึ่งที่อยากเดินทางทำตามคำฝันแม้ต่อให้ต้องออกจากบ้านอันแสนอบอุ่นก็ตาม

“I'm a phoenix in the water, a fish that's learned to fly, and I've always been a daughter”
ฉันเป็นนกฟีนิกซ์ที่อยู่ในน้ำ คือปลาที่เคยริหัดบิน และเป็นลูกสาวตัวน้อยอยู่เสมอ

“But feathers are meant for the sky
And so I'm wishing, wishing further, for the excitement to arrive
It's just I'd rather be causing the chaos than laying at the sharp end of this knife”

หากขนนกมีไว้เพื่อฟ้ากว้าง
ฉันจึงเฝ้าภาวนาแล้วภาวนาเล่าให้ความตื่นเต้นเดินทางมาถึงเสียที
เพราะฉันอยากจะต่อสู้อยู่ท่ามกลางความวุ่นวายมากกว่านอนรอให้ปลายมีดแทงจนมิดดาม

“So when I'm ready to be bolder,
And my cuts have healed with time; comfort will rest on my shoulder
And I'll bury my future behind”

แล้วเมื่อฉันพร้อมที่จะยืนหยัด
กาลเวลาย่อมเยียวยาความเจ็บปวดเหล่านั้นให้ความอุ่นใจนั้นกลับมาสู่ตัวฉันอีกครั้ง
ฝังกลบอนาคตที่น่ากลัวนั้นไว้ข้างหลังเสียเถอะ

“I'll always keep you with me. You'll be always on my mind
But there's a shining in the shadows, I'll never know unless I try”

คุณจะอยู่กับฉันเสมอ อยู่ในความคิดของฉัน
แสงสว่างจะไม่ปรากฏท่ามกลางเงามืดหรอกนะถ้าฉันไม่คิดลองพยายาม

“With every small disaster
I'll let the waters still take me away to some place real”

แค่อุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ นั่น
ปล่อยให้มันพัดพาตัวฉันไปสู่โลกกว้างเถอะ

‘'Cause they say home is where your heart is set in stone
Is where you go when you're alone
Is where you go to rest your bones
It's not just where you lay your head
It's not just where you make your bed
As long as we're together, does it matter where we go?
Home”
1
เพราะบ้านเป็นที่ปกป้องใจเราไว้ในศิลากล้า
เป็นที่ที่เราจะกลับไปเมื่อโดดเดี่ยว
และเป็นที่ฝังกลบกระดูกของเรา หาใช่แค่ที่ซุกหัวนอน
ตราบเท่าที่เรายังมีกันและกัน ไม่สำคัญหรอกว่าเราจะไปแห่งหนใด
เพราะบ้านก็คือบ้าน บ้านของเราเสมอ

พอจบเพลงช้าความหมายกินใจ อลันด์ก็ต่อด้วยการบรรเลงนิ้วดุดันผ่านสายกีตาร์เป็นเพลงดังคุ้นหูเมื่อหลายปีก่อนแต่ถูกนำมาเรียบเรียงใหม่ในรูปแบบอะคูสติก เนื้อหายังพูดถึงการกล้าก้าวออกมาทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เหมือนเดิมแม้จะถูกมองว่าบ้าก็ตาม

“My heroes had the heart to lose their lives out on a limb
And all I remember is thinking, I want to be like them”
2
เหล่าฮีโร่ของฉันล้วนมีใจกล้าได้กล้าเสีย
และสิ่งเดียวที่ฉันจำได้คือความคิดที่ว่า... ฉันอยากเป็นเหมือนพวกเขา

ทิวากานต์มั่นใจว่าถ้ามิสเตอร์เอเดลมาร์ได้มาฟังลูกชายร้องเพลงในวันนี้คงน้ำตาไหลพรากแน่นอน (แต่ด้วยความซึ้งใจหรือเสียใจที่ลูกชายยึดมั่นกับทางนี้ก็ไม่รู้สินะ) เขาตบมือตามจังหวะสนุกสนานร่วมไปกับคนอื่นๆ ในหอประชุม การแสดงเมื่อครู่ของอลันด์เหมือนจะเป็นที่ถูกใจหลายคนตั้งแต่ครูมืออาชีพอย่างนภ เพื่อนร่วมสถาบัน กรรมการ รวมไปถึงการันต์ที่ขอตามมาดูด้วย

“เก่งแหะ เห็นดูนุ่มนิ่มๆ ไม่คิดว่าจะดีดกีตาร์คล่อง” ศัลยแพทย์รุ่นพี่ชมตรงๆ เขามองดูอลันด์เดินแบกกีตาร์อันใหญ่กว่าตัวเดินลงเวที ตัวนิดเดียวแต่เสียงร้องกินขาด ถึงไม่ได้เพราะระดับดีว่าแต่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองไม่เหมือนใคร “น่าจะเข้ารอบไม่ยาก คนรุมขนาดนั้นยังไงก็ได้คะแนนโหวต”

“ไม่มีรางวัลขวัญใจมหาชนครับ” ทิวากานต์ตอบเสียงขุ่น อารมณ์ดีๆ เมื่อครู่หายวับยามเด็กแสบเดินไปกอดกับเพื่อนเสร็จแล้วก็ผละไปกอดนภ ตามด้วยผู้ชายอีกสามสี่คนที่เขาไม่เคยเห็นหน้าแทนที่จะเดินมาหาเขาก่อน

ทิวากานต์เคยบอกอลันด์ไปแล้วว่าเขาเป็นพวกหวงของ เขาหมายความตามนั้นจริงๆ ไม่ได้ล้อเล่นแกล้งเปลี่ยนเรื่องหรือพูดเอาใจใครแต่อย่างใด อะไรก็ตามที่ถือว่าเป็นของเขาแล้วอย่าได้คิดว่าจะมายุ่งง่ายๆ ถ้าเขาไม่อนุญาต และตอนนี้นภกำลังทำให้เขาโมโหเพราะไม่เลิกกอดเลิกจับแก้มไอ้ตัวแสบของเขาสักที!

“เก็บอาการหน่อยวา ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว อย่ามาทำตัวหวงของเล่น” การันต์ปรามตามประสาคนรู้สันดานกันดีทั้งที่ในใจกำลังหัวเราะด้วยความสนุก นับเล่นๆ ดูแล้วเกือบเก้าปีแน่ะที่ทิวากานต์ไม่ได้แสดงอาการแบบนี้กับคู่ควงคนไหน ท่าทางเด็กลูกครึ่งคนนี้จะจริงจังไม่ใช่เล่น

“มันน่าหงุดหงิดนี่ครับ” ทิวากานต์หลับตาสูดลมหายใจเสียงดัง ท่องไว้ในใจ เพื่อนของอัล สังคมของอัล โลกอีกใบของอัล

ลืมตาอีกทีเจ้าตัวแสบผมสีช็อกโกแลตนมก็มายืนแหงนหน้าจนคอตั้งเงยขึ้นใช้ตาสีซีดมองเขา “วา ผมเป็นไงบ้าง”

“ก็ดี”

“เห ไหงงั้นล่ะ มีแต่คนบอกว่าเจ๋ง น้ารันก็คิดอย่างนั้นใช่ไหมครับ”

“ตอนนี้ขอคิดเหมือนวาครับ แต่ถ้าเรียกพี่รันก็จะบอกว่ามันดีมากๆ เท่สุดๆ ไปเลยล่ะ” คนถูกยกสถานะให้เป็นคุณน้ายิ้มขำ มองเด็กฝรั่งตัวเล็กยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนโถมร่างอวบๆ เข้าใส่รุ่นน้องเขาจนเกือบล้มไปข้างหลัง แว่วเสียงทิวากานต์เอ็ดไม่จริงจังนักแต่สักพักก็เปลี่ยนเป็นเสียงงุ้งงิ้งสร้างโลกส่วนตัวสีชมพูกันไปแล้ว การันต์กลายเป็นหมาหัวเน่าไปแทบจะทันที

“ก็ดีเฉยๆ เหรอ you should say ‘you are so rad’ มากกว่านะ” ดูท่าเจ้าตัวคงยังประหม่าอยู่ไม่น้อยถึงได้พูดไทยสลับอังกฤษอย่างที่ไม่เคยทำ หน้าใสซับสีเลือดลามไปถึงใบหูใต้ผมหนาสีช็อกโกแลตนม

“อ่อ ใช่ แรด แรดมาก กอดคนนู้นคนนี้ไปทั่ว”

“OH - MY - GOD! I mean rad R - A - D rad that mean cool ไม่ใช่แรด rhino or bitch” อลันด์แกล้งทำเสียงตกใจได้น่าถีบที่สุดในโลก(ต้องยอมรับอีกอย่างนึกเลยว่าหน้าฝรั่งจ๋าแบบนี้แต่แตกฉานภาษาไทยมากกว่าคนไทยยุคนี้บางคนเสียอีก)

เด็กหนุ่มอมยิ้มคิดแผนการอะไรบางอย่าง ตาสีซีดกวาดมองซ้ายมองขวาดูว่าไม่มีใครสนใจพวกเขาแม้แต่การันต์ก็ยังหันไปดูการแสดงชุดใหม่บนเวที ทางสะดวกให้เขย่งปลายเท้าจุ๊บคางคุณหมอตัวโตแต่ขี้งอนเร็วๆ แล้วผละออกมายืนเท้าเอวพูดจายียวนชวนตี

“หึงเหรอ พี่นภเป็นครูผมนะ ผมจะกอดคุณครูที่ปลุกปล้ำ เอ๊ย ปลุกปั้นกันมาเนี่ยผิดเหรอ”

“ยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ ร้อนตัวไปเองเหอะ แล้วจะไปปล้ำไปปั้นกันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันนี่”

เคยมีใครบอกไหมว่าทิวากานต์ปากช่างไม่ตรงกับใจ คำพูดโคตรชวนทะเลาะแต่หน้าตายิ้มไปหมด หายโกรธหมดแล้วตั้งแต่อลันด์จุ๊บคาง เด็กคนนี้ช่างรู้วิธีอ้อนเขาเสียจริง บอกตามตรงทิวากานต์แพ้ทางพวกหน้าตาน่ารักแต่ขี้อ้อนม๊ากมาก

เขาใช้สองแขนดึงอลันด์ไปกอด ก้มหน้าลงให้ริมฝีปากชิดใบหูขาวกระซิบเสียงเบา “เก่งมาก เข้ารอบแน่นอน”

“ถ้าเข้ารอบเดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยงข้าวเลย แต่เรียกพี่รันก่อนนะ” การันต์ที่จู่ๆ หันกลับมาพูดเสียงดังเล่นเอาหนุ่มต่างวัยสะดุ้งรีบผละออกจากกัน แต่มีหรือจะพ้นสายตาศัลยแพทย์รุ่นพี่ เขาแอบมองอยู่ตลอดนั่นแหละ ที่แกล้งทำเป็นดูดนตรีบนเวทีแค่อยากจะเห็นสองคนนี้เขาจิ๊จ๊ะๆ กัน พอเห็นจนประจักษ์แล้วมันหมั่นไส้ อ้อนกันน่ารักน่าถีบเหลือเกิน ทนไม่ไหวขอเตะก้นไอ้วาสักทีแก้ขัด

“เฮ้ย กางเกงเปื้อนหมด พี่รันเล่นบ้าอะไรเนี่ย”

“หมั่นไส้ว่ะ”

“น้ารันอิจฉาวาก็บอกเถอะ ผมเข้าใจนะแก่ป่านนี้แล้วยังไม่มีแฟนเนี่ย เฮ้อ...” ประโยคนี้ทิวากานต์ไม่ได้พูด แต่คนพูดเป็นเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าการันต์เกือบยี่สิบปี เล่นเอาคุณหมอพูดไม่ออกบอกไม่ถูก สุดท้ายเป็นอันต้องยอมแพ้ไอ้คู่หูตัวแสบ เขานวดขมับตัวเองแก้อาการปวดหัวจี๊ดเพราะถูกเด็กเล่นเข้าให้

งานประกวดคราวนี้มีผู้ร่วมแข่งขันทั้งหมดยี่สิบสามวง และจะคัดผู้เข้ารอบทั้งหมดแค่สิบแล้วไปแข่งกันอีกทีหลังสอบกลางภาคเสร็จ เหมือนมีเวลาเตรียมตัวอีกนานแต่ความจริงไม่ใช่เพราะเรียนอีกสัปดาห์เดียวจะเข้าสู่ช่วงสอบครั้งแรกของปีแล้ว อลันด์เองก็รู้ตัวจึงพยายามอ่านหนังสือพอๆ กับซ้อมดนตรีหวังทำให้ดีทั้งเรียนและกิจกรรม และแน่นอนว่าถ้ามิสเตอร์เอเดลมาร์มาเห็นคงน้ำตาไหลแน่ๆ

รายชื่อผู้เข้ารอบจะประกาศในวันจันทร์ เพราะงั้นพอดูผู้เข้าแข่งขันคนอื่นจนจบงานตอนสามทุ่มการันต์จึงเสนอพานักดนตรีตัวน้อยไปเลี้ยงให้กำลังใจ นภเองก็อยากพาลูกศิษย์คนเก่งไปเลี้ยงเหมือนกัน สุดท้ายเลยเฮโลไปกันหมดเกือบสิบชีวิต

นภเข้ามาสวัสดีคุณหมอผู้กินตำแหน่งผู้ปกครองของอลันด์กลายๆ พร้อมแนะนำเพื่อนของตนอีกสามคนที่ช่วยดูเรื่องดนตรีของอลันด์ให้รู้จัก มีคนหนึ่งที่การันต์รู้สึกคุ้นหน้าก่อนนึกขึ้นได้ว่าเป็นลูกหลานไฮโซที่เคยมีข่าวควงดาราประปราย อีกคนเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นหน้าจืดๆ ธรรมดา และคนสุดท้ายที่จืดจางจนแทบจะไร้ตัวตน ทั้งหมดเป็นเพื่อนนภตั้งแต่สมัยเรียนไฮสกูลที่โรงเรียนนานาชาติชื่อดังค่าเทอมแพงหูฉี่

ส่วนเด็กหนุ่มอีกคนที่อลันด์พามาแนะนำคือคนินทร์เป็นเพื่อนที่คณะของไอ้ตัวแสบเอง คุยไปคุยมาถึงรู้ว่ารู้จักกับการันต์ด้วยเพราะบ้านอยู่ข้างกัน แล้วยังเข้ากับทิวากานต์ได้ดีเกินคาดเพราะจบมาจากสถาบันเดียวกัน นับเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ห่างรุ่นกันสิบกว่าปี

“โห เฮียวาเอนท์หมอติดตั้งแต่ม. สี่เลยเหรอครับ โคตรเก่งอ่ะ” เจ้าคนินทร์ส่ายหางหูกระดิกหลังรุ่นพี่รำลึกความหลังครั้งขาสั้นนันยางให้ฟัง

สมัยนั้นเรื่องเรียนเรื่องสอบเทียบชั้นเป็นอะไรที่ธรรมดามาก ทิวากานต์เองเป็นหนึ่งในนักเรียนที่ตั้งใจจะเรียนหมอแล้วลองไปสอบดู พอติดก็เลยกลายเป็นนักศึกษาแพทย์ตั้งแต่สิบหก อายุเกือบน้อยสุดในรุ่น แต่ก็มีบางคนที่อ่อนเดือนกว่าอยู่เหมือนกันไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร

“นับถือเลยเฮีย เนี่ยตอนแรกคิวก็อยากลองเอนท์หมอเหมือนกันแต่พอเห็นชีวิตเฮียที่บ้านแล้วไม่ไหวอ่ะ อดนอนไม่ได้ขนาดนั้น” แล้วเจ้าตัวก็โม้ให้ทั้งรถฟังว่ามีพี่ชายเรียนแพทย์อยู่สถาบันชื่อดังอีกแห่งย่านใจกลางเมือง ตอนนี้กำลังอินเทิร์นใช้ชีวิตเหมือนซอมบี้ เห็นแล้วสงสารตัวเองเลยมาเรียน BBA ดีกว่า หาเงินได้เยอะพอกัน ดีไม่ดีหาได้เยอะกว่าอีก

“มีงงชีวิตเหมือนกันนะว่าได้นอนหรือยัง บางทีลืมนอนไปเลยก็มี ช่วงอินเทิร์นถึงขั้นเป็นโรคนอนไม่หลับต้องพึ่งยาเลย แต่ตอนนี้เหรอ หัวถึงหมอนปุ๊บหลับปั๊บเหมือนปิดสวิทซ์ลืมหมดทุกอย่าง” คุณหมอเล่าเรื่องตัวเองกลั้วเสียงหัวเราะไปพลางขับรถไปพลาง แทบจะลืมเด็กฝรั่งที่นั่งเบาะข้างๆ

อีกนิดเดียวจะถึงร้านสเต๊กที่นัดกันไว้กับพวกนภและการันต์ที่แยกย้ายกันไปรถใครรถมัน แต่ตั้งแต่ขึ้นรถมาทิวากานต์ยังไม่หยุดคุยกับคนินทร์เลย คราวนี้ได้เห็นเด็กงอนผู้ใหญ่กันบ้างล่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 14 [08.11.15]
« ตอบ #159 เมื่อ: 08-11-2015 15:33:10 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
ร้านนี้อลันด์เคยมากับนภตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้ากัน หลังจากนั้นมีโอกาสมาบ้างอีกสองสามครั้งโดยทุกครั้งก็จะมากับนภนี่แหละ น้องมิ้ลค์(นิสสันคิวบ์ของอลันด์)มาถึงร้านไล่เลี่ยกับรถของพวกนภ พอเห็นหน้าคุณครูควบตำแหน่งเจ้าของห้องซ้อมใจดี ร่างอวบๆ แทบถลาเข้าไปกอดถ้าไม่ติดนิ้วคุณหมอรั้งคอเสื้อไว้

“เหมือนจะลืมกระเป๋าตังไว้ที่รถ ไปเอาด้วยกันหน่อยซิ”

“ไปเอาเองไม่ได้หรือไง”

“ไปด้วยกัน” ทิวากานต์พูดเสียงนิ่งตาคมจ้องอีกคนน่ากลัว แล้วมีหรือที่ไอ้ตัวแสบจะสนใจ เด็กลูกครึ่งตีหน้าบูดชูนิ้วกลางให้อีกคนพร้อมกับสบถอีกเล็กน้อยไร้มารยาทจนน่าตีให้ก้นช้ำ หากแทนที่คนถูกยั่วโมโหจะโกรธคุณหมอวัยสามสิบกลับฉีกยิ้มขำตรงเข้ามาล็อคคอเด็กตัวเท่าไหล่ลากไปที่รถ “คิวเข้าไปรอที่ร้านกับพวกนภเลยนะ เดี๋ยวพี่กับอัลตามไป”

“ได้เลยคร้าบเฮีย” หนุ่มไทยเชื้อสายจีนแต่ผิวเข้มขานรับคำขันแข็งตะเบ๊ะมือให้อีกต่างหาก ทิวากานต์มองเพื่อนไอ้ตัวแสบขำๆ ก่อนลากตัวปัญหากลับไปที่รถ

เขาเปิดประตูหลังต้อนให้เด็กฝรั่งขึ้นไปแล้วตามประกบไม่ห่าง ห้องโดยสารกว้างขวางตกอยู่ในความเงียบเมื่อประตูรถปิดลง คุณหมอวัยสามสิบมองเด็กอายุห่างกันรอบหนึ่งอย่างใช้ความคิด เพียงชั่วพริบตาที่อลันด์เหลือบตาสีซีดมองมา แขนยาวแข็งแรงก็รีบตวัดรอบเอวนิ่มอีกคนไว้ ใบหน้าแนบแก้มชิดแก้มไม่ให้เหลือช่องว่าง

“งอนอะไรหืม?” ทิวากานต์ถามเสียงอ่อนพลางโยกตัวเบาๆ คล้ายกล่อมเด็กดื้อให้นิ่งเสีย

“ต้องให้พูดเหรอ”

“หึงเหรอ หึงก็พูดมาตรงๆ ซี่”

“อย่ามากวนกันนะ!” อลันด์แหวเสียงสูง จงใจศอกใส่ท้องคุณหมอไปที เสียดายไปนิดที่คุณหมอเกร็งท้องทันเลยไม่เจ็บเท่าไหร่แถมยังมีหน้ามาทำทะเล้นใส่อีก มันน่าข่วนหน้าหล่อๆ ให้ได้แผลนักเชียว “เมื่อกี้ยังยั่วให้ผมหึงตอนนี้มาออเซาะกอดเอาใจ ตบหัวแล้วลูบหลังกันชัดๆ”

ศัลย์แพทย์หนุ่มนึกขอบคุณนิสัยฝรั่งของเด็กหนุ่ม พูดตรงไปตรงมาไม่ค่อยเก็บความรู้สึกมีอะไรเคลียร์กันตรงนั้นดีกว่าอดทนไว้แล้วระเบิดออกมาทีหลังจนทุกอย่างพังเป็นผุยผงเลิกคิดถึงเรื่องซ่อมไปเลย และเขายังชอบบทพยศเหมือนแมวตัวแสบให้เขาต้องคอยเอาใจนั่นด้วย สนุกเหมือนกำลังเลี้ยงแมวขนฟูจริงๆ ตอนนี้คุณหมอยอมรับเต็มปากเต็มคำเลยว่าเป็นทาสแมวดื้อตัวนี้เข้าเต็มเปา

“แกล้งเธอแล้วมันสนุกนี่นา”

“หา?!” เหมือนคำพูดจะไม่ถูกใจคุณชายเขาเท่าไหร่ ตาสีซีดจึงตวัดมองคนด้านหลังขวับ คมกริบเสียถ้าเป็นมีดทิวากานต์คงได้เลือด “ต่อยกันไหม”

“ตัวเท่าลูกหมาอย่ามาท้า” ชายหนุ่มวัยสามสิบหัวเราะก๊าก มือข้างหนึ่งขยี้ผมคนในอ้อมกอดจนยุ่งไม่เป็นทรง จนเสียงหัวเราะแทนที่ด้วยเสียงหายใจเบาๆ แนบแก้ม อลันด์รับรู้ได้ถึงแรงสั่นเป็นจังหวะตุบๆ แนบอยู่กับแผ่นหลังจากผู้ชายตัวใหญ่ เสียงหัวใจของอีกคนที่ดังเป็นจังหวะรัวเร็วไม่ต่างจากเขา

พวกเขากอดกันเงียบๆ อย่างนั้นนานจนเด็กฝรั่งคิดว่ามากเกินไปจะทำให้คนอื่นผิดสังเกตจึงท้วงคนแก่ขี้หลงขี้ลืมซะ “ไหนว่าลืมหยิบกระเป๋าเงินไง หาสิ”

“ความจริงไม่ได้ลืมกระเป๋าหรอก แต่ลืมอย่างอื่น”

“ลืมอะไร”

“ลืมให้รางวัลคนเก่ง”

“ยังไม่ประกาศผลสักหน่อย...” ปลายเสียงหายไปในลำคอ รู้สึกอุ่นวาบยามริมฝีปากแตะแนบแก้มเรื่อยขึ้นไปบนขมับก่อนวกลงมาแตะมุมปาก กระซิบถ้อยคำเอาแต่ใจชิดอยู่ตรงนั้นไม่ถอยไปไหน

“ฉันตัดสินแล้วว่าเธอเก่งแค่นั้นก็พอ”

ปลายนิ้วนุ่มเหมือนนิ้วเด็กทารกดันคางมนให้เงยขึ้นสบสายตากันท่ามกลางความมืดภายในรถ ทิวากานต์นึกขอบคุณบริษัทผู้สร้างรถคันนี้นักที่ออกแบบห้องโดยสารได้กว้างขวางจนผู้ชายตัวใหญ่อย่างเขานั่งได้สบายและยังเหลือที่ให้จับฟัดเด็กตัวอวบได้อีกหน่อย

“Special kiss for the greatest musician”



เนื่องจากพวกเขามาตอนครัวใกล้จะปิดแล้วเมนูที่สั่งได้จึงมีไม่มากนัก กระนั้นทั้งเจ็ดชีวิตกลับกินเสียยอดเงินทะลุหมื่น ตอนแรกการันต์อาสาจะจ่ายคนเดียวบอกว่าเลี้ยงน้องแต่ทิวากานต์กับนภไม่ยอม เถียงกันอยู่นานจนเจ้าของงานตัวจริงหน้าบูด ผลสรุปจึงหารสามโดยมีข้อแม้ว่ามื้อหน้าการันต์จะขอเป็นเจ้ามือคนเดียว ส่วนนภก็ขออนุญาตทิวากานต์ล่วงหน้าพาอลันด์ไปเลี้ยงเป็นการส่วนตัวกับกลุ่มเพื่อนที่เล่นดนตรีด้วยกัน

นภหวาดๆ กับสายตาคุณหมอรูปหล่ออยู่บ้างยามเอ่ยขออนุญาตผู้ปกครองแบบไม่เป็นทางการของอลันด์ ตาสองชั้นเรียวได้รูปเหมือนเม็ดอัลมอนด์ให้ความรู้สึกน่าเกรงขาม แม้ริมฝีปากจะไม่ได้โค้งคว่ำลงหรือหยักขึ้นเพียงเหยียดตรงไม่ได้แสดงอาการอะไรเท่านั้น แต่ความนิ่งเงียบนั่นแหละคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของทิวากานต์สำหรับคนไม่สนิท

“ขอแค่พากลับบ้านก่อนสี่ทุ่มแล้วก็ดูแลน้องให้ดี ที่เหลืออลันด์เขาโตแล้วพอจะรู้ตัวว่าควรทำยังไง”

“ครับ ขอบคุณมากครับ” นภยกมือไหว้คนแก่กว่าท่าทางสุภาพ นอบน้อมเสียจนทิวากานต์คิดว่าตัวเองเป็นพ่อไอ้ตัวแสบไปเสียชิบ แต่เพราะกิริยาอ่อนน้อมถ่อมตนพูดจาสุภาพแถมภาพลักษณ์ดีของอีกฝ่ายทำให้คุณหมอไว้วางใจที่จะปล่อยให้อลันด์ไปฉลองด้วย

เขาพูดกับนักร้องหนุ่มอีกนิดหน่อยเรื่องสอบของอลันด์ก่อนแยกย้ายกันทางใครทางมัน วันนี้การันต์ขับรถกลับบ้าน(ความจริงเป็นคฤหาสน์หลังย่อมๆ เหมือนในละครหลังข่าวเด๊ะ)ย่านพุทธมณฑล มีคนินทร์พ่วงไปด้วยตามประสาคนรู้จักเพราะบ้านอยู่ใกล้กัน ส่วนพวกนภกับเพื่อนเฮโลไปต่อกันแถวทองหล่อ

“ฮ้าววว~~~” เด็กฝรั่งยกมือปิดปากหาวเสียงดัง ตาสีน้ำข้าวฉ่ำปรือเข้าทำนองหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน นึกไปถึงเตียงอุ่นของทิวากานต์แล้วอยากจะสั่งให้ศัลยแพทย์ผู้ผันตัวไปเป็นสารถีฝ่าไฟแดงเสียเดี๋ยวนั้น

“อย่าเพิ่งหลับ อีกนิดจะถึงแล้ว” ถ้าเป็นคนอื่นคงบอกให้อลันด์หลับไปก่อนถึงแล้วค่อยปลุก แต่คุณหมอเขามองไกลไปกว่านั้น ขืนปล่อยให้เจ้าตัวนอนไปตอนนี้พอถึงเวลานอนจริงๆ จะพาลนอนไม่หลับเอาน่ะสิ

“วา เปิดเพลงฟังได้ไหมเงียบแบบนี้ยิ่งชวนง่วง”

“จะขอทำไม รถตัวแท้ๆ จะทำอะไรก็ทำสิ”

“ก็ไม่ค่อยเห็นวาเปิดเพลงตอนขับรถนี่นา นึกว่าไม่ชอบ” เขาบ่นอุบ มือยื่นไปเปิดเพลงจากแผ่นซีดี ไม่ทันไรเพลงYellow ของ Coldplay ก็ดังขึ้นกลบความเงียบ

“เวลาขับรถคนเดียวเปิดฟังอยู่หรอก แต่พอมีคนนั่งด้วยแล้วไม่อยากเปิด อยากได้ยินเสียงพูดชัดๆ มากกว่า”

“งะ งั้นเหรอ” เด็กหนุ่มตะกุกตะกัก นั่งนิ่งๆ ฟังทิวากานต์ร้องเพลงคลอตามเสียงจากลำโพง เสียงทุ้มใหญ่ห้าวจัดต่างจากตอนพูดที่แสนจะน่าฟังราวกับเป็นคนละคน แถมยังร้องเพี้ยนผิดคีย์อีกต่างหาก แต่อลันด์เลือกที่จะนั่งมองไฟท้ายสีแดงของรถคันหน้าแล้วฟังเงียบๆ อย่างนั้น

“Look at the stars, look how they shine for you
And all the things that you do”


เพลงในรถเปลี่ยนเป็นเพลงไปนานแล้วแต่อลันด์ยังนั่งเงียบจนคนขับรถนึกว่าหลับ ทิวากานต์หันมาจะสะกิดปลุกเด็กขี้เซาตอนรถติดไฟแดงสุดท้ายก่อนเลี้ยวเข้าซอยที่ตั้งคอนโด หากพอหันไปกลับเห็นตาสีอ่อนจับจ้องมาที่เขาอยู่แล้ว

“นึกว่าหลับไปแล้วซะอีก”

อลันด์หลุบตาลงส่ายหัวเบาๆ ก่อนช้อนสายตาขึ้นมองคนข้างกายที่ตัวใหญ่เสียจนหัวแทบติดเพดานรถ เขากรอกตาคล้ายลังเลเพียงแวบเดียวแล้วเอ่ยขอสิ่งที่เขาต้องการ “จูบผมอีกทีได้ไหม”

“หะ หา?” ถ้าไม่เคยเห็นทิวากานต์เขินก็รีบๆ มาดูซะตอนนี้นะ คุณหมอจอมเนี้ยบหลุดมาดทำหน้าตาตื่นตกใจจนเกือบเหยียบคันเร่งพุ่งไปชนรถคันข้างหน้าทั้งที่ยังติดไฟแดงอยู่ สีแดงเป็นปื้นปรากฏบนแก้มขาวไม่รู้เพราะเลือดมันขึ้นไปสูบฉีดหรือเพราะแสงจากไฟท้ายรถคันอื่นกันแน่ แต่ตอนนี้หน้าเขาตลกจนอลันด์ขำก๊าก

“อะไรกัน แค่นี้เขินหรือไง”

“ไม่ได้เขินเว้ยแค่ตกใจ นึกว่าจะขอแวะเซเว่นซื้อขนมขึ้นไปกิน ไม่คิดว่าจะขอจูบนี่”

“หึหึ เขินก็สารภาพมาเถอะ ไม่เคยถูกขอจูบล่ะสิ”

“แหงล่ะ ปกติเคยแต่จูบเลยไม่ต้องขอ ขอทำไมเสียเวลา”

“เหอะ งั้นไม่จูบล่ะ ช่างมันเถอะ” กลายเป็นอลันด์ต้องเบะปากใส่อีกคนด้วยความหมั่นไส้แทน

พอถึงที่พักอลันด์ก็เดินเข้าห้อง 2111 แบบไม่ต้องคิด โยนกระเป๋าเป้กับกล่องกีตาร์บนโซฟาเสร็จก็วิ่งขึ้นข้างบนไปอาบน้ำสระผมเตรียมนอนด้วยง่วงเต็มแก่

ส่วนเจ้าของห้องตัวจริงต้องคอยเก็บข้าวของไอ้ตัวยุ่งให้เป็นสัดเป็นส่วน มองไปมองมามีข้าวของเพิ่มเข้ามาในห้องตั้งหลายชิ้น ไม่ใช่ของใครอื่นมีแต่อลันด์นั่นแหละที่แทบจะอยู่ห้องเขามากกว่าห้องตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ในตู้เสื้อผ้ามีชุดนักศึกษากับชุดนอนทิ้งไว้ แม้แต่ในห้องน้ำก็ยังมีขวดแชมพูกับครีมอาบน้ำแล้วก็โฟมล้างหน้าสูตรอ่อยโยนไร้แอลกอฮอล์ของผู้หญิงจากเคาน์เตอร์ดังวางกระแทกตา ถ้าคนไม่รู้เข้ามาเจอคงนึกว่าเขาอยู่กินกับผู้หญิงที่ไหนสักคนแน่ๆ

เกือบสิบห้านาทีเด็กฝรั่งถึงได้เดินออกมาจากห้องน้ำตัวแดงเป็นกุ้งต้มเพราะอาบน้ำอุ่น พอเจอแอร์ในห้องนอนถึงกับหดตัว โยนผ้าขนหนูทิ้งบนราวแล้วรีบกระโดดขึ้นเตียงหยิบผ้านวมมาห่ม

“อัล เช็ดหัวให้แห้งก่อนแล้วค่อยนอนนะ” ทิวากานต์ว่าเสียงดุ ดุจริงจังจนเด็กน้อยเบะปากหน้างอลุกจากผ้านวมอุ่นๆ หยิบผ้าเช็ดตัวที่เพิ่งโยนทิ้งไปเมื่อกี้ขึ้นมาเช็ดหัว

“หนาวอ่ะ ลดแอร์หน่อยได้ไหม”

“ร้อนจะตาย” เจ้าของห้องว่างั้น กระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลดออกหมดโชว์ช่วงอกกับหน้าท้องสีน้ำนมยืนยันความร้อนในห้องได้ดี มือหนาดึงเข็มขัดออกจากเอวม้วนเก็บใส่ตู้แล้วหยิบชุดนอนออกมาแทน เฉยชากับเสียงโอดครวญของอลันด์อย่างถึงที่สุด

“ไม่ไหวแล้ว หนาวจริงๆ นะ” เขาว่ายืนยันคำเดิม ทำตัวสั่นประกอบให้ดูด้วย นี่ถ้าเป็นโธมัสล่ะเดินมากอดเขาแล้วยอมตามใจให้ทันทีที่เอ่ยปากพูด แต่เหมือนจะคิดผิดเพราะทิวากานต์เคยบอกว่าเขาไม่เหมือนกับหมาขนทองนั่น คุณหมอวัยสามสิบเลยทำเพียงมองเด็กหนุ่มด้วยแววตาเฉยชาก่อนจะดุซ้ำ

“เพราะหัวเปียกไงถึงได้หนาว ทำไมไม่เช็ดหัวให้แห้งก่อนออกมาล่ะจะได้นอนเลย ไม่ต้องบ่นเลยนะทำตัวเองทั้งนั้น”

“ทำไมต้องดุด้วยล่ะ” เด็กฝรั่งหน้างอ หากมือยังขยับเช็ดผมตัวเองตามที่อีกคนสั่ง ไม่รู้เริ่มกลัวทิวากานต์ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอถูกดุแล้วอดหงอไม่ได้จริงๆ กลัวยิ่งกว่าแด๊ดอีกสารภาพตรงนี้เลย

“เพราะเธอมันดื้อไง” เขาถอดเสื้อปาใส่ตะกร้า เอาชุดนอนพาดบ่าเปลือย เดินดุ่มเข้ามาจับข้อมือขาวไว้ให้หยุดขยี้หัวตัวเองแล้วแย่งเอามาจัดการเช็ดผมให้แทน เช็ดไปปากก็บ่นไป “โตแล้วนะอัล อย่าทำให้เป็นห่วงสิ”

อลันด์ก้มหน้ายืนนิ่งๆ ยอมให้คุณหมอเช็ดผมจนแห้ง ตบท้ายด้วยจูบข้างขมับก่อนตบตูดไล่ไปให้นอน

“เรียบร้อย ไปนอนได้”

เขาก็ว่าง่ายเดินเตาะแตะทิ้งตัวบนเตียงใหญ่ ตะแคงตัวมองทิวากานต์เอาผ้าขนหนูที่เช็ดผมเขาเมื่อกี้ไปแขวนแล้วค่อยเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระตัวเองบ้าง ถึงตอนนี้จะไม่ค่อยรู้สึกหนาวแล้วเพราะไออุ่นจากอีกคนที่ยืนซ้อนหลังเมื่อครู่ยังอวลอยู่ไม่หายไปไหน แต่มือขาวก็ดึงผ้านวมขึ้นคลุมตัวถึงคางดีกว่าให้อีกคนออกมาห่มให้แล้วบ่นใส่อีกรอบ

ทิวากานต์ก็เป็นแบบนี้...ปากร้ายแต่ใจดีที่สุด คงเพราะแบบนี้ละมั้งเขาถึงได้ทั้งรักทั้งเกรง

ตาสีฟ้าซีดยังเปิดอยู่แบบนั้นจนคุณหมอเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเรียบร้อย แม้แต่ผมที่สระจนได้กลิ่นแชมพูลอยมาแต่ไกลยังแห้งดีไม่ให้เด็กมาย้อนเอาได้ พอร่างสูงใหญ่นั่นเข้ามาใกล้เห็นอลันด์ยังไม่หลับก็อมยิ้มหยิบรีโมตกดปิดไฟแล้วสอดตัวใต้ผ้าห่มผืนหนารั้งร่างนุ่มนิ่มเข้ามากอด

“นอนไม่หลับเหรอ หืม?” ปลายจมูกโด่งซุกกับแก้มขาวสูดกลิ่นแบบเด็กผู้ชายเข้าเต็มปอด ไม่หอมมากแต่ให้ความรู้สึกดีกว่ากลิ่นน้ำหอมผู้หญิงเยอะ

“เปล่า รอวา”

“รอทำไม ทุกทีไม่เคยเห็นรอ” หัวถึงหมอนปุ๊บหลับเป็นตายปั๊บก็ไอ้ตัวแสบนี่แหละ

“วันนี้อยากรอ อยากกู๊ดไนท์คิสก่อนนอน” ทิวากานต์ฉีกยิ้มโชว์ฟันขาว กดจูบแรงๆ บนปากอิ่มหยักเหมือนปากแมวจนได้ยินเสียงดังจุ๊บเป็นกู๊ดไนท์คิสที่ไม่ได้หวานเลยสักนิดแต่คนได้รับถูกใจที่สุด

เด็กแสบหัวเราะคิกชอบอกชอบใจซุกหน้าเข้าแผงอกอีกคนพลางหลับตาลง เขาชอบแบบนี้แหละ ไม่ต้องหวานด้วยคำพูดกันให้มากแต่ไปลงกับการกระทำทุกอย่างแทน ค่อยๆ รัก ค่อยๆ ซึมซับความรู้สึกลงไปในใจให้ผูกพันเกินกว่าจะแยกได้อีกเมื่อรู้ตัว

.
.
.

ทั้งที่ตอนนี้น่าจะดีใจเพราะผ่านเข้ารอบการประกวดดนตรีของมหาวิทยาลัยได้แต่ไม่ทันไรการสอบก็จ่อคอหอยมาแล้ว แน่นอนว่าสำหรับอลันด์ดนตรีสำคัญแต่การเรียนนั้นสำคัญกว่ามาก(ขืนทำคะแนนกลางภาคไม่ดี มีหวังแด๊ดลากกลับลอนดอนชัวร์ๆ) ดังนั้นในเมื่อเหล่าอาจารย์ที่สอนแทบไม่แนะแนวข้อสอบกลางภาคให้เลยแม้แต่นิดเดียว นักศึกษาผู้น่าสงสารจึงต้องทบทวนทุกสิ่งอย่างที่เรียนมาตั้งแต่ต้นเทอมด้วยตนเองน่ะสิ!

และเนื่องจากวันจันทร์ที่จะถึงนี้เป็นวันสอบวันแรก อลันด์ผู้มีสภาพใกล้ตายเข้าไปทุกทีจึงนัดกับเพื่อนเพียงคนเดียวใช้วันที่อาจารย์งดสอนมาทบทวนบทเรียนกันที่คอนโด

เด็กฝรั่งไซส์มินินอนแผ่กับพื้นห้องท่ามกลางกองหนังสือและชีทของวิชาที่เรียนทั้งหมดในเทอมนี้ ไม่ไกลเป็นคนินทร์ที่สภาพไม่ต่างกันซุกหัวเข้ากับหนังสือวิชาการเล่มหนาปาหัวหมาแตก หลังจากมองตากันคล้ายส่งเสียเป็นครั้งสุดท้ายอลันด์ก็ลุกขึ้นนั่งชวนเพื่อนไปหาอะไรกินที่ห้างใกล้ๆ คอนโดเป็นการพักผ่อนเพราะเที่ยงพอดี

เด็กหนุ่มสองคนเดินเท้าฝ่าอากาศร้อนอบอ้าวของกรุงเทพเข้าไปหาแอร์เย็นๆ ในห้าง ร้านกาแฟสัญลักษณ์สีเขียวเป็นที่แวะพักแห่งแรก ได้น้ำปั่นเย็นๆ มาคนละแก้วก็เดินหาร้านฝากท้อง แต่เพราะวันนี้เป็นวันธรรมดาและมาตอนพักเที่ยงพอดีเด๊ะ แทบทุกร้านจึงเต็มไปด้วยบรรดาพนักงานออฟฟิศมากหน้าหลายตา ท้องก็ร้องครวญครางน่าสงสารจะให้เลือกมากก็กระไร ร้านไก่ทอดจากอเมริกาจึงเป็นคำตอบเพราะคนน้อยสุดมีโต๊ะให้นั่งทันทีไม่ต้องรอเล่นเก้าอี้ดนตรี แน่นอนว่ามื้อนี้จะไม่บอกทิวากานต์เด็ดขาดว่ากินอะไรให้เสี่ยงถูกดุแน่ๆ

เสียงกีตาร์กับกลองกระหึ่มอลังการดังของเพลง Supremacy จากวง Muse ดังลั่นร้านตอนเด็กฝรั่งกำลังใช้สองมือยัดไก่เข้าปาก เจ้าตัวสะดุ้งโหยงรีบวางไก่หยิบกระดาษทิชชูเช็ดมือลวกๆ กดรับสายท่ามกลางสายตามองมาด้วยความขบขันของคนทั้งร้าน อลันด์สัญญากับตัวเองในใจว่าจะเปลี่ยนริงโทนสำหรับไอ้หมาขนทองเป็นเพลงอื่นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!

“อะไร”

‘ไหงทักกันเสียงเย็นชางั้นล่ะอัล ไม่ได้โทรคุยกันตั้งนานนายควรจะทักทายแบบสดใสใส่ฉันสิ’

“ฉันทำแน่ถ้านายไม่ได้มาแอบเปลี่ยนเสียงริงโทนเป็นเพลงบ้านี่ คนทั้งร้านหัวเราะฉันหมดแล้ว”

โธมัสหัวเราะดังลั่นมาตามสายเล่นเอาคนฟังขมวดคิ้วฉับ ‘ไม่ดีเหรอนายจะได้ตื่นเต้นเวลาฉันโทรมาหาไง’

“โอ้ ขอบคุณมากทอม” เด็กหนุ่มหยิบกระดาษทิชชูอีกแผ่นเช็ดปาก ตาสีซีดมองคนินทร์หยิบไก่ทอดชิ้นที่สามจากถังขึ้นมาฉีกเข้าปาก “คิดไงยอมเสียค่าโทรศัพท์โทรมาหาฉันได้ล่ะ แค่แชทกับฉันในเฟซบุ๊คไม่พอหรือไง”

‘ตัดรอนกันมากนะอัล ฉันแค่อยากได้ยินเสียงนายบ้างเท่านั้นแหละ’

“อย่ามาตอแหล จะอวดอะไรก็ว่ามา” เขากรอกตาขึ้นฟ้าพลางฟังเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจจากคนปลายสาย ตั้งแต่แยกจากกันแบบไม่ค่อยดีวันนั้นพวกเขาแทบไม่ได้คุยกันเท่าไหร่ มีเฟซบุ๊คกันบ้างก็จริงแต่เหมือนต่างคนก็ต่างยุ่ง และอลันด์เข้าใจดีว่าบทเรียนวิศวกรรมที่เยอรมันไม่ง่ายเลย ไหนโธมัสต้องไปเดินแบบ ถ่ายแบบอยู่เนืองๆ อีกล่ะ

‘ฉันได้บัตรฟร้อนท์โรว์สำหรับวิคตอเรีย ซีเครทแฟชั่นโชว์ของปีนี้ที่ลอนดอนล่ะ อืม...ถ้านายสนใจเรามาเจอกันที่ลอนดอนได้นะ ฉันพานายเข้างานได้ แต่น่าเสียดายที่ซาร่าคนสวยของเราติดงานเดินแบบให้เจ้าอื่นไปเสียแล้ว ไม่งั้นเราคงได้เห็นยัยม้าดีดกะโหลกนั่นใส่ชุดชั้นในเดินบนรันเวย์ล่ะ’

แค่ชุดชั้นใน ทั้งร่างเปลือยฉันก็เห็นมาแล้ว เด็กหนุ่มคิดในใจ “แล้วไง ฉันไม่สนใจหรอก” เขาตอบตามจริง แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยสนใจอะไรพวกนี้อยู่แล้ว

‘โอ้ว นายไม่อยากเห็นแฟนฉันเหรอ เธอเดินงานนี้ด้วยนะ’

“หา? แฟน”

‘ใช่ ตอนนี้ฉันกำลังเดทกับนางแบบสุดเซ็กซี่คนนึงอยู่ล่ะ ฉันกะแนะนำพวกนายให้รู้จักกันตอนธันวานี้นะ แต่ถ้านายไม่มาก็คงอด ไง...สนใจแล้วล่ะซี่’

“ไม่มีทาง” เขาตอบกลับไปเสียงห้วน “นายจะคบกับผู้หญิงคนไหนก็เรื่องของนายเหอะทอม”

‘หึๆ ฉันนึกว่านายจะมาอาละวาดใส่เหมือนที่กลาสตันเบอรี่เสียอีก ไม่รักฉันแล้วหรือไง’

“ฉันจะอาละวาดทำไมในเมื่อนายไม่ได้ทิ้งฉันเพื่อไปเอากับสาวที่ไหนนี่”

‘อ่อ จะบอกว่านายไม่แคร์ฉันแล้วงั้นสิ ใช่ซี่ นายมีด็อกแล้วก็จะลืมเพื่อนคนนี้ใช่ไหม’ โธมัสเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว เขาอุตส่าห์โทรหาเพื่อนรักทันทีที่ตื่นนอนเพื่ออยากได้ยินว่าอีกคนคิดถึงเขา แต่ดูที่อลันด์ทำสิมีแต่ความเฉยชา

“ด็อกเกี่ยวอะไรทอม”

‘ทำไมจะไม่เกี่ยว ตอนที่มันมาลอนดอนนายเอาแต่อยู่กับมันทั้งที่มันเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน พอนายไปกรุงเทพนายก็แทบไม่ติดต่อฉันก่อนเหมือนตอนที่นายย้ายไปใหม่ๆ เลย’

“ทอม! อย่ามาทำตัวหยาบคายแบบนี้นะ” เด็กหนุ่มส่งเสียงขู่ไปตามสาย รู้สึกโกรธเพื่อนรักขึ้นมาเพียงเพราะโธมัสก้าวร้าวใส่ทิวากานต์ เรียกคุณหมอด้วยคำว่า It

‘โอ - ไอ - ซี นายเห็นมันดีกว่าฉัน’

“ฉันว่าเรากำลังคุยกันไม่รู้เรื่อง ไปสงบสติก่อนแล้วค่อยคุยกันใหม่นะ” เขายกโทรศัพท์ออกจากหูแล้วกดวางสายทันทีไม่รอให้อีกคนได้ประท้วงขอความเห็นใจ พอโธมัสโทรเข้ามาอีกทีก็จัดการบล็อคเบอร์ไปเลย

“แฟนเก่าโทรมาง้อเหรอ” หนุ่มไทยเชื้อสายจีนหน้าเข้มว่ากลั้วเสียงหัวเราะ เขาหยิบไก่ทอดชิ้นที่สี่ฉีกเข้าปาก ในขณะที่อีกคนหมดอารมณ์กินไปแล้ว

“เพื่อนน่ะ”

“หึหึ พวกนายทะเลาะกันเหมือนคนรัก”

“เสียใจนะ หมอนั่นมีแฟนแล้วเป็นนางแบบฮอตสาวสวยหุ่นดีสุดเซ็กซี่ที่กำลังได้เดินแบบให้กับวิคตอเรียซีเครทปีนี้”

“เพื่อนนายเป็นใครกันถึงได้มีบุญขนาดนั้น” เขาหัวเราะท่าทางไม่ได้จริงจังกับคำพูดตัวเองนัก หยิบเฟรนฟรายส์ขึ้นมากินหนึ่งชิ้นตามด้วยดูดน้ำอัดลมเสียงดัง

“หมาตัวโตขนสีทองตาสีฟ้าแสนรู้แต่บ้าพลัง ตอนนี้โดนเนรเทศไปอยู่มิวนิค”

“ต้องเป็นหนุ่มหล่อล่ำกล้ามโตสเปคสาวและเกย์ทั่วโลกแน่ๆ”

“งั้นมั้ง” อลันด์ยักไหล่ จู่ๆ ก็รู้สึกหมดอารมณ์กินขึ้นมาตื้อๆ อุตส่าห์รักษาระยะห่างเพื่อให้พวกเขาคบกันเป็นเพื่อนต่อไปเหมือนที่เคยเป็นมา แต่โธมัสไม่ให้ความร่วมมือเลย

สับสนกับเพื่อนรักที่ทำท่าเหมือนจะหึงหวงใส่กันทั้งที่หมอนั่นก็มีแฟนสาว และจากคำบอกเล่าของฮิวโก้ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนแรกที่เจ้านั่นจิ๊จ๊ะด้วยแน่ๆ หลังจากที่พวกเขาแยกกัน แต่มีนางแบบและไฮโซสาวสวยอีกหลายคนที่ผ่านมือ

ดูเหมือนพอถูกเปิดซิงโธมัสสามารถสะบัดคราบหนุ่มใสซื่อไร้เดียงสากับผู้หญิงได้อย่างสมบูรณ์แบบจนน่าหมั่นไส้

“คุณสมบัติดีขนาดนี้ ไม่เคยหวั่นไหวบ้างหรือไง ขอโทษที่เสือกนะ แต่อย่างที่บอกพวกนายทะเลาะกันได้เหมือนคนรักมากจนฉันอดคิดไม่ได้ว่าแฟนเก่านายโทรมาง้อน่ะ ฉันได้ยินนายพูดถึงเรื่องที่เพื่อนคนนั้นทิ้งนายไปหาผู้หญิงอื่นด้วย แต่ถ้านายจะหวั่นไหวกับผู้ชายมันก็ไม่แปลกนะ บุคลิกนายมันเหมือนพวก twink เลย”

“คิว!” เด็กฝรั่งร้องเสียงหลง มือขาวคว้าเฟรนฟรายส์ปาใส่เพื่อนร่วมชั้นเรียนทันที บอกว่าเขาเป็น twink นี่หยิบมีดมากระซวกไส้กันเลยดีกว่า “ให้ตายเถอะ ฉันไม่ใช่เกย์เว้ย ไม่เคยมีรสนิยมแบบนั้นด้วย”

“เหๆ ใจเย็นๆ ฉันแค่บอกว่า...บุคลิกนายมันให้เฉยๆ” เขาออกความเห็นแล้วรีบรีบเสริมก่อนอลันด์จะหยิบเฟรนฟรายส์ทั้งกล่องโยนใส่เขา “ยังไงล่ะ ก็นายตัวเล็กนิดเดียวเอง เล็กกว่าผู้หญิงบางคนที่คณะอีก ตัวเล็กดูน่ารักน่าปกป้องอ่ะ ฉันยังคิดเลยว่าต้องคอยดูแลนายเวลาไปไหนมาไหน บางทีเวลาเห็นนายอยู่กับพี่วาฉันยังคิดว่าพวกนายเหมาะสมกันมาก”

“โอ้ว - มาย - ก็อด ฉัน...ฉะ ฉัน ฉัน I am a man M - A - N man I never thought I could look like that!” อลันด์ตกใจจนลืมภาษาไทยไปชั่วขณะ ทั้งโกรธทั้งฉุนที่คนินทร์พูดย้ำว่าเขาตัวเล็กตั้งสามครั้ง แต่ช็อกมากกว่าที่เพื่อนเหมือนจะดูความสัมพันธ์ของเขากับทิวากานต์ออก เจ้าตัวอ้าปากพะงาบๆ อยู่เกือบนาทีกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ

“เฮ้ย ตกใจอะไรขนาดนั้น ใจเย็นๆ”

“จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงกัน ฉันเป็นผู้ชาย เรียนโรงเรียนชายล้วนมาตลอด แต่ดันดูมองว่าเหมือนเด็กผู้หญิงเนี่ยนะ แด๊ดคงภูมิใจน่าดู”

“ไม่ได้บอกว่าเหมือนเด็กผู้หญิงซะหน่อย มันแบบว่า...ก็ผู้ชายเนี่ยแหละแต่เป็นผู้ชายที่ดูน่ารักน่าทะนุถนอมน่ะ”

คำปลอบใจจากเพื่อนชาวไทยเพียงคนเดียวไม่ได้ช่วยให้จิตใจของอลันด์ดีขึ้นเลยสักนิด โอเค...เขาอาจจะชอบกับทิวากานต์ เคยเกือบมีเซ็กส์กับเพื่อนรักที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่เขาก็มั่นใจว่าไม่ได้มีพฤติกรรม like a girl อะไรแบบนั้นสักนิด

“เครียดเหรออัล ไม่เอาน่าอย่าซีเรียส มีเยอะแยะไปออก ที่พวกผู้หญิงเขาเรียกว่าอะไรนะ เคะๆ เมะๆ อ่ะ เคยเห็นเจ้เรียกอยู่ เนี่ย...ไม่ใช่แค่ฉันคิดไปเองคนเดียวนะเว้ย คนอื่นเขาก็คิดเหมือนกัน แต่เขาจิ้นนายกับพี่นภอ่ะ”

“หา?” ยิ่งพูดอลันด์ยิ่งไม่เข้าใจ อะไรคือเคะ อะไรคือเมะ แล้วจิ้นนี่คืออะไร ทำไมถึงจิ้นเขากับพี่นภ มันดีหรือไม่ดี แต่ไม่น่าจะแย่เพราะเหมือนคิวจะชอบ?

“คืองี้จิ้นมันมาจากคำว่า imagine กับคำว่าจินตนาการเว้ย แล้วจิ้นเนี่ยเขาใช้กับคนสองคนที่อยู่ด้วยกันแล้วมีเคมีกุ๊กกิ๊กอ่ะ เดี๋ยวเปิดให้ดู แป๊บนะ” ว่าแล้วหนุ่มไทยผู้มีพี่สาวเป็นสาววายก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดๆ จิ้มๆ ก่อนยื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้เพื่อนชาวต่างชาติดูรูปนักแสดงชายสองคน

“เอ่อ... เขาเป็นคู่รักกันใช่ไหม” ตาสีฟ้าอ่อนดูรูปผู้ชายสองคนนั่งเบียดชิดมองตากันหวานย้อย ดูไงก็คู่เกย์ชัดๆ

“ไม่ได้เป็นคู่รักแต่เป็นคู่จิ้น” หนุ่มไทยเฉลย “แค่เล่นหนังด้วยกันแต่คนดูแล้วลุ้นให้คู่กันยิ่งกว่าพระเอกกับนางเอกตัวจริง คนนี้เป็นรุกคนนี้เป็นรับ แล้วไม่ได้มีแค่สองคนนี้แต่มีอีกหลายคู่เลย ยิ่งพวกนักร้องเกาหลีนะมีเยอะมากกก แฟนคลับเห็นแล้วกรี๊ดฟินเว่อร์”

เด็กฝรั่งรู้สึกเหมือนเกิดอาการคัลเจอร์ช็อก สองมือกุมขมับ ขอเวลาทำใจแป๊บ เข้าใจดีว่าประเทศไทยเปิดกว้างเรื่องเพศที่สามมาก แต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ ประเทศอังกฤษที่เขาอยู่มาทั้งชีวิต มีการเปลี่ยนแปลงกฏหมายสำหรับเพศที่สามมากมายยังดูไม่เปิดขนาดนี้เลย

“เดี๋ยวนะ แล้วทำไมถึงมีจิ้นๆ อะไรฉันกับพี่นภ”

“ที่พี่นภเขาชอบลงรูปคู่นายในไอจีไง พวกแฟนคลับพี่นภกรี๊ดเยอะมาก น้องสาวฉันยังจิ้น เมื่อวันประกวดได้ยินพวกผู้หญิงกรี๊ดกร๊าดที่พี่นภมาเชียร์นายด้วยอ่ะ แต่ขอโทษนะ ฉันจิ้นพี่วากับนายมากกว่า น่ารักกว่าเยอะ”

ให้ตายเถอะ อลันด์อยากลุกขึ้นแจกฟัคหลายๆ ทีให้ไอ้เพื่อนหน้าเข้มนี่ พูดแต่เรื่องเข้าใจยากและตบท้ายด้วยการบอกว่าเชียร์เขากับด็อกหน้าโหดนั่น โอเค มันก็ดีถ้าจะมีคนยอมรับเรื่องที่เขาคบกับผู้ชายได้ แต่เขาอยากคบกันเงียบๆ ไม่ต้องบอกให้ใครที่ไหนรับรู้นี่นา แล้วกับพี่นภนี่อะไรอีก นี่ไม่รู้ว่านภลงรูปในไอจีแบบไหนคนอื่นถึงเห็นแล้วเอาไปคิดต่อได้ขนาดนั้น แม้มันจะบริสุทธ์ใจกันทั้งสองฝ่ายก็เถอะ ถ้าคนขี้หวงอย่างทิวากานต์รู้เข้าได้มีเหวี่ยงแน่ๆ

“เห อย่าเครียดไปน่า นายไม่ได้ชอบผู้ชายจริงๆ สักหน่อยจะแคร์ทำไม”

เพราะมันมีส่วนจริงน่ะสิถึงแคร์ แน่นอนว่าอลันด์ไม่ได้พูดออกไปให้มัดตัวเอง เหมือนหนีเรื่องเรียนน่าปวดหัวมาเจอเรื่องปวดหัวกว่า ทั้งหมดต้องโทษไอ้หมาขนทองที่คิดถึงเขาจัดโทรมารังควานไกลจากมิวนิค

เด็กลูกครึ่งถอนหายใจเฮือกใหญ่หมดอารมณ์กินไก่ทอดสิ้นเชิง ยอมนั่งเงียบๆ ดูคิวกินไก่จนหมดถัง สงสัยอยู่เหมือนกันถ้าเพื่อนเขาลากลงไปกินในน้ำได้คงดีกว่านี้ #ผิดๆ



TBC

เด็กยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำค่ะ ยังไงก็ประสบการณ์สู้พวกตาเฒ่า(หัวงู)ไม่ได้อยู่ดี
ไล่ต้อนคุณหมออยู่ดีๆ โดนเล่นคืนซะงั้น แต่คงสมใจน้องอัลเขาอยู่ละมังคะ หุหุ

 :hao7:

ปล. เหล้าแก้วละสี่พันห้าของพี่รัน (ไปจิกรูปจากเฟซบุ๊คเพื่อนมา)

ปล. 2 เพลงที่หนูอัลเล่นบนเวที อยากให้ลองฟังดูค่ะตามลิงค์ข้างล่างเลย

1 Home - Gabrielle Aplin
2 Crazy - Gnarls Barkley

ออฟไลน์ Mokuchi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
นี่ตกลงคู่นี้เขาคบกันแล้วใช่มั้ยคะเนี้ย
แทบไม่ต่างจากเดิม เพิ่มเติมแค่หึงหวง  :hao3:
ปล. ปลื้มเด็กคิวเป็นพิเศษค่ะ สนับสนุนได้ถูกคู่ 555

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
โอ้ยชอบอะ  ความสัมพันธ์มันแบบค่อยเป็นค่อยไปแต่มันทีความพิเศษในตัวของมันเอง แถมชายโสดผู้ไม่คิดอะไรกะเรื่องเซ็กอย่าหมอวายังไม่เร้งเร้ารอน้องพร้อมอีกตะห่าง  อิอ


ชอบที่อัลเรียกพี่หมอว่าวาเฉยๆจัง รับรู้เลยจ้าว่าอะไรยังไง

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ค่ะน้องอัลไม่สาวและไม่ใช่เกย์ แต่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพื่อนผู้ชาย
และเกือบได้เสียกับผู้ชาย
และตอนนี้คบกับผู้ชายแถมยังนอนเตียงเดียวกับผู้ชาย
ถึงหนูจะสับสนแค่ไหนป้าก็เข้าใจจ้ะ เรื่องความรักรู้กันสองคนก็พอ
และดีใจมากที่น้องอัลไม่แคร์ทอม ทำมายั่วให้หึง
เสียใจจ้ะอัลมีคนรู้ใจแล้วดูแลดีซะด้วย

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
ง่าาาาา เกลียดหมาทอมมมม

อัลอย่าหวั่นไหวนะ พี่หมอน่ากินกว่าเยอะ!  :ling1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
คุณพ่อจะว่าอย่างไรคะลูกชายมีแฟนแล้วน่ะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :m20:



ชอบๆๆๆๆ น่าเอ็นดูจริง ไอ้หนูเอ้ยย

ออฟไลน์ pim-lovemj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :heaven ฟินน ตัวแตก พี่วากะน้องอัล น่ารักมุ้งมิ้ง ชวนให้อิจฉาปนหมั้นไส้จริง ๆ เลย
ชอบความสัมพันธ์แบบนี้ ค่อยเป็นค่อยไป พี่หมอวาขี้หวงนะเนี่ย ก้อนะมีแฟนเด็กก้องี้แหละ 555555

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
โธมัส  เริ่มเข้ามาอีกละ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ VarainDark

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
โธมัสจะตามมาป่วนอีกทำไมเนี่ย
ปล่อยตัวแสบให้หมอวาไปเถอะ

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
น้องอัลงานจะเข้าไหม พี่หมอวายิ่งขี้หวงขี้หึงอยู่
 :mew2: :mew2:
ปล. ยิ่งอ่านยิ่งชังชื่อทอม ขึ้นทุกที

ออฟไลน์ LetGet

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักอ่ะ ใจนึงก็อยากให้อัลผอมจะได้ดูตัวเล็กๆน่าทะนุถนอม แต่อีกใจนึงก็ชอบให้อัลอวบๆตัวนุ่มนิ่มน่ารักดี  :hao5:  :hao5: พี่คะ เราลุ้นให้เค้าได้กันคะ ทอมยังได้ไปตั้งเยอะเลย เราอยากให้หมอวาได้เยอะกว่าทอม 55555555555555555555 (ความหื่นเข้าครอบงำ)  :impress2:  :impress2:  :impress2:

ออฟไลน์ ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-4
สนุกค่ะ ชอบมาก น้องน่ารักเนอะเวลาอ้อน   :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 15 [14.11.15]
«ตอบ #174 เมื่อ14-11-2015 14:03:28 »

TRACK 15



ทิวากานต์กลับห้องมาตอนเกือบสามทุ่มเพราะต้องอยู่ทำคลีนิคนอกเวลา สัปดาห์หน้ากับสัปดาห์ถัดไปมีเวรกลางคืนสองวันแทนการันต์กับคุณหมออีกสองท่านที่ต้องไปสัมมนาต่างจังหวัดคงไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับอลันด์เท่าไหร่ ยิ่งเจ้าตัวมีสอบเขาคงไปช่วยอะไรไม่ได้ เรื่องอาหารการกินช่วงนี้คงต้องให้ให้แม่บ้านจากบ้านคุณตามาช่วยไปก่อน

ห้อง 2111 ปิดไฟมืดสนิท ไม่มีกลิ่นแอร์ เหมือนกับว่าทุกอย่างเหมือนเดิมตั้งแต่เขาออกจากห้องไปทำงานเมื่อเช้า ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเพราะตั้งแต่แม่เสียห้องนี้ก็เงียบเหงา เขาอยู่คนเดียว กินคนเดียว นอนคนเดียว หากที่สะกิดใจจนต้องรู้สึกแปลกๆ เพราะช่วงนี้มีคนมาช่วยแชร์ที่แห่งนี้ด้วยกันทุกวัน พอหายไปจึงอดรู้สึกไม่ได้

มือใหญ่เปิดไฟก่อนหย่อนกุญแจรถใส่ในชามแก้วบนชั้นวางรองเท้า เมื่อเดินเข้ามาด้านในจึงจัดการวางเสื้อกาวน์กับกระเป๋าบนโต๊ะกินข้าวแล้วขึ้นไปข้างบนเผื่อเจออลันด์นอนอยู่บนนั้น หากกลับไร้วี่แววเจ้าเด็กตัวแสบอย่างที่หวังไว้

คุณหมอหนุ่มถอดเนคไทกับเข็มขัดออก พับแขนเสื้อมากองบนศอกพลางนึกว่าไอ้ตัวแสบของเขาหายไปไหนพอดีกับได้ยินเสียงวิ่งตึงตังขึ้นบันไดมา

“วากลับมาแล้ว” เด็กฝรั่งตาสีซีดยิ้มตาหยีเดินเข้ามากอดมาหอมคางคลอเคลียเขาเหมือนแมว ไม่ใช่รักมากแต่จะดมหากลิ่นบุหรี่ต่างหากว่ามีใครแอบผิดสัญญาแอบสูบมวนกระดาษห่อไส้หรือเปล่า

“กลับมาแล้ว นี่ไปอยู่ไหนมา”

“อ่านหนังสือกับคิวที่ห้อง”

“ไม่พามาอ่านที่ห้องนี้ล่ะ หืม?” คุณหมอโน้มหน้าลงมาหอมแก้มเด็กดื้อฟอดใหญ่ เหมือนจะได้กลิ่นไก่ทอด “ไปกินอะไรมา”

“เคเอฟซี แต่กินไปแค่สองชิ้นแล้วก็กินตั้งแต่เที่ยงแล้ว ความจริงอยากกินอย่างอื่นนะแต่คนเยอะขี้เกียจรอ” เด็กหนุ่มตอบพลางกึ่งลากกึ่งจูงคนตัวใหญ่กว่าลงไปข้างล่าง

“แล้วกินข้าวเย็นหรือยัง”

“ยัง รอวา ไม่อยากให้วานั่งกินข้าวคนเดียว” คำตอบน่ารักเสียจนต้องให้จูบเป็นรางวัลหนึ่งที กระนั้นใบหน้าคุณหมอผู้ห่วงสุขภาพคนป่วนโรคผนังหัวใจรั่วกลับบึ้งตึงเพราะกลัวจะได้โรคกระเพาะเพิ่ม

“วันหลังไม่ต้องรอ กินไปเลย กินข้าวผิดเวลาเดี๋ยวปวดท้องเข้าใจไหม”

“Yes, sir”

“ยังไม่ได้ตอบอีกข้อนะ” ทิวากานต์คงคุณสมบัติคุณหมอที่ดีได้อย่างครบถ้วน ไม่ลืมชักถามข้อสงสัยและไม่ปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ ถ้าไม่ได้คำตอบยกเว้นเจ้าตัวจะจงใจ

“อ่า... ไม่มีอะไรหรอกแค่ไม่อยากรบกวนห้องวานี่นา”

“เหรอ แค่นั้นเหรอ วิ่งเข้าห้องเขาเหมือนห้องตัวเองเนี่ยยังจะเกรงใจอะไรอีกหึ”

“ก็...”

“ก็...” ทิวากานต์เลียนคำพูดอีกคน มองอลันด์หลบตา ยกมือลูบคางอย่างที่ชอบทำเวลาเขิน

“ก็คิวชอบวา ผมไม่อยากให้คิวเข้ามายุ่งห้องวานี่นา เจ้านั่นแค่รู้ว่าวาอยู่ห้องตรงข้ามห้องผมก็อยากจะเข้ามาดู เมื่อกี้พอรู้ว่าผมจะมาหาวาก็จะตามมาให้ได้ ไม่เอาหรอกผมหวง”

“หึหึ คำตอบถูกใจ เดี๋ยวทำไข่ตุ๋นฟักทองให้กิน” คุณหมอวัยสามสิบยิ้มกริ่ม ก้มลงจูบปากอีกคนเบาๆ ปิดเสียงร้องเย้เหมือนเด็กสามขวบก่อนตบก้นอลันด์ให้ไปเรียกเพื่อนมากินข้าวเย็นด้วยกัน “ไปอ่านหนังสือรอก่อนป่ะ แล้วอีกครึ่งชั่วโมงค่อยมากินข้าว เรียกเพื่อนมากินด้วยนะ”

“เห?”

“จะกินกันแค่สองคนได้ไง เขาอุตส่าห์มาช่วยติวให้เสียมารยาทแย่”

“แต่...”

“ไม่มีแต่...อัล รู้ว่าหวงแต่ก็ต้องมีมารยาทด้วยรู้ไหม แค่เข้ามาในห้องไม่เป็นไรหรอกน่า ยังไงคนที่ฉันให้ความสำคัญที่สุดก็คือเธอนะ” ฝ่ามือใหญ่ลูบแก้มขาวแทนการปลอบ รู้สึกผิดนิดหน่อยที่ไปแกล้งเจ้าตัวเอาไว้ตอนนั้นจนกลายเป็นเพิ่มความกลัวจะถูกลดระดับความสำคัญไป ทั้งที่เขาเองรู้ดีอยู่แก่ใจว่าอลันด์ไม่ชอบการถูกทิ้งและมีตัวอย่างให้เห็นจากเหตุการณ์ที่กลาสตันเบอรี่เป็นตัวยืนยันแล้วแท้ๆ

เขาทอดสายตามองอลันด์ที่เอียงแก้มแนบใบหน้าเข้ากับฝ่ามือ ออดอ้อนเหมือนแมวเหมียวตัวน้อยหวงเจ้าของ น่ารักเสียขนาดนี้ใครจะใจร้ายทิ้งได้ลง

“ไปอ่านหนังสือรอเถอะ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะไปเรียก”

“ครับ”



“อาทิตย์หน้าฉันต้องอยู่เวรดึกสองวันนะ วันที่ฉันไม่อยู่เรื่องอาหารก็ให้แม่บ้านเขาเตรียมไว้ให้แล้วกัน ส่วนเราจะนอนห้องนี้หรือกลับไปนอนที่ห้องก็แล้วแต่เลย ช่วงสอบให้คิวมาอยู่เป็นเพื่อนก็ดีจะได้ช่วยกันติว แต่ถ้ามานอนนี่อย่าทำห้องเลอะ เข้าใจไหม” อลันด์มุดหัวออกมาจากผ้าห่มหันไปหาต้นเสียงแถวตู้เสื้อผ้าตรงทางเข้าห้องนอน ครู่เดียวร่างสูงใหญ่จึงปรากฏในคลองสายตา ทิวากานต์เอาผ้าขนหนูผืนเล็กพาดไว้บนบ่า เส้นผมสีดำสนิทยังไม่แห้งดี

“อ่าฮะ วาอยู่เวรวันไหนบ้างอ่ะ ให้ขับรถให้ไหม”

“อังคารกับพฤหัส อาทิตย์ถัดไปอยู่พุธกับศุกร์ออกเช้าเสาร์”

“ไหนอยู่ไปแล้วสองคืนไง ทำไมเดือนนี้อยู่เยอะจัง ปกติอยู่เดือนละคืนสองคืนเองไม่ใช่เหรอ” เด็กฝรั่งบ่นอุบพลิกตัวนอนตะแคงมองแผ่นหลังกว้างของคุณหมอที่เดินมานั่งหันหลังให้อยู่ข้างเตียง
 
“ต้องอยู่เวรแทนพี่รันกับอาจารย์สุเมธที่ไปสัมมนา” ถึงจะเป็น staff แล้วแต่การอยู่เวรกลางคืนเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลายครั้งต้องตื่นมารับโทรศัพท์ขอคำปรึกษาจากพวกนักเรียนแพทย์กลางดึกบ่อยๆ ถึงอย่างนั้นชีวิตก็สบายขึ้นกว่าตอนเทรนอยู่มาก

“แย่เลย” เจ้าตัวทำเสียงหงอย ดูเหมือนที่ว่าแย่น่าจะหมายถึงตัวเองมากกว่าคุณหมอที่ต้องอยู่โยงเฝ้าคนไข้ทั้งคืน

“แค่เดือนนี้น่า เดี๋ยวเดือนหน้าไม่ต้องอยู่เวรกับทำคลีนิคแล้วแลกกะพี่รันเรียบร้อย” เขาหันมายิ้มให้เด็กฝรั่ง ละมือจากผ้าขนหนูมาขยี้หัวอีกคนที่ยุ่งอยู่แล้วให้ยุ่งเข้าไปอีก “อืม... เราสอบเสร็จวันสุดท้ายวันพฤหัสใช่ไหม งั้นวันศุกร์ขับรถมารับด้วย จะได้นัดอาจารย์ไว้ให้ตอนเย็นส่องกล้องดูซะทีจะได้รักษาให้มันจบๆ ไป”

“อืม” อลันด์พยักหน้ารับก่อนอ้าปากหาวหวอดๆ กระนั้นตาสีฟ้าอ่อนยังฝืนลืมมองทิวากานต์เดินเอาผ้าขนหนูไปตากจนเดินกลับมาสอดตัวนอนข้างกันเช่นทุกคืน เมื่อไฟในห้องดับลงจนเหลือเพียงความมืดร่างเล็กๆ นั้นถึงกระเถิบตัวเบียดเข้าไปในอ้อมอกอีกคน “ตัววาอุ่นจัง”

“ติดแล้วล่ะสิ ถ้าฉันไม่อยู่จะนอนหลับไหม ฮึ?” ทิวากานต์รวบอีกคนให้เกยขึ้นมานอนบนอก ช่วงนี้อลันด์ลดน้ำหนักลงไปได้มากจนเกือบจะเท่ากับตอนมาอยู่ไทยใหม่ๆ แต่ทิวากานต์คิดว่ามันลดเร็วเกินไปกลัวจะมีปัญหาตามมาทีหลังได้ ที่เห็นชัดตอนนี้เลยก็อาการอ่อนเพลียนี่แหละ เขาเลยต้องบังคับให้ดื่มพวกเกลือแร่กับอาหารเสริมบางตัวไว้บ้าง

“ไม่รู้สิ” ทิ้งไว้เท่านั้นก่อนเงียบไปนานจนคุณหมอเคลิ้มๆ จะหลับ เสียงทุ้มติดจะแหบถึงดังขึ้นอีกครั้ง “วันนี้ทอมโทรมาล่ะ”

“แล้วไง”

“หมอนั่นมีแฟนใหม่อีกแล้ว บอกว่าเป็นนางแบบกำลังจะได้เดินโชว์ให้วิคตอเรีย ซีเครทรอบนี้ด้วย แล้วก็ชวนให้ผมไปดูที่ลอนดอน ฟรอนต์โรว์เลยนะ แต่ผมไม่ไปล่ะ”

“ฮ่าๆ ทำไมล่า ถ้าเป็นฉันนะรีบตอบตกลงไปแล้วนะ มีนางฟ้าสวยๆ ใส่ชุดชั้นในเดินไปเดินมาให้ดู สวรรค์ชัดๆ”

“น่าเบื่อจะตาย”

ทิวากานต์ทำเสียงพ่นลมออกจากจมูกคล้ายจะหัวเราะ “แล้วไงต่อ ทะเลาะกับทอมหรือเปล่า”

“นิดนึง สาบานเลยว่าไม่ได้หาเรื่องก่อน แต่ทอมว่าวาผมเลยโกรธ”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ เขาจะว่าอะไรฉันก็ปล่อยไปเถอะฉันไม่รู้ด้วยสักหน่อย เธอเองก็ไม่ต้องเก็บมาใส่ใจมาโกรธแค้นแทน เข้าใจไหม” คนแก่กว่าพูดเสียงนิ่งๆ มือหนึ่งลูบผมคนในอ้อมอกคล้ายจะกล่อมให้หลับเสีย กะแล้วว่าต้องมีเรื่องกับไอ้เพื่อนขนทองถึงมาพูดกับเขา รักกันมากจนน่าหมั่นไส้พอทะเลาะกันเลยรู้สึกไม่ดี “แล้วคุยกันเรียบร้อยหรือยัง”

“ยัง ขี้เกียจทะเลาะกับทอมอีก”

“ยังอยากเป็นเพื่อนกับทอมไม่ใช่หรือไง งั้นพรุ่งนี้อย่าลืมโทรไปขอโทษแล้วคุยกันดีๆ ทอมคงหวงเพื่อน เขาจะหาเรื่องอะไรก็ยอมให้เขาหน่อย อย่าโมโหใส่กัน เข้าใจไหม”

“ไม่เข้าใจ วาไม่หวงผมกับทอมแล้วเหรอ”

“ถ้าแค่เพื่อนไม่หวงหรอก แต่ถ้ามากกว่านั้นโดนแน่ๆ” เขาขู่ติดตลก ได้ยินเสียงอลันด์หัวเราะคิกคักอยู่ตรงหน้าอก “เรื่องระหว่างเธอกับทอมฉันช่วยอะไรไม่ได้หรอกเธอต้องทำด้วยตัวเอง อยากให้เขาเป็นแค่เพื่อนก็ต้องกั้นเส้นแบ่งระหว่างเพื่อนให้ได้ ไม่มากไปกว่านี้แต่ก็ไม่น้อยจนเกินไป ฉันเชื่อว่าเธอทำได้”

.
.
.

อลันด์ไม่คิดว่าคนที่โทรมาหาเขาแต่เช้าจะเป็นคนจากลอนดอน เด็กหนุ่มโบกมือลาทิวากานต์ก่อนกระโดดลงจากซีรีส์ไฟว์คันโตแล้วค่อยรับสาย สองเท้าก้าวไปตามทางเท้าเลียบสนามกว้างไปมหาวิทยาลัย วันนี้ทิวากานต์มีประชุมช่วงบ่ายข้างนอกเลยต้องเอารถไป เขาที่ไม่อยากนั่งเรือข้ามฟากต้องมาเดินอาบแดดยามเช้าแบบนี้แหละ

“ไฮ เจมส์”

‘ไฮ อัล สบายดีนะ’

“อืม เรื่อยๆ ล่ะ นายล่ะโอเคไหม ยังไม่นอนหรือไง” เขาว่า ก้มดูหน้าปัดเล็กๆ บนนาฬิกาข้อมือที่ตั้งไว้เป็นเวลาสำหรับลอนดอน ตอนนี้ที่นู่นยังห้าทุ่มเที่ยงคืนอยู่เลย

‘กำลังจะเข้านอนแล้วล่ะ นายกำลังไปเรียนสินะ ฉันโทรมารบกวนหรือเปล่า’

“ใช่ แต่ไม่รบกวนหรอก อีกสองชั่วโมงกว่าจะเริ่มคลาสน่ะ มีอะไรงั้นเหรอ”

‘อยากจะบอกแค่ว่าอยากคุยกับนายเลยโทรมาหาน่ะนะแต่ความจริงแล้วทอมให้โทรมาน่ะ หมอนั่นบอกว่าติดต่อนายไม่ได้เลย มีปัญหากันใช่ไหม’ เจมส์หัวเราะเบาๆ แก้เขินมาตามสาย อลันด์ถึงนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายแอบชอบเขาอยู่หลังจากลืมไปพักใหญ่ ตั้งแต่กลับมาเรียนที่นี่เขาคุยกับอีกคนนับครั้งได้และเป็นการคุยผ่านเฟซบุ๊คมากกว่าจะโทรมาแบบนี้

“นิดหน่อย”

‘ไอ - ซี’ เขาได้ยินเสียงเจมส์ถอนหายใจมาตามสาย ‘อันที่จริงฉันก็อิจฉาทอมนะที่สนิทกับนายมาก แต่ฉันไม่อยากเห็นพวกนายทะเลาะกันเลย ถึงจะยังไม่หายโกรธแต่อย่างน้อยโทรไปหาหมอนั่นหน่อยเถอะ ทอมเป็นห่วงนายจนแทบจะบ้าอยู่แล้ว’

“นายพูดเหมือนด็อกเลย”

‘ไม่ว่าใครที่รู้จักนายกับทอมก็ต้องพูดเหมือนกันนั่นแหละ’

“งั้นหรือ? ว่าแต่หมอนั่นไปซี้กับนายถึงขั้นปรึกษาปัญหากันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันแน่ใจว่าต่อให้ฉันไม่เคยตีกับนาย แต่ทอมไม่มีวันพูดเรื่องนี้กับคนอื่นนอกจากครอบครัวแน่ๆ”

‘หวงทอมเหรออัล ไม่ต้องห่วงหรอกเราแค่ไปดื่มกันบ้างบางครั้ง ความจริงทอมเองก็บินกลับลอนดอนบ่อยๆ เราเลยเจอกันบ่อยขึ้น แล้วเหมือนพักหลังนี้ทอมดูมีเรื่องหนักใจเขาเลยหาเพื่อนระบายปัญหาก็เท่านั้น’ เจมส์พยายามพูดอ้อมๆ แต่คิดเพียงนิดก็รู้ว่าปัญหานั้นหมายถึงตัวอลันด์เอง

“ฉัน...ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้นักหรอก” เด็กหนุ่มถอนหายใจ ตัดสินใจหยุดเดินตรงทางม้าลายหน้ามหาวิทยาลัย

‘ฉันรู้ ฉันว่าฉันเข้าใจนะ’ ชายหนุ่มว่าเหมือนรู้อะไรบางอย่างแต่ไม่ขยายออกมา ‘ยังไงตอนนี้นายควรรีบโทรไปหาทอม ไม่ต้องคุยดีๆ หรือจะทะเลาะกันต่อก็ได้ก่อนหมอนั่นจะบ้าเพราะฉันไม่รับประกันว่าจะช่วยอะไรนายได้นะอัล’

“โอเค ฉันจะโทรหาทอมเดี๋ยวนี้ล่ะ”

‘ดี งั้นฉันวางสายล่ะ’

“กู๊ดไนท์เจมส์”

‘ไนท์ ไม่สิ มอร์นิ่งอัล’

อลันด์อมยิ้มเดินข้ามทางม้าลายเข้าไปในมหาวิทยาลัย นิ้วเลื่อนกดหาเบอร์ที่บล็อคไปเมื่อวาน จัดการปลดบล็อคแล้วต่อสายหาเพื่อนซี้ หายใจไม่ทันสุดปอดโธมัสก็กดรับโทรศัพท์สุ้มเสียงไร้วี่แววแสดงอาการง่วงงุนทั้งที่ตอนนี้มิวนิคน่าจะตีหนึ่งแล้ว

‘อัล!!’ หนุ่มหล่อเจ้าของความสูงหกฟุตห้านิ้วลั่นชื่อเพื่อนรักดังสนั่นจนต้องยกหูโทรศัพท์ออกห่าง ‘พระเจ้า ให้ตายเถอะ นายทำฉันบ้า!’

“ฉันแค่ไม่อยากให้เราทะเลาะกันไปมากกว่านี้ถ้าเมื่อวานเรายังเถียงเรื่องไร้สาระกันต่อ”

‘ฉันขอโทษ ฉัน...ฉันมันบ้าไปเอง ฉันเสียใจ ทั้งที่เรานานๆ จะได้คุยกันแต่ฉันกลับทำให้นายโมโห’ เสียงทุ้มอ่อนระโหยบอกความรู้สึกคนพูดชัดเจนว่ารู้สึกแย่เพียงใด

“ช่างมันเถอะ ฉันเองก็ต้องขอโทษนายเหมือนกัน” ถ้าอยู่ด้วยกันตอนนี้โธมัสคงได้เห็นเพื่อนตัวเล็กกำลังฉีกยิ้มกว้าง แต่เพราะอยู่กันคนละทวีปเขาจึงยังกลัวอลันด์โกรธอยู่

‘ต่อไปนี้ฉันจะไม่ทำให้นายโมโหอีกแล้ว การที่นายเมินไม่คุยกับฉันมันทำให้ฉันปวดใจ ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย’

“เข้าใจแล้วน่า” เด็กฝรั่งวางกระเป๋าเป้ลงบนโต๊ะหน้าคณะ ตาสีฟ้ามองไปรอบๆ ดูนักศึกษาบางคนวิ่งไล่ลูกบอลอยู่บนสนามหญ้า ไม่คิดว่าตนเองก็มีอิทธิพลต่อเพื่อนสนิทมากขนาดนี้ แต่ใช่ว่าโธมัสจะรู้สึกกับเขาเช่นนี้ฝ่ายเดียว ตัวเขาเองก็ไม่ต่างกัน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่รู้สึกแย่ที่ทะเลาะใส่กันทั้งที่โธมัสเองเคยทำกับเขาไว้เยอะ “เลิกขอโทษเถอะเพราะฉันเองก็ผิด เราผิดกันทั้งคู่ และฉันก็ไม่ชอบที่เราทะเลาะกันแบบนั้นเหมือนกัน”

‘ฉันรักนาย อัล...ฉันรักนายที่สุดนะ รู้ใช่ไหม’

“ฉันรู้ ฉันก็รักนาย” ไม่ต้องเห็นหน้าอลันด์ก็เดาได้ว่าเพื่อนรักตัวโตต้องยิ้มอยู่แน่ๆ

พวกเขาคุยโทรศัพท์สอบถามความเป็นไปของแต่ละฝ่ายกันอีกหลายนาทีโดยไม่แคร์ค่าโทรศัพท์ข้ามประเทศแม้แต่น้อย มีหลายเรื่องที่พวกเขาเคยมองข้ามและไม่ใส่ใจ แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการเรียนของแต่ละคนพวกเขาต่างแลกเปลี่ยนกันเหมือนอย่างที่เคยทำสมัยเรียนไฮสคูล (แน่ล่ะ โธมัสจะแคร์ทำไมในเมื่อเขาไม่ได้เป็นคนจ่าย ส่วนอลันด์คงต้องหาข้ออ้างดีๆ ที่ต้องไปอธิบายให้มัมฟังแน่ๆ)

“อ่อ ใช่ ฉันลงประกวดดนตรีของที่มหาวิทยาลัยด้วย นายต้องคิดไม่ถึงแน่ๆ ว่ามหาวิทยาลัยที่นี่มีกิจกรรมเยอะพอๆ หรือบางทีก็มากกว่าชั่วโมงเรียนด้วยซ้ำ”

‘งั้นหรือ แด๊ดดี้นายคงตั้งใจไว้ละมั้งถ้านายมัวแต่ยุ่งกิจกรรมจนการเรียนตกได้โดนลากกลับแน่ๆ’

“อ่า! นั่นไง ฉันว่าแล้วว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น!”

‘หึหึ แล้วการประกวดของนายเป็นไงบ้างล่ะ’ โธมัสหัวเราะในคอหลังฟังเพื่อนตัวแสบบ่นเอเดลมาร์งุ้งงิ้ง

“ผ่านรอบแรกแล้ว แข่งอีกทีวันจันทร์หน้านู้นหลังสอบเสร็จน่ะ ฉันว่าจะลองเอาเพลงที่แต่งเองประกวดเพลงนึงส่วนอีกเพลงคงหาเพลงสนุกๆ โชว์กีตาร์สักหน่อย นายว่าไง มีข้อเสนออะไรพิเศษไหม”

‘Lightning Bolt’

“Great! ฉันจะเอาเพลงนี้”

‘คงดีถ้าฉันได้อยู่ดูนายประกวดด้วย’

“ให้ฉันถ่ายคลิปส่งไปให้ไหม”

‘มันไม่ live นี่น่า บางทีอาจจะเฟซไทม์ไปหา’

“ก็ดีนะ แต่ไม่อยากบอกเลยว่าอินเตอร์เน็ทที่นี่ห่วยชะมัด” อลันด์หัวเราะคิก เขาคุยกับโธมัสจนคนินทร์มาถึงยอมวางสายไปพร้อมยิ้มเปื้อนใบหน้าหลังจากที่เจ้าหมาตัวโตขนทองทิ้งท้ายไว้ว่าเจอกันเร็วๆ นี้ ให้ตายเถอะ เขากับโธมัสตัดกันไม่ขาดจริงๆ!

“คุยโทรศัพท์ท่าทางมีความสุขนะ คุยกับใครอ่ะ พี่วา?”

“คุยกับหมา” เด็กฝรั่งตอบเลี่ยงๆ แต่เพื่อนชาวไทยกลับตบเข่าฉาดร้องอ๋อเสียงดัง

“พ่อหนุ่มโกลเด้นหุ่นแซ่บที่นายทะเลาะกับเขาเมื่อวานใช่ไหม” คนินทร์ยักคิ้วลิ่วตาก่อนกระแซะตัวเข้ามาใกล้เพื่อนตัวเปี๊ยกทำท่างกระซิบกระซาบใส่ “คืนดีกันแล้วล่ะสิ ใครง้อก่อนล่ะ”

หนุ่มลูกครึ่งแสร้งตีหน้าดุเสริมหน้าขาวติดจะหยิ่งให้ยิ่งไม่น่าเข้าใกล้ หากแต่หนุ่มไทยเชื้อสายจีนใจกล้ากลับหัวเราะร่วนเพราะรู้ว่าเจ้าตัวอารมณ์ดีเกินจะมาโมโหใส่เขา แขนยาวโอบรอบคอคนตัวเล็กกว่าก้มมองอลันด์ที่แอบอมยิ้มแวบหนึ่งแล้วค่อยพากันเดินลากขาขึ้นห้องเรียน

.
.
.

การสอบผ่านพ้นไปด้วยดี อย่างน้อยอลันด์ก็คิดว่ามันดีแต่ไม่ดีนิดหน่อยตรงที่ต้องนอนคนเดียว อย่างที่ทิวากานต์ว่าไว้เป๊ะเขาติดอีกฝ่ายจนรู้สึกขาดไม่ได้เสียแล้ว คืนแรกที่คุณหมอต้องเข้าเวรเขานอนแทบไม่หลับ พลิกไปพลิกมาบนเตียงเล็กๆ ของตัวเองที่ไม่ได้กลับมานอนตั้งนานกว่าจะหลับได้เกือบตีหนึ่งด้วยอาการเพลียร่าง

เขาไปส่องกล้องมาแล้วด้วย ผลเป็นที่น่าพอใจมากสำหรับอาจารย์หมอเจ้าของไข้ รูรั่วยังกว้างเท่าเดิมไม่เล็กลงแต่ก็ไม่ได้ใหญ่ขึ้น ระหว่างที่ตรวจก็ต่อสายคุยกับมัมกับคุณลุงตลอด จนกำหนดวันสวนหัวใจได้เรียบร้อยเป็นช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนก่อนสอบปลายภาคหนึ่งเดือนพอดี แต่นั่นอาจทำให้เขาไม่ได้กลับไปฉลองคริสต์มาสกับปีใหม่ที่ลอนดอนเพราะหมออยากให้ดูอาการหลังรักษาก่อนสักสองเดือนเป็นอย่างต่ำ ครอบครัวไม่เท่าไหร่ มัมบอกว่าจะบินมาฉลองด้วยกันที่นี่ แต่กับเพื่อนรักอย่างโธมัสคงยาก

เด็กฝรั่งอ้าปากหาวพลางบิดตัวไล่อาการเมื่อยขบ เมื่อคืนทิวากานต์นอนกอดเขาจนกระดิกตัวแทบไม่ได้ นั่งอึนๆ ตั้งสติอยู่เกือบห้านาทีร่างของคนที่นอนด้วยเมื่อคืนถึงเดินตัวเปียกออกมาจากห้องน้ำ พอเห็นเขาตื่นแล้วเลยเปลี่ยนเป้าหมายจากตู้เสื้อผ้ามาเป็นเตียง จูบหัวเน่าไอ้ตัวแสบรับอรุณ

“ไปอาบน้ำป่ะ”

“อือ” รับคำสั้นๆ ก่อนเดินลากผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ หยิบยาสีฟันบีบใส่แปรง ยัดเข้าปากถูๆ ไถๆ ตามสเต็ปที่มัมสอนมาตั้งแต่จำความได้ แปรงไปตาจะหลับไป เมื่อคืนเขาซ้อมดนตรีสำหรับงานประกวดวันนี้ถึงตีสอง พอตีห้าครึ่งก็ต้องตื่นไปเรียน ตอนแรกว่าจะแยกกันไปกับทิวากานต์แต่พออาจารย์เลื่อนคลาสมาสอนเร็วขึ้นแล้วนักศึกษาตัวเล็กๆ อย่างอลันด์จะทำอะไรได้

หกโมงเช้าไม่ขาดไม่เกินน้องมิ้ลค์ของอลันด์ได้ฤกษ์ออกจากคอนโดใจกลางกรุง ขึ้นทางด่วนอ้อมไปลงด่านยมราชเข้าแยกอุรุพงษ์ฝ่าด่านไฟแดงและมวลมหารถที่เริ่มเต็มถนนด้วยความเร็วสี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงจึงถึงมหาวิทยาลัยใหญ่ติดแม่น้ำ

ระหว่างทางบนรถเงียบสงบเพราะเด็กฝรั่งหลับสนิท ส่วนคุณหมอก็ขับรถไปแอบกินแซนด์วิชฝีมือตัวเองรองท้องก่อนตรวจวอร์ดช่วงเช้า หลังจอดรถได้ที่ตรงตึกหน้าคณะพอดีชายหนุ่มวัยสามสิบกับอีกหกเดือนถึงค่อยปลุกคนนั่งข้างให้ตื่น “ฉันไปก่อนนะ ถ้ายังง่วงอยู่ไปนอนต่อในห้องเรียนแทน อย่าลืมล็อครถด้วย ข้าวเช้าอยู่เบาะหลัง เย็นนี้เจอกัน”

“อือ วา”

“ว่า?”

“ขอบคุณ”

ทิวากานต์ยิ้มน้อยๆ รั้งคอให้ใบหน้าขาวจัดเข้ามาใกล้จัดการจูบกลางหน้าผากไปหนึ่งทีแทนรางวัล “wish you all the best of luck”

คุณหมอลงจากรถไปนานแล้วแต่อลันด์ยังนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมเข็มขัดนิรภัย เจ้าตัวแสบหัวเราะกับตัวเองเบาๆ ก่อนลงจากรถ ไม่ลืมหยิบแซนด์วิชชิ้นโตพร้อมนมสดกับผลไม้อีกกล่องลงมาจัดการตามคำสั่งด้วย

ถึงจะเริ่มต้นวันแบบมึนๆ ไปเสียหน่อยหากอลันด์กลับคิดว่าเป็นแบบนี้มันดีเสียยิ่งกว่าทุกวัน แม้แต่ความประหม่าหวาดกลัวต่อการประกวดเย็นนี้ก็หายไปไม่มีเหลือเพียงแค่ได้คำอวยพรจากผู้ชายตัวโตที่น่ารักที่สุด และคำอวยพรของทิวากานต์เหมือนจะมีเวทมนต์ช่วยให้อลันด์เจอแต่เรื่องดีๆ ตั้งแต่เช้า เขาได้คะแนนท็อปจากการสอบกลางภาคของวิชามหาโหดเมื่ออาจารย์คนไทยที่พูดอังกฤษไฟแล่บประหนึ่งอิมพอร์ตตรงจากนิวยอร์กประกาศคะแนนสอบกลางภาคทันทีที่เริ่มคลาส ไม่มีอะไรจะสุขไปกว่านี้อีกแล้วล่ะ!

แต่เอ... ทำไมวันนี้หนังตาขวามันกระตุกแปลกๆ หว่า

.
.
.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-11-2015 16:54:42 โดย บัวน้อย ไร่แตงโม »

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 15 [14.11.15]
«ตอบ #175 เมื่อ14-11-2015 14:08:43 »

การพบเห็นชาวต่างชาติบริเวณพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาแถบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ประเภทเดินลงจากเบนซ์เอสคลาสโดยมีคนเปิดประตูรถให้พร้อมชุดสูทเนี้ยบเรียบกริบตั้งแต่หัวจรดเท้าก็นับว่าแทบไม่เคยปรากฏ โดยเฉพาะชายหนุ่มคนนั้นมีรูปร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างน่าซบ ผมสีบลอนด์เข้มตาสีฟ้าสด หน้าตาดีมากถึงมากที่สุด ดูเป็นมิตรด้วยรอยยิ้มสว่างไสวและเพิ่มระดับการเอื้อมถึงด้วยหนวดเคราแบบเซอร์ๆ

โธมัสหยิบแว่นกันแดดเคลือบปรอทสะท้อนแสงวิ้งๆ ทรงนักบินของเรย์แบนด์ขึ้นทาบบนใบหน้าหลังจากพิจารณาแล้วว่าแดดยามใกล้เที่ยงของประเทศไทยนั้นเป็นพิษต่อดวงตาคู่งามของเขา เรียกสายตาทั้งผู้หญิงผู้ชายแถวนั้นให้พร้อมใจมองตามและเคลิบเคลิ้มล้มตายกันเป็นแถว

เด็กหนุ่มที่เพิ่มความคมเข้มให้ตัวเองด้วยหนวดเคราก้าวเท้าเข้าสู่เขตมหาวิทยาลัยตามที่คนขับรถของโรงแรมบอกไว้ กระนั้นก็จนปัญญาอยู่ดีว่าจะตามหาเพื่อนรักตัวเท่าอกได้ที่ไหน มองซ้ายมองขวาหาเหยื่อ ไม่สิ นักศึกษาสักคนมาถามไถ่คงได้เรื่อง ทันทีที่สายตาอันแหลมคมของเขาปะทะเข้ากับหญิงสาวผิวขาวหน้าเอเชียปุ๊บ ช่วงขายาวเกินมาตรฐานปกติก็รีบสาวเข้าไปหาด้วยความว่องไว

“Excuse me, lady?”

“คะ ขา... เอ่อ เยส”

“Could you give me direction to the BBA building, please?”

“เอ่อ... เขาถามหาอะไรวะแก” สาวเจ้าหันไปกระซิบถามกับเพื่อนข้างๆ ตอนนี้เธอตื่นเต้นกับชายหนุ่มรูปงามลุคแบดบอยตรงหน้าจนลืมภาษาอังกฤษที่ร่ำเรียนมาแต่เล็กหมดสิ้น

“เขาถามหาทางไปตึกบัญชีป่ะแก ได้ยินอะไรบีบีเอๆ สักอย่างนี่แหละ โหย แต่แม่งหล่อสัดๆ อ่ะ จะมาเป็นอาจารย์ที่นี่เปล่าวะ ถ้าใช่จะขอซิ่วมาเอนท์ใหม่เลยแก”

“เออดิอีเหี้ย แม่งหล่อเว่อร์ หล่ออย่างกับเทพบุตร อยากกรี๊ดว่ะแก”

แน่นอนว่าโธมัสไม่เข้าใจที่หล่อนพูดสักนิดเดียวและนึกไปเองว่าเธอคงปรึกษาหาคำตอบให้เขา หนุ่มอังกฤษเสี้ยวเยอรมันจึงยิ่งฉีกยิ้มไปให้เด็กสาวทั้งสอง เล่นเอาทั้งคู่แทบเป็นลมตรงนั้น

“เอ่อ ยูก็โกสเตรทออนนะ เดน เทิร์นไรท์ ยูวิวซีเอไวท์บิลด์ดิ้งออนเดอะไรท์ อิธอีสอะบีบีเอบิลด์ดิ้ง”

“Oh! I see, thank you so much” เขาพยักหน้ารับรู้ ไม่ลืมยิ้มขอบคุณสองสาวก่อนเดินจากมา ทิ้งให้สาวเจ้ากรี๊ดกร๊าดกับความหล่อของเจ้าตัวไว้เบื้องหลัง

โธมัสเดินไปตามทางที่หญิงสาวบอก แม้จะไม่ค่อยเข้าใจแต่ถ้าลองทำตามที่เธอพูดก็น่าจะเจอ เดินไม่กี่อึดใจเขาก็เจอตึกสีขาวที่เธอว่า มีวัยรุ่นใส่ชุดเหมือนๆ กันซึ่งเดาเอาว่าน่าจะเป็นเครื่องแบบนักเรียนของที่นี่นั่งอยู่ประปราย คราวนี้เขาเลือกถามผู้ชายแทนผู้หญิงเพื่อที่จะได้ตะลึงกับความหล่อของเขาน้อยหน่อย

หนุ่มอังกฤษแต่เพิ่งบินมาจากมิวนิคถามไถ่หาเพื่อนรักตัวซี้ บอกลักษณะท่าทางละเอียดยิบไม่ลืมเปิดโทรศัพท์ให้ดูรูปถ่าย เหมือนอลันด์จะเป็นที่รู้จักพอตัวเพราะเป็นเด็กต่างชาติเด่นๆ ไม่กี่คนของที่นี่ เพียงเห็นหน้าก็ได้คำตอบว่าเจ้าตัวกำลังเรียนอยู่ข้างบนและน่าจะลงมาตอนเที่ยงพอดี

เขาขอบคุณชายหนุ่มคนนั้นและเริ่มมองหาที่รอ เสื้อสูทของฮิวโก้บอสดูจะไม่เข้ากับสภาพอากาศที่นี่เสียเท่าไหร่เมื่อมันกำลังอบเขาทั้งเป็น โธมัสจัดแจงถอนมันออกก่อนนั่งรอบนม้านั่งใกล้ๆ บันได หยิบโทรศัพท์มาไถๆ ดูนั่นนี่ไปเรื่อย

พ่อหนุ่มโกลเด้น รีทีฟเวอร์ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจ อัลของเขาต้องเซอร์ไพรส์มากแน่ๆ ที่เห็นเขาที่นี่ แน่นอนว่าการตัดสินใจบินเดี่ยวตรงจากมิวนิคมากรุงเทพนี้เขาไม่ได้บอกใคร ยอมโดดเรียนเกือบทั้งสัปดาห์เพื่อมาเชียร์เพื่อนรักประกวดดนตรีโดยเฉพาะ

ช่วงเวลาที่ผ่านมาดูจะเป็นช่วงที่แย่ที่สุดระหว่างพวกเขาทั้งคู่แล้ว เขาแทบบ้าที่อลันด์ปิดการติดต่อกับเขาทุกทาง แม้จะไม่ถึงวันแต่ยอมรับเลยว่ามันทำให้เขาเจ็บปวดที่สุด

ถ้าอลันด์ไม่ชอบถูกทิ้ง เขาเองก็ไม่ชอบถูกเมิน

พวกเขามีกันสองคนมาตลอด แต่ทุกอย่างมันเริ่มสั่นคลอนเมื่อคุณหมอคนนั้นก้าวเข้ามาในชีวิตอัล เพื่อนรักตัวเล็กเริ่มเอาแต่พูดถึงผู้ชายคนนั้นอย่างที่ไม่เคยทำกับใคร ถึงทิวากานต์จะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีคนหนึ่งเท่าที่เขาเคยรู้จัก แต่เขาไม่ชอบ...ไม่ชอบเอาเสียเลยแม้จะไม่รู้ว่าทำไม

เสียงจ้อกแจ้กดังมาจากบันไดเรียกโธมัสให้เงยใบหน้าขึ้นใช้ตาสีฟ้าคู่สวยจับจ้องไปด้านบนมองดูนักศึกษากลุ่มใหญ่กำลังทยอยลงมา เขาลุกขึ้นยืนกวาดสายตาเพียงเห็นเสี้ยวหน้าของคนที่รอ คอยให้เจ้าตัวเปี๊ยกนั่นละสายตาจากคนอื่นเห็นเขาสักที ท่ามกลางการทำงานของอวัยวะก้อนเท่ากำปั้นใต้แผ่นอกด้านซ้ายที่ดันเต้นแรงอย่างไร้เหตุผล

โธมัสรู้สึกเหมือนเวลาหยุดลงตอนที่ตาสีซีดคู่นั้นสบกันกับเขาและเดินอีกครั้งเมื่อใบหน้าเฉยชาปรากฏรอยยิ้มกว้าง อีกแล้ว...หัวใจเขาเต้นแรงอีกแล้ว

“ทอม...”

“ไฮล์ อัล”

“มาได้ไงน่ะ” อลันด์ถลาลงมาจากบันไดหยุดยืนตรงหน้าเขา แหงนหน้าจนคอตั้งเพื่อสบสายตากัน

“เซอร์ไพรส์”

“สุดๆ” ไอ้ตัวแสบหัวเราะคิกก่อนตวัดแขนโอบรอบแผ่นหลังกว้างของเพื่อนตัวโตเมื่อโธมัสสวมกอดเขาแน่น และยอมเอียงใบหน้าให้อีกฝ่ายจูบตรงมุมปากอย่างเคย “เซอร์ไพรส์มาก นายมาถึงเมื่อไหร่กัน แล้วมานี่ที่ได้ยังไง”

“มาถึงเมื่อเช้า แต่ฉันแวะไปโรงแรมก่อนแล้วค่อยให้รถที่โรงแรมมาส่งที่นี่ มันคงดีถ้าเราได้กินมื้อเที่ยงด้วยกันแล้วค่อยไปเชียร์นายแข่งดนตรีในตอนเย็น”

“Great! ฉันว่างช่วงบ่ายพอดี”

“โอเค งั้นฉันจะโทรให้เขาขับรถมารับเราไปกินข้าวกันที่โรงแรมแล้วกันนะ ฉันจองโต๊ะไว้แล้วล่ะ”

“ได้ โอ้ ทอม...ให้ฉันพาเพื่อนไปด้วยได้ไหม” อลันด์มีสีหน้าลังเลไปชั่วขณะก่อนหันกลับไปหาเพื่อนที่เดินมาด้วยกัน “ทอมนี่คิวเพื่อนฉันที่นี่ คิวนี่ทอมเพื่อนซี้ฉัน”

“ยินดีที่ได้รู้จัก”

“เช่นกันครับ” คนินทร์จับมือกับโธมัสตามมารยาทก่อนหันมาหาคนกลางพูดภาษาไทยใส่โดยไม่สนใจมารยาทที่ดี “หมาขนทองตาสีฟ้าหุ่นเซ็กซี่... เขาดูดีกว่าที่นายพูดเยอะมากเลยอัล นี่มันนายแบบซีเคชัดๆ แน่ใจนะว่าพวกนายไม่เคยคบกันมาก่อน”

“Never” ไอ้ตัวแสบยักไหล่แล้วหันไปรัวภาษาอังกฤษสำเนียงแบบผู้ประกาศข่าว BBC ใส่เพื่อนรัก ตกลงกันเรียบร้อยว่ามื้อนี้จะมีหนุ่มไทยพ่วงไปด้วยอีกคน ให้รถของโรงแรมมารับเหมือนเดิมเพราะวันนี้คิวไม่ได้เอารถมา ส่วนอัลคงไม่เสี่ยงเสียที่จอดรถดีๆ ไปแน่นอน

“นายผอมลงนะอัล ไม่สบายหรือเปล่า” หนุ่มลูกเสี้ยวเยอรมันทักขึ้นหลังพากันขึ้นรถ ตาสีฟ้าเหลือบมองคนนั่งข้าง จากภายนอกก็ดูผอมลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อตอนได้กอดก็รู้ว่ามากกว่านั้นเพียงแต่เสื้อที่ใส่พรางตาเอาไว้

“ฉันสบายดีแค่คิดว่าถึงเวลาต้องลดน้ำหนักแล้วเท่านั้น” ตาสีซีดหลุบลงต่ำยามพูดถึงน้ำหนักตัวที่หายไปหลายกิโลในช่วงที่ตั้งใจลดความอ้วน แน่นอนว่ามันมีปัญหาเมื่อบวกกับโรคหัวใจที่เขาเป็นอยู่ เขาอ่อนเพลียง่ายขึ้น ออกกำลังมากไม่ค่อยได้ และก่อนที่จะรอให้โธมัสจับผิดได้จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “นายเองเหอะ คิดไงปลูกหนวดเลี้ยงเครา”

“เทรนหนุ่มเซอร์กำลังมาน่ะ กำลังคิดไปไถหัวเล่นด้วย แต่สไตลิสต์ขอไว้ก่อน”

“ไอ - ซี เขาแนะนำให้นายเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมด้วยสินะ”

“คิดว่ากลิ่นนี้เป็นไงล่ะ”

“ดี เหมาะกับนายดี แค่สองสามเดือนไม่คิดว่าเราจะเปลี่ยนกันไปมากขนาดนี้นะ”

“นั่นสินะ” โธมัสครางรับในคอเบาๆ ไม่ใช่รู้สึกไปเองแน่ๆ ว่ามันมีเส้นอะไรบางอย่างขวางกั้นระหว่างเขากับเพื่อนซี้ไว้ แต่ในเมื่อตอนนี้อลันด์พูดคุยกับเขา ยิ้มให้เขา เขาจะตั้งคำถามเค้นเอาคำตอบให้มีปากเสียงกันอีกทำไม แค่ถูกเมินวันเดียวเขายังทนไม่ได้ ถ้าต้องนานกว่านั้น... โธมัสยังไม่รู้เลยว่าตัวเขาจะเป็นเช่นไรต่อไป



ในสายตาคนนอกอย่างคนินทร์ โธมัสคือผู้ชายสุดเพอร์เฟ็กต์เท่าที่เขาเคยเจอ (เพอร์เฟ็กต์ยิ่งกว่าทิวากานต์เสียอีกไม่อยากจะบอก จุ๊ๆ) ทั้งรูปร่างหน้าตาทั้งกริยาท่าทาง ไหนจะสำเนียงบริติชแบบผู้ดี๊ผู้ดีนั่นอีก เขาถึงไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าทำไมอลันด์ถึงดูเล่นตัว เอ๊ย วางตัวห่างเหินกับเพื่อนซี้เสียขนาดนั้น ถ้าเป็นเขามีผู้ชายดีขนาดนี้เสนอตัวมาให้ถึงที่เขายอมเป็นเกย์เลยเอ้า!

แต่เพราะคนินทร์ไม่ใช่อลันด์และไม่รับรู้ถึงพฤติกรรมแบบซาดิสม์ของพ่อลูกเสี้ยวเยอรมันสุดฮอต หนุ่มไทยเชื้อสายจีนหน้าเข้มจึงทำเพียงลอบสังเกตอาการคนทั้งคู่อยู่ห่างๆ โธมัสเทคแคร์เพื่อนตัวเล็กอย่างดีเยี่ยมในระดับที่เรียกได้ว่าไม่มากไม่น้อยเกินไป มีมุมหยอกล้อแกล้งกันอยู่บ้างและสบถคำหยาบคายใส่เนืองๆ ตามประสาเพื่อนสนิท เรียกได้ว่าพอจับคู่กันแล้วเข้ากันได้ดีมากจนเขากลายเป็นส่วนเกินบนโต๊ะอาหารไปเลย

มีหลายครั้งต้องบ่นในใจว่า ‘คุณมึงจะเอากูมาเป็น ก ข ค ทำไมวะ’ แต่นั่นแหละ...ย้ำอีกทีว่าเขาไม่ใช่อลันด์เขาจึงไม่เข้าใจความคิดเพื่อนแม้แต่นิดเดียวและยังคงนั่งกินอาหารเงียบๆ ต่อไปทั้งที่กำลังทำหน้าที่ไม้กันหมาให้เพื่อนตัวเปี๊ยกอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่รู้ตัว

พวกเขากลับมาที่มหาวิทยาลัยอีกครั้งตอนบ่ายสอง หาห้องเรียนว่างๆ สักห้องซ้อมดนตรีก่อนการประกวดเย็นนี้ โธมัสกลายร่างเป็นกรรมกรรูปหล่อที่สุดเท่าที่สาวๆ ในมหาวิทยาลัยเคยพบยามเจ้าตัวช่วยเพื่อนซี้แบกกล่องใส่กีตาร์สองตัวเดินขึ้นไปชั้นบน เขาชมน้องมิ้ลค์ของอลันด์ด้วยว่าน่ารักเหมาะกับอลันด์มากตอนที่เห็นมันครั้งแรก (ในขณะที่คนชมขับบีเอ็มดับบริวเอ็มซิก คูเป้สีแดงแสบตาที่ได้เป็นของขวัญจากคุณตาไปเรียน)

“คลายเครียดสักหน่อยไหม” โธมัสล้วงซองบุหรี่ขึ้นโชว์ถามเพื่อนร่วมห้องอีกสองคน คนินทร์พยักหน้ารับตาวาวตั้งแต่เห็นซองบุหรี่ต่างชาติ จะได้ลองของแปลกสักที “คงไม่ดีเท่าไหร่ใช่ไหมถ้าเราจะสูบบุหรี่กันในห้องเรียน อืม...ไปสูบตรงไหนได้บ้างล่ะ”

“เดี๋ยวเดินออกไปข้างนอกดีกว่า จะได้ซื้อน้ำมากินด้วย” หนุ่มไทยเสนอ ลุกขึ้นยืนหยิบกระเป๋าเงินกับโทรศัพท์ยัดใส่กางเกง

“ไปกันอัล วางสุดที่รักนายสักแป๊บ”

“โทษทีทอม ฉันขออยู่ที่นี่ดีกว่า คือว่าฉัน...” เด็กลูกครึ่งเงยหน้ามองเพื่อนซี้ตาแป๋วคอย่นท่าทางหงอ “กำลังเลิกบุหรี่น่ะ”

“Jesus Christ! What’s wrong with you? Diet? Cold turkey? Don’t joke with me, Al” ไม่ทันไรระเบิดจากเยอรมันนีก็ลงเป็นชุดตามคาด

ตาสีซีดจ้องกลับเจ้าของความสูงหกฟุตกับอีกห้านิ้วพลางถอนหายใจยอมแพ้หลบตาไปทางอื่นก่อน มันไม่ใช่เรื่องน่าโมโหถ้าเพื่อนรักสักคนของคุณกำลังรักษาสุขภาพ แต่อลันด์เข้าใจในความโกรธของโธมัส พวกเขาแยกจากกันแค่ไม่กี่เดือนเพื่อพบว่าเพื่อนซี้ที่เคยรมควันบุหรี่ด้วยกันตั้งแต่สิบห้ากำลังเปลี่ยนไปเป็นอีกคนที่ไม่รู้จัก ที่ตาขวากระตุกเตือนแต่เช้าคงหมายถึงเรื่องนี้สินะ ซวยจริงๆ

“ฉันมีเหตุผลอยู่นะ คือเรื่องมันค่อนข้างจะซีเรียสนิดหน่อย” หลังเงียบไปหาทางออกดีๆ ได้แล้วคนตัวเล็กสุดจึงเอ่ยปากขึ้นท่ามกลางความตึงเครียด อลันด์หันไปส่งสีหน้าขอโทษขอโพยให้คนินทร์ที่ทำบรรยากาศเสียก่อนลุกขึ้นยืนเก็บกีตาร์ลงกล่อง “ฉันว่าเราไปหาน้ำหวานเย็นๆ ดื่มระหว่างฟังฉันสาธยายปัญหาส่วนตัวของฉันดีไหมทอม แล้วระหว่างนั้นถ้านายอยากสูบก็ไม่มีปัญหาอะไร”

“โอเค ถ้านายต้องการอย่างนั้น” โธมัสตอบตกลงในทันที เขาลุกขึ้นจากโต๊ะเลคเชอร์ตัวเล็กมาช่วยเพื่อนเก็บกีตาร์และเดินแบกออกไปข้างนอกเหมือนตอนเข้ามา

ชายหนุ่มต่างเชื้อชาติสามคนนั่งอยู่ในร้านคอฟฟี่ช้อปที่ครั้งหนึ่งอลันด์เคยมานั่งฟังคุณพยาบาลนินทาทิวากานต์เสียงดังลั่นร้าน หากวันนี้กลับเต็มไปด้วยสาวน้อยสาวใหญ่จับจองแน่นขนัด ส่วนหนึ่งนั่งหลบแดดอยู่ก่อนแล้ว อีกส่วนใหญ่เพิ่งมาหลังจากเห็นหนุ่มผมทองหน้าหล่อตัวสูงเดินเข้าร้าน

หลังดื่มน้ำหวานสีชมพูกันไปคนละอึกสองอึก โธมัสดูจะมีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อยแม้จะไม่ได้สูบบุหรี่ตามที่ต้องการเพราะป้าย NO SMOKING แปะหราที่หน้าประตู

“น้ำหวานนี่อร่อยดีจัง เขาเรียกว่าอะไรนะคิว”

หนุ่มไทยเชื้อสายจีนชูแก้วนมเย็นขึ้นชนกับเพื่อนใหม่ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกสั่งเครื่องดื่มสีชมพูหวานจ๋า ขืนเลือกชากาแฟตอนนี้บรรยากาศได้ขมเกินกลืนแน่ “It’s call นมเย็น”

“โนมเยนนน” หนุ่มผมทองเลียนเสียงอีกคนในสำเนียงของตัวเองเรียกรอยยิ้มจากคนฟังได้ทั้งร้าน อย่างว่าเป็นชาวต่างชาติเวลาทำอะไรเปิ่นๆ มักดูน่ารักเสมอโดยเฉพาะชาวต่างชาติหล่อน่าลากอย่างโธมัส “โอเค ไอ้โนมเยนนี่มันอร่อยมาก มันทำให้ฉันอารมณ์ดีพอจะฟังคำแก้ตัวของนายแล้วอัล”

“ไม่อยากสูบบุหรี่แล้วเหรอ” ไอ้ตัวแสบถามกลับหยักคิ้วแถมให้แบบกวนๆ

“ฉันไม่โง่ขนาดอ่านสัญลักษณ์หน้าประตูนั่นไม่ออก เลิกถ่วงเวลาแล้วเล่าปัญหานายมาซะดีๆ”

“โอเค ฟังแล้วช่วยเก็บอาการด้วยล่ะ” อลันด์ยกมือขึ้นเสมอไหล่บอกอาการยอมแพ้ “คืองี้นะ ฉันมีปัญหาสุขภาพนิดหน่อย กำลังรักษาเร็วๆ นี้ แต่ระหว่างช่วงที่รอการรักษาฉันต้องงดบุหรี่ งดแอลกอฮอล์ ทำร่างกายให้แข็งแรงและลดความอ้วนนิดหน่อย ก็ไม่ตั้งใจจะลดมากจนเห็นชัดขนาดนี้หรอก แต่ไม่รู้สิ...พอตั้งใจลดมันก็ฮวบลงไปแบบที่นายเห็นนั่นแหละ ขนาดด็อกยังตกใจเลย”

“ถ้ามันถึงขั้นต้องงดมากขนาดนี้ฉันไม่คิดว่าจะเป็นแค่ไข้หวัดกิ๊กก็อกหรอกนะ แด๊ดกับมัมนายรู้หรือเปล่า ฉันว่านายควรกลับไปรักษาตัวที่ลอนดอนมากกว่าจะรักษากับหมอที่นี่”

“พวกเขารู้และเราตัดสินใจแล้วว่าจะให้ฉันรักษาตัวที่นี่ เผื่อนายจะลืม ลุงคนหนึ่งของฉันเป็นหมอ เขายืนยันว่าอาการฉันไม่อันตรายขนาดนั้นและหมอที่นี่มีความสามารถมากพอที่จะรักษาฉันได้ไม่ต่างจากที่ลอนดอน”

“สรุปนายเป็นโรคอะไรกันแน่อัล”

“ASD หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือผนังหัวใจรั่ว ขอโทษที่เสือกนะอัล แต่ฉันฟังนายอ้อมโลกแล้วกลัวพ่อเพื่อนรักขนทองนายจะเป็นบ้าตายไปก่อนน่ะ” สองประโยคสุดท้ายเขาหันมาพูดกับเด็กลูกครึ่งเป็นภาษาไทยหลังแย่งอีกฝ่ายเฉลยความลับไปแบบหน้าด้านๆ อลันด์ไม่โกรธหรอกที่เพื่อนเสือกแต่สงสัยมากกว่าว่ามันรู้ได้ไงว่าเขาเป็นโรคอะไร

“โอ้ว - มาย - ก็อด ที่คิวพูดนั่นจริงหรือเปล่าอัล นายเนี่ยนะเป็นโรคหัวใจ”

“ใช่ แต่อย่างที่บอกมันไม่ได้ร้ายแรงอะไร แค่เพียงแต่ช่วงนี้ฉันจะทำตัวเป็นเด็กดีบ้างเท่านั้น”

“ฉันเสียใจที่นายไม่เคยบอกเรื่องนี้กับฉันเลย เรายังเป็นเพื่อนซี้กันอยู่หรือเปล่า” บทจะดราม่าขึ้นมาโธมัสก็เปลี่ยนสีหน้าได้เพียงพริบตาเก่งยิ่งกว่านักแสดงรางวัลตุ๊กตาทองเสียอีก ผู้หญิงหลายคนในร้านถึงกับอุทานแม่จ๋าเอามือทาบอกกันเป็นแถบๆ ด้วยความสงสารพ่อฝรั่งรูปหล่อที่ทำหน้าเศร้าน้ำตาคลอเบ้า

คนินทร์มองภาพนั้นแล้วแอบหันไปเบ้ปาก ชักเข้าใจเพื่อนตัวเล็กแล้วว่าทำไมไม่เลือกหมาหนุ่มเกรดพรีเมี่ยมตัวนี้ไปทำพันธุ์ ตอแหลเก่งแบบนี้อยู่ด้วยนานๆ คงปวดหัว แต่เฮ้ย...ทำไมอัลมันต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ไปด้วยว่ะ อย่าบอกนะว่าเอ็งเชื่อไอ้โธมัสน่ะ!

“ขอโทษที่ทำให้รู้สึกแย่ ที่ไม่บอกฉันแค่ไม่อยากให้นายกังวล อาการมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นรักษาแป๊บเดียวก็หาย”

“พอเถอะ...ฉันไม่อยากฟังคำปลอบใจ มันยิ่งทำให้ฉันดูเหมือนเป็นคนไร้ความสำคัญ ในขณะที่คนใกล้ชิดนายหลายคนรู้ เพื่อนนายที่นี่ก็รู้ แต่ฉันที่คบกับนายมานานกลับไม่เคยรู้เลย ด็อกเองก็รู้ใช่ไหม”

“ทอมอย่าพาลได้ไหม ด็อกเป็นหมอโรคหัวใจนะ เขาเป็นคนตรวจเจอเขาก็ต้องรู้สิ!”

“โฮ่ ไอ - ซี” ทุกสิ่งที่อลันด์พูดล้วนมีเหตุผลแต่โธมัสยังคงโกรธและโมโห เกือบหลุดปากออกไปแล้วว่าไปทำกันอีกท่าไหนถึงได้ตรวจเจอแต่ยังเป็นโชคดีของเขาที่ยั้งปากทันเสียก่อน เขาไม่ได้นั่งเครื่องบินมาเกือบสิบหกชั่วโมงเพื่อมาทะเลาะกับเพื่อนตัวเล็กหรอกนะ

“ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ทุกอย่างจะโอเค” เพียงอลันด์จับมือเขาไว้และยิ้มอ้อนคล้ายจะขอคืนดีมาให้โธมัสก็แทบจะลืมความโกรธเคืองไปทั้งหมด เล่นน่ารักเสียขนาดนี้อยากรู้นักว่ามีใครใจร้ายจะโกรธลง

เขายกมือข้างว่างใช้นิ้วโป้งลูบแก้มใสนุ่มนิ่มเบาๆ “นายต้องผ่าตัดอะไรไหม หรือต้องกินยาเป็นกำมือ”

“คุณหมอบอกว่าไม่ต้องผ่าแต่เป็นการสวนหัวใจแทนน่ะ อาจจะต้องนอนโรงพยาบาลสักคืนสองคืน” พอเห็นว่าเพื่อนรักที่ลงทุนบินมาจากเยอรมันไม่โกรธแล้วเขาก็ยิ้มตาหยี ยอมเอียงใบหน้าเข้าหาฝ่ามือใหญ่รับความอบอุ่นคุ้นเคยจนสาวน้อยสาวใหญ่ในร้านหน้าหงิกหน้าหงอด้วยความเสียดายพร้อมติดแฮชแท็ก #ชะนีเจ็บใจแต่หนุ่มหล่อเจ็บตูด กันรัวๆ

“โอ้ว แล้วมันจะเสร็จเมื่อไหร่” โธมัสถามเสียงเบา จงใจไล้ปลายนิ้วโป้งสากๆ บนผิวแก้มเนียนนุ่มพอให้คนถูกกระทำจั๊กจี้จนหลุดหัวเราะออกมา

“คิกๆ ประมาณกลางเดือนหน้า ฉันนัดวันไว้แล้วล่ะ ถ้านายยังมีเวลาว่างมากพอจะมาก็ได้นะ”

“ฉันจะมาให้ได้” ยามกล่าวเขาใช้ตาสีฟ้าจับจ้องที่เพื่อนตัวเล็กแทนความในใจทั้งหมด เขาจะไม่ยอมให้อลันด์ต้องผ่านความเจ็บปวดนี้ไปคนเดียวแน่

“ขอบคุณมากนะทอม นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตของฉันจริงๆ”

คนินทร์ยิ้มหวานตาปิดให้กับบทสรุปของสองเพื่อนซี้ต่างไซส์ยามยกนมเย็นขึ้นดูดอีกอึกใหญ่ หลีกสายตาไม่มองเด็กฝรั่งสองคนแสดงความรักต่อกันไม่เกรงใจเพื่อนร่วมโต๊ะอย่างเขาอีกแล้ว

เฮอะ! นอกจากต้องทนดูละครรักโอเวอร์แอคติ้งหวานเลี่ยน ชีวิตกูแม่งยังเศร้ายิ่งกว่าตัวประกอบอดทนอีกเหอะ!!!



TBC

มีใครคิดถึงทอมบ้างคะ ยกมือหน่อยเร็ววว (ฮา)
คาดว่าหลายคนคงคิดถึงพระรองอย่างเจมส์มากกว่าเนอะ
แต่เราชอบทอมนะคะ รักนางมากรองจากพี่วาน้องอัลเลย เพราะนางหล่อ #ผิดๆ
มารอติดตามกันดีกว่าค่ะว่าตอนหน้าทอมมี่สุดหล่อของเราจะป่วนพี่วาและน้องอัลระดับไหน

แล้วเจอกันค่ะ จุ๊บๆ
 :mew1:

ปูลู แจ้งข่าวก่อนว่าช่วงนี้งานที่ออฟฟิซเราค่อยข้างยุ่งมาก(ไปจนถึงกุมภาปีหน้าเลย) คงทำให้ไม่มีเวลามาแอบอัพวันธรรมดาได้
แต่จะพยายามอัพทุกสัปดาห์ช่วงเสาร์อาทิตย์นะคะ ^^

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อัลจะโดนทอมโหดใส่อีกมั้ยหว่ารอบนี้

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
ทอมมา!!!   อย่าป่วนนะทอม ห้ามมาทำอะไรอัลด้วย ตอนนี้อัลเป็นของหมอวา   นี่ละหวั่นใจ~~~~

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด