เสียงโทรศัพท์บ้านกรีดร้องขึ้นท่ามกลางความเงียบและอากาศเย็นเฉียบจากแอร์คอนดิชั่น กองผ้านวมบนเตียง ขยับหยุกหยิกก่อนที่กลุ่มผมสีช็อกโกแลตนมจะโผล่ออกมาพร้อมท่อนแขนขาวเพรียว มือหยาบปัดป่ายไปทั่วจนจับวัตถุส่งเสียงรบกวนการนอนขึ้นมาได้แล้วดึงมันตามเข้าไปในผ้านวม อลันด์รับสายด้วยเสียงแหบแห้งจนตัวเองยังรู้สึก
ไม่รู้เป็นเพราะเพิ่งตื่นหรือเพราะเมื่อคืนร้องมากไป“Hello?”
‘สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นรีเชปชั่นของคอนโดนะคะ ขออนุญาตเรียนลูกบ้านห้อง 2111 ให้ทราบว่ามีแขกชาวต่างชาติสองท่านมาติดต่อขอพบค่ะ’
“อะแฮ่มๆ อ่า...ครับ ใครหรือครับ” เจ้าตัวกระแอมเล็กน้อย แต่เสียงก็ยังแหบอยู่ดีเลยปล่อยช่างแม่ง
‘สักครู่นะคะ’ อลันด์พาตัวเองตะกายขึ้นมาจากกองผ้าห่ม มือข้างหนึ่งขยี้ตาเบาๆ พลางอ้าปากหาวหวอดระหว่างรอคำตอบก่อนจะตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อนามสกุลเพื่อนสองคนลอยเข้าหู ‘มิสเตอร์กริฟฟิธส์และมิสเตอร์สเปนเซอร์ค่ะ’
“Holy shit!!! Oops! So sorry” ไอ้ที่สะลึมสะลือเมื่อครู่กลายเป็นตื่นเต็มตา กระเด้งขึ้นมานั่งลืมดูสภาพบั้นเอวตัวเอง หลุดร้องโอ๊ยลอดหูโทรศัพท์ดังลั่น “บอกเขาทีว่ารอสิบนาทีเดี๋ยวผมลงไปรับ”
‘ได้ค่ะ’
อลันด์แทบเขวี้ยงหูโทรศัพท์คืนแป้น ร่างผอมกลิ้งลงจากเตียงสภาพล้มลุกคลุกคลาน พอลุกได้ก็รีบวิ่งเขย่งขาเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองแบบเร่งด่วนทั้งที่ยังเจ็บสะโพกและก้นจากการเล่นเพลย์เป็นคุณหมอจอมหื่นกับพยาบาลสาว(?)ยั่วสวาทค่อนคืน บวกกับตอนตีสี่ทิวากานต์เกิดคึกขึ้นมาตั้งแต่ตื่นนอนจับเด็กฝรั่งหม่ำเป็นอาหารเช้าทั้งที่ตาสีฟ้ายังลืมไม่ขึ้นด้วยซ้ำ พอกินเสร็จหมอศัลย์โรคจิตต้องรีบออกไปทำงาน ปล่อยซากอาหารหมดแรงสลบคาเตียงไว้สภาพไหนสภาพนั้น ทิ้งอลันด์นอนล่อนจ้อนท่อนล่างเสื้อไม่ติดกระดุมตั้งแต่ตีสี่! ไม่เป็นหวัดไปก่อนก็บุญแค่ไหนแล้ว!!!
ยังดีว่าเมื่อเช้าคุณหมอใส่ถุงไม่ต้องเสียเวลามาล้วงมาล้างข้างล่างอีกรอบ เขาอาบน้ำสระผมถูสบู่จนมั่นใจว่าสะอาดเอี่ยม ก่อนวิ่งออกมาเช็ดตัวลวกๆ เลือกเสื้อแขนยาวมีฮู้ดรูดซิปปิดถึงคอกับกางเกงขาสั้นตัวหนึ่งใส่ได้ก็วิ่งหัวเปียกลงไปรับเพื่อนซี้ที่ล็อบบี้ด้านล่าง ทิ้งอุปกรณ์ประกอบกิจกรรมเล่นเพลย์เรี่ยราดไว้ทั่วห้องนอน กะไว้ว่าค่อยหาเวลาแอบมาเก็บไม่ก็พาเพื่อนไปที่อื่นจนกว่าทิวากานต์จะเลิกงานกลับมาจัดการเอง
โธมัสและเจมส์ยังคงดูดีระดับวัวตายควายล้มแม้จะใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงสามส่วนและรองเท้าแตะธรรมดามากถึงมากที่สุด แต่อลันด์แอบเทคะแนนให้เพื่อนซี้มากกว่าเพราะนับตั้งแต่รับจ๊อบเป็นนายแบบเจ้าตัวดูจะมีออร่าเซเลปฟุ้งกระจาย ผมสีทองที่เคยไว้ยาวถึงบ่าปล่อยตามมีตามเกิดก็ถูกตัดแต่งเป็นทรงวินเทจอันเดอร์คัตเหมือนทิวากานต์อย่างกับถอดแบบกันมา(และดูเหมือนจะสีเข้มขึ้นคงไปทำสีมาแน่ๆ) ถึงอย่างนั้นเจ้าหมาขนทองรูปหล่อตัวโตดูหงุดหงิดและปล่อยรังสีน่ากลัวออกมาระหว่างใช้ตาสีฟ้าเข้มตวัดมองเด็กตัวเปี๊ยกเขม็ง เล่นเอาเจ้าบ้านชะงักเท้าไม่กล้าเข้าไปหา
“สวัสดีอัล”
คนถูกเรียกหันไปมองตาสีเขียวๆ ของเจมส์ก่อนยกมือโบก อลันด์เดินห่อไหล่เข้าไปหาทั้งคู่เหมือนคนทำผิด เขากระแอมเรียกเสียงในคอสองสามทีแล้วทักกลับแหบแห้ง “หวัดดี”
“ รีบมากใช่ไหม หัวนายยังเปียกอยู่เลย”
“กลัวพวกนายรอนานน่ะ แบบว่าเพิ่งตื่น แล้ว...พวกนายมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่บอกก่อน ฉันเลยไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย”
“สอบเสร็จเมื่อเย็นก็ตีตั๋วมาเลย กะว่าจะเซอร์ไพรส์ไม่คิดว่าจะได้เจอเอง” อดีตกัปตันรักบี้กอดอกว่าเสียงเรียบ เขากดสายตาลงต่ำดูเพื่อนซี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า “แอร์ที่ห้องเสียอีกหรือไงถึงต้องไปนอนห้องด็อกเตอร์วา”
“เฮ้...เดี๋ยวสิ พวกนายรู้ได้ไงว่าฉันไปนอนห้องเขา” เด็กหนุ่มถามเสียงตื่นพยายามทำตัวไม่ให้มีพิรุธแต่กลับกรอกตามองเจมส์ทีโธมัสที
เหมือนจะถามโง่ไปหน่อยหนุ่มผมทองจึงมีท่าทีจะกินหัวเสียให้ได้
“พวกฉันมาถึงนี่ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า โทรเข้ามือถือนายไม่ติด ให้รีเชปชั่นโทรขึ้นไปบนห้องนายก็ไม่มีคนรับ นึกว่านายหายตัวไปด้วยซ้ำ แต่เจมส์บอกให้ไปเก็บของที่โรงแรมก่อนเผื่อบางทีนายอาจจะยังไม่ตื่น ฉันโทรไปหาด็อกจะถามเรื่องนายเขาก็บอกนายว่ายังนอนอยู่ที่ห้องนั่นแหละ พอสิบเอ็ดโมงฉันกลับมาก็ยังเหมือนเดิมเลยลองให้เขาโทรเข้าห้องด็อกดูถึงได้รู้ไงล่ะว่านายไปสิงอยู่ห้องเขาตั้งแต่เมื่อคืน!”
โดนจับได้ขนาดนี้อลันด์ได้แต่ยืนสะอึกทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน “ก็มือถือมันแบตหมด อีกอย่างฉันจะไปนอนห้องใครแล้วมันยังไงกันเล่า”
“ไม่อะไร แค่ได้รู้ว่านายกับด็อกสนิทกันดีนี่ ไปนอนด้วยกันกี่ครั้งแล้วล่ะ”
“ทอม!”
“เอาน่าๆ สนิทกันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง อัลต้องอยู่ที่นี่อีกนาน จะมีเพื่อนสนิทเพิ่มบ้างจะเป็นไรไป” เป็นเจมส์ที่เอ่ยขัดขึ้นมาก่อนสองเพื่อนรักต่างไซส์จะตีกัน แน่นอนว่าโธมัสมีท่าทีฮึดฮัดแต่ยอมหุบปากมองหนุ่มโปโลทีมชาติยิ้มหวานดึงมือคนตัวเล็กสุดมาจับ “ฉันหิวแล้วไปหาอะไรกินกันดีกว่า อัลมีร้านอะไรแนะนำไหม ชักเบื่ออาหารไทยแบบในโรงแรม อยากลองใช้ชีวิตแบบคนพื้นที่บ้าง พาฉันไปหน่อยนะ”
“อ่า ได้ งั้นรอแป๊บนะ เดี๋ยวฉันขับรถพาเที่ยวเอง” อลันด์กระชากมือกลับหาตัวเนียนๆ เอามาเกาแก้มแก้เขินไม่ให้ดูเสียมารยาท เกือบลืมไปแล้วว่าเจมส์แอบชอบตัวเองอยู่ เห็นดีด้วยหน่อยทำเนียนหลอกจับเนื้อจับตัวอยู่เรื่อย
คนตัวเล็กสุดสั่งทั้งคู่ให้รออยู่ที่เดิมก่อนวิ่งขึ้นลิฟต์ไปเอากระเป๋าเงิน โทรศัพท์กับกุญแจรถ แล้วยังเปลี่ยนกางเกงเป็นขายาวทั้งที่เพิ่งใส่ตัวเดิมได้ไม่ถึงสิบนาทีดี
ลงมาอีกทีก็พาเพื่อนจากอังกฤษทั้งสองคนขึ้นรถขับพาไปหาร้านอาหารอร่อยๆ ที่ห้างเก่าไม่ไกลมหาวิทยาลัยเป็นมื้อเที่ยง เด็กลูกครึ่งแนะนำให้สองหนุ่มลองชิมก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่กินคู่กับซอสพริกรสหวานอมเปรี้ยวเป็นอันถูกอกถูกใจชาวต่างชาติแท้ๆ ทั้งคู่จนร้องขอจานสองกันเสียงดังลั่น แต่กระนั้นยังไม่พอเติมเต็มกระเพาะนักกีฬาตัวใหญ่ได้ เมนูผัดกะเพราไข่ดาวแบบเผ็ดน้อยจึงถูกเสิร์ฟเป็นจานถัดมา
โธมัสหน้าแดงแจ๋ตอนตักกะเพราคลุกข้าวมีไข่แดงเยิ้มๆ เข้าปากเคี้ยวตุ้ย อลันด์อมยิ้มมองหากระดาษทิชชูมาช่วยซับเหงื่อบนหน้าแล้วค่อยเอานิ้วเขี่ยเศษข้าวที่ติดเคราสีอ่อนให้
“เผ็ดแต่อร่อยมาก” หนุ่มฝรั่งที่ปัจจุบันมัดผมเป็นจุกไว้กลางศีรษะคอมเมนต์ เขาทำท่าจะสั่งเพิ่มอีกจานแต่โดนเบรกไว้เก็บท้องไปกินขนมหวานบ้าง
ตาสีซีดหันมามองดูเจมส์ หนุ่มนักกีฬาคนนี้มีสภาพไม่ต่างจากคนแรกเท่าไหร่ ปากบางสวยบวมเป่งและขึ้นสีจัด ดูท่าเผ็ดเอาเรื่องแต่เจ้าตัวไม่บ่นว่าอะไรสักคำเห็นยังกินเอร็ดอร่อย จะมีก็แต่ตาสีเขียวมรกตที่มองสบกลับมาสลับกับกระดาษทิชชูในมือคล้ายจะอ้อนให้อลันด์ทำเหมือนกับโธมัสบ้าง แล้วเรื่องอะไรที่อลันด์จะหาเรื่องใส่ตัวเพิ่มให้ปวดหัว มือเล็กแค่จับยัดทิชชูใส่มืออีกฝ่ายให้ไปเช็ดดูแลตัวเองตามมีตามเกิด
เสร็จจากตรงนี้คนตัวเล็กสุดก็พาทั้งคู่ไปเดินดูขนมหวานที่ชั้นล่าง โธมัสดูอารมณ์ดีขึ้นมากเมื่อเห็นอลันด์เอาอกเอาใจเขาด้วยการแนะนำให้ลองชิมขนมไทยหลายๆ อย่าง ทั้งลูกชุบ อาลัว ขนมตระกูลทอง ขนมชั้น กลีบลำดวน อื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าลองหมดทุกร้านที่เดินผ่าน สองมือหิ้วถุงขนมจนล้น
สักบ่ายสองอลันด์จึงชวนเพื่อนไปเดินเล่นที่ห้างใจกลางเมืองเป็นการย่อย ตอนแรกว่าจะให้กินมื้อเย็นกันที่นี่เลยแต่คิดไปคิดมาให้พวกนี้ได้ลองอาหารไทยแบบครอบครัวฝีมือทิวากานต์น่าจะดีกว่าจึงหยิบโทรศัพท์ที่ชาร์จไฟเรียบร้อยแล้วส่งข้อความไปบอกอีกฝ่าย
ระหว่างรอข้อความตอบกลับ อลันด์พาสองหน่อเดินเรื่อยเปื่อยก่อนไปจบที่ร้านน้ำแข็งไสสไตล์เกาหลีหวานเย็นสดชื่นถึงใจดับร้อนได้ดีนัก ทำเอาสองหนุ่มที่ใส่เสื้อกล้ามแทบร้องไห้ด้วยความดีใจ อากาศเมืองไทยไม่ปราณีฝรั่งตัวโตๆ มีพื้นที่ผิวหนังมากกว่าชาวบ้านสองคนเลย
“แน่ใจนะว่านี่ฤดูหนาวแล้ว โกหกกันชัดๆ” หนุ่มผมทองวิจารณ์ตรงไปตรงมา มือตักมะม่วงสุกผสมกับน้ำแข็งไสรสนมเข้าปากเคี้ยวแล้วทำหน้าเคลิ้ม “นอกจากโนมเยนแล้วก็มีไอ้นี่แหละที่ฉันรักมากที่สุด”
เด็กลูกครึ่งเงยหน้ามองคนพูดก่อนแค่นยิ้ม อดเห็นด้วยกับอีกคนไม่ได้แม้ว่าตอนนี้จะรู้สึกหนาวจนต้องห่อตัวกับเสื้อแขนยาว ไม่รู้แอร์ในร้านเย็นไปหรือเขากำลังไม่สบายกันแน่
“อัลหนาวเหรอ” คนถูกถามส่ายหัวพึมพำตอบกลับเสียงเบาว่านิดหน่อย แต่คนถามนิ่วหน้าไปแล้ว “หน้าซีดด้วยนะ ไม่สบายหรือเปล่า เสียงก็ไม่ค่อยมี แล้วฉันก็สังเกตมาสักพักแล้วว่านายเดินแปลกๆ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“นั่นสิ นายตื่นซะเกือบเที่ยง ฉันจำได้นะว่านายไม่ใช่คนขี้เกียจนอนติดเตียง หรือว่าอาการโรคหัวใจนั่นไม่ค่อยดี ไปหาหมอไหม”
“ไม่ๆ ทุกอย่างโอเค แค่เพลีย แบบว่า...เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน มัวแต่ทำนู่นทำนี่รู้ตัวอีกทีก็จะเช้าแล้ว แถมตอนตื่นยังรีบลงไปหาพวกนายเลยเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย...กลิ้งตกเตียงน่ะ” คนตัวเล็กสุดทำเป็นพูดไปหัวเราะไปขณะมองโธมัสกลับไปจ้วงกินน้ำแข็งถ้วยใหญ่คนเดียวแทบไม่แบ่งใคร หันไปข้างๆ เจอเจมส์ยิ้มหวานมองมาด้วยสายเป็นห่วงก็ต้องรีบดึงสายตาหนีก่อนจะออกอาการเขินให้อีกคนจับได้ แต่ก่อนกัดกันแทบตายตอนนี้แค่มองหน้ายังรู้สึกเขิน ไม่ได้เขินแบบที่เป็นกับทิวากานต์แต่ออกแนววางตัวไม่ถูกมากกว่า
“แล้วตอนนี้อาการเป็นไงบ้าง ยังต้องไปหาหมออยู่หรือเปล่า” หนุ่มอังกฤษถามพลางลูบหลังมือขาวที่วางอยู่บนโต๊ะ อลันด์แอบเห็นโธมัสเหลือบมามองนิดหน่อยก่อนกลับไปสนใจน้ำแข็งไสต่อ
“ปกติดีแล้วล่ะ แต่หมอนัดเรื่อยๆ ก่อนปีใหม่ก็มีนัดอีก คงพักใหญ่เลยกว่าจะเดินทางไกลได้”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันมาหาเอง นี่นัดกับทอมไว้ว่าสอบเสร็จให้มาเจอกันที่ลอนดอนก่อนค่อยบินมาหานาย แต่หมอนั่นเป็นห่วงนายมากกว่าฉันเสียอีก ตอนแรกจะบินตรงจากมิวนิคมาก่อนด้วยซ้ำ”
หมอนั่นเงยหน้าขึ้นจากถ้วยน้ำแข็งไสใช้ตาสีฟ้าสวยมองเพื่อนสองคนคนละที “อยากรีบมาหาไง ตอนนั้นผิดสัญญาไปทีที่ไม่ได้อยู่ด้วยตอนผ่าตัด แต่ตอนนี้เห็นมีความสุขดีก็...โอเค๊”
“อ่า ขอบคุณ...ทั้งสองคนนั่นแหละ” เด็กหนุ่มลูกครึ่งอ้อมแอ้มบอก
อลันด์งับช้อนเงินเงาวับขณะลอบมองเพื่อนซี้กินน้ำแข็งไสเหมือนสูบ จู่ๆ ก็มีความคิดว่าถ้าบรรยากาศดูเป็นใจแบบนี้จะลองบอกความสัมพันธ์ระหว่างเขากับทิวากานต์ให้รู้ดีไหมนะ โธมัสคงโกรธเขานิดหน่อย แต่สู้บอกไปตอนนี้ดีกว่าเก็บไว้จนอีกฝ่ายมารู้อีกทีหลังน่าจะดีกว่า อีกอย่างอยู่ในที่สาธารณะอย่างนี้เพื่อนซี้เขาคงไม่กล้าอาละวาดหรอกมั้ง
“เอ่อ...ทอม ฉันมีเรื่องจะบอกล่ะ” พอตัดสินใจได้แล้วจึงทำเป็นหยั่งเชิงเรียกเพื่อนซี้ดู อีกฝ่ายก็เงยหน้าจากน้ำแข็งไสสุดรักขึ้นมาจ้องตา
“อะไรล่ะ”
“เอ่อ...” พอจะพูดดันพูดไม่ออกซะงั้น เด็กหนุ่มเอ่ออ่าอยู่นานจนเจ้าของคิ้วสีทองขมวดเข้าหากันบอกอารมณ์เจ้าตัวที่เริ่มขุ่นมัวจนอลันด์กลืนน้ำลายลงคอดังอึก
“ว่าไง มีอะไรก็พูดสิ อ้ำอึ้งไม่สมเป็นนายเลยนะ”
“คือว่าฉันกับวา... เอ่อจะช่วยกันทำอาหารเย็น ใช่ ฉันเป็นลูกมือเขาเสมอนั่นแหละ ชอบโดนใช้ให้ปลอกหอมน้ำตาไหลพรากทุกที เดี๋ยวนี้อัพเกรดได้หั่นแครอทแล้วนะ หั่นเป็นลูกเต๋าได้ด้วย อะเมซิ่งไหม”
“สำหรับคนที่ทำเป็นแค่ทอดไข่ดาวอย่างนายก็น่าแปลกใจอยู่ล่ะ” โธมัสให้ความเห็นเรียบๆ ก่อนพูดขึ้นมาอีกประโยค “จะเป็นอะไรไหมถ้าฉันจะสั่งไอ้นี่อีกสักถ้วย”
“เดี๋ยวก็ท้องเสียหรอก นายคงไม่อยากใช้วันหยุดปิดเทอมไปกับห้องน้ำใช่ไหมทอม” เจมส์ปราบเสียงเรียบ แม้ใจเขาอยากสั่งมาอีกถ้วยเหมือนกันก็ตาม
“นั่นดิ กินหรือสูบวะเนี่ย ไม่กลัวหุ่นสวยๆ จะเสียบ้างหรือไง เห็นว่าอาชีพนายแบบกำลังรุ่งไม่ใช่เหรอ” อลันด์แกล้งทำเป็นต่อยไปที่หน้าท้องขึ้นกล้ามแข็งเป็นลอนโชว์สัดส่วนชัดเจนผ่านเสื้อกล้ามสีขาวตัวบาง แค่สัมผัสเบาๆ ยังรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งอย่างเพศชายทะลักออกมาเต็มเปี่ยม
“แค่นี้ไม่สะเทือนหรอกน่า อัลอิจฉาหุ่นสวยๆ ของฉันล่ะสิ บอกแล้วว่าให้หัดเข้ายิมบ้างไม่ใช่เข้าแต่สตูดิโอ”
“ไม่ใช่พวกบ้ากล้ามสักหน่อย อ๊ะ วาส่งข้อความมา แป๊บนึงนะ วาบอกให้พวกเราช่วยกันซื้อของสดไปที่ห้องด้วย เดี๋ยวตอนเย็นเขากลับมาจะได้ทำเลย”
“ดีสิ ว่าแต่นายเคยจ่ายตลาดไหมเจมส์”
“คิดว่าเคยไหมล่ะ”
คุณชายนักกีฬาสบตากันเงียบๆ แล้วพร้อมใจกันหันมองคนตัวเล็กสุดในกลุ่ม รู้จักกันมาหลายปีทำไมจะไม่รู้ว่าคุณหนูของแท้ตั้งแต่เกิดสกิลงานบ้านงานครัวต่ำเตี้ยสุดก็คนตาสีฟ้าซีดนี่แหละ
“ไหงมองกันอย่างนั้นล่ะ ฉันบอกแล้วไงว่าอัพเกรดแล้ว เรื่องจ่ายตลาดน่ะจิ๊บๆ วาเทรนมาดี นี่เข็นรถตามตลอด รู้หมดแหละว่าใช้อะไรบ้าง” ทั้งที่บอกไปด้วยความมั่นใจแต่ไหงถึงได้สายตาไม่ไว้วางใจแบบนั้นกลับมา “เฮ้ๆ เชื่อใจกันหน่อยดิ๊ นี่ลูกมือเชฟวาเลยนะ ไม่อยากจะอวด”
“อ่านะ...จะพยายามเชื่อก็ได้” โธมัสพูดเสียงขึ้นจมูกก่อนหันไปหัวเราะกับเจมส์ ปล่อยให้ลูกมือเชฟวานั่งฮึดฮัดขัดใจคาดโทษสองหน่ออยู่คนเดียว
เดี๋ยวเถอะจะโดนพริกยัดปาก!เมนูที่ทิวากานต์หมายมั่นจะให้แขกต่างชาติจากเกาะอังกฤษเป็นอาหารบ้านๆ อย่างที่ทำกินกับอลันด์ทุกเย็นแต่มั่นใจได้ว่าตามโรงแรมชื่อดังไม่มีแนะนำให้นักท่องเที่ยวได้ลองหรอกเพราะง่ายเกินไป ใครๆ ก็ทำกินกัน มีทั้งผัดผักน้ำมันหอยพื้นๆ ไข่ตุ๋นฟักทอง ปลาทูทอดราดขิง หมูสามชั้นผักพริกขิง ต้มจับฉ่ายกะหล่ำปลี และปลาเก๋าต้มยำ
รายการอาหารยาวน่ากลัวจะกินกันไม่หมดด้วยเยอะกว่าปริมาณปกติถึงสามเท่า หากเมื่อนึกถึงขนาดตัวและกระเพาะของโธมัสและเจมส์ที่พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วหลายครั้ง อลันด์เชื่อว่าแค่นี้ไม่ทำให้นักกีฬาบ้าพลังอิ่มกันได้หรอก ตอนที่เข็นรถซื้อของกันจึงแอบหยิบไส้กรอกรมควันหนักหนึ่งกิโลติดมือมาด้วย
เกือบห้าโมงเย็นเด็กฝรั่งสามคนถึงฝ่าการจราจรอันติดขัดกลับมาถึงคอนโดมิเนียมย่านใจกลางธุรกิจของกรุงเทพได้สักที สองมือหิ้วของสดเดินพูดคุยกันมาตลอดทางตั้งแต่ลานจอดรถถึงชั้นที่ 21 ต้องขอบคุณพนักงานของห้างที่ช่วยให้คำแนะนำเลือกซื้อของ พวกเขาเลยได้ทุกอย่างสำหรับมื้อเย็นนี้ครบถ้วน รวมไปถึงข้าวสารหอมมะลิแท้ 100% ขนาดห้ากิโลกรัมบนบ่าโธมัส
“ให้ตายเถอะ ฉันรู้สึกเหมือนเป็นกรรมกรยังไงชอบกล ด็อกต้องหาเรื่องแกล้งกันแหงๆ ถึงให้ซื้อของเยอะแบบนี้” หนุ่มผมทองตาสีฟ้าเข้มบ่นเป็นหมีกินผึ้งตั้งแต่ลงจากรถ มองไปมองมาก็เหมือนกรรมกรแบกหามอย่างที่เจ้าตัวว่าจริงๆ เพียงแต่คงเป็นกรรมกรที่หล่อที่สุดในโลกก็เท่านั้น
“ใครใช้ให้พวกนายกินกันเยอะล่ะ ถ้ากินเหมือนที่คนปกติกินกันก็ไม่ต้องซื้อของเยอะขนาดนี้หรอก”
“เรามันวัยกำลังโตต้องใช้พลังงานเยอะนะอัล จะให้กินเท่าอาหารแมวหนึ่งซองอย่างนายได้ยังไงกัน”
“จะบอกว่าฉันหยุดโตแล้วงั้นสิ ใช่ไหมเจมส์?”
“ฉันยังไม่ได้พูดแบบนั้นสักคำ นายร้อนตัวไปเองนะ” เจมส์หัวเราะคิกใช้ตาสีมรกตมองคนเดินนำหน้าตัวเท่าอกด้วยความเอ็นดู อยากจะบอกว่าไม่ต้องโตแล้วตัวแค่นี้กำลังดี อุ้มง่ายน่ากอดสุดๆ
หนุ่มนักกีฬาหันมายิ้มสบตากันเงียบๆ อย่างรู้กันก่อนรีบสาวเท้าตามเจ้าถิ่นที่งอนเดินหนีไปแล้ว
“เราไม่ใช้ครัวห้องนายหรอกเหรอ” คนตัวโตสุดถามด้วยความสงสัยหลังเดินตามอลันด์มาหยุดที่ห้อง 2111 ฝั่งตรงข้าม
“เอ่อ... ครัวห้องวาดีกว่านะ ครัวที่ห้องฉันไม่ค่อยได้ใช้น่ะ อีกอย่างห้องวามีของครบกว่า” เจ้าตัวตอบอย่างนั้นก่อนจิ้มรหัสเข้าห้องเร็วๆ วิ่งตื๋อเอาถุงของสดไปวางบนโต๊ะกินข้าวแล้วตะโกนบอกให้เพื่อนเอาของไปไว้ในครัว ส่วนตัวเองก็วิ่งขึ้นไปบนห้องนอน จัดการล็อคประตูลงกลอนเรียบร้อยแล้วเริ่มจัดการเก็บกวาดอุปกรณ์ประกอบการเล่นรักเมื่อคืน
เพียงห้านาทีอลันด์ก็เดินหอบแฮ่กหน้าแดงลงมาจากชั้นบน ไม่รู้ว่าทิวากานต์เก็บกล่องใส่พวกบรรดาหูแมวต่างๆ ไปหรือยัง ก่อนพบคำตอบชวนเป็นลมล้มกลิ้งลงบันไดเมื่อเจอเพื่อนทั้งสองหยิบเอาที่คาดผมหูแมวมาสวมเล่นกันสนุกสนาน
จะบ้าตาย... “ทำอะไรกันน่ะ”
“อ้าวอัล ดูนี่ดิ น่ารักป่ะ” โธมัสที่สวมหูแมวสีส้มหันมาทำหน้าตาบ๊องแบ๊วใส่ คงน่ารักดีอยู่หรอกถ้าเปลี่ยนจากหนุ่มกล้ามล่ำหัวเกรียนเป็นสาวน้อยบอบบางสักคน
“ทุเรศลูกตามาก ถอดออกเหอะ”
“ร้ายกาจ” หนุ่มร่างยักษ์เบ้ปาก ไม่ยอมถอดหูแมวออกแถมยังหยิบสีดำจากในกล่องมาอันหนึ่งเดินตรงดิ่งมาหาอลันด์ “นายก็ใส่ด้วยสิ”
“ไม่เอาน่า แล้วนี่ไปเอามาจากไหน รื้อของวาเล่นเดี๋ยวก็โดนกินหัวหรอก”
“เห็นวางอยู่ใต้บันได ไม่ยักรู้ว่าด็อกมีรสนิยมแบบนี้แหะ ฮ่าๆๆ”
“ของมัมมี้วาล่ะมั้ง วาจะเอาหูแมวพวกนี้ไปทำอะไร ไม่ใช่พวกบ้าการ์ตูนสักหน่อย” อลันด์แก้ตัวแทนคนรักทั้งที่สิ่งที่โธมัสพูดมาล้วนเป็นความจริงทุกอย่าง
ร่างเล็กดิ้นปัดๆ ย่นคอหนีมือใหญ่ที่พยายามยัดเยียดหูแมวสีดำแม้จะถูกอีกฝ่ายจับล็อคคอแน่น แต่แล้วคนตัวบางแรงน้อยจะไปสู้อะไรกับอดีตกัปตันรักบี้ได้ เด็กหนุ่มหน้ายู่ตอนเห็นหูแมวบนหัวตัวเองผ่านเงาสะท้อนกระจกนึกดีใจที่ไม่ถูกรัดคอตายไปก่อน
“อา... ไอ - ซี” เจมส์ครางเบาๆ บนหัวสีน้ำตาลเข้มก็มีหูแมวสีเดียวกันประดับอยู่ กลายเป็นแก๊งแมวเหมียวสามตัวไปเสียได้
หลังเล่นกันจนพอใจแมวยุโรปสามตัวจึงไปช่วยกันเรียงของสดใส่ตู้เย็น ของแห้งวางบนชั้นตามที่เก็บ รอคุณหมอกลับมาจัดการมื้อเย็นให้
“ด็อกจะกลับมาถึงกี่โมงน่ะ”
“ถ้ารถไม่ติดก็สักหกโมงครึ่ง อย่าบอกนะว่าพวกนายหิวกันอีกแล้ว” อลันด์บ่นปอดแปด ตาสีฟ้าซีดมองเพื่อนตัวใหญ่เอือมๆ ทำไมเวลาเขากินเยอะไม่เห็นจะตัวยืดตัวใหญ่แบบนี้บ้าง มีแต่ออกข้างออกพุง ไม่ยุติธรรมที่สุด
“ถ้ามีขนมกินรองท้องไว้น่าจะดีกว่าไม่ใช่หรือไง ฉันบอกแล้วว่าเราอยู่ในช่วงกำลังโตน่ะ”
โธมัสให้เหตุผลได้น่าเอาเท้าไปยันสักที สุดท้ายก็พากันกระเตงลงไปหาซื้อขนมถุงกันที่ร้านสะดวกซื้อด้านล่างทั้งที่ยังมีหูแมวบนหัว เพราะโธมัสขู่ทุกคนห้ามถอดเด็ดขาดถ้าไม่อยากโดนอัดเข้ากับกำแพง รู้ทั้งรู้ว่าไอ้หมายักษ์พูดไปงั้นแต่ไม่มีใครกล้าเสี่ยงขัดใจ
สองหนุ่มผู้มาเยือนหอบเลย์รสชาติที่มีเฉพาะในไทยเต็มสองแขน ไม่นับรวมพวกขนมยี่ห้ออื่น ช็อกโกแลตแปรรูปแบบต่างๆ รวมไปถึงโคอาล่ามาร์ชกล่องใหญ่ ซื้อทีกะว่าตุนไว้กินถึงเดือนหน้าแต่เชื่อเหอะไม่พ้นพรุ่งนี้ก็หมดเกลี้ยง
หากแทนที่จะเดินกลับขึ้นห้องเลยเจมส์ออกไอเดียชวนทุกคนไปนั่งกินขนมตรงสระน้ำที่อลันด์กับทิวากานต์เคยลงไปเล่นมาแล้ว ดอกบัวชูช่ออวดดอกสวยทั้งที่ฟ้าใกล้มืดเต็มที ลมพัดโกรกเป็นระยะช่วยเด็กฝรั่งทั้งสามไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป
“อากาศดีเนอะ” หนุ่มตาสีเขียวเปรยเบาๆ เอนร่างสูงใหญ่ลงนอนบนขอบปูน “ถ้ามีดนตรีสักหน่อยคงดีไม่น้อย”
“นั่นสินะ เดี๋ยวฉันขึ้นไปเอาแล้วกัน นายสองคนรอนี่ล่ะ” อลันด์พยักหน้าเห็นด้วยก่อนลุกขึ้น เขาหันไปมองเพื่อนซี้งงๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายลุกตาม
“เดี๋ยวไปช่วยยก”
“ฉันถือเองได้ นายอยู่นี่กับเจมส์เถอะ”
“จะไปด้วย” โธมัสตัดบทด้วยการเดินนำหน้าคนตัวเล็กกลับเข้าไปในตึก ทิ้งเจ้าถิ่นยืนถอดหายใจหน่ายๆ อลันด์สบตากับเจมส์คล้ายขอความเห็น พออีกคนบุ้ยคางบอกให้รีบตามอดีตกัปตันชมรมรักบี้ไป ร่างเล็กถึงยอมก้าวเท้าเดินตามแผ่นหลังกว้าง
สองเพื่อนรักต่างไซส์เดินเคียงกันออกมาจากลิฟต์เงียบๆ จนถึงโถงทางเดินระหว่างหน้าห้อง 2111 กับห้อง 2112 อลันด์ชะงักเท้ายืนนิ่งไปครู่นึกในใจว่าเก็บกีตาร์มาร์ติน รุ่น M36 ไว้ที่ห้องไหนแล้วค่อยยื่นนิ้วจิ้มรหัสปลดล็อคที่หน้าห้องตัวเอง “ไม่ต้องเข้ามาก็ได้นะ ฉันเข้าไปหยิบแป๊บเดียว” บอกแบบนั้นแล้วเดินเข้าห้องแต่เปิดประตูทิ้งไว้
ของที่ต้องการวางอยู่ในกล่องใต้บันได ร่างเล็กจึงย่อตัวนั่งคุกเข่าหยิบเพียงเครื่องดนตรีออกมา เมื่อได้ของที่ต้องการจึงปิดฝากล่องเรียบร้อย หากกำลังจะลุกขึ้นยืนเป็นอันต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำคุ้นหูดังไม่ไกลจากด้านหลัง
“ห้องสะอาดเหมือนไม่ค่อยได้ใช้งานเลยนะ”
“แม่บ้านเพิ่งมาทำความสะอาดไปเมื่อวาน แล้วแม่บ้านของคุณยายก็ทำงานเนี้ยบที่หนึ่งเลยล่ะ” คนตัวเล็กกว่าตอบไปตามจริง
“อืม...” โธมัสขยับศีรษะรับก่อนเอนไปทางขวา เขาใช้ดวงตาจับจ้องเพื่อนรักตัวเล็กด้วยความรู้สึกที่เอาคนถูกมองร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมา “มีอะไรอยากบอกฉันหรือเปล่าอัล”
จู่ๆ โธมัสก็โพล่งขึ้นมาท่ามกลางความสับสนของคนถูกถาม ตาสีฟ้าอ่อนซีดมองใบหน้าหล่อเหลากระพริบปริบคล้ายไม่เข้าใจในคำถาม หากประกายบางอย่างในนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มทำให้อาการวัวสันหลังหวะครอบคลุมร่างกายจนไม่กล้าสบสายตาอีกต่อไป
“หือ? ไม่นิ” เขาปฏิเสธเสียงสั่น แม้แต่มือที่จับกีตาร์ยังเกร็งจนรู้สึกเจ็บ อลันด์กลั้นหายใจก่อนหันไปเผชิญหน้ากับเพื่อน กำลังคิดว่าควรบอกเรื่องที่คบกับทิวากานต์ตอนนี้เลยดีไหม หากได้สบกับดวงตาสีฟ้าเข้มเป็นอันต้องหุบปากสนิท
“ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่านายโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย” โธมัสยกหลังมือแตะแก้มขาวไล้เบาๆ ลงมาถึงปลายคางมน “วันนี้ถ้าให้นับว่าตอนไหนที่นายพูดความจริงคงง่ายกว่า”
“นายกำลังหาเรื่องนะ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”
อลันด์เบี่ยงหน้าหนี ในหัวพยายามนึกหาทางหนีทีไล่ หากเพียงพริบตาที่เห็นดวงตาคู่สวยวาวโรจน์ขึ้นเด็กหนุ่มจำต้องรีบปล่อยเครื่องดนตรีสุดรักทิ้ง เสียงตึงดังขึ้นพร้อมๆ กับใช้สองมือดึงคอเสื้อตัวเองยื้อกับคนตัวใหญ่กว่าที่พุ่งเข้ามากระชากคอเข้าไปหา เสียงอึกอักหลุดลอดลำคอออกมาด้วยความลำบาก ไม่ว่าพยายามดิ้นให้ตัวเองหลุดจากการประทุษร้ายแค่ไหนโธมัสกลับไม่เขยื้อนแม้แต่น้อย
“เห็นฉันเป็นแค่หมาหน้าโง่หรือไง จะโกหกกันไปถึงไหนอัล!!!” โธมัสตะคอกเสียงดังพลางจับอีกฝ่ายเขย่าหัวสั่นหัวคลอน เท้าเล็กลอยจากพื้นเป็นช่วงๆ “นายนอนกับมันใช่ไหม นอนกับด็อกเตอร์วาใช่ไหม”
“ชะ อึก! ฉัน จะนอนกับใคร แล้วมันหนักหัวนายหรือไง! แค่กๆ”
อลันด์ไม่ตอบรับแต่ประโยคเมื่อครู่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ซ้ำยังเหมือนน้ำมันราดลงบนกองเพลิงให้คนฟังร้อนรนจนไม่อาจอยู่เฉยต่อไปได้ โธมัสดึงร่างเล็กชิดตัวก่อนก้มใบหน้าชิดใบหูเล็ก “เพราะนายเป็นของฉัน! นายเป็นของฉันไม่เข้าใจหรือไง!!!”
“ฉันเป็นของของฉันไม่ใช่ของใคร ฉันมีสิทธิเลือกคนที่จะขึ้นเตียงเองเว้ย”
โธมัสปล่อยมือออกจากคอเสื้อเพื่อนรักแทบจะทันที คนที่ได้อิสระอย่างไม่ทันตั้งตัวถึงกับสำลักอากาศ คู้ตัวไอค่อกแค่กหน้าแดงแจ๋
“ทำไมอัล ทำไมถึงนอนกับมันได้ทั้งที่ปฏิเสธฉันแทบตาย ทำไม! ทำไม!!” ตาสีฟ้าเข้มมองคนตรงหน้าด้วยความผิดหวัง
“ฉันคบกับเขา...สักพักแล้ว”
หนุ่มผมทองเม้มปากเน้นเมื่อได้ฟังคำตอบ นัยน์ตาสีสวยกรอกมองไปทั่วอย่างหาจุดโฟกัสไม่ได้ก่อนวกกลับมาจบยังอลันด์ที่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆ “ประชดฉันเหรอ”
“ฉันจะทำอย่างนั้นทำไม ไร้สาระ”
“แล้วทำไมถึงไม่ใช่ฉัน...หรือเจมส์ก็ได้”
สิ้นคำถามนั้นดวงตาต่างเฉดสองคู่จึงได้สบกันอีกครั้งท่ามกลางความอึดอัด ทั้งที่โธมัสอยากรู้คำตอบจากปากเพื่อนสนิทแทบขาดใจ หากอีกด้านหนึ่งกลับไม่ต้องการให้อลันด์พูดมันออกมา เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกลัวอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น กลัวถึงขั้นสั่นไปทั้งร่างอย่างควบคุมไม่ได้
“เพราะฉันไม่ได้รักนาย ไม่ได้รักเจมส์ แต่ฉันรักวา เรารักกัน นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงนอนกับเขาไม่ใช่กับนาย”
TBCขอบคุณทุกคอมเม้นต์จากคนอ่านทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่นะคะ ยินดีที่ยังอยู่อ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน
พี่วากับน้องอัลมี FC เพิ่มขึ้นเรื่อยเลยโดยเฉพาะคุณหมอ
มีคนเดาถูกด้วยค่ะว่าพี่วาสั่งอะไรมาเล่นกะนุ้งอัล
พี่แกฝากมาบอกว่าไม่ได้โรคจิตนะแต่ใช้แค่เพื่อความสนุกบนเตียงเท่านั้น (ฮา)
เคยบอกไปหรือยังคะว่าเรื่องพระเอกเป็นโรคจิต นายเอกเป็น M เพื่อนนายเอกเป็น S และมีพระรองเป็นตัวประกอบ
และแล้วพ่อโกลเด้นสุดหล่อของเราก็กลับมาอีกครั้ง(พร้อมพระรองค่ะ)
คราวนี้ทอมจะทำอะไร เลือดจะสาดกระจายเต็มหน้าจอหรือไม่ อัลจะเอาตัวรอดได้อีกหรือไม่
โปรดติดตามตอนต่อไปค่า
โธมัสคนหล่อคัมแบค!!!