TRACK 27
ยิ่งดึกบทสนทนาบนโต๊ะยิ่งเปลี่ยนไปเรื่อยแล้วแต่ใครจะนึกอะไรขึ้นมาได้ สักสี่ทุ่มครึ่งจึงทยอยกันแยกย้าย บางกลุ่มจะไปกินกันต่อ บางคนต้องกลับไปเข้าเวร บางส่วนก็กลับบ้านพัก
“แล้วนี่พวกมึงกลับกันวันไหนวะ” ทิวากานต์เดินล้วงกระเป๋า ไหล่ข้างหนึ่งสะพายกล่องใส่กีตาร์ไว้ดูเท่ประหนึ่งนายแบบบนหน้านิตยสาร ตัวเขาว่าจะไปส่งอลันด์ที่คอนโดแล้วไปต่อกับเพื่อนที่ผับแถวทองหล่อ เหลือแต่ไอ้คู่รักสระอะที่ถ่อมาจากต่างประเทศนี่แหละยังไม่รู้อนาคต
“พรุ่งนี้เช้าว่ะ”
“แล้วไอ้หนึ่ง มึงกลับเมกาวันไหน”
“พร้อมฟ้านี่แหละ”
“ไหนว่าลาพักร้อนมาหลายวัน” คิ้วเข้มแกล้งขมวดเข้าหากัน พอจะเดาคำตอบได้อยู่หรอกว่าทำไมมันสองตัวถึงจะกลับพร้อมกันทั้งที่คนหนึ่งเทรนที่ญี่ปุ่นส่วนอีกคนต่อบอร์ดที่แอลเอ
“กูอยากแวะเที่ยวญี่ปุ่นหน่อยว่ะ เห็นเขาว่าคิทแคทชาเขียวแม่งอร่อย”
“เออ ใช่ รอแป๊บนึง กูซื้อมาฝากด้วย น้องแอฟอย่าเพิ่งให้ป๋ารันลากกลับนะ รอเอาของฝากก่อน” สั่งเสร็จปุ๊บ วชิระรีบวิ่งไปที่รถตัวเองเปิดประตูหลังคนขับหยิบถุงของฝากถุงใหญ่ออกมาแจกจ่ายเพื่อนฝูง “กินเยอะๆ นะ”
“ขอบคุณครับ” อลันด์ยกมือไหว้แล้วค่อยรับของมา มารยาทดีเป็นที่ถูกใจคนแก่ๆ สักพักบรรดาคุณหมอวัยสามสิบอัพเลยแจกเงินเป็นค่าขนมกันใหญ่
“ไอ้วามันเลี้ยงอดๆ ยากๆ ล่ะสิถึงได้ผอมแบบนี้ อะ...พี่ให้ค่าขนม” เพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งของทิวากานต์เริ่มยื่นแบงค์พันให้ไอ้ตัวแสบ คราวนี้ต่างคนต่างไม่ยอมแย่งกันให้จนรับไม่หวาดไม่ไหว ทิวากานต์จะขำก็ขำไม่ออก มองไอ้เด็กหน้ามึนยิ้มกว้างไหว้ขอบคุณคนนู้นคนนี้รับเงินค่าขนมมาเต็มมือ อยากบอกเพื่อนเหลือเกินว่าไอ้เด็กนี่บ้านรวยกว่าพวกมึงอีก!
“ป๋า แล้วป๋าไม่ให้ค่าหนมน้องบ้างเหรอ “ ไม่ทันไรคนหนึ่งในกลุ่มก็เรียกการันต์ คุณป๋ายิ้มโชว์ฟันขาวหยิบกระเป๋าสตางค์แจกให้ไอ้ตัวแสบไปอีกห้าพัน นี่ยังไม่รวมค่าจ้างร้องเพลงเป็นใบเช็คมาให้อีกนะ
“วู้ว ป๋าใจป้ำสุดๆ ป๋าขาไปเที่ยวกันไหมลอนดอนเซี่ยงไฮ้หนูช๊อบชอบ สร้อยแหวนนาฬิกาปาเต๊ะไอโฟนไอแพดล่ะหนูช๊อบชอบ รถสปอร์ตแอสตันมาร์ตินขับโฉบวิ่งฉิวล่ะหนูช๊อบชอบ” วชิระรีบโฉบมากอดแขนการันต์บีบนวดเอาใจ เริ่มร้องเพลงแซวเป็นที่สนุกสนานเรียกเสียงฮากันไป
“ไอ้ฟ้าเล่นไม่ดู ไม่เห็นเหรอว่าวันนี้ป๋าควงตัวจริงมาด้วย หนอยริอาจอยากเป็นตุ๊กตาเก้งหน้าแอสตันป๋า ไปบอกผัวมึงไป๊”
“แล้วมึงคิดว่ากูมีปัญญาซื้อให้มันนั่งเหรอ” อชิตะชี้นิ้วใส่อกตัวเองปลงๆ ถึงบ้านเขาจะเป็นร้านทองแต่ใช่ว่าจะมีเงินซื้อรถสปอร์ตมาขับเล่นง่ายๆ แบบทายาทเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังนะ
“ฟ้าเอ๊ย มึงเลือกผัวผิดแล้วล่ะ”
“ไอ้พวกนี้เลอะเทอะใหญ่ ไปๆ แยกย้ายกันได้แล้ว เสียงดังเกรงใจคนอื่นบ้าง” สุดท้ายเป็นการันต์ต้องตบมือไล่พวกรุ่นน้องกลับบ้าน เขารับไหว้จากทุกคนแล้วพาอักษราขึ้นแอสตันมาร์ตินคันเก่งกลับบ้านไม่ไปต่อที่ไหนแล้ว
ทิวากานต์เองโดนแซวเรื่องรถกับทรงผมไม่น้อย อชิตะถึงกับเดินผิวปากชื่นชมน้องกบเขาอยู่หลายรอบ ท่าจะชอบใจแต่ได้ยินราคาก็ถอย รอพ่อแม่เขายกกิจการร้านทองให้ก่อนแล้วกันค่อยว่าอีกที
“ไม่ไปด้วยกันเหรอพวกมึง นานๆ เจอกันที” เขาถามคู่ผัวเมียที่วนอยู่แถวพอร์เช่ 911 Turbo S แต่คู่รักสระอะกลับปฏิเสธบอกว่าต้องขึ้นเครื่องแต่เช้าคงไม่ไหว ไว้ค่อยรอฉลองตอนพวกเขาจบการเทรนที่ต่างประเทศแล้วดีกว่า ซึ่งก็คงอีกไม่ถึงปี
“เออดี งั้นมึงรีบๆ กลับมาเลยไอ้ฟ้า จารย์คมแม่งจ้องงาบหัวกูอยู่เรื่อย มีลูกรักอย่างมึงมาเลียแข้งเลียขาประจบเขาหน่อยจะได้ไม่ว่างมาหาเรื่องกู”
“มึงชอบไปกวนตีนเขานิ”
“ตรงไหน กูอยู่เฉยๆ ของกูเนี่ย”
“แค่ลูกสาวแกมาชอบก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเกลียดขี้หน้ามึงแล้วไอ้วา” อชิตะกอดอกว่า ตอนนั้นถึงกับเป็นข่าวกันเลยว่าลูกสาวอาจารย์อาคมพยายามเอนท์หมอทั้งที่ไม่เคยสนใจด้านนี้เพียงแค่ได้เจอกับทิวากานต์ “เออ กูได้ยินข่าวลือมาว่าจารย์แกหาทุนอเมริกามาให้นี่หว่า คืนดีกันแล้วเหรอวะ”
“คืนดีห่าไรล่ะ เดือนที่แล้วยังเรียกกูไปด่าอยู่เลย เขาก็หาให้ตามปกตินั่นแหละ เหมือนของไอ้ฟ้าไง”
“แล้วจะไปไหมวะ สาวเมกันแม่งแจ่มนะเว้ย นมเป็นนม ตูดเป็นตูด แต่กูว่ามึงไม่ไปแน่ๆ ติดเด็กขนาดนี้”
“ไร้สาระ เลิกพูดเหอะ แกก็มางานนี้เดี๋ยวได้ยินจะมาหาเรื่องกูอีก” ชายหนุ่มตัดบทสนทนา ไอ้เรื่องกลัวคนในบทสนทนามาได้ยินก็เรื่องหนึ่ง แต่คนข้างตัวที่ทำหน้างอเข้าไปทุกทีนี่แหละเหตุผลสำคัญ
“กลัวเมียนะมึง”
“เขาเรียกว่าให้เกียรติเว้ย แล้วมาเรียกมงเมียอะไร ไอ้ตัวแสบเสียหายหมด”
“ได้กันยังวะ”
“ไอ้สัดหนึ่งจะหยุดไหม” ทิวากานต์ชักมือขึ้นหวังฟาดกบาลไอ้หมอกระดูก “ได้เหี้ยไร น้องยังเด็ก คุกเว้ยคุก”
“พูดงี้ได้กันแล้วชัวร์ ห่า มึง...ไม่กลัวคุกเลยนะ” คู่รักสระอะพร้อมใจกันชี้นิ้วด่าทิวากานต์ ถ้าเป็นการันต์กับอักษราจะไม่ว่าเลยเพราะฝ่ายหญิงก็ยี่สิบห้ามีการมีงานทำแล้ว แต่น้องแสบยังสิบแปดแถมเพิ่งขึ้นปีหนึ่ง กินเด็กของแท้!
“เสือก กลับไปเลยไป กูจะไปแล้วเดี๋ยวพวกไอ้แบงค์ด่า” คนตัวสูงจิ๊ปาก พูดอะไรไปเข้าตัวหมด ช่วยไม่ได้เพราะทำตัวเองแท้ๆ
เขาแจกนิ้วกลางแทนคำลาให้อดีตรูมเมทไปคนละดอกก่อนพาอลันด์ขึ้นรถ เด็กนี่ไม่ช่วยแก้ตัวแทนเขาสักนิดเอาแต่ยืนเงียบกลั้นขำอยู่นั่น เดี๋ยวจะโดนเขาลงโทษ ไม่ใช่เพราะอลันด์เอาแต่ยั่วหรือไงเขาถึงต้องมาเสี่ยงคุกอยู่แบบนี้
“มีความสุขเหลือเกินนะ”
“เพื่อนวาตลกอ่ะ ใจดีกันทุกคนไม่เหมือนวาเลย”
“เหอะ ไอ้พวกนี้มันก็งี้แหละวันๆ ทำแต่งานเงินไม่ค่อยได้ใช้ เมียก็ไม่มีบ้าบอไปวันๆ พี่เขาให้เงินมาก็เก็บไว้ล่ะไม่ใช่เอาไปซื้อเสื้อผ้าหมด”
“รู้แล้วน่า ช่วงนี้ผมกำลังเก็บเงินอยู่นะ นี่ว่าจะให้พี่นภช่วยหางานเล่นดนตรีให้ด้วยล่ะ”
“จะเอาเงินไปทำอะไร ทุกวันนี้ยังไม่พอใช้อีกเหรอ” เท่าที่เขารู้วันๆ อลันด์แทบไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรนอกจากค่าข้าวบางมื้อในแต่ละวัน ช้อปปิ้งก็ใช่ว่าจะช้อปทุกวัน แถมเงินส่วนนั้นมักเป็นเงินที่คนอื่นให้มาใช้ด้วย
“พอเหลือแหล่ แต่ตอนนี้ผมกำลังคิดจะหาเงินทุนสักก้อน”
“หา?” คำตอบที่ออกจะเกินความคาดหมายทำเอาคุณหมอละสายตาจากถนนหันมามองคุณชายจากย่านเมย์แฟร์ให้เต็มตา บอกว่าหาเงินทุนแสดงว่าคิดจะลงทุนทำอะไรสักอย่าง แต่อลันด์เนี่ยนะจะลงทุนเพิ่มเงินในกระเป๋าที่มีจนใช้แทบไม่หมด “คิดจะทำอะไร”
“เผื่ออนาคตน่ะ เกิดวันไหนถูกแด๊ดตัดหางปล่อยวัดขึ้นมาจริงๆ จะได้มีเก็บไว้ตั้งตัวบ้าง”
“แล้วจะเอาไปลงทุนทำอะไร ค้าขาย? เสียเวลาน่าเก็บเงินไว้ดีกว่า ทุกวันนี้พูดเหมือนมีค่าใช้จ่ายเยอะงั้นแหละ หรือฉันเลี้ยงไม่ดี” แทนที่จะกลัวคนรักถูกทางบ้านตัดขาด ทิวากานต์ดันคิดว่าเขาเลี้ยงอีกคนไม่ดีจนต้องหารายได้เสริมแทนซะงั้น
“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมแค่ไม่อยากรบกวนวาเรื่องอื่นนอกจากกินอยู่ วาก็รู้ผมช้อปปิ้งเก่งจะตาย แล้วไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอก มันมีวิธีเพิ่มเงินง่ายๆ อย่างการเล่นหุ้นแล้วก็การลงทุนที่ยังไงก็ได้กำไรอย่างอสังหา แต่อันหลังนี่น่าจะยาก ผมถือสัญชาติบริติชยังไงก็ซื้อขายลำบาก”
“เดี๋ยวนะ...จะลงทุนพวกนี้มันต้องใช้เงินหมุนเยอะมากเลยนะ”
“ตอนนี้ผมมีเงินเก็บในบัญชีธนาคารของไทยประมาณ เอิ่ม... จำไม่ได้ล่ะ ขอเช็คแป๊บ” ไอ้ตัวแสบก้มหน้าลงไปกดโทรศัพท์ยิกๆ ก่อนโชว์หน้าจอให้ทิวากานต์ดู “เท่านี้พอไหม”
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า... หก... เจ็ด... ดะเดี๋ยวนะอัล ไปเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะเนี่ย” เขาเกือบขับรถเสยตูดคันหน้าหลังอ่านจำนวนหลักด้านหลังเลขสองด้านหน้าสุด เจ้าเด็กสิบแปดนี่มีเงินเก็บมากกว่าเขาเสียอีก!
“มีเงินที่มัมโอนให้ใช้ทุกเดือน เงินที่คุณตาคุณยายให้เป็นของขวัญเข้ามหาลัย เงินปลอบขวัญตอนผ่าตัด แล้วก็เงินปีใหม่ แต่ก้อนใหญ่จริงๆ ก็เงินค่านายหน้าที่แด๊ดหักให้ตอนไปช่วยขายห้องเมื่อปลายปีล่ะ หักภาษีแล้วยังได้เกือบสิบล้าน”
“เอาจริงนะอัล เงินขนาดนี้ฝากไว้กินดอกในธนาคารเฉยๆ นายก็ใช้ชีวิตอยู่กับฉันที่เมืองไทยสบายแล้ว อย่าเสี่ยงเลย ไม่มีใครที่จะประสบความสำเร็จกับการเล่นหุ้นไปทุกคนหรอกนะ ขนาดฉันยังได้กำไรปีละนิดเดียวเอง”
หากแทนที่ฟังแล้วจะสลดเด็กฝรั่งกลับอมยิ้มเหมือนวางแผนร้ายอะไรอยู่ในหัว “เอาเป็นว่าผมจะลงทุนแค่ล้านเดียวก่อนแล้วกัน ไม่เกินหกเดือนผมจะทำกำไรให้ได้เป็นสามเท่าอย่างต่ำ”
“หึ มั่นเหลือเกินนะเรา อย่าขาดทุนมาร้องไห้ให้เห็นแล้วกัน” แยกเขี้ยวขู่ให้รู้ว่าเอาจริง ถึงเงินนั่นจะไม่ใช่เงินเขาแต่เงินตั้งล้านถึงได้มาฟรีๆ ถ้าเอาไปละลายกับอากาศหมดมันก็น่าเสียดายไม่น้อย แถมจะเล่นให้ได้กำไรสามเท่าภายในหกเดือนเนี่ยนะ กับมือใหม่ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน เขาขอปรามาสอีกฝ่ายไว้ตอนนี้เลย
“วารอดูแล้วกัน” เด็กฝรั่งตัวแสบกำหมัดมุ่งมั่น ตั้งใจจะใช้ความรู้ทุกอย่างที่มีหาเงินให้ได้มากที่สุด ก่อนเจ้าตัวจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เออ ได้ยินที่พี่หนึ่งพูดเรื่องทุน ทุนอะไรเหรอวา”
“ไม่มีอะไรหรอกแค่ทุนเรียนต่อที่เมกาน่ะ ดูแล้วมันเร็วไปหน่อย ว่าจะทำงานเก็บประสบการณ์อีกนิดค่อยคิดอีกที”
“เหรอ แต่ตอนนั้นยังเห็นวาไปดูที่เรียนต่ออยู่เลยนี่”
“เวลาเปลี่ยนความคิดมันก็เปลี่ยน อีกอย่างไม่ได้รีบอะไรขนาดนั้น ความจริงไม่ไปเรียนต่อก็ยังได้ ยังไงงานก็มีอยู่แล้ว”
ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่อลันด์มั่นใจว่าเหตุผลส่วนหนึ่งต้องเป็นเพราะตัวเขาด้วยแน่ๆ อย่างที่อชิตะแซว เมื่อครั้งอยู่ที่อังกฤษด้วยกันช่วงซัมเมอร์คุณหมอคนเก่งมีท่าทีกระตือรือร้นเรื่องเรียนต่อจะตาย แต่พอกลับไทยมาก็เฉยๆ จนถึงขั้นทำท่าจะเมินทุนจากอเมริกาที่มีอาจารย์เสนอให้ ถึงจะแอบดีใจที่อีกฝ่ายเห็นตัวเองสำคัญแต่อีกใจก็ไม่อยากเป็นภาระถ่วงชีวิตอีกคนไว้
“แต่ถ้าเรียนมาอีกก็จะมีความรู้มารักษาคนไข้เพิ่มขึ้นไง” เขาลองแย็บขึ้นมา
“อ่านหนังสืออ่านรีเสิร์ช ไปอบรมเอาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปเรียนเอาวุฒิให้เสียเวลา อีกอย่างเงินฉันก็มีไม่จำเป็นต้องไปขอทุนให้มีพันธะมาชดใช้หลังอานกันทีหลังหรอก”
ในเมื่ออีกฝ่ายยกเหตุผลขึ้นมาเสียขนาดนี้ ขืนพูดต่อคงได้เถียงกันยาวอลันด์จึงเลือกเงียบยอมคนหัวแข็งในยกนี้ไป ถ้าคุณหมอเขาว่าไม่เป็นไรอลันด์ก็จะไม่เป็นไรด้วย ดีเสียอีกเขาจะได้นอนกอดอีกคนจนเบื่อกันไปข้าง
ทิวากานต์เองก็ตั้งใจขับรถกลับคอนโดไม่พูดเรื่องเรียนต่ออีกกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ตอนแรกเขานึกว่าพวกเพื่อนๆ โทรมาเร่งให้ไปผับแต่พอเห็นเป็นชื่อขัตติยาหัวคิ้วถึงกับขยับเข้าหากัน ถ้าไม่มีเรื่องด่วนอะไรเธอคงไม่โทรมาหาเขาดึกๆ แบบนี้หรอก
“ว่าไงคะขิง มีอะไรหรือเปล่าถึงโทรหาพี่ดึกแบบนี้”
‘พี่วา...ป๊า’
“ลุงเข้มทำไมคะ ขิงใจเย็นๆ นะ หายใจเข้าลึกๆ ค่ะแล้วบอกพี่” ระหว่างนั้นเขาหันไปหาอลันด์บอกให้อีกฝ่ายช่วยถือโทรศัพท์แล้วเปิดลำโพงให้หน่อย
‘เมื่อเย็นป๊าปวดท้องมากขิงกับม้าเลยพามาโรงบาล แล้วหมอเขาพาป๊าไปตรวจนานมากเลย เพิ่งออกมาเมื่อกี้... หมอบอกว่าป๊า...ป๊าน่าจะเป็นมะเร็งลำไส้และน่าจะเป็นขั้นสุดท้ายแล้ว พี่วา...ขิง...’ เสียงหญิงสาวขาดห้วงไปได้ยินแต่เสียสะอื้นดังลอดออกมาเบาๆ
ชายหนุ่มหันมาสบตากับอลันด์ครู่เดียวก่อนหักรถวกกลับไปทางด่วนทั้งที่เพิ่งขับผ่านมา “ขิงพาป๊าไปโรงบาลไหน เดี๋ยวพี่ไปหา รอพี่แป๊บเดียวนะคะ บอกป้าอิงด้วยว่าใจเย็นๆ พี่จะรีบไป”
‘โรงบาล...ค่ะ’ เธอบอกชื่อโรงพยาบาลเอกชนแถวบ้านที่ใช้บริการเป็นประจำ ทิวากานต์ทำเสียงตอบกลับเป็นอันรับรู้ก่อนให้อลันด์กดวางสายไป
“ขอโทษนะอัล คืนนี้คงยังไม่ได้นอนไปโรงบาลกับพี่ก่อนแล้วกัน
“ไม่เป็นไร” เงียบไปอึดใจ เสียงถอนหายใจดังขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในรถ “วา...พ่อพี่ขิงจะเป็นอะไรไหม”
“ไม่รู้สิ ต้องรอหมอประเมินก่อนคงอีกสองสามวันนั่นแหละถึงจะรู้แน่ชัด บางทีอาจจะไม่ร้ายแรงเท่าที่คิดก็ได้ ลุงเข้มแข็งแรงจะตาย”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสินะ” อลันด์รำพึงรำพันกับตัวเอง แม้ไม่เคยเจอพ่อของขัตติยาแต่เขาอดรู้สึกเสียใจด้วยไม่ได้ เหมือนว่าเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวทิวากานต์ไปแล้วจริงๆ
ทิวากานต์ใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีขับรถจากอโศกมาโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังย่านธนบุรี ตอนที่เขาไปถึงบิดาของขัตติยาถูกนำตัวออกมาพักฟื้นข้างนอกแล้ว ป้าอิงกับลูกสาวนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง
“ป้าอิง”
“น้องวา น้องอัลก็มาด้วย”
“สวัสดีครับ” เด็กฝรั่งยกมือไหว้สองคนที่อยู่ในห้อง ตาสีฟ้าซีดเหลือบมองคนป่วยบนเตียง เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับลุงเข้ม ชายอารมณ์ดีที่ทิวากานต์เคยเล่าให้ฟัง
“เมื่อกี้ก่อนเข้ามาวาแวะไปคุยกับหมอเจ้าของไข้ลุงเข้มแล้ว วาว่าจะให้ลุงเข้มย้ายไปรักษาที่โรงบาลวา ป้าอิงไม่ต้องเครียดนะ”
“ตอนแรกป้าก็อยากให้ย้ายอยู่ค่ะแต่หมอเขาโทรไปแล้วบอกว่าไม่มีเตียงว่างเลย”
“ป้าอิงไม่ต้องห่วงเลย เรื่องเตียงเดี๋ยววาหาให้ไม่เกินพรุ่งนี้ได้แน่ๆ แล้วนี่พี่เขมรู้เรื่องหรือยังครับ”
“ตาเขมไปต่างจังหวัดกับเมียเขาเมื่อวานนี้เอง ป้าไม่อยากโทรไปบอกเดี๋ยวจะรีบขับรถกลับมากลัวเกิดอุบัติเหตุเป็นอะไรไปอีกคน ความจริงเมื่อกี้ป้าก็ปรึกษากับพี่โบเรื่องพี่เข้มไปตะกี้ พี่โบบอกว่าถ้าวาหาเตียงไม่ได้เดี๋ยวเขาจะให้ส่งอิงไปที่...แทน” ป้าอิงพูดถึงโรงเรียนแพทย์ชื่อดังอีกแห่งที่ป้าหมอมีเส้นสายอยู่บ้าง ได้ยินแบบนี้ทิวากานต์พอโล่งใจไปอีกเปาะ เพราะโรงพยาบาลที่เขาทำงานขึ้นชื่อเรื่องหาเตียงคนไข้ยากมากๆ ถ้าเขาหาไม่ได้ให้ส่งไปที่นั่นก็ดีเหมือนกัน
“งั้นเดี๋ยววาออกไปคุยโทรศัพท์แป๊บนึงนะครับ อัลอยู่กับป้าอิงพี่ขิงก่อนนะเดี๋ยวพี่มา”
“อื้อ”
พอร่างสูงใหญ่หายไปอลันด์ก็รู้สึกเคว้งๆ เหมือนขัตติยาจะรู้เลยเดินมาจับแขนพาไปนั่งที่โซฟา “ทำน้องอัลลำบากไปด้วยเลย นี่ไปเที่ยวไหนมากับพี่วาหรือเปล่าจ๊ะแต่งตัวหล่อเชียววันนี้”
“ไปงานแต่งเพื่อนพี่วามาครับ ผมไม่ลำบากหรอกพี่ขิงกับป้าอิงต่างหาก เหนื่อยไหมครับ พักก่อนไหมเดี๋ยวผมเฝ้าคุณลุงให้”
“ไม่เหนื่อยหรอกจ้ะ เราเถอะหน้าซีดๆ นอนก่อนก็ได้นะเดี๋ยวจะกลับค่อยให้พี่วามาปลุก” เด็กหนุ่มส่ายหน้า หากพอโดนแอร์เย็นๆ เป่าใส่ได้ไม่เท่าไหร่ก็เผลอหลับไปในที่สุด
.
.
.
“เดี๋ยววันจันทร์ย้ายได้เลยครับ ผมคุยให้แล้ว ยังไงจันทร์ผมไม่มีเคสมาถึงแล้วก็โทรมานะครับจะได้ไปช่วยดูให้”
“ขอบคุณมากค่ะน้องวา”
“ไม่เป็นไรครับป้าอิง ไงน้องขิง ยิ้มได้แล้วสินะ โอ๋ๆ ไม่ร้องค่ะ ป๊าต้องไม่เป็นไรเนอะ”
อลันด์ปรือตาขึ้นตอนได้ยินเสียงคนคุยกันเหนือหัว รอจนสายตาปรับได้ที่ถึงเห็นทิวากานต์กำลังดึงตัวขัตติยาเข้าไปกอด ใบหน้าของหญิงสาวซุกซบบนไหล่ชายหนุ่มได้พอดีด้วยส่วนสูงที่พอเหมาะพอเจาะกัน จู่ๆ เขาต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อได้สติจากความคิดไร้สาระของตนเองที่เผลอคิดไปว่าหนุ่มสาวตรงหน้าช่างเหมาะสมกันราวกับภาพวาด
“อ้าว น้องอัลตื่นพอดี พวกป้าคุยกันเสียงดังรบกวนหรือเปล่าคะ”
“เปล่าครับ” เขาส่ายหัวมึนๆ ก่อนลุกขึ้นนั่ง ไม่รู้ว่าเผลอเอนลงไปนอนตอนไหน
“น้องตื่นแล้วงั้นผมกลับเลยแล้วกันครับ ถ้ามีอะไรฉุกเฉินโทรมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”
“จ้ะ ป้าขอบใจวามากนะ ถ้าไม่ได้เราป่านนี้คงยังทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้สบายใจขึ้นมากแล้วล่ะจ้ะ” ป้าอิงลูบแขนคุณหมอเบาๆ ลูกชายไม่อยู่ก็ได้หลานคนนี้คอยช่วยพยุง ชีวิตเธอช่างโชคดีกว่าคนอื่นนัก
“อย่าเอาแต่เฝ้าลุงเข้มจนไม่ได้พักผ่อนกันล่ะครับ เดี๋ยวจะแย่กันไปอีก น้องขิงก็ด้วยนะคะ เข้มแข็งไว้ค่ะคนป่วยโรคนี้ต้องการกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญกว่าอะไรทั้งหมดเลย” ทิวากานต์ดึงเธอมากอดอีกที เขาลูบผมหญิงสาวด้วยความทะนุถนอมก่อนผละออกมาลูบหัวอลันด์บ้าง “ป่ะอัล กลับบ้านกัน”
“อืม” เด็กหนุ่มลุกขึ้นบอกลาคนทั้งคู่ก่อนเดินจับมือทิวากานต์ออกมา ดูเหมือนสถานการณ์ต่างๆ จะดีจึ้นมาป้าอิงกับขัตติยาถึงได้มีสีหน้าดีขึ้นมากกว่าที่เจอครั้งแรก “วา...ลุงเข้มจะไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ยังไม่รู้หรอกต้องดูอาการไปก่อน เดี๋ยววันจันทร์ก็จะย้ายไปที่...แล้ว พี่รันนี่แน่นอนจริงๆ โทรไปขอปุ๊บไม่ถึงสิบห้านาทีก็หาเตียงให้ได้แล้ว”
“แล้วให้ลุงเข้มไปรักษาที่เดียวกับผมไม่ได้เหรอ หมอก็หมอที่เดียวกันนี่ ไม่ต้องรอเตียงด้วย”
“มันแพง ถึงครอบครัวป้าอิงจะมีเงินแต่คงรับภาระค่ารักษากันหลังอาน โรคนี้ต้องรักษากันยาวค่าใช้จ่ายบานปลายกันทุกครอบครัว โรงบาลรัฐดีกว่าประหยัดไปได้เยอะ”
“อ่า... ไอ - ซี” พอถึงตรงนี้อลันด์เพิ่งนึกถึงตอนเข้ารับการรักษาได้ เขานอนแค่สองคืนแต่เลือกห้องพักที่ดีที่สุดยังโดนไปเกือบหกหลัก
“ไป กลับบ้านเรากันดีกว่า”
“แล้ววาไม่ไปกินเหล้ากับเพื่อนแล้วเหรอ”
“นี่จะตีสองล่ะ ไปก็ไม่ทันแล้ว”
“ดึกขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย ผมยังนึกว่าเพิ่งเที่ยงคืนเอง”
ทิวากานต์ฟังแล้วถึงกับดึงคออีกคนมากอดพาเดินไปที่รถ เขาแกล้งเอาหัวถูกับอีกคน ดีว่าด้านข้างเขามันยังสั้นเกรียนอยู่ผมเลยไม่พันไปซะก่อน “หลับสนิทเลยสินะเรา กลับไปจะนอนหลับหรือเปล่า”
“หลับสิ ง่วงจะตาย” ว่าแล้วเจ้าตัวแสบจัดการหาวโชว์ซะเลย
“งั้นรีบกลับกันดีกว่า คิดถึงเตียงชะมัด”
.
.
.
ภาคเรียนที่สองเปิดมาได้ไม่ถึงสองสัปดาห์ดีก็มีงานกีฬาฟุตบอลประเพณีกระชับความสัมพันธ์(?)ระหว่างมหาวิทยาลัยที่อลันด์กับนภเรียน คนินทร์อธิบายให้ฟังว่าเป็นงานคล้ายๆ กับประเพณีแข่งเรือพายของอ็อกฟอร์ดกับเคมบริจด์แต่มีการจัดงานใหญ่โตและการเดินขบวนพาเหรดที่ได้ออกหน้าหนังสือพิมพ์อยู่เรื่อย
งานนี้เด็กภาคอินเตอร์ไม่ค่อยมีส่วนร่วมเท่าไหร่ แต่เพื่อนผู้หญิงบางคนก็กระตือรือร้นทำชุดทีมของเด็ก BBA ขึ้นมาใส่เล่นๆ มีการวัดขนาดกันไปตั้งแต่ก่อนปิดเทอม ผ่านไปหนึ่งเดือนเจ้าชุดที่ว่าก็มาถึง
“ทำไมของฉันไม่เหมือนของนายล่ะ” เด็กฝรั่งตีคิ้วยุ่ง ชูชุดเอี๊ยมยีนส์ฟอกสีเย็บด้ายแดงแบบเปิดหลังขาสั้นขึ้นเทียบกับชุดของคนินทร์ที่เป็นชุดเอี๊ยมสีเดียวกันแต่เป็นขายาว “จ่ายเงินเท่ากันแต่ฉันได้ผ้าน้อยกว่าไม่ยุติธรรมเลย”
“ตัวแสบเตี้ยใส่ขายาวได้ดูตัวสั้นกันพอดี แบบนี้แหละน่ารักกว่า ไปๆ ไปเปลี่ยนชุดให้ดูหน่อย”
ฟังคำตอบจากเพื่อนสาวที่เป็นคนจัดการเรื่องชุดแล้วเขาถึงกับชูนิ้วกลางให้ รู้ตัวหรอกว่าสูงแค่ห้าฟุตหกนิ้วเนี่ยมันเตี้ย แต่ไม่ต้องพูดตรงๆ ได้ไหมมันจี๊ดไปถึงข้างใน แทงข้างหลังทะลุถึงตับไตเลยนะ!
“เอาน่า ไปเปลี่ยนก่อนถูกไอ้สากินหัวเหอะ”
คนินทร์หัวเราะคิก เขารีบดันหลังคนตัวเล็กไปทางห้องน้ำชาย ถอดเสื้อเชิ้ตขาวผลัดเป็นเสื้อกีฬาประจำปีนี้กับเปลี่ยนกางเกงแสล็คขายาวที่ใส่มาเรียนออกแล้วสวมชุดเอี๊ยมที่ได้มาแทนก็เป็นอันเรียบร้อย พอพากันออกมาจากห้องน้ำอลันด์ถูกสาวิตรีจับพับชายกางเกงขึ้นอีกสองทบสั้นให้พอดีเข่าโชว์หน้าแข้งเล็กๆ ขาวๆ เข้าคู่กับรองเท้าผ้าใบสีขาวส้นแบนของ Fred Perry ก็เป็นอันเรียบร้อย
“ตัวแสบน่าร้ากกก” เมื่อรวมกับผมสีช็อกโกแลตนม ตาสีฟ้าอ่อนและโครงหน้าอย่างชาวต่างชาติ สาวๆ ถึงกับกรี๊ดกร๊าดจับเด็กหนุ่มหมุนไปมาราวกับตุ๊กตายัดนุ่น เสียงชื่นชมดังขึ้นไม่ขาดปาก บางคนก็หยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปคู่บ้าง เด็ดสุดคือตอนคนินทร์จับอลันด์ล็อคคอแล้วมัดจุกน้ำพุเปิดหน้าผากเหม่งๆ โชว์ เท่านี้เสียงกรี๊ดของพวกผู้หญิงก็เหมือนจะดังขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
“ไอ้คิวก็หล่อ มาๆ จับถ่ายรูปคู่ส่งไปเพจ cute boy ดีกว่า เขาจะได้รู้ว่าที่นี่ก็มีของดีเหมือนกัน” สาวิตรีฉีกยิ้มหน้าบาน รีบจับสองหนุ่มต่างสไตล์ขึ้นมาแชะรูปคู่หวังโปรโมตหนุ่มๆ ในคณะตัวเองบ้าง
กว่าสองหนุ่มจะหลุดออกมาได้ก็ตอนที่ทิวากานต์โทรศัพท์เข้ามาหาอลันด์นั่นแหละ เด็กหนุ่มเลี่ยงออกมาคุยบนห้องเรียนร้างพร้อมใบหน้าบูดบึ้งเป็นตูดลิง หากเพียงได้ยินเสียงทุ้มนุ่มผ่านลำโพงไอโฟนหกก็ถึงกับยิ้มแป้น คุณหมอบอกว่าตอนนี้กำลังมาถ่ายแบบให้สัมภาษณ์ลงนิตยสารอยู่ที่สวนสาธารณะไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย ถ้าอลันด์ว่างก็อยากให้มาหาสักตอนบ่ายสองเดี๋ยวจะพาไปกินขนม
“ไปหาตอนนี้เลยได้ไหม ผมไม่มีเรียนแล้วล่ะ”
‘งั้นก็นั่งรถมาเลย ถึงแล้วเดี๋ยวก็เจอพี่ หาไม่ยากหรอก’
“โอเค ไม่เกินยี่สิบนาทีแล้วเจอกันนะ บาย”
พอได้ข้ออ้างหนีจากความวุ่นวายอลันด์ก็วิ่งหน้าตั้งกลับมาที่กลุ่มเพื่อน เจ้าตัวหยิบเป้ Kanken สีน้ำเงินเข้มไซส์คลาสสิกขึ้นสะพายไหล่บอกเพื่อนว่ามีธุระด่วนแล้ววิ่งหนีออกมาทันที คนินทร์เลยอาศัยโอกาสนี้อาสาไปส่งหาเรื่องชิ่งออกมาเหมือนกัน
“ไปไหนอ่ะ ไหนว่าจะรอพี่นภมารับ” เมื่อเช้าหนุ่มไทยจำได้ว่าอลันด์มีนัดกับนักร้องหนุ่มตอนบ่ายสี่สามโมงครึ่งจะไปซ้อมดนตรีด้วยกัน
“ไปหาวา วาโดดงานมาถ่ายแบบอยู่ที่สวนสันติ”
“หือ ถ่ายแบบ?”
“สัมภาษณ์นิตยสารน่ะ เห็นว่าพี่รันเสนอชื่อไปให้ เขาเลยมาขอสัมภาษณ์ตั้งนานแล้วแต่คิววาเพิ่งว่าง”
“อ่อ เฮียวาเจ๋งเนอะ ทั้งหล่อทั้งเก่ง ไม่แปลกหรอก ฉันแปลกใจมากกว่าว่าทำไมเขาถึงมาคบกับเด็กแบบนายได้”
“อย่างน้อยวาก็ทั้งรักทั้งหลงเด็กแบบฉันนี่แหละ” ไอ้ตัวแสบแสยะยิ้มก่อนเดินเป่าปากกระโดดขึ้นบีเอ็มดับบริวซีรีส์ทรีของคนินทร์
อันที่จริงระยะทางจากมหาวิทยาลัยไปสวนสันติชัยปราการไม่ได้ไกลกันเท่าไหร่ จะเดินมาก็ยังได้แต่เพราะหาที่จอดรถลำบากนี่แหละถึงเสียเวลาขับวนอยู่หลายนาที หลังหาที่จอดได้พวกเขาก็เดินตรงมาที่สวนสันติฯ เข้ามาก็เห็นทิวากานต์พร้อมกองถ่ายขนาดย่อมอย่างที่เจ้าตัวบอกทันที
“หืม...จริงจังไม่ใช่เล่นนะเนี่ย” คนินทร์ถึงกับอ้าปากทึ่ง ตอนแรกเขานึกว่าจะมีแค่นักเขียนกับตากล้องอย่างละคนเสียอีก แต่เท่าที่ดูมีทีมงานเกือบสิบชีวิตได้ ไหนจะเตนท์เปลี่ยนเสื้อผ้าชั่วคราวนั่นอีกล่ะ
“นั่นสิ” อลันด์กระชับสายเป้ เดินเข้าไปใกล้กองถ่ายอีกนิด ไม่ทันไรภาพทิวากานต์ในชุดลำลองสบายๆ นั่งเก๊กหน้าหล่อริมแม่น้ำเจ้าพระยามีตากล้องจับภาพจึงปรากฏแก่สายตา ถ้าไม่ได้เข้าข้างคนรักตัวเองมากเกินไป เขาว่าวันนี้คุณหมอหล่อน่ามองกว่านภที่เป็นซูเปอร์สตาร์หลายสิบเท่าเลยล่ะ
“เรียบร้อยครับ เดี๋ยวพักครึ่งชั่วโมงเปลี่ยนเป็นชุดถัดไปได้เลยนะครับ” สิ้นเสียงช่างภาพมือหนึ่ง สไตลิสต์ก็รีบพุ่งชาร์จตัวชายหนุ่มช่วยซับเหงื่อให้ ดูจากสายตาเธอเหมือนจะตกหลุมรักคุณหมอวัยสามสิบปีไปแล้ว
“วา” เด็กฝรั่งส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายออกไปเมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังเดินไปที่เตนท์ พอทิวากานต์หันมาเห็นเขาก็ทำหน้าประหลาดใจ ขายาวๆ รีบเปลี่ยนทิศเดินทันที
“ทำไมแต่งตัวกันแบบนี้เนี่ย มีงานอะไรกันหรือเปล่า” ไม่พูดอย่างเดียว ฝ่ามือใหญ่ยังจับจุกน้ำพุบนหัวทุยดึงเล่นอีกด้วย ตาคมดุเป็นประกายมองอลันด์ตั้งแต่หัวจรดเท้า วันนี้ไอ้ตัวแสบของเขาน่ารักสุดๆ น่ารักอย่างกับตุ๊กตา
“ชุดทีมงานบอลประเพณีของที่สาขาน่ะครับ แต่เฮียเหอะ วันนี้หล่อเป็นพิเศษเลยนะ” คนินทร์ตอบแทนเพื่อนที่เหมือนจะเขินลิ้นอุดปากไปแล้ว แก้มงี้แดงเถือกไม่รู้ว่าอากาศร้อนหรือคนหล่อตรงหน้าที่ทำให้ร้อนกันแน่ ขนาดเขาเป็นผู้ชายแมนๆ ยังยอมรับเลยว่าวันนี้ทิวากานต์หล่อมาก รัศมีดาราจับสุดๆ
“ไม่คิดว่าเขาจะให้ถ่ายแฟชั่นเช็ตเหมือนกัน นึกว่าแค่มานั่งคุยๆ สัมภาษณ์แล้วก็จบ” สงสัยตอนที่มาคุยกันก่อนหน้านี้ทางหัวหน้ากองบรรณาธิการจะเห็นแววเลยขอเพิ่มส่วนตรงนี้เข้ามาด้วย เขาเองเห็นว่าได้เงินดีแถมไม่เสียหายอะไรจึงตกลง “พวกเรามาตอนพักกองก็ดี เดี๋ยวพาไปกินหนมเค้กอร่อยๆ”
ทิวากานต์เดินไปหาทีมงานจะขอพักนานขึ้นอีกสักสิบห้านาทีได้ไหม หัวหน้าช่างภาพเห็นว่าคุณหมอใช้เวลาถ่ายไม่นาน ก่อนหน้านี้ก็ถ่ายเสร็จเร็วกว่ากำหนดจึงให้เวลาเพิ่มเป็นหนึ่งชั่วโมงกับทั้งตัวผู้ให้สัมภาษณ์และทีมงานเพื่อนทุกคนจะได้แยกย้ายกันไปหามื้อเที่ยงลงท้องกันด้วยหลังโหมงานกันมาตั้งแต่เที่ยงตรง เท่านั้นร่างสูงจึงเดินกลับมากอดคออลันด์พาเด็กๆ เดินข้ามถนนไปร้านอาหารที่หมายมั่นไว้