♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต+แจ้งข่าว P. 25
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ไหนๆ นิยายใกล้จะจบแล้ว เลยสอบถามความสนใจรวมเล่มค่ะ

สนใจ
ไม่สนใจ
รวมก็ดี ไม่รวมก็ได้

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- SPECIAL TRACK : พรหมลิขิต+แจ้งข่าว P. 25  (อ่าน 269010 ครั้ง)

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 26 [04.02.16]
«ตอบ #450 เมื่อ04-02-2016 15:40:27 »

TRACK 26



“!”

ทิวากานต์ลืมตาตื่นขึ้นมากลางดึก ถ้าเด็กฝรั่งตัวแสบนอนอยู่ข้างกันอย่างทุกคืนคงได้ตื่นตามมาถามแล้วว่าเขาเป็นอะไรเพราะเมื่อครู่เขาสะดุ้งแรงพอสมควร หากความเย็นของเตียงนอนด้านข้างทำให้รู้ตัวว่าอลันด์ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย

ร่างสูงโปร่งลุกนั่งพิงหัวเตียง มือข้างหนึ่งยกกดขมับให้กับอาการปวดหัว จู่ๆ ดันฝันถึงเรื่องในอดีตซะได้ทั้งที่ปกติเขาไม่เคยจำความฝันได้สักครั้ง

“ป่านนี้ยัยเด็กนั่นจะเป็นยังไงแล้วนะ” เสียงทุ้มเปรยกับตัวเองเบาๆ เมื่อนึกถึงเด็กผู้หญิงจอมทะเล้นที่เคยเจอเมื่อสองปีก่อน จะว่าไป... “หน้าคล้ายอัลเหมือนกันแหะ แต่คงไม่ใช่หรอก หึหึ”

สรุปกับตัวเองแล้วลงจากเตียงไปหาน้ำดื่มข้างล่าง ดูเวลาแล้วยังเหลืออีกค่อนคืนกว่าจะเช้า ตอนนี้อลันด์คงนอนหลับอุดตุฝันหวานอยู่ในบ้านตากอากาศสวยๆ ที่เขาใหญ่อยู่แน่ อยากจะโทรไปแกล้งสักหน่อยแต่อีกใจก็ขี้เกียจ จะให้นอนต่อเลยคงไม่หลับจึงได้แต่เดินงุ่นง่านหยิบโทรศัพท์มากดเข้าแอพพลิเคชั่นยอดฮิตอย่างเฟซบุ๊คไถไทม์ไลน์เล่นแก้เซ็ง พี่รันนี่เร็วจริงๆ เผลอแป๊บเดียวก็พาสาวใหม่เข้าไปไหว้ผู้ใหญ่ในบ้านแล้ว เห็นเจมส์ถูกแท็กรูปฉลองปีใหม่บนเรือสำราญอยู่หลายรูปด้วย ส่วนโธมัสก็เงียบไปเลยตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น

หลังจากเกิดเรื่องทิวากานต์ไม่ได้ถามหรือพูดอะไรอลันด์เกี่ยวกับเรื่องโธมัสอีก เขาแค่ขับรถพาอีกฝ่ายไปนั่งตากลมบนสะพานพระรามแปดจนถึงตีสี่ค่อยกลับมาพักผ่อน ตอนสายๆ ก็ให้แม่บ้านเข้าไปจัดการทำความสะอาดห้อง 2112 ส่วนเขากับเด็กหนุ่มออกไปซื้อกีตาร์แทนตัวเก่าที่ทำพังไป งานนี้นอกจากเสียงานแล้วยังเสียเงินรูดบัตรไปอีกเป็นแสน

วันถัดมาเอาหน้ายับๆ ไปทำงานให้อาจารย์อาคมด่าเล่นอีก ถึงจะบอกว่าเป็นอุบัติเหตุแต่พวกเพื่อนร่วมงานผู้มีความรู้สูงทั้งหลายทำไมจะดูไม่ออกว่าโดนอัดมา เรื่องที่โดนด่าเลยไม่จบแค่เอาหน้าเยินๆ มาทำงานแต่ลากยาวไปถึงการปฏิบัติตัวที่ไม่สมกับเป็นนายแพทย์และอาจารย์สักนิด แถมต้องหัวหมุนเคลียร์คนไข้ที่โรงพยาบาลทั้งรัฐทั้งเอกชนจนแทบไม่ได้เจอหน้าอลันด์ พอครอบครัวโอเนลล์มาถึงไทยก็พากันย้ายไปอยู่บ้านใหญ่ทิ้งคุณหมอที่รีบเคลียร์งานแลกเวรช่วงปีใหม่ให้กลับคอนโดมาพบแต่ความว่างเปล่าชวนเหงาหัวใจ

...เป็นโคตรของความบัดซบช่วงส่งท้ายปีของแท้

ยังดีที่ตายายไอ้ตัวแสบชวนศัลยแพทย์วัยสามสิบไปทำบุญควบฉลองปีใหม่ที่บ้าน คืนวันสิ้นปีเขาเลยขออนุญาตมาดามโอเนลล์พาอลันด์ไปเคาท์ดาวน์กันข้างนอกสองคน แน่นอนว่ามิสเตอร์เอเดลมาร์มองตาขวางไม่อยากปล่อยลูกชายไปกับเขาแต่ขัดภรรยาไม่ได้

ตอนแรกทิวากานต์อยากพาคนรักไปดินเนอร์บนตึกสูงๆ ดูพลุอยู่เหมือนกัน หากชวนกันฉุกละหุกเกินจะไปที่ไหนก็เต็มหมด สุดท้ายจึงพาขับรถเล่นไปดูพลุที่สะพานภูมิพลจนหมดถึงพากันกลับสายสองรอตื่นมาทำบุญตอนเช้า

แม้ชายหนุ่มวัยสามสิบจะเป็นโรคไม่ถูกกับวัดหรืองานบุญต่างๆ หากการได้ฟังพระสวดท่ามกลางความเงียบสงบนั้นพาให้จิตใจผ่องใสไม่น้อย ปกติแล้วทุกปีใหม่ถ้าไม่ได้อยู่บ้านกับแม่สองคนเขาก็อยู่โรงพยาบาลคอยดูแลคนไข้ บรรยากาศของครอบครัวใหญ่บนโต๊ะอาหารของบ้านอลันด์ทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ถึงจะวุ่นวายไปบ้างหากเต็มไปด้วยสีสันของความมีชีวิตชีวา

ทิวากานต์แอบจับมือกับอลันด์ตอนอีกฝ่ายเดินมาส่งเขาขึ้นรถ เดี๋ยวตอนบ่ายบ้านนี้จะไปเขาใหญ่กัน อดีตเอกอัครราชทูตเอ่ยปากชวนคุณหมอไปเที่ยวด้วยแต่เขาปฏิเสธด้วยเกรงใจและถือว่าตนเองยังเป็นคนนอกอยู่ อีกอย่างเขากลัวอดใจไม่ไหวทำอะไรเกินเลยไปให้ผู้ใหญ่จับความสัมพันธ์ได้ เพิ่งเห็นข้อเสียของการคบเพศเดียวกันก็ตอนนี้ ใครว่าประเทศไทยเปิดรับเรื่องนี้ได้ เอาจริงๆ แล้วคงไม่มีใครดีใจหรอกถ้ารู้ว่าลูกหลานคบกับคนเพศเดียวกัน

“ไม่เปลี่ยนใจไปด้วยกันจริงๆ อ่ะ”

“ไม่ล่ะ อัลอยู่กับที่บ้านเหอะ พี่นอนแห้งอยู่แถวนี้แหละ”

“จะหนีเที่ยวล่ะสิ” ตาสีฟ้าซีดเป็นประกายวิบวับ ไม่ได้ติดใจอะไรถ้าอีกฝ่ายจะไปเที่ยวไหน เขาไว้ใจและให้เกียรติคนที่คบกันมากพอไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม

“รู้ทันอีกแน่ะ” คนตัวโตยิ้มล้อ เขาก็คงมีเที่ยวบ้างแต่คงไม่คิดจะกลับไปมีไลฟ์สไตล์เดิมๆ ที่ถูกใจใครแล้วพากันมาหาความสนุกต่อเมื่อมีตัวจริงแล้ว “ถ้าพี่ไปเที่ยวจริงๆ แล้วไง”

“ก็เปล๊า แค่อย่าให้รู้แล้วกันว่าแอบไปมีกิ๊กน่ะ ไม่งั้นนะ...” แต่หมอวาโซ ฮอทขนาดนี้แอบขู่ไว้หน่อยก็ดี

“กลัวตาย ล้อเล่นน่าไม่ไปไหนหรอก เที่ยวกับพี่รันที่โรงพยาบาลแถวนี้แหละโทรเช็คก็ได้ มีแฟนแล้วรักแฟนคนเดียวด้วย” ให้ตายทิวากานต์ก็เลิกนิสัยตบหัวแล้วลูบหลังคนที่ตัวเองเอ็นดูไม่ได้สักที เขาลูบหัวอีกคนเล่นก่อนเข้าไปนั่งในรถ “พี่ไปแล้ว เที่ยวให้สนุกนะแล้วเจอกัน”

“อือ ขับรถดีๆ นะวา”

“บาย”

“บาย”

เฮ้อ... ชีวิตรักของทิวากานต์มันก็มีแค่นี้แหละ ถึงจะเพิ่งคบกันแต่ใช่ว่าจะหวานชื่นเหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามันอย่างคนอื่นเขา เพราะเป็นผู้ชายเหมือนกันจะให้มาเอาใจจิ๊จ๊ะตลอดเวลาจะพาลสยองตัวเองกันเปล่าๆ แถมงานหมอศัลย์ยังยุ่งชนิดที่เหลือเวลาให้นอนก็บุญแล้ว มีแค่เวลาอยู่บ้านกับบนเตียงเท่านั้นแหละที่ทั้งเขาและอลันด์คิดว่าค่อยดูเหมือนคนรักกันบ้าง ถึงจะไม่ค่อยหวานความสัมพันธ์ภายนอกเหมือนคนรู้จักทั่วไป แต่วันเสาร์นี้ทิวากานต์คิดว่าถึงเวลาจะเปิดตัวอลันด์ให้พวกป้าๆ รู้จักเสียที

เขาปิดหน้าจอโทรศัพท์ก่อนล้มตัวลงนอนบนเตียงเหมือนเดิม ไม่ลืมหยิบหมอนที่อลันด์ใช้หนุนนอนมากอดสูดกลิ่นประจำตัวอีกฝ่ายให้ชื่นใจ

“รีบกลับมานะไอ้ตัวแสบ พี่วาคิดถึงจะบ้าตายอยู่แล้ว”

.
.
.

หลังเลิกงานเย็นวันศุกร์หนึ่งช่วงเดือนมกราคม คุณหมอนั่งเรือข้ามฟากมารับอลันด์ตามปกติ หากวันนี้เขาชวนอีกฝ่ายกินข้าวข้างนอกแล้วแวะซูเปอร์มาร์เก็ตซื้อวัตถุดิบทำขนมเป็นของขวัญปีใหม่ย้อนหลังให้พวกป้าๆ

เด็กฝรั่งเอียงคอกระพริบตามองคุณหมอหยิบแป้งเค้กกับน้ำตาลไอซิ่งอย่างละถุงแค่นั้นก็ออกไปคิดเงิน พอถามว่าจะทำขนมอะไรคนตัวใหญ่หันมายิ้มให้ไม่ยอมตอบ บอกแค่ว่าเดี๋ยวถึงบ้านก็รู้เอง

เมื่อกลับมาถึงคอนโดทิวากานต์ไล่ให้เด็กหนุ่มไปเก็บของแล้วลงมาช่วยกันทำขนม ด้วยความตื่นเต้นอลันด์รีบขึ้นข้างบนเก็บกระเป๋าล้างหน้าล้างมือ ลงมาอีกทีเห็นคนรักหยิบอุปกรณ์วางเรียงบนเคาน์เตอร์ในห้องครัวเต็มไปหมด มีทั้งกะละมังใบเล็ก ถ้วยตวง ที่ร่อนแป้ง มีด พู่กันเบอร์หนึ่ง แล้วก็โหลแก้วอันใหญ่

ขนมที่ทิวากานต์จะทำคืนนี้ก็คือกลีบลำดวน คุกกี้แบบไทยๆ รสชาติหวานมันมีกลิ่นหอมแปลกๆ ที่ทั้งอลันด์และโธมัสชอบมากนั่นเอง คุณหมอเคยบอกเมื่อนานมาแล้วว่าทำง่ายแต่เด็กฝรั่งไม่คิดว่าจะใช้อุปกรณ์และวัตถุดิบแค่นี้

“ก่อนอื่นให้ตวงแป้งเตรียมร่อนสี่ถ้วย น้ำตาลไอซิ่งสองถ้วย”

คุณหมอค่อยๆ เทแป้งเค้กใส่ถ้วยตวงที่อลันด์ถืออยู่จนล้นแล้วใช้สันมีดปาดออกเรียบเสมอก่อนบอกให้เทใส่ที่ร่อนบนกะละมัง หลังจากนั้นก็ทำแบบนี้กับน้ำตาลไอซิ่งบ้างแล้วถึงเริ่มร่อนแป้งโดยจับอุปกรณ์เคาะกับฝ่ามือเบาๆ ไม่ให้แป้งฟุ้งกระจาย ทำแบบนี้ซ้ำกันสี่รอบเพื่อให้ได้เนื้อคุ้กกี้เนียนละเอียดที่สุด

“ร่อนเกลือหนึ่งช้อนชาเพิ่มรสชาติเค็มนิดๆ เสร็จแล้วก็ใช้นี่ผสมส่วนผสมให้เข้ากัน” คุณหมอหมุนตัวหยิบขวดน้ำมันถั่วเหลืองบนเคาน์เตอร์เปิดฝาแล้วเททีละนิดลงบนแป้ง “จับขย้ำเลย”

“หือ เอามือขยุ้มๆ แป้งกะน้ำมันเลยอ่ะเหรอ”

“ใช่ มาเดี๋ยวสอนให้” ว่าแล้วก็เอาตัวเองไปยืนซ้อนหลังคนเด็กกว่า จับบนหลังมือเล็กให้ขยำแป้งเบาๆ จนส่วนผสมเริ่มเกาะตัวเป็นก้อน “ขยำพลางเติมน้ำมันไปทีละนิดจนเนื้อแป้งเนียนเข้ากันหมด”

“ไอ - ซี แต่อีกมือไม่ต้องมาขยำก้นได้ม่ะ เดี๊ยะๆ”

“เดี๊ยะอะไร นี่เราไม่ได้กุ๊กกิ๊กกันหลายวันแล้วนะ”

“แล้วเมื่อวันพุธของใครเพิ่งแตกใส่ปากผมวะ รสชาติแย่ชะมัด”

“บอกให้รีบคายทิ้งมัวแต่อมอยู่ได้ อร่อยก็บอก” พูดจบปุ๊บทิวากานต์ถึงกับเซไปข้างหลังเพราะไอ้ตัวแสบดันถองศอกใส่เขาเต็มแรง เขาหัวเราะชอบใจก่อนเดินไปล้างมือปล่อยให้อลันด์นวดแป้งไป

ถ้าไม่นับข้อเสียของการมีแฟนเป็นเพศเดียวกันเรื่องที่เปิดเผยมากไม่ได้ ทิวากานต์ว่าการเป็นเกย์โอเคกับชีวิตในระดับแฮปปี้เวรี่มัช โดยเฉพาะเรื่องบนเตียงที่สะใจ ถึงใจ และได้ใจกว่ามีอะไรกับผู้หญิง ถึงว่าทำไมคนในวงการเดียวกันผันตัวไปก็เยอะ อย่างไอ้ฟ้าที่ช่วยหาชุดนางพยาบาลมาให้นั่นก็คบกับเพื่อนหมอที่เป็นรูมเมทกันตั้งแต่สมัยเรียน เขาไม่น่าโง่มาตาสว่างเอาตอนนี้เลย ไม่งั้นแฮปปี้ไปนานแล้ว

ทิวากานต์เดินไปเปิดทีวีนั่งดูข่าวรอบดึกระหว่างรออลันด์นวดแป้งแล้วค่อยกลับมาหยิบถาดรองอบมาวาง เขาเอาเนยขาวทาบางๆ ที่ถาดรองฆ่าเวลา จนเนื้อคุ้กกี้สำเร็จเรียบร้อยจึงได้เริ่มขั้นตอนถัดมาคือการปั้นแป้งให้เป็นกลีบดอกไม้

มือใหญ่หยิบแป้งจากในกาละมังขึ้นมาเพียงหยิบมือ ปั้นให้เป็นลูกกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดเกือบหนึ่งนิ้ว แล้วเอามีดผ่าให้เป็นสี่ส่วนเท่ากัน หยิบเอาตรงปลายของทั้งสามส่วนมาต่อกันให้เป็นกลีบดอกไม้ ส่วนที่เหลือเอาใส่กะละมัง พอได้หนึ่งอันให้หยิบแป้งในกะละมังก้อนเล็กๆ ปั้นเป็นเกสรทรงกลมวางบนส่วนต่อตรงกลางดอกไม้แล้ววางบนถาดที่เตรียมไว้ ทำแบบนี้จนแป้งหมดหรือกลีบลำดวนเต็มถาดถึงหยุดมือ

“เสร็จแล้วก็จะเอาไปอบเลยใช่ไหม”

“ยังก่อน เราต้องตกแต่งดอกไม้ของเราให้มีสีสันกันสักหน่อย อัลไปหยิบไข่ไก่ในตู้มาตอกใส่ถ้วยแยกเอาแต่ไข่แดงนะ”

“อ่าฮะ” เด็กแสบเดินไปล้างมือเช็ดทำความสะอาดเรียบร้อยถึงทำตามที่คุณหมอสั่ง เขาค่อยๆ แยกไข่ขาวกับไข่แดงออกจากกันอาศัยจากที่เคยเห็นทิวากานต์ทำก็ได้ไข่แดงสภาพแตกเล็กน้อยใส่ถ้วยมาให้

“คราวนี้ใช้พู่กันตีไข่แดงให้แตก แล้วเอานี่แหละป้ายบนเกสร”

“ไอ - ซี อันนี้ผมขอทำคนเดียวนะ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็จัดการละเลงไข่แดงบนขนมด้วยความสนุก ทำเลอะโดนส่วนกลีบบ้างหกใส่ถาดบ้างแต่ไม่ได้ถึงขั้นเสียจนใช้ไม่ได้

พอเติมสีเสร็จทีนี้ถึงขั้นตอนเอาเข้าเตาอบ ตั้งอุณหภูมิประมาณ 170 องศา ใช้ทั้งไฟบนและไฟล่าง อบประมาณสิบถึงสิบห้านาที ระหว่างนี้ทิวากานต์เลยไล่อลันด์ให้ไปอาบน้ำแล้วค่อยมาช่วยกันแกะคุกกี้ลงโหล

เด็กฝรั่งหายไปทำความสะอาดตัวเองเกือบยี่สิบนาทีเดินลงมาจากชั้นบนตัวหอมฉุย ได้กลิ่นขนมหวานๆ ก็ยิ้มร่ายืนส่องผลงานตัวเอง ยังเหลืออีกถาดที่ไม่ได้อบทิวากานต์เลยให้อลันด์จัดการตามที่เห็นไปก่อนหน้า ส่วนคนสั่งอาศัยช่วงนี้ไปอาบน้ำบ้าง

ระหว่างรอขนมถาดที่สองสุก อลันด์นั่งลงหน้าโซฟาหยิบรีโมทกดเปลี่ยนจากช่องข่าวเป็นละครเรื่องที่เคยดู ถึงจะโดนค่อนขอดว่าดูอะไรไร้สาระแต่ไม่รู้สิ...เขาหยุดดูมันไม่ได้สักที ละครไทยบางเรื่องตลกจะตาย มีอย่างที่ไหนพระเอกโง่นางเอกก็แสนดีเหมือนไม่ใช่คน

ขนมถาดสองสุกก่อนทิวากานต์จะลงมา เด็กหนุ่มจึงต้องเป็นคนเอาออกมาวางข้างนอกรอให้เย็นเท่านี้เป็นอันเสร็จ “หรือเปล่านะ?”

“ว่าไงไอ้ตัวแสบ ขนมเป็นไงมั้ง”

“เสร็จแล้ว” ตาสีซีดเงยมองคนถามในชุดนอนลายทางสีกรมส่งยิ้มตาหยีให้ “ลองกินได้ไหม”

“เอาสิ”

รสชาติของกลีบลำดวนโฮมเมดนั้นต่างจากที่ซื้อมาเล็กน้อย หากหวานมันกรุบกรอบจนต้องขอชิ้นที่สอง ชิมจนพอใจทิวากานต์ถึงเอาตะหลิวแบนๆ มาแซะก้นคุกกี้ออกจากถาดแล้วให้อลันด์ช่วยเรียงใส่โหลแก้ว

“อันนี้เป็นขั้นตอนมหัศจรรย์ เราจะทำให้กลีบลำดวนมีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้จริงๆ”

“ยังไง”

“ใช้ไอ้นี่ เขาเรียกว่าเทียนอบขนม” คุณหมอชูแท่งดินสีน้ำตาลคล้ำขึ้นให้เด็กต่างชาติดู “รู้จักเปล่า”

“รู้จัก เคยเห็นคุณยายเอามาใช้อบขนม”

“เก่งมาก เราจะใช้เทียนอบรมควันกลีบลำดวนพวกนี้ล่ะ” ทิวากานต์จุดไฟที่ส่วนปลายทั้งสองข้าง รอจนเปลวไฟเผาเนื้อเทียนแล้วเป่า ขั้นตอนนี้ต้องเร่งมือรีบเอาเทียนอบใส่ในขวดโหลแล้วปิดฝาให้สนิท ควันไฟสีขาวลอยตลบอบอวลอยู่ด้านในจนแทบมองไม่เห็นตัวขนม

อลันด์ทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นเทียนอบที่หลงเหลืออยู่ข้างนอกแล้วทำหน้าเคลิ้ม “หอม กลิ่นเหมือนวานิลาเลย แล้วเราทำไงต่ออ่ะวา”

“ทิ้งไว้คืนนึง พรุ่งนี้เช้าค่อยเอาขนมใส่ถุงไปให้ป้าๆ”

“ที่บอกจะให้ผมไปด้วยน่ะ เอาจริงใช่ไหม”

“แหงสิ” คนตัวโตหันมาสบตายืนยันอีกครั้ง “พี่บอกไปแล้วว่าจะพาแฟนไปเปิดตัว น้องขิงก็มาด้วย ดีเลยจะได้รู้จักให้หมดทีเดียวนี่แหละ ขี้เกียจแนะนำหลายรอบ”

เด็กฝรั่งทำหน้าแหยง เขายังไม่มีความคิดจะพาทิวากานต์ไปเปิดตัวกับที่บ้านในสถานะแฟนสักครั้ง ทั้งตายาย พ่อแม่ ญาติพี่น้อง แต่ละคนหัวโบราณกันสุดๆ มีหวังได้เป็นลมกันยกบ้าน แค่เรื่องจะเป็นนักร้องแด๊ดดี้ยังเต้นเป็นเจ้าเข้า เลิกหวังเรื่องเขาจะเป็นเกย์ไปอีกอย่างด้วยได้เลย ถ้าจะบอกคงต้องรอให้เขาอายุเยอะๆ แล้วไม่มีเมียมีลูกให้อุ้มก่อนนั่นแหละค่อยเปิดตัว

“วาไม่กลัวเขาตกใจหัวใจวายกันหรือไง”

ฟังแล้วทิวากานต์ได้แต่ยิ้ม จูงมือคนเด็กกว่าไปช่วยทำความสะอาดอุปกรณ์ทำขนม “บอกแล้วว่าทำ CPR เก่ง อีกอย่างเชื่อพี่เหอะว่าพวกเขารับได้และจะสนับสนุนเราด้วย”

“มันน่ากลัวนี่”

“คิดมากน่า ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก เราก็เคยเจอป้าหมอกะป้าแอนแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ก็จริง แต่ว่า... เฮ้อ ไม่รู้สิ” เขาล้างมือแล้วเช็ดกับกระดาษทิชชูจนแห้งค่อยเดินตามคนรักขึ้นห้องนอนต้อยๆ “เขาจะผิดหวังไหมที่วาคบกับผู้ชาย”

“พวกเขาไม่เคยหวังอะไรกับพี่หรอก ก็เหมือนกับแม่พี่นั่นแหละ ขอแค่พี่มีความสุขก็พอ แล้วอัลไม่ต้องกลัวนะ ถึงจะมีคนรับไม่ได้หรือไม่เห็นด้วยแต่พี่จะไม่มีวันปล่อยมือจากเราเด็ดขาด” ฝ่ามือใหญ่เอื้อมจับมือเล็กกว่าไว้แน่น ความอบอุ่นแผ่ออกมาเผื่อให้อีกคนวูบวาบไปทั้งใบหน้า

“ถ้าวามั่นใจแบบนั้น ผมก็โอเค๊” เด็กตัวเท่าไหล่เกาคางตัวเองแก้เขิน เหลือบตามองนาฬิกาในห้องเพิ่งจะสี่ทุ่มครึ่ง “แล้ววานัดพวกคุณป้าไว้กี่โมงอ่ะ”

“เที่ยง ทำไมรึ”

“งั้นคืนนี้ก็นอนดึกได้อ่ะดิ”

แค่มองตาวิบวับสีฟ้าทิวากานต์ก็รู้ความหมายที่อีกคนบอก แขนยาวล็อคคออีกคนเข้ามาซุกอกก่อนก้มใบหน้าลงไปให้เท่ากันแล้วป้อนจูบให้เป็นรางวัลหนึ่งที

“คืนนี้อยากเล่นบทไหนดีล่ะ”

.
.
.

หลอดกาแฟสีเขียวเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ของร้านกาแฟแบรนด์ดังถูกฟันหน้าคู่ใหญ่ของเด็กลูกครึ่งอังกฤษ-ไทยขบช่วงปลายจนใช้การไม่ได้อีกต่อไป บนโต๊ะมีถุงกระดาษใบใหญ่ใส่ขนมถุงเล็กๆ อีกที พวกเขามาถึงก่อนเวลานัดเกือบสิบห้านาทีเลยเลือกมานั่งรอทุกคนที่นี่ ตอนแรกอลันด์ไม่อยากให้พวกป้าๆ มาเร็วนักหรอก แต่ตอนนี้ชักอยากให้ทุกคนรีบมาแล้วสิ

“ขอไลน์ได้ไหมคะ”  คนที่ห้า! คนที่ห้าแล้วที่พูดประโยคนี้กับทิวากานต์ แฟนเขานั่งหัวโด่หน้าตูมอยู่นี่มองไม่เห็นหรือไง แล้วด็อกนี่ยังไงแทนที่จะปฏิเสธไปเน้นๆ สมเป็นลูกผู้ชายว่ามีแฟนแล้วดันยิ้มอ่อยทำตาหวานใส่เขาอีก

“ไม่เล่นไลน์ครับ” โกหกชัดๆ แล้วไอ้โปรแกรมเขียวๆ ที่เล่นอยู่ทุกวันกับคนอื่นนี่คืออะไร

“งั้นขอเบอร์หรือเฟซบุ๊คแทนได้ไหมคะ บุ้งอยากรู้จักพี่...”

“วาครับ” นั่น...จะไปบอกชื่อเขาทำไม

“พี่วา ขอได้ไหมคะ บุ้งอยากได้...” อยากได้อะไร เฟซบุ๊ค เบอร์ หรือผู้ชายของเขา!

“ให้ไม่ได้จริงๆ ขอโทษด้วยนะครับ แบบว่าแฟนหวงมากกก กอ ไก่ล้านตัว” เขาแทรกมุกตลกเล็กๆ สร้างความน่าเข้าใกล้แก่หญิงสาวขึ้นอีกระดับ

“แฟนพี่วาไม่รู้หรอกค่ะ นะคะ บุ้งอยากได้พี่วาจริงๆ”

นี่เธอ พูดเฉยๆ ไม่ได้ต้องก้มไม่ต้องเบียดทำเนียนนมหกใส่แฟนเขาได้ไหม แล้วพูดคำไหนตกไปหรือเปล่า สรุปเธออยากได้แค่เบอร์หรืออยากได้คนข้างตัวเขาไปกกกันแน่!!!

“ฮ่าๆ ถ้าพี่ให้บุ้งไปทำไมพี่แฟนจะไม่รู้ล่ะค่ะ ก็เขานั่งงอนอยู่ข้างๆ นานแล้วเนี่ย” นี่ก็อีกคน เผลอแป๊บเดียวเรียกชื่อเหมือนรู้จักกันมานาน มันน่าเตะหน้าแข้งสักที

“อุ๊ย ล้อกันเล่นหรือเปล่าคะ อย่ามาเนียนแกล้งกันหน่อยเลย บุ้งไม่เชื่อหรอก บอกว่ามาด้วยกันยังไม่เชื่อเลย”

“เอ้า พูดจริงๆ ไม่เชื่อเหรอ อัล...บอกบุ้งไปสิว่าเราเป็นแฟนกัน”

“เพิ่งนึกได้เหรอว่าเอาผมมาด้วยน่ะ วานี่มันน่า...ไม่ต้องมากอดเลยนะ ชิ้วๆ” แค่เห็นเด็กหน้าฝรั่งพูดไทยชัดถ้อยชัดคำก็ว่าตกใจแล้ว แต่เห็นผู้ชายที่เพิ่งอ่อยไปกำลังดึง ‘แฟน’ มากอดให้เห็นเต็มๆ ตา สาวไทยใจกล้าถึงกับรีบเดินหนีไปหาเพื่อนชวนเม้าท์กันสนั่นที่ผู้ชายหน้าตาดีสมัยนี้กลายพันธุ์กันเสียหมด

พอเห็นว่าสาวน้อยนามบุ้งเดินจากไปแขนยาวจึงยอมคลายออกจากเอวเล็ก คุณหมอเนื้อหอมถึงกับถอนหายใจยาวๆ มีหลายคนในร้านที่แอบสังเกตการณ์อยู่ทำตามแบบเงียบๆ โล่งใจว่าประชากรชายไทยยังอยู่ดี ที่เห็นเมื่อกี้เป็นแค่การแสดงไล่ชะนีเท่านั้น

“ไปสักที ตื๊ออยู่ได้”

“ทีงี้ทำเป็นรำคาญ เมื่อกี้เห็นมีความสุขดีอยู่นิ ทำไมไม่ให้ไปซะเลยล่ะ สวยน้อยเสียเมื่อไหร่” อลันด์หน้างอ หยิบหลอดมาหักครึ่งจนใช้การไม่ได้อีก

“หึงเหรอ” ทิวากานต์หันหน้าหล่อไปหาคนเด็กกว่าพลางตีหน้าซื่อบ๊องแบ๊วเลยได้ของแถมเป็นเตะเจาะยางไปหนึ่งที “อู๊ย อัลก็รู้นี่ว่าพี่รักแฟนพี่จะตาย”

“เบื่อวาว่ะ ขอทีเหอะไอ้นิสัยตบหัวแล้วลูบหลังเนี่ย บ่อยๆ ก็น้อยใจเป็นนะ”

“เรามันน่าแกล้งนี่” ท่าทางสำนึกสักนิดก็ไม่มี แบบนี้มันน่าตีให้ตายนัก!

อลันด์ลุกเดินเอาหน้าตูมๆ ไปหยิบหลอดกาแฟอันใหม่มาแทนของเก่าที่ถูกทำจนใช้ไม่ได้ เขากลับมานั่งที่เดิมทำเงียบไม่พูดไม่จากับคนแก่ขี้ยั่วได้แป๊บเดียวคราวนี้มีผู้หญิงเข้ามาทักทิวากานต์อีกแล้ว หากดูจากหน้าตาที่มีอายุหน่อยเลยพอคิดได้ว่าคงไม่ใช่มาจีบคุณหมอหรอก แต่ทำไมแฟนเขามันถึงได้ฉีกยิ้มหูตั้งหางกระดิกเหมือนเจออะไรถูกใจ

“อ้าวป้าเต็ม หวัดดีครับ มาคนแรกเลยอ่ะ นั่งก่อนๆ” พูดจบปุ๊บทิวากานต์เอาตัวใหญ่ๆ เขยิบมาเบียดอลันด์ที่เดินกลับมานั่งที่แล้วปั๊บ “ป้าเต็ม นี่น้องอัลแฟนวาที่บอกไง น่ารักเปล่า”

เด็กฝรั่งกระพริบตาปริบๆ พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นหนึ่งในแก๊งป้าของคนรักถึงกับตัวเกร็งขึ้นมาทันที เขาค่อยๆ ยกมือไหว้อีกฝ่ายเมื่อทิวากานต์แนะนำเขาให้รู้จัก “สวัสดีครับ”

“นี่พูดจริงป่ะเนี่ย พี่โบกะพี่แอนทายถูกจริงด้วยอ่ะ น้องอัลน่ารักมากกก นี่ป้าเต็มนะจ๊ะจะเรียกพี่เต็มก็ได้ไม่ว่ากัน” เธอนั่งลงข้างทิวากานต์ก่อนชะโงกหน้ามาพิจารณาเด็กที่ว่าเป็นแฟนหลานชาย ท่าทางปกติเหมือนกับว่าการที่ทิวากานต์คบกับผู้ชายไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ได้ช่วยให้อลันด์หายกังวล แต่กลับรู้สึกว่ามันราบรื่นเกินไปจนน่าขนลุก

“ป้าเต็มเอาน้ำไรไหม เดี๋ยววาไปซื้อให้”

“ฮอตช็อก”

“เอ่อ เดี๋ยวผมไปซื้อให้ดีกว่า”

“นั่งเป็นเพื่อนป้าเต็มอยู่นี่แหละพี่ไปเอง” ทิวากานต์ยิ้มเจ้าเล่ห์พลางกดไหล่เล็กไว้ ส่วนตัวเองรีบลุกเดินลิ่วๆ ไปต่อแถวยาวเหยียดสั่งเครื่องดื่มให้คนมาใหม่

เมื่อเหลือกันสองคนบนโต๊ะว่าอึดอัดแย่แล้ว ยังไม่ทันที่ใครได้พูดอะไรขึ้นมาป้าอีกสองคนก็มาถึง อลันด์จำได้ว่านี่เป็นป้าหมอกะป้าแอน ทักทายกันไม่ทันเสร็จก็มีมาอีกชุดและอีกชุดจนตอนนี้อลันด์มีหญิงรุ่นราวคราวแม่เกือบเจ็ดชีวิตยกเว้นแต่สาวสวยอายุน่าจะเท่าทิวากานต์ไว้คน

“สะ สวัสดีครับ” เด็กฝรั่งพนมมือยกไหว้แก๊งคุณป้าเหมือนตอนถูกคุณยายจับอรบรมเรียบร้อยสวยงามหลังพวกหล่อนแนะนำตัวครบทุกคน มีทั้งป้าก้อย น้าตา ป้าอิงแล้วก็พี่ขิงลูกสาวคนสวย แต่ละคนมองเขาในตำแหน่งแฟนหมอศัลย์อย่างไม่แปลกใจหรือตกใจอะไร ตาสีฟ้าเหลือบมองคนตัวสูงในแถวคิวหน้าเคาน์เตอร์ขอความช่วยเหลือแต่ทิวากานต์กลับทำไม่รู้ไม่ชี้ได้น่าหมั่นไส้เป็นที่สุด

“ขิงก็ว่าแล้วเชียวว่าแฟนพี่วาต้องไม่ธรรมดา มิน่าถึงบอกว่าแฟนไม่สวยแล้วก็คงไม่ได้แต่งงานเพราะน้องอัลเป็นเด็กผู้ชายนี่เอง” ขัตติยายิ้มตาปิดระหว่างเผาพี่ชายให้คนเด็กสุดฟัง เซอร์ไพรส์เหมือนกันที่พี่ชายเพลย์บอยเปลี่ยนแนว แต่ถ้าเปลี่ยนแล้วชีวิตดีขึ้นเธอไม่เห็นว่าจะมีอะไรเสียหายถึงจะน่าเสียดายไปหน่อยก็เหอะ

“แต่ยังเด็กอยู่เลย วามันหลอกเด็กชัดๆ” น้าตาว่าก่อนหันไปขอความเห็นจากเพื่อนคนอื่นก็มีป้าก้อยนี่แหละที่จริงจังไปด้วย

“นั่นสิน้องอัลอายุเท่าไหร่กัน บรรลุนิติภาวะหรือยัง เดี๋ยวหลานเรามันก็ได้นอนคุกหรอก”

“กินเด็กดีจะตายค่ะจะได้เป็นอมตะ” ไม่น่าเชื่อว่าประโยคนี้จะออกมาจากปากของป้าหมอที่น่าจะดูมีหลักการมากสุดในกลุ่มแล้ว เล่นเอารอบวงหัวเราะร่วน

อลันด์แอบอมยิ้ม รู้สึกชอบคุณป้าคนมากกว่าคนอื่นๆ ก่อนตอบคำถามเมื่อถูกย้ำให้บอกอายุ “กำลังจะสิบเก้าเดือนหน้าครับ”

“กรี๊ดดด ยังไม่ยี่สิบเลย เกลียดวาว่ะ กินเด็กสุดๆ” ปากบอกว่าเกลียดแต่น้าตากลับหัวเราะชอบใจ

บรรยากาศการเปิดตัวเป็นไปได้ด้วยดีผิดคาด ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนติดใจที่หลานชายรูปหล่อมาคบกับเด็กผู้ชายซ้ำยังดูออกยินดีที่ทิวากานต์คนขี้เหงามีแฟนเป็นตัวเป็นตนเสียทีหลังปล่อยตัวโสดเป็นพ่อมาลัยอยู่หลายปี

เด็กฝรั่งนั่งฟังป้าๆ เผาทิวากานต์ให้ฟังหลายต่อหลายเรื่อง มีบ้างบางครั้งที่เขาเผลอร่วมวงเม้าท์ไปด้วย แป๊บเดียวเท่านั้นก็รู้สึกเหมือนกลายเป็นคนในกลุ่มไปแล้ว แถมป้าแต่ละคนยังเอ็นดูเด็กหนุ่มอบอุ่นจนร้อน กว่าทิวากานต์จะกลับมาพร้อมแก้วเครื่องดื่มเต็มมือคุณหมอรูปหล่อก็กลายเป็นหมาหัวเน่าไปเรียบร้อย

คนตัวโตอมยิ้มเมื่อเห็นอลันด์เข้ากับพวกป้าๆ ได้ดี ดูท่าการผันตัวมาคบกับผู้ชายของเขาจะไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงแล้วล่ะ



ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 26 [04.02.16]
«ตอบ #451 เมื่อ04-02-2016 15:41:50 »

“ป้าอิงใจดีจัง ให้ขนมมาตั้งเยอะแน่ะ อันนี้อร่อย วากินไหม” ตั้งแต่แยกกันขึ้นรถกลับบ้านใครบ้านมันอลันด์ยังไม่หยุดพูดถึงเหล่าป้าและพี่สาวใจดีสักวินาที  มือเรียวสวยหยิบห่อขนมอิมพอร์ตจากญี่ปุ่นขึ้นสูงก่อนแกะส่งให้ทิวากานต์ถึงปากโดยที่คนขับยังไม่ทันได้ร้องบอก “น้าตาก็เก่ง ใครจะคิดว่าทำงานเกี่ยวกับเครื่องบิน แบบนี้ถ้าได้เจอกับทอมคงคุยกันสนุก อ๊ะ!”

คุณหมอเหลือบหางตามองคนข้างกายที่นิ่งไปหลังจากหลุดชื่อเพื่อนซี้ออกมา ตาสีฟ้าซีดแสดงอาการซึมเศร้าชัดเจน

นับตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นเจ้าตัวไม่เคยพูดถึงโธมัสอีก ถึงจะบอกว่าเข้าใจกันแล้วแต่จะให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมคล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้นในทันทีคงทำไม่ได้ เรียกได้ว่าทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ไว้ด้วยกันทั้งคู่

“อ่า...ใช่ พี่ขิงชมด้วยแหละว่ากลีบลำดวนที่ผมทำอร่อยมาก” เงียบได้ไม่เท่าไหร่เด็กแสบก็กลับมาพูดเจื้อยแจ้วได้อีกครั้ง หน้าขาวกลมแป้นยิ้มตาหยีโชว์รอยบุ๋มเล็กๆ บนแก้มนุ่มเมื่อขนมที่ตนทำได้รับคำชมมากมาย

“แน่ใจเหรอว่าผมทำ ไม่ใช่เราทำด้วยกันหรือไง”

“จะผมหรือเราก็เหมือนกันนั่นแหละน่า เราเป็นคนๆ เดียวกันแล้วนะวา”

พอโดนอ้างเอาเครดิตด้วยเจ้าเด็กฝรั่งก็โต้กลับแบบที่คนฟังถึงกับส่ายหน้า ไม่คิดว่าจะเล่นมุกได้กันแล้วถือว่าเป็นคนเดียวกัน นี่เขายังไม่ได้แต่งงานนะได้ข่าว “พี่ละเหนื่อยจะพูดกับเด็กอย่างเราจริงๆ”

“ว่าแต่พี่ขิงสวยจัง นี่ถ้าไม่ได้วาก่อนผมจีบไปแล้วนะเนี่ย” อลันด์ทำหูทวนลมพูดไปเรื่องอื่น นึกถึงพี่สาวคนสวยซ้ำยังใจดีเหมือนนางฟ้าไม่น่าเป็นพี่น้องโตมาพร้อมกับคุณหมอหน้าดุใจโฉดเลย

“พูดให้มันดีๆ นะเรา จะจีบอะไร ไม่ให้จีบ หวง”

“ผมเหรอ?”

“หวงขิงต่างหาก ถ้าคิดจะจีบต้องผ่านด่านพี่ชายสุดหล่อคนนี้ไปก่อนเฟ้ย”

“แหวะ” เด็กหนุ่มแกล้งทำท่าโก่งคอแต่หน้าตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม การได้พบเจอครอบครัวของคุณหมอวันนี้ทำให้เขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอีกคนเข้าไปอีกขั้น

อลันด์ประจักษ์เองแก่สายตาแล้วว่าทิวากานต์เป็นชายหนุ่มที่รักครอบครัวมากจริงๆ ทั้งที่ไม่มีสายเลือดผูกพันกัน เพียงเติบโตร่วมกันมาชายหนุ่มยังรักขัตติยาเหมือนน้องสาวแท้ๆ รวมไปถึงความรักและเคารพเหล่าป้าที่เลี้ยงดูกันมา แม้ตอนนี้จะเติบโตขึ้นมีหน้าที่การงานมีเส้นทางเดินเป็นของตัวเองทำให้ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แต่ความรักความผูกพันที่มีให้กันไม่เคยจืดจางไปตามกาลเวลา เขาชอบความสัมพันธ์ของครอบครัวนี้ และนึกเสียดายที่มาช้าไปไม่ทันได้พบเจอกับแม่ของคนรัก

ถ้าได้เจอ...เขาคงมีเรื่องพูดคุยกับเธอเยอะทีเดียว

“วันนี้ผมมีความสุขมากเลย ไม่คิดว่าทุกคนจะยอมรับและยินดีกับความรักของเราขนาดนี้ วาโชคดีจังนะที่มีครอบครัวแบบนี้ ยอมรับเลยว่าอิจฉาสุดๆ”

“ถ้าอัลยังอิจฉาแสดงว่าอัลไม่คิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพี่แล้วงั้นสิ” รอยบุ๋มกดลึกบนแก้มคร้านด้านซ้ายปรากฏให้คนนั่งข้างๆ ได้เห็น

“เอ๋? หมายความว่าไงนะวา”

“หมายความตามที่พูด”

“เหะๆ มีความสุขจัง”

อลันด์เอามือลูบคางตัวเองไปมาอย่างที่ชอบทำเวลาเขิน เขายังไม่ยี่สิบไม่เคยมีความคิดจะแต่งงานเร็วด้วย หากการได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวคนรักทำให้ใจอิ่มเอมหุบยิ้มไม่ไหว ลิ้นแดงแลบออกมาแตะริมฝีปากบนระหว่างใช้ความคิดก่อนเหลือบมองคนข้างกาย เขาเองก็อยากให้ทิวากานต์รู้สึกแบบเดียวกันบ้าง หากเขารู้จักครอบครัวตัวเองดีว่ามันเป็นไปได้ยากและต้องใช้เวลากับความอดทนมาก

เขาแตะหลังมืออีกคนลูบเบาๆ อย่างที่ทิวากานต์ชอบทำให้ “ขอบคุณนะวา สักวันผมเองก็จะพาวาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวบ้างเหมือนกัน ขอเวลาให้ผมกับครอบครัวสักหน่อย ขอแค่อดทนรอ...”

“ฉันรอได้อยู่แล้ว แต่ถ้า...” ครอบครัวโอเนลล์รับไม่ได้อลันด์นั่นแหละจะทำยังไง

เขาเก็บคำถามนั้นไว้ในใจไม่อยากให้คนฟังเครียด ในฐานะคนเป็นผู้ใหญ่กว่าเขารู้อยู่แล้วว่าครอบครัวคนปกติทั่วไปคงรับไม่ได้ง่ายๆ เหมือนอย่างของเขา ถ้าวันหนึ่งเกิดถึงทางแยกขึ้นมาให้ต้องเลือกระหว่างครอบครัวกับคนรัก เด็กที่เติบโตมาอย่างสมบูรณ์ในบ้านที่อบอุ่นอย่างอลันด์ต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ

“ถ้าอะไรเหรอวา”

“แต่ถ้าฉันแก่ไม่หล่อแถมลงพุงก็อย่าทิ้งกันล่ะ”

“ฮ่าๆ นึกภาพวาแก่เป็นคุณตาไม่ออกเลย แต่ใช่ว่าวาจะแก่คนเดียวสักหน่อย cause all I  wanna do is grow old with you อ๊ะ! รู้ล่ะ เพลงที่จะไปเล่นในงานแต่งเพื่อนวาสัปดาห์หน้าก็เอาเพลงนี้ด้วยดีกว่า” ว่าแล้วเจ้าตัวเลยจัดการฮัมเพลงงุ้งงิ้ง “I wanna make you smile whenever you're sad, carry you around when your arthritis is bad. Oh all I wanna do is grow old with you

“งานนี้พี่รันให้ค่าจ้างเท่าไหร่ล่ะ หืม?”

“ไม่บอก” เด็กแสบยิ้มแป้นส่ายหน้าไปมา อารมณ์ดีเกินจนคนแก่ชักอยากแหย่เล่น

“วันนี้มีความสุขไปเถอะ สัปดาห์หน้าเจอพวกเพื่อนๆ พี่อย่าป๊อดขึ้นมาล่ะ”

เท่านั้นเจ้าตัวถึงกับอ้าปากค้างพะงาบๆ งับอากาศอยู่หลายที “เออว่ะ แล้ววาจะไม่เป็นไรเหรอ เพื่อนวาจะ...”

“ไม่รู้สิ” เขายักไหล่แต่คิดว่าคงไม่ต่างจากวันนี้สักเท่าไหร่ ทิวากานต์มีเพื่อนในกลุ่มที่จะมาร่วมงานแต่งเป็นคู่ผัวเมียสระอะที่แกรนด์โอเพ่นนิ่งตั้งแต่สมัยเรียน เพื่อนบางคนก็เคยถูกใจดีเทลเลอร์ยาหนุ่มๆ จนไปสนุกเถิดเถิงกันมาแล้ว เขาเองยังเคยโดนไอ้พวกนี้ล้อกับการันต์เลย ถ้าเขาจะเป็นไปอีกคนคงไม่มีเพื่อนคนไหนกล้าตัดเพื่อนกันเพราะเรื่องแค่นี้หรอกมั้ง

“หรือผมจะไม่ไปดี”

“คิดมากน่า”

“แต่ถ้ามันทำให้วาเสียชื่อเสียความน่าเชื่อถือล่ะ”

เขาลอบสบตาสีฟ้าที่มองมาหงอยๆ จนอดถอนหายใจไม่ได้ นับวันอลันด์ดูจะกลายเป็นเด็กคิดมากไปทุกทีทั้งที่แต่ก่อนออกจะเอาแต่ใจและทำตามอารมณ์ตัวเองแท้ๆ “พี่แค่แนะนำเราให้รู้จักกับเพื่อน ไม่ได้เอาไปประกาศให้คนอื่นรู้กันทั่วสักหน่อย อีกอย่างถ้าพี่ไม่มั่นใจคงไม่ตัดสินใจทำเหมือนวันนี้หรอกนะ เชื่อใจพี่เถอะน่า”

ฝ่ามือใหญ่เอื้อมมาลูบผมคนรักก่อนกลับไปจับเกียร์ตามเดิม แค่นั้นก็มากพอแล้วสำหรับอลันด์สำหรับการเผชิญหน้ากับทุกอย่าง

“อ่อ อีกอย่างนะวันนั้นคงเรื่องของเราคงไม่ตกเป็นประเด็นเท่าพี่รันหรอก”

“พี่รันทำไมเหรอ”

“พาแฟนมาเปิดตัวเหมือนกันน่ะสิ”

.
.
.

“กวินเป็นน้องคนหนึ่งที่ผมภูมิใจ ผมเจอกับเขาครั้งแรกตั้งแต่ตอนที่เจ้าตัวยังเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่สอง บอกได้เลยว่าทั้งชั้นมีกวินนี่แหละที่ตั้งใจเรียนกว่าใครเพื่อน เขาทั้งฉลาดและเฉลียว มีความมานะบากบั่นไม่แพ้เพื่อนร่วมรุ่นคนไหน งานหนักเบาเขาสู้หมด เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน คนไข้ และคนที่ได้รู้จักทุกคน เห็นกันมานานจนรักเหมือนน้องแท้ๆ คนหนึ่ง วันนี้ไอ้เด็กแว่นที่ชอบหอบหนังสือเล่มโตเรียกพี่รันๆ โค้งตัวให้ทุกครั้งที่เจอจะมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว ผมอดภูมิใจในตัวน้องชายคนนี้ไม่ได้จริงๆ และในฐานะอาจารย์คนหนึ่งของเขาผมอยากจะฝากฝังคุณหมอคนเก่งคนนี้ไว้ให้เจ้าสาวได้ช่วยดูแล อย่างที่รู้อาชีพหมอนั้นงานหนัก เราดูแลคนอื่นจนบางครั้งหลงลืมดูแลคนในครอบครัวไป ผมหวังว่าเจ้าสาวที่ลูกศิษย์ผมเลือกมาดีแล้วจะเข้าใจช่วยดูแลเขาและครอบครัวต่อไป ทั้งนี้ผมมั่นใจ...เจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะต้องมีครอบครัวที่น่ารัก มีไอ้ตัวเล็กเร็วๆ เดี๋ยวผมจะให้เพื่อนรักผมอาจารย์ชวินสูติฯ มือฉมังช่วยทำคลอด...”

เสียงหัวเราะครืนดังทั่วสถานที่จัดงานแต่ง ตาสีฟ้าซีดกระพริบมองการันต์บนเวทีตาปริบ วันนี้คุณป๋าใส่สูทผูกไทเก็บผมเรียบร้อยดูหล่อสุดๆ เพื่อนเจ้าสาวบางนางถึงกับมองตาเป็นมัน ลามเผื่อแผ่มาถึงคุณหมอหัวอันเดอร์คัตข้างตัวเขาด้วย

แต่เสียใจจ้ะชะนี... วันนี้สองศัลยแพทย์รูปหล่อพาตัวจริงมาด้วย

“ป๋ารันเนี่ยหล่อไม่สร่างไม่จริงๆ เห็นหน้าแบบนั้นใครจะไปนึกว่าพี่แกเลยบางเขนจะเข้าหลักสี่แล้ว สงสัยกินเด็กจะเป็นอมตะตามเขาว่าแหะ” นายแพทย์อชิตะหนึ่งในเพื่อนร่วมรุ่นของทิวากานต์ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมชายล้วนปลายตามองหญิงสาวฝั่งตรงข้ามตอนท้ายประโยค ทุกคนบนโต๊ะจีนรู้กันหมดว่ามันจงใจแซวคนที่การันต์พามาด้วยโดยเฉพาะ แถมยังเลือกช่วงจังหวะที่นายแพทย์รุ่นพี่ขึ้นไปกล่าวอวยพรบ่าวสาวบนเวทีด้วยนะ

“นั่นสินะ ไอ้คนหัวเกรียนนี่ก็เหมือนกัน หน้าอ่อนหน้าขาวอย่างกับตูดเด็กฝรั่ง” วชิระคุณหมอผู้เคยรับจ้างเป็นนายหน้าจัดหาชุดคอสเพลย์นางพยาบาลเอียงคอมองทิวากานต์กับอลันด์สายตาวิบวับ เขาสงสัยตั้งนานว่าไอ้หมอโฉดไปลงหลักปักฐานกับใครที่ไหน ได้เจอตัวจริงวันนี้ถึงกับตกใจ แหม่...ใครจะไปคิดว่าไอ้รูมเมทปากหมาฟัดแต่ชะนีจะเปลี่ยนรสนิยมมากิน(เด็ก)ผู้ชายเหมือนเขา

“ก็ดีกว่าพวกกินกันเองนั่นแหละว่าไหมไอ้ฟ้า”

“อุ๊ย”

เจอสวนกลับเรียบๆ วชิระรีบเอามือปิดปากตัวเองแน่น เขาลืมไปได้ยังไงว่าทิวากานต์มันปากร้าย ขนาดเขาที่อายุมากกว่ามันตั้งสองปีมันยังไม่เคยเรียกพี่ให้ชื่นใจสักครั้งทั้งที่เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนชายล้วนมาก่อน ถือเอาว่าเอนท์ติดแพทย์ปีเดียวกันก็เหมานับเป็นเพื่อนหมด แม่งสันดานเสียจริงจัง

“นี่น้องอัลน้องแอฟรู้ไหม สมัยเรียนนะมีข่าวลือว่าไอ้วากับพี่รันกิ๊กกันด้วยล่ะ”

เห็นแฟนตัวเองโดนขู่หงอมีเหรอที่อชิตะจะยอม เขารีบตีไข่ใส่สีเล่าเรื่องให้อลันด์กับอักษราฟัง ทันใดนั้นเพื่อนนายแพทย์คนอื่นๆ ก็รีบโหมกระพือเรื่องนี้เป่าไฟลุกใส่หูสองคนกันสนุกสนาน แม้แต่ทิวากานต์ยังห้ามไม่ได้ ดูเหมือนการพาคนรักมาเปิดตัวให้เพื่อนรู้จักในงานนี้ของการันต์กับเขาจะไม่เป็นเรื่องดีซะแล้ว จะมีก็แต่เด็กฝรั่งนี่แหละที่นั่งฟังแล้วยิ้มหวาน จากที่กังวลตอนแรกไม่ทันไรก็ตีซี้กับเพื่อนๆ ทิวากานต์ได้หมด ดูเหมือนเจ้าตัวมักเป็นที่ถูกชะตาของคนสูงวัยกว่าจริงๆ

“คุยอะไรกันท่าทางน่าสนุก ขอฉันร่วมวงด้วยสิ” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นพร้อมการันต์นั่งลงบนเก้าอี้ว่างข้างตัวอักษราซึ่งเป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวบนโต๊ะ

“เปล่าครับพี่ แค่โฆษณาอะไรเล็กๆ น้อยๆ หน่อยเดียว” อชิตะรีบแก้ตัวพัลวัล ถึงเขาไม่ได้เทรนโดยตรงกับการันต์ตอนเรียนต่อ แต่เขาเคารพและหงอกับรุ่นพี่คนนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนด้วยอะไรบางอย่างที่เขาเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจ

“พี่หนึ่งบอกว่าพี่รันกับพี่วาเคยกิ๊กกันมาก่อนค่ะ”

“วาไม่แก้ตัวด้วยนะ” เด็กฝรั่งสำทับเลยโดนทิวากานต์ดึงคอเข้าไปกอดรีบง้อ

“จะแก้ตัวได้ไงล่ะ พวกนี้พูดกันไม่เปิดช่องให้เลย”

“แล้วจริงหรือเปล่าคะ แต่หนูว่า...สองคนนี้ถ้าคบกันก็น่ารักดีนะคะ รุ่นพี่รุ่นน้องในโรงเรียนแพทย์น่าเอาไปเขียนนิยายลงเล้าสุดๆ” อักษรายิ้มหวานเอียงคอมองสองหนุ่มตาเป็นประกายเห็นเป็นเรื่องน่ายินดี เห็นเท่านี้ทิวากานต์ตรัสรู้ในทันทีว่าหล่อนเป็นสาววายประเภทเดียวกับแก๊งป้าเขาแน่นอน!

“อู๊ย น้องแอฟพูดแบบนั้นได้ไงครับ ตัวจริงไอ้วานั่งอยู่นี่เดี๋ยวก็งอนตุ๊บป่องกันพอดี”

“อุ๊ย ขอโทษค่ะ ลืมตัวไปหน่อย น้องแสบอย่าโกรธพี่น้าาา” หล่อนทำเสียงน่ารักก่อนหันมาง้ออลันด์ที่นั่งข้างกัน ดูแล้วแฟนของทิวากานต์ก็เข้ากับแฟนของนายแพทย์รุ่นพี่ได้เป็นอย่างดีเช่นกัน ดีจนบางทีจับคู่คุยลืมคนที่พามาด้วยเฉย

“พอๆ ไร้สาระ ดูบนเวทีดีกว่า ได้เวลาน้องแสบจะไปเซอร์ไพรส์แล้ว” การันต์ดุหญิงสาวเบาๆ ก่อนจับให้เธอหันไปมองบนเวที อักษราทำหน้าบูดหน่อยๆ หากยอมเชื่อฟังคุณหมอเจ้าของไข้ตัวเองดี ขืนดื้อสิโดนจับยัดแอดมิทแน่ๆ การันต์น่ะหาเตียงคนไข้ในโรงเรียนแพทย์ที่ว่าต้องต่อคิวนานเป็นเดือนๆ ได้เก่งมาก เธอพิสูจน์มาแล้วจากตอนรักษาโรคผนังหัวใจรั่วเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แจ้งวันนี้พรุ่งนี้หาเตียงได้เลยไม่มีเวลาให้เตรียมตัวเตรียมใจสักนิด

ส่วนทิวากานต์ก็รีบลุกพาอลันด์เข้าหลังเวทีเตรียมไปทำงานที่ได้รับมอบหมายมา พอถึงด้านหลังเวทีชายหนุ่มช่วยอีกคนจัดแจงสะพายกีตาร์ เสียบสายลำโพง เช็คความเรียบร้อยจนดีแล้วค่อยตบไหล่ให้กำลังใจ

“สู้ๆ”

“อื้อ เชื่อมือผมเหอะ”

จนออแกไนซ์เซอร์ให้คิว ร่างเล็กกะทัดรัดจึงรีบวิ่งปรือไปยืนประจำตำแหน่ง ตาสีฟ้ายืนมองเจ้าบ่าวกล่าวความในใจกับเจ้าสาวเป็นลำดับถัดไปหลังก่อนหน้านี้ที่บรรดาผู้ใหญ่ขึ้นมากล่าวอวยพรจนครบทุกฝ่าย

เสียงกีตาร์กับน้ำเสียงแหบต่ำถึงดังขึ้นพร้อมเนื้อเพลงรักอ่อนหวานเข้ากับบรรยากาศงาน เด็กฝรั่งตัวเล็กยืนเกากีตาร์อยู่ด้านล่างข้างเวที มีแสงสปอร์ตไลท์ส่องลงมากระทบเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนเป็นเงา ถ้าเป็นงานอื่นคงเป็นตัวเด่นอย่างไม่ต้องสงสัย หากวันนี้คู่รักเป็นตัวเด่นของงานทุกสายตาจึงจับจ้องไปที่กลางเวที มีเพียงทิวากานต์เท่านั้นที่มองดูคนรักของเขาด้วยความภาคภูมิใจ

“I’ll get your medicine when your tummy aches
Build you a fire if the furnace breaks
Oh it could be so nice, growing old with you
I could be the man who grows old with you1


พอได้เวลาเจ้าบ่าวจับจูงเจ้าสาวไปด้านหน้าเพื่อเตรียมการตัดเค้กตามกำหนดการ ใบหน้าของหมอกวินและคู่ชีวิตวันนี้ช่างดูอิ่มเอิบสดใสสมกับเป็นวันที่มีความสุขที่สุด แม้แต่โต๊ะของบรรดาเพื่อนที่ยังไม่มีใครลงหลักปักฐานกันเป็นเรื่องเป็นราวสักคนอย่างโต๊ะการันต์ยังอดรู้สึกมีความสุขไปด้วยไม่ได้

การันต์เหลือบมองอักษราตอนบ่าวสาวจับมือกันช่วยตัดเค้ก เขาเคยผ่านพิธีเช่นนี้มาก่อนแล้วรู้ดีว่ามันมีความสุขมากเพียงใด แต่การแต่งงานไม่ใช่ฉาก Happy Ending ของชีวิตคู่มันหากคือจุดเริ่มต้นอีกด้านหนึ่งของชีวิตคู่ที่อาจจะลงท้ายไม่สวยงาม

เขาเคยเจ็บปวดกับความรักเจียนตายผ่านความล้มเหลวมาแล้วกับชีวิตคู่ จะผิดไหมถ้าวันนี้เขาอยากจะเริ่มต้นการสร้างครอบครัวอีกสักครั้งกับผู้หญิงคนนี้ คนที่อายุน้อยกว่าเขาหลายปีซ้ำยังรู้จักกันได้ไม่นาน ทว่าอักษราเป็นคนปลุกความรู้สึกนั้นที่เขาเก็บไว้ในส่วนลึกขึ้นมาได้อีกครั้ง อยากดูแลอยากอยู่ด้วยกันตลอดไปจนกว่าจะแก่เฒ่าและตายจาก

“แอฟ...”

“คะ?”

“คือพี่ว่าเรา...”

ไม่ทันรู้ตัวการันต์เผลอเรียกชื่ออีกฝ่ายออกไปซะแล้ว เขามองนัยน์ตากลมโตสีนิลคู่นั้นที่จับจ้องมองเขามาด้วยความสงสัย ท่าทางใสซื่อนั้นยังคงเหมือนเดิมตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน จนอดคิดไม่ได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมามีเพียงแค่เขาคนเดียวที่รู้สึกไปเองกับความรักครั้งนี้

“อ๊ะ! เจ้าสาวจะโยนดอกไม้แล้ว น้องแอฟรีบไปแย่งเร็ว” วชิระชะโงกข้ามโต๊ะมาตีไหล่หญิงสาวเบาๆ กะทันหันทำเอาทั้งคู่สะดุ้งเหมือนได้สติกลับมา หญิงสาวเปลี่ยนโฟกัสไปที่นายแพทย์หนุ่มท่าทางนุ่มนิ่มแทน

“อะไรนะคะพี่ฟ้า”

“ไปแย่งดอกไม้เจ้าสาวไง นู่นๆ เขาเรียกสาวๆ ไปหน้าเวทีแล้ว”

“ใช่ พี่กำลังบอกให้เราไปแย่งดอกไม้กัน!” อะไรไม่รู้ล่ะการันต์ขอเออออไปก่อน

บ้าเอ๊ย! ไม่รู้เป็นเพราะบรรยากาศพาไปหรืออะไรแต่เมื่อกี้เขาเกือบเอ่ยปากขออีกคนแต่งงานไปแล้ว!!!

“เอ๋ ป๋ารันจะไปด้วยเหรอ” หมอฟ้าทำตาโต ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าเมื่อกี้ไปขัดจังหวะสารภาพรักเข้า การันต์เลยต้องอาศัยจังหวะนี้แก้เก้อไปตามเรื่อง “ถ้าป๋าไปงั้นฟ้าไปด้วย ตอนแรกฟ้าอยากไปนะแต่จะให้ไปร่วมวงกับสาวๆ อ่ะน่าเกลียดตาย แต่ถ้าป๋าไปฟ้าก็จะได้มีเพื่อนตบตีกะชะนี”

“เฮ้ย! ไปทำไม มีแต่ผู้หญิงอายเค้าวุ้ย ฉันหมายถึงให้เราน่ะ แอฟ เราน่ะ...ไปเอาดอกไม้ให้ไอ้ฟ้ามันหน่อย มันอยากจะแต่งกับไอ้หนึ่งเต็มแก่ล่ะแต่ไอ้หมอกระดูกไม่ขอสักที”

“อ๋อ ฮ่าๆ ได้เลยค่า หนูจะสู้สุดฝีมือเลย พี่ฟ้าจะได้แต่งกับพี่หนึ่งสักที” ได้ยินแล้วสาวน้อยถึงกับลุกขึ้นยืนกำหมัดแน่น ไฟลุกท่วมตาเหมือนกับว่าจะไปสู้ศึกอะไรสักอย่าง แน่นอน...เพื่อความรักของเพศเดียวกันแล้วเธอพร้อมให้การสนับสนุนสู้สุดใจ แม้ว่าชะนีจะไร้ที่ยืนต้องนั่งคานตลอดชีพก็ไม่ใช่ปัญหา

ว่าแล้วอักษรารีบวิ่งปรู๊ดไปหน้าเวทีทันทีเมื่อพิธีกรกำลังนับถอยหลัง มีเสียงการันต์ตะโกนไล่หลังบอกว่าอย่าวิ่งเป็นแบ็คกราวด์ไปตลอดทาง ไม่ได้กลัวจะล้มหรอกนะแต่บางทีอักษราก็ลืมตัวไปว่าเพิ่งผ่าตัดมาได้ครบเดือน! “แอฟอย่าวิ่ง แอฟ...พี่บอกว่าอย่าวิ๊งงง”

“คบเด็กมีแต่เรื่องปวดหัวแบบนี้แหละพี่ ต้องทำใจ” ทิวากานต์กับอลันด์เดินกลับมานั่งที่หลังเสร็จภารกิจทันเห็นได้ยินพอดี เขานั่งลงที่เดิมยิ้มแก้มแทบแตกไม่แพ้อลันด์เพราะมีแต่คนชมเด็กในสังกัดว่าร้องเพลงเพราะมาตลอดทางตอนเดินกลับ

งานนี้เด็กฝรั่งหน้าบานเป็นกระด้งไม่แพ้กัน ร้องเพลงเดียวแต่ป๋ารันใจป้ำให้ค่าจ้างตั้งสองหมื่น แถมยังมีของขวัญใส่กล่องมาให้อีกเป็นการขอบคุณและขอโทษที่เรียกตัวทิวากานต์ไปช่วยผ่าตัดในคืนสำคัญของคนทั้งคู่ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรแต่น่าจะเป็นพวกน้ำหอมอะไรประมาณนี้

“เอ็งก็บอกเคล็ดลับป๋าเขาหน่อยสิวะไอ้วาในฐานะผู้บุกเบิกเทรนด์กินเด็กของกลุ่ม” อชิตะแซวขึ้นมาเลยถูกเพื่อนอ่อนกว่าสองปีเอื้อมแขนยาวๆ ตบหัวไปหนึ่งที

“ปากดีนักนะมึง เดี๋ยวกูแฉหรอกว่ามึงไลน์มาปรึกษาเรื่องจีบสาวนมโตที่นิวยอร์ก”

“ชิชะ ไอ้นี่... ไอ้วา ไอ้ตอแหล ไอ้พวกยุให้ครอบครัวเขาแตกแยก เก๊าไม่เคยนอกใจฟ้านะ”

“เอ๊าะเหรอ” วชิระสวนกลับนิ่งทั้งหน้าทั้งตา รู้จักกันตั้งแต่ม. หนึ่งทำไมเขาจะไม่รู้จักสันดานเจ้าชู้อีกคนดี “ใช่สิ เรามันของตาย นมไม่มี แถมอยู่บ้านนอกที่ญี่ปุ่นมันจะไปเร้าใจอะไร”

“ฟ้าอ่า เชื่อไอ้วามันมากกว่าหนึ่งเหรอ”

“กูเคยโกหกพวกมึงเหรอ” แทนที่จะช่วยให้ดีขึ้นหมอศัลย์หัวใจรูปหล่อยิ้มชั่วเติมถ่านเข้าไปอีกถุงใหญ่ เขาหยิบถั่วลิสงเข้าปากเคี้ยวรอดูผัวเมียตีกัน ไม่ลืมคีบเป็ดย่างบนโต๊ะให้เด็กฝรั่งข้างตัวกินเติมท้องด้วย “กินเข้าไปเยอะๆ”

“ไม่หิวแล้วอ่ะ”

“ไม่หิวก็ต้องกิน พี่รันดูไว้นะครับ ถ้าเด็กดื้อเราต้องดุ ถ้าเด็กงอนเราต้องง้อ แต่ถ้าเด็กอ้อนก็จัดเลย”

“แกนี่มัน...” การันต์ส่ายหัวกับคำแนะนำจากรุ่นน้อง เขามองไปที่หน้าเวทีเห็นอักษราเดินยิ้มหวานถือช่อดอกไม้กลับมาพอดี ดูเหมือนจะปฏิบัติภารกิจสำเร็จ

“หนูได้ดอกไม้มาด้วยล่ะ เย้” เจ้าหล่อนกระโดดเขย่งปลายเท้าท่าทางเหมือนเด็กสามขวบตั้งแต่หน้าเวทีมาถึงโต๊ะ ก่อนยื่นช่อดอกไม้เจ้าสาวไปให้หมอกระดูก “พี่หนึ่งเอาไปขอพี่ฟ้าแต่งงานนะคะ”

อชิตะกับวชิระหยุดตีกันทันที ตาสองคู่มองช่อดอกไม้ตาปริบ เขาไม่นึกว่าเธอจะไปเอามาได้จริงๆ แต่ถึงเอามาได้เขาก็คงไม่ขออีกคนแต่งงานหรอก ได้เสียกันตั้งแต่เป็นรูมเมทก่อนแยกกันไปเรียนต่อก็อยู่ด้วยกันมาตลอด เรียกว่าเลยการแต่งงานมาไกลแล้ว

“เฮ้ย พี่พูดเล่น อย่างพี่กับไอ้หนึ่งอยู่กินกันเป็นผัวเมียมาเป็นชาติแล้วจะแต่งอะไรกันอีก”

“ใช่ๆ น้องแอฟเก็บไว้เองเถอะอุตส่าห์ไปเอามาได้ นี่ไง...เขาว่าอะไรนะหนึ่ง คนที่รับดอกไม้เจ้าสาวได้อ่ะ”

“จะได้เป็นเจ้าสาวคนถัดไปไง สงสัยงานหน้าเป็นคิวพี่รันกะน้องแอฟชัวร์ๆ” อชิตะรีบเสริมอย่างรวดเร็ว ไม่ลืมแกล้งหยอดใส่ศัลยแพทย์รุ่นใหญ่ไปหนึ่งดอก

“หนูกับพี่รันไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย” หล่อนฟังแล้วยู่หน้า ไม่ใช่ว่าแบ๊วจนไม่รู้เรื่องแต่เป็นการันต์ต่างหากที่ไม่เคยพูดอะไรกับเธอตรงๆ มีแต่บังคับให้ทำนู่นนี่ อย่างงานแต่งที่เธอไม่รู้จักใครสักคนดันลากให้มาด้วย ยังดีว่าพวกรุ่นน้องของการันต์คุยเก่ง แถมยังมีเด็กวัยใกล้ๆ กันอย่างอลันด์เธอจึงไม่แกร่วอย่างที่คิด

“อ้าว ไหงงั้นล่ะป๋า”

“พูดมากน่า แอฟ...มานั่งกินข้าวต่อได้แล้ว เมื่อกี้ก็กินไปนิดเดียวเอง จะผอมแข่งกับน้องแสบหรือไง” การันต์รีบตัดบทก่อนงานจะเข้าตัว ได้ยินสาวเจ้าบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วมันเจ็บจี๊ดถึงทรวง

“ไม่อยากกินแล้วอ่า”

“ไม่อยากก็ต้องกิน เร็วเข้า”

“พี่รันอย่าดุเหมือนวาสิ เฮ้อ...ทำไมชอบบังคับให้กินข้าวเยอะๆ ด้วย คนมันไม่อยากกินบังคับอยู่นั่นแหละ ทีตอนเราอ้วนก็บอกให้ลด พอผอมก็ขุนให้อ้วน นี่คนนะไม่ใช่หมู” ได้ทีเด็กฝรั่งรีบบ่นคุณหมอจอมเฮี้ยบเป็นภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำให้ทุกคนบนโต๊ะหัวเราะครืนเลยถูกดีดจมูกไปเบาๆ แล้วจำต้องอ้าปากรับเนื้อเป็ดย่างชิ้นใหญ่ไปเคี้ยว “อันนี้อร่อยอ่ะ เอาอีกชิ้นซิวา”

“ทีงี้ได้ทีใช้ใหญ่นะเรา เมื่อกี้ยังบ่นไม่อยากกินแท้ๆ” ปากบ่นมือขยับคีบเนื้อเป็ดฉ่ำน้ำซอสให้อีกคนอยู่ดี

วชิระมองเด็กหนุ่มเด็กสาวแล้วส่ายหัว “เป็นพี่ก็อยากให้เราสองคนกินเยอะๆ นะ ผอมกันเกินไปแล้วรู้ไหม นี่ก็เพิ่งรักษา ASD มาเหมือนกันด้วยนิใช่ไหม บังเอิญจังเลยเนอะ แต่ถึงจะรักษาหายแล้วใช่ว่าจะใช้ชีวิตแบบเดิมได้เต็มที่นะ คนที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจมักมีโอกาสเกิดโรคที่เกี่ยวกับหัวใจขึ้นอีกมากกว่าคนปกติทั่วไป สิ่งที่ควรทำต่อไปนี้ก็คือรักษาสุขภาพให้แข็งแรง กินอาหารให้ครบห้าหมู่และหมั่นออกกำลังกาย แล้วหมอบอกอะไรก็เชื่อด้วย”

ในฐานะหมอหัวใจอีกคนบนโต๊ะวชิระจึงถึงโอกาสให้คำแนะนำไปด้วยเสียเลย หมอบางคนมักไม่อยากคุยเรื่องงานถ้าอยู่นอกโรงพยาบาล แต่ด้วยจิตสำนึกแล้วไม่มีหมอคนไหนจะมองเฉยกับอาการเจ็บป่วยของคนรอบข้างไปได้หรอก

“ไอ - ซี เอาจริงนะพี่ฟ้าพูดแล้วน่าทำตามกว่าวาเยอะเลยอ่ะ วานะมีแต่สั่ง สั่ง สั่งให้ทำตาม เผด็จการสุดๆ”

“พี่รันก็เหมือนกัน บ่นนู่นบ่นนี่เป็นคนแก่ ยังไม่สี่สิบแท้ๆ ทำตัวเหมือนคนวัยทอง”

ได้ทีสองคนป่วยรีบฟ้องใหญ่เรียกเสียงหัวเราะได้อีกหน เล่นเอา ‘คนวัยทอง’ หน้างอเป็นจวักจ้องงาบหัวไอ้พวกรุ่นน้องเป็นรายตัว



TBC

งวดนี้มาเร็วค่ะ งานเริ่มซาแล้วลงสองเรื่องพร้อมเลย (อีกเรื่องก็ Love l Hate ค่ะ ลงเมื่อเช้า)
ความจริงคือวันนี้ว่างนี่เอง พรุ่งนี้ค่อยหัวหมุนต่อ

ตอนนี้พี่วาพาน้องเปิดตัวแล้ว เหลือแต่คนน้องนี่แหละเมื่อไหร่จะพาพี่เปิดตัวบ้าง อุฮิ
ส่วน ‘ยัยเด็กนี่’ จากตอนพิเศษคือใคร เรามีตอนพิเศษของ ‘ยัยเด็กนี่’ ด้วยค่ะ แต่ขอเก็บไว้ก่อน
จะใช่น้องอัลหรือไม่ โปรดติดตามกันต่อไปยาวๆ เลยค่า

ฝากแท็ก #พี่วาน้องอัล สำหรับคนที่เล่นทิวตเตอร์ด้วยนะคะ
ลงนิยายมาตั้งนานเพิ่งคิดได้ว่าควรมีแท็คไว้เช็คเรตติ้งกะเขาบ้าง 555

จุ๊บๆ เจอกันตอนหน้าค่า

 :mew1:

--------------------------
1 Adam Sandler - Grow Old With You

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
พวกป้าๆกับเพื่อนหมอว่าน่ารักอ่ะ  :katai2-1:
น้องอัลน่ารักตลอดๆ
ปล.หวังว่ายัยเด็กนั้นจะเป็นน้องอัลของเรา  :L2:

ปล.มาต่อบ่อยๆนะคะ จุ้บ :mew1: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
  ชมรมคนกินเด็ก o13o13  o13

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
น่ารักจริงค่ะร้องแสบ

ออฟไลน์ Mokuchi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ชอบตอนนี้จังค่ะ ดูอบอุ่นละมุนดี :-[

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เป็นตอนที่คึกคักมาก หมอวาพาหวานใจไปเปิดตัว ผ่านทุกด่านไม่มีดราม่า
ฝั่งน้องอัลจะเป็นไงบ้างหนอ มีแต่คนแก่หัวโบราณ

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
ฝั่งสาโอเคแหละ งานกลังอยู่ฝั่งตัวแสบคุณพ่อสุดหวงขนาดนั้นนนนน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
น่ารักจัง...หมอวาพาเปิดตัวทั้งเพื่อนและครอบครัวเลยอะ เริ่ด......

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
น้องอัลผ่านฉลุย เข้าได้ทุกคณะ เพราะน้องน่าร้ากกกกก   :mew1:

เอาใจช่วยป๋ารันต์ค่า


ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
น้องอัลน่ารักมากค่ะ ไม่อยากให้มีฉากดราม่าเลย  :ling3:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
น้องอัลผ่านด่านคุณป้าฉลุยเลย คึคึ

ออฟไลน์ misskimji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ตามอ่านจนทันแล้ว
สนุกมากเลยค่ะ ชอบๆ
รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ VarainDark

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ว๊าวววววว พี่รันเปิดตัวว่าที่เจ้าสาวแล้ว
แล้วเมื่อไร 'ตัวแสบ' จะเปิดตัว่าที่ 'เจ้าบ่าว' กับที่บ้านบ้างล่ะ
ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
เปิดตัวฝ่ายหมอวาแล้ว เหลือแต่ฝ่ายอัล
ด่านหินทั้งนั้น หมอวากะอัลสู้ไปด้วยกันนะ แด๊ดดี้หวงลูกมาย

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 27 [07.02.16]
«ตอบ #467 เมื่อ07-02-2016 15:22:52 »

TRACK 27



ยิ่งดึกบทสนทนาบนโต๊ะยิ่งเปลี่ยนไปเรื่อยแล้วแต่ใครจะนึกอะไรขึ้นมาได้ สักสี่ทุ่มครึ่งจึงทยอยกันแยกย้าย บางกลุ่มจะไปกินกันต่อ บางคนต้องกลับไปเข้าเวร บางส่วนก็กลับบ้านพัก

“แล้วนี่พวกมึงกลับกันวันไหนวะ” ทิวากานต์เดินล้วงกระเป๋า ไหล่ข้างหนึ่งสะพายกล่องใส่กีตาร์ไว้ดูเท่ประหนึ่งนายแบบบนหน้านิตยสาร ตัวเขาว่าจะไปส่งอลันด์ที่คอนโดแล้วไปต่อกับเพื่อนที่ผับแถวทองหล่อ เหลือแต่ไอ้คู่รักสระอะที่ถ่อมาจากต่างประเทศนี่แหละยังไม่รู้อนาคต

“พรุ่งนี้เช้าว่ะ”

“แล้วไอ้หนึ่ง มึงกลับเมกาวันไหน”

“พร้อมฟ้านี่แหละ”

“ไหนว่าลาพักร้อนมาหลายวัน” คิ้วเข้มแกล้งขมวดเข้าหากัน พอจะเดาคำตอบได้อยู่หรอกว่าทำไมมันสองตัวถึงจะกลับพร้อมกันทั้งที่คนหนึ่งเทรนที่ญี่ปุ่นส่วนอีกคนต่อบอร์ดที่แอลเอ

“กูอยากแวะเที่ยวญี่ปุ่นหน่อยว่ะ เห็นเขาว่าคิทแคทชาเขียวแม่งอร่อย”

“เออ ใช่ รอแป๊บนึง กูซื้อมาฝากด้วย น้องแอฟอย่าเพิ่งให้ป๋ารันลากกลับนะ รอเอาของฝากก่อน” สั่งเสร็จปุ๊บ วชิระรีบวิ่งไปที่รถตัวเองเปิดประตูหลังคนขับหยิบถุงของฝากถุงใหญ่ออกมาแจกจ่ายเพื่อนฝูง “กินเยอะๆ นะ”

“ขอบคุณครับ” อลันด์ยกมือไหว้แล้วค่อยรับของมา มารยาทดีเป็นที่ถูกใจคนแก่ๆ สักพักบรรดาคุณหมอวัยสามสิบอัพเลยแจกเงินเป็นค่าขนมกันใหญ่

“ไอ้วามันเลี้ยงอดๆ ยากๆ ล่ะสิถึงได้ผอมแบบนี้ อะ...พี่ให้ค่าขนม” เพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งของทิวากานต์เริ่มยื่นแบงค์พันให้ไอ้ตัวแสบ คราวนี้ต่างคนต่างไม่ยอมแย่งกันให้จนรับไม่หวาดไม่ไหว ทิวากานต์จะขำก็ขำไม่ออก มองไอ้เด็กหน้ามึนยิ้มกว้างไหว้ขอบคุณคนนู้นคนนี้รับเงินค่าขนมมาเต็มมือ อยากบอกเพื่อนเหลือเกินว่าไอ้เด็กนี่บ้านรวยกว่าพวกมึงอีก!

“ป๋า แล้วป๋าไม่ให้ค่าหนมน้องบ้างเหรอ “ ไม่ทันไรคนหนึ่งในกลุ่มก็เรียกการันต์ คุณป๋ายิ้มโชว์ฟันขาวหยิบกระเป๋าสตางค์แจกให้ไอ้ตัวแสบไปอีกห้าพัน นี่ยังไม่รวมค่าจ้างร้องเพลงเป็นใบเช็คมาให้อีกนะ

“วู้ว ป๋าใจป้ำสุดๆ ป๋าขาไปเที่ยวกันไหมลอนดอนเซี่ยงไฮ้หนูช๊อบชอบ สร้อยแหวนนาฬิกาปาเต๊ะไอโฟนไอแพดล่ะหนูช๊อบชอบ รถสปอร์ตแอสตันมาร์ตินขับโฉบวิ่งฉิวล่ะหนูช๊อบชอบ” วชิระรีบโฉบมากอดแขนการันต์บีบนวดเอาใจ เริ่มร้องเพลงแซวเป็นที่สนุกสนานเรียกเสียงฮากันไป

“ไอ้ฟ้าเล่นไม่ดู ไม่เห็นเหรอว่าวันนี้ป๋าควงตัวจริงมาด้วย หนอยริอาจอยากเป็นตุ๊กตาเก้งหน้าแอสตันป๋า ไปบอกผัวมึงไป๊”

“แล้วมึงคิดว่ากูมีปัญญาซื้อให้มันนั่งเหรอ” อชิตะชี้นิ้วใส่อกตัวเองปลงๆ ถึงบ้านเขาจะเป็นร้านทองแต่ใช่ว่าจะมีเงินซื้อรถสปอร์ตมาขับเล่นง่ายๆ แบบทายาทเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังนะ

“ฟ้าเอ๊ย มึงเลือกผัวผิดแล้วล่ะ”

“ไอ้พวกนี้เลอะเทอะใหญ่ ไปๆ แยกย้ายกันได้แล้ว เสียงดังเกรงใจคนอื่นบ้าง” สุดท้ายเป็นการันต์ต้องตบมือไล่พวกรุ่นน้องกลับบ้าน เขารับไหว้จากทุกคนแล้วพาอักษราขึ้นแอสตันมาร์ตินคันเก่งกลับบ้านไม่ไปต่อที่ไหนแล้ว

ทิวากานต์เองโดนแซวเรื่องรถกับทรงผมไม่น้อย อชิตะถึงกับเดินผิวปากชื่นชมน้องกบเขาอยู่หลายรอบ ท่าจะชอบใจแต่ได้ยินราคาก็ถอย รอพ่อแม่เขายกกิจการร้านทองให้ก่อนแล้วกันค่อยว่าอีกที

“ไม่ไปด้วยกันเหรอพวกมึง นานๆ เจอกันที” เขาถามคู่ผัวเมียที่วนอยู่แถวพอร์เช่ 911 Turbo S แต่คู่รักสระอะกลับปฏิเสธบอกว่าต้องขึ้นเครื่องแต่เช้าคงไม่ไหว ไว้ค่อยรอฉลองตอนพวกเขาจบการเทรนที่ต่างประเทศแล้วดีกว่า ซึ่งก็คงอีกไม่ถึงปี

“เออดี งั้นมึงรีบๆ กลับมาเลยไอ้ฟ้า จารย์คมแม่งจ้องงาบหัวกูอยู่เรื่อย มีลูกรักอย่างมึงมาเลียแข้งเลียขาประจบเขาหน่อยจะได้ไม่ว่างมาหาเรื่องกู”

“มึงชอบไปกวนตีนเขานิ”

“ตรงไหน กูอยู่เฉยๆ ของกูเนี่ย”

“แค่ลูกสาวแกมาชอบก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเกลียดขี้หน้ามึงแล้วไอ้วา” อชิตะกอดอกว่า ตอนนั้นถึงกับเป็นข่าวกันเลยว่าลูกสาวอาจารย์อาคมพยายามเอนท์หมอทั้งที่ไม่เคยสนใจด้านนี้เพียงแค่ได้เจอกับทิวากานต์ “เออ กูได้ยินข่าวลือมาว่าจารย์แกหาทุนอเมริกามาให้นี่หว่า คืนดีกันแล้วเหรอวะ”

“คืนดีห่าไรล่ะ เดือนที่แล้วยังเรียกกูไปด่าอยู่เลย เขาก็หาให้ตามปกตินั่นแหละ เหมือนของไอ้ฟ้าไง”

“แล้วจะไปไหมวะ สาวเมกันแม่งแจ่มนะเว้ย นมเป็นนม ตูดเป็นตูด แต่กูว่ามึงไม่ไปแน่ๆ ติดเด็กขนาดนี้”

“ไร้สาระ เลิกพูดเหอะ แกก็มางานนี้เดี๋ยวได้ยินจะมาหาเรื่องกูอีก” ชายหนุ่มตัดบทสนทนา ไอ้เรื่องกลัวคนในบทสนทนามาได้ยินก็เรื่องหนึ่ง แต่คนข้างตัวที่ทำหน้างอเข้าไปทุกทีนี่แหละเหตุผลสำคัญ

“กลัวเมียนะมึง”

“เขาเรียกว่าให้เกียรติเว้ย แล้วมาเรียกมงเมียอะไร ไอ้ตัวแสบเสียหายหมด”

“ได้กันยังวะ”

“ไอ้สัดหนึ่งจะหยุดไหม” ทิวากานต์ชักมือขึ้นหวังฟาดกบาลไอ้หมอกระดูก “ได้เหี้ยไร น้องยังเด็ก คุกเว้ยคุก”

“พูดงี้ได้กันแล้วชัวร์ ห่า มึง...ไม่กลัวคุกเลยนะ” คู่รักสระอะพร้อมใจกันชี้นิ้วด่าทิวากานต์ ถ้าเป็นการันต์กับอักษราจะไม่ว่าเลยเพราะฝ่ายหญิงก็ยี่สิบห้ามีการมีงานทำแล้ว แต่น้องแสบยังสิบแปดแถมเพิ่งขึ้นปีหนึ่ง กินเด็กของแท้!

“เสือก กลับไปเลยไป กูจะไปแล้วเดี๋ยวพวกไอ้แบงค์ด่า” คนตัวสูงจิ๊ปาก พูดอะไรไปเข้าตัวหมด ช่วยไม่ได้เพราะทำตัวเองแท้ๆ

เขาแจกนิ้วกลางแทนคำลาให้อดีตรูมเมทไปคนละดอกก่อนพาอลันด์ขึ้นรถ เด็กนี่ไม่ช่วยแก้ตัวแทนเขาสักนิดเอาแต่ยืนเงียบกลั้นขำอยู่นั่น เดี๋ยวจะโดนเขาลงโทษ ไม่ใช่เพราะอลันด์เอาแต่ยั่วหรือไงเขาถึงต้องมาเสี่ยงคุกอยู่แบบนี้

“มีความสุขเหลือเกินนะ”

“เพื่อนวาตลกอ่ะ ใจดีกันทุกคนไม่เหมือนวาเลย”

“เหอะ ไอ้พวกนี้มันก็งี้แหละวันๆ ทำแต่งานเงินไม่ค่อยได้ใช้ เมียก็ไม่มีบ้าบอไปวันๆ พี่เขาให้เงินมาก็เก็บไว้ล่ะไม่ใช่เอาไปซื้อเสื้อผ้าหมด”

“รู้แล้วน่า ช่วงนี้ผมกำลังเก็บเงินอยู่นะ นี่ว่าจะให้พี่นภช่วยหางานเล่นดนตรีให้ด้วยล่ะ”

“จะเอาเงินไปทำอะไร ทุกวันนี้ยังไม่พอใช้อีกเหรอ” เท่าที่เขารู้วันๆ อลันด์แทบไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรนอกจากค่าข้าวบางมื้อในแต่ละวัน ช้อปปิ้งก็ใช่ว่าจะช้อปทุกวัน แถมเงินส่วนนั้นมักเป็นเงินที่คนอื่นให้มาใช้ด้วย

“พอเหลือแหล่ แต่ตอนนี้ผมกำลังคิดจะหาเงินทุนสักก้อน”

“หา?” คำตอบที่ออกจะเกินความคาดหมายทำเอาคุณหมอละสายตาจากถนนหันมามองคุณชายจากย่านเมย์แฟร์ให้เต็มตา บอกว่าหาเงินทุนแสดงว่าคิดจะลงทุนทำอะไรสักอย่าง แต่อลันด์เนี่ยนะจะลงทุนเพิ่มเงินในกระเป๋าที่มีจนใช้แทบไม่หมด “คิดจะทำอะไร”

“เผื่ออนาคตน่ะ เกิดวันไหนถูกแด๊ดตัดหางปล่อยวัดขึ้นมาจริงๆ จะได้มีเก็บไว้ตั้งตัวบ้าง”

“แล้วจะเอาไปลงทุนทำอะไร ค้าขาย? เสียเวลาน่าเก็บเงินไว้ดีกว่า ทุกวันนี้พูดเหมือนมีค่าใช้จ่ายเยอะงั้นแหละ หรือฉันเลี้ยงไม่ดี” แทนที่จะกลัวคนรักถูกทางบ้านตัดขาด ทิวากานต์ดันคิดว่าเขาเลี้ยงอีกคนไม่ดีจนต้องหารายได้เสริมแทนซะงั้น

“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมแค่ไม่อยากรบกวนวาเรื่องอื่นนอกจากกินอยู่ วาก็รู้ผมช้อปปิ้งเก่งจะตาย แล้วไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอก มันมีวิธีเพิ่มเงินง่ายๆ อย่างการเล่นหุ้นแล้วก็การลงทุนที่ยังไงก็ได้กำไรอย่างอสังหา แต่อันหลังนี่น่าจะยาก ผมถือสัญชาติบริติชยังไงก็ซื้อขายลำบาก”

“เดี๋ยวนะ...จะลงทุนพวกนี้มันต้องใช้เงินหมุนเยอะมากเลยนะ”

“ตอนนี้ผมมีเงินเก็บในบัญชีธนาคารของไทยประมาณ เอิ่ม... จำไม่ได้ล่ะ ขอเช็คแป๊บ” ไอ้ตัวแสบก้มหน้าลงไปกดโทรศัพท์ยิกๆ ก่อนโชว์หน้าจอให้ทิวากานต์ดู “เท่านี้พอไหม”

“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า... หก... เจ็ด... ดะเดี๋ยวนะอัล ไปเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะเนี่ย” เขาเกือบขับรถเสยตูดคันหน้าหลังอ่านจำนวนหลักด้านหลังเลขสองด้านหน้าสุด เจ้าเด็กสิบแปดนี่มีเงินเก็บมากกว่าเขาเสียอีก!

“มีเงินที่มัมโอนให้ใช้ทุกเดือน เงินที่คุณตาคุณยายให้เป็นของขวัญเข้ามหาลัย เงินปลอบขวัญตอนผ่าตัด แล้วก็เงินปีใหม่ แต่ก้อนใหญ่จริงๆ ก็เงินค่านายหน้าที่แด๊ดหักให้ตอนไปช่วยขายห้องเมื่อปลายปีล่ะ หักภาษีแล้วยังได้เกือบสิบล้าน”

“เอาจริงนะอัล เงินขนาดนี้ฝากไว้กินดอกในธนาคารเฉยๆ นายก็ใช้ชีวิตอยู่กับฉันที่เมืองไทยสบายแล้ว อย่าเสี่ยงเลย ไม่มีใครที่จะประสบความสำเร็จกับการเล่นหุ้นไปทุกคนหรอกนะ ขนาดฉันยังได้กำไรปีละนิดเดียวเอง”

หากแทนที่ฟังแล้วจะสลดเด็กฝรั่งกลับอมยิ้มเหมือนวางแผนร้ายอะไรอยู่ในหัว “เอาเป็นว่าผมจะลงทุนแค่ล้านเดียวก่อนแล้วกัน ไม่เกินหกเดือนผมจะทำกำไรให้ได้เป็นสามเท่าอย่างต่ำ”

“หึ มั่นเหลือเกินนะเรา อย่าขาดทุนมาร้องไห้ให้เห็นแล้วกัน” แยกเขี้ยวขู่ให้รู้ว่าเอาจริง ถึงเงินนั่นจะไม่ใช่เงินเขาแต่เงินตั้งล้านถึงได้มาฟรีๆ ถ้าเอาไปละลายกับอากาศหมดมันก็น่าเสียดายไม่น้อย แถมจะเล่นให้ได้กำไรสามเท่าภายในหกเดือนเนี่ยนะ กับมือใหม่ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน เขาขอปรามาสอีกฝ่ายไว้ตอนนี้เลย

“วารอดูแล้วกัน” เด็กฝรั่งตัวแสบกำหมัดมุ่งมั่น ตั้งใจจะใช้ความรู้ทุกอย่างที่มีหาเงินให้ได้มากที่สุด ก่อนเจ้าตัวจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เออ ได้ยินที่พี่หนึ่งพูดเรื่องทุน ทุนอะไรเหรอวา”

“ไม่มีอะไรหรอกแค่ทุนเรียนต่อที่เมกาน่ะ ดูแล้วมันเร็วไปหน่อย ว่าจะทำงานเก็บประสบการณ์อีกนิดค่อยคิดอีกที”

“เหรอ แต่ตอนนั้นยังเห็นวาไปดูที่เรียนต่ออยู่เลยนี่”

“เวลาเปลี่ยนความคิดมันก็เปลี่ยน อีกอย่างไม่ได้รีบอะไรขนาดนั้น ความจริงไม่ไปเรียนต่อก็ยังได้ ยังไงงานก็มีอยู่แล้ว”

ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่อลันด์มั่นใจว่าเหตุผลส่วนหนึ่งต้องเป็นเพราะตัวเขาด้วยแน่ๆ อย่างที่อชิตะแซว เมื่อครั้งอยู่ที่อังกฤษด้วยกันช่วงซัมเมอร์คุณหมอคนเก่งมีท่าทีกระตือรือร้นเรื่องเรียนต่อจะตาย แต่พอกลับไทยมาก็เฉยๆ จนถึงขั้นทำท่าจะเมินทุนจากอเมริกาที่มีอาจารย์เสนอให้ ถึงจะแอบดีใจที่อีกฝ่ายเห็นตัวเองสำคัญแต่อีกใจก็ไม่อยากเป็นภาระถ่วงชีวิตอีกคนไว้

“แต่ถ้าเรียนมาอีกก็จะมีความรู้มารักษาคนไข้เพิ่มขึ้นไง” เขาลองแย็บขึ้นมา

“อ่านหนังสืออ่านรีเสิร์ช ไปอบรมเอาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปเรียนเอาวุฒิให้เสียเวลา อีกอย่างเงินฉันก็มีไม่จำเป็นต้องไปขอทุนให้มีพันธะมาชดใช้หลังอานกันทีหลังหรอก”

ในเมื่ออีกฝ่ายยกเหตุผลขึ้นมาเสียขนาดนี้ ขืนพูดต่อคงได้เถียงกันยาวอลันด์จึงเลือกเงียบยอมคนหัวแข็งในยกนี้ไป ถ้าคุณหมอเขาว่าไม่เป็นไรอลันด์ก็จะไม่เป็นไรด้วย ดีเสียอีกเขาจะได้นอนกอดอีกคนจนเบื่อกันไปข้าง

ทิวากานต์เองก็ตั้งใจขับรถกลับคอนโดไม่พูดเรื่องเรียนต่ออีกกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ตอนแรกเขานึกว่าพวกเพื่อนๆ โทรมาเร่งให้ไปผับแต่พอเห็นเป็นชื่อขัตติยาหัวคิ้วถึงกับขยับเข้าหากัน ถ้าไม่มีเรื่องด่วนอะไรเธอคงไม่โทรมาหาเขาดึกๆ แบบนี้หรอก

“ว่าไงคะขิง มีอะไรหรือเปล่าถึงโทรหาพี่ดึกแบบนี้”

‘พี่วา...ป๊า’

“ลุงเข้มทำไมคะ ขิงใจเย็นๆ นะ หายใจเข้าลึกๆ ค่ะแล้วบอกพี่” ระหว่างนั้นเขาหันไปหาอลันด์บอกให้อีกฝ่ายช่วยถือโทรศัพท์แล้วเปิดลำโพงให้หน่อย

‘เมื่อเย็นป๊าปวดท้องมากขิงกับม้าเลยพามาโรงบาล แล้วหมอเขาพาป๊าไปตรวจนานมากเลย เพิ่งออกมาเมื่อกี้... หมอบอกว่าป๊า...ป๊าน่าจะเป็นมะเร็งลำไส้และน่าจะเป็นขั้นสุดท้ายแล้ว พี่วา...ขิง...’ เสียงหญิงสาวขาดห้วงไปได้ยินแต่เสียสะอื้นดังลอดออกมาเบาๆ

ชายหนุ่มหันมาสบตากับอลันด์ครู่เดียวก่อนหักรถวกกลับไปทางด่วนทั้งที่เพิ่งขับผ่านมา “ขิงพาป๊าไปโรงบาลไหน เดี๋ยวพี่ไปหา รอพี่แป๊บเดียวนะคะ บอกป้าอิงด้วยว่าใจเย็นๆ พี่จะรีบไป”

‘โรงบาล...ค่ะ’ เธอบอกชื่อโรงพยาบาลเอกชนแถวบ้านที่ใช้บริการเป็นประจำ ทิวากานต์ทำเสียงตอบกลับเป็นอันรับรู้ก่อนให้อลันด์กดวางสายไป

“ขอโทษนะอัล คืนนี้คงยังไม่ได้นอนไปโรงบาลกับพี่ก่อนแล้วกัน

“ไม่เป็นไร” เงียบไปอึดใจ เสียงถอนหายใจดังขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในรถ “วา...พ่อพี่ขิงจะเป็นอะไรไหม”

“ไม่รู้สิ ต้องรอหมอประเมินก่อนคงอีกสองสามวันนั่นแหละถึงจะรู้แน่ชัด บางทีอาจจะไม่ร้ายแรงเท่าที่คิดก็ได้ ลุงเข้มแข็งแรงจะตาย”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสินะ” อลันด์รำพึงรำพันกับตัวเอง แม้ไม่เคยเจอพ่อของขัตติยาแต่เขาอดรู้สึกเสียใจด้วยไม่ได้ เหมือนว่าเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวทิวากานต์ไปแล้วจริงๆ



ทิวากานต์ใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีขับรถจากอโศกมาโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังย่านธนบุรี ตอนที่เขาไปถึงบิดาของขัตติยาถูกนำตัวออกมาพักฟื้นข้างนอกแล้ว ป้าอิงกับลูกสาวนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง

“ป้าอิง”

“น้องวา น้องอัลก็มาด้วย”

“สวัสดีครับ” เด็กฝรั่งยกมือไหว้สองคนที่อยู่ในห้อง ตาสีฟ้าซีดเหลือบมองคนป่วยบนเตียง เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับลุงเข้ม ชายอารมณ์ดีที่ทิวากานต์เคยเล่าให้ฟัง

“เมื่อกี้ก่อนเข้ามาวาแวะไปคุยกับหมอเจ้าของไข้ลุงเข้มแล้ว วาว่าจะให้ลุงเข้มย้ายไปรักษาที่โรงบาลวา ป้าอิงไม่ต้องเครียดนะ”

“ตอนแรกป้าก็อยากให้ย้ายอยู่ค่ะแต่หมอเขาโทรไปแล้วบอกว่าไม่มีเตียงว่างเลย”

“ป้าอิงไม่ต้องห่วงเลย เรื่องเตียงเดี๋ยววาหาให้ไม่เกินพรุ่งนี้ได้แน่ๆ แล้วนี่พี่เขมรู้เรื่องหรือยังครับ”

“ตาเขมไปต่างจังหวัดกับเมียเขาเมื่อวานนี้เอง ป้าไม่อยากโทรไปบอกเดี๋ยวจะรีบขับรถกลับมากลัวเกิดอุบัติเหตุเป็นอะไรไปอีกคน ความจริงเมื่อกี้ป้าก็ปรึกษากับพี่โบเรื่องพี่เข้มไปตะกี้ พี่โบบอกว่าถ้าวาหาเตียงไม่ได้เดี๋ยวเขาจะให้ส่งอิงไปที่...แทน” ป้าอิงพูดถึงโรงเรียนแพทย์ชื่อดังอีกแห่งที่ป้าหมอมีเส้นสายอยู่บ้าง ได้ยินแบบนี้ทิวากานต์พอโล่งใจไปอีกเปาะ เพราะโรงพยาบาลที่เขาทำงานขึ้นชื่อเรื่องหาเตียงคนไข้ยากมากๆ ถ้าเขาหาไม่ได้ให้ส่งไปที่นั่นก็ดีเหมือนกัน

“งั้นเดี๋ยววาออกไปคุยโทรศัพท์แป๊บนึงนะครับ อัลอยู่กับป้าอิงพี่ขิงก่อนนะเดี๋ยวพี่มา”

“อื้อ”

พอร่างสูงใหญ่หายไปอลันด์ก็รู้สึกเคว้งๆ เหมือนขัตติยาจะรู้เลยเดินมาจับแขนพาไปนั่งที่โซฟา “ทำน้องอัลลำบากไปด้วยเลย นี่ไปเที่ยวไหนมากับพี่วาหรือเปล่าจ๊ะแต่งตัวหล่อเชียววันนี้”

“ไปงานแต่งเพื่อนพี่วามาครับ ผมไม่ลำบากหรอกพี่ขิงกับป้าอิงต่างหาก เหนื่อยไหมครับ พักก่อนไหมเดี๋ยวผมเฝ้าคุณลุงให้”

“ไม่เหนื่อยหรอกจ้ะ เราเถอะหน้าซีดๆ นอนก่อนก็ได้นะเดี๋ยวจะกลับค่อยให้พี่วามาปลุก” เด็กหนุ่มส่ายหน้า หากพอโดนแอร์เย็นๆ เป่าใส่ได้ไม่เท่าไหร่ก็เผลอหลับไปในที่สุด

.
.
.

“เดี๋ยววันจันทร์ย้ายได้เลยครับ ผมคุยให้แล้ว ยังไงจันทร์ผมไม่มีเคสมาถึงแล้วก็โทรมานะครับจะได้ไปช่วยดูให้”

“ขอบคุณมากค่ะน้องวา”

“ไม่เป็นไรครับป้าอิง ไงน้องขิง ยิ้มได้แล้วสินะ โอ๋ๆ ไม่ร้องค่ะ ป๊าต้องไม่เป็นไรเนอะ”

อลันด์ปรือตาขึ้นตอนได้ยินเสียงคนคุยกันเหนือหัว รอจนสายตาปรับได้ที่ถึงเห็นทิวากานต์กำลังดึงตัวขัตติยาเข้าไปกอด ใบหน้าของหญิงสาวซุกซบบนไหล่ชายหนุ่มได้พอดีด้วยส่วนสูงที่พอเหมาะพอเจาะกัน จู่ๆ เขาต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อได้สติจากความคิดไร้สาระของตนเองที่เผลอคิดไปว่าหนุ่มสาวตรงหน้าช่างเหมาะสมกันราวกับภาพวาด

“อ้าว น้องอัลตื่นพอดี พวกป้าคุยกันเสียงดังรบกวนหรือเปล่าคะ”

“เปล่าครับ” เขาส่ายหัวมึนๆ ก่อนลุกขึ้นนั่ง ไม่รู้ว่าเผลอเอนลงไปนอนตอนไหน

“น้องตื่นแล้วงั้นผมกลับเลยแล้วกันครับ ถ้ามีอะไรฉุกเฉินโทรมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”

“จ้ะ ป้าขอบใจวามากนะ ถ้าไม่ได้เราป่านนี้คงยังทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้สบายใจขึ้นมากแล้วล่ะจ้ะ” ป้าอิงลูบแขนคุณหมอเบาๆ ลูกชายไม่อยู่ก็ได้หลานคนนี้คอยช่วยพยุง ชีวิตเธอช่างโชคดีกว่าคนอื่นนัก

“อย่าเอาแต่เฝ้าลุงเข้มจนไม่ได้พักผ่อนกันล่ะครับ เดี๋ยวจะแย่กันไปอีก น้องขิงก็ด้วยนะคะ เข้มแข็งไว้ค่ะคนป่วยโรคนี้ต้องการกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญกว่าอะไรทั้งหมดเลย” ทิวากานต์ดึงเธอมากอดอีกที เขาลูบผมหญิงสาวด้วยความทะนุถนอมก่อนผละออกมาลูบหัวอลันด์บ้าง “ป่ะอัล กลับบ้านกัน”

“อืม” เด็กหนุ่มลุกขึ้นบอกลาคนทั้งคู่ก่อนเดินจับมือทิวากานต์ออกมา ดูเหมือนสถานการณ์ต่างๆ จะดีจึ้นมาป้าอิงกับขัตติยาถึงได้มีสีหน้าดีขึ้นมากกว่าที่เจอครั้งแรก “วา...ลุงเข้มจะไม่เป็นไรใช่ไหม”

“ยังไม่รู้หรอกต้องดูอาการไปก่อน เดี๋ยววันจันทร์ก็จะย้ายไปที่...แล้ว พี่รันนี่แน่นอนจริงๆ โทรไปขอปุ๊บไม่ถึงสิบห้านาทีก็หาเตียงให้ได้แล้ว”

“แล้วให้ลุงเข้มไปรักษาที่เดียวกับผมไม่ได้เหรอ หมอก็หมอที่เดียวกันนี่ ไม่ต้องรอเตียงด้วย”

“มันแพง ถึงครอบครัวป้าอิงจะมีเงินแต่คงรับภาระค่ารักษากันหลังอาน โรคนี้ต้องรักษากันยาวค่าใช้จ่ายบานปลายกันทุกครอบครัว โรงบาลรัฐดีกว่าประหยัดไปได้เยอะ”

“อ่า... ไอ - ซี” พอถึงตรงนี้อลันด์เพิ่งนึกถึงตอนเข้ารับการรักษาได้ เขานอนแค่สองคืนแต่เลือกห้องพักที่ดีที่สุดยังโดนไปเกือบหกหลัก

“ไป กลับบ้านเรากันดีกว่า”

“แล้ววาไม่ไปกินเหล้ากับเพื่อนแล้วเหรอ”

“นี่จะตีสองล่ะ ไปก็ไม่ทันแล้ว”

“ดึกขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย ผมยังนึกว่าเพิ่งเที่ยงคืนเอง”

ทิวากานต์ฟังแล้วถึงกับดึงคออีกคนมากอดพาเดินไปที่รถ เขาแกล้งเอาหัวถูกับอีกคน ดีว่าด้านข้างเขามันยังสั้นเกรียนอยู่ผมเลยไม่พันไปซะก่อน “หลับสนิทเลยสินะเรา กลับไปจะนอนหลับหรือเปล่า”

“หลับสิ ง่วงจะตาย” ว่าแล้วเจ้าตัวแสบจัดการหาวโชว์ซะเลย

“งั้นรีบกลับกันดีกว่า คิดถึงเตียงชะมัด”

.
.
.

ภาคเรียนที่สองเปิดมาได้ไม่ถึงสองสัปดาห์ดีก็มีงานกีฬาฟุตบอลประเพณีกระชับความสัมพันธ์(?)ระหว่างมหาวิทยาลัยที่อลันด์กับนภเรียน คนินทร์อธิบายให้ฟังว่าเป็นงานคล้ายๆ กับประเพณีแข่งเรือพายของอ็อกฟอร์ดกับเคมบริจด์แต่มีการจัดงานใหญ่โตและการเดินขบวนพาเหรดที่ได้ออกหน้าหนังสือพิมพ์อยู่เรื่อย

งานนี้เด็กภาคอินเตอร์ไม่ค่อยมีส่วนร่วมเท่าไหร่ แต่เพื่อนผู้หญิงบางคนก็กระตือรือร้นทำชุดทีมของเด็ก BBA ขึ้นมาใส่เล่นๆ มีการวัดขนาดกันไปตั้งแต่ก่อนปิดเทอม ผ่านไปหนึ่งเดือนเจ้าชุดที่ว่าก็มาถึง

“ทำไมของฉันไม่เหมือนของนายล่ะ” เด็กฝรั่งตีคิ้วยุ่ง ชูชุดเอี๊ยมยีนส์ฟอกสีเย็บด้ายแดงแบบเปิดหลังขาสั้นขึ้นเทียบกับชุดของคนินทร์ที่เป็นชุดเอี๊ยมสีเดียวกันแต่เป็นขายาว “จ่ายเงินเท่ากันแต่ฉันได้ผ้าน้อยกว่าไม่ยุติธรรมเลย”

“ตัวแสบเตี้ยใส่ขายาวได้ดูตัวสั้นกันพอดี แบบนี้แหละน่ารักกว่า ไปๆ ไปเปลี่ยนชุดให้ดูหน่อย”

ฟังคำตอบจากเพื่อนสาวที่เป็นคนจัดการเรื่องชุดแล้วเขาถึงกับชูนิ้วกลางให้ รู้ตัวหรอกว่าสูงแค่ห้าฟุตหกนิ้วเนี่ยมันเตี้ย แต่ไม่ต้องพูดตรงๆ ได้ไหมมันจี๊ดไปถึงข้างใน แทงข้างหลังทะลุถึงตับไตเลยนะ!

“เอาน่า ไปเปลี่ยนก่อนถูกไอ้สากินหัวเหอะ”

คนินทร์หัวเราะคิก เขารีบดันหลังคนตัวเล็กไปทางห้องน้ำชาย ถอดเสื้อเชิ้ตขาวผลัดเป็นเสื้อกีฬาประจำปีนี้กับเปลี่ยนกางเกงแสล็คขายาวที่ใส่มาเรียนออกแล้วสวมชุดเอี๊ยมที่ได้มาแทนก็เป็นอันเรียบร้อย พอพากันออกมาจากห้องน้ำอลันด์ถูกสาวิตรีจับพับชายกางเกงขึ้นอีกสองทบสั้นให้พอดีเข่าโชว์หน้าแข้งเล็กๆ ขาวๆ เข้าคู่กับรองเท้าผ้าใบสีขาวส้นแบนของ Fred Perry ก็เป็นอันเรียบร้อย

“ตัวแสบน่าร้ากกก” เมื่อรวมกับผมสีช็อกโกแลตนม ตาสีฟ้าอ่อนและโครงหน้าอย่างชาวต่างชาติ สาวๆ ถึงกับกรี๊ดกร๊าดจับเด็กหนุ่มหมุนไปมาราวกับตุ๊กตายัดนุ่น เสียงชื่นชมดังขึ้นไม่ขาดปาก บางคนก็หยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปคู่บ้าง เด็ดสุดคือตอนคนินทร์จับอลันด์ล็อคคอแล้วมัดจุกน้ำพุเปิดหน้าผากเหม่งๆ โชว์ เท่านี้เสียงกรี๊ดของพวกผู้หญิงก็เหมือนจะดังขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

“ไอ้คิวก็หล่อ มาๆ จับถ่ายรูปคู่ส่งไปเพจ cute boy ดีกว่า เขาจะได้รู้ว่าที่นี่ก็มีของดีเหมือนกัน” สาวิตรีฉีกยิ้มหน้าบาน รีบจับสองหนุ่มต่างสไตล์ขึ้นมาแชะรูปคู่หวังโปรโมตหนุ่มๆ ในคณะตัวเองบ้าง

กว่าสองหนุ่มจะหลุดออกมาได้ก็ตอนที่ทิวากานต์โทรศัพท์เข้ามาหาอลันด์นั่นแหละ เด็กหนุ่มเลี่ยงออกมาคุยบนห้องเรียนร้างพร้อมใบหน้าบูดบึ้งเป็นตูดลิง หากเพียงได้ยินเสียงทุ้มนุ่มผ่านลำโพงไอโฟนหกก็ถึงกับยิ้มแป้น คุณหมอบอกว่าตอนนี้กำลังมาถ่ายแบบให้สัมภาษณ์ลงนิตยสารอยู่ที่สวนสาธารณะไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย ถ้าอลันด์ว่างก็อยากให้มาหาสักตอนบ่ายสองเดี๋ยวจะพาไปกินขนม

“ไปหาตอนนี้เลยได้ไหม ผมไม่มีเรียนแล้วล่ะ”

‘งั้นก็นั่งรถมาเลย ถึงแล้วเดี๋ยวก็เจอพี่ หาไม่ยากหรอก’

“โอเค ไม่เกินยี่สิบนาทีแล้วเจอกันนะ บาย”

พอได้ข้ออ้างหนีจากความวุ่นวายอลันด์ก็วิ่งหน้าตั้งกลับมาที่กลุ่มเพื่อน เจ้าตัวหยิบเป้ Kanken สีน้ำเงินเข้มไซส์คลาสสิกขึ้นสะพายไหล่บอกเพื่อนว่ามีธุระด่วนแล้ววิ่งหนีออกมาทันที คนินทร์เลยอาศัยโอกาสนี้อาสาไปส่งหาเรื่องชิ่งออกมาเหมือนกัน

“ไปไหนอ่ะ ไหนว่าจะรอพี่นภมารับ” เมื่อเช้าหนุ่มไทยจำได้ว่าอลันด์มีนัดกับนักร้องหนุ่มตอนบ่ายสี่สามโมงครึ่งจะไปซ้อมดนตรีด้วยกัน

“ไปหาวา วาโดดงานมาถ่ายแบบอยู่ที่สวนสันติ”

“หือ ถ่ายแบบ?”

“สัมภาษณ์นิตยสารน่ะ เห็นว่าพี่รันเสนอชื่อไปให้ เขาเลยมาขอสัมภาษณ์ตั้งนานแล้วแต่คิววาเพิ่งว่าง”

“อ่อ เฮียวาเจ๋งเนอะ ทั้งหล่อทั้งเก่ง ไม่แปลกหรอก ฉันแปลกใจมากกว่าว่าทำไมเขาถึงมาคบกับเด็กแบบนายได้”

“อย่างน้อยวาก็ทั้งรักทั้งหลงเด็กแบบฉันนี่แหละ” ไอ้ตัวแสบแสยะยิ้มก่อนเดินเป่าปากกระโดดขึ้นบีเอ็มดับบริวซีรีส์ทรีของคนินทร์

อันที่จริงระยะทางจากมหาวิทยาลัยไปสวนสันติชัยปราการไม่ได้ไกลกันเท่าไหร่ จะเดินมาก็ยังได้แต่เพราะหาที่จอดรถลำบากนี่แหละถึงเสียเวลาขับวนอยู่หลายนาที หลังหาที่จอดได้พวกเขาก็เดินตรงมาที่สวนสันติฯ เข้ามาก็เห็นทิวากานต์พร้อมกองถ่ายขนาดย่อมอย่างที่เจ้าตัวบอกทันที

“หืม...จริงจังไม่ใช่เล่นนะเนี่ย” คนินทร์ถึงกับอ้าปากทึ่ง ตอนแรกเขานึกว่าจะมีแค่นักเขียนกับตากล้องอย่างละคนเสียอีก แต่เท่าที่ดูมีทีมงานเกือบสิบชีวิตได้ ไหนจะเตนท์เปลี่ยนเสื้อผ้าชั่วคราวนั่นอีกล่ะ

“นั่นสิ” อลันด์กระชับสายเป้ เดินเข้าไปใกล้กองถ่ายอีกนิด ไม่ทันไรภาพทิวากานต์ในชุดลำลองสบายๆ นั่งเก๊กหน้าหล่อริมแม่น้ำเจ้าพระยามีตากล้องจับภาพจึงปรากฏแก่สายตา ถ้าไม่ได้เข้าข้างคนรักตัวเองมากเกินไป เขาว่าวันนี้คุณหมอหล่อน่ามองกว่านภที่เป็นซูเปอร์สตาร์หลายสิบเท่าเลยล่ะ

“เรียบร้อยครับ เดี๋ยวพักครึ่งชั่วโมงเปลี่ยนเป็นชุดถัดไปได้เลยนะครับ” สิ้นเสียงช่างภาพมือหนึ่ง สไตลิสต์ก็รีบพุ่งชาร์จตัวชายหนุ่มช่วยซับเหงื่อให้ ดูจากสายตาเธอเหมือนจะตกหลุมรักคุณหมอวัยสามสิบปีไปแล้ว

“วา” เด็กฝรั่งส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายออกไปเมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังเดินไปที่เตนท์ พอทิวากานต์หันมาเห็นเขาก็ทำหน้าประหลาดใจ ขายาวๆ รีบเปลี่ยนทิศเดินทันที

“ทำไมแต่งตัวกันแบบนี้เนี่ย มีงานอะไรกันหรือเปล่า” ไม่พูดอย่างเดียว ฝ่ามือใหญ่ยังจับจุกน้ำพุบนหัวทุยดึงเล่นอีกด้วย ตาคมดุเป็นประกายมองอลันด์ตั้งแต่หัวจรดเท้า วันนี้ไอ้ตัวแสบของเขาน่ารักสุดๆ น่ารักอย่างกับตุ๊กตา

“ชุดทีมงานบอลประเพณีของที่สาขาน่ะครับ แต่เฮียเหอะ วันนี้หล่อเป็นพิเศษเลยนะ” คนินทร์ตอบแทนเพื่อนที่เหมือนจะเขินลิ้นอุดปากไปแล้ว แก้มงี้แดงเถือกไม่รู้ว่าอากาศร้อนหรือคนหล่อตรงหน้าที่ทำให้ร้อนกันแน่ ขนาดเขาเป็นผู้ชายแมนๆ ยังยอมรับเลยว่าวันนี้ทิวากานต์หล่อมาก รัศมีดาราจับสุดๆ

“ไม่คิดว่าเขาจะให้ถ่ายแฟชั่นเช็ตเหมือนกัน นึกว่าแค่มานั่งคุยๆ สัมภาษณ์แล้วก็จบ” สงสัยตอนที่มาคุยกันก่อนหน้านี้ทางหัวหน้ากองบรรณาธิการจะเห็นแววเลยขอเพิ่มส่วนตรงนี้เข้ามาด้วย เขาเองเห็นว่าได้เงินดีแถมไม่เสียหายอะไรจึงตกลง “พวกเรามาตอนพักกองก็ดี เดี๋ยวพาไปกินหนมเค้กอร่อยๆ”

ทิวากานต์เดินไปหาทีมงานจะขอพักนานขึ้นอีกสักสิบห้านาทีได้ไหม หัวหน้าช่างภาพเห็นว่าคุณหมอใช้เวลาถ่ายไม่นาน ก่อนหน้านี้ก็ถ่ายเสร็จเร็วกว่ากำหนดจึงให้เวลาเพิ่มเป็นหนึ่งชั่วโมงกับทั้งตัวผู้ให้สัมภาษณ์และทีมงานเพื่อนทุกคนจะได้แยกย้ายกันไปหามื้อเที่ยงลงท้องกันด้วยหลังโหมงานกันมาตั้งแต่เที่ยงตรง เท่านั้นร่างสูงจึงเดินกลับมากอดคออลันด์พาเด็กๆ เดินข้ามถนนไปร้านอาหารที่หมายมั่นไว้

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
♥ . . . HEART ATTACK . . . ♥ --- TRACK 27 [07.02.16]
«ตอบ #468 เมื่อ07-02-2016 15:23:26 »

ร้านที่ศัลยแพทย์ภูมิใจนำเสนอเป็นคาเฟ่เล็กๆ อยู่ในตึกแถวริมถนนไม่ห่างจากทางเรือเสียเท่าไหร่ ภายในร้านค่อนข้างคับแคบมีโต๊ะให้นั่งไม่กี่ตัวแต่ลูกค้าแน่นขนัดทั้งที่เป็นเวลาบ่ายสองโมงแล้ว และส่วนใหญ่ก็เป็นสาวๆ ที่มาเลือกซื้อขนมเค้กกลับไปนั่นเอง

หลังขนมที่เลือกขนมไว้มาเสิร์ฟ เด็กหนุ่มในชุดเอี๊ยมทั้งสองคนก็จัดการลองชิมทันที ทิวากานต์นั่งเท้าคางดูอลันด์ตักสตรอเบอรี่ช็อตเค้กเข้าปากชิมคำใหญ่เห็นไอ้ตัวแสบยิ้มทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่จึงพอเดาได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะถูกใจไม่น้อย

นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองคนรักอ่อนวัยเป็นประกายผิดปกติ อลันด์ไม่อยากคิดว่ามันเร่าร้อนกว่าทุกทีหากนี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่เด็กหนุ่มไม่กล้าสบสายตากับอีกฝ่ายตรงๆ ตอนที่เผลอหันไปเจอทีไรรู้สึกเหมือนถูกจับกินทุกที เลยเอาแต่ก้มหน้าก้มตาจิ้มเค้กเข้าปากเคี้ยวไม่คุยกับใคร

“เฮียครับ ถ้าเฮียจะมองเพื่อนผมแบบนี้ผมว่าจับกินเลยดีกว่าไหมครับ แหม่...นี่ถ้าเป็นปลากัดไอ้แสบคงท้องลูกแฝดไปแล้ว”

“คิว!” เสียงแหบแหวลอดไรฟันขึ้นมาเบาๆ หน้าที่ว่าแดงแล้วเพิ่มระดับความเข้มจนใกล้เคียงกับซอสมะเขือเทศสูตรเข้มข้นในกระป๋องไปทุกที ส่วนตัวต้นเหตุไม่มีหรอกจะคิดแก้ตัวหนำซ้ำยังหัวเราะอารมณ์ดีจิ้มเค้กเข้าปากท่วงท่าประหนึ่งนายแบบ ใช่สิ...วันนี้คุณหมอผันตัวมาถ่ายแบบเฉพาะกิจนี่นา เพิ่มความน่าหมั่นไส้ไปอีกสิบระดับ

“อยากจับกินอยู่หรอก แบบ ‘อยากจะกลืนกินทั้งตัว ไม่อยากเหลือไว้ให้ใครได้กลิ่น’ เลยล่ะ”

“วา...”

“เรียกทำไม เรียกนี่อยากโดนเหรอ”

“จิ๊ เลิกแกล้งได้แล้วน่า” เขาทำเสียงจิ๊จ๊ะหันหน้าแดงๆ หนีไปทางอื่น

“อัลน่ารักนี่นา” คุณหมอชมเสียงหวาน ตายังคงเป็นประกายไม่คิดจะปิดบัง คนินทร์มองแล้วได้แต่เอามือเกาแขนเกาขา บี้นิ้วหัวมือแม่ไปรอบๆ โต๊ะ แกล้งแซวว่ารักกันหวานชื่นจนมดขึ้นขนมเค้กจืดร้านเขาจะเจ๊งก็วันนี้

อลันด์นั่งให้คนรักแทะโลมทางสายตาอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงก็พากันออกจากร้าน ทิวากานต์ยังใจป๋าเหมาเค้กไปเลี้ยงเท่าจำนวนทีมงานโดยมีคนินทร์คอยช่วยถือ ส่วนคนตัวเล็กสุดก็เดินสะพายเป้ตัวปลิวแต่แค่นั้นพอเจอแดดแรงๆ ยามบ่ายก็หอบแฮ่กหน้าแดงแจ๋ เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นเต็มหน้าผากกว้างบางส่วนไหลย้อยลงมาถึงคางหยดลงพื้นติ๋งๆ

การถ่ายทำเริ่มขึ้นอีกหนหลังนายแบบเติมเครื่องสำอางเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่เรียบร้อย ทิวากานต์ใส่เสื้อเชิ้ตสีกรมท่าใหญ่กว่าขนาดตัวหนึ่งไซส์ปลดกระดุมเม็ดบนสองเม็ดพับแขนมากองบนข้อศอกกับกางเกงแสลคผ้าไหมสีครีม บนใบหน้ามีแว่นกันแดดทรงนักบินปิดดวงตาสีน้ำตาลเข้ม

“บอกทีเถอะว่านั่นเป็นหมอจริงๆ หมอบ้าอะไรหล่อขนาดนี้วะ คนไข้เจอทีไม่ตื่นเต้นเป็นลมไปเลยหรือไง” เด็กฝรั่งฟังเพื่อนบรรยายความหล่อทิวากานต์ไม่หยุดปาก เขาเองก็เห็นด้วยทุกอย่างตามที่ได้ยินจนอดมองตัวเองไม่ได้ ถึงไม่ได้ขี้เหร่แต่ก็ไม่ได้หน้าตาดีหรือมีรูปลักษณะชวนฝันเท่าอีกคนสักนิด “เฮ้อ ทั้งหล่อทั้งรวย เฮียแกเป็นผู้ชายระดับเกรดโคตรพรีเมี่ยมเลยว่ะ ถ้าได้แบบนี้เป็นเกย์ก็ยอมเลยเอ้า”

“ไม่ได้ใช้ความรู้สึกเลือกคบใครสักคนหรอกเหรอ”

“อันนั้นมันก็ใช่ แต่รูปลักษณ์ภายนอกเป็นสาเหตุแรกที่ทำให้รู้สึกปิ๊งใครสักคนไม่ใช่หรือไง อย่าบอกนะว่าไม่ได้ชอบที่หน้าตาเฮียเลย”

“ชีวิตฉันเห็นคนหน้าตาดีมาจนเบื่อ ถ้าจะเลือกชอบใครจากหน้าตาก่อนงั้นฉันไม่เลือกคบกับทอมหรอกเหรอ ไอ้หมาบ้านั่นหล่อกว่าวาตั้งกี่เท่ากัน” ถึงไม่อยากพูดถึงแต่เรื่องหน้าตายังไงโธมัสกินทิวากานต์ขาด ทั้งใบหน้ารูปร่างไม่มีตรงไหนให้ติได้สักนิด ยิ่งดวงตาสีน้ำเงินเข้มคู่นั้น...มีใครเคยถูกจ้องแล้วไม่ใจเต้นบ้างไหม

“เออแหะ แล้วทำไมถึงมาคบกันได้ล่ะ แบบว่านายกับเฮียมันคนละแนวกันเลย เข้าใจใช่ไหม?”

“ฟังภาษาไทยรู้เรื่องทำไมจะไม่เข้าใจ” เท้าเบอร์เจ็ดยันหน้าแข้งเพื่อนชาวไทยไปหนึ่งที “แค่อยู่กับใครแล้วรู้สึกดีมีความสุข อยากตื่นขึ้นมาเห็นหน้าเขาคนแรกและเห็นหน้าเขาเป็นคนสุดท้ายก่อนนอนมันก็แค่นั้น... ความรักจะเอาเหตุผลซับซ้อนอะไรมากมาย”

“Simple, but effective1 สินะ”

“แน่นอน บัฟเฟตต์น่าเชื่อถือเสมอ”



สี่โมงเป๊ะนักร้องหนุ่มขวัญใจชาวไทยก็ปรากฏตัวขึ้นสร้างความแตกตื่นแก่บรรดาทีมงาน นึกว่างานนี้จะได้มีนักร้องดังระดับประเทศมาเซอร์ไพรส์ร่วมงานด้วย แต่คุยไปคุยมาถึงได้รู้ว่านภมารับน้องตัวแสบไปซ้อมดนตรีและโลกก็กลมไปอีกเมื่อพ่อนักร้องรู้จักกับนายแบบกิตติมศักดิ์เป็นการส่วนตัว

ทีมงานคนหนึ่งถึงกับกรี๊ดวิ่งมาจับแขนอลันด์ สาวเจ้าบอกว่าตัวเองเป็นแฟนคลับเด็กฝรั่งมาได้สักพักแล้ว เริ่มจากติดตามผ่านไอจีนภจนไปถึงกดติดตามผลงานผ่านช่องทางยูทิวบ์

“พี่ก็ว่าแล้วว่าน้องหน้าคุ้นมากเลยแต่ไม่คิดว่าจะเป็นตัวแสบของน้องนภ พอได้เจอตัวจริงแล้วน่ารักกว่าในจอเยอะเลย ขอถ่ายรูปคู่ด้วยได้ไหมจ๊ะ”

“คะ ครับ” อลันด์ผงกศีรษะหน้าแดงไปถึงคอ คงเขินที่มีแฟนคลับมาขอถ่ายรูปด้วย งานนี้ทีมงานสาวถึงกับกรี๊ดสลบเพราะนอกจากจะถ่ายรูปคู่กับคนที่ชอบยังได้นักร้องชื่อดังมาเป็นตากล้องให้อีก

หลังจากนั้นกองถ่ายถึงกับเกิดความวุ่นวายขนาดย่อมขึ้นเมื่อทุกคนขอถ่ายรูปคู่กับหนุ่มหล่อกันมั่วไปหมด แม้แต่คนินทร์ยังโดนลากไปถ่ายด้วยข้อหาหล่อถูกใจเจ้ ตากล้องมือหนึ่งจำต้องออกปากพักเบรกชั่วคราวแต่ไม่วายบ่นนภที่มาทำกองป่วนไปหมด

“ถ่ายกันเสร็จหรือยังจะได้ถ่ายต่อ เดี๋ยวแสงจะหมดแล้วนะเว้ย” สิบนาทีต่อมาช่างภาพก็ลุกขึ้นป้องปากตะโกนเรียกทีมงาน ที่แอบอู้กันเมื่อกี้เลยรีบผละกันออกมาเตรียมถ่ายต่อ สี่หนุ่มหล่อถึงได้พักหายใจหายคอคุยกันช่วงนั้น

“ถ้าน้องแสบไม่บอกผมก็ไม่ยักรู้นะว่าพี่วาจะรับจ๊อบอะไรแบบนี้ด้วย”

“กลัวฉันแย่งงานหรือไง” คุณหมอว่าทั้งหลับตาให้ช่างแต่งหน้าเติมแป้ง

“กลัวสิคร้าบ พี่เล่นหล่อไม่เกรงใจแบบนี้ต่อให้พี่ติ๊กก็พี่ติ๊กเถอะมีหนาวนะนี่” เจ้าตัวว่าปะเหลาะเอาใจเดินมานั่งเข่าบีบไหล่บีบขา ทำเอาช่างแต่งหน้าถึงกับทำตัวไม่ถูกที่เห็นนักร้องหนุ่มเอาใจคุณหมอรูปหล่อ งานนี้ได้มีเรื่องให้เม้าท์กันแน่ๆ

ส่วนนักร้องหนุ่มไม่ได้รู้ตัวหรอกว่ากำลังก่อข่าวฉาวให้ตัวเองอีกรอบ นภรู้แต่ว่าโผล่มาแล้วทำให้เขาวุ่นวายกันไปทั้งกอง ไหนจะคนที่มาขอถ่ายรูปคู่กับอลันด์อีก เล่นเอาคนขี้หวงหน้าบูดปล่อยรังสีทะมึนออกมา นี่ยังไม่นับรวมเรื่องรูปคู่ในไอจีเขาอีกนะ รูปถ่ายคู่ใกล้ชิดว่าแย่แล้วเจอพวกคอมเม้นต์จิ้นเขากับอลันด์นี่สิที่แย่กว่า ดีว่าคุณหมอหน้าดุไม่เล่นไอจีเขาจึงยังมีชีวิตรอดปลอดภัยจวบจนถึงทุกวันนี้

“ไม่ต้องมายอ จะไปไหนก็ไป เห็นหน้าแกแล้วอารมณ์เสียทุกที อ้อ! แล้วพาอัลไปซ้อมดนตรีก็แค่ซ้อมดนตรี ฉันพูดแค่นี้เข้าใจใช่ไหม”

“คะ ครับ”

“เข้าใจแล้วก็ไป สามทุ่มฉันไปรับเองไม่ต้องไปส่ง” คนตัวสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงให้สไตลิสต์อีกคนเข้ามาจัดเสื้อผ้าชุดใหม่จากห้องเสื้อชื่อดัง

“คร้าบ”

“ขี้หึงชิบหาย” คนินทร์ก้มลงกระซิบข้างหูเพื่อนตัวเล็ก ซึ่งอลันด์ก็เห็นด้วยแบบไร้ข้อโต้แย้ง นี่ถ้าคนินทร์รู้เรื่องโธมัสถูกกระทืบมีหวังไม่กล้าทำตัวสนิทสนมกับเขาอย่างที่ทำทุกวันนี้แน่

“เออ... เดี๋ยวก่อนครับพี่วา”

“อะไร”

“ผมยังไม่ได้ถ่ายรูปคู่กะพี่เลยอ่ะ วันนี้พี่โคตรหล่อ ขอผมถ่ายไปลงไอจีหน่อยนะ”

“พี่นภแม่งโง่หรือปัญญาอ่อนวะ เจอแบบนี้ยังกล้าอีก” หนุ่มไทยก้มลงไปคุยกับเพื่อนตัวเล็กอีกที เด็กสามขวบเห็นหน้าคุณหมอยังรู้เลยว่าอารมณ์ไม่ดี นี่แม่งยังกล้าไปขอถ่ายรูปคู่อีก ช่างไม่กลัวตายเอาเสียเลย

“ไอ้นี่...” ทิวากานต์เตรียมปฏิเสธ แต่ทางทีมงานเห็นว่าถ้าได้ถ่ายรูปคู่กันลงโซเชียลก็จะช่วยโปรโมตนิตยสารได้อีกทาง นายแบบจำเป็นจึงปฏิเสธไม่ได้ยอมร่วมเฟรมเดียวกับไอ้เด็กหน้าอ่อนไปสองสามแชะ ไปๆ มาก็ได้รูปเซลฟี่รวมไปถึงรูปหมู่ถ่ายรวมกันสี่หนุ่มอีกอย่างละหนึ่งแชะ

“อ๊ะ ขอพี่วายังไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับแสบเลยนี่นา มาๆ เดี๋ยวผมถ่ายให้”

ทั้งที่คิดว่าเสร็จแล้วและจะได้ไปถ่ายงานต่อ กลับกลายเป็นว่านภขอขึ้นมาอีกรูป แต่งานนี้คนที่ถูกบอกให้ถ่ายรูปคู่กันกลับเขิน จะว่าไปพวกเขาไม่เคยถ่ายรูปคู่ด้วยกันมาก่อนเลยสักครั้ง

นักร้องหนุ่มเอาโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดถ่ายรูปคู่รักรัวๆ ทั้งรูปแอบถ่ายและตั้งใจถ่าย ถึงวันนี้นภจะทำตัวเรียกตีนมากไปหน่อย แต่คอยดูเถอะ...งานนี้ทิวากานต์ต้องชมเขามากกว่าด่าแน่นอน

.
.
.

กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่คนในตึกผ่าตัดจะเห็นคุณหมอหน้าดุอมยิ้มมีความสุขให้เห็นตลอดเวลา แม้แต่คนที่เข้าทำเคสด้วยกันยังบอกมาเลยว่าอาจารย์ทิวากานต์ถึงขั้นเย็บไปฉีกยิ้มไป แทนที่จะชวนผ่อนคลายกลับเป็นสยองขวัญกันทั้งแผนก

จะมีแต่รองหัวหน้าสาขาศัลยกรรมทรงอกและหัวใจเท่านั้นที่รู้ต้นสายปลายเหตุ ก็อะไรซะอีกถ้าไม่ใช่รูปแฟนเด็กหนุ่มน้อยลูกครึ่งทำหน้าตาน่ารักมัดจุกเปิดเหม่งใส่เอี๊ยมเป็นภาพพื้นหลังโทรศัพท์ ร้อยวันพันปีมีอย่างที่ไหนคนแบบทิวากานต์จะเอารูปคนขึ้นตั้งหน้าจอโทรศัพท์ ในฐานะที่รู้จักกันมาหลายปีตอนนี้เจ้ารุ่นน้องเขากำลังหลงเด็กได้ที่ชนิดยอมสิ้นทุกสิ่งอย่าง นี่การันต์ก็ว่าจะไปลองยุให้อลันด์บอกทิวากานต์ลาออกมาจากหมอไปขายน้ำเต้าหู้แทน เชื่อขนมกินได้เลยว่าไอ้หน้าหล่อนั่นต้องมีเก็บไปคิดจริงจังบ้างล่ะ!

“อะแฮ่มๆ”

ทิวากานต์เงยหน้าขึ้นจากแฟ้มรายงานก่อนยกมือไหว้ส่งยิ้มหวานจ๋อยไปให้นายแพทย์รุ่นพี่ เมื่อกี้เห็นแวบๆ ว่ามีถุงขนมหิ้วติดมือมาด้วย ลาภปากเขาอีกล่ะ “สวัสดีครับพี่รัน เอาหนมมาฝากเหรอ”

“เออ ฝากพยาบาลเขาไปซื้อมา เอ้า เอาไป”

“ขอบคุณคร้าบ แต่พี่รันคงไม่ได้มาหาผมแค่จะขนมมาฝากใช่ไหม มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ”

“ไม่มีหรอก แต่...” การันต์กลั้นลมหายใจไปช่วงก่อนพรูออกมา “เรื่องลุงของแกน่ะ พอดีตอนแกไปทำเคสเมื่อเช้าอาจารย์พัฒเขามาหาฉันเลยรับเรื่องไว้แทน”

“ไม่เหลือเวลาแล้วเหรอครับ”

“อยู่ได้ถึงเดือนก็เก่งแล้ว” นายแพทย์รุ่นพี่เดินมาตบไหล่อีกฝ่ายหนักๆ คล้ายจะบอกให้ทำใจ “ทางครอบครัวเขาก็รู้แล้วเลยว่าจะเอากลับไปอยู่บ้าน แต่น้าโบบอกว่าให้นอนโรงพยาบาลดีกว่าจะได้ดูแลง่าย แกก็ไปช่วยเขาตัดสินใจแล้วกันว่าจะเอาไง”

“ขอบคุณมากครับพี่รัน”

“ไม่เป็นไร อ้อ! แล้วเรื่องทุนที่พี่คมไปหามาให้น่ะว่าไง เงียบไปเลยนะ ใกล้หมดเขตส่งใบสมัครแล้วนะเว้ย”

ทิวากานต์ทำหน้างงๆ ใส่คนแก่กว่าก่อนร้องอ๋อออกมาเสียงดัง ถ้าการันต์ไม่พูดเขาคงลืมไปแล้วเหมือนกัน ตอนนี้ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเก็บใบสมัครไว้ไหน “ลืมไปเลยครับ แต่ความจริงก็ยังไม่ได้คิดจะไปตอนนี้ อยากทำงานก่อนสักปีสองปี รอไอ้ฟ้ามันกลับมาช่วยก่อนค่อยไป”

“แต่ที่นี่ไม่ได้เอาใบสมัครมาได้ง่ายๆ นะ” การันต์ลองหยั่งเชิง ใจหนึ่งเขาก็ตามใจน้อง แต่อีกใจก็อยากให้น้องได้โอกาสดีๆ ที่ไม่ได้หามาง่ายๆ โดยเฉพาะโอกาสที่มีผู้ใหญ่อย่างรองศาสตราจารย์อาคมหามาให้แถมยังเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลก

“ความจริงก็เสียดาย ได้กลับบ้านเก่าด้วย แต่ตอนนี้...ผมทิ้งอัลไปไม่ได้หรอกครับ” เขาอมยิ้มเมื่อพูดถึงคนรักอ่อนวัย “รอให้เขาเรียนจบที่นี่ก่อนแล้วค่อยไปโกอินเตอร์พร้อมกันดีกว่า แถมมหาลัยแพทย์เจ๋งๆ ที่อังกฤษก็มีน้อยเสียเมื่อไหร่ ยังไงเรื่องหัวใจต้องไปอังกฤษ เหมือนกระดูกต้องไปเยอรมันนั่นแหละ”

“มองการณ์ไกลเหมือนกันนี่หว่า”

“นี่ทิวากานต์นะครับ เรื่องอนาคตทั้งทีต้องวางแผนกันหน่อยสิ”

“เอาเถอะ เดี๋ยวพี่ไปพูดกับพี่คมให้ แล้วจะช่วยหาทุนของอังกฤษให้อีกที คราวนี้ห้ามปฏิเสธอีกล่ะ”

“ครับผม รับรองคราวหน้าไม่มีเบี้ยวแน่นอน”

“ดีๆ เออ ฝากบอกไอ้ตัวแสบด้วยนะ บ่ายสามวันอาทิตย์นี้เดี๋ยวพี่ไปรับมาว่ายน้ำกับยัยแอฟ”

หลังคุยธุระจบแล้วการันต์ก็นึกได้ถึงเรื่องนัดกับเด็กลูกครึ่งตัวเล็กสุดสัปดาห์นี้ เขากับทิวากานต์คุยกันมาสักพักแล้วเรื่องสุขภาพของคนป่วยโรคหัวใจสองคนนี้และมีความเห็นตรงกันว่าให้ไปออกกำลังกายด้วยกันน่าจะดี กีฬาก็เอาว่ายน้ำนี่แหละได้ครบหมดทุกส่วนในร่างกาย ถึงอลันด์จะกลัวน้ำแต่ทิวากานต์ก็สืบมาแล้วว่าเจ้าตัวว่ายน้ำเป็นสบายบรือ แค่กลัวเวลานั่งเรือเฉยๆ

“ครับ ฝากดูแลอัลด้วยนะครับ ถ้าดื้อก็จับตีได้เลยผมไม่ว่า เดี๋ยวผมไปรับเองสักทุ่มสองทุ่ม”

“ให้ไปส่งดีกว่าไหม จะได้ไม่ต้องขับรถกลับไปกลับมา”

“ไม่เป็นไรพี่ ผมมีธุระที่คอนโดนั้นพอดี ของขวัญเซอร์ไพรส์วันเกิดไอ้ตัวแสบจากตายายเขานั่นแหละ เขาให้ช่วยเข้าไปดูหน่อย”

“ได้ๆ มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน”

ชายหนุ่มยิ้มให้การันต์แล้วก้มหน้าอ่านรายงานต่อให้เสร็จๆ เมื่อถึงเวลาเลิกงานก็เดินไปตึกผู้ป่วยหาลุงเข้มที่นอนรักษาตัวมาตั้งแต่วันที่ส่งมาจากโรงพยาบาลเอกชนคราวนั้น ป้าอิงกับขัตติยานั่งเฝ้าคนป่วยอยู่ที่ห้อง ส่วนเขมชาติลูกชายคนโตพาภรรยาไปตรวจครรภ์ที่อีกโรงพยาบาลเดี๋ยวจะตามมา ลุงเข้มนอนหลับตั้งแต่บ่ายคงตื่นมาอีกทีก็คงตอนเย็นๆ ตอนนี้รับได้แต่พวกสารอาหารทางสายยาง ร่างกายที่เคยอ้วนท้วนก็ผอมซูบ ดูๆ แล้วน่าใจหายไม่น้อย

“ป้าอิงโอเคนะครับ” เขาจับมืออีกฝ่ายขึ้นมาบีบเบาๆ แม้ใบหน้าจะมีร่องรอยอิดโรยอยู่บ้างแต่คุณป้าคนสวยและแสนใจดีของเขาก็เหมือนจะทำใจได้ระดับหนึ่ง

“ค่ะ ป้าโอเค น้องวาเลิกงานแล้วหรือยังคะ”

“เลิกแล้วครับ อาจารย์พัฒเขาบอกวามาแล้วล่ะ วาว่าให้ลุงเข้มนอนที่นี่อย่างที่ป้าโบบอกดีกว่าครับ อยู่ใกล้หมอเผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือทัน”

“ค่ะ เอาตามที่คุณหมอว่าดีเถอะ” ป้าอิงยิ้มอ่อนโยนให้เหมือนเคยก่อนลุกขึ้นบอกว่าจะไปซื้ออาหารขึ้นมากิน พอขัตติยาอาสาจะไปแทนกลับถูกบอกให้นั่งอยู่ที่นี่และให้ทิวากานต์ช่วยปลอบน้องที

“คนดีของพี่เครียดเหรอคะ”

“ขิง...ขิงว่ามันเร็วเกินไป ขิงไม่อยากให้ป๊าไป อย่างน้อยขิงอยากให้ป๊าได้เห็นหน้าลูกพี่เขมก่อนก็ยังดี”

“งั้นขิงต้องคอยอยู่เป็นกำลังใจให้ลุงเข้มนะคะ ถ้ากำลังใจดีพี่เชื่อว่าลุงเข้มต้องอยู่ได้ถึงเห็นหน้าหลานคนแรกแน่ๆ” เขาดึงมือเล็กมาบีบๆ นวดๆ เหมือนที่ทำกับป้าอิง หาเรื่องพูดไปเรื่อยจนหญิงสาวยิ้มออก

“ขิงอิจฉาพี่วาจังค่ะ ทำยังไงขิงถึงจะคิดแบบพี่วาได้บ้าง”

“ยังไงคะ”

“มีความสุขกับทุกสิ่งที่ทำแล้วก็ทุกเรื่องที่ผ่านมา”

“พี่น่ะมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่แล้วค่ะ แต่กับทุกเรื่องที่ผ่านมาบางเรื่องพี่ไม่ได้เห็นด้วยมีความสุขกับมันไปเสียทั้งหมด พี่แค่ปล่อยมันไปค่ะ...คิดเสียว่าเป็นทางเดินที่ผ่านมาแล้วแก้ไขไม่ได้ก็มีแต่ต้องยอมรับและเดินหน้าต่อ ถ้าเก็บทุกเรื่องมาคิดชีวิตนี้คงไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะค่ะ ชีวิตนี้ยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ”

“ฮือ... ขิงรักพี่วาจัง แล้วตอนแม่พี่วาเสีย พี่วาปลอบใจตัวเองยังไงคะ”

“ทำไมพี่ต้องปลอบใจตัวเองด้วยล่ะคะ” แทนที่จะตอบเขาลองถามกลับ แขนยาวโอบตัวหล่อนเข้ามากอดเกยคางกันหลวมๆ “พี่ไม่มีอะไรให้เสียใจนี่นา”

“ก็จะไม่ได้เจอคนที่รักมากๆ อีกแล้ว พี่วาไม่เสียใจเหรอคะ”

“ไม่เสียใจหรอกค่ะเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่กับแม่เรามีความสุขมากแล้ว แล้วพี่ก็ทำดีที่สุดแล้ว พี่แค่ใจหายมากกว่าที่ต่อไปนี้จะไม่ได้เจอกันอีก คนเราเกิดขึ้นมาบนโลกนี้ก็เกิดมาเป็นตัวเราแค่คนเดียว คนอื่นถึงจะพ่อแม่ครอบครัวมีสายเลือดเดียวกันยังไงก็นับว่าเป็นคนอื่น คนทุกคนไม่เหมือนกัน สุดท้ายแต่ละคนก็ย่อมมีทางเดินเป็นของตัวเอง การตายจากก็เหมือนกันค่ะ”

“ยังไงคะ”

“ถึงตัวจะจากไปแต่ความทรงจำยังอยู่นี่คะ จะบอกยังไงให้ขิงเข้าใจดีล่ะ... อารมณ์ประมาณเพลงพรุ่งนี้อาจไม่มีฉันของปาล์มมี่มั้ง ขิงกับลุงเข้มรักกันดีมาตลอดใช่ไหมล่ะ ถ้าสมมติจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วถึงจะโหวงเหวงแต่ความทรงจำดีๆ ที่เคยทำร่วมกันมาจะช่วยให้ขิงมีกำลังใจใช้ชีวิตต่อไปได้เองค่ะ”

“แล้วถ้าสมมติเราต้องแยกจากกันตอนที่มีแต่ความทรงจำที่ไม่ดี คนที่ยังต้องใช้ชีวิตต่อไปก็จะเป็นคนที่เจ็บปวดใช่ไหมคะ”

“ใช่ค่ะ ถ้าคนๆ นั้นเป็นคนสำคัญของเรานะคะ คนไม่สำคัญน่ะไม่ต้องเก็บมาไว้รกพื้นที่สมองหรอกค่ะ”

“พี่วาเนี่ย...บางทีก็เลือดเย็นไปนะ”

เขาไม่แก้ตัวและยอมรับอยู่ในที “พี่เชื่ออยู่อย่างหนึ่งค่ะว่ากรรมเป็นผลของการกระทำ ไม่เกี่ยวกับเรื่องศาสนาหรืออะไรนะคะ ขิงก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบเข้าวัด แต่มันเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ค่ะว่าถ้าเราอะไรไว้ก็มักได้ผลอย่างนั้น แม้จะมีตัวแปรเยอะก็เถอะ แต่ความรู้สึกในใจเราจะรับรู้ได้ทันทีและเปลี่ยนกันไม่ได้ พี่ถึงเลือกทำดีไว้ก่อนต่อให้เขาปฏิบัติกับเราไม่ดีเพราะอย่างน้อยเราก็รู้ตัวว่าเราทำดีไปแล้ว ใจเรามันจะดีเองค่ะ หลังจากนั้นค่อยจัดการไปตามเรื่องแบบถ้ากวนตีนมากก็ซัดปากแม่งเลย อะไรแบบเนี้ย”

พูดไปแล้วเลยถูกสาวเจ้าทุบอกดังปึ้ก ขัตติยาลุกขึ้นจากเก้าอี้บอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเสียหน่อยแล้วอาจเลยลงไปซื้อขนมกิน ศัลยแพทย์หนุ่มเลยอาสาจะอยู่เฝ้าลุงเข้มให้จนกว่าป้าอิงจะขึ้นมา

ทิวากานต์ดูเวลาอีกไม่กี่นาทีจะหกโมงเย็น ถึงจะเมสเสจไปบอกแล้วแต่ป่านนี้เด็กฝรั่งคงรอแย่ เย็นนี้ให้กินข้าวนอกบ้านท่าจะดีกว่าหิ้วท้องกลับไปทำกินที่ห้อง คิดแล้วคุณหมอหน้าดุก็หลุดยิ้มออกมา ตั้งแต่รับเด็กคนนั้นชีวิตเขาในแต่ละวันก็คิดแค่ว่าจะดูแลอีกคนยังไง จะทำอะไรให้กิน มื้อนี้จะกินอะไร อาบน้ำสระผมได้เป่าผมไหม การบ้าน รายงานทำเสร็จหรือยัง อย่างกับมีลูกแน่ะ

“วา...”

“ลุงเข้ม เป็นยังไงบ้างครับ เอาน้ำหน่อยไหม” ชายหนุ่มโผไปเกาะข้างเตียงดูคนป่วยที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมา พออีกคนพยักหน้าก็รินน้ำใส่แก้วเสียบหลอดให้ดูด “ป้าอิงกับขิงลงไปซื้อของกินเดี๋ยวก็ขึ้นมาครับ”

“ขอบใจนะที่มาเยี่ยมลุง งานก็ยุ่งยังมาช่วยดูแลให้ตั้งหลายอย่าง”

“เรื่องแค่นี้เองครับ ลุงเข้มเป็นยังไงบ้างครับ เจ็บตรงไหนไหมพอขยับตัวได้หรือเปล่า ถ้ารู้สึกปวดท้องก็เรียกพยาบาลเลยนะครับไม่ต้องทน วาฝากให้เขาช่วยดูแลเตียงลุงเข้มเป็นพิเศษไว้แล้ว”

“ตอนนี้มันเฉยไปแล้วล่ะวา ลุงทำใจได้แล้ว อยากไปสบายๆ มากกว่า เสียดายอยู่อย่างเดียวที่คงอยู่ไม่ทันได้เห็นหน้าหลาน”

“ลุงเข้มครับ...” เขาเอื้อมแขนไปจับมืออีกคนเอามาแนบแก้ม บางทีเรื่องความเป็นความตายมันก็พูดยาก ยิ่งกับคนที่ทำใจได้แล้วไม่รู้จะปลอบใจยังไงดีเพราะเดี๋ยวพูดมากไปจะทำให้เจ้าตัวมีกังวลแทนจะได้ไปสบายอย่างตั้งใจตอนแรก ทิวากานต์นั่งเงียบๆ ฟังคนป่วยพูดไปเรื่อย

“แล้วก็ห่วงเจ้าขิงนี่แหละ ถ้าลุงไปแล้วใครจะคอยดูแล ไหนจะขวัญอีก ผู้หญิงสองคนอยู่บ้านดูแลอู่มันจะไปไหวยังไง เจ้าเขมมันก็มีครอบครัวของมันคงไม่ว่างมาช่วยดูแลได้ตลอด”

“ลุงเข้มไม่ต้องห่วงนะครับ สองคนนั้นเดี๋ยววาดูแลต่อให้เอง”

“ได้ยินแบบนี้ลุงก็สบายใจ ลุงเคยคิดนะว่าถ้าวายังไม่มีแฟนลุงคงขอให้วาแต่งงานกับขิงแล้วล่ะ มีแต่วานี่แหละนะที่ลุงไว้ใจได้มากที่สุด ยังไงถ้าโดนแฟนทิ้งอย่าลืมรับลูกสาวลุงไปพิจารณาด้วยนะคุณหมอ”

“ฮ่าๆ ลุงเข้มต้องถามน้องขิงก่อนแล้วล่ะครับว่าอยากแต่งกับผู้ชายแบบวาไหม” เขาหัวเราะเบาๆ ไม่ให้รบกวนคนไข้ห้องอื่น มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ลุงเข้มเคยพูดทีเล่นทีจริงกับเขาเรื่องนี้ ตอนเด็กๆ พวกแม่ยังเคยคิดจะให้เขาแต่งกับขัตติยาเลย แล้วก็แซวอยู่เรื่อยจนเขาโตทำงานหนัก คบคนนู้นทีคนนี้ที บางทีก็คบซ้อนไม่หาใครเป็นตัวเป็นตน วันๆ ทำแต่งานถึงเลิกพูดไป ครั้งสุดท้ายที่ได้ยินก็หลายปีมาแล้ว

“ขิงน่ะต้องอยากแต่งกับวาอยู่แล้วล่ะ”

“ครับ?”

“วาไม่รู้เหรอว่าน้องแอบรักเรามานาน”

“ไม่รู้หรอกครับ” เขากลั้นหายใจไม่รู้ตัว อยากคิดว่าลุงเข้มคงแค่แซวเล่นเหมือนทุกทีแต่คำพูดจากคนใกล้ตายไหนจะนัยน์ตาที่มองมาเช่นนั้นทำให้เขาพูดไม่ออก เขาไม่เคยมองขัตติยาเป็นมากกว่าน้องสาวสักครั้งและอีกฝ่ายปฏิบัติกับเขาเหมือนพี่ชายคนหนึ่งมาตลอดถึงไม่เคยเอะใจเลย

“ขิงเขาก็รักตามประสาเด็กนั่นแหละวา เราน่ะเป็นเหมือนเจ้าชายของยัยขิงมาตั้งแต่เด็ก ผู้หญิงก็นะ...มันต้องมีความคิดอยากแต่งงานกับเจ้าชายในฝันกันบ้างล่ะ เผื่อจะได้เป็นเจ้าหญิงบ้างไง”

“เจ้าชายคนนี้ดันเจอเจ้าหญิงของตัวเองแล้วน่ะสิครับ” ทิวากานต์ก้มหน้า นึกภาพเด็กฝรั่งแต่งชุดเจ้าหญิงเหมือนในนิทานถึงกับกลั้นขำตัวงอ “ผมว่าน้องขิงคงได้เจอเจ้าชายตัวจริงของตัวเองสักวัน แต่คงไม่ใช่ผมแน่นอน”

TBC

เพราะว่าวาเป็นพี่สาวคนโตของน้องขิงค่ะ #ผิดๆ

ลงตอนใหม่รับปีใหม่จีนค่า
ในเรื่องยังต้วมเตี้ยมอยู่ที่เดือนมกราคมอยู่เลย แหะๆ
แต่ตอนหน้าจะมีคนมาแจกซองแดงให้น้องอัลมาสำรองทุนเพิ่มค่ะ
ส่วนใครจะมาแจกซองแดงให้นั้น โปรดติดตามตอนต่อไป

แล้วเจอกันค่า ^^

#พี่วาน้องอัล

------------------------------

1 – ‘Simple, but effective’ เป็นแนวคิดของวอร์เรน บัฟเฟตต์นักลงทุนและนักธุรกิจชื่อดังระดับโลก มีความหมายว่าใช้ความเรียบง่ายแต่ให้ผลที่มีประสิทธิภาพ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-02-2016 16:38:28 โดย บัวน้อย ไร่แตงโม »

ออฟไลน์ Mokuchi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หมอวาพูดชัดเจนดีมากค่ะ
หวังว่าจะไม่มีดราม่าเรื่องขิงนะ น้องอัลยิ่งแอบๆคิดเรื่องนี้อยู่ :hao4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ AuyAaiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
ใจต้องสู้ค่ะน้องขิง รักคุณหมอวาที่มั่นคง

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ส่งหมอวาไปเรียนต่อยังดีกว่ามีดราม่ากับชะนี

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
หมอวาชัดเจนดีนะเรื่องขิง  น้องคือน้อง
ถ้าไม่ชัดเจนอัลคงคิดมากล่ะ

ออฟไลน์ VarainDark

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ความคิดหมอวาเริศ
จับอัลแต่งชุดเจ้าหญิงจริงๆเลยสิ
ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
หวังอย่างเดียวว่าจะไม่มีดราม่าเรื่องขิงนะ
ไม่งั้นยุให้อัลหนีกบับลอนดอนไปเลย  :hao4:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
เราเชื่อนะที่บอกว่าขิงรัพี่วา แต่ถ้าว่านางรักแบบอยากครอบครองรึป่าวเราว่าไม่อะรูไส้รู้พุงเยอะเกินไปเป็แค่พี่ชายอะดีทุ่สุดแล้ว แถมตอนนี้พี่สะใภ้ยังโดนใจและพาฟินอีก555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด