โคลงที่ ๔
๒๒ สิงหาคม ๒๕๕x
๐๗.๑๑ น.
ผมกับไอ้แต๊งมาช่วยแม่ขายข้าวมันไก่ แม่รับออเดอร์ ผมสับไก่ ไอ้แต๊งเสิร์ฟ ลูกค้ามาเรื่อยๆครับ สายๆของหมดปิดร้าน และเตรียมของทำขายในช่วงกลางวัน ร้านผมทำ ๓ เวลาครับ เช้า เที่ยงเย็น แต่ก็ไม่ทำเยอะเท่าไหร่นะครับ ต่อเวลาอ่ะ ของอร่อยทำน้อยๆครับ แต่ก่อนแม่ขายช่วงเช้าอย่างเดียว แต่ลูกค้ามาขอให้เปิดขายช่วงกลางวันด้วย ไปๆมาๆขอให้ขายช่วงเย็น แต่ช่วงเย็นจะทำน้อยกว่าช่วงเช้ากับช่วงกลางวันครับ บางวันก็ไม่ทำเลยก็มีครับ
ช่วยขายของเสร็จก็ออกไปเดินเล่น วันนี้อากาศครึ้มๆ ไม่รู้จะตกกี่โมง ออกกำลังกายสักหน่อย ช่วงกลางวันก็มาช่วยแม่ขายของต่อ ช่วงเย็นเหมือนกันครับ เสาร์อาทิตย์ก็แบบนี้ เราหารายได้เสริมกัน ได้วันละ ๓๐๐ ไอ้แต๊งหน้าบานเลยครับ ส่วนผมไม่ต้องพูดถึง ถาดหลังร้านไม่รู้จะปิดหน้าผมมิดหรือเปล่า ใบหน้านี่เท่าฝาโอ่ง ส่งชิงโชคก็ไม่ได้ ฮ่าๆๆ
๒๕ สิงหาคม ๒๕๕x
มาโรงเรียนตามปกติ เมื่อวานแวะไปที่โรงจอดรถแล้ว ยังไม่มีโพสต์อิตใบใหม่มาแปะไว้ แต่โพสต์อิตที่ผมเขียนไว้ในห้องน้ำหายไปแล้ว ผมไม่ได้อยากรู้ตัวของเขาหรอกว่าเป็นใคร แค่มีคนรับฟังผมนอกจากไอ้แต๊ง ผมก็ดีใจแล้วครับ
ก็อย่างที่ผมบ่นไปในโคลงนั่นแหละครับ คือช่วงนี้อารมณ์มันเหงาๆ อยากมีแฟนบ้าง ก็เลยเขียนระบายไป ก็อยากจจะจีบใครอยู่นะ แต่เดิยเข้าไปคุยบางคนนี่ ถ้าติดเทอร์โบแล้วโดดหนีผมได้อย่างว่องไว เขาคงทำไปแล้ว ไอ้คนที่สมควรจะมี มันก็ไม่ยอมมีสักที นี่พูดถึงไอ้แต๊งนะครับ ไอ้นี่ไม่ยอมรับรักไอ้เฟียสสักที แต่ผมก็นับถือความพยายามของไอ้เฟียสนะ อุตส่าห์ตามตื๊อตามจีบและเปิดเผยด้วยว่าจีบใคร แต่ถามว่าคนที่ชอบไอ้เฟียสรังเกียจไหม ไม่อ่ะครับ เคยได้ยินจากปากของเขาเหล่านั้นมาว่า ตราบใดที่ไอ้เฟียสยังไม่ควงแขนใคร ทุกคนมีสิทธิ์หมด ผมยุไอ้แต๊งหลายที ยุไม่ขึ้นเลยครับ ไอ้นี่มันก็มึนๆ จีบสาวคนนั้นทีคนนี้ที กะล่อนไปทั่วโรงเรียนครับ แต่มันก็ไม่คบใครสักที ไปส่งน้องคนนั้น เทคแคร์น้องคนนี้ ไม่กี่วันมันก็เปลี่ยนซะแล้ว หรือบางทีก็อยู่มึนๆกับผม ไม่ได้จีบใคร
“อ่ะแต๊ง ผมขอโทษที่เมื่อวานลืมเอามาคืน”ไอ้เฟียสเดินยิ้มแป้นเอาผ้าเช็ดหน้าไอ้แต๊งมาคืน บางทีผมก็คิดว่ามันมีใจให้ไอ้เฟียสอยู่นะ แต่บางทีมันก็ไม่ได้มีใจ งงกับมันอยู่เนี่ย
“อืม”สั้นๆได้ใจความ
“ไม่อยากคืนเลยอ่ะ อยากเก็บไว้เป็นของที่ระลึก จะได้ไหม”
“ของเอาไว้ใช้ ไม่ใช่เอาไปเก็บในพิพิธภัณฑ์ มึงคิดว่าผ้าเช็ดหน้ากูเป็นของฝากจากภูทับเบิกรึไง”
“ก็เป็นของชิ้นแรกที่แต๊งให้ผมนี่นา ถึงแม้จะเป็นช่วงสั้นๆที่ผมได้ครอบครองมัน...”
“เลิกทำหน้าเคลิ้ม หยุดเพ้อ แล้วมาอยู่ในโลกความเป็นจริง ที่ให้ยืมเอาเช็ดเพราะกูพ่นน้ำใส่หน้ามึง”
“เดี๋ยวๆ พ่นน้ำอะไรวะแต๊ง มึงนี่ร้ายกว่าหนังญี่ปุ่นอีกนะ”ผมรีบแทรกทันที
“ไอ้หมูขึ้นอืด สมองมึงนี่ สมองหมูกระจู๋มดจริงๆ ทะลึ่งได้โล่ หน้าตาบ้าๆแบบนี้เสือกสอบได้ที่หนึ่งของห้องอีก จะไปไหนก็ไปไอ้เฟียส เหม็นขี้หน้ามึงละ”
“เมื่อไหร่แต๊งจะหอมขี้หน้าผมสักทีนะ”ไอ้เฟียสยิ้มทะเล้น
“ก็บอกว่าขี้หน้า จะให้หอมยังไง เข้าใจคำว่าขี้ป่ะ กูไม่ได้บอกน้ำหอมหน้านี่ ไปๆ กูจะคุยกับไอ้หมี”ดูมันไล่สิครับ
“ก็ได้ เย็นนี้เจอกันที่สนามนะ ไปละหมี”ไอ้เฟียสเดินยิ้มแป้นออกไปจากห้อง พอผมหันไปมองหน้าไอ้แต๊งและถาม
“มีอะไรจะคุยกับกูอ่ะ”
“ไม่มี กูแค่ไม่ชอบให้มันมาเพ้อเจ้อต่อหน้ากู เฮอะ หน้าด้านหน้าทนจริงไอ้นี่ คนไม่มีใจยังจะมาตอแย”
“กูว่ามึงมีใจนะแต๊ง แต่มึงกลัว”
“มึงอย่ามาเดาใจกูให้ยาก กูชอบผู้หญิงเว้ย”
“ความรักไม่มีหญิงชายนะแต๊ง มึงไม่เปิดใจบ้างวะ”
“มึงยังเด็กอยู่ จะไปรู้ประสาอะไรวะหมี เรามีหน้าที่เรียนเว้ย พ่อแม่ให้มาเรียน ไม่ได้ให้มาหาผัวหาเมีย”
“แหม ไอ้สัส เมื่อวานยังเอารถมอไซด์กูไปส่งน้องเจนอยู่เลย นั่นก็ไม่ได้หาเมียเลยใช่ไหม เออ ตกลงว่าน้องใบเฟิร์นนี่ไม่จีบแล้วเหรอ”
“ไม่อ่ะ เขาไม่ได้สนใจกูเท่าไหร่ กูมันหน้าหนาเองที่ขอไปส่งเขา อย่าใส่ใจ กูก็แบบนี้ ตะลอนไปเรื่อยๆ”
“เออ แต่บางทีกูอยากให้มึงเปิดใจดูบ้างนะเว้ย ไอ้เฟียสหน้าตามันก็ไม่ได้ขี้เหร่ มันก็อันดับต้นๆในโรงเรียนด้วยซ้ำ แล้วอีกอย่างมันมั่นคงนะ คิดดู ปากบอกว่าชอบมึงตั้งแต่ม.๑ ตอนนี้มันก็ยังบอกว่าชอบมึง เป็นคนอื่นกูว่าได้ฟินน้ำกระจายไปนานแล้ว”
“ก็ไม่ไปเอาคนอื่นเล่า จะมาเอาอะไรกับคนอย่างกู ต่อให้หล่อเท่าเทวดากูก็ไม่สนอ่ะ”
“จริงเหรอวะ”
“เออดิ”คอยดูไอ้ปากแข็ง มึงเสร็จไอ้เฟียสเมื่อไหร่ กูจะเลี้ยงหมูกระทะทั้งซอย
๑๒.๒๕ น.
กินข้าวเสร็จแล้ว ผมกับไอ้แต๊งมานั่งใต้ร่มไม้ คุยกันเหมือนเดิมครับ แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมานั่งตรงข้าม
“พี่ชื่อแต๊งใช่ไหมคะ”
“ครับ มีอะไรเหรอ”ไอ้แต๊งพยักหน้า ยิ้มแป้นแล้วเพื่อนกู เอาเถอะ ผู้หญิงเข้าหาดีกว่าไม่มีคนอยากคบ นี่พูดเข้าตัวเองชัดๆ
“คือ หนูอยากให้พี่ปล่อยพี่เฟียสได้ไหม”
“อ้าว”หน้าหุบซะแล้วเพื่อนผม ทีแรกคิดว่าผู้หญิงจะมาจีบ ที่ไหนได้ มาขอผู้ชายนี่เอง “เอ่อ ก็ไม่ได้มัดมันไว้นี่ เห็นมันเป็นควายเหรอ ถึงอยากให้พี่ปล่อย”
“ชิ กวนจริงๆ หนูหมายถึง พี่เข้าใจป่ะ พี่เป็นผู้ชาย”
“อืม ก็ไม่ได้สับสนอะไรนี่ เป็นผู้ชาย ใส่ชุดผู้ชายอยู่อ่ะ”ปากไวครับ ถามมา โต้กลับ
“ผู้ชายไม่ควรทำตัว แบบ เอ่อ ร่าน เข้าใจไหมคะ”
“เฮ้ย น้องมาพูดแบบนี้ได้ไง คือ มีอะไรว่ามาตรงๆเลยดีกว่านะ อยากได้ไอ้เฟียสทำผัวเหรอน้อง อยากได้มันก็ไปจีบมัน ไปจับมันทำผัวสิ ไม่ต้องมาใส่ความกันแบบนี้”
“หนูจีบแล้ว แต่พี่เฟียสบอก เขามีพี่แต๊งคนเดียว คือ หนูไม่เข้าใจว่าพี่มีอะไรดีตรงไหน ทำไมพี่ไม่ชอบผู้หญิงคนอื่น ทำไมพี่ต้องมาให้พี่เฟียสชอบด้วย”
“น้อง พี่ไม่เคยทำให้มันชอบเลยนะ มันจะชอบใคร ชอบอะไรนั่นมันเรื่องของมันป่ะ พี่อยู่ส่วนพี่ มันก็อยู่ส่วนมัน มันจะชอบพี่หรือชอบใครพี่ไม่รู้ด้วย”
“อย่าทำตัวแบบนี้เลยพี่แต๊ง หนูว่าพี่ปล่อยให้เขาไปเจอผู้หญิงดีๆดีกว่านะ ยังไงผู้หญิงก็ต้องสมควรกับผู้ชาย พี่ไม่ได้คบพี่เฟียส พี่ก็อย่ากั๊กไว้คนเดียวสิ คนอื่นเขาชอบพี่เฟียสตั้งเยอะตั้งแยะ”
“เฮ้อ พี่ว่าน้องเข้าใจอะไรผิดแล้วละ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่พี่ ปัญหาอยู่ที่ไอ้เฟียส พี่ไม่เคยชอบมัน ไม่เคยคิดจะคบกันมัน แล้วมันจะชอบใครไม่ชอบใครมันเรื่องของไอ้เฟียสมันป่ะ ทำไมน้องไม่ดูตัวเองวะ ไอ้เฟียสไม่ชอบน้อง แต่กลับมาชอบพี่ แสดงว่าหน้าของน้องก็ไม่ได้สวยเท่าไหร่ ถ้าสวยจริงทำไมถึงสู้หน้าเหี้ยๆอย่างพี่ไม่ได้วะ ป่ะไอ้หมี กูชักจะเบื่อผู้หญิงงี่เง่า”ไอ้แต๊งลุกขึ้นอย่างหน้ารำคาญ “เออ ฝากไว้อย่าง หน้ากับคอสีผิวไม่เท่ากันนะ”ทิ้งท้ายก่อนจะเดินนำหน้าออกไป เออ ก็จริงของไอ้แต๊งมัน หน้านี่ขาวเหมือนนางเอกลิเก คอนี่เหมือนไปมุมดเก็บถ่านมา มันตัดกันเกิ้นนนน
“ไอ้บ้า ไอ้ตุ๊ดเอ๊ย เห็นแมนๆเตะบอลกูคิดว่าชายแท้ แมนบ้าแมนบออะไร แมนให้เขาเอาตูดละไม่ว่า ไอ้หน้าหอย”ผู้หญิงด่าไล่หลัง
“นี่ถ้าไม่ใช่ผู้หญิง กูจะกระทืบให้ แม่ง”ไอ้แต๊งหัวเสียแล้วครับ
“เออ มึงก็อย่าไปใส่ใจดิวะ”
“ไม่ใส่ใจได้ไง กูอยู่ของกูดีๆ มึงดูดิ มันเรื่องอะไรที่กูต้องมาเจอด้วยวะ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้เฟียส กูไม่โดนแบบนี้แน่ วันนี้กูเตะยอดหน้ามันให้หงาย หาเรื่องให้กูซะเหลือเกิน”
“มึงอย่าไปโทษไอ้เฟียสมันดิ กูว่ามันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยนะ”
“พูดได้ไงวะไอ้หมีว่าไม่เกี่ยว แล้วที่ผู้หญิงมาด่ากูปาวๆนี่เพราะใครวะ ถ้าไม่ใช่เพราะมันอ่ะ”
“มึงอย่าพาลดิแต๊ง ไอ้เฟียสมันก็ชัดเจนของมันอยู่แล้ว ตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ผู้หญิงมันไม่สนใจเองป่ะ แล้วมโนมาว่ามึงอ่ะ ถ้าผู้หญิงมันฉลาดพอ มันคงไม่บ้าไปจีบคนที่ชอบมึงแบบไอ้เฟียสหรอกมั้ง”
“เข้าข้างยกหางมันเข้าไป ใช่สิ กูไม่สำคัญเลยนี่ มึงถึงได้เห็นมันสำคัญกว่ากู”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะแต๊ง มึงเข้าใจกูดิ คือ กูก็พยายามไม่เข้าข้างใครเว้ย แต่กูว่าผู้หญิงอ่ะผิด ไอ้เฟียสมันไม่ผิด มึงอย่าไปพาลใส่มันดิ”
“หุบปากมึงเลยไอ้หมี”ไอ้แต๊งเดินไปอย่างว่องไว ทิ้งให้ผมเดินเอื่อยเฉื่อยอยู่คนเดียว จะวิ่งตามก็ไม่ไหว น้ำหนักเกิน นี่ถ้าหนังผมมีเกล็ดผมจะม้วนตัวเป็นตัวนิ่มแล้วกลิ้งตามมันซะเลย ปราดเปรียวเกิ้นนนนน
๑๕.๒๘ น.
ช่วงบ่ายไอ้แต๊งหน้าบูดทั้งวันครับ ผมคุยอะไรมันก็ไม่ยอมคุยด้วย เป็นแบบนี้ไม่บ่อยครับ ปกติแต๊งจะร่าเริง ใจหนึ่งก็อยากจะเดินไปด่าผู้หญิงคนนั้นจริงๆ มีอย่างที่ไหนอ่อยผู้ชายไม่ติดแล้วมาโบ้ยให้คนอื่น
เลิกเรียน ผมมานั่งรอไอ้แต๊งเตะบอลเหมือนเดิม หยิบหนังสือมาทบทวนใต้ร่มไม้ วันนี้ไอ้แต๊งเตะบอลรุนแรงมากเลยครับ จากที่ผมอ่านหนังสืออยู่ดีๆ ไม่เป็นอันอ่านเลย ต้องไปยืนข้างสนาม มันเตะบอลอัดไอ้เฟียสบ่อยครั้ง ทีแรกก็คิดว่าพลาด แต่บ่อยเกินจนผมคิดว่ามันตั้งใจ
“แต๊ง เป็นไรวะ ไม่พอใจก็ไม่ต้องลงสนามดิ”โค้ชเรียกไอ้แต๊งออกมา
“ไม่เป็นไรครับโค้ช แต๊งไม่ได้ตั้งใจ”ไอ้เฟียสออกปากแทน
“เฟียส อย่าคิดว่าโค้ชมองไม่ออกนะ ไม่ต้องเล่นละ มารวมกันให้หมด”ว่าแล้วไอ้แต๊งก็โดนโค้ชต่อว่าและโดนลงโทษให้เป็นคนเก็บอุปกรณ์ของชมรมฟุตบอลหลังเลิกซ้อมทุกครั้งเป็นเวลา ๑ เดือน
“แต๊งเป็นไร มีอะไรไม่สบายใจบอกผมได้นะ”ไอ้เฟียสยังใจดีทั้งที่ตัวเองโดนเตะบอลอัดตั้งหลายครั้ง
“ไปไกลๆกูเลยไป อย่าให้กูต้องโดดถีบยอดหน้ามึง”
“มึงมีเหตุผลหน่อยดิแต๊ง มึงบ้าป่ะเนี่ย แยกแยะอารมณ์หน่อยดิวะ”ผมรีบปรามไอ้แต๊งทันที พอโมโหทีไร แม่งบ้าทุกที
“ยุ่งอะไรกับกูด้วยไอ้หมี”
“อย่าพาล เดี๋ยวกูต่อยหน้าเข้าให้ มึงนี่ อ่ะน้ำ”ผมยื่นเครื่องดื่มเกลือแร่ให้มัน มันรับไปดื่ม ส่วนไอ้เฟียสมองหน้าผมอย่างคนจะป่วยตาย
“เก็บอุปกรณ์ด้วยนะแต๊ง ส่วนคนอื่นกลับบ้านได้แล้ว พรุ่งนี้เจอกันเหมือนเดิม”โค้ชย้ำเตือนไอ้แต๊ง ไอ้แต๊งหน้าจ๋อย วางขวดน้ำลงแล้วเดินไปเก็บอุปกรณ์ ไอ้เฟียสจะไปช่วย
“มานี่ก่อน กูจะเล่าอะไรให้ฟัง”ผมดึงแขนไอ้เฟียสไว้ แล้วเกริ่นเรื่องวันนี้ และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
“เฮ้อ”ไอ้เฟียสถอนหายใจ “ขอบใจนะหมี กูก็คิดไปไกลว่าเพราะเรื่องอะไรทำไมแต๊งถึงได้โกรธกู แต่มึงต้องเข้าใจกูนะหมี กูชอบใครไม่ได้จริงๆ”
“เออ กูเข้าใจมึงอ่ะ มึงไม่ผิดหรอกที่มึงชอบไอ้แต๊ง แต่มันผิดที่คนแอบชอบมึงอ่ะไปว่าไอ้แต๊งมัน มึงต้องอดทนนะเว้ยเฟียส”
“อืม กูทนได้อยู่แล้ว กูไม่เคยโกรธแต๊งหรอก เดี๋ยวกูไปช่วยแต๊งเก็บของก่อนนะ”แล้วมันก็วิ่งไปช่วยไอ้แต๊งเก็บของ มันก็น่าเห็นใจทั้งคู่อ่ะ ผมเองก็เห็นใจไอ้แต๊งด้วย บางทีมันก็บอบช้ำมาเกินพอที่มีคนมาต่อว่าแบบนี้ คือเรื่องแบบนี้เกิดทุกปีเลยครับ ปีละหลายครั้งด้วย แล้วบางปีก็โดนแกล้งจากรุ่นพี่ที่แอบชอบไอ้เฟียส จนมันโตขึ้น สู้คนได้ ไม่ค่อยมีคนแกล้ง แต่จะมีพวกจดหมายมาต่อว่า หรือ มีนัดมาเป็นกลุ่มแล้วรุมด่า มันเคยคิดจะย้ายโรงเรียนนะ แต่ก็อดทน
ไอ้เฟียสช่วยเก็บของไอ้แต๊งเสร็จแล้ว
“ผมขอโทษอีกทีนะแต๊งที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่จะให้ผมชอบเขา ผมทำไม่ได้หรอก”
“มึงไม่ชอบเขา แต่มึงเลิกชอบกูได้ป่ะ”ไอ้แต๊งมองตาดุ อีกคนก็ดีแสนดี แหม่ ถ้ากูเป็นมึงนะ ไอ้แต๊งนะ กูจับไอ้เฟียสทำผัวตั้งแต่ม.๑ อ่ะ ฮ่าๆๆ จากหมีกลายเป็นแรดซะแล้วกู “ได้ป่ะ เลิกชอบกูได้ป่ะ”
“ไม่ได้หรอก”
“ทำไมวะ แค่มึงไม่ชอบกูแค่อย่างเดียว ทุกอย่างมันก็จบ มันไม่ต้องเกิดเรื่องแบบนี้ มึงเข้าใจความรู้สึกกูป่ะ บางทีกูจีบผู้หญิงไม่ติดก็เพราะมึง และหลายๆทีกูก็ต้องโดนด่าเพราะเขาหาว่ากูกั๊ก แค่มึงเลิกชอบกู หันไปชอบคนอื่น เรื่องมันก็จบ”
“แต๊ง การที่คนเราจะรักใครคนๆหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ผมพูดได้เลยว่าต่อให้ในโลกนี้มีคนเหลือแค่ ๒ คน คือผม กับคนอื่น ผมก็ทำใจให้เราเขาง่ายๆไม่ได้หรอก แต๊งไม่รับรักผม ผมไม่ว่า แต่อย่าให้ผมไปรักคนอื่นเลยนะ”ไอ้เฟียสพูดแบบคนจะขาดใจตาย
“มึงเพ้อเจ้อ หัดอยู่ในโลกของความเป็นจริงบ้าง”
“ผมอยู่กับความเป็นจริงที่สุดแล้วนะแต๊ง ผมซื่อสัตย์ต่อความรู้สึก ต่อหัวใจของตัวเอง ผมรักใครนั่นคือผมรัก ผมไม่ชอบต่อให้เขาดีอย่างไร ผมก็ไม่ชอบ ผมขอแค่แต๊งเข้าใจผมแค่นี้ก็พอ ถึงวันหนึ่งผมจีบแต๊งไม่สำเร็จ ผมอาจจะอยู่ตัวคนเดียว แต่ผมขอแค่มีแต๊งให้ผมคิดถึง ผมขอแค่นี้ก็พอ”
“เฮอะ”ไอ้แต๊งหยิบของแล้วเดินนำหน้าไป
“กูเข้าใจมึงนะเฟียส ไอ้แต๊งมันก็แบบนี้แหละ เวลามันโมโห เดี๋ยวให้มันใจเย็นมันอาจจะฟังเหตุผลของมึงบ้าง มึงอย่าคิดมากนะ”ตบไหล่ปลอบไอ้เฟียสอย่างเข้าอกเข้าใจ
“อืม”อีกฝ่ายพยักหน้า แววตาดูหม่นหมองมากเลย
ผมเดินตามหลังไอ้แต๊งไปที่โรงจอดรถ โรงเรียนเงียบแล้ว โรงจอดรถโหรงเหรง ไอ้แต๊งไปล้างหน้าล้างตาที่อ่างใกล้ๆ ส่วนผมหยิบกุญแจ แลตามองไปทั่วๆ เจอโพสต์อิตสีส้มอ่อนใบหนึ่งติดอยู่ จึงเดินเข้าไปดู เก่งแฮะ หาที่เราเจอด้วย
เปลี่ยน ความคิดใหม่แล้ว จักมี
ที่ ไม่คิดเรื่องนี้ เล็กน้อย
แล้ว ใยใส่ใจวจี คนอื่น
นะ ที่มธุรสด้อย ส่ายหน้า ไปที
ให้ผมเปลี่ยนความคิดซะใหม่เหรอ แล้วต้องเปลี่ยนยังไงวะ คือจากที่เห็นๆมาอ่ะ มีใครไม่เลือกคบแฟนบ้าง ก็อย่างที่บ่นไปในคราวก่อน ต้องหุ่นดี หน้าตาต้องได้ เงินต้องมี อ้วนพีเป็นหมีควายความต้องการมันก็น้อย เอาจริงๆแบบไม่โลกสวย ใครๆก็ต้องการคนหุ่นดีทั้งนั้น มันจะไม่คิดได้อย่างไรวะ ถาม ๑๐๐ ตอบมา ๙๐ ว่าต้องการแฟน หล่อ หุ่นดี เรียนเก่ง ตัวเท่าเข่งก็ได้แค่เบ่งอยู่ในห้องน้ำ ผอมแห้งแรงน้อย ก็ได้แค่ลูบปากป้อยๆกลับไปนั่งซึมที่บ้าน จะไม่สนใจคำพวกนี้ก็ไม่ได้ มันเป็นโพลล์ ถึงแม้ค่าเบี่ยงเบนมันจะเยอะก็เถอะนะ
แต่จะพูดไปนะ ถ้ามีคนมองข้ามเรื่องหุ่นกับหน้าตานี่ ผมว่าเขาต้องเป็นคนที่วิเศษคนหนึ่งเลยละครับ จิตใจเขาต้องดี เฮ้อ จริงๆผมก็ไม่เกี่ยงนะคนที่จะมารักผม แต่มันไม่มีนี่สิ เหงาจะตายอยู่แล้ว น้องแก้วใยไม่เห็นใจบ้าง หึหึ ฟุ้งซ่านเกินไปก็ไม่ดี
“ทำอะไรวะหมี มีพิรุธนะมึง”เสียงเตือนจากเพื่อนที่ยืนจังก้ารอหน้าปากทางออก ผมต้องรีบสตาร์ทมอไซด์ขับออกไปด้านนอก วันนี้คงไม่ได้ตอบโคลง คิดอะไรไม่ออก
ก็เหมือนอย่างที่ไอ้แต๊งว่า ผมยังเด็กเกินไปมั้ง มุ่งมั่นการเรียนดีกว่า
เอ๊ะ หรือเรามาหาเมียทิ้งทวนม.ปลายดีวะ เอิ้ก