...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)  (อ่าน 743768 ครั้ง)

ออฟไลน์ zamziz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บีบคั้นหัวใจที่สุด จะรอวันนั้นที่เป็นวันของคุณหมอนะคะ อิอิ

ออฟไลน์ aurusma

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
ต้นเหตุของความเสียใจ ก็คือความจริงที่เราไม่พูดกัน ไม่เคยจะมองตากัน~ :o12:

ออฟไลน์ Zalzah_iP

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
อ่านแล้วก็ถึงบางอ้อว่า สมัยก่อนเขาจีบกันอย่างนี้หรือนี่ ช่างมุ้งมิ้งเสียจริง เอะอ่ะตีเทนนิสๆ ฮาาาาาาาา

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
ได้กำลังใจจากคุณบัวนี่แหละ
รอวันที่คืนกำไรให้หมออยู่นะ

ออฟไลน์ PookPick

  • มองฉัน รักฉันสิ!
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
คุณจันทร์!!! น่าตีจริงเชียว!!

พูดแบบนั้นกับพี่หมอได้ยังไงคะลูก ไม่งามเลย

สงสารคุณหมอ สงสารจันทร์ด้วย

รอวันคุณหมอเอาคืน อิอิ

ปล. ไม่ชอบคนแบบเภาเลยจริงๆ


ออฟไลน์ BaZkon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
คุณจันทร์ก็ใจแข็งซะจริง สงสารคุณหมอ ดูท่าแล้วคุณหมอคงจะรู้ใจตัวเองก่อนคุณจันทร์แน่ๆ ซดมาม่ากันไปตามระเบียบ อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆT T

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ภาวนาให้ตอนที่หมอเดินหนี แล้วจ้าวไปจับชายเสื้ออ   :hao5:

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
อ๊ายยยย คุณจันทร์น่าตีจริงเชียว
คุณหมอก็ง้อเข้าไปอีกนิดสิจ้าาา

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
จันทร์เจ้า ดื้อมาก ๆ

หมอ น่าสงสารอ่าาา

ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
เข้ามารอ ณ วันพฤหัสที่ดีเหมือนฝันค่ะ T ___ T .. สัปดาห์นี้มีแต่เรื่องแย่ๆ จะรออ่านเรื่องดีๆนะคะ ; ;

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
โอย เหนื่อยใจกับความขวางและทิฐิของจันทร์จ้าว อย่างนี้ต้องวานให้คุณหมอภวัตช่วย...จูบหวานๆ ให้จันทร์จ้าวอ่อนระทวยทีเถอะค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะเป็นคนชี้โพรงให้กระรอกภวัตและกระรอกจันทร์จ้าวเอง จะได้เนตรฟ้าตาใสสว่างจ้านักแล คราวนี้รับรองว่า บ้านเช่าหลังน้อยต้องเป็นเรือนหอรอรักแน่ๆ

ดิฉันชอบอาทิตย์นะคะ ดูเป็นชายหนุ่มที่อบอุ่นและรักจริงมากๆ และดิฉันมีความคิดว่า ถ้ามีใครจะรับความสัมพันธ์ของหมอภวัตกับจันทร์จ้าวได้คนแรก ก็คงเป็นพี่อาทิตน์นี่แหละ เพราะดูเขาเป็นคนรักน้องมากๆ

รออ่านตอนต่อไปนะคะคุณบัว ขอบคุณมากๆ ค่ะ ได้อ่านสองตอนรวดเลย

ออฟไลน์ ToeyTato

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
มารอจันทร์จ้าวอยากอ่านแล้วอ่ะ

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
คิดถึงจันทร์แล้วอะวันนี้จะมาไหมน้าๆๆๆ

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
ตั้งตารอวันนี้แบบสุด อยากเจอจันทร์จ้าว  อยากเจอคุณหมอภวัต

ออฟไลน์ ์ำNeFuji

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
รอคอยมากมายอ่ะ นอลุ้นให้ผ่านช่วงอึดอัดนี้ซะที

ออฟไลน์ PoppyPrince

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ตั้งตารอคอยให้ถึงวันพฤหัสไวๆ ในที่สุดก็ถึง คิดถึงคุณหมอมากค่ะ

ออฟไลน์ praewp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
วันนี้หมอนัดค่าาา :katai2-1:

ออฟไลน์ oss_tw

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 :impress3:

เหมือนวันพฤหัส จะมาช้าเลย

รอคุณหมอปราบพยศคุณจันทร์

คิดถึงแล้วค่าาา...

  :L2:

ออฟไลน์ lollita

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เวียนมาบรรจบครบสัปดาห์  วันนี้ที่รอคอยกับวันพฤหัสดีๆ ดีใจจ๊นตัวสั่นระริกระรี้

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
จันทร์จ้าว
By: Dezair
…………………….
บทที่ ๑๑



หม่อมหลวงพงศ์ภราธรหายหน้าไปจากสำนักงานอีกหลายวัน โผล่เข้ามาอีกทีในเช้าวันพุธของสัปดาห์ต่อมา และทันทีที่โผล่ขึ้นมาที่สำนักงานชั้น ๒ เรย์มอนด์ อดัมส์ก็รีบถลาเข้าไปหาด้วยสีหน้าตื่นตะลึงสุดขีด



“คุณพงศ์!!! มาได้เสียที รู้ไหมที่นี่เกิดเรื่องใหญ่มาก!!!”



คำว่าเรื่องใหญ่มากของเพื่อนชาวต่างชาติ ราชนิกูลหนุ่มไม่อาจคิดว่าเป็นเรื่องอื่นเรื่องใด นอกเสียจากเรื่องของ ‘จันทร์จ้าว’ ดวงตาของเขาเหลือบไปมองที่ประตูห้องทำงานของเพื่อนรักโดยพลัน เรย์มอนด์เห็นสายตาแล้วก็รีบสำทับ



“ใช่เลย! คุณพงศ์ นั่นน่ะมนุษย์ที่แปลกที่สุดในโลก!!”



“เกิดอะไรขึ้นอีก หรือว่า...จันทร์อาละวาดอีกแล้ว”



นายฝรั่งส่ายหน้าหวือ



“ไม่ใช่ๆ คราวนี้ไม่อาละวาด คราวนี้มาแนวใหม่แน่ะ!!”



“แนวใหม่?”



“ใช่! หน้านิ่ง ไม่พูดกับใครสักคน แล้วเมื่อวันจันทร์ หนังสือมาถึงใช่ไหมล่ะ ปรากฏว่ามันขาดไปเล่มนึง พวกพนักงานเขาก็กลัวจะโดนด่า หัวหดกันหมด ผมก็เลยต้องเข้าไปคุยด้วย คุณพงศ์รู้ไหม? จันทร์ว่าอย่างไร จันทร์ไม่ว่าอะไรเลย!! มีด้วยหรือคุณพงศ์! จันทร์ที่ไม่ว่าอะไรใครเลยน่ะ!!” เรย์มอนด์ทำหน้าตาตื่นตกใจอย่างถึงที่สุดเมื่อเล่าย้อนความพิกลชวนให้อกสั่นขวัญแขวนกันทั้งสำนักงานมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ หม่อมหลวงพงส์ภราธรขมวดคิ้วมุ่นแล้วเหลือบตากลับไปมองที่ประตูห้องทำงานของเพื่อนรักที่ยังปิดเงียบ
 


...หรือว่าเรื่องไม่ชอบมาพากลนี้จะเกี่ยวกับคุณหมอ...เมื่อวันอาทิตย์ พอเขากลับมาที่วังและพบกับน้องสาว เขาถามถึงเรื่องหมอภวัตและจันทร์จ้าว พิมพัชราบอกกับเขาว่าตอนแรกคุณหมอและน้องชายจะอยู่รับประทานอาหารกลางวันที่บ้านรักษพิพัฒน์ แต่ไปๆมาๆกลับขอตัวกลับตั้งแต่ยังไม่เที่ยงด้วยซ้ำ...



“คุณพงศ์ เอาอย่างไรดีเล่า นี่พวกพนักงานเขาจะคิดเอาได้นะ ว่าจันทร์มันผีเข้า!! ผมล่ะว่าแล้วเชียว! ตอนเราจะซื้อที่นี่เพื่อทำสำนักงาน เราน่าจะหา...หาอะไรนะ...พวกหมอจีนที่รับดูดวงดูฤกษ์ดูทิศดูทางน่ะ อ้อ...ซินแส! ใช่! ผมเห็นพวกคนไทยคนจีนใกล้บ้านพักผมเขาไปตามซินแสมาดูให้ เราพลาดจริงๆน่ะคุณพงศ์ ไปหาซินแสมาดูให้ตอนนี้จะทันไหม”



ราชนิกูลหนุ่มเหลือบตามองนายฝรั่งตัวโตพูดไทยชัดแล้วเอ่ยปากถามอย่างเอือมระอา



“เรย์ คุณเรียนจบอะไรมา”



“วิศวะฯน่ะซี คุณพงศ์ก็ทราบนี่ ถามทำไมหรือ”



“เรียนจบวิศวะฯ ยังคิดเรื่องผีเข้าอีกหรือ” ถูกประชดเข้าให้แบบนั้น เรย์มอนด์ก็ทำหน้าหงอยขึ้นมา “โธ่...ก็จันทร์อารมณ์ร้ายน้อยเสียเมื่อไร เดี๋ยวก็ดุ เดี๋ยวก็ดี นี่คราวนี้มาเงียบๆอย่างนี้ น่ากลัวกว่าทุกทีแยะเลย”



“เอาเถอะ เดี๋ยวผมเข้าไปคุยเอง แล้วหนังสือที่ส่งมาอยู่ในห้องจันทร์ใช่ไหม”



“ใช่ ขาดไปเล่มหนึ่ง แต่ผมจัดการสั่งใหม่แล้ว เขาจะส่งตามมาให้” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องทำงานของเพื่อนรัก เขาเคาะประตูให้สัญญาณ ๓ ที ก่อนจะเปิดประตูแล้วหายลับเข้าไป โดยมีเรย์มอนด์มองตามด้วยความอยากรู้อยากเห็นและห่วงใยเป็นที่สุด



“ขอให้พระเจ้าคุ้มครองด้วยเถอะ”



.................................


 
ห้องทำงานเล็กๆที่กั้นมาจากส่วนสำนักงานเป็นทั้งห้องทำงานของจันทร์จ้าวและห้องเก็บของ แม้จะแน่นไปด้วยลังใส่หนังสือที่ส่งมาถึงหมาดๆ แต่ก็เป็นระเบียบและเรียบร้อย หม่อมหลวงพงศ์ภราธรกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะกลับมาหยุดสายตาที่เพื่อนรัก ซึ่งยังนั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงาน



“มีอะไรหรือคุณพงศ์” จันทร์จ้าวออกจะประหลาดใจ ที่อีกฝ่ายโผล่เข้ามาในห้องของเขาแล้วก็ไม่พูดอะไร หม่อมหลวงพงศ์ภราธรเสยิ้มกว้าง



“เห็นว่าหนังสือมาแล้ว เลยจะมาดูหน่อยน่ะ”



“อ้อ กล่องตรงนั้น” เจ้าของห้องชี้ไปที่กล่องมุมห้องซึ่งวางซ้อนกันสูง ราชนิกูลหนุ่มเดินไปยกมาดูราวกับสนใจนักหนา ทั้งๆที่ในใจของเขากำลังคิดหาทางสังเกตพฤติกรรมเพื่อนรักว่าเป็นจริงอย่างที่เรย์มอนด์ว่าหรือไม่



“พวกหนังสือนิตยสาร ผมสั่งให้คนเอาลงไปวางที่ร้านแล้ว ในกล่องนั่นเหลือแต่พวกหนังสือที่สั่งมาตามออเดอร์ ส่วนกล่องล่างเป็นหนังสือที่ทางนั้นส่งมาให้ลองอ่านดู คุณพงศ์เอาไปแจกคนเถอะ เอาไว้ในลังอย่างนั้นเราก็คงไม่ได้อ่าน”


หนังสือทั้งหมดล้วนเป็นภาษาอังกฤษซึ่งมีจำนวนมากเกินกว่าจะอ่านกันหมด โดยเฉพาะจันทร์จ้าวที่ไม่ใช่คนชอบอ่าน ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะนึกครึ้มหยิบมาลองอ่านดู หม่อมหลวงพงศ์ภราธรหยิบขึ้นมาดูผ่านๆ ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งเป็นหนังสือทางการแพทย์



“เล่มนี้เกี่ยวกับการผ่าตัดนี่...”



คำว่าผ่าตัด ทำเอาเจ้าของห้องทำงานแห่งนี้ชะงักไปในทันที เขามีเพื่อนหลายคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการผ่าตัด แต่ทำไมกลับคิดถึงคนเพียงคนเดียว...



“คุณพงศ์เอาไปฝากหมอสิ...” แล้วจู่ๆ เพื่อนรักของหม่อมหลวงพงศ์ภราธรก็เสนอขึ้นมา คนฟังหันไปมองในทันที



“หมอไหน?” ไม่มีคำตอบ นอกจากคนเสนอที่ลดสายตาลงอ่านเอกสารในมือต่อ ท่าทางเซื่องซึมของเพื่อนรักทำให้หม่อมหลวงพงศ์ภราธรต้องเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน



“แกได้เจอคุณหมอบ้างไหม”



คำถามนั้นทำเอาจันทร์จ้าวนิ่งงัน รู้สึกตีบตันไปทั้งลำคอ แต่ก็พยายามเค้นเสียงตอบให้ปกติที่สุดที่จะสามารถทำได้

 

“เมื่อวันอาทิตย์...คุณพิมแล้วก็...หมอกับน้องชายมาที่บ้าน” คนฟังพยักหน้ารับสั้นๆ เรื่องเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้เป็นน้องสาวเล่าทุกอย่างให้เขาฟังหมดแล้ว โดยเฉพาะเรื่องที่เภาติดตามเธอไปที่บ้านรักษพิพัฒน์ แต่เมื่อเขาถามเรื่องหมอภวัตและจันทร์จ้าว หญิงสาวกลับบอกว่าหมอเป็นคนยกขนมไปให้จันทร์จ้าวที่ปลีกวิเวก แล้วหลังจากนั้นก็พาเภากลับไปทั้งๆที่ตอนแรกว่าจะร่วมมื้อกลางวันด้วย



...เรื่องหมอภวัตและจันทร์จ้าวนี่ล่ะ ที่เขาอยากรู้...



“แกได้คุยกับคุณหมอไหม” หม่อมหลวงพงศภราธรตั้งคำถามอีกครั้ง



“เปล่า...เจอกันแป๊บเดียว นภาวาน เขาก็เลยยกขนมมาให้ แล้วก็...กลับไป” คำพูดของจันทร์จ้าวนั้นขาดห้วง ท่าทีก็เซื่องซึมพิกล คนตั้งคำถามมองท่าทางเหมือนคนใจคอเลื่อนลอยของเพื่อนรักแล้วก็สรุปได้ว่าจันทร์จ้าวไม่ได้โดนผีเข้าอย่างที่เรย์มอนด์ว่า แต่เจ้าตัวกำลัง...เสียใจ...



...และคนที่ทำให้จันทร์จ้าวเสียใจ ก็มีคนเดียวในเวลานี้...หมอภวัต...



“คุณหมอเธอกลับไปเพราะแกหรือ” คำถามของหม่อมหลวงพงศ์ภราธรทำให้จันทร์จ้าวนิ่งไป ด้วยเพราะวันนั้นเขาก็สะท้อนใจเมื่อพบว่ามื้อกลางวัน หมอภวัตและเภาไม่ได้ร่วมโต๊ะด้วย โดยนภาสรวงเป็นคนอธิบายกับบิดามารดาของเขาว่า ๒ พี่น้องวิชาญโยธินรีบกลับเพราะเภาติดงาน แต่จันทร์จ้าวคิดว่าหมอมีเหตุผลส่วนตัว...เหตุผลส่วนตัวที่ไม่อยากร่วมโต๊ะกับเขา



“คงจะ...อย่างนั้น...”



“แกไปหาเรื่องเขาหรือเปล่า” จันทร์จ้าวยกยิ้มที่มุมปาก ทว่าเป็นรอยยิ้มที่เวทนาตัวเองเต็มทน



“จะมีปัญญาไปหาเรื่องอะไรเขา แค่คุยกันยังไม่คุยเลย” หรือหากนภาสรวงไม่วานให้ยกขนมไปให้ หมอก็คงไม่เดินตามไปหาเขา จันทร์จ้าวรู้สึกเหมือนตนเองเป็นคนไร้ค่าและไม่มีความสำคัญในสายตานายแพทย์ผู้นั้น



“แล้วทำไมแกไม่ชวนเขาคุย”

 

“ไม่ได้หรอก...” ชายหนุ่มร่างโปร่งพูดเรียบๆ ดวงตาเลื่อนลอยราวกับตกอยู่ในภวังค์ของความเจ็บปวดและเสียใจ “...ยิ่งผมพูดอะไร ก้รังแต่จะทำให้ทะเลาะกัน แล้วอีกอย่าง...ผมกับเขาตกลงกันแล้ว เราจะไม่คุยกันอีก...”



แม้จะมีเงื่อนไขที่ว่าจนกว่าเรื่องของหม่อมหลวงพิมพัชราจะเรียบร้อย แต่สิ่งที่พวกเขาปฏิบัติต่อกันอยู่ในขณะนี้ยากเกินกว่าจะกลับไปสนิทสนมกันเช่นเดิม



จันทร์จ้าวถามตนเองว่าความบาดหมางของเขาและหมอภวัตเริ่มมาจากตรงไหน เขาโกรธที่รู้ว่าน้องชายของหมอชอบราชนิกูลสาวคนเดียวกับพี่ชายของเขา แต่ความโกรธนั้นไม่สู้ความโกรธเรื่องที่หมอไม่ยอมพูดเรื่องนี้ให้เขาฟัง แล้วจากความโกรธก็กลายเป็นการทะเลาะ จากการทะเลาะกลายเป็นความหมางเมิน...และในที่สุด...พวกเขาจะไม่มีวันกลับมาคบหากันได้อีก...

 

...แค่คิดเช่นนั้น หัวใจที่เต้นอยู่ในอกก็เหมือนจะบีบรัดรุนแรงเสียจนผู้เป็นเจ้าของต้องงุ้มไหล่เข้าหากันราวกับจะปกป้องมันเอาไว้...



หม่อมหลวงพงศ์ภราธรมองสีหน้าปราศจากรอยยิ้มของเพื่อนรักด้วยความสะท้อนใจ จันทร์จ้าวเสียใจแค่ไหน ทำไมเขาจะดูไม่ออก



...หากทะเลาะกันเพราะอีกฝ่ายเป็นเพื่อน จันทร์จ้าวจะเสียใจถึงเพียงนี้หรือ เขาคบหากับบุตรชายคนรองของบ้านรักษพิพัฒน์มานาน ไม่ใช่ว่าเพื่อนของเขาไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกับคนอื่น แต่จันทร์จ้าว รักษพิพัฒน์ไม่เคยเจ็บปวดกับการทะเลาะหรือผิดใจครั้งไหนเท่าครั้งนี้มาก่อน...



...หมอทำให้เพื่อนของเขาเปลี่ยนไป...



“ถ้าหากไม่มีข้อตกลงนั้น แกอยากจะคุยกับเขาไหม” จันทร์จ้าวชะงัก ดวงตากลมใหญ่เหลือบมองเจ้าของคำถาม หากแต่ในช่วงอึดใจต่อมา ดวงตากลมก็กะพริบถี่แล้วหัวเราะเสียงขื่น



“คุณพงศ์ถามแปลก ต่อให้ผมไม่คุยกับเขา ผมก็คุยกับคนอื่นได้ ผมมีเพื่อนคนเดียวเสียเมื่อไรล่ะ”
 
 

“แกมีเพื่อนหลายคนน่ะ กันรู้ แต่คนทื่ชื่อภวัต วิชาญโยธินมีคนเดียวไม่ใช่หรือ และสำหรับความรู้สึกบางอย่าง...แค่คนเพียงคนเดียวก็เกินพอแล้ว” คำพูดของหม่อมหลวงพงศ์ภราธรทำให้หัวใจของจันทร์จ้าวกระตุก ดวงตากลมเหลือบสบดวงตาของเพื่อนรักอย่างตื่นตะลึง ยิ่งเห็นสายตาเช่นนั้น หม่อมหลวงพงศ์ภราธรก็ยิ่งแน่ใจ



“คุณพงศ์หมายความว่าอย่างไร”


 
“แกถามตัวเองเถอะจันทร์ ที่แกโกรธคุณหมอเป็นวรรคเป็นเวร เพราะอะไร เพราะน้องชายคุณหมอชอบยายพิม หรือเพราะคุณหมอไม่ยอมบอกแก หากแกโกรธคุณหมอเพราะข้อแรก กันว่ามันไม่แปลกไปหน่อยหรือที่แกโกรธคนอื่นด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องข้ามวันข้ามคืน ปกติแกโกรธใครนานเสียที่ไหน หรือที่จริงแล้ว แกไม่ได้โกรธเพราะนายเภาชอบยายพิม แต่แกโกรธเพราะคุณหมอไม่ยอมบอกแก”



“แล้วมันจะต่างกันอย่างไรล่ะ ไม่ว่าจะเหตุผลไหน ผมก็โกรธหมออยู่ดี”



“ต่างสิ ถ้าแกโกรธเพราะนายเภาชอบยายพิม นั่นแสดงว่าแกโกรธนายเภา แต่ถ้าแกโกรธเพราะคุณหมอไม่ยอมบอกแก นั่นแสดงว่าแกโกรธคุณหมอ โกรธเพราะคุณหมอไม่ยอมบอกเรื่องนี้ให้แกทราบ โกรธเพราะแกคิดว่าคุณหมอปิดบังแก โกรธเพราะแกต้องการการเอาใจใส่จากคุณหมอมากกว่าที่ควร”



“คุณพงศ์! พูดอะไรอย่างนั้น! ผมไม่ได้ต้องการความใจใส่อะไรจากหมอ...” จันทร์จ้าวร้อง ทว่าไม่อาจพูดได้จนจบ เพราะสายตาจากหม่อมหลวงพงศ์ภราธรทำให้เขาพูดไม่ออก


 
“แกต้องการความใจใส่จากคุณหมอ และไม่ใช่ความใจใส่อย่างธรรมดาเหมือนที่แกต้องการจากคนอื่นๆ แต่แกต้องการจากคุณหมอมากกว่าที่แกต้องการจากคนไหนๆ แกน่าจะรู้ใจตัวเองมากกว่ากันเสียอีก แต่เอาเถอะ เวลานี้แกกำลังหูหนวกตาบอดเพราะเอาแต่ ‘งอน’ กันจะใบ้เอาบุญก็แล้วกัน จันทร์ แกน่ะมีเพื่อนหลายคน แต่มีเพื่อนคนไหนที่แกเคยรู้สึกกับเขา เหมือนกับที่แกรู้สึกกับคุณหมอตอนนี้ไหม”



คำถามของคนที่ยืนอยู่อีกฝากของโต๊ะ ทำให้จันทร์จ้าวยิ่งพูดไม่ออก แล้วกลายเป็นเบี่ยงสายตาหนีไปทางอื่น ด้วยไม่กล้าสบตาตรงๆ เวลานี้คนเก่งกล้าสามารถไม่กล้าแม้แต่จะก้มลงมองหัวใจตัวเองด้วยซ้ำว่ามีคำตอบให้กับคำถามที่หม่อมหลวงพงศ์ภราธรฝากถามหรือไม่



“กันไปก่อนล่ะ จะเอาหนังสือไปฝากคุณหมอ” ราชนิกูลหนุ่มเดินออกจากห้องไปพร้อมกับหนังสือในมือ แล้วทิ้งให้จันทร์จ้าวอยู่ในห้องทำงานที่เงียบเชียบเพียงลำพัง


......................................


   ทายาทแห่งวังฉัตรทำตามที่ปากพูด คือนำหนังสือมาฝากภวัตที่โรงพยบาบาล ตอนที่เขามาถึงโรงพยาบาลนั้น ชายหนุ่มจงใจจะไม่ไปพบภวัตด้วยตนเอง เพราะเขาต้องการสืบถามเรื่องจากคนรอบข้างภวัตเสียก่อน



   “สวัสดีครับ คุณสมฤดี” และแน่นอน ว่าไม่มีคนรอบข้างของภวัตคนไหนในโรงพยาบาลที่เขาจะรู้จักดีไปกว่าสมฤดี เพื่อนของ ๒ สาวแฝดรักษพิพัฒน์อีกแล้ว



   “สวัสดีค่ะ คุณพงศ์ เป็นอะไรมาคะนี่” พยาบาลสาวยกมือไหว้เขาอย่างมีมารยาทแล้วถามไถ่อย่างห่วงใย หล่อนเป็นเพื่อนของดารารัษมีและนภาสรวงนานพอๆกับที่ชายหนุ่มผู้นี้เป็นเพื่อนกับจันทร์จ้าว สมัยก่อนเขาไปเที่ยวเล่นที่บ้านรักษพิพัฒน์ออกบ่อย หล่อนที่อยู่ข้างบ้านก็ได้พบปะเขาบ่อยเช่นกัน



   “ไม่ได้เป็นอะไรครับ มาหาคุณหมอภวัตเท่านั้น”



   “ถ้าอย่างนั้นสมจะไปเรียนคุณหมอให้นะคะ”



   “อย่าเพิ่งครับ ผมมีเรื่องอยากจะสอบถามคุณก่อน พอจะมีเวลาสักครู่ไหมครับ”



นางพยาบาลสาวทำหน้าฉงนก่อนจะพยักหน้ารับ หม่อมหลวงพงศ์ภราธรจึงเชิญให้ออกไปคุยกันที่สวนด้านข้างตึกซึ่งค่อนข้างเงียบสงบ



   คำถามที่เขาถามหล่อนมีไม่มาก ทั้งหมดล้วนถามเกี่ยวกับพฤติกรรมของภวัตในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ และคำตอบที่ราชนิกูลหนุ่มได้รับ ก็ทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย



   ‘คุณหมอ...เธอแทบจะไม่พูดกับใครเลยค่ะ ช่วงนี้สมก็ว่าเธอดูเคร่งเครียดทั้งๆที่ก่อนหน้านี้คนไข้เยอะกว่านี้ก็ไม่เห็นจะเป็นเช่นนี้ พอลองถามดู เธอก็ว่าไม่เป็นไร ยังบอกให้เธอไปตีเทนนิสบ้าง เห็นก่อนหน้านี้เธอชอบไป เธอก็ว่าคงจะไม่ไปอีกแล้ว เธอมีเรื่องอะไรหรือคะ สมพอจะช่วยได้ไหม’



   ตอนแรกหม่อมหลวงพงศ์ภราธรคิดเอาเองว่าคงจะมีแค่เพื่อนของเขาฝ่ายเดียวที่มีปฏิกริยากับเรื่องของภวัต แต่กลายเป็นภวัตก็น่าจะมีปฏิกริยากับเรื่องของจันทร์จ้าวเช่นกัน



   เขาไม่ได้พูดอะไรกับสมฤดี เพราะคิดว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะที่จะมีคนรู้มากไปกว่านี้ ความรู้สึกบางอย่างก็ไม่ควรจะเปิดเผย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นความรู้สึกของจันทร์จ้าวและภวัต



   ชายหนุ่มยังคงรออยู่ในสวนข้างตึกหลังจากวานให้สมฤดีไปบอกภวัตว่าเขามาขอพบ หม่อมหลวงพงศ์ภราธรคิดไม่ตกว่าจะบอกภวัตอย่างไรดี เวลานี้ทั้งภวัตและจันทร์จ้าวหมางเมินกันด้วยข้อตกลงที่เขาคิดว่าไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย แต่คนอย่างจันทร์จ้าว มีเรื่องสมเหตุสมผลในชีวิตเสียที่ไหนล่ะ ขนาดเรื่อง...เรื่องที่เจ้าตัวรู้สึกเช่นไรกับหมอภวัต ตัวเขายังไม่คิดว่าจะเป็นจริงได้เลย



   “สวัสดีครับคุณพงศ์” เสียงทักทายดังขึ้นด้านหลัง ทำเอาคนกำลังคิดสะระตะต้องหันไปมองแล้วส่งยิ้มกว้างเป็นเชิงทักทายเช่นกัน



   “สวัสดีครับคุณหมอ ขอโทษที่มารบกวนแต่เช้า พอดีหนังสือมาถึงแล้ว ผมก็เลยเอามาให้ตามที่สัญญาไว้น่ะครับ” ราชนิกูลหนุ่มส่งถุงหนังสือในมือให้กับนายแพทย์ภวัต อีกฝ่ายรับไปเปิดดู ในนั้นมีหนังสือ ๒-๓ เล่ม มีเล่มหนึ่งที่เป็นหนังสือเกี่ยวกับผ่าตัด



   “ผมกำลังว่าจะสั่งซื้อพอดี เท่าไรหรือครับ คุณพงศ์” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรส่ายหน้าไปมา



   “ไม่คิดมูลค่าหรอกครับ เป็นของสมนาคุณต่างหาก”



   “ขอบคุณครับ เอาไว้คราวหน้า ให้ผมเลี้ยงข้าวสักมื้อเป็นการตอบแทนก็แล้วกัน” คนฟังหัวเราะเบาๆ



   “เห็นทีคงต้องไปเลี้ยงนายจันทร์แล้วล่ะครับ เขาเป็นคนบอกให้ผมเอาหนังสือมาให้คุณหมอ...โดยเฉพาะเล่มที่เกี่ยวกับการผ่าตัดนั่น” คำพูดของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทำให้หมอภวัตนิ่งชะงักไปในทันที ชื่อของจันทร์จ้าวมีอิทธิพลกับเขาเหลือเกิน แม้ไม่พบหน้า แต่ก็ยังมาตามวนเวียนอยู่ในสมอง หรืออย่างน้อยๆก็ยังมีคนมาพูดให้คิดถึง



   ...ทั้งๆที่...จะไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันอีกแล้วด้วยซ้ำ...



   ท่าทางนิ่งขรึมของนายแพทย์หนุ่ม ทำให้หม่อมหลวงพงศ์ภราธรเวทนา จันทร์จ้าวและภวัตไม่ได้ต่างกันไปเลย ต่างฝ่ายต่างอมทุกข์ ทั้งๆที่ถ้าผิดใจแล้วจะทุกข์เสียขนาดนี้ เหตุใดไม่หันหน้าคุยกันหนอ



   ‘...ผมกับเขาตกลงกันแล้ว เราจะไม่คุยกันอีก...’ เสียงอ่อนระโหยของจันทร์จ้าวยิ่งทำให้ชายหนุ่มแห่งวังฉัตรทนไม่ได้ เขาถอนหายใจยาวแล้วตัดสินใจเอ่ยปาก



   “ผมถามจริงๆเถอะครับ คุณหมอโกรธจันทร์มากหรือ”



   “คุณพงศ์คงต้องไปถามเพื่อนคุณพงศ์มากกว่า ว่าเขาโกรธเกลียดอะไรผมนัก”



   “เขาอาจจะโกรธอยู่บ้าง แต่ให้เกลียดคุณหมอ ผมว่าเป็นไปไม่ได้” คำพูดของหม่อมหลวงพงศ์ภราธรทำให้นายแพทย์หนุ่มหันมองเขาในทันทีด้วยสายตาสงสัย หากแต่วินาทีต่อมาก็กลายเป็นยกยิ้มราวกับสมเพชตัวเอง



   “เชื่อยากนะครับคุณพงศ์ เขาดีกับผม ๓ วัน อีก ๔ วันเขาก็ทะเลาะกับผม หากไม่โกรธเกลียดกันจริง ก็คงทำเช่นนี้ไม่ได้”



   “แต่เขาก็ไม่เคยดีกับใคร ๓ วันแล้วอีก ๔ วันทะเลาะแบบที่เขาทำกับคุณหมอ” คำพูดของราชนิกูลหนุ่ม ทำให้รอยยิ้มสมเพชตนเองของนายแพทย์ภวัตคลายลง เขาสบตากับคนพูด ทว่าหม่อมหลวงพงศ์ภราธรกลับยิ้มให้เขาอย่างบางเบา



   “ทั้งผมและจันทร์มีเพื่อนแยะนะครับคุณหมอ เรามีเพื่อนหลายคนที่เป็นหมอหรือพยาบาล เรามีเพื่อนหลายคนที่ควรจะได้อ่านหนังสือเล่มที่อยู่ในมือคุณ แต่รู้ไหม...จันทร์กลับบอกผมให้เอามามาฝากคุณคนเดียว” 


 
อันที่จริง เขาควรจะจับความรู้สึกของจันทร์จ้าวถูกตั้งแต่แรกแล้ว คนมนุษยสัมพันธ์ดีแบบจันทร์จ้าว มีเพื่อนฝูงล้อมหน้าล้อมหลังมากมาย แต่ช่วงที่ผ่านมา เจ้าตัวกลับให้ความสนใจกับภวัตเพียงคนเดียว ยอมให้ภวัตมารับมาส่ง ยอมให้ภวัตพาไปรับประทานอาหาร ตัวติดกับภวัตเป็นตังเม คนอย่างจันทร์จ้าว รักษพิพัฒน์น่ะหรือติดคนอื่นถึงเพียงนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะถูกใจ มีหรือคนอย่างจันทร์จ้าวจะยอมไปไหนมาไหนด้วย แต่เพราะทั้งเพื่อนเขาและหมอภวัตเป็นผู้ชาย ราชนิกูลหนุ่มแห่งวังฉัตรจึงยังสองจิตสองใจ จนกระทั่งจันทร์จ้าวทำตัวผิดปกติกลายเป็นคนเงียบขรึมไปตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เขาไม่ได้บอกทั้งเพื่อนและบอกทั้งหมอ ว่าเขาเห็นตอนที่ภวัตลากจันทร์จ้าวออกไปคุยที่ระเบียง และหลังจากนั้น...งานเลี้ยงก็ไม่สนุกสำหรับเพื่อนเขาอีก



   หม่อมหลวงพงศ์ภราธรปล่อยให้ความเงียบรายล้อมรอบตัวพวกเขาครู่หนึ่ง ก็ถอนหายใจเบา แม้ความรู้สึกของจันทร์จ้าวที่มีต่อหมอภวัตจะแปลกไปสักหน่อย แต่...ก็อย่างที่เขาเคยพูด เรื่องความรักมันแบ่งชาติ แบ่งศาสนา แบ่งเพศเสียที่ไหน บทจะรักก็รัก ห้ามกันไม่ได้...



   “คุณหมอครับ ผมเป็นเพื่อนเขามานาน และผมคิดว่าผมรู้จักนิสัยเพื่อนของผมดี จันทร์จ้าวเป็นคนอารมณ์ร้อน หุนหันพลันแล่นก็จริงแต่ไม่ใช่คนโกรธเกลียดหรือหาเรื่องทะเลาะกับใครง่ายๆ ตรงกันข้าม เขาไม่สนใจใครด้วยซ้ำว่าใครจะรู้สึกเช่นไรกับเขา เขารักแต่ความสนุก คืออยู่กับใครแล้วสนุกเขาก็อยู่ด้วย แต่กับคุณหมอ...เขาไม่ชอบคุณหมอในคราวแรกๆ แต่ต่อมาก็ยอมสนิทสนมด้วย เรื่องนี้ ๑ ล่ะที่ผมมองว่าเพื่อนผมเปลี่ยนไป หากเขาไม่ชอบใคร เขาจะไม่เอาตัวเองเข้าไปวุ่นวายด้วยอีกเลย แต่เขาก็กลับไปสนิทกับคุณหมอได้ ซ้ำพอสนิทกันแล้ว จันทร์กลับติดคุณหมอหนึบ นี่ก็เรื่องที่ ๒ เพราะเพื่อนของผมคนนี้ขี้เบื่อ กับเพื่อนผู้หญิงสวยๆ เขายังพบหน้าแต่ละคน ๒ วันครั้ง หรือ ๓ วันครั้งเลย แต่กับคุณหมอ เขากลับยอมพบหน้าแทบทุกวัน จะว่าคุณหมอตามใจเพื่อนผม จนเพื่อนผมติดอกติดใจก็เห็นจะไม่ใช่ ผมคิดว่าคุณหมอไม่ใช่คนตามใจใครตะพึดตะพือ ถึงแม้ว่าเพื่อนผมคนนี้จะน่าตามใจก็ตามที ส่วนเรื่องที่ ๓ หากเขาโกรธกับใครแล้ว เขาจะไม่ยอมแม้แต่จะมองหน้า แต่กับคุณหมอ ตอนที่เขาโกรธแล้วหกล้มที่สโมสร เขาก็ยอมให้คุณหมอทำแผล ยอมให้คุณหมอพากลับไปส่งบ้าน และผมทราบมาว่าเขายอมให้คุณหมอแวะไปทำแผลให้ทั้งเช้าและเย็น ถึงเขาจะพยศอย่างไร แต่สุดท้ายเขาก็ยอมให้คุณหมอบังคับเขาทุกอย่าง ซึ่งเพื่อนผมคนนี้ไม่เคยเป็นเช่นนั้น”



ภวัตได้แต่นิ่งฟัง และความนิ่งของเขาพอจะทำให้หม่อมหลวงพงศ์ภราธรใจชื้นว่านายแพทย์หนุ่มคงจะทำความเข้าใจในคำพูดแสนยาวของเขาได้



   “คุณหมอเอง เท่าที่ผมรู้จักมา เป็นคนมนุษยสัมพัยธ์ดี มีเพื่อนมากมาย แต่ผมไม่เคยเห็นคุณหมอสนิทกับเพื่อนคนไหนเท่าเพื่อนของผมคนนี้ ทั้งไปรับไปส่ง ทั้งพาไปตีเทนนิส และถึงแม้คุณหมอจะเป็นห่วงเป็นใยคนรอบข้าง แต่ก็ไม่ใช่คนที่แบกรับความรู้สึกเหล่านั้นใส่ตัวมากถึงเพียงนี้ไม่ใช่หรือครับ คุณหมอเป็นหมอ พบเจอความเสียใจ ความพลัดพรากมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ แค่ทะเลาะกับ `เพื่อน’ คนหนึ่งกลับทำให้คุณหมอเศร้าใจถึงเพียงนี้ ผมว่า ‘เพื่อน’ คนนั้นคงสำคัญพอดูทีเดียว” ภวัตเหลือบมองคนพูดในวินาทีนั้นด้วยความตกตะลึงไม่คิดว่าจะได้ยิน แต่หม่อมหลวงพงศ์ภราธรกลับยิ้มบางอีกหน



   “ผมพูดถึงเพียงนี้แล้ว คุณหมอคงตัดสินใจอะไรได้ และคงพอจะเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของเพื่อนผม เขาอาจจะปากแข็งไปบ้าง โยกโย้หรือทำเป็นอมพะนำ แต่ผมเชื่อว่าคุณหมอฉลาดพอจะทำให้เขายอมบอกว่าเขารู้สึกกับคุณหมอเช่นไร...”



ภวัตพูดอะไรไม่ออกเพราะเข้าใจในทุกคำของราชนิกูลหนุ่มเป็นอย่างดี หากสิ่งที่หม่อมหลวงพงศ์ภราธรพูดไม่ใช่เรื่องโกหก ความรู้สึกของเขาและจันทร์จ้าวก็ไม่ได้แตกต่างกันตรงใดเลย แต่...ความรู้สึกของพวกเขาตรงกันแล้วจะได้อะไร ในเมื่อเรื่องของอาทิตย์ หม่อมหลวงพิมพัชราและเภายังคงเป็นเสี้ยนสากอยู่ในใจ หรือต่อให้เรื่องนี้จบไป เรื่องของพวกเขา ๒ คนก็ไม่มีทางกลับมาบรรจบกันได้อยู่ดี



นายแพทย์หนุ่มได้แต่ปล่อยให้ทายาทวังฉัตรค้อมศีรษะขอตัวจากไป แล้วเขาก็ทำได้เพียงก้มลงมองหนังสือในมือแล้วหวนคิดถึงใครบางคน



...ใครบางคน...ที่ยิ่งคิดถึง ก็ยิ่งรับรู้ถึงความเป็นไปไม่ได้มากขึ้นทุกที


........................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-11-2015 20:02:05 โดย Dezair »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
คำพูดของหม่อมหลวงพงศ์ภราธรยังดังอยู่ในหัว พอๆกับที่หัวใจของจันทร์จ้าวไม่สงบเอาเสียเลย ก่อนหน้านี้เขาคิดว่ามันด้านชาไปแล้วเพราะผิดใจกับใครบางคน แต่เพื่อนราชนิกูลของเขาเป็นคนกวนให้ขุ่นจนตะกอนที่ตกผลึกอยู่เบื้องล่างซึ่งเขาเคยมองข้ามไปหมุนวนขึ้นมาให้ได้สังเกตอีกครั้ง



‘แกถามตัวเองเถอะจันทร์ แกมีเพื่อนหลายคน มีเพื่อนคนไหนที่แกเคยรู้สึกกับเขา เหมือนกับที่แกรู้สึกกับคุณหมอตอนนี้ไหม’



จันทร์จ้าวเคยคิดว่าภวัตเป็นเพียงเพื่อน เป็นเพื่อนที่มีอะไรหลายๆอย่างคล้ายกันโดยบังเอิญ เป็นเพื่อนที่ทำให้เขาสุขใจสบายใจเวลาอยู่ใกล้ แต่...เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเพื่อนคนนี้จะทำให้เขาร้อนเป็นไฟยามที่ผิดใจกัน



ภายนอก อาจจะดูนิ่งเงียบและไม่แสดงออก แต่ทุกวันนี้ที่เอาแต่ทำงานและอ่านหนังสือ จันทร์จ้าวรู้ดีว่าทำไปทั้งหมดก็เพื่อไม่ให้คิดถึงหน้าหมอภวัตอีก เพราะอะไร...เพราะอะไรใครคนนั้นจึงอยู่ในใจเขามากถึงเพียงนี้...



ร่างโปร่งฟุบหน้าลงกับโต๊ะ มือหนึ่งเลื่อนลิ้นชักชั้นบนสุดแล้วหยิบเศษกระดาษแผ่นเล็กที่มีเบอร์โทรศัพท์โรงพยาบาลถูกเขียนเป็นระเบียบอยู่บนนั้น ปลายนิ้วลูบตัวอักษรแผ่วเบาราวกับจะส่งความรู้สึกบางอย่างไปสู่เจ้าของลายมือนี้ได้ ทว่าสิ่งที่ได้กลับมาคือหัวใจของตนเองบีบรัดหนักหน่วงราวกับมีบ่วงบาศมาคล้องรัดเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ



“หมอ...” ริมฝีปากสีสดครางแผ่วเบา ความรู้สึกที่มีในขณะนี้ ต่อให้รู้ก็ไม่อาจทำอะไรได้อีกแล้ว


..........................................



   วันนี้เป็นวันประหลาดในรอบปี นอกจากจะเป็นวันที่จันทร์จ้าวทำตัวพิลึกพิลั่นสำหรับคนทั้งสำนักงานแล้ว วันนี้ยังเป็นวันที่หม่อมหลวงพงศ์ภราธรตระเวนไปแทบจะรอบเมือง ที่แรกคือสำนักงานของตนและผองเพื่อน ที่ที่ ๒ คือโรงพยาบาลใหญ่เพื่อพบหมอภวัต และที่ที่ ๓ สำหรับวันนี้คือกรมทหาร



   “สวัสดีครับ คุณพงศ์”


อาทิตย์ในชุดเครื่องแบบนายทหารเดินออกมาพบคนที่มานั่งรอ หลังจากเมื่อครู่มีคนไปตามเขาบอกว่าหม่อมหลวงพงศ์ภราธรมาขอพบเป็นการส่วนตัวสักครู่



   “สวัสดีครับคุณอาทิตย์ กำลังยุ่งหรือเปล่า ขอโทษที่มารบกวนกะทันหัน”



   “เปล่าครับ มีอะไรหรือครับ” อาทิตย์ออกจะประหลาดใจไม่น้อย แม้น้องชายของเขาจะสนิทสนมกับชายผู้นี้ แต่เขาก็ไม่ได้สนิทสนมกับราชนิกูลหนุ่มมากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายมาพบเขาถึงที่กรมเช่นนี้



   “ผมแค่อยากคุยด้วยสักหน่อย ออกไปคุยกันข้างนอกได้ไหม” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรเดินนำออกจากกรม แถวนี้พอจะมีมุมใต้ต้นไม้สงบๆให้พวกเขาได้พูดคุยกันอยู่



   อาทิตย์เดินตามออกมา และพอเหลือกันเพียงแค่ ๒ คนแล้ว ทายาทแห่งวังฉัตรก็หันมาพูดกับอาทิตย์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง



   “ผมขอถามคุณอาทิตย์อย่างตรงไปตรงมา ขอความกรุณาให้ตอบอย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน ผมปล่อยให้ทุกอย่างเอื่อยเฉื่อยไม่ได้อีกแล้ว เพราะมีคนอีก ๒ คนเดือดร้อนกับเรื่องนี้...คุณอาทิตย์รู้สึกเช่นไรกับน้องสาวของผมหรือ” คนถูกถามนิ่งไปในทันที ตอนแรกเขาก็สงสัยกับคำพูดของอีกฝ่ายเรื่องที่มีคนอีก ๒ คนเดือดร้อน แต่ประโยคคำถามประโยคสุดท้ายดึงสติและสมาธิทั้งมวลของชายหนุ่มให้จมดิ่งไปกับชื่อนั้น



   …หม่อมหลวงพิมพัชรา...



   “ช่วยตอบผมทีเถอะคุณอาทิตย์ คุณรู้สึกเช่นไรกับยายพิมหรือ” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรรู้ความรู้สึกของน้องสาวตนดี พิมพัชราเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยมก็จริง แต่ไม่มีเพื่อนต่างเพศคนใดที่เธอทำขนมไปให้ และไม่มีเพื่อนต่างเพศคนใดที่ทำให้เธอนำดอกไม้ของกำนัลจากคนผู้นั้นมาทำเป็นดอกไม้แห้งแล้วเก็บไว้ในห้องนอน



   ...มีแค่อาทิตย์เท่านั้น ที่พิมพัชราทำเช่นนี้...



   “ผม...รักคุณพิมครับ” นายทหารหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาทว่ามั่นคงและจริงจัง คนฟังโล่งอกไปเปราะ ชายหญิงคู่นี้มีความรู้สึกตรงกัน ที่เหลือก็มีแค่ความสัมพันธ์ที่ต้องพัฒนาอย่างเปิดเผยเสียที



   “เอ่อ...อันที่จริง...ผมก็ยังไม่เคยบอกเรื่องนี้กับคุณพิม ผมไม่อยากให้เธอไม่สบายใจ หากรู้ว่าผมรู้สึกเช่นไรกับเธอ เวลานี้...การเป็นเพื่อนก็คงจะ...” อาทิตย์ยังคงเจียมเนื้อเจียมตัวเสมอ และนั่นทำให้ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ไม่คืบหน้าเสียที



   “การเป็นเพื่อนไม่เพียงพออีกแล้วคุณอาทิตย์ คุณอาทิตย์ไปบอกยายพิมเรื่องนี้เถอะ ผมยืนยันว่ายายพิมจะดีใจ” อาทิตย์เงยหน้ามองคนแนะนำด้วยความประหลาดใจที่จู่ๆ หม่อมหลวงพงศ์ภราธรก็มาพูดเรื่องนี้กับเขา ซ้ำยังดูเหมือนจะสนับสนุนเขาเสียด้วย



   “ทำไมคุณพงศ์ถึง...เอ่อ...ที่ว่ามีคนอีก ๒ คนเดือดร้อน นี่หมายความว่าอย่างไรหรือครับ” หวนกลับไปที่เรื่องเดิม คนถูกถามเริ่มอึกอัก เขาไม่น่าออกปากไปเช่นนั้นอย่างใจร้อนเลย เพราะอยากช่วยเพื่อนรักแท้ๆ ถึงได้พูดเช่นนั้นออกไป



   “ก็...๒ คนที่ว่า...คือผมกับนายจันทร์อย่างไรล่ะ พวกเราเห็นพี่น้องเรารู้สึกดีต่อกัน ก็อยากให้สมหวังกันเสียที ไม่อย่างนั้นล่ะเดือดร้อนแย่” แล้วหม่อมหลวงพงศ์ภราธรก็แก้ตัวน้ำขุ่นๆ ทว่าอาทิตย์ไม่ทันได้สงสัยอะไร เขาได้แต่พยักหน้ารับสั้นๆ



   “แล้วว่าอย่างไร คุณอาทิตย์คิดจะขอยายพิมคบหากันอย่างคนรักเมื่อไร”



   “เอ่อ...ก็...” อาทิตย์นึกเขินวาบในอก เมื่อเขาคิดว่าวันนี้เขามีนัดที่จะไปรับหม่อมหลวงพิมพัชราที่โรงเรียนสตรีกัลยาณี โดยมีดารารัษมีเป็นตัวตั้งตัวตีเพราะรายนั้นบอกว่าอยากจะรับประทานไอศกรีมอีกแล้ว



   “วันนี้...ผมจะไปรับดาราและคุณพิม พาไปรับประทานไอศกรีมครับ...”



   “ไม่ต้องพาคุณดาราไปแล้ว ไปกับยายพิม ๒ คนก็พอ จะได้คุยกันให้รู้เรื่องไป เอ่อ...ผมไม่ได้เร่งหรอก แต่...เอ่อ...ยายพิมก็ ๒๐ แล้ว ผมก็อยากให้น้องผมเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที หรือคุณอาทิตย์ไม่คิดจริงจังถึงขั้นนั้น?”



   “ไม่นะครับ ผมจริงจัง!” นายทหารหนุ่มรีบตอบเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดคิดว่าเขารู้สึกกับหญิงสาวเพียงแค่หยอกเล่น ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว ความรู้สึกที่เขามีให้เธอ มันพอกพูนมาตั้งแต่ก่อนเธอจะไปเรียนยุโรปเสียด้วยซ้ำ



   “ดีมากคุณอาทิตย์ จริงจังก็ต้องทำให้ทุกอย่างชัดเจน...วันนี้ไปจัดการเสีย แล้วพรุ่งนี้เข้าไปรายงานเรื่องนี้ที่วังด้วย ผมจะได้เรียนคุณพ่ออย่างเป็นทางการ วันนี้ต้องกลับล่ะ ผมมีเรื่องต้องทำอีกเพียบ” หลังจากมัดมือชกเรียบร้อย หม่อมหลวงพงศ์ภราธรก็ค้อมศีรษะเชิงลา แล้วจึงหมุนตัวเดินออกไป



   เย็นวันนั้น เมื่ออาทิตย์ขับรถโฟล์คสีดำไปที่โรงเรียนสตรีกัลยาณีก่อนเวลานัด เขาก็ขอคุยกับดารารัษมีเป็นการส่วนตัว ไม่ทราบพูดเรื่องอะไร แต่สุดท้าย ค่ำวันนั้นก็มีคนตาดีเห็นเพียงอาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชรารับประทานไอศกรีมกันเพียง ๒ คนนั่นเอง


............................................


   ความสัมพันธ์ของอาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชราเป็นที่ทราบกันทั้งบ้านรักษพิพัฒน์และวังฉัตร ตอนแรกจันทร์จ้าวยังไม่ทราบ แม้ว่าตอนเย็นวันศุกร์จะเป็นอาทิตย์ที่แวะไปรับเขาจากบ้านเช่ากลับมาที่บ้านเรือนไทย เพราะพี่ชายยังคงขับรถอย่างเงียบๆเฉกเช่นทุกที แต่พอรถจอดที่หน้าบ้าน ดารารัษมีกับนภาสรวงก็วิ่งถลามาเปิดประตูให้เขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม



   “เป็นอะไรน่ะดารา นภา” เขาถามพร้อมรอยยิ้มจางเช่นเคย ดารารัษมีเหลือบตาไปมองอาทิตย์ที่เพิ่งลงจากรถแล้วก็กลับมามองพี่ชายคนรองตามเดิม



   “พี่อาทิตย์เล่าหรือยังคะ?”



   “เล่า?...เล่าอะไร” จันทร์จ้าวหันไปมองพี่ชายคนใหญ่ก่อนจะหันกลับมามองดารารัษมีอีกครั้ง



   “ก็เรื่องพี่อาทิตย์กับคุณพิม”



   “หืม? เรื่องพี่อาทิตย์กับคุณพิม?....” คราวนี้จันทร์จ้าวหันไปมองอาทิตย์เต็มตา พี่ชายผู้เป็นนายทหารทำหน้าเก้อเขินเล็กน้อยตามนิสัย แต่เพียงเท่านั้นจันทร์จ้าวก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาหันกลับมามองน้องสาวที่ยืนยิ้มให้เขาอย่างดีใจไม่แพ้กัน



   “นี่อย่าบอกนะว่า...”



   “ค่ะ! พี่อาทิตย์กับคุณพิมเป็นคนรักกันแล้ว!! ดาราดีใจที่สุดเลย!!” ดารารัษมีเขย่าแขนพี่ชายคนรองด้วยความปิติ หล่อนไม่ทราบว่าเพราะอะไรเรื่องของอาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชราจึงดำเนินมาถึงสถานะนี้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็คงไม่พ้นจันทร์จ้าว เขาคงทำอะไรสักอย่าง อาทิตย์จึงตัดสินใจสารภาพความในใจกับเพื่อนครูของหล่อน และแน่นอน หม่อมหลวงพิมพัชราตอบรับคำสารภาพนั้น!



   “อะไรกัน พี่อาทิตย์ไม่เล่าสักคำ นั่งรถกลับมาด้วยกันแท้ๆ” จันทร์จ้าวหันไปบ่นพี่ชายด้วยสีหน้าล้อเลียน ยิ่งทำให้อาทิตย์เขินหนักกว่าเดิม



   “ดูหน้าพี่ชายคนใหญ่ของพวกเราซี ความสุขล้นออกมาแล้วพี่อาทิตย์” เขาหยอกจนอาทิตย์ต้องเดินหนีขึ้นเรือน ๓ น้องหัวเราะตามหลังกับท่าทีของพี่ชายผู้เป็นนายทหารที่แสนเงียบขรึม มาบัดนี้ถูกพิษรักโจมตีเสียจนพูดไม่ออก



   “พี่จันทร์ก็ไปแกล้งพี่อาทิตย์ ประเดี๋ยวพี่อาทิตย์ไม่เล่าอะไรให้ฟังอีกหรอกค่ะ นภาไปง้อพี่อาทิตย์ก่อน” นภาสรวงบ่นพี่ชายคนรองอย่างไม่จริงจัง ซ้ำยังยิ้มหวานรีบเดินตามพี่ชายคนใหญ่ไป จึงเหลือแค่ดารารัษมีและจันทร์จ้าว ทว่าไม่ทันที่จันทร์จ้าวจะก้าวเท้าขึ้นเรือนตามพี่ชายและน้องสาว ดารารัษมีก็ดึงแขนไว้



   “พี่จันทร์...” เจ้าของชื่อหันกลับมามอง



   “ดาราขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ได้พี่จันทร์ พี่อาทิตย์ก็คงไม่สมหวัง” จันทร์จ้าวยิ้มจางเห็นลักยิ้มที่แก้มซ้าย ดวงตากลมใหญ่มองน้องสาวด้วยความอ่อนโยน เขาลูบเส้นผมนิ่มเล็กของดารารัษมีแผ่วเบา



   “อย่าขอบคุณพี่เลย พี่อาทิตย์เป็นพี่ชายของพี่ ถ้าพี่ไม่ทำเพื่อพี่อาทิตย์ พี่จะทำเพื่อใคร ดาราก็ด้วย นภาก็ด้วย ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วย ขอให้บอก พี่พร้อมจะช่วยเสมอ” หญิงสาวมองพี่ชายด้วยความตื้นตัน แม้นิสัยบางประการของเขาจะไม่น่าเป็นที่พิศมัย แต่ความรักที่เขามีให้พี่น้องคนใดกลับยิ่งใหญ่จนตื้นตัน



   “พี่จันทร์ก็เหมือนกัน ถ้าเมื่อไรมีความรัก บอกดาราด้วยนะคะ ดาราจะช่วยสุดความสามารถ” คำพูดของดารารัษมีทำให้จันทร์จ้าวนิ่งงัน รอยยิ้มบนใบหน้าจืดจางลงอย่างรวดเร็ว



   ...ความรักหรือ?...ความรักของเขา...



   พอคิดถึงความรู้สึกนี้ ใบหน้าดุทว่ามักจะเจือรอยยิ้มและสายตาอ่อนโยนของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นในหัวใจ จันทร์จ้าวรู้ดีว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ ยามใดที่ว่าง ยามใดที่ไม่ต้องมุ่งมั่นอยู่กับการทำงาน ในหัวของเขามักจะมีแต่ภาพชายผู้นั้นปรากฏเสมอๆ



   เขาไม่เคยคิดถึงใครเช่นนี้ ไม่เคยเก็บใครมาอยู่ในความทรงจำมากมายถึงเพียงนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นานที่ได้สนิทสนมกัน แต่ทุกภาพจำกลับมีมากมายเหลือเกิน เรื่องที่เคยพูดคุยกันยังดังอยู่ในหู ความปรารถนาดีที่เคยได้รับยังติดอยู่ในสายตา ทุกๆที่ที่เคยเที่ยวเล่นด้วยกันยังคงประทับอยู่ในใจ



ทำไมต้องเป็นคนคนนี้...ทำไมต้องเป็นผู้ชายคนนี้...ทำไม...ต้องเป็นหมอภวัต...



   “พี่จันทร์...” เสียงเรียกของดารารัษมีปลุกสติ จันทร์จ้าวกะพริบตาถี่แล้วเสยิ้ม



   “ขึ้นเรือนกันเถอะ พี่อยากไปดูหน้าคนขี้อายแล้ว” เขาพูดอย่างนั้นก่อนจะหมุนตัวก้าวเท้าขึ้นเรือนในทันที ทิ้งให้ดารารัษมีมองตามด้วยความห่วงใย



   ...เมื่อครู่นี้ จันทร์จ้าวดูแปลกไป ไม่เหมือนพี่ชายคนรองที่หล่อนเคยรู้จักเลย...


.........................................
 



   ดารารัษมีออกจะเห่อความสัมพันธ์ของพี่ชายและเพื่อนครูของหล่อน ยามไปที่ใด หล่อนก็มักจะนำเรื่องนี้ไปเล่าให้คนรู้จักของหล่อนรับรู้ด้วย ไม่ว่าจะร้านตัดเสื้อ ร้านทำผม หรือแม้แต่ร้านเจ็กหน้าตลาด หล่อนก็เล่าไปเสียหมด ที่ขาดไม่ได้คือสมฤดีที่อยู่บ้านข้างๆ หล่อนก็นำความไปกระจายจนฟุ้ง สมฤดีผู้รู้จักทั้งอาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชราก็ย่อมยินดีเป็นธรรมดา และหล่อนนำความยินดีนั้นมาเล่าให้พยาบาลสาวๆในโรงพยาบาลฟังด้วย



   “ใครที่สนใจคุณอาทิตย์อยู่ล่ะก็ อกหักกันให้ถ้วนหน้านะจ๊ะ ตอนนี้เธอมีคู่รักแล้ว” พยาบาลสาวๆผู้เคยพบหน้าค่าตานายทหารหนุ่มนามว่าอาทิตย์ รักษพิพัฒน์พากันทำตาเหลือกโตด้วยความคกใจและคาดไม่ถึง



   “คุณอาทิตย์มีคู่รักแล้วหรือคุณสม!”



   “ใช่จ้ะ! เพิ่งมีหมาดๆ น้องของเธอมายืนยันเองเชียว!”



   “คู่รักเป็นใคร? คู่รักเป็นใคร?” สาวๆพยาบาลร้องถามกันจ้าละหวั่นด้วยความอยากรู้ สมฤดียิ้มกว้างแล้วเฉลย



   “พูดไปทุกคนต้องทั้งเสียดายทั้งยินดี คู่รักของคุณอาทิตย์คือหม่อมหลวงพิมพัชราจ้ะ!” พวกพยาบาลทั้งหลายได้ฟังก็พากันทำตาโตอ้าปากค้างแล้วส่งเสียงกรี้ดกร้าดกันยกใหญ่ ดีว่าอยู่ในช่วงพักกลางวันในห้องพักของเหล่าพยาบาล จึงไม่เป็นที่สนใจของใครเสียเท่าไร ทว่าใครบางคนที่เดินผ่านมากลับได้ยินคำพูดนั้นของสมฤดีเข้าพอดี



   นายแพทย์ภวัตยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูห้อง เขาไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลไปไหนเลย วันๆอยู่แต่โรงพยาบาลและบ้านพักแพทย์ แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นโชคชะตาก็ยังเล่นตลกให้เขารับรู้ความจริงที่เกิดขึ้นภายนอก



   ...อาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชราคบหากันฉันคนรัก...



   ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนขา ๒ ข้างถูกตอกตะปูยึดเอาไว้กับพื้น ความรักของอาทิตย์สมหวังแล้ว สัญญาของเขาและจันทร์จ้าวก็ควรจะยุติเสียที พวกเขาควรจะได้พบหน้ากัน ควรจะได้พูดคุยกัน เพราะอาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชราคบหากันสมประสงค์ของจันทร์จ้าว ทว่า...ไปพบแล้วความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเป็นไปในทิศทางใด? พวกเขาทั้งคู่เป็นชาย แต่หัวใจของภวัตในเวลานี้ไม่ได้ยึดติดเรื่องที่จันทร์จ้าวเป็นชายหรือเขาเป็นชาย มันข้ามไปไกลกว่านั้น...ช่วงเวลาที่ห่างกันไป ช่วงเวลาที่ไม่ได้พบกัน ภวัตพบว่าความรู้สึกที่เขามีกับบุตรชายคนรองของท่านนายพลเดชและคุณหญิงผกามันพ้นคำว่า ‘เพื่อน’ ไปมากเหลือเกิน...มากเสียจนเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันไปไกลได้ขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไร


   ...ยิ่งรู้สึก ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้...ต่อให้จันทร์จ้าวจะรู้สึกเช่นเดียวกับเขาตามที่หม่อมหลวงพงศ์ภราธรนำความมาบอก แต่ก็ไม่มีประโยชน์อันใด...


   ...พวกเขาไม่ใช่อาทิตย์กับหม่อมหลวงพิมพัชราที่แค่ก้าวข้ามฐานันดรระหว่างคนธรรมดากับราชนิกูล แต่พวกเขาคือภวัตและจันทร์จ้าว ที่ไม่เพียงแค่ต้องก้าวข้ามหัวใจของตนเอง แต่ต้องก้าวข้ามจารีตประเพณีของสังคม...



   ภวัตได้แต่ก้มหน้าลง รู้สึกเหมือนหัวใจร้าวราญจนไม่อาจกอบชิ้นส่วนทั้งหมดกลับมาหลอมหลวมตามเดิม เขาก้าวเท้าเดินช้าๆกลับไปยังห้องตรวจของตัวเองเพื่อเตรียมทำงานในช่วงบ่ายประหนึ่งคนที่หมดสิ้นแล้วซึ่งกำลังใจ และไม่ได้ยินเสียงของเหล่าพยาบาลที่พูดคุยกันอีก



   “หมดคุณอาทิตย์ก็ยังมีน้องชายคุณอาทิตย์ไม่ใช่หรือ ที่ชื่อจันทร์จ้าวน่ะ”



   “อ้อ คุณจันทร์...รายนี้ยังโสดจ้ะ แต่ขอโทษเถอะ หมู่นี้เธอไม่ค่อยยิ้มกับใครเอาเสียเลย ทำท่าซังกะตายอย่างกับคนอกหัก คนอื่นน่ะดูไม่ออกหรอก เธอชอบทำเป็นยิ้มเวลามีคนมอง แต่พอไม่มีคนมองแล้วนี่ซี ทั้งสีหน้า ทั้งสีตา คนอกหักชัดๆ” นางพยาบาลสมฤดีผู้อยู่ข้างบ้านเล่า



   “หืม? เหมือนคุณหมอภวัตเลย ฉันว่าพักนี้คุณหมอเธอก็ดูแปลก ดูเซื่องๆซึมๆชอบกล อกหักเสียอีกคนกระมัง”


   “อะไรจะอกหักพร้อมกันทีเดียว ๒ คน แต่ก็ไม่แน่...คุณหมอกับน้องชายคุณอาทิตย์สนิทกันไม่ใช่หรือ ก่อนหน้านี้ก็เห็นมารอ มารับมาส่ง ไปตีเทนนิสด้วยกันออกบ่อย แต่จะว่าไปช่วงนี้ไม่เห็นคุณจันทร์แวะมาอีกเลย น่าเสียดาย ฉันน่ะอุตส่าห์ดีใจ พักหนึ่งโรงพยาบาลเรามีแต่ผู้ชายดีๆแวะเวียนมาเยี่ยมเยียน...แต่ได้พักเดียวเท่านั้นเอง” แล้วเหล่าพยาบาลก็พากันพูดคุยสัพเพเหระกันต่อไปอีกครู่ใหญ่ จนกระทั่งเวลา ๑๓ นาฬิกาจึงแยกย้ายไปทำงาน


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)
บอกแล้วว่าเราจะส่งคนเบิกเนตรมาให้ ฮาฮา และก็เคยบอกแล้ว รู้สึกจะในหน้าแฟนเพจมั้ง ว่าบัวอ่ะ #ทีมคุณพงศ์ เชื่อกันยัง? ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่มีดีแค่ชื่อยาว

จริงๆแล้วในบรรดาคาแรกเตอร์ทั้งหมดในเรื่อง นอกจากชื่อ ดารารัษมีและจันทร์จ้าวแล้ว ชื่อคุณพงศ์เป็นชื่อที่บัวชอบมากค่ะ แม้เวลาพิมพ์เต็มๆ ‘หม่อมหลวงพงศ์ภราธร ฉัตราภาส’ จะยาวมากๆ แต่ทั้งการออกเสียง ทั้งการสะกด ความหมาย (อันนี้เปิดพจนานุกรมมาเองเลย คิดว่าไม่น่ามีคนชื่อซ้ำ) เป็นชื่อที่ดูสวยงามมากอ่ะ

วันนี้เนื้อยเหนื่อย เจอกันพฤหัสหน้า "เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีก 7 วัน" ร้องเพลงเฉยๆ ไม่มีอะไร  :z2: ฮ่าฮ่า
ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนรอ กำลังใจ และพื้นที่บอร์ดเช่นเคยค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-11-2015 20:01:01 โดย Dezair »

ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
นี่ก็ชอบคุณพงศ์อีกคน คนนี้พูดทีเดียวเค้าเป็นแฟนกันแล้ว น้องจันทร์พยายามแทบแย่คืออะไร ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
แหม่....พี่อาทิตย์ช่างเก็บเงียบ ไม่เล่าแม้กระทั่งจันทร์

#ทีมคุณพงศ์
อยากได้คนนี้อ้ะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เอ้า คุณพงศ์ก็อุตส่าห์เบิกเนตรให้แล้ว แถมวิ่งเต้นเรื่องของคุณอาทิตย์กับน้องสาวอีกต่างหาก
ที่เหลือก็คงต้องรอให้คุณจันทร์กับคุณหมอมีใจฮึดสู้ล่ะนะ
บทนี้คุณพงศ์เป็นพระเอกขี่ม้าขาวชัดๆ

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
รอมาตั้งแต่เย็นแล้ว เพิ่งเห็นว่ามาต่อ ขอตัวไปอ่านก่อนนะคะ

+++

ีนี่ก็ทีมคุณพงศ์ บอกเลย ผู้ชายคนนี้ได้ใจจริงๆ ถ้าไม่ได้กามเทพอย่างพงศ์ภราธรล่ะก็ อาทิตย์กับพิมพ์พัชราคงไม่มีโอกาสได้สมหวังกันใช่ไหมคะ ทีนี้ก็ต้องมาลุ้นกันว่า หมอภวัตจะทำอย่างไรต่อไป จึงจะปราบพยศคนอย่างจันทร์จ้าวลงได้ เฮ้อ เหนื่อยแทนจริงๆ

ขอบคุณคุณบัวมากๆ ค่ะ :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-11-2015 21:21:38 โดย Wordslinger »

ออฟไลน์ praewp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ชื่อเพราะจริงค่ะคุณบัว
แต่วันนี้ก็รู้ใจตัวเองกันสักทีน้าา
อยากให้ใครส่งเราวาร์ปไปวันพฤหัสหน้าจังค่ะ :ling1:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
โอ๊ยย รักหมอเชียร์หมอขาดใจ
แต่คุณพงศ์นี่ก็น่ารักจริง อิอิ
คืนดีกันเร็วๆนะคะน้องจันทร์กับคุณหมอ คนอ่านลุ้นอยู่

ขอบคุณพี่บัวค่าาาาา

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
คุณพงศ์เจ๋งมากออกโรงทีเดียวเรียบร้อยไปคู่หนึ่งเลยเหลือก็แต่คู่พระนายของเรานี่แหละจะเป็นไงต่อ

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
ต้องยกความดีความชอบให้คุณพงศ์ เหลือก็แต่คู่หลักเรานี่แหละ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด