...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)  (อ่าน 742877 ครั้ง)

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 814
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
มารอค่ะ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
มารอด้วยเดี๋ยวอ่านหนังสือสอบรอ 555

ออฟไลน์ chibi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ lolata

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

ออฟไลน์ ï_Kiss_U♥

  • รักไม่ได้
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
วันนี้มาดึกจังจันทร์จ้าว รออยู่นะค่ะ คิดถึงหมอ คิดถึงจันทร์

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
จันทร์จ้าว
By: Dezair
…………………….
บทที่ ๑๓


แก้มซีดเริ่มซับสีเลือด ภวัตจับจ้องแก้มฉ่ำที่ถูกเขาบรรจงจูบซ้ำแล้วซ้ำอีก จากใบหน้าซีดเซียวของคนป่วย บัดนี้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นเสียจนอดใจไม่ไหวต้องก้มลงจูบแก้มซ้ำๆ พอถูกแรงบดเบียดคลึงบนแก้มหนักขึ้น เจ้าของจึงเริ่มประท้วงอีกรอบ


“หมอ...ผมรู้ว่าหมอเป็นหมอ แต่ไม่กลัวติดหวัดผมหรือ” 



ถึงจะประท้วง แต่กระนั้น จันทร์จ้าวก็ไม่ปัดป้อง ยอมให้อีกฝ่ายแนบริมฝีปากลงกับแก้มเขาซ้ำๆ ในขณะที่หมอภวัตแม้จะได้ยินเสียงประท้วง แต่ก็ยังไม่ละริมฝีปากจากแก้มทั้ง ๒ ข้างเลย ซ้ำยังหัวเราะเบาๆให้ได้ยินเสียอีก



“หัวเราะอะไร หัวเราะแล้วไม่เป็นหวัดหรือ ผมจะได้หัวเราะบ้าง”



คราวนี้นายแพทย์หนุ่มผละออกมาเล็กน้อย แล้วกดร่างคนป่วยลงนั่งกับเตียง ส่วนเขายังยืนอยู่ข้างๆ ช้อนดวงหน้าเรื่อๆด้วยเลือดสูบฉีดขึ้นพินิศด้วยสายตาหวานฉ่ำ



“ถึงผมจะเป็นหมอ ผมก็ไม่อยากติดหวัดหรอกครับ แต่ที่ทำอยู่นี่ก็เพื่อให้หน้าคุณมีสีเลือดขึ้นมาหน่อย” มือหนาลูบผิวแก้มแผ่วเบา มันคลอเคลียละมุนละไมจนทำให้หัวใจของจันทร์จ้าวสั่นไหว ยิ่งมองสบเข้าไปในดวงตาคมของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าราวกับโลกนี้มีกันอยู่แค่ ๒ คน



“เมื่อวาน ตอนผมเห็นคุณที่หน้าบ้าน ผมโกรธคุณอย่างหนัก หน้าคุณซีดแต่ก็ยังดื้อเดินตากฝนไปซื้อข้าว ทำอะไรไม่คิดถึงใจคนอื่นที่เขาจะเป็นห่วงบ้างเลย”



“ผมไม่ทราบนี่ ว่าจะมีใครห่วงผมบ้าง”



“ถ้าอย่างนั้นก็ทราบเสียแต่ตอนนี้ ว่ามีคนคนนี้ที่เป็นห่วงนะครับ คราวหลังอย่าปล่อยให้ไม่สบายเช่นนั้นอีก”



“แต่ถ้าผมไม่ป่วย หมอก็คงไม่มา และถ้าหมอไม่มา เราก็คง...”



“ครับ เพราะคุณป่วย ผมถึงได้มา” ภวัตยอมรับตามตรง เพราะได้ยินว่าจันทร์จ้าวผู้ซึ่งไม่ใคร่จะดูแลตัวเองเสียเท่าไรเกิดล้มป่วย เขาจึงอดใจไม่ไหวต้องมาให้เห็นกับตาว่าอีกฝ่ายไม่เป็นไร ทุกอย่างจึงกลายเป็นเช่นนี้



“...เพราะคุณป่วย ผมถึงได้รู้ว่าความทุรนทุรายเพราะไม่ได้พบคุณยังไม่เท่ากับความทุรนทุรายเพราะเป็นห่วงคุณ อย่างหลังนั่นทรมานมากกว่าหลายเท่า”



ไม่ต้องบอกความรู้สึกอื่นใดนอกจากนี้ จันทร์จ้าวก็เข้าใจในความคิดของหมอภวัต ความทรมานเพราะไม่ได้พบหน้า ยังไม่สู้ความเป็นห่วงเพราะไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นตายร้ายดีอย่างไร ความห่วงหาแสนสาหัสนั้นทำให้ภวัต วิชาญโยธินผู้ซึ่งอยู่ในกรอบจารีตประเพณีและคำว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ ถึงกับดิ้นรนมาที่นี่



“ต้องขอบคุณอาการป่วยของผมซีนะ” คนป่วยว่าอย่างนั้นพลางยิ้มจาง แต่คนเป็นหมอกลับส่ายหน้า



“ถึงจะขอบคุณ แต่หลังจากนี้คุณจะต้องไม่ป่วยอีก ทำใจได้เลยครับ ผมจะมีวันให้คุณปล่อยปละละเลยตัวเองแน่ เอาล่ะ...ก่อนอื่นเลย คุณจะต้องรับยาได้แล้ว จะได้พักผ่อนต่อ” ประโยคสุดท้ายทำเอาดวงหน้าขาวขมวดคิ้วฉับ


“พักผ่อนอีกแล้ว?!”


“ถูกต้องครับ คุณยังไม่หายดี ต้องนอนให้มากๆ”


“ใจคอหมอจะให้วันๆผมเอาแต่นอนอย่างนั้นหรือ? ผมเพิ่งจะตื่นเมื่อครู่นี้เอง สว่างโร่อย่างนี้ใครจะไปหลับลง! แล้วอีกอย่าง...เราเพิ่งจะได้กลับมาคุยกัน เราน่าจะคุยกันต่ออีกหน่อย ไม่เห็นจะต้องให้ผมรีบนอนนี่! แล้วผมก็หายดีแล้วด้วย ดูสิ! ไข้ก็ไม่สูงเท่าเมื่อวานแล้ว”



“ไข้ไม่สูงนั่นล่ะครับ แสดงว่ายังไม่หายดี” ภวัตไม่พูดพร่ำทำเพลง หันไปหยิบยาในถ้วยเล็กที่จัดเอาไว้ให้พร้อมด้วยน้ำเปล่าจากโต๊ะข้างเตียงมาส่งให้คนป่วย จันทร์จ้าวมองหน้านายแพทย์หนุ่มที่แม้ความสัมพันธ์จะคืบหน้า แต่กระนั้นอีกฝ่ายก็ยังคงไว้ซึ่งความเข้มงวดของหน้าที่แพทย์เป็นอย่างยิ่ง



“รับยาครับ” นอกจากคำสั่งด้วยประโยคแล้ว สายตาจริงจังของร่างสูงก็เอาเรื่องไม่แพ้กัน คนถูกสั่งถอนหายใจอย่างปลงตก ก่อนจะยินยอมทำตามแต่โดยดี



เมื่อจัดการคนป่วยผู้แสนเอาแต่ใจเรียบร้อยแล้ว เขาก็ดันร่างจันทร์จ้าวให้ลงนอน ตามด้วยการห่มผ้าให้อีกชั้นหนึ่งเป็นสัญญาณว่าควรพักผ่อน ดวงตากลมใหญ่มองร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างเตียงละห้อยระโหย จนนายแพทย์หนุ่มอดใจไม่ไหวก้มลงจูบเบาๆที่หน้าผากและละลงมาที่ข้างแก้ม ก่อนจะกระซิบแผ่วเบาให้คนป่วยได้ยิน



“ขอผมศึกษาก่อนว่าทำอย่างไรคุณถึงจะไม่เจ็บ แล้ว...เราค่อยต่อจากเมื่อครู่นะครับ” นายแพทย์หนุ่มว่าอย่างนั้นก่อนจะขยับกลับมายืนข้างเตียงเช่นเดิม รอยยิ้มของเขาทำให้คนป่วยเริ่มไม่วางใจ ยิ่งประโยคเมื่อครู่ยิ่งฟังดูไม่น่าไว้ใจชอบกลจนต้องคว้าแขนเอาไว้ก่อนที่ผู้ดูแลคนนี้จะเดินออกจากห้อง



“หมายความว่ายังไร? อะไรที่ว่าหมอต้องไปศึกษาก่อน”



“ก็...ที่ต่อจากเมื่อครู่”



“ต่อจากเมื่อครู่?” จันทร์จ้าวยังงุนงง



“ครับ ต่อจากจูบ...ก็...” ไม่ต้องอธิบายให้มากความมากกว่านั้น จันทร์จ้าวผู้มีประสบการณ์กับผู้หญิงมาแล้วตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่มก็ถึงกับตาเหลือกโต ผิวหน้าระเรื่อเพราะถูกจุมพิตนับครั้งไม่ถ้วน คราวนี้แดงจัดกว่าเดิมเพราะคำพูดเพียงไม่กี่ประโยค



“หมอหมายถึง...?!!!”



“ครับ...ผมหมายความอย่างที่คุณจันทร์เข้าใจ” ภวัตไม่ตอบตามตรงเพราะเขาเองก็นึกเขินอยู่ไม่น้อย แต่...ในเมื่อพวกเขาตกลงปลงใจที่จะคบหากันแล้ว ความสัมพันธ์ที่มีต่อกันก็ย่อมพัฒนาขึ้นไปถึงเรื่องนั้นด้วย แต่ดูเหมือนคนที่ต้องพัฒนาความสัมพันธ์ไปกับเขาจะไม่ยอมรับเสียแล้ว



“ไม่เอานะหมอ! ผมไม่ยอมเป็นคนเจ็บแน่!!!” คนพยศลุกพรวดขึ้นโวยวาย แต่ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างเตียงกลับส่ายหน้าไปมาแล้วกดคนป่วยให้นอนลงตามเดิม



“ผมก็บอกแล้วนี่ครับ ว่าขอไปศึกษาก่อนว่าทำอย่างไรคุณถึงจะไม่เจ็บ เอาล่ะ นอนได้แล้วครับ จะได้หายป่วย ผมจะเอาชามข้าวต้มไปเก็บ”



“แต่...” คนกลัวเจ็บตั้งท่าจะค้าน แต่นายแพทย์หนุ่มย้ำอีกครั้ง



“เชื่อใจหมอนะครับคุณจันทร์ กับคนไข้เป็นร้อยเป็นพัน ผมยังรักษาให้หายได้ แล้วกับคุณที่เป็นคนสำคัญ ผมจะทำให้เจ็บได้ยังไร? เรื่องทางกายภาพ ไม่มีใครทราบดีกว่าหมอหรอกครับ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง คุณจันทร์แค่เตรียมใจรอให้ถึงวันนั้นก็พอ” ภวัตพูดจบก็หันไปคว้าชามข้าวต้มและถ้วยยาเดินออกจากห้องไปในทันที ทิ้งคนถูกตะล่อมให้วางใจยังคงนั่งตะลึงอยู่กับที่เช่นเดิม และกว่าจันทร์จ้าวจะรู้ตัวพอจะร้องปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตายอีกครั้ง หมอภวัตก็หายลับออกจากห้องไปพร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะไป ‘ศึกษา’ แล้วเรียบร้อย


ฉะนั้น สิ่งเดียวที่จันทร์จ้าว รักษพิพัฒน์จะต้องทำนับจากนี้ไปคือการเตรียมใจรอให้ถึงวันนั้น ส่วนเรื่องอื่นนอกจากนั้น...หมอภวัตบอก...ให้เป็นหน้าที่ของหมอคนนี้แต่เพียงผู้เดียว...

.............................................




เพราะมีหมอตัวจริงมาดูแลถึงข้างเตียงตลอดเสาร์อาทิตย์ที่นอนป่วย เช้าวันจันทร์ จันทร์จ้าวคนป่วยที่เริ่มหายป่วยจึงกลับมาเอาแต่ใจให้สำนักงานระส่ำระส่ายได้อีกครั้ง



   เสียงเอ็ดตะโรดังออกมาจากห้องทำงานของชายหนุ่มร่างโปร่ง หลังจากเมื่อครู่นี้มีพนักงานนำเอกสารเข้าไปให้ เรย์มอนด์ย่นคอเมื่อได้ยินเสียงของเพื่อนรักอาละวาด ก่อนจะหันไปยิ้มจืดให้หม่อมหลวงพงศ์ภราธรที่เพิ่งมาถึงตอนก่อนเที่ยงเล็กน้อย



   “เยี่ยมเลยคุณพงศ์ จันทร์จ้าวคนเดิมกลับมาแล้ว” 



ราชนิกูลหนุ่มหัวเราะเบาๆ เหลือบมองไปที่ประตูห้องทำงานของเพื่อนรักอย่างเบาใจ อย่างน้อยตอนนี้จันทร์จ้าวคนที่เขาเคยรู้จักก็กลับมาแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร หมอภวัตก็คือคนทำให้เพื่อนรักของเขากลับมา



   “คุณพงศ์ทำท่าไหนเข้าน่ะ ทำไมจันทร์ถึงกลับมาเป็นคนเก่าได้แล้ว”



   “ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” ราชนิกูลหนุ่มเว้นไม่ยอมพูดว่าเขารู้ว่าใครเป็นคนที่ทำให้จันทร์จ้าวกลับมาเป็นปกติ เพราะบ้านเช่าของจันทร์จ้าวอยู่ใกล้วังฉัตร ตั้งแต่เย็นวันเสาร์ไปจนถึงตลอดวันอาทิตย์ เมื่อใดที่ราชนิกูลหนุ่มนั่งรถผ่านหน้าบ้านเพื่อนรัก เป็นต้องเห็นรถยนต์ของหมอภวัตจอดอยู่ตรงหน้าบ้านเสมอ



แล้วอย่างนี้ ถ้าไม่ใช่ ภวัต วิชาญโยธิน จะเป็นใครเล่าที่สามารถทำให้จันทร์จ้าวกลับมาเอ็ดตะโรเสียงดังไปทั่วได้ดังเดิม



   “อ้อ หรือจะเป็นคุณหมอ...เมื่อเช้าผมเห็นรถคุณหมอมาส่ง คงจะคืนดีกันแล้ว จันทร์ถึงกลับมาเป็นคนเก่า” นายฝรั่งว่าอย่างนั้น ทำเอาหม่อมหลวงพงศ์ภราธรหันมองโดยพลัน เรย์มอนด์เห็นเพื่อนราชนิกูลมองตนจึงหันไปมองตอบ และโดยไม่ต้องพูดอะไร หนุ่มอเมริกันก็ยักไหล่



   “ผมไม่ทราบอะไรทั้งนั้น คุณพงศ์ไม่ต้องมาถามผมหรอก ผมแค่พูดในสิ่งที่เห็นเท่านั้นเอง”



   “คุณไม่คิดว่าเป็นเรื่องแปลกใช่ไหม” เรย์มอนด์ยักไหล่อีกครั้ง



   “ถ้าคบกับจันทร์มาได้ตั้ง ๖ ปี ผมว่าไม่มีเรื่องไหนให้เห็นว่าแปลกอีกแล้วล่ะ”



   “ขอบคุณ” ไม่ทราบว่าขอบคุณเรื่องอะไร แต่อย่างน้อยๆราชนิกูลหนุ่มก็ขอบคุณที่นายฝรั่งเปิดใจยอมรับในตัวตนของจันทร์จ้าว เรย์มอนด์ยิ้มจาง



   “อย่าขอบคุณผมเลย ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณเขาไปตลอดชีวิต หากไม่ได้เขา ผมก็คงไม่มีวันนี้ที่มีความสุขอย่างนี้ สมัยก่อน ผมไม่อยากอยู่อเมริกาอีกแล้วแต่ก็ไม่มีที่ไป เขาก็ช่วยให้ผมได้มาอยู่เมืองไทย ตอนมาอยู่แรกๆไม่รู้จักใครสักคน เขาก็ติดต่อให้คุณพงศ์มาช่วยดูแล ที่เขาเสนอเปิดสำนักงานนี้ ผมก็รู้อีกนั่นล่ะว่าเขาอยากให้ผมมีที่ทำมาหากิน เพราะเขา...ผมถึงได้มีชีวิตใหม่ที่เมืองไทย ชีวิตนี้จะมีอะไรที่สุขได้เท่านี้อีกล่ะคุณพงศ์ ผมว่าผมพบเจอความสุขสูงสุดของชีวิตมนุษย์แล้ว มีอาชีพที่ดี มีเพื่อนที่ดี มีความรักที่ดี”



   “หืม?...ความรัก?!...คุณมีความรักหรือเรย์?! คู่รักของคุณเป็นใคร?!!” ดูเหมือนนายฝรั่งจะหลุดปากไปคำโต เรย์มอนด์ทำได้แค่ปิดปากเมื่อสายเกินไป ส่วนหม่อมหลวงพงศ์ภราธรยกยิ้มกระหยิ่ม



   “จะบอกผมคนเดียว หรือจะให้จันทร์เค้น?” หมดทางเลือก เพราะหากให้จันทร์จ้าวเค้น เรย์มอนด์รู้ตัวดีว่าเขาคงถูกส่งกลับประเทศเป็นแน่แท้



“ว่าอย่างไร คู่รักของคุณคือใคร”



“เอ่อ...”



“บอกผมมา”



“อ่า...”



“ได้ ถ้าอย่างนั้นเรียกจันทร์...” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรพูดไม่ทันจบ นายฝรั่งตัวใหญ่ก็รีบกระซิบบอก



   “คุณนภาครับ...”



คนฟังถึงกับตาเหลือก “ว่าอย่างไรนะ?! คู่รักของคุณคือใครนะ?!!”



   “คุณนภา...น้องของจันทร์” คำขยายความหลังชื่อ ‘นภา’ ยิ่งทำให้ราชนิกูลหนุ่มสะดุ้ง



“ตายโหง!”



“ยังไม่ตายซี! คุณพงศ์พูดจาไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย”



“เชิญคุณไปหาความมงคลที่อื่น เรื่องนี้ผมไม่รับรู้ด้วยหรอก!” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรหมุนตัวจะเดินหนี ก็ว่าเรื่องของจันทร์จ้าวและภวัตเป็นไปไม่ได้แล้ว เรื่องของเรย์มอนด์และนภาสรวงก็เป็นไปไม่ได้เช่นเดียวกัน ทว่านายฝรั่งไม่ยอมให้ราชนิกูลหนุ่มเดินหนี เขารีบคว้าแขนเอาไว้



   “โธ่! ช่วยผมก่อนสิคุณพงศ์ คุณพงศ์ทราบแล้วจะเดินหนีไม่ได้”



   “ผมช่วยคุณ ผมก็ถูกจันทร์หักคอน่ะซี!”



   “ไม่หรอก ตอนนี้จันทร์อารมณ์ดี จันทร์มีความสุข จันทร์ไม่หักคอคุณพงศ์หรอก” เรย์มอนด์พูดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย เพราะยิ่งจันทร์จ้าวอารมณ์ดีมากเท่าไร จันทร์จ้าวคนเดิมย่อมต้องกลับมา และนั่นหมายความว่าหากจันทร์จ้าวคนเดิมคิดจะหักคอใคร แม้จะเป็นหม่อมหลวงพงศ์ภราธร...ก็ไม่รอด



   บานประตูห้องทำงานของจันทร์จ้าวถูกเปิดออกกะทันหัน ทำเอา ๒ เพื่อนที่กำลังยืนคุยกระซิบกระซาบกันอยู่ถึงกับสะดุ้งหันมองโดยพลัน จันทร์จ้าวออกจากห้องเห็นเรย์มอนด์และหม่อมหลวงพงศ์ภราธรยืนอยู่โดยไม่ทำงานทำการก็ขมวดคิ้วฉับด้วยความแปลกใจ



   “ยืนทำอะไรกันน่ะ”



   “เอ้อ...พอดีคุณพงศ์เพิ่งมา ผมเลยทักทายคุณพงศ์อยู่ แล้วคุณจะไปไหนหรือจันทร์” เรย์มอนด์เปลี่ยนเป็นประโยคคำถามแทน ทั้งๆที่เหงื่อกาฬซึมเต็มหลังเพราะเกรงว่าเพื่อนรักจะจับโกหกได้



   “จะเที่ยงแล้ว หมอจะมารับ”



   “หืม?...หมอมารับ?” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรย้อน ทำเอาร่างโปร่งเก้อไปบ้างแต่ก็ทำเป็นยักไหล่เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร



   “หมอกลัวว่าผมจะไม่ทานยาน่ะ เลยมารับไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน ให้ตายเถอะ นี่ผมเพิ่งทราบว่าหมอน่ะดุจริงๆ อ้ายเราทำเป็นลืมทานยาบ้างก็บ่น คนอะไร เวลาปกติก็ใจดีแท้ๆ พอเราป่วยขึ้นมา ดุเราอย่างกับลูก!”



“ก็แกมันเป็นคนป่วยที่ว่าง่ายเสียที่ไหน ให้คุณหมอเขาดุก็ถูกแล้ว” จันทร์จ้าวทำเป็นส่ายหัวไม่อยากรับฟังหม่อมหลวงพงศ์ภราธรบ่นซ้ำสอง



“พูดอย่างกับว่าผมดื้อมากอย่างนั้นล่ะ ผมป่วย ผมจะมีอารมณ์ไปแผลงฤทธิ์ได้อย่างไร ไม่เอาล่ะ ผมไปดีกว่า ขืนชักช้า เดี๋ยวหมอก็บ่นอีก คุณพงศ์กับเรย์จะไปทานด้วยกันไหม”



๒ เพื่อนโบกมือให้ว่อน เพราะคาดเดาความสัมพันธ์ของจันทร์จ้าวและหมอภวัตได้ดี ในเมื่อคบหากันเช่นนั้น ก็คงอยากไปรับประทานอาหารกัน ๒ คนมากกว่าจะมีส่วนเกินอย่างพวกเขาไปด้วย



“ตามใจ แล้วไว้ค่อยคุยกันใหม่” ว่าแล้วร่างสูงโปร่งของคนยังไม่หายป่วยดีก็วิ่งหายลับลงบันไดไปยังชั้น ๑ เมื่อพ้นหลังไปแล้ว หม่อมหลวงพงศ์ภราธรจึงตวัดสายตามายังนายฝรั่ง ซึ่งคนถูกจ้องก็ทำหน้าหงอในทันที



“หน้าซีดเป็นไก่ต้ม ดีหรอกว่าเมื่อครู่จันทร์มันเอาแต่บ่นเรื่องคุณหมอ ขืนมันสังเกตเห็นว่าคุณหน้าเสียขนาดนี้คงได้ถูกซักจนได้!”



“โธ่...ก็ผมกลัวนี่ กำลังพูดเรื่องคุณนภา จันทร์ก็ดันเปิดประตูออกมา นี่...คุณพงศ์อย่าเพิ่งบอกเรื่องผมกับคุณนภาให้จันทร์ทราบเลยนะ เห็นแก่ชีวิตนายฝรั่งคนนี้เถอะ” พอถูกอ้อนวอน คนกลางผู้ตกที่นั่งลำบากก็ชักเป็นกังวล ขืนเรื่องนี้รู้ถึงหูจันทร์จ้าว ไม่ใช่แค่ชีวิตของเรย์มอนด์ อดัมส์จะหาไม่ แต่ชีวิตของหม่อมหลวงพงศ์ภราธร ฉัตราภาสผู้นี้ก็คงไม่เหลือแม้แต่ซากเช่นกัน ดวงตาของราชนิกูลหนุ่มเหลือบมามองนายฝรั่งผู้ริอ่านทำการใหญ่รักหญิงไทยนามสกุลรักษพิพัฒน์แล้วถอนหายใจเฮือก


...รักคนที่รักได้ง่ายๆมันเป็นเรื่องยากนักรึไร?!!!...



เขาล่ะอยากจะร้องถามทั้งเรย์มอนด์ อดัมส์และจันทร์จ้าว รักษพิพัฒน์เสียจริงๆ!!!


..........................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-12-2015 21:47:33 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


รถยนต์ของหมอภวัตวิ่งไปตามถนนของกรุงเทพฯที่ค่อนข้างจอแจด้วยรถสารพัดชนิด ภายในรถมีเสียงจามฟุดฟิดดังมาจากคนข้างกายบ่อยครั้ง ครั้งแรกยังพอทำเนา แต่พอมีครั้งที่ ๒ และ ๓ ตามมา สารถีหนุ่มผู้ควบตำแหน่งนายแพทย์แห่งโรงพยาบาลใหญ่จึงต้องเหลือบตามามอง และเพียงเท่านั้นคนจามก็รีบขยี้ปลายจมูกตัวเองแล้วบอกด้วยเสียงอู้อี้



“ผมว่ามีคนนินทาผม” จันทร์จ้าวว่าอย่างนั้น เพราะเกรงว่าคนเป็นหมอผู้ทำการรักษาและดูแลเขาตลอด ๒ วันที่ผ่านมาจะเพิ่มยาให้เขาอีกหลายขนาน เท่าที่มีอยู่ตอนนี้ก็แทบจะรับประทานไม่หวาดไม่ไหวแล้ว



“ไม่ใช่คนนินทาหรอกครับ แต่เพราะคุณยังไม่หายหวัดต่างหาก วันนี้ที่คุณขอสระผม ผมไม่อนุญาตแล้วนะครับ”



“ไม่ได้นะหมอ! ผมคันหัวจะแย่! ไม่ให้ผมสระผมได้ยังไร?!! ไม่เอาหรอก! ผมจะสระ!” ไม่ได้ผิดจากที่หม่อมหลวงพงศ์ภราธรเพื่อนรักปรามาสเอาไว้เลย ว่าจันทร์จ้าว รักษพิพัฒน์นั้นเป็นคนป่วยที่ทำตัวว่าง่ายไม่เป็น



“สระไม่ได้ครับ” นายแพทย์หนุ่มตอบเสียงเรียบกลับไป ในเมื่ออีกฝ่ายคือคนป่วยที่ว่านอนสอนยากที่สุด ภวัตก็เป็นหมอที่ทั้งดุทั้งเคร่งที่สุดเช่นกัน



“ผมบอกว่าผมจะสระ! หมอนี่พูดไม่รู้เรื่อง!!”



“ผมบอกว่าไม่ให้สระครับ คุณเป็นคนป่วย ผมเป็นหมอ หมอพูดอะไรต้องเชื่อฟัง ไม่อย่างนั้นผมจะเปลี่ยนยาคุณทั้งหมด จากยาฝรั่งเป็นยาจีน เคยทานยาจีนไหมครับ? ยาจีนที่ทั้งเหม็นทั้งขม รับรองว่าถ้าคุณได้รับยาจีนสักถ้วย คุณจะไม่อยากป่วยอีกเลย”


คนป่วยถูกขู่ก็ถึงกับชะงักไปในทันที ถึงแม้เขาจะไม่เคยรับประทานยาจีนมาก่อน แต่ชื่อเสียงเรียงนามของมันก็ออกจะโด่งดัง โดยเฉพาะจากนายวินิตเพื่อนตีเทนนิสผู้เป็นชาวจีนขนานแท้ที่เคยเล่าให้เขาฟังว่ายาจีนซึ่งทำจากสมุนไพรทั้งหลายทั้งปวงนั้น คือสิ่งสุดท้ายที่อยากจะกลืนลงคอ แต่กระนั้น...จันทร์จ้าวก็ยังไม่วายปากเก่งยอกย้อนกลับไป



“หมออย่ามาขู่ผมเสียให้ยาก! หมอเป็นหมอฝรั่ง! จะจัดยาจีนให้ผมได้อย่างไร?!”



“ใช่ครับ ผมเป็นหมอฝรั่ง แต่ในเยาวราชก็มีร้านขายยาจีนออกถมไป ไม่เห็นจะยากอะไรถ้าจะซื้อจากที่นั่น” มาถึงตรงนี้ คนป่วยผู้แสนดื้อดึงก็ถึงกับเถียงไม่ออก แต่เรื่องจะถูกขัดใจก็ไม่ใช่เรื่องที่จันทร์จ้าว รักษพิพัฒน์ผู้นี้คุ้นเคยเสียด้วย



“แต่ผมอยากสระผมจริงๆนะหมอ ผมคันหัว แล้วผมก็รู้สึกว่าหัวผมเหม็นมากด้วย”



“ถ้าคุณสระผม คุณก็ต้องอาบน้ำ คราวนี้ไข้ก็กลับน่ะซีครับ” ภวัตตอบอย่างครึ้มอกครึ้มใจ เพราะสุ้มเสียงของอีกฝ่ายไม่ใคร่จะดื้อแพ่งเหมือนเมื่อครู่แล้ว ฟังดูเหมือนกำลังอ้อนวอนเขาเสียมากกว่า แล้วอ้อนเรื่องอะไรไม่สู้อ้อนเรื่องขอสระผม เกิดมาเขายังไม่เคยอนุญาตให้ใครสระผมหรือไม่สระผมเป็นกิจลักษณะได้เท่านี้มาก่อนเลย



“งั้นผมให้คนอื่นสระให้ก็ได้! รับรองเปียกแค่หัว นี่เลย...เดี๋ยวตอนเย็นผมแวะไปวังฉัตร วานคุณพงศ์สระผมให้” ข้อเสนอของคนข้างกายทำให้หมอภวัตที่กำลังครึ้มอกครึ้มใจเพราะรู้สึกว่ากำลังถูกอ้อนถึงกับชะงักไปในทันที เขาเหลือบตามามองคนพูดที่กำลังรอคอยคำอนุญาตของเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง



“ทำไมต้องเป็นคุณพงศ์”



“อ้าว! หมอนี่ถามแปลก! ก็พอผมจะสระเอง หมอก็ว่าเดี๋ยวไข้กลับ ผมก็ต้องให้คุณพงศ์สระให้ซี! ไม่ต้องห่วงหรอก! ผมเคยให้คุณพงศ์สระให้มาก่อน! แต่ก่อนคุณพงศ์เคยอยากเปิดร้านตัดผมชาย ผมนี่แหละหัวแรกของคุณพงศ์เลย!” จันทร์จ้าวพูดอย่างนึกสนุก ดวงหน้าดูจะมีความสุขเสียเหลือเกินยามคิดถึงเรื่องในอดีตอันแสนทะโมนของตนเองและเพื่อนรักราชนิกูล ทว่าสำหรับหมอภวัตผู้ไม่ได้มีส่วนร่วมในความทรงจำเหล่านั้นกลับเริ่มรู้สึกไม่ใคร่จะพอใจเสียเท่าไร



“ผมไม่ได้กังวลว่าคุณพงศ์จะสระผมให้คุณไม่ได้ แต่...ผมคิดว่าไม่เหมาะ”



“ไม่เหมาะ? ไม่เหมาะตรงไหน”



คราวนี้นายแพทย์หนุ่มหันมามองคนร้องถามเต็ม ๒ ตา ดวงตาดุที่ทุกคราวมักจะเต็มไปด้วยความอ่อนโยน บัดนี้กลับจับจ้องมาที่จันทร์จ้าวอย่างที่ทำเอาคนถูกจ้องถึงกับพูดไม่ออก



“ต้องให้ผมพูดไหมครับ ว่าไม่เหมาะตรงไหน” ภวัตถามเสียงเรียบ แต่คนถูกถามที่ถูกตรึงเพราะประกายกล้าในดวงตาคมไม่โต้ตอบกระไร สารถีจึงหันไปขับรถต่อ และพอสายตาของภวัตกลับไปมองถนนแล้ว หูของเขาก็ได้ยินเสียงแว่วๆจากคนข้างกายดังกลับมา



“หึงก็บอกสิว่าหึง” ภวัตเงียบ ไม่ตอบแต่ที่มุมปากมีรอยยิ้มปรากฏ จันทร์จ้าวเหลือบมองวูบหนึ่งแล้วพูดต่อ



“...ถ้าหมอไม่ให้คุณพงศ์สระให้ หมอก็ต้องรับผิดชอบ...”



คราวนี้คนกำลังอมยิ้มยอมหันไปมองคนพูดอีกครั้ง แต่จันทร์จ้าวผู้ซึ่งแอบเหลือบมองเมื่อครู่ทำเป็นมองออกไปนอกหน้าต่างฝั่งตนเองแล้ว แต่กระนั้นก็ยังพูดต่อ



“...สระผมให้ผมด้วย”



ภวัตมองคนข้างกายที่ทำเป็นไม่ยอมสบตา แต่เสี้ยวหน้าด้านข้างแดงระเรื่อเพราะคำพูดเอาแต่ใจเรียกร้องการดูแลเป็นพิเศษจากเขา นายแพทย์หนุ่มไม่อาจกลั้นรอยยิ้มที่มุมปากได้อีก มันขยายเป็นรอยยิ้มกว้าง ก่อนที่เจ้าของรอยยิ้มนั้นจะตอบกลับไปอย่างมีความสุข



“พูดอย่างนี้แต่แรก ผมก็อนุญาตให้สระผมไปแล้ว”


......................................



   ดารารัษมีเป็นครูสอนภาษาไทยที่มีโต๊ะอยู่ในห้องพักครูภาษาไทย ส่วนหม่อมหลวงพิมพัชราเพื่อนสนิทเป็นครูสอนภาษาอังกฤษซึ่งประจำอยู่ที่ห้องพักครูภาษาอังกฤษที่ตึกข้างหลัง แต่กระนั้น ยามพักกลางวัน ๒ สาวก็มักจะได้รับประทานอาหารด้วยกันเสมอ เที่ยงวันนี้ก็เช่นกัน



   “วันนี้คุณพิมกลับอย่างไรคะ ทราบแล้วใช่ไหมว่าวันนี้พี่อาทิตย์จะกลับค่ำเพราะติดงานที่กรม เลยมารับไม่ได้” ดารารัษมีเอ่ยปากถาม นับตั้งแต่ความสัมพันธ์ของอาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชรากลายมาเป็นคู่รัก อาทิตย์ก็กลายเป็นสารถีประจำตัวหม่อมหลวงพิมพัชราไปโดยปริยาย ทุกเย็น จะรับหน้าที่ขับรถมารับคู่รักของตนไปส่งที่วังฉัตร บางครั้งก็พาไปรับประทานอาหารค่ำหรือดูภาพยนตร์บ้าง โดยมีดารารัษมีและนภาสรวงติดตามไปด้วยหรือไม่เช่นนั้นก็จะไปกันเพียง ๒ คน



   “ทราบแล้วค่ะ คุณอาทิตย์โทรศัพท์จากกรมไปที่วังแต่เช้า เห็นว่าต้องไปทำงานตั้งแต่เมื่อวันเสาร์แล้วใช่ไหมคะ”



   “ค่ะ เสาร์อาทิตย์ไม่ได้พักเลย คุณแม่ยังบ่นเสียดาราหูชาไปหมดว่าทั้งพี่อาทิตย์ทั้งพี่จันทร์ ติดงานไม่กลับบ้านกลับช่องกันทั้งคู่” ดารารัษมีไม่วายวกไปพูดถึงพี่ชายคนรองซึ่งเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา เขาไม่ยอมกลับไปนอนที่บ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์ตามที่เคยทำสัญญาเอาไว้กับคุณหญิงผกา โดยฝากความมาบอกกับอาทิตย์ว่าติดงานและจำเป็นต้องอยู่โยงดึกดื่น ไม่สะดวกกลับบ้าน



   “คุณจันทร์...ติดงานหรือคะ?” ราชนิกูลสาวย้อนถามด้วยความฉงน เพราะเรื่องที่หล่อนรับทราบมาจากพี่ชายผู้ซึ่งทำงานที่เดียวกับจันทร์จ้าวนั้นดูจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง



   “ค่ะ...พี่จันทร์โทรศัพท์ไปบอกพี่อาทิตย์ที่กรมเมื่อวันศุกร์ว่าติดงานสำคัญ ต้องอยู่ทำงานค่ำๆมืดๆ ก็เลยไม่ได้กลับไปนอนที่บ้านตามเคย” ดารารัษมีเล่า แต่สีหน้างุนงงของเพื่อนราชนิกูลทำให้หล่อนชักสงสัย “...หรือคุณพิมทราบอะไรมาหรือคะ”



   “พิม...ได้ยินจากพี่พงศ์...คุณจันทร์เธอไม่ได้ติดงานนี่คะ”



   “ไม่ได้ติดงาน?! อ้าว! แล้วทำไมพี่จันทร์ถึงบอกพี่อาทิตย์ว่าติดงาน…หรือว่า!...หรือว่าพี่จันทร์จะแอบลักลอบคบกับแม่ผู้หญิงเลวที่ไหนแน่ๆเลยค่ะคุณพิม!!” ดารารัษมีผู้ไม่ใคร่จะนิยมนิสัยเจ้าเสน่ห์ของพี่ชายคนรองคาดเดาเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาโดยพลัน หม่อมหลวงพิมพัชราต้องเอื้อมมือมาดึงแขนเอาไว้เป็นการปราม



   “ไม่ใช่หรอกค่ะ ที่พิมได้ยินมาจากพี่พงศ์...คือคุณจันทร์เธอป่วยต่างหาก”



   “ป่วย?!” คราวนี้จากคนกำลังโมโหพุ่งพล่านเพราะคิดว่าพี่ชายคนรองลักลอบคบหากับผู้หญิงคนใดจนไม่กลับบ้านกลายเป็นร้องถามด้วยความตกตะลึงแทน



   “พี่จันทร์น่ะหรือคะป่วย?!!” หล่อนถามย้ำ



   “ค่ะ พี่พงศ์บอกพิมว่าคุณจันทร์ไม่ค่อยสบาย ที่คุณจันทร์ไม่กลับบ้าน อาจจะเพราะคุณจันทร์ไม่สบายก็ได้นะคะ”



   “ตายจริง คนอย่างพี่จันทร์ป่วยนี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อเลยค่ะ แล้วป่านนี้จะหาหยูกหายามาทานเองได้ไหมก็ไม่ทราบ...เอ?...เอาอย่างไรดี พี่อาทิตย์ก็ไม่ว่างเสียด้วย ดาราอยากจะไปเยี่ยมพี่จันทร์เสียหน่อย” ถึงแม้ยามสุขสบาย จันทร์จ้าวจะเป็นพี่ชายที่หล่อนเพ่งเล็งมากเป็นพิเศษ แต่พอได้ยินว่าเขาป่วย ดารารัษมีก็อดไม่ได้ที่จะห่วงใย



   หม่อมหลวงพิมพัชรายิ้มจาง ๔ พี่น้องรักษพิพัฒน์รักใคร่ห่วงใยกันถึงเพียงนี้ หล่อนก็ยิ่งรู้สึกดีที่ได้คบหากับคนในครอบครัวนี้ ทั้งในฐานะเพื่อนกับดารารัษมี และฐานะคู่รักกับอาทิตย์



   “คงจะไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ เมื่อวันอาทิตย์ พี่พงศ์แวะไปเยี่ยมมาแล้ว เห็นว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง” ราชนิกูลสาวถอดคำของพี่ชายออกมาทั้งประโยค หม่อมหลวงพงศ์ภราธรมาบอกกับหล่อนว่าจะออกไปเยี่ยมจันทร์จ้าวที่บ้านเช่าสีเขียวอ่อนใกล้วังฉัตร เขาหายออกไปครู่หนึ่งก็กลับมาพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้าและคำพูดประโยคนี้ว่า ‘ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง’



   “อย่างนั้นหรือคะ...ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงก็แล้วไป ฝากขอบคุณคุณพงศ์ด้วยที่มีน้ำใจกับพี่ของดาราเหลือเกิน แต่ยังไร ดาราก็อยากจะไปเยี่ยมเสียหน่อย ขอปรึกษากับนภาก่อน อีกสัก ๒-๓ วัน พี่อาทิตย์ก็คงว่างพอดี ไว้ตอนนั้น เราไปด้วยกันนะคะ คุณพิม”



หม่อมหลวงพิมพัชรายิ้มอย่างยินดีแต่ไม่วายย้อนถาม



   “ถ้าถึงตอนนั้น แล้วคุณจันทร์เธอหายดีแล้วล่ะคะ”



   “อุ๊ย! ไม่มีทางหายไวหรอกค่ะ พี่จันทร์น่ะป่วยยากก็จริง แต่ถ้าป่วยแล้วล่ะก็ จะป่วยนาน ดาราเชื่อว่าสัปดาห์หน้า พี่จันทร์ก็ยังไม่หายดีหรอก” น้องสาวบ้านรักษพิพัฒน์ว่าอย่างนั้น ก่อนที่ทั้ง ๒ จะเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรืองอื่นต่อ แล้วจบเรื่องของจันทร์จ้าวคนป่วยเอาไว้แต่เพียงเท่านั้น


.............................




   ในขณะที่บทสนทนาเรื่องคนป่วยของดารารัษมีและหม่อมหลวงพิมพัชราจบลงไปแล้ว แต่สำหรับหมอภวัตผู้รับหน้าที่ดูแลคนป่วยชั้น ๑ นามว่าจันทร์จ้าว รักษพิพัฒน์นั้นยังไม่จบลงแต่โดยง่าย เพราะคนป่วยผู้นี้มีเรื่องเอาแต่ใจไม่เว้นชั่วโมง เมื่อตอนกลางวันหลังจากทุ่มเถียงเรื่อง ‘สระผมกับไม่ให้สระผม’ ไปแล้วจนได้ข้อยุติว่าอนุญาตให้สระ แต่คนสระคือภวัต ตกเย็น หลังจากสระผมเรียบร้อย คนป่วยสบายหัวดีแล้ว ก็เริ่มหาเรื่องเอาแต่ใจคำรบ ๒



   “ผมอยากไปตีเทนนิส” จันทร์จ้าวเอ่ยปากพลางขยี้ผมเปียกชื้นด้วยผ้าขนหนู ในขณะที่ภวัตยังเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องนอนเพื่อค้นหาเสื้อผ้าเนื้อหนาที่สุดเท่าที่จะหาได้ ซึ่งสุดท้ายก็ต้องกลับไปพึ่งเสื้อผ้าชุดเก่าที่จันทร์จ้าวใส่เมื่อคืนวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมา เพราะที่บ้านเช่าหลังนี้ ไม่มีเสื้อผ้าเนื้อหนาเลยสักตัว



   “ไว้คุณหายสนิทดีแล้ว ผมจะพาไปครับ” นายแพทย์หนุ่มตอบ แล้วกระพือเสื้อแขนยาวตัวเดิมเพื่อสะบัดฝุ่นเสียหน่อย ก่อนจะส่งให้คนที่นั่งมองเขาอยู่บนเตียงนำไปสวมทับเพิ่มอีกชั้นหนึ่ง



   “เมื่อไรล่ะหมอ ผมไม่ตีนานแล้ว เส้นยึดกันพอดี” คนป่วยทำหน้าย่นเสียจนน่าเอ็นดู



   “เส้นยึดตรงไหนครับ ผมจะนวดให้เอง”



   “ไม่เอาหรอก ผมไม่เคยให้ผู้ชายมานวดคลายเส้น”



   “อ้อ แสดงว่าเคยให้ผู้หญิงนวดให้ มานี่เลยครับ ผมจะทำให้คุณเข้าใจเองว่าผู้ชายอย่างผมก็นวดได้ไม่แพ้ผู้หญิงที่เคยนวดให้คุณ” ภวัตไม่พูดเปล่า แต่ก้าวเท้าเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่บนเตียง พลิกร่างโปร่งให้ลงนอนคว่ำจากนั้นก็กดฝ่ามือลงกับสะบักหลังจนจันทร์จ้าวร้องให้ลั่น



   “โอ๊ย! หมอ! โอ๊ย!!”



   “เป็นยังไรครับ? หายเส้นยึดรึยัง” ภวัตถามแล้วดึงร่างคนนอนบนเตียงให้ลุกขึ้นมา เขาแค่แกล้งเล่นก็เท่านั้นเอง แต่ดูเหมือนคนถูกนวดจะเจ็บจริง เพราะเจ้าตัวเอื้อมมืออ้อมหลังไปคลำ อีกทั้งสีหน้าก็ยุ่งเหยิงเสียจนนายแพทย์หนุ่มเริ่มเป็นห่วง



   “เป็นอะไรไป เจ็บหรือ”



   “เจ็บสิ หมอกดไปโดนที่ที่ผมเคยเคล็ด...” คนป่วยแล้วยังเจ็บตัวบอกเสียงเอาแต่ใจ ภวัตจึงทรุดตัวลงนั่งร่วมเตียงด้วย แล้วดันร่างอีกฝ่ายให้หันหลังให้เขา จากนั้นจึงกดปลายนิ้วลงคลึงแผ่นหลังทีละจุด



   “เจ็บตรงไหนครับ”



   “อื้อ...หมอ...ตรงนั้น...”



   “ตรงนี้หรือ” หมอภวัตกดซ้ำลงไปที่เดิม และคำตอบที่ได้คือการพยักหน้ารับช้าๆ “...ตรงนี้ที่คุณเคยเคล็ดเมื่อครั้งที่เราตีเทนนิสด้วยกันครั้งแรกนี่ครับ” นายแพทย์หนุ่มพูดอย่างรู้สึกผิด ไม่มีคำตอบจากจันทร์จ้าว นอกจากนั่งเฉยๆให้เขานวดให้เบาๆ



   “ผมจะนวดยาให้ คุณยังเก็บยาหลอดนั้นไว้ไหม”



   “อยู่ที่โต๊ะนั่น” จันทร์จ้าวชี้นิ้วไปที่โต๊ะข้างเตียง ภวัตลุกขึ้นเดินไปเปิดลิ้นชักหยิบหลอดยากลับมานั่งที่เดิม เขาสั่งให้อีกฝ่ายถอดเสื้อแล้วจากนั้นจึงคลึงยาให้ กลิ่นยานวดตลบอบอวล แต่กระนั้นความอ่อนโยนที่ส่งผ่านทางปลายนิ้วก็ทำให้คนได้รับการดูแลสบายใจสบายกายอย่างบอกไม่ถูก



   “มีหมอนี่ก็ดีนะ เป็นหวัดก็รักษาได้ เคล็ดก็นวดได้” ภวัตยิ้มจาง เหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนที่นั่งหันหลังให้เขา



   “เห็นข้อดีของการที่ผมอยู่กับคุณแล้วซีนะครับ” ดวงตากลมใหญ่เหลือบมามองวูบหนึ่ง



   “ผมเห็นนานแล้วต่างหาก ไม่อย่างนั้นจะรั้งหมอไว้หรือ” คำพูดคำจาน่ารักเสียจนคนฟังหัวใจพองฟูคับอก ภวัตอดใจไม่ไหว กวาด ๒ แขนโอบรอบเอวรั้งคนเบื้องหน้าลงมาอยู่ในอ้อมอก แล้ววางคางเกยไหล่อีกฝ่ายเอาไว้อย่างมีความสุข



   “อยู่ดีๆมากอดผมทำไมล่ะหมอ” จันทร์จ้าวถาม แต่ไม่หันไปมองคนถือวิสาสะวางคางบนไหล่เขาอีก ความใกล้ชิดระหว่างพวกเขาชนิดที่แผ่นหลังเขาแนบกับอกของอีกฝ่ายนั้น ลองว่าถ้าหันไปสักเล็กน้อย ปลายจมูกของภวัตก็คงชนเข้ากับแก้มเขาพอดี



   ดวงตาคมทอดมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนรักโดยไม่ละสายตา



   “ขอบคุณนะครับที่รั้งผมเอาไว้ เพราะความกล้าหาญของคุณ ถึงทำให้ผมมีความสุขอย่างนี้” คำชมที่แสนจริงใจทำให้คนถูกชมอดไม่ได้อยากจะหันไปมอง แต่ขืนหันไปทั้งที่ยังแนบชิดกันอย่างนี้ คงไม่วายที่แก้มของเขาจะถูกอีกฝ่ายฉกฉวย จึงต้องโน้มหน้าออกห่างเล็กน้อย แล้วจึงค่อยหันไปมอง



   “ผมเองก็มีความสุข...อยู่กับผมไปนานๆนะหมอ”



   “ผมจะอยู่ข้างๆคุณอย่างนี้ไปนานๆ...ผมสัญญา” 



๒ แขนของภวัตโอบกระชับเอวอีกฝ่ายแน่น รั้งร่างสูงโปร่งให้เข้าแนบชิด จันทร์จ้าวทิ้งแผ่นหลังลงพิงกับอกของนายแพทย์หนุ่มอย่างตามสบาย เวลานี้ที่มีกันเพียงแค่ ๒ คนกับความสุขง่ายๆที่เกิดจากการเคียงคู่ ทำให้พวกเขาไม่คิดจะดิ้นรนไปที่ไหน ขอแค่ได้อยู่กันเงียบๆ อิงแอบกันและกัน พูดคุยกันด้วยเสียงกระซิบ เพียงเท่านี้...หัวใจก็เบิกบานเหลือประมาณแล้ว




................................


อาการป่วยของจันทร์จ้าวดีขึ้นตามลำดับ แต่กระนั้นก็ยังไม่หายเป็นปกติดีจนเจ้าตัวต้องตัดสินใจโทรศัพท์ไปบอกพี่ชายคนใหญ่อีกครั้งว่าสัปดาห์นี้ก็จะไม่กลับไปนอนที่บ้านเรือนไทย แต่ครั้งนี้อาทิตย์ทราบจากหม่อมหลวงพิมพัชราแล้วว่าน้องชายคนรองป่วย จันทร์จ้าวจึงไม่ต้องโกหกเหมือนในครั้งแรก



และเพราะเป็นสัปดาห์ที่ ๒ ที่เขาไม่กลับไปนอนที่บ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์ ๓ พี่น้องที่เหลือจึงอดรนทนไม่ได้ต้องมาเยี่ยมเสียหน่อย แต่เนื่องจากนภาสรวงติดธุระ คนที่มาเยี่ยมจันทร์จ้าวในตอนเช้าวันอาทิตย์ จึงมีเพียงอาทิตย์และดารารัษมีเท่านั้นเอง



   น้องสาวคนเล็กของบ้านรักษพิพัฒน์ก้าวเท้าลงจากรถโฟล์คสีดำของพี่ชายคนใหญ่ที่จอดเลยหน้าบ้านเช่าสีเขียวอ่อนไปเล็กน้อย เพราะที่จอดตรงหน้าบ้านเช่านั้นมีรถคันหนึ่งจอดอยู่ หล่อนชะโงกหน้าเข้าไปหาพี่ชายที่อยู่หลังพวงมาลัย



   “ดาราเอาข้าวต้มให้พี่จันทร์แล้วจะตามไปที่วังนะคะ”



ภารกิจเยี่ยมไข้วันนี้เป็นไปอย่างลับเพราะไม่อาจให้คุณหญิงผการะแคะระคายได้ ข้าวต้มที่หล่อนถือมาจึงต้องวานนภาสรวงทำอย่างลับหูลับตาที่สุดนั่นเอง



   อาทิตย์ยิ้มจางรับ เขารอจนน้องสาวปิดประตูรถเรียบร้อยแล้วจึงขับเลยไปยังวังฉัตรเพื่อไปพบหน้าคู่รักของเขา ดารารัษมีเดินไปยังประตูรั้วหน้าบ้านแล้วเอื้อมมือไปปลดกลอน อีกมือหนึ่งหิ้วกระติกข้าวต้มฝีมือนภาสรวง ตอนแรกนภาสรวงก็จะมาด้วยหรอก แต่เธอมีนัดกับมิสเตอร์อดัมส์เอาไว้แล้ว รายนี้ก็เป็นนัดลับเช่นกัน เพราะอีกฝ่ายเป็นชายต่างชาติ ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทกับจันทร์จ้าว แต่หากรู้ถึงหูคุณหญิงผกาว่าผู้ชายที่มาติดพันธิดาเป็นคนละชาติคนละประเทศ บ้านคงแตกเป็นแน่แท้



   ดารารัษมีอมยิ้มเมื่อคิดถึงพี่สาวแฝด หล่อนยังไม่มีโอกาสได้บอกจันทร์จ้าวเสียที ว่าบัดนี้ดูเหมือนนภาสรวงจะตกอยู่ในห้วงแห่งความรักเสียแล้ว



   หล่อนหยุดถอดรองเท้าที่บันไดขึ้นบ้าน แล้วก็ต้องขมวดคิ้วน้อยๆเมื่อพบว่ามีรองเท้าหนังขัดเงาคู่หนึ่งวางอยู่ตรงนั้นโดยไม่เก็บเข้าตู้ให้เรียบร้อย



คงจะเป็นรองเท้าของจันทร์จ้าวพี่ชายผู้คาดเดานิสัยได้ยากเย็น บางครั้งก็ทำตัวเคร่งครัดมีระเบียบ แม้กระทั่งชุดนอนยังต้องเรียบกริบ บางครั้งก็ทำตัวเลอะเทอะเหลาะแหละ เอาแน่เอานอนไม่ได้ อย่างนี้แต่งงานไปคงเป็นหน้าที่ภรรยาต้องมาคอยจัดการเสียกระมัง หล่อนถอนหายใจกับนิสัยของพี่ชายแล้วทิ้งเรื่องรองเท้าไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะก้าวเท้าขึ้นเรือนมาหยุดอยู่ที่ประตูบ้านทว่ายังไม่ทันได้เคาะ บานประตูก็เปิดออกมาพอดี



   “อุ๊ย! คุณหมอ!” ดารารัษมีอดจะแปลกใจไม่ได้ที่พบนายแพทย์ภวัตแต่เช้าที่บ้านของพี่ชาย อีกฝ่ายก็ดูจะชะงักไปเช่นกันที่เปิดประตูมาพบหล่อนเข้า



   “สวัสดีครับ คุณดารา” เขาปรับสีหน้าตกใจกลายเป็นปกติแล้วจึงทักทาย หญิงสาวยกมือไหว้เขา



   “สวัสดีค่ะ คุณหมอ มาเยี่ยมพี่จันทร์หรือคะ”



   “...เอ่อ...ครับ” ภวัตตอบสั้น ความจริงแล้ว เขาไม่ใช่เพิ่งมาเยี่ยม แต่นับตั้งแต่เขามาหาจันทร์จ้าวเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว นายแพทย์หนุ่มก็มาอาศัยหลับนอนที่นี่ตลอดทั้งสัปดาห์เพื่อดูแลคนป่วยผู้แสนเอาแต่ใจ ชายหนุ่มลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าพี่น้องของจันทร์จ้าวอาจจะมาเยี่ยมเยียนได้ทุกเมื่อ จนกระทั่งเวลานี้ที่เปิดประตูมาเจอดารารัษมีพอดี


   
   “แล้วพี่จันทร์เป็นอย่างไรบ้างคะ เอ๊ะ? นี่ผ้าชุบน้ำ...คุณหมอเช็ดตัวให้พี่จันทร์หรือคะ” หญิงสาวถามอีก เมื่อเหลือบสายตาลงมาเห็นชามขนาดใหญ่ในมือชายหนุ่มมีผ้าขนหนูชุบน้ำอยู่



   “เอ่อ...ครับ...เขา...เขายังไม่หายสนิทดี ไม่อยากให้อาบน้ำ เกรงว่าไข้จะกลับ”



   “ตายจริง รบกวนคุณหมอแย่ แต่อย่างไรก็ขอบคุณมากนะคะ นี่ดาราให้นภาทำข้าวต้มมาด้วย พี่จันทร์ทานอะไรหรือยังคะ”


“เรียบร้อยแล้วครับ”



“คุณหมอ...เป็นคนจัดอาหารให้เธอหรือคะ” ดารารัษมีถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ และนั่นทำให้หมอภวัตชักเริ่มร้อนตัวเกรงว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นอะไรเข้า



“เอ่อ...ผมก็...จัดอาหารเท่าที่พอจะหาได้ เอ่อ...ข้าวต้มที่คุณดาราถือมา ไว้ให้คุณจันทร์รับประทานตอนกลางวันก็ได้ครับ ส่วนยา ผมจัดไว้ให้แล้ว เอ่อ...ผมจะแวะไปที่โรงพยาบาลสักหน่อย แล้วตอนเย็นจะแวะมาดูอีกที” ภวัตเห็นว่าดารารัษมีมาแล้ว เขาอยู่ที่นี่ก็เกรงจะไม่เหมาะ ตอนแรกที่ตั้งใจจะดูแลจันทร์จ้าวทั้งวันเหมือนหลายๆวันก่อน จึงเปลี่ยนเป็นกลับไปที่โรงพยาบาลแทน



   “ได้ค่ะ ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ เอ?...นี่ได้นอนบ้างไหมคะ” ดารารัษมีเห็นสีหน้าค่อนไปทางอิดโรยของนายแพทย์หนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถาม ภวัตยิ้มจางถึงแม้จะอ่อนเพลียแต่ก็รู้สึกมีความสุขอย่างน่าประหลาด



   “ช่วงนี้งานที่โรงพยาบาลค่อนข้างยุ่ง ผมเลยต้องวิ่งรอก...”



   “เอ๊ะ? วิ่งรอก? คุณหมอหมายความว่ายังไรคะ? วิ่งรอกระหว่างโรงพยาบาลกับมาเยี่ยมพี่จันทร์หรือ?” อีกคำถามที่ทำให้ภวัตรู้ตัวว่าเขาพูดมากไปเสียแล้ว ชายหนุ่มจึงเลี่ยงด้วยรอยยิ้ม



   “ถ้าอย่างไรผมฝากด้วยนะครับ ตอนเย็นจะรีบแวะมา”



เมื่อเขาพูดถึงงานของตน ดารารัษมีจึงไม่รั้งเอาไว้อีก หล่อนยกมือไหว้เขา นายแพทย์หนุ่มจึงลงจากบ้านตรงไปที่รถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน



หญิงสาวมองตามด้วยรู้สึกแปลกที่อีกฝ่ายดูจะเป็นห่วงเป็นใยพี่ชายของหล่อนเหลือประมาณ แต่เมื่อคิดว่าเขาเป็นหมอและพี่ชายของหล่อนเป็นคนป่วย ดารารัษมีจึงวางเรื่องแปลกใจนี้เอาไว้ตรงนั้นแล้วหมุนตัวเดินเข้าบ้านไปโดยไม่หันกลับไปมองรถยนต์ของนายแพทย์หนุ่มที่ยังจอดอยู่ที่เดิมเช่นนั้น


ภวัตมองออกมาจากในรถตรงไปยังบ้านเช่าหลังสีเขียวอ่อนที่เขาเพิ่งจากมา ลับร่างดารารัษมีไปแล้ว และความกังวลบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นในใจของเขา


...ความสัมพันธ์ของเขาและจันทร์จ้าว จะปกปิดไปได้อีกนานเพียงใดหนอ...


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)


ขอโทษที่มาช้า ขอโทษที่มาสั้นๆ และขอโทษ...ถ้าทุกคนจะกรีดร้องในบรรทัดสุดท้ายของตอนนี้ แต่เราสัญญา เรื่องนี้จะต้องเป็นพีเรียดลูกกวาด เราจะคงคอนเซ็ปต์นี้ไม่มีเปลี่ยนใจแน่นอนนนนน

ส่วนตอนที่แล้ว ทุกคนย้ายข้างมายกย่องคุณจันทร์เป็นการใหญ่ เรื่องแมนๆต้องยกให้คุณจันทร์ ส่วนเรื่องกายภาพต้องไว้ใจหมอ หมอบอกแล้ว ฮา (ใครรอฉากทางกายภาพ รอก่อน บัวเองก็ยังพิมพ์ไม่ถึงตอนนั้นเลย แต่ถ้าถามว่าคิดไว้รึยัง บอกเลยว่าคิดไว้แล้ว #ยิ้มกระหยิ่ม งานคืนความสุขให้หมอต้องมา)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนรอ (วันนี้ให้รอนานเลย ขอโทษมากๆค่ะ) กำลังใจ และพื้นที่บอร์ดเช่นเคย

เจอกันสัปดาห์หน้าค่ะ


ออฟไลน์ มะลิลา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
มาแล้วหนูจันทร์

ออฟไลน์ bradpitt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1


คุณหมอ  * จันทร์จ้าววววววว  เติมความหวานรัวๆ

   :กอด1:  กอดแน่น น้อง  DezAir

 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
โอ้ยสนุกจังครับ
มีรักต้องห้ามเพิ่มอีกคู่
สมัยนั้นไม่แน่ใจว่าสังคมมีทัศนคติอย่างไรเรื่องคบกับชาวต่างชาติ
เพราะเป็นเรื่องที่เกิดก่อนสมัย GI กับเมียเช่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ qilarsy39

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
คืนความสุขให้คุณหมอออออ  :hao7:
รอรอ skip ไปพฤหัสหน้าเลยได้มั้ยยยย

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
มาแล้ววว :mc4:

ออฟไลน์ haemin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
 :z1: :z1: พี่นี่คิดถึงฉากกายภาพ ขึ้นมาเลย 555555555

อยากให้ มีวันพฤหัส อาทิตย์ละสองหน

ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4
กำลังคิดถึงคุณจันทร์แสนดื้อก็มาพอดี
ตอนนี้มัน ง่อวววว ช่างน่ารักอะไรเยี่ยงนี้
งี้แหละข้าวใหม่ปลามัน หมอถึงกับไม่กลับบ้านกลับช่อง
 :mew3:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รู้สึกแปลกๆเวลาเห็นตัวเลขแทรกอยู่ในประโยค เหมือนว่าจะอ่านแล้วชะงักไปหน่อย เช่น ไม่ละริมฝีปากจากแก้มทั้ง ๒ ข้างเลย ถ้าเขียนเป็น สองข้าง อย่างนี้น่าจะดีกว่าหรือเปล่าคะ

บทหน้าพี่น้องของคุณจันทร์จะรู้เรื่องกันทั่วหน้าแล้วรึเปล่านะ ว่าแต่พี่น้องรักษพิพัฒน์ก็มีคู่กันเกือบหมดแล้ว เหลือแต่ดาราสินะ
คู่ของดารารัษมีจะเป็นใครกันหนอ

ออฟไลน์ นางสาวกานาเลส

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
โอ้ยยยยย คุณหมอช่างเป็นผู้ชายที่แสนดี ความรักของทั้งสองคน ขออย่าให้มีอุปสรรคใดๆเลยค่ะ กลัวการดราม่า 55555555

ส่วนเรื่องทางกายภาพนั้น ก็รออย่างใจจดใจจ่อค่ะ รอได้เสมอ รักคุณหมอภวัต รักจันทร์จ้าว รักคุณบัวด้วย จุ๊บๆ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ขอบคุณครับสนุกมากเลยอ่านเพลินมาก

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
จันทร์เตรียมตัวไว้นะ รอหมอศึกษาก่อนน 55 :hao3: :hao3:


ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
อ่านจันทร์จ้าวก็นึกถึงจอมขวัญตลอดเลย55555 น่ารักน่าเอ็นดูจริงๆพ่อคุณ

ออฟไลน์ mhhong95

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กดskip ไปวันพฤหัสหน้าเลยได้ไหมอ่าาาาา
 :katai5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ความมุ่งมั่นของคุณหมอสยบจันทร์จ้าวได้อยู่หมัดเลยเชียวค่ะ เพราะนอกจากเจ้าตัวเขาจะไม่คัดค้านแล้วยังเออออห่อหมกตามที่คุณหมอว่ามาอีกต่างหาก :-[

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
คู่นี้น่ารักจริงๆ ชอบบรรยากาศเวลาอยู่ที่บ้านกันสองคน
ดูอุ่นๆ ดี กลัวความจริงเปิดเผยเหมือนกัน
แต่เชื่อว่าหมอกับจันทร์เจ้าป่านไปได้อยู่แล้ว
อยากอ่านฉากกายภาพแล้วอ่ะ แต่เอ้ะ สมัยนั้นยังไม่มีกูเกิ้ล คุณหมอจะไปศึกษาจากคัมภีเล่มไหนล่ะคราวนี้ คึคึ

ออฟไลน์ urmein

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 871
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
เราจะยึดมั่นในสัญญาของคุณบัว ว่าเรื่องนี้คือพีเรียดลูกกวาดนะคะ!!

และเราก็วางใจในฝีมือคุณหมอเช่นเดียวกัน อิอิ

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
มาแล้ววววววว
ตอนแรกกะว่าจะรอคนเขียนเอาเรื่องนี้มาลงให้จบก่อนแล้วค่อยอ่าน เพราะกลัวจะลงแดงระหว่างรอตอนตอไป  :serius2:
และแล้วก็อดใจไม่ไหวเข้ามาอ่านจนได้ 13ตอนรวดเลย  :hao7:

รอนะคะ อิอิ  :hao3:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ชอบตอนที่ภวัตกอดจันทร์ไว้เฉย ๆ
ชอบความรักเรียบง่าย

ชอบความธรรมดาที่ทำให้ใจเป็นสุข

....แต่จะราบลื่นได้นานแค่ไหนกัน พ่อจันทร์จ้าวเฮี้ยวซะขนาดนั้น
รีบ ๆ ตักตวงความสงบไว้นะภวัต เดี๋ยวมันก็ปิ๋วไป ฮ่าฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 814
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
ชอบนะคะ รักไปเรื่อยๆไม่ต้องหวือหวา
แต่ก็ซาบซ่านหัวใจ 
เอาล่ะ ต่อไปก็งานใหญ่เลนล่ะ คุณหมอ คุณจันทร์
จับมือกันไว้แน่นๆ แล้วผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันนะคะ
ครอบครัวทั้งสองฝ่าย คงเป็นงานหินที่ต้องอดทนมากๆ สู้ๆนะทั้งสองคน
 :กอด1:

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
ชอบคุณจันทร์ดื้อกับหมอเยอะนะชอบๆ555 หมดจะไดัดุและลงโทษทางกายภาพ

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
  “อื้อ...หมอ...ตรงนั้น...”



   “ตรงนี้หรือ” หมอภวัตกดซ้ำลงไปที่เดิม และคำตอบที่ได้คือการพยักหน้ารับช้าๆ

ตรงนี้อ่านละฟินจัง  5555   
#ป้าหื่นคูณสาม

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ถึงเนื้อถึงตัวกันตลอด ไม่มีอาการเคอะเขินอะไรเลยอะ ไอ้เรานะเขินแทน  :-[

ออฟไลน์ Smirnoff

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ของานคืนความสุขให้หมอมาด่วนเลยค่ะ หมอชอบคิดมาก นางน่ารัก มุ้งมิ้งกว่าจันทร์ซะอีกนะบางที

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด