...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)  (อ่าน 743671 ครั้ง)

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
ตัวจริงมาแล้ว

ดารานี่ดูเล็กน้อยไปเลย

มาต่อไวไวนะคะ

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
โอยยยยยยยยยยย
ตอนพี่จันทร์บอกว่าป่วยอยู่ แล้วหมอบอกว่า หมอเป็นหมอนี่... จิกหมอนแทบขาด
ทำไมช่างน่ารัก,,
เรื่องราวเหมือนจะผ่านด่านดาราไปได้แล้ว ยังมาเจอพี่อาทิตย์อีก
แล้วยังมีพ่อแม่อีก 2 ฝั่ง
ความรักที่ไม่เป็นที่ยอมรับนี่ช่างลำบากยิ่งนัก
ว่าไปก็ถูกของพี่จันทร์ ที่บอกว่า  “ผมยอมรับว่าคนเราต้องอยู่ในสังคม แต่เวลาที่ผมป่วย คนที่ดูแลผมไม่ใช่สังคม"
พูดยากอ่า... ขอให้คุณแม่กับคุณพ่อนายพล โอเคด้วยเถิด
พี่อาทิตย์ก็อย่าแรงมาก น้องรักของน้อง พี่ต้องเข้าใจด้วยนะ
ฮือออ

ออฟไลน์ ryukazeII

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :o12:มันกิ๊บก๊าบมากตรงริมน้ำ แต่พี่อาทิตย์คะ เพิ่งเห็นพี่มาดแมนสมความเป็นทหารก็งานนี้แหละค่ะ

นี่รอเลยยยยย รอว่าหมอจะไปเคลียร์ยังไง
(หมอไปบอกพี่อาทิตย์ว่าเดี๋ยวให้คุณพ่อย้ายไปชายแดนถ้าขัดขวาง???  แหะๆ ล้อเล่นนน)



ปล. "ไม่อาจแต่งงานกันตามธรรมนองคลองธรร". เป็น"ทำนองคลองธรรม" นะคะ

ออฟไลน์ nao16

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านทันแว้ววววว

ตอนดาราก็ว่าบีบหัวใจละน๊า

มาเจอพี่อาทิตย์นี่ ดาราอนุบาลเลยอ่า

พี่อาทิตย์ขาเข้าใจพ่อจันเธอเถอะน๊าาาา

พี่อาทิตย์ก็อยากเห็นน้องมีความสุขใช่ไหมล่าาาา

นะน๊าาาาาคุณพี่ ตัวเองสมหวังแล้ว อย่าขัดขวางน้องเลย (นี่ไม่ได้จะทวงบุญคุณอะไรเลยนะค๊าาาา)

ออฟไลน์ CIndY59

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คุณหมอดูแลดีเวอร์ เอาจริงๆไม่ใครเอาจันทร์อยู่ทั้งนั้นแหละ



ปล.ถึงชื่อเรื่องจะไม่ได้ชื่อจันทร์จ้าว แต่คนคนชื่อจันทร์จ้าวก็ชนะอยู่ดีล่ะ เอาจริงๆ 555

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


เฮ่อ! ขอให้พี่อาทิตย์เป็นลาสบอสได้ไหมคะ?
อย่าให้ต้องมีใครออกมาขวางกั้นหมอกับพ่อจันทร์อีกเลย
ป้าอ่านแล้วชอกช้ำแทนหมอ... คิดว่ารอบนี้พี่อาทิตย์จะต้องลงมือหนักหนาขนาดกันน้องไม่ได้เจอหน้าหมอแน่ ๆ

จุด ๆ นี้หวังให้ในวิกฤตมีโอกาส มโนแจ่มไปไกลว่าคุณจันทร์จะไม่ได้เจอหมอไปพักใหญ่ ๆ อาจจะแอบได้เจอกันบ้างให้พอหอมปากหอมคอ และความทรมานเพราะไม่ได้พบหน้ากันนี่แหละที่จะทำให้พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายยอมใจในที่สุด เอวัง! - อย่าถือสาเราเลยนะคะ เรามันขาเวิ่นเว้อเพ้อไปเรื่อยแหละค่ะ  เอาไว้เราจะรออ่านแล้วกันเนอะว่าคุณจันทร์กับหมอจะผ่านความอาทิตย์ไปได้ยังไง - วาร์ปมาอยู่สมัยนี้เลยก็ได้ค่ะ จะได้จบแบบลูกกวาดข้ามยุค ฮ่า ฮ่า ฮ่า  :pig4:


ออฟไลน์ ์ำNeFuji

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เข้ามารอลุ้นพี่อาทิตย์ปาระเบิด

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มารอจ้ะ

ออฟไลน์ PoppyPrince

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
เข้ามารอคุณหมอกับน้องจันทร์จ้าวค่ะ

ออฟไลน์ killmus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เรื่องนี้ไรเตอร์เขียนดีมากกกกกก  ชอบเรื่องเรื่องนี้ที่สุดอะ
รู้สึกว่าทุกอย่างมันครบ ทั้งพล๊อต ภาษา ตัวละคร อ่าาาา มันลงตัวไปหมดทุ๊กกกกกอย่าง
แถมไรเตอร์ยังมีระเบียบในการลงฟิคด้วยวันไหน วันนั้น ตามนัด ไม่ดอง
แอบเสียดาย ที่เรื่องนี้จะจบแล้ว แต่จะรอเรื่องใหม่นะค่าาาา><

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
ปูเสื่อรอคร้าาา

ปล.เพิ่งหลงเข้าบอร์ดนี้ ใช้งานยังไงอ่าาา ㅠㅠ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ï_Kiss_U♥

  • รักไม่ได้
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
จะไม่มาจริงๆเหรอค่ะวันนี้  :sad4:

ออฟไลน์ caramely

  • พลัง(จิ้น)ของสาววายยากแท้หยั่งถึง
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มานั่งรอคุณจันทร์  เมื่อไหร่คุณจันทร์จะมา  ใกล้จะเลยวันพฤหัสฯแล้วน๊าาาาาาา    :katai3: :katai5:

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
โอยยย พี่อาทิตย์คือของจริงหรือนี่

จะเป็นไงต่อน้อออ

ออฟไลน์ PoppyPrince

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ข้ามมาวันศุกร์แล้วเน้อ แต่ยังรออยู่นะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ yut1402

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ยังไม่มาหรือครับ รออยู่นะ วันศุกร์แล้วนะ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เข้ามารอ

ออฟไลน์ วิหคท่องนภา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
เข้ามารอคุณจันทร์

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
จันทร์จ้าว
By: Dezair
…………………….
   บทที่ ๑๙



   หม่อมหลวงพิมพัชราให้คนรับใช้ไปดูแล้วกลับมารายงาน ได้ความว่าหมอภวัตและอาทิตย์คุยกันที่สนามเทนนิส หล่อนสั่งให้จับตาดูเอาไว้อย่างห่างๆ หากมีการทะเลาะวิวาทกันแต่ประการใดให้รีบเข้าห้าม ส่วนหล่อนนั่งอยู่กับจันทร์จ้าวที่โต๊ะริมน้ำ ซึ่งจันทร์จ้าวก็เอาแต่นั่งเงียบราวกับตกอยู่ในภวังค์



   “ขอพิมถามอะไรสักหน่อยได้ไหมคะ” หล่อนเอ่ยเสียงเบา จันทร์จ้าวหันกลับมามองแล้วยิ้มจางราวกับเป็นการอนุญาต



   “คุณจันทร์...กับคุณหมอ...เอ่อ...เป็นเรื่องจริงใช่ไหมคะ”



   “...ครับ”



   “นานเท่าไรแล้วคะ”



   “ก็...สักพักแล้วครับ”



   “พี่พงศ์ก็ทราบเรื่องนี้ใช่ไหมคะ”



   “ครับ” หม่อมหลวงพิมพัชรามองท่าทางเป็นกังวลของคนที่เคยสนุกสนานและยิ้มแย้มแจ่มใสแล้วก็นึกสงสาร



   “คุณจันทร์ พิมคิดว่าคุณจันทร์รู้จักทั้งคุณอาทิตย์และคุณหมอดี ทั้ง ๒ คนต่างเป็นคนมีเหตุผล ไม่ว่าทั้ง ๒ คนจะคุยกันอย่างไร พิมอยากให้คุณจันทร์ใจเย็นให้มากนะคะ” จันทร์จ้าวหันมองหญิงสาวแล้วจึงส่งยิ้มให้หล่อนด้วยความขอบคุณ



   “ขอบคุณครับคุณพิม ผมจะ...พยายามใจเย็น...”



   “พิมเชื่อว่าทุกอย่างจะต้องมีทางออก รวมถึงเรื่องของคุณจันทร์และคุณหมอด้วย” ชายหนุ่มฟังแล้วซาบซึ้งในน้ำใจของหญิงสาว หม่อมหลวงพิมพัชราไม่ใช่มีดีเพียงรูปทรัพย์ หรือชาติตระกูล แต่หล่อนยังมีความคิดความอ่านที่น่าชื่นชม หล่อนมีน้ำใจและเข้าอกเข้าใจในเพื่อนมนุษย์ คนอย่างนี้หากไม่ได้มาเป็นสะใภ้ให้รักษพิพัฒน์ คงน่าเสียดายเป็นแน่แท้



   พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันอีก เพราะอาทิตย์เดินกลับมาพอดี หม่อมหลวงพิมพัชราหันกลับไปมองคนรัก อาทิตย์มีสีหน้าเรียบเฉย แต่ก็ดูรู้ว่าภายใต้ความเรียบเฉยของเขานั้น เต็มไปด้วยความกดดัน ผิดหวังและเสียใจ



   “ผมขอตัวกลับก่อน คุณพิม” เขาพูดกับหญิงคนรัก แม้น้ำเสียงจะอ่อนโยนเฉกเช่นทุกทีแต่ก็เจือด้วยความกระด้างอย่างที่คนฟังรับรู้ได้ นายทหารหนุ่มหันมาทางน้องชาย



“กลับบ้าน จันทร์” ทว่าสุ้มเสียงของเขายามพูดกับจันทร์จ้าวไม่เหมือนพี่ชายคนใหญ่ผู้แสนอ่อนโยนกับน้องเหมือนทุกที ทว่ามันคือคำสั่งที่ทำให้คนถูกสั่งถึงกับนิ่งงัน


 
   “แล้ว...” คนเป็นน้องตั้งท่าจะถาม พอดีเหลือบไปเห็นภวัตเดินตามเข้ามา ทว่าอาทิตย์ไม่ปล่อยให้ใครพูดอะไรอีก



   “พี่บอกว่าให้กลับบ้าน” จันทร์จ้าวเป็นคนดื้อดึงก็จริง แต่ความจริงข้อหนึ่งคือแม้เขาจะดื้อกับคนจำนวนมาก แต่กับอาทิตย์ในเวลาเช่นนี้ เขากลับไม่สามารถแสดงความดื้อดึงออกมาได้อย่างเต็มที่ ยิ่งเมื่อเหลือบไปสบตากับสายตาของนายแพทย์หนุ่มที่มองตรงมา และใบหน้าของภวัตที่พยักหน้ารับน้อยๆให้จันทร์จ้าวทำตามคำสั่งของอาทิตย์ เขาก็ยิ่งไม่กล้าขัดขืน



   อาทิตย์ไม่พูดกระไร เขาหมุนตัวเดินออกจากบริเวณริมน้ำโดยไม่แม้แต่จะหันไปลาหมอภวัตอย่างเคย นายทหารหนุ่มไม่ได้ฉุดกระชากลากถูให้จันทร์จ้าวเดินตามเขาออกไป แต่กระนั้นน้องชายคนรองก็ไม่กล้าประวิงเวลา เขาร่ำลาหม่อมหลวงพิมพัชราแต่เพียงสั้นๆ สบตากับภวัตทีหนึ่งแล้วจึงยอมเดินตามอาทิตย์ไปที่รถ



   คนพี่เงียบนับตั้งแต่ขับรถออกจากวังฉัตรกลับมาที่บ้านรักษพิพัฒน์ ในขณะที่คนน้องก็อับจนด้วยความพูด ไม่กล้าแม้แต่จะตั้งคำถามว่าอาทิตย์และหมอภวัตพูดคุยกันอย่างไร ๒ พี่น้องพากันเงียบ จนกระทั่งรถโฟล์คของอาทิตย์มาจอดที่หน้าบ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์ และเมื่อนั้น นายทหารหนุ่มผู้นั่งอยู่หลังพวงมาลัยจึงตั้งคำถามแต่สายตายังมองตรง



   “นอกจากพี่แล้ว มีใครทราบเรื่องนี้บ้าง”



   “นภา ดารา คุณพงศ์ เรย์”



   “วันนี้พี่และคุณพิมก็ทราบแล้ว แล้วจันทร์คิดว่าต่อไปจะมีคนทราบเพิ่มอีกสักเท่าไร? วันหนึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็คงทราบ จันทร์จะอธิบายกับพวกท่านอย่างไร”



   “ก็ไม่อธิบาย ผมไม่คิดว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องอธิบาย”



   “ทำไมจะไม่จำเป็น ในเมื่อจันทร์เป็นลูกชายบ้านรักษพิพัฒน์! จันทร์เป็นผู้ชาย หมอภวัตก็เป็นผู้ชาย วันหนึ่งเรื่องนี้รู้ถึงหูคุณพ่อคุณแม่ จันทร์จะไม่อธิบายได้อย่างไร?!!” จันทร์จ้าวพูดไม่ออก ด้วยเพราะสิ่งที่อาทิตย์พูดนั้น เขาทราบดีว่าหากบิดามารดาทราบเรื่องนี้ สิ่งแรกที่เขาต้องทำคืออธิบายเรื่องทั้งหมด



   ...เรื่องทั้งหมดของเขาและหมอภวัต ที่จันทร์จ้าวคิดว่าให้อย่างไรก็หาคำว่าจำกัดความไม่ได้...พวกเขาต่างเป็นชาย เป็นบุรุษเพศ สิ่งที่ควรทำและพึงทำคือการแต่งงานกับสตรี ไม่ใช่ครองคู่กันทั้งที่เป็นชายเช่นเดียวกัน...



    “อย่าให้พี่ต้องบังคับจันทร์ เพราะจันทร์ควรจะบังคับตัวเองให้ได้ และจันทร์ควรจะรู้ว่าเรื่องบางเรื่องก็ตามใจตัวเองเหมือนที่แล้วมาไม่ได้!”



   “ถ้ามีคนบอกว่าพี่อาทิตย์ไม่เหมาะสมกับคุณพิม เพราะพี่ไม่ใช่เจ้า ไม่ใช่ราชนิกูล พี่จะทำอย่างไร?!!” จันทร์จ้าวย้อนถามเสียงห้วน อาทิตย์หันกลับมามองน้องชาย ดวงหน้าขาวเต็มไปด้วยความกดดันแสนสาหัส เขาเป็นพี่ชายคนใหญ่ แม้จะเป็นคนเงียบขรึมและไม่ค่อยเข้าสังคม แต่มีหรือจะไม่รู้จักอารมณ์ของน้องชายตนเอง



   ...แต่จันทร์จ้าวต้องเรียนรู้ ถึงจะกดดันเท่าไร เจ็บปวดเพียงใด แต่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจได้ทุกอย่างที่ปรารถนา...



   “พี่ก็จะถอยออกมา พี่จะไม่ยอมให้คนที่พี่รักถูกตราหน้าหรือถูกสังคมดูหมิ่นเป็นอันขาด” อาทิตย์พูดอย่างจริงจังด้วยเพราะเขาคิดเช่นนั้นจริง ดังนั้นแต่แรกจึงไม่เคยคิดจะไขว่คว้าหม่อมหลวงพิมพัชราเลยสักครั้ง หากไม่ใช่เพราะจันทร์จ้าวคอยเปิดโอกาสให้ ณ วันนี้เขาและราชนิกูลสาวคงเป็นเพียงคนรู้จักเท่านั้นเอง
 


ทว่าสำหรับจันทร์จ้าวนั้น กลับมีความคิดสวนทางกับผู้เป็นพี่ ดวงตากลมใหญ่ของเขาจับจ้องคนพูด



   “แต่ถ้าเป็นผม ผมจะทำให้สังคมที่เคยตราหน้าและดูหมิ่นยอมรับให้ได้! ผมจะไม่มีวันยอมแพ้เพียงเพราะคำพิพากษาของคนอื่นที่บอกว่าผมไม่ควรคู่กับใครหรือไม่เหมาะสมกับใคร!! ชีวิตของผม ผมต้องเป็นคนตัดสินว่าผมควรอยู่กับใครและผมรักใคร!!” จันทร์จ้าวประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนแล้วเปิดประตูลงจากรถโดยไม่รอฟังคำพูดใดๆของอาทิตย์อีก ผู้เป็นพี่ชายคนใหญ่ได้แต่มองตามแผ่นหลังของน้องชายที่เดินอาดๆอย่างขึงขังขึ้นเรือนด้วยความรู้สึกหลากหลายผสมปนเป แล้วเสียงของภวัตก็ดังเข้ามาในหัวของเขา



   ‘คุณจันทร์เคยขอผมเรื่อง ๑ คือขอให้ผมอยู่ข้างๆคุณจันทร์ไปนานๆ และผมก็รับปากกับคุณจันทร์แล้ว...ผมจะอยู่กับคุณจันทร์ให้นานที่สุด’



   `มันนานได้แค่นี้เท่านั้นล่ะหมอ! ผมไม่มีวันปล่อยให้เรื่องบ้าๆนี่เกิดกับน้องผมนานไปกว่านี้!!’



   ‘สำหรับคุณอาทิตย์ เรื่องของผมกับคุณจันทร์อาจเป็นเรื่องบ้าๆ อาจเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับผมและคุณจันทร์ เรื่องของเราคือความจริง และเรื่องของเราเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ไม่มีใครลบความรู้สึกของเราได้’



   ‘ผมนี่ล่ะจะลบทุกอย่างเอง! หมอจะต้องเลิกกับจันทร์!’



   ‘หากเลิกกัน คนที่เสียใจไม่ใช่มีแค่ผม แต่คุณจันทร์ก็ด้วย แล้วถ้าคุณจันทร์เสียใจ คุณจะมีความสุขหรือครับ คุณอาทิตย์’ ยามที่ภวัตถามเขาเช่นนั้น อาทิตย์นิ่งงันด้วยเพราะโต้เถียงไม่ออก และกลายเป็นเดินหนีกลับไปพาจันทร์จ้าวกลับบ้านโดยไม่ยอมแม้แต่จะให้น้องชายล่ำลากับนายแพทย์หนุ่มอีก



   ...ต่อให้จันทร์จ้าวจะต้องเสียใจ ต่อให้เขาจะต้องไม่มีความสุข เขาก็ต้องยุติความสัมพันธ์ของน้องชายและหมอภวัตให้ได้ ผู้ชาย ๒ คนจะมีความสัมพันธ์เช่นนี้ต่อกันไม่ได้ มันไม่มีวันยืนยาว มันไม่มีทางเป็นที่รับรู้และยอมรับของสังคม แล้วเช่นนั้นเขาจะปล่อยให้ความสัมพันธ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับจันทร์จ้าวได้อย่างไร?...



   จันทร์จ้าวจะต้องเลิกกับภวัต ความสัมพันธ์เช่นนี้จะต้องสิ้นสุดลงตรงนี้ และอาทิตย์จะไม่มีวันปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว!


   .........................................


   คุณหญิงผกาอดจะแปลกใจไม่ได้ เพราะบุตรชายคนรองผู้ช่างพูดช่างคุยอย่างจันทร์จ้าวกลับนั่งเงียบในโต๊ะรับประทานอาหารตั้งแต่ตอนเย็นวันศุกร์จวบจนถึงเช้าวันจันทร์ และพอเย็นวันจันทร์ เมื่ออาทิตย์กลับมาถึงบ้าน หล่อนก็พบจันทร์จ้าวติดรถกลับมาด้วย



   “วันนี้วันจันทร์...พ่อจันทร์ค้างที่นี่รึ?!” คุณหญิงตั้งคำถามทันทีเมื่อบุตรชายคนรองเดินขึ้นเรือนตามหลังอาทิตย์มา เพราะปกติแล้วจันทร์จ้าวจะกลับมาที่บ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์ในเย็นวันศุกร์ ไม่ใช่เย็นวันจันทร์



   “ครับ...” จันทร์จ้าวตอบสั้น



   “ผมเห็นว่าบ้านเช่ามันเริ่มเก่าแล้ว จะให้ช่างมาช่วยดูให้สักหน่อย ว่าตรงไหนต้องซ่อมแซมบ้าง ช่วงนี้จันทร์เลยต้องกลับมานอนที่นี่ก่อนครับคุณแม่” อาทิตย์เป็นคนตอบอย่างยาว และนั่นทำเอาคุณหญิงผกาขมวดคิ้วฉับ



   “ตอนนายฝรั่งคนเช่าเก่ากลับประเทศ แม่ก็เพิ่งจะให้คนทาสีใหม่ไม่ใช่หรือ”



   “ที่ทำคราวนั้นคือทาสีใหม่เพียงอย่างเดียว แต่นี่ผมจะให้ดูเนื้อไม้ด้วย พวกบานประตู หน้าต่าง และบันได” อาทิตย์ยังคงเป็นคนตอบเช่นเคยในขณะที่จันทร์จ้าวยืนเงียบสีหน้าอึดอัดปิดไม่มิดจนคุณหญิงยังทราบ ทว่าก่อนที่จะมีใครทันพูดอะไร เสียงของธิดาคนเล็กของคุณหญิงก็ดังขึ้น



   “พี่จันทร์?...” ดารารัษมีออกจากห้องส่วนตัวเมื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเรียบร้อยแล้วก็นึกว่าตนตาฝาดที่พบหน้าพี่ชายคนรองที่บ้านเรือนไทยในวันนี้จึงร้องเสียงหลง แต่เมื่อเจ้าของชื่อหันกลับมามองหล่อนด้วยสายตาว่างเปล่า ก็ทำให้คุณครูจากโรงเรียนสตรีกัลยาณีประหลาดใจขึ้นมาอีก



   “สวัสดีค่ะ พี่อาทิตย์ พี่จันทร์...เอ? วันนี้พี่จันทร์ค้างที่นี่หรือคะ” หล่อนเดินเข้ามายกมือไหว้แล้วตั้งคำถามด้วยความฉงนไม่แพ้มารดา



   “พ่ออาทิตย์บอกว่าบ้านเช่ามันเก่าแล้ว จะให้คนมาซ่อม พ่อจันทร์เลยต้องกลับมานอนค้างที่นี่จ้ะ” คุณหญิงผกาเป็นคนตอบตามที่รับข่าวสารมาเมื่อครู่นี้



   “บ้านเช่าเก่าหรือคะ?” ดารารัษมีทวนถามแล้วหันมองพี่ชายทั้ง ๒ สีหน้าของอาทิตย์และจันทร์จ้าวดูแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว สีหน้าของอาทิตย์ดูเคร่งเครียดแต่ก็สุขุมและจริงจัง ส่วนจันทร์จ้าวนั้นเต็มไปด้วยความอึดอัดระคนเสียใจ



   ...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?...



   “แล้ว...หลังจากซ่อมบ้านเช่าเรียบร้อยแล้ว พี่จันทร์...จะค้างที่ไหนคะ” ดารารัษมีถามขณะจับจ้องสีหน้าของพี่ชายทั้ง ๒ ของหล่อน ดูเหมือนจันทร์จ้าวเองก็อยากรู้คำตอบในคำถามนี้ด้วยเช่นกัน อาทิตย์เหลือบสายตามาสบดวงตาของน้องสาว ก่อนจะหันไปมองมารดา



   “ผมจะเรียนคุณแม่พอดี เพื่อนของผมคนหนึ่งกำลังหาบ้านเช่า ผมจะมาขอให้ปล่อยบ้านหลังนั้นให้เพื่อนผมเช่าจะได้ไหมครับ” ดารารัษมีชะงัก ในขณะที่จันทร์จ้าวลอบถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง ทว่าคุณหญิงผกาไม่ทันได้สังเกตอาการของบุตรชายคนรองและธิดาคนเล็ก เพราะหล่อนกำลังงุนงงกับสิ่งที่อาทิตย์ขอ



   “เพื่อนพ่ออาทิตย์อยากจะเช่าบ้านหลังนั้นหรือ แต่พ่อจันทร์เขาก็อยู่ที่นั่นอยู่แล้วนี่...”



   “ก็ให้จันทร์ย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ อีกหน่อยผมแต่งงาน คุณชายฉัตรท่านจะให้ย้ายไปอยู่ในเขตวังฉัตร ส่วนจันทร์ ควรจะกลับมาอยู่ที่นี่...อย่างน้อยๆก็ในฐานะลูกชาย” ประโยคท้ายนั้น อาทิตย์หันกลับมาพูดกับน้องชายราวกับจะย้ำสถานะอันแสนสำคัญ คุณหญิงผกามองเห็นความเปลี่ยนแปลงระหว่าง ๒ พี่น้องแล้วก็นึกไม่สบายใจ แต่หากถามอย่างตรงไปตรงมา อาทิตย์คงไม่มีวันพูด



   “แม่ขอปรึกษาคุณพ่อก่อนแล้วกันว่าจะปล่อยเช่าไหม ส่วนที่พ่ออาทิตย์ให้คนมาดูเรื่องซ่อมแซม ก็ทำไปตามสมควรก็แล้วกัน”



   “ขอบคุณครับคุณแม่” อาทิตย์ยกมือไหว้แล้วจึงหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนเครื่องแบบ จันทร์จ้าวไม่อยากตอบคำถามอะไร จึงขอตัวกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายบ้างเช่นกัน ทิ้งให้คุณหญิงและดารารัษมีมองตาม สตรีผู้หนึ่งไม่รู้ตื้นลึกหนาบางแต่เป็นห่วงบุตรชายทั้งคู่ สตรีอีกหนึ่งเห็นเค้าของต้นเหตุที่ทำให้บ้านเช่าหลังนั้นกลายมาเป็นประเด็นหากแต่ไม่รู้จะช่วยเช่นไรดี



   ...เรื่องความรักของจันทร์จ้าว ยากเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจ...


................................................


   ไม่ใช่แค่จันทร์จ้าวเท่านั้นที่กลับไปนอนบ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์ แต่ภวัตเองก็เป็นกังวลกับเรื่องของพวกเขาจนไม่อาจพักอาศัยที่บ้านพักแพทย์ในโรงพยาบาลได้ บิดาของเขาอยู่สังกัดเดียวกับอาทิตย์ เขาเกรงว่าอาทิตย์จะทำการใดให้บิดาระแคะระคายเรื่องนี้ นายแพทย์หนุ่มจึงตัดสินใจกลับมาที่บ้านวิชาญโยธินในเย็นวันจันทร์หลังจากออกเวร อย่างน้อยก็เพื่อดูลาดเลาว่าบิดาพอจะล่วงรู้เรื่องของเขาหรือและจันทร์จ้าวหรือไม่ และยิ่งไปกว่านั้น...เขามีเรื่องหนึ่งที่ตั้งใจจะเรียนกับบิดาโดยตรง



   “ไม่ได้ร่วมโต๊ะด้วยกันเสียนาน งานที่โรงพยาบาลแยะนักหรือ”



วันนี้ท่านนายพลศักดิ์เห็นบุตรชายทั้ง ๒ พร้อมหน้าพร้อมตาก็ออกจะมีความสุขเป็นพิเศษ แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันที่เขามีกำหนดลงไปรับประทานอาหารที่ตึกเล็กของภรรยาน้อย แต่เพราะเห็นว่าภวัตกลับมาบ้าน จึงเป็นอันยกเลิกที่จะลงตึกเล็ก แล้วอยู่รับประทานอาหารกับบุตรชายทั้ง ๒ และภรรยาเอกอย่างคุณหญิงจิตต์ที่ตึกใหญ่แทน

 

   “มีเข้ามาเรื่อยๆครับคุณพ่อ” บุตรชายคนใหญ่ตอบด้วยท่าทีสุขุมเรียบร้อยเช่นทุกที ท่านนายพลออกจะนิยมชมชอบบุตรชายคนใหญ่ผู้เป็นหน้าตาของวงศ์ตระกูลผู้นี้อยู่มากเพราะไม่เคยทำให้ท่านผิดหวังสักครั้ง



   “งานแยะอย่างนี้แล้วจะมีเวลาคบหาดูใจใครได้หรือ” ท่านนายพลเข้าเรื่องสำคัญที่ท่านอยากจะพูดคุยกับภวัตมานานนมแต่ไม่มีโอกาสเสียที คนเป็นลูกชะงักไปอึดใจหนึ่งด้วยเพราะเรื่องที่เขาต้องการพูดคุยกับบิดาก็เป็นเรื่องเดียวกันนี่เอง แต่ไม่คิดว่าท่านนายพลจะเป็นฝ่ายเกริ่นขึ้นมาเสียก่อน เขาตั้งสติก่อนจะเงยหน้ามองบิดา



   “งานของผมหนัก ทำงานเป็นกะ บางครั้งต้องอยู่โยงดูแลคนไข้ ไม่รู้จะได้กลับบ้านกี่โมงกี่ยาม ผมคิดว่าตัวผมไม่เหมาะที่จะคบหาใครครับคุณพ่อ” ฟังดูก็รู้ว่าเป็นประโยคปฏิเสธ ท่านนายพลวางช้อนส้อมลงกับจานแล้วหันมาทางบุตรชายคนใหญ่ที่นั่งทางซ้ายของโต๊ะเพื่อพูดคุยอย่างจริงจัง



   “แต่เป็นผู้ชาย ก็ต้องแต่งงานสร้างครอบครัวมีลูกหลานสืบสกุล”



   “หากผมจะสร้างครอบครัวหรือมีลูก ผมก็อยากมีเวลาให้กับพวกเขาอย่างเต็มที่ ผมไม่อยากให้ลูกของผมที่ใช้นามสกุลวิชาญโยธินไปทำเรื่องเสื่อมเสียเพราะผมเอาแต่ทำงานไม่มีเวลาอบรมสั่งสอน จนทำให้เขาเป็นภาระแก่สังคมในภายภาคหน้า” พออ้างเรื่องการทำเรื่องเสื่อมเสียแก่วงศ์ตระกูลขึ้นมา ก็ทำเอาท่านนายพลอ่อนลงเล็กน้อย แต่กระนั้นก็ยังไม่หมดหวัง ภวัตเป็นบุตรชายที่ท่านภาคภูมิใจ และหวังฝากผีฝากไข้ นอกจากนั้น ทายาทสืบสกุลที่เกิดจากภวัตก็เป็นอีกเรื่องที่ท่านนายพลคาดหวังเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน



   “แล้วเมื่อไรพ่อภวัตจะมีเวลาเพียงพอที่จะสร้างครอบครัว” 



นายแพทย์หนุ่มนิ่งไป ด้วยเพราะเขารู้ดีว่าต่อให้มีเวลา เขาก็ไม่อาจสร้างครอบครัวได้อย่างที่บิดาต้องการ
 


   “ผมคงจะไม่มีเวลาไปตลอด เลยคิดว่าจะไม่แต่งงานครับ” เป็นคำตอบตรงไปตรงมาที่ไม่น่าพอใจเอาเสียเลย ท่านนายพลศักดิ์ขมวดคิ้วมุ่น



   “อะไรกัน?! คิดว่าจะไม่แต่งงาน?! หมายความว่าอย่างไร?!!!”



   “คิดว่าจะไม่แต่งงาน ก็คือไม่แต่งงานครับ”



   “แล้วเมื่อไรจึงจะคิดเรื่องแต่งงาน?!”



   “ผม...จะไม่แต่งงานไปตลอดชีวิตครับ”



   “ไม่แต่งงานไปตลอดชีวิต?!!! พ่อภวัตมีเหตุผลอะไรถึงจะไม่แต่งงานไปตลอดชีวิต!!!”



   “เหตุผลของผมคือไม่แต่งงานครับ”



   “ไม่แต่งงานไม่เรียกว่าเป็นเหตุผล!! พ่อภวัตบอกพ่อมาตามตรง!! ทำไมถึงไม่คิดจะแต่งงาน!!”



   “ผมไม่ได้ตั้งมั่นจะแต่งงานมีครอบครัวเหมือนใครๆ เวลานี้ผมมีความสุขดีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น...ผมจะไม่แต่งงานครับ” ท่านนายพลรู้สึกถึงความผิดหวังที่แล่นริ้ว แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไร เสียงของคุณหญิงจิตต์ก็ดังห้ามปราม



   “หากลูกยังไม่พร้อม ก็อย่าบังคับเขาเลยค่ะคุณพี่”



   “ไม่พร้อม หรือมีเก็บเอาไว้แล้ว แต่ไม่คิดจะบอกพ่อ” ประโยคหลังนั้น ท่านนายพลหันมาถามภวัตอย่างคาดคั้น ทำเอาบุตรชายคนใหญ่นิ่งไปเล็กน้อย เภามองเห็นความกดดันที่เกิดขึ้นแล้วก็พลันนึกขึ้นได้ว่าภวัตเคยพูดเรื่องคู่รักที่ไม่เหมาะสมกันให้เขาฟัง



   ...หากคู่รักของภวัตไม่เหมาะสมกันแล้ว ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะนำมาเปิดเผยให้บิดามารดาทราบ...



   “พี่ภวัตทำแต่งานครับคุณพ่อ ผมเคยแวะไปหาที่โรงพยาบาล คนไข้แยะเสียจนถ้าหากผมเป็นพี่ภวัต ผมก็คงไม่มีอารมณ์จะดูใจใครแล้วล่ะครับ” เขาช่วยพูดแก้สถานการณ์ สายตาของบิดาและมารดาจึงเบี่ยงมาลงที่เขาแทน



   “อ้อ อย่างนั้นแกคงจะงานน้อยเกินไปล่ะซี ถึงได้มีอารมณ์ดูใจผู้หญิงทั้งกรุงเทพฯน่ะ” กับบุตรชายคนเล็กที่เกิดกับคุณหญิงจิตต์นั้นมักจะถูกท่านนายพลทั้งบ่นทั้งเอ็ดอยู่เสมอ แต่เภาก็ชินเสียแล้ว



   “งานของผมก็แยะพอสมควร แต่ไม่แยะเท่าพี่ภวัตเท่านั้นเองครับ”



   “จะแยะหรือไม่แยะก็ต้องมีคู่ครองและแต่งงาน ภวัต...ว่าอย่างไร พ่อจะให้ตอบอีกครั้ง” ท่านนายพลยังคงมุ่งมั่นจะได้ยินคำตอบที่พึงใจจากปากบุตรชายคนใหญ่ให้จงได้ แต่ภวัตตัดสินใจมาเป็นอย่างดีแล้ว เขาวางช้อนส้อมลงกับจาน ก่อนจะหันไปมองบิดาด้วยสายตามุ่งมั่น



   “ผมจะไม่แต่งงานครับ”



   “ภวัต!!!” นายพลศักดิ์ขึ้นเสียงดัง แต่กระนั้นบุตรชายคนใหญ่ก็ยังสงบนิ่งราวกับสายน้ำ ภวัตยกมือพนมไหว้เป็นการขอขมา



   “ผมขอโทษครับคุณพ่อ แต่เรื่องนี้ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะไม่แต่งงาน”



   “ต้องให้ฉันตัดพ่อตัดลูกอย่างนั้นใช่ไหม?!!!” ทั้งเภาและคุณหญิงจิตต์ถึงกับตาเหลือก ด้วยคาดไม่ถึงว่าท่านนายพลจะจริงจังกับเรื่องแต่งงานของภวัตถึงเพียงนี้



   “ผมทำให้คุณพ่อได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียว...ที่ผมขอตัดสินใจด้วยตัวของผมเอง” ไม่มีคำตอบใดจากท่านนายพลศักดิ์ วิชาญโยธิน นอกเสียจากการลุกพรวดจากโต๊ะอาหารแล้วเดินตึงตังออกไปด้วยความฉุนเฉียว คุณหญิงจิตต์รีบลุกขึ้นตาม แต่ก่อนจะออกจากห้องไปก็ไม่วายตบไหล่บุตรชายคนใหญ่เบาๆเป็นการปลอบประโลม



   เมื่อทั้งห้องอาหารเหลือกันเพียงแค่ ๒ คนพี่น้อง เภา วิชาญโยธินก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่



   “กลับมาบ้านหนนี้ เพราะจะมาปฏิเสธเรื่องแต่งงานกับคุณพ่อใช่ไหม” เขาตั้งคำถาม และนั่นทำให้ภวัตนิ่งงันเป็นคำรบสองนับตั้งแต่ถูกบิดาถามที่โต๊ะอาหารเรื่องที่เขาแอบดูใครไว้อย่างลับๆหรือไม่



   “ฉันไม่อยากให้คุณพ่อตั้งความหวังกับฉันเรื่องนี้ ฉันยินดีทำทุกอย่างให้คุณพ่อคุณแม่ แต่ต้องไม่ใช่เรื่องแต่งงาน”



   เภาเห็นท่าทางจริงจังของผู้เป็นพี่ชายแล้วก็ยิ่งเป็นห่วง หากบิดาบังคับจริง มีหรือภวัตจะขัดได้



   “แล้วถ้าคุณพ่อขอให้พี่แต่งงานกับคนที่คุณพ่อจัดหาให้ แล้วยอมให้พี่คบหากับคู่รักของพี่ต่อไปล่ะ ทำอย่างคุณพ่อ มีบ้านเล็กบ้านน้อยอย่างนี้”



   “ฉันไม่เคยคิดจะมีภรรยามากกว่า ๑ คน”



   “แล้วพี่จะอยู่อย่างนี้ จะไม่แต่งงานไปตลอดอย่างนั้นหรือ” คนเป็นพี่หันมามองน้องชายด้วยความมุ่งมั่น



   “ใช่ ฉันจะให้การที่ฉันไม่แต่งงานกับใครเป็นการยืนยันว่าฉันรู้สึกเช่นไรกับคนที่ฉันรัก”



   “แล้วคู่รักของพี่ ก็จะไม่แต่งงานกับใครเช่นกันหรือ” ภวัตหวนคิดเมื่อครั้งที่ดารารัษมีจะบังคับให้จันทร์จ้าวคบหาดูใจกับเพื่อนครูคนหนึ่งที่โรงเรียนสตรีกัลยาณี แต่กลายเป็นว่าจันทร์จ้าวแก้เผ็ดน้องสาวด้วยการแนะนำดารารัษมีกับนายวินิตแทน ถึงแม้คราวนี้ อาทิตย์อาจจะไม่ทำเช่นเดียวกับดารารัษมี และจันทร์จ้าวคงไม่ปฏิบัติต่ออาทิตย์เฉกเช่นเดียวกับที่จับคู่ให้แก่น้องสาวของตน แต่ภวัตก็เชื่อว่าจันทร์จ้าวจะไม่มีวันยอมแต่งงานกับใคร



   “ฉันเชื่อเช่นนั้น”



   “ตั้งแต่เป็นพี่น้องกันมา ผมไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำว่า ‘จะไม่แต่งงานกับใคร’ จากปากของพี่ที่อยู่ในกรอบจารีตประเพณี” ภวัตยิ้มจางยามคิดถึงคนที่ทำให้เขาออกเดินมายังเส้นทางนอกกรอบจารีตประเพณี



   ...จันทร์จ้าวผู้ดื้อดึง จันทร์จ้าวผู้หัวแข็ง...ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เหมาะสมกันในด้านใดก็ตาม แต่เขาจะทำให้คนรอบข้างจันทร์จ้าวยอมรับให้ได้มากที่สุด ว่าพวกเขา...มีความรู้สึกที่จริงแท้ต่อกันมากเพียงใด...



   “ฉันเองก็ไม่คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”



   “ท่าจะรักมาก” เภาประเมินจากความรู้สึก คนเป็นพี่หัวเราะเบาๆ ถึงแม้จะเป็นความรักที่ต้องหลบซ่อน แต่กระนั้น ภวัตก็ยังมีความรู้สึกที่ฉายชัดจนแม้แต่น้องชายยังรับรู้ได้ เภาตัดสินใจในวินาทีนั้น ภวัตช่วยเขามามากตั้งแต่เล็กจนโต เวลานี้ เขาควรจะได้ตอบแทนบ้าง



“ผมจะช่วยพี่แล้วกัน”



“ช่วย?” นายแพทย์หนุ่มหันมามองน้องชายด้วยความฉงน เภายิ้มกว้าง

 

“เห็นแก่ว่าพี่ชายของผมคนนี้อุตส่าห์มีความรักกับเขาทั้งที แล้วยังมีแบบหลบๆซ่อนๆอีก อีกฝ่ายเป็นใครก็ไม่ทราบ ทราบแค่ว่าไม่เหมาะสมกัน แต่พี่ภวัตก็ยังดื้อดึง นี่ก็ไม่สมเป็นพี่ภวัตอีก แสดงว่าคู่รักของพี่ต้องเก่งกล้าใช้ได้ถึงทำให้พี่ชายของผมคนนี้ยอมแหกกฎออกมาแข็งขืนกับคุณพ่อ แหม้! พูดแล้วก็อยากเห็นหน้าจริง ท่าทางจะเป็นสาวเซี้ยวแก่นกะโหลกกะลาแน่ๆ” ประโยคสุดท้ายของน้องชายทำให้ภวัตนึกเก้อขึ้นมา แต่ก็ไม่อาจแก้ความเข้าใจผิดของเภาได้ว่าคู่รักของเขาไม่ใช่ผู้หญิงแก่นแก้วเป็นม้าดีดกะโหลกที่ไหน แต่เป็นผู้ชายหัวดื้อที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอมาที่ชื่อจันทร์จ้าวต่างหาก



   “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะ ถือว่าเป็นของขวัญยินดีต่อความรักของพี่จากน้องชาย” เภาพูดแล้วยิ้มกริ่ม หมายมั่นปั้นมือว่าครั้งนี้ เขาจะเป็นฝ่ายแบกรับความคาดหวังของบิดามารดาแทนพี่ชายคนใหญ่ของตนเอง


.......................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-01-2016 19:29:06 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8



นอกจากเภา วิชาญโยธินกำลังหาทางช่วยให้พี่ชายไม่ต้องถูกบิดาบังคับแต่งงานแล้ว ที่บ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์ น้องสาวแฝดของจันทร์จ้าวก็กำลังสืบเสาะหาความจากพี่ชายคนรองผู้ถูกบังคับให้กลับมานอนที่บ้านเรือนไทยเช่นเดียวกัน



   ๒ สาวแฝดแอบเข้ามาหาพี่ชายคนรองในห้องส่วนตัวของเขา หลังจากทุกคนแยกย้ายกันเข้าห้องพักผ่อนไปหมดแล้ว ตลอดมื้ออาหารเย็น ไม่มีใครพูดอะไรสักคน พอบิดาถามว่าเหตุใดจันทร์จ้าวจึงกลับมานอนที่บ้านเรือนไทยแทนที่จะเป็นบ้านเช่าสีเขียวอ่อน คนตอบกลับเป็นอาทิตย์เอง และคำตอบที่บิดาได้ก็ยังคงเหมือนเดิมคืออาทิตย์ต้องการให้ซ่อมแซมบ้านหลังนั้น ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะสนใจใดๆกับบ้านหลังนั้นเลยแม้สักนิด



   “พี่อาทิตย์ทราบแล้วหรือคะ?! พี่อาทิตน์ทราบได้อย่างไร?!!” นภาสรวงร้องถามด้วยความตกใจเมื่อจันทร์จ้าวยอมรับตามตรงว่าอาทิตย์ทราบเรื่องของเขาและหมอภวัตแล้ว



   “ก็...” คนเป็นพี่ไม่ทราบจะตอบเช่นไร ว่าที่อาทิตย์ล่วงรู้เรื่องราวทั้งหมด เป็นเพราะเขาและหมอประเจิดประเจ้อเอง



   “คงจะทำอะไรให้พี่อาทิตย์เห็นสิท่า! พี่อาทิตย์เธอถึงได้ทราบ!” ดารารัษมีบ่นแล้วทรุดตัวลงนั่งบบเก้าอี้นั่งเล่นในห้องนอนของผู้เป็นพี่ชาย



   “ดารา อย่าเพิ่งดุพี่จันทร์ซี แล้วนี่พี่อาทิตย์เธอทราบเมื่อไรคะ” แฝดพี่หันไปเอ็ดน้องสาวแล้วจึงหันมาถามพี่ชายต่อ



   “เมื่อวันศุกร์”



   “มิน่าล่ะ ทั้งวันเสาร์ทั้งวันอาทิตย์ พี่อาทิตย์ไม่ไปหาคุณพิมเลย คงจะกลัวว่าหากออกจากบ้านไป พี่จันทร์คงจะหนีแน่” ดารารัษมีอดไม่ได้ นึกหงุดหงิดที่จันทร์จ้าวไม่ระมัดระวังจนเป็นเหตุให้อาทิตย์ทราบเรื่อง จันทร์จ้าวไม่อยากลับฝีปากกับน้องสาว เพราะเวลานี้เขากังวลแต่เรื่องหมอภวัต ไม่ทราบว่าเมื่อวันนั้นทั้งหมอและอาทิตย์คุยกันเรื่องใด เพราะนับแต่นั้นเขาและหมอก็ยังไม่ได้พบเจอกันอีก



   “แล้วคุณหมอทราบไหมคะว่าพี่อาทิตย์ทราบ” นภาสรวงถาม



   “ทราบแล้ว...วันนั้นหมอขอคุยกับพี่อาทิตย์ด้วย แต่...คุยกันตามลำพัง พี่เลยไม่ทราบว่าคุยกันเรื่องอะไร”



   “คุณหมอเธอคงไม่ยอม พี่อาทิตย์ก็เลยใช้วิธีให้พี่จันทร์กลับมานอนที่นี่แทน จะได้ไม่มีโอกาสเจอกัน” ดารารัษมีพูดขึ้นด้วยเพราะหล่อนเองก็เคยคิดอยากจะให้จันทร์จ้าวย้ายกลับมานอนที่บ้านเรือนไทย เพื่อเป็นการปิดโอกาสไม่ให้คนทั้งคู่ได้พบเจอพูดคุยกันอีก



   จันทร์จ้าวมีท่าทีนิ่งสงบ แต่สีหน้าและแววตาของเขาอมทุกข์จนสังเกตได้ ๒ สาวแฝดหันมองหน้ากัน ดารารัษมีผู้เคยคิดอยากจะให้พี่ชายคนรองกลับตัวกลับใจมาคบหาผู้หญิงเช่นเดิมยังอดสงสารไม่ได้



   “พี่จันทร์...พี่อาทิตย์รักพี่จันทร์นะคะ เธอคงอยากให้พี่จันทร์...แต่งงานสร้างครอบครัว...” นภาสรวงได้แต่ปลอบประโลม ด้วยเพราะถึงแม้อาทิตย์จะเป็นคนเงียบๆ แต่เมื่อเขาตัดสินใจจะทำอะไรแล้ว ย่อมยากที่จะทัดทาน



   “พี่ทราบ ทุกคนอยากให้พี่แต่งงานมีครอบครัว...” เขาพูด แล้วเหลือบตาไปมองดารารัษมีเป็นพิเศษ “...แต่พี่ก็อยากให้ทุกคนทราบ ว่าพี่ไม่สามารถแต่งงานสร้างครอบครัวกับใครได้ พี่มีคนที่พี่รักอยู่แล้ว”



   “แต่พี่อาทิตย์ไม่ยอมรับคู่รักของพี่” ดารารัษมีพูดขึ้นมา จันทร์จ้าวพยักหน้ารับอย่างจำนน



   “พี่เข้าใจ ไม่มีใครยอมรับคู่รักของพี่ได้ แต่พี่จะไม่ยอมให้ใครก็ตามมาพูดว่าพี่กับหมอไม่คู่ควรกัน พี่ควรมีสิทธิ์เลือก เพราะนี่คือคู่ของพี่ นี่คือความรักของพี่ และที่สำคัญคือพี่รักเขา” พี่ชายคนรองย้ำชัดถึงความรู้สึกที่เขามี ความรักของเขา ความรู้สึกที่เขามีต่อหมอภวัตเป็นของจริงแท้ ไม่ใช่เรื่องโลเลที่เขาเพียงสนุกชั่วครั้งชั่วคราว และแน่นอนว่าดารารัษมีมองออก พี่ชายของหล่อนคนนี้รักสนุก แต่ความรักของเขาในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย หนำซ้ำยังมีแต่ความกดดันและความทุกข์ประเดประดัง แต่กระนั้น...เขาก็ยังมั่นคง



   นภาสรวงหันมองแฝดน้องราวกับจะถามว่าจะเอาเช่นไรดี ทว่าดารารัษมียังจับจ้องดวงหน้าของพี่ชายคนรองไม่คลาย



   “พี่จันทร์เคยพูดเช่นนี้ตอนที่พี่จะไปเรียนต่ออเมริกา คุณแม่ห้ามอย่างไร พี่ก็ว่าพี่ควรมีสิทธิ์เลือก เพราะนี่คือทางของพี่ หากจะดีจะชั่วก็ขอให้พี่ได้เลือกเอง ตอนที่พี่ไป ดารายังแอบคิดในใจว่าไม่เกิน ๓ เดือนคงเผ่นกลับมา เพราะพี่จันทร์ไม่ใช่คนทนลำบาก แต่...พี่ก็อยู่ที่นั่นจนกระทั่งเรียนจบตั้ง ๖ ปี ดาราจะไม่บอกว่าพี่เลือกเดินถูกทาง หากพี่ยังเรียนที่นี่ บางทีพี่อาจจะได้เป็นทหารอย่างพี่อาทิตย์ เป็นตำรวจอย่างคุณพ่อ เป็นหมอ เป็นวิศวกร แต่...ดาราก็จะไม่บอกว่าพี่เลือกเดินผิดทางเช่นเดียวกัน เพราะพี่พิสูจน์แล้วว่าพี่อยู่กับเส้นทางที่พี่เลือกได้”



   “ดารา...” จันทร์จ้าวไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านี้จากปากน้องสาวคนเล็กผู้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับเขาอยู่เนืองๆ



   “ครั้งนี้ก็เช่นกัน ดาราไม่คิดว่าพี่จันทร์เลือกเส้นทางที่ถูก และ...ดาราก็หวังว่ามันจะไม่ใช่เส้นทางที่ผิด” จากหัวใจของคนที่เคยคิดอยากจะให้พี่ชายผู้นี้หันกลับมารักชอบผู้หญิง มาวันนี้ดารารัษมียอมรับตามคำพูดของหม่อมหลวงพงศ์ภราธรทุกประการ หล่อนไม่อยากเห็นจันทร์จ้าวมีความทุกข์ และหล่อนก็ยอมรับคำพูดของนภาสรวง หล่อนจะให้โอกาสคนทั้งคู่ ให้พวกเขาได้พิสูจน์ความรู้สึกของตนเองด้วยเวลา



   จันทร์จ้าวมองใบหน้าของน้องสาวคนเล็กอย่างคาดไม่ถึง



   “ดาราจะช่วยพี่จันทร์ ตามที่ดาราเคยสัญญาว่าถ้าถึงคราวความรักของพี่จันทร์ ดาราจะช่วยเอง”



   “ดาราจะช่วยพี่อย่างไร” จันทร์จ้าวย้อนถาม ทั้งสับสนและงุนงงด้วยเพราะไม่คิดว่าดารารัษมีผู้เคยกีดกันเขา และคิดจะจับเขาแต่งงานกับเพื่อนครูที่โรงเรียนของหล่อน มาวันนี้กลับออกปากจะเป็นคนให้ความช่วยเหลือเรื่องของเขาและหมอภวัตเอง



   ทว่าไม่ทันที่ดารารัษมีจะได้ตอบคำถามพี่ชาย เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น ๓ พี่น้องพากันชะงักด้วยไม่คิดว่าค่ำปานนี้แล้วจะมีใครมาเคาะเรียกหา จันทร์จ้าวส่งสายตาบอกให้น้องสาวทั้ง ๒ เงียบกริบ ก่อนจะเดินไปแง้มประตูห้องเล็กน้อย สาวใช้นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าก่อนจะรายงานอย่างนอบน้อม



   “คุณท่านให้มาเรียนคุณจันทร์ว่าให้ไปพบที่ห้องทำงานค่ะ”



   “คุณพ่อหรือ?...” บุตรชายคนรองของท่านนายพลถึงกับทวนคำด้วยความคาดไม่ถึง ๒ สาวแฝดที่แอบอยู่ในห้องก็ถึงกับมองหน้ากันด้วยความหวาดหวั่นเช่นกัน ด้วยเพราะท่านนายพลไม่ใคร่จะเรียกหาจันทร์จ้าวไปพบเสียเท่าไร แต่วันนี้กลับเรียกหา แสดงว่าอาจมีเรื่องด่วนหรือเรื่องสำคัญยิ่ง



   “ค่ะ” สาวใช้ย้ำอีกครั้ง จันทร์จ้าวกลั้นลมหายใจด้วยไม่ทราบว่าบิดาจะเรียกหาเขาเพื่อเรื่องอันใด แต่กระนั้นเขาก็ยังสั่งให้สาวใช้กลับไปรายงานบิดาดังเดิม



   “ไปเรียนท่าน ว่าฉันจะตามไป” เขาจัดการสั่งสาวใช้เรียบร้อยแล้ว ก็ปิดประตูห้องโดยพลัน ๒ สาวแฝดรีบถลามาจับแขนเขาคนละข้างด้วยควาตระหนก



   “คุณพ่อเรียกพบหรือคะพี่จันทร์?!” นภาสรวงร้องถาม หวาดหวั่นว่าบิดาอาจจะทราบเรื่องใดเข้า



   “นี่อย่าบอกนะว่าพี่จันทร์ทำให้คุณพ่อทราบเหมือนที่พี่อาทิตย์ทราบ” ดารารัษมีผู้ไม่เคยมองพี่ชายคนรองในแง่ดีค่อนขอดเขาอย่างมีน้ำโห



   “ไม่มีทาง! คุณพ่อไม่มีทางทราบ” จันทร์จ้าวมั่นใจ บิดาของเขาถึงแม้จะรักครอบครัว แต่วันๆก็ทำแต่งาน ไม่มีทางมีเวลามาทราบเรื่องของเขาเป็นแน่ นอกจากนั้น เขายังไม่ใช่ลูกคนโปรดของคุณพ่อ ระหว่างเขาและอาทิตย์แล้ว อาทิตย์ดูจะเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของบิดามากกว่า ดังนั้นระหว่างเรื่องของเขาที่หลบๆซ่อนๆกับเรื่องของอาทิตย์ที่กำลังจะได้สมรสกับราชนิกูล บิดาก็น่าจะให้ความสำคัญและสนใจกับเรื่องของบุตรชายคนใหญ่มากกว่าจะมาสนใจบุตรชายคนรอง



   “เอาเถอะ พี่จะไปพบคุณพ่อก่อน ท่านคงแค่มีเรื่องไหว้วาน” เขาเอ่ยปาก ทว่าก็ยังหนักใจเพราะบุตรชายคนรองที่ไม่เคยอยู่ในกรอบและกฎเกณฑ์อย่างเขา จะมีเรื่องใดให้บิดาผู้อยู่ในสายราชการตำรวจจะฝากฝังได้



   ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหมุนตัวเดินออกจากห้องนอนของตนไปแล้ว ทิ้งให้น้องสาวทั้ง ๒ มองตามด้วยความหนักใจไม่แพ้กัน


.............................................


   พลตำรวจโทเดช รักษพิพัฒน์ยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง ทอดสายตามองออกไปในความมืดสลัวยามค่ำคืน สายตาของท่านนั้นคมกริบสมกับเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก มีหรือจะมองไม่เห็นความผิดปกติแม้แต่ในเรือนของตนเอง



   ความผิดปกติเรื่องที่ ๑ คือจันทร์จ้าวกลับมาค้างที่นี่ทั้งที่ไม่ใช่คืนวันศุกร์หรือวันเสาร์ตามที่ตกลงกันเอาไว้ ความผิดปกติเรื่องที่ ๒ คือเมื่อท่านสอบถามด้วยตนเองกลางโต๊ะอาหาร คนที่ตอบคำถามนี้กลับเป็นอาทิตย์ ในขณะที่จันทร์จ้าวไม่พูดอะไรสักคำ และความผิดปกติเรื่องที่ ๓ คืออาทิตย์ผู้ซึ่งไม่เคยเจ้ากี้เจ้าการเรื่องที่อยู่ที่อาศัยของใครกลับเป็นตัวตั้งตัวตีในการพาน้องชายกลับมาค้างที่นี่โดยให้เหตุผลว่าจะส่งคนไปซ่อมบ้านเช่า



   “ขออนุญาตครับคุณพ่อ” เสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆที่เบื้องหลังของท่าน นายตำรวจสูงวัยเอี้ยวหน้าไปมองเล็กน้อยก็เห็นบุตรชายคนรองก้าวเข้ามายืนในห้องของท่านปิดประตูเรียบร้อย



   “เป็นอย่างไร” คำถามแรกของบิดาที่มีต่อบุตรชายนั้นทำให้จันทร์จ้าวนิ่งไปเล็กน้อยด้วยไม่ทราบว่าท่านต้องการถามถึงเรื่องใด เขาจึงตอบอย่างเป็นกลางไว้ก่อน



   “ก็...สบายดีครับคุณพ่อ”



   “หมายถึงว่าอยู่ที่บ้านเช่าก็สบายดีใช่ไหม” พอถูกจี้ถามถึงเรื่องบ้านเช่า บุตรชายก็ดูเหมืนอจะชะงักไปชั่วครู่ จนบิดาต้องหันมามองเต็ม ๒ ตา เมื่อนั้นจันทร์จ้าวจึงเสยิ้มให้



   “ครับ”



   “สบายดีแล้วทำไมถึงกลับมานอนที่นี่”



   “ก็...ก็...อย่างที่พี่อาทิตย์เรียนคุณพ่อ พี่อาทิตย์เห็นว่า...” จันทร์จ้าวยังไม่ทันพูดจบ บิดาก็ส่ายศีรษะไปมาแล้วแทรก



   “เรื่องของพ่อจันทร์ ทำไมพูดถึงแต่พ่ออาทิตย์” บุตรชายคนรองนิ่งไปในทันที คราวนี้เหมือนเขาอับจนคำพูดจนไม่มีแม้แต่เสียงใดๆเอื้อนเอ่ยออกมา ท่านนายพลจึงเป็นฝ่ายพูดเอง



   “มีเรื่องอะไรอยากจะเล่าให้พ่อฟังไหม” ชั่วพริบตาหนึ่ง คนเป็นลูกเผยอริมฝีปากราวกับมีเรื่องค้างคาใจ ทว่าก็ราวกับรู้สติในวินาทีนั้น ริมฝีปากที่เผยอค้างจึงปิดลงทีหนึ่ง แล้วขยับใหม่ ทว่าสิ่งที่เกือบจะพูดเมื่อครู่ก็ถูกกลืนหายลงคอเสียแล้ว



   “ไม่มีครับคุณพ่อ ผมกลับมานอนที่นี่ก็เพราะพี่อาทิตย์เห็นควรเป็นเช่นนั้น”



   “แสดงว่าพ่อจันทร์ถูกบังคับ”



   “เอ่อ...ก็...ครับ แต่คิดว่าคงไม่นาน คุณพ่อก็พอจะทราบดีว่าพี่อาทิตย์เคยบังคับใครเสียที่ไหน”



   “แต่คราวนี้บังคับพ่อจันทร์ คงจะเป็นเรื่องใหญ่ซีนะ” เป็นอีกครั้งที่จันทร์จ้าวได้สบตากับบิดา หัวใจของเขาเต้นถี่รัว เหงื่อกาฬซึมเต็มแผ่นหลังด้วยไม่ทราบว่าบิดาสงสัยประการใด และกำลังสงสัยเขาในเรื่องที่เกี่ยวกับหมอภวัตหรือไม่



   ...หากเขาสารภาพเสียแต่วันนี้ บิดาจะรับฟังและยอมรับหรือไม่ หรือจะปฏิบัติต่อเขาเหมือนที่อาทิตย์กำลังทำอยู่...



   จันทร์จ้าวผู้เคยกล้าเสี่ยงกับทุกเรื่อง มาวันนี้ไม่อาจแม้แต่จะยอมรับความผิดหวังที่จะเกิดขึ้นหากบิดาทราบเรื่องของเขาและหมอภวัต



   ...ถ้าจะไม่อาจมีใครยอมรับเรื่องของเขาและภวัต ก็อย่าให้ใครรู้เสียจะดีกว่า หากไม่มีใครสนับสนุน ก็อย่าได้มีใครขัดขวางความรักของพวกเขาเพิ่มขึ้นอีกเลย...



   “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ ก็ตามที่พี่อาทิตย์เรียนคุณพ่อ แค่ให้ผมมาอยู่ที่นี่เพื่อให้คนเข้าไปซ่อมบ้านเช่าก็เท่านั้นเอง” เขาย้ำคำเดิมกับบิดา เก็บงำเรื่องของความรักของเขาเอาไว้ ให้อย่างไรก็จะไม่มีทางให้บิดามารดารู้เป็นอันขาด



   “แต่พ่ออาทิตย์ว่าหลังจากซ่อมแล้วจะให้เพื่อนเขาเช่าไม่ใช่หรือ”



   “พี่อาทิตย์คง...เรียนถามคุณแม่ไปก่อน เพื่อนของพี่อาทิตย์คงจะไม่ได้เช่าจริง หรือหากอยากจะเช่าจริง เราก็มีบ้านเช่าหลายหลัง คงจะไม่เจาะจงจะเช่าหลังนั้นหรอกครับ”



   นายพลเดชมองบุตรชายเบื้องหน้า จันทร์จ้าวดื้อดึงเพียงไร ท่านทราบดี และยิ่งดื้อมากเพียงไร ยิ่งท่านคาดคั้น ก็ยิ่งไม่ได้คำตอบ



   “เอาเถอะ...ถ้าพ่อจันทร์ว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ พ่อก็เรียกมาถามดูเท่านั้น ถ้าพ่อจันทร์ว่าไม่มีอะไร ก็ช่างเถอะ กลับไปพักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องติดรถพ่ออาทิตย์ออกไปสำนักงานไม่ใช่หรือ”



   “ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน” บุตรชายคนรองไม่รอเวลาให้บิดาซักไซ้มากกว่านี้ เขาหมุนตัวจะเดินออกจากห้อง แต่เสียงของท่านนายพลดังขึ้นจากเบื้องหลัง



   “จันทร์...” เจ้าของชื่อหันไปมอง สายตาของบิดาจับจ้องมาที่เขา ทำเอาหัวใจที่มุ่งมั่นจะปิดผนึกเรื่องราวของตนและภวัตไม่ให้ใครทราบเริ่มไหวยวบขึ้นมาอีกหน “...จันทร์ไม่ได้ตัวคนเดียว นอกจากพี่น้องแล้ว จันทร์ยังมีพ่อ...ขอให้จำเอาไว้ให้ดี”



   “ขอบพระคุณครับคุณพ่อ ผมจะจำเอาไว้” จันทร์จ้าวยกมือไหว้บิดาด้วยซาบซึ้งในพระคุณของท่าน แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมปริปากเรื่องใดเพิ่ม เขาหมุนตัวเดินออกจากห้องทำงานของท่านนายพลเดชไป โดยไม่ทันเห็นสายตาของบิดาที่มองตาม



   ...ท่านนายพลทราบดีว่าเรื่องของจันทร์จ้าว ท่านคงไม่อาจสอบถามเอาจากใครได้ นอกจากค้นหาความจริงด้วยตัวของท่านเอง...


......................................................

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


การจะพูดคุยกับอาทิตย์เป็นการส่วนตัวย่อมไม่ใช่ที่บ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์เพราะสุ่มเสี่ยงที่เรื่องจะรู้ถึงหูของท่านนายพลเดชและคุณหญิงผกา ดังนั้นดารารัษมีจึงวานให้หม่อมหลวงพิมพัชราเรียกอาทิตย์ให้มารับที่โรงเรียนสตรีกัลยาณี แต่คนที่ลงไปพบหน้าเขาก่อนคือดารารัษมีนั่นเอง



   “พี่อาทิตย์สวัสดีค่ะ” น้องสาวคนเล็กเดินลงจากตึกที่อาทิตย์จอดรถรออยู่ด้านหน้า อันที่จริงแล้วหม่อมหลวงพิมพัชราอยู่ที่ตึกหลัง แต่รถยนต์ไม่สามารถเข้าไปถึงตึกหลัง เขาจึงจอดรออยู่ที่ตึกหน้าแทน



   “ดารายังไม่กลับหรือ จะกลับพร้อมกันไหมล่ะ” นายทหารหนุ่มพูด



   “ดาราจะขอคุยกับพี่อาทิตย์สักหน่อยค่ะ” หญิงสาวไม่ตอบคำชักชวนแต่กลับพูดเรื่องที่หล่อนอยากพบหน้าเขาแทน อาทิตย์มองหน้าน้องสาวแล้วก็พอจะทราบว่าเรื่องที่หล่อนอยากคุยกับเขาคือเรื่องอะไร ในเมื่อดารารัษมีก็ทราบเรื่องจันทร์จ้าว



   “ถ้าหากจะคุยเรื่องจันทร์...” เขาพูดไม่ทันจบ คนเป็นน้องก็พูดแทรก



   “ดาราไม่ได้จะคุยเรื่องพี่จันทร์ค่ะ ดาราจะคุยเรื่องของดารา” อาทิตย์มองด้วยความสงสัย แต่ดารารัษมียังจับจ้องเขาราวกับต้องการจะพูดคุยให้จงได้ ในที่สุดพี่ชายคนใหญ่ของบ้านรักษพิพัฒน์จึงยินยอมพยักหน้ารับ ผู้เป็นน้องจึงพาเขาเดินเข้าไปนั่งที่ซุ้มหน้าตึก โดยมีสายตาของหม่อมหลวงพิมพัชราผู้ให้ความร่วมมือในการนัดแนะอาทิตย์มาที่นี่คอยมองตามด้วยความห่วงใย


....................................   



   ภายในซุ้มโต๊ะเก้าอี้หน้าตึกเรียน บรรยากาศยามเย็นนั้นเงียบสงบ นักเรียนส่วนมากกลับกันหมดแล้ว ที่ยังเหลือก็บางตาเต็มทน และบริเวณนี้ก็ไม่มีใครมาวิ่งเล่น เหมาะเจาะสำหรับการคุยกันในเรื่องลับ



   “ดาราทราบมาว่าพี่อาทิตย์ทราบเรื่องของพี่จันทร์กับคุณหมอแล้ว”



   “ดาราบอกพี่เมื่อครู่ว่าดาราจะคุยเรื่องของดารา ไม่ใช่จะคุยเรื่องของจันทร์” อาทิตย์ย้อนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เวลานี้เขาไม่ต้องการคุยเรื่องของจันทร์จ้าวกับผู้ใดทั้งสิ้น นายทหารหนุ่มยอมรับว่าเขายังไม่พร้อมที่จะกวนตะกอนในใจให้ขุ่นอีกครั้ง ยิ่งคิดเรื่องของจันทร์จ้าวและภวัต และท่าทีมั่นคงจริงจังกับความรู้สึกของทั้ง ๒ คน อาทิตย์ก็ยิ่งไม่อยากยอมรับ



   “ดาราแค่จะบอกพี่ว่า ไม่มีใครเข้าใจพี่เท่ากับดารา เพราะดาราเองก็รับไม่ได้กับเรื่องของทั้ง ๒ คน” คำพูดของหญิงสาวทำให้ผู้เป็นพี่หันมอง



   “รับไม่ได้? แล้วทำไมดาราไม่ห้าม?”



   “ดาราทำเสียยิ่งกว่าห้ามอีกค่ะ พี่อาทิตย์จำวันที่นภาโทรศัพท์ไปเรียกพี่กลับมาจากวังฉัตรเพราะว่าดารากับพี่จันทร์ทะเลาะกันได้ไหมคะ วันนั้นดารากับพี่จันทร์ทะเลาะกันเพราะดาราคิดจะให้พี่จันทร์แต่งงานกับเพื่อนครูของดารา ส่วนพี่จันทร์ก็ต้องการให้ดาราแต่งงานกับคุณวินิตเพื่อนของพี่จันทร์ เพื่อที่ดาราจะได้ไม่มีเวลามาวุ่นวายเรื่องของพี่จันทร์อีก ก่อนหน้านั้น ดาราก็เคยไปหาพี่จันทร์ที่สำนักงานมาแล้ว เพื่อบอกพี่จันทร์ว่าดาราต้องการคุณหมอ และอยากให้พี่จันทร์ถอย...ดารายอมทำถึงเพียงนั้น เป็นผู้หญิงน่าไม่อาย ไม่มีความเป็นกุลสตรี เที่ยวร้องขอผู้ชายกับพี่ตัวเอง แต่สิ่งที่ดาราได้กลับมาคือพี่จันทร์คนโลเลรักสนุกที่พวกเรารู้จัก กลับกลายเป็นพี่จันทร์คนที่จริงจังกับความรู้สึก ดาราไม่คิดมาก่อนว่าพี่ชายของดาราคนนี้จะเป็นเช่นนั้น”
 


อาทิตย์ได้ฟังแล้วก็นิ่ง สิ่งที่ดารารัษมีพูดมา มีหรือเขาจะไม่รู้สึก จันทร์จ้าวคนโลเลที่เที่ยวคบหากับเพื่อนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า จู่ๆกลับประกาศก้องว่าจะทำทุกอย่างให้คนรอบข้างยอมรับความสัมพันธ์ของตนเองและหมอภวัต เขารู้อยู่หรอกว่าน้องชายคนนี้เป็นคนดื้อดึง แต่ไม่เคยมีการดื้อดึงครั้งไหนหนักหนาสาหัสเท่าครั้งนี้เลย



   “เพราะจันทร์กลายเป็นคนจริงจัง ดาราก็เลยยอมยุติไม่ขัดขวางอย่างนั้นหรือ”



   “ไม่ใช่หรอกค่ะ ดาราไม่ได้ยอมยุติ เพียงแต่ดาราต้องการให้พี่จันทร์ทำตัวเอง...คนอย่างพี่จันทร์ หากเขาอยู่ที่ไหนแล้วไม่สบาย อยู่ที่ไหนแล้วลำบาก เขาไม่ทน กับเรื่องนี้ก็เช่นกัน หากเขาเห็นแล้วว่าสิ่งที่เขาเป็นไม่มีทางมีความสุข สุดท้ายเขาก็ต้องเดินกลับมา”



   “แต่กว่าจะถึงวันนั้น เรื่องนี้อาจรู้ไปถึงใครบ้างก็ไม่รู้ หากรู้ถึงหูคุณพ่อคุณแม่...” อาทิตย์กังวลว่าหากบิดามารดารับรู้เรื่องผิดทำนองคลองธรรมเหล่านี้ พวกท่านคงจะเสียใจอย่างหนัก และหากรู้ถึงหูคนภายนอก จันทร์จ้าวจะถูกตราหน้าในสังคม และไม่มีวันอยู่เมืองไทยได้อีก

 

“ก่อนจะถึงวันนั้น ดาราจะช่วยพี่จันทร์ปกปิดเรื่องนี้ แต่ถ้าหากถึงวันที่รู้ถึงหูคุณพ่อคุณแม่จริง ดาราก็จะยืนอยู่ข้างพี่จันทร์ ดาราไม่ได้สนับสนุนหรือเข้าข้างพี่จันทร์หรอกนะคะ แต่...ถ้าเราไม่ยืนอยู่ข้างพี่น้องของเรา คุณพ่อคงจะเสียใจยิ่งกว่าเรื่องของพี่จันทร์กับคุณหมอเสียอีก”



เป็นคำพูดที่ทำให้อาทิตย์ชะงักไปในทันที พวกเขา ๔ พี่น้องถูกบิดาสั่งสอนและอบรมมาแต่เล็กให้รักใคร่กลมเกลียว มีเรื่องใดต้องช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และราวกับนี่คือบททดสอบจากเทวดาฟ้าดินว่าพวกเขา ๔ พี่น้องจะรักกันกลมเกลียวอย่างที่บิดาพร่ำสอนหรือไม่



“ดาราอยากให้พี่อาทิตย์คิดดูให้ดี ดารากับพี่จันทร์เคยทะเลาะกันมาแล้วครั้งหนึ่งเพราะเรื่องนี้ หากพี่อาทิตย์ต้องการให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นอีกครั้ง ดาราก็คงห้ามไม่ได้ แต่...คุณพ่อคุณแม่ท่านรู้เห็นความรู้สึกของพวกเราทุกคนนะคะ แค่เราไม่คุยกันสักวันเดียว พวกท่านก็ทราบแล้วว่าเราทะเลาะกัน และพอเราทะเลาะกัน คุณพ่อก็จะไม่สบายใจ”



“แต่สิ่งที่พี่ทำคือความถูกต้อง”



“ดาราก็คิดเช่นเดียวกับพี่ค่ะ แต่บางครั้ง...เราก็ทำตามความถูกต้องไม่ได้ เพราะมีบางอย่างที่สำคัญกว่า” ดารารัษมีพูดแล้วยิ้มจางราวกับจะให้กำลังใจ ดวงหน้าของน้องชายซ้อนทับขึ้นมาบนใบหน้าของน้องสาวคนเล็ก



“ดาราขอตัวก่อนนะคะ ยังตรวจการบ้านนักเรียนไม่เรียบร้อย ถ้าคุณพิมลงมาแล้ว พี่อาทิตย์ไปส่งคุณพิมเถอะค่ะ ดาราจะนั่งสามล้อกลับเอง” คุณครูสาวแห่งโรงเรียนสตรีกัลยาณีกล่าวแล้วจึงลุกขึ้นเดินออกจากซุ้ม หล่อนเหลือบไปมองหม่อมหลวงพิมพัชราที่แอบดูจากระเบียงชั้น ๒ เพื่อเป็นสัญญาณว่าคุยกันเรียบร้อยดีแล้ว ราชนิกูลสาวจึงเดินลงบันไดมา



“ดาราคุยกับพี่อาทิตย์เรียบร้อยแล้วค่ะ บอกพี่อาทิตย์แล้วว่าให้ไปส่งคุณพิมได้เลย ดาราจะกลับสามล้อ”



“คุณอาทิตย์ว่าอย่างไรบ้างคะ” หม่อมหลวงพิมพัชราถามด้วยความห่วงใย ดารารัษมีทำได้เพียงยิ้มจางแล้วหันกลับไปมองแผ่นหลังของพี่ชายผู้เป็นนายทหารอีกครั้ง



“คงต้องให้พี่อาทิตย์เป็นคนตัดสินใจค่ะ” ราชนิกูลสาวแห่งวังฉัตรพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินตรงไปยังซุ้ม หล่อนไม่ได้เรียกคู่รักของหล่อนออกมาแต่กลับเดินไปนั่งเคียงข้างเขา



ดารารัษมีไม่ได้ตามเข้าไปนั่งฟังว่าหม่อมหลวงพิมพัชราพูดคุยประการใด และไม่ได้เดินขึ้นตึกกลับไปตรวจการบ้านนักเรียนตามที่กล่าวอ้างกับพี่ชายด้วย หล่อนเดินเลาะไปทางด้านหลัง เห็นว่าพ้นสายตาของผู้คนแล้ว จึงทรุดตัวลงนั่งกับพื้นด้วยความรู้สึกแปลกพิกล

 

...สิ่งที่หล่อนทำ ถูกต้องหรือไม่หนอ หากอาศัยอาทิตย์ที่ต้องการแยกจันทร์จ้าวและหมอภวัตออกจากกัน หล่อนคิดว่าคงมีโอกาสมากกว่าเมื่อครั้งที่หล่อนต่อต้านเพียงลำพัง แต่...กระนั้น...หล่อนก็ไม่อยากเห็นการทะเลาะเบาะแว้งและทำให้บิดามารดาไม่สบายใจอีก...และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น หล่อนอยากทราบว่าหากความสัมพันธ์ของจันทร์จ้าวและภวัตเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะเป็นเช่นไร ภวัตจะเป็นคนเพียงคนเดียวในชีวิตของพี่ชายของหล่อนได้หรือไม่ หรือแค่ไม่กี่วันไม่กี่เดือนผ่านไป พี่ชายผู้แสนโลเลของหล่อนจะโผไปหาคนอื่นเหมือนที่เขาเคยทำกับผู้หญิงคนอื่นๆ



“คุณดารา...” นั่งเพียงลำพังได้อึดใจหนึ่ง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น เจ้าของชื่อหันมองตามแล้วชะงักไปเล็กน้อยเมื่อพบชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเหมือนคนจีนกำลังยืนอยู่ไม่ไกล



   “คุณ...วินิต...” นายวินิตเพื่อนของจันทร์จ้าวนั่นเอง หล่อนยกมือไหว้เขาอย่างรู้มารยาท นายวินิตเองก็ยกมือรับไหว้แล้วจึงเดินเข้ามาหา



“ผมเห็นคุณเดินมาทางนี้ ดูเศร้าๆ ก็เลยเดินตามมา...”
 


“อ้อ...ไม่ได้เศร้าอะไรหรอกค่ะ แล้ว...ทำไมคุณวินิต...ถึงมาที่นี่ล่ะคะ เอ? ดูเหมือนคุณจะเคยพูดว่าน้องสาวเรียนที่นี่ หรือว่ามารับน้องสาวคะ?” ดารารามีพยายามขจัดความรู้สึกในใจออกไปแล้วตั้งคำถามกับชายหนุ่ม



“ใช่ครับ วิชุดาเป็นนักเรียนในชั้นของคุณพิม”



“อ้อ วิชุดานั่นเอง น้องสาวคุณวินิต…เอ? สงสัยแกคงจะอยู่ที่ห้องเปียโนกระมังคะ วันนี้เห็นนักเรียนห้องคุณพิมมาขอยืมกุญแจห้องเปียโน ถ้าอย่างไรดิฉันจะขึ้นไปเรียกมาให้” ดารารัษมีไม่มีบทสนทนาใดๆต่อชายหนุ่มผู้นี้ จึงหาทางเลี่ยงไปจากเขาด้วยการขันอาสาขึ้นไปตามน้องสาวของเขามาให้ ทว่านายวินิตกลับรั้งเอาไว้

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ แกบอกให้ผมมารับเย็นๆเพราะอยากจะฝึกเปียโน นี่ผมมาก่อนเวลาเอง” เป็นว่าหญิงสาวหมดโอกาสจะหาทางเลี่ยง นายวินิตพินิจดวงหน้าของผู้ที่อยู่เบื้องหน้า แล้วก็พบว่าหล่อนยังคงมีร่องรอยของความไม่สบายใจ



“คุณดารามีเรื่องไม่สบายใจซีนะครับ” เขาถามอย่างตรงไปตรงมา ทำเอาดวงตากลมโตของหญิงสาวต้องเหลือบมอง และเมื่อนั้นเหมือนนายวินิตจะรู้ตัวว่าเขาละลาบละล้วงเกินไปเสียแล้ว

 

“ขอโทษครับ ผมไม่ได้คิดจะยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณ เพียงแต่...ตอนเราพบกันครั้งแรกที่โรงภาพยนตร์ คุณยืนเงียบไม่พูดไม่จา พอผมไปพบอีกครั้งที่บ้านรักษพิพัฒน์ คุณก็…เอ่อ…พูดเก่ง...แล้ววันนี้ก็กลับมาเงียบเช่นนี้อีก ผมก็เลย…” ดารารัษมีหวนคิดตามที่เขาพูด ยามที่เขากับหล่อนพบกันครั้งแรกคงจะเป็นที่โรงภาพยนตร์ในวันที่หล่อนเอาแต่ใจให้จันทร์จ้าวพาไปเพราะต้องการกีดกันเขากับหมอภวัต ยามที่เขาเห็นหล่อนพูดเก่ง คงเป็นเมื่อครั้งที่จันทร์จ้าวชวนเขาไปที่บ้านแล้วเจอหล่อนพยศพูดจาไร้มารยาทใส่เป็นแน่ แต่กระนั้นเขาก็ยังรักษาน้ำใจด้วยการหลบเลี่ยงการกล่าวหาหล่อนเป็นการบอกว่าหล่อน ‘พูดเก่ง’ แทน



ครูสาวผู้รับหน้าที่สอนภาษาไทยถึงกับหัวเราะกิ๊ก ดูเหมือนนายวินิตจะสมกับการเกิดในแผ่นดินไทยเสียจริง



“ดิฉันไม่ใช่คนเงียบหรอกค่ะ ออกจะเป็นคนพูดมากเสียด้วยซ้ำ ส่วนวันนั้น ดิฉันก็ไม่ได้พูดเก่ง ดิฉันพูดจาแย่ต่างหาก ขอโทษนะคะคุณวินิต วันนั้นที่บ้าน ดิฉันทำตัวไม่ดีเอาเสียเลย พูดจากับคุณอย่างนั้นเสียได้”



“ไม่เป็นไรครับ” นายวินิตรับคำขอโทษอย่างเก้อเขิน



“แล้วนี่ คุณวินิตจะรออยู่ข้างล่างจนกว่าวิชุดาจะลงมาหรือคะ”



“ครับ”



“ห้องเปียโนอยู่ที่ตึกครูภาษาอังกฤษ นั่งตรงนั้นจะเห็นบันไดสำหรับขึ้นลงตึกค่ะ” ดารารัษมีชี้ชวนให้เขาดูซุ้มเก้าอี้ใต้ต้นไม้ไม่ไกลจากตรงที่หล่อนยืนอยู่นัก นายวินิตมองตามแล้วจึงหันมาทางหญิงสาวอีกหน

 

“ถ้าผมไปนั่งตรงนั้น แล้วคุณดาราล่ะครับ คือ...ผมหมายถึง...ไปนั่งด้วยกันไหมครับ ผมรับรองว่าจะไม่พูดอะไรให้คุณรำคาญ เอาให้คุณหายไม่สบายใจเสียก่อน แล้วคุณจะกลับก็ได้ครับ” เป็นคำเชิญชวนที่ทำให้ดารารัษมีนิ่งไปเล็กน้อย แต่กระนั้นสุดท้ายหล่อนก็ยอมเดินไปนั่งร่วมโต๊ะม้าหินกับเขา



แรกเริ่มนั่งกันเงียบๆ แต่คนอย่างดารารัษมีนั้นช่างพูดช่างคุยเหมือนจันทร์จ้าว การจะให้หล่อนนั่งเงียบโดยมีใครอีกคนนั่งอยู่ด้วยก็เห็นจะไม่ใช่ บทสนทนาสั้นๆที่เกี่ยวกับวิชุดาซึ่งเป็นน้องสาวของนายวินิตและเป็นนักเรียนของโรงเรียนจึงเริ่มขึ้น



“ที่บ้านคุณวินิตพูดกันด้วยภาษาจีนหรือคะ”



“ใช่ครับ เอ่อ…หรือผมติดสำเนียงจีนอย่างนั้นหรือ นี่ผมก็ว่าผมพูดชัดมากแล้วนะครับ คุณพงศ์เป็นคนสอนให้แหน่ะครับ” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ
 


“คุณวินิตยังนับว่าน้อยนะคะ ถ้าเทียบกับวิชุดาและคุณวรินทร์ เอ?...จริงสิ เห็นว่าคุณวรินทร์ย้ายไปทำงานที่ฮ่องกงหรือคะ ไม่เห็นมารับวิชุดาอีกเลย” เมื่อพูดถึงน้องชายผู้อพยพไปอยู่ต่างประเทศกับคู่รักฝรั่ง นายวินิตก็นิ่งไปเล็กน้อย แต่กระนั้นก็ยังมีรอยยิ้ม



“ครับ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเมื่อไรจะกลับมาที่นี่อีก บางทีอาจจะไม่ได้กลับมาแล้ว”



“ไม่กลับมาก็ไม่เห็นเป็นไร คุณวินิตก็เป็นฝ่ายไปเยี่ยมเองซีคะ” นายวินิตเงยหน้ามองหญิงสาวผู้ออกความเห็น ราวกับแสงสว่างส่องทางในใจของเขา แต่เมื่อคิดถึงสาเหตุที่ทำให้น้องชายต้องหนีจากไป เขาก็สลดลงอีกหน



“แต่ตอนก่อนที่เราจะจากกัน เราทะเลาะกัน บางที…วรินทร์อาจจะโกรธ…”



“ตอนก่อนจะจากกัน ทะเลาะกันก็จริง ตอนนี้อาจจะยังโกรธกันอยู่ก็จริง แต่พอได้พบหน้ากัน ได้คุยกัน ความรู้สึกพวกนั้นมันอาจจะจางลงก็ได้นะคะ ดิฉันเองคอยแต่จะโกรธพี่จันทร์อยู่เรื่อย แต่พอคิดว่าอย่างไรเขาก็พี่ สุดท้ายก็โกรธไม่ลง ถึงแม้พี่จันทร์จะก่อเรื่องบ่อยๆก็เถอะ” นายวินิตมองหญิงสาวด้วยสายตาที่ชื่นชม



“กลายเป็นว่าคุณดาราเป็นฝ่ายปลอบผมเสียแล้ว” เขาเอ่ยอย่างนึกเขิน หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ดวงหน้าดูสดใสกว่าเมื่อครู่มากนัก



“เราช่วยกันปลอบต่างหากค่ะ”



หลังจากพูดคุยกันพักใหญ่ น้องสาวของนายวินิตก็ลงมาจากตึก และเมื่อนั้น นายวินิตจึงหันมาที่ดารารัศมีแล้วเอ่ยชวนด้วยไมตรีจิตอันดี



“คุณดารากลับพร้อมพวกเราไหมครับ”



“คะ?” หญิงสาวคิดว่าหล่อนหูฝาด แต่นายวินิตกลับมีทีท่าเก้อเขินแล้วถามย้ำอีกครั้ง



“คือ...ผมต้องผ่านหน้าบ้านของคุณ หากคุณจะกลับพร้อมพวกเรา ๒ คนพี่น้อง ผมก็ยินดีจะจอดรถส่งคุณที่หน้าบ้านครับ” ดารารัศมีเห็นว่าหล่อนไม่ได้ติดรถเขาเพียงลำพัง ยังมีวิชุดาน้องสาวของนายวินิตร่วมรถไปด้วย อีกทั้งเจ้าตัวก็เอ่ยปากเองว่าต้องผ่านหน้าบ้านรักษพิพัฒน์ หากหล่อนจะติดรถเขาไปก็คงไม่มีใครครหานินทา



“ก็ได้ค่ะ ต้องรบกวนคุณวินิตด้วย” แล้วหลังจากนั้น ดารารัษมีก็ขอตัวขึ้นไปหยิบกระเป๋าสพายสักครู่ แล้วจึงกลับลงมาขึ้นรถของนานวินิตออกจากโรงเรียนสตรีกัลยาณี



ตอนก่อนที่หล่อนจะลงหน้าบ้าน คุณครูสาวรับปากว่าหากเจ้าของรถนำอาหารจีนมาให้หล่อนชิมอีกครั้ง หล่อนจะไม่อคติเหมือนคราวก่อน เมื่อนั้นนายวินิตจึงขับรถออกจากหน้าบ้านรักษพิพัฒน์ไปอย่างอารมณ์ดี


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้า)


เมื่อวานขอโทษจริงๆที่ไม่ได้มาลงตามที่นัดนะคะ


จะว่าไป ตอนบัวพิมพ์ บัวก็ว่าบัวพิมพ์ตอนคืนความสุขของหมอไปเมื่อนานมาแล้วนะ ทำไมมันยังไม่ถึงสักที ฮาฮา แต่หมอคงเข้าใจ จันทร์อยู่สูง ก็ต้องไขว่ต้องคว้าต้องใช้เวลาเป็นธรรมดา ไอ้จะได้มาง่ายๆ เดี๋ยวเขาจะหาว่าลูกชายบ้านนี้ไม่รักนวลสงวนตัว อิอิ แต่จริงๆแล้วคู่หมอกับจันทร์เขาไม่เคยหวานกันเลยนะ เขาคุยกันแมนๆตลอดดดดดด


ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และขอโทษมากๆที่ทำให้ต้องรอกันนะคะ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ


เจอกันพฤหัสหน้า ถ้าไม่มีงานหลวงงานราษฎร์เข้ามากะทันหันแบบสัปดาห์นี้ คิดว่ามาตรงเวลาแน่นอนค่ะ


ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
มายาวมากเลยยย ดาราพูดขนาดนี้แล้วพี่อาทิตย์จะทำไงต่อเนี่ย

ดารากับวินิตนี่ คุยกันดีๆแล้วด้วย  :mew1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อ่านแล้วรู้สึกกดดันมาก
ยิ่งตอนจันทร์คุยกับพ่อ แบบเข้าใจอารมณ์เลย
ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
สงสารจันทร์กับคุณหมอ
อยากให้คุณพ่อเข้าข้างด้วยจัง
555555

ขอบคุณพี่บัวมากนะคะ

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
กลายเป็นดาราที่เข้าใจจันทร์จ้าวมากกว่าใคร

คราวนี้ ดารา ได้ออกเรือนก่อนพี่จันทร์แน่ๆ 

คุณหมอหล่อเลย มั่นคงมากๆ มีพี่น้องมันดีอย่างนี้นี่เอง

ออฟไลน์ haemin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
คุณวินิต  กับดารานี่ถ้าจะมาแรง หัวอกเดียวกัน 555555  สงสัยและคิดว่าพ่อของคุณจันทร์คงรับได้ ดูแล้วเป็นพ่อที่รักและเข้าใจลูกมากทีเดียว

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ความรักแบบนี้ ยากจัง จันทร์กับหมอสู้ๆนะ

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
ขอให้พี่อาทอตย์เข้าใจจันทร์เร็วๆนะ เราอย่าให้หมอมีความสุข

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เฮ้อออ จารีตประเพณีสมัยก่อนนี้สุดๆจริงๆ การแต่งงานต้องเหมาะสมจริงๆถึงแต่งกันได้ แล้วนี้ยิ่งผู้ชายด้วยกันอีก ยิ่งแล้วใหญ่
ไม่รู้คนสมัยก่อนเขามีความสุขกันไหมนะ ที่อยู่กันด้วยความเหมาะสมไม่ใช่ความรัก

ออฟไลน์ veeveevivien

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
 :o12: :o12:

สู้ ๆ นะคะ พี่จันทร์ กับ คุณหมอ ต้องฝ่าฝัันจับมือกันไปให้ได้ค่ะ

แสดงให้เค้าเห็นถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของทั้งคู่ให้ได้นะคะ

ตอนนี้ยกให้ ดารารัษมี เป็น แมนออฟเดอะแมทซ์ ค่ะ

เท่ห์มาก ๆ #ทีมดารา  :mew1: :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด