...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)  (อ่าน 743922 ครั้ง)

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
พี่อาทิตย์ได้โปรดเปิดใจด้วยเถอะค่ะ :sad4:

ออฟไลน์ milkteabeige

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ดาราเริ่มกลับมาน่ารักแล้วซี

โถๆๆ คุณพงศ์หายไปดูที่ทางนานเหลือเกินค่ะ มาช่วยคุณจันทร์เร็ววว (เอาจริงคือเราคิดถึงคุณพงศ์ผู้น่ารัก 5555)

ชอบคำพูดของคุณพ่อของจันทร์ ...
จันทร์ไม่ได้ตัวคนเดียว นอกจากพี่น้องแล้วยังมีพ่ออีกคน คือมันอบอุ่นมากเลยค่ะ แล้วยังจะคำสอนของคุณพ่ออีก ที่ว่าพี่น้องต้องรักกัน มีอะไรต้องช่วยเหลือกัน หูยยยย นี่อยากชูป้าย FC คุณพ่อมากๆๆ


ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
พี้อาทิตย์แอบใจร้าย
อยากให้เข้าใจพี่จันทร์กับคุณหมอบ้าง
ต้องใช้เวลาสินะ
จะทีอัศวินคนไหนออกมาช่วยบ้าง
คุณพ่อพี่จันทร์ล่ะคะ ดาราด้วย


คุณวินิตจะจีบดารามั้ยน่าา
ขายออกๆ

ขอคิงืนความสุขให้หมออาทิตย์หน้าเลยได้มั้ยย

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
ดาราน่ารัก
พี่น้องทั้งสี่คนมีคนมาดูแลก็ดี
พ่อแม่จะได้เบาใจ ???

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อ่านถึงตอนที่คุณพ่อเรียกพบพี่จันทร์ อ่านไปอ่านมา น้ำตาหยด
ความรักของพ่อกับแม่ ความห่วงใยของพี่น้อง สำคัญเสมอ

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
บางทึก็คิดว่าจันทร์ดื้อเกินไป :katai1:

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
อาทิตย์เหมือนดาราตอนแรกๆที่รู้เรื่อง
พี่น้องได้คุยกันแต่ไม่รู้ว่าอาทิตย์จะทำใจได้แค่ไหน
แล้วที่คุณพ่อต้องหาข้อมูลเองนี่ อ่านแล้วเสียวสันหลังวาบ
ขอให้ใครๆก็เข้าใจจันทร์กับคุณหมอด้วยเถอะ
รออ่านตอตต่อไปค่ะ


ออฟไลน์ niza59

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ากลัวตรงที่ว่าคุณพ่อจะไปแอบสืบเองนี่สิ
พี่อาทิตย์ยอมจันทร์เจ้าเถอะ  :monkeysad:

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
้เป็นตอนที่ได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ของความรักเยอะขึ้นมาก


 o13

ออฟไลน์ numin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เง้ออออ พี่อาทิตย์ใจร้ายอ่ะ ไม่สงสารคุณจันทร์บ้างเลยหรือ
คุณจันทร์น่าสงสารนะ ดูสิ ไม่ค่อยยิ้มแถมไม่ขี้เล่น เอาแต่ใจเหมือนเดิมเลย
พี่อาทิตย์ใจอ่อนไวไวนะ พี่น้องต้องรักกัน ไม่ทะเลาะกันแบบที่ดาราบอกอ่ะ

แต่แบบรู้ว่ายังไงคุณหมอกันคุณจันทร์จะต้องผ่านมันไปได้แน่นอน
ลึกๆในใจก็อยากจะให้คุณจันทร์สารภาพกับคุณพ่อไปเลย ว่าเกิดอะไรขึ้น
เพราะอย่างน้อยท่านก็จะได้รู้เรื่องราวจากปากของเรา ดีกว่ามารู้เพราะคนอื่นในตอนหลัง
คิดแบบนั้นจริงๆนะ แต่ก็เข้าใจแหละ มันเป็นเรื่องยากที่จะพูดออกไป

ส่วนตอนนี้ คุณหมอทำคะแนนมาก!!! เท่ห์อ่ะ ไม่แต่งคือไม่แต่ง สุดๆ มีจุดยืน
ก็ต้องรู้ต่อว่าคุณพ่อของคุณหมอจะทำอย่างไร คุณภาคก็บอกจะช่วยคุณหมอเรื่องความรัก
นึกหน้าไม่ออกจริงๆถ้ารู้ว่าคนที่คุณหมอรักคือคุณจันทร์เนี่ย จะทำหน้าอย่างไง 555+

รอนะ รอ อยากให้ถึงวันพฤหัสบดีเร็วๆจัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Bellze12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
พี่อาทิตย์ใจอ่อนเร็วๆนะ
ปล่อยให้จันทร์ได้เจอคุณหมอสักที
อยากเห็นโมเม้นของคู่นี้

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


ง่า... เรื่องราวมันชักจะยุ่งไปกันใหญ่แล้วสิเนี่ย
พ่ออาทิตย์นะพ่ออาทิตย์ จะไม่ปล่อยให้น้องได้ลองผิดลองถูกลองเป็นรับดูเสียหน่อยเหรอ?
เกิดคุณพ่อไปตามสืบแล้วได้เรื่องขึ้นมา งานหนักจะไม่เข้าพ่อจันทร์ของหมอกันพอดีหรือลูก?
โอ๊ยย! อยากอ่านตอนต่อไปมาก อยากให้มาม่าชามนี้ผ่านไปเร็ว ๆ ที่สุดเลย!!

เป็นกำลังใจให้ และรอติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^  :pig4:


ออฟไลน์ snowtoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ถ้าพี่อาทิตย์ไม่อยากอยู่แบบเศร้าๆ อย่างคุณวินิตที่ทะเลาะกับน้องชายด้วยเหตุผลเดียวกันนี้เลยก็ใจอ่อนให้จันทร์จ้าวและคุณหมอไวๆ นะคะ

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
คุณพ่อจะสืบเองแล้วถ้าได้เรื่องมาแล้วจะเป็นยังไงเนี่ย
ส่วนดาราตอนนี้พูดดีมากๆ และท่าจะเข้ากันได้ดีกับนายวินิตด้วยนะเนี่ย

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
จันทร์จ้าว
By: Dezair
…………………….
บทที่ ๒๐


   ‘บางครั้ง...เราก็ทำตามความถูกต้องไม่ได้ เพราะมีบางอย่างที่สำคัญกว่า’



คำพูดของดารารัศมียังคงดังก้องอยู่ในหัว ไม่ว่ายามนั้นอาทิตย์จะทำสิ่งใดอยู่ เรื่องของจันทร์จ้าวและหมอภวัตก็มักจะเข้ามาวนเวียนอยู่เนืองๆ ทุกวันนี้จันทร์จ้าวย้ายกลับมานอนที่บ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์แล้ว ตอนเช้า เขาจะเป็นคนพาไปส่งที่สำนักงาน ส่วนตอนเย็นก็เป็นเขาอีกเช่นกันที่แวะไปรับกลับ นายทหารหนุ่มไม่ได้ยินเสียงจากเหล่าเพื่อนพ้องว่าพบเจอจันทร์จ้าวอยู่กับหมอภวัตอีก รวมถึงท่าทีนิ่งเฉยไม่พูดไม่จาของน้องชายก็พอจะบอกได้เลาๆว่าวิธีการของเขาทำให้คนทั้งคู่ไม่ได้พบเจอกันเลย


...สิ่งที่เขาทำคือความถูกต้อง บุรุษเพศ ๒ คนไม่อาจคบหากันในเชิงพิศวาสเช่นนั้นได้ ยิ่งโดยเฉพาะฝ่ายหนึ่งคือน้องชายของเขาด้วยแล้ว ถึงแม้จันทร์จ้าวจะไม่ใช่ความหวังของบิดามารดา แต่ก็เป็นดังแก้วตาดวงใจ หากเรื่องพรรค์นี้รู้ถึงหูท่านนายพลเดชและคุณหญิงผกา อาทิตย์ก็มองเห็นแต่ความพินาศปรากฏขึ้นมาตรงหน้า...


“อาทิตย์...อาทิตย์...” เสียงเรียกดังขึ้นซ้ำๆ ๒-๓ ครั้งแต่จนเจ้าของชื่อรู้สึกตัว และเมื่อนั้นนายทหารหนุ่มจึงเพิ่งสังเกตว่าที่โต๊ะทำงานของเขา มีเพื่อนนายทหารยืนล้อมอยู่หลายคน


“เป็นอะไรไปน่ะ เรียกตั้งนานก็ไม่ตอบ”


“ไม่ได้เป็นอะไร...ว่าแต่...มีอะไรกันหรือ” อาทิตย์ก้มหน้าพูดอ้อมแอ้มแล้วทำเป็นหยิบจับเอกสารบนโต๊ะทำงานของตนขึ้นมาดู


“จะมีอะไร ท่านนายพลศักดิ์เรียกหาแหน่ะ” เพียงเท่านั้นคนที่กำลังทำเป็นสนใจเอกสารก็ถึงกับเงยหน้ามองคนพูดทันที


“ว่าอย่างไรนะ?!”


“ก็บอกว่าท่านนายพลศักดิ์ วิชาญโยธินเรียกคุณอาทิตย์เข้าพบน่ะซี”


“เรื่องอะไร ทราบไหม” เขาถามด้วยหัวใจหวั่นวิตก เกรงว่าเหตุที่ผู้เป็นนายของตนเรียกพบ จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของหมอภวัตและจันทร์จ้าว


“ไม่ทราบหรอก เห็นท่านพูดว่ามีเรื่องจะถามสักหน่อย” หัวใจของอาทิตย์หล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่มด้วยความตกตะลึง เกือบจะนั่งตาค้างอยู่ที่เดิมแล้ว หากไม่ใช่เพราะเพื่อนร่วมแผนกที่เป็นคนมาตามเขาไปพบนายพลศักดิ์ วิชาญโยธินกระตุ้นเขาอีกครั้งเสียก่อน เมื่อนั้นวัวสันหลังหวะที่ชื่ออาทิตย์ รักษพิพัฒน์จึงยอมลุกจากโต๊ะเดินตรงไปยังห้องทำงานของผู้เป็นนายด้วยหัวใจหวาดหวั่นยิ่งกว่าเส้นทางเบื้องหน้าจะนำพาไปเขาไปสู่นรกเสียอีก

......................................

   อาทิตย์ไม่เคยหวั่นใจในการเข้าพบนายครั้งใดเท่าครั้งนี้มาก่อน นายพลศักดิ์ วิชาญโยธินถือว่าเป็นนายโดยตรงของเขา หนำซ้ำไปกว่านั้น ยังเป็นบิดาของนายแพทย์ภวัต วิชาญโยธินผู้ซึ่งกำลังมีเรื่องลักลอบคบหากับน้องชายของเขาอย่างผิดทำนองคลองธรรมอีกด้วย


   ...หากว่าท่านนายพลทราบเรื่องนี้ และนำเรื่องนี้มาถามย้ำกับเขาเพื่อขอข้อเท็จจริง เขาควรจะทำเช่นไรดี?! เขาควรจะตอบตามตรงหรือไม่ว่าคนทั้ง ๒ คบหากันจริง แต่เวลานี้เขาได้ทำการแยกออกจากกันแล้ว แล้วถ้าหากภายภาคหน้าจันทร์จ้าวดื้อแพ่งกลับไปคบหากับหมอภวัตอีกเล่า? เขาจะให้สัญญากับท่านนายพลได้อย่างไร ในเมื่อคนอย่างจันทร์จ้าว รักษพิพัฒน์น้องชายของเขานั้นเป็นบุคคลผู้ซึ่งอยู่นอกเหนือความคาดหมายเป็นที่สุด!!...


   “...ว่าอย่างไร อาทิตย์ เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไร...” ท่านนายพลผู้นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ถามย้ำอีกครั้ง และเมื่อนั้นอาทิตย์จึงเพิ่งรู้สติ


   “เอ่อ...”


   “อ้าว อ้ำอึ้งเสียอีก อะไรกัน หรือว่าไม่อยากแต่งเสียแล้วล่ะ” นายพลศักดิ์ถามพลางยิ้ม


   “แต่ง?...”


   “ก็แต่งงานน่ะซี! ฉันทราบเรื่องแล้ว วันนี้ไปพบคุณชายฉัตรมา ท่านปรึกษาเรื่องจ้างช่างรับเหมามาปรับปรุงตึกเป็นเรือนหอให้อย่างไรล่ะ ไม่มีบอกกล่าวล่วงหน้ากันเลยนะ อาทิตย์ นี่ถ้าฉันไม่ทราบจากคุณชายในวันนี้ ฉันคงทราบอีกทีก็วันงานของเธอกระมัง”


   “อ้อ...ครับ...เอ่อ...คือ...ขอประทานโทษครับท่าน ทางคุณแม่ยังไม่ได้ดูฤกษ์ ผมก็เลยยังไม่ได้บอกใครครับ...”


นายพลศักดิ์มองชายหนุ่มคราวลูกเบื้องหน้าแล้วก็ยิ้มอย่างเมตตา อาทิตย์เป็นทหารใต้สังกัดของท่านมานาน เห็นตั้งแต่เมื่อครั้งเข้ามาเป็นทหารใหม่ๆ มาบัดนี้กำลังจะแต่งงานมีครอบครัวเสียแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะภาคภูมิใจ


   “ฉันดีใจด้วย เธอกับคุณพิมเหมาะสมกันเหลือเกิน”


   “ขอบพระคุณครับ”


   “เฮ้อ...เห็นเธอแต่งงานมีครอบครัวอย่างนี้ ฉันก็อยากจะให้ลูกชายของฉันแต่งงานบ้างจริง แต่น่าเสียดาย ภวัตที่คิดว่าน่าจะยอมแต่งโดยง่าย จู่ๆก็กลับไปพูดกับฉันที่บ้านว่าอย่างไรก็จะไม่แต่ง ส่วนนายเภา...รายนี้มาแปลก จู่ๆก็นึกอยากจะแต่งงานขึ้นมาทั้งๆวันนี้เที่ยวเล่นกับผู้หญิงคนหนึ่ง อีกวันก็ไปกับอีกคนหนึ่ง เถลไถลไปเรื่อย นี่ฉันยังหวั่นใจอยู่ ถ้าเกิดไปสู่ขอใครมาเป็นเมียให้ลูกคนนี้ เกรงว่าจะถูกพ่อแม่ฝ่ายสะใภ้ถอนหงอกเอาตอนแก่” ท่านนายพลพูดยืดยาว แต่กระนั้นอาทิตย์กลับหยุดชะงักที่ประโยคแรกๆของชายวัยปลาย


   ‘…ภวัตที่คิดว่าน่าจะยอมแต่งงานโดยง่าย จู่ๆก็กลับไปพูดกับฉันที่บ้านว่าอย่างไรก็จะไม่แต่ง...’


   “คุณหมอ...จะไม่แต่งงานหรือครับ”


   “ใช่ น่าตกใจใช่ไหมล่ะ ฉันก็ไม่คิดมาก่อนว่าภวัตจะพูดกับฉันเช่นนั้น ภวัตไม่เคยปฏิเสธความต้องการของฉัน จนกระทั่งวันนั้นที่กลับไปบ้าน ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าน่าแปลก เพราะเห็นว่าที่โรงพยาบาลงานเยอะพอดู ก็เลยมักจะนอนค้างที่บ้านพักที่นั่น แต่จู่ๆวันนั้นก็กลับไป คงตั้งใจจะไปพูดเรื่องไม่แต่งงานกับฉัน แต่...ทำไมอยู่ดีๆภวัตถึงตั้งใจพูดเรื่องนี้กับฉันก็ไม่ทราบ เธอพอจะรู้อะไรมาบ้างไหมล่ะ อาทิตย์ ไม่สิ...ต้องถามน้องเธอใช่ไหม เห็นแต่ก่อนพวกหน้าห้องฉันคุยกันว่าเจอน้องเธอกับภวัตตีเทนนิสด้วยกันบ่อยๆ”


   พอพูดเรื่องน้องชายของอาทิตย์ขึ้นมา ก็ทำเอาคนถูกถามถึงกับหายใจลำบากขึ้นมาอีกหน


   “เอ่อ...ผมว่า...ตอนนี้คงจะ...ไม่สนิทกันแล้วครับ ช่วงนี้...น้องชายของผมเขาไม่ค่อยไปเที่ยวเล่นที่ไหน”


   “อ้าว อย่างนั้นหรือ? น่าเสียดาย เห็นว่าก่อนหน้านี้สนิทกับภวัตพอดู ฉันก็ยังแปลกใจว่ามีคนสนิทกับลูกชายฉันได้ขนาดนี้เชียว ภวัตน่ะแปลกมาแต่เล็ก เขาไม่ค่อยสนิทกับใครง่ายๆ ถึงจะเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดีก็เถอะ” อาทิตย์ไม่ได้พูดกระไร เขาไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องของภวัตมากไปกว่านี้ เพราะรู้ดีแก่ใจว่าเหตุใดภวัตจึงพูดเรื่องไม่แต่งงานกับท่านนายพล


   ...แต่เพราะเรื่องคบหากับจันทร์จ้าวเท่านั้นน่ะหรือ ภวัตจึงยอมทำถึงเพียงนี้...เพราะการคบหาอย่างผิดทำนองคลองธรรมและไม่มีทางยืดยาวอย่างนี้น่ะหรือ ภวัตถึงกับกล้าพูดว่าจะไม่แต่งงาน...ทำไมถึงได้กล้าพูดเรื่องเช่นนั้น ทั้งๆที่รู้แก่ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างหมอภวัตและจันทร์จ้าวไม่มีทางเป็นไปได้!!...


   “อาทิตย์ เป็นอะไรไป” ท่านนายพลเห็นสีหน้าไม่สู้ดีและเต็มไปด้วยคำถามมากมายของผู้เป็นลูกน้องที่ยืนอยู่อีกฝั่งของโต๊ะก็ตั้งคำถามด้วยความห่วงใย


   “ไม่ได้เป็นอะไรครับ...เอ่อ...แล้ว...ท่านคิดจะบังคับ...คุณหมอ...ให้แต่งงานไหมครับ” อาทิตย์ถามตะกุกตะกัก ท่านนายพลนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจยาวแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้


   “คิด” คำตอบของท่านทำเอาคนถามชะงัก ทว่าพอเขาเหลือบตามองใบหน้าของท่านนายพล ท่านกลับส่งยิ้มจางให้เขา


   “ตอนแรกที่ได้ยินว่าจะไม่แต่งงาน ฉันยอมรับว่าโกรธ ตอนนี้ก็ยังโกรธ หน้าที่ของลูกผู้ชาย นอกจากบวชทดแทนคุณพ่อแม่ ก็ต้องแต่งงานมีลูกหลานสืบสกุลจึงจะเรียกว่าสมกับที่เกิดมา ภวัตบวชแล้วเหลือก็แต่แต่งงาน ทำไมถึงไม่อยากแต่งฉันก็ไม่เข้าใจ อ้ายที่อ้างว่าไม่มีเวลาก็ฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย ถามหน่อยเถอะพ่ออาทิตย์ เคยคิดจะไม่แต่งงานบ้างไหม”


นายทหารหนุ่มคราวลูกมีท่าทีอึกอัก ด้วยเพราะไม่รู้จะพูดเช่นไร หากเขาตอบว่าไม่เคยคิดจะไม่แต่งงาน ก็จะกลายเป็นพุ่งเป้าไปที่ภวัตโดยตรง และอาจทำให้ท่านไขว่คว้าหาคำตอบว่าเหตุใด นายแพทย์หนุ่มจึงไม่คิดจะแต่งงาน แต่หากตอบว่าเคยคิดจะไม่แต่งงานเช่นเดียวกัน ก็จะกลายเป็นว่าเขาเห็นด้วยกับภวัต และอาจทำให้ท่านนายพลยอมปล่อยให้นายแพทย์หนุ่มผู้นั้นมีชีวิตโสดตามที่ร้องขอ


   “อ้าว กลายเป็นเงียบไปเสียแล้ว อย่าบอกเชียวว่าเคยคิดจะไม่แต่งงานเหมือนพ่อภวัตอีกคน จนกระทั่งมาเจอกับธิดาของท่านชายฉัตรก็เลยตัดความคิดนี้ออกไปได้” นายพลเดชหยอก


   “...ถ้า...เอ่อ...ถ้าคุณหมอพบคนที่ถูกตาต้องใจ...บางที...คุณหมออาจจะนึกอยากแต่งงานขึ้นมาก็ได้นะครับ”


   “ก็แล้วแต่เขาเถอะ ฉันไม่อยากจะเข้าไปยุ่งกับชีวิตเขา แค่เรื่องเพี้ยนของนายเภาที่อยากจะแต่งงานก็ทำให้ฉันวิ่งวุ่นจะแย่ ลูกคนนี้สมกับเป็นลูกคนเล็ก อยู่ๆก็ขอแต่งงาน พอถามว่าจะแต่งกับใครก็บอกไม่ทราบให้พ่อแม่เป็นธุระให้ ฉันก็เลยไปพบคนนั้นคนนี้เยอะแยะไปหมด ช่วงนี้เลยปล่อยให้ภวัตตัดสินใจไปก่อนร บางทีเห็นน้องแต่งก็อาจจะอยากแต่งขึ้นมาบ้าง จริงไหม”


   “แล้ว...ถ้าคุณหมอยังยืนยันคำเดิม...”


   “ก็จะไปบังคับได้เสียที่ไหน แต่ก่อนฉันเคยเกริ่นให้เขาเป็นทหาร เขาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วขอเรียนโรงเรียนแพทย์ อ้ายฉันก็เห็นว่าเป็นหมอก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยยอมปล่อย หากรู้แต่แรกว่าเรียนแล้วต้องทำงานหนักจนกลายเป็นข้ออ้างให้ไม่แต่งงานอย่างนี้ ฉันคงไม่ยอมหรอก”


   “นั่นซีครับ หากรู้ทุกอย่างแต่แรก ก็คงจะดี...” หากอาทิตย์รู้แต่แรกว่าน้องชายกลับมาเมืองไทยแล้วจะได้มารู้จักคบหากับภวัต เขาคงทำทุกวิถีทางให้จันทร์จ้าวอยู่อเมริกาต่อไป อย่างน้อยๆก็จนกว่าภวัตจะแต่งงานเสียก่อน แล้วเขาจึงจะยอมให้น้องชายกลับมา แต่...เรื่องมันผ่านมาแล้ว จันทร์จ้าวกลับมาแล้ว และได้พบกับภวัตแล้ว หนำซ้ำคนทั้ง ๒ ยังคบหากันอย่างไม่ถูกไม่ควรอีกด้วย


   ...หากเขารู้แต่แรก แค่เพียงรู้แต่แรก...เขาจะไม่ยอมให้เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเลย...


   “วันนี้พ่ออาทิตย์ดูแปลกพิกล เป็นอะไรไป หน้าตาดูอทุกข์ไม่เหมือนคนจะแต่งงาน” เพราะเป็นนายของอาทิตย์มานาน ความคุ้นเคยทำให้ท่านนายพลมองเห็นความผิดปกติบนสีหน้าของชายหนุ่ม


   “ไม่ได้เป็นอะไรครับ คงเพราะพักนี้มีเรื่องให้คิดมาก จึงไม่ค่อยได้พักผ่อน”


   “คงเป็นเรื่องแต่งงานล่ะซี คนจะแต่งงานก็ต้องมีเรื่องแยะเป็นธรรมดา ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยก็ขอให้บอก เธอก็เหมือนลูกฉันคนหนึ่ง งานแต่งของเธอทั้งที ฉันก็อยากมีส่วนร่วมบ้าง แล้วถ้ามีฤกษ์เมื่อไร ต้องบอกฉันเป็นคนแรกๆล่ะ ฉันไม่อยากจะรู้จากปากคนอื่นหรอกนะ” ท่านนายพลหยอกอย่างเอ็นดูชายหนุ่มเบื้องหน้า อาทิตย์ค้อมศีรษะรับคำและขอตัวออกจากห้องไป ท่านนายพลมองตามจนกระทั่งบานประตูปิดลงแล้วก็รู้สึกแปลกประหลาดกับท่าทีพิกลของอีกฝ่าย


   ...คนที่กำลังจะมีข่าวดีเรื่องคู่ครองในไม่ช้า เหตุใดจึงมีสีหน้าคิดไม่ตกถึงเพียงนี้หนอ...
.........................................


   อาทิตย์คิดไม่ตกจริงอย่างที่ท่านนายพลคิดเอาไว้ เพราะเขากลับไปนั่งทำงานต่ออย่างใจลอย และในที่สุดเมื่อถึงเวลาพักกลางวัน เขาก็ขอตัวกับเพื่อนร่วมงานโดยให้เหตุผลว่าจะออกไปทำธุระและจะกลับมาในตอน ๑๓ นาฬิกา


   ชายหนุ่มในเครื่องแบบทหารขับรถโฟล์คสีดำของตนเองออกจากกรม จุดหมายปลายทางคือโรงพยาบาลใหญ่ใกล้บ้านของเขานั่นเอง เขาดับเครื่องแล้วอยู่ในรถทั้งอย่างนั้นด้วยเพราะคิดไม่ตกว่าตนเองขับรถมาที่นี่เพื่ออะไร


   ...เพื่อมาพูดกับหมอภวัตอย่างนั้นหรือ? เขาต้องการพูดอะไรกับหมอภวัต? ในเมื่อสิ่งที่เขาต้องการจะพูด เขาก็พูดไปหมดแล้วตั้งแต่เมื่อครั้งพบเห็นความจริงที่วังฉัตร...


   ‘ผมไม่มีวันปล่อยให้เรื่องบ้าๆนี่เกิดขึ้นในชีวิตน้องของผม!!’


   เขาจำได้ดีว่าตนเองไม่ได้ตวาด ไม่ได้โวยวาย แต่พูดด้วยความรู้สึกกดดันมากที่สุดในชีวิต ท่าทีของหมอภวัตในวันนั้นก็เช่นกัน ต่างฝ่ายต่างเก็บกักอารมณ์โมโหร้ายเอาไว้ ไม่มีใครระเบิดความรู้สึกทั้งหลายทั้งปวงออกมา แต่สุดท้ายการเจรจาก็ล้มเหลว หมอภวัตผู้ที่เขาเคยคิดว่ารู้จักผิดชอบชั่วดีกลับพูดจาชัดถ้อยชัดคำว่าจะไม่เลิกกับจันทร์จ้าวเป็นอันขาด หนำซ้ำยิ่งไปกว่านั้น ยังไปบอกกับท่านนายพลศักดิ์ วิชาญโยธิว่าจะไม่แต่งงานเสียอีก


   อาทิตย์ได้แต่เอนศีรษะพิงเบาะอย่างหมดหนทาง ทว่าไม่ทันตัดสินใจว่าจะทำเช่นไรต่อไปดี สายตาก็เหลือบไปเห็นสามล้อคันหนึ่งเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าตึกโรงพยาบาล ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่เขาคุ้นตาดีก้าวเท้าลงจากรถแล้วส่งเงินให้กับคนรับจ้าง นายทหารหนุ่มเบิกตาโพลงด้วยความตกตะลึง ไม่คิดว่าจะได้พบที่นี่


   ...จันทร์จ้าว!!!...


   ...จันทร์จ้าวมาที่นี่ทำไม!!!...


   วูบแรกเขาคิดว่าน้องชายอาจจะมาเยี่ยมใคร แต่วูบต่อมา อาทิตย์คิดว่าจันทร์จ้าวมาที่นี่เพื่อแอบลักลอบมาพบหมอภวัต!!!


   เขารีบลงจากรถ หมายจะเดินไปฉุดกระชากน้องชายออกจากโรงพยาบาล ทั้งเช้าและเย็น เขาอุตส่าห์เทียวส่งเทียวรับ แต่เจ้าตัวก็ยังหาเรื่องแอบมาหาหมอภวัตในตอนกลางวันอย่างนั้นหรือ!!!


   ความรู้สึกโกรธเกรี้ยวที่มีต่อน้องชายพุ่งปะทุจนเขาเกือบจะก้าวเท้าอาดๆเดินเข้าไปหาแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะทันสังเกตเห็นว่าจันทร์จ้าวลงจากรถสามล้อแล้วก็เดินไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าตึก ทว่ากลับไม่เดินเข้าไปข้างใน


   ...นั่นน้องชายของเขากำลังทำอะไร?...


   อาทิตย์งุนงง และเพราะความสงสัย ทำให้เขาถอยกลับมายืนหลบอยู่ที่รถโฟล์คของตนตามเดิม


   เขายืนจับสังเกตพฤติกรรมแปลกพิกล จันทร์จ้าวยังคงยืนอยู่ที่ทางเข้าตึกของโรงพยาบาล มองชะเง้อเข้าไปภายในราวกับรอคอยอะไรบางอย่าง ตอนแรกอาทิตย์คิดว่าน้องชายของเขาคงนัดหมอภวัตออกมาเจอ แต่นี่คือหน้าตึกโรงพยาบาล หากจะนัดออกมาเจอกันอย่างหลบๆซ่อนๆ ก็ควรจะหาที่นัดที่หลบลี้สายตาคนมากกว่านี้ ไม่ใช่หน้าประตูตึกใหญ่ที่มองเห็นทุกคนภายในโถง


   ...มองเห็นทุกคนอย่างนั้นหรือ?...


   นายทหารหนุ่มเหมือนจะฉุกใจขึ้นมาได้ หากว่าการยืนมองจากหน้าประตูทางเข้าตึกจะทำให้เห็นผู้คนทั้งหมดในโถงของโรงพยาบาล ถ้าจันทร์จ้าวต้องการเห็นหน้าใครสักคน เขาก็ควรจะยืนอยู่ตรงนั้น เพราะจะทำให้มองเห็นทั้งคนไข้ ทั้งพยาบาล และบางที...อาจรวมถึงหมอที่ออกจากห้องตรวจด้วย


   อารมณ์โกรธที่มีต่อน้องชายมลายสิ้นเมื่อตระหนักได้ว่าคนที่กำลังยืนหลบอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าตึกโรงพยาบาลนั้น ทำเพียงแค่ชะเง้อคอมองสอดส่องเข้าไปในโถง แต่กลับไม่ก้าวเท้าเดินเข้าไปในนั้น เขาเห็นจันทร์จ้าวผู้กำลังชะเง้อคอมองยืนอยู่ตรงนั้นเป็นนาน จนกระทั่งสุดท้ายก็ทำได้เพียงยิ้มจางกับตนเองอย่างเศร้าสร้อยแล้วจึงหมุนตัวเดินกลับออกไปจากโรงพยาบาล


   อาทิตย์ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองเห็นนับตั้งแต่น้องชายลงจากสามล้อ มายืนชะเง้อคอมองที่หน้าประตูทางเข้าตึกโรงพยาบาล จนกระทั่งเวลาผ่านไปเป็นนาน เจ้าตัวถึงได้ยอมเดินกลับออกไปโดยไม่อยู่พบหน้าพบตาใครบางคนเสียก่อน หัวใจของผู้เป็นพี่ที่เคยร่ำร้องว่าครั้งนี้จะต้องไม่ตามใจจันทร์จ้าวให้เดินทางผิดถึงกับไหวยวบด้วยเพราะไม่เคยพบเห็นน้องชายของตนในลักษณะเช่นนี้มาก่อน เขาเปิดประตูกลับขึ้นไปนั่งบนรถ พอเหลือบมองนาฬืกาถึงได้พบว่าเป็นเวลาเกือบจะ ๑๓ นาฬิกาแล้ว จึงทำได้เพียงขับรถกลับไปที่กรม แล้วหลังจากนั้น เรื่องในหัวของเขาก็ไม่ใช่แค่การกีดกันจันทร์จ้าวและภวัตอีกแล้ว


   ชายหนุ่มได้ยินเสียงของน้องสาวคนเล็กดังก้องอยู่ในศีรษะอีกครั้ง


   ‘บางครั้ง...เราก็ทำตามความถูกต้องไม่ได้ เพราะมีบางอย่างที่สำคัญกว่า’


   ...หรือครั้งนี้...เขาก็ไม่อาจทำตามความถูกต้องเหมือนที่ดารารัศมีเองก็ทำไม่ได้เช่นกัน...


......................................

   จันทร์จ้าวยังคงไม่พูดกระไรเกินความจำเป็น เขาไม่มีเรื่องสนุกมาเล่าที่โต๊ะรับประทานอาหารเหมือนจันทร์จ้าวคนก่อน หนำซ้ำช่วงนี้เขากลับมาพร้อมอาทิตย์ทุกเย็น บ้านรักษพิพัฒน์จึงรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันทุกวัน ยิ่งพบหน้าค่าตากันเท่าไร ท่าทีนิ่งเฉยเหมือนไม่มีทั้งความสุขและความทุกข์ก็ยิ่งปรากฏในสายตาของบิดามารดาเท่านั้น


   คุณหญิงผกาผู้ทั้งรักทั้งโปรดบุตรชายคนรองยิ่งกว่าใครเป็นฝ่ายอดรนทนไม่ได้จนต้องเรียกบุตรชายคนใหญ่มาถามไถ่ในค่ำวันหนึ่งหลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว และจันทร์จ้าวขอตัวไปพักผ่อน


   “พ่ออาทิตย์...เรื่องที่ให้คนมาตรวจดูบ้านเช่าน่ะ เรียบร้อยดีหรือยัง” พออาทิตย์ทรุดกายลงนั่งใกล้มารดา คุณหญิงผกาก็ตั้งคำถามในทันที


   “ก็...เรียบร้อยดีแล้วครับ”


อันที่จริง ไม่มีช่างคนใดไปที่บ้านเช่าหลังนั้นทั้งนั้น นับตั้งแต่เขาสั่งให้จันทร์จ้าวกลับมานอนที่บ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์


   “เรียบร้อยดีแล้ว ก็ให้พ่อจันทร์กลับไปนอนที่นั่นได้แล้วล่ะซี พ่อจันทร์แกคงคิดถึงที่นั่น ถึงได้เงียบลงทุกวันๆ ส่วนเพื่อนของพ่ออาทิตย์ที่ว่าอยากจะเช่าบ้าน ก็ให้เช่าหลังอื่นจะได้ไหมล่ะ เราก็มีบ้านเช่าออกถม” นายทหารหนุ่มเงยหน้ามองมารดาด้วยเพราะไม่อาจพูดคำใดได้ เหตุผลที่เขาไม่ต้องการให้จันทร์จ้าวกลับไปนอนที่นั่น ให้อย่างไรก็ไม่อาจยกขึ้นมาเป็นเหตุผลให้บิดามารดารับทราบได้หรอก


   “อีกหน่อย ผมแต่งงาน คุณชายฉัตรท่านก็อยากจะให้ย้ายไปอยู่ที่เรือนหอซึ่งท่านปรับปรุงใหม่ ที่นี่ก็จะเหลือเพียงนภาและดารา ให้จันทร์กลับมาอยู่ที่นี่ไม่ดีกว่าหรือครับ”


   “ทำไมถึงพูดเช่นนั้น” คุณหญิงผกาย้อนถาม ทำเอาอาทิตย์เงยหน้ามอง มารดาถอนหายใจเบาแล้วเอ่ย “พ่ออาทิตย์พูดราวกับเห็นแก่ตัว ตัวพ่อย้ายออกไปอยู่ที่อื่นได้ แต่บังคับน้องให้กลับมาอยู่ที่นี่แทนตนเอง ได้ถามน้องบ้างไหม ว่าใจเขาอยู่ที่ไหน คุณพ่อท่านชอบให้ลูกหลานพร้อมหน้าก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ท่านจะไม่ทราบว่าวันหนึ่ง ลูกทุกคนก็ต้องออกไปสร้างครอบครัว ไปมีชีวิตเป็นของตนเอง คุณพ่อท่านไม่คิดจะรั้งลูกคนใดไว้ที่นี่ แต่หากลูกคิดจะกลับมา บ้านหลังนี้ต้อนรับเสมอ” คุณหญิงผกาเอ่ยด้วยความเมตตา และนั่นทำให้อาทิตย์นิ่งงัน


   ...เห็นแก่ตัว...บังคับให้น้องทำตามความต้องการ...


อาทิตย์รู้สึกเหมือนความเชื่อมั่นในการกระทำที่ยึดหลักความถูกต้องของตนสั่นคลอน เมื่อตระหนักได้ว่าเขากำลังกระทำในสิ่งที่เห็นแก่ตัวจริงอย่างที่คุณหญิงผกาว่า เขาอ้างความเป็นชายของจันทร์จ้าว บังคับให้เดินในเส้นทางที่เขาซึ่งเป็นชายเช่นเดียวกันเห็นควร ยัดเยียดให้ทำในสิ่งที่เขาเห็นว่าดี เขาอ้างคำว่าบุตรชายบ้านรักษพิพัฒน์ บังคับให้จันทร์จ้าวยึดมั่นในทำนองคลองธรรม แต่...เขาไม่ได้ถามสักคำ ว่าหัวใจของจันทร์จ้าวเป็นเช่นไร...


   “อาทิตย์...” คุณหญิงผกาเห็นบุตรชายคนใหญ่เงียบไปก็เรียกเสียงเบา นายทหารหนุ่มเงยหน้ามองมารดาแล้วส่งยิ้มจาง


   “ผมขอเวลาสักหน่อยนะครับคุณแม่ แล้วผมจะมาเรียนอีกครั้งหนึ่งว่าจะทำเช่นไรดี ผมขอตัวก่อนครับ” แล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินกลับเข้าห้องพักผ่อนของตนเองไป ทิ้งให้คุณหญิงผกาได้แต่มองตามด้วยความฉงนสงสัยเป็นที่สุด

..........................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-01-2016 19:41:32 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


เพราะมีพี่ชายมารับมาส่งทุกค่ำเช้า จันทร์จ้าวจึงไม่อาจทำอะไรนอกลู่นอกทางในตอนเช้าและค่ำได้ ช่วงเวลาเดียวที่เขาพอจะมีเป็นของตนเองคือเวลาพักเที่ยง ทุกเที่ยง ชายหนุ่มจะออกจากสำนักงานตรงเวลา ไปขึ้นรถรางแล้วต่อรถสามล้อไปยังโรงพยาบาลใหญ่ ออกจะลำบากลำบนอยู่สักหน่อย แต่เหตุผลเพียงข้อเดียวที่เขาทำเช่นนี้คือ



   ...ต้องการเห็นหน้าภวัต...


   นับตั้งแต่อาทิตย์ทราบเรื่องของพวกเขา จันทร์จ้าวก็ไม่อาจนัดพบกับนายแพทย์หนุ่มได้อีก นอกจากนั้นเขาก็ไม่กล้าไปพบอย่างเอิกเกริกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะไม่อยากให้อาทิตย์ระแคะระคายแล้วทำให้เรื่องนี้เป็นปัญหา เขาตั้งใจว่าจะอยู่เงียบๆสักพัก แล้วใช้ความเงียบที่ตรงกันข้ามกับอุปนิสัยที่แท้จริงของเขาเป็นอาวุธให้อาทิตย์ได้รู้ว่าการกีดกันเขากับหมอภวัต จะต้องพบเจอเขาในรูปแบบใด


   “จะไปแล้วหรือ จันทร์”


ก่อนเที่ยงเล็กน้อย ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดเข้ามาโดยเพื่อนรักอย่างหม่อมหลวงพงศ์ภราธร ผู้รู้เห็นเป็นใจให้จันทร์จ้าวสามารถออกไปพักเที่ยงข้างนอกได้ตามใจชอบ คนกำลังเตรียมตัวจะออก เลื่อนเก้าอี้เข้าเก็บกับโต๊ะเรียบร้อยก็หันไปพยักหน้ารับ


   “ใช่สิ จะเที่ยงแล้ว ผมต้องไปล่ะ”


   “เดี๋ยวซี กันมีเรื่องอยากจะคุยด้วยเสียหน่อย” ยังไม่ทันที่จันทร์จ้าวจะเดินมายังประตู คนที่ยืนคาอยู่ก็ยกมือห้าม คนกำลังรีบเลยชักหงุดหงิด


   “ไว้ทีหลังได้ไหมคุณพงศ์ ผมมีเวลาแค่ช่วงพักเที่ยงเท่านั้นนะ!”


   “กันก็มีเวลาแค่ช่วงนี้เท่านั้น”


   “พูดอะไรของคุณพงศ์นี่! ถอยเลยถอย ผมรีบ”


   “อย่าเพิ่งใจร้อนซี กันมีธุระสำคัญ นี่จะชวนแกไปตีเทนนิสเย็นนี้ ไม่ได้ไปนานแล้วไม่ใช่หรือ” พอหม่อมหลวงพงศ์ภราธรพูดธุระเป็นเรื่องตีเทนนิส คนรีบก็ยิ่งหงุดหงิด คิ้วขมวดมุ่นจนแทบชิด


   “ผมไม่ไปหรอก! คุณพงศ์ก็ทราบว่าช่วงนี้ผมถูกจับตาอย่างกับนักโทษ! กระดุกกระดิกได้เสียที่ไหน!!”


“นี่ขนาดกระดุกกระดิกไม่ได้ ยังออกไปได้ทุกเที่ยง” ถูกหยอกเข้าหน่อย จันทร์จ้าวก็ชักฉุน แต่อารมณ์หงุดหงิดที่ถูกขวางตอนกำลังรีบมีมากกว่า


“คุณพงศ์กำลังทำให้ผมเสียเวลา ผมไม่คุยด้วยแล้ว ขอตัวก่อน” พอจันทร์จ้าวจะก้าวเดินมายังประตู ราชนิกูลหนุ่มก็ยกมือห้ามอีก


   “เดี๋ยว”


   “อะไรอีกล่ะ คุณพงศ์! ถ้าจะชวนผมไปทานข้าว ไปตีเทนนิส ไปพบนายวินิต หรือไปไหนๆ ผมก็ไม่ไปทั้งนั้น! ผมรีบ!” คนอารมณ์ร้อนไม่ฟังอีร้าค่าอีรม เดินฉับๆมายังประตูที่หม่อมหลวงพงศ์ภราธรยืนบังเอาไว้อยู่ และพอจันทร์จ้าวเดินมาถึง ราชนิกูลหนุ่มแห่งวังฉัตรก็เหมือนรู้งานเพราะขยับหลบอย่างว่องไว ทว่า...ใครบางคนที่ก้าวเข้ามายืนขวางประตูแทนที่กลับทำให้จันทร์จ้าวชะงักกึก


   “อ้าว ไม่รีบแล้วรึ?” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรหยอกเมื่อเห็นเพื่อนรักนิ่งชะงักราวกับเห็นผี


“น...นี่...นี่...นี่...” ไม่ใช่แค่นิ่งชะงักตาเบิกค้าง แต่จันทร์จ้าวยังติดอ่างด้วย เพราะคนที่ขยับมายืนขวางเขาเอาไว้ ให้มองอย่างไรก็เป็นดวงหน้าที่เขาจำได้ไม่ลืม


   “สวัสดีครับคุณจันทร์”


   “หมอ!!” จันทร์จ้าวเพิ่งจะหาเสียงเจอในวินาทีนั้น และก็ถึงกับร้องเสียงหลงด้วยความปิติยินดี


   “ผมมาเยี่ยมครับ จะไม่เชิญเข้าไปนั่งในห้องสักหน่อยหรือ”


   “ช...เชิญ...เชิญ...” เพราะสติยังกลับมาไม่เต็มที่นัก จันทร์จ้าวจึงพูดย้ำคำเดิมถึง ๒ ครั้ง แล้วจึงเปิดทางให้นายแพทย์หนุ่มเดินเข้าไปในห้องทำงานของตน ดวงตากลมใหญ่มองตามหลังร่างสูงอย่างคาดไม่ถึงว่าภวัตจะมาที่นี่ ก่อนจะเหลือบมามองหม่อมหลวบงพงศ์ภราธรที่ยืนอมยิ้มอยู่ใกล้ๆ


   “กันบอกแล้วว่าธุระของกันน่ะสำคัญ...สำคัญมากเสียด้วย” เพื่อนรักของราชนิกูลหนุ่มไม่พูดกระไร แต่ก็พอจะมองเห็นร่องรอยของอาการอมยิ้มที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะพยายามกลั้นรอยยิ้มอย่างสุดความสามารถ ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงประตูมาปิด แต่ก็ยังพอได้ยินเสียงของหม่อมหลวงพงศ์ภราธรดังเบาๆเป็นเชิงสั่งปนล้อเลียน


   “ลงกลอนด้วย กันไม่อยากเปิดไปเจอตอนกำลังปรับความเข้าใจ” จันทร์จ้าวถลึงตาดุใส่เพื่อนรัก แต่เมื่อปิดประตูมาแล้ว เขาก็ไม่ลืมจะทำตามที่อีกฝ่ายสั่งด้วยการลงกลอนอย่างเบามือที่สุด แล้วจึงหันไปมองแขกผู้มีเกียรติที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองออกไปนอกสำนักงานของเขาราวกับสนใจมันเสียเต็มประดา


   “ม...หมอ...หมอไม่ต้องทำงานหรือ” และสุดท้ายก็เป็นจันทร์จ้าวที่ตั้งคำถาม หมอภวัตหันมามองแล้วยิ้มจาง เป็นรอยยิ้มอ่อนโยนที่จันทร์จ้าวคิดถึงสุดหัวใจ


   “ตอนนี้พักเที่ยง ไม่ทำครับ”


   “แล้ว...แล้ว...” ทั้งๆที่ไม่ได้พูดคุยกันหลายวัน และจันทร์จ้าวคิดว่าพวกเขามีเรื่องต้องคุยกันอีกมาก แต่กระนั้นเมื่อภวัตมายืนอยู่ตรงหน้า เขากลับคิดอะไรไม่ออก เป็นฝ่ายนายแพทย์หนุ่มที่เห็นสีหน้าเหมือนจะทั้งตกตะลึงทั้งปิติยินดีของจันทร์จ้าว จึงเป็นฝ่ายเดินกลับมาหาเสียเอง


   “ไม่ได้เจอกันนาน คุณดูผอมลงไปนะครับ”


   “น...นานที่ไหน...ผมเพิ่งไปเห็นหมอมาเมื่อวานนี้เอง...” จันทร์จ้าวพูดอย่างไม่ทันคิด เพราะกำลังตกตะลึงที่อยู่ดีๆ คนที่ตนคิดถึงทุกชั่วขณะจิตก็มาปรากฏตัวที่นี่ มาอย่างไรไม่ทราบ แต่ที่ทราบคือมายืนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว


   นายแพทย์ภวัตยิ้มจาง ดวงตาเจือแววแห่งความสุข


   “คุณมาเห็นผม แต่ผมไม่เห็นคุณนี่ครับ ไปแล้วทำไมไม่ให้คนไปเรียกผมล่ะ”


   “ไม่ได้หรอก เกิดพี่อาทิตย์ระแคะระคายว่าผมแอบไปหาหมอทุกเที่ยง คงบังคับให้ผมอยู่แต่ในบ้านแน่”


   “ไปหาผมทุกเที่ยงด้วยหรือ?” ภวัตย้อนถาม หน้าตาดูมีความสุขเหลือประมาณ ไม่เหมือนคนถูกกีดกันเลยสักนิด และเมื่อนั้นดูเหมือนจันทร์จ้าวจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาชักจะพูดมากไปเสียแล้ว จะตั้งท่าทำเป็นแก้ลำก็ทำไม่ลง เพราะตอนนี้ความดีใจกำลังล้นทะลักจนยิ้มเห็นลักยิ้มบุ๋มที่แก้มซ้าย และเป็นภวัตเสียเองที่อดใจไม่ไหวต้องเอื้อมมือมาแตะแก้มขาวของคนตรงหน้าแผ่วเบา


   “ขี้โกง คุณเห็นผมทุกวัน แต่กลับไม่ให้ผมได้เห็นคุณบ้างเลย” ปลายนิ้วโป้งลูบที่รอยลักยิ้มราวกับคิดถึงเหมือนไม่ได้พบเห็นมานาน


ไม่ใช่เขาไม่พยายามที่จะไปพบจันทร์จ้าว แต่ทุกเช้าและเย็น ภวัตจะขับรถไปจอดที่หน้าบ้านเช่าสีเขียวอ่อนเสมอๆ วันแรกๆเขาคิดว่าจันทร์จ้าวไม่อยู่ ยังไม่กลับ หรือออกไปก่อนที่เขาจะไปถึง แต่วันหลังๆ เขาได้พบกับคุณยายที่อาศัยอยู่ข้างบ้าน และเธอบอกเขาว่า `พ่อหนุ่มยิ้มสวยที่บ้านสีเขียวอ่อน’ ไม่ได้กลับมาหลายวันแล้ว พอภวัตตามมารอดูที่หน้าสำนักงาน ก็พบว่าคนที่มารับมาส่งคือรถโฟล์คของอาทิตย์ เมื่อนั้นเขาถึงได้ทราบว่าอาทิตย์คงกักตัวจันทร์จ้าวเอาไว้ไม่ให้เขาได้พบเจอ


   นายแพทย์หนุ่มไม่ทราบจะทำเช่นไรดี จึงติดต่อผ่านทางหม่อมหลวงพงศ์ภราธร ทำให้วันนี้ เขาได้มายืนอยู่ที่นี่ในเวลาพักเที่ยง


   “ผมใจจะขาด อยากเจอคุณแทบตาย ไปรอที่หน้าบ้านเช่า ก็เห็นปิดเงียบ พอมารอที่นี่ก็เห็นแต่คุณอาทิตย์มารับมาส่ง ถ้าไม่ได้คุณพงศ์วันนี้ ผมก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร”


   “ผมก็อยากเจอหมอ”


“นี่ยังไรครับ ผมมาให้คุณเจอแล้ว”


“มาได้ทุกวันไหม” คำถามนั้นทั้งน่ารักและน่าสงสารในคราวเดียว ดวงตากลมใหญ่ที่มองตรงมายังภวัตเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งรัก ทั้งคิดถึง ฝ่ามือหนาของนายแพทย์หนุ่มลูบผิวแก้มของคนตรงหน้าแผ่วเบา


   “คุณต้องการเช่นนั้นหรือครับ”


   “ผม...” จันทร์จ้าวกำลังจะเอื้อนเอ่ยเรียกร้องให้อีกฝ่ายมาหาเขาในทุกๆวัน แต่นายแพทย์หนุ่มก้มหน้าลงมาใกล้เสียก่อน และก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น ริมฝีปากร้อนของภวัตก็แนบชิดลงกับริมฝีปากของเขา


   รสละมุนและหวามไหวขยับพลิ้วบนริมฝีปาก ก่อนที่จะเคลื่อนไปยังข้างแก้ม หน้าผาก และลงมายังปลายจมูก ราวกับภวัตกำลังเล้มไล้ทุกส่วนบนใบหน้าของเขาทีละน้อย จันทร์จ้าวทำได้เพียงยืนนิ่ง และเอียงใบหน้าให้อีกฝ่ายได้แนบริมฝีปากลงในทุกๆที่ที่ต้องการ


   “หมอขี้โกง...” เขาได้แต่ครวญแผ่วเบา เมื่อใบหน้าของภวัตเคลื่อนออกห่างเล็กน้อย พอให้มองกันได้สะดวก


   “ผมขอโทษ แต่ถ้าคุณพูดออกมา ผมคงอดใจไม่ไหวต้องมาที่นี่ทุกเที่ยง บางทีอาจรู้ถึงหูคุณอาทิตย์...”


   “หมอกลัวพี่อาทิตย์หรือ”


   “คุณอาทิตย์รักคุณมาก”


   “ผมทราบ แต่ผมก็อยากให้หมอทราบว่าผมก็รักหมอ” จันทร์จ้าวผู้ดื้อดึง จันทร์จ้าวผู้หัวแข็ง ให้อย่างไรก็ยังตรงไปตรงมากับความรู้สึกของตนเองเช่นเคย ภวัตนึกรักทุกอย่างในตัวของคนผู้นี้ เขารั้งร่างอีกฝ่ายเข้ามาแนบกอดให้จมเข้าไปในอ้อมแขน รัด ๒ แขนรอบกายสูงโปร่งราวกับต้องการเก็บกักจันทร์จ้าวเอาไว้กับเขาตลอดไป


   “อดทนหน่อยนะครับคุณจันทร์ อย่าเพิ่งท้อล้มเลิกไปเสียก่อน ผมจะทำทุกอย่าง ให้เราได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง” วันเก่าๆที่เคยได้เคียงข้างกัน ได้พูดคุย ได้หัวเราะ ยังคงเป็นน้ำล่อเลี้ยงชั้นดีให้ภวัตอดทน เขาหวังว่าวันเหล่านั้นจะกลับมาในไม่ช้า ขอเพียงแค่พวกเขายังพร้อมจะสู้ไปด้วยกัน แม้จะเป็นหนทางที่ยากลำบากเพียงใด แต่ภวัตเชื่อ...ด้วยความรู้สึกที่พวกเขาทั้ง ๒ มีต่อกัน มันยิ่งใหญ่เพียงพอที่จะฝ่าฟันอุปสรรคทั้งปวง


   สำหรับจันทร์จ้าว สิ่งที่ทำให้กำลังใจเพิ่มพูนไม่ใช่คำพูดใดๆของภวัต แต่เป็นการกระทำอันได้แก่การกอดรัดเขาแน่นหนา ราวกับไม่ต้องการปล่อยเขาออกไป ความรู้สึกของภวัตไม่เคยส่งผ่านเขาด้วยคำพูดตรงไปตรงมา แต่มันแฝงมากับสายตาและการกระทำเสมอ ๒ แขนของเขาโอบกอดแผ่นหลังของนายแพทย์หนุ่มด้วยความรักแล้วซุกซบใบหน้าลงกับบ่าของภวัต


   “ผมจะรอนะหมอ จะรอวันของเรา...” ภวัตได้ยินเสียงของคนในอ้อมแขนดังกลับมา และเขาให้สัญญากับประโยคนั้นของจันทร์จ้าว เขาจะทำให้การอคอยของ ‘เรา’ กลายเป็นจริงในเร็ววัน

........................................

   หม่อมหลวงพิมพัชราออกจะเป็นห่วงเรื่องในครอบครัวของคู่รักของตนอยู่มาก โดยเฉพาะหล่อนที่รู้ตื้นลึกหนาบางจากทั้งอาทิตย์และจากที่สอบถามเอากับพี่ชายของหล่อน ทีแรก หม่อมหลวงพงศ์ภราธรไม่ยอมรับ เมื่อครั้งหล่อนซักถามเรื่องความสัมพันธ์ของหมอภวัตและจันทร์จ้าว จนหล่อนต้องชักแม่น้ำทั้ง ๕ รวมทั้งเล่าความจริงว่าทั้งหล่อนและอาทิตย์เห็นคนทั้ง ๒ ที่โต๊ะริมน้ำในสถานการณ์ที่ค่อนข้างจะแนบชิดในสายตาคนนอก เมื่อนั้นผู้เป็นพี่จึงยอมรับว่าทั้งจันทร์จ้าวและหมอภวัตคบหากันจริง


   หล่อนยอมรับว่าตกใจไม่น้อย เรื่องเช่นนี้ หากรู้ถึงหูใครเข้า ก็คงเป็นขี้ปากคนทั้งเมือง แต่ที่น่าหนักใจยิ่งกว่าการตกเป็นที่ติฉินนินทาจากสังคมคนนอก คือท่าทีของอาทิตย์ที่แสดงออกต่อเรื่องนี้ เขาดูเคร่งเครียดและกดดัน ไม่ใช่อาทิตย์คนเดิมที่หล่อนรู้จัก


   “ดิฉันมาพบคุณอาทิตย์ค่ะ ช่วยเรียนเธอทีว่า...หม่อมหลวงพิมพัชรา ฉัตราภาสมาขอพบ”


วันนี้คาบวิชาภาษาอังกฤษที่อยู่ในความรับผิดชอบของหล่อนมีถึงแค่ช่วงเช้า หล่อนจึงเวลามากพอที่จะแวะมาที่กรมของชายคนรัก หลังจากที่ช่วงนี้อาทิตย์รับหน้าที่เป็นสารถีให้น้องชาย จนทำให้หล่อนและเขาไม่ได้พบหน้ากันเป็นเวลานาน


   หลังจากแจ้งความจำนงไปครู่หนึ่ง นายทหารที่ประจำอยู่ที่โต๊ะเสมียนก็เดินนำอาทิตย์ออกมา


   “คุณพิม” อาทิตย์เห็นหญิงผู้เป็นดั่งดวงใจก็รีบวิ่งเหยาะเข้ามาหา ด้วยเพราะคาดไม่ถึงว่าหล่อนจะมาหาเขาถึงนี่


   “สวัสดีค่ะ คุณอาทิตย์” ราชนิกูลสาวยกมือไหว้


   “สวัสดีครับ คุณพิมมาได้อย่างไรครับ”


   “ให้คนรถมาส่งค่ะ พอดีวันนี้พิมมีสอนแค่คาบเช้า ก็เลยแวะมา คิดว่าถ้ามาทันคุณอาทิตย์ จะมาชวนคุณอาทิตย์รับประทานอาหารกลางวันเสียหน่อย” รอยยิ้มพริ้มเพราของหล่อนราวกับเป็นน้ำทิพย์ใก้แก่หัวใจที่หนักอึ้งของนายทหารหนุ่ม อาทิตย์รู้สึกสบายใจอย่างไรชอบกล แค่เพียงได้พิศดวงหน้าหวานของหล่อน


   “คุณอาทิตย์คะ...คุณอาทิตย์...” เพราะมัวแต่พิศ จึงไม่ทันได้ฟังว่าหล่อนพูดเช่นไร ต้องให้หม่อมหลวงพิมพัชราเรียกย้ำ เขาถึงรู้สึกตัว


   “ขอโทษทีครับคุณพิม ผม...เอ่อ...” เขาไม่ทราบจะแก้ตัวเช่นไร ได้แต่ก้มหน้าด้วยความเขอะเขินที่เอาแต่จับจ้องดวงหน้าหวานของราชนิกูลสาวไม่วางตา หม่อมหลวงพิมพัชราเห็นท่าทีของเขายังคงเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนขี้อายคนเดิมก็ได้แต่ยิ้มจางอ่อนหวาน


   “ไม่เป็นไรค่ะ เราไม่ได้พบกันเสียนาน คุณอาทิตย์คงไม่คุ้นชินกับใบหน้าของพิมเสียแล้ว” หล่อนไม่ได้ต่อว่าต่อขานที่พวกเขาไม่พบหน้ากันเวลานาน แต่กระนั้น เนื้อความในประโยคก็ราวกับจะปลุกสติของอาทิตย์ให้รับรู้ว่าเขากำลังละเลยหล่อน


   “ผม...ขอโทษครับ...” เขาได้แต่เงยหน้าขอโทษอย่างรู้สึกผิดจริง แต่ราชนิกูลสาวกลับส่งยิ้มให้เขาแล้วส่ายหน้าไปมา


   “ไม่เป็นไรค่ะ พิมเข้าใจดี”


“ผม...เอ่อ...” ต่อให้ราชนิกูลสาวเอ่ยว่าเข้าใจ แต่กระนั้นอาทิตย์ก็ยังรู้สึกผิด หม่อมหลวงพิมพัชราเห็นท่าทีอึดอัดของคนรักจึงชักชวนเขาออกไปเดินสูดอากาศนอกตึก


“เราออกไปคุยกันตรงนั้นได้ไหมคะ” หล่อนชวนแล้วชี้ไปที่ร่มไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลนัก อาทิตย์พยักหน้ารับแล้วผายมือเชื้อเชิญให้หล่อนก้าวนำ แม้นี่จะเป็นเวลาเที่ยงแล้วก็ตาม แต่ร่มไม้ใหญ่น้อยให้ความร่มรื่นเสียจนไม่รู้สึกร้อนอบอ้าวแต่ประการใด ราชนิกูลสาวคิดว่านี่เป็นสถานที่อันดีที่หล่อนจะใช้เป็นที่เจรจากับคนรัก


“หมู่นี้คุณอาทิตย์ดูเคร่งเครียดนะคะ” หล่อนเอ่ย ดวงตาหวานเชื่อมจับจ้องใบหน้าของชายคนรัก


“ผม...มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อยครับ ขอโทษจริงๆที่ไม่ได้...เอ่อ...” อาทิตย์พูดไม่ออก ทั้งๆที่รู้แก่ใจว่าพักนี้เขาไม่ใส่ใจหล่อนเท่าที่ควร ทั้งๆที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาสุกงอมเสียจนแม้แต่ผู้ใหญ่ยังเตรียมการเรื่องหมั้นหมายเอาไว้แล้วก็ตาม


“คงจะไม่ใช่เรื่องนิดหน่อยกระมังคะ” หม่อมหลวงพิมพัชราแก้คำพูดให้ทั้งที่ยังมีรอยยิ้มจางติดอยู่ที่ข้างแก้ม อาทิตย์เงยหน้ามอง “...เรื่องที่เราคิดว่าหนักหนาสาหัส หากวางมันลงบ้างแล้วขยับถอยออกมามองจากที่ไกลๆ บางทีมันอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างที่เราคิด เช่นเดียวกับการที่เราปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่เรานิยมชมชอบ เราอาจจะได้เรียนรู้อะไรอีกมาก อย่างน้อยๆ ก็ได้เรียนรู้ว่าคนอื่นเขานิยมหรือเขาชมชอบแบบใด คนเราไม่ได้มีเรื่องที่นิยมเหมือนกันไม่ใช่หรือคะ ขนาดภาพยนตร์ ยังมีเรื่องที่เราชอบแต่คนอื่นไม่ชอบ หรือเรื่องที่คนอื่นชอบ แต่เราไม่ชอบ ก็มี”


นายทหารหนุ่มนิ่งงันไปกับคำพูดของสตรีเบื้องหน้า ราวกับหล่อนทั้งสอนและชี้แนะ ชายหนุ่มหวนนึกไปถึงเรื่องที่คุยกับมารดาและดารารัษมี คุณหญิงผกาเองก็เตือนสติให้เขาไม่เห็นแก่ตัวและรู้จักฟังเสียงของจันทร์จ้าว ดารารัษมีก็พูดเรื่องให้เขามองคุณค่าของบางสิ่งที่สำคัญกว่าความถูกต้อง


“ผม...ควรจะ...ยอมรับอย่างนั้นหรือครับ...” นายทหารหนุ่มถามเสียงแหบพร่า รู้สึกถึงความเจ็บร้าวในหัวใจ เขาต้องยอมปล่อยให้จันทร์จ้าวเดินในเส้นทางที่เขาเห็นว่าไม่ถูกไม่ควรอย่างนั้นหรือ หากวันหนึ่งจันทร์จ้าวต้องเสียใจเพราะเส้นทางที่เขาไม่หักห้าม จะเป็นเขาเสียเองที่เจ็บยิ่งกว่าน้อง ในฐานะพี่ที่ไม่รู้จักห้ามปราม


“พิมไม่ได้หมายความว่าให้คุณอาทิตย์ยอมรับนี่คะ พิมแค่บอกให้คุณอาทิตย์ปล่อยเท่านั้นเอง”


   “แต่...ถ้าปล่อยแล้วเกิดเรื่องร้ายในภายหลัง...”


   “ไม่มีชีวิตใครจะมีแต่เรื่องดีหรอกค่ะ คนเราทุกคนล้วนมีกรรมเป็นของตนเอง กรรมอันเกิดจากการกระทำ เรากระทำสิ่งใด ย่อมได้สิ่งนั้น ทำดีก็ย่อมได้ดี ทำชั่วก็ย่อมได้ชั่ว บางครั้ง...เราอาจไม่ทราบว่าสิ่งที่เราทำจะทำให้เราได้ดีหรือได้ชั่ว เราก็ทำได้เพียงแค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามครรลองของมัน ชีวิตของคนคือการเดินทางเพื่อเรียนรู้ รู้ดีใจ รู้เสียใจ รู้เจ็บปวด รู้สมหวัง ขอเพียงแค่เชื่อมั่นในคนของเราว่าเขาจะผ่านความรู้สึกเหล่านั้นมาได้ เรื่องใดๆก็ไม่น่าเป็นห่วงแล้วค่ะ”


   “เชื่อมั่น...หรือครับ” อาทิตย์ย้อนถามอย่างฉงน ทว่าหม่อมหลวงพิมพัชรายังคงยิ้มจาง


   “ค่ะ พิมเชื่อว่าคุณจันทร์ถูกหล่อหลอมมาด้วยความรักจากครอบครัวที่ดี เพราะฉะนั้น เมื่อชีวิตของเขาเดินไปจนพบเจอสิ่งใด เขาจะมีวิธีอยู่กับมันได้อย่างน่าภาคภูมิใจค่ะ” นายทหารหนุ่มถอนหายใจยาว ราวกับเป็นสัญญาณถึงความรู้สึกของการปล่อยวาง


   “คุณพิม...สอนนักเรียนในชั้นเรียนอย่างนี้ไหมครับ” หม่อมหลวงพิมพัชราหัวเราะเบาๆ แต่ก็ทำให้ดวงหน้าหวานกระจ่างไปด้วยความสุข อาทิตย์มองดวงหน้าของราชนิกูลสาวแล้วก็ยิ่งสบายใจ และเขาคงจะรู้สึกสบายกว่านี้ หากทำในสิ่งที่หล่อนแนะนำ


   “นักเรียนในชั้นของพิมมีหลายประเภทค่ะ จะสอนใครอย่างไรก็ต้องดูเนื้อแท้ของเขา บางคนเวลาสอบตกแล้วโทษตัวเองว่าหัวทึบ จำคำศัพท์ไม่ได้ บางคนสอบตกแล้วโทษคนอื่นเช่นว่าฐานะทางบ้านไม่ดี จ้างครูแหม่มมาสอนพิเศษไม่ได้จึงสอบตก บางคนมองโลกคับแคบว่าเรียนแล้วก็คงไม่ได้ใช้ จึงไม่ตั้งใจเรียนแล้วสอบตก แต่ละคนก็มีความคิดแตกต่างกันไป บางคนเป็นแฝด สอบตกเหมือนกัน แต่ยักคิดไม่เหมือนกันก็มี”


   “คุณพิมกำลังสอนผมว่าต่อให้เป็นพี่น้องกันก็คิดไม่เหมือนกัน อย่างนั้นใช่ไหมครับ” ดูเหมือนอาทิตย์จะรู้เท่าทัน หม่อมหลวงพิมพัชราหัวเราะกิ๊ก


   “อย่างนี้เห็นที หากคุณอาทิตย์เป็นนักเรียนในวิชาของพิม คุณอาทิตย์จะต้องเป็นคนสอบได้แน่ค่ะ เพราะทายใจพิมที่ออกข้อสอบถูก”


   “แล้วจันทร์ล่ะครับ ถ้าจันทร์เป็นนักเรียนในวิชาของคุณพิม จันทร์จะสอบได้ไหม” หม่อมหลวงพิมพัชรามองสบเข้าไปในดวงตาของนายทหารหนุ่ม ดูอย่างไรก็ทราบว่าเขาทั้งรักและห่วงน้องชายของเขาเพียงใด


   “...สอบตกค่ะ...” คำพูดของคุณครู ทำให้อาทิตย์สะท้านใจวาบ แต่กระนั้นหม่อมหลวงพิมพัชราก็ยังยิ้มอ่อนโยน


“...เพราะคุณจันทร์จะท่องหนังสือมาเฉพาะที่ตนเองคิดว่าจะออกสอบ แต่จะไม่ทายใจคนออกข้อสอบ เธอดื้อแพ่งในสิ่งที่อยากจะทำ และจะไม่ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ เว้นเสียแต่ว่า เธอจะอยากสอบได้ในวิชานี้ เมื่อนั้นเราจะได้เห็นว่าคุณจันทร์เป็นคนจริงจังเพียงใด น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือขวาง ฉันใดฉันนั้นเราก็ไม่อาจขวางคุณจันทร์ยามที่เธอจริงจังเช่นกันค่ะ”


   “คุณพิม...รู้จักจันทร์ดีเหลือเกินครับ” อาทิตย์ครวญเบา รู้สึกเหมือนตนเองกำลังทำร้ายน้องชายเข้าไปทุกวันทั้งๆที่เขาควรจะเป็นคนเข้าใจจันทร์จ้าวมากที่สุด ไม่ว่าจะด้วยเพราะเขาเป็นพี่ชายแท้ๆ หรือเพราะทั้งเขาและจันทร์จ้าวโตมาด้วยกัน


   “มองอย่างครู คุณจันทร์เธอไม่ใช่คนเหลาะแหละโลเลหรอกค่ะ เธอเป็นคนจริงจังกับชีวิตของเธอ เธอทราบว่าชีวิตของเธอต้องการอะไร และเธอซื่อตรงกับความต้องการของเธอมากกว่าใคร” อาทิตย์ได้แต่เงียบ หม่อมหลวงพิมพัชราทราบดีว่าเวลานี้เขาต้องการตัดสินใจโดยที่หล่อนไม่ชักนำอีก จึงเปลี่ยนเรื่องชวนคุยเป็นการให้เวลาเขากับการตัดสินใจเรื่องนี้


   “เอ?...นี่เที่ยงแล้ว วันนี้คุณอาทิตย์มีนัดรับประทานอาหารกับใครไหมคะ”


   “ไม่มีครับ จริงด้วย คุณพิมคงยังไม่ได้รับประทานอะไรมาซีนะครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะพาไป แถวนี้มีร้านอร่อยร้านหนึ่ง ถ้าไปช้าคนจะแน่น เราไปกันเลยดีไหม”


   “ดีค่ะ” ราชนิกูลสาวจากวังฉัตรยิ้มรับ อาทิตย์จึงผายมือให้หล่อนเดินนำ และเมื่อหม่อมหลวงพิมพัชราก้าวเท้าออกเดิน หล่อนก็ได้ยินเสียงจากชายหนุ่มแผ่วเบา


   “ขอบคุณครับ คุณพิม” ดวงหน้าหวานหันไปมองชายผู้เป็นที่รักแล้วส่งยิ้มให้เขาอีกครั้งหนึ่ง


   “ยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ”   


   ...และหล่อนจะยินดียิ่งกว่านี้ หากว่าคำพูดของหล่อนจะทำให้อาทิตย์ปล่อยวางเรื่องของจันทร์จ้าวให้เป็นไปตามครรลองของมัน...


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)
   คือ...ตอนดาราขัดขวางนี่ทุกคนจงเกลียดจงชังดารากันม้ากมาก แต่พอเป็นพี่อาทิตย์คือทุกคนเว้าวอนขอให้พี่อาทิตย์เห็นใจ ไม่ยุติธรรมกับดาราเลยยยยยยยย ฮาฮา

   แต่ก็อย่างที่เคยบอก เกลียดดาราเมื่อตอนนั้น จะรักดาราในตอนหลัง นางน่ารักนะ ถึงจะชอบแซะๆจันทร์แต่ขอกระซิบบอกว่านี่คือผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการทีเดียว

   พาร์ทนี้คุณพงศ์แท็กทีมออกมาพร้อมหมอ ค่าตัวหารครึ่งกันไป (คือพระเอกหารค่าตัวกับเพื่อนนายเอกนะ สมกับชื่อเรื่องจริงๆ “จันทร์จ้าว” ไม่มีใครสำคัญเท่าคนชื่อจันทร์ แม้จะเป็นพระเอกก็ตาม)

   ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและพื้นที่บอร์ดเช่นเคยค่ะ

   เจอกันพฤหัสหน้า (นับไปอีก 2 พฤหัส เราจะมาร้องเพลงคืนความสุขให้หมอด้วยกัน ฮิ้วววววววว)


ออฟไลน์ bradpitt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1


:heaven  :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven

งานนี้  คุณพงศ์ ทำดีมากกกกก :mew1:

รอลุ้น  พี่อาทิตย์   ให้ใจอ่อนไวไวนะ ...จะได้ช่วยโน้มน้าวคุณพ่อ กะ คุณหญิงด้วยเลย

ออฟไลน์ veeveevivien

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
พาสไป 2 อาทิตย์หน้าเลยได้ไหมมมม

อยากให้เค้าเข้าหอกันเร็ววววว

 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
โอ้ยเรื่องนี้
ถึงเป็นช่วงดราม่า อ่านแล้วก็ยังละมุน
เขียนดีจังเลยครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ jaja-jj

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
อาทิตย์พ่อบ้านใจกล้าตัวจริง 55555555

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
คุณจันทร์น่าสงสารปนน่าเอ็นดูมาก ไปแอบดูคุณหมอที่โรงพยาบาลทุกเที่ยงเลย

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
ใกล้ละ อดทนอีกนิด  ผู้สนับสนุนเพียบ

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
จันทร์นี่น้าแอบไปซุ่มดูหมอซะงั้น หมอเลยมาหาถึงที่เลยยย

พี่อาทิตย์ก็เริ่มใจอ่อนแล้วววว รอคืนความสุขให้หมอภวัตตต :mew1:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
สงสารคุณหมอกับจันทร์เลยอะ
ฮืออออ

ขอบคุณพี่บัว และรอการคืนความสุขให้หมอค่ะ 5555

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
คุณพงศ์กับคุณพิมสมแล้วที่เป็นพี่น้องกัน ปล่อยวางเลยค่ะพี่อาทิตย์ แล้วมันจะผ่านไปด้วยดี~

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อ่านแล้วน้ำตาตกใน สงสารจันทร์เจ้าที่สุด

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
รอวันที่คืนความสุขให้หมอ

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
รอคอยอีก2พฤหัสด้วยใจจดจ่อเลยทีเดียว!!!

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
จันทร์สู้ๆ..หมอภวัตสู้ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด