••►คนนิสัยเสีย•• *ตอนพิเศษ เขามาเอง* 2 กย59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ••►คนนิสัยเสีย•• *ตอนพิเศษ เขามาเอง* 2 กย59  (อ่าน 43950 ครั้ง)

ออฟไลน์ oumpatta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-43

“ยิ่งมันสำออย ฉันยิ่งเกลียดมัน  น้องสะใภ้ที่ดีสำหรับฉันนะ มันต้องไปง้อแกที่เยอรมันนู่น
และถึงแกจะขับไสไล่ส่ง  มันก็ต้องง้อจนกว่าแกจะใจอ่อนสิ”
ความคิดแย่ทั้งพี่ทั้งน้อง เรื่องไอ้พลว่าแล้วต้องโดนแค่นั้น เหอะๆ ไม่ยุติธรรมสุดๆ
ส่วนเรื่องนที ก็วนอยู่แค่นี้ สรุปมีอ้ายโดนด่า เจ็บตัวคนเดียว
ส่วนนทีก็มาตามง้อ โอโหหหหห อ่านมามีแค่นี้ ชีวิตนทีดี้ดีเนาะ
ถ้าคนแต่งทีมนทีก็คงเป็นแบบนี้
ว่าจะเลิกติดตาม อ่านไปจากสงสารมันกลายเป็นรำคาญแล้ว ทุกตัวละครเลย
กว่าจะคุยกันให้เข้าใจคงอีกหลายสิบตอน โดยเฉพาะพี่ของอ้าย

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
ทำไมมีแต่คนว่าอ้ายน้า

อ้ายน่าสงสารเกินไปแล้ว

ไอ้พลก้อดันออกมาจากคุกตอนนี้อีก

ดวงซวยจริงๆอ้าย

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
รออ่าน ชอบเนื้อเรืื่องหนักดี

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
แล้วจะมาทำอะไรอ้ายอีกมั้ยอ่ะ

ออฟไลน์ padloms

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบอ่ะ เรื่องนี้สนุกดี
อยากให้อ้ายดูแลตัวเองและหาแแฟนใหม่ อ่านแล้วหมั่นไส้นที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2015 21:12:11 โดย padloms »

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7


คนนิสัยเสีย 11


นี่หรือคนที่จะมาสอนกายภาพนที
หน้าตาดี....มาก
แม้ดวงตาจะออกเจ้าเล่ห์

นทีไม่ปักใจสนิทนายคนนี้
เขาพอดูคนออกอยู่บ้าง
นายนี่น่าจะมีดีแค่กายภาพเท่านั้นแหละ

หุ่นสูงแน่น ใบหน้าตอบแต่ดูดียกยิ้มตาปิด

นทียื่นมืออกไปทักทายตามมารยาทสากล
ในใจยังอึกอัก ไม่สนิทใจจะไหว้
ไม่รู้พี่เกดไปหาคนตาเจ้าเล่ห์แบบนี้มาจากไหนนะ
ดูท่าเจ๊แกแพ้คนหล่อตามเคย

"ผมนที"


"สวัสดีครับนที พี่ชื่อลพ"



............





อ้ายชอบเวลาเลิกเรียนที่สุด
แต่ไม่ใช่ทุกเย็นวันศุกร์
เพราะเขาต้องใช้เวลาชั่วโมงสุดท้ายยืนสวดมนต์หน้าห้อง
ใช่ว่าอ้ายจะรังเกียจหรอกนะ
แต่มันน่าเบื่อนี่นา

ดวงตาโตเหล่นทีที่ยืนถัดไปสองคน
ถึงบทพาหุงแล้ว ใกล้จบเต็มที
นทีจึงยิ้มให้  อารมณ์ว่ารู้กัน

อ้ายแทบรอเวลาเลิกไม่ไหว
เย็นนี้แฟนหมาดๆจะพาไปกินหมูกระทะเจ้าใหม่
เห็นเขาว่าของเยอะใช้ได้ อีกทั้งมีซีฟู้ดของโปรดด้วย



"ร้อนจัง"
นทีบ่นพลางปาดเหงื่อ ปากก็เคี้ยวหนวดหมึกหงุบหงับ

"อย่าบ่นๆ"
อ้ายคีบเนื้อหมูสามชั้นใส่จานแฟน
เนื้อร้านนี้นุ่มอย่างที่เขาว่า
น้ำจิ้มรสชาติกลมกล่อม
เสียอย่างเดียวก็อากาศร้อนอบอ้าวเนี่ยแหละ
ทำไงได้ล่ะ เป็นเหมือนกันทุกร้านนี่นา

แค่มีอาหารรสชาติดีๆ เพลงเพราะๆ
กับแฟนหล่อๆ....เท่านี้อ้ายก็พอใจแล้วล่ะ




ถึงทั้งคู่จะค่อนข้างมีฐานะ
แต่กลับไม่ใส่ใจเรื่องความสะดวกสบายเหมือนเด็กคนอื่น
นทีกับอ้ายลงรถเมล์หน้าปากซอยถิ่นคนรวย
ที่ๆคนเดินดินมักเบะปากใส่ จึงมักเงียบสงัดในยามกลางดึก
ร้านสะดวกซื้ออยู่ใกล้ที่สุดก็ต้องปากซอยถัดไปนู่น

"จุกอ่ะ"
อ้ายบ่นพลางลูบท้อง
จุกเหมือนอาหารมาจ่อคอหอย

"นั่งแท็กซี่เข้าบ้านมั้ยละ"

"เดินออกกำลังเหอะ"

"เราก็อยากอยู่กับอ้ายนานๆเหมือนกัน"
อ้ายพูดอย่าง นทีตีความเป็นอีกอย่าง
อ้ายหน้าแดงแจ๋ ที่แฟนเขาพูดตรงใจสุดๆ
แม้ต้องเจอกันทุกวัน แต่มันไม่เพียงพอเลย
ทุกลมหายใจมีแต่นทีๆ นทีๆคนเดียว


"เงียบเนอะ"
อ้ายหาเรื่องคุยแก้เขิน

"อืม ตอนกลางคืนคงน่ากลัวสุดๆ"

"งี้ขโมยก็เข้าง่ายเลย เฮ่ย!"
รถเบนซ์สีมุกขับไวอย่างกับทำพ่อแม่หาย
อ้ายเกือบโดนเฉี่ยวไปแล้ว

"เดินระวังหน่อย"
นทีเตือน ดึงตัวอ้ายให้ไปอยู่ฝั่งบ้านคนสลับกับตัวเอง
อ้ายประทับใจในการกระทำที่ไม่จำเป็นต้องพูด
นทีแสดงออกมาทุกอย่างว่ารักว่าห่วง ถึงขนาดเสียสละตัวเอง
เด็กอายุ 15 จะคิดได้ขนาดนี้เลยเหรอ
อ้ายที่หน้าแดงอยู่แล้วก็หน้าแดงเข้าไปใหญ่
จับมืออุ่นๆเอาไว้
มองหน้านทีด้วยความปลื้มปริ่ม

"อยู่กันอย่างนี้นานๆนะ"





.............






 คู่รักชูชื่นนัดไปติวเข้ามหาลัยกันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
เลือกร้านฟาสฟู๊ดชื่อดังเป็นที่ติวหนังสือ
วิชาถนัดของอ้ายคือวิชาสังคมกับภาษาอังกฤษ
ส่วนนทีถนัดทั่วๆไป คือไม่เก่งและไม่แย่ในเรื่องไหนเป็นพิเศษ
เนื่องจากสมัยนี้ภาษาอังกฤษมีความสำคัญกับคะแนนและการสอบสัมภาษณ์มาก
อ้ายจึงจ้างรุ่นพี่เอกอังกฤษมาติวให้
วิธีการจ้างของอ้ายก็แค่เดินดุ่มๆไปที่คณะนั้น แล้วชี้ตัว เป็นอันเสร็จ

"น้องสองคนนี่ขยันเนาะ เพิ่งขึ้นม.5 ก็ติวแล้ว"
พี่มิวพูด น้ำเสียงเธอร่าเริงจนอ้ายชอบฟังเธอคุย

"เราอยากเรียนด้วยกันนี่ครับ"
อ้ายตอบ มองหน้านทีด้วยดวงตาเปี่ยมรัก

"พี่ออกตัวไว้ก่อนเลยนะว่าไม่เคยสอนใคร ไม่รู้จะดีป่าวอ่ะ"

"ไม่เป็นไรหรอกพี่มิว ถือว่าพี่ได้ประสบการณ์"

"เรายังไม่รีบร้อนมากหรอกครับ พี่อย่ากดดันเลย"
คนข้างๆอ้ายพูดเสียงหวาน

"แต่จริงๆเราก็ควรตั้งใจนะที จะได้เข้าที่เดียวกันได้อย่างที่ฝันไว้"
อ้ายจับมือหนาบนโต๊ะ กดย้ำๆเพิ่มความมั่นใจให้คนหล่อ

"เอ.....น้องสองคนเป็น...?"

"เพื่อนครับ/แฟนครับ"

อ้ายชักสีหน้าเมื่อจู่ๆนทีพูดแบบนั้น

"เป็นอะไรก็ช่างเถอะเนาะ"
พี่มิวแก้สถานการณ์
แต่ในใจรู้แล้วล่ะว่าเป็นอะไรกัน อดเสียดายไม่ได้ น้องสองคนน่ารักทั้งคู่
ยังดีที่เธอมีแฟนแล้ว  ไม่งั้นสิ้นหวังกว่านี้อีก


.
.
.
.

"ทีว่าพี่มิวน่ารักมั้ย"
อ้ายถามลองเชิง
เหตุการณ์เมื่อกลางวันมันกวนใจอ้ายให้ขุ่นเหลือเกิน
เขาเรียนไม่รู้เรื่อง สติหลุดตลอดเวลายามนทีถามนั่นถามนี่ ทั้งๆที่ไม่เคยตั้งใจเรียน
พี่มิวหน้าตาดีในระดับหนึ่ง
อ้ายหน้าตาธรรมดา นทียังรักได้  แล้วถ้าเป็นคนน่ารักล่ะ นทีจะไม่ยิ่งรักเหรอ

"ก็น่ารักดี"

"ถ้าไม่ได้เป็นเกย์ ทีอยากจีบพี่เขาป่ะ"
อ้ายยื่นหน้าไปถาม
มองลึกในดวงตาคู่เก่า

นทีหัวเราะเก็บเสียง
ตลกคำถาม
"ทีไม่ได้เป็นเกย์สักหน่อย ทีแค่รักอ้ายคนเดียว"
นทีหอมแก้มเอาใจ
รู้ว่าอ้ายกำลังหึงเขา

คนร่างเล็กกว่ารวบกอดนที
ซุกหน้ากับซอกคอ
"รักทีจัง"

อ้ายพูดไปอย่างนั้น.....
พูดเพื่อให้ลืมสิ่งที่ตนกำลังคิด

อ้ายเพิ่งรู้....
เพิ่งรู้ครั้งแรกว่านทียังชอบผู้หญิง
อ้ายไม่เข้าใจ..
ทำไมต้องยกคำพูดสวยหรู อย่าง "ไม่ได้เป็นเกย์ แค่รักเธอคนเดียว" มาด้วย
อ้ายไม่เคยลึกซึ้งกับถ้อยคำเหล่านี้เลย
มันกำลังหมายความว่าถ้าเลิกรักผู้ชายอย่างอ้ายแล้ว
ในอนาคตเขาก็คงเลือกที่จะมีภรรยา มีลูกที่น่ารัก เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ ...มากกว่าสินะ

แต่อ้ายก็รู้ ว่าทีรักอ้าย
แค่ต่อนี้ไป
ความรู้สึกมั่นใจมันสั่นคลอน


................






กลับมาแล้วคนดี
คืนกลับมาด้วยรักมั่น กลับมาทวงความสัมพันธ์เมื่อครั้งก่อน~~

นายพล เอ้ย! นายลพ ปรากฏตัวแล้วจ้า (แค่สามวิ555)
ที่หายไปนานเพราะว่าตัน555
ตันในที่นี้คือกำลังหาวิธีให้นทีพบรัก(?)กับลพอยู่
คนเขียนสมองไม่ซับซ้อน เลยทำแนวพบรัก(?)ไม่เก่ง

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
หือม์?
นทีจะพบรักกับคนอื่นอีกหรือ?
หรือว่าเราพลาดอะไรไปสักที่?
พล หรือ ลพ?
โอ๊ย  งง  คงต้องกลับไปอ่านใหม่

เราเป็นอ้ายเราก็กล้ำกลืนยากนะ
ถ้ามารู้ว่าแฟนเรานี่เป็นไบ

พี่สาวนทีรู้อะไรบ้าง?

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :a5:

ห๊ะ

จะดันลพเป็นพระเอกเหรอคะ ขอดูอีกหน่อยก่อนละกัน  :mew2:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ไม่ช่ายๆ  เรื่องนี้ พระเอกนายเอกคือ นทีกับอ้ายเท่านั้นค่า
แค่ไม่อยากใช้คำที่ดูเฉลยเกินไปเฉยๆ
รอตอนหน้านะๆ  :katai4:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :mew1:

เกือบไป

รอร๊อรอตอนหน้านะคะ :)

(แอบสงสารอ้ายอีกแล้ว  :hao5:)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
อดีตของนทีกำลังทำคะแนนใหญ่เลยค่ะ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
Re: ••►คนนิสัยเสีย•• *ตอน12 * 1มค59
«ตอบ #71 เมื่อ01-01-2016 02:34:07 »


คนนิสัยเสีย 12


แสงแดดร้อนระอุส่องกระทบผืนน้ำ
ระลอกคลื่นยามต้องลมพริ้วไหว ปรากฏแสงแวววาว
ปลาสีเปรอะแย่งกันฮุบอาหารเม็ดดูเพลินตา
ริมขอบสระมีหมาสีขาวขนฟูตัวใหญ่กำลังเลียน้ำ  มันหอบหายใจแรงจนน่าสงสาร
ถ้าไม่ใช่เพราะป๊าอ้าย ข้าวเหนียวก็ไม่เล่นท่ามกลางแดดร้อนงี้หรอก

อ้ายยื่นมือออกไปข้างหน้า ให้แหวนทองคำขาวกระทบแสงแดด  มันสวยยิ่งกว่าผิวน้ำเบื้องหน้าซะอีก

"ข้าวเหนียวว่าสวยมั้ย"
เด็กหนุ่มวัย 17 ลูบหัวหมาน้อย โชว์แหวนให้หมาดู ทำยังกับว่ามันจะเข้าใจ
อ้ายไม่อยากเชื่อตัวเองเลย ทุกอย่างเหมือนฝันไป  เขาได้หมั้นกับนทีอย่างที่ขอแม่ไว้จริงๆ
 แม้พิธีการจะถูกจัดขึ้นอย่างง่ายๆ
ฝ่ายนทีก็มีพ่อแม่และพี่เกด
ฝ่ายเขามีแม่กับแม่บ้าน
ทำพิธีผูกข้อมือ พร้อมแลกแหวน จากนั้นก็ร่วมวงรับประทานอาหาร

อ้ายปลีกตัวออกมาเล่นกับข้าวเหนียวเพราะขี้เกียจกินของหวาน
ความรู้สึกอิ่มเอมยังไม่หายไป
การหมั้นจะทำให้นทีกับเขามีความมั่นคง
ต่อไปถ้านทีเริ่มเบื่ออ้าย นทีก็จะรู้สึกผิด แล้วกลับมารักอ้ายอีก

จู่ๆโลกทั้งใบก็มืดลง
"ทายซิ ใครเอ่ย"

"เล่นไรเนี่ย"

"ตอบก่อน"

"คนชื่อที"

"โห่ เล่นหน่อยซี่"
คนปิดตากระทืบเท้าเป็นเด็กๆ ทำให้อ้ายหัวเราะร่า

คนขี้จริงจังพยายามคิดมุก
"อืมมม...ที่รักใช่ป่าวครับ"

"ก็ดูดีขึ้นมาหน่อย"
พลันโลกก็สว่างขึ้นมา พร้อมๆกับใบหน้าหล่อๆของนที

อ้ายว่าแหวนสองวงนี้มันเข้ากันดีพิลึก ทั้งๆที่ต่างคนต่างซื้อแยก

"โคตรเห่อเลย"
นทีเขี่ยปลายจมูกแฟน อ้ายน่ะมองแหวนตั้งแต่เขาสวมให้แล้ว
แต่อย่างว่าแหละ เขาก็หลงรอยยิ้มของอ้ายจนไม่อยากละสายตาเหมือนกัน





...............




จะไม่ชมนทีก็ไม่ได้
ตั้งแต่มันกลับมา อ้ายก็รู้สึกเจริญอาหารขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ท้องป่องๆของเขาเริ่มอยากได้ของอร่อยๆแล้วตอนนี้  โดยเฉพาะขนม

"ขาเป็นไงบ้างอ้าย"
พี่อัฐแกเดินมาทางข้างหลัง รุนรถเข็นอ้ายออกไปยังสวนด้านนอก
อ้ายไม่ได้ว่าอะไร เพราะมัวแต่นึกถึงของกิน

"วันนี้ไอ้ทีมันมีเซอร์ไพรส์ให้ด้วยนะ"

อยากกินของหวานจัดๆ พวกทองหยิบทองหยอด แต่รู้สึกว่าแถวนี้มันรสชาติประหลาด
ไม่ใช่รสดั้งเดิม
..แต่รสดั้งเดิมเป็นไงก็ไม่รู้เหมือนกัน

"ทีแม่งตื่นสายชัวร์"
ได้ยินพี่อัฐบ่นๆ  ช่างเขาเถอะ รายนี้ขี้บ่นยิ่งกว่าคุณนายดรุณี
คิดแล้วก็น่าน้อยใจนะ  อ้ายไม่เคยได้ของฝากจากต่างประเทศเลย
พี่อัฐแม่งขี้งก


*ร้อน*
อ้ายกระแทกกระดานใส่หน้าอกพี่ชายเมื่อหยุดรถเข็นตรงแดด
พอเข้าใจว่าพี่ไม่ค่อยมาดูแลน้อง เลยลืมใส่ใจรายละเอียด  แต่ก็อดด่าไม่ได้
มันติดเป็นนิสัยอ้ายไปแล้วมั้ง โทษนั่นโทษนี่ตลอด
...แล้วอ้ายผิดเหรอ? 
ไม่ใช่สักหน่อย  อ้ายแค่นั้งเฉยๆ เงียบๆ จะมาผิดอะไรมากมาย
คนอื่นจะมาสนใจทำไมไม่รู้


*หาหนมให้กินหน่อย เอาน้ำเย็นๆด้วยนะ*

"ขนมอะไร มันฝรั่งเหรอ"

บื้อ!
 
*หนมไทยหวานๆ กับน้ำเก๊กฮวย*

"เลี่ยนตายพอดี เอาน้ำใบบัวบกดีกว่า"

อ้ายพ่นลมหายใจ
*มันไม่อร่อย*
ถึงอ้ายไม่ได้เขียนเคื่องหมายอัศเจรีย์(!) แต่อัฐก็พอเดาได้จากสีหน้าอยู่ว่าอ้ายเริ่มโมโหหิวแล้ว

"งั้นเดี๋ยวมาคร้าบคุณหนู"
เชื่อไหมว่าอ้ายบ่นว่าร้อนไปแล้ว พี่อัฐเขายังไม่เลื่อนรถเข็นจนอ้ายต้องทำเอง



ใต้ต้นมะม่วง มีต้นจำปีเตี้ยๆปลูกอยู่
ปีนี้ดอกไม่ดกเหมือนเคย
อ้ายอยากเด็ดแต่เสียดายดอกที่ต้องร่วงโรยก่อนวัยอันควร   มือผอมที่เริ่มมีน้ำมีนวลขึ้นมาหน่อยรั้งกิ่งหนึ่งลงมาจรดปลายจมูก

"กลิ่นสยอง"



"อ้ายยย!! ดูซิทีพาใครมาเอ่ย"

ปัญญาอ่อนจริง  คิดว่าอายุสิบขวบหรือไง
อ้ายกลอกตาด้วยความเหนื่อยหน่าย ก่อนหันไปมอง

โฮ่ง! โฮ่ง!

ข้าวเหนียว!!!

อ้ายฝืนเก็บรอยยิ้มทั้งที่ตาเป็นประกาย
ไม่เห็นหน้าข้าวเหนียวมาตั้งสองสามปี
มันยังคงร่าเริงและจำเขาได้

ข้าวเหนียวๆๆ
มาหาป๊าเร็ว~~

มันเลียมืออ้ายอย่างบ้าคลั่ง
คงเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่รักอ้ายอย่างไม่มีเงื่อนไข

อ้ายแทบฝืนต่อไปไม่ไหว
อยากยิ้มจะตายอยู่แล้ว
โคตรคิดถึงหมาติ๊งต๊องเลย


คนกำลังหลุดตัดสินใจหมุนตัวหันหลังให้นทีพร้อมคว้าข้าวเหนียวติดมาด้วย
ซุกหน้ากับขนนิ่มๆของมัน แล้วปล่อยยิ้มกว้าง
พวงหางสั่นพั่บๆ บอกว่ามันก็ดีใจที่ได้เจอเหมือนกัน

"วันนี้ข้าวเหนียวจะเป็นนักกายภาพกิตติมศักดิ์"
นทีพูดแทรกขึ้นมาเพราะกลัวไม่มีบท
เห็นทีอ้ายจะเอาแต่เล่นกับข้าวเหนียวแน่ๆ เขาเริ่มอิจฉามันนิดๆ
ดูตาโตๆที่จ้องมันด้วยความรักนั่นสิ...นทีไม่รู้ว่าตัวเองจะได้รับมันอีกครั้งไหม
ต่อให้เหน็ดเหนื่อยแค่ไหน เขาก็ต้องพยายามเพื่อชดใช้ความผิดที่เคยก่อเอาไว้ให้ได้!

.
.
.

"รู้สึกดีมั้ย?"

*งั้นๆ*

"แสดงว่ามีความรู้สึก"

*อะไร*

"ก็ถ้าอ้ายตอบเฉยๆ นั่นก็แปลว่าอ้ายไม่รู้สึกอะไร แต่พออ้ายตอบงั้นๆ ก็คืออ้ายรู้สึกแต่ไม่อยากเขียนอธิบายให้ที"

*รู้ดี*

นทีหัวเราะ
แกล้งคนพิการ จะโดนด่าว่าเลวมั้ยเนี่ย

"กินแต่ของไม่มีประโยชน์"

คราวนี้อ้ายไม่โต้ตอบ ทำเป็นหูทวนลม เล่นกับหมาที่นั่งเรียบร้อยอยู่ข้างๆ

"ข้าวเหนียวกลับบ้านไปเลยไป"
นทีหมั่นไส้หมาจริงๆ
ร้อยวันพันปีมันไม่เคยนั่งนิ่งๆเกินห้านาที
ทำไมวันนี้มันสงบเสงี่ยมจังวะ
*ไม่ให้กลับ*
อ้ายเขียนกระดานแทบจะทันที
กำลังสบายขา ทั้งยังสบายใจ
เรื่องอะไรจะให้ข้าวเหนียวกลับไปล่ะ

*พี่เกดจะเอาคืนมั้ย*

"ไม่หรอก ทีกลับมาอยู่ถาวร เจ้าของตัวจริงก็ต้องเลี้ยงสิ"

*ให้มันนอนนี่*

"ไม่ได้"

อ้ายหมุนล้อถอยหลังหนี บอกว่าตัวเองไม่พอใจแล้วนะ

"อ้ายอย่าเอาแต่ใจสิครับ ให้ทีนวดขาให้นะ พี่ลพอุตส่าห์สอนมา"

สายตาอ้ายถามว่าเขาคือใคร?

"นักกายภาพที่พี่เกดแนะนำมาน่ะ หน้าตาดีด้วยนะ แต่ทีไม่ชอบขี้หน้าเท่าไหร่ อ้ายไม่ต้องเจอหรอก"

ใครอยากเจอวะ!?
คิดเองเออเอง

*ทำไมต้องยุ่งยาก*

"ก็อ้ายให้โอกาสทีมาดูแล ทีก็ต้องทำให้ดีที่สุดสิครับ"

ก็แค่อยากเห็นหน้าเฉยๆ ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้นหรอกน่า
ชอบทำตัวเว่อร์

"อีกอย่างทีก็ไม่ไว้ใจคนนอกอีก นับแต่ที่อ้าย..."

นทีเลือกที่จะไม่พูดต่อ
เขาเพิ่งรับรู้มาจากแม่ดรุณี
จึงยังไม่กล้าเดาว่าตอนนี้อ้ายรู้สึกถึงเรื่องตอนนั้นอย่างไรบ้าง
แต่ดวงตาที่หลุบลงตอนนี้ก็คงพอตอบข้อสงสัยได้

อ้ายไม่ยอมเขียนโต้ตอบอย่างที่หวัง
บรรยากาศรอบตัวสงบนิ่ง

ไม่น่าพูดเลย....

"ข้าวเหนียวเล่นกับแม่หน่อย"

อ้ายหันขวับ

*ไม่ได้เป็นแม่ ไม่อยาก*

นทีโล่งอก
อ้ายหายคิดมากเรื่องนั้นแล้วสินะ
หันมาชวนหมาต๊องเล่นแย่งตุ๊กตา
ดูท่าทางอ้ายก็อยากเล่นเต็มแก่
นทีดีใจที่อ้ายคุยกับเขาได้มากขึ้นเรื่อยๆ

ต่อไปนี้ก็คงจะดีขึ้นอีก เพราะได้เจ้าข้าวเหนียวมาช่วยเป็นกาวประสานอีกแรง

......



สวัสดีปีใหม่
สุขกายสุขใจสุขจิต
นิยายอัพเม้นท์เป็นนิตย์
ชีวิตรื่นเริงบันเทิงดี
~~ไข่มุกสีนิล..0..~~


ตั้งใจจะอัพสิ้นปี แต่ฉลองนานไปหน่อย555
ไม่รู้ว่ามีอะไรเบลอหรือเปล่านะคะ

สำหรับตอนนี้หวานๆไปก่อน
อยากให้เห็นความรู้สึก ท่าทีของอ้าย ที่ค่อยๆใจง่ายขึ้น5555
อ้ายมันก็เป็นซะอย่างนี้  ถ้าตอนนั้นไม่สติแตกจนวิ่งให้รถชน มันคงกลับไปง้อเขาประมาณล้านครั้งได้
แต่ไม่ได้หมายความว่าอ้ายจะยอมง่ายๆนะ 
รอพี่ลพโผล่มาก่อน คนเขียนง่วงมาก
นทีไม่ได้มาสบายนะ แกมาเพื่อลำบากโดยเฉพาะ



ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
Re: ••►คนนิสัยเสีย•• *ตอน12 * 1มค59
«ตอบ #72 เมื่อ01-01-2016 12:08:11 »

คนอ่านใจอ่อนกับนทีแล้วแหละ

แต่แอบสนใจพ่อนักกายภาพเหมือนกันน้า

ขอดูท่าทีก่อน แม่ยกกำลังลังเลเลยค่ะ

ออฟไลน์ oumpatta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-43
Re: ••►คนนิสัยเสีย•• *ตอน12 * 1มค59
«ตอบ #73 เมื่อ01-01-2016 14:13:06 »

ไม่เชียร์นที ถ้าอยากคืนดีกับอ้ายก็ลำบากกว่านี้นะ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7


ตอนที่ 13



ช่วงนี้นทีหัวหมุนหนัก
เขาต้องดูแลอ้ายทุกวันโดยที่ไม่ได้เงินสักบาท
แต่ไม่ได้หมายความว่านทีอยากได้  เขาแค่เริ่มขี้เกียจเป็นบางครั้งตามประสาคนเคยสบายมาก่อน
อันที่จริงนทีตั้งใจจะทำงานวิศวะอย่างที่ตนจบมาไปพร้อมๆกัน ถ้าหากอ้ายจิตใจเข้มแข็งขึ้นกว่านี้ อะไรๆคงง่ายขึ้น
ตอนนี้สิ่งเดียวที่ทุกคนยังไม่มั่นใจคืออารมณ์ของอ้าย  แม้แต่คนที่ดูแลอ้ายมาตลอดอย่างคุณดรุณียังไม่กล้าแตะเรื่องนี้มากเลย
อ้ายเหมือนแก้วที่แตกไปแล้ว และถูกนำมาเรียงต่อใหม่
ใครวะจะกล้าสัมผัสแก้วที่พร้อมแตกทุกเมื่อแบบนั้น


"พี่ว่าเมื่อไหร่แฟนผมจะหาย"

"ป่านนี้อาจจะหายแล้วก็ได้มั้ง"

"โถ่พี่ ถ้าเขาไม่ปั้นปึ่ง ผมคงสบายใจกว่านี้"

"แค่เขาคุยกับที พี่ว่าก็ดีแล้วนะ"

ลพเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือสอนแต่งภาพ
มองนทีคนหน้าตาดีที่นอนแหงนหน้าเอามือก่ายหน้าผากอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก

"ค่อยๆคุยกัน อย่าใจร้อน"
พัลลพแนะนำตามประสาคนมีประสบการณ์มากกว่า

"ให้พี่ไปเจอเขาไหมล่ะ"

ทำเอานทีเหลือบตามองกับประโยคนั้น
นี่เป็นครั้งที่ 8 แล้ว ที่พัลลพพูดแนวนี้
เขาไม่อยากคิดอะไรมาก  คงมาเจอคนจำพวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเข้าแล้ว
ไม่รู้ว่าพี่เกดเล่าอะไรให้ฟังบ้าง  ถึงได้กระตือรือร้นทุกครั้งยามพูดถึงอ้าย
อ้ายน่ารักอยู่ด้วย เรื่องอะไรจะให้เจอกัน

"พักนานละ  พี่มาสอนผมต่อดีกว่า"

.
.
.

นทีร่ำลาครูฝึก 
คราวนี้เขาปีนกำแพงบ้านอ้ายเลย ง่ายดี
กว่าจะเดินถึงประตูก็ตั้งหลายเมตร ใครจะไปทำล่ะ  นี่อุตส่าห์ซ่อมบันไดไม้ด้วยตัวเองด้วย
สมัยเด็กๆก็ใช้เส้นทางนี้ประจำ

*ข้าวเหนียวล่ะ?*
แก้มผอมๆกำลังมีลมในปาก
นทีส่ายหน้าเอ็นดู
อ้ายคงทำไปไม่รู้ตัว

"มันนอน ขี้เกียจปลุก"

อย่ามาอ้างเลย  ข้าวเหนียวหูดีจะตาย แค่พ่อมันขยับปาก มันก็ตื่นแล้ว

นี่คงอิจฉาที่เราสนใจหมามากกว่าน่ะสิ

*วันนี้ขี้เกียจ*

"แล้วจะทำอะไรกันดี"

*ไปวัด*

ถ้ามีคำว่า 'อยาก' นำหน้า ก็จะดูน่ารักขึ้นเป็นกอง

"ทำไมกินแต่ขนม"
นทีทักขึ้นเมื่อเห็นซองขนมถูกแกะกินจนเกลี้ยงสุมๆอยู่บนโต๊ะ

*อย่าขี้บ่นเหมือนพี่อัฐได้ป่ะ*

"ตัวเองก็อย่าหน้าหงิกได้ป้ะ"
นทีย้อน  ทำเสียงดัดจริตล้อเลียน
อ้ายหมั่นไส้ปาซองขนมใส่ แต่มันไปไม่ถึงเพราะไร้น้ำหนัก

"ขอโทษครับๆ ยอมแล้ว"
คนตัวสูงยกมือพนม  อ้ายเห็นว่าสำนึกผิดจริงจึงหยุดอาละวาด

"ไปวัดอีกแล้วไม่เบื่อเหรอ"
นี่ไม่ใช่ประโยคคำถาม
แต่อ้ายนึกอยากตอบ

*ไม่รู้จะไปที่ไหน*
วัดนี่แหละดีที่สุด  ไปที่อื่นคนเยอะกลัวสติแตก

อ้ายปล่อยให้นทียืนเกาคางหาสถานที่ใหม่ๆ
ส่วนเขากำลังนึกวิธีการร้อยมาลัยจากดอกจำปี
วันนี้ดอกมันสุกทั้งต้น ...คือเขาไม่รู้ว่ามันควรเรียกว่าอะไร  ก็มันเป็นสีขาวแต่ยังไม่บานนี่
กลับมาที่เรื่องมาลัยดีกว่า
อ้ายไม่ชอบเห็นจำปีบานๆแล้วก็ร่วงไปโดยไร้คุณค่า ทั้งๆที่มันออกจะน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม
ใครๆก็ฮิตเอาไปครีเอททำมาลัยแบบใหม่กันตั้งเยอะแยะ
หลวงพ่อคงจะชอบถ้าอ้ายทำบ้าง
ไม่แน่นะ  มันอาจเพิ่มบุญให้อ้าย

"เบื่อวัดว่ะ ไปสวนสัตว์มั้ย"

อยู่เยอรมันแค่สองปี ไม่น่าเชยขนาดนี้นะ

*จะไปวัด ร้อยมาลัยจำปีด้วย*

"หืม...มาลัย ?"

อ้ายพยักเพยิดไปทางต้นจำปี นทีจึงเข้าใจ

"ค่อยมาทำได้มั้ย ไปเที่ยวไกลๆดีกว่า อย่างหัวหิน ภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงคาน"

"ขอพี่ไปด้วยคนสิครับ"
ไอ้พี่ลพของนทีโผล่หัวขึ้นมาจากกำแพง  ยังทำท่าปีบันไดอีก ถ้านทีไม่ห้ามไว้

"พี่ยังไม่กลับเหรอ"
นทียืนมองพัลลพขับรถออกไปแล้วนะ เขาจำได้

"พอดีพี่ลืมของน่ะ"
พัลลพตอบนที หากแต่ตามองอ้ายที่มองเขาเช่นกัน

"คนนี้อ้ายเหรอ น่ารักดีนะ"

แฟนตัวจริงชักฉุน  มันหยอดไม่ไว้หน้ากันเลย
ว่าแล้วเชียว แค่มองตาก็รู้ว่าพัลลพมันร้าย

"น่ารักอะไรล่ะพี่ ผอมจะตาย เนี่ยผมรอขุนให้อ้วนอยู่"

"ถึงว่าขนมเต็มโต๊ะเลย...เออตกลงไปไหนกัน พี่เป็นไกด์ให้มั้ย ไม่เคยไปไหนทั้งคู่นี่"

*ไม่จำเป็น*
เหมือนอ้ายจะเขียนรอไว้นานแล้ว  เมื่อพัลลพพูดจบจึงส่งให้นทีอ่าน

"ไม่เป็นไรครับพี่ ไว้วันหลังเนาะ"

"ว้า เสียดายจัง งั้นพี่กลับก่อนนะครับน้องอ้ายน้องที มีอะไรปรึกษาพี่ได้เสมอ"
พัลลพเดินจากไป นทีจึงตะโกนบอกป้าแม่บ้านว่าถ้ามีใครจะเข้าบ้านให้บอกเขาก่อน ไม่ใช่เปิดสุ่มสี่สุ่มห้า

*นั่นครูสอนกายภาพเหรอ*

"ใช่ คนนี้แหละ ก็สอนดีนะ ใจดี คุยสนุก"

*คุ้นหน้า*

"หน้าโหลๆ หาได้ทั่วไปเลยคุ้นมั้ง"
โหลๆของนที ก็หล่อๆของอ้าย
ติดตรงที่มาดแรกพบเหมือนไอ้พลไปหน่อย
ไอ้นั่นก็ใจดีอย่างนี้แหละ
หวังว่ามันจะไม่พานทีกินเหล้าเมายาจนเสียการเสียงานนะ




.............





อ้ายยิ้มให้กับเสียงปรบมือจากนพพล
ไม่ใช่แค่นพพลเท่านั้นที่ดีใจ  เขาก็ดีใจเหมือนกัน
ใช้เวลาประมาณสามเดือนกว่า อ้ายจึงสามารถเดินได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำ
แม้ได้ไม่นาน  แต่ก็ภูมิใจ
พี่พลบอกว่าต้องฝึกสม่ำเสมอ สักอีกไม่กี่เดือนก็เดินได้คล่อง  เขาไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงอะไร
ขอแค่มีกำลังใจก็พอ

*พรุ่งนี้เช้าอ้ายทำบุญ พี่พลไปด้วยมั้ย*

นพพลทำหน้าหยีทันที
"ขอผ่านดีกว่า วัดกับพี่ไม่ถูกกัน"

*ว่าจะชวนไปกินปลาช่อนอบฟางที่พี่เคยบอก*

"สุพรรณน่ะเหรอ....งั้นไปวัดป่าเลย์ไลย์แล้วเลยไปกินกัน?"

อ้ายยิ้ม เหตุเพราะได้เที่ยวไกลจากกรุงเทพฯ
ไม่ได้ออกไปไหนมานานมากแล้ว
แม้ภูกระดึงไม่ใช่ที่ล่าสุด
แต่เขากลับจำมันได้เพียงที่เดียว...

"เป็นอะไร...อย่าคิดมากสิ ไปเที่ยวกับพี่ อย่าคิดถึงคนอื่น"
พลลูบหัวน้องชาย  ดวงตาเศร้ารื้นด้วยหยาดน้ำตา

"พี่จะพากินปลาช่อนในทุ่งนาเอาไหม"

อ้ายพยักหน้า ฝืนยิ้ม

"ดีมาก ตะวันไม่ตกไม่กลับ เมาให้ตายไปเลย!"




............





อ้ายรู้สึกเหมือนถูกทิ้ง
มันเป็นความรู้สึกชั่ววูบ ราวกับถูกผลักตกจากหน้าผา แล้วย้อนเวลากลับไปยืน ณ จุดเดิม
กระเพาะแปรปรวน อยากขย้อนถ้อยคำก่นด่า
ความคิดก็เหมือนยา ที่อ้ายพยายามเอามายับยั้งตัวเอง

อ้ายนึกว่านทีแค่สมัครไปเล่นๆ
หรือถ้าเอาจริงก็น่าจะชวนอ้ายบ้าง
อ้ายรอ
รอแล้วรอเล่า
รอจนนทีกรอกใบสมัคร
รอจนนทีออกไปติวกับเพื่อน
รอจนนทีสอบติด...
แม้แต่ถูกนินทา อ้ายยังไม่โวยวาย
เพียงเพราะเขารอเซอร์ไพร์ส
อ้ายไม่เคยคิดขัดขวางอนาคตของคนรักเลยสักนิด
เขาก็มีเงินนะ  นทีก็มีเงิน..รวยกว่าด้วยซ้ำ
แล้วทำไมต้องมาทิ้งให้อ้ายตั้งคำถามกับตัวเอง?

นี่เขาไม่สำคัญแล้วเหรอ...?


อ้ายนอนร้องไห้มากี่คืน...
หมอนเปื้อนน้ำตาของคนไม่มีค่ามาแล้วกี่ครั้ง...

"ทีจะไปเยอรมัน"

พูดง่ายนะ
คิดได้ไงวะ

"แล้วอ้ายล่ะ"

กูมันน่าเบื่อแล้วนี่
มึงกับอีแก้วไปถึงไหนต่อไหนกันล่ะ
กูเกลียดผู้หญิงก็เพราะมึง

"อ้ายเรียนที่นี่แหละ รอที เรียนแป้บเดียว"

หึ ! คนมันจะไป

"อ้ายอยากไปด้วย"

อนาคตของทีมีอ้ายหรือเปล่า
ทำไมเราต้องอ้างเรื่องอนาคตที่มีผันแปร ทั้งๆที่เราสามารถอยู่ด้วยกันได้ตลอด

"ลองห่างๆกันดู จะได้รู้ว่ารักกันแค่ไหน"

นั่นคือคำพูดของคนหมดใจ
คนเรารักกัน ก็ต้องหาวิธีให้อยู่ด้วยกัน
จะทรมานหัวใจเพื่อ???


เหอะ!

อยากไปก็ไป โลกเราเดี๋ยวนี้แคบลงเพราะอินเตอร์เน็ต
อ้ายไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอก
ยังมีวิธีอีกเเยะให้เจอกัน

แต่บอกตรงๆว่าอ้ายโกรธ โกรธมาก
โกรธพาลไปถึงแก้ว
เสียทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร
ดูซิมันจะมีปัญญาแค่ไหน

แต่ถ้าเดาไม่ผิด ...นทีไม่เอามันหรอก
คนอื่นน่าระแวงกว่าเยอะ


...........


น่าสงสาร
หลอกตัวเองทูกกกกวัน
ว่าให้หันไปทางอื่น
เวลาที่เขานั้นเข้ามาาา

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
อ้ายตอนนี้กำลังดื้อได้ใจเลย

ปกติตอนย้อนอดีตก้อเป็นจอมทิธิอยู่แล้ว

หวังว่าอะไรๆจะดีขึ้น

ออฟไลน์ padloms

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบอ้าย แต่ไม่ชอบนทีเลยอ่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7


ตอนที่ 14


"แน่ใจนะว่าจะไปกันสองคน"
พี่อัฐถามด้วยความไม่มั่นใจในอารมณ์อ้าย
สาววันดีสี่วันไข้ คนทนได้ก็มีแค่แม่กับนทีสองคน
บ่าวรับใช้ละอยากรู้เคล็ดลับจริงๆ
การตามใจอ้ายมันง่ายตรงไหน ทำไมถึงทำได้

"แน่ครับ อ้ายเขาอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง"

พี่อัฐมุ่นคิ้ว
รู้จักน้องมาตั้งแต่จำความได้ อ้ายมันคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยเหรอวะ

อ้ายที่นั่งมองหน้าอันสยดสยองของพี่ต้องเบะปากตาม
นทีมันก็พูดเว่อร์ เขาจะไปเที่ยวเฉยๆหรอก
มันเรียกว่าเปลี่ยนแปลงตัวเองซะที่ไหนกันเล่า

"ทำหน้าเหมือนตูด"

โดนพี่ชายแขวะพร้อมเขกมะเหงก
อ้ายกลอกตาขึ้น นี่เขาโตแล้วนะ การมาเขกหัวเท่ากับการหยามกันสุดๆ
อ้ายหมุนล้อหนีไปข้างหลัง เหมือนเด็กน้อยถูกขัดใจ

"งั้นผมไปเก็บเสื้อผ้าก่อนนะพี่"

"อืมไปเถอะ ถ่ายรูปมาเยอะๆล่ะ"
พี่อัฐโบกมือลาน้องเขยก่อนขึ้นห้อง

อ้ายบนรถเข็นเอากระดานแม่เหล็กเคาะสีข้างคนที่ยืนอยู่ปั้กๆ

*ตกลงไปกี่วัน*

"สองวันหนึ่งคืน ทำไมเหรอ?"

*จะเตรียมเสื้อผ้า*

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวทีทำให้"

อ้ายส่ายหน้าปฏิเสธ  เขาทำเองได้
คงกระดากตายเลยถ้าให้นทีจับกางเกงในตัวเอง
นทีทำยึกยักนิดหน่อยพอเป็นพิธี  ยังไงเขาก็ต้องอุ้มอ้ายลงจากรถเข็นอยู่แล้ว
อุ้มขึ้นแพ อุ้มลงแพ อุ้มเข้าห้องน้ำ
มองทางไหนก็กำไรเหนาะๆ


.
.
.


"ตกลงจะไปสองคนแน่นะ?"
ผู้อาวุโสสุดในบ้านอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
อ้ายไม่ได้ออกไปต่างจังหวัดมาสองปีแล้ว
คนเป็นแม่ได้แต่คิดสารตะ ห่วงลูกก็ห่วง อยากให้ลูกร่าเริงก็อยาก
คุณนายรู้ดีว่าการถามซ้ำกับอัฐจะทำให้อ้ายรำคาญ แต่เธอหลุดปากไป

"แม่ว่าทีชวนครูสอนกายภาพทีไปด้วยสิ ฝึกกันนอกสถานที่เป็นไงลูก"
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว คุณนายจึงเสนอแนะทางเลือกที่จะทำให้ทุกฝ่ายสบายใจ
เธอไม่เคยไปล่องแพ ที่รู้ๆ การอยู่กันสองคนท่ามกลางผืนน้ำกว้างใหญ่นั้น มันไม่น่าไว้ใจเอาซะเลย


"อ้ายเขาอยากไปกันสองคนน่ะครับ"
นทีหันไปมองอ้ายที่กำลังเท้าคางเบื่อๆ
ถูกถามอย่างนี้มาตั้งแต่เช้า จนพรุ่งนี้จะออกเดินทางอยู่ละ

"นะอ้าย...แม่ขอเถอะ แม่ไม่สบายใจเลย แม่รู้นทีดูแลอ้ายได้ แต่สองคนมันน้อยไป"

แม่ก็ไปด้วยสิ
อ้ายล่ะอยากพูดจริงๆ

สองหนุ่มคุยกันผ่านสายตา
นทีรู้ดีว่าอ้ายไม่อยากมีคนอื่นร่วมทริป
เขาก็พอกัน เพราะกว่าจะกล่อมอ้ายได้ก็หนักหนาเอาการ

"งั้นขอให้เพื่อนทีไปด้วยได้ไหมครับ"

จู่ๆไอ้คนที่ตกลงเสียดิบดีกำลังจะหักหลังกันซะงั้น
อ้ายกลัวคำว่า 'แก้ว' หลุดมาจากปากนทีเหลือเกิน

*ไปถามพี่ลพนั่นสิ*
อ้ายแทบจะโยนกระดานใส่หัวคนยืน
เขาปิดหูปิดตา
บอกตัวเองว่าแก้วตายห่าไปแล้ว
ให้คนไม่รู้จักยังจะดีซะกว่า


.
.
.
.


อ้าย นที และตัวแถมอย่างพัลลพมาถึงแพเช้าตรู่ 
คนบนรถเข็นพึงพอใจที่พัลลพวางตัวเงียบ ยิ้มบ้างให้พอรู้ว่ายังมีตัวตน
คนขับเรือลากแพไปปล่อยทิ้งไว้ที่เขาลูกเล็กๆกลางเขื่อน
บอกเพียงว่าพรุ่งนี้สายจะมารับกลับ
นทีได้แต่บ่นว่าจองผิด  เขาน่าจะเลือกแบบที่มีคนขับแพล่องไปตามเขื่อน แต่นั่นต้องพักสองคืน

อากาศเย็นปลอดโปร่ง ทำให้คนซีเรียสคลายกล้ามเนื้อบนใบหน้า
แพลำนี้ถูกสร้างมาอย่างดิบๆ ไม่จำเป็นต้องตกแต่งอะไรมาก ดีตรงที่มีดาดฟ้าให้รับลม  และมีห้องเล็กๆสำหรับคนไม่อยากนอนข้างนอก

"หิวยังอ้าย"
นทีถามหลังจากตกปลาตัวเล็กได้ ทำอย่างกับว่าจะเอามันมากินทันที
อ้ายจึงส่ายหน้า รอให้พ่อครัวจับปลาได้มากกว่านี้ดีกว่า

"ตกเผื่อพี่ด้วยนะที"
พัลลพตะโกนลงมาจากดาดฟ้า
บ้าหรือเปล่า ร้อนขนาดนั้นยังจะไปนอนเล่นอีก
คนตกปลาอยู่คงเห็นอ้ายทำหน้าเหยเกถึงได้หัวเราะ

"เอาชะโดเลยนะพี่"
หัวเราะเขาแต่ดันตอบคนอื่น  ไม่ให้เกียรติกันบ้างเลย

"ตกได้พี่ให้พันนึง"

อ้ายเบ้ปาก
อยู่กับเขาแล้วมันเครียดนี่
ที่จริงนทีคงอยากพาเพื่อนมาแต่แรกอยู่แล้วมั้ง  ไม่ได้สนใจเขาหรอก

"อ้ายจ๋า"

อะไรเล่า!?
อ้ะ!
ฟอดดด

มือผอมดันหน้าคนฉวยโอกาสออกทันที
อ้ายหน้าแดงแจ๋  ดังนั้นนทีไม่กลัวหรอก
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหอมแก้มตอนที่อ้ายยังมีสติ
มันน่ารักไม่เคยเปลี่ยน

"งอนเหรอ?"
อย่ามาทำเสียงแอ๊บแบ๊ว ไม่ได้เข้ากับหน้าตาเลย
อ้ายเห็นว่ามันจ้องมาก็จ้องกลับ
คราวนี้ไม่อ่อนให้ง่ายๆหรอก

ดวงตาของนทีมีประกาย
มันไม่ใช่ดวงตามืดบอดอย่างเขา
มันช่างน่าอิจฉา
นทีมีความรู้สึกที่ส่งถึงมาให้
เจ้าตัวยิ้มหวาน 
อ้ายพยายามเฟ้นหาไอ้เลวคนนั้นในดวงตา

แต่กลับ...ไม่มี
"ทีรักอ้ายจัง"

ลูกตาสีดำสนิทค่อยวาววับด้วยน้ำตา
อ้ายเป็นฝ่ายแพ้  เขาหลบตาก่อน
ซ่อนน้ำตาไม่ให้ทีเห็น

นทีสังเกตได้
แหงล่ะเขาจ้องอยู่ตลอดนี่นา
มือหนารวบมือผอมๆมากุมแนบอก
"เริ่มต้นกันใหม่ได้มั้ย..."


....อ้ายไม่ตอบ
เขาหมุนรถถอยหลัง  หันไปทางขวา ที่ๆมีผืนน้ำรอคอย

เสียงลงส้นเท้าหนักๆดังขึ้นพอดี
"เฮ้ยทีมีเบ็ดอีกคันป่ะ พี่อยากตกมั่งว่ะ"

นทีทั้งขอบคุณทั้งสาปแช่ง
ขอบคุณที่พี่ลพช่วยผ่อนคลายบรรยากาศอึดอัด
สาปแช่งที่มาขัดการง้อของเขา

"ผมบอกให้พี่เอามาก็ไม่เชื่อ"

"เออๆ ขี้เกียจแบกนี่หว่า"

สองหนุ่มคุยกันเรื่องตกปลา บางครั้งนทีก็จะเรียกให้อ้ายหันมามองผลงานตัวเองบ้าง เพื่อไม่ให้อ้ายจมอยู่กับสายน้ำมากเกินไป
ท่าทางคนบนรถเข็นจะชอบน้ำมาก
ไปที่ไหนก็มีแต่น้ำมาเกี่ยวตลอด
หรืออ้ายจะไม่ได้ว่ายน้ำนาน

"เล่นน้ำมั้ยอ้าย"

อ้ายเลิกคิ้วถาม

"ใส่เสื้อชูชีพก็เล่นได้แล้ว  เกาะแพนี่ไง เดี๋ยวทีเล่นด้วย"

จะดีเหรอ...

"นะๆอ้าย เบื่อตกปลาแล้วอ่ะ"
หนุ่มทีไม่พูดพล่ามทำเพลง ลุกขึ้นถอดเสื้อออกทันที
ผิวภายใต้เสื้อยืดเลื่อมเป็นมัน เพราะเหงื่อ
อ้ายหลบสายตาวูบ
บ้าน่า! อากาศมันร้อน  ใจมันเลยร้อนรุ่มตามต่างหาก

นทีไม่ลืมไล่พี่ลพให้ไปตกปลาท้ายแพ
บอกว่าอยากสวีทกับแฟน



"เอาล่ะ เดี๋ยวอ้ายทิ้งตัวลงมานะ ทีจะรับอยู่ข้างล่าง"

นทีมันบ้าหรือเปล่า  รับคนข้าพิการเนี่ยนะ
จะพากันจมกันสิไม่ว่า
อ้ายส่งสายตาเคืองๆให้ ลืมนึกไปว่าตัวเองใส่เสื้อชูชีพเสร็จสรรพ

ตามหลักคนขาใช้การไม่ได้นั้น มันก็ถีบตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว
นทีคงลืมคิดข้อนี้ไปถึงได้คะยั้นคะยอนัก

"เร็วๆ น้ำเย็นสบายโคตรๆ"
คนตัวขาวตีน้ำไปมา หลอกล่อให้เหยื่อตายใจ
อ้ายน่ะยอมลงก็ได้นะ แต่เริ่มหมั่นไส้มันละ
เขาใช้แขนพยุงตัวเอง  กลั้นใจปล่อยตัวลงจากแพ
เสียงน้ำดังตูมจนนทีตกใจเกือบรับไม่ทัน

แฮ่กๆ
น้ำเย็นกรีดผิว
อ้ายตะกุยตะกายเกาะแพแทนเกาะคนเจ้าเล่ห์ที่มันกำลังหาเศษหาเลยด้วยการรัดเขาแน่น

"ลองขยับขาสิ"

อ้ายกลอกตา 
ก็ขยับอยู่นี่ไง ขืนใช้กำลังแขนอย่างเดียว เดี๋ยวกล้ามขึ้นกันพอดี

"ชอบมั้ย"
นทีเกาะแพลอยคออยู่ข้างๆ  ส่งแววตาหวานซึ้งที่ยิ่งเปล่งประกายเมื่อโดนน้ำ

อ้ายพยักหน้า  ถึงจะเหนื่อยมากๆก็ตาม

"หมายถึงทีอ่ะ ชอบมั้ย"

อ้ายแสร้งทำหน้าคลื่นไส้
คนข้างๆหัวเราะออกมาจนน่าหมั่นไส้
อารมณ์ดีตลอดเวลาเลยนะ

หน้าตาก็เหมือนเดิมนี่หว่า
จมูกโด่ง ตาคม ดูสำอางค์แบบฉบับลูกคนรวยนิดๆ  แต่เพราะเรียนวิศวะ จึงได้อารมณ์ดิบๆแบบผู้ชายมาด้วย
มองหาแล้วนะ...ไอ้เลวนั่น
มันหายไปไหน....



อ้ายไม่รู้ตัวว่าจ้องนทีนานเท่าไหร่
แม้ทีจะจ้องกลับ  เพ่งมองใบหน้าซูบที่เริ่มมีน้ำมีนวล  ปากเป็นกระจับสีชมพูคล้ำดูน่าหลงใหล
ถ้าเขาจูบล่ะ?
มันจะแดงแบบเมื่อก่อนไหมนะ?

"อ..อื้อ"
มือไม้อ้ายอ่อนกระทันหัน
ร่างหนาคว้าไว้ประชิดตัว  บดเบียดริมฝีปากให้ทักทายกันดูดดื่ม
ปากสั่นระริกของอ้ายตอบสนองได้แย่พอๆกับร่างกายที่แทบไม่ต่อต้านเลย
พูดง่ายๆว่าแข็งทื่อ
แต่นทีก็ดีใจ
ดีใจมากๆจนไม่ได้ยินเสียงครางแผ่วเบานั่น


.............


ขออภัยที่หายไปนาน เชื่อไหม แต่งตอนนี้ตั้งแต่เปิดเทอม 555 เสร็จเมื่อวาน
อาจารย์คนใหม่โหดมาก ให้การบ้านทุกวันเลย ท่องญี่ปุ่นจนจะบินไปและ
เวลาที่เหลือก็เอาไปอ่านนิยายคนอื่น ไม่มีเวลาแต่งของตัวเอง ฮือออ
เรื่องนี้กะไว้ที่ 20 ตอนจบ ดังนั้นอีกไม่กี่ตอนนะคะ อดใจรอ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7


ตอน15

เหตุใดคนแข็งแรงกว่า บึกบึนกว่า ถึงได้จับไข้ซะงั้น?
อ้ายอยากจะด่ามันว่าเป็นภาระเขาเหลือเกิน
แต่พอสำเหนียกตัวเองได้ก็เลือกที่จะเงียบ
พื้นที่ในแพแคบ เขาจึงไม่นั่งรถเข็นให้เกะกะ
คลานเล่นดีกว่า  จะได้แกล้งคนป่วยที่นอนซมได้ด้วย
พัลลภต้องกลายเป็นพ่อครัวจำเป็น
ต้มข้าวต้มหมูง่ายๆเป็นมื้อเย็นให้คนป่วย
ส่วนคนสบายดีได้กินปลาทอด กุนเชียงทอด และหมูยอทอด
มีแต่ของทอดทั้งนั้นจนอ้ายอดถามพัลลภไม่ได้ว่าตกลงทำอาหารเป็นไหม

"ไม่อิ่มก็เติมข้าวต้มได้นะ พี่ทำเผื่อไว้ พร้อมบริการเราทุกอย่าง"
อ้ายหลบสายตากรุ้มกริ่มทันที
หันไปพัดวีคนป่วย อย่างน้อยมันก็ไม่พูดจาแปลกๆ
นทีอ้าปากรับข้าวต้มร้อนๆ พร้อมกับใจที่เริ่มร้อนรุ่มของเขา

ใช่ว่าไม่คิดอะไร
อาการหึงหวงมันเป็นแบบนี้เองสินะ
ตลอดมาเขาไว้ใจอ้าย ไม่เคยสนใจหอยปูปลาที่มาแทะโลมแฟนเขา เพราะยังไงอ้ายก็ต้องซมซานกลับมาหาเขาอยู่ดี
ทว่าตอนนี้ ...เวลานี้  เขากำลังหึง!
หึงทั้งที่ทำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ ไข้ก็จับ เลือดลมก็พุ่ง  ...ขอยกคำพูดคนแก่มาหน่อยนะว่า
"คงเป็นเวรเป็นกรรม" สินะ
แต่ก่อนทำเขาไว้ มาวันนี้ต้องเป็นฝ่ายรับกรรมนั้นเสียเอง

..อะไร?...
อ้ายหันตามแรงสะกิด
"ขอน้ำหน่อย"
รอยยิ้มออดอ้อนน่าหมั่นไส้
อ้ายส่งน้ำให้ นทีรับไปดื่ม แต่เพราะนอนกิน ทำให้น้ำหกเลอะหน้าไปหมด

"แค่ก!"
อ้ายส่ายหน้ารัวๆ ไม่คิดช่วย จนนทีต้องพยุงตัวลุกขึ้นนั่งหลังตรง คนดูแลถึงยกมือลูบหลังให้

"เซ็งชิบ"
นทีบ่นงึมงำกับตัวเอง
โตจนป่านนี้แล้วไม่น่าเซ่อเลยจริงๆ
หมดมาดคนหล่อมีเสน่ห์เมื่อกลางวันกันพอดี
รสหวานจากปากนิ่มนั้นยังไม่จางหาย
เผลอมองตากลมโตของอ้ายที่เริ่มมีประกายของคนปกติแล้วใจสั่น

...อยากจูบอีก

จูบเพื่อย้ำ เพื่อซ้ำ ว่าอ้ายกลับมาเป็นของเขา...


....................




แกร๊ง
เสียงขวดแก้วกระทบพื้นหินเงาวับ  ดังคลอไปกับเสียงหัวเราะของนพพล
อีกร่างที่เล็กกว่านอนเท้าแขนอยู่บนเตียง ฟังนักกายภาพรูปหล่อเล่าชีวิตผจญภัยของตัวเอง

"เออนี่ พี่ว่าจะสั่งวิสกี้ของญี่ปุ่นมาสะสม อ้ายว่าสวยมั้ย"
นพพลเปิดรูปจากโทรศัพท์มือถือให้ดู เป็นรูปขวดวิสกี้ที่ฝาเป็นตัวซามูไร ท่าทางแพงเอาการ
อ้ายรู้ว่านพพลจะขอเงินจากเขา เลยทำเป็นเล่นตัว ส่ายหน้าตอบ

"ทำไมล่ะ โคตรเท่เลยนะ"

*น่ากลัว*
ตัวซามูไรที่น่าจะทำจากโลหะเป็นสีดำเงาวับ
ดูไปคล้ายตุ๊กตาหลอนๆ
อ้ายกระตุกยิ้มแกล้งคนอยากได้

"เถอะน่า เรายังไม่เคยลองของญี่ปุ่นเลยนะ"


*ก็ได้ แต่ต้องให้อ้ายเปิด*


"เยี่ยมมากน้องรัก"
นพพลคว้าคออ้ายมากอด พลางชนแก้วฉลอง


...............



"ทีแรกพี่ว่าจะกินกับทีสองคน แต่ก็ดันมาเดี้ยงไปก่อน  น้องอ้ายสนใจไหมจ้ะ"

เอาจิ้จ้ะไปไกลๆเลยเหอะ
อ้ายขยับตัวหนี เบียดไอ้คนหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา  หวังให้มันเป็นเกราะกำบัง
ขวดเหล้าซามูไรในอดีตย้อนกลับมาให้เห็นอีกครั้ง
ชีวิตคนเราคงไม่บังเอิญขนาดนั้นที่จะมีคนตามจองเวร  แต่อ้ายก็ยังวางใจไม่ได้อยู่ดี
อย่างไรเสียเค้าหน้าของพัลลพก็คล้ายนพพลอยู่มาก อีกทั้งท่าทีนี่อีก

อ้ายดันแก้ววิสกี้เพียวๆออกห่างจากตัว
แต่พัลลพยังคงหน้าหนาดันกลับ
ทั้งสองต่างเล่นสงครามประสาทกัน  แต่อ้ายเชื่อว่าเขาประสาทมากกว่า
ร่างเล็กฉวยโอกาสที่อีกคนกำลังเผลอคว้าขวดวิสกี้มาชูสุดแขน

มันแสยะยิ้ม
“น้องอ้ายจะทำอะไรพี่ครับ?  เขวี้ยงทิ้งเหรอ?”
จากสายตาเล่นๆเปลี่ยนเป็นคุกคามในทันที

สายตาสู้สุดชีวิตของอ้ายกำลังตะโกนบอกว่า *มึงเข้ามาสิ กูเอาตายแน่!*

“ชีวิตน้องอ้ายอาภัพจังเลยนะครับ มีแต่คนไม่ได้เรื่องรอบตัว พี่แม่งโคตรคนดีเลยนะที่พยายามปลุกอารมณ์อ้ายขนาดนี้”
“....อ้ายครับ ลองลุกขึ้นยืน ตะโกนด่า  สู้อย่างที่คนปกติเขาสู้กัน  พี่ว่ามันจะสมศักดิ์ศรีกว่า--”
เพล้ง!!
ขวดวิสกี้กระทบเสาแพแตกกระจัดกระจาย  กลิ่นแอลกอฮอล์เหม็นคละคลุ้งไปทั่ว

“สู้พอรึยัง”
อ้ายเปล่งเสียงหนักแน่นด้วยความโกรธ
โกรธที่นทีมันโง่รับคนชั่วมาทำงาน
โกรธที่เขาชินชากับการไม่ยืนหยัด
โกรธที่ชีวิตต้องมาเจอกับคนเลวๆ

และโกรธที่.....นทีมันตื่นมาได้ยินเขาพูดพอดิบพอดี!!

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
พัลลพมาดีหรือร้าย หรือว่ามองอ้ายออกตั้งแต่แรกนี่ *0*

 :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ oilzii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
ลืมเรื่องนี้ไปแล้วนะเนี่ย
อ่านอีกรอบก็รักกอ้ายเหมือนเดิ๊มมมม
ใจแข็งไว้อ้าย ไอ้ทีมันเลวไป๊ :katai4:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7




ตอนที่ 16


ที่คณะของอ้ายจะมีงานเปิดบ้าน
แน่นอนว่าการชวนแฟนวิศวะมาเปิดตัวเป็นเรื่องที่อ้ายใฝ่ฝันลึกๆ
ใครๆก็อยากอวดแฟนตัวเองทั้งนั้นหละน่า แม้ปากจะบอกไม่ๆ แต่ในใจระริกระรี้จะตาย

อ้ายโทรชวนแฟน(ที่ไม่เคยจะอยู่บ้าน)
ตอนแรกนทีก็ตอบอึกๆอักๆอยู่หรอก
แต่พอฟื้นฝอยหาตะเข็บสักหน่อย เจ้าตัวก็ยอมมา

"เอ่อบาส  เราขอเดินเที่ยวได้ป่ะ"
พูดกับเพื่อนที่เฝ้าบูธด้วยกัน ติดจะเกรงใจหน่อยๆ

"ไปดิ อย่าลืมพาแฟนมาเปิดตัวด้วยนะเว้ย"

มันรู้ได้ไงวะ...

อ้ายยิ้มร่าขอบคุณ  วิ่งมารับนทีที่กำลังถอยรถเข้าซอง

"คนน้อยนะ"

"อืม บ่ายแก่ๆ เขาก็กลับกันหมดแล้วแหละ"
อ้ายตอบ พลางจัดเสื้อช็อปของแฟนให้เข้าที่เข้าทาง

มีแฟนเรียนวิศวะนี่มันน่ารักจังเลยน้า

"ยิ้มอะไร"
นทีบีบแก้มคนกำลังเพ้อ

"ไม่มีโว่ย!"
ปัดมือทิ้ง หน้าแดง

"ไม่ร้อนตัวเล้ย"


อ้ายพาแฟนเดินชมงานเปิดบ้าน
โดยส่วนตัว เขาคิดว่างานนี้ไม่มีความน่าตื่นเต้นเลยสักนิด
จะพูดจะติอะไรก็ไม่ได้ด้วย เพราะไม่ใช่คนจัด
ไม่เคยเหนื่อย  ไม่เคยช่วยคิด
เพื่อนบอกให้ลงชื่อทำงาน ก็รีบจองเป็นคนเฝ้าบูธก่อนใครเพื่อน
ขืนไปติไปว่ามัน ก็จะมีคนด่าคนหมั่นไส้อีก ว่าไม่ทำแล้วยังเสือกสะเออะมายุ่ง


เจ้าถิ่นพาซื้อทาโกยากิก่อนเป็นอันดับแรก
สาเหตุเพราะปากว่างเกิน อยากหาของอร่อยมาเคี้ยวเล่น

"เฮ้ยอ้าย ฮั่นแน่..."
มาแล้วขาแซวทั้งหลาย  หูไวตาไวกันเหลือเกินนะ

"มีไรๆ"
อ้ายพูดกลบเกลื่อน ทั้งๆที่หน้าแดง

"ชื่อไรอ่ะนาย"
เพื่อนอีกคนรีบถามก่อนอ้ายจะลากแฟนหนี

"นทีครับ"

"โหยพูดเพราะซะด้วย"
ท่าทางของเพื่อนนี่มันน่ากระทืบโคตรๆ  ทำตัวแซวเป็นเด็กกัน
งี้ล่ะน้า เพื่อนอย่างไรก็ยังเป็นเพื่อนวันยังค่ำ

"จะแซวกันอีกนานมั้ย"
ว่าแล้วก็รีบลากแฟนแสนเฟรนด์ลี่ของตัวเองออกมา

"หน้าแดง"
จมูกรั้นถูกเขี่ยไปมา หาเรื่องให้โดนตีมือไปงั้น

"อ้ายไม่ชอบให้ใครแซวนี่หว่า"

"น่ารักดีออก มันเหมือนเขาเป็นเพื่อนเราจริงๆ ถ้าไม่รักก็ไม่แซว ถ้าอายจะพามานี่ทำไมล่ะ"

"ไปนั่งตรงนู้นกัน...."  มือชี้ไปยังมุมไม้เงียบไร้ผู้คน
เขาพูดต่อ  "ถ้ามากไปมันก็ไม่ดีไง แต่ดีตรงที่เขารู้ว่าทีเป็นแฟนอ้าย จะได้ไม่เผลอชอบทีเข้า ไม่ก็เป็นหูเป็นตาให้ได้"

นทีย่นคิ้ว รอยยิ้มหุบฉับ
"จะให้เค้าจับผิดเวลาทีหนีเที่ยวว่างั้น"

"ก็เออดิ"
อ้ายตอบเล่นๆ ไม่นึกว่านทีจะคิดมากจนเงียบไป  สีหน้าไม่สดใสเลย

"เป็นไร"
ลองแย็บๆถามดู  แต่นทีส่ายหน้า อมยิ้มฝืนๆตอนส่งทาโกยากิให้

"เฮ้ย อ้ายพูดเล่น...ไม่ได้จริงจังอะไรหรอก"


.................



อ้ายปัดมือที่จับแก้มตัวเองอยู่ออก
ขับรถไปเลยไป จะมายุ่งทำไมวะ คนกำลังหงุดหงิด
ถึงนทีจะทำดีด้วยการไล่ไอ้นั่นกลับ
 แต่เขายังเสียหน้าเรื่องที่นทีได้ยินเขาพูดอยู่

"ทีไม่เล่าให้ใครฟังหรอก  ไหนมีอะไรบอกทีหน่อย อ้ายรับคนเดียวไม่ไหวหรอกนะ"

คนฟังถอนใจ
สับสนไปหมด จะคุยอะไรล่ะ
ไม่รู้โว้ย!!


ฝั่งนทีกลั้นขำ
อ้ายไม่ขี้โวยวายประสาทเสียเหมือนตอนแรกๆ แล้ว
อ้ายคนนี้คล้ายคนเก่าอยู่มาก
อย่างน้อยที่เขาฉวยจูบ มันก็พอมีประโยชน์บ้างน่ะ

ลองเอื้อมมือไปแตะไหล่คนหน้าบึ้ง ..เรียกว่าจิ้มดีกว่า

ชี่

คนไม่พูดห้ามด้วยเสียงดุหมาแบบที่เคยเห็นรายการฝึกหมาทำ แต่มีหรือนทีจะกลัว
ค่อยๆชะลอรถ เลือกข้างทางเปลี่ยวๆเหมาะๆเป็นที่ง้อ
อ้ายตวัดสายตาด่า
'อย่าทำอะไรบ้าๆนะเว่ย!!'

"ไม่ต้องพูดก็ได้ แค่อยากให้อ้ายสงบจิตสงบใจก่อน บอกตรงๆไม่อยากขับรถแบบมีจิตอาฆาตอยู่ข้างๆว่ะ"

คนฟังฮึ่มฮั่มในใจ  กดเลื่อนหน้าต่างลงเพื่อสูดอากาศสบายๆจากข้างนอก
นทีเห็นดังนั้นก็เอาบ้าง  เขาพยายามทำตัวให้น่าไว้ใจมากที่สุด เขารู้ว่าแผลของอ้ายมันใหญ่เกินกว่าตัวเองจะแก้ไขได้
ถ้าอ้ายยอมรับเขามากขึ้น ก็ว่าจะพาไปพบจิตแพทย์ดู

"ดูนกนั่นสิ สีสวยดี"
นทีชี้นกตัวเล็กสีคล้ายปีกแมลงทับที่กำลังเกาะบนกิ่งไม้ริมธาร  โดยไม่รู้ตัวว่าใบหน้าตัวเองใกล้กับอีกคนมากแค่ไหน

"อยู่แต่ในเมืองเลยไม่รู้โลกกว้าง เออ..ทีเคยเห็นกระทู้ถามว่าสัตว์ตัวที่เขาถ่ายรูปมาคืออะไรด้วยนะ แล้วมันโคตรเป็นสัตว์ธรรมดาอ่ะ อ้ายลองทายดิว่าคืออะไร"

อ้ายส่ายหน้า ไม่รู้หรือไม่ทายกันแน่

"มันคือกิ้งก่า! โคตรธรรมดา ทียังรู้เลย"

คนฟังหลุดยิ้มเพราะเห็นด้วย คนที่ไหนวะไม่รู้จักกิ้งก่า

"มีอีกนะ อันนี้ง่ายกว่า"

“....เอ.......นึกไม่ออกว่ะ”
เอ๋า...หลอกให้อยากแล้วจากไป

"ว่าแต่อ้ายรู้จักนกตัวนั้นป่ะ ชอบอ่านหนังสือนี่"

อ้ายพยักหน้ารู้จัก พลางทำหน้าเสียดายเมื่อมันบินจากไปราวกับรู้ว่าตัวเองกำลังถูกนินทา

"ว้า...ยังไม่ได้ถ่ายรูปเลย....งั้นเรามาเซลฟี่แทนนะ"

ไหลได้อีก....อ้ายกลอกตาบน ดันหน้ามึนๆของอีกคนออก  เสียงแชะดังรัวไม่ได้ทำให้เขาอยากมองกล้องเลยสักนิด
นี่คิดจะเอาใจหรือบังคับขู่เข็ญวะ

"วันเก่าๆมันก็ดี ...แต่ทีว่าตอนนี้..มีความสุขกว่านะว่ามั้ย?....


ทีแทบไม่เคยสนใจอ้ายเลยตั้งแต่เข้ามหาลัย ทั้งๆที่มันควรเป็นช่วงรักวัยรุ่น รักที่สดใสแท้ๆ แต่ทีกลับทิ้งอ้ายตลอด ...ทีเสียใจนะ
ไม่รู้ภูตผีห่าอะไรมันเข้าสิง แม่งถึงลืมแฟนตัวเอง สนใจแต่เรื่องของคนอื่น
ลืมหมดเลยว่าเคยรักกันมากแค่ไหน
ทีคิดว่าตอนเด็กๆ มันก็แค่ปั๊บปี้เลิฟ ทีอยากลองอะไรใหม่ๆ อยากทำอะไรใหม่ๆดูบ้าง
แต่แม่ง.....”

ยกมือกุมหัวเมื่อภาพวันวานหวนย้อน  ....สี่เขาทำไม่ดีกับอ้ายมากขนาดนี้เลยเหรอ?

“ทำไมกูโง่อย่างนี้วะ"

ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ อารมณ์ก็ยิ่งขึ้น
นทีตบคอนโซลรถระบายความอัดอั้น แม้แต่เขายังทนไม่ได้ แล้วจิตใจของอ้ายตอนนั้นล่ะ
มันจะแหลกสลายขนาดไหน...

อ้ายที่มีแต่เขา
อ้ายที่วางเขาไว้เป็นที่หนึ่งของชีวิต
การที่จู่ๆคิดจะดัดนิสัยแฟนตัวเองแบบนั้นน่ะ 

แม่งโคตรใจดำ

ตอนนั้นเขาเชื่อพี่อัฐไปได้ยังไง
ทำไมเขาไม่กลับมาให้ไวกว่านี้
บางทีคนที่คิดว่ารู้จักกันดีที่สุด ...อาจไม่รู้ห่าเหวอะไรเลยก็ได้




...."แล้วตอนนี้มีความสุขยังไง"



........


ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
Re: ••►คนนิสัยเสีย•• *ตอน16*18พค59 newnew
«ตอบ #82 เมื่อ18-05-2016 01:28:06 »



ตอนที่ 17





...."แล้วตอนนี้มีความสุขยังไง"


เสียงแผ่วเบาเอ่ยถาม เบาเสียจนนทีคิดว่าตัวเองฝันไป
เขากระพริบตาถี่ๆ เลือกที่จะตอบก่อนแสดงท่าทีว่าตกใจ ไม่อยากให้อ้ายคิดว่าตัวเองประหลาด ไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ (ทั้งๆที่มันใหญ่)

"มีความสุขสิ...

ทีมีความสุขมากที่เลือกกลับมาดูแลอ้าย กลับมาเห็นหน้าอ้าย...สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของที"

คนกำลังใจอ่อนผินหน้าหนี กลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็นหยาดน้ำตาเอ่อคลอ

"มันถึงจุดๆหนึ่งที่ทีกลับมาคิดถึงคนที่รักทีมาก ทีอยากใช้ชีวิตร่วมกันกับเขา"

..."ไม่ใช่ว่าสมเพช--"

"ไม่ใช่เลยอ้าย...นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ทีอยากให้อ้ายกลับมาเป็นเหมือนเดิม  กลับมาใช้ชีวิตร่วมกัน อย่างที่เคยฝันไว้ไง...ว่าเรียนจบเราจะสร้างครอบครัวของเราเอง"

คนฟังก้มหน้านิ่ง
ทำไงดี...เขาเชื่อนะ...เชื่อคำพูดของนทีจริงๆ
แต่นทีจะเข้าใจไหม
ความรู้สึกของหัวใจที่เคยแตกสลายน่ะ

มันเหมือนหนามยอก แล้วเอาหนามด้วยกันมาบ่ง
มันทรมานมาก
ความหวังที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
...นทีเคยเข้าใจหรือเปล่า??

"ทีจะย้ำไปเรื่อยๆอย่างนี้แหละ จนกว่าอ้ายจะมั่นใจ  แต่ถ้าอ้ายเจ็บให้บอก ถ้าไม่อยากเจอที ก็ขอให้บอก จะตามใจทุกอย่าง แล้วไม่ต้องพูดก็ได้ถ้าไม่อยาก แต่ถ้าจะให้ดี ทีขอวันละประโยคนะ กลัวแมงกินฟัน"
ทีนะที
ชอบพูดขัดอารมณ์อยู่เรื่อย...
กำลังซึ้งเลยถ้าไม่เจอคำขออันท้าย

แต่ยังไงๆ
อ้ายก็พยักหน้าตกลง พลางแตะหลังมืออีกฝ่ายเพื่อวัดอุณหภูมิไข้แก้เก้อ
ปรากฏว่าอุ่นกว่าที่คิดไว้
ก็เล่นพูดไม่หยุดนี่นา เลยนึกว่าหายแล้ว


"งั้นกลับบ้านเรากันนะ ทีจะกินข้าวกินยาให้อิ่มเชียว"

"อือ"


.
.
.
.


ดูท่าฝนจะตกเสียล่ะมั้ง ที่วันนี้คุณชายอ้ายเกิดนึกคึกไปกินข้าวบ้านนที
พี่อัฐแกนนำด้านการดัดสันดานน้องยิ้มกระหยิ่มดีใจที่แผนตนเป็นไปได้ดี
คนแก่ก็งี้ ชอบคิดเองเออเอง ไปว่าไปขัดก็หาว่าเถียงอีก


ฝั่งบ้านนทีในเวลานี้มีเพียงคนสองคนกับหมาหนึ่งตัว  เพราะแม่ของนทีเห็นลูกเที่ยวเลยอิจฉา จึงยกโขยงครอบครัวพี่เกดไปเที่ยวกัน ส่วนแม่บ้านถือโอกาสลาพักร้อนหนึ่งวัน
อ้ายไม่อยากกลับบ้านไปเจอคนเยอะๆพร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังอยู่แล้ว  กอปรกับนทีชวน
ดังนั้นอ้ายจึงเลือกมาเล่นกับข้าวเหนียวดีกว่า

"ต้องขอบคุณที่ข้าวเหนียวเกิดมา ทีเลยได้อานิสงส์ไปด้วย"

..เว่อ..
อ้ายพูดไม่มีเสียง

หมาสีขาวขนฟูแลบลิ้นเลียเท้าป๊าของมัน

..ไม่เอา ไม่เดิน..

ข้าวเหนียวยกขาตะกายคนบนรถเข็น

..ออกไป ป๊าขี้เกียจ..

"เล่นกับมันหน่อยน่า ดูดิถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวทั้งวัน"


*พาไปนั่งโซฟาหน่อย*


"ได้คร้าบคนน่ารัก ทีอุ้มนะ"


ให้พยุงโว้ย เอะอะจะอุ้มอย่างเดียวเลยไอ้นี่

อ้ายตีแขนแน่นไปทีหนึ่ง กับท่าทางแบบนี้มันไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด
นทีค่อยๆวางเขานอนลง และแน่นอนคนกะล่อนอย่างมันต้องแกล้งโน้มตัวมาหาเขาแน่ อ้ายเลยแจกมะเหงกไปอีกที

"ชอบความรุนแรงก็ไม่บอก"
คนตัวใหญ่บึกบึนโถมตัวใส่ร่างบางผอมแห้งจนหลุดเสียงร้องดัง อั่ก
ได้แกล้งแล้วเลยหัวเราะใหญ่

"อือออ"
อ้ายพยายามดันปากจู๋น่ากลัวออก เล่นอะไรเป็นเด็กไปได้

"ขอหน่อย"

"หึ"
ส่ายหน้ารัวๆ

ความน่าเอ็นดูทำให้คนแกล้งใจอ่อน

"ไม่แกล้งแล้วก็ได้"
นทีซบตัวลงนอนบนตัวอ้าย  ปลายจมูกแนบต้นคออีกฝ่าย สาบานว่าไม่ได้คิดทะลึ่ง แค่ตัวอ้ายหอมดีเท่านั้นเอง

"หนัก"

ร่างใหญ่ขยับตัวตะแคงชิดโซฟา แล้วรวบตัวอ้ายให้เกยไหล่ตน
เมื่ออยู่ในท่ากำลังสบายทั้งคู่ สองแขนหนาจึงโอบกอดเอาไว้แน่น ส่วนมือกุมประสาน

....ต่างฝ่ายต่างไม่พูดสิ่งใด

ถ้าเขาสองคนจะไม่ได้คู่กันจริง
อ้ายก็ขอเก็บช่วงเวลานี้เอาไว้ต่อลมหายใจแล้วกัน




.........

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
Re: ••►คนนิสัยเสีย•• *ตอน16*18พค59 newnew
«ตอบ #83 เมื่อ18-05-2016 01:37:19 »



ตอนที่18



....


"ไง...หลับสบายเลยสิเมื่อคืน"
นักธุรกิจหนุ่มแต่สมองวัยใกล้กลางคนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยจะตื่นเช้า ออกมาปรากฏกายให้คนในบ้านเห็น
อ้ายอุตส่าห์บอกให้ทีพามาส่งตอนเขาหลับกัน มันก็ยังมีมารผจญ
เขาหลบแก้มแดงๆของตัวเอง ปล่อยให้ทีรับมือไป

"แหมพี่อัฐตื่นเช้าจังเลยครับ สงสัยฝนจะตก"

"เออๆ ไม่ต้องเลย ไปกินข้าวต้มไป กำลังร้อนๆ"

"พี่ไม่ไปทำงานเหรอ"

"ไม่หรอก อยากอยู่กับน้องสักวัน เผื่อได้ข่าวดี"

"พี่พูดอย่างนี้ผมกดดันแย่"

"ไม่ต้องกดดันหรอก พี่ต่างหากที่ต้องกดดัน ทำอ้ายไว้เยอะนี่หว่า"

..รู้ตัวด้วย..
บุคคลที่สามทำปากขมุบขมิบ ซึ่งไม่รอดสายตาพี่ชายจอมบงการ

ร่างในชุดนอนผ้าฝ้ายอย่างดีตรงดิ่งมาลูบหัวน้อง  สายตาเอ็นดูยิ่งกว่าใคร  ทว่าอ้ายกลับไม่เคยมองเห็นมัน

"พี่กินยาลืมเขย่าขวดเหรอ"
นทียังสงสัยไม่เลิก...
...ก็มันแปลกจริงๆนี่นา จู่ๆคนนิสัยแห้งแล้งอย่างพี่อัฐเนี่ยนะจะมาปล่อยบรรยากาศหวานฟุ้งชวนเลี่ยนอย่างนี้
ดีไม่ดีคงโดนคุณนายด่าช่วงอ้ายไม่อยู่แหง

พี่อัฐขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง จึงขอตัว

เมื่อพ้นหลังพี่ชายผู้เต็มไปด้วยปริศนามาได้ อ้ายก็ร้องจะกินข้าวต้มทันที  โดยให้เหตุผลว่าท้องหิว ตัวอ้ายไม่ได้หิวนะ
เลยโดนนทีว่าว่าอย่าฟอร์มจัดไปที  เขารู้แล้วว่าตัวน่ะพูดได้
อย่างอแงเป็นเด็ก

พอเด็กโข่งโดนว่าเข้า มีหรือจะยอม ทำคิ้วขมวดหน้าบึ้งอยู่นั่น 
นทีง้อแล้วง้ออีก  ง้อจนเผลอหลับด้วยฤทธิ์ยาลดไข้ไปเองนั่นแหละ

"จะให้ง้อให้ตายเลย"
อ้ายบิดจมูกโด่งอย่างกับสันเขื่อนอย่างลืมตัว
ฟู่วว  ดีนะไม่มีใครเห็น



...........



เวลาตีสอง ...เสียงเครื่องปรับอากาศดังหึ่ง 
ดวงตากลมยังคงเบิกโพลงท่ามกลางความมืดมิด
...ทั้งที ทั้งพี่พล.......ต่างก็หักหลังอ้ายกันหมด
อ้ายไม่ดีตรงไหนหรือ
...เพราะเราพิการ  เอาแต่ใจ น่ารำคาญ...ใช่ไหม?

อ่ะ!

....ไม่เจ็บเท่าไหร่แฮะ....

ต้นขาทั้งสองข้างยังไม่หายดี ด้วยเวลาเพิ่งผ่านไปเพียงเกือบปี
แต่ไอ้พลบอกว่าอ้ายมีพัฒนาการดีมาก สามารถฝึกเดินเองได้แล้ว
...ถ้าอ้ายมีอารมณ์อยากจะเดินน่ะนะ

อ้ายลองลุกขึ้นนั่งเอง  ยังมีความรู้สึกขัดๆอยู่บ้าง แต่นั่นก็เพียงชั่วครู่
เขาเปิดโคมไฟหัวเตียง  จินตนาการว่านทียืนยิ้มอยู่ที่ประตู ในมือมีช่อดอกไม้ที่ติดการ์ดอันว่างเปล่า  เพราะนทีมันจะขอโทษด้วยการก้มลงกราบแทบเท้าเขา  ขอขมาเขา  อ้อนวอนให้เขากลับไป
ฮ่าๆๆๆๆ  แค่คิดแม่งก็สุขสุดๆ

"ที....อ้ายให้อภัยทีนะ"


.....ถ้าอ้ายเดินได้น่ะ คิก"


อ้ายค่อยๆทรงตัวยืนขึ้น  ยังมีโอนเอนอยู่บ้าง ถึงพลมันจะเลวแต่มันก็ดูแลเรื่องกายภาพดีมาก
เขาคว้าเอาไม้ช่วยพยุงมาใช้  พยายามเดินก้าวแรกด้วยตัวคนเดียวเป็นครั้งแรกในชีวิต
เป็นก้าวที่ค่อยๆสอนเขาว่า...เราคงหวังพึ่งใครไม่ได้นอกจากตัวเราเอง

พอได้แค่สามก้าว อ้ายก็หอบตัวโยน  เจ้าตัวไม่ได้ร้องไห้โวยวาย  ไม่ได้ตัดพ้อต่อว่าใครเหมือนอย่างเคย
ภาพนทีคุกเข่าจางหายไป เหลือเพียงความมืดเป็นเพื่อน
เขาปฏิภาณกับตัวเองไว้ว่า  จากนี้ต่อไป...จะลองหัดเดินเองทุกคืน
ถามว่าเพื่ออะไร...


....ก็คงเป็นความสุขล่ะมั้ง



...............



คุณนายดรุณีในวัยกลางคนยังคงมีหน้าตาสะสวย  แต่งตัวเก่งเหมือนสมัยสาวๆ อีกทั้งกิริยาวาจาใช้ได้  ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของคนในแวดวงธุรกิจ 
เสียดายแกมาเขวช่วงที่ลูกชายคนเล็กประสบอุบัติเหตุ อาจเดินไม่ได้ตลอดชีวิตถ้าไม่ทำกายภาพ
คุณนายที่วันๆบริหารงานกับออกงาน  ทุกวินาทีคืองาน งาน แล้วก็งาน  จึงต้องแปลงร่างเป็นคุณแม่เต็มตัว เฝ้าดูแลลูกชายคนเล็กเป็นอย่างดี จนลูกครอบครัวอื่นต่างอิจฉากันหมด

"แหมช่วงนี้ดูแลลูก ไม่ค่อยอยากแต่งตัวไปอวดใครเลยค่ะ  ขอโทษจริงๆนะคะ...โอ๊ยลูกคนโตน่ะเหรอคะ บ้านช่องยังไม่กลับเลยค่ะ..ไม่สนใจหรอกค่ะ  ขอบคุณนะคะ ...ดิฉันต้องไปดูลูกแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ"

"ฟู่วว...โทรมาจริงๆ ...ถ้าทำแล้วรวยฉันทำไปนานแล้วย่ะ!  ...ทำไมตาอัฐไม่โทรมาหาแม่นะวันนี้....มาศ!!  มาศ!! เก็บข้าวที่ห้องอ้ายหรือยัง?"

"เฮ้อ!..."

ร่างเล็กๆของผู้หญิงคนหนึ่งทรุดนั่งอย่างหมดแรง  โซฟาราคาหลายหมื่นรองรับน้ำหนักเบาหวิว ...คงพอๆกับลูกชายนายห้องข้างบน ที่วันๆแทบไม่กินอะไร  กับข้าวไม่เคยพร่องเลยสักวัน  จนคนเป็นแม่อดห่วงไม่ได้
กว่าชีวิตจะมีวันนี้ได้ คุณนายผ่านมรสุมมาเยอะเหลือเกิน  พอกำลังจะดี ...อ้ายก็มาเป็นแบบนี้อีก
เหนื่อยนะ 
ยอมรับว่าเหนื่อย
แต่ไม่เคยบ่นให้ลูกฟังเลย  กลัวว่าลูกจะท้อใจ จนอยากตายอีก
เธอเลี้ยงอ้ายมาแบบผิดๆ ปกป้องมากเกิน ทะนุถนอมมากเกิน
พอเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงต่อใจ  อ้ายจึงรับมือไม่ได้
เคยคิดว่าไอ้นพพลมันจะเปลี่ยนอ้าย  แต่ที่ไหนได้ ....เลวร้ายกว่าเดิม
คนเป็นแม่น่ะ...เมื่อเห็นลูกทุกข์  แม่ทุกข์กว่า ...เคยคิดว่าอยากให้ลูกได้ดิบได้ดีนะ...แต่ตอนนี้ขอแค่อ้ายยิ้ม  แม่ก็แทบขึ้นสวรรค์แล้ว




"คุณนายคะ...จะตีสองแล้วนะคะ ขึ้นนอนเถอะค่ะ"

"เหรอ..."
ดรุณีขยี้ตารับแสงโทรทัศน์ที่ถูกเปิดทิ้งไว้  โฆษณาขายตรงตามมากวนใจยันนี่เลยหรือ
คุณนายกล่าวขอบอกขอบใจสาวใช้ที่อุตส่าห์แหกขี้ตามาปลุก

บ้านหลังใหญ่...แต่ไร้ชีวิต
ยิ่งในยามกลางดึกอย่างนี้ยิ่งแล้วใหญ่
จิตใจคนเป็นแม่ห่อเหี่ยว  พลอยให้ร่างกายห่อเหี่ยวตามไปด้วย  เธอเดินนวยนาดขึ้นบันได 
แสงไฟสลัวช่วยส่องให้มองเห็นทาง 
ทุกๆครั้งที่คุณนายขึ้นบ้าน  เธอจะหยุดหน้าประตูลูกทั้งสองคน  คนโตมักอยู่ต่างประเทศ  สายตาที่ทอดมองจึงเต็มไปด้วยความคิดถึง
ส่วนคนเล็กคงไม่ต้องเดาว่าสายตานั้นสื่อถึงความทุกข์มากเพียงใด
แต่วันนี้รู้สึกแปลกๆ...
ห้องของอ้ายไม่มืดเหมือนปกติ.. 
มีไฟสีส้มลอดออกมาจากช่องใต้ประตูตอนตีสองเนี่ยนะ!

คุณนายดรุณีเอาหูแนบประตูแอบฟัง

"ทีกลับมาขอโทษอ้ายเหรอ? อ้ายไม่ใช่คนใจง่ายสักกะหน่อยน่า"

อ้าย!!!  คุณนายกรีดร้องในใจ  รีบมือสองข้างปิดปากตัวเองให้แน่นๆ

"อ้ายจะลองเดินให้ทีดูนะ ถ้าได้สองก้าว เราคบกัน ถ้าได้สามก้าว เราแต่งงานกัน"

ถึงแม้เสียงนั้นจะแผ่วเบาแทบจับใจความไม่ได้...แต่หัวอกคนเป็นแม่..มันบรรยายไม่ถูกเลยจริงๆ  หญิงวัยกลางคนผู้หวังให้ลูกหายป่วยยืนร้องไห้
เธอดีใจที่ได้ยินเสียงลูก....ดีใจที่อ้ายบอกว่าจะเดิน
แม้ไม่เห็นภาพ  ..ไม่เห็นก้าวแรกแห่งความพยายาม  แต่เท่านี้มันก็สุขใจมากแล้ว

อ้ายของแม่ต้องกลับมาเป็นคนเดิม
กลับมาน่ารักเหมือนเดิมนะลูก...



..........



"ทีกลับไปแล้วเหรอ"

อ้ายพยักหน้าหงึก ปากเคี้ยวหมึกย่างหงุบหงับ

"เจ้าทีนี่ถึกทนดีนะ  อ้ายก็ยอมๆเอาใจเขาบ้างล่ะ"

สอนอะไรเนี่ยแม่...

*ต้องเอาให้หนัก*
เขียนแกล้งแม่ไปก่อน  ทั้งๆที่จริง นทีแทบจะปล้ำเขาได้อยู่แล้ว

คุณนายหัวเราะกิก  "แล้วแต่ลูกเถอะ แม่มั่นใจว่าทีเขารักอ้าย"

...เป็นงั้นก็ดี  ...ไม่รู้สิ ภาพมันเบลอๆ ฟุ้งๆ เหมือนฝัน


Rrrrrrrrr

"ใครโทรมา....ฮัลโหลสวัสดีค่ะ ดรุณีพูดค่ะ"

"เอ๊ะ...เอ่อ...ใครคะ?"

"อ้ายไม่อยู่ค่ะ สวัสดี"


"ใครโทรมาก็ไม่รู้  เป็นเสียงผู้ชาย ขอสายอ้ายน่ะ"

*ใครจะโทรมา*

"แม่ก็ว่างั้น  เลยวางทิ้งเลย"

*น่าสงสัย*

"งั้นเดี๋ยวแม่เช็คให้แล้วกัน  แปลกเกินไป"

สองแม่ลูกไม่รู้ตัวว่า ต่างฝ่ายต่างคิดเหมือนกัน
ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใครไปไม่ได้  นอกจากไอ้พล!!



....................


เอาสามตอนมาเสิร์ฟ  ก็จะเหลือ 19-20 (ไม่แน่ใจว่าเกินไหม5555)
เป็นคนแต่งนิยายยาวไม่ค่อยรอดจริงๆ5555
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เอ๋

ใช่พลแน่เหรอ? อย่าบอกนะว่ามาล้างแค้นอะไรทำนองนั้น

ไม่สำนึกอีก

(อ่านพาร์ทคุณแม่แล้วสงสารแทน ต้องทำงาน ต้องเลี้ยงลูก แถมอ้ายช่วงแรกก็จิตใจย่ำแย่

หวังว่าคุณแม่จะมีกำลังใจเยอะๆนะคะ ต้องใช้กำลังใจอีกนานเลยล่ะ)

ออฟไลน์ [x]-SayHi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ผมมารอนานมาก ชอบเรื่องนี้นะคับ เป็นกำลังใจให้จนจบนะคับ ^^

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
Re: ••►คนนิสัยเสีย•• *ตอน19* 25กค59
«ตอบ #86 เมื่อ25-07-2016 03:51:46 »




ตอนที่19



ความกังวลก็เหมือนเมฆฝน
ตั้งเค้าสีดำมืดมนตั้งแต่ก่อนลืมตา กระทั่งหลับตา

ผู้ชายคนนั้นใช้เบอร์ตู้โทรมาทุกวันจนอ้ายแน่ใจว่าเป็นเสียงนพพลจริง
น้ำเสียงของมัน น้ำคำของมัน...เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย ล้อเลียนว่าเขาพิการบ้างล่ะ ขู่ว่าจะกลับมาบ้างล่ะ
มันคงคิดว่าอ้ายจะกลัว คงหวังความสะใจ
แต่อย่าหวังเลย  ไอ้โรคจิต!



แน่นอนเรื่องนี้อ้ายไม่ยอมบอกตื้นลึกหนาบางให้นทีรับรู้  เพราะเชื่อขนมกินได้เลยว่านทีจะต้องคลั่งและทำเสียแผนแน่ๆ
ไอ้นพพลน่ะมันเป็นพวกมาดนิ่ง วางแผนแยบยล เขาจึงอยากให้มันโผล่หัวออกมาเองมากกว่าไปตามไล่มัน
ช่วงนี้แม่จึงสั่งคนคุ้มกันบ้านเพิ่มขึ้น และไม่ให้อ้ายออกไปไหนแม้แต่บ้านนที
แต่อ้ายก็ไม่อยากจะไปหรอกนะ เพราะไปทีไรโดนแต๊ะอั๋งทุกที มันขนลุกพิกล

.
.
.
.


"วันนี้ลองเดินหรือยัง"

อ้ายส่ายหน้าเป็นคำตอบ
อากาศร้อนอบอ้าวอย่างนี้ทำให้เขาไม่มีอารมณ์ทำอะไรทั้งนั้น

"ต้องฝึกนะอ้าย อ้ายไม่อยากเที่ยวสบายๆกับทีเหรอ"

ก็มันเดินได้แล้วนี่ จะฝึกทำไมล่ะ
แล้วทำไมเราไม่บอกเขาไปวะ โมโหตัวเองเหมือนกัน
คิดว่าเก็บไว้เป็นความลับ มันก็สนุกดี ทีมันไม่โกรธร้อกกกก

"ทีอยากให้อ้ายเข้มแข็ง อยากให้อ้ายสู้ อย่างน้อยที่พี่ลพพูดมันก็ถูก"

 ไอ้ลพ!

"มันติดต่อมาบ้างมั้ย?"
อ้ายถามทันควัน
บางทีคนเพิ่งยอมพูดก็เก็บอาการไม่ค่อยอยู่
ทำไงล่ะ เขาขี้เกียจเขียนกระดานแล้วนี่
อีกอย่างถ้าพูดเยอะๆ ปากจะได้ไม่เหม็นด้วย ข้อนี้สำคัญมากสำหรับperfectionistอย่างคุณชายอ้าย

"ไม่นะ ก็ไล่เขาไปแล้วนี่"

"อืม..."

"ทีก็ไม่ค่อยถูกชะตาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ ยิ่งมีเรื่องกับอ้ายก็ยิ่งเชื่อสัญชาตญาณตัวเอง"

"ขอเบอร์มันหน่อย"

"เอาไปทำไมครับ?"

ฮึ่มม

"ครับๆ เดี๋ยวทีขอกลับไปดูที่บ้านนะ จดไว้บนบอร์ดอยู่"

"เชย"

"ก็กดลบในมือถือไปแล้วนี่นา  เฮ้อง่วงจัง!"
คนกะล่อนไม่พูดเปล่า ยังอุ้มเอาร่างบางเบาขึ้นมานั่งบนโซฟา จัดท่าเสียดิบดี พอได้ที่ก็ล้มตัวลงนอน เอาหัวหนุนขาต่างหมอน
ซึ่งการกระทำทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเวลาไม่ถึงสิบวินาที  คิดดูว่าคนเอ๋อๆ ที่กำลังอ้ำอึ้งมันจะด่าทันไหม


"ขอนอนหน่อย ง่วง"
มัวแต่เล่นเกมโทรศัพท์อยู่ล่ะสิ งานการก็ไม่ทำ อุตส่าห์ได้ทุนไปเรียนเมืองนอกเมืองนา

....จะทิ้งโอกาสมาหาคนบ้าทำไมก็ไม่รู้

"จะยอมอยู่เป็นเพื่อนก็ได้"

"อย่าอยู่เป็นเพื่อนดิ อยู่เป็นเมียดีกว่า"

พลั่ก! อดตีแขนคนปากดีไม่ได้

"ชอบความรุนแรงเหรอ"
ฝ่ายคนเจ็บมีหรือจะยอม เข้าคลุกวงในหวังแก้แค้น

"อื้ออ"
ด้วยความที่แรงน้อยกว่าอยู่แล้ว พอโดนนทีล็อคแขนจึงเจ็บกว่าคนปกติอยู่มาก
อ้ายยังฝืนขืนตัวไม่เล่น สีหน้าบอกอารมณ์หงุดหงิดชัดเจน แต่เจ้าตัวก่อกวนยังไม่ยอมเลิกรา

นทีสูดกลิ่นแก้มนวลด้วยความหลงใหล บางจุดก็เผลอฝังรอยฟันจางๆอันเกิดจากความหมั่นเขี้ยว  อ้ายน่ารักขนาดนี้ เขาทนเป็นพระอิฐพระปูนไม่ไหวหรอก  ยิ่งอาการดีขึ้น ร่างกายก็ยิ่งมีน้ำมีนวลมากขึ้น

"พอ..."
เสียงแหบเครือผะแผ่ว  หน้าอ้ายคงแดงจัดมาก เพราะเขารู้สึกว่ามันร้อนผ่าวเหลือเกิน
ต้องโทษไอ้ทีจอมหื่น มันคิดจับกดไม่ดูสถานที่เลย  นี่มันกลางบ้านเขานะ แถมคนรับใช้ก็เดินกันให้ควัก

"ทีรักอ้าย"


ภาพครั้งแรกของเขาสองคนผุดขึ้นมา....
เด็กชายสองคนที่ยังไม่รู้ประสีประสา มีรักอันบริสุทธิ์ต่อกัน มีความจริงใจต่อกัน
เมื่ออยาก ..เมื่อสงสัย... ก็ลองทำ ด้วยความรัก  ทำเพราะอยากรัก...หาใช่ความใคร่

มาวันนี้หัวใจที่ถูกปิดตายของอ้ายกำลังถูกนทีเขย่ารุนแรง  ฝุ่นที่จับลูกกรงเหล็กหนาฟุ้งกระจายไปทั่วหัวใจ
ประตูหัวใจกำลังพังครืน  ทว่าฝุ่นนั้นยิ่งทำให้หวาดผวา เกินกว่าจะยื่นมือออกไป

อ้ายยอมรับว่ายังรักอยู่  จะให้ยอมอย่างอื่นก็ย่อมได้...
แต่..นทีแค่อยากชั่วครั้งชั่วคราวหรือเปล่า?
แต่..
แต่..
มีแต่คำว่า'แต่'เต็มไปหมด

ฟอดดดด
"พอละ แกล้งจนชื่นใจละ"
นทีผละออกพร้อมรอยยิ้มหวาน คราบความจริงใจฉายชัด



กลืนกินความเงียบงันไปสักพัก

.....อ้ายยิ้มตอบ...

ฝ่ามือบางเกาะกุมมืออีกฝ่าย
'ขอบคุณนะ...ที่รับฟัง'


.
.
.



นอกจากการเล่นเกมเพื่อลืมเรื่องนพพลไปสักพัก อ้ายก็หาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาอาการทางจิตที่อ้ายเป็นอยู่
เขาดีใจนะที่ตัวเองยังรู้ตัวว่าเป็นอะไร ยังพอมีสติอยู่บ้าง เพียงแต่สติที่ว่ามักถูกอารมณ์มาเหนือกว่า
การที่นทีกลับมานั้นทำให้อ้ายทั้งสุขทั้งเจ็บในอก เพราะลึกๆก็ยังแคลงใจอยู่ตลอด ดีแค่ไหนแล้วที่นทีกลายเป็นพวกขี้ตื๊อ ไม่ใช่ทำตัวเป็นพ่อพระ ยอมเสียสละจากไปเพื่อให้แฟนตัวเองดีขึ้น ...
สำหรับอ้ายแล้วมันจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่น่ะสิกับไอ้เรื่องน้ำเน่าพรรค์นั้น!

"โอ้โห...ต้องผูกข้อมือกันแล้วมั้งคู่นี้"
เสียงแซวอารมณ์ดีจากพี่ชายที่นับวันชักจะเริ่มน่ารักดังขึ้นมาพร้อมหน้าหล่อๆ

"อะไรพี่อัฐ?"
นทีลุกจากตักแฟน พลางลงมือนวดคลายกล้ามเนื้อที่เผลอนอนทับเพลินไปหน่อย

"แตะเนื้อต้องตัวกันขนาดนี้ มันผิดผีไม่รู้เหรอ? ไปเอาพานธูปเทียนมาขอขมาเลย จะได้หมั้นกันสักที"

นทีส่ายหน้าเอือมระอา ไม่สนใจจะตอบ
"ดูท่าพี่อัฐจะเพี้ยนไปแล้ว"
เขากระซิบบอกอ้าย


ครืนนนนน/กริ๊งงงง
ทั้งสามสะดุ้งเมื่อเสียงฟ้าร้องบังเอิญดังพร้อมกับเสียงโทรศัพท์

"เดี๋ยวพี่รับเอง"
เซนส์ของอ้ายบอกว่าไอ้นพโทรมาแน่ แต่เขาห้ามพี่ชายไม่ทัน

"อะไร ?ใคร?"

"มึงเป็นใคร?!"
พี่อัฐเริ่มขึ้นเสียงแล้ว อ้ายว่าไม่ดีแน่ เขาจึงสะกิดนทีให้ไปเอาโทรศัพท์มา

"ไอ้สัตว์!!"
ไม่ทันแล้ว....!
พี่อัฐกระแทกโทรศัพท์อย่างแรง ใบหน้าเคียดขึง
อ้ายหลบตา ส่วนนทียังงงๆ

"นพพล....มันโทรมา"

"มันบอกว่าจะกลับมาเล่นกับอ้ายอีก ตอนนั้นมันยัง...'เอา' ไม่พอ" พี่อัฐเงียบไป
"หมายความว่าไงอ้าย?"

ทั้งอ้ายและนทีต่างเงียบ  อ้ายคิดว่าเสียแผนแน่ถ้าพี่อัฐรู้

"ไอ้นักกายภาพที่แม่บอกว่าลาออก...พร้อมๆกับที่อ้ายกินยาฆ่าตัวตาย คือไอ้นี่ใช่มั้ย?"
คนเป็นพี่ชายกดเสียงต่ำ ความโกรธและความผิดหวังอัดอยู่ในอก
นี่เขา...ไม่รู้อะไรเลยหรือ

"ตอบพี่มาสิอ้าย!!"

"พี่อัฐใจเย็นก่อน แค่นี้อ้ายก็เครียดแล้ว"
นทีปราม

"กูไม่เย็นแล้ว!!"

โบราณว่าอย่าทำให้เสือโกรธ
เสียงฟ้าร้องตอนนี้ยังไม่น่ากลัวเท่า

อ้ายถอนหายใจเมื่อพี่ชายขึ้นห้องปิดประตูเสียงดัง  แต่ก็ต้องสะดุดกึกเมื่อพี่เขากลับลงมาอีกครั้งพร้อมวัตถุสีดำมะเมื่อมในมือ

"พี่จะเอาไปทำอะไร"
นทีถามเสียงสั่น นี่มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเพิ่งจะหวานกับอ้ายไปหยกๆ คนธรรมดาตั้งรับไม่ทันจริงๆ

"ไอ้เวรนั่นมันอยู่แถวนี้แหละ กูได้ยินเสียงฟ้าร้องเหมือนฝั่งเรา"

"มันก็แค่คนโรคจิตน่ะพี่ เดี๋ยวเราแจ้งตำรวจหาเรื่องจับมันเข้าตะรางอีกก็ได้"

"มันทำร้ายแฟนมึงนะที! มันทำน้องกูให้เกือบตาย! กูเข้าข้างมึงคนเดียวก็เกินพอ กับไอ้เชี่ยนี่กูเอาตายจะดีซะกว่า!"

"เดี๋ยวพี่อัฐ!"

ร่างสูงใหญ่เดินดุ่มออกไปแล้ว!
"อ้ายอยู่นี่นะ"
อ้ายส่ายหัว หน้าเสียไปเหมือนกัน พอถึงสถานการณ์จริงก็ไม่อยากให้เกิดการฆ่าแกงกันอยู่ดี

"ฝนมันตก อยู่นี่แหละ ทีไปดูเอง"

"ไม่" เสียงแหบเอ่ย  อ้ายลงทุนพูดอย่างนี้คงห้ามไม่ได้แน่ นทีจึงหันไปสั่งแม่บ้านให้ไปดักพี่อัฐไว้ก่อน ส่วนตนเองอุ้มอ้ายนั่งรถเข็น หาร่มมากางก่อนพาออกไป

"ลองให้โกรธเถอะ เอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่"
อ้ายพูดด้วยความกังวล

"ไอ้นั่นมันต้องพูดแย่มากแน่ๆเลย พี่อัฐถึงควบคุมอารมณ์ไม่ได้"
แม้เรื่องราวจะผ่านมานานมากแล้ว แต่ใจมันก็อดสั่นไม่ได้ มันเป็นความกลัวฝังใจที่อ้ายยังไม่เคยแสดงออกไปให้ใครรู้


สองหนุ่มออกจากบ้านอย่างทะลักทุเล ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้ใครทำอะไรบุ่มบ่าม  ถ้านพพลมาจริงก็ต้องคุยกันดีๆเพราะดูแล้วจิตมันไม่ปกติแน่

พี่อัฐยืนนิ่งหน้ารั้ว  ฝนตกหนักทำให้ทัศนวิสัยในการมองแย่เข้าไปอีก
"มันหนีไปแล้วมั้งพี่ เข้าบ้านเถอะ"
นทีตะโกนบอก ส่งซิกให้แม่บ้านเอาร่มไปให้ แต่อัฐกลับปฏิเสธ  สายตายังคงมุ่งมั่นสอดส่องหาตัวการ ไอ้เลวที่ข่มขืนน้องเขา!

"ออกมาคุยกัน!!"

"พี่ถือปืนแล้วใครมันจะออกมาวะ" นทีคราง

อ้ายเห็นว่าเรื่องราวคงยืดเยื้อ พี่อัฐหายโมโหยาก จึงให้แม่บ้านเข้าบ้านไปก่อน เดี๋ยวจะพาไม่สบายกันหมด  ส่วนตนเข็นรถเข้าไปใกล้พี่ชายมากขึ้น

"อ้าย.."
มือด้านแตะหลังพี่ชายขี้โมโห ส่งสายตาอ้อนวอนว่าให้หยุดเถอะ  จองล้างจองผลาญไปมันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก
ดูอย่างนทีสิ  กว่าจะดิ้นจนเขาให้อยู่ใกล้ได้ ก็ต้องใช้เวลา และทุกข์มาตั้งเท่าไหร่ แม้มันอาจเทียบไม่ได้เลยกับความทุกข์ของเขา

"พี่อัฐจะฆ่าคนเหรอ....?"
คนถูกถามเบิกตาโพลง  ลมหายใจสะดุดกึก
น้องของเขาพูดแล้ว!

แต่อัฐจำต้องเก็บความดีใจเข้ากรุ เพราะสถานการณ์อันตึงเครียดข้างหน้า

"แล้วมันล่ะ? มันฆ่าน้องพี่ทั้งเป็น! ถ้าพี่รู้ตั้งแต่แรก มันคงตายห่าไปนานแล้ว"

"พี่ฆ่ามันตายตอนนี้ มันก็แค่ตาย สู้พี่หาเรื่องให้มันติดคุกนานๆยังจะสะใจกว่านะพี่"
คนบนรถเข็นกระทุ้งชายโครงคนพูดอย่างแรง  แต่ก็อดเห็นด้วยกับนทีไม่ได้

หมดกัน...เขาอุตส่าห์เอาธรรมะเข้าข่ม

"เออๆ ให้มันโผล่หัวออกมาก่อนค่อยว่ากัน"
อัฐบอกน้องไปอย่างนั้น ทั้งๆที่ในใจเขาเอานพพลตายแน่

เม็ดฝนซาลง พร้อมกับอารมณ์ที่เบาลง เมื่อไม่เห็นวี่แววมนุษย์อยู่บริเวณหน้าบ้าน  อัฐเช็คปืนที่เปียกฝนของตัวเอง ปรากฏว่ายังใช้งานได้ ใจร้อนๆเริ่มผ่อนเป็นเย็น
เห็นทีวันนี้กระสุนเงินคงไม่ได้กินสมองไอ้เวรนั่น  แม้จะถูกปิดบังเรื่องนพพล แต่อัฐไม่คิดโกรธน้องกับแม่เลยสักนิด  เพราะเขารู้ดีว่าแม่ปิดไปเพื่ออะไร
นิสัยเฉียบขาด เคร่งครัด อารมณ์ร้อน จนเกือบจะเรียกได้ว่าย่ำแย่อย่างเขา...พึ่งพาได้ดีก็แค่เรื่องงานเท่านั้นแหละ
ถึงเวลาแล้วที่เขาควรทำหน้าที่'พี่'ที่ถูกต้องเสียที


"พี่ไม่อยากเป็นพี่ชายที่แย่ในสายตาอ้าย"
เขารำพึง
"แต่ถ้าพี่ฆ่าคน อ้ายคงรู้สึกแย่"
อัฐได้ฟังก็ถอนใจ 

"เข้าบ้านเถอะพี่ อ้ายเปียกแล้วเนี่ย"
นทีช่วยพูดผ่อนคลายบรรยากาศ

ฟ้าใสแล้ว...นทีคิดว่าชีวิตจริงของหลายๆคนคงไม่ผาดโผนโจนทะยานขนาดนั้น  เราไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงในการตัดสินปัญหาเลย ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพี่อัฐ ที่ไม่ทำให้มันเกิดขึ้น

ปัง!!! "พี่อัฐ!!!"
เสียงปืนดังสนั่นท่ามกลางท้องฟ้าที่กลับมามืดมัวอีกครั้ง  จู่ๆพี่อัฐก็ยกปืนยิงแถบรั้วด้านนอก
เมื่อนทีได้สติก็รีบปัดปืนในมือพี่ชายทิ้ง  คนยิงมีสีหน้าราบเรียบ แต่ทว่าคนที่น่าเป็นห่วงคืออ้าย  ใบหน้านั้นซีดเผือด
"อ้ายโอเคมั้ย"

"ฮึก.."
อ้ายส่ายหน้า  เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเกลียดกลัวความรุนแรงมากขนาดนี้  ใจอ้ายเหมือนจะฉีกขาดไปพร้อมเสียงปืน แน่นอนเขาไม่ได้ห่วงไอ้เลวระยำที่ถูกยิงข้างนอกนั่น แต่เขาแค่กลัว...กลัวอย่างประหลาด

"อะไรวะ!"
นทีสบถ หันไปถามพี่อัฐ เจ้าตัวก็เดินดุ่มๆหยิบปืนออกไปรั้วหน้าบ้านไวชั่วพริบตา

"อยู่นี่นะอ้าย"

"ไม่เอา อย่าไป"
ใจคออ้ายไม่ดีเลย รั้งแขนนทีไว้

รอไม่นานพี่ชายก็ลากร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามา  ตะโกนบอกรปภ.ให้โทรเรียกตำรวจ แล้วทุ่มร่างปวกเปียกนั้นลงแทบเท้าอ้าย

"ลพ!"
นทีตกใจ ปะปนกับความขยะแขยงเมื่อมันแสยะยิ้ม ...มันบ้าไปแล้วจริงๆ

"พี่นพพลไง จำไม่ได้เหรอน้องอ้าย ฮ่าๆๆ"

ความจริงกระจ่างแจ้ง!
อ้ายชักเท้าหนีมือสกปรกที่พยายามเอื้อมมาแตะเขา  แล้วมันก็โดนพี่อัฐเหยียบอย่างไม่ปรานี

"มึงทำแบบนี้ทำไม!"

"เฮอะ! ตอนแรกกูก็จะเข้ามาดีๆหรอกนะ อุตส่าห์ไปโมหน้าใหม่มาหลอกพวกมึง แต่พวกมึง! ไม่เห็นความตั้งใจที่กูทำ! เสือกไล่กูอย่างกับหมูกับหมา!"

"มึงมันโรคจิต"
เสียงอดกลั้นของอ้ายเอ่ย  นพพลดีใจที่ได้ฟังเสียงเทวดาสวรรค์ของมัน  มันจึงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แม้จะถูกอัฐเหยียบแผลที่โดนยิงตรงหัวไหล่แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด

"พี่ดีใจนะ ที่การกระทำของพี่ไม่เสียหลาย  อย่างน้อยอ้ายก็เข้มแข็งขึ้น"

"อย่าพูดเอาดีเข้าตัวหน่อยเลย  ถ้าไม่มีมึง อ้ายอาจดีขึ้นเร็วกว่านี้ด้วยซ้ำ"
นทีอยากจะเหยียบหัวมันแล้วบี้ลงกับพื้นจริงๆ

"โถๆ ๆ แฟนเก่าเลวๆอย่างมึงอย่ามาสั่งสอนกูหน่อยเลย"

"หยุดพูดได้แล้ว! ตำรวจคงจะถึงละ ช่วยพี่จับมันหน่อยที  ...คราวนี้กูเอามึงติดคุกตลอดชีวิตแน่" อัฐพูดเสียงเหี้ยม จับแขนทั้งสองข้างของคนเบื้องล่างไพล่หลังไว้ รั้งตัวมันให้ลุกขึ้นนั่ง  สะอิดสะเอียนเลือดชั่วที่ไหลเปื้อนมือ รอนทีมาจับอีกแรง ก่อนจะรับเชือกมาจากลุงรปภ.ของบ้าน

นที...ไอ้อ่อน
บุคคลที่นพพลไม่นึกกลัวเลยสักนิด ความย่ามใจ หน้ามืดตามัว เพราะนี่คือครั้งสุดท้ายของมัน! มันจะไม่ได้เห็นหน้ายอดดวงใจมันอีกแล้ว!
นพพลใช้จังหวะนี้ดิ้นขัดขืน  มือข้างที่ไม่เจ็บหยิบมีดพกตรงขอบกางเกงออกมาเอี้ยวหลังแทงเข้าที่ท้องนทีอย่างแรง

"อย่า!!!"
อ้ายพุ่งตัวไปสู้ตามสัญชาตญาณ เขาใช้พลังทั้งหมดที่มีจิกหนังหัวไอ้เลวนั่นออก ส่วนเท้าเตะมีดในมือมันอย่างแรงจนโดนบาด

อัฐสะดุ้งตกใจ ช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่เขาเผลอ นทีก็ถูกแทงไปแล้วสองแผล  พร้อมร่างน้องชายที่กำลังจับหัวคนแทงกระแทกพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พี่ชายรีบเข้าไปห้ามน้องที่กำลังขาดสติ  เลือดเปรอะเปื้อนเต็มหน้า ยังไม่น่ากลัวเท่าแววตาที่ไร้ความรู้สึก!
..........................

ออฟไลน์ natt teng

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 179
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-3
Re: ••►คนนิสัยเสีย•• *ตอน19* 25กค59
«ตอบ #87 เมื่อ27-07-2016 02:15:37 »

สะเทือนอารมณ์จริงๆค่ะ ต่างคนต่างมีเหตุผล อาจไม่ดีของตัวเองหรือไร แต่จะตามอ่านต่อไปค่ะ โหดร้ายจริงๆ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
Re: ••►คนนิสัยเสีย•• *ตอน19* 25กค59
«ตอบ #88 เมื่อ27-07-2016 03:00:17 »



ตอนที่ 20


ความเงียบงันกำลังกัดกินใจทุกคน
นทีเข้ารับการรักษาในห้องฉุกเฉินเป็นเวลาเกือบชั่วโมง ยังไม่มีทีท่าจะเสร็จสิ้น
ครอบครัวนที ทั้งแม่ พ่อและพี่เกดไม่ได้สนใจอ้ายเลย จะว่าไป...พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก
อ้าย...ไม่ได้สนใจใครเลยมากกว่า
ดวงตาอ้ายกลับมาเป็นปกติ มันยังคงมีชีวิต พริ้วไหวไปมาตามแสงไฟ ...เพียงแค่อ้ายไม่คิดที่จะสนใจสิ่งอื่นใดนอกจากมือเปื้อนเลือดของตัวเอง
พี่อัฐนั่งกอดน้องชายไม่ยอมปล่อย  แม้พยาบาลจะทำแผลที่ขาอ้ายอยู่ก็ตาม
คราวนี้เขาขออยู่กับน้อง เขาอยากให้น้องรู้ว่ายังมีพี่ชายที่พึ่งพิงได้ หาใช่แค่แม่คนเดียว

"พวกเราไปกินอะไรรองท้องกันก่อนดีมั้ย?"
คุณนายถามทุกคนเบาๆ พยายามทำให้ผ่อนคลายที่สุด แม้จะยากก็ตามที

"เผื่อหมอออกมาล่ะ"
แม่นทีส่ายหน้า มือเกาะกุมผู้เป็นสามีหาหลักยึดเหนี่ยว เพราะตอนนี้หน้ามืด ไม่มีแรงทำอะไรแล้ว

"เกดก็ไม่อยากค่ะน้า"

คุณนายดรุณีหันมาถามลูกชายทั้งสองคนของเธอบ้าง ปรากฏว่าอ้ายนั่งซบไหล่พี่ชาย ตาเหมือนจะเคลิ้มหลับ ส่วนอัฐยิ้มแหยๆ ไม่กล้าขยับด้วยกลัวน้องตื่น

"คงอีกนานกว่าหมอจะออกมา พาน้องไปนอนเถอะ"

"ไม่เอา!"
คนฟังได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งตื่นเต็มตา ตัวอ้ายสั่นเทิ้ม น้ำตาคลอ
อ้ายยึดท่อนแขนแกร่งพี่ชายเอาไว้ เผลอจิกเล็บลงไปแต่พี่ก็ไม่บ่น

"เปิดห้องสักห้องให้น้องอ้ายดีกว่าไหมคะ แล้วก็ปรึกษาหมอเรื่อง...."
ถึงพี่เกดจะไม่ชอบอ้าย แต่เรื่องของคนป่วยเธอก็อดที่จะแนะนำไม่ได้  นั่งมองอ้ายที่หลุดบ้างดีบ้างแล้วเริ่มสงสาร 
ไม่มีใครคิดสนใจจะรักษาหรือไงกัน 

"อ้ายกำลังช็อคน่ะเกด หมอก็บอกแล้ว"
คนเป็นแม่กลัวลูกจะเหยียดเหมือนเคยๆ เลยปรามอย่างอ้อมๆ
การะเกดจึงไม่พูดสืบสาวต่อ ปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่อัฐที่กำลังกล่อมน้องให้ไปนอนรอก่อน
ไม่นานนักอ้ายก็ยอมทำตามพี่  เพราะเขาก็ไม่ไหวเหมือนกัน ปวดหัวราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
รู้ตัวอยู่ว่าเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ....เขาแค่จัดการไม่ได้  ควบคุมมันไม่ค่อยได้
น้ำตาไหลด้วยความสมเพชตัวเอง  เป็นห่วงนทีก็เช่นกัน

"จะเดินหรือว่านั่งรถเข็น?"

เขาปาดน้ำตา
"เดิน"

อ้ายเคยคิดนะว่าเขาจะนั่งรถเข็นตลอดไป  หลอกทุกคนไปเรื่อยๆ  แต่ ณ สถานการณ์ตอนนี้เขาทำไม่ได้แล้ว  เขาอยากให้นทีตื่นมาแล้วเห็นเขาเป็นปกติ
แต่นทีก็ไม่ตื่นสักที

"เจ็บแผลมั้ย"
แผลมีดบาดเป็นแผลไม่ลึก แค่ยาวตั้งแต่ข้อเท้าจนถึงเกือบกลางน่อง  อ้ายจึงเดินสบายๆ โดยมีพี่ประคอง



อัฐทำเรื่องขอห้องพิเศษแบบสองเตียง เผื่อนทีด้วยอีกคน แม้อาการอ้ายไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล แต่คนดื้อยืนกรานว่าจะนอนที่นี่

"แต่งชุดคนไข้อีกแล้วเรา"
พี่ชายบ่นน้องพลางลูบหัว
ภายในระยะเวลาสองปีกว่า เขาเห็นน้องใส่ชุดนี้มากกว่าคนแก่เสียอีก
เรื่องกายน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ใจที่ไม่แข็งแรงสิน่าเป็นห่วง


"ไหนบอกหน่อยเดินได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะเรา"

"นานแล้ว"

"เจ็บมั้ย"

"ไม่เจ็บ แต่ก็ยังไม่เคยเดินนานๆด้วย ต้องลองดูอีกที"
อัฐอมยิ้มเมื่อน้องชายตอบยาวๆเป็นกับเขา

"เอ้อ..ถ้าตำรวจถาม ให้บอกไปว่าป้องกันตัวนะ แล้วก็มีอาการทางประสาท พูดช้าๆ ทำหน้าน่าสงสารเข้าไว้"
จริงๆเขาไม่ควรแนะนำน้องอย่างนี้
แต่อ้ายกลับพยักหน้าหงึกหงัก ให้เรื่องมันจบๆไป
"มันเป็นไงบ้างล่ะ"
ถามถึงคนจิตใจบิดเบี้ยว

"ไม่รู้สิ พี่ก็อยู่กับอ้ายตลอดนี่นา"

"หวังว่าคงไม่ตาย"

"ไม่ตายหรอก...แปลกนะ พี่นึกว่าอ้ายจะโกรธมากกว่านี้"
ที่ทุบจนหน้าเละไปข้างนี่ไม่เรียกว่าโกรธ?
"โกรธ ...แค่ไม่อยากฆ่าใครตาย"

"งั้นต่อไปนี้คิดใหม่ทำใหม่ อะไรดีๆอย่างนั่งสมาธิสวดมนต์ก็ทำต่อ จิตใจที่หมกมุ่นก็ปล่อยวาง"

"บอกตัวเองด้วย"

"ฮ่าๆ นั่นสิ พี่มันใจร้อน ขี้โมโห สงสัยต้องให้อ้ายสอนนั่งสมาธิ ได้ไหมครับ?"

"อืม"

"พี่ว่าเรานอนพักก่อนดีกว่า ถ้านทีมาพี่จะปลุก"
แม้การพูดคุยครั้งนี้ออกจะประดักประเดิดไปบ้าง แต่อัฐคิดว่านี่ก็ดีที่สุดในรอบสองปีระหว่างเขากับน้องแล้วหละ
แน่นอนคนเราย่อมมีช่วงเวลาที่ผิดพลาด ขนาดคนเพอร์เฟ็คต์ไปซะทุกเรื่องอย่างเขา ยังตัดสินใจผิดพลาด คิดว่าการสั่งสอนแบบรุนแรงและหักดิบจะช่วยให้น้องคิดได้
แต่แล้ว...ไม่มีวิธีไหนดีไปกว่าการมอบความอบอุ่น การแสดงความรัก และความห่วงใยต่อกัน  ดูอย่างวันนี้สิ แค่เขาปกป้องน้อง โอบกอดน้อง อ้ายก็ยอมคุยกับเขาเหมือนไม่ได้โกรธกันมาก่อน
คิดแล้วดีใจชะมัด ...อาการบราค่อนที่เก็บไว้ลึกสุดใจ ดูเหมือนจะเริ่มปะทุซะแล้วสิ

"ยิ้มอะไร โรคจิต"
อ้ายทำหน้าแหยก่อนหลับตาพักผ่อน

.
.
.
.

อ้ายฝัน
หรืออาจจะไม่ฝัน?
ช่างมันเถอะน่ะ เขาอาจกำลังหลอนเพราะฤทธิ์ยาก็ได้
ภาพเลือนลางของกลุ่มมวลสีดำเบื้องหน้าคืออะไรไม่สามารถเจาะจง มันกำลังเคลื่อนไหวไปมาราวกับเต้นระบำ ซ้ายทีขวาที วูบวาบหยอกล้อเขา
ดูไม่ใช่มนุษย์ หากแต่เสียงหัวเราะคิกคักนั้นกลับคล้าย
เงาสีดำวิ่งวนสักพัก ก่อนจะโบกมือลาจางหายไป พอดีกับที่อ้ายขยี้ตาเบลอๆให้ชัดแจ้ง

นที....
นทีนอนอยู่บนเตียงข้างกัน  สีหน้าดูดีกว่าที่คิด ไม่มีสายระโยงระยาง หรือท่อช่วยหายใจที่ทำให้คนเฝ้าใจหาย  ทุกอย่างดูปกติ
คนไม่ป่วยก้าวลงจากเตียง  อาศัยแสงจันทร์เต็มดวงส่องทางเพื่อเปิดไฟ

"ที"
เสียงแผ่วเบาราวกระซิบ เพียงเพราะไม่อยากให้คนหลับตื่น แค่อยากพูดเตือนตัวเองว่านทีอยู่ตรงนี้แล้ว .... มาอยู่ข้างเขาแล้ว...
ทำไมหนอความรักจึงยากเย็นนัก
เหตุผลร้อยแปดจะมีทำไม ในเมื่อสุดท้ายแล้ว เราก็แค่ดีใจ
...ดีใจที่เขาปลอดภัย
...ดีใจที่เขากลับมา

"เพิ่งรู้ว่าขี้แย"

"ที!!"

"กี่โมงแล้ว"

"ไม่รู้ ตีสี่มั้ง"
อ้ายเช็ดน้ำตาเสียงเครือ เรียกเสียงหัวเราะจากคนบนเตียง

"น่ารักจัง"

"เพี้ยนเหรอ?"

"เปล๊าาา"

"นอนต่อเถอะ ก่อนจะเพี้ยนไปมากกว่านี้ ขอโทษที่ปลุก"
อ้ายหน้าบึ้ง ทำท่าจะปิดไฟ

"ไม่เอาๆ อยากอยู่กับอ้าย...เป็นไงบ้าง?"
นทีจับมือคนรักมากุมไว้ สายตาห่วงหาอาทร

"ไม่เป็นไง โดนมีดบาดนิดหน่อย"

"คราวหน้าคราวหลังอย่าทำอีกนะ  ให้ทีเจ็บคนเดียวก็พอ"

"ก็อยากอยู่หรอก แต่ทำไม่ได้"

นทียิ้ม เป็นอารมณ์ที่บรรยายไม่ถูก เขาโชคดีขนาดไหน ที่อ้ายมารัก

"แล้วเรื่องเดินได้อีก ไม่บอกกันบ้าง"

“ไว้ค่อยคุยกัน ดึกแล้ว”

“ทีดีใจนะที่อ้ายหายดี ดีขึ้นทั้งกายทั้งจิตใจ  ทีสัญญานะ—“

"ไม่ต้องสัญญาอะไรทั้งนั้น...นอนก่อน"

".....ขออะไรอย่างหนึ่งได้มั้ย...ถ้าทีตื่นมา ขอให้อ้ายอยู่ข้างๆทีนะ"

"ได้สิ"


...........END………


โฮ่ง!
ร่างสูงโปร่งลูบหัวหมาขนฟูสีขาวอย่างหมั่นเขี้ยว  มันเห่าเรียกเขาตั้งแต่ยังไม่ก้าวเข้าบ้านเพื่อจะอวดลูกชายลูกสาวแสนน่ารักของมัน
นทีไม่รู้ว่าข้าวเหนียวไปไข่ทิ้งไว้ตอนไหน  รู้ตัวอีกทีก็มีหมาจรจัดสีน้ำตาลทรงสวยมาคลอดลูกหลังบ้าน  ซึ่งเด็กๆก็แทบไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นลูกของใคร

“ไงข้าวสุก ข้าวเปลือก วันนี้เป็นเด็กดีไหม”
โฮ่ง!
ไหงพ่อของมันเห่าตอบซะงั้น

“ยุ่งจริงๆเลยข้าวเหนียว  ทำไมตัวแกเลอะอย่างนี้เนี่ย ดูลูกๆเป็นตัวอย่างสิ ไม่ดื้อไม่ซน”


“ดุหมาอีกแล้ว เดี๋ยวมันก็งอนอีก”

“ปล่อยให้งอนไปเลย”

“โธ่ที่รัก  ไม่คิดจะให้โอกาสบ้างเลยเหรอ”

“ไม่รู้สิ ยังหาโอกาสไม่เจอ ถ้าเจอแล้วจะให้”

“อ้ายจ๋า อย่าโกรธทีเลยนะ ก็ไอ้ปั่นมันย้ำนักย้ำหนาว่าโทรมาบอกอ้ายแล้ว ทีเลยวางใจ ไม่คิดว่ามันจะโกหก”

“ไม่ได้โกรธเรื่องนั้น โกรธเรื่องที่กินเหล้าเมาเกินลิมิต ทั้งๆที่เคยตกลงกันแล้วว่าได้เท่าไหน”

“หยวนๆกันนะ  นานๆครั้ง”

“ถ้าอ้ายกินบ้าง ทีคงไม่ว่านะ”

“เอ่อ....”

“ดีเลย อ้ายซื้อโกด์ลมา ทีช่วยชงให้อ้ายหน่อยสิ”

เรื่องราวมันเกิดเมื่อลูกน้องของนทีนามว่าปั่นเลี้ยงฉลองที่กลับมาโสดอีกครั้ง เจ้านายผู้เป็นที่รักจึงถูกชวนอย่างปฏิเสธไม่ได้  เพราะดันไปพนันเสียดิบดีว่ายังไงกับสาวคนนี้ก็ได้แต่ง  นทีวานให้ปั่นโทรบอกอ้าย แต่ไม่นึกว่ามันจะหักหลังได้ลงคอ  จริงๆไปโทษปั่นก็ไม่ได้หรอกที่ดูเหมือนไม่เคารพเขา  เพราะไม่ว่าจะเลี้ยงที่ไหน ใกล้ไกลเท่าไหร่ นทีก็จะโทรแจ้งภรรยาสุดที่รักทีหลังอยู่ดี
แล้วเขาก็โทร.....แต่โทรหลังจากเมาเละอ่ะนะ
อ้ายไม่ชอบคนหยำเหย่ ไม่ชอบคนผิดศีล ไม่ชอบคนพูดไม่รู้เรื่องหรือไร้สติ  รวมๆแล้วคือคนเมานั่นแหละ
นทีจึงถูกโกรธอย่างช่วยไม่ได้  ตอนแรกนทียังเบาใจอยู่ที่อ้ายไม่หนีไปนอนบ้านตัวเอง 
แต่ตอนนี้เขาหนักใจกว่าเก่าเสียแล้วสิ
เขากำลังทำให้อ้ายผิดศีล!!

.
.
.

คุณชายอ้ายของคุณนายดรุณีนิ่งสนิท...เงียบสงัด
นี่เพิ่งแก้วที่สอง หน้าจิ้มลิ้มนั้นก็แดงเถือก อย่างกับคนเอาสีไปฉาบ
นทีจึงหยุดชง แล้วหยุดดื่มของตัวเองบ้าง  เขาหันไปเก็บกระติกน้ำแข็ง โซดา ปิดฝาขวดเหล้าให้เรียบร้อย

“ขอข้าวเปลือกไปอยู่บ้านนู้นนะ ไม่อยากให้คอกเดียวกันอยู่ด้วยกัน”

“อ่า.....”  เด็กชงเหล้าสะดุ้งแทบทำขวดหล่น  “ได้สิครับ บ้านอ้ายจะได้ไม่เงียบด้วย”

แล้วไงต่อ?
นทีคิดว่าเขาน่าจะเปิดเพลงสร้างบรรยากาศเสียตั้งแต่แรก

“เหล้า....”

“ครับ?”

“มีคนเคยชวนกิน”
คนฟังตั้งใจฟังแทบกลั้นหายใจ  ดวงตาอ้ายหม่นแสงลง มือวางแก้วที่เหลือเพียงน้ำแข็ง
ลมแอร์พัดหวีดหวิวเป่าปอยผมให้สั่นไหว  ดวงตาหยาดเยิ้มบ่งบอกว่าอยากหลับเต็มแก่
แต่อ้ายก็ยังจะฝืน

“เหล้ามันทำให้ลืมใครบางคน....แต่จริงๆก็ไม่เคยลืม”

นทีอมยิ้ม

“อ้ายไม่ค่อยพูดนะทั้งๆที่ผ่านมาหลายปีแล้ว  อ้ายคิดว่าแสดงออกดีกว่าสักแต่พูด ดูดิ...เงียบจนไอ้เหนียวมันมีลูกก่อนแก่ตายซะอีก....
.....รู้ว่าเหนื่อยกับงานมาก แล้วยังต้องคอยดูแลคนไร้ประโยชน์อย่างเราอีก”

“ไม่เป็นไรหรอก ทีเต็มใจ”

“ก็เลยคิดว่า....อยากลงทุนหาอะไรทำบ้าง”
เสียงคนเมาแผ่วลงๆ ด้วยความอาย

“อ้ายอยากทำอะไรล่ะครับ เรียนต่อก็ดีนะ”

“ไม่เอาๆ แก่แล้วไม่อยากเรียนแล้ว ไม่อยากเจอคนเยอะๆ”

“ความจริงคือแฟนอ้ายไม่อยากให้อ้ายทำอะไรอ่ะครับ  อยากให้อยู่บ้าน”

“งั้นทำงานที่บ้านก็ได้”

“ทำอะไรดี?”
นทีช่วยคนรักคิด  พูดกับคนเมาแล้วเหนื่อยเหมือนกัน  อ้ายเวอร์ชั่นเมานั้นพูดช้า นึกนาน
ส่วนเขารู้ดีว่าอ้ายถนัดด้านไหน  ชอบอะไร  ขึ้นอยู่กับว่าอ้ายจะตั้งใจทำมันไหม  เพราะอ้ายกลายเป็นคนสมาธิสั้น  นอกจากการนั่งสมาธิกับนั่งมองอะไรเรื่อยเปื่อย อ้ายก็ทำกิจกรรมอื่นไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย  ขนาดเกมที่ชอบๆยังไม่เคลียร์สักเกม

“เลี้ยงหมา”

“หืม?”

“อยากเลี้ยงหมาขายมั้ง”

“มันจะเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า เพราะอายต้องดูแลมันตลอด”

“งั้นปลูกต้นไม้”

“อืม....อันนี้ดี  เพาะต้นเล็กๆอย่างแคคตัส พืชอวบน้ำ”

“คืออะไร?”
คนหน้าแดงเอียงคอถาม

“กระบองเพชรน่ะ เลี้ยงให้สวยๆ รายได้ดีเลยนะ”

“เราไม่เคยปลูกนี่นา...  เอาต้นสวยๆอย่างผกา จำปา จำปี กุหลาบ ราตรี พะยอม อังกาบ ทั้งกรรณิ---“

“พอๆครับ!  เอางั้นก็ได้  พื้นที่เรามีเยอะแยะ ทีกลัวอ้ายเดินมากเฉยๆถ้าปลูกอะไรที่มันใหญ่กว่ากระบองเพชร”

“ขอบคุณนะ”
คนน่ารักฉีกยิ้มกว้าง  ก่อนกลับไปนั่งเงียบอีกครั้งจนนทีนึกว่าหลับไปแล้ว  ที่ไหนได้ นั่งสมาธิอยู่ต่างหาก
นทีต้องขัดการทำสมาธิของแฟนอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะมันผิดที่ผิดทาง ผิดเวลาด้วย  เมาขนาดนี้ เขายังไม่เข้าใจว่าจะได้อะไรจากการนั่งสมาธิ
อ้ายตอนเมานี่ตลกชะมัด  แต่แอบถ่ายคลิปไว้ไม่ได้...ก็เจ้าตัวเล่นนิ่งสงบ ไม่น่าแกล้งเอาเสียเลย

.........


ทำไมชอบให้เคะเมา5555
ขอขอบพระคุณยิ่ง ด้วยใจจริงที่กรุณา ปลื้มจิตเป็นหนักหนา ขอขอบพระคุณ ขอข๊อบพระขุ่น♪♪
พูดถึงตอนจบ...♥♥
ไม่อยากให้เขาพูดว่ารักกันแล้วค่ะ พูดจนเบื่อแล้ว อ้ายรับรู้แล้วหละ
แล้วเราก็คิดว่าหลายๆคนต้องว่านทีแน่ๆที่มันดูเหมือนจะรับกรรมน้อย(ตามฉบับพระเอกไทย55)
แต่เปล่าหรอก สำหรับเรา เราว่ามันรับเยอะนะ
คืออ้ายก็เจอเยอะจริงๆนั่นแหละ  แต่ต้องเท่าไหนกัน นทีถึงจะเรียกว่ารับกรรมเท่า?
กรรมมันมาคนละรูปแบบน่ะค่ะ  อ้ายเคยเป็นคนเข้มแข็งร่าเริง กรรมของอ้ายจึงมาบั่นทอนกำลังชีวิตเขา
ส่วนกรรมของนทีมาในฐานะความอดทน ความมุ่งมั่น ความมานะบากบั่นทุกอย่างเพื่อให้ได้อ้ายคืนมา  จากที่เขาไม่เคยคิดจะทำอย่างนั้นเลย  นทีจึงเครียดและกดดันมาก รวมทั้งชีวิตหลังจากนั้นด้วย
ส่วนอ้ายพอได้นที ได้ความรักดีๆกลับคืนมาแล้ว นางก็ลอยตัวแล้วจ้า ต้องขอบคุณคนรอบข้างด้วยที่เป็นกำลังใจ
ท่านผู้อ่านคิดว่าอย่างไรบ้างคะ แชร์กันได้ เราก็อธิบายไม่เก่ง

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตั้งใจแฝงนู่นนี่นั่นมากๆ ทุกตอนมีเบื้องลึกหมด  แต่ก็นั่นแหละ ....ข้าพเจ้าแต่งเองยังลืมเอง...เราแฝงอะไรไปวะ??
คือขี้ลืมมมาก ขี้ลืมพล็อตมากกกก (ถึงกับจดว่าตัวละครชื่ออะไร เคยทำอะไรไว้บ้าง ชอบกินอะไร นิสัยเป็นไง แต่ละตอนมีอะไรเกิดขึ้น ....ยาวขนาดนี้ ได้เรื่องใหม่เลย)
เขียนเรื่องยาวมาก็หลายเรื่องแล้ว(ไม่ถึงสิบหรอก) ยังไม่เก่งขึ้นเลย แถมแต่ละเรื่อง ยังใช้สำนวนการเขียนไม่เหมือนกันเท่าไหร่ โดยส่วนตัวคิดว่างั้นนะคะ ที่แน่ๆในเล้าสามเรื่องละที่ไม่เหมือนกัน
ดังนั้นข้าพเจ้าควรต้องเขียนต่อไป555555 (ถ้าไม่ล้มหายตายจากไปเสียก่อน)
 
สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณอีกครั้งที่เข้ามาอ่านนิยายคนกำลังฝึกฝนอย่างเราจนจบ
ถ้าชอบแนวหน่วงๆ ก็สามารถอ่านได้ตามลิสต์ในหน้าแรกเลยนะคะ มันหน่วงทุกเรื่อง(สำนวนก็ไม่ค่อยจะเหมือนกันอี๊กกก)
อ่านเรื่องสั้นฆ่าเวลาก็ได้ค่ะ อ่านแล้วเหนื่อยใจดี
แต่ไม่เป็นไร โปรเจ็คต์หน้าเรามีเรื่องใสๆ(?)มานำเสนอ ทั้งเรื่องสั้นและเรื่องยาว ลองไปเรื่อยๆก็สนุกดีค่ะ

ออฟไลน์ เจเจจัง

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
สนุกนะ แต่เราอยากอ่านตอนพิเศษ

คืออยากอ่านความรู้สึกนทีตอนช่วงที่อยู่เมืองนอก หลังเลิกกับอ้ายแล้วรู้ว่าอ้ายพิการ ระหว่างนั้น สำนึกอะไรได้บ้าง จนตัดสินใจเดินกลับมาหาอ้าย อะไรประมาณนี้ค่ะ

คือเราอ่านเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น(ที่นทีกับอ้ายทะเลาะกันบ่อยๆตั้งแต่อยู่ไทย) จนถึงตอนที่อ้ายตามไปเมืองนอก ช่วงนั้นนทีร้ายกับอ้ายมาก ดูหงุดหงิด รำคาญ ไม่สนใจ และดูหมดใจ ไม่รักแล้วว่างั้นเถอะ เลยงง ๆ ตอนนทีกลับมาหาอ้ายว่า "สรุปรักเหรอฟะ" เหตุการณ์มันเหมือนหายไปอ่ะ ไม่ต่อเนื่อง

เรื่องนี้สนุกจริง ๆ นะ แต่บางตอนมันสั้นไปนิด (ที่เราบอกมันไม่ต่อเนื่อง) ถ้าขยายความมากกว่านี้น่าจะได้อรรถรสเพิ่มขึ้นอ่ะ

เรายังอยากรู้ว่ายัยผู้หญิงที่เกือบเป็นมือที่สามนั่นหายไปไหน ผลสรุปเป็นยังงัย ได้คบกับนทีหรือป่าว ไม่พูดถึงเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด