ตอนที่ 08ตรงหน้าผมคือกัส การันต์ ตัวจริงเสียงจริงผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ยกมือไหว้หนึ่งครั้งก่อนถดตัวเข้าไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม พี่กัสผิวขาวจั๊วะ แก้มใสเป็นสีอมชมพู ปากแดงกระจับเหมือนผู้หญิง แต่ร่างกายไม่สูงไม่ผอม เล็กแต่ไม่ตันกำลังดีสมสัดส่วนของผู้ชาย ยังคงใส่แว่นตาสีดำสนิทแม้จะนั่งอยู่ในร้านกาแฟใต้คอนโดตัวเอง
“นี่กัส กัส นี่ว่าน”
“เด็กใหม่เหรอ”
“รุ่นน้อง”
“ไม่เห็นบอกว่าจะพามาด้วย”
“ก็ไลน์บอกแล้วว่าติดธุระ ถ้าจะมาหาก็จะเอาธุระมาด้วย”
พี่กัสพยักหน้า ผมเริ่มไม่เข้าใจว่าผมเป็นตัวธุระหรือตัวภาระกันแน่ “แล้วทะเลาะอะไรกับไอ้กิม”
“กัสจะซื้อรถ เฮียกิมไม่ให้ซื้อ”
“จะซื้อทำไม คอนโดก็ติดรถไฟฟ้า เวลาไปทำงานรถกองถ่ายก็มารับ เราน่ะใจร้อน เฮียเขาก็เป็นห่วง”
“สรุปอยู่ข้างเฮียกิมใช่ปะ”
“ไม่ได้อยู่ข้างใคร อย่ารวนดิวะ มึงโทรเรียกกูมาเองนะกัส”
“พี่แคนก็รู้ว่ากัสทำไมกัสอยากเจอ แต่ก็เอาคนอื่นมาด้วย แล้วจะให้กัสทำยังไงล่ะ”
“เซ็กซ์ไม่ได้แก้ปัญหาป่าววะกัส”
เช้ดโด้ พูดกันแบบนี้เลยเหรอวะ ผมนั่งเงียบ กูควรทำยังไงล่ะทีนี้
“กัสแค่คิดถึงพี่แคน”
“ก็อย่าอ้างว่าทะเลาะกับพี่ชาย เคยบอกไปแล้วนี่ว่าถ้าว่างก็มาหา แต่ถ้ากูไม่รับสาย ไม่ตอบไลน์แปลว่าไม่ว่าง”
ผมก้มหน้าอยู่ แต่รับรู้ได้ว่ากำลังถูกจ้องมอง ผมบอกพี่แล้วว่าติดธุระก็ไม่ต้องห่วงผม พาผมมาเชือดทำไม ก็แค่คาลามายด์ให้โดยไม่ขออนุญาตเท่านั้นเอง
“แล้วบอกว่าไม่ใช่เด็กใหม่”
“ก็ไม่ใช่”
“พี่แคนชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”
“กัส น้องมันเป็นผู้ชาย ดูไม่ออกหรือไง” ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่ง หางตาผมเห็นมือของพี่กัสกำแน่น พอเงยหน้าขึ้นก็ปะทะเข้ากับแว่นเรย์แบนด์ของผู้ชายฝั่งตรงข้ามพอดี
“คือ...”
“โอเค กัสงี่เง่าเอง ชื่ออะไรนะ ว่านใช่ไหม น่ารักดีนะ”
“ขอบคุณครับ” ยกมือไหว้แล้วขานรับเสียงอ่อย พี่กัสถอดแว่นออกแล้ว ออร่าดาราเปล่งประกายวิบวับ เหมาะกับคำว่าหล่อสายน่ารักโคตร ๆ
“ผม...ผมเป็นเพื่อนไอ้โต๋ น้องโรงเรียนพี่กัสด้วย”
“เหรอ ไม่เห็นรู้จัก”
“ดีแล้วครับ ถ้าย้อนเวลาไปได้ผมก็ไม่อยากรู้จักมันเหมือนกัน”
พี่กัสอมยิ้ม ถอนหายใจแล้วเท้าแขน มองออกไปนอกกระจก
“น้องมันยังไม่กินข้าว ว่าจะไปหาอะไรกินกัน ไปด้วยกันไหม”
“ควงสอง หล่อเลยนะพี่แคน” พอถูกจ้องดุ ๆ พี่กัสก็หัวเราะ “กัสล้อเล่น แซวไปอย่างนั้นแหละ ไปสิ ฝั่งตรงข้ามมีชาบูเปิดใหม่ กัสยังไม่ได้ลองเลย เจ้ามือมาเลี้ยงถึงที่ทั้งที”
พี่แคนพยักหน้า เรียกเก็บเงินค่ากาแฟของแฟนเก่าโดยเป็นคนออกให้ พี่กัสหยิบแว่นกันแดดมาสวมอีกครั้ง ลุกขึ้นนำ แผ่นหลังกว้าง แต่เล็กมากถ้าเทียบกับพี่แคนที่เดินข้างกัน ผมมองจากตรงนี้ มีความรู้สึกแปลก ๆ สุมอยู่ในอก ขมุกขมัว อธิบายไม่ถูก คล้ายกับว่าไม่ควรมาอยู่ที่ตรงนี้ ไม่ควรต้องเห็นภาพแบบนี้ แม้เป็นผู้ชายทั้งคู่ ก็อดคิดไม่ได้ว่าทั้งสองคนเหมาะสมกัน ส่วนผม...
“ไอ้ว่าน”
เสียงทุ้มเรียกเมื่อเดินห่างออกไประยะหนึ่ง ผมกะพริบตา ส่งยิ้มให้ กระชับกระเป๋าเป้แล้วเดินตาม “เฮ้ย พี่แคน ที่จริงผม...”
“มานี่” เพียงประโยคสั้น ๆ กับเสียงที่ไม่เจือความขบขันผมก็เดินคอตกตามไปอย่างสมยอม เหลือบตาขึ้นแวบหนึ่ง เหมือนถูกพี่กัสจ้องอีกแล้ว
“มึงนี่มันดื้อจริง ๆ”
“ผมไม่เคยดื้อกับพี่เลยเถอะ”
“ไม่ดื้อก็มานี่” เขาเรียกย้ำ กวักมือถี่ ๆ เมื่อใกล้พอก็คว้าต้นคอผมไว้ หนีบเหมือนแม่แมวคาบลูก
“มันจั๊กจี๋นะโว้ย”
“ชักช้า”
“พี่อย่าใจร้อนเด้ ผมเดินเองได้น่า พี่ไปคุยกับพี่กัสเถอะ” แค่พาผมมาด้วยทั้ง ๆ ที่เขาอยากเจอแค่พี่ผมก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว เกิดมาเพิ่งเป็นก้างขวางคอใครเขาก็ครั้งนี้สิน่า
“เดี๋ยวกินเสร็จแล้วกูไปธุระกับน้องต่อนะกัส”
เจ้าของชื่อตอบรับในลำคอ เขาเดินฝั่งซ้ายมือของพี่แคน ส่วนผมเดินด้านขวา มีแขนหนัก ๆ วางพาดบ่า ชวนรู้สึกตัวเล็กลงถนัดตา แต่ถึงเล็กยังไงก็ยังสูงกว่าพี่กัสอีกฝั่งอยู่ดี
“พี่กัสหุ่นดีมากเลย ไม่คิดว่าจะกินเก่งขนาดนั้น”
ห้องสี่เหลี่ยมขนาด40ตารางเมตรถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วน ไม่ใช่ขนาดกว้างใหญ่โอฬาร ตบแต่งเรียบหรู เครื่องเรือนทุกชนิดเป็นสีขาวตั้งแต่ตู้ เตียง โต๊ะ พรมนุ่มนิ่ม ผ้าปูที่นอน หรือแม้กระทั่งผ้าม่านก็รับกับผนังห้องชวนดูสะอาดสะอ้าน ขณะที่โคมไฟ เครื่องประดับตบแต่งล้วนเป็นคริสตัลใส สว่างแวววาว
ผมนั่งอยู่บนพื้นพรมขนปุยที่ว่า มีโต๊ะกระจกเล็ก ๆ ซึ่งประดับด้วยกระบองเพชรสีเขียวสดตรงกลาง รายล้อมด้วยหนังสือวิชาพื้นฐานวิศวกรรม ครึ่งหนึ่งเป็นของผม ส่วนอีกครึ่งเป็นของเจ้าของห้อง
“มันออกกำลังกาย”
“ฟิตเนสเหรอ”
“ส่วนมากก็อย่างนั้น” ผมพยักหน้ารับรู้ ใช้ยางลบที่อยู่ปลายดินสอลบตัวหนังสือที่เขียนผิดบนกระดาษ
“แต่พี่แคนพาว่านมาที่คอนโดแบบนี้ไม่ถูกโกรธแย่เหรอ”
“ก็มาเอาเลคเชอร์ให้มึงอ่านทั้งนั้น” ไม่พูดเปล่า ม้วนสมุดปกอ่อนเล่มหนึ่งมาตีหัวผม “ใครจะบ้าขนไปให้มึงหมด”
“แต่พี่แคนสรุปดีนะ ถึงตัวหนังสือจะอ่านยากก็เถอะ”
“ก็มันเลคเชอร์ จดให้คนอย่างมึงอ่านได้ก็บุญโขแล้ว ใครจะคิดว่าต้องมาสอนเด็กโง่ ๆ แบบนี้”
“พี่แคนด่าอีกแล้ว” ผมมุ่ยหน้า วางคางลงบนโต๊ะอย่างเกียจคร้าน “เมื่อไรพี่จะเลิกด่าผมสักทีวะ”
“เมื่อมึงฉลาด”
“ผมก็ไม่ได้โง่ไปทั้งหมดเสียหน่อย ก็พยายามอยู่นี่” กางสมุดจดของวันนี้ให้ดูเป็นหลักฐาน พี่แคนพยักหน้ายอมความแต่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ต้องมากกว่านี้ มึงไม่ได้เริ่มจากศูนย์ ว่าน มึงติดลบ”
“ติดลบอะไรเล่า”
“ถ้าเกรดไม่ถึงสอง มหาวิทยาลัยไม่ปล่อยจบ เรื่องนี้ไม่รู้หรือไง”
“ก็อีกตั้งสามปี นี่ว่านเพิ่งขึ้นปีสองเองนะ” เขายิ้ม ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายวาววับ รู้ตัวอีกทีก็เอามือปิดปากตัวเองแล้ว ผมแม่ง ชอบทะลึ่งเรียกชื่อแทนตัวเองตอนอยู่กับพี่แคนบ่อย ๆ เสียจริง ดูมันสิครับ รับปากไว้ว่าจะไม่ด่าโง่แท้ ๆ จะเลิกพูดมึงกูด้วยไม่เห็นจะทำได้
“อย่าประมาท เข้าใจไหม ตัวพื้นฐานยังไม่ได้ ยิ่งโตไปยิ่งลงลึก ยิ่งยากกว่าเก่า ว่าน กูปีสี่แล้ว จะมาเข็นมึงตลอดไปไม่ได้ แล้วก็ไม่อยากได้ยินว่าเด็กที่กูลงทุนสอนมันไปไม่รอด เข้าใจหรือเปล่า”
“ว่านรู้” พูดเสียงอ่อย “รู้ว่าพี่แคนหวังดี”
“ย้ายมาอยู่นี่ไหม”
“ครับ?”
“ที่คอนโด” พูดหน้าตาเฉย มองไปรอบ ๆ ห้อง ที่จริงแล้วที่นี่ก็ทั้งเงียบ สงบ ถึงแม้อยู่ไกลมหาวิทยาลัยออกมาหน่อยแต่ก็ไม่เกินกำลังจะเดินไหว สิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครันเสียยิ่งกว่าหอพักผมเป็นไหน ๆ
“พี่จะขายต่อเหรอ ผมไม่มีเงินหรอกนะ”
“ให้มาอยู่เฉย ๆ นี่แหละ เมื่อก่อนตอนยังไม่มีรถกูอยู่คอนโดนี้ แต่พอพ่อซื้อรถให้ใช้ตอนฝึกงานเทอมที่แล้วเลยไปกลับบ้าน ที่นี่ไม่มีคนอยู่หรอก”
“พี่กัสเคยอยู่ที่นี่ด้วยอะดิ” พูดเพราะเหลือบไปเห็นกรอบรูปพอดี พี่แคนเลื่อนสายตาไปยังจุดโฟกัสเดียวกับผม ตอบรับในลำคอ “ช่วงที่คบกัน”
“คบกันนานหรือเปล่า”
“สองปีได้ มึงจะสนใจอะไรนักหนา การบ้านนั่นทำได้สักข้อหรือยัง”
“ก็ทำอยู่” ก้มหน้าก้มตาทำตามที่บอก แต่ก็ไม่วายอดถาม พี่กัสเองก็ดูยังรักพี่แคนอยู่แท้ ๆ ส่วนตัวพี่แคน...
ผมเงยหน้าขึ้นมอง เขาก้มหน้าอ่านหนังสือของตัวเองที่ยืมมาจากหอสมุด พี่แคนกำลังจะเรียนจบแล้ว ปีสี่มีแต่ทำธีสิสกับวิชาสัมมนาที่ไม่หนักมาก ถ้าเทียบอายุน่าจะแก่กว่าพี่กัสหนึ่งปี เป็นผู้ชายขี้เก๊กที่ไม่ค่อยสนใจโลกเท่าไร แต่กลับไปหาทันทีที่พี่กัสขอร้อง
ก็น่าจะมีเยื่อใยอยู่เหมือนกัน“ถ้ารักอยู่ก็ไม่น่าเลิกกันนี่ครับ”
ผมถามด้วยความอยากรู้ เขาใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มจนเห็นว่ามันนูนออกมาข้างหนึ่ง พลิกหน้าหนังสือเปิดเชื่องช้า ใจเย็น
“ไม่น่าจริง ๆ แหละ” คนพูดพลิกหนังสือไปอีกหน้า เสียงของกระดาษเก่า ๆ ยามสัมผัสกันฟังเสียดหู ตาคมสีดำขลับเหลือบขึ้นมอง ทำให้คิ้วหนาโก่งได้รูปยกขึ้นสูง “ไม่น่าเสือกเรื่องของกูนะมึงน่ะ อ่านหนังสือไป ไม่เสร็จหน้านี้ไม่ต้องอ้าปาก”
เพิ่มความจริงจังด้วยการยกนิ้วชี้หน้า ผมย่นจมูกแล้วก้มลงทำโจทย์ต่ออย่างไร้ซึ่งทางเลือก ขณะที่อีกฝ่ายพูดต่อ“แล้วก็ขนเสื้อผ้ามาอยู่ที่นี่ ยกเลิกสัญญาหอเก่ามาเซ็นสัญญากับกู ที่เดิมจ่ายเท่าไร กูลดให้ครึ่งหนึ่ง มีข้อแม้คือมึงต้องทำความสะอาดที่นี่ ห้ามทำรก ห้ามทำเลอะเทอะ ของที่ห้องกูเป็นสีขาวหมด สกปรกนิดเดียวก็เห็นแล้ว”
“โหย พี่”
“ค่าหอลดครึ่งหนึ่งเลยนะ”
ไม่ได้งกหรอกนะ แต่ว่า “ห้องพี่มีเครื่องทำน้ำอุ่นปะ”
พี่แคนหัวเราะในลำคอ ผมเบื่อจริง ๆ คนอย่างผมจุดอ่อนเยอะแยะไปหมด พี่แคนจับตรงไหนก็ต่อรองได้ทั้งนั้น
“พี่กัสไม่ฉีกอกผมแน่นะ”
“ทำไม”
“ก็ดูเขาไม่ค่อยชอบใจผม” นึกถึงแววตาเย็น ๆ แล้วขนลุกซู่ ไม่ได้ปวดหนักแน่นอน แต่เป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ ถูแขนตัวเองไปมา ขณะที่พี่แคนหัวเราะอีกรอบ บ่นพึมพำในลำคอ
“คนอย่างมึงจะมีคนไม่ชอบด้วยเหรอ”
“ถึงผมจะนิสัยดีก็เถอะนะ แต่ว่า...”
“มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ถือสาคนบ้า ไม่ต้องคิดมากหรอก กัสไม่ใช่คนโง่”
เออ บนโลกนี้นอกจากผมก็ไม่มีใครโง่แล้วแหละครับ!
พี่แคนมาส่งผมกลางดึกคืนนั้น ส่วนตัวเองแยกกลับไปที่บ้าน ผมมีเวลาคิดหนึ่งเดือนนิด ๆ เรื่องย้ายหอ อันที่จริงผมก็เกรงใจ เป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องคณะเดียวกัน ว่าไปแล้วคนละเอกด้วยซ้ำ ขืนไปรบกวนอย่างนั้นพี่ไผ่ได้ด่าว่าไม่มีความเกรงใจ ไม่ได้สันดานผู้ดีของมันมาแหง แต่ว่าค่าหอลดครึ่งหนึ่ง ข้อเสนอน่าเย้ายวนใจใช่เล่น
“ว่าน หลับหรือยังครับ”
เสียงเรียกจากด้านนอกทำให้ผมที่นอนตะแคงดูแสงไฟนอกห้องจากหน้าต่างสะดุ้งตัวนิด ๆ ในห้องมืดสนิท เงียบเชียบ มีเพียงเสียงเข็มนาฬิกาเท่านั้นที่ดังในตอนนี้
“ว่าน ปาล์มเองนะ เปิดประตูให้หน่อยสิ เราโทรหาไม่ติดเลย มีเรื่องจะปรึกษา”
ผมละล้าละลังอยู่ชั่วครู่ เหลือบมองเข็มนาฬิกาที่เรืองแสงในความมืดบอกเวลาว่าเข้าวันใหม่แล้ว มันจะรีบคุยอะไรกันนักหนาวะ
“คือ...ในเพจ เราขอโทษ ไม่คิดว่าจะมีคนถ่ายรูปไว้เยอะขนาดนั้น”
อ้อ เรื่องนี้นี่เอง ผมน่ะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ไม่รู้จะใส่ใจทำไม ข่าวลือก็เท่านั้น เดี๋ยวกระแสปาล์มว่านก็เงียบไปเอง เอาเวลามาคิดเรื่องพี่แคนกับคอนโดดีกว่า ผมพลิกตัวไปมา เอามือขึ้นก่ายหน้าผาก ไหนจะพี่กัสอีก ถ้าวันไหนพี่แคนเกิดอยากปั่มปั๊มกับพี่กัสที่คอนโดขึ้นมาผมจะระเห็จไปอยู่ไหนวะครับ
...หนักไปกว่านั้น สายตาที่พี่กัสมองมาเหมือนคนไม่ชอบหน้ากันอีก...
...ถึงพี่แคนจะบอกว่าไม่มีอะไรก็เถอะ...
ผมถอนใจ กลิ้งหลุน ๆ บนเตียงกว้าง สองสามวันมานี่พี่แคนมาอยู่ด้วยตลอดวันนี้พาลรู้สึกว่าเตียงโหวง ๆ ชอบกล ผมผุดลุกนั่ง แล้วนอน แล้วลุกขึ้นมานั่งใหม่ เปิดโทรศัพท์หลังจากปิดเครื่องชาร์จตั้งแต่มาถึงแล้วกดโทรออกหาพี่ชายแท้ ๆ คนเดียวโดยไม่ดูเวลาเอาเสียเลย
“ฮัลโหล พี่ไผ่”
“ไอ้ว่าน...” เสียงนั้นงัวเงีย แหบแห้ง “โทรมาทำเชี่ยอะไรป่านนี้วะ”
“ว่านนอนไม่หลับ”
“พี่ไผ่สอนว่าไง”
“ให้อ่านหนังสือแล้วจะหลับเอง”
“อ่านหรือยังล่ะ”
“ยัง” ผมตอบ “มีเรื่องจะปรึกษา รุ่นพี่เขาชวนไปอยู่คอนโดอะ แบบ พี่ที่รู้จักกัน เขามีคอนโดที่ไม่ได้อยู่ที่หนึ่ง เลยอยากให้ว่านไปเช่าต่อราคาถูก ๆ พี่ไผ่ว่าไง”
“ก็ไปดิ”
“เฮ้ย ไม่เกรงใจเขาหน่อยเหรอ”
“ก็จ่ายเงินนี่หว่า ดีกว่าปล่อยห้องทิ้งไว้จ่ายค่าส่วนกลางฟรีทุกเดือน อย่าบอกนะว่าน้องว่านโทรหาพี่ไผ่ตอนตีหนึ่งเพราะเรื่องนี้ ปัญญาอ่อนเชี่ย ๆ”
เออว่ะ นี่ผมทำอะไรไปวะ ทำไมคิดอะไรเยอะแยะขนาดนั้นไม่รู้ “โทษทีพี่ ไปนอนเถอะ ว่านจะนอนแล้วเหมือนกัน”
“เออ โทรหาแม่บ้าง”
“ก็ไลน์ไปหาทุกวัน”
“เขาอยากได้ยินเสียง” ผมครางรับคำในลำคอ ปล่อยปลายสายหลุดไปแล้วนอนแอ้งแม้งลงที่เดิม ไอ้ปาล์มเงียบไปพักใหญ่ คงกลับลงไปที่ห้องแล้ว ผมเลยปิดเครื่องเข้านอนเสียที
มันจะไม่แปลกเหรอวะ ไอ้โต๋จะหาว่าผมเป็นเด็กเสี่ยหรือเปล่า พี่แคนเป็นเกย์นะโว้ย ไหนจะเรื่องพี่กัสอีก ผมไม่โดนสาปแช่งแน่เหรอวะ แต่ว่าประหยัดครึ่งหนึ่งเลยนะ อีกอย่างพี่ไผ่ก็เห็นชอบด้วย วิน-วิน กันทั้งสองฝ่าย ยังไงพี่แคนก็กลับไปอยู่บ้านอยู่แล้ว ของในห้องนั้นก็ไม่เหลืออะไรมาก เมื่อวานพี่แคนดึงรูปในกรอบทิ้งไปแล้ว เสื้อผ้าในตู้ที่เห็นก็ไม่เท่าไร ส่วนมากของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นนิด ๆ หน่อย ๆ ผมแม่ง คิดอะไรไม่รู้เยอะไปหมด รู้สึกเหมือนแบตกำลังจะหมด โควต้าการใช้สมองวันนี้ใกล้จะเต็มเต็มแก่
“ว่าน”
เสียงเรียกของใครบางคนทำให้ผมเงยหน้าขึ้นจากรองเท้าแตะหนีบ ไอ้ปาล์มอีกแล้ว ทำไมพักนี้เจอมันบ่อยจังวะ
“ใส่ชุดนอนลงมาเลยเหรอ”
“เออ หิว วันนี้ไม่มีเรียนด้วย ขี้เกียจรีบอาบน้ำ”
“ใส่เกงในป่าวเนี่ย” มันยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย สวมชุดนักศึกษากับหนีบหมวกกันน็อกไว้ใต้รักแร้ “เมื่อคืนเราไปหาที่ห้องมา กลัวว่านเครียดแล้วนอนไม่หลับ”
“เออ นอนไม่หลับไปพักใหญ่เลย” ผมตอบตามจริง ไอ้ปาล์มถอนหายใจ วางมือบนบ่า
“ขอโทษนะ ไม่คิดว่าเรื่องจะลามปามไปขนาดนี้”
“เรื่องอะไรวะ”
“อ้าว เครียดเรื่องอะไรล่ะ”
“เรื่องหอ” จะมีเรื่องอะไรให้คิดเยอะอีกวะ ปาล์มยิ้ม ยกมือที่แปะบนไหล่ผมขึ้นเกาหัวแก้เก้อ
“อ้าวเหรอ นึกว่าเรื่องในเฟส”
ผมเอียงหัว ในเฟสมีอะไรวะ แค่คนแอดมามากกว่าปกติ มากแบบถล่มทลายแต่ยังไม่กดรับใครเลย ไม่ใช่ว่าหยิ่ง อย่าหาคำนิยามนี่มาใส่ว่านหวานหวาน ผมสายเฟรนลี่ครับ ใครเป็นมิตรมาผมเป็นมิตรกลับหมดแหละ แม่สอนมาดี แต่ช่วงนี้สามจีหมด โหลดแต่ละอย่างต้องใช้เวลาและความอดทนไว้รอต้นเดือนค่อยกดรับทีเดียว
“เดี๋ยวเราไปเรียนแล้ว จะกินอะไรล่ะ หยิบสิ เดี๋ยวเลี้ยง”
“เฮ้ย ไม่ต้อง” ผมบอกปัด ช่วงนี้เงินเหลือ ไปไหนไอ้พี่แคนจ่ายให้ตลอด “มึงไปเรียนเถอะ”
“เอางั้นเหรอ แต่อยากดูแลนี่”
“เป็นห่ะอะไรของมึงเนี่ย” ผมเริ่มรำคาญแล้ว ไม่ใช่แค่ไอ้ปาล์ม แต่มีผู้หญิงสองสามคนกำลังแอบถ่ายรูปจากชั้นวางของอีกฟาก “อยู่ใกล้มึงแล้วปาปารัชซี่ชุกฉิบหาย ไอ้เดือนมหาลัย”
“ที่จริงวันนั้นถ้าสละตำแหน่งได้เราให้ว่านเลยนะ”
“ช่างแม่ง” ผมว่า เรื่องผ่านมาตั้งปีแล้วจะรำลึกอะไรนักหนา
“ตอนนั้นว่านน่ารักจริง ๆ แต่คิดว่าเป็นบทที่พี่เขาให้แสดง ไม่นึกว่าจะเป็นคนแบบนี้”
“คนแบบไหน”
“คนที่น่ารักมาก ๆ ไง” เชี่ยปาล์มปากหวานมาก หวานจนผมขนลุกเกรียว มันยิ้มให้อีกครั้งก่อนยอมล่าถอยในที่สุด “สงสัยต้องไปจริง ๆ แล้ว เดี๋ยวสาย ไว้เราไลน์หานะ”
“ไม่มีธุระไม่ต้องไลน์มาก็ได้นะ”
อดีตเดือนมหา’ลัยหัวเราะร่วน ผมเลือกซื้อนมในตู้แช่สักพักก็เดินไปจ่ายเงิน สาวผมเปียที่ยกกล้องขึ้นถ่ายรูปเมื่อครู่เดินตามผมกล้า ๆ กลัว ๆ ยังไม่ทันออกจากร้านเสียงไลน์ก็ร้องเตือน ไอ้ปาล์มเพิ่งออกไปไม่ถึง 5 นาที ป่านนี้คงยังแว้นอยู่ ถ้าให้เดาแล้วล่ะก็
Cantus: อย่าลืมเปลี่ยนผ้าก็อซ ทำเองได้หรือเปล่า
Wann: สบ๊าย
Cantus: เออ วันนี้กูทำธีสิส มึงก็อ่านหนังสือไปแล้วกัน
Wann: พี่แคนไม่มาหาเหรอ
Cantus: เออ
Wann: ถ้าว่านทำโจทย์ไม่ได้จะถามใครล่ะ
Cantus: ก็ทำให้มันได้สิวะ
Wann: โห ถ้าทำได้จะติดโปรไหม
Wann: มาอยู่ด้วยกันดี้
Cantus: เป็นห่ะอะไร สมองเดียวกันเหรอ
Wann: ว่านจะนั่งอ่านเงียบ ๆ
Cantus: อยู่กับมึงแล้วกูทำงานไม่ได้
Wann: ว่านจะไม่ดื้อไม่ซน
Cantus: กูเคยบอกมึงว่าถ้าไม่ได้เป็นเกย์ก็อย่าอ่อยผู้ชายให้มันมาก จำบ้างไหม
Wann: เอออออออออ่อยห่ะอะไรเล่า พอพี่แคนไม่มาหามันรู้สึกแปลก ๆ นี่ครับ น้องว่านขี้เหงานะโว้ย
Wann: พี่ทำไปเหอะ เดี๋ยวผมอ่านอิงค์นะ เผื่อมีอะไรจะได้ถามไอ้ปาล์มมันพี่แคนกดอ่านข้อความเมื่อครู่ แล้วเงียบไป ผมทิ้งโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋า กดลิฟต์รอกระทั่งถึงชั้น 8 เสียงเตือนข้อความเข้าจากไลน์ถึงดังใหม่
Cantus: อาบน้ำอาบท่า แล้วเก็บกระเป๋า เดี๋ยวกูไปรับมาอ่านที่คอนโดอะไรของมันวะ นอกจากจะไบเซ็กชวลแล้วยังจะไบโพลาร์อีกหรือไงพี่หงวย
Cantus: เดี๋ยวมันสอนอะไรผิด ๆ จะซวยกูอีก อีกหนึ่งชั่วโมง เตรียมตัวให้เรียบร้อย ผมส่งสติ๊กเกอร์กลับไปเป็นการตอบรับ ไขกุญแจห้อง ทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วนอนดูดนอนกล่องทั้ง ๆ แบบนั้น เอามือลูบคางตัวเองไปมา ตอนนี้ไม่ได้แปะผ้าก๊อซแล้ว ใกล้ครบกำหนดวันที่หมอนัดไปตัดไหมเต็มแก่ ลืมไปแล้วว่านัดหมอไว้วันไหน ไว้ค่อยถามพี่แคนอีกที ชีวิตผมเดี๋ยวนี้อะไร ๆ ก็พี่แคนไปเสียหมด พิโธ่พิถัง ที่บอกว่าเป็นติ่งแล้วสติหายนี่ท่าจะจริง ตั้งแต่เมื่อคืนที่นอนไม่หลับ กระทั่งนาทีนี้ ผมก็มีแต่พี่แคนอยู่ในหัวเต็มไปหมด
เสียงเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นเฟสบุ้ก พี่เพจคิวท์บอยแท็กรูปมาอีกแล้ว เป็นผมที่สวมแว่นหนาเตอะ กรอบสีดำ คาดผมให้หน้าม้าขี้โด่ชี้เด่ ใส่เสื้อยืดวันวิ่งประเพณีตอนปี 1 สีหมอง ๆ กับกางเกงเจเจขอบย้วยอยู่หน้าตู้นม ข้าง ๆ กัน ก็ปาล์มไง จะใครล่ะ สูงชะลูดตูดปอดยืนยักยิ้มหล่อ ๆ อยู่อย่างนั้น แอดมินเพจแม่ง เกลียดอะไรผมแน่ ๆ
“เขาลงจากหอมาพร้อมกันด้วยแหละ น้องว่านน่ารักมาก อยากดึงแก้ม with – wann warit and palm phattharapol”ดึงแก้มก้นกูนี่ครับแอดมิน ผมละอยากคอมเมนต์แบบนี้ไปจริง ๆ ไอ้น้องผมเปียนั่นแน่ ๆ ภาพไวแบบนี้ ยังไม่ทันถึงครึ่งชั่วโมงเลยนะครับ! ถ้าจะจับกูจิ้นกับไอ้ปาล์มแบบนี้ทำเพจ PalmWanforever ไปเลยเถอะ
ติ๊งNamjai L: พี่ว่านนนน น้ำใจน้องคณะพี่ปาล์มนะคะเฮ้ย สาวทักมา! แต่เดี๋ยว นี่มันน้องเปียคู่ที่ผมเห็นวันนี้นี่ว่า เป็นเพื่อนกันด้วยเรอะ
Namjai L: น้ำใจขอเอารูปพี่ว่านกับพี่ปาล์มไปทำเพจ PalmWanforever ได้ไหมคะ น้ำใจกับเพื่อน ๆ ชอบกันม้ากมากกอะเฮื้อ! นมที่ดูดอยู่แล่นลงคอหอยแล้ววกกลับมาทางจมูกพรวด ผมลุกขึ้นไอแค่กติดกันสองสามที หยิบกางเกงในที่ถอดทิ้งไว้ข้างเตียงเมื่อคืนมาเช็ดคราบนมบนหน้า ไอ้เชี่ยน้องน้ำใจ กูแค่คิดเล่น ๆ ในใจ มึงไม่ต้องทำจริงโว้ย
Namjai L: นะคะ นะคะ นะคะ พลีสสส
Wann warit: น้องครับ พี่กับไอ้ปาล์มเป็นแค่เพื่อนกัน อย่าทำงี้เลย แค่นี้พี่ก็หาแฟนไม่ได้แล้วโนะ
Namjai L: ให้พี่ปาล์มรับผิดชอบสิคะ อิอิอิอิพ่อง กูเริ่มรำคาญไอ้ปาล์มจริง ๆ แล้วเนี่ย ช่วงนี้ชีวิตผมวุ่นวายเพราะมันหลายเรื่องแล้วนะ
Wann warit: เฮ้ยน้อง อย่าเลยยืนยันหนักแน่น แค่นี้ไอ้พี่แคนก็ไม่ชอบใจแล้วที่ผมรู้จักกับปาล์ม ยังไม่อยากถูกเลิกสอนกลางคัน ใครจะไปรู้ พี่แคนอาจมีมุมมุ้งมิ้งเหมือนเด็ก ๆ ก็ได้ ลึก ๆ แล้วก็พอจะมองออกว่าสองคนนี้ไม่ค่อยชอบหน้ากันเท่าไร ส่วนเรื่องอะไรนั่นไม่อาจจะคาดเดาไหว ถ้าพี่แคนถือคติโป้งใครแล้วเพื่อนต้องโป้งด้วย ผมก็ไม่ควรสนิทกับไอ้ปาล์มมากใช่ไหมครับ แต่ปฏิเสธยังไงดีให้น้องเขารู้สึกว่าเราเป็นมิตรดีวะ คิดสิว่าน คิด ถ้าเป็นพี่แคนจะตอบยังไง
Wann warit: แม่ย่าพี่เล่นเฟสฯ อะน้อง ไม่อยากให้เห็น เดี๋ยวช็อกตาตั้งเจ๋งเป้งเก้งกระโดด เหตุผลดีกว่านี้ไม่มีใครคิดออกแล้ว
Namjai L: แม่ย่านี่คือแม่หรือย่าอะคะ
Wann warit: แม่ของย่ายิ่งแก่ยิ่งดี
Namjai L: อ่อ ทวด?
Wann warit: ประมาณนั้น ที่จริงก็ไม่ใช่ทวดแท้ ๆ หรอก เป็นเพื่อนของพ่อของปู่ของตาอีกทีแต่ที่พิมพ์ไปไม่มีอะไรเกี่ยวกับแม่เลยนี่หว่า
Namjai L: คะ?ผมแม่งโกหกไม่เก่งเลย เสียใจจังที่เกิดเป็นคนดีขนาดนี้
Namjai L: อ่า...โอเคค่ะ งั้นก็ได้ น่าเสียดายเนอะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ น้ำใจจะเป็นเอฟซีคู่พี่ไปตลอด
Namjai L: รักกันนาน ๆ นะคะ ^^กูจะเกลียดมันเพราะมึงนี่แหละ! กว่าจะเคลียร์ได้เล่นเอาผมปาดเหงื่อแรง กดปิดเฟสหลังจากน้องน้ำใจน้ำใจงามยอมรามือ ยกมือขึ้นกุมขมับ แต่เหลือบไปเห็นนาฬิกาเสียก่อน เอาวะ พอคิดว่าลุกไปอาบน้ำอาบท่าแล้วจะได้เจอพี่แคนสมองค่อยโปร่งขึ้นมานิดหน่อย เทพเจ้าแคนของผม ช่างเป็นความโชคดีอย่างเดียวที่ผมมีในช่วงชีวิตนี้จริง ๆ ครับ
TBC
พี่แคนกล่าวว่า ชัดเจนกว่านี้ก็ไม่มีแล้ว อีว่านนนน ฮ่าาา ตอนนี้ กัสออกมาสวย ๆ เชิด ๆ แต่ตะเตือนไตว่านนิด ๆ ซึ่ง...ยังค่ะ นางยังคงไม่รู้สึกตัว แพลนไว้ตอนที่สิบกว่า ๆ นั่นแหละกว่าว่านจะเอะใจ กร๊ากก
ตอนนี้มีทีม #ปาล์มว่าน แล้ว (ชูป้ายไฟให้พี่แคนในมุมหลืบเงียบ ๆ เบา ๆ )
เจอกันใหม่สัปดาห์หน้าค่า
#candynovel