★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนพิเศษ 8 )
ตอนพิเศษ : ไม่พอ
“ผมดูงานคุณแล้ว ไม่เลวเลยสำหรับงานแรกนะ”
หัวหน้าเรียกผมไปพบแต่เช้า พูดเสียงนิ่ง พร้อมส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้ ผมยกมือไหว้ขอบคุณ เขาก็รับไหว้ หยิบเอกสารที่มีตัวหนังสือเขียนหวัดๆ เรียงเป็นพืดสามสี่แผ่นยื่นให้ แล้วพูดต่อ
“คอมเม้นท์งาน เอาไปแก้ไขนะดี”
เฟดเฟ่ !!
คำชมของหัวหน้าตอนแรกที่ทำให้หัวใจพองโต กลับแตกออกดังผั๊วะ หลังจากเห็นกระดาษคอมเม้นท์งานเป็นพืดในมือ ถ้าจะให้แก้แทบจะทุกตัวอักษร ทุกคำสั่งของโปรแกรมขนาดนี้ ให้ผมทำใหม่เลยเถอะครับ ถถถถถถถถ ปากดีไปงั้นแหละผม ให้เขียนโปรแกรมใหม่จริงๆ ก็ไม่ไหวครับ
หลังจากเรียนจบ ผมใช้เวลาเกือบเดือนในการพักผ่อนไปตามประสา ขอเวลาเที่ยวเล่น นอนอืด พักผ่อนบ้างทำเป็นพูดไปงั้น แต่จริงๆ แล้วคือ ส่งใบสมัครงานไปตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ยังไม่มีบริษัทไหนติดต่อกลับมาต่างหากเลยทำให้ว่าง จนกระทั่งช่วงที่เงินใกล้จะหมด ผมได้รับการติดต่อจากบริษัทแห่งนี้ เข้ามาเป็นโปรแกรมเมอร์แทนคนเก่าที่ลาออกไปกะทันหัน
ตอนนี้ผ่านช่วงโปรฯ สี่เดือนมาแล้วครับ งานแรกที่ได้รับมอบหมายเมื่อสองอาทิตย์ก่อนหลังจากเข้ามาเป็นพนักงานเต็มตัวส่งให้หัวหน้าเมื่อวันพุธ เช้าวันศุกร์ก็ถูกเชิญไปพบจนได้กระดาษคอมเม้นท์สามสี่หน้ามานั่นล่ะ
ผมเดินหน้ายุ่งกลับมาที่คอกของตัวเอง พี่ฟ้า หญิงสาวอายุสามสิบต้นๆ ก็หันมายิ้มให้ มองกระดาษในมือผมแล้วทำตาโต
“โห! น้องดี บอกพี่สินี่งานแรก”
“เฮ้อออ พี่ฟ้า เห็นแล้วเหนื่อยเลย” ตัวหนังสือในกระดาษคอมเม้นท์เขียนด้วยปากกาสีน้ำเงินเรียงเป็นพืด เขียนมาเยอะขนาดนี้ปากกาหมดเป็นแท่งแล้วมั้งหัวหน้า
“เฮ้ย แกอย่ามา ได้แค่นี้นี่สุดยอดแล้วนะเนี่ย” พี่ฟ้าพยักพเยิดว่าขอดูกระดาษคอมเม้นท์ ผมจึงยื่นให้ เธอรับไปเปิดๆ ดูสักพักก็ยิ้มกว้าง
“สีน้ำเงินเยอะกว่าสีแดง เก่งอะน้องดี” พี่ฟ้ายื่นกระดาษคืน แล้วเอ่ยปากชม
“หา คือไรอะพี่”
ผมเปิดกระดาษคอมเม้นท์ดูแบบผ่านๆ ปรากฏว่าบางแห่ง หัวหน้าเขียนตัวสีแดงไว้จริงๆ ด้วย แต่มีปริมาณน้อยกว่าสีน้ำเงินอย่างเห็นได้ชัด
“คอมเม้นท์สีแดงคือไปทำมาใหม่ ส่วนสีน้ำเงินคือให้แก้ไขไง” ว่าแล้ว คิดไว้เหมือนกันล่ะนะ ยังไงก็ต้องแก้เยอะอยู่ดี
“ก็ต้องแก้เยอะอยู่ดีอะพี่ฟ้า”
“โอ้ย แกอยากเห็นกระดาษคอมเม้นท์ของฉันแผ่นแรกหรือเปล่าละ ปากกาแดงงี้แทบจะหมดโหล ปากกาน้ำเงินมีที่เดียว”
“ที่ไหนพี่”
“ชื่อพี่เอง” พี่ฟ้าพูดจบพร้อมทำหน้าเซ็ง ทำเอาผมและพี่คนอื่นที่แอบฟังอยู่หัวเราะออกมาเสียงกัง โธ่ววว คนอะไรเล่นตัวเองก็เป็น
“แก้ไขนี่แสดงว่าดีสุดๆ แล้วล่ะดี หัวหน้าเขาเนี้ยบจะตาย ระดับเอ ไม่เอา เอาแต่ เอบวกๆๆๆ เท่านั้น” พี่ชาติที่อยู่คอกตรงข้ามพูดกำลังใจ
“แหะๆ ขอบคุณครับพี่” มีคนมาชมมันก็อดเขินไม่ได้ครับ แต่วันนี้ไม่อยากจะอยู่โอทีเนี่ยสิ
เฮ้อออออ
ถอนหายใจกี่ครั้ง งานถึงจะเสร็จวะเนี่ย !!
บ่นไปนั่น แต่ลองมือก็นั่งแก้ นั่งตรวจทานพลางพลิกอ่านกระดาษคอมเม้นท์ไปมา
เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ ได้ยินเสียงแว่วๆ สองสามหนจากการบอกลากลับบ้านของพี่ๆ ผมทำแค่พูดส่งเสียงตอบรับกลับไปเท่านั้น ไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าใครจะพูดอะไรบ้าง
เงยหน้าขึ้นมามองนาฬิกาอีกทีก็ตอนที่พี่ฟ้าสะกิดบอกว่าจะหมดเวลาโอทีนั่นแหละ
กะพริบตาแล้วเห็นเป็นจุดๆ สีรุ้งมั่วไปหมด ปวดกระบอกตาชะมัด
“น้องดี วันนี้พี่ชายสุดหล่อจะมารับไหมอะ” เมื่อเห็นว่าผมปิดคอมพิวเตอร์ เก็บของ พี่ฟ้าก็ชวนคุยทันที
“มาครับ”
“วุ้ย งั้นพี่ให้แฟนพี่รอข้างล่างบ้างดีกว่า จะได้ไปเจอสุดหล่อด้วย” พี่ฟ้าว่าแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาส่งไลน์หาแฟนตัวเองยิก
ไม่ต้องถามนะครับว่า ‘พี่ชายสุดหล่อ’ คือใคร
ก็ ไอ้พี่น้ำ แหละครับ
สัปดาห์แรกที่มาทำงาน พี่น้ำเล่นขับรถมารับมาส่งผมจนพี่ๆ หลายคนสงสัย เลยบอกไปว่าเป็นพี่ชาย ไอ้พี่น้ำรู้ทำเอาเจ็บตัวไปหลายวัน ก็แหม จะให้บอกว่าเป็นแฟนก็เกินไปไหม ไม่รู้ว่าชีวิตการทำงานจะเป็นไงบ้างครับ ไม่ว่าทุกคนจะรับได้กับเรื่องแบบนี้เสียหน่อย ถูกมองบ่อยๆ เข้าเพราะบางทีไอ้พี่น้ำก็เลิกงานก่อน มานั่งรอใต้บริษัท ด้วยความอัธยาศัยดี มันก็ส่งยิ้มคุยกับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว จนทั้งบริษัทละมั้งน่ะ เราเลยตกลงกันว่าให้มารับเฉพาะวันศุกร์
พี่ฟ้านี่ชอบไอ้พี่น้ำมากครับ วันศุกร์ทีไรพี่เขาจับคู่ทำโอทีกับผมทันที ไม่มีปฏิเสธ
‘ให้พี่ได้เห็นสิ่งที่เจริญหูเจริญตาบ้างน่า ลูกพี่จะได้อารมณ์ดีไปด้วย’
พูดจบก็เอามือลูบท้องตนเองซึ่งตอนนี้เริ่มนูนออกมาน้อยๆ มองเผินๆ นี่แนบจะไม่รู้เลยว่า พี่ฟ้าท้อง พี่เขาตัวเล็กครับแล้วก็เพิ่งท้องได้สี่เดือนพอดีกับที่ผมเริ่มทำงานเลย
“สวัสดีครับพี่ฟ้า”
กลิ่นกาแฟลอยฟุ้งในร้านเบเกอรี่ใต้สำนักงาน ไอ้พี่น้ำพอเห็นผมเดินเข้ามาก็ส่งยิ้มกว้างให้พร้อมยกมือไหว้สวัสดีพี่ฟ้าที่เข้าตามมา
“จ้าสุดหล่อ วันนี้ยังหล่อเหมือนเดิมเลย”
พี่ฟ้านั่งลงส่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้ไอ้พี่น้ำ รายนั้นก็ไม่ทำอะไร ส่งยิ้มลูกเดียว ผมนั่งลงข้างๆ ทิ้งตัวเองให้จมลงไปในเบาะ เงยหน้าหลับตาลง ฝ่ามืออุ่นๆ ก็สัมผัสไปตามลำคอและหน้าผาก ส่งเสียงอืออาให้คนที่เป็นห่วงรู้ว่า ไม่เป็นไร
“เหนื่อยไหม”
“อื้อ”
พี่น้ำละมือออกไป ได้ยินเสียงมันเปิดกระเป๋า แกะซองพลาสติก แล้วสัมผัสเย็นๆ หอมๆ ก็สัมผัสเข้าที่หน้าผาก ไล่มาแก้มและลำคอ ผมแย่งเอาผ้าเย็นมาเช็ดเสียเองทั้งๆ ที่ยังหลับตา ได้ยินเสียงคุยกับพนักงานเสิร์ฟ ก่อนจะโดนสะกิด
“เอ้า นี่ชาเขียว”
“อ้า”
นอนหลับตาอ้าปาก หมายจะให้พี่น้ำส่งหลอดชาเชียวเข้าปากก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของพี่ฟ้าเข้าเสียก่อนถึงได้สติ ลุกขึ้นมานั่งกินดีๆ
“ดีนี่ขี้อ้อนจังนะ” พี่ฟ้าพูดหลังจากหัวเราะกับท่าทางเหนื่อยอ่อนของผม
“..เออ ไม่ได้อ้อนเลยครับ” อ้อนเอิ้นอะไร ไม่มี เมื่อกี้คือเหนื่อยเฉยๆ เถอะ
“แล้วนี่ พี่วิทย์ยังมาไม่ถึงเหรอครับ” รีบเปลี่ยนเรื่องด่วนๆ ประเด็นยิ่งห่างจากทั้งผมและไอ้พี่น้ำไกลเท่าไรยิ่งดี
“ใกล้ถึงแล้วล่ะ รถติดจ้ะ”
“พี่ฟ้าสั่งอะไรทานไหมครับ”
เออดี ไอ้พี่น้ำมันชวนพี่ฟ้าคุยแทน ผมจะพักบ้าง วันนี้เหนื่อยจริงๆ นะเนี่ย แค่หัวข้อชวนคุยก็นึกไม่ออกแล้ว ผมนั่งฟังสองคนคุยกัน จนชาเขียวหมดแก้ว พี่วิทย์สามีของพี่ฟ้าก็มาถึง บอกขอบใจพวกผมยกใหญ่ ที่นั่งอยู่เป็นเพื่อนภรรยา ก่อนจะแยกกันไป พี่วิทย์ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้
“คูปองร้องคาราโอเกะของที่ทำงานพี่เอง เป็นแบบห้องส่วนตัว ไปเมื่อไหร่ก็ได้นะ”
กว่าจะกลับถึงบ้าน ผมหลับๆ ตื่นๆ ในรถไปสามรอบครึ่ง
ตอนนี้ที่บ้านมีเพียงผมกับพี่น้ำครับ เราให้สองสาวไปอยู่คอนโดเพราะสะดวกในการเดินทางไปเรียนและปลอดภัยมากกว่า ที่ทำงานของพี่น้ำไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่ ไอ้พี่น้ำเลยย้ายตัวเองมาอยู่บ้านนี้ตั้งแต่เริ่มทำงานแล้วล่ะ
มาถึงผมก็ทิ้งตัวลงนอนหมดสภาพบนโซฟาหน้าโทรทัศน์ พี่น้ำเดินหิ้วของที่ซื้อมาไปเก็บในห้องครัว
“ไปอาบน้ำ”
“อีกแปบ”
ถ้าถามแล้วผมตอบแบบนี้ก็จะโดนอะไรสักอย่างฟัดเข้าเบาๆ ก่อนเจ้าตัวละลากไปอาบน้ำ
แต่วันนี้มาแปลก พี่น้ำแค่ยักไหล่ก่อนจะเดินขึ้นหายไปชั้นสอง
เอ้ยยย ไรอ่า
ผมนอนนึกหาเหตุผลที่ไอ้พี่น้ำจะงอนผม จนแล้วจนรอดก็หาไม่เจอ
ก็แน่ละเพิ่งจะมาเจอกันวันนี้นิครับ มันเพิ่งกลับมาจากการอบรมชื่อภาษาอังกฤษยาวๆ สักอย่างตั้งสามวัน
ว้า เป็นไรเนี่ย
นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก จึงลุกขึ้นดูประตูบ้านก็เห็นว่าถูกใครบางคนล็อคให้เรียบร้อยแล้ว
ปิดไฟชั้นล่าง ก่อนจะรีบเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบนของบ้าน
เข้ามาในห้องได้ยินเสียงน้ำ สงสัยอาบน้ำอยู่
โหว นึกว่างอน ที่แท้ก็หนีมาอาบน้ำก่อนนี่เอง
เดินไปถอดเสื้อผ้า เพื่อรออาบน้ำก็เหลือบไปเห็นกระดาษคูปองร้องคาราโอเกะที่พี่วิทย์ให้เมื่อหัวค่ำ
หยิบโทรศัพท์กดหาน้องสาวทันที จอปรากฏภาพน้องสาวหัวยุ่งหน้าตาสะลืมสะลือ
“เพ่ดี” ยัยซีรับสาย น้ำเสียงง่วงสุดๆ
“อ้าวเฮ้ย นอนแล้วเหรอ โทษทีๆ” ปกติเห็นนอนกันดึก เลยไม่คิดว่าเวลาประมาณห้าทุ่มกว่าๆ ใกล้เที่ยงคืนอย่างนี้จะนอนแล้ว เจ้าซีส่ายหัวบอกว่าไม่เป็นไร
“ทำรายอ่า”
“เออ ได้บัตรร้องเกะมา ไปกันป่าว” พองี้ละตาใสวิ้งเชียว เจ้าซีหันไปถามหวานที่นอนฟังตาแป๋วอยู่ข้างกันหงุงหงิงก่อนจะตอบ
“ไปๆ พรุ่งนี้เย็นๆ ไหม ไปกินข้าวด้วยเลย ไม่ได้เจอพี่น้ำตั้งหลายวัน” คนโทรมาคือพี่มึงเว้ย ทำไมบอกว่าอยากเจอไอ้พี่น้ำเล่า ทำหน้าบึ้งใส่จนทั้งสองสาวต้องง้อผมเป็นการใหญ่
“โด่ว ไรว้า พูดถึงไม่ได้เลยนะ” เจ้าซีส่ายหัว
“อิอิ ก็พี่น้ำหนีไปนอนกอดแต่พี่ดี พวกหนูก็คิดถึงแย่เลยอะ”
“กอดเกิดไร ไม่มีเถอะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เย็นๆ นะ” ได้ยินเสียงปิดประตูพอดีเลยบอกให้พี่น้ำมาคุยกับน้องก่อนที่ผมจะเข้าไปอาบน้ำ
ไอ้พี่น้ำรับโทรศัพท์ไปคุยต่อ ไม่นานก็ได้ยินเสียงหัวเราะทั้งของมันและสองสาวดังลั่น
ผมที่เดินเข้ามาในห้องน้ำแล้วแต่ยังแอบแง้มประตูไว้เพื่อฟังเสียงก็ดีใจ
อย่างน้อยไอ้พี่น้ำก็หัวเราะได้แล้วล่ะ
ตอนที่ออกมาจากห้องน้ำ พี่น้ำก็นอนหลับไปแล้ว
ปกติมันต้องรอผมสิ ทำไมชิงหลับไปก่อนแบบนี้เล่า
หรือว่า มันจะงอนจริงเนี่ย ?!
.
.
.
ตื่นมาตอนสายๆ ก็พบว่าไอ้พี่น้ำตื่นก่อนแล้ว เดินลงมาข้างล่าง บนโต๊ะทานข้าวมีข้าวต้มกับกับข้าวหลายชนิดยังไม่พอข้างกันก็มีโพสท์อิทเปะไว้ ลายมือคุ้นตาเขียนว่า
‘ซื้อข้าวกลางวันมาเผื่อแล้ว ไปทำธุระ
เดี๋ยวตอนเย็นกลับมารับไปร้องเกะ’ไม่มีลงท้ายด้วยถ้อยคำเลี่ยนๆ อย่าง ‘กินไม่หมดคนซื้อเสียใจ’ หรือ ’รักของพี่อยู่ในข้าวทุกเม็ด’ อะไรแบบนี้ ไม่มีแม้กระทั่งรูปยิ้ม หรือ ลงชื่อ ‘น้ำดี’ แบบกวนๆ
นี่ตกลงไอ้พี่น้ำงอนผมจริงเด้
เห้ยยยยย แล้วนี่ไปไหนอะ โทรไปก็ไม่รับ
หลังจากโทรหาจนมือหงิก ผมก็นั่งลงกินข้าวต้มกุ้ยที่ทำไว้ให้ จะกินไม่หมดก็กลัวจะมีคดีเพิ่มถึงได้ทนกินผัดผักบุ้งจนหมดจาน ไม่ต้องห่วงหมูทอด หมดก่อนข้าวต้มแล้วครับ นี่เห็นว่าไอ้พี่น้ำทำหรอกนะถึงกินน่ะ ไอ้ผักเขียวๆ ลื่นๆ แบบนี้ไม่เห็นจะอร่อยตรงไหน
ปล่อยตัวเองนั่งอืดดูโทรทัศน์เรื่อยเปื่อย นั่งคิดเอาเองก็แล้ว นอนคิดก็แล้ว จนมุมจริงๆ นั่นแหละถึงยอมโทรหาน้องสาว
แหม ก็ไม่อยากโดนล้ออะ เข้าใจกันหน่อยนะ
เหมือนที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด สองสาวรุมซักไซ้ผมละเอียดยิบ จนแทบอยากกลับไปบันทึกวีดีโอหรืออะไรไว้ให้พวกมัน จะได้ไม่ต้องถามมาก พอฟังจบสองสาวก็เงียบไปพักใหญ่จนผมทนไม่ไหวเริ่มหงุดหงิด
“ซี มึงเงียบทำไมนานเนี่ย”
“เออ พี่ดี นี่หวานเอง ซีไปเข้าห้องน้ำค่ะ”
“อ้าว เออโทษทีหวาน พี่นึกว่าซี” ทีเสียงกุกกักจากปลายสาย สายก็ถูกตัดไป อ้าว ไรวะเนี่ย ยังไม่ทันได้โทรกลับ ซีก็คอลมาทางไลน์ซะก่อน
“อยู่ดีๆ ก็ตัดสายทิ้ง เกือบโมโหแล้วไหมล่ะ” รับสายแล้วก็ใส่เลยผม
“ไรอะ แค่แฟนหาย นิดหน่อยทำโมโหนะพี่ดี” ซีแซวยิ้มๆ ดูจากในวีดีโอเห็นว่ามันยืนอยู่ที่ระเบียงหันหลังให้กับประตูห้อง
“แล้วตกลงมึงคิดได้ยังว่าไอ้พี่น้ำมันเป็นไรอะ” เจ้าซีทำหน้าเหนื่อย แล้วถอนหายใจดังๆ ให้ผมได้ยิน
อะไรเล่า ทำแบบนั้นหมายความว่าไงวะ!!
“พี่ดีคิดดูเด้ ไม่เจอหน้าแฟนตั้งหลายวัน เจอกันแฟนก็ดันไม่สนใจซะงั้นอะ เป็นซีก็น้อยใจเหอะ”
“แค่สามวันเอง” อดจะเถียงไม่ได้
“เออกี่วันก็ช่างเหอะ เอาเป็นว่าไม่ได้เจอกันอะ”
“เอ้า ก็มันเหนื่อยจริงๆ นี่หว่า ไม่ได้นอนตั้งสองคืนนะเว้ย” สองคืนที่ว่าคือวันที่ปั่นโปรแกรมที่ส่งนายไปวันพุธและได้คอมเม้นท์มาวันนี้แหละครับ ถึงจะเป็นคืนวันจันทร์และอังคารก็เถอะ วันนี้วันศุกร์ก็นอนไม่พอหรอก
อยู่ๆ เจ้าซีก็ทำหน้านิ่งขึ้นมา
“อย่ามาแก้ตัวเลยพี่ดี ตอนเย็นนี้รีบง้อพี่น้ำด่วนๆ ไม่งั้นทั้งซีกับหวานจะไม่ช่วยพี่ดีแล้ว โอเคมะ!!”
เฮ้ยยย ผมว่ามันไม่ใช่ประโยคคำถามแล้ว นี่มันประโยคคำสั่งชัดๆ
เจ้าซีพูดอะไรอีกนิดหน่อย ได้แต่รับคำแล้วก็ตัดสายไป
ง้อไอ้พี่น้ำเนี่ยนะ
ไม่ไหวมั้ง
.
.
.
.
ตอนเย็นพี่น้ำขับรถมารับมีสองสาวนั่งหน้าสลอนอยู่เบาะหลังเรียบร้อย ตลอดทางมีแต่เสียงคุยหนุงหนิงของสองสาว ทั้งผมและพี่น้ำยังไม่ได้พูดกันเลยแม้แต่คำเดียว
แอบเห็นแหละว่าบางทีมันก็แอบมองผม ทำไมรู้นะเหรอ ผมก็แอบมองมันเหมือนกันไง มันแอบมองมาบ้างก็ยังดี อย่างน้อยเวลาง้อคงไม่เก้อเท่าไหร่มั้ง...คิดว่านะ
อ่า แค่คิดก็ อยากจะ .... เอาเป็นว่า ไม่คิดจะทำให้ใคร ทำให้ไอ้พี่น้ำคนเดียวละกันนะ
อ้ากกกกก เขินเว้ย
“เออ พี่ดีคะ เข้าห้องเถอะค่ะ” คงเหม่อมากไปหน่อย หวานที่เดินตามมาคว้ามือดึงผมให้เดินเข้าไปในห้องร้องคาราโอเกะ
ได้สติเห็นสภาพห้องแล้วแทบร้อง โอ้โห ผนังห้องทั้งสีด้านบุเบาะเก็บเสียงทำจากหนังสีดำสนิท โซฟาหนังสีดำรูปตัวยูตั้งอยู่กลางห้อง ตรงกลางมีโต๊ะแก้ววางอยู่ ฝั่งตรงข้ามคือจอภาพขนาดใหญ่ เครื่องเสียงแบบเซอร์ราวด์รอบห้อง ขาตั้งไมค์วางอยู่มุมห้อง แทมบูรินวางอยู่บนเคาเตอร์แอบเห็นหูกระต่ายวิบวับด้วยนะเฮ้ย นี่มันไม่ใช่ห้องร้องคาราโอเกะทั่วไปแล้วหรือเปล่า สองสาวเห็นสภาพห้องแล้วก็ดี้ด้า รีบถ่ายรูปกันใหญ่
ไอ้พี่น้ำนั่งลงบนโซฟาตรงกลางตรงโค้งพอดี ผมจึงเดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้าม มันเหลือบมามองนิดหน่อย แต่ก็ก้มหน้าเลือกอาหารและเครื่องดื่มจากบริกรต่อไปอย่างไม่สนใจ
“พี่น้ำ วันนี้มีแอลฯ ป่าวค้าบ” ยัยซีพอเห็นพี่น้ำเลือกเครื่องดื่มก็รีบเข้ามานั่งออดอ้อน
“ไม่ต้องเลยเจ้าซี เป็นเด็กเป็นเล็ก” ผมปรามมัน
“พี่ดีเงียบเลย ซีถามพี่น้ำต่างหากเล่า” ยัยซีเถียงทันควัน
“ซีอย่าว่า พีดี นะ” หวานว่าเพื่อนตัวเองเสียงดัง จนผมเองยังสะดุ้ง
“หวานนนนน” ซีลากเสียงง้อเพื่อนตัวเอง
“ซีขอโทษพี่ดี วันนี้วันเสาร์ให้น้องดื่มหน่อยเหอะน้า นะนะนะ” หวานไม่สนใจ ชี้นิ้วมาที่ผม ยัยซีก็รีบขอโทษพร้อมกับเข้ามาอ้อน คารวะน้องสาวพี่น้ำจริงๆ ที่ทำให้ยัยซีเชื่อฟังได้ขนาดนี้ เหลือบสายตามองพี่น้ำก็เห็นว่ามันมองอยู่
“ไม่เอาเว้ย กินแล้วก็เมาจะกินทำไม”
“เอ้า พี่ดีก็ กินไม่เมาจะกินทำไมเล่า น่านะ ให้น้องกินเหอะ น้องไม่เคยไปกินที่อื่นเลยน้า กินกับพี่ชายสุดหล่อตลอด นะนะ พี่น้ำ พี่ดีนะ” ลำยองจริงน้องกูยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไร บริกรก็บอกว่า
“บัตรที่ลูกค้าใช้สิทธิ์นี้ รับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฟรีหนึ่งขวดครับ” ยัยซีและหวานส่งเสียง เย้ ดังลั่นกลายเป็นว่าทั้งยัยซีและหวานลำยองพอกันซะงั้น
สั่งอาหารเสร็จ พนักงานเข้ามาอธิบายวิธีการกดเพลง แนะนำการใช้งานเรียบร้อยแล้ว ดนตรีเพลงคุ้นหูที่ฮิตกันทั้งเมืองก็ดังขึ้น จนผมที่กำลังกระดกน้ำโค้กถึงกับสำลัก
“แวบเดียวแค่ดู ก็ทำให้รู้ว่าเธอนะโดนหัวใจ
อยากบอกเหลือเกินว่าเธอน่ารักแค่ไหน
จริตมากไปกลัวมันไม่ดีไม่งาม”
ยัยซีกระโดดออกไปยืนตรงที่ว่างหน้าจอภาพ ฉากด้านหลังคือมิวสิควีดีโอเพลงดังกล่าว ยัยหวานไม่รอช้าหลังจากเห็นเพื่อนสาวออกลวดลายนำไปก่อนก็ตามไป
“ก็เลยเก๊กฟอร์ม ทำเป็นอ้อมค้อมทำเป็นว่าดูเฉยเมย
จนเธอมาขอ เบอร์โทรเข้าทางแล้วเอ๋ย
อยากบอกจังเลย ถึงบ้านให้รีบโทรหา”
พอถึงท่อนฮุกสองสาวมองหน้ากัน ยักคิ้วให้พวกผมกวนๆ แล้วก็เต้นตามเพลง เหมือนกับมิวสิควิดีโอด้านหลัง
“เบอร์โทรอื่น จะได้ยินเสียงรอสาย
แบบ แบบ แบบ ว่าให้รอ
แต่เบอร์นี้ จะได้ยินเสียงใจบอกว่า...
ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝาก หัวใจ
ลงทะเบียนฝากไว้ตัวเอากลับไป ใจให้เก็บรักษา
ยอมจำนนเธอแล้ววันนี้แค่แรก เห็นหน้า
ฝากไว้กับฉันนะหัวใจของเธอ แลกเบอร์โทร โอ๊ะ โอ โอย”
จบเพลงสองสาวตบมือไฮไฟว์กันเรียบร้อย ผมที่นั่งมองตาค้างก็ส่งเสียงแซวเป่าปากวี้ดวิ้ว ให้ตายเถอะ ไม่เคยรู้เลยว่าน้องสาวที่นอกจากบ้าเกาหลีและจิ้นวายไปวันๆ แล้ว ไอ้สองคนนี้มันเต้นเก่งด้วยอะ นั่น มองไปทางไอ้พี่น้ำก็เห็นหัวเราะ พูดแซวสองสาวอย่างอารมณ์ดี
ยิ้มกว้างๆ ไว้ล่ะพี่น้ำ
ยิ่งดึกเพลงเวียนไปจนแทบจะทุกแนว ตั้งแต่เพลงลูกทุ่ง เพลงลูกกรุง เพลงไทยสากล เพลงไทยเดิม เพลงสากล เพลงญี่ปุ่น เพลงเกาหลี ตอนนี้ตีกันในหัวผมจนมึนงงไปหมด สองสาวยังคงเสียงดีไม่มีตก ไม่รู้ว่าปริมาณแอลกอฮอล์ในตัวมีมากแค่ไหน เมื่อกี้รู้สึกเหมือนเสียงเริ่มอ้อแอ้แล้วสิ
ทั้งผมและพี่น้ำโดนคะยั้นคะยอให้ร้องเพลงตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ ผมเอาแต่ส่ายหน้า ปฏิเสธไม่ว่าสองสาวจะมาไม้ไหนก็ไม่ร้องเลยสักเพลง
ผิดกับไอ้พี่น้ำ พอแอลกอฮอล์เข้าปากจากที่แข็งๆ ไม่ยอมร้องตอนแรกพอเจอลูกอ้อนของสองสาวเข้าไปก็เผลอร้องไปหลายเพลงแล้วน่ะนั่น
ถามถึงเพลงที่พี่น้ำร้องเหรอ เห็นเงียบๆ แบบนั้น เขาโปรเพลงร็อคนะครับ แม่เจ้า แต่ละเพลงนี่ โยกทีหัวแทบหลุด
เมื่อเห็นว่าแต่ละคนเริ่มเหนื่อยอ่อนกันแล้วก็ถึงเวลาพระเอกอย่างผมต้องออกโรงแล้วล่ะครับ เดินไปกระซิบกับยัยซี เจ้าตัวมองผมตาโต ก่อนจะยิ้มกว้าง เดินไปกดเพลงให้อย่างรวดเร็ว
ผมออกไปยืนเก้ๆ กังๆ ตรงพื้นที่ว่างหน้าจอ เหลือบมองสาวสาวเห็นยัยซีซุบซิบกับยัยหวานสองคน เลื่อนสายตาไปมองไอ้พี่น้ำ ที่กำลังมองตรงมาที่ผม
มือที่ถือไมโครโฟนสั่นเล็กน้อย จนต้องใช้สองมือจับ
“..พี่น้ำ .. ดี มีเพลงมาร้องใหม่ฟัง ตั้งใจฟังดีๆ นะ” รู้เลยว่าเขินมาก แก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าว เสียงดนตรีค่อยๆ บรรเลงเพลงขึ้นมาอ่อนหวาน
แล้วในห้วงของความคิด ภาพรอบกายเลือนไป ผมรับรู้เพียงเสียงเพลงที่ผมร้อง และดวงตาสีดำสนิทของพี่น้ำที่ผมจ้องมองอย่างแน่วแน่เท่านั้น
เพลงประกอบ
https://www.youtube.com/watch?v=r7Yl3AxoEYk“ในโลกที่มีความวกวน
ในโลกที่ทุกคนต้องดิ้นรน
ที่สับสน ร้อนรนจนใจ นั้นแสนเหนื่อย
ในโลกที่ความทุกข์ท้อใจ
ได้เดินผ่านเข้ามาเรื่อยๆ
จนบางครั้งไม่รู้จะข้ามไปเช่นไร”ภาพในอดีตผ่านเข้ามาเพียงแวบเดียวก่อนจะจางหายไป เป็นเพียงความทรงจำอันเลือนราง
“แต่ยิ่งชีวิต ยิ่งผ่าน ยิ่งได้พบ ยิ่งเจอ
กลับทำให้ฉันยิ่งคิด ในใจ”เจ้าของรอยยิ้มสว่างไสวดังแสงตะวันเข้ามาในห้วงความคิด แทนที่จะจางหายไปเหมือนความทรงจำอื่นๆ กลับค่อยชัดเจนขึ้น
น้ำเสียงตอนเริ่มร้องเพลงไม่รู้เหมือนกันว่า ไม่มั่นใจ สั่นไหวขนาดไหน แต่ในนาทีนี้ ตอนที่จะร้องท่อนนี้ออกไป ผมมั่นใจเต็มร้อย
“ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบ อะไร
ฉันก็รู้ และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่...ตรงนี้”ไม่แม้แต่จะกะพริบตาด้วยซ้ำเมื่อเห็นว่าพี่น้ำยังคงสบตาผม ใต้แสงไฟสลัวเหมือนเห็นมุมปากบางยกยิ้ม
“ในอุปสรรค ที่มากมาย
ในความหวาดหวั่น ที่วุ่นวาย
อนาคต ในปัจจุบัน และอดีต
ในความเจ็บปวดที่ต้องเจอ
ที่ไม่เคยพ้นไปสักที
และยังไม่รู้พรุ่งนี้ต้องเจอกับเรื่องใด”ภาพในอดีตวนเวียนเข้ามาเรื่อยๆ ราวกับฉายซ้ำ แต่แปลกที่คราวนี้ ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเหมือนในอดีตอีกต่อไปแล้ว คงเพราะ…
“ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ
เธอคือกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนๆ
ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบ อะไร
แต่ฉันรู้ และฉันอุ่นใจ
ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่...ตรงนี้”โน้ตตัวสุดท้ายค่อยๆ แผ่วลงก่อนจะเงียบหายไป ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ สองสาวนั่งนิ่งไม่กระดุกกระดิก พี่น้ำยังคงมองตรงมาที่ผมโดยไม่กะพริบตา
ผมสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดออกไมโครโฟนไปว่า
“ถึงจะไม่ได้พูดบ่อยๆ แต่ก็อยากให้รู้ว่า รักพี่น้ำนะ เลิกงอนได้แล้ว เข้าใจปะ!”ดวงตาสีดำสนิทของพี่น้ำเหมือนจะมีน้ำตาคลอ แต่พอผมพูดประโยคสุดท้ายที่ติดมาจากเจ้าซีออกมาเท่านั้นแหละ ขำก๊ากขึ้นมากันทุกคน
โธ่ ก็คนมันอายไง อะไรที่มันบ้าๆ บอๆ ก็หลุดออกมาหมดแหละ
กำลังจะเดินกลับที่นั่งดันถูกดึงไปนั่งตักโดยไม่ทันตั้งตัว
“เฮ้ย!”
“ไหนพูดใหม่ซิ เมื่อกี้ไม่ค่อยได้ยิน” คงเชื่อหรอกครับ พูดออกไมค์ดังไปสามบ้านแปดบ้านขนาดนั้น
“ไม่เอาแล้ว ไม่ได้ยินก็พลาดแล้ว ส.จ เสียใจ”
“...รักพี่น้ำนะ...เลิกงอนได้แล้ว เข้าใจปะ” ยัยซีเอาโทรศัพท์มายื่นใกล้ๆ นั่นนี่เองคือเหตุผลที่สองสาวนิ่งเงียบไม่กระดุกกระดิกหลังเพลงจบ
อัดไว้ครบ มีทั้งภาพและเสียงเลย ถถถถถถถถถ
ทั้งสามคนหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน จนผมหมั่นไส้หยิกพุงไอ้พี่น้ำไปทีหนึ่งแรงๆ ไอ้พี่น้ำสบตาก็รู้ใจครับ รีบเรียกพนักงานมาเคลียร์บิลทันที ส่งสองสาวที่คอนโดแล้ว ก็ตรงดิ่งกลับบ้าน
ตลอดการเดินทางกลับบ้าน พี่น้ำจับมือผมไว้ตลอดเวลา
อุณหภูมิบนแก้มค่อยๆ ร้อนขึ้นจนลามไปทั่วตัว
“อื้อ”
ทันทีที่ประตูห้องถูกปิดลง ริมฝีปากก็ถูกจู่โจม อ้าปากจะร้องห้ามคนต้นเหตุดันสอดลิ้นเข้ามาไล่กวาดต้อนลิ้นของผม เกาะเกี่ยวดูดดึงแนบสนิทกว่าครั้งไหนๆ
จนเริ่มหายใจไม่ทันนั่นแหละ คนขี้งอนถึงได้ยอมละจากริมฝีปากมายังพวงแก้ม ไล่เรื่อยขึ้นไปจูบหน้าผาก แตะแต้มรอยจูบบนเปลือกตาทั้งสองข้าง ลงมายังจมูกและมอบจูบดูดดื่มครั้งแล้วครั้งเล่า
ร่างกายถูกสองมือเฟ้นฟอนจนร้อนไปหมด ดวงตาสีดำนั้นหวานปานจะหยด ยิ่งมองเหมือนถูกหลอมละลายไปกับความอ่อนหวาน ผมสำลักความสุขครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างกายส่งมอบความสุขให้กับอีกฝ่ายอย่างเต็มใจ และยินยอมกว่าครั้งไหนๆ
ทุกครั้งที่ผิวกายโดนสัมผัสก็ร้อนวาบพร้อมหลอมละลายเสมอ ผิวเนื้อของตนเองที่มองเห็นจากแสงสลัวนั้นแดงเรื่อ ไม่ต่างจากชายหนุ่มอีกคนเลย ใบหน้าของน้ำเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เขากะพริบตาถี่ๆ เมื่อมันไหลเข้าตา ผมละมือจากการกอดรัดไปซับเหงื่อให้ เราสบตากัน
...นาทีนั้นเหมือนได้ตกหลุมรักอีกครั้ง
ร่างกายขมวดเกรงก่อนที่เราจะสำสักความสุขออกมาพร้อมกัน
“ถ้าจะยั่วขนาดนี้ เตรียมลางานเลยเถอะ”
“หะ!! นี่ยังไม่พอหรือไง”
แค่นี้ก็เดินลำบากแล้วนะเฟ้ย
ไอ้พี่น้ำยกยิ้มเจ้าเล่ห์
ยิ้มอย่างนี้ก็รู้ชะตากรรมแล้วล่ะครับ
ลางานแน่ๆ
“รักเท่าไรก็ยัง...ไม่พอ”
อื้อหือ ไม่ต้องตอบมาเป็นเพลงแบบนั้นก็ด้ายยยยยย
แค่นี้ก็ยอมจนไม่รู้จะยอมยังไงแล้วเนี่ยยยยย
Fin
-------------------------------------------------------------
[11/12/58]
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบบริบูรณ์
ตอนสุดท้ายแล้ว ตอนแรกไม่กล้าเอามาลงเพราะกลัวไม่มีคนอ่าน 555
แต่ก็ตัดสินใจลง เพราะเป็นการตอบแทนที่เข้ามาอ่านนิยายจากเล้าเป็ดประจำ
หวังว่าคนอ่านจะมีความสุขอย่างที่เรามีเช่นเดียวกับอ่านนิยายเรื่องอื่นๆ นะคะ
มีนิยายอีกเรื่อง หวังว่าอาทิตย์หน้าจะได้ทยอยลงค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจนถึงตรงนี้ค่ะ
Lavender’s blue