[Bad Boy Brother] ทัณฑ์รัก ♤MPREG♤ - ตอนที่11: สิ่งต้องห้าม 100% P.5 (10/04/59)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Bad Boy Brother] ทัณฑ์รัก ♤MPREG♤ - ตอนที่11: สิ่งต้องห้าม 100% P.5 (10/04/59)  (อ่าน 29477 ครั้ง)

ออฟไลน์ ekuto

  • ถ้าวันไหนไม่เข้ามาในเล้า วันนั้นเหมือนชีวิตขาดบางอย่าง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 605
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-5
อืมๆๆ แบบนี้โอเครกว่าเยอะเลยครับ

จริงๆมันแกัที่ข้อความเก่าได้นะครับ

ขอบคุณสำหรับการแก้ไขครับ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
นานๆๆจะเจอนายเอกอวบๆๆสมแล้วชื่อหมูตุ๋น น่ากินมากกก อิอิ ให้พี่จอมกินคนเดียวไม่แย้งหรอก อิอิ
ความลับแตกแล้ว ลุ้นๆๆ

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
อยากให้ถึงตอนจอม รักตุ๋น แล้วตุ๋นไม่สนใจ ให้จอมเสียใจบ้าง บังอาจ ทำให้ตุ๋นเสียใจได้งัย มะไหร่จะมาต่อเนี่ย อิอิ

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ Sweet_Aris25

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ตอนที่4 :


คำที่ไม่อยากได้ยิน





               ภายในห้องนอนสีชมพูหวานที่ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีขาวสะอาดตา เหมือนถูกสร้างขึ้นไว้ให้สำหรับผู้หญิง หน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่ถูกติดด้วยกระจกบานใหญ่ตอนนี้มีร่างอวบที่กำลังติดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายก่อนจะจัดปกเสื้อให้เรียบร้อย เมื่อเสร็จร่างอวบก็หยิบของที่จำเป็นมาใส่กระเป๋าสะพายใบโปรดก่อนจะจัดของให้เข้าที่เข้าทาง แล้วหยิบมันขึ้นมาสะพายพร้อมกับเดินออกไปจากห้อง




               “ตุ๋น มากินข้าวก่อนลูกเดี๋ยวแม่ตักให้ วันนี้แม่ทำเองเลยนะ ดูสิแม่ไม่ค่อยมีเวลาทำกับข้าวให้ตุ๋นกิน ลูกแม่ผอมเลย” พอลงมาแม่ก็เรียกตุ๋นให้มาทานข้าวเช้า แม่ไม่แซวเปล่ายังเอามือมาบีบๆจับๆที่ท้องนุ่มนิ่มของตุ๋นด้วยความหมันเขี้ยว




               “แม่อ่ะ อย่าแกล้งตุ๋นสิ~” ตุ๋นยกมือกอดอกอย่างงอนๆที่โดนแกล้ง




               “ก็ลูกแม่ชอบทำตัวน่ารักไงเลยมีแต่คนแกล้ง มานั่งเร็วเดี๋ยวแม่ตักข้าวให้จะได้รีบไปทำงานเดี๋ยวสาย” ร่างอวบนั่งลง มองดูหญิงสาวที่อายุก็ 50กว่าแล้วแต่ความสวยยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ที่ตอนนี้กำลังตักข้าวต้มหมูใส่ถ้วย




               “กินเยอะๆนะลูก แม่ตั้งใจทำให้ตุ๋นกินเลยนะ” ปิ่นมณีวางถ้วยลงตรงหน้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ถึงตอนนี้ตุ๋นจะโตแล้วแต่นิสัยของตุ๋นยังคงเป็นเหมือนเด็กๆ ทั้งขี้อ้อน หัวอ่อน ตามใครไม่ค่อยทัน นี่เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอเป็นห่วงลูกคนนี้มากกว่าลูกคนโตเป็นไหนๆ




               “ขอบคุณครับ” ตุ๋นบอก มองถ้วยข้าวต้มที่อยู่ข้าวหน้าตัวเอง กลิ่นหอมๆของมันทำให้ตุ๋นค่อยๆตักข้าวต้มตรงหน้าขึ้นมาก่อนจะลิ้มรส




               “ตุ๋นตอนเย็นเราจะออกไปกินข้าวนอกบ้านนะ เห็นพี่ชายเราจองร้านอาหารไว้ พี่เขาบอกว่าให้แม่ชวนตุ๋นด้วย แปลกคนปกติจะเป็นคนมาชวนเองตลอด” หลังกินข้าวเสร็จ แม่ก็บอกตุ๋นไว้ก่อนที่จะออกจากบ้าน คำพูดของแม่นั้นแทงใจของตุ๋นมาก แต่ก็จริงอย่างที่แม่ว่าไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่พี่ให้คนอื่นมาชวนตุ๋น ทุกครั้งพี่จะเป็นคนมาชวนตุ๋นด้วยตัวเองเสมอ




               “ที่ไหนหรือครับ ถ้าเลิกงานตุ๋นจะได้ให้ดินไปส่งถูก  ถ้าตุ๋นเลิกงานช้าแม่กับพ่อจะได้ไม่ต้องรอนานด้วย” ตุ๋นบอกแม่ เดี๋ยวนี้งานที่บริษัทมีมากขึ้นเพราะว่ามีลูกค้าจากในและต่างประเทศให้ความไว้วางใจบริษัทจึงมีงานเข้ามาเรื่อยๆ แต่ถึงงานจะเยอะแต่มันก็เป็นผลดีกับบริษัทของครอบครัวเขาเป็นอย่างมากเพราะปีนี้มีกำไรเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเป็นเท่าตัว




               “ที่ร้านของตาภัทรไงลูก รู้สึกว่าจะชื่อร้านแสงจันทร์ ตุ๋นน่าจะรู้จักนะลูกแม่ก็จำอะไรไม่ค่อยได้ซะด้วย” ปิ่นมณีพูด ส่วนมากเธอจะทำงานอยู่ต่างประเทศกับสามี เวลากลับไทยก็พักผ่อนอยู่ที่บ้านอย่างเดียวเลยไม่ได้ออกไปไหน




               “ครับ งั้นตุ๋นไปทำงานก่อนนะครับ สวัสดีครับ” ตุ๋นยกมือไหว้แม่ แล้วรีบไปทำงานเพราะตอนนี้สายแล้ว





               “หมูตุ๋น! ทำไมมาสาย” เสียงแหลมๆดังขึ้นมาเมื่อเห็นร่างอวบวิ่งเข้ามาตรงหน้า



               “แฮ่ก...ขอโทษครับพี่ปราง เมื่อเช้าตุ๋นกินข้าวกับแม่อยู่ แล้วตอนมารถก็ติดด้วย” ตุ๋นยืนให้หายเหนื่อยสักพัก เพราะเหนื่อยจากการที่รีบวิ่งขึ้นมาให้ทันทำงาน เมื่อหายหอบตุ๋นก็รีบบอกสาเหตุที่มาสายกับ “พี่ปราง” หัวหน้าแผนกที่ตุ๋นทำงานอยู่ ถึงตุ๋นจะอยู่ในฐานะน้องชายของท่านประธานบริษัทแต่ตุ๋นก็อยากที่จะทำงานในตำแหน่งแบบนี้มากกว่าตำแหน่งสูงๆ อีกอย่างการทำงานแบบนี้ก็ทำให้ตุ๋นมีเพื่อนเพิ่มขึ้น ทุกคนนั้นใจดีกับตุ๋น เวลาไปไหนก็จะมีของติดไม้ติดมือมาฝากตุ๋นตลอด แต่ก่อนที่ตุ๋นจะได้ขนมมากินก็ต้องแลกกับการโดนจับพุง และอีกสารพัดวิธีที่ทุกคนจะหามาแกล้ง




               “งั้นมาให้พี่ทำโทษซะดีๆ หมูน้อย” พูดจบมือเรียวก็ดึงแก้มของตุ๋นจนยืด




               “อื้อ...เจ็บนะ” ตุ๋นร้องพลางเอามือลูบแก้มตรงที่โดนมือเรียวประทุษร้ายเมื่อกี้ ส่วนคนทำก็หัวเราะเบาๆให้กับความน่ารัก




               “ไปๆ ก่อนที่พี่จะอดใจไม่ไหวอีก” มะปรางโบกมือไล่หมูน้อยที่ตอนนี้แก้มทั้งสองข้างแดงเถือกเพราะฝีมือเธอให้ไปทำงานก่อนที่เธอจะอดใจไม่ไหวที่จะแกล้งหมูน้อยอีก





               หลังเลิกงานตุ๋นก็มารอปฐพีที่ร้านกาแฟร้านเดิม ทุกวันนี้หลังตุ๋นเลิกงานปฐพีจะเป็นคนมารับตุ๋นเสมอ เพราะทางกลับบ้านของปฐพีนั้นต้องผ่านบริษัทและบ้านของตุ๋นอยู่แล้ว ตุ๋นนั่งดูดโอวัลตินเย็นรออยู่ประมาณ 10นาที เมื่อได้เวลาตุ๋นก็ออกมาข้างหน้าร้านพอดีกับที่ปฐพีขับรถเข้ามา



               RRRRRRRRRR


               “ดินเดี๋ยวไปส่งตุ๋นที่ร้านแสงจันทร์นะ” เมื่อขึ้นรถมาตุ๋นก็บอกที่หมายที่จะต้องไปก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับแล้วกรอกเสียงลงไป



               “ครับแม่”




               //ตุ๋นอยู่ไหนแล้วลูก//




               “ตุ๋นเพิ่งออกมาจากบริษัทครับ”




               //ดินมาส่งใช่ไหม ตุ๋นชวนดินมากินข้าวด้วยกันสิ// แม่บอก




               “ได้ครับเดี๋ยวตุ๋นบอกดินให้ แล้วแม่โทรมามีอะไรหรือเปล่าครับ” ตุ๋นถามเผื่อว่าแม่มีเรื่องด่วนหรือมีอะไรที่จะให้ซื้อเข้าไป




               //เปล่าลูก แม่แค่จะโทรมาบอกตุ๋นว่าทุกคนมากันครบแล้วนะ รีบๆมานะลูก อย่าลืมชวนดินด้วยล่ะ// พูดจบแม่ก็ตัดสายไป เฮ้อ ไม่รู้ว่าถ้าเจอพี่ตุ๋นจะทำหน้ายังไงดี ถึงจะเจอกันในบริษัทบ่อยแต่ก็แค่เดินสวนกันแต่วันนี้ต้องนั่งด้วยกันเป็นชั่วโมง




               “ไอ้อ้วน เป็นอะไรขมวดคิ้วเชียว” ปฐพีถามออกมาเมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวอ้วนเอาแต่ขมวดคิ้วมุ่นตั้งแต่วางสาย




               “แค่สงสัยอะไรนิดหน่อยน่ะ เออดิน! แม่ชวนดินไปกินข้าวด้วยกัน” ร่างอวบค่อยๆคลายคิ้วก่อนจะชวนปฐพีไปกินข้าวด้วยกันตามที่แม่กำชับ




               “เอาสิ กำลังหิวๆเลย” ปฐพียิ้มแป้นแล้นพลางเอามือลูบท้อง “แล้วตอนนี้ระหว่างตุ๋นกับพี่จอมเป็นยังไงบ้าง ได้คุยกันบ้างหรือยัง” ปฐพีถามขึ้น ทำให้ตุ๋นที่สีหน้าเริ่มดีกลับมาทำหน้าเครียดยิ่งกว่าเดิม เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่ตุ๋นแอบชอบพี่จอมจนถึงเรื่องที่ความลับแตกนั้นมีปฐพีคนเดียวเท่านั้นที่ตุ๋นไว้ใจที่จะเล่าให้ฟัง




               “ก็เหมือนเดิมแหละ ถ้าไม่มีอะไรสำคัญจริงๆก็ไม่ได้คุยกัน” ตุ๋นตอบเสียงเบา ถึงวันนั้นพี่จะไม่ได้แสดงอาการอะไรแต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นการกระทำของพี่มันไม่เหมือนเดิม พี่ทำตัวห่างเหินกับตุ๋น บ้านก็แทบไม่ได้กลับ ขนาดตุ๋นกับพี่ทำงานที่เดียวกันยังแทบไม่ได้คุยกันเลยถ้าไม่มีเรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องคุยทั้งตุ๋นและพี่ก็จะเป็นเหมือนคนไม่รู้จักกัน




               “เอาน่า ชีวิตมันไม่ได้มีแค่นี้สักหน่อย เรายังต้องก้าวไปข้างหน้าอีก” เมื่อเห็นสีหน้าหม่นๆของเพื่อนปฐพีก็อดที่จะปลอบใจไม่ได้




               เมื่อมาถึงร้านตุ๋นก็บอกชื่อพี่ที่ใช้จองไปแล้วเดินตามพนักงานที่เดินนำทางไปยังโต๊ะที่ครอบครัวของตุ๋นอยู่ เมื่อมาถึงตุ๋นก็เห็นพ่อกับแม่กำลังนั่งคุยกัน พี่จอมก็กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์และยังมีเก้าอี้อีกสามตัวที่ยังว่าง




               “มากันแล้ว มาๆนั่งเลยลูก” ปิ่นมณีพูดขึ้นเมื่อเห็นตุ๋นและปฐพีเดินเข้ามา จ้าวจอมเงยหน้าขึ้นมองน้องนิดนึงก่อนจะก้มลงไปกดโทรศัพท์อย่างเดิม




               เมื่อแม่บอก ตุ๋นและปฐพีจึงเดินเข้าไปนั่งโดยที่ตุ๋นนั่งติดกับแม่และตรงข้ามกับแม่เป็นพี่จอม พ่อกับดินนั่งหัวโต๊ะทั้งสองฝั่งและยังเหลือที่ว่างข้างๆจ้าวจอมอยู่อีกหนึ่งที่




               “สวัสดีครับแม่ สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับพี่จอม” เมื่อนั่งเรียบร้อย ปฐพีก็ยกมือไหว้ทักทายครอบครัวของเพื่อน




               “ไหว้พระลูก มา เรามาทานข้าวกันดีกว่า ตุ๋นกับดินหิวแล้วใช่ไหมลูก” ปิ่นมณีบอก เธอเห็นสายตาของลูกชายคนเล็กที่มองของกินตาเป็นมัน สงสัยจะหิว




               “ครับ/ครับผม”




               “เดี๋ยว!” ก่อนที่ทุกคนจะลงมือทานอาหารตรงหน้าเสียงขัดของจ้าวจอมก็ดังขึ้น ทำให้ตุ๋นต้องลดส้อมที่กำลังจะจิ้มกุ้งแม่น้ำอบวุ้นเส้นตัวโตลง
   


 
               “ยังเหลืออีกคะ...”




                “มาแล้วค่ะ” จ้าวจอมยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงแหลมๆของใครบางคนดังขึ้น ทำให้ทุกคนพร้อมใจกันหันไปมองผู้มาใหม่




               /เฮ้ยตุ๋น นั่นมันยัยสัตว์สงวนที่เราเจอในร้านพี่ภัทรป่ะ/ ปฐพีสะกิดเพื่อนแล้วกระซิบเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคน ตุ๋นค่อยๆเพ่งมองใบหน้าของหญิงสาวตามที่ปฐพีบอก ก่อนจะพยักหน้าเบาๆเมื่อคนที่มาใหม่เป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่มีเรื่องกับตุ๋นในร้านพี่ภัทร เพียงแต่วันนี้เธอไม่ได้มาในมาดสาวเซ็กซี่แบบวันนั้น




               ตอนนี้ร่างระหงส์ที่อยู่ในชุดเดรสสีฟ้าอ่อนลายดอกที่ดูเรียบร้อย ปากบางที่ถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อนแสยะยิ้มเมื่อเห็นร่างอวบ ตุ๋นมองเธอค่อยๆเดินไปนั่งลงตรงที่ว่างข้างๆจ้าวจอม




               “ขอโทษนะคะพอดีฑิตาเพิ่งเลิกงาน” เมื่อนั่งลงเธอก็หันไปบอกปิ่นมณี แต่ไม่ได้กล่าวทักทายใครแต่อย่างใด




               “จ้ะ ทานข้าวกันเถอะ เราเสียเวลามาเยอะแล้ว” ปิ่นมณีบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เธอรู้สึกไม่ชอบกิริยาของผู้หญิงคนนี้เลย




               หลังจากที่ปิ่นมณีพูดจบทุกคนก็เริ่มทานอาหารกัน ยังดีที่มีเสียงพ่อแม่และดินคุยกัน ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะไม่เงียบจนเกินไป แต่ตุ๋นรู้สึกว่าก่อนที่ผู้หญิงคนนี้จะมาตุ๋นรู้สึกว่าอาหารบนโต๊ะมันน่ากินกว่านี้ ตอนนี้ตุ๋นรู้สึกกินไม่ค่อยลงเมื่อ มองคนตรงหน้าตัวเองที่เอาแต่จู๋จี๋กับจ้าวจอมตักนู่นตักนี่ให้กัน คนนี้คงจะเป็นแฟนพี่สินะ




               “พ่อครับ แม่ครับ ที่ผมให้ทุกคนมาทานข้าวด้วยกันเพราะผมมีเรื่องสำคัญจะบอก” หลังจากทานข้าวเสร็จเรียบร้อย จ้าวจอมพูดเกริ่น ก่อนจะจับมือของฑิตามากุมไว้ แล้วพูดออกมาประโยคหนึ่ง



 
               “ผมกับฑิตา เราจะแต่งงานกันครับ” จ้าวจอมพูดสิ่งที่หน้ายินดีสำหรับคนทั้งคู่ออกมา




               แต่มันกลับเป็นประโยคที่ทำลายหัวใจของตุ๋นแตกสลายไม่มีสิ้นดี



************************************


ขอโทษที่มาช้านะคะ พอดีลิสต้องช่วยพ่อทำงาน ก็เลยไม่มีเวลาพิมพ์

คงรู้แล้วใช่มั้ยคะว่าใครตัวร้าย แต่ว่าฉากที่น้องอยู่กับพี่จอมมันดูน้อยๆยังไงก็ไม่รู้

เดี๋ยวตอนหลังๆจะปรับให้นะคะ ตอนนี้ลิสรู้สึกท้อนิดนึง

คือนิยายมันมีพล็อตอยู่แล้วแต่ลิสไม่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครออกมาให้มันเต็มที่ไม่ได้ คืออารมณ์มันไม่ได้ดั่งใจคิดน่ะค่ะ

อยากให้มันดราม่าแต่ไม่รู้ว่ามันจะออกมาดราม่ารึเปล่า แล้วนี่ก็ตอนที่ 4แล้ว แต่ลิสคิดว่าเรื่องมันยังดูราบเรียบเกินไป

อีกอย่างคือตอนนี้ลิสสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว แงงงงง :o12:

มีอะไรก็ติชมกันได้นะคะ ลิสจะพยายามปรับปรุงให้ถึงที่สุดค่ะ

 :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-10-2015 22:52:50 โดย Sweet_Aris25 »

ออฟไลน์ wwss2220

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สู้ๆต่อไปค่ะเรื่องราวกำลังดำเนินเข้าสู่ความเข้มข้น(คนอ่านคิดว่าน่าจะใช่)อยากให้ลงยาวๆกว่านี้หน่อยค่ะ เพราะมาแต่ละตอนสั้นจุง คนอ่านใจจะจะขาดค่ะ. ขอบคุณค่ะนิยายดีๆๆ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
คุณชนีนี่ต้องมั่นมากเลยนะ 
เจอตุ๋นกับดินมาก่อน ณ ที่อโคจร
ไปกับผู้ชายคนอื่นคืนที่จะมาหาแฟน
มีเรื่องกัน แต่พอเห็นตุ๋นกับดินกลับแค่แสยะยิ้ม
ท่าทางจอมจะไม่ค่อยฉลาดเสียละมั๊ง

จะทำร้ายน้ำใจน้องยังไงก็ขอให้พ่อแม่พี่ภัทรกับดิน
ให้อยู่เคียงข้างน้อง

คุณคนเขียนคะ   แต่งแล้วอ่านทวนหลายๆครั้ง
ให้คนอื่นอ่านแล้วถามความคิดเห็นจากคนอื่น
เราเขียนเองก็ครั้งที่จะมองไม่เห็นส่วนที่แปลกๆ
ให้คนอื่นอ่านก็สามารถที่จะช่วยในจุดนี้ได้ค่ะ

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
ถ้าจะดราม่า เราไม่ห่วงเลย แต่เราอยากให้ตุ๋นเข้มแข็ง มากขึ้น ทันคน ถ้าตุ๋นยังเปนแบบนี้ ดราม่า ฝ่ายเดว โดนกระทำอยู่ฝ่ายเดวแน่ๆเลย สงสารตุ๋น เราคงนอยอะ

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
สงสารตุ๋นน้อยอ่ะ
//กระโดดถีบไอ้พี่จอม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
หมูตุ๋นน่าสงสารอะ :katai1:

ออฟไลน์ Sweet_Aris25

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนที่ 5 :


แม่ไม่ปลื้ม






                  “ผมกับฑิตา เราจะแต่งงานกันครับ”




                  “ห้ะ!” ปิ่นมณีหูอื้อไปชั่วขณะตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจากลูกชายคนโต




                  “ผมบอกว่า ผมกับฑิตา เราจะแต่งงานกันครับ” จ้าวจอมพูดทวนอีกครั้ง




                  “เดี๋ยวก่อนนะจอม แม่สงสัยว่าเราทั้งสองคนไปรู้จักและคบกันตั้งแต่ตอนไหน ทำไมพ่อกับแม่ไม่รู้” ปิ่นมณีถามออกมาด้วยความสงสัย เพราะลูกชายของเธอนั้นไม่เคยบอกเลยสักนิดว่ามีคนรักและยังไม่เคยพามาพบเธอกับสามีด้วย




                  “ผมรู้จักกับฑิตาในวันครบรอบ 9ปีของบริษัทเรา เมื่อปีที่แล้วครับ ขอโทษที่ไม่ได้บอกครับ” ร่างสูงพูดด้วยความรู้สึกผิดต่อผู้ให้กำเนิดทั้งสอง แต่เพราะทั้งตัวเขาเองและพ่อกับแม่ต่างทำแต่งานเลยไม่มีเวลาได้พูดคุยกับพวกท่านเรื่องนี้เลยสักครั้ง




                  “แต่แม่คิดว่ามันเร็วเกินไปหรือเปล่า คบกันแค่ปีเดียวเองนะ แม่ว่ามันเร็วเกินไป”  ปิ่นมณีแย้ง เธอเวลาคบกันแค่ปีกว่าๆมันไม่สามารถเรียนรู้นิสัยใจคอกันได้หมดทุกอย่าง ผู้หญิงคนนี้อาจจะแต่งงานกับลูกชายของเธอเพราะหวังเงินก็ได้ เธอไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายแต่ก็ต้องป้องกันไว้บ้าง เธอกลัวว่าถ้าเกิดจ้าวจอมแต่งงานไปแล้วอาจจะไม่มีความสุข เธอกลัวลูกชายจะคิดและเลือกคนผิด




                  “แต่คุณแม่คะ ฑิตาว่าไม่เร็วไปหรอกนะคะ ฑิตากับจอมรักกัน ยังไงก็ต้องแต่งงานอยู่ดีจะช้าหรือเร็วฑิตาว่าไม่เห็นจะสำคัญ” ปิ่นมณีปรายตามอง หญิงสาวที่ตอบมาทั้งๆที่คำถามนั้นเธอไม่ได้ถามหล่อน




                  “ฉันถามเธอหรอ” ถึงจะเป็นคำพูดสั้นๆแต่ก็ทำให้อีกฝ่ายสะอึกได้ อีกเหตุผลนึงที่ปิ่นมณีไม่อยากให้ทั้งคู่แต่งงานกันเพราะเธอไม่พอใจสักเท่าไหร่กับผู้หญิงคนนี้ ถึงภายนอกจะดูเป็นคนเรียบร้อยแต่กิริยามารยาทของหล่อนนั้นกลับไม่มีเลย ตั้งแต่ที่เดินเข้ามาหล่อนไม่แม้แต่จะคิดยกมือไหว้เธอและสามี ไม่ใช่ว่าเธออยากให้ใครมายกมือไหว้แต่มันก็เป็นมารยาทที่หล่อนควรจะปฏิบัติ




                  “จ้าวจอมว่ายังไง” หลังจากที่จัดการหุบปากว่าที่ลูกสะใภ้ที่เธอไม่นึกอยากจะได้สำเร็จ ปิ่นมณีก็หันกลับมาคาดคั้นเอาคำตอบจากลูกชายตัวดีต่อ




                  “ผมว่ามันไม่เร็วไปหรอกครับ เพราะผมแน่ใจแล้วว่าฑิตาคือคนที่ผมพร้อมจะอยู่ด้วยกันไปตลอด” ร่างสูงตอบออกมาด้วยความมั่นใจแววตาที่มุ่งมันชนิดที่แม้แต่ผู้เป็นพ่อและแม่ก็คงจะขัดอะไรไม่ได้แล้ว




                  “จอมจะไม่เสียใจทีหลังแน่นะที่เลือกผู้หญิงคนนี้” แต่เพื่อความมั่นใจปิ่นมณีจึงถามย้ำอีกครั้งพลางมองไปที่ฑิตา




                  เมื่อหญิงสาวได้ยินคำถามจากเธอ ริมฝีปากเรียวก็ได้แต่ขบเม้มด้วยความไม่พอใจ




                  “ผมแน่ใจว่าผมไม่มีวันเสียใจที่เลือกผู้หญิงคนนี้” จ้าวจอมตอบด้วยน้ำเสียงและแววตาเช่นเดิม เมื่อฑิตาได้ยินคำตอบจากจ้าวจอมแล้วเธอจึงส่งรอยยิ้มของผู้ชนะให้กับคนถาม




                  ร่างอวบก้มหน้าลงกำมือแน่นเมื่อได้ฟังบทสนทนาตรงหน้า เล็บสั้นๆฝังลงบนเนื้อฝ่ามือก็ทำให้เจ็บได้ไม่น้อย แต่มันก็แค่ร่างกายจะเจ็บก็เจ็บแต่ภายนอก มันไม่มีทางที่มันจะเจ็บปวดได้เท่ากับหัวใจของตุ๋นในตอนนี้เลยสักนิด เทียบกันไม่ได้เลย




                  ปฐพีมองเพื่อนที่เอาแต่ก้มหน้าก็ได้แต่รู้สึกสงสาร ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย แล้วก็โมโหพี่ชายของเพื่อนด้วย ทั้งๆที่รู้ว่าตุ๋นชอบตัวเองอยู่แต่ก็ยังพูดถ้อยคำแทงใจออกมาอีก แต่ถ้ามองอีกมุมนึงมันก็ดีต่อตัวตุ๋นด้วย เพื่อนเขาจะได้ตัดใจได้เร็วขึ้น ขณะที่กำลังคิดเรื่องต่างๆอยู่ สายตาของปฐพีก็เหลือบไปเห็นฝ่ามือของเพื่อนที่กำลังกำแน่นและยังมีเลือดซึมออกมาตามแผล




                  “ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ ผมขอตัวไปห้องน้ำสักครู่นึง ตุ๋นไปห้องน้ำเป็นเพื่อนเราหน่อยสิ” ปฐพีไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบ รีบคว้าข้อมือของตุ๋นแล้วรีบลากออกไปข้างนอกด้วยกัน ร่างอวบที่ยังไม่ทันตั้งตัวก็ได้แต่เดินตามแรงดึงของปฐพี




                  ดวงตาคมสีมรกตที่ได้มาจากผู้เป็นพ่อสังเกตเห็นความผิดปกติของน้องชายต่างสายเลือดที่เพิ่งจะเดินออกไปกับเพื่อน เห็นน้องเงียบไปตั้งแต่ที่เขาประกาศออกไปว่าจะแต่งงานกับฑิตา แต่ร่างสูงก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ถ้ารู้ว่าเรื่องทุกอย่างจะเป็นแบบนี้เขาก็คงไม่ทำแบบนั้นกับน้องตั้งแต่เล็กจนโต เขาทั้งทะนุถนอม หอมแก้มน้อง กอดน้องตั้งแต่เด็กจนโตก็ไม่แปลกที่มันจะทำให้น้องคิดไปเอง ยิ่งเขาให้ความสำคัญกับน้องมากเท่าไหร่ก็เหมือนกับว่าเขาให้ความหวังน้องมากเท่านั้น เพื่อให้น้องตัดใจได้ต่อไปนี้เขาต้องปล่อยให้น้องดูแลตัวเอง จะไม่สนใจแล้วว่าน้องจะเป็นยังไง




                  จ้าวจอมนั่งปรึกษาเจสันเกี่ยวกับบริษัทและธุรกิจต่างๆแล้วก็คุยกับปิ่นมณีบ้าง จ้าวจอมรู้สึกว่าวันนี้แม่ของเขานั้นแปลกไป ปกติแม่จะเป็นคนใจดี สุภาพและยิ้มแย้มตลอดไม่ว่ากับใครก็ตาม แต่ตอนนี้จ้าวจอมรู้สึกว่ามีสายตาสองคู่กำลังฟาดฟันกันอย่างดุเดือดกลางโต๊ะอาหารซึ่งก็มาจากแม่และว่าที่เจ้าสาวของเขา จ้าวจอมคิดว่างานนี้ต้องมีปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้แบบในละครหลังข่าวแบบที่แม่ชอบดูแน่นอน แต่พ่อก็ไม่มีอะไรมากหรอก พ่อไม่ใส่ใจอะไรอยู่แล้ว เขาสนใจแค่สองอย่างคือแม่กับน้อง




                  “แม่ครับ ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า มีงานต้องสะสางอีกเยอะเลย” เพื่อป้องกันไม่ให้สงครามน้ำลายเกิดขึ้น จ้าวจอมจึงต้องบอกขอตัวกลับ เพราะถ้าเกิดทะเลาะกันขึ้นมามันจะทำให้ทั้งแม่และว่าที่เจ้าสาวของเขาไม่กินเส้นกันยิ่งกว่าเดิม




                  “ขับรถกลับดีๆนะลูก เดี๋ยวน้องมาแม่ก็จะกลับเหมือนกัน” ปิ่นมณียิ้ม ไม่รู้ว่าทั้งสองคนเพื่อนซี้พากันไปเข้าห้องน้ำถึงไหน




                  “สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับแม่” จ้าวจอมยกมือไหว้บอกลาพวกท่านก่อนจะสะกิดหญิงสาวข้างตัวที่กำลังอิดออดให้ไหว้พ่อกับแม่ของตน




                  “สวัสดีค่ะคุณพ่อ สวัสดีค่ะคุณแม่” เสียงหวานถูกเอ่ยออกมาแบบกระแทกเสียงด้วยความไม่พอใจและมือเรียวยังไหว้ผู้ใหญ่ทั้งคู่แบบลวกๆ ประมาณว่าทำให้มันจบๆไป




                  “ถ้าไม่เต็มใจทำก็กองไว้ตรงนั้นล่ะจ้ะ” รอยยิ้มเย็นจากปิ่นมณีผู้หญิงที่น่ากลัวที่สุดถูกส่งไปให้หญิงสาวไร้มารยาทที่กำลังยืนหน้าเสียเพราะคำพูดที่เชือดนิ่มๆและก็สีหน้าที่เปลี่ยนไปของเธอ




                  จ้าวจอมเห็นท่าไม่ดีจึงรีบก้มหัวให้กับเจสันและปิ่นมณีเป็นการขอโทษและอย่าถือสา แล้วรีบพาเธอเดินออกมาระหว่างทางที่เดินออกมาร่างสูงก็เดินสวนกับสองคนที่หายมาเข้าห้องน้ำประมาณชาติเศษ ตาคมสังเกตเห็นว่ามีพาสเตอร์ประมาณสองสามแผ่นแปะอยู่บนฝ่ามือของน้องชาย คนเจ็บยังคงก้มหน้าก้มตาเช่นเดียวกับตอนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร จ้าวจอมอยากจะเข้าไปถามว่าไปโดนอะไรมาแต่ก็ไม่ได้เข้าไปเพราะว่าเดี๋ยวจะเหมือนให้ความหวังอีก แล้วก็ติดตรงหญิงสาวที่กำลังเกาะแขนเขาหนึบ เธอกำลังอารมณ์ไม่ดีเดี๋ยวโวยวายขึ้นมาคงจะเป็นเรื่อง จ้าวจอมจึงตัดสินใจที่จะพาเธอกลับคอนโด



                  “จอมคะ วันนี้ฑิตาขอโทษด้วยนะคะที่เสียมารยาทใส่ทุกคน” เมื่อเข้าห้องมาร่างระหงส์ก็รีบเข้ามาสวมกอดร่างสูงของจ้าวจอมจากข้างหลังพลางแสร้งสำนึกผิด




                  “ไม่เป็นไรครับ อย่าคิดมาก แต่วันหลังฑิตาต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ให้มากกว่านี้นะ มีอะไรก็ค่อยๆพูด” ร่างสูงหันกลับมาหาหญิงสาว มือหนาลูบผมนุ่มอย่างนุ่มนวล ไม่อยากให้คนรักของตนต้องคิดมาก




                  “แต่คุณแม่ของจอมคงจะไม่ชอบฑิตาแล้วล่ะค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าลงเพื่อให้ดูน่าสงสาร




                  “อย่างนั้นถ้าแม่ของผมไม่อนุญาตให้เราแต่งงานกัน ผมก็จะพาฑิตาหนีไปด้วยกันเลยดีไหม”




                  “คนบ้า ฑิตาจริงจังนะคะ ยังจะมาพูดเล่นอีก” หญิงสาวยู่ปากที่โดนหยอกเล่น มือเรียวเล็กตีลงบนอกแกร่งของร่างสูงที่กำลังยิ้มให้กับความน่ารักของเธอ




                  “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราก็ต้องได้แต่งงานกัน อย่ากังวลไปเลย ไปอาบน้ำดีกว่าจะได้มานอนกัน” ร่างสูงยิ้มให้คนรักก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า มือหนาหยิบกางเกงขายาวที่ตนชอบใส่นอนออกมา




                  “ฑิตาว่า...อย่าเพิ่งอาบเลยดีกว่าค่ะ เพราะยังไงเดี๋ยวเราก็ต้องอาบอีกทีอยู่แล้ว” หญิงสาวยิ้มยั่ว มือเรียวผลักร่างสูงให้นอนลงบนเตียงคิงไซส์ขนาดใหญ่ แล้วค่อยๆขึ้นไปนั่งคร่อมบนตักแกร่ง ก่อนจะเป็นฝ่ายเริ่มบรรเลงบทเพลงแห่งรักยาวทั้งตลอดราตรี


~~50%~~

***********************************


ต่อด้านล่างนะคะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-12-2015 15:59:24 โดย Sweet_Aris25 »

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
ให้ตุ๋นมีตัวเลือกบ้างนะ  แบบไม่ต้องง้อพระเอก ให้พระเอกดิ้นบ้าง สงสารตุ๋น อย่าให้ตุ๋นโดนกระทำอยู่ฝ่านเดว

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
ก้อสมควรที่แม่จัไม่ปลื้มหรอกนะ
กิริยามารยาทแย่ขนาดนี้ พี่จอมตาบอดไปคว้าได้ยังไง
//สงสารน้องตุ๋น เกลียดพี่จอมแล้ว คนนิสัยไม่ดี

ออฟไลน์ Sweet_Aris25

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0


ต่อจากด้านบนค่ะ





                        ตึง!




                  เสียงดังของแก้วที่ถูกวางกระแทกลงบนโต๊ะอาหารอย่างแรงทำให้เจสันและปฐพีหันไปมองที่ต้นเสียงพร้อมกัน ถึงจะมีผ้าปูโต๊ะเนื้อดีกันระหว่างแก้วที่ถูกกระแทกลงมากับกระจกไว้แต่เสียงมันก็ไม่ได้เบาลงเลยสักนิด


 

                  ถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดจะเรียกให้ใครหลายคนหันมามองด้วยความสนใจ  แต่ก็ไม่สามารถเรียกสายตาของร่างอวบที่กำลังตักโอนิแปะก๊วยของหวานสุดโปรดคำโตเข้าปากให้หันมามองได้ ก็ตอนที่จ้าวจอมกับฑิตานั่งอยู่ด้วยตุ๋นรู้สึกกดดันและรู้สึกไม่ดีจนกินอะไรไม่ลง เมื่อทั้งสองคนกลับไปร่างอวบก็ขอตักขนมเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆระบายอารมณ์แบบไม่สนใจใครทั้งนั้น




                  ก็ตอนนี้ตุ๋นไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับปัญหาหัวใจตัวเองนี่ ขอกินก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีนะ




                  “คุณคะ ปิ่นไม่ได้ไม่อยากให้ลูกแต่งงานนะ แต่ผู้หญิงคนนั้นปิ่นคิดว่าเธอทำเกินไป มีที่ไหนทำกริยาแบบนี้กับผู้ใหญ่ ไร้มารยาทที่สุด ในเมื่อวันนี้เธอยังไม่เคารพปิ่นถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆปิ่นคงจะโดนเธอจิกหัวใช้เหมือนขี้ข้าแน่ๆ” ปิ่นมณีระบายออกมาให้เจสันผู้เป็นสามีได้ฟังเพราะเธอสุดจะทนกับแม่ว่าที่ลูกสะใภ้ที่แสนจะไร้มารยาท




                  “ผมก็ไม่รู้จะว่ายังไง เราอาจจะบอกให้จ้าวจอมตักเตือนคนของตัวเองบ้าง ถ้าเธอยังทำตัวเหมือนเดิมเราก็คงต้องตักเตือนด้วยตัวเองอย่างจริงๆจังๆและผมก็เชื่อว่าคุณคงจะไม่ปล่อยให้เด็กรุ่นลูกแบบนั้นมาจิกหัวหรอก ใช่หรือเปล่า” เจสันยิ้ม เขาเองก็พยายามที่จะหาวิธีต่างๆในการดัดนิสัยว่าที่ลูกสะใภ้ แต่ก็คิดได้เพียงเท่านี้เพราะเขาถนัดแต่ใช้ไม้แข็งมากกว่า ไม้อ่อนแบบให้เกลี้ยกล่อมประนีประนอมเห็นทีคงจะใช้ไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้ปล่อยเลยตามเลย




                  “ไม่รู้ล่ะ ไม่ว่ายังไงปิ่นก็จะไม่ให้จ้าวจอมแต่งงานกับแม่คนนั้นแน่ๆ ปิ่นว่าตอนนี้ลูกแค่กำลังหลงเธออยู่” ปิ่นมณีพูดอย่างเด็ดขาด




                  ปิ่นมณียอมให้คนอื่นมองว่าเป็นคนใจร้ายที่กีดกั้นความรักของทั้งคู่ได้ลงคอ ดีกว่าปล่อยให้คนอื่นมามองว่าลูกสะใภ้บ้านนี้นั้นแสนไร้มารยาท ไม่รู้จักอบรมณ์ เธอยอมไม่ได้




                  “ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณก็ต้องรอให้จ้าวจอมแต่งงานไปก่อน พออยู่ด้วยกันไปได้สักพักถ้าลูกเลิกหลงผู้หญิงคนนั้นหรือความรักมันไปด้วยกันไม่รอดแล้ว ลูกก็คงจะเป็นขอเลิกเอง”




                  “ไม่ได้นะคะ!” ปิ่นมณีแย้งออกมาเสียงดัง ทำให้ตุ๋นเงยหน้าจากขนมขึ้นมามองนิดนึงก่อนจะก้มลงไปตักขนมเข้าปากอย่างเดิม วินาทีนี้ตุ๋นไม่อยากจะใส่ใจกับเรื่องของจ้าวจอมและฑิตาแล้ว นึกถึงสองคนนั้นทีไรหัวใจก็ปวดหนึบขึ้นมาทุกที




                  “ทำไมล่ะ” คุณเจสันถามขึ้น ไม่เข้าใจกับภรรยาของตนเองเลยจริงๆ




                  “ถ้าขืนเราปล่อยให้ทั้งสองคนนั้นแต่งงานกันไปจริงๆ แม่นั่นอาจจะคิดฮุบสมบัติของครอบครัวเราโดยการรวบหัวรวบหางตาจอมก็ได้” ปิ่นมณีอธิบายออกมาเป็นฉากๆ




                  “แล้วเขาจะรวบหัวรวบหางลูกเรายังไงล่ะ” เจสันถาม ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าเธอคนนั้นจะจับลูกชายเขาได้ด้วยวิธีไหน เพราะทำอะไรหล่อนก็มีแต่เสียกับเสีย




                  “คุณลองคิดตามปิ่นนะคะ จ้าวจอมรักผู้หญิงคนนั้นมาก การมีลูกด้วยกันก็คงไม่ผิดอะไรใช่ไหมคะ แล้วถ้าผู้หญิงคนนั้นจ้องจะจับลูกเราจริงๆ แค่หล่อนมีลูกกับตาจอมเท่านั้นลูกของเราจะไปไหนรอด” ปิ่นมณีพูดให้สามีที่ไม่รู้ทันมารยาหญิงฟัง ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห



 
                  ปิ่นมณีกับฑิตาก็เป็นผู้หญิงประเภทมารยาร้อยเล่มเกวียน แต่ปิ่นมณีกับฑิตาต่างก็ตรงที่ปิ่นมณีมีมารยาทแล้วก็รู้จักวางตัวเท่านั้นเอง นี่ถ้าตอนสาวๆปิ่นมณีไม่ใช้มารยาที่มีอยู่หลอกล่อให้เจสันติดกับ ป่านนี้ก็คงไม่มีจ้าวจอมเกิดมาหรอก




                  ส่วนตุ๋นเมื่อได้ยินเรื่องถ้าพี่มีลูกกับผู้หญิงคนนั้นก็ถึงกับสะอึก ใช่สิ ตุ๋นก็เป็นแค่คนที่แม่ปิ่นกับพ่อเจสันเก็บมาเลี้ยง เป็นผู้ชายที่ไม่มีอะไรเลย มีลูกให้ก็ไม่ได้ ข้าวของเงินทองที่ใช้ทุกวันนี้ก็เป็นของพ่อกับแม่  มีอะไรที่เป็นของตุ๋นจริงๆบ้าง




                  “อาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอกมั้ง ทั้งสองคนอาจจะรักกันจริงๆก็ได้ คุณคิดมากเกินไปหรือเปล่า” เจสันบอกภรรยาตนเอง อยากให้ปิ่นมณีใจเย็นๆลงก่อน




                  “แต่ยังไงก็กันไว้ดีกว่าแก้นะคะ” ถ้าอะไรที่มันพลาดไปแล้ว มันอาจจะแก้ไขยากในภายหลังก็ได้ ปิ่นมณีไม่อยากลำบากทีหลัง




                  “แต่ผมว่าคุณทำแบบนี้มันก็ไม่ถูกเท่าไหร่นะที่คุณจะเข้าไปขัดขวางคนทั้งคู่น่ะ สมมุติว่าถ้าเกิดวันหนึ่งหมูตุ๋นพาผู้หญิงมาหา แล้วบอกกับคุณว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น แต่คุณดันไม่ชอบว่าที่เจ้าสาวของลูกขึ้นมา คุณก็จะทำแบบเดียวกับที่ทำกับจ้าวจอมน่ะหรือ” เมื่อคุณเจสันอธิบายแบบยาวเหยียดจบ มือแกร่งก็คว้าแก้วน้ำตรงหน้ามาดื่มแก้กระหาย นานๆครั้งจะพูดยาวแบบนี้ พูดในที่ประชุมยังไม่เหนื่อยเท่ากับพูดกับเมียรักเลย




                  “นั่นมันคนละเรื่องกันนะคุณ รอให้ถึงวันนั้นก่อนเถอะค่อยมาพูดเรื่องนี้ แต่ว่ากว่าจะถึงวันนั้นก็คงอีกนาน ไม่รู้ว่าหมูตุ๋นจะหาแฟนได้เมื่อไหร่เลย ใช่ไหมดิน” ปิ่นมณีพูดออกมาด้วยสีหน้านิ่ง ไม่ทันได้นึกถึงจิตใจคนฟังเลย ปฐพีที่นั่งฟังตาปริบๆก็ได้แต่เออออตามกันไป ส่วนร่างอวบที่ถูกพาดพิงก็สำลักน้ำหวานที่กำลังดูดอยู่ออกมาจนเลอะ




                  ไม่รู้ว่าบทสนทนาที่ตอนแรกเป็นเรื่องของพี่ชายเขาอยู่ดีๆ แต่ไหนอยู่ๆมันดันลากเข้ามาเรื่องของตุ๋นเฉยเลย แต่ตุ๋นจะทำอะไรได้ล่ะ ก็ที่แม่พูดมามันเรื่องจริงทั้งนั้น



 
                  ตุ๋นก็ไม่อยากจะโม้หรอกนะ ที่จริงแล้วตุ๋นก็มีคนเข้าหาตั้งมากมายแต่ที่ตุ๋นยังไม่เลือกใครเข้ามาในใจเพราะวาหัวใจของตุ๋นมันไม่มีที่ว่างสำหรับใครอีกแล้ว ตอนนี้ในใจของตุ๋นมีอยู่แค่คนเดียวที่ตุ๋นเทความรักทั้งหมดให้จนไม่เหลือเก็บไว้ให้สำหรับใครอีก ถึงตุ๋นจะให้เขาหมดแต่ตุ๋นก็ไม่รู้ว่าคนๆนั้นจะเคยแบ่งความรักมาให้ตุ๋นบ้างหรือเปล่า ความรักที่มากกว่าพี่ชาย




                  มืออวบยกขึ้นเช็ดน้ำหวานที่ปากอิ่มพลางมองบุคคลรอบข้างที่กำลังสนทนากันอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน ปฐพีที่ตอนแรกเอาแต่นั่งเออออห่อหมกตามคนอื่นทว่าตอนนี้มันกลับไปมีส่วนร่วมกับแม่และพ่อของตุ๋นด้วย




                  จะเข้าข้างเพื่อนสักนิดไม่ได้หรือไง




                   “แล้วช่วงนี้มีใครเข้ามาจีบลูกชายของพ่อบ้างหรือเปล่าดิน” เจสันถามปฐพีเล่น
   ตุ๋นได้แต่พ่นลมหายใจออกมา แม้แต่พ่อที่ไม่ค่อยชอบคุยเรื่องไม่เป็นเรื่องกับใคร พอเป็นเรื่องของลูกชายคนเล็กเท่านั้นก็เข้ามาผสมโรงด้วยซะงั้น




                  “ก็มีเยอะนะครับ แต่ไม่เห็นตุ๋นมันจะสนใจ” ปฐพีตอบตามความจริง ก็พอรู้สาเหตุอยู่ว่าทำไมเพื่อนตัวกลมถึงไม่สนใจ




                  “แล้วผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะหวังว่าจะไม่ใช่ผู้ชายหรอกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นพ่อจะสั่งเก็บผู้ชายทุกคนที่เข้ามาจีบลูกชายพ่อ” ถึงคำพูดจะดูทีเล่นทีจริง แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมานะไม่ได้เล่นตามไปด้วย




                  “ก็มีบ้างครับ ลูกคุณพ่อน่ารักขนาดนี้ แหะๆ” ปฐพียิ้มเจื่อนตอบเสียงอ่อย ตามความจริง สีหน้าของเขาซีดลงกว่าเดิมเพราะคนขี้หวงลูกตรงหน้าทำกำลังหน้านิ่งให้เดาอารมณ์ไม่ถูก



 
                  “พ่อ! ดิน! พอเลย เลิกถาม เลิกตอบด้วย” ตุ๋นรีบตัดบทก่อนที่เรื่องจะบานปลาย เมื่อกี้แอบเห็นคิ้วพ่อกระตุกหงึกๆด้วย กลัวพ่อจะสั่งให้คนไปตามหาตัวชายหนุ่มทั้งหลายที่เข้ามาขายขนมจีบให้ตุ๋นแล้วสั่งเก็บจริงๆอย่างที่ปากว่า




                  “ใช่ หยุดเลยทั้งสามคน แทนที่จะช่วยกันคิดหาวิธี ดันมาคุยกันออกนอกเรื่องซะได้ เรื่องของหมูตุ๋นก็บอกแล้วว่ายังไงก็ยังหาแฟนไม่ได้ ตอนนี้มาช่วยกันคิดเรื่องของจ้าวจอมกันก่อน” ปิ่นมณีโวย ก็ทั้งสามคนน่าจะช่วยเธอคิดก่อน แต่กลับมาคุยเล่นกัน




                  “แม่อ่ะ” ตุ๋นยู่ปาก รับไม่ได้ในเรื่องที่โดนแม่พาดพิง




                  “แล้วคุณแม่อยากจะให้ช่วยคิดวิธีแบบไหนล่ะครับ”




                  “แม่กำลังหาวิธีที่จะไม่ให้เรื่องจ้าวจอมและผู้หญิงคนนั้นเลยเถิดไปมากกว่านี้ แล้วก็ไม่ยอมให้ทั้งคู่มีลูกด้วยกันแน่  แม่ต้องการที่จะแยกทั้งคู่ออกจากกัน” เจสันส่ายหน้าให้กับคำพูดของภรรยา สงสัยเธอคงจะดูละครหลังข่าวมากเกินไป ทำซะโอเวอร์แอคติ้งอย่างกับตัวร้ายในละครก็ไม่มปาน




                  “แล้วคุณจะห้ามคนทั้งคู่ได้ยังไง เขาอยู่ด้วยกันนะคุณจะไปขัดขวางพวกเขาได้หรอ ล้มเลิกความคิดเถอะคุณ คุณอาจจะคิดมากเกินไป” เจสันบอกกับเธอ ไม่อยากให้เธอไปขัดขวางความรักของใครด้วย




                  “เอ๊ะ คุณนี่ยังไงกัน ไม่เคยได้ยินหรือไง สัญชาตญาณของผู้หญิงน่ะ เซนส์ของปิ่นแม่นนะคะ ไม่เคยพลาด” ปิ่นมณีชักจะยั๊วะ ที่สามีขัดใจ




                  “แต่ยังไงก็ทำไม่ได้อยู่ดี พวกเขาอยู่ด้วยกันมันเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคนทั้งคู่ ไม่สามารถส่งใครเข้าไปในพื้นมี่ส่วนตัวของพวกได้ทั้งนั้นแหละ มันเป็นการก้าวก่าย” เจสันก็เริ่มจะมีน้ำโหขึ้นมาบ้างเพราะความดื้อรั้นของปิ่นมณี




                  “หยุดก่อนครับ หยุดก่อน อย่าเพิ่งทะเลาะกัน” ปฐพีรีบความทัพคนทั้งคู่ เรื่องแค่นิเดียวทะเลาะกันซะใหญ่โต "อย่าหาว่าผมยุ่งหรืออะไรเลยนะครับ อันที่จริงผมก็พอมีวิธีอยู่"




                  “ทำยังไงดิน รีบบอกแม่มาเลย” ปิ่นมณีเลิกสนใจสามีทันทีที่ได้ยิน แล้วรีบหันมาเอาคำตอบจากปฐพี




                  “ในเมื่อเป็นสถานที่ส่วนตัว เราก็ต้องให้คนที่สนิทชิดเชื้อกับพี่จอมเข้าไปเป็นคนจัดการ” ปฐพีเชิดหน้าพูดอย่างมีชั้นเชิง




                  “แล้วเราจะจัดการยังไง แถมเราก็ยังไม่มีเหตุผลที่จะใช้อ้างกับจ้าวจอมด้วย”




                  “ยื่นหูมาครับคุณแม่”  พูดจบปิ่นมณีก็เอียงหูเข้าไปหาปฐพีตามคำเรียกร้อง จากนั้นก็ทำการเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นแผนการให้คุณแม่ของเพื่อนฟังแบบลับๆ ปล่อยให้เจสันกับหมูตุ๋นได้แต่ทำหน้าอยากรู้อยากเห็น




                  “ว่าแต่เราจะให้ใครเป็นคนทำล่ะ” เมื่อฟังทุกอย่างจบ ปิ่นมณีก็ถามขึ้น เพราะว่ายังขาดอยู่แค่อย่างเดียวคือ คนลงมือ




                  ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆตุ๋นถึงรู้สึกเสียวสันหลังและเย็นวาบขึ้นมาซะดื้อๆ เมื่อเห็นทั้งสายตาของเพื่อนรักมองมาที่ตนพร้อมกับยิ้มร้ายให้ และตามมาด้วยสายตาของแม่ก่อนจะยิ้มตาปฐพีไปอีกคน




                  “ไม่เอาน้า!!!!!!!”



                      ตุ๋นรีบหันไปมองความหวังสุดท้ายที่พ่อ แต่แล้วทุกอย่างก็จบสิ้นเมื่อพ่อส่ายหน้าให้ประมาณว่า “ขอโทษนะลูก แต่พ่อก็ขัดแม่ไม่ได้เหมือนกัน”




To be con


คุณแม่ปิ่นของเราใช้มารยาหลอกล่อคุณพ่อเจสันด้วยแหละ :hao7:

สงสารน้องตุ๋นจังเลย ดินก็หาแต่เรื่องให้นายเราเสมอๆ

ขอโทษที่มาช้ากว่ากำหนดไปมากค่ะ

พอดีลิสติดสอบวัดระดับ ก็เลยอ่านหนังสืออย่างเดียว ไม่มีเวลาลง :hao5:

คอมเมนต์ติชมและเป็นกำลังใจให้ลิสกันได้นะคะ

ออฟไลน์ little_pig

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 เรื่องนี้สนุกดีนะคะแต่รู้สึกพระเอกโง่ไปหน่อย งี่เง่าไปนิด ดูหลงทิตาเอามากๆ  แต่ยังไงก็รอตอนต่อไปนะคะ :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
รอดูว่าจะเป็นแผนแบบไหน

ออฟไลน์ Sweet_Aris25

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนที่ 6 :


โจทย์เก่า







               "หมูตุ๋น! ออกมาจากห้องเดี๋ยวนี้!"



               "ไม่เอา ไม่ออก"



               "จะออกดีๆหรือว่าจะให้ใช้กำลังห้ะ แล้วอย่ามาหาว่าแม่ใจร้ายไม่ได้นะ"



               "จะยังไงตุ๋นก็ไม่ออก แล้วแม่ก็บังคับตุ๋นไม่ได้ด้วย"  คนข้างในยังคงดื้อดึงไม่ยอมทำตามที่บอก แม้ในเวลาปกติจะเป็นคนที่เชื่อฟังทุกอย่าง แต่ถ้าให้ดื้อขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ยากที่จะยอมทำตามคำสั่ง



               "ได้เลย จะเอาอย่างนั้นใช่ไหม วัท สน พังประตู!" พอสิ้นคำชายหนุ่มทั้งสองคนที่ถูกอบรมมาอย่างดีก็จัดการพังประตูตามคำสั่งนายหญิงของบ้านแต่ในใจทั้งคู่ก็หวั่น กลัวว่าจะโดนคนในห้องโกรธเอา



               ถามว่าทำไมต้องแคร์คนข้างในห้อง ก็เพราะหมูตุ๋นกับพวกเขาเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก รักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง โตมาถึงพวกเขาจะเป็นแค่บอดี้การ์ดแต่ตุ๋นก็ไม่เคยมองว่าพวกเขาต่ำต้อยกว่า เวลาที่ทำขนมหรือมีของกินตุ๋นก็จะหยิบติดไม้ติดมือมาเผื่อพวกเขาเสมอ
ถึงจะกลัวคนในห้องแค่ไหนพวกเขาก็ต้องทำตามคำสั่ง เพราะคนที่ทั้งสองคนกลัวมากกว่านายใหญ่เจสันและหมูตุ๋นก็คือนายหญิงนี่แหละ ก็มีใครบ้างที่จะกล้าหือกับนายหญิงล่ะ ขนาดนายใหญ่ของบ้านยังไม่กล้าเลย ทั้งคู่เลยตกลงกันไว้ก่อนว่าถ้าคนในห้องโกรธงอนก็ค่อยเอาขนมมาง้อทีหลังแล้วกัน เดี๋ยวก็หาย แต่ถ้าขัดนายหญิงตอนนี้เดี๋ยวตายขึ้นมาไม่คุ้มกัน



               โครม!



               ร่างอวบที่ยืนอยู่ข้างในรีบกระโดดออกห่างจากประตูไม้บานสวยที่ล้มลงมาทว่าตอนนี้มันมีค่าเพียงแค่เป็นเศษไม้



              เกือบโดนทับแล้วไหมล่ะ



               ตากลมละจากเศษไม้ตรงหน้าขึ้นมองพี่ชายคนสนิทด้วยสายตาเขียวปั๊ด ข้อหาพังข้าวของของตัวเองแล้วก็เกือบทำให้ตุ๋นโดนประตูทับ คนโดนมองเมื่อเห็นแบบนั้นก็หน้าเจื่อนลงทันที



               "วัท ไปจับน้องชายสุดที่รักของแกไว้ สน ไปเก็บของใส่กระเป๋าให้ตุ๋นด้วย" สิ้นคำของผู้เป็นแม่ ร่างอวบก็พาขาสั้นๆของตัวเองวิ่งหนีร่างสูงของวัทแบบไม่คิดชีวิตไปทั่วห้อง ส่วนสนก็รีบไปเก็บเสื้อผ้าข้าวของของตุ๋นใส่กระเป๋าย่างรวดเร็วตามคำสั่งของนายหญิง



               ปิ่นมณีพลูลมหายใจออกมาเพราะเหนื่อยใจกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน



               ดูซินั่น วิ่งหนีอย่างกับจะถูกจับไปโรงเชือดยังไงอย่างนั้น!




               คราวนี้คงจะมีคนโดนงอนยาว ปิ่นมณีคิดในใจแต่คงไม่ใช่เธอหรอกที่โดนเกี่ยงงอนใส่ แต่คงจะเป็นพี่ชายบอดี้การ์ดของตุ๋นทั้งสองคนกับคนวางแผนการณ์อย่างปฐพีที่เป็นเพื่อนสนิท




               "ม่าย!! ปล่อยตุ๋นเดี๋ยวนี้นะพี่วัท ไม่งั้นจะไม่คุยด้วยแล้ว ว้ากกกก" ตอนนี้ร่างอวบที่วิ่งอยู่เมื่อกี้โดนจับได้แล้ว คนเป็นพี่ก็แรงเยอะเหลือเกิน จะดิ้นยังก็ไม่หลุดก็เลยได้แต่ดิ้นโวยวายอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของพี่แบบนั้น




               "เก็บของเสร็จแล้วครับนายหญิง" สนบอกกับปิ่นมณีพลางเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าใบที่ไม่ใหญ่มากนักเพราะ ของตุ๋นมีอยู่แค่นิดเดียว




               "งั้นไปกันได้แล้ว"  พูดจบปิ่นมณีก็เดินนำลิ่วลงไปข้างล่างตามด้วยสนและวัทที่ต้องสู้รบปรบมือกับตุ๋นไปด้วย




             "พ่อครับ! ช่วยตุ๋นด้วย ตุ๋นไม่อยากไป"  เมื่อลงมาข้างล่างตุ๋นก็เห็นพ่อนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ จึงรีบสะบัดตัวออกจากวัทแล้วรีบวิ่งมากอดคนเป็นพ่อไว้แน่น




               เจสันมองลูกชายคนเล็กที่กำลังกอดเอวเขาแล้วน้ำคลอไปด้วยด้วยความสงสาร เขาได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากข้างบนตั้งนานแล้ว สงสารลูกก็สงสารอยากจะขึ้นไปช่วยก็ทำไม่ได้เพราะโดนปิ่นมณีห้ามไว้ แต่ว่าเจสันก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมตุ๋นถึงไม่อยากไปอยู่กับจ้าวจอมทั้งที่ตอนเด็กก็ออกจะสนิทกัน รู้ว่าทะเลาะอะไรกันระหว่างที่พวกเขาไม่อยู่หรือเปล่า




                  "เอ่อ…คือว่าคุณ" เจสันหันไปทางปิ่นมณีหวังจะขอร้องเพื่อช่วยลูก เผื่อเธอจะใจอ่อนหรือเห็นแก่เขาบ้าง




                  "หมดเวลาคุย วัทไปเอาตัวน้องมา" ทุกอย่างผิดคาด เจสันยังไม่ทันได้พูดปิ่นมณีก็ชิงตัดบทเสียก่อน นอกจากะไม่สงสารแล้วยังไม่ปล่อยให้ให้มีโอกาสได้คุยกับลูกอีก

   ***********************************************************

               ปิ่นมณีอยากจะบ้าตาย ปวดหัวกับลูกชายจอมดื้อเงียบอย่างตุ๋น กว่าที่ทั้งห้าคน รวมปฐพีที่อาสาเป็นคนขับรถด้วย จะมาถึงคอนโดที่จ้าวจอมอยู่ก็กินเวลาไปเกือบๆ 3ชั่วโมงครึ่ง ทำไมน่ะหรือ



                  "ดิน ตุ๋นปวดฉี่จังเลย แวะปั๊มหน่อย" ออกจากบ้านมาไม่เท่าไหร่ตุ๋นก็เริ่มปฏิบัติการถ่วงเวลา



                  "อ๊ะ ปวดอึอีกละ" ปฐพีชำเลืองมองเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างหลังผ่านกระจก นี่มันเพิ่งออกจากปั๊มที่แล้วเองนะ!



                "ดิน อยากแวะซื้อขนม"



                  "ดิน ตุ๋นลืมซื้อน้ำ แวะซื้อหน่อยสิ"



                  "ดิน ตุ๋นอยากกินเค้กร้านข้างหน้า"



                 "ดิน @#$%^&*()^&$#" และอีกมากมายที่ตามมา ทำให้ทุกคนแทบอยากจะเอาเท้าขึ้นมาก่ายหน้าผากแทนมือเลยทีเดียว



                  ตอนอยู่บนรถก็แสบออกอยู่หรอก แต่ดูตอนนี้สิ



                  "ไม่ไปแล้ว ปล่อยตุ๋นเดี๋ยวนี้นะพี่วัท พี่สน ดินด้วย ตุ๋นโกรธจริงจังน้ะ!!" เสียงโวยวายของตุ๋นดังมาตลอดทางตั้งแต่ที่จอดรถผ่านล็อบบี้จนตอนนี้ขึ้นมาถึงชั้นที่จ้าวจอมอยู่ก็ยังไม่เลิกโวยวายแถมยังดิ้นพั่บๆจนวัทจับคนเดียวไม่อยู่เลยต้องให้วัทและปฐพีมาช่วยกันอีกแรงในการล็อกตัวคนดื้อให้อยู่นิ่งๆ




                  "ตุ๋นเงียบเดี๋ยวนี้นะ ไม่อายหรือไงโวยวายเป็นเด็กๆ เดี๋ยวคนอื่นเขาก็ออกมาด่าเอาหรอก" ปิ่นมณีเอ็ดลูกชาย ตั้งแต่เข้ามาในคอนโดเสียงลูกชายตัวดีของเธอก็เรียกสายตาจากหลายๆคน แต่ถามว่าเธออายไหมตอบเลยว่า ไม่!




                  "งั้นแม่ก็ให้ตุ๋นกลับบ้านสิครับ ตุ๋นไม่อยากมานี่ แม่ไม่สงสารตุ๋นหรอ" ตุ๋นพูดพร้อมกับส่งสายตาหงอยๆที่ใครเห็นก็ต้องสงสารเป็นแน่  แต่มันใช้ไม่ได้กับปิ่นมณีและปฐพีที่รู้นิสัยของร่างอวบจนถึงแก่นแท้




                  ในจังหวะที่วัทและสนกำลังหลงเชื่อความน่าสงสารของคนตรงหน้าทำให้ทั้งคู่เผลอคลายมือ เมื่อเห็นว่าเป็นจังหวะที่ควรใช้ให้เป็นประโยชน์คนหน้าสงสารก็แผลงฤทธิ์ออกมาอีกครั้งโดยการกระทืบเท้าของวัท มือนุ่มยกออกไปผลักสนและสะบัดตัวจากปฐพีออกอย่างแรงก่อนจะวิ่งหนีทั้งสี่คนไปทางลิฟต์ที่ใช้ขึ้นมาเมื่อครู่ แต่ยังไม่ทันที่จะวิ่งไปถึง ประตูห้องข้างหน้าก็ถูกเปิดออกมาโดยเจ้าของห้องอย่างกระทันหันเป็นจังหวะเดียวกับที่ตุ๋นกำลังวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต เลยทำให้



                  โครม! พลั่ก



                  "โอ๊ย!" ร่างอวบล้มลงกับพื้นพลางเอามือกุมหัวเอาไว้ด้วยความเจ็บ



                  "คุณครับ เป็นอะไรหรือเปล่า" เจ้าของห้องที่กลายเป็นคนผิดแบบไม่ได้ตั้งใจรีบเข้ามาถามคนที่นั่งอยู่กับพื้นด้วยความเป็นห่วง ชนเข้าไปแรงขนาดนั้นไม่รู้ว่าหัวแตกหรือเปล่า



                  "ไม่เป็นไรครับ" ตุ๋นบอกก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นโดยมีมือหนาของอีกคนช่วยพยุง



                  "ตุ๋น! เป็นอะไรหรือเปล่า" ปฐพีที่วิ่งเข้ามาพร้อมกับทั้งสามคนรีบเข้ามาดูอาการของเพื่อน ไม่รู้ว่าควรจะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี ดันวิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือ



                  "ว๊าย! เลือด" ปิ่นมณีร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นของเหลวสีแดงสดไหลลงมาจากศีรษะของลูกชายตรงที่ตุ๋นยกมือกุมอยู่



                  "อึก" ตุ๋นกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากพลางค่อยๆเลื่อนมือที่เปื้อนเลือดลงมาดู ก่อนจะ



                  ฟุ่บ



                  "ว๊าย!/เฮ้ย!" ทุกคนรีบเข้ามาหมายจะรับร่างอวบที่เป็นลมแต่ก็ยังช้ากว่าเจ้าของห้องที่เข้ามารับร่างของตุ๋นไว้ได้ทัน  ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก




               "ผมว่าเดี๋ยวพาเข้ามาทำแผลที่ห้องผมก่อนดีกว่า" เจ้าของห้องบอกกับคนทั้งสี่ก่อนจะซ้อนคนสลบขึ้นอุ้มแล้วเดินเข้าห้องพาร่างของตุ๋นไปนอนที่เตียง




               ร่างสูงเชิญแขกทั้งสี่ให้ไปนั่งรอที่โซฟาแล้วพาขายาวก้าวไปยังตู้เก็บยาก่อนจะหยิบแอลกอฮอล์และพวกยาที่จำเป็นออกมาแล้วเดินกลับมาที่เตียงที่ร่างของคนกลัวเลือดนอนอยู่ มือหนาค่อยๆบรรจงเอาสำลีเช็ดเลือดออกอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็หยิบสำลีอีกก้อนมาชุบแอลกอฮอล์แล้วเช็ดทำความสะอาดแผลอีกครั้ง ตามด้วยใส่ยาแล้วปิดแผลให้




               "วัท สน เดี๋ยวไปจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบนให้ฉันเลยนะ ถ้ารอหมูตุ๋นคงอีกนาน" ในระหว่างที่รอลูกชายทำแผลปิ่นมณีก็สั่งให้วัทและสนไปจัดการเร่องตั๋วเครื่องบินให้ เพราะอีกสามวันเธอกับสามีจะกลับไปทำงานต่อที่สวิสต์แล้วก็ถือโอกาสไปฮันนีมูนด้วย




               "แล้วนายหญิงกับดินจะพาตุ๋นไปไหวหรือครับ" วัทถามเกรงว่าปิ่นมณีและปฐพีคงจะเอาไม่ไหว




               "ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันเรียกให้ตาจอมมารับน้องมันเอง" ปิ่นมณีบอก ทั้งสองคนพยักหน้าใจก่อนจะเดินออกไป




               ปิ่นมณีหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมากดต่อสายหาลูกชายคนโตที่อยู่ถัดไปไม่กี่ห้อง เพื่อให้มาเอาน้องกลับห้อง เอากลับทั้งๆที่หลับอยู่แบบนี้แหละจะได้ไม่มีปัญหา เกิดตื่นขึ้นมาแล้วแผลงฤทธิ์อีกจะลำบาก เธอะได้กลับไปจัดการเรื่องต่างๆต่อ เสียเวลามามากแล้ว



               "ฮัลโหล จ้าวจอม"



               //ครับ แม่มีอะไรหรือเปล่า//



               "จอมอยู่ที่ห้องหรือเปล่า ถ้าอยู่มาหาแม่ที่ห้อง 3502ด้วย" ปิ่นมณีถาม แต่ก็รู้อยู่แล้วแหละว่ายังไงลูกชายคนโตก็อยู่ที่ห้องอยู่แล้วเพราะวันนี้ เป็นวันหยุดทั้งที ปกติก็ทำงานเต็มที่ทุกวันแทบไม่มีเวลาได้พัก วันหยุดก็คงไม่ได้ออกไปไหน



               //คอนโดผมน่ะหรอ// จ้าวจอมถามเพื่อความแน่ใจ



               "ใช่สิยะ รีบมาด่วน" พูดจบปิ่นมณีก็ตัดสายทิ้งไป



 
               จ้าวจอมถอนโทรศัพท์ออกมาจากหู เขายังงงอยู่เลยว่าแม่มาทำอะไรที่นี่ แต่ก็นะแม่สั่งให้รีบก็คงจะมีเรื่องด่วนจริงๆนั่นแหละ ร่างสูงเปลี่ยนเสื้อให้ดูเรียบร้อยก่อนจะเดินออกไปจากห้องเพื่อที่จะไปยังห้องที่แม่บอกอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากให้แม่อารมณ์เสีย ปล่อยให้ร่างระหงส์ของฑิตาที่นอนดูโทรทัศน์อยู่ไม่ทันได้อ้าปากถามว่าจะรีบไปไหน




               หลังจากวางสายไปปิ่นมณีก็คุยกับปฐพีไปได้แค่ไม่กี่คำเจ้าของห้องก็เดินออกมาหลังจากที่ทำแผลให้ตุ๋นเสร็จ



               "ผมทำแผลให้เรียบร้อยแล้วนะครับ รอสักพักก็คงจะตื่น" เจ้าของห้องพูดกับปิ่นมณี คนในห้องไม่ได้เป็นอะไรมากที่สลบไปเพราะว่ากลัวเลือดเฉยๆ ไม่ได้เกิดจากบาดแผล




               "น้าว่าจะพากลับไปตอนนี้เลยดีกว่า ไม่อย่างนั้นตื่นขึ้นมาเดี๋ยวแผลงฤทธิ์ใส่อีก" ปิ่นมณีบอกยิ้มๆ แค่นี้ก็รู้สึกเกรงใจมากพอแล้ว ถ้าตื่นขึ้นมาจริงๆคงจะลำบากมากกว่านี้



 
               "งั้นเดี๋ยวผมอุ้มไปส่งแล้วกันครับ ถือว่าเป็นการไถ่โทษที่ทำให้น้องเจ็บตัว" ร่างสูงบอกกับปิ่นมณี อันที่จริงเขาก็รู้สึกเอ็นดูคนในห้องไม่น้อย ดูเป็นคนซื่อๆ ขี้เกรงใจแล้วยังน่ารักอีกด้วย ผู้ชายผู้หญิงเขาไม่มีปัญหาหรอกนะ แค่เป็นคนที่รู้ใจอยู่ด้วยแล้วมีความสุขก็พอแล้ว แต่ที่ผ่านมาเขาก็ยังไม่เคยเจอเลยสักคน มีแต่คนที่เข้ามาแล้วออกไป




               แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาทั้งไว้ใจ รักมากที่สุดรองจากแม่ เขาและเธอวาดฝันกันไว้ว่าจะมีงานแต่งงานที่สวยงามและอบอุ่น มีลูกตัวน้อยๆให้อุ้มอยู่ด้วยกันไปจนแก่จนเฒ่า แต่สุดท้ายเขามันก็แค่ไอ้น่าโง่ เป็นควายตัวนึงที่ไม่รู้อะไรสักอย่างว่าแท้จริงแล้วผู้หญิงที่รักนั้นแอบเล่นชู้ ตอนนี้ได้ข่าวว่าเธอกับไอ้เวรนั่นกำลังจะแต่งงานกันเร็วๆนี้ ตอนแรกเขาก็ทำใจไม่ได้แต่พอมาคิดๆดูยังไงเขาก็คงไม่คิดจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกับเธอได้อีกต่อไป คนดีๆยังมีอีกเยอะ เขาไปหาคนใหม่ที่เหมาะสมกว่านี้ดีกว่า คิดได้แบบนั้นก็เลยค่อยๆตัดใจแล้วปล่อยให้เธอไปกับไอ้เวรนั่นซะ



               แกร๊ก



               ขณะที่เจ้าของห้องคิดอะไรเพลินๆก็มีคนมากดออด ก่อนจะประตูจะเปิดออกพร้อมกับร่างสูงของจ้าวจอมที่เดินเข้ามา จ้าวจอมและร่างสูงผู้เป็นเจ้าของห้องต่างชะงักเมื่อเห็นหน้ากัน




               "ไม่เป็นไร ไม่ต้องไปส่งแล้ว พี่ชายเขามาพอดี เดี๋ยวน้าให้พี่ชายเขาดูแลกันเอง ขอบใจสำหรับความมีน้ำใจนะ" ปิ่นมณีบอก แค่นี้ก็รบกวนมากแล้ว




               "ไอ้จ้าวจอม/ไอ้กานต์"  เจ้าของห้องนามว่ากานต์ขบกรามแน่น ไอ้เหี้ยนี่แหละที่เป็นชู้กับแฟนเก่าของเขา มันเป็นคนที่ฑิตาเลือก มันทำให้ฑิตาทรยศเขา ถ้าวันนั้นไม่มีคนมาบอกว่ามันทั้งสองคนแอบพากันเข้าโรงแรมป่านนี้เขาก็ยังเป็นไอ้หน้าโง่ให้เธอสวมเขาต่อไปเรื่อย




               วันนั้นเขารีบตามไปทันทีเมื่อลูกน้องที่เขาสั่งให้จับตาฑิตาไว้เพราะตอนนั้นเธอชอบทำตัวมีพิรุธโทรมาบอกว่าฑิตาเข้าโรงแรมไปกับผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อมาถึงโรงแรมเขาก็ใช้เงินจำนวนมากกว่าจะรู้ได้ว่าฑิตาและไอ้เวรนั่นมันอยู่ห้องไหน เมื่อได้เลขห้องมาเขายังไม่ได้เข้าไปอาระวาดเพราะเขาจะรอให้คนข้างในออกมาเผื่อลูกน้องของเขามันจะมองผิดคน ผ่านไปสองชั่วโมงเวลาแห่งการรอคอยก็สิ้นสุดเมื่อประตูห้องค่อยๆเปิดออกมาพร้อมกับความรู้สึกของกานต์ที่พังทลายเมื่อฑิตาเดินออกมาพร้อมกับไอ้จ้าวจอม วันนั้นเขากลับบ้านมาพร้อมกับแผลเต็มตัว จ้าวจอมก็ไม่ต่างกันแต่ฑิตาก็แสดงความเป็นห่วงมันอย่างกับมันกำลังจะตาย หลังจากวันนั้นเขาก็เลยตัดใจจากผู้หญิงมักมากคนนี้ ปล่อยให้ไอ้จ้าวจอมมันโง่โดนหลอกต่อไปเพราะรู้ว่ายังไงเธอก็ไม่ได้มีแค่มันคนเดียวหรอก



               …น่าขยะแขยงยิ่งกว่าอีตัว…



               "ไง ไม่ได้เจอกันนาน ของเหลือๆที่ได้ต่อจากกูไปวันนั้นอร่อยถึงใจมึงดีไหมล่ะแต่กูคิดว่า…มันคงจะเน่าหมดแล้ว หึ" กานต์ยืนล้วงกระเป๋าทักทายแขกไม่ได้รับเชิญ ท่าทางยียวนชวนให้จ้าวจอมอยากจะกระแทกหมัดลงบนหน้านั่นสักหลายๆหมัด




               "ไอ้เหี้ยกานต์ มึงไม่รู้อะไรก็หุบปากไป วันนี้กูไม่ได้จะมามีเรื่องกับมึง" จ้าวจอมกระซิบเสียงเรียบด้วยความโกรธ




               "นี่ทั้งคู่รู้จักกันด้วยหรอ" ปิ่นมณีถามเพราะเห็นสองคนนั้นคุยกันไม่เหมือนคนที่เพิ่งจะเจอกันครั้งแรก




               "ไม่/ครับ"



 
               "แล้วตกลงยังไงกันแน่" ปิ่นมณีถามออกมาด้วยความสงสัย สองคนนี้ทำตัวแปลกๆ




               "ช่างเถอะครับ เข้าเรื่องดีกว่า แม่ให้ผมมาที่นี่ทำไม" จ้าวจอมถามแม่ รู้สึกว่าพวกเขาชักจะออกนอกเรื่องมากไป แล้วเขาก็ไม่อยากจะเหยียบห้องไอ้กานต์นานกว่านี้ด้วย




               "เออใช่ แม่จะให้จอมมาพาน้องกลับห้องหน่อยน่ะ นอนสลบอยู่ในห้องนู่น" ปิ่นมณีบอกกับลูกชายพลางชี้ไปยังห้องที่หมูตุ๋นนอนอยู่




               "แล้วน้องเป็นอะไรมากไหมครับ!" ร่างสูงเผลอเสียงดังเพราะความเป็นห่วงน้อง ให้ตายสิคนนี้ชอบหาแต่เรื่องเจ็บตัวตลอด ถ้าเป็นแต่ก่อนคงจะโดนเขาทำโทษซ้ำ บอกกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ว่าให้ดูแลตัวเองบ้างบอกจนปากเปียกปากแฉะ น้องก็สัญญาเป็นอย่างดีว่าจะทำตามแต่ผลที่ออกมาก็เหมือนเดิม มีแต่แผลกลับมาบ้านแทบจะทุกวัน  ดื้อนักเชียว!




               "ไปดูเอาเองแล้วกัน" ปิ่นมณีบอกปัด ปล่อยให้ไปดูให้เห็นกับตาตัวเองไม่อย่างนั้นเดี๋ยวถามมาก




               สิ้นคำพูด จ้าวจอมก็เดินตรงไปยังห้องที่ปิ่นมณีชี้โดยไม่ขออนุญาตเจ้าของแม้แต่คำเดียว เมื่อเข้ามาในห้องตาคมก็จ้องมองไปยังร่างกลมๆของตุ๋นที่นอนหลับอยู่ ที่หน้าผากมนมีผ้าก็อตแปะไว้แต่ก็ยังมีเลือดซึมออกมา แก้มที่เวลาปกติจะแดงอยู่แล้วแต่ตอนนี่นั้นแดงไปเกือบทั่วทั้งใบหน้าเหมือนจะมีไข้ จ้าวจอมเดินเข้าไปนั่งบนเตียงข้างๆน้องก่อนที่มือหนาจะเอื้อมไปแตะหน้าผากเพื่อวัดไข้ตัวร้อนนิดนึงแต่คงไม่เป็นอะไรมาก จ้าวจอมลุกขึ้นแล้วสอดมือเข้าไปซ้อนที่หลังและข้อพับขาของคนเจ็บแล้วอุ้มขึ้น ถ้าว่าทำไมถึงอุ้มไหวก็ตัวของตุ๋นกับจ้าวจอมนั้นต่างกันอยู่มากโข ที่หมูตุ๋นอ้วนนั้นก็เพราะเตี้ยนั่นเอง น้ำหนักของน้องน้อยกว่าจ้าวจอมนิดนึงด้วยซ้ำ แต่เพราะได้ความสูงของพ่อมาเต็มทำให้จ้าวจอมรูปร่างดีแถมเขาก็ออกกำลังกายแทบทุกวันถ้ามีเวลา แต่คนน้องนี่กินอย่างเดียวไม่อ้วนได้ไง ขยายแต่แกน X  ไม่ขยายแกน Y




               ขณะที่จ้าวจอมกำลังจะพาน้องออกมาจากห้องก็มีเสียงของกานต์ขัดไว้ก่อน



               "จะว่าไปน้องมึงก็น่ารักดีนะ แก้มก็แดง ดูเป็นคนซื่อๆ แถม… ตัวยังนิ่มแล้วก็หอมมากด้วย กูว่ากูเริ่มจะสนใจน้องมึงแล้วล่ะ" จ้าวจอมขบกรามแน่นเมื่อได้ฟัง แต่ก็พยายามจะเก็บอารมณ์ไว้




               "กูขอเตือนว่ามึงอย่ามายุ่งกับน้องกู ถ้ามึงไม่อยากเจ็บตัว" เสียงทุ้มถูกกดให้ต่ำลงจนดูเยือกเย็น




               "มึงกลัวอะไรหรอจ้าวจอม หรือว่ามึงกลัวกูจะทำแบบเดียวกับที่มึงเคยแย่งฑิตาไปจากกู" กานต์บอก



 
               "กูไม่ได้กลัว แต่กูไม่อยากให้น้องกูไปยุ่งกับคนแบบมึง แล้วที่สำคัญ น้องกูเป็นผู้ชาย แล้วกูก็ไม่มีวันให้น้องกูไปข้องเกี่ยวกับมึงแน่นอน" จ้าวจอมย้ำ ไอ้กานต์มันอาจจะใช้น้องเขาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นก็ได้ เขาไม่อยากให้น้องเจ็บ




                "มึงคอยดูแล้วกัน ยังไงมึงก็ห้ามกูไม่ได้หรอก ยังไงกูก็มีวิธีที่ทำให้กูเข้าไปเกี่ยวข้องกับน้องมึงได้แล้วกัน"


**********************************************************************************************************


ลิสมาแล้ว ขอโทษที่มาช้านะคะ มีทั้งสอบและก็กิจกรรมของโรงเรียนเข้ามามากมาย

ไม่รู้ว่าตอนนี้ยาวพอหรือเปล่าแล้วก็ไม่รู้ว่าคนอ่านจะงงหรือเปล่า แต่ลิสพยามยามทำออกมาให้ดีที่สุดแล้ว

ลิสเขียนตอนนี้ใส่กระดาษใช้เวลาสามวัน แล้วก็พิมพ์ในคอมอีกประมาณ 5ชั่วโมง

คือนั่งหน้าคอมทั้งวัน แก้แล้วแก้อีก หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ

สุขสันต์วันปีใหม่ทุกคนนะคะ ปีใหม่แล้วก็ปรับตัวใหม่ อะไรที่ไม่ดีก็ทิ้งมันไป

ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆ สุขตลอดปีเลย เข้าสู่อาเซียนแล้วอย่าลืมฝึกภาษาอังกฤษกันด้วยนะคะ

สุดท้ายก็ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่านและเป็นกำลังใจให้กับลิส ถ้าสิ่งไหนที่ลิสทำผิดไปก็ขอโทษด้วยนะคะ

ลิสอยากให้ทุกคนติดตามนิยายของลิสไปจนจบเลย ถ้าชอบคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ลิสได้นะคะ



HAPPY NEW YEAR 2016

             


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-01-2016 09:42:15 โดย Sweet_Aris25 »

ออฟไลน์ waxman

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากเลย ชอบแนวนี้มาก มาต่อบ่อยๅนะคะ

ออฟไลน์ ekuto

  • ถ้าวันไหนไม่เข้ามาในเล้า วันนั้นเหมือนชีวิตขาดบางอย่าง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 605
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-5
รอเสมอครับ แต่มาอีกน้าาาาาาาาาา

ค้างคา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
หมูตุ๋นสู้ๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Sweet_Aris25

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0


ตอนที่ 7 :


กับดักและความลุ่มหลง






        “นี่เรื่องมันเป็นมายังไง เกิดอะไรขึ้น ทำไมแม่กับตุ๋นถึงไปอยู่ที่ห้องไอ้กานต์ได้” เสียงทุ้มของจ้าวจอมถามออกมาด้วยความฉุนเฉียว ร่างสูงเดินเข้ามาตรงโซฟาหลังเดี่ยวข้างๆกับโซฟาที่ปิ่นมณีและปฐพีนั่งอยู่ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งด้วยความหงุดหงิด




   “จ้าวจอมพูดดีๆ นี่แม่แกนะ” ปิ่นมณีดุเพราะรู้สึกว่าลูกชายคนโตชักจะเริ่มพาลใส่ ไปกินรังแตนมาจากไหนก็ไม่รู้




   “ก็ไอ้กานต์มัน…” จ้าวจอมเลือกทีจะเงียบแทนที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง กลัวว่าแม่จะถามถึงสาเหตุว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบกานต์ยิ่งนัก



 
   จะให้ชอบได้ยังไงก็ในเมื่อไอ้ห่านั่นมันคิดจะจะเข้ามายุ่งกับตุ๋น กว่าจะพาน้องกลับมาได้จ้าวจอมก็เกือบจะได้ตะบันหมัดลงบนหน้าของกานต์ไปหลายทีโทษฐานพูดจาไม่เข้าหู ไอ้ห่ากานต์ก็ยังยั่วโมโหไม่เลิก มันบอกว่ายังไงมันก็จะเข้าหาตุ๋นให้ได้ ดีที่เขายังอุ้มน้องไว้อยู่ ไม่อย่างนั้นคงได้มีเรื่องกันแน่ๆ




   หลังจากที่พาน้องกลับเข้าห้องมาแล้วแม่ก็บอกกับเขาว่ามีเรื่องจะคุยด้วย จ้าวจอมก็เลยขอตัวพาน้องไปนอนในห้องก่อน




   “ช่างเถอะ แม่เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ ตอนนี้แม่เรียกช่างมาทำบ้านน่ะ ว่าจะรีโนเวทใหม่หมดเลย” ปิ่นมณีบอกลูกชาย




   “แล้วเกี่ยวอะไรกับการที่แม่กับน้องมาที่นี่ล่ะครับ” แค่จะปรับปรุงบ้านใหม่ไม่เห็นจะต้องมาถึงที่นี่ จ้าวจอมคิด




   “ก็แล้วน้องจะนอนที่ไหน น้องไม่ได้มีคอนโดแบบแกนะ ฝากให้น้องอยู่กับจอมไปก่อนแล้วกัน” ปิ่นมณีเริ่มแถไปตามแผนที่เธอเตี๊ยมไว้กับปฐพีไว้วันนั้นว่า




   “ก่อนอื่นเราต้องทำให้บ้านของเราอยู่ไม่ได้ก่อนครับ เพราะถ้าเผื่อพี่จอมถามขึ้นมาว่าทำไมถึงต้องไปอาศัยอยู่ที่ห้องเขา เราก็จะได้มีข้ออ้างว่าที่บ้านอยู่ไม่ได้”




   “ยังไงล่ะ ยกตัวอย่างๆ”




   “.อืมม สมมุติว่าบ้านไฟไหม้ ไม่มีบ้านให้อยู่ อะไรประมาณนี้ล่ะครับ” ปฐพีนึกสักพักก่อนจะเสนอตัวอย่างให้แม่เพื่อนฟัง




        “ดินจะเผาบ้านแม่หรอ” ปิ่นมณีถามขึ้นด้วยความตกใจ




        “ไม่ใช่อย่างนั้นครับ เอาเป็นรีโนเวทบ้านใหม่ดีไหมครับ” ปฐพีโบกมือปฏิเสธรัวๆ เมื่อเห็นคุณแม่ของเพื่อนสนิททำให้หวาดๆ




        “แบบนั้นก็ดีนะ เพราะแม่ก็อยากให้บ้านมันหรูหราขึ้นพอดีเลย ความคิดดีนะเรา” ปิ่นมณีชมเปาะ ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวแน่ะ




        “งั้นเอาตามนี้นะครับ”







        แผนทั้งหมดก็มีเท่านี้แหละ ง่ายๆ




        “ได้หรือเปล่า หรือว่ามีปัญหา” ถึงจะถามด้วยน้ำเสียงปกติแต่ดวงตาคู่สวยจิกมองลูกชายแบบบังคับไม่ให้ได้ปฏิเสธ




        “ไม่มีหรอกครับ ใครจะกล้ามี น้องผมทั้งคนจะมีปัญหาได้ยังไง ว่าแต่พ่อกับแม่จะไปอยู่กันที่ไหนล่ะครับ”  จ้าวจอมบอก




        “อีกสามวันพ่อกับแม่จะไปสวิสต์แล้วน่ะ จะไปฮันนีมูน คิคิ” จ้าวจอมมองคนที่กำลังป้องปากหัวเราะแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจให้กับคำตอบ เห็นแม่กับพ่อฮันนีมูนกันตั้งแต่เขากับน้องยังเด็ก จนทั้งคู่โตจนป่านนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทำตัวอย่างกับพวกข้าวใหม่ปลามัน ไม่รู้ว่าไปเอาเงินจากไหนนักหนา เห็นเดือนๆหนึ่งทั้งคู่ทำงานแค่ไม่กี่วัน




        แต่ก็นะ ฝากน้องให้มาอยู่ด้วยกันดีแล้ว จะได้อยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา ไอ้กานต์จะได้เขามายุ่มย่ามกับตุ๋นไม่ได้




        “แล้วตกลงว่าทำไมแม่กับดินแล้วก็ตุ๋นถึงได้ไปอยู่ที่ห้องไอ้กานต์ได้ แม่ยังไม่ตอบผมเลย” จ้าวจอมถามขึ้นมาอีกครั้งเพราะยังไม่คลายความข้องใจ แล้วอยู่ห้องไหนก็ไม่อยู่ ดันไปอยู่ในห้องห้องอริของเขาเสียได้




        “ก็น้องชายแกสิ วิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือไปชนประตูที่เขาเปิดออกมาพอดี กานต์เขาก็เลยอาสาทำแผลให้ ก็แค่นี้ ถามทำไม เอ๊ะ ไหนบอกไม่รู้จักกัน” ปิ่นมณีอธิบายซะยาวเหยียดก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตอนที่เธอถามว่ารู้จักกันหรือเปล่าลูกชายเธอนี่แหละที่เป็นคนบอกว่าไม่รู้จัก




        “ช่างมันเถอะน่า ไม่สำคัญหรอกครับ” จ้าวจอมโบกมือบอกปัด ขี้เกียจพูดถึงไอ้เวรนั่น




        “แล้วแม่ว่าที่เจ้าสาวของแกไปไหนซะล่ะ ตั้งแต่มายังไม่เห็นเลย” ปิ่นมณีเลือกที่จะไม่สนใจ ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นเรื่องของแม่ว่าที่เจ้าสาวตัวดีของจ้าวจอม ก็ไหนว่าอยู่ด้วยกันไง ปกติตัวติดกันจะตาย ชิส์ พูดแล้วฉุน




        “คงจะไปช็อปปิ้งตามประสาผู้หญิงแหละครับ เพราะตอนที่ผมจะออกจาห้องยังอยู่เลย แม่อยากเจอฑิตาหรอครับ” จ้าวจอมแกล้งถาม ทำให้ปิ่นมณีถึงกับเบ้ปาก




        “ไม่ต้อง ไม่ต้องเลย ให้ตายแม่ก็ไม่อยากเจอหรอก” ปิ่นมณีตอบทันควัน รีบยกมือห้ามพลางส่ายหน้าหวือให้กับลูกชายคนโต




         “แม่ครับ ฑิตาเป็นแฟนผมนะ” จ้าวจอมปราม ไม่อยากให้แม่ว่าฑิตา อย่างน้อยต่อไปก็ต้องมาเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่ดี




        “ชิส์ หลงเข้าไปเถอะ แล้วจะรู้ว่าแกเลือกคนผิด แม่กลับดีกว่า อารมณ์เสีย ดูแลน้องดีๆด้วย น้ำข้าวอย่าให้ขาด” พูดจบร่างระหงส์ของปิ่นมณีก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปโดยมีปฐพีเดินตามและจ้าวจอมที่เดินออกไปส่ง




        เมื่อส่งแม่ตัวเองกลับไปแล้วจ้าวจอมก็เดินกลับมาที่ห้อง ระหว่างทางก็ผ่านห้องของกานต์จ้าวจอมก็แทบอยากจะเข้าไปถล่ม แต่ก็หักห้ามใจตัวเองให้สงบสติอารมณ์เดินกลับมาที่ห้อง




        เมื่อเข้ามาในห้องแล้วร่างสูงก็เดินไปที่หน้าประตูห้องๆหนึ่ง มือหนาดันลูกบิดก่อนจะค่อยๆผลักประตูเข้าไปอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้รบกวนคนที่นอนอยู่ ขายาวก้าวเข้าไปใกล้ๆเตียงก่อนจะค่อยๆนั่งลงบนฟูกหนานุ่ม มือหนาวางทาบลงบนหน้าผากเนียนเพื่อวัดไข้ของคนซุ่มซ่ามก่อนจะละมือออก
ตาคมสีมรกตทอดมองไปยังใบหน้าเนียนใสที่หาแม้แต่สิวหรือผดเล็กๆก็ไม่มี จะมีก็แต่ผ้าก็อตปิดแผลที่แปะอยู่เท่านั้น แก้มกลมสีแดงระเรื่อที่ถ้าเป็นแต่ก่อนก็คงจะโดนเขาฟัดไปแล้วเรียบร้อย แต่เพราะความสัมพันธุ์ที่ไม่เหมือนเก่าก็เลยทำให้อะไรหลายๆอย่างไม่เหมือนเดิม ตากลมที่ในยามปกติจะฉายแววซุกซนแต่บางครั้งก็ดูมาความเศร้าปะปนอยู่บัดนี้ปิดอยู่ เปลือกตาสีมุกพร้อมด้วยขนตายาวเป็นแพรกับจมูกรั้นๆนั่นอีก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนตรงหน้าถึงมีแต่ผู้ชายมารุมล้อม ถึงจะเจ้าเนื้อไปหน่อยแต่นั่นไม่ได้เป็นจุดด้อยของคนๆนี้เลยแต่กลับยิ่งทำให้ความน่ารักนั้นเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม




        ก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแต่เจ้าตัวก็ซื่อบื้อซะจนไม่รู้ว่าใครเขาเข้ามาขายขนมจีบบ้าง จนจ้าวจอมต้องเป็นฝายไล่ตะเพิดจนผู้ชายพวกนั้นกระเจิงไปคนละทิศละทางเพราะความหวงน้องชาย หมูตุ๋นมีหน้าตาที่น่ารักอย่างเดียวไม่พอดันมีพุงกลมๆนั่นอีก ตอนเด็กก็ตัวสั้นๆกลมๆเหมือนลูกกระสุนแบบนี้แหละ แถมยังมีรอยยิ้มที่ชอบแจกให้คนอื่นพ่ำเพื่ออีก ไม่รู้จักระวังตัวเลย




        แต่ตอนนี้จะเตือนอะไรน้องก็ไม่ได้แล้ว ตั้งแต่รู้ความจริงในไดอารี่ก็ทำให้ความสัมพันธุ์ของเขาและน้องมันแย่ลงซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเป็นเขาเองที่ทำให้ความสัมพันธุ์มันเป็นแบบนั้น เขาต้องพยายามอยู่ห่างๆน้องเพราะอยากให้น้องตัดใจ อยากให้น้องมองคนที่เข้ามาในชีวิตบ้างไม่ต้องจมปลักอยู่กับเขาแค่คนเดียว เมื่อถึงวันที่น้องตัดใจได้เมื่อไหร่เขาและน้องก็คงจะกลับมาคุยกันได้อย่างบริสุทธิ์ใจ หมูตุ๋นก็จะกลับมาเป็นน้องชายที่น่ารักของเขาอีกครั้ง ไม่ว่าคนที่เข้ามาในชีวิตน้องจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเขาก็ไม่มีปัญหา แต่ต้องไม่ใช่ไอ้กานต์ สิ่งที่เขาทำเพื่อตุ๋นได้ตอนนี้ก็คือ กันไอ้กนต์ออกจากตุ๋นซะ เพื่อตัวของตุ๋นเอง




        แกร๊ก




        “จอมคะ อยู่ไหนเอ่ย” ระหว่างที่จ้าวจอมกำลังคิดอะไรเพลินๆ เสียงของฑิตาก็ดังขึ้นทำให้ร่างสูงได้สติ ก่อนจะตอบออกไป




         “ผมอยู่ในห้องเล็กครับ” จ้าวจอมลูบหน้าลูบตาเพื่อเรียกสติอีกครั้ง ก่อนประตูจะถูกเปิดออกโดยว่าที่เจ้าสาวของเขา




         “จอมมาทำอะไรในนี้คะ” เสียงเล็กๆถามขึ้น ยังไม่เห็นว่ามีใครนอนอยู่บนเตียง เพราะถูกขอบกำแพงของห้องน้ำที่อยู่ภายในตัวห้องบดบัง “เอ๊ะนั่นใครคะ”  ก่อนจะถามขึ้นเมื่อเห็นใครบางคนนอนหันหลังให้




        “ตุ๋นน่ะ”




        “แล้วมัน…เอ่อน้องทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ” หญิงสาวเผลอเรียกน้องชายของคนรักด้วยถ้อยคำไม่สุภาพก่อนจะรีบพูดแก้




         “เรื่องมันยาวน่ะ ตุ๋นไม่สบายนิดหน่อยแล้วตุ๋นก็จะมาอยู่กับเราสักพักด้วย พอดีคุณแม่ของผมเขาเรียกช่างมาทำบ้านใหม่ก็เลยอยู่ที่บ้านไม่ได้ ฑิตาไม่มีปัญหาใช่ไหมถ้าตุ๋นจะมาอยู่กับเรา” จ้าวจอมถามคนรักเพราะเขาอยากให้ทุกคนอยู้ด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่อยากให้ใครลำบากใจ




        “ไม่มีหรอกค่ะ” หญิงสาวทำสีหน้าไม่พอใจ แต่ร่างสูงไม่ทันได้เห็น แขนเรียวยกขึ้นกอดอกด้วยความไม่พอใจ เธอก็ตอบๆไปอย่างนั้นแหละ ทั้งที่ในใจอยากจะตอบว่า เธอไม่อยากให้ไอ้อ้วนนี่มาอยู่ที่ห้องนี้ด้วยซ้ำ




         “โอเคครับ แล้วไปเดินช็อปปิ้งได้อะไรมาบ้างครับ” เห็นว่าหญิงสาวออกไปนานกว่าปกติก็เลยอดที่จะถามไม่ได้




         “ก็ได้กระเป๋าสองใบ เสื้อผ้าอีกนิดหน่อยค่ะ พอดีฑิตาเจอเพื่อนด้วยก็เลยเดินเพลินไปหน่อย” หลังจากที่ออกไปเธอก็บังเอิญไปเจอเพื่อนที่ร้านเสื้อผ้าพอดีก็เลยได้ไปเดินซื้อของด้วยกัน ที่ได้ของมาเยอะแยะแบบนี้ก็เพราะว่าเพื่อนของเธอบอกว่าชิ้นนั้นก็สวย ชิ้นนี้ก็ดี เธอเลยอดใจไม่ไหวที่จะซื้อกลับมา




        “กระเป๋าอีกแล้วหรอครับ ผมเห็นของฑิตามีเต็มตู้แล้วนะ ยังจะซื้ออีกหรอ ผมว่าเราต้องประหยัดเงินเอาไว้บ้างนะ” นานครั้งที่จ้าวจอมจะออกปากว่าแบบนี้ กระเป๋าใบนึงไม่ใช่ถูกๆ




        ฑิตารู้ดีว่าจ้าวจอมไม่ชอบให้ซื้อของฟุ่มเฟือยยิ่งเงินที่ใช้เป็นของจ้าวจอมด้วยแล้ว แต่ใครจะสนล่ะ แค่อ้อนเข้าหน่อยเดี๋ยวก็ให้เงินเธอไปใช้อีกอยู่ดี




        “แล้วเราจะเก็บไว้เพื่ออะไรล่ะคะ แค่นี้เงินของครอบครัวจอมยังไงก็ใช้ทั้งชาติไม่หมดอยู่แล้ว” หญิงสาวสะบัดหน้าอย่างไม่พอใจ เงินก็มีตั้งเยอะ ไม่รู้จะเก็บไว้ให้ปลวกให้หนอนมันแทะหรือไง




        “ฑิตาครับ ผมมีพ่อ มีแม่แล้วก็น้องอีก ถึงพวกเขาจะมีงานทำแต่เงินที่เก็บไว้ก็เอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน แล้วถาเราแต่งงานมีลูกอีก เรือนหอของเราที่กำลังสร้าง มีเรื่องอีกมากมายที่เราจำเป็นต้องใช้เงิน ที่ผมว่าฑิตาไม่ใช่เพราะอยากจะทะเลาะ แต่เพราะผมทำเพื่ออนาคตของเรานะครับ” จ้าวจอมลุกขึ้นเดินไปคว้ามือเรียวของฑิตามากุมไว้ด้วยความรัก ตาคมสบมองกับดวงตาอีกคู่เป็นการสื่อสารให้อีกฝ่ายไดรู้ถึงความรู้สึกภายใน




        “ฑิตารู้แล้วค่ะ ฑิตาเองก็ไม่ทันได้คิดเรื่องนี้ ว่าแต่จอมอยากมีลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชายคะ”




        "ผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้ทั้งนั้นแหละถ้าเขาเป็นลูกของเรา ถามทำไมหรอ”




         “ก็ถามไว้เฉยๆค่ะ หรือว่า…จ้าวจอมจะอยากมีลูกตอนนี้เลยล่ะคะ” หญิงสาวถามพลางทำสีหน้ายั่วยวนหมายจะล่อแมลงให้มาหลงติดกับในความลุ่มหลง แขนเรียวยกขึ้นคล้องคอแกร่งให้เข้ามาแนบชิดโดยไม่เกรงว่าคนที่นอนอยู่จะตื่นขึ้นมาเห็นแต่อย่างใด ตอนนี้จ้าวจอมตกอยู่ในภวังค์แห่งความลุ่มหลง ม่านควันแห่งความรักที่หญิงสาวสร้างขึ้นนั้นทำให้ร่างสูงนั้นยิ่งก้าวเดินเข้าไปใกล้กับกับดักมากขึ้นทุกที




ยิ่งใกล้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ใครอีกคนเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น
ยิ่งใกล้เข้าไปเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ทำผิดกับใครอีกคนมากขึ้นทุกที

****************************************************
~70%~


        “อืออ เจ็บจัง” เสียงแหบแห้งของคนบนเตียงดังขึ้นทำให้ทั้งคู่รีบผละออกจากกัน




        /ไอ้ตัวมารขัดจังหวะ/ ฑิตากำมือแน่นด้วยความหงุดหงิดพลางเดินกระแทกส้นออกไป




        “ตุ๋นเป็นยังไงบ้าง” จ้าวจอมเดินมานั่งลงบนเตียงตรงที่ว่างข้างๆน้อง ถึงจะมีความไม่พอใจนิดหน่อยที่โดนขัดแต่ความเป็นห่วงคนตรงหน้าก็มีมากกว่า




        “เจ็บนิดหน่อยครับ เอ่อ..ตุ๋นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงหรอครับ” ตุ๋นถามด้วยความสงสัย ที่จริงตุ๋นตื่นตั้งแต่ที่ได้ยินทั้งคู่คุยกันเรื่องลูก แล้วก็เห็นด้วยว่าทั้งสองคนจะทำอะไรกันตุ๋นก็เลยรีบขัดก่อนที่อะไรจะเกิดขึ้นต่อหน้าแล้วก็เพื่อไม่ให้ตัวเองเจ็บไปมากกว่านี้




        “แม่เรียกพี่ให้ไปรับเราน่ะ แล้วทำยังไงถึงได้ไปชนประตูเข้า”  จ้าวจอมถาม ประตูคอนโดก็ไม่ใช่จะบานเล็กๆ




        “คือตุ๋นวิ่งแล้วไม่ทันได้สังเกตน่ะครับว่าคุณคนนั้นเขาเปิดออกมาพอดี” ตุ๋นบอกตามความจริงแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ตุ๋นคงไม่บอกพี่หรอกว่าวิ่งหนีพวกนั้นเพราะไม่อยากมาทำแผนการเป็นก้างขวางคอพี่กับคุณฑิตาตามที่แม่สั่ง




        “เฮ้ออ..ดูแลตัวเองบ้างสิตุ๋น พี่ดูแลตุ๋นตลอดแบบแต่ก่อนไม่ได้แล้วนะ พี่กำลังจะแต่งงานมีครอบครัว ตุ๋นต้องดูแลตัวเองได้แล้ว” คนบนเตียงแทบน้ำตาร่วงเมื่อได้ยินประโยคนี้ ทำไมต้องย้ำคำนี้ให้ได้ยิน อยากให้ตุ๋นเจ็บจนทนไม่ได้เลยใช่ไหม




        “ตุ๋นเข้าใจครับ เข้าใจว่าพี่จะต้องแต่งงานกับคนที่พี่รัก ฮึก..จะต้องมีลูกตัวน้อยๆ แค่คิด.ฮึก..ถึงภาพนั้น พี่รู้ไหมว่าตุ๋นเจ็บแค่ไหน แค่คิดก็เจ็บ..ฮึก..รู้ไหมว่าตุ๋นต้องอดทนแค่ไหนที่จะกลั้นความรู้สึกไว้..ฮึก.แต่พี่ก็ยังตอกย้ำมันอยู่อย่างนี้” สุดท้ายตุ๋นก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ตากลมมองคนตรงหน้าอย่างตัดพ้อ ก่อนจะก้มลง ไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอ ไม่อยากให้ใครเห็นความน่าสมเพช




        “ตุ๋นเรายังเป็นพี่น้องกันได้อยู่นะ เป็นแบบเดิมตุ๋นเป็นน้องที่น่ารักของพี่ รักแบบพี่น้องไม่เห็นต่างกัน อีกอย่างนะเราเป็นผู้ชายด้วยกันแล้วพี่ก็มีคนที่รักอยู่แล้วด้วย” เมื่อเห็นน้ำตาของคนตรงหน้าจ้าวจอมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปลอบ ในใจก็อยากจะคว้าน้องเข้ามากอดแต่ก็ทำไม่ได้ ปล่อยให้เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว น้องจะได้เข้มแข็งขึ้นและตัดใจจากเขาได้สักที




        “แต่คนที่พี่รักเธอไมได้ดีแบบที่พี่คิด พี่กำลังโดนเธอหลอก วันนะ..”




        “หยุดพูดนะตุ๋น อย่าใส่ร้ายฑิตาให้พี่ได้ยิน ถ้ารักกันแบบพี่น้องไม่ได้พี่ก็คงต้องทำให้ตุ๋นเลิกรักพี่เอง แล้วอย่าหาว่าพี่ใจร้าย” ตุ๋นยังพูดไม่ทันได้เล่าเรื่องในผับวันนั้น จ้าวจอมก็ชิงตัดบทขึ้นมา พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องด้วยความไม่พอใจที่น้องว่าร้ายคนรักของเขา  เขาจะทำทุกวิถีทางที่จะให้น้องตัดใจให้ได้ ไม่ว่าวิธีไหน  แต่เจ้าตัวไมได้รู้เลยว่าเมื่อถึงวันนั้นตัวเองต่างหากที่เป็นฝ่ายไม่อยากให้น้องตัดใจ





        /ฉันรู้ความลับของแกทั้งหมดแล้ว อย่าหวังว่าแกจะมีความสุข เพราะฉันจะเหยียบย่ำความรักที่น่ารังเกียจของแกให้แหลก โทษฐานที่แกคิดจะฟ้องจ้าวจอม และโทษฐานที่ฉันเกลียดแก แล้วแกจะได้รู้ว่าเจ็บเจียนตายมันเป็นยังไง/ ทั้งคู่คุยกันโดยไม่ได้เกรงว่ามีใครบางคนได้ยินความลับของทั้งคู่ ริมฝีปากสวยแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย ก่อนจะรีบเดินออกไปจากหน้าประตูเมื่อคนข้างในกำลังจะออกมา




        ตากลมที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำใสมองตามแผ่นหลังแกร่งที่เดินออกไปจากห้องด้วยความน้อยใจ พี่ไม่ฟังตุ๋นเลยแถมยังว่าตุ๋นกลับมาด้วยแต่ไม่ว่ายังไงตุ๋นก็เลิกรักพี่ไมได้สักที ร่างอวบล้มตัวลงนอน มือนุ่มดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมจนถึงคอเพื่อป้องกันความหนาวจากเครื่องปรับอากาศ แต่ถึงจะคลายความหนาวของร่างกายได้แต่ก็ไม่สามารถคลายความหนาวเย็นภายในหัวใจดวงน้อยได้เลย หนาวเย็นและไม่มีแสงใดส่องถึง แค่เพียงตอนนี้ต้องการอ้อมกอดของใครสักคนมาโอบกอดเอาไว้เพื่อให้ตุ๋นมีแรงที่จะก้าวเดินออกไปในวันข้างหน้า ก่อนที่หัวใจดวงนี้จะทนไม่ไหวอีกต่อไป


***********************************************************************************


ขอโทษนะคะที่ให้รอนาน ลิสงานเยอะเนอะ ไม่ว่ากัน

ถ้าตอนนี้แปลกๆก็บอกได้นะคะ ลิสไม่ได้ทวนซ้ำเองแหละรีบมาลงให้ก่อน

ติชม บวกเป็ดให้หน่อยก็ดีนะคะ ตอนนี้เหนื่อยมาก อยากได้กำลังใจจากคนอ่าน

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและติดตามนิยายของลิสนะคะ อยู่กับเราไปนานๆ

 :pig4: :a1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-02-2016 21:52:23 โดย Sweet_Aris25 »

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
ไหนๆก็วันเกิดแล้ว คนอ่านก็ขอให้หมูตุ๋น มีทางเลือกอื่นๆบ้าง ขอให้กานต์เอาคืนไอ้จอมคนโง่ ให้สะใจสะทีเถอะนะไม่ใช่ให้ตุ๋นเป็นฝ่ายเสียใจอยู่ ฝ่ายเดียว มันจะน่าเบื่อ กับคนคนนึงที่ต้องมาเสียใจ ไม่รู้จากจบจากสิ้น ให้ตุ๋นมีทางเอาคืนบ้างขอเถอะ อ่านมา 7 ตอนแล้ว สงสารตุ๋นโดนอยู่คนเดียว

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เฮ้อออ. เมื่อไหร่จะเห็นธาตุแท้นังฑิตาสักที

ออฟไลน์ ekuto

  • ถ้าวันไหนไม่เข้ามาในเล้า วันนั้นเหมือนชีวิตขาดบางอย่าง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 605
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-5
มีคำผิดด้วยนะครับ

คำว่า สัมพันธ์ ไม่มีสระอุครับ

-------

สงสารตุ๋น ยกให้พี่กานดีกว่า
เห็นพี่เข้าสนใจอยู่

ส่วนพี่จอมก็ปล่อยๆไปเถอะ

รอคนเขียนเสมอนะครับ
เข้ามาF5รอทุกวัน สู้ๆนะครับ

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
หมูตุ๋นโดนแกล้งแน่ๆเลยต่อไป

ออฟไลน์ ekuto

  • ถ้าวันไหนไม่เข้ามาในเล้า วันนั้นเหมือนชีวิตขาดบางอย่าง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 605
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-5
รอคนเขียนเสมอนะครับ

ออฟไลน์ Sweet_Aris25

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0


มื้ออาหารพาซวย




               เช้านี้ตุ๋นยังรู้สึกปวดหัวตุบๆอยู่นิดหน่อยเป็นผลมาจากการร้องไห้อย่างหนักแบบเงียบๆเมื่อคืนนี้ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนที่จะหายามากินเท่าไหร่เพราะตอนนี้ก็สายมากแล้ว ร่างอวบจึงรีบแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะคว้าข้าวของที่จำเป็นมาใส่กระเป๋าให้ครบแล้วตวัดกระเป๋าขึ้นมาสะพายที่บ่า




               ร่างอวบรีบออกมาที่ห้องครัวเพื่อหาอะไรใส่ท้องก่อนไปทำงานแต่ก็ต้องผิดหวังเพราะเมื่อเปิดออกมานั้นพบว่าภายในตู้เย็นขนาดใหญ่ตรงหน้าไม่มีอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่ากับพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวมถึงพวกกระจุกกระจิกอีกนิดหน่อย ไม่มีของสดเลยสักอย่าง ตุ๋นก็ได้แต่ถอนหายใจ ไม่รู้ว่าอยู่กันไปได้ยังไง เมื่อคิดได้ว่าถึงจะหงุดหงิดไปแค่ไหนของกินมันก็ไม่ได้โผล่ขึ้นมาให้กิน คิดไปก็เสียเวลาเปล่า ตุ๋นจึงรีบสาวเท้าออกมาจากคอนโดก่อนจะโบกมือเรียกแท็กซี่ที่ขับผ่านมาเพื่อไปที่ทำงาน




               เมื่อตุ๋นมาถึงบริษัทก็รีบเอากระเป๋าไปเก็บไว้ที่โต๊ะทำงานของตนเอง ตากลมโตทรงเสน่ห์มองไปยังนาฬิกาที่ติดอยู่กับผนัง ยังพอเหลือเวลาอีกนิดพอที่จะกินข้าวเช้าได้อยู่ ร่างอวบไม่รอช้ารีบพาขาสั้นๆของตัวเองลงมาที่ศูนย์อาหารภายในตัวตึก ตุ๋นมองอาหารหลากหลายด้านหลังกระจกใสที่กั้นอยู่ เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะกินอะไรนิ้วกลมก็ยกขึ้นชี้อันนั้นอันนี้ปากก็สั่งไปด้วย เมื่อได้แล้วตุ๋นก็จ่ายเงิน แล้วยกจานข้าวมานั่งที่โต๊ะประจำ ในช่วงเวลานี้แทบจะไม่มีคนแล้วเพราะใกล้จะได้เวลาทำงาน ในขณะที่ปากกำลังเคี้ยวข้าว ตากลมก็มองนั่นมองนี่จนไปจะสุดที่ร่างสูงคุ้นตาของพี่แล้วก็ว่าที่เจ้าสาวของพี่ด้วย




               ตาคมของจ้าวจอมมองมาที่ตุ๋นตามมาด้วยสายตาไม่พอใจของฑิตา แต่ตอนนี้ตุ๋นไม่มีเวลามาสนใจใครทั้งนั้น ด้วยความที่ไม่อยากโดนจ้องแบบนี้นานๆแล้วก็ไม่อยากทำงานสายตุ๋นก็เลยรีบยัดข้าวในจานเข้าปากให้หมดแล้วลุกก่อนจะรีบวิ่งขึ้นลิฟต์ไปขึ้นทั้งที่ยังเคี้ยวข้าวไม่ทันหมด
ร่างอวบยืนหอบแฮ่กๆอยู่ที่หน้าแผนก เหนื่อยมากจนแทบหายใจไม่ทัน ตุ๋นเองก็ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายสักเท่าไหร่ทำอะไรนิดอะไรหน่อยก็เหนื่อย ยืนสักพักพี่ปรางก็เดินออกมา




               “หมูตุ๋น!” เสียงใสถูกดัดออกมาให้ฟังดูเย็นเยือก จนทำให้ตุ๋นถึงกับหน้าเจื่อนลง




               “ตุ๋นไม่ได้มาสายนะครับ ตุ๋นมาตั้งนานแล้วแต่แค่ลงไปกินข้าวมาเฉยๆ ก็ที่ห้องไม่มีของกินตุ๋นก็เลยลงไปกินข้าวข้างลางมา ตุ๋นไม่ผิดนะ ก็ตุ๋นหิวนี่ ไม่เชื่อไปดูกระเป๋าที่โต๊ะหรือถามคนอื่นก็ได้” ตุ๋นรีบอธิบายออกมาซะยาวเหยียดจนคนฟังฟังแทบไม่ทัน




               “พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ พูดอย่างกับพี่จำเชือดตุ๋นอย่างนั้นแหละ” สงสัยคงจะกลัวเธอหยิกแก้มอย่างที่เคยทำเป็นประจำเลยรีบแก้ตัวเสียยกใหญ่



               “ก็เดี๋ยวพี่ปรางหยิกแก้มตุ๋นอีก ตุ๋นเจ็บ” มะปรางนึกแล้วไม่มีผิด เธอยิ้มขำให้กับความขี้ระแวงของคนตรงหน้า
“ไปๆ ทำงานได้แล้ว ก่อนที่จะโดนหยิกจริงๆ”




               สิ้นคำพูดของร่างระหงส์ ตุ๋นก็วิ่งปรู๊ดไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วเริ่มทำงานทันที ระหว่างที่ทำงานตุ๋นก็คิดหาเมนูที่จะทำตอนอาหารมื้อเย็น แต่ว่าในตู้ก็ไม่มีของสดสำหรับเอาไว้ทำอาหารเลย สงสัยตอนเย็นคงต้องไปซื้ออาหารสดเข้ามาไว้ในห้องบ้างซะแล้ว ไม่อย่างนั้นตุ๋นได้หิวตายแน่ๆ

********************************************************************

               หลังเลิกงานตุ๋นก็ออกมาเรียกแท็กซี่เพื่อที่จะไปห้างสรรพสินค้า เมื่อขึ้นมาบนรถแล้วตุ๋นก็บอกจุดหมายปลายทางให้กับคนขับ วันนี้ปฐพีติดธุระเลยมารับไม่ได้ ตุ๋นเลยต้องกลับเอง




               “ขอบคุณนะครับ” เมื่อถึงที่หมายตุ๋นก็คว้ากระเป๋าสตางค์ขึ้นมาแล้วหยิบเงินจ่ายค่าแท็กซี่ตามจำนวนเงินที่ปรากฏอยู่บนมิเตอร์




               ตุ๋นเดินหลบอากาศร้อนเข้ามาภายในห้างสรรพสินค้าที่กว้างพอสมควร ก่อนที่จะไปซื้อของตุ๋นเลือกเดินตรงไปร้ายขายไอศกรีมที่มีคนต่อแถวกันยาวเหยียดเป็นอันดับแรก




               “รับไอศกรีมแบบไหนดีคะ” หลังจากที่รอคิวนานเกือบสิบนาที จนในที่สุดก็ถึงคิวของตุ๋นบ้าง ตุ๋นมองดูเมนูไอศกรีมหลากหลายรสชาติบนเคาน์เตอร์ก่อนจะตัดสินเลือก



               “ช็อคโกแลตครับ/ช็อคโกแลต”



               “อ้าว คุณนั่นเอง”ตุ๋นหันไปมองเจ้าของเสียงที่สั่งไอศกรีมพร้อมกับตนเมื่อครู่ เมื่อได้เห็นหน้าชัดๆตุ๋นก็อุทานออกมาเพราะว่าคนร่างสูงคนนี้เป็นเจ้าของห้องที่ตุ๋นเพิ่งเอาหัวไปโหม่งประตูห้องเขามาเมื่อวานหมาดๆ เลยพาทำให้เขาเดือดร้อนไปด้วย วันนี้ถือโอกาสตอบแทนเขาหน่อยก็แล้วกัน




               “ให้คุณผู้ชายคนนี้สั่งก่อนนะคะ เขามาต่อแถวนานแล้ว” พนักงานสาวที่ประจำเคาท์เตอร์บอกกับกานต์พลางผายมือมาทางตุ๋น




               “งั้นผมเอาช็อคโกแลตสองถ้วยครับ”ตุ๋นบอกเมนูที่ตัวเองต้องการแล้วก็เป็นการเรียกสติของพนักงานสาวที่มองร่างสูงข้างๆด้วยสายตาที่แทบจะกลืนร่างสูงเข้าไปแล้วให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว “คุณไม่ต้องสั่งแล้วนะ ผมสั่งให้แล้ว เดี๋ยวผมเลี้ยง” เสียงเจื้อยแจ้วพูดกับคนตรงหน้าพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้จนคนที่เดินผ่านไปมาแทบจะละลายไปกับรอยยิ้มนั้นด้วย รวมถึงคนตรงหน้าก็เช่นกัน




               ส่วนเจ้าตัวก็ไม่ได้รู้อะไรกับใครอีกตามเคย




               “คุณเลี้ยงผมทำไม” เสียงทุ้มถามพลางเลิกคิ้วเข้มขึ้นประมาณว่าสงสัย แต่ทั้งๆที่เจ้าตัวก็รู้อยู่แล้วว่าตุ๋นจะเลี้ยงไอศกรีมเขาเพราะอะไร




               “ก็เมื่อวานผมทำให้คุณเดือดร้อน รบกวนคุณไปตั้งเยอะ เป็นภาระคุณด้วย” ตุ๋นบอกพลางทำหน้าสำนึกผิดต่างกับเมื่อกี้ลิบลับจนกานต์อดที่จะยิ้มให้กับท่าทางน่ารักนี้ไม่ได้




               //ทำไมน้องไอ้เหี้ยจอมถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ// กานต์คิดในใจ อยากจะจับร่างอวบตรงหน้านี้มากอดมาจับฟัดให้หนำใจ “คิดมาน่า” มือหนาลูบผมนิ่มเป็นการปลอบระคนเอ็นดู




               “ไอศกรีมได้แล้วค่ะ ทั้งหมด 80 บาทค่ะ” ตุ๋นยังไม่ได้พูดอะไรต่อพนักงานสาวคนเดิมก็ขัดขึ้นเสียก่อน ตุ๋นหยิบกระเป๋าตังขึ้นมาเพื่อจะหยิบเงินจ่ายแต่ก็ยังช้ากว่าอีกคนที่จกแบงก์ร้อยยื่นให้พนักงานพร้อมกับรับเงินทอนแล้วคว้าไอศกรีมสองแก้วกับคนที่กำลังโวยวายเพราะโดนแย่งจ่ายเงินตัดหน้า




               ตุ๋นโวยวายมาตลอดทางจนมาถึงที่เก้าอี้ยาวๆที่มีไว้สำหรับบริการลูกค้า
“นี่คุณ! ผมบอกแล้วไงว่าจะเลี้ยง แย่งจ่ายทำไม เอาเงินไปเลย” ร่างอวบบ่นพลางทำหน้ายู่ใส่คนขี้แย่ง พยายามจะยัดเงินใส่มือแกร่งที่เอาแต่โยกหลบมือที่พยายามจะยัดเงินใส่เขาให้ได้ของตุ๋น




               “ไม่เอา ผมจะเลี้ยง” กานต์บอกพลางยิ้มกว้างที่ได้แกล้งคน ยิ่งขี้โมโหยิ่งน่าแกล้ง




               “ไม่ เอาไปเดี๋ยวนี้ ผมเหนื่อยแล้วนะ” ตุ๋นเอามือปาดเหงื่อที่หน้าผาก แก้มใสแดงระเรื่อเพราะความเหนื่อย ชวนให้น่ามองขึ้นไปอีก




               “เหนื่อยคุณก็อยู่เฉยๆสิ ตอบแทนผมเป็นอย่างอื่นแทนไอศกรีมก็ได้” กานต์บอกกับคนข้างๆที่เพิ่งนั่งลง ก่อนจะตักไอศกรีมที่เริ่มละลายเข้าปาก




               “แล้วคุณอยากได้อะไรล่ะ” ตุ๋นถามแล้วตักไอศกรีมเข้าปากอีกคำ




               “คุณทำอาหารเป็นหรือเปล่า” กานต์ถามคนแก้มป่องเพราะอมไอศกรีมช็อคโกแลตของชอบไว้เต็ม ก่อนจะได้การพยักหน้าแทนคำตอบกลับมา “ถ้าอย่างนั้นคุณทำอาหารมื้อเย็นของวันนี้เป็นการตอบแทนผมก็แล้วกัน โอเคไหมครับ” กานต์เสนอให้ฟังแล้วก็ได้คำตอบกลับมาเป็นการพยักหน้าอีกครั้งเพราะเจ้าตัวเอาแต่สนใจของกิน ไม่สนใจเขาเลย




               ...น่าน้อยใจนัก...




               “ว่าแต่อาหารของคุณ ผมกินเข้าไปแล้วจะท้องเสียหรือเปล่า” กานต์แกล้งแซว




               “ผมว่างั้นคุณกินมาม่าแทนก็แล้วกันนะ คงปลอดภัยกว่าอาหารที่ผมทำเยอะ” ตุ๋นตอบประชด ดูถูกกันเข้าไป อย่าติดใจฝีมือตุ๋นแล้วกัน
เมื่อทานไอศกรีมกันเสร็จเรียบร้อยทั้งคู่ก็พากันมาที่โซนขายของสดเพื่อที่จะได้ซื้อไว้สำหรับทำอาหารมื้อเย็นนี้ แล้วก็เอาไว้สำหรับตุนที่ห้องเผื่อวันอื่นๆด้วย




               “นี่ คุณน่ะชื่ออะไร” กานต์ลดมือที่ถือแตงกวาอยู่ลง เมื่อได้ยินคำถามของร่างอวบ ใช่สิ เขารู้จักตุ๋นแต่ตุ๋นไม่รู้จักเขาเพราะวันนั้นตุ๋นดันสลบไปเสียก่อน เขาจะรู้จักก็แต่ไอ้เหี้ยจอมนี่แหละ




               “ผมชื่อ กานต์ ”  ร่างสูงตอบเพียงสั้นๆ “แล้วคุณล่ะ”




               “ผมชื่อหมูตุ๋น สำหรับคุณอาจจะดูแปลกๆ เรียกตุ๋นก็ได้”




               “ไม่แปลกหรอก น่ารักดี” น่ารักทั้งตัว น่ารักทั้งชื่อ กานต์ได้คิดเงียบๆในใจ




               “น่ารักตรงไหน เฉยๆออก” ตุ๋นบอกพลางหยิบคีบปลาหมึกขึ้นมาดูความสด “คุณแพ้อาหารทะเลหรือเปล่าครับ” ตุ๋นถาม เพราะกลัวร่างสูงจะกินไม่ได้




               “ไม่แพ้ ผมชนะทุกอย่างแหละ” กานต์ตอบทีเล่นทีจริงพลางหัวเราะออกมาที่ได้กวนตุ๋นนิดๆหน่อยๆ แต่หัวเราะได้ไม่นานก็โดนกำปั้นกลมๆตีเข้ามาที่ไหล่ดังปัก “เจ็บนะ” กานต์ลูบแขนตัวเองป้อยๆแต่ก็ยังหัวเราะไม่เลิก




               “นี่ คุณ” ตุ๋นแหวใส่ด้วยความหมันไส้




               “อ้อ ผมจะบอกอะไรให้นะ เลิกเรียกผมว่าคุณ ผมชื่อกานต์ กานต์ที่แปลว่า ที่รัก เพราะฉะนั้น ตุ๋น จะต้องเรียกพี่ว่า พี่กานต์ หรือจะเรียก ที่รัก ก็ได้นะพี่ไม่ถือ”


**********************************************************


               “จอมคะ เมื่อวานฑิจาได้ยินเรื่องที่จอมคุยกับไอ้...เอ่อ ตุ๋นน่ะค่ะ มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณกับเขาคะ คุณกับเขาเป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรอ” เช้านี้ฑิจาออกมากับจ้าวจอมตามปกติแต่เพราะไม่รู้จะหาอะไรทาน จ้าวจอมเลยพาหญิงสาวมาทานข้าวที่ศูนย์อาหารในบริษัทของตน ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ก็เถอะ




               มือที่กำลังจะตักอาหารเข้าปากหยุดชะงัก นี่เขากับตุ๋นดันคุยกันโดยไม่ทันได้ระวังเพราะทั้งคู่มัวแต่คิดอยู่กับเรื่องของตัวเองจึงลืมไปว่าไม่ได้มีเพียงแค่เขาสองคนที่อาศัยอยู่ในห้องเท่านั้น แล้วเขาควรจะบอกเรื่องทั้งหมดให้ฑิตาฟังดีหรือเปล่า ถ้าบอกไปจะเท่ากับว่าเขาทรยศความไว้เนื้อเชื่อใจของน้องหรือเปล่า




               “ผมว่าผมมันคงไม่ดีที่จะเล่า เพราะมันเป็นเรื่องระหว่างผมกับน้อง” จ้าวจอมปฏิเสธด้วยถ้อยคำที่พยายามจะรักษาน้ำใจคนฟัง




               แต่ถึงรักษาแค่ไหนหญิงสาวก็ไม่พอใจกับคำตอบที่ได้รับอยู่ดี




               “จอมไม่ไว้ใจฑิตาหรอคะ เรากำลังจะแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว จอมยังไม่ไว้ใจอีกหรอ” หญิงสาวแสร้งทำเสียงแผ่วและทำหน้าหม่นให้ดูเหมือนกับว่าเสียใจที่จ้าวจอมไม่ไว้ใจเธอ มุกแบบนี้ใช้กี่ครั้งก็ได้ผล เพราะไม่ว่ายังไงจ้าวจอมก็แพ้มารยาของเธอเสมอ




               “ผมกับตุ๋นไม่ใช่พี่น้องแท้ๆหรอก พ่อกับแม่ของผมเอาตุ๋นมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเด็ก ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากคนในครอบครัวผมกับไอ้ภัทร” เมื่อสู้มารยาของอีกฝ่ายไม่ได้ จ้าวจอมจึงใจอ่อน ยอมเล่าเรื่องที่ถูกปิดไว้มาตั้งแต่จำความได้ให้เธอฟัง




               “แล้วเรื่องที่ตุ๋นรักคุณ หมายความว่ายังไง” ฑิตาไม่ได้ตกใจเท่าไหร่ที่รู้ว่าไอ้อ้วนนั่นไม่ได้เป็นน้องแท้ๆของจ้าวจอมเพราะเธอก็กะไว้อยู่แล้ว แค่ต้องการคำยืนยัน แล้วอีกอย่างเธอรู้สึกว่ามันเป็นศัตรูตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ




               “ตอนเด็กๆผมชอบใกล้ชิดน้อง เพราะเราสนิทกันมาก ผมชอบกอดน้อง ชอบหอมน้อง แล้วก็อีกสารพัดที่ใกล้ชิดน้องจนไม่รู้ว่ามันเป็นการทำให้น้องหวั่นไหว น้องรักผมมากกว่าพี่ชายมาตลอดหลายปี จนผมได้รู้ทุกอย่างหลังจากที่ได้ไปอ่านไดอารี่ส่วนตัวของน้องที่ผมไปเจอโดยบังเอิญ หลังจากนั้นทุกอย่างมันก็ไม่เหมือนเดิม ไม่สนิทกันเหมือนแต่ก่อน” จ้าวจอมเล่าทุกอย่างให้หญิงสาวคนรักฟังทั้งสีหน้าเรียบนิ่งไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ เขาแค่นึกย้อนกลับไปเมื่อตอนยังเด็กเฉยๆ ก่อนจะกำชับหญิงสาวเมื่อนึกขึ้นได้ ว่า “ฑิตาอย่าไปบอกตุ๋นเรื่องนี้นะ ว่าผมเป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟัง”




               “ค่ะ ฑิตาไม่บอก” ไม่บอกก็โง่แล้ว ถ้ามันรู้ว่าคนที่มันไว้วางใจที่สุดเอาความลับของมันมาบอกให้คนอื่นฟังมันคลจะสนุกพิลึก และให้มันรู้ว่าจ้าวจอมไว้ใจเธอและเห็นว่าเธอสำคัญมากกว่ามันเป็นไหนๆ




                ตอนนี้รอบๆศูนย์อาหารแทบจะไม่มีคนเพราะใกล้จะเริ่มเวลาทำงานแล้วอีกอย่างประธานบริษัทมานั่งอยู่ตรงนี้ใครจะกล้าไปทำงานสาย ทั้งคู่นั่งทานข้าวจนใกล้จะเสร็จ ร่างสูงก็สังเกตว่ามีร่างคุ้นตาที่พาดพิงไปเมื่อสักครู่วิ่งเข้ามาสั่งข้าว ก่อนจะรีบกิน น้องมองเห็นเขาแต่ก็ไม่ได้สนใจนัก




               “จอมคะ จ้าวจอมคะ!” สติของจ้าวจอมกลับมาเมื่อได้ยินเสียงหวานเรียก นี่เขามัวแต่สนใจรอบข้าง




               “ครับ ฑิตามีอะไร”




               “คือฑิตาจะบอกว่า อีกสองวันจะตาจะต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ 2อาทิตย์ค่ะ”




               “ไปนานจังอย่างนี้ผมก็คิดถึงแย่เลย ไม่มีคนให้กอดแทนหมอนข้าง” จ้าวจอมแกล้งแซวคนรัก ริมฝีฝีปากได้รูปยิ้มออกมาเมื่อเห็นคนรักหน้ายู่




               “จอมก็พูดไปเรื่อยฑิตาเขินนะ อ้อ เย็นนี้จอมไม่ต้องมารับฑิตานะคะ เดี๋ยวฑิตาให้เพื่อนมาส่ง วันนี้ฑิตาเลิกเร็วไม่อยากรบกวนงานของคุณ เรารีบไปกันเถอะเดี๋ยวสาย พนักงานจะมองจอมไม่ดีเอาได้” พูดจบทั้งคู่ก็ลุกขึ้นเพื่อที่จะได้ไปที่ทำงานของฑิตาเพื่อไปส่งเธอก่อน ดวงตาคมมองไปยังโต๊ะที่มีร่างอวบนั่งกินข้าวอยู่เมื่อครู่ แต่ตอนนี้กลับว่างเปล่าไร้ร่างคุ้นตา


***********************************************************


           มีต่อนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2016 20:49:40 โดย Sweet_Aris25 »

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ขอให้ตุ๋นเจอตัวเลือกที่ดีๆเยอะๆนะเอาแบบให้ไอ้พี่โง่ๆคลั่งตายไปเลย
อยากให้ตัดใจดีนักขอให้เจ็บกับการตัดสินใจผิดๆของแก

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อีกานต์แน่ๆเลย. ชิมิ.  :katai1: :katai1: :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด