The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 446068 ครั้ง)

ออฟไลน์ น้องแมว

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เม้นๆๆๆๆๆ อิอิ
อยากจะบอกเบบี้ว่า เค้าอ่านนิยายของเบบี้ตั้งแต่ ม.สาม จนตอนนี้ปีหนึ่งแล้ว
อ่านนิยายทุกเรื่องเลย สนุกมากๆๆๆ
พึ่งมีโอกาสได้เม้นเพราะพึ่งเป็นสมาชิก
ติดนิยายของเบบี้ทุกเรื่อง อ่านไปร้องไปก็มี ยิ้นเหมือนคนบ้าก็เป็นมาแล้ว :mew1: :mew1: :mew1:

เม้นนิยาย สนุกๆๆๆๆๆ ลุ้นว่าเมื่อไรจะรักกัน มีกัดกันเบาๆอิอิอิอิ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Coaramach

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

รู้มั้ยว่าอ่านแล้วเครียดตาม..
ตั้งแต่เริ่มเรื่องจนถึงตอนนี้ สมุทร คือฝ่ายรุกตลอด
แต่มีตอนหนึ่งที่สมุทรพูด 'ฮะ' ใจเราแป้วเลย
สมุทรเมะเถอะนะเบบี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-12-2015 11:55:15 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ must

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
คิดถึงพี่ไฟ

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
ตอบคุณ Coaramach
รู้มั้ยว่าอ่านแล้วเครียดตาม..
ตั้งแต่เริ่มเรื่องจนถึงตอนนี้ สมุทร คือฝ่ายรุกตลอด
แต่มีตอนหนึ่งที่สมุทรพูด 'ฮะ' ใจเราแป้วเลย
สมุทรเมะเถอะนะเบบี้

ขอแนบข้อความเดิมจากที่เบบี้เคยกล่าวเตือนผู้อ่านทิ้งท้ายไว้ในตอนที่ 11 
ทั้งนี้.. ส่วนตัวผู้เขียนเองไม่คิดว่าการพูด "ฮะ" จะเป็นการบอกลักษณะตัวตนใครว่าการพูดฮะ จะต้องเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว  ซึ่งคำพูดที่ใช้ก็ขึ้นอยู่ที่น้ำเสียงที่ควรเป็นและบริบทในการใช้  เพราะทั่วไปผู้เขียนยังคงเห็นว่าผู้ชายแท้ ๆ บนโลกก็ยังพูด "ฮะ" โดยปกติได้ 
.
..


ปล. จากผู้เขียน

1). มีการพูดคุย  สงสัยและคาดเดากันเกิดขึ้นมากในกรณีที่ว่า ตอนของไฟนี้.. ผู้ใดรุก และ ผู้ใดรับ ^ - ^ เบบี้ไม่สามารถตอบให้ได้ในตอนนี้เพราะต้องการให้ทราบในตอนต่อ ๆ ไปในอนาคตด้วยตัวผู้อ่านเอง  แต่เนื่องจากว่าเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่ง(ขออ้างเฉพาะนิยายบางเรื่องของตัวเบบี้เอง)เคยเกิดกรณีที่ผู้อ่านบางท่าน "รับไม่ได้" กับเนื้อหาพลิกผันที่เกิดขึ้น ฯลฯ  ดังนี้..จึงขอเตือนก่อนล่วงหน้าว่า  ถ้าหากท่านจะไม่สามารถรับได้..ถ้า..ใครก็ตามจะรุก หรือ ใครก็ตามจะรับ  เพื่อกันไม่ให้เกิดสภาวะสะเทือนใจต่อผู้อ่าน(ท่านที่รับไม่ได้)เกิดขึ้น  เบบี้จึงขอเตือนว่าท่านสามารถหยุดอ่านได้ตั้งแต่ตอนนี้ยังทันนะคะ  เพราะทางเบบี้มีเนื้อหาที่วางไว้ในใจอยู่แล้วและจะไม่เปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งใด 

2). ตอนนี้เป็นไปแบบซอฟท์ ๆ หลังจากที่ดูน่าจะลุ้นและเนื้อหาอยู่กับไฟกันมานาน ^ . ^ ตอนต่อไปไม่สามารถรับปากได้ว่าเมื่อไหร่  แต่อาจจะไม่นานเกินรอ  ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

..ขอขอบคุณคุณ Must ด้วยที่กรุณาทำสารบัญให้อีกเรื่องแล้ว  อย่างไรเบบี้จะแปะไว้ที่หน้าที่ 1 นะคะจะได้สะดวกต่อท่านอื่น ๆ ขอบคุณมากค่ะ..

เบบี้

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
ตอนที่ 13
..ไฟ..




วันพุธ II บ้านเลิศประสงค์..

"ตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้วครับ" พี่ธานบอกทันทีที่เห็นผมเดินลงมาจากบนบ้าน 
เมื่อเช้านี้ผมเพิ่งออกไปวิ่งและตั้งใจวิ่งเลยไปบอกคนที่ค่ายด้วยว่าวันนี้จะพาสมุทรมาแนะนำให้รู้จัก  กลับมาถึงบ้านชกลมเสร็จก็บริหารร่างกายก่อนขึ้นไปอาบน้ำอาบท่า  ลงมาก็ได้เวลาอาหารเช้าพอดีตามเวลาที่วางแผนเอาไว้

"พี่ยังไม่ได้กินใช่ไหม" ผมถามพี่ธาน

"ยังครับ" พี่ธานตอบ 

"แล้วไอ้ดินกับไอ้ยุล่ะ" ผมถาม

"คุณพายุอยู่ในครัวครับ คุณดิน..กำลังแต่งตัว" พี่ธานตอบ  ผมเหลือบมองนาฬิกาบนผนังบ้าน  พอเห็นเวลาแล้วทำให้ต้องถอนหายใจเซ็ง ๆ อีกแล้ว 

"สมัยเราน่ะนะ..เจ็ดโมงครึ่ง ผมถึงโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว" ผมพูดเชิงบ่น

"ข้าวก็กินเรียบร้อย การบ้านก็เสร็จหมดด้วย..ส่วนตัวก็ไม่รู้ว่าจะไปให้เช้าเข้าไว้ทำไม แต่ก็ไม่เข้าใจว่าพวกที่มาสายสุดโต่งน่ะ มันเป็นเพราะอะไร" ผมพูดเสียงเรียบ  แต่ก่อนไม่เข้าใจ  ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม  พี่ธานยิ้มกว้าง

"เออ คุณไฟครับ" พี่ธานเรียกเหมือนนึกอะไรขึ้นได้

"เห็นพวกพี่อ้อนบอกว่า อาทิตย์หน้ามีรวมตัวตะกร้อกันที่สนามน่ะครับ คุณไฟสนใจจะไปไหม..พี่อ้อนให้มาถาม ผมลืมบอก..เค้าโทรมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ" พี่ธานบอกอย่างตื่นเต้น

"จริงดิ มากันครบเลยเหรอ" ผมถามอย่างตื่นเต้น  ตะกร้อเป็นกีฬาที่มีเสน่ห์ในสายตาของผม  เรียกว่าเป็นหนึ่งในงานอดิเรกของผมเลยก็ว่าได้  ผมไม่ได้เล่นเก่งอะไรนักแต่เกิดมากับมันมากกว่า  ค่ายมวยของพ่อกับตะกร้อเป็นของเล่นยามว่างของนักมวยในค่ายมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว  ตอนเรียนประถมและมัธยม  ผมเคยลงแข่งตะกร้ออยู่บ้าง  ผมว่าตะกร้อเป็นกีฬาที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะตัว  หลายครั้งกับประสบการณ์ส่วนตัวที่ชาวต่างชาติเห็นมักจะสนอกสนใจเสมอว่านี่มันคือกีฬาอะไรของไทยกันแน่ 

ผมได้เคยบังเอิญไปรู้จักกับพี่คนหนึ่งที่สวนสาธารณะแถวฝั่งธน  เนื่องจากผมบังเอิญไปแถวนั้นด้วยเรื่องงาน  เสร็จจากงานก็ไปเดินเล่นผ่อนคลาย  บังเอิญเข้าไปเห็นพวกคุณลุง  คุณตากำลังเล่นตะกร้อลอดห่วงกันอยู่อย่างครื้นเครง  แถมยังเล่นเก่งกันโคตร ๆ ทั้งที่อายุก็มากแล้ว  วันนั้นทำให้ผมได้รู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปสมัยเป็นเด็กอีกครั้ง  ได้นึกถึงสมัยที่เริ่มหัดเล่นกับพ่อและพี่ธานที่ค่ายมวย

ในวันนั้นผมเข้าไปทำความรู้จักกับทุก ๆ คนจนสนิทสนม  หลังจากนั้นจึงพาพี่ธานไปแนะนำให้ทุกคนรู้จัก  มีเวลาว่างไปร่วมเล่นด้วยอยู่สองสามครั้ง  เคยได้ไปดูการแข่งขันตะกร้อกับคนที่นั่นอยู่ครั้งหนึ่ง  เวลาผ่านมานานผมติดงานจึงไม่ค่อยได้ไปอีก  แต่พี่อ้อนพี่ที่ผมรู้จัก  บ้านของพี่เขาอยู่แถวฝั่งธนพอดี  เขาเป็นคอตะกร้อตัวยง  จึงเป็นตัวตั้งตัวตีจัดกิจกรรมต่าง ๆ ขึ้นเพื่อสานสัมพันธ์คนคอเดียวกันให้มาพบปะกันเสมอ ๆ

"น่าจะนะครับ เห็นพี่อ้อนอยากให้คุณไฟไป ย้ำนักย้ำหนาเลย" พี่ธานยิ้มบอก

"อืม..ดูก่อนนะ ไม่รู้ว่าจะมีงานรึเปล่า เค้านัดกันวันไหน" ผมถาม

"วันเสาร์เช้าครับ"

"อ๋อ โอเค บอกพี่อ้อนไปก่อนแล้วกันว่าถ้าไปได้จะโทรบอกล่วงหน้าวันนึง" ผมบอก

"ได้ครับ" พี่ธานตอบ  สายตาเหลือบมองไปทางห้องโถงทางเข้าบ้าน  ผมหันกลับไปมองตามเห็นสมุทรเดินเข้ามาพอดี  อีกฝ่ายยกมือไหว้ทักทายพี่ธาน 

"กินข้าวด้วยกันไหมสมุทร" พี่ธานชวนด้วยน้ำเสียงสนิทสนม

"ไม่ละครับ ผมเรียบร้อยมาแล้ว" สมุทรยิ้มตอบ  พอฟังคำปฏิเสธนั่นเสร็จผมจึงเดินออกจากบทสนทนาเพราะรู้แล้วว่าฝ่ายที่ถูกชวนคงไม่ร่วมโต๊ะด้วยแน่

"เอ่อ คุณไฟ" สมุทรเรียก  ผมหันกลับไปด้วยรู้สึกทั้งแปลกใจและแปลกหูที่ได้ยิน  นี่คงเป็นครั้งแรกหรือเปล่าที่อีกฝ่ายเรียกชื่อผมแบบนี้ 

"ยายผม..ฝากขนมชั้นมาให้คุณน่ะครับ แกดีใจ..ที่เห็นว่าผมได้งานใหม่" สมุทรยิ้มบอกพร้อมกับชูถุงขนมให้ผมดูอย่างเก้ ๆ กัง ๆ

"คุณจะชิม หน่อยไหม" สมุทรถามเสียงเบาด้วยสีหน้ากังวลใจแฝงให้เห็นอย่างชัดเจน  ผมมองนิ่ง  นี่ขนาดไม่ได้หันไปมองหน้าพี่ธานตรง ๆ ยังรู้เลยว่าอีกฝ่ายก็ยืนรอคำตอบอยู่เช่นกัน

"อืม เอาสิ" ผมพยักหน้าตอบ

"ครับ เดี๋ยวผมไปใส่จานให้นะ" สมุทรผงกหัวยิ้มกว้าง  เดินจ้ำตรงไปทางครัวเล็กที่อยู่ติดกับห้องอาหารเหมือนกับรู้ทางและเป็นงานหมดแล้วอย่างนั้น  ผมเหล่ตามองไปทางพี่ธาน  อีกฝ่ายเหล่สายตาแบบเดียวกันมองกลับใส่ผม

"อะไร" ผมถามเสียงห้วน  พี่ธานหัวเราะในลำคอ

"กินบ่อยนะครับเดี๋ยวนี้" พี่เขาแซว  เหมือนกับจะบอกว่าช่วงนี้ผมกินขนมหวานไทยบ่อยผิดปกติ 

"ผมก็ไม่ได้อยากกินนักหรอก พี่ก็ดูหน้ามันสิ" ผมว่า  พี่ธานยังคงฉีกยิ้มไม่เลิก  ผมค้อนปราม  พี่เขายกมือผายขึ้นคล้ายกับบอกว่าขอเป็นฝ่ายยอมแพ้ก็ได้  ผมส่ายหัวเซ็ง ๆ เดินหนีไปที่ห้องอาหารก่อน  พี่ธานเดินตามเข้ามา  พายุมาพร้อมกับป้าอิ่ม 

วันนี้เป็นอาหารเช้าสไตล์อเมริกัน  ก็ดีครับ..ไม่ถือว่าเป็นอาหารน้ำร้อน ๆ แบบที่ผมเกลียด  ครู่หนึ่งสมุทรก็เดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร  ทุกคนมองตามจานขนมชั้นหลากสีสันที่ถูกหั่นไว้พอดีคำเรียบร้อยแล้ว  สมุทรวางจานนั้นลงกลางโต๊ะ

"หวังว่าจะชอบนะครับ เป็นสูตรของยายผมเอง" สมุทรอมยิ้มบอก  แม่บ้านยิ้มมองสมุทรอย่างเอ็นดู

"พี่ไม่กินด้วยกันเหรอ" พายุถาม

"ผมกินมาแล้วครับ"

"งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" สมุทรบอกพร้อมผงกหัวน้อย ๆ ก่อนเดินออกจากห้องอาหารไป  พวกเราลงมือกินอาหารกันอย่างเงียบ ๆ ผ่านไปประมาณห้านาที  ผมได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาและคาดว่าคงจะเป็นไอ้ดินตัวดีอีกตามเคย

"แซนวิชของผมละครับป้า!" ไอ้ดินร้องหาตาเหลือก

"นี่ค่ะ..ป้าเตรียมไว้ให้แล้ว" ป้าอิ่มรีบหยิบถุงอาหารไปให้ถึงมือ  ผมมองตามอย่างคาดโทษ  ไอ้ดินทำเป็นเมินแกล้งไม่มองหน้าผม

"รักป้าจัง" มันเข้าไปกอดป้าแกอ้อน ๆ ป้าอิ่มยิ้มหวานแพ้ลูกอ้อนมันอีกตามเคย

"เฮีย..คือว่า" ไอ้ดินหันมาสบตาผม  มันทำเสียงเล็กเสียงน้อยเดินเข้ามาคุกเข่านั่งลงกับพื้น  ผมตั้งหน้าตรง  เหล่สายตาต่ำมองอย่างไม่ไว้ใจ

"ขอดินแข่ง BMX นะ" มันพูดหน้าอ้อนสุดฤทธิ์เท่าที่จะทำได้  ไอ้ดินวางกระดาษแผ่นหนึ่งลงบนโต๊ะ  พนมมือเข้าหากันพร้อมกับทำตาปริบ ๆ ผมหยิบมาอ่าน  อีกมือก็ยังไม่วางส้อม  เมื่ออ่านดูรายละเอียดก็เห็นว่าเป็นรายการแข่ง BMX ระดับเยาวชน  ไอ้นี่มันฉลาดดีที่แนบใบสมัครมาพร้อมด้วยเรียบร้อย

"ขอดินแข่งนะเฮีย ดินอยากแข่งจริง ๆ" ไอ้ดินเข้ามาจับแขนผมทั้งสองมือพร้อมกับบีบนวดอย่างเอาใจ  ผมอ่านระเบียบการแข่งขันและเงินรางวัลที่ควรได้รับอย่างคร่าว ๆ ผ่านตา

"อยากคอหัก ขาเป๋งั้นสินะ" ผมพูดห้วน  ประชดไปงั้น

"เฮียกล้าพูดเนอะ" ไอ้ดินทำหน้าประชดว่าผมกลับ 

"แล้วก็พิการ มาให้กูเลี้ยง ป้อนข้าวป้อนน้ำ" ผมพูดแกล้งไม่หยุดแล้วจิ้มไส้กรอกกินไปพูดไปหน้าตาเฉย พายุกับพี่ธานหัวเราะเบา ๆ เหมือนรู้แล้วว่าผมจงใจแกล้งไอ้ดิน  ไอ้ดินทำตาค้อนมองหน้าผม  มันหุบปากเงียบเหมือนเตรียมพร้อมจะเหวี่ยงบ้าง

"ตอนเฮียแข่งมอเตอร์ไซค์ก็ไม่เห็นมีใครว่าเฮียเลยสักคน ทั้ง ๆ ที่ดินพร้อมป้อนข้าวป้อนน้ำเฮียเสมอแหละ" มันว่า

"อ๋อ..ขอโทษครับ ไม่จำเป็น กูรวย..กูจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลกูได้" ผมพูดตอบหน้านิ่ง

"อีกอย่าง เลือกได้ด้วยว่าเอาหน้าตาแบบไหน..สบายตากูดีกว่าได้ดูมึงเยอะ" ผมยักคิ้วยิ้ม ๆ

"เฮีย!" ไอ้ดินร้องเสียงหลง  มันเงียบปากไปอย่างเถียงไม่ออก 

"มึงจะซ้อมทันเหรอ" ผมถาม  จากที่เห็นคือการแข่งขันใกล้เข้ามาแล้ว

"ดินซ้อมจริงจังทุกวันอยู่แล้ว ก็เฮียไม่เคยไปดูเลย..เอาแต่ว่า โอ๊ย!" ไอ้ดินร้องหน้าหงายเพราะโดนผมผลักหน้ามันไปอย่างตัดรำคาญ  พูดมากอยู่ได้

"ปากกา" ผมขึ้นเสียง

"ค้าบ" มันยิ้มกว้างทันที  ไอ้ดินรีบเปิดกระเป๋าแล้วหยิบปากกามายื่นให้ผมด้วยท่าทางนอบน้อมประดิษฐ์  ผมอ่านระเบียบข้อสุดท้ายซ้ำอีกครั้งหนึ่งเพราะไม่ค่อยแน่ใจ  ไอ้ดินชะเง้อมองเป็นลูกหมาเลยทีเดียว  ผมตัดสินใจเซ็นอนุญาตจากผู้ปกครองลงไปให้  พอเซ็นเสร็จมันก็รีบหยิบไปดูอย่างดีใจ

"งั้น ดินขอค่าเสื้อด้วยนะเฮีย..เสื้อทีมอ่ะ" ไอ้ดินยิ้มตาหยี  แบมือตรงหน้าผมง่าย ๆ

"กูยังไม่ให้วันนี้ ถ้าอยากได้..มึงไปเขียนรายละเอียดมา ร้านที่มึงจะทำเสื้อก็ทำร้านเดียวกับที่ทำเสื้อให้ค่ายมวยแล้วกัน" ผมพูดชัดเจน  ไอ้ดินกัดฟันที่ผมรู้ทันมัน

"แล้ว..เฮียจะเป็นสปอนเซอร์ให้ทีมดินไหม" ไอ้ดินถาม  สายตาเปลี่ยนเป็นคาดหวังและอ้อนวอนอีกครั้ง  ผมเหลือบมองก่อนเงียบเมินใส่ 

"ไปขอจากพี่สนสิ" ผมปัดไปอีกทาง

"โหย..แต่เฮียเป็นคนในครอบครัวนะ ให้ดินไปขอพี่สนได้ไง" ไอ้ดินสบถ  พายุหัวเราะ

"ทีงี้ละเห็นกูเป็นคนในครอบครัวขึ้นมาเชียว สปอนเซอร์ก็เพื่อนมึงนั่นไง..รักกันดีนักนี่" ผมว่าให้อย่างอดไม่ได้  ไอ้ดินหน้าหงอยลง 

"จะชนะไหมล่ะ กูชอบที่หนึ่ง..ถ้ามั่นใจว่าได้แน่ กูจะเป็นสปอนเซอร์หลักให้" ผมเลิกคิ้วหันไปมองหน้าไอ้ดินอย่างกวน ๆ ไอ้ดินทำปากย่นเข้าหากัน  มันทำหน้าอย่างกับหมาหน้าย่นอย่างนั้น

"ได้! ชนะแน่นอน!" ไอ้ดินกระแทกเสียงดังลั่นห้อง

"ไปแล้วครับ!" มันกระแทกเสียงแล้วลุกขึ้น  ยกมือไหว้ทุกคนที่อยู่ในห้องอาหารแล้วเดินแกว่งถุงแซนวิชออกไปเหมือนไม่พอใจ  ผมหัวเราะ  ลงมือกินต่อ  เมื่อจัดการอาหารหลักจนหมดจึงลองชิมขนมชั้นที่คนเอามาให้ภูมิใจนำเสนอนักหนานั่นต่อ

"หวาน" ผมพูดเบา ๆ อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกระแวงกลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน

"ไม่เห็นหวานเลย" พายุว่าไปเคี้ยวขนมชั้นไป

"ลิ้นมึงตายไง" ผมย้อน  พี่ธานหัวเราะก่อนจิ้มขนมชั้นกินต่อจากพวกเรา  ผมกับพายุมองอย่างรอความคิดเห็นที่น่าจะตัดสินอะไรเราสองพี่น้องได้

"..ไม่ออกความเห็นครับ" พี่ธานพูดไม่สบตาเราทั้งคู่เหมือนรู้นิสัยของเราสองพี่น้องเป็นอย่างดี  อีกฝ่ายเอื้อมมือจิ้มขนมชั้นกินเข้าไปอีกคำใหญ่

"กินคำเดียวเองเหรอครับ คนให้รู้จะเสียใจเอานะ" พี่ธานมองผมอย่างเจ้าเล่ห์ที่เห็นผมนั่งนิ่งเหมือนจะไม่ขอต่อ  ผมจิปากเซ็ง ๆ เอื้อมมือไปหยิบมากินอีกเพียงชิ้นเดียว  เมื่อเห็นว่าพายุกำลังเคี้ยวจนจะหมดดีแล้ว  ผมจึงจิ้มชิ้นต่อไปแล้วนำไปยัดใส่ปากพายุอย่างไม่บอกก่อนล่วงหน้า  มันคงกลัวเจ็บปากถึงได้อ้าปากรับไปกินอย่างง่ายดาย
 
"อ้าปากครับ" ผมสั่งพี่ธานพร้อมกับจิ้มชิ้นต่อไปเตรียมจะป้อนพี่ธาน

"อะไร ผมอิ่มแล้ว" พี่ธานยิ้มพูดตาโต

".........." ผมถลึงตาใส่  นำขนมชั้นไปจ่อที่ปากของพี่เขารอไว้  พี่ธานกลอกตาอย่างเสียไม่ได้และอ้าปากรับไปในที่สุด  ผมมองขนมชั้นที่เหลืออยู่บนจานเพียงชิ้นสุดท้าย

"กินครับ" ผมสั่งแล้วจิ้มไปใส่ปากพี่ธานอีกอัน  พายุหัวเราะ  พี่ธานอมยิ้ม  อ้าปากรับไปกินอย่างกลั้นใจ

"เย็นนี้เสื้อผ้าของพี่เค้าได้แล้วนะ" พายุพูดบอกเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้  ผมพยักหน้า

"เอาบิลไปให้พี่ที่ห้องแล้วกัน เดี๋ยวเอาให้" ผมบอก  พายุพยักหน้า 

"อิ่มจริง ๆ" ผมพูด  หยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้วและนำกระดาษเช็ดปาก

"เคี้ยว" ผมลุกขึ้นพร้อมสั่ง  ตบไหล่พี่ธานสองสามทีเป็นการย้ำคำสั่งก่อนเดินออกมา  ผมเดินไปที่ห้องนั่งเล่น  ไม่เห็นสมุทรอยู่ที่นั่น  มองลอดออกไปนอกประตูกระจกเห็นเขากำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ที่สวนดอกไม้ข้างสระว่ายน้ำพร้อมกับน้ามิ่งคนสวน  สมุทรหยิบกรรไกรตัดกิ่งเล็มตัดตกแต่งพุ่มไม้อย่างชำนาญมือ  ส่วนน้ามิ่งก็กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่  ทั้งสองพูดคุยอะไรกันสักอย่าง  ผมตั้งใจมองและพยายามแกะปากอ่าน  ได้ใจความน่าจะเป็นเรื่องที่มาที่ไปของสมาชิกใหม่นั่นละ  สังเกตให้ดีวันนี้เขาใส่เสื้อยืดสีดำโล้น ๆ ธรรมดา ๆ อีกวัน  กางเกงยีนสีดำค่อนข้างเข้ารูปทำให้หุ่นโดดเด่นตาขึ้นอีก  เพียงครู่หนึ่งในสมองของผมก็นึกถึงเรื่องลามกขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจ..

"แอบอ่านปากคนอื่นแบบนี้ เจ้าตัวรู้จะระแวงเอาได้นะครับ" ผมชะงัก  หันไปมองพี่ธานที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับสมุดและเอกสารต่าง ๆ ผมเดินกลับไปนั่งที่โซฟา

"ทำสวนก็ได้ ทำกับข้าวก็เป็น..จ้างไว้เฉพาะทำงานในบ้านนี่ก็คุ้มอยู่นะครับ" พี่ธานว่า 

"แต่ถ้าให้ทำอย่างอื่นด้วย เจ้านายผม..ก็คงรู้สึกว่าคุ้มมากไม่น้อย" พี่ธานยิ้มเจ้าเล่ห์ 

"ก็ถ้าอีกฝ่ายรับข้อเสนออะนะ" ผมยิ้มเจ้าเล่ห์เล่นตอบกลับอย่างไม่ลดละ  พี่ธานส่ายหัวหน่าย ๆ



ตืด  ๆ ๆ ๆ ...โทรศัพท์มือถือส่วนตัวของผมสั่น  เมื่อเห็นว่าสายโทรเข้าเป็นสายจากไอ้โปรด  ผมจึงยื้อไว้สักระยะ  พอสมใจแล้วค่อยหยิบมากดรับ

"รับช้าฉิบหาย" มันบ่นทันที

"มีไร" ผมยิ้มถาม

"วันนี้ไป Racer เปล่า" ไอ้โปรดถาม  Racer ที่พูดถึงคือ T-Racer International สนามแข่งรถที่ลูกพี่ลูกน้องของไอ้โปรดอย่าง "พี่สน" เป็นคนคิดริเริ่มก่อตั้ง  ผมและไอ้โปรดเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของที่นี่ด้วย

"มึงกลับมาเมื่อไหร่" ผมถาม

"เมื่อวานกลางคืน"

"มึงจะไปเหรอ"

"อืม กูไม่ได้เข้ามาเกือบเดือนแล้ว ไปดูหน่อย" ไอ้โปรดว่า

"อืม ได้ เจอกันที่นั่นแล้วกัน" ผมตอบ

"โอเค เจอกัน" มันตอบก่อนตัดสายไป

"เดี๋ยวพี่จะไปสนามแข่งใช่ไหม" ผมถามพี่ธานพร้อมกับวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ

"ครับ เข้าตอนบ่าย ๆ..เช้านี้ว่าจะไปสนามยิงปืนก่อน" พี่ธานตอบ

"โอเค" ผมพยักหน้ารับทราบ

"วันนี้คุณไฟตั้งใจจะไปไหนบ้างครับ"

"ตอนแรกว่าจะพาสมุทรไปให้คนที่ค่ายรู้จักตอนเย็นนี้ ถ้าไป Racer ตอนบ่าย สงสัยวันนี้คงไม่ได้ไปอีกตามเคย" ผมพูดแกมบ่น

"เดี๋ยวจะไปบางกอกแลนด์ก่อน ไปเซ็นเอกสารเช่าซื้อใหม่" ผมบอกพี่ธาน  Bangkok Land คือศูนย์การค้าที่ก่อตั้งขึ้นโดยย่าของผม  มีสาขาเดียวตั้งอยู่ในย่านธุรกิจ  ย่ายกให้พ่อเป็นคนบริหาร  ในยุคสมัยของพ่อ  พ่อเคยตั้งใจว่าจะปรับเปลี่ยนจากศูนย์การค้าให้เป็นทั้งกึ่งศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าไปในตัว  แต่สุดท้ายโครงการก็ล้มเลิกไปจนพ่อเสีย  ตกทอดการดูแลมาจนถึงผม  และคนที่จะเป็นเจ้าของมันในอนาคตก็คือพายุ 

"โอเคครับ..งั้นผมขอถามเรื่องตารางแข่งมวยหน่อย" ผมพูด  พี่ธานยื่นกระดาษเอสี่มาให้  ผมรับมาดู  มันเป็นตารางการแข่งขันทั้งหมดของทั้งเดือนนี้และเดือนหน้า

"เรื่องสำคัญเรื่องแรกที่คุณยังไม่ทราบ..พี่นีเพิ่งโทรหาผมเมื่อเช้า บอกว่าคนของลุงป๋อติดต่อมาเรื่องการแข่งของสนามมวยเปิดใหม่ที่พัทยา สนามศิลป์พัทยาน่ะครับ" พี่ธานเล่า   

"อ๋อ..สนามที่ลุงแกไปหุ้นอยู่ด้วยใช่ไหม แล้วไง" ผมขมวดคิ้วถามเพราะไม่ได้ติดต่อลุงป๋อมาพักใหญ่ ๆ แล้ว  "ลุงป๋อ"..เป็นเจ้าของค่ายมวยศิษย์ป.  ลุงแกเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อผมมานานมาก  ผมไม่ค่อยได้ติดต่อแกนักหลังจากที่พ่อเสีย  แต่เวลาที่เราพบปะกัน  ผมค่อนข้างสนิทใจเสมอที่จะพูดคุย  รู้สึกรักและเคารพลุงเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง 

ลุงป๋อมีลูกชายสองคน  ลูกชายคนโตผมไม่ค่อยสนิทด้วย  แต่ลูกชายคนเล็กคือ.."ไอ้ป๊อด" สำหรับผมมันค่อนข้างป๊อดสมชื่อ  ไอ้ป๊อดเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับผม  ผมกับมันเรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่สมัยมัธยมศึกษาตอนต้น  แยกย้ายกันไปช่วงเข้ามหาวิทยาลัย  มันไม่ใช่คนที่มีพิษมีภัยต่อใครแต่ก็ไม่ใฝ่ดีนัก  ผมกับมันไม่มีปัญหาอะไรต่อกัน  พูดคุยเล่นหัวกันเหมือนเพื่อนร่วมโรงเรียนที่มีมิตรภาพที่ดี  เราสองคนไม่สนิทกันจริงจังนัก  ผมว่าไอ้ป๊อดมันเป็นคนไม่เอาถ่าน  หัวดีแต่ไม่รักดี  ที่สำคัญคือติดผู้หญิง  โดยส่วนตัวของผมแล้ว  ผมไม่ชอบคบกับคนลักษณะแบบนี้อย่างสนิทสนมเพราะผมถือว่าคนกลุ่มนี้เป็นคนที่แยกแยะอะไรด้วยสติปัญญาของตัวเองไม่ได้  ผมคิดว่า  คนไม่ใฝ่ดีถึงจะคบเพื่อนเป็นคนสะอาดหรือคนไม่สะอาด  สุดท้ายก็ยังไม่ใฝ่ดีอยู่วันยังค่ำ 

สมัยก่อน  ลุงป๋อชอบบ่นกับพ่อผมบ่อย ๆ ว่าอยากได้ลูกชายแบบผม  ทำไมไอ้ป๊อดถึงไม่รักค่ายมวยของพ่อมันเหมือนที่ผมรักอะไรทำนองนั้น  ผมว่าลุงแกคงบ่นไปตามประสา  ที่จริงแล้วลุงป๋อรักไอ้ป๊อดมาก  มีอะไรให้หมด  ยกหน้าตัก  เรียกว่าตามใจทุกอย่าง  ทุกวันนี้ถึงแม้ว่าลุงป๋อจะร่ำรวยมากแต่ก็ยังติดทำตัวสมถะ  กินข้าวกับน้ำพริกเลี้ยงชีพไปวัน ๆ เงินหลายสิบล้านที่ลุงแกสะสมไว้  ถ้าสักวันลุงแกเสียไปไอ้ป๊อดก็คงจะสบายไปได้อีกพักใหญ่ ๆ เลยละนะ

"เค้าเชิญเฉพาะนักมวยค่ายใหญ่ ๆ นักมวยมีชื่อขึ้นชก" พี่ธานตอบเสียงเรียบนิ่ง  เรามองหน้ากัน

"แล้วนี่ครับ บัตรเชิญ" พี่ธานนำนิ้วดันซองจดหมายสีขาวมาตรงหน้าผมเหมือนให้ผมเปิดอ่านด้วยตนเอง  ผมยิ้มมุมปากน้อย ๆ ก่อนหยิบมาแล้วนำมาเปิดดู 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-12-2015 15:16:48 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
"แข่งวันเดียว รู้ผลเลย" ผมเบะปากพึมพำหลังจากอ่านรายละเอียดเสร็จ  ผมชอบอะไรแบบนี้เพราะมันสะใจดี  เป็นการแข่งขันเพื่อเรียกสีสันให้กับงานและเงินน่าจะสะพัดน่าดู  ผมนั่งเท้าแขนลงอย่างใช้ความคิด  อีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้านักมวยมือดี ๆ ในค่ายของผมจะต้องขึ้นชกหลายการแข่งขัน  และวันที่เปิดสนามชกมวยศิลป์พัทยาที่พัทยานั้น  เป็นวันที่คาบเกี่ยวกันกับระหว่างการเก็บตัวของนักมวยพอดี  การแข่งขันครั้งนี้ระบุไว้สองแบบ คือ แบบมวยไทยคาดเชือก  ที่จำเป็นต้องส่งนักมวยเข้าชกหนึ่งคน  และแบบมวยไทยใส่นวม  ที่ต้องเข้าชกอีกหนึ่งคน  ซึ่งผมคิดว่าคงจะเป็นการเปิดสนามมวยที่ต้องการเรียกคนดูโดยเฉพาะให้คนที่มีชื่อเสียงในวงการไปประชันตัวกัน  การเจาะจงการขึ้นชกว่าเชิญเฉพาะนักมวยของค่ายมวยใหญ่ ๆ ก็เหมือนเรียกเสือให้ไปเจอสิงห์อะไรเทือกนั้น  และศักดิ์ศรีก็คงค้ำคอมันอยู่ทุกค่ายนั่นละ

"ฉลาดหาเงินดีนะ คนคิดธีมงาน..งานโชว์คนรวย" ผมพูดแกมหัวเราะ

"ก็คนถือหุ้นใหญ่มันใครละครับ" พี่ธานบ่นถึงผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เป็นคนคิดริเริ่มก่อตั้งสนามแข่งมวยนี้ นั่นก็คือ "เสี่ยปรีดา" นักธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง  ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบรนด์ดังส่งออกนอก  และที่สำคัญยังเป็นเจ้าของค่ายมวยสิงห์ปรีดาอีกด้วย  คู่แข่งรายสำคัญของพ่อผมเลยละ  เราทั้งสองค่ายไม่เคยมีปัญหากันนอกเกม  ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งเสี่ยปรีดาและพ่อของผมก็รู้จักมักจี่กันเป็นอย่างดี  แต่เราบริหารค่ายมวยกันคนละแนว  เสี่ยปรีดาเก่งไปทางธุรกิจเป็นหลักและเสี่ยเป็นเจ้าของค่ายมวยที่ชกมวยไม่เป็น  สำหรับผม..เสี่ยฉลาดแกมโกง  เห็นแก่ตัว  และไม่เคยพอในเงินหรือบารมีที่มีอยู่  ผมไม่รู้ว่าเสี่ยเขาเป็นคนดีหรือคนไม่ดีในระดับไหน  แต่ผมพูดได้เต็มปากเลยว่าปกติแล้วพี่ธานไม่ใช่คนเกลียดใครฝังใจนัก  ซึ่งถ้าเสี่ยปรีดาทำให้พี่ธานรังเกียจได้ขนาดนี้  ผมถือว่าเสี่ยก็เป็นหนึ่งในบุคคลไม่ธรรมดาทีเดียว

"เอ๊ะ ตารางชกของไอ้นพ..ถ้ามันชกกับมวย SIAM แล้วเข้ารอบ มันจะมีแข่งอีกวันไหนนะ" ผมถามพี่ธานเพราะไม่แน่ใจ  ในค่ายมวยของผม  เราแยกประเภทและความถนัดของนักมวยในแต่ละคน  แน่นอนว่าแต่ละคนเก่งมวยคนละด้าน  ไอ้นพถือว่าเป็นนักมวยคาดเชือกที่ฝีมือดีที่สุดในค่ายของเราในขณะนี้  อีกทั้งมันเป็นคนเดียวที่เชี่ยวชาญทางด้านศาสตร์มวยไทยโบราณมากที่สุดอีกด้วย 

"ถ้ามันเข้ารอบ จะชกอีกทีวันที่ยี่สิบแปด มีนาครับ" พี่ธานตอบ  ตามองอ่านในสมุดโน้ตของพี่เขา

"รู้รึยังว่าเค้าเชิญใครบ้าง" ผมถาม

"ที่แน่ ๆ ก็เรา..ค่ายของเสี่ยยุทธ ค่ายของลุงป๋อ..ค่ายเหนือเมฆ ได้ข่าวว่าค่ายจากต่างประเทศมาดูเยอะเหมือนกันครับ" พี่ธานแจงรายละเอียด

"เสี่ยยุทธส่งใคร" ผมถามทันที

"ไม่ทราบครับ" พี่ธานตอบ  เราจ้องตากัน  ถ้าผมจะเดาไม่ผิด  ทางฝั่งของเสี่ยจะต้องบอกรายชื่อนักชกตัวเองช้าอย่างทุกครั้งเพื่อรอดูการเคลื่อนไหวของค่ายผมก่อนเป็นแน่  ผมแสยะปากยิ้ม ๆ ดูท่าจะมีเรื่องสนุก ๆ ได้ทุกวี่ทุกวันเลยสินะ

"ระหว่างนี้ให้คนคอยเฝ้าดูที่ค่ายไว้" ผมสั่งเพราะเกรงอันตรายกับนักมวย  พี่ธานพยักหน้ารับ 

ที่จริงผมไม่แคร์ว่าเสี่ยยุทธจะส่งใครขึ้นชก  ผมเชื่อในฝีมือของไอ้นพ  เสี่ยอยากจะทำอะไรก็ทำไป  เอาที่เสี่ยสบายใจเพราะผมเอียนที่จะสนทนากับคนหน้าด้านอย่างเสี่ยเต็มทน 

เกือบทุกครั้งที่ผ่านมาเสี่ยยุทธมักจะส่งรายชื่อนักมวยทีหลังผมเสมอ  เสี่ยมักคอยดูว่าท่าทีของความเป็นไปในค่ายของผมแล้วค่อยดำเนินงานของค่ายตัวเอง  ผมไม่สนใจที่จะรอเล่นแง่กับคนอย่างเสี่ยหรอกนะครับ  เพราะจะพาลทำให้เสียเวลาในการใช้ชีวิตเสียเปล่า ๆ ผมเพียงเลือกเดินในวิถีการทำงานตามแบบของผม  ตามแบบที่พ่อได้เคยปูทางเอาไว้ให้ก็เท่านั้น
 
อันที่จริงผมปฏิบัติตามแบบที่เสี่ยยุทธทำก็ได้  แต่การที่ผมจะต้องไปคอยรอดูประสิทธิภาพของการปั้นนักมวยของค่ายอื่น ๆ เพื่อที่หวังจะทำให้ค่ายของตัวเองได้รับการพัฒนาล้ำหน้าไปกว่าเขา  ในมุมมองของผมแล้ว  มันทั้งเสียเวลาและไร้ศักดิ์ศรี  ถ้าได้รับชัยชนะในรูปแบบอย่างนี้มันก็คงไม่ต่างอะไรกับการโตไปอย่างไม่น่าภาคภูมิใจในฝีมือของตนเอง  ซึ่งมันก็คงไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจไปจนวันตาย  ทุกวันนี้ผมทำในสิ่งที่ผมต้องทำ  คำสอนของพ่อลอยกลับไปกลับมาในใจของผมเพื่อย้ำให้ผมไม่ทิ้งในจุดยืนของตัวเอง  และถ้าผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร  ผมก็พร้อมที่จะยอมรับ 

ถ้าเสี่ยยุทธยังต้องการดูการเคลื่อนไหวของผมก่อนอย่างทุกทีผมก็จัดให้ได้อีกเหมือนเดิม  เตรียมนักมวยเพื่อเข้าแข่ง  เลือกนักมวยที่ดีที่สุด  ฟิตร่างกายของพวกมันไว้ให้พร้อม  และผมที่เป็นเจ้าของค่ายจะต้องเข้มแข็งพอที่จะตั้งรับได้ในทุกสถานการณ์  ผลลัพธ์ของการแข่งขันในครั้งนี้จะหัวหรือก้อยนั้นค่อยว่ากันอีกที  อย่างน้อยมันก็น่าจะมีศักดิ์ศรีมากกว่าการหลบ ๆ ซ่อน ๆ เตรียมพร้อมแทงข้างหลังคนอื่นอย่างที่เสี่ยชอบทำน่ะนะ 

การขึ้นชกแบบวันเดียวจบแบบนี้  เป็นไปได้ก็ขึ้นอยู่ที่ดวงของนักมวยเป็นอันดับแรก  การจัดอันดับคู่ชกจะต้องจับสลากสด ๆ กันในวันนั้น  ส่วนตัวผมชอบการชกแบบนี้  เริ่มเร็ว  จบเร็ว  ได้เงินเร็วและสามารถจะจัดระบบให้นักมวยในเวทีอื่นต่อไป  ซึ่งอะไรแบบนี้ไม่ใช่กรณีที่เกิดบ่อยนักหรอกครับ  นาน ๆ ทีที่เจ้าภาพจะคิดอะไรมาเพื่อทำให้เงินหมุนเวียนและได้เงินคืนในส่วนที่ตนเองลงทุนลงแรงไปกับสนามใหม่แห่งนี้ในแบบรวดเร็วน่ะนะ

"บอกให้ไอ้นพกับไอ้หนึ่งช่างน้ำหนัก ผมว่ามันสองคน ไม่ใครก็ใครน่าจะเข้าเกณฑ์..ผมอยากให้ไอ้นพคาดเชือก เอาเป็นว่า..บอกให้มันสองคนเตรียมตัวไปก่อน ผมจะตัดสินใจอีกทีว่าจะเอาใครแน่" ผมบอก  ไอ้หนึ่งก็เป็นนักมวยคาดเชือกอีกคนหนึ่งที่เก่งแต่ฝีมือยังไม่ฉกาจเท่าไอ้นพ  ซึ่งในจดหมายได้ระบุรายละเอียดให้น้ำหนักของนักมวยที่จะมีสิทธิ์ขึ้นชกในแต่ละรายการไว้เรียบร้อยแล้ว  ดังนั้นการเลือกนักมวยจึงจำเป็นต้องคัดเลือกอย่างดี 

"ตัวสำรองใส่สมุทรไป เผื่อไอ้นพเป็นอะไร" ผมบอก

"หะ" พี่ธานอุทานมองหน้าผมเหมือนได้ยินไม่ชัด  ซึ่งที่จริงน่าจะได้ยินชัดน่ะนะ

"ใส่ไปก่อน" ผมย้ำส่ง ๆ

"ได้ครับ" พี่ธานพยักหน้ารับ

"แล้วก็..ให้ลุงลอยเลือกนักมวยมาให้ผมเลือกสักสามคน ประเภทมวยไทย..เอาแบบที่ไม่มีโปรแกรมการชกทั้งก่อนและหลังวันเปิดสนามนี้นะ เอาที่ช่วงนี้หน่วยก้านดีแล้วกัน" ผมบอก

"แต่แบบนั้น..พวกมันยังไม่เจนเวทีนะครับ" พี่ธานวิตก

"ไม่เป็นไร ผมต้องการแบบนั้น" ผมพูดไม่มองหน้าพี่ธานเพราะรู้ดีว่าพี่เขากลัวว่าถ้าทำแบบนี้ไป  ทางเราอาจมีสิทธิ์ที่จะแพ้เป็นไปได้สูง

"สับขาหลอกก็สนุกดี" ผมแสยะยิ้มบ่นส่ง ๆ

"หึ..ได้ครับ" พี่ธานรับปาก

"ผมจะให้มันขึ้นชกเวทีนี้เวทีเดียว แล้วถ้ามันชนะ ผมจะให้มันพักสามอาทิตย์" ผมพูดเป็นนัยยะให้พี่ธานนำสารนี้ไปบอกเพื่อให้นักมวยมันตีความเอาเองว่ามันควรทำตัวอย่างไร   

"ให้พี่นีจัดที่พักตั้งแต่วันศุกร์ก่อนวันขึ้นชก" ผมบอก  หยิบปฏิทินตั้งโต๊ะมาเปิดดู  พี่ธานจดรายละเอียดทั้งหมดลงสมุด

"ผมอนุญาตให้นักมวยสาขาอื่นไปด้วย ให้พี่นีโทรแจ้งออฟฟิศอื่นไปเลยว่าให้ประกาศบอกลูกค้าว่าค่ายจะหยุดวันไหนบ้าง" ผมบอก 

"เอาเป็นว่า เช่ารถทัวร์ไปแล้วกัน..เหมือนอย่างทุกที" ผมบอก  บางครั้งผมจะอนุญาตให้ลูกน้องได้เที่ยว  ได้ผ่อนคลายบ้างโดยเป็นฝ่ายออกค่าใช้จ่ายให้  คนทำงานหนักก็อยากพักทั้งนั้นแหละครับ  แต่ว่าตอนทำงานผมก็ขอกำลังพวกมันแบบเต็มที่หน่อยน่ะนะ

"เช็คเอาท์วันจันทร์เช้า..วันจันทร์ตอนเย็นทุกค่ายต้องเริ่มงานเหมือนเดิม วันอาทิตย์ผมจะให้ทุกคนพัก ใครอยากทำอะไรไปไหนตามสบาย ที่พักขอแบบโรงแรมแล้วกันนะ..ถ้าที่โรงแรมมีบ้านพักด้วยก็ดี จัดบ้านพักตามรูปแบบเดิมที่ไปเที่ยวกันมารอบที่แล้ว ส่วนของพวกไอ้เข้มพักห้องละสองคน..ให้หามาสักสามโรงแรม หารายละเอียดเสร็จแล้วให้รวบรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้ผม ผมจะตัดสินใจเลือกโรงแรมอีกที..แล้วค่อยให้พี่นีไปจัดการ" ผมบอกเสร็จสรรพ  พี่ธานจดมือเป็นระวิง  ผมหันไปมองเพราะเหมือนได้ยินเสียงใครเข้ามาในห้อง  สมุทรชะงัก  สีหน้าเกรงว่าตนจะเข้ามาผิดเวลา

"ขอโทษครับ" สมุทรพูด  หยุดอยู่ตรงหน้าประตูเหมือนรอคำอนุญาต

"นั่งสิ" ผมบอก  สมุทรผงกหัว  เดินมานั่งฝั่งตรงข้ามกับพี่ธาน  สมุทรนั่งลงด้วยท่าทางนอบน้อม  เวลาที่ผมมองเขาแล้วมันสบายตาดีเพราะเขาทำอะไรก็เรียบร้อยไปหมด  สมุทรมองไปที่เอกสารและพี่ธานเหมือนกับรอคำสั่ง  ผมเซ็นเอกสารลงนามเข้าร่วมการชกในครั้งนี้ก่อนพับจดหมายแล้วเก็บใส่ซอง  เลื่อนนำไปให้พี่ธานอย่างเดิม

"พี่จะลองดูหน่อยไหมละ" ผมช้อนตาขึ้นมองพี่ธานยิ้ม ๆ อย่างเย้าหยอกเพื่อให้พี่ธานกลับเข้าสู่วงการนี้อย่างที่เคยทำจนชินมืออย่างสมัยก่อน  พี่ธานจ้องตาผมกลับไม่กะพริบ

"ขอผ่านดีกว่าครับ ผมแก่แล้ว..ขอบคุณที่ให้โอกาส" พี่ธานตอบกวน ๆ ผมหัวเราะ

"ที่ค่ายนายเก็บกวาดซ่อมแซมไปถึงไหนแล้วล่ะ" ผมหันไปถามสมุทร

"เก็บกวาดเกือบเรียบร้อยแล้วครับ แล้วก็..สถาปนิกมาดูสถานที่แล้ว เดี๋ยวจะเอาแบบมาให้ดูอีกที ทีแรกเค้าเอามาให้เลือกแล้วสามแบบ..พอลุงเสือเลือกแบบไป มันก็มีต้องปรับแต่งอีกนิดหน่อยน่ะครับ ไว้ถ้าเรียบร้อยลงตัวแล้วผมจะเอาภาพมาให้ดู" สมุทรตอบอย่างฉะฉาน 

"โอเค" ผมพยักหน้ารับก่อนเงียบลง  พี่ธานและสมุทรก็เงียบตาม 

"คิดอะไรอยู่ครับ" พี่ธานถามขึ้น  ปากอมยิ้มน้อย ๆ และเริ่มเก็บเอกสารไปด้วย  ผมเหลือบมองด้วยหางตา

"เปล่า" ผมปัด  พี่ธานหยุดมือและเหลือบมองผมอย่างตั้งใจจับผิด

"ถ้านายคุ้นกับงานในค่าย กับที่นี่แล้ว..ฉันจะให้นายไปเริ่มเรียนรู้งานที่ตลาด" ผมพูดขึ้น  สมุทรหันมามอง

"อันที่จริง..พนักงานในสำนักงานก็มีหน้าที่เรื่องบัญชี แล้วก็บริหารงานทั่วไปอยู่แล้วน่ะนะ..แต่" ผมเงียบลงครู่หนึ่ง

"มากคนมากความ..บางครั้งมันก็มีปัญหา" ผมพูด

"ปกติ ผมจะเป็นฝ่ายไกล่เกลี่ยกับแม่ค้าที่นั่นแทนพนักงานในออฟฟิศน่ะครับ..เพราะพวกเค้ามักจะพูดภาษาคนไม่รู้เรื่องกับพนักงานของเรา ผมจะไปแทนคุณไฟ..ถ้าเอาไม่อยู่ก็จะส่งต่อให้คุณไฟ แต่ส่วนใหญ่ก็เอาอยู่นะครับ..ผมเก่ง" พี่ธานอธิบายติดตลก  ผมก้มหน้าหัวเราะเบา ๆ สมุทรมองเหมือนยังไม่เข้าใจทุกอย่างกระจ่างดี

"นาย..ต้องไปแทนพี่ธาน" ผมเงยหน้าบอกด้วยประโยคที่เป็นคำสั่งเด็ดขาด

"คิดว่าทำได้ไหม" ผมถาม  สมุทรนิ่งไปอย่างใช้เวลาตริตรอง

"ครับ" เขาตอบเสียงเรียบแต่ขณะเดียวกันก็ฟังดูเด็ดขาดเช่นกัน

"ดี" ผมหัวเราะขึ้นจมูกเพราะรู้สึกชอบใจในน้ำเสียงแบบเมื่อกี้นี้ของเขาเป็นบ้า "ครับ"..ทุ้มต่ำ  เรียบง่ายแต่ดูมั่นอกมั่นใจ

"ฉันชอบความเด็ดขาดนะ ขอแบบ.." ผมเบะปาก  แสยะยิ้มมองไปทางสมุทร

"เด็ดขาดแบบที่เวลานายไม่ชอบใจอะไรแล้วปฏิเสธฉันน่ะ เอาแบบนั้นเลย..ฉันชอบ" ผมอมยิ้มชม  พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ ที่คงรู้ว่าผมกำลังประชดสมุทรอยู่  สมุทรเหสายตาลง  ใบหน้าเขาอมยิ้มน้อย ๆ ซึ่งเจ้าตัวก็คงรู้แล้วละครับว่าผมจงใจประชดเขาอะนะ

"นายจะได้เจอครบแน่นอน ไม่ว่าจะพวกกวนส้นตีน..ตอแหล สับปลับ" ผมยักคิ้วให้แกมขู่  สมุทรนิ่งไปเลย

"เฮ้อ" ผมถอนหายใจแรง

"ที่จริงวันนี้ฉันตั้งใจจะพานายไปค่ายมวย แต่ดูเหมือนจะไม่ได้แล้ว..ต้องไปที่สนามแข่งรถช่วงบ่าย เอาเป็นว่าจะไปพรุ่งนี้เช้าแทน นายเตรียมตัวให้พร้อมแล้วกัน..พวกเสื้อผ้าที่จะเอามาเปลี่ยนก็ด้วย" ผมบอก

"ได้ครับ" สมุทรพยักหน้า

"เอาเสื้อผ้าส่วนหนึ่งมาไว้ที่นี่เลยก็ดีนะสมุทร ถ้าอันไหนต้องซัก..ก็ใช้เครื่องซักผ้าที่ห้องซักรีดได้เลย" พี่ธานแนะนำ  สมุทรยิ้มรับ  ผมเงียบลงอีกครั้งหนึ่งเพราะต้องการใช้สติและความคิดว่ามีเรื่องอะไรตกค้างอีกไหม  ทุกคนก็เงียบด้วย  คล้ายกับยังคงไม่ยอมไปไหนถ้าผมไม่อนุญาต  ผมหันไปมองพี่ธาน

"ครับ" พี่ธานพูดทัก  เลิกคิ้วอย่างสงสัยเหมือนรู้ว่าผมมีเรื่องจะพูดด้วย

"พี่อยากไปทำ Team Director เป็นงานประจำดูไหม" ผมตัดใจถามออกไปเพราะที่สนามแข่งเรายังต้องการคนอยู่  ส่วนพี่สนเองก็อยากให้พี่ธานไปทำงานที่นั่นอย่างเต็มที่อีกด้วย  ผมว่าจะพูดกับพี่ธานในเรื่องนี้หลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่ได้เปิดอกพูดคุยกันสักที

ใจจริงผมไม่รู้ว่าพี่ธานอยากอยู่ทำงานที่ไหนจริงจังกันแน่  การที่ให้สมุทรมาทำแทนพี่ธานในบางส่วนมันไม่ใช่การไล่พี่ธานออกไปจากชีวิตผม  ผมอยากให้พี่ธานสบายใจ  อยากให้พี่เขาไปทำในสิ่งที่รักดูบ้าง  ให้โอกาสพี่เขาแบบที่ไม่ต้องการให้เจ้าตัวรู้สึกไม่ดีที่จะไป  ก็ใช่ว่าตอนนี้พี่ธานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการอยู่กับ Team Director ที่ Pit ของสนามแข่งรถ  พี่ธานมีฝีมือทางด้านนี้และเป็นที่รักใคร่ของคนที่สนาม  การที่พี่ธานรับคำสั่งจากผมให้ไปทำงานที่นั่นบางครั้งบางคราวตามคำเรียกร้องของพี่สน  ผมรู้ดีว่าพี่ธานไปเพราะผมสั่ง  แต่ที่ผมสั่งก็เพราะผมรู้ดีว่าพี่ธานชอบที่จะทำมันด้วย

"เป็นคำสั่งรึเปล่าละครับ" พี่ธานถามกลับก่อนหันหน้าหนีเหมือนไม่ต้องการจะรับฟังเท่าไหร่

"...ไม่ใช่คำสั่ง" ผมทิ้งเสียงก่อนตอบออกไป  ในห้องเงียบกริบลงชั่วขณะ  นานแล้วที่ผมและพี่ธานไม่ได้เข้าโหมดจริงจังในเรื่องส่วนตัวของกันและกันแบบนี้  ทุกเรื่องมันเหมือนมองตาก็รู้ใจ  ที่ผ่านมาเราเหมือนจะไม่แตะส่วนใดส่วนหนึ่งที่สำคัญของกันและกันก็เท่านั้น

"ผมหมายถึงถ้าพี่อยากทำที่นั่นประจำ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร..ผมแค่ อยากให้พี่เลือกในสิ่งที่พี่ต้องการ" ผมอธิบายตามจริง

"หึ..ผมไม่ได้รักมันขนาดนั้นหรอกครับ สบายใจเถอะ" พี่ธานอมยิ้มขึ้นมา  เรามองหน้ากันก่อนที่พี่ธานจะก้มหน้าและหุบยิ้มลง

"ถ้าไม่อย่างนั้น ผมก็จะทำตามใจตัวเองเหมือนเดิมนะ" ผมพูดเป็นนัยในแบบที่พี่ธานเองก็คงจะทราบดีว่าผมหมายถึงอะไร 

"เชิญครับ..ผมรับข้อเสนอ" พี่ธานยิ้มตอบพร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าผม  ผมยิ้มกว้างอย่างยอมใจพี่แก

"ที่จริงพี่หลงรักผมสินะ ให้ตาย..นี่พี่รักผมมากกว่ารถอีกเหรอ ผมควรจะร้องไห้ใช่ไหม" ผมแสยะปากยิ้มเจ้าเล่ห์แซวพร้อมกับจับมือตอบ  พี่ธานปิดหน้าหัวเราะ  สมุทรที่นั่งมองอยู่  แม้สายตาของเขาจะดูไม่ค่อยเข้าใจนักแต่เขาก็ยิ้มตลอดเวลา

"ผมถือว่าผมพูดแล้วนะ และเราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก" ผมบอกก่อนพร้อมกับกระชับมือจับมือพี่ธานไว้แน่นเพื่อเป็นการบอกว่าผมพูดจริงจังและจะไม่เปลี่ยนใจ  พี่ธานมองกลับมาด้วยสายตาที่อ่อนโยน  และดูจะเข้าใจเป็นอย่างดี 

"ขอบคุณครับ" พี่ธานพูดเท่านั้น  เราปล่อยมือออกจากกัน

"โอเค งั้นเจอกันที่สนาม" ผมตัดบทพร้อมลุกขึ้น  สมุทรลุกตาม  พี่ธานรวบรวมเอกสารไปถือไว้  ผมเดินนำออกมาก่อน
 
"เจอกันครับพี่ธาน" สมุทรบอก

"โชคดีแล้วกันนะ..เพราะหลังจากนี้ คนที่น่าจะโดนกวนประสาทไม่น่าจะเป็นพี่" พี่ธานพูดตอบ  ผมที่เดินออกมาได้ยินเสียงคนทางด้านหลังถึงกับฉีกยิ้มกว้างอย่างหุบไม่อยู่  สมุทรเดินตามหลังผมออกมาที่หน้าบ้าน  ไอ้เข้มสะกิดไอ้เด่นที่กำลังเล่นสนุกเกอร์อยู่ที่โรงฝึก  พอมันเห็นว่าผมมายืนรออยู่หน้าประตูบ้านแล้วไอ้เด่นก็รีบวิ่งผ่านหน้าผมไปเอารถยนต์อย่างรวดเร็ว 

ผมสั่งให้ไอ้เด่นขับรถตรงไปที่ Bangkok Land ก่อนเป็นอันดับแรก  โดยไม่ได้บอกสมุทรว่าไปไหน  อีกฝ่ายเองก็ไม่ถามด้วย  ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงไม่ถามเพราะถ้าเป็นคนอื่นคงถามให้หายคาใจไปแล้ว  ปกติผมเองก็ไม่ชอบให้ถามเซ้าซี้นักหรอก  แต่ก็ไม่รู้ทำไมกลับรู้สึกอึดอัดอยากให้เขาถามขึ้นมา

"นายครับ ผมจะขอไปซื้อซีดีข้างล่างแป๊บนึงได้ไหมครับ" ไอ้เด่นเอ่ยขอ  ตอนนี้ผมอยู่ที่ชั้นสองของตัวศูนย์การค้า  ซึ่งมีทั้งหมดห้าชั้น  ไม่รวมชั้นใต้ดินและชั้นออฟฟิตที่อยู่ชั้นบนสุด 

"อืม..มึงอยากไปเดินไหนก็ไป เดี๋ยวถ้ากูจะกลับแล้วเดี๋ยวโทรตาม" ผมบอกและคิดว่าคนสนิทอย่างไอ้เด่นคงจะตีความได้ว่าผมไม่ต้องการให้มันมาอยู่ด้วยจนกว่าผมจะโทรตาม

"ขอบคุณครับ" ไอ้เด่นยิ้มกว้างแล้วรีบวิ่งจ้ำอ้าวไปทันที  ผมเริ่มเดินอยู่ที่ชั้นสองไปอย่างช้า ๆ มองนู่นมองนี่สำรวจความเรียบร้อยในห้างไปอย่างเนิบ ๆ สมุทรเดินตามขนาบข้างโดยทิ้งระยะเล็กน้อย  เขามองตามผมเช่นกันโดยไม่พูดอะไรสักคำ  จนหมดชั้นสอง  ผมลงบันไดเลื่อนไปที่ชั้นหนึ่ง  สมุทรก็ลงบันไดเลื่อนตามหลังมา  เขาเลือกยืนอยู่ที่ด้านหลังของผมโดยไม่มายืนข้าง ๆ ที่อาจทำให้ปิดทางเดินของคนอื่น  ไม่รู้ทำไมการกระทำเพียงเท่านี้กลับทำให้ผมอดอมยิ้มออกมาไม่ได้  ผมเริ่มเดินตั้งแต่ร้านแรกที่ติดกับบันไดเลื่อน  ถ้าเริ่มเดินจากตรงนี้จะไปสิ้นสุดทางเดินเป็นรูปวงกลมและลงบันไดเลื่อนไปใช้ใต้ดินได้พอดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-12-2015 15:45:32 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
"ที่นี่..ของคุณเหรอ" สมุทรถามขึ้น  ผมหันกลับไปมองหน้าอีกฝ่าย

"เปล่า" ผมตอบ

"ของพ่อฉันน่ะ" ผมขยายความกวน ๆ
 
"แต่ตอนนี้เป็นของฉัน" ผมพูด  สมุทรนิ่งไป  ที่จริงแล้วพ่อเขียนพินัยกรรมไว้ว่าให้ผมดูแลไปก่อนจนกว่าพายุจะเรียนจบ  ดังนั้น..มันคือของพายุ  ไม่ใช่ของผมและผมเองก็บอกให้พายุทราบไว้ก่อนแล้วด้วย

"ดูหนังไหม" ผมถาม  แม่ง..ความคิดยังไม่ทันคำพูดเลยคิดดู

"ถ้าที่นี่เป็นของคุณ งั้นตอนนี้เรากำลังทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอครับ" สมุทรย้อนด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง  อ่านอารมณ์ไม่ออก

"ชิ" ผมเบะปากเซ็ง ๆ หันหน้ามองไปทางอื่น  หลังจากสำรวจชั้นที่หนึ่งเสร็จและไม่พบความผิดปกติอะไรนอกจากบันไดเลื่อนของชั้นหนึ่งที่ดูจะใช้งานมาหนักและควรจะได้รับการเปลี่ยนใหม่สักที  ผมไปเริ่มที่ชั้นใต้ดินที่เป็นส่วนของโซนอาหารทั้งหมด  ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารแบรนด์ดังที่มาเช่าพื้นที่ตั้งร้านค้า  หรือไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เปิดให้พ่อค้าแม่ค้ามาทำมาค้าขาย  ผมสนิทกับพ่อค้าแม่ขายที่นี่ดีเพราะร่วมงานกันมานาน  ดูสมุทรเองจะตื่นเต้นไม่น้อย  นอกจากร้านอาหารดัง ๆ ที่มีในห้างทั่วไปได้นำมาเปิดที่นี่แล้ว  โซนฟู้ดคอร์ทผมได้เลือกให้ร้านที่มาประมูลเปิดจะต้องมีอาหารที่ไม่ซ้ำกันและขายในราคาที่พนักงานของผมจะมาอุดหนุนกันได้  ส่วนร้านที่มาเปิดในส่วนของซุ้มอาหารและไม่จำเป็นต้องแลกคูปองนั้น  สามารถเลือกซื้อและนำกลับบ้านได้ด้วย  อาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารไทยบ้าง  ญี่ปุ่นบ้าง ฯลฯ

หลังจากเสร็จจากโซนอาหารและแผนกซูเปอร์มาร์เก็ต  ผมก็ได้อาหารติดมือมาด้วยหลายอย่าง  แน่นอนว่าทุกอย่างได้มาฟรี  สมุทรนำไปช่วยถือก่อนขึ้นลิฟต์ตรงไปที่ชั้นห้า  ซึ่งเป็นชั้นสำนักงานของพนักงาน  สมุทรยังคงตามตูดผมแบบไม่คิดจะถามอะไรตามเคย  ผมว่ามันก็ต้องมีเรื่องให้สงสัยกันบ้างละครับ  แต่การที่ไม่ถามเลยนี่ไม่น่าจะใช่คนปกติน่ะนะ   

"นี่เอกสารที่ต้องเซ็นทั้งหมดค่ะ" นฤมล..ผู้จัดการใหญ่  หรือที่ผมเรียกสั้น ๆ ว่า "พี่มล" ทำงานอยู่กับครอบครัวผมมานานแล้ว  พี่มลหันไปมองสมุทรที่ยืนอยู่ข้าง ๆ โต๊ะทำงานของผม

"นี่สมุทรครับ นี่พี่มล..ผู้จัดการที่นี่" ผมแนะนำไม่ได้มองทั้งคู่เพราะกำลังมองเอกสารอยู่  ผมอ่านกวาดตาอย่างคร่าว ๆ ส่วนใหญ่เป็นเอกสารออกเงินเดือนบ้าง  เซ็นยินยอมค่าใช้จ่ายในส่วนที่ต้องปรับปรุงห้างบ้าง  และเอกสารการต่อสัญญาเช่าของบางร้านก็ด้วย 

"สวัสดีครับ" สมุทรทัก

"สวัสดีค่ะ" พี่มลตอบเสียงหวาน

"พี่มลมีลูก มีสามีแล้วนะ" ผมพูดขึ้นพร้อมกับปิดแฟ้มเลื่อนไปตรงหน้าของพี่มลเมื่อเซ็นเอกสารส่วนหนึ่งเสร็จ  ผมหยิบฉบับอื่นมาเปิดอ่านต่อ

"เหรอครับ..ขอบคุณที่แจ้งให้ทราบ" สมุทรตอบกลับ  คำพูดที่ฟังดูประชดประชันแต่กลับย้อนด้วยน้ำเสียงนุ่มน่าฟังนั่นมันน่าโมโหจนผมต้องเงยหน้าหันไปมองหน้าเขา

"หึหึหึ" พี่มลหัวเราะ  ท่าจะชอบใจน่าดู  สมุทรเหลือบสายตาจากผมไปมองพี่มลยิ้ม ๆ

"พี่มล..พี่ช่วยตามช่างไปดูบันไดเลื่อนที่ชั้นหนึ่งด้วยนะ" ผมสั่ง

"ทำไมเหรอคะ" พี่มลถาม

"ที่จริง ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ให้ช่างดูทุกชั้นไปเลยแล้วกัน..ถ้ามันควรเปลี่ยนหรือปรับปรุงยังไง จะได้ทำทีเดียว ผมว่ามันเก่าแล้ว" ผมบอก

"ได้ค่ะ" พี่มลพยักหน้าบอก

"แล้วก็ชั้นใต้ดิน ตรงที่ทิ้งขยะของพวกร้านอาหาร..วันนี้ผมไม่เห็นพนักงานทำความสะอาดอยู่เลยสักคน" ผมมองหน้าเธอ  พี่มลหุบยิ้มลงทีละนิด

"พนักงานทำความสะอาดลาออกไปเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้เองค่ะ ลาออกทีเดียวพร้อมกันเลย..ตอนนี้กำลังรอคนใหม่มาอยู่ค่ะ" เธอบอก

"มีปัญหาอะไร" ผมถาม  มองหน้าเธอไม่วางตา

"เปล่าหรอกค่ะ..เห็นว่าไม่ค่อยสะดวกเรื่องการเดินทาง" พี่มลตอบ  ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ

"เอาเป็นว่าผมฝากพี่ด้วยแล้วกัน ผมอยากให้โซนอาหารสะอาดที่สุด" ผมบอกเพราะคงติดนิสัยบ้า ๆ แบบนี้มาจากพายุ  จะรวยจะจน..ผมคิดว่าทุกคนก็อยากนั่งกินอาหารในที่ ๆ สะอาด ๆ น่ามองทั้งนั้น  ผมคิดว่าบรรยากาศไม่ดีมันก็พาให้อาหารอร่อย ๆ ไม่น่ากินได้ด้วยเหมือนกัน  อีกอย่างศูนย์การค้าของผมเด่นเรื่องร้านอาหารที่ตอบโจทย์สำหรับลูกค้าระดับกลางเป็นอย่างมาก  ได้รับรางวัลมาสองปีแล้ว  และก็หวังว่าปีนี้ก็จะได้รับอีกปีด้วย 

"เอ่อ มีเรื่องนึงค่ะคุณไฟ..โบเค้าจะขอคุณไฟลาคลอดน่ะค่ะ" พี่มลบอก  โบคือเลขาของพี่มล

"อ่าว จะคลอดแล้วเหรอ" ผมตกใจ  ลูกนี่มันจะเข้าจะออกเร็วขนาดนี้เลยเหรอครับ  เหมือนผมเพิ่งเห็นเธอตั้งท้องไม่นานมานี้นี่เอง

"ค่ะ" พี่มลยิ้ม ๆ ที่เห็นผมดูตกใจ

"นี่มันเพิ่งสามสี่เดือนเองไม่ใช่เหรอ" ผมขมวดคิ้วนึกบ่นอย่างไม่เข้าใจ

"จะเก้าเดือนแล้วค่ะคุณไฟ..นี่ลูกคนนะคะ ไม่ใช่ลูกหมา" พี่มลพูดติดตลกจนผมกับสมุทรหัวเราะ

"ได้สิได้..ระหว่างนี้พี่จะหาคนในแผนกมารับงานแทนโบได้ไหม หรือว่าพี่อยากได้คนใหม่" ผมถามความสมัครใจจากเธอ

"พี่ขอให้เนตรมาช่วยน่ะค่ะ เอาคนใหม่มันก็จะยุ่งยาก..โบเองก็เครียด กลัวตกงานน่ะค่ะ" พี่มลพูดติดตลกทั้งที่ก็รู้อยู่ว่าตามกฎหมายมันไล่ออกไม่ได้อยู่แล้ว  ผมเองก็ขำด้วย 

"ถ้าพี่บอกว่าเนตรทำได้ก็เอาตามนั้น..ส่วนเงินเดือน เดี๋ยวผมเพิ่มให้พิเศษ ระหว่างนี้ก็ให้เธอทำแทนโบไปก่อน โบกลับมา ทุกอย่างก็เหมือนเดิม" ผมบอก

"โอเคค่ะ" พี่มลยิ้มรับ  ผมก้มหน้าอ่านเอกสารอีกครั้งก่อนเซ็นทุกฉบับ  ในห้องเงียบกริบเหมือนต้องการให้ผมมีสมาธิกับงานตรงหน้ามากที่สุด

"เรียบร้อยครับ มีอะไรอีกไหม" ผมปิดเอกสารลงพร้อมจัดเรียงให้เข้าที่

"ไม่มีแล้วค่ะ" พี่มลหยิบเอกสารเข้าไปกอด 

"เดี๋ยวผมช่วยครับ" สมุทรรีบเข้าไปหยิบเอกสารส่วนที่เหลือที่พี่โบนำไปไม่หมดไปถือไว้

"ขอบคุณค่ะ" พี่มลผงกหัวยิ้ม ๆ

"เอาไหมล่ะ เลขาน่ะ" ผมลุกขึ้นยืนแล้วเหลือบตาไปมองสมุทร  พี่มลที่ทำงานกับผมมานานคงรู้ดีว่าผมหยอกเรื่องอะไรอยู่ 

"ก็ดีนะคะ แต่คงเป็นแบบระยะยาวเลย..แล้วก็คงต้องไล่โบออกให้พี่ด้วยนะ" พี่มลย้อนเจ้าเล่ห์เช่นกัน  ผมเบะปากพยักหน้ากวนในความหมายของเธอ

"ช่วงนี้พายุเก็บตัวแข่ง ถ้ามันเสร็จจากแข่งแล้ว..คงได้มาเข้า ๆ ออก ๆ ที่นี่เหมือนเดิม" ผมบอก  พี่มลตั้งใจฟังอย่างดี  คนที่ช่วยสอนงานต่าง ๆ ให้กับพายุก็คือพี่มลนี่ละครับ

"หยิบอาหารพวกนั้นไปด้วย" ผมพยักหน้าไปทางอาหารที่วางอยู่ตรงโต๊ะกลางโซฟา  สมุทรเดินไปหยิบมาตามที่สั่ง  ผมเดินนำออกมาก่อนโดยที่ไม่เปิดประตูรอให้ใครเพราะหมันไส้คนในห้อง  สมุทรเดินมาเปิดประตูอ้ากว้างและยืนรออยู่อย่างนั้นเพื่อให้พี่มลได้เดินออกมาได้อย่างสบาย ๆ

"เอาอาหารวางไว้นี่" ผมชี้มือไปที่โต๊ะ  ห้องฝั่งนี้เป็นออฟฟิศของพนักงานทั้งหมด  ส่วนห้องทำงานที่แยกส่วนตัวมีเพียงห้องของผมกับห้องของพี่มลเท่านั้น

"กินได้เลยนะครับ พวกลุงป้าข้างล่างเค้าฝากมาให้" ผมบอกพี่มล 

"ขอบคุณค่ะ" พี่มลพนักหน้ายิ้มรับ  สมุทรนำเอกสารไปวางไว้บนโต๊ะตามที่พี่มลบอก  พนักงานทุกคนหันมามองสมุทรอย่างสนอกสนใจคงเพราะแปลกหน้า  สมุทรยกมือไหว้ลาพี่มล  พี่มลยกมือไหว้ลาผม  ผมเองก็ไหว้รับก่อนจะหันไปบอกลาพนักงานแล้วเดินนำกลับมาที่ลิฟต์ 

ผมเดินกลับไปที่ชั้นสองอีกครั้ง  ที่นั่นส่วนใหญ่จะมีพวกสถาบันการศึกษา  สถาบันเสริมความงาม  ร้านเสื้อผ้าทั้งแบบติดแบรนด์และร้านเสื้อผ้าแฟชั่นทั่ว ๆ ไป  ชั้นนี้มีร้านกาแฟแบรนด์ดังอยู่สี่ร้านเท่านั้น  ผมเลือกที่จะไปนั่งที่ Crepes Cafe เพราะเป็นร้านประจำที่ผมเอาไว้นั่งฆ่าเวลา  อีกอย่างตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องไปสนามแข่งรถ  เหตุผลเพิ่มเติมคือ..ยังไม่ต้องการไปไหนก็ด้วย

ผมเลือกไปนั่งที่ ๆ นั่งติดกระจก  สามารถมองออกไปที่ถนนใหญ่ด้านนอกได้  เป็นโต๊ะแบบรองรับสองที่นั่งหรือประมาณสามที่นั่งเท่านั้น  แต่สำหรับผู้ชายรูปร่างเกินมาตรฐานชายไทยอย่างเราสองคน  เพียงนั่งกันสองคนก็เต็มที่แล้ว 

"ฉันเอาเอสเปรสโซ" ผมหยิบแบงก์พันออกมาวางไว้บนโต๊ะ

"เอ่อ..แล้วก็" ผมนึกก่อนหยิบเมนูที่ตั้งอยู่บนโต๊ะมาเปิดดู

"ฮันนี่โทสต์ เพิ่มเนย..เยอะ ๆ" ผมบอก  ถ้าสมุทรสั่งแบบนี้เดี๋ยวพนักงานก็รู้เองว่าเป็นผม  สมุทรจ้องหน้าผม  ไม่รู้จ้องทำไม

"ส่วนนายจะเอาอะไรก็ตามสบาย" ผมอนุญาต 

"ครับ" สมุทรรับคำก่อนหยิบแบงก์พันแล้วลุกจากโต๊ะไปสั่งอาหารที่เคาน์เตอร์  ครู่หนึ่งเขาเดินกลับมาพร้อมกับบิลและเงินทอน  ผมหยิบมาเก็บใส่กระเป๋า  วางโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์ลงบนโต๊ะ  สมุทรเองก็ทำเช่นกัน  ผมแอบเหลือบมองโทรศัพท์มือถือของเขา  ยี่ห้อดังรุ่นอะไรสักอย่าง  เคสสีดำสนิทเหมือนต้องการปกปิดทุกอย่างในนั้นเอาไว้  เราสบตากันครู่หนึ่งก่อนจะหันหน้าไปคนละทิศ  ลูกค้าในร้านไม่เยอะเท่าไหร่นัก  ไม่มีใครเสียงดังรบกวนใคร  มีเพียงเสียงเพลงที่ร้านเปิด  ผมมาที่นี่กี่ครั้งร้านจะค่อนข้างเงียบแบบนี้เสมอ 

"ขอบคุณครับ" ผมบอกพนักงานเสิร์ฟที่นำกาแฟมาเสิร์ฟให้ทั้งของผมและสมุทรพร้อมกัน

"วันนี้มาออฟฟิศเหรอคะคุณไฟ" พนักงานยิ้มทัก  ส่วนใหญ่พวกเธอจะรู้จักผมกันเป็นอย่างดี  อย่างน้องคนนี้ก็ทำงานที่นี่ประจำมาประมาณเกือบสองปีแล้ว  และผมก็ไม่เคยถามชื่อเธอหรอก

"ครับ ขายดีไหม" ผมถามสารทุกข์สุขดิบ

"เรื่อย ๆ ค่ะ จะเยอะช่วงเย็น ๆ เชิญตามสบายเลยนะคะ" เธอผงกหัวยิ้มบอกแล้วเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์  ผมมองไปที่แก้วกาแฟของสมุทร  เขาสั่งลาเต้แน่ ๆ ผมจำกาแฟทุกแก้วของที่ร้านนี้ได้หมดนั่นแหละ 

".........." เราต่างเงียบ  นำมือเลื่อนหยิบแก้วกาแฟให้ไปวางเสมอตรงหน้า  ผมยกกาแฟขึ้นจิบ  สมุทรแตะนิ้วลงข้าง ๆ แก้วเบา ๆ ตาของเขาจ้องมองไปที่แก้วใบนั้นและนิ่งค้างไว้ไม่พูดอะไร  ความเงียบระหว่างเรายังคงรักษาไว้จนฮันนี่โทสต์ของผมได้ถูกนำมาเสิร์ฟ  สมุทรเหลือบตาขึ้นมองมาที่ฮันนี่โทสต์และหน้าผม  มองแบบนี้สลับไปมาแต่ก็ไม่ได้ทำสุดโต่งจนเสียมารยาทนัก  ซึ่งผมคิดว่าเขาคงกำลังไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง

"อะไร" ผมถามเสียงห้วน  มือที่กำลังจะราดน้ำผึ้งค้างเติ่งไว้ด้วยความสงสัย

"เปล่า" สมุทรตอบ  ผมหันกลับมาสนใจฮันนี่โทสต์ของผมต่อ  พร้อมกับเทราดน้ำผึ้งลงไปอย่างตั้งอกตั้งใจ  น้ำผึ้งจะต้องราดลงไปบนส่วนที่ผมชอบที่สุดเท่านั้น  ตรงที่ขนมปังกรอบที่สุด  เนยเยอะที่สุด  เมื่อราดน้ำผึ้งไปได้ส่วนหนึ่งเรียบร้อยแล้ว  ผมจะทิ้งค้างไว้แบบนี้เพราะไม่ชอบราดไปจนขนมปังชุ่มด้วยน้ำผึ้งนัก  ผมเลื่อนจานมาไว้กลางโต๊ะและเริ่มจับมีดกับส้อมเพื่อลงมือตักกิน 

"ไม่กินเหรอ" ผมถามไม่มองหน้าอีกฝ่ายเพราะกำลังตั้งใจดูวิปปิ้งครีมที่เริ่มละลาย  มันทำท่าจะเทลงบนจานเพราะคงรับน้ำหนักของน้ำผึ้งไว้ไม่ไหว

"อ้า..จิ!" ผมจิปากอย่างหงุดหงิด  สุดท้ายวิปปิ้งครีมก็ล้มลงบนจานไม่เป็นท่า  ผมกลอกตาขึ้นมองสมุทรอีกครั้ง  เขายกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม  สายตามองมาที่ผมเล็กน้อย  พอสมุทรวางแก้วกาแฟลง  อีกฝ่ายก็เลื่อนมือไปหยิบน้ำตาลทรายที่วางอยู่มาเทใส่แก้วตัวเองเพิ่ม  ผมเบะปากขมวดคิ้วมอง

"นั่นหวานแล้วนะ" ผมเบะปากอย่างรับไม่ได้  ผมคิดว่าลาเต้ร้านนี้รสชาติมันโอเคแล้ว  อีกอย่างผมไม่ชอบดื่มกาแฟหวาน ๆ เลี่ยนจะตายชัก

"น้ำผึ้งนั่นไม่หวานเหรอครับ" สมุทรย้อนหน้านิ่ง  ผมว่าบางทีเขากวนตีนนะ  ที่จริงผมคิดว่าเขาหน้าตายได้กวนตีนมากทีเดียว  สงสัยเจ้าตัวคงไม่รู้ตัวหรอกว่าตัวเองก็กวนตีนอะนะ

".........." ผมเงียบปาก  มองคนตรงหน้าอย่างหมันไส้ที่ถูกกวน  เราต่างคนต่างกินอาหารของตัวเองไปอย่างไร้บทสนทนา  ครู่หนึ่งผมนึกสนุก  จึงตัดขนมปังให้พอดีคำแล้วตั้งแขนยื่นส้อมไปทางสมุทร  อีกฝ่ายที่กำลังมองออกไปนอกกระจกหันมาเห็นพอดี  เขามองผมนิ่งเหมือนไม่เข้าใจว่าที่ผมทำอยู่นั้นมันคืออะไร 

ผมกระตุกส้อม  พยักหน้าเล็กน้อยเป็นสัญญาณบอกอีกฝ่ายว่าให้เขากินคำที่อยู่ในส้อมนี้เสีย  สมุทรตั้งตัวตรงและเอื้อมมือมาจะรับส้อมไปจากผมอย่างไม่ปฏิเสธ  ผมอมยิ้มในใจที่เขายอมง่ายดี  เห็นอย่างนั้นจึงชักส้อมกลับมาทันที  สมุทรเอียงคอเล็กน้อยและมองปรามที่ผมไปกวนเขาแบบนั้น  ผมเลิกคิ้วและทำท่าเดียวกันกับเขาด้วยเลียนแบบกลับไปด้วย 

พนักงานเริ่มหันมามองอย่างสนใจแต่ใครจะแคร์กันครับ  ผมมองสมุทรไม่วางตาและตั้งใจยื่นส้อมไปใกล้เขาอีกครั้งหนึ่ง  สมุทรนั่งนิ่ง  เหลือบมองส้อมกับหน้าผมสลับไปมาเหมือนอีกฝ่ายกำลังพยายามตีความหมายของการกระทำของผมในตอนนี้อยู่  ผมค้างมือไว้อยู่อย่างนั้นจนสมุทรหันไปมองที่โต๊ะข้าง ๆ  สายตาซื่อ ๆ ที่มองไปรอบ ๆ ของเขานั้น  ไม่ใช่สายตาเขินอายหรือมองเพราะความประหม่าใด ๆ การกระทำเหมือนคนที่ไม่คิดจะขัดผมในตอนนี้ก็เท่านั้น  ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกแปลกใจ  เพียงครู่หนึ่ง  สมุทรก็ยื่นหน้ามาใกล้  ด้วยความเงียบจนทำให้ผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น  อีกฝ่ายอ้าปากกินขนมปังจากส้อมของผมเข้าไปง่าย ๆ ผมมองตามปากของเขา  ค้างมือที่ถือส้อมไว้อย่างนั้นก่อนหลุดอมยิ้มออกมาทีละนิด

"หึ" ผมหัวเราะเบา ๆ อย่างเหลือเชื่อแล้ววางส้อมลงบนจาน  สมุทรมีบางส่วนที่ซื่อบื้อเหมือนพายุจนน่าใจหาย  ปฏิกิริยาทุกอย่างดูตรงกันข้ามกับบุคคลทั่วไปที่ควรจะเป็นไปซะหมด  ผมหัวเราะเสียงดังขึ้นกว่าเดิมอย่างสะใจตัวเอง  สมุทรจ้องผมและนั่งนิ่งไปแล้ว

"อะไร" ผมถาม

"หัวเราะอะไร" สมุทรถาม  สีหน้าเรียบเฉยเหมือนกับสงสัยตามที่ปากถามจริง ๆ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น  ผมยักไหล่แทนคำตอบ

"คุณยิ้มก็เป็นนี่" สมุทรพูดขึ้น  ผมชะงัก  เราสบตากันก่อนที่ผมจะรู้สึกได้ว่าตัวเองหุบยิ้มลงทีละนิด  รู้สึกว่าตัวเองหน้าตึงเพราะเมื่อกี้คงยิ้มกว้างมากตามที่เขาบอกจริง ๆ นั่นแหละ

"แล้วไง" ผมย้อนถาม

"..ก็คุณไม่ค่อยยิ้ม"

"ฉันยิ้มออกบ่อย" ผมบอกถึงความจริง

"หึ..เหรอ คุณมักจะยิ้มเฉพาะตอนที่มีเรื่องสะใจ งี่เง่าไม่เข้าท่าอะไรแบบนั้นมากกว่า" สมุทรว่า

"ช่างสังเกตจังนะ" ผมแสยะยิ้ม

"ถ้านายอยู่กับฉันนานกว่านี่..ก็คงจะรู้ว่าที่จริงฉันเป็นคนจิตใจดี และยิ้มบ่อยมาก" ผมพูดไปพร้อมกับลงมือตัดขนมปังอีกครั้ง

"ยิ้มในใจน่ะนะ" ผมช้อนตาขึ้นมองสมุทรครู่หนึ่ง  อีกฝ่ายจ้องมองผมตลอดเวลาที่ผมพูดอยู่ 

"คนที่ใช้ใจมองเท่านั้นแหละที่จะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ฉันยิ้ม" ผมกวนไปงั้น  สมุทรเงียบไม่พูดอะไรเลย  ผมตักขนมปังที่จิ้มวิปปิ้งครีมเข้าปากทีละอัน  เคี้ยวไปยักคิ้วให้สมุทรไปด้วย  เขาส่ายหัวเล็กน้อยคล้ายเหนื่อยใจ  ผมอมยิ้มเจ้าเล่ห์มอง  ขณะเดียวกันก็ตั้งใจกินฮันนี่โทสต์ไปด้วยจนหมด  เสร็จแล้วจึงหยิบน้ำเปล่ามาดื่ม  เช็ดปากและดื่มน้ำเปล่าตบท้ายไปอีกครั้งเหมือนเคย  กาแฟยังคงเหลืออีกครึ่งแก้ว  ส่วนสมุทรดื่มใกล้หมดเต็มทีแล้ว 

"นายชอบกินอะไร" ผมถามเพราะเราเงียบมาร่วมสิบห้านาทีได้แล้วละมั้ง

"เรื่องแค่นี้คุณต้องถามผมด้วยเหรอครับ ให้คนสืบเอาก็น่าจะรู้แล้ว" สมุทรตอบแกมประชด  สายตาที่มองออกไปที่นอกกระจกยังคงเรียบ ๆ อยู่อย่างนั้นและค่อนข้างดูว่างเปล่า

"หึ..หึหึหึ" ผมหัวเราะในลำคอ  ชอบใจที่ได้ยินอีกฝ่ายประชด  สมุทรถึงกับหันหน้ากลับมามอง

"ฮะ ๆ ๆ ..หึ วู้~" ผมทำท่าหัวเราะอย่างกวนตีนเพื่อแกล้งเขา  สมุทรจ้องผมเขม็ง  ผมยักไหล่เบะปากให้

"ถ้าให้ฉันเดาความคิดนายตอนนี้ นายคงกำลังคิดว่า..มีใครเคยบอกคุณไหมครับ ว่าคุณหัวเราะกวนส้นตีนมากเลยน่ะ" ผมหุบยิ้มพูด  สมุทรอมยิ้มออกมาทีละนิดเหมือนยอมรับในคำพูดของผม

"ไง ..ชอบกินอะไร" ผมเลิกคิ้ว  ยิงถามคำถามเดิมอีกครั้ง 

"หมายถึงอะไรล่ะ ของหวาน..อาหาร" สมุทรย้อนอย่างไม่มีพิษภัย

"ทุกอย่าง" ผมตอบ  หยิบแก้วกาแฟมาจิบอย่างไม่ต้องการให้มันหมดง่าย ๆ แล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้

"ข้าวผัดน้ำพริกปลาทู" สมุทรตอบ 

"แล้วของหวานละ" ผมถามอีก

"ฝอยทองมั้งครับ" สมุทรตอบทันที  เรามองหน้ากันด้วยบรรยากาศสบาย ๆ มากขึ้น

"ปกติ..ชอบเที่ยวรึเปล่า" ผมยิงคำถามไม่เลิก  ไม่รู้ทำไมถึงได้สอดรู้สอดเห็นไปหมด 

"ชอบมั้ง" สมุทรตอบส่ง ๆ เหมือนไม่ใช่คำถามที่อยากตอบเท่าไหร่

"อาบอบนวดน่ะเหรอ" ผมอดกวนไม่ได้  สมุทรนิ่งลงอีกครั้ง  สายตามองปรามมาที่ผม

"โอเค..โทษที หึ..ตกลงชอบเที่ยวที่ไหน" ผมกลั้นหัวเราะ  ยกมือขึ้นสองมืออย่างขอโทษ

"ขึ้นดอย ไปวัดบนดอยช่วงหน้าหนาว" สมุทรเหสายตาต่ำลง  เราเงียบไปหนึ่งอึดใจ

"คนเดียว" ผมถามอีก  สมุทรเหลือบมอง

"จุดประสงค์ที่สำคัญในการเที่ยวของผม ก็คือการได้ไปคนเดียวนะครับ" สมุทรยิ้มตอบด้วยสีหน้าปนเศร้าอย่างไรบอกไม่ถูก 

"แต่..ไม่ได้เที่ยว ตั้งแต่ที่..แม่ผมป่วยน่ะ" สมุทรพูด  เขาฉีกยิ้มให้ผมเหมือนกำลังพยายามบอกผมว่า "สบายใจได้ ประโยคนี้ผมสบายใจและโอเคที่จะเล่า" อะไรทำนองนั้น  ทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่ได้แสดงอาการดูเป็นห่วงเขาเลยด้วยซ้ำ

"แล้ว..เอ่อ ชอบ ดูหนังไหม" ผมเปลี่ยนเรื่องถามพร้อมกับยักไหล่เล็กน้อยเพื่อให้เป็นธรรมชาติ

"ไม่รู้สิ เอ่อ..ไม่ชอบมั้ง"

"สีที่ชอบล่ะ" ผมซักไม่หยุด

"เขียว" เขาตอบอย่างไม่ลังเล

"ผู้หญิงคนเมื่อวันก่อนน่ะ แฟนเหรอ" ผมถามออกไปตรง ๆ สมุทรชะงักทันที  อีกฝ่ายเงียบลงไปจนผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหายใจผิดจังหวะเล็กน้อย

"แฟนเก่าน่ะครับ" สมุทรตอบ

"งั้นเหรอ"

"แล้วคุณล่ะ.." สมุทรถามกลับ

"ฉันยังไม่มีแฟน" ผมตอบทันที  แม่งเอ๊ย..ทำไมกูพูดสวนไปเร็วขนาดนี้ละวะนี่  รอจังหวะหน่อยสิเฮ้ย!

"เปล่า.. ผมหมายถึง สีที่ชอบน่ะ" สมุทรย้อนบอกยิ้ม ๆ ผมจ้องหน้าเขานิ่งอย่างเหลือเชื่อที่ดันมาเสียเชิงกับเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้  อีกฝ่ายอมยิ้มกริ่ม  ดูท่าจะชอบใจที่เล่นผมได้  ผมกลอกตา  แสยะยิ้มพลางดันลิ้นเข้ากระพุ้งแก้มอย่างอดทำหน้าไม่ถูกไม่ได้

"..น้ำตาล" ผมตอบเสียงเรียบเพื่อรักษาทุกอย่างให้สงบไว้ในกำมือ  แน่นอนว่าผมคงไม่มาเสียหลักเพราะคำพูดเหมือนต้อนหมูต้อนหมาง่าย ๆ อย่างนี้หรอก

"สีน้ำตาล" ผมพูดย้ำอีกครั้ง  พลางถอนหายใจและจ้องมองสมุทรไม่วางตา

"จำไว้ด้วยล่ะ หนึ่ง..ฉันยังไม่มีคนรัก สอง.. ฉันชอบสีน้ำตาล" ผมย้ำบอกยิ้ม ๆ อย่างตรงไปตรงมา  สมุทรนั่งเงียบไป  เราต่างจ้องหน้ากันนิ่งคล้ายกับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครกำลังไปสะกิดต่อมใครกันแน่  ผมว่าผมคงไม่รักษาท่าทีเท่ากับเขาหรอกครับ  ผมหยิบกาแฟขึ้นดื่มจนหมดแก้วด้วยความเสียดาย  แก้วไม่ใช่บาทสองบาท  สมุทรเองก็ทำเช่นกัน  เราเดินออกมาจากร้านพร้อมกับสายตาและรอยยิ้มที่ผิดปกติจากพนักงานในร้าน  ผมอมยิ้มน้อย ๆ ให้ทุกคนแทนคำบอกลา  ส่วนสมุทรยังคงยิ้มกว้าง  ผงกหัวด้วยทีท่าสุภาพกับทุกคนอย่างเคย..



..............ไฟ..............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-12-2015 16:06:46 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
สมุทรน่ารักอ่ะ ไฟต้องหลงสมุทรจนโงหัวไม่ขึ้นแน่ๆ
>/////<

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
บรรยากาศเหมือนคนซึนสองคนมาเดทกัน  :hao3:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
ทำไมอ่านตอนนี้แล้วเขินมากกกก
ยิ้มแก้มปลิเขินพี่ไฟ 555 มโนตัวเองเป็นสมุทรซะงั้น
ชอบเวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกัน สมุทรกำลังจะมาอยู่ในใจพี่ไฟแบบเต็มๆในไม่ช้า...ทำไมถึงรู้สึกว่าสองคนนี้มีเสน่ห์ต่อกันเคมีเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ
หลงรักพี่ไฟเข้าแล้าเรา:)
ขอบคุณเบบี้ค่ะ

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
หึ หึ กวนตรีนพอๆกันทั้ง 2 คน

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
โอยยยยยยย
ไม่ขั้นใช่มั้ย โอยยยยย เขินเว้ย
ไม่ต้องอะไรแค่คุยกันก็ดูละมุ้งละมิ้ง ฮอลลลล
ทำไมดีย์ แอร๊ยยยยยยยยย
ชอบนะเว้ย แมนๆคุยกัน

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
ทำไมมันดูมุ้งมิ้ง เหมือนเค้าจีบกันอยู่  :-[

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ก็ท่าสมุทร เพรียบพร้อมขนาดนี้



ทำไมคุณไฟไม่ใช้เล่ห์กล ให้สมุทรและครอบครัวเข้่มาอยู่ใน อาณาจักร ตัวเองเลยล่ะ



สมุทรระวังหลังหน่อยนะ  คุณไฟเขา เริ่ม รุกฆาตแล้ว



ชอบความเด็ดขาด และ แนวคิด ของคุณไฟจัง



เป็นผู้ชายที่ครบเครื่องจริงๆ



พี่ธาน  พี่มองออกใช่ใหม หึหึ (กระโดดแปะมือพี่ธามรอวันคุณไฟเพลี่ยงพล้ำให้สมุทร)



พายุ หนูต้องบอกให้พี่สมุทรมากินข้าวที่นี่นะ รอให้พี่ไฟสั่งกลัวสมุทรไม่ยอมมากิน คริๆ

ออฟไลน์ toou

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-3
คุณไฟหยอดน่ารักวุ้ยยยย
เอาอีกกกกกกกกกกกกกก หยอดอีกกกกก

ออฟไลน์ Madness69

  • Love@Sickness
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +235/-0
    • Madness69 Fanpage
ยาววววววววมว๊ากก สมกะที่ลอยคอ รอคอย
จะเม้นว่าไงดีว๊า เอาแบบที่รู้สึกสดๆ ตอนนี้เลยละกัน
rep.1 พี่ไฟอยู่กะน้องดินก็ทำตัวเป็นป๋าโหด ลูกล่อลูกชนมีทั้งขู่ทั้งปลอบ --------> ดูเหมือนจะเป็นคนอบอุ่นได้อยู่นะ ^^
rep.2 พอเข้าเรื่องงานกะลูกน้องก็เด็ดขาด เป็นคนเอางานเอาการขึ้นมาเชียว --------> ดูน่านับถือและไว้ใจฝากชีวิตด้วยได้
rep.3 พอกับสมุทรงี้ เด๋วก็มโนทะลึ่งกะเค้า เด๋วก็มีกุ๊งกิ๊ง มุ๊งมิ๊ง งุ๊งงิ๊ง ฟรุ๊งฟริ๊ง กวนกันนิด หยอดกันหน่อย อร๊ายยย อิชั้นชอบคร่ะ ------> สั้นๆ คำเดียว "ฟิน" ค่ะ
อ่านตอนนี้จบแล้วเริ่มเอนเอียงย้ายมาอยู่ทีมไฟซะดีไหม เอ๊ะ!แต่ยังก่อนดีกว่า รอดูความประพฤติอีกซักหน่อยดีก่า.. :z2:

 :mew1:
ขอบคุณเบบี้จ้า


ปล.เนื่องจากตอนนี้ยาวมากและก็ทำให้ฟินมากๆ ก่อนจบตอน จึงอนุญาตให้มาลงตอนต่อไปหลังปีใหม่ก็ได้จ้า ถ้าน้องบี้ไม่สงสารเค้านะ ((กระพริบตา วิ๊ง วิ๊ง วิ๊ง))

ออฟไลน์ lookfa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
ตอนนี้เหมือนจะมีอะไรหวานๆ เยอะนะ 5555

ทั้งขนม

ทั้งคน

 :o8: :-[ :impress2:

ออฟไลน์ น้ำแข็งใส

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +130/-1
ไฟเปิดเผยมาก......ชอบบบบบบ ไฟหลงสมุทร  :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
ตอนนี้เรียกว่าจีบกันด้วยขนมได้เปล่า มันหวานหวาน อ่ะ ติดกวนกวนหน่อย :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Coaramach

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
โหย.. เชื่อมั้ยว่าในใจเราอ่ะยังอยากให้สมุทรเป็นรุกนะ ชอบให้ไฟเป็นรับ ฉันอยากได้เขาาาาา

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ sweetbasil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
ชอบเวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกัน :o8:

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
บรรยากาศโอบล้อมไปด้วยสีชมพูฟรุ้งฟริ้ง เต็มร้าน  :confuse: กาแฟสมุทรคงไม่ได้เติมน้ำตาล ถ้าเล่นยี่สิบคำถามกับคุณไฟกันก่อนหน้านี้  :laugh: อยากจะบอกว่าคุณไฟออกตัวแรงมากค่ะ พออยู่กับสมุทรแล้วดูเป็นคนใส ๆ ในเรี่องความรักขึ้นมาทันทีเลย มองเห็นถึงความเหน่ีอกว่าของว่าที่เลขามารำไร  :ruready


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:

ออฟไลน์ must

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0

ออฟไลน์ MaidenQueen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
งู้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เวลาออกเดทกันสองคนน่ารักมากเลยยยยยย  :impress2:

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9
เหมือนไฟจะจีบสมุทร :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 951
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
บรรยากาศมันเหมือนมีหัวใจวิ้งๆวิ่งรอบๆตัวไฟกับสมุทรยังไงไม่รู้ :impress2:

ชอบเวลาไฟอยู่กับน่้องๆเหมือนจะดุนะแต่ก็แอบตามใจนิดๆส่วนเวลาอยู่กับพี่ธานเหมือน

พี่รู้ทันน้องไปทุกเรื่องน่ารักมาก

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ไฟกำลังรออะไรน้าาาาาา รอให้สมุทรยอมหรือเปล่า แหม่รีบตอบเลยนะว่าไม่มีแฟน จังหวะนี้รอมานาน~~~  :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด