The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 446063 ครั้ง)

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
พี่ธานนนนน
เก้านิ้วจริงหรอพี่  :z1:
ชอบตอนพี่ธานกะคุณไฟเถียงกัน
ตลกอ่ะชอบบบบยย

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 951
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
ไฟออกอาการขนาดนี้โปรดดูไม่ออกก็แปลกละนะ

ส่วนพี่ธาน9นิ้วโอ๊ยฮามากไฟนี่ทั้งกวนทั้งขี้แกล้ง จิกกัดได้สารพัด

สนุกมากและรอนะคะสะดวกเมื่อไหร่ก็มาลงค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ aehJTS

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-8
พี่ใหญ่ 9 นิ้ว โอ้ววววว :haun4:

เหมือนสมุทรจะทำถูกใจไปซะทุกเรื่องเมื่อไหร่จะทำให้ถูกต้องซักทีน่าาา... :mew3:

 :pig4: ค่ะ

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
ขี้แกล้งจัง2พี่น้อง....

เดี๋ยวจะคอยดูสมุทร..เอาคืนบ้าง!!!

พี่ใหญ่เก้านิ้ว :hao6: :hao6: o13 o13

ออฟไลน์ suginosama

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
คิดถึงนิยายของเบบี้ ดีใจที่ได้ตามอ่านอีก

จะรอตอนต่อไปในปีหน้านะคะ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
งานนี้ต้องมีพลัดกันนนน ไฟสมุทร สมุทรไฟ 555

สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าาาาน้ะ

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
"พี่ใหญ่เก้านิ้ว" ไฟเอาคืนพี่ธานได้เยี่ยม  o13 o13 o13 พี่ธานจะบอกสมุทรยังไงเนี่ย  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เก้าเลยหรอ พี่ใหญ่เก้านิ้วเลยหรอ อร๊ายยยยยยย เหมือนหน้ามันร้อนๆ เลือดกำดาวจะไหล  :haun4: :haun4: :haun4:

ออฟไลน์ Youch06

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
อยากให้เขามาอาบน้ำห้องตัวเองก็เรียกสิคะคุณไฟฟฟ
อย่ามาซึนนน 555555

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ป้ามารอคุณไฟอยู่ที่เก่าเวลาเดิม






คุณไฟอย่ามัวใช้งานสมุทรเพลินจนลืมเวลาน๊าาาาาาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
มาบอกว่าคิดถึงสมุทร  :call: :call:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
คิดถึงพี่ไฟ

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ตอนที่ 15
..ไฟ..




12:20 น.  ตลาดชโนทัย

"โซนตลาดสดของเรา พื้นที่ 40% พลาซ่า 20% ไม่รวมที่จอดรถ" ผมอธิบายงานส่วนนอกให้สมุทรฟังอย่างคร่าว ๆ ตอนนี้ผมกับสมุทรมาอยู่ที่ตลาดเรียบร้อยแล้ว  เราเดินทางมาโดยสมุทรเป็นคนขับรถ  ให้เขาจับรถขับเข้าไว้บ่อย ๆ เพื่อที่เขาจะได้ชินเส้นทางและชินกับรถยนต์ของผมในแต่ละคันด้วย 

"ตอนนี้เราปิดโซนพลาซ่าทั้งหมดมาได้เกือบสองเดือนแล้ว ปิดซ่อมแซมแล้วก็ขยายโซนนี้ออกไปอีกเป็น 30% ..เพิ่งขอซื้อพื้นที่เพิ่มได้น่ะ ขยายพวกที่จอดรถด้วย" ผมเล่า 

"ครับ" สมุทรพยักหน้ารับฟัง

"ปรับปรุงใหม่ให้สะอาดแล้วก็เป็นระเบียบกว่าเดิม ส่วนใหญ่วัยรุ่นจะชอบมาเดินที่นี่"

"โซนพลาซ่าที่จริงมันรวมโซนโต้รุ่งไว้ด้วย แยกพื้นที่ด้านนอก ไว้เดี๋ยวฉันจะพาไปดู..เวลาที่ขายดีที่สุดคือเย็น ๆ จนโต้รุ่งเปิดนั่นแหละ" ผมชี้ภาพรวมทั่ว ๆ ไปในส่วนพื้นที่ของตลาดที่สายตาตอนนี้พอจะดูจากมุมกว้างได้

"โซนรอบนอกด้านซ้ายมือของตลาดสด ส่วนใหญ่ก็จะเปิดโต้รุ่งเหมือนกัน..ถ้านายมาตอนกลางคืนจะเห็นว่าร้านค้าจะตั้งยาวมาตั้งแต่โซนพลาซ่าจนไปถึงโซนตลาดสดเลย เฉพาะรอบนอกนะ ข้างในเราปิดเปิดตามเวลา" ผมอธิบาย

"ฝั่งตลาดสด จะวางเงินประกันหนึ่งเดือน..จ่ายค่าเช่าล่วงหน้าสองเดือน ส่วนโซนพลาซ่า..แต่ก่อนเงินประกันสองเดือน จ่ายค่าเช่าล่วงหน้าหนึ่งเดือน แต่ว่าหลังจากปรับปรุงเสร็จจะปรับเปลี่ยนค่าเช่าขึ้นนิดหน่อย..ส่วนใหญ่การเช่าแผงก็จะเต็มพื้นที่มาตลอด และก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้นต่อไปน่ะนะ" ผมบอกพลางถอนหายใจเบา ๆ แอบบ่นไปในตัว  สมุทรอมยิ้มเล็กน้อย  รอยยิ้มที่เหมือนจะเข้าใจว่าผมถอนหายใจทำไม  ผมเดินนำไปที่ด้านในพลาซ่าที่กำลังปรับปรุงอยู่

"ปกติ..ตั้งแต่รุ่นพ่อของฉันแล้ว พ่อปรับการตลาดโดยการลดค่าเช่าแผงแต่ละแผงเพื่อแบ่งเบาภาระของพ่อค้าแม่ค้าที่นี่ ตอนรุ่นปู่..ในสมัยนั้นก็ถือว่าเก็บค่อนข้างแพง ตลาดกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งก็สมัยของพ่อฉันน่ะ" ผมเล่าถึง

"ฉันเองก็เพิ่งจะมาปรับขึ้นค่าเช่าเมื่อตอนที่พ่อฉันป่วย แล้วก็เพิ่งจะมาคิดปรับอีกทีก็ตอนนี้..เพราะว่าเราต้องปรับปรุงตลาด ใช้ทุกวันมันก็เสื่อมโทรมไปตามเวลา..ฉันก็แค่อยากให้มันดูดี ไม่น่าเกลียด..แต่สำหรับฉันมันคงไม่ยุติธรรมถ้าฉันต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด" ผมพูดแกมบ่นแต่ก็ต้องทิ้งน้ำเสียงลงเพราะไม่อยากบ่นให้เหนื่อยเปล่า

"ผมเข้าใจ" สมุทรพูดขึ้น  ผมหันไปมองก่อนจะพยักหน้าตอบให้เป็นการขอบคุณที่ผมไม่ต้องพูดมากให้เปลืองน้ำลายอีก

"ฉันเหมือนปู่น่ะ" ผมพูดขึ้นห้วน ๆ

"พายุเหมือนพ่อ" ผมยักไหล่พูดถึง  สมุทรอมยิ้มน้อย ๆ

"ที่จริง แม่ค้าที่นี่คงไม่ชอบหน้าฉันเท่าไหร่" ผมเบะปากแกมหัวเราะ

"ทำไมล่ะครับ" สมุทรถาม  เราเดินกันไปช้า ๆ เรียบไปตามทางเรื่อย ๆ

"ฉันเข้มงวดไปหน่อยมั้ง" ผมตอบเพราะตามจริงก็ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงเหมือนกัน

"ฉันไม่เหมือนพ่อที่จะอะไรก็ได้ ใจดีกับทุกคน..ติดค่าเช่าแผงได้อะไรทำนองนั้น สำหรับฉัน กฎก็ต้องเป็นกฎ..ฉันขอแค่ให้ทุกคนในตลาดทำตามกฎ นอกเหนือจากนั้นฉันจะดูแลทุกคนเอง..แต่ดูเหมือนหลายคนจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่" ผมก้มหัวมองปลายเท้ายิ้ม ๆ

"ก็ทำตามกฎมันยากนี่" สมุทรพูด  ผมที่ก้มหน้าอยู่ช้อนตาขึ้นมองเขาและหัวเราะในลำคอ

"ใครก็อยากทำตามใจตัวเองทั้งนั้น คุณเองก็เหมือนกันไม่ใช่รึไงครับ" เขาว่าเหน็บ  ผมแสยะยิ้มพยักหน้ารับอย่างไม่ปฏิเสธ

"การไม่เคารพกฎ กับการเอาแต่ใจน่ะ..มีเส้นบาง ๆ ที่นายควรเข้าใจซะใหม่นะ" ผมย้อน  สมุทรยิ้มกว้างออกมาเหมือนยอมรับในความหมายที่ผมต้องการจะเตือน

"งั้น..มีอะไรจะถามไหม" ผมถามกลับ  เขาหันไปมองทางและนิ่งไปครู่หนึ่ง  สมุทรหยุดเดิน  ผมจึงหยุดเดินแล้วหันไปประชันหน้าอีกฝ่ายด้วย

"..หัวใจของตลาดคุณคืออะไร" สมุทรหันมามองหน้าผม

"ทุกคนต้องมีความสุขกับการอยู่ที่นี่" ผมตอบ

"แล้วฉันก็ต้องแฮปปี้กับการทำงานที่นี่ด้วย การที่ฉันได้เห็นสถานที่ของฉันมันสะอาด และเป็นระเบียบ..มันก็ทำให้ฉันมีความสุข" ผมเบะปากตอบ

"เราฉีดยาฆ่าเชื้อตลาดทุกอาทิตย์ มีกฎของการทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง..คนที่จะทำความสกปรกให้ตลาดมากที่สุดคือพ่อค้าแม่ค้า ดังนั้น..ฉันค่อนข้างซีเรียสเรื่องนี้ การกำจัดและรีไซเคิลขยะ ถ้าเป็นไปได้ฉันก็จะเข้าตรวจตลาดเองเกือบทุกอาทิตย์" ผมพูดบอก

"ถ้าอย่างนั้น..ราคาสินค้าของแต่ละร้านก็คงยังไงก็ได้สินะครับ เอาแต่ความสะอาดเป็นที่ตั้งน่ะ เพราะคุณก็คงปั่นแต่รายรับอยู่แล้ว" สมุทรย้อนตรงไปตรงมาจนน่าตกใจ  ผมมองเขาและแอบยิ้มไว้ในใจไม่ได้ที่ได้ยินเขาพูดตรงอย่างนี้  แหม..เวลาที่ถูกคนบุคลิกแบบนี้มาพูดตรง ๆ ใส่แล้วมันเสียวหูดีพิลึก

"ฉันถือว่าค่าเช่าแผงในแต่ละเดือนสมเหตุสมผลแล้ว แน่นอนว่าราคาสินค้าจะต้องไปพร้อมกับคุณภาพของสินค้า..ราคาต้องเหมาะสม ถ้าสินค้าแพงเกินกว่าตลาดอื่น แน่นอนว่าความสะอาดคงไม่ช่วยให้ฉันมีข้าวกินแน่..มันก็คงจะขายไม่ออก เราลงเช็กราคาสินค้าสม่ำเสมอ ตราชั่งต้องได้มาตรฐาน แน่นอนว่าเรื่องนี้เราก็ลงตรวจเหมือนกัน" ผมบอกพร้อมกับเลิกคิ้วท้าทายที่ถูกอีกฝ่ายต้อนถาม  สมุทรยักไหล่และยิ้มให้ผมอย่างยอมความ

"มากไปกว่านั้น กฎก็คือกฎ..ใครทำตามไม่ได้ อยู่ไม่ไหว ก็ไปซะ..อันที่จริงฉันก็ไม่แคร์อะไรเท่าไหร่" ผมพูดอย่างไม่สน  สมุทรนิ่งไป

"ก็คุณมีเงินนี่ครับ คุณทำอะไรก็ได้" สมุทรพูดเสียงเรียบ  ผมหัวเราะขึ้นจมูกและไม่ตอบกลับอะไร

"เคยทำงานนี้มาก่อนงั้นเหรอ" ผมถามเพราะเขาดูรู้อะไรมากกว่าที่คิด

"ก็ไม่เชิง" เขาตอบ

"สมัยเรียนผมเคยไปขายขนมที่ตลาดกับแม่น่ะ เฉพาะตอนที่ว่าง ช่วงสุดสัปดาห์..บางทีก็คิดบัญชีให้ที่ร้านขายของ ๆ ลุงเทิด เอ่อ..พ่อเลี้ยงผม" สมุทรเล่า

"พ่อเลี้ยงนายทำงานอะไร" ผมถามถึง

"เป็นครูครับ แล้วก็หลังจากที่เจอกับแม่ผม ลุงแกก็เปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ ให้ด้วย" สมุทรยิ้มน้อย ๆ เล่าถึงความหลัง  ผมยืนมองสีหน้าของเขาที่อมยิ้มให้เห็นระหว่างพูดตลอดเวลา 

"แล้วตอนที่ยังไม่เจอพ่อเลี้ยงล่ะ แม่นายทำงานอะไร" ผมถามอีก  เพราะหลังจากที่ลุงยอดเสีย  ครอบครัวของสมุทรก็ย้ายหนีหายไปแบบไร้วี่แวว  สมุทรชะงัก  อันที่จริงแล้วผมอยากจะพูดให้เต็มประโยคมากกว่าว่า "แม่นายทำงานอะไรเพื่อเลี้ยงดูน้องและนาย"

"อยู่ร้านตัดเสื้อ แม่ผมเย็บผ้าเก่งนะ" อีกฝ่ายพูดตอบแกมหัวเราะเหมือนอยากเล่าให้ผ่าน ๆ ประเด็นเครียดไปที

"เหรอ" ผมหลบสายตาลง  เราเงียบลงครู่หนึ่ง 

"เออ..ที่สำคัญ ฉันอยากให้นายคอยตรวจดูด้วยเรื่องผู้เช่าคนกลาง..บางคนมันหัวหมอ ลับตานิดเดียวก็ทำอะไรตามใจตัวเอง" ผมพูดขึ้นเปลี่ยนประเด็นทันทีแล้วเดินนำต่อ

"ที่ตลาดของเราไม่อนุญาตให้คนกลางมาเช่าต่อ ผู้เช่าจะต้องเช่าตรงจากเราเท่านั้น..ไม่อย่างนั้นเราก็จะควบคุมราคาค่าเช่าแผงไม่ได้" ผมหันกลับไปมองหน้าสมุทร  อีกฝ่ายเดินมายืนขนาบข้างและพยักหน้ารับทราบ 

ผมพาสมุทรเดินตรวจตลาดจนเกือบทั่ว  แนะนำเขาเกี่ยวกับแผนผังของตลาดโดยภาพรวมก่อน  อีกฝ่ายก็จดลงสมุดตามที่ผมเล่าบอกตลอดเวลา  เสร็จจากนั้นก็ไปตรวจดูความเรียบร้อยที่ให้ช่างมาซ่อมแซมท่อประปา  ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อยดี  ผมพาสมุทรขึ้นไปแนะนำให้รู้จักกับพนักงานในออฟฟิศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง  กว่าจะเสร็จออกมาจากตลาดก็เกือบบ่ายสาม  ผมจึงให้สมุทรขับตรงไปที่ค่ายมวยเลยจะได้ไม่ต้องขับรถกลับไปกลับมา 

เมื่อถึงค่ายมวย  ผมอนุญาตให้สมุทรเข้าฟังงานในออฟฟิศในค่ายมวยพร้อมกันเพราะวันนี้ทีมงานมากันครบ  แนะนำเขาให้ทุกคนในที่ทำงานได้รู้จัก  ทั้งเทรนเนอร์ของนักมวยอาชีพและเทรนเนอร์ทั่วไปทั้งหมดด้วย 

หัวหน้าเทรนเนอร์ฟิตเนสและเป็นนักโภชนาการ คือ "พี่เอิร์ธ"  และมือดีรองลงมาที่เป็นผู้ช่วยให้กับพี่เอิร์ธคือ "ปอ" ทั้งสองคนเป็นตัวสำคัญของค่ายเรา  มีงานประจำคือรับราชการตำรวจซึ่งคาดว่าอีกไม่นานคงจะได้ลาออกจากงานประจำนั้นแน่ ๆ เพราะดูเหมือนจะรักงานที่ทำที่ค่ายมวยให้ผมมากกว่างานประจำซะอีก 

หลังจากที่แนะนำพนักงานในออฟฟิศส่วนต่าง ๆ ว่าใครทำตำแหน่งอะไรอย่างไรบ้าง  เสร็จจากนั้นผมก็ให้สมุทรออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมออกไปวิ่งพร้อมกับนักมวยในค่ายเนื่องจากได้เวลาพอดี  ส่วนผมอยู่จัดตารางการซ้อมของตัวเองกับพี่เอิร์ธที่ค่าย  หลังจากที่เคลียร์งานเสร็จเรียบร้อยก็เปลี่ยนเสื้อผ้า  วอร์มร่างกายและออกวิ่งตามหลังพวกมันไปอีกที

ในทุกเช้าและในตอนเย็นนักมวยจะวิ่งกันอยู่ที่ไม่ต่ำกว่าสิบกิโลเป็นประจำ  นาน ๆ ทีผมถึงจะได้ร่วมขบวนแบบนี้ด้วยเพราะถ้าไม่ได้เก็บตัวขึ้นชกก็จะห่าง ๆ ออกมา  ผมชะลอการวิ่งสลับช้าเร็วไปจนตามทันพวกนั้น  สมุทรดูจะเข้าได้ดีกับเด็ก ๆ ในค่ายแล้ว  เห็นพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน  พอเห็นอย่างนั้นได้ผมก็สบายใจ  เมื่อพวกเราวิ่งไปถึงจุดหมายเทรนเนอร์ที่ตามมาจับเวลาอยู่ด้วยก็สั่งให้วิ่งกลับไปที่ค่ายมวยทันที  พอถึงที่ค่ายมวยทุกคนก็แยกย้ายกันไปซ้อม 

"คุณไฟครับ นั่น..ใช่ลูกลุงยอดรึเปล่า" ไอ้นพเดินเข้ามาถามอย่างเกรง ๆ

"ใช่" ผมตอบอย่างไม่ปิดบัง  สายตามองตามไอ้นพไปที่สมุทรที่กำลังชกยางรถยนต์อยู่  อายุของไอ้นพไล่เลี่ยกันกับผม  เพียงแค่อ่อนเดือนกว่า  พ่อของมันเป็นลูกน้องเก่าของพ่อผม  ที่จริงเราก็เห็นกันมาตั้งแต่ยังเด็ก  มีอะไรพ่อผมก็ช่วยเหลือครอบครัวของไอ้นพมาตลอด  มันเองก็คงเป็นอีกคนที่น่าจะรู้จักที่มาที่ไปของสมุทรอยู่บ้าง  ความจริงผมไม่เคยปริปากเล่าหรอกครับแต่พ่อของไอ้นพคงเล่าให้มันฟังอยู่บ้างละมัง

"งั้น..คงเก่งมวยคาดเชือกเหมือนกันสินะครับ" ไอ้นพยิ้มวิเคราะห์

"หึ..ลองถามเจ้าตัวดูสิ" ผมแสยะยิ้มทำเอาไอ้นพอมยิ้มออกมา  ไม่แน่ว่าสมุทรอาจจะบอกไอ้นพก็ได้ว่าที่ผ่านมาทำอะไรมาบ้างน่ะนะ  เขาคงจะไว้ใจไอ้นพมากกว่าผม

"เตรียมตัวไว้ล่ะ ฉันจะให้นายขึ้นชกคาดเชือกที่พัทยา..เมื่อกี้คุยกับลุงลอยแล้ว ตอนแรกคิดอยู่ว่าระหว่างนายกับไอ้หนึ่ง แต่ตารางของไอ้หนึ่งมันมีชกต่อเลยกลัวว่ามันจะไม่ไหว" ผมบอกแล้วเอื้อมไปหยิบดัมเบลมายกระหว่างที่พูดด้วย

"สนามของเสี่ยปรีดาสินะครับ" ไอ้นพพึมพำ  ผมไม่ตอบเพราะกลัวว่ามันจะคิดมาก

"ผมว่า คงไม่ใช่การชกธรรมดาแล้วละมั้งครับ" ไอ้นพว่า  ผมหันไปมองหน้าอีกฝ่ายที่ยืนนิ่งไป

"ไอ้เสี่ยนั่นมันสร้างสนามนี้เพราะการชกโชว์แบบเต็มรูปแบบ คงทำเงินได้มหาศาลน่าดู..แต่ฉันไม่แคร์หรอกนะว่ามันจะทำไปเพื่อห่าอะไร มันเชิญมาก็แค่สนองไป" ผมพูดยิ้ม ๆ ผมคิดว่าเจ้าของค่ายมวยแต่ละค่ายคงจะมั่นใจแน่ ๆ ว่าผมจะส่งไอ้นพที่เป็นมือดีที่สุดของค่ายขึ้นเพื่อชกคาดเชือก  ป่านนี้นักพนันเองก็คงตีความกันอย่างเมามันแล้วด้วย 

"แต่ถ้าชนะก็ดี.." ผมหันไปมองหน้าคู่สนทนา  ไอ้นพหันหน้ามามองผม

"ถ้าทำได้ กูจะไม่หักค่าตัวส่วนของมึงสักสลึงเดียว" ผมอมยิ้มมองมันอย่างเจ้าเล่ห์  ไอ้นพอมยิ้มออกมาเขิน ๆ
การขึ้นชกครั้งนี้อาจดูเหมือนเป็นเพียงงานเรียกน้ำย่อยของการเปิดสนามแข่งมวยอย่างไม่จริงจังอะไรนัก  แต่เชื่อเถอะครับว่ามันจะต้องจริงจังอย่างเอาเป็นเอาตายเป็นแน่  ใครหน้าใหญ่จะยิ่งเสียหน้าไม่ได้  ผมเองก็คงจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกันละมัง  ยิ่งมีค่ายของเสี่ยยุทธร่วมด้วยแล้ว  มันยิ่งไม่น่ายอมเข้าไปกันใหญ่  และที่การชกครั้งนี้จะเป็นงานหินอีกงานก็เพราะนักมวยค่ายใหญ่ ๆ ค่ายอื่น ๆ ก็มีนักชกที่ฝีมือเก่งกาจไม่ธรรมดาเช่นกัน   

"พูดจริงพูดจริงครับเนี้ย" ไอ้นพพูดหัวเราะด้วยประโยคกวน ๆ

"อย่าไปบอกลุงลอยล่ะ" ผมดักคอเอาไว้ก่อนจนไอ้นพหัวเราะอีกครั้งเพราะเป็นที่รู้กันเฉพาะเราสองคน

"ครับ..งั้นเดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับคุณ" ไอ้นพพูด  ผมพยักหน้าก่อนที่มันจะเดินกลับเข้าไปซ้อมต่อ

"เออ นพ" ผมเรียก  ไอ้นพหันกลับมา 

"ฝากดู สมุทรด้วยนะ" ผมบอก  ไอ้นพชะงักไปครู่

"ได้ครับ" มันพยักหน้ารับ

"..เดี๋ยว" ผมเรียกไว้อีกครั้ง

"ครับ" ไอ้นพหันกลับมาอย่างสงสัย

"เอ่อ..คือ ไม่ต้องบอกเจ้าตัวนะว่าฉัน ..ฝากน่ะ" ผมยักไหล่แล้วเหล่มองไปทางสมุทรเล็กน้อยอย่างกังวล  ไอ้นพอมยิ้มมอง

"ได้ครับ" อีกฝ่ายรับปากยิ้ม ๆ ก่อนเดินตรงไปหาสมุทร  ผมยกดัมเบลต่ออยู่พักใหญ่ ๆ พี่เอิร์ธ..ฟิตเนสเทรนเนอร์ประจำตัวผมมาช่วยดูผมด้วยอีกแรง  หลังจากที่ยกเวทเสร็จเรียบร้อยก็กระโดดเชือก  ชกยาง  เตะกระสอบ  ชกลม  บริหารกล้ามขาด้วยพื้นฐานทั่วไปหลายรูปแบบ  รู้ตัวอีกทีเวลาก็ล่วงไปเกือบห้าโมงครึ่ง  เสียงของผู้คนเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ผมหันไปสังเกตเห็นสมุทรเหลือบมองดูนาฬิกาที่ฝาผนังตลอดเวลาที่ตัวเองกำลังชกลมอยู่  เขาชกสลับกับมองนาฬิกามาได้ครู่ใหญ่ ๆ แล้ว

"โฟกัสน่ะ รู้จักไหม" ผมพูดเสียงเบาเหน็บให้สมุทรได้ยินกันแค่สองคน  อีกฝ่ายเหล่สายตามองผม  ผมอมยิ้มให้เพราะไม่รู้ว่าสายตาแบบนั้นมันหมายถึงอะไรกันแน่   

"สมุทร! ลมนวมมา!" พี่ธานตะโกนเรียกให้สมุทรขึ้นไปหาบนเวทีมวย 

"ครับ" สมุทรขานรับ  รีบวิ่งไปหาพี่ธานทันที  ลุงขันกวักมือให้สมุทรเข้าไปหาแกก่อนเพื่อที่จะใส่นวมให้  ผมหยุดชกลม  เดินไปดูสถานการณ์  หลังจากที่สมุทรใส่นวมเสร็จเรียบร้อยเขาก็ขึ้นไปบนเวที  ลุงลอยและลุงขันยืนดูสถานการณ์อยู่คนละมุม  ดูเหมือนจุดสนใจตอนนี้จะเหไปที่สมุทรกับพี่ธานที่อยู่บนเวทีนั่นไปซะแล้ว

"ธาน ๆ" ลุงลอยเรียก  พี่ธานเดินเข้าไปหาพร้อมกับก้มหน้าลงไปใกล้ลุงลอยมากขึ้น  แกพูดบอกอะไรพี่ธานสักอย่างเพราะพี่ธานดูจะตั้งใจยืนบังปากลุงลอยเอาไว้ผมจึงมองลุงแกได้ไม่ถนัด  พี่ธานพยักหน้ารับ  หันตัวกลับมาอมยิ้มให้ผมเพียงนิดเดียว  ผมแสยะยิ้มกลับให้ก่อนที่พี่เขาจะเข้าไปเตรียมพร้อมเป็นคู่ซ้อมให้กับสมุทร 

เสียงการลงนวมเริ่มจากเบา ๆ เหมือนพี่ธานลองเชิงดูน้ำหนักหมัดจากฝั่งตรงข้ามก่อน  จนนาทีต่อนาทีที่เริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ผมมองนาฬิกาที่ผนังและเริ่มจับเวลาไว้ในใจ  สายตาจับจ้องมองพี่ธานที่ดูเหมือนกำลังต้อนให้สมุทรออกแรงออกมาให้มากอย่างที่เจ้าตัวควรจะมี  สมุทรทำตามที่สั่งอย่างไม่มีปากมีเสียงหรืออิดออดแต่อย่างใด  นักมวยทั้งไทยและต่างชาติเริ่มทยอยมาเกาะขอบเวที  การชกเป็นไปอย่างต่อเนื่องจนหมดยกแรก  ทั้งคู่ยังไม่มีท่าทีที่จะเหนื่อย  พี่ธานถอดนวมออก  หยิบน้ำให้กับสมุทรดื่มก่อน  ส่วนผมเดินไปตักน้ำยื่นส่งให้พี่ธาน 

"น้องนายมาแล้ว" ผมบอกสมุทร  หันไปเห็นพายุเดินจูงมือเมฆเดินเข้ามาในค่ายพอดี  สมุทรหันไปมองอย่างดีใจ  สีหน้าของเขาดูโล่งอกเป็นปริทิ้ง  ครูมวยในค่ายทักทายพายุอย่างคุ้นเคยและดูจะดีใจด้วยซ้ำเพราะนาน ๆ ทีจะได้เห็นพายุที่ค่ายนี้

"ขอตัวแป๊บนึงนะครับ" สมุทรขออนุญาตพี่ธาน  พี่ธานอมยิ้ม  พยักหน้าอนุญาตยังไม่ทันไรสมุทรก็แทบจะกระโดดลงจากเวทีเข้าไปหาน้องชายตน  เมฆมองมาที่พี่ชายตัวเองยิ้ม ๆ เหมือนมันเองก็สบายใจด้วยเหมือนกันที่ได้เห็นพี่ชายตัวเองอยู่ที่นี่  พายุเดินมาไหว้ทักทายลุง ๆ และตรงมาที่ผม

"ขอบใจมาก" ผมบอกพายุ  พายุพยักหน้าเฉย ๆ ตามเคย

"คุยอะไรกันมาบ้างล่ะ" ผมถามถึงบรรยากาศในการพาตัวมาของบุคคลแปลกหน้า  ดูท่าแล้วต่างคนต่างก็ไม่ชอบพูดกับคนแปลกหน้ากันทั้งคู่  แต่สุดท้ายก็มาด้วยกันอย่างรอดปลอดภัยดีก็เลยสงสัยนิดหน่อย

"ก็..เปิดการ์ตูนให้ดู ถามอะไรก็ไม่ค่อยตอบ คงกลัวน่ะ" พายุตอบ  พี่ธานเท้าแขนอยู่ที่ขอบเวทีฟังร่วมอยู่ด้วย 

"เหมือนมึงตอนเด็ก ๆ ไง" ผมแซว

"หึหึ" พี่ธานหัวเราะเห็นด้วย  พายุยืนหน้ามุ่ยค้อนใส่ผมกับพี่ธาน  ลุงลอยกับลุงขันเข้าไปทักทายเมฆตามประสาคนแก่รักเด็ก  ลุงขันนี่รักเด็กมากครับ  เห็นเด็กเล็กเป็นไม่ได้เลย  ชอบเข้าหาตลอดทั้งที่ตนเองหน้าโหดมากจนเด็กกลัว   

"เป็นไงครับ" พี่ธานเปลี่ยนเรื่องถามผม

"อย่าออมมือดิ..ก็แค่เด็กใหม่ สองมาตรฐานว่ะ" ผมต่อว่าลอย ๆ ไม่มองหน้าพี่เขาเพราะกำลังมองสมุทรอยู่  ถ้าเทียบกำลังแรงที่สมุทรปล้ำมวยกับผมที่ค่ายมวยศรไกรอย่างจริงจังคล้ายกับเขาต้องการวัดฝีมือผมในครั้งนั้นแล้ว  เขายังมีแรงใส่กับพี่ธานได้สบาย ๆ

"หึ อย่าใจร้อนสิ" พี่ธานอมยิ้มกวนกลับ

"นิสัยแย่ ทั้งคู่เลย" พายุพึมพำ  ผมกับพี่ธานหันไปมองทันที

"งั้นยุไปก่อนนะ..ว่าจะกลับไปซ้อมหน่อย อ่านหนังสือด้วย" มันขอตัวหน้าด้าน ๆ

"เชิญ" ผมไล่ส่ง

"ชิ" พายุเบ้ปากใส่ผมน้อย ๆ ก่อนหันไปลาพวกลุง ๆ ในค่าย  พอสมุทรเห็นว่าพายุกำลังจะกลับแล้ว  เขาก็รีบเข้าไปขอบคุณพายุยกใหญ่และให้เมฆบอกลาพายุด้วย  สมุทรพาเมฆไปนั่งที่เก้าอี้นั่งข้าง ๆ กับเวทีมวยก่อนที่ตัวเองจะกลับขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง  พี่ธานเดินกลับไปกลางเวที 

เมฆนั่งมองตามพี่ชายตัวเองไม่วางตา  ผมแกล้งเดินไปนั่งลงข้าง ๆ เมฆหันมามองผมด้วยสีหน้าประหม่าและไม่ไว้ใจแต่ก็ยังยอมยกมือไหว้ทักทายผมน้อย ๆ ผมยักคิ้วตอบแทนเท่านั้น  ทำให้เมฆก้มหน้าหลบตาผมลงทันที  ผมหันกลับไปบนเวทีอีกครั้งก็พบว่าสมุทรมองมาที่ผมกับเมฆตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว  เขาจ้องผมเขม็งด้วยสีหน้าดุ ๆ ผมฉีกยิ้มกวน ๆ พร้อมยักคิ้วให้อย่างไม่รู้สึกรู้สาที่ได้แกล้งน้องชายของเขาต่อหน้าต่อตาพี่ชายไปอย่างไม่ทันระวังตัวไปซะแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2016 12:22:49 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

พี่ธานกับสมุทรแตะมือกันอีกครั้งเพื่อเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าจะเริ่มซ้อมต่อแล้ว  เสียงต่อยอย่างลองเชิงของทั้งสองฝ่ายเริ่มได้ยินเรื่อย ๆ พี่ธานยังคงไม่ยอมให้สมุทรปล่อยหนักอย่างที่ควร  ผมดูนาฬิกาอีกครั้ง  อีกไม่นานพี่ธานคงจะเอาจริงแล้วแน่ ๆ เวลาผ่านไปสองนาทีที่พี่ธานเริ่มสวนกลับสมุทรมากขึ้น  อีกฝ่ายเองก็ตอบกลับรุนแรงขึ้นเช่นเดียวกัน 

"เออ! แทง!" เสียงลุงขันประกอบการแสดงอยู่ข้าง ๆ เวที  ทั้งผม  ลุงลอยและลุงขันมองไปที่สมุทรไม่วางตา

"หนัก ๆ เลย! เอาให้หนักโว้ย!!" ลุงขันเข้าขั้นโวยวายเพราะแกเป็นคนจริงจังเรื่องนี้

"พี่นายน่ะ กั๊กฉิบเป๋งเลยว่ะ" ผมหันไปพูดบอกเมฆที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เมฆกลอกตาขึ้นมองผมด้วยสายตาซื่อ ๆ เหมือนไม่เข้าใจในความหมายของผมนัก  ก่อนที่มันจะเหลือบไปมองพี่ชายตัวเองที่อยู่บนเวทีอีกครั้ง

"เออ..แทงเข้าไป! แทง!!" ลุงขันปรบมือเร่งไม่ห่างที่เห็นว่าสมุทรปล่อยจังหวะแทงเข่าเข้าใส่พี่ธานแบบไม่ยั้ง  ผมแสยะยิ้มมองเพราะการซ้อมกับพี่ธานถือเป็นความซวยที่นักมวยในค่ายไม่ค่อยอยากซ้อมด้วยเท่าไหร่  หนึ่ง..พี่ธานแกตัวใหญ่  เตะหรือแทงอัดเท่าไหร่ก็แทบไม่สะเทือน  สอง..พี่ธานเป็นคนเสียงเบา  ถ้าเป็นคู่ซ้อมลงนวมพี่ธานจะไม่ค่อยพูดอะไรกับคู่ซ้อมนัก  ถึงพูดก็จะพูดเสียงเบาอยู่ในลำคอเหมือนคนพึมพำอะไรคนเดียว  ไม่เหมือนตอนที่ต้องคุมลูกน้องหลาย ๆ คนที่พี่เขาใช้เสียงได้ดี  โดยส่วนตัวแล้วผมชอบซ้อมกับพี่ธานเพราะมันเสียวดี  คงเพราะรู้ใจกันมากที่สุด  ยิ่งซ้อมยิ่งสะใจ  เราซ้อมด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก  รู้น้ำหนักของหมัดของทั้งคู่เป็นอย่างดี  มันไม่มีใครที่จะมาแทนกันได้อะไรประมาณนั้นละครับ 

"สมุทร" พี่ธานเรียกสติ  ทั้งสองคนวางมือลงและจ้องหน้ากัน

"ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอก" พี่ธานอมยิ้มบอก  สมุทรนิ่งไปครู่โดยไม่ตอบอะไรกลับ  พี่ธานจึงไม่ขยับตัวเช่นกัน  เอาแต่จ้องมองสมุทรนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้น  นักมวยรอบ ๆ มองอย่างสงสัย

"ครับ" สมุทรพยักหน้ารับปาก  เมื่อพี่ธานเห็นอย่างนั้น  ทั้งสองคนจึงเริ่มชกกันอีกครั้ง  ครั้งนี้สมุทรปล่อยแข้งเตะเต็มกำลังอย่างแรงขึ้นกว่าเดิม  ผมลุกขึ้นยืน  เดินเข้าไปที่เวทีและเข้าไปเท้าแขนไว้ตรงขอบเวทีมวยเพื่อต้องการดูให้สะดวกตามากขึ้นโดยไม่มีอะไรขวางกั้น  เสียงเตะ  ต่อย  ดังขึ้นเรื่อย ๆ เสียงคำรามในลำคอจากสมุทรดังให้ได้ยินเป็นระยะ  ผมอมยิ้มมองชอบใจ  รู้สึกถูกสเปกแปลก ๆ ที่ได้ยินเสียงคำรามในลำคอตามแบบที่ชอบ  ไม่ใช่ทุกคนที่เวลาชกแล้วจะมีเสียงคำรามที่น่าฟัง  ในความหมายของผมคือ..ลักษณะของเสียงร้องของแต่ละคนก็บอกอะไรในตัวได้หลาย ๆ อย่างน่ะนะ 


ตึง !!!

"โอ้ เอ๊ย!" เสียงลุงลอยร้องเชียร์ชอบใจ  แกยิ้มกว้างที่เห็นสมุทรล็อกขาพี่ธานที่เข้าไปเตะตัวเขาแต่สมุทรกลับเตะตัดขาพี่ธานจนพี่ธานล้มลงบนเวทีได้  พี่ธานที่นอนอยู่หันมายักคิ้วยิ้มให้ผม  ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะลุกขึ้นชกต่อ

"เออ เร็ว ๆ ๆ ๆ ๆ สมุทร! ล็อกแน่น ๆ ดิเฮ้ย!!" ลุงขันตะโกนด้วยสีหน้าเหวี่ยง ๆ ดังลั่น  แกคงสะใจที่พี่ธานและสมุทรต่างปล่อยกำลังอย่างไม่มีใครยอมใคร  อีกทั้งตัวก็สูสีกันมาก  เวลาผ่านไปพักใหญ่  คราวนี้พี่ธานล็อกขาสมุทรได้ก็ดันพร้อมเหวี่ยงอีกฝ่ายไปจนติดขอบเวที  ผมดูว่าสมุทรจะแก้เกมพี่ธานอย่างไร  เขาดึงงัดคอพี่ธานเข้าไปหาตัว  ก่อนจะพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสเข้าปล้ำมวยในทันที  เสียงโห่ร้องชอบใจจากนักมวยคนอื่น ๆ สมุทรแทงเข่าใส่ล่อเป้าที่พี่ธานสวมอยู่เต็มแรง  พวกลูกน้องผมพากันมาเกาะเวทีดูอย่างตื่นเต้น  เมื่อตัวของทั้งสองคนแยกออกจากกันได้  เสียงสลับกันเตะเข้าที่ลำตัวของแต่ละฝ่ายก็ดังติดกันดัง ตับ ๆ ๆ ๆ ๆ! ยาวไม่หยุดจนคนรอบ ๆ เวทีพากันส่งเสียงร้องเชียร์อย่างเมามัน 

"หมดยก!" ลุงขันตะโกนบอก  พี่ธานยิ้มกว้างเข้าไปกอดคอสมุทรมาอย่างเอ็นดู  สมุทรยิ้มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างทุกที  พี่ธานเข้าไปกระซิบพูดอะไรสักอย่างทำให้สมุทรเหลือบตามามองหน้าผม  ผมอมยิ้ม  กลอกตาหนีกวน ๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น  สมุทรยกมือไหว้พี่ธานและเดินกลับมาหาลุงลอยและลุงขันที่ข้างเวที  พี่ธานถอนนวมออก  ไอ้เข้มรีบนำน้ำไปให้พี่ใหญ่ของมันทันที

"หน้าตาเหมือนคนต้องการอะไรไม่รู้จบ" พี่ธานพูดทายใจผมทันทีที่ผมเดินเข้าไปหา  ผมยิ้มให้

"เมื่อกี้กระซิบอะไรกัน" ผมถาม  พี่ธานอมยิ้มและทำหน้าเมินเหมือนไม่ต้องการจะตอบ

"หึ ผมก็ไม่ได้อยากรู้นักหรอก" ผมเบะปาก  ยักไหล่ใส่  พี่ธานเท้าแขนลงตรงเชือกกั้นเวทีมวย

"ผมอยากดูหมัดซ้ายแบบที่เค้าชกผมร่วงวันนั้น" ผมพูดบอกพี่ธาน  พี่แกนิ่งไป

"ไม่ครับ" อีกฝ่ายตอบเสียงเรียบ 

"พี่ธาน ..นะ" ผมย้ำขอ

"ทำแบบนั้นเค้าก็รู้พอดีสิครับ นิสัยเสียจริง ๆ" พี่เขาบ่น  ทำหน้าขึงขังขึ้นมา
 
"ก็แล้วไง ก็ผมอยากดู" ผมย้อนตอบอย่างไม่แคร์

"ถ้าจะเอาแบบวันนั้น คุณก็ต้องมาเป็นคู่ซ้อมเอง และด้วยนิสัยของคุณแล้ว..เค้าได้ชกคุณแบบนั้นอีกแน่" พี่ธานอมยิ้มพูดกวน  ผมยิ้มกว้างไม่รู้สึกอะไรเพราะชอบจริง ๆ ที่พี่ธานรู้มันหมดทุกอย่างที่ผมเป็น

"รอบนี้ผมอยากดูมุมกว้าง!" ผมผายมือออก

"..หรือว่าคงต้องรอให้ตายใจกว่านี้" ผมฉุกคิด  พี่ธานกับไอ้เข้มหัวเราะ

"คงงั้น" พี่แกเห็นด้วย  ลุงขันตะโกนเรียกรวมอีกครั้ง  ยกนี้พี่ธานเน้นให้สมุทรใช้หมัดมากกว่าการปล่อยลูกเตะและเข่าอย่างยกก่อนหน้า  ทั้งที่ปฏิเสธผมแต่ดูเหมือนพี่เขาเองก็คงอยากลองได้เห็นอีกครั้งด้วยไม่น้อยแต่เพียงแค่ไม่อยากทำอะไรให้ดูโจ่งแจ้งเกินไป  ถึงแม้ผมจะไม่ได้เห็นหมัดอย่างวันนั้นแต่อย่างน้อยก็ทำให้ผมเห็นว่าหมอนี่ชกสวยและมีน้ำหนักหมัดที่หนักหน่วงมากจริง ๆ ทั้งมั่นคง  แรงและความแม่นยำของหมัดในแต่ละหมัดเป็นแบบที่หาไม่ได้ง่าย ๆ เสียงกระทบกระแทกนั้นย้ำว่าฝ่ายที่ชกยังมีแรงที่จะปล่อยออกมาอีกแน่แต่กลับปล่อยพลังออกมาไม่หมด  เมื่อวิเคราะห์หน่วยก้านได้อย่างนั้น  ผมยิ่งรู้สึกตื่นเต้นกับความแปลกใหม่จนรู้สึกว่าตัวเองมวนท้องไปหมด  มันซาบซ่ายังไงบอกไม่ถูก

"หมัดหนักไม่เบา" ลุงลอยเข้ามาพูดข้าง ๆ ผม  ตาเราสองคนมองไปที่คนบนเวที  หนักไม่หนักไม่รู้  แต่ชกกูร่วงเลือดไหลเป็นก๊อกมาแล้วอะนะ หึ..ชอบตรงนี้

"เคลื่อนไหวเร็ว ๆ" ผมตะโกนบอกอย่างอดไม่ได้เพราะการเคลื่อนตัวของสมุทรค่อนข้างช้ากว่าที่ควร 

"ชอบไหมครับ" ผมถามลุงลอย  ลุงลอยเบะปากและพยักหน้าอย่างยอมรับ  ผมยิ้มกว้าง

"เอาขึ้นชกเมื่อไหร่ดี" ลุงพูดจริงจังจนผมหัวเราะ

"ผมอยากให้เค้าได้ปรับตัวสักระยะก่อน" ผมพูดอย่างไม่รีบร้อน  ลุงลอยมองสมุทรไม่วางตาและสายตาแบบนี้ผมคิดว่าสมุทรคงถูกใจลุงแกไม่น้อยทีเดียว  ลุงลอยเป็นคนชอบคนว่านอนสอนง่ายและเชิงมวยสวย  ถ้ารวมผมด้วยแล้วนักมวยในค่ายก็มีไม่กี่คนที่แกชอบ  สมุทรคงมาตรงทางแกพอดิบพอดี..

พี่เอิร์ธเดินมาหาและร่วมดูการชกของสมุทรอย่างสนใจนักมวยคนใหม่  เพียงแค่ดูการชกของสมุทรแค่ไม่กี่นาที  พี่เอิร์ธก็สามารถวางตารางการฝึกมาให้ผมได้อย่างรวดเร็ว  ผมอนุญาตให้พี่เอิร์ธทำตามที่เห็นสมควร  เสร็จจากนั้นผมจึงมาฝึกของผมต่อโดยเรียกให้พวกลูกน้องตัวดีที่กำลังแอบอู้อยู่กับการดูคนบนเวทีกลับมาตั้งใจซ้อม  ผมเป็นคู่ซ้อมกับไอ้รุ่งเหมือนเคยเพราะคู่หูของผมกำลังไม่ว่างอยู่อย่างที่เห็น  ลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ จนผ่านไปร่วมชั่วโมงก็ซ้อมเสร็จ  ผมปล่อยตัวสบาย ๆ ปลีกตัวออกมาโหนบาร์โหนที่ด้านนอกใกล้กับโรงจอดรถคนเดียว  เพราะแถวนี้ค่อนข้างเงียบ  ก็แค่อยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ น่ะนะ

".........." ผมเหลือบไปมองด้านล่าง  สังเกตเห็นว่ามีคนมายืนดูอยู่ด้วย  สมุทรเงยหน้ามองผม  ในมือถือขวดน้ำด้วย  เดินเข้ามาหาได้เบาเงียบเชียบขนาดนี้  ไม่รู้ว่าไอ้นี่มันคนหรือผีกันแน่

"มีไร" ผมถามและก็ยังไม่หยุดออกแรงโหนขึ้นลง 

"น้ำครับ" สมุทรตอบ  ผมแปลกใจแต่ไม่ทันตอบอะไรกลับ  เลือกที่จะโหนขึ้นลงอยู่อย่างนั้นต่ออยู่พักหนึ่งเพื่อให้จำนวนตัวเลขเป็นไปตามเป้าที่วางเอาไว้ในตอนแรก  สมุทรยังคงไม่ยอมไปไหน  เขายืนเงียบรอไม่ว่าอะไรจนผมโหนต่อจนครบรอบ 

"เออ ฉันว่าจะถามหลายครั้งแล้ว" ผมชวนคุย  รู้สึกว่าบริเวณนี้มันเงียบเกินไป 

"ครับ" สมุทรขานรับ

"นายชอบว่ายน้ำเหรอ" ผมถาม  สงสัยมานานเพราะวิเคราะห์ดูได้จากหุ่นและช่วงไหล่ของเขา 

"ก็ไม่เชิง แต่ตั้งแต่เด็ก..จนเมื่อสามปีก่อน ผมว่ายเกือบทุกวัน" สมุทรตอบ  ผมอมยิ้มไว้ในใจและค้างเกร็งอยู่บนบาร์อยู่อย่างนั้นเกือบสิบวินาทีก่อนจะปล่อยตัวลงช้า ๆ ทำให้เราสองคนยืนประชันหน้ากัน 

"ถามทำไมครับ" สมุทรถาม

"ก็อยากรู้" ผมตอบปัดไปที 

"คุณก็ชอบเหรอ" เขาถามอีก

"ชอบอะไร ชอบว่ายน้ำน่ะเหรอ" ผมยิ้มมุมปากแกล้งถามกลับด้วยใบหน้าซื่อ ๆ ทำเอาสมุทรอมยิ้มจ้องผมเขม็ง

"ก็นายไม่ถามให้เต็มประโยค เดี๋ยวฉันก็เข้าใจผิดเหมือนครั้งที่แล้วอีก" ผมยิ้มกะล่อนใส่ 

"เอาเป็นว่า ถือว่าผมไม่ได้ถามอะไรก็แล้วกัน" สมุทรย้อนตอบ

"หึหึ" ผมหัวเราะแล้วเข้าไปหาสมุทร  เขายื่นขวดน้ำมาให้ 

"ถ้าเป็นพี่ธาน เค้าจะเปิดให้ฉันด้วย" ผมพูด  สมุทรว่าง่ายเปิดขวดน้ำให้ผม

"ต้องป้อนด้วยไหมครับ" อีกฝ่ายพูดเสียงเรียบ  ผมเหลือบสังเกตสีหน้าของเขาที่ดูปกติดี  ตกลงก็เลยไม่รู้ว่านั่นเป็นการถามซื่อ ๆ หรือต้องการประชดผมกันแน่

"นี่กวนตีนเหรอ" ผมเลิกตาถาม

"หึหึ" สมุทรหัวเราะ  ผมรับขวดน้ำมาและยกดื่มจนเกือบครึ่งขวด  สมุทรยืนมองเงียบ ๆ

"ผมเสร็จแล้ว ขอตัวกลับเลยได้รึเปล่าครับ"

"อืม" ผมพยักหน้าอนุญาต

"วันนี้ผมไม่เอามอเตอร์ไซค์ไปนะครับ เป็นห่วงเมฆน่ะ ว่าจะเอาไปจอดไว้ที่บ้านคุณ" สมุทรบอก  ผมพยักหน้ารับอีกครั้ง  ในสมองกำลังเบลอ ๆ เหมือนมีความคิดหลายความคิดกำลังตีกันให้วุ่นไปหมด 

"งั้น เจอกันพรุ่งนี้นะครับ" สมุทรอมยิ้มน้อย ๆ ตัดบทก่อนหันตัวกลับไป  ผมมองตามหลังของเขา  หุ่นอีกฝ่ายตรงสเปกผมตามที่พี่ธานว่าเอาไว้จริง ๆ พี่ใหญ่ก็คือพี่ใหญ่  รู้ดีไปซะหมด  พอเห็นหุ่นใกล้ ๆ แบบนี้แล้ว  มันเป็นความจริงที่เห็นแล้วรู้สึกอยากตายชอบกล

"เดี๋ยวไปส่ง" ผมพูดขึ้นโต้ง ๆ ในใจร้องคำรามเสียงดัง "อ๊าก!" เชี้ยไรวะเนี่ย 

"ฉันหมายถึง..เดี๋ยวฉันไปส่ง" ผมพูด  สมุทรหันกลับมามองผมคล้ายไม่เข้าใจ
 
"ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้" เขายิ้มปฏิเสธน้อย ๆ

"ก็บอกว่าเดี๋ยวไปส่งไง" ผมตัดบทอย่างรำคาญแล้วเดินผ่านสมุทรออกมาเลย 

ผมเดินไปหยิบกระเป๋าแล้วนำเข้าไปในห้องแต่งตัว  หยิบเครื่องใช้อาบน้ำแล้วเข้าไปอาบน้ำในทันที  หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงคนตามเข้ามา  คงเป็นสมุทรนั่นแหละเพราะผมได้ยินเสียงเด็กผู้ชายเดินตามเข้ามารอที่ด้านในตรงส่วนของห้องอาบน้ำนี้ด้วย  ผมใช้เวลาอาบอยู่สิบห้านาที  ซ้อมมวยทีไรต้องอาบนานหน่อยเพราะจำเป็นต้องขัดตัวด้วย  ไม่อย่างนั้นกลิ่นติดตัวไม่หาย  พอเดินออกมาจากห้องน้ำ  ผมเห็นเมฆนั่งเฝ้าอยู่ตรงเก้าอี้กลางห้องแต่งตัว  ผมหันไปมองที่ห้องอาบน้ำใกล้ ๆ คาดว่าสมุทรคงอยู่ในนั้นเพราะห้องอื่นว่างหมด 

"มองอะไร เดี๋ยวจับเรียกค่าไถ่ซะเลย" ผมว่า  แกล้งทำหน้านิ่งขู่  เมฆชะงักหน้าเสียเหมือนจะร้องไห้

"คุณไฟ!" สมุทรที่อยู่ในห้องน้ำตะโกนปรามผมออกมา 

"หึหึหึ" ผมก้มหน้าหัวเราะอย่างอดไม่ได้  ผมเปิดกระเป๋า  หยิบเสื้อผ้ามานวยนาดแต่งตัวอยู่อย่างนั้นจนสมุทรอาบน้ำเสร็จ

"ปกตินายอาบเร็วแบบนี้ หรือว่ารีบออกมาเพราะฉัน" ผมยิ้มแซว  สมุทรจ้องปรามใส่

"เล่นเป็นเด็กไปได้" อีกฝ่ายบ่นพร้อมส่ายหัวน้อย ๆ ผมยิ้ม  หยิบเสื้อยืดตัวใหม่มาใส่  เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยจึงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ม้านั่งตัวยาวตัวเดียวกันกับที่เมฆนั่งอยู่  สมุทรเช็ดตัว  ผมเอนหลังนั่งด้วยท่านั่งที่ถนัดแก่สายตามากที่สุดและจ้องมองสมุทรแต่งตัวอย่างจงใจ  เมฆยังคงก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างนั้น  ความเงียบในห้องแต่งตัวที่ค่อนข้างส่วนตัวนี้ทำให้เราสามคนเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง  เสียงเพลงด้านนอกดังแว่วให้ได้ยิน  มือของเมฆขยับเล่นของเล่นในมือไปมาแต่ยังคงรักษาความเงียบเอาไว้  ผมสังเกตเห็นว่ามันคือไดโนเสาร์ตัวเล็กจิ๋วซึ่งน่าจะเป็นของพายุ  เพราะน้องชายผมมันชอบสะสมอะไรปัญญาอ่อน

ผมหันกลับมาสนใจสมุทรอีกครั้ง  เอียงตัวเองเล็กน้อยเพื่อให้หันไปในทางที่สมุทรยืนอยู่  ตั้งศอกลงบนพนักเก้าอี้และเท้าใบหน้าตนเองเพื่อมองคนตรงหน้า  สายตาเหลือบมองไปที่ต้นขาของสมุทรอย่างอดไม่ได้  คนที่ถูกมองยังคงหยิบกางเกงในมาใส่และทำเฉยคล้ายกับไม่รู้ร้อนรู้หนาวใด ๆ ต่อสายตาของผมอีกตามเคย  ผมรู้สึกว่าสมุทรก็แอบดูหยิ่งในบางที 

ผ้าขนหนูถูกเลิกขึ้นสูงขึ้นไปบนต้นขาเรื่อย ๆ ผมสังเกตเห็นอยู่นานแล้วว่าต้นขาของเขาค่อนข้างขาวกว่าพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย  ไม่แน่ว่านั่นอาจจะเป็นผิวที่แท้จริงของเขาแต่ก่อนก็เป็นได้ 

"งานอดิเรกของคุณคือชอบมองคนอื่นแต่งตัวรึไงครับ" สมุทรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ทั้งที่ไม่มองหน้าผม  ไม่รู้ว่าในหัวของคนที่ปกติมีใบหน้าที่อ่อนโยนแบบนั้น  ตอนนี้ไม่แน่อาจจะกำลังคิดอยากฆ่าผมอยู่ก็ได้

"หึ ฉันก็เพิ่งมารู้ตัววันนี้เหมือนกัน" ผมแสยะยิ้ม 

"ทำไมไม่ใส่กางเกงก่อน" ผมทัก  เพราะพอสมุทรใส่กางเกงในเสร็จเขาก็หยิบเสื้อยืดมาใส่ก่อน  ผมคิดว่าถ้าใส่กางเกงยีนก่อนมันน่าจะง่ายกว่าใส่เสื้อก่อนนะครับ

"เพราะผมชอบใส่เสื้อก่อน" สมุทรย้อนตอบ  เขาหันตัวกลับมามองผมตาขวาง  ผมยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างไม่สนใจในสายตาดุ ๆ แบบนั้น  อีกฝ่ายหยิบกางเกงยีนมาใส่  ก้มหน้าลงหน้าลงมองขณะติดกระดุม  พอติดเสร็จก็เงยหน้าขึ้นสบตากับผมพอดี  ผมมองตามทุกการกระทำ  ยิ่งเขานิ่งแบบนั้นผมยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะถูกต้อนให้จนมุมอย่างไรอย่างนั้น 

เมื่อสมุทรแต่งตัวเสร็จ  อยู่ ๆ อีกฝ่ายก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับเท้าแขนลงบนพนักเก้าอี้โดยคร่อมตัวผมเอาไว้  สมุทรก้มเข้ามา  ผมยังคงนั่งนิ่ง  เราจ้องกันเขม็ง  ใจหนึ่งผมค่อนข้างตกใจที่เขาทำแบบนี้แต่ก็ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเท่าไหร่นัก  สมุทรก้มหน้าลงมาใกล้  เบี่ยงใบหน้ามาใกล้กับหูผมมากขึ้น..

"ถ้าน้องผมไม่อยู่ ตาคุณบอดไปแล้ว" อีกฝ่ายกระซิบขู่ที่ข้างหูเสียงเข้ม  ผมฉีกยิ้มกว้าง  บอกตามตรงว่าเสียวข้างหูวาบไปจนถึงปลายเท้า  เจ้าตัวคงไม่ได้รู้อะไรเลยสินะ

"หึ" ผมก้มหน้าหัวเราะน้อย ๆ และยังไม่หยุดเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาโลมเลียจนสมุทรลุกขึ้นยืนตามเดิม  เขาส่ายหัวอย่างเซ็ง ๆ ที่ผมไม่รู้ร้อนรู้หนาวต่อคำขู่ใด ๆ สมุทรหันกลับไปเก็บข้าวของใส่กระเป๋าและเอื้อมไปจับมือเมฆให้เดินตามออกไป  ผมรีบลุกหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายและตามไปทันที

"ฉันควรขอบคุณเมฆสินะ" ผมพูดไล่หลังอย่างไม่ยอมจบเรื่องง่าย ๆ สมุทรเหลือบมามองหน้าผมเล็กน้อย

"แล้วถ้าฉันตาบอด ฉันก็คงโชคร้ายสุด ๆ ที่คงไม่ได้เห็นอะไรต่อมิอะไรของ.." ผมพูดพร่ำแกล้ง

"คุณไฟ..กรุณาปรามปากสวย ๆ ของคุณให้พูดแต่เรื่องที่ควรพูดด้วยครับ" สมุทรพูดประชดประชันแทรกขึ้นทันควันเหมือนกลัวว่าผมจะพูดอะไรไม่ควรมากไปกว่านี้

"นายก็คิดว่าปากฉันสวยเหมือนกันงั้นเหรอ ก็นะ..มีแต่คนชมอย่างนั้น ถึงแม้หลายคนจะไม่ชอบเวลาที่ฉันพูดก็เถอะ ฉันเองก็รู้ว่ามันค่อนข้างหมาอะนะ..แต่ฉันโอเคนะที่นายก็คิดแบบนี้" ผมพูดเดินตามหลังสมุทรไป  รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ตัวเองยิ้มกว้างโคตร ๆ และรู้สึกว่าตัวเองยิ้มออกมาง่าย ๆ บ่อยไปแบบไม่มีสาเหตุเกินกว่าปกติ

เราเดินทางไปที่บ้านของสมุทรด้วยกันโดยรถยนต์ของพี่ธานที่ผมไปบังคับเอามาและผมเลือกที่จะเป็นคนขับเอง  วันนี้เมฆก็ยังคงนั่งด้านหน้ากับสมุทรเหมือนเคย  ดูเหมือนการออกมาครั้งนี้จะทำให้ลูกน้องผมแปลกใจมาก  พวกมันพากันเหลือบมองกะหลับกะเหลือกจนผมขับออกมา  ระหว่างทางผมเลือกที่จะเปิดเพลงคลอเบา ๆ เพราะผมไม่รู้ว่าผมควรจะชวนคุยเรื่องอะไรไหม  หรือควรทำตัวอย่างไร  นอกจากสมุทรจะคุยอยู่แต่กับเมฆแล้ว  นอกนั้นเราก็ไม่มีบทสนทนาอื่น ๆ อีกเลย..

"ลงไปดื่มน้ำก่อนไหมครับ" สมุทรถามเมื่อเราจอดรถสนิท  ผมหันไปมองหน้าสมุทรอย่างแปลกใจที่ถูกอีกฝ่ายชวนแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

"อืม" ผมพยักหน้ารับอย่างไม่ต้องคิด  สมุทรเปิดประตูและพาเมฆลงไปยืนรอผม  ผมขยับรถให้เข้าที่เข้าทางอีกครั้งเพราะเมื่อครู่กะจอดเพียงเพื่อส่งพวกเขาทั้งสองคนเท่านั้น  ผมลงจากรถ  เดินขนาบข้างสมุทร  อีกฝ่ายก็เดินจูงมือน้องชายตัวเองไปด้วยจนถึงบ้าน  วันนี้ที่หน้าบ้านของเขายังคงตั้งร้านขายขนมไทยเหมือนเคย 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2016 13:31:41 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

"ดาว" สมุทรตะโกนเรียกจากด้านนอก  เมฆถอดรองเท้า  เดินเข้าบ้านไปก่อน

"กลับมาแล้วฮะ" เมฆพูดบอกคนในบ้าน  น้ำเสียงเบา ๆ ไม่ตะโกนอย่างกับมันเอาไว้พูดกับตัวเองอะไรทำนองนั้น

"นี่" ผมเรียกสมุทรไว้  อีกฝ่ายหันกลับมามอง

"เอ่อ..อย่าบอกยายนายได้ไหมว่าที่จริงฉันเป็นใคร" ผมพูดออกไปตรง ๆ สมุทรอมยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่ซื่อนัก  ผมถึงกับต้องเปลี่ยนสายตาในการมองหน้าเขาในทันที  ผมคิดว่ายายของสมุทรคงรู้ทุกอย่างเป็นอย่างดี  รู้ว่าทำไมลุงยอดถึงตาย  รู้ว่าทำไมทุกคนถึงต้องจากบ้านหลังนี้ไปและจำเป็นต้องทิ้งยายไว้ที่นี่  อยู่กับค่ายมวยศรไกร  รู้ว่าทำไมสมุทรและน้องถึงได้กลับมา  เธอคงรู้ทุกอย่าง

"ทำไมครับ ละอายใจเหรอ" สมุทรว่ากลับ  ผมเหสายตาหนีอย่างเหนื่อยหน่าย

"ที่จริงน่ะ นายเป็นคนปากจัด..รู้ตัวไว้ซะด้วย" ผมว่าเหน็บเสียงเข้ม  สมุทรยักไหล่คล้ายยอมรับ  เราสองคนหันไปเมื่อประตูบ้านเปิดออก  ดาวออกมาต้อนรับ  ดูเธอจะตกใจไม่น้อยที่เห็นหน้าผม

"ดาว นี่คุณไฟ..เป็นเจ้านายของพี่" สมุทรแนะนำรวบรัด  ดาวยกมือไหว้ผมด้วยสีหน้าสงสัยไม่เลิก

"สวัสดีค่ะ" เธอยิ้มน้อย ๆ ผมยกมือรับไหว้

"สวัสดีครับ" ผมตอบ  เราสามคนยืนประชันหน้ากันครู่หนึ่ง

"เดี๋ยวดาวเอาน้ำมาให้นะคะ" ดาวยิ้มกว้างแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไป  สมุทรและผมหันมามองหน้ากัน 

"เข้าไปในบ้านก่อนไหม แต่จะร้อนหน่อยนะครับ" สมุทรพูดด้วยท่าทางเกรงใจผม  ดูเขามีความกังวลเล็ก ๆ สมุทรเข้าไปถอดรองเท้าแล้วเปิดประตูนำเข้าไปก่อน  เขายืนรอผมอยู่ที่ปากประตู  ผมเดินตามเข้าไปอย่างรู้สึกประหม่าไม่ได้  ในบ้านค่อนข้างมืดเพราะเปิดไฟแค่ดวงเดียว  คงเพราะแสงจากพระอาทิตย์ทางด้านนอกยังคงให้ความสว่างได้อยู่บ้าง
 
"ยาย" สมุทรเข้าไปช่วยประคองยายที่เพิ่งเดินออกมาจากทางด้านหลังบ้าน  เธอมองมาที่ผมและยิ้มให้  รอยยิ้มอ่อนโยน  ให้อารมณ์คล้ายกับคนที่กำลังประคองเธออยู่ไม่มีผิด

"สวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้

"สวัสดีจ้ะ" เธอพยายามจะยกมือพนมไหว้ผมกลับ

"เอ..พ่อหนุ่มนี่ ยายเคยเจอรึเปล่านะ" ยายมองหน้าและเดินไปนั่งที่แหย่งไม้ตัวใหญ่ 

"นั่งก่อนสิ" สมุทรบอก  ผมหันไปมองเห็นเก้าอี้อยู่ใกล้ ๆ จึงนั่งเลยทันทีอย่างกับกลัวโดนแย่ง  ก็นี่มันใกล้มือใกล้เท้าที่สุดแล้ว  สถานที่ ๆ ไม่ใช่บ้านของตัวเองก็รู้สึกแปลก ๆ ไปหมดนั่นแหละ

"พี่คนที่พายายไปโรงพยาบาลไง" ดาวยิ้มเสียงใส  เธอเดินออกมาพร้อมกับนำขันน้ำขนาดกลาง  ดาวนำมันมาวางตรงหน้าผม  ผมมองสำรวจ  ในนั้นมีดอกมะลิและดูท่าจะใส่อุทัยทิพย์เข้าไปด้วย เวรละ..กูเกลียดอุทัยทิพย์ที่สุด
 
"อ๋อ! ยายนึกออกแล้ว ขอบคุณมากนะลูกนะ" ยายยิ้มกว้างทำท่าดีใจจนผมตกใจ 

"แล้วเป็นยังไงมายังไงละลูก" เธอถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

"เค้าเป็นเจ้านายสมุทรนะ" สมุทรก้มลงบอกเธอใกล้ ๆ

"เจ้านาย..คนใหม่ที่หนูว่าน่ะรึ" ยายถามอีก

"ครับ" สมุทรพยักหน้า  เมฆเดินออกมา  มันถอดถุงเท้าเรียบร้อยแล้วและเดินมานั่งที่โต๊ะเดียวกันกับผมแต่ก็ทิ้งระยะห่างของเก้าอี้ที่ตนนั่งไว้ประมาณเกือบเมตรได้ 

"ขอบคุณมากนะจ๊ะ ถ้าไม่ได้หนูยายคงแย่ อากาศมันร้อนจริง ๆ" ยายบ่นอุบอิบ  ผมยิ้มน้อย ๆ

"ยังไง..วันนี้อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนนะ" เธอยิ้มชวน  ผมเหลือบมองสมุทรเพื่อขอความคิดเห็น  อีกฝ่ายทำหน้าเรียบเฉยไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรอีกตามเคย  ผมว่าที่จริงเขากำลังกวนผมเล่นอยู่แน่

"อยู่ด้วยกันนะคะ หนูกำลังทำกับข้าวอยู่พอดี" ดาวยิ้มบอกอยู่ห่าง ๆ

"ครับ" ผมผงกหัวรับคำชวน 

"เดี๋ยว ๆ งั้นยายไปทำกับข้าวก่อนนะ" ยายพูดเสียงแหบพร่า  นำมือเท้าลงบนแหย่งเพื่อพยายามที่จะดันตัวเองขึ้นยืน  สมุทรรีบเข้าไปช่วยพยุงให้ยายลุกขึ้นได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม 

"มีอะไรที่กินไม่ได้ไหมลูก" ยายหันมาถาม

"กินได้หมดครับ" ผมรีบตอบอย่างเกรงใจ

"ดี ๆ เดี๋ยวยายทอดปลาซิวให้กินนะ..กระดูกจะได้แข็งแรง" ยายยิ้มชอบใจ  เดินช้า ๆ มีดาวประคองไปด้วย  ทั้งสองเดินเข้าไปที่ด้านหลังบ้านที่ดาวเพิ่งเดินออกมาเมื่อครู่นี้  ตอนนี้จึงเหลือแค่ผม  สมุทรและเมฆ 

"ผมขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ" สมุทรบอก  ผมพยักหน้าตอบ  อีกฝ่ายเดินขึ้นบ้านไป  ตอนนี้จึงเหลือแค่ผมกับไอ้เด็กมืดมนนี่สองคนเท่านั้น

ผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงนำวางไว้บนโต๊ะ  เมฆหยิบสมุดการบ้านจากกระเป๋าเป้ออกมาวาง  ก้มหน้าก้มตาจัดของ ๆ ตัวเองไว้บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ  ผมนั่งมองสำรวจไปรอบ ๆ ตัวบ้าน  ความกว้างของบ้านลึกยาวไปตามลักษณะของตึกพาณิชย์ทั่ว ๆ ไป  มุ้งลวดที่สะอาดแปลกตาจึงไม่ทำให้ตึกเก่า ๆ นี้ไม่ดูไม่น่าอยู่อย่างที่ควรจะเป็น  แสงอาทิตย์ให้ความสว่างอ่อน ๆ ประตูด้านนอกปิดไว้ครึ่งหนึ่งคงเอาไว้กันแดดที่สามารถส่องเข้ามาได้เต็ม ๆ ถัดจากโต๊ะไม้ขนาดสองเมตรคูณสองเมตรนี้  เป็นแหย่งไม้สักซึ่งน่าจะเป็นขอโบราณนมนาน  โทรทัศน์ขนาดสิบหกนิ้วโดยประมาณพร้อมกับเครื่องเสียงเล็ก ๆ รุ่นเก่า  นอกนั้นเป็นชั้นวางหนังสือ  ถัดไปทางด้านหลังมีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเก่า ๆ วางอยู่ซึ่งคงจะเป็นโต๊ะทำงานไปในตัวด้วย  แม้บ้านจะดูเก่าทรุดโทรมแต่ถือว่าค่อนข้างสะอาดมาก  ไร้หยากไย่  ไร้ฝุ่น  ทุกอย่างจัดวางเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย  และโดยภาพรวมแล้วบ้านนี้ตกแต่งแบบปล่อยให้บ้านดูโล่ง  เหมือนจงใจไม่ให้มีอะไรมาทำให้เกะกะหรือสกปรก 

ผมเอื้อมมือไปที่โต๊ะเล็ก ๆ ที่วางอยู่ด้านข้างติดผนัง  ด้วยความอยากรู้อยากเห็น  จึงนำมือลูบไปที่โต๊ะนั่นเพื่อต้องการให้แน่ใจว่ามีฝุ่นหรือไม่  แต่เมื่อนำมือมาดูก็ไม่พบว่าฝุ่นจะติดมือตัวเองแต่อย่างใด  ด้านล่างข้าง ๆ กันนั้นมีรองเท้าสำหรับใส่ในบ้านวางอยู่ด้วย 

"เฮย มืดมน..นี่ผ้าขี้ริ้วเหรอ" ผมเรียก  ชี้มือไปที่ผ้าขาวสะอาดตาที่วางอยู่ข้าง ๆ กับโทรศัพท์  เมฆเงยหน้ามองตามมือผมและพยักหน้าตอบ  จากที่ผมพบมา  น้อยครอบครัวมากที่ในบ้านจะมีผ้าขี้ริ้วที่สะอาดเท่า ๆ กับเสื้อผ้าที่สวมใส่  นอกจากบ้านของผมแล้วผมก็แทบไม่เจอบ้านใครที่มีผ้าขี้ริ้วที่สะอาดจนแขกที่มาเยี่ยมบ้านตกใจ  และถามว่า "นี่ผ้าขี้ริ้วบ้านมึงแน่เหรอ!"  เพราะขาวสะอาดหมดจดตามที่พายุต้องการ 

"ซื้อขนมหน่อยจ้า!" เสียงแว่วดังมาจากด้านนอก  ผมชะงัก  ชะโงกหน้าออกไปดูพร้อมกับเมฆก็เห็นลูกค้ามายืนรออยู่หน้าบ้านแล้ว  เธอพยายามมองเข้ามาด้านในบ้าน  ผมลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น  ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไร  อยู่ ๆ ก็เกิดอาการงง ๆ นี่ผมควรออกไปตักขายเองหรือว่าเรียกคนบนบ้านดี  ผมไม่กล้าตะโกนเรียกเพราะในบ้านเงียบมาก  อยู่กันแบบเงียบสงบจนผมไม่แน่ใจว่าควรเรียกในโทนเสียงแบบไหน

"..........." ผมเหลือบมองไปที่เมฆที่เงยหน้ามองหน้าผมอยู่เหมือนอีกฝ่ายก็รอการตัดสินใจจากผมด้วยเช่นกัน

"ให้ฉันตักงั้นเหรอ ยกหม้อกลับไปเลยง่ายกว่านะ" ผมชี้หน้าตัวเองว่าเมฆ  เพราะสีหน้าของมันเหมือนคาดหวังผมอย่างนั้น

"เรียกพี่ชายนายสิ" ผมสั่ง  ใช้เด็กนี่ละ..ทางออกที่ง่ายที่สุด  เมฆนั่งเงียบไปครู่  ลูกค้าด้านนอกยังคงส่งเสียงเรียกอยู่ไม่หยุดเช่นกัน

"พี่สมุทร" เมฆหันไปตะโกนเรียก  แต่เป็นการตะโกนที่เบาและฟังดูไร้เรี่ยวแรงมากสำหรับผม

"ดัง ๆ สิ ให้มันหนักแน่นหน่อย" ผมสั่งอีกครั้ง

"พี่สมุทร!!!" เมฆรวบรวมพลังตะโกนอีกครั้งตามที่สั่ง  มันหลับตาปี๋เลย  สงสัยนั่นสุดเสียงที่มีแล้ว 

"ครับ ๆ มาแล้ว ๆ" สมุทรขานรับ  เสียงฝีเท้าวิ่งลงมาจากบนบ้านมาอย่างรวดเร็ว

"ครับ" สมุทรมองหน้าผมอย่างสงสัย 
 
"มีลูกค้า" ผมและเมฆพูดพร้อมกันและชี้นิ้วไปที่หน้าบ้านประกอบด้วย

"หึ" สมุทรหลุดหัวเราะคล้ายโล่งอก 

"มีอะไรรึเปล่าคะ!" ดาวตะโกนถามออกมาจากครัวอย่างสงสัย  เสียงดังกังวานมาก ๆ

"เปล่า ๆ" สมุทรตะโกนตอบ 

"ก็พูดเสียงดังกันได้นี่หว่า" ผมพึมพำคนเดียว  สมุทรรีบออกไปหน้าบ้าน  ผมกลับมานั่งที่เดิม 

".........." ความเงียบระหว่างผมกับเมฆก่อตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง  ผมเหลือบมองว่าเด็กนี่กำลังทำอะไร  เขาวางสมุดโดยกางอยู่หน้าเดิมและจ้องไม่ขยับอยู่อย่างนั้นอยู่นานจนเกือบห้านาทีได้แล้ว  ผมแอบดูว่านั่นเป็นการบ้านเป็นวิชาอะไร  พบว่ามันคือคณิตศาสตร์  วิชาที่ผมคิดว่าเด็กเก้าสิบเปอร์เซ็นต์น่าจะเกลียดเข้าไส้   

"ช่วยไหม" ผมถามขึ้นลอย ๆ ห้วน ๆ ไม่มองหน้า  หลังจากนั้นเราต่างเงียบเหมือนเดิม  ผมมองเหล่สายตาไป  เห็นเมฆเหลือบสายตามามองผมเหมือนต้องการอ่านสีหน้าของผมเช่นกัน  อีกฝ่ายเลื่อนสมุดมาทางผมช้า ๆ คงเป็นการส่งสัญญาณของการอนุญาตให้ช่วย  ผมจึงหยิบมาดู

"นี่การบ้านเด็กป.3 เหรอ!" ผมขมวดคิ้วบ่นทันที  พลิกหนังสือเรียนดูอีกครั้งว่าใช่สำหรับการเรียนการสอนของเด็กประถมศึกษาปีที่ 3 แน่หรือไม่  ตัวเลขบวกลบหลักหมื่นที่อาจดูธรรมดาสำหรับคนโตแต่ผมกลับคิดว่า  ถ้าให้ไอ้รุ่งหรือไอ้เด่นมาเห็นตัวเลขบวกลบหลักหมื่นละก็  มันได้มียกนิ้วเท้าขึ้นมาช่วยกันนับเป็นแน่  หรือไม่ก็คงหยิบโทรศัพท์มากดคิดเลขแทนเพื่อความรวดเร็ว

"อันนี้เป็นหลักอะไร" ผมเลื่อนหนังสือกลับไปตรงหน้าเมฆและเลือกเริ่มสอนข้อที่ง่ายที่สุดก่อน  อีกฝ่ายชะเง้อมองไปตามดินสอที่ผมชี้อยู่

"หมื่น" เมฆตอบเสียงเบา

"ใช่..แล้วอันนี้ล่ะ" ผมถามต่อพร้อมกับเลื่อนดินต่อไล่เรียงไปทีละตัวให้ด้วย

"พัน"

"รวมกันเป็นอะไร" ผมถาม

"ห้า..หมื่น หนึ่งพัน" เมฆสองเสียงเบาเหมือนไม่แน่ใจ

"ใช่"

"แล้วนี่ล่ะ" ผมชี้ไปที่เลขหก

"หก..ร้อย!" เมฆรีบตอบอย่างมั่นใจ

"งั้น..ถ้าสองอยู่ที่ตรงนี้ เรียกว่าหลักอะไร" ผมถาม

"หลัก หน่วย" เมฆตอบเสียงเบาลงอีกครั้งเป็นการแสดงความไม่มั่นใจให้เห็น

"ถ้ารวมทั้งหมดนี่ล่ะ" ผมถาม  คราวนี้เมฆเงียบไปครู่หนึ่งก่อนนำนิ้วมาจิ้มที่ตัวเลข

"ห้าหมื่น..หนึ่งพัน หกร้อย..สอง" เมฆตอบ

"เก่งนี่" ผมอมยิ้มมุมปากให้เล็กน้อย  เมฆหลบสายตาและพยักหน้ารับคล้ายแทนคำขอบคุณ

"งั้น ข้อนี้ควรตอบอะไร" ผมถาม

"ขอไข่" เมฆชี้ไป  ผมวางดินสอให้อีกฝ่ายเพื่อให้เขาได้ทำการกาข้อที่ถูกด้วยตัวเอง  ครู่หนึ่งสมุทรเดินกลับเข้ามา  เขามองมาที่ผมกับเมฆและอมยิ้มน้อย ๆ

"ยิ้มอะไรไม่ทราบ" ผมถามเสียงห้วนเพราะรอยยิ้มนี้กลับดูไม่บริสุทธิ์เหมือนทุกทีที่ผมได้เห็นและชอบมอง

"บัวลอยกับปลากริมไข่เต่า อยากได้อะไรหลังอาหารเย็นดีครับ" สมุทรเปลี่ยนเรื่อง 

"ไม่ล่ะ ขอบคุณ" ผมตอบ  สมุทรนิ่งไป  ตาจ้องมองมาที่ผม

"ปกติ ฉันไม่ค่อยกินอาหารหวานหลังอาหารเย็นน่ะ" ผมขยายความตามความจริง 

"แล้วเมฆล่ะเอาไหม" สมุทรถามเมฆ

"หนูเอาบัวลอย" เมฆยิ้มตอบ  สมุทรพยักหน้ารับก่อนเดินเข้าไปที่หลังบ้าน  ผมสอนการบ้านเมฆต่อโดยที่ทั้งสมุทร  ดาวและยาย  ดูจะวุ่น ๆ อยู่กับการจัดเตรียมอาหาร 

สุดท้ายน้ำที่ดาวนำมาเสิร์ฟให้  ถึงแม้ว่าผมจะไม่ชอบแต่ผมก็ดื่มเพราะรู้สึกกระหายมากอีกทั้งไม่กล้าปฏิเสธด้วย  เมฆทำการบ้านเสร็จก่อนที่อาหารเย็นจะตั้งโต๊ะได้พักหนึ่ง  เราต้องรีบเคลียร์สมุดและหนังสือเพราะโต๊ะที่จะต้องกินข้าวก็คือโต๊ะนี้ที่เรานั่งอยู่นั่นละ

วันนี้อาหารเย็นที่ยายดูจะภูมิใจทำให้ผมได้กิน คือ แกงเขียวหวานปลากราย  มันทั้งหอมและน่ากินมาก   แถมยังมาเสิร์ฟให้ซะโถใหญ่เบ้อเร่อ  ส่วนกับข้าวอีกสามอย่าง คือ ไข่เจียวทรงเครื่อง  ผัดผักและปลาซิวทอดที่ดูจะเป็นของโปรดของสมุทรและเมฆอย่างมาก  ระหว่างที่กินก็เปิดโทรทัศน์คลอไปด้วย  เรากินกันไปคุยกันบ้าง  ดูโทรทัศน์ไปด้วยบ้างและแน่นอนว่าได้พูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหาในโทรทัศน์นั้นอีกด้วย  ดาวหลอกถามหลายเรื่องเกี่ยวกับตัวผมเหมือนต้องการสืบทราบให้แน่ใจว่าพี่ชายของเธอไม่ได้เอาคนไม่ดีเข้าบ้าน  ผมก็ตอบไปตรง ๆ ในเมื่อเธออยากรู้ก็แค่ตอบไปให้หายข้องใจแค่นั้น  ส่วนเมฆไม่ได้พูดอะไรเลยนอกจากขานรับเนือง ๆ ยายชวนคุยเรื่องอดีตเป็นระยะ  ถามไถ่ถึงครอบครัวของผมซึ่งผมก็ตอบไปตามความจริงแต่มีการเบี่ยงหลบประเด็นโดยการไม่บอกชื่อของพ่อและแม่บ้าง  บางเรื่องที่ยายเล่าถึงเป็นความหลังหวาน ๆ ของครอบครัวที่เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถสร้างรอยยิ้มให้บนโต๊ะอาหารได้ด้วยเหมือนกัน..



...........ไฟ...........

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2016 12:31:50 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
สงสารเมฆ ถ้าเราเป็นเมฆเราก็คงกลัวไฟ 555555555555 ชอบแกล้งอะ

แต่แอบดูขาอ่อนสมุทรนี่ อารมณ์เริ่มหื่นขึ้นเรื่อยๆ  :z1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2016 17:02:26 โดย rujaya »

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
สมุทรขี้อ่อย

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เริ่มคลืบคลานเข้าหาช้าๆ ตอนนี้ก็เข้าบ้านได้แล้ว อีกไม่นานเข้าห้องนอน  :hao7:
อยากเห็นสมุทรชกแบบจริงจัง งัดทุกกลเม็ดออกมา แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว  :z2:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ตีคุณไฟซักเพี๊ยะ  ป้าจะโดนฆ่าใหม



คนอะไร แกล้งเด็ก มาแกล้งน้องเมฆของป้าทำไม



คุณไฟเวลาอยู่ใกล้สมุทร  ความสามารถในการควบคุมตนเองลดลงใช่ใหม



ถึงขนาด อาสาขับรถไปส่ง สมุทรถึงบ้านกันเลยทีเดียว



แถมยังอยู่กินข้าวเย็น กับครอบครัวสมุทรอีกแน่ะ



เอ..แบบนี้ อาจมีมุข ทำให้ตัวเองได้ค้างคืนบ้านสมุทร ก็เป็นได้ คริๆ



คุณไฟสอนการบ้านน้องเมฆได้ น่ารัก เข้าใจง่าย



ตอนแรก ป้าคิดว่าน้องเมฆจะสนิทกับพายุ แต่ถ้าเป็นแบบนี้



น้องเมฆคงจะสนิทกับคุณไฟขี้แกล้งนี่แหละก่อน ฮ่าๆ



พี่ธานฉลาดจัง ไม่ยอมหลงกล คุณไฟให้ตัวเองโดนน๊อค



หมัดซ้ายพิฆาต  ของสมุทรที่คุณไฟปลื้ม ที่คุณไฟฟิน



ปล่อยให้เธอโดนคนเดียวนะดีแล้ว พี่ธารคิดถูกแล้วค่ะ



พายุออกมาน้อยจัง ออกเยอะๆกว่านี้หน่อย



(คุณ เบบี้  เขียนเรื่องนี้ได้สนุกมากๆ  การใช้ภาษา ดูธรรมชาติ เข้าใจง่าย อ่านสนุกจริง ชื่นชมค่ะ)

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Youch06

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
น้องเมฆฆฆฆฆฆฆฆฆ
อยากแกล้งอ่ะ 5555555555555555555
ขอแกล้งหน่อยยยยยย

ชอบตอนสมุทรเท้าแขนลงบนเก้าอี้คุณไฟฟ
กรี๊ดมาก กรี๊ดสุด อ่านซ้ำสามรอบบบ555
บุคลิกคุณไฟเหมือนนางเอกเซ็กซี่ขี้ยั่วแบบเหมือนจะเล่นๆแต่ถ้าได้ก็เอางั้นอ่ะ
แล้วสมุทรนี่ก็เซ็กซี่นะ เซ็กซี่มากด้วย ชอบบบบ
นี่ถ้ามีอะไรกันนะ กรี๊ดดดดด มันต้องเป็นอะไรที่ดับเบิ้ลๆๆๆเซ็กซี่แรงมากอ่ะ
นี่คิดไปไกลแล้ว 5555555

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ขำเวลาที่ไฟแกล้งน้องเมฆ  :laugh:  แบบว่าเหมือนรอดูเชิงซึ่งกันและกัน
ค่อยๆใกล้กันเข้าไปอีกหน่อย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
คุณไฟอ่อยตลอด
สมุทรก็นิ่งไปรึเปล่า
แต่น้องเมฆน่ารัก :hao7:

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aehJTS

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-8
คิดภาพตามตอนที่ไฟมองหุ่นของสมุทรแล้ว :haun4: หืนขึ้น 5555+++
ชอบน้องเมฆจัง :mew1:

 :pig4: ค่ะ

ออฟไลน์ Blue

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
พี่ไฟชอบแกล้งน้องว่ะ นิสัยนะอิอิ

สมุทรร้ายนะเห็นแบบนี้ 555 จะเอาพี่ไฟอยู่หมัดเชียวล่ะ

#ทีมพี่ไฟ

ขอบคุณเบบี้จ้า 

ออฟไลน์ matilda.taon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เรื่องนี้อัพทีไร  มันเป็นเหมือนของกินที่เราชอบกินมากๆ
จะค่อยๆละเลียดกิน กลัวมันหมดเร็ว

ค่อยๆอ่าน กลัวมันจบ :hao5: :hao5:

คุณไฟก็แกล้งน้องเมฆเก่งจริงๆ  เอาจริงๆเฮียแกก็แกล้งทั้งพี่ทั้งน้องอะนะ
เนื้อเรื่องเหมือนไม่มีอะไรในตอน  แต่ทำไมรู้สึกจินตนาการไปหื่นมากกกกกก :hao7: :hao7:

ชอบบ   o13 o13 o13

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
คุณฟ.ไฟ....นั้น..เอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ

แต่คุณส.สมุทร...นั้นยากแท้หยั่งถึงยิ่งกว่า!!!


ตอนนี้รู้แค่ว่าต่างคนต่างขี้อ่อยยยยยย :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
เมฆหนูมาผิดวันมากเลยลูก
ถ้าหนูไม่มาพวกพี่อาจจะเห็นอะไรมากกว่านี้ก็ได้นะลูก เสียดายจริงๆ
ส่วนคุณไฟนี่ขี้แกล้งจริงๆ
แกล้งสมุทรลามมาถึงเมฆเลยนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด