The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 446069 ครั้ง)

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
ลุ้นว่าเค้าจะชอบกันยังไง

ออฟไลน์ PingPong_Hunlay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สนุกมากกกกก ชอบนิยายแบบนี้ ชอบคุณไฟ ชอบร้อยยิ้ม555
ตอนไฟกับพี่ธานคุยกันมันฮามากๆ ฮาแบบแปลกๆ เหมือนรู้ใจกันตลอดเวลา ชอบบบ :laugh:

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 951
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
โปรดนี่สร้างเรื่องตั้งแต่เด็กยันโตนี่เราต้องมานั่งลุ้นพี่ธานกับโปรดหรือเปล่าเนี่ย55555

คู่กัดมักได้กัน

ออฟไลน์ speedyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านผลงานของเบบี้ที่ยังสามารถหาอ่านได้หมดแล้ว บางเรื่อง 2 รอบ
บอกเลยว่าถูกใจสุดๆ หึ หึ ชอบที่ตัวเอกคิดเป็นกับชีวิตตัวเองดี
ค่อยมันส์หน่อย สะใจทุกความคิดและการกระทำ
5555555 เสป็คเลยแบบนี้

ออฟไลน์ @milan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พี่ไฟเท่สุดๆอะ พี่โพี่โปรดนี่แต่เด็กเลยน่ะ o13 :bye2:

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ไม่ได้เข้าเล้านานมาก สองวันนี้ว่างเลยเข้ามาดู เห็นหนูบี้
กับนิยายเรื่องใหม่ ก่อนอื่นมาให้กอด  :กอด1: ให้หายคิดถึงก่อน
อ่านไล่สองวัน ตาลายแต่สนุกมาก เนื้อเรื่องต้องหาข้อมูลมาก กับตัวละครถึงจะมากแต่ไม่สับสน
สรุปเอาว่า  FC  หนูบี้กลับมารายงานตัวเพิ่มอีกหนึ่ง
ปล. ช่วงเวลาที่ห่างหายไป เวลาคิดถึงก็เอาเรื่องเก่า ๆ  เหล่า แก็งค์ข้าวกับต้าร์ มาอ่านเล่น ๆ
      ก็เพลินดี เอาว่ารักและคิดถึงกันเสมอ ๆ นะ ครับ หนูเบบี้  :mew1:

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
ชวนไฟไปเที่ยวสงกรานต์

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ป้าหอบอ้ายแดงมายืนรอคุณไฟกับสมุทร



อยู่ที่สะพานท่าน้ำหน้าบ้านทุกวันเลย



แดดก็ร้อน ฝนก็แล้ง น้ำก็แห้ง อ้ายแดงก็ร้อง



ป้าก็ยังรอด้วยความหวัง ว่าคุณไฟจะพาสมุทรมาหาในเร็ววัน



แต่จนบัดเดี๋ยวนีั ก็ยังไร้วี่แวว



โธ่เอ๋ย....ไปอ้ายแดง เราไปนั่งรอเถอะ  ป้าเมื่อยขา

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
คิดถึง...คุณไฟ :mew3: :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ตอนที่ 20
..ไฟ..





"คุณไฟครับ วันนี้จะเลิกดึกหรือเปล่าครับ" สมุทรถามหลังจากที่เราเสร็จงานจากที่ห้างสรรพสินค้า Bangkok Land เรียบร้อยและกำลังจะตรงไปที่ค่ายมวย  ผมมองหน้าเขานิ่ง ๆ
 
"ถ้าไม่อย่างนั้น เอ่อ..ผมจะขอไปรับเมฆที่โรงเรียนก่อน พอดีว่าดาวเลิกดึกน่ะครับ ไปรับเมฆแทนให้ไม่ได้" สมุทรพูด

"ไม่เป็นไร..เดี๋ยวฉันให้พายุไปรับให้ ขับไปขับมา..เสียเวลาซ้อมเปล่า ๆ" ผมตัดบท  เพราะถ้าเลยเวลาซ้อมของสมุทรก็จะไปกินเวลาทำงานในส่วนของเทรนเนอร์ช่วงตอนเย็นของเขาด้วย

"ก็ได้ครับ ขอบคุณมากครับ" เขาผงกหัว  ผมมองอีกฝ่ายผ่านกระจกมองหลัง

"ดื่มน้ำไหมครับ" สมุทรถามขณะที่ตนกำลังขับรถอยู่ 

"หึ..นายเรียนรู้งานไวดีนะ" ผมเท้าแขนกับประตูอมยิ้มชม 

"ผมถามเพราะอยากถาม ไม่ใช่งานครับ" เขาตอบเสียงเข้ม

"แล้วถ้าฉันต้องการดื่มน้ำนี่นายจะหันมาหยิบให้รึไง" ผมยังไม่หยุดกวน  พอได้กวนแล้วเลยทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างไรบอกไม่ถูก  ตั้งแต่เช้าผมก็แทบไม่ได้หยุดพัก  ทั้งเรื่องประท้วงที่ตลาด  ผม  สมุทรและพี่ธาน  รวมไปถึงพนักงานทุกคนที่สำนักงานในตลาดก็เครียดไม่แพ้กัน  ไหนจะต้องมาดูงานต่อที่ห้างสรรพสินค้าอีก  นี่พี่ธานก็เพิ่งกลับออกไปก่อนเพราะพี่สนเรียกให้พี่ธานไปเจอกะหันทัน  ผมเลยอนุญาตให้พี่เขาไปได้ 

"คุณนี่มันจริง ๆ เลย" สมุทรทำเสียงยอมแพ้  ผมหัวเราะในลำคอเบา ๆ เหลือบมองไปที่กระจกมองหลังอย่างเจ้าเล่ห์  อีกฝ่ายก็แอบเหลือบมองมาทางผมเช่นกัน  ผมจ้องเขาผ่านกระจกไม่วางตา  สุดท้ายสมุทรก็ละสายตาหันกลับไปตั้งใจขับรถต่อ

"นายว่าฉันใจร้ายไหมที่ทำกับแม่ค้าพวกนั้น" ผมลองใจ

"ครับ..คุณใจร้ายพอดู" สมุทรตอบทันที  ผมได้แต่อมยิ้ม

"แต่คุณก็คงมีเหตุผลของคุณ" เขาพูดเสริม  ได้ยินอย่างนั้นกลับรู้สึกพอใจจึงหันหน้ามองออกไปทางนอกหน้าต่าง 

"ฉันอยากกิน โมจิไอศกรีมรสวานิลลา" ผมพูดขึ้นโต้ง ๆ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  อากาศด้านนอกค่อนข้างร้อนและอยู่ดี ๆ ในหัวก็นึกถึงเรื่องกินขึ้นมา  ใจจริงแล้วก็แค่คิดเล่น ๆ นะครับ

"ทำไมเมื่อกี้คุณไม่ซื้อก่อนออกมาล่ะครับ" สมุทรพูด 

"ก็ฉันเพิ่งอยากกินตอนนี้นี่" ผมตอบ 

"ผมไม่ขับกลับไปหรอกนะครับ รถติดขนาดนี้" สมุทรบอกด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจนิด ๆ

"ฮึ..รถติดขนาดนี้ นี่นายเป็นลูกน้องฉันแน่เหรอ" ผมแสยะยิ้มพร้อมกลับแกล้งทำหน้าเข้มด้วย  ทั้ง ๆ ที่ในใจของผมกำลังยิ้มหน้าบานไปแล้วเพราะดันถูกใจกับอาการขัดใจแบบนี้ชอบกล

"ปกติ..ลูกน้องมันขัดใจเจ้านายได้ด้วยรึไง ลูกน้องฉันไม่เคยยักจะทำแฮะ ถึงไกลแค่ไหนเพื่อไปซื้อลูกชิ้นแค่สิบบาท มันก็ต้องกลับไป" ผมพูดเว่อร์ไปอย่างนั้นเองเพราะที่จริงผมก็คงจะไม่ใช้ให้ลูกน้องทำอะไรปัญญาอ่อน ๆ แบบนั้นหรอกครับ  ก็แค่ลองใจพูดว่าเขาดูน่ะนะ

"จวนใกล้เวลาซ้อมแล้วครับ คุณเพิ่งพูดเองไม่ใช่เหรอว่าจะเสียเวลาซ้อมน่ะ" สมุทรตอบกลับ  น้ำเสียงเรียบ ๆ คล้ายกับคุมเกมได้อยู่  ผมเงียบนิ่งไม่ตอบกลับอยู่ครู่หนึ่ง 
 
"ฉันชอบโมจิไอศกรีมรสวานิลลา" ผมพูดขึ้น 

"........." สมุทรยังคงนั่งเงียบ  รถเคลื่อนตัวไปได้ทีละนิด ๆ เท่านั้น 
 
"ฉันชอบโมจิไอศกรีมรสวานิลลา" ผมพูดซ้ำอีกครั้ง

"ผมทราบแล้วครับ" สมุทรตอบรับ  ผมแสยะยิ้ม  พยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้  เอนตัวเองพิงเบาะด้วยความสบายมากขึ้น  ตาเหลือบมองผ่านกระจกมองหลังตลอดเวลาจนคนขับหันมาเห็นเป็นพัก ๆ เขาพยายามมองรถด้านหลังโดยไม่ยอมสบตาผมเท่าไหร่ 

"นายชอบรสอะไร" ผมถามหลังจากที่เงียบมาร่วมสิบนาที  ในรถเงียบมากเพราะผมไม่ได้บอกให้เขาเปิดอะไรฟังเลย

“ไอติมกะทิครับ” สมุทรตอบ

“หึ..ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะดังลั่น  สมุทรอมยิ้มมุมปากนิด ๆ เช่นกัน

“อยู่ไทยก็ต้องไอติมกะทิสินะ แต่เดี๋ยวนี้หารสชาติดี ๆ ถูกลิ้นเหมือนสมัยเด็ก ๆ แทบไม่ได้แล้ว” ผมพึมพำอดบ่นไม่ได้   

“ชอบเหรอครับ” สมุทรเหลือบตามามองเล็กน้อย 

“ชอบใคร” ผมมองเจ้าเล่ห์ตอบคนละเรื่อง 

“ไอติมกะทิครับ กรุณาอย่างนอกประเด็น” สมุทรเตือน  ผมกลั้นหัวเราะอีกครั้ง

“ก็ชอบ” ผมตอบส่ง ๆ

“ไว้ผมจะทำให้แล้วกันครับ” เขาบอก

“จริงดิ ทำเป็นเหรอ” ผมแปลกใจ

“อาจจะไม่ถูกปากขนาดแบบสมัยเด็กหรอกนะครับ” อีกฝ่ายเตือนก่อน  ผมเบะปากนิด ๆ พยักหน้ารับทราบ

“แล้วไม่ชอบไอศกรีมโมจิเหรอ”   

"ผมไม่เคยกินครับ ราคามันแพงสำหรับผม" สมุทรตอบเสียงเรียบ
 
"งั้น..ลองขับกลับไปไหมละ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง" ผมพูด  จงใจกวนเขาเล่น

"ผมไม่ได้อยากกินครับ ขอบคุณ" เขาบอก  น้ำเสียงยังเส้นคงวาเหมือนเคย 

"เมฆกับดาวน่าจะชอบนะ" ผมพูดอีก  สมุทรรักษาความเงียบเอาไว้เหมือนต้องการจะเอาชนะผมด้วยการเงียบแบบนั้น
 
"ฉันลองเปิดร้านโมจิไอศกรีมดูไหม มีแฟรนไชส์ด้วย เอามาลงแต่รสวานิลลาแล้วกัน ฉันว่าน่าจะขายดีนะ อืม..หรือไม่ก็มาการองไอศกรีมดี" ผมพูดไม่หยุด

"ถ้าคุณจะทำมันก็ทำได้สบาย ๆ แหละครับ แต่นี่คุณแค่กำลังอยากกวนผม แล้วผมต้องใช้สมาธิในการขับรถ" สมุทรว่า
 
"..เวลานายขรึมนี่เซ็กซี่ดีนะ" ผมพูดแกมหัวเราะ  สมุทรเหลือบมองผมอีกครั้งในทันที  ผมแสยะยิ้มมองกลับ 

"หน้าตานายเหมือนกับกำลังพูดว่า คุณชมลูกน้องแบบนี้ทุกคนเลยงั้นเหรอครับ" ผมพูดเดา

"เปล่านี่ครับ..ผมกำลังพูดว่า หน้าตาคุณดูมักมากในกามจังนะครับต่างหากล่ะ" สมุทรย้อนนิ่ง ๆ

"หึ!" ผมหลุดหัวเราะ

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ" ผมทิ้งตัวลงบนเบาะอย่างยั้งไม่อยู่

"เห็นเป็นงั้นเหรอ แสดงว่าฉันส่งถึงสินะ" ผมยังไม่หยุดตอบกลับอย่างหน้าด้าน ๆ ขยับตัวลุกขึ้นมานั่งอย่างเดิมไม่พอ  ยังชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ ๆ กับเบาะฝั่งคนขับอีกด้วย   

"มักมากในกาม ฉันชอบแฮะ" ผมกระซิบพูดยิ้ม ๆ สมุทรถึงกับนิ่งไม่ขยับตัวเลย  ผมหัวเราะในลำคอกับปฏิกิริยาที่ได้รับ  อีกฝ่ายส่ายหัวเล็ก ๆ คงจะอ่อนใจเต็มทนแล้ว

"ฉันรู้สึกยังไง ฉันก็ทำอย่างนั้น..ปกปิดซ่อนเร้นไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา" ผมพูดส่ง ๆ เบนหน้าหนีไปทางอื่นเหมือนขอจบศึกในครั้งนี้ง่าย ๆ  เรารักษาความเงียบไปจนถึงค่ายมวยและต่างคนต่างแยกย้ายกันไปซ้อมตามหน้าที่ของตัวเองก่อนหน้าที่จะซ้อมผมได้โทรสั่งพายุเรื่องไปรับเมฆเอาไว้เรียบร้อยแล้ว  พอพายุพาเมฆมาส่งเสร็จมันก็กลับออกไป  เมฆรีบเดินไปนั่งที่ ๆ นั่งประจำอย่างรู้หน้าที่  มันกอดกระเป๋าเป้ตัวเองไว้แน่นจนพี่ชายเข้าไปหา  ผมบอกให้สมุทรพาเมฆเข้าไปนั่งด้านในสำนักงานดี ๆ แต่เมฆก็ไม่ยอมเข้าไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล  มันขอนั่งทำการบ้านอยู่ที่เก้าอี้ที่วางอยู่ด้านหน้าสำนักงานแทน  และดูท่าจะเก้ ๆ กัง ๆ ลำบากพอดู  หลังจากที่ผมซ้อมเสร็จ  เข้าห้องน้ำเพื่อล้างเนื้อล้างตัวอย่างลวก ๆ นำผ้าขนหนูออกมาเช็ดตัวและเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ตัวยาวข้าง ๆ กับที่เมฆกำลังทำการบ้าน  เมฆที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสีหน้าประหม่าอย่างกับเห็นคนแปลกหน้าอย่างนั้น  ผมยักคิ้วให้นิ่ง ๆ อีกฝ่ายจึงยกมือขึ้นไหว้ผมน้อย ๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำการบ้านต่อ

"นายครับ! ไอ้เข้มโทรมา" ไอ้เด่นวิ่งนำโทรศัพท์มือถือของมันมาให้ผม 

"ฉันพูด" ผมทัก

"นายครับ..น้าน้อยแกจะทำงานให้กับคนของตลาดหนึ่งมิตรจริง ๆ ครับ เอ่อ..ตอนนี้ดูเหมือนแกจะถูกเล่นงานที่ทำงานไม่สำเร็จ" ไอ้เข้มรายงานทันที  ผมเงียบฟัง

"ผมว่าอีกครู่หนึ่งน่าจะถูกซ้อมแน่ ๆ เอาไงดีครับนาย ให้ผมเข้าไปช่วยไหมครับ" ไอ้เข้มถาม

"ไม่ต้อง" ผมตอบอย่างไม่ต้องคิดมาก

"อยากอยู่ดีไม่ว่าดี มึงเองก็คิดเหมือนกูไหมว่าน้าแกไม่น่าจะได้แก่ตาย ฮึ..เอาเป็นว่าถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานแล้วกัน ห้ามช่วยเด็ดขาด แต่ถ้าตายก็ถ่ายมาด้วยล่ะ กูอยากดู เสร็จแล้วตามคนของหนึ่งมิตรไป กูแค่อยากรู้ว่าใครเป็นเจ้านายพวกมัน" ผมสั่ง

"ได้ครับ" ไอ้เข้มรับปาก  ผมตัดสายแล้วยื่นโทรศัพท์กลับคืนให้กับไอ้เด่น

"พี่ธานไปไหน" ผมถามเพราะได้เวลาแล้วแต่ยังไม่เห็นโผล่หน้ามาสักที

"มานู่นแล้วครับ" ไอ้เด่นชี้มือไปทางเข้าอีกฝั่งหนึ่งซึ่งปกติลูกค้าจะใช้ทางนั้น  ลูกค้าสาว ๆ หันไปเห็นพี่ธานต่างพากันกระซิบกระซาบมองอีกฝ่ายตาเยิ้ม  พี่ธานผงกหัวยิ้มทักทายลูกค้าอย่างสุภาพ  ผมอมยิ้มมุมปากมอง  พี่ธานหันมาเห็นผมแล้วแต่แวะทักทายสมุทรก่อนจะเดินตรงมาหา  ผมอมยิ้มกรุ้มกริ่มแซวอย่างอดไม่ได้ 

"ไอ้เข้มรายงานคุณแล้วใช่ไหมครับ" พี่เขาถาม

“ดูเหมือนผมควรจะเพิ่มเปอร์เซ็นต์ส่วนของค่ายให้พี่ด้วยแล้วละมั้ง” ผมตอบคนละเรื่อง  พี่ธานยิ้มเขินนิด ๆ

“ลูกค้าเลือกมาก็เพราะคุณแหละครับ แต่คุณไม่ค่อยลงไปซ้อมให้ พวกเธอก็เลยไม่กล้ายุ่งกับคุณมากกว่า” พี่ธานตอบ  ผมเบะปากทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ต่อคำแก้ตัวของพี่แก 

“คุณสั่งให้ไอ้เข้มจัดการยังไงเหรอครับ จะเอายังไงต่อดี” พี่ธานวกมาที่เรื่องเดิม  ผมนั่งนิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่เดียว
 
"ไม่เอายังไง" ผมตอบส่ง ๆ ไปที

"ผมจะไม่ทำอะไรจนกว่าจะไม่ไหว..เหมือนเดิม" ผมตอบอย่างเหนื่อยหน่าย  พี่ธานคงเข้าใจที่ผมพูดด้วยจึงได้แต่พยักหน้ารับ 

"แล้วนี่ซ้อมเสร็จแล้วเหรอครับ"

"ครับ" ผมตอบ

"ว่าไงเมฆ" พี่ธานเข้ามาลูบหัวเมฆอย่างทักทาย  เมฆหันตัวกลับไปพร้อมยกมือไหว้พี่ธานด้วยสีหน้าเกร็ง ๆ ไม่ต่างจากที่มีให้กับผมนัก 

"หิวไหม" พี่ธานยิ้มถาม  เมฆไม่ตอบแต่ส่ายหัวแทนคำตอบให้แทน  พี่ธานอมยิ้มมองอย่างเอ็นดู  เมฆมองพี่ธานตาปริบ ๆ
 
“มีลูกดิ เดี๋ยวผมส่งเสียค่าเล่าเรียนให้เอง ถ้าเป็นลูกพี่..ต่อให้กี่ล้านผมก็ยอมจ่ายนะ จริง ๆ” ผมยักคิ้วกวน  พี่ธานยิ้มกว้างในทันที   

"เดี๋ยวผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าครับ" อีกฝ่ายรีบพูดเปลี่ยนเรื่องเลย   

"ครับ..ตามสบาย ๆ รีบ ๆ เปลี่ยนเถอะ..สาว ๆ รอจะแย่" ผมไม่เลิกที่จะดักคอเพื่อแกล้งในประเด็นอื่นต่ออีก  พี่ธานกลั้นอมยิ้มยืนนิ่งไม่ขยับ  ผมเลิกคิ้วอมยิ้มมองตอบ  เราจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้นอย่างไม่มีใครยอมใคร 

"ผมเคยบอกคุณแล้วนะครับ ว่าการเลิกคิ้วข้างเดียวของคุณมันทำให้ดูไม่สุภาพต่อคนที่เห็นนะครับ" พี่ธานพูดเชิงสอน  แต่ผมคิดว่าพี่แกจงใจว่าผมมากกว่าแล้วก็เดินไปซะเฉย  ผมหัวเราะ  ตามจริงแล้วผมก็เป็นอย่างที่พี่เขาว่าจริง ๆ นั่นละ  มั่นใจในตัวเองและชอบเลิกคิ้วข้างเดียว  ดูเหมือนจะติดเป็นนิสัยแย่ ๆ ไปเสียแล้ว   

"........." ผมนั่งเงียบ  เหลือบมองเมฆที่ทำการบ้านใกล้จะเสร็จแล้วและก็เลยนึกอะไรสนุก ๆ ขึ้นได้

"ไอ้เด่น!" ผมตะโกนเรียก

"ครับ!" มันขานรับและรีบวิ่งมาหาอย่างว่องไว

"ขอยืมมือถือหน่อย" ผมบอก  มันมองผมงง ๆ 

"มือถือ..วิ่ง! เร็ว ๆ ๆ ๆ!!" ผมเร่ง  ใช้น้ำเสียงและจังหวะเข้ม ๆ เหมือนเวลาที่สั่งตอนฝึกเพื่อแกล้งมัน  ไอ้เด่นรีบวิ่งกลับไปหยิบโทรศัพท์มือถือกลับมาให้ผม  ผมรับมาและกดเข้าอินเตอร์เน็ตเพื่อค้นหาภาพที่ต้องการ  เลือกภาพที่ดูดึงดูดสายตามากที่สุด  พอได้ภาพสมใจแล้วจึงนำภาพบนหน้าจอโทรศัพท์นั่นยื่นไปตรงหน้าของเมฆ  อีกฝ่ายละสายตาจากสมุดการบ้านมามองบนหน้าจอโทรศัพท์มือถืออย่างสนอกสนใจ  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าผม

"น่ากินไหม" ผมถาม  เมฆไม่ตอบและไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจนผมชักหวั่นใจเพราะไอ้เด็กนี่มันไม่ยอมพูดกับคนแปลกหน้าเลย 

"ไปกินกันไหม" ผมยังคงไม่ยอมแพ้  ยิงคำถามเพื่อต้อนไปด้วย  เมฆมีนิสัยคล้าย ๆ กับพายุตอนเป็นเด็ก  ดังนั้น ผมคิดว่าถ้าใช้วิธีการพูดในลักษณะแบบเดียวกันกับที่ผมเคยใช้กับพายุ  มันก็น่าจะได้ผล

".........." เมฆนั่งเงียบ  เหลือบตาลงต่ำ  ดูท่าแล้วคงลังเลและไม่แน่ใจว่าควรตอบผมว่าอย่างไรดี

"ถ้านายอยากกิน ฉันจะเลี้ยงเอง จ่ายส่วนของพี่ชายนายด้วย แต่ว่า..นายต้องเดินไปบอกพี่ชายนายเองนะ" ผมก้มหน้าลงไปกระซิบบอก

"บอกว่า..อยากกินฮันนี่โทสต์" ผมพูด  เมฆมองหน้าผมตาโตแต่ยังคงเงียบ

"นะ" ผมสะกิดไล่เมฆเบา ๆ เพื่อกระตุ้นด้วย  อยู่ ๆ เมฆก็ลุกขึ้นวิ่งตรงไปหาสมุทรที่กำลังถอดนวมออกไปเก็บพอดี
 
"พี่สมุทร" เมฆเรียก  ผมเบนหน้าหนีมองไปทางอื่นเล็กน้อยเพราะเกือบจะหลุดอมยิ้มออกมา

"เมฆอยากกินฮันนี่โทสต์!" เมฆบอกเสียงใส 

"อะไรนะ" สมุทรย้ำถามคล้ายไม่เชื่อหู  น้ำเสียงแอบแฝงด้วยความดุนิด ๆ

"หนู.. อยากกิน ฮันนี่..โทสต์" เมฆพูดย้ำอีกครั้ง  ครั้งนี้เสียงเบาลงไปเหมือนคนพูดเริ่มไม่มั่นใจในตัวเอง  ผมมองเห็นด้วยหางตาเห็นว่าสมุทรมองมาทางผมเขม็งเลย  อีกฝ่ายเดินตรงเข้ามาหา  ผมจึงหันกลับไปมองหน้าซื่อ ๆ

"มีอะไร" ผมตีหน้าซื่อถาม

"คุณสอนน้องผมพูดเหรอ" สมุทรพูดอย่างรู้ทัน  บทจะซื่อบื้อก็ซื่อบื้อแต่พอบทจะจมูกไวก็ดันฉลาดขึ้นมาเชียว 

"ฉันเปล่า" ผมยักไหล่ตอบหน้าตาย

"ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใครครับ เมฆยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฮันนี่โทสต์คืออะไร" สมุทรว่า

"อ้อ..เขารู้แล้ว ฉันเปิดให้ดูน่ะ" ผมอมยิ้มนิด ๆ ยอมความอย่างง่าย ๆ สมุทรจ้องหน้าผมนิ่ง  ดูท่าแล้วคงไม่พอใจน่าดูที่ผมทำแบบนี้   

"ฉันเลี้ยงเอง" ผมพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบระหว่างเราทั้งคู่ที่มีเมฆยืนมองรออยู่ห่าง ๆ

"มันไม่ได้สำคัญตรงที่ใครเลี้ยงหรอกนะครับ" สมุทรพูด  น้ำเสียงอ่อนลงนิดหน่อย  ความใจเย็นของเขานี่ผมถูกใจมากจริง ๆ

"คุณกำลังจะทำให้น้องผมติดกินแต่ของที่ไม่มีประโยชน์" สมุทรต่อว่าด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เหมือนไม่ได้โกรธจริงจังอะไร 

"ก็นาน ๆ ที..อีกอย่างน้องนายยังไม่เคยกินสักหน่อย" ผมพูด

"ตกลง ไปไหม" ผมย้ำถามอีกครั้ง  คนแบบนี้ต้อนไปทีละนิดเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ยอมเองละครับ

"ไม่ไปครับ" สมุทรตอบ  เมฆหน้าหงอยผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด  ผมเลิกคิ้วทั้งสองข้าง  กลอกตาและพยักหน้าส่งสัญณาณไปทางเมฆเพื่อให้สมุทรได้ดูสีหน้าของน้องตัวเองในตอนนี้เสียก่อนที่จะปฏิเสธผม  สมุทรก้มลงมองหน้าเมฆเล็กน้อยก่อนจะส่งสายตามามองผมอย่างคาดโทษ  ผมอมยิ้มให้

"ตกลงว่าไปแล้วกัน ฉันขอไปล้างเนื้อล้างตัวก่อน" ผมสรุป  ลุกขึ้นยืน

"การบ้านเสร็จรึยัง ถ้าไม่เสร็จพี่ไม่พาไปนะ" สมุทรพูดบอก  ผมอมยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น 
 
"ใกล้เสร็จแล้ว" เมฆรีบตอบอย่างดีใจ 

"ชิ" ผมสบถทันที  เพราะดันหันไปเห็นว่าพี่ธานยืนอมยิ้มมองผมกับสมุทรอยู่ก่อนหน้านี้นานแล้ว  อีกฝ่ายแสยะยิ้มให้ผมไม่วางตา  ผมส่ายหัวเล็กน้อยแต่พี่ธานก็ยังไม่วายหยุดทำหน้าทำตาแซวผมอยู่อย่างนั้น ผมเบะปากหน้าด้าน ๆ เรื่องอะไรจะสน  พอนึกเรื่องแก้เผ็ดขึ้นได้จึงเดินตรงไปหาลูกค้าผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ระหว่างผมกับพี่ธานในตอนนี้มากที่สุด

"ขอโทษนะครับ" ผมกระซิบเรียกเธอ

"เทรนเนอร์คนนั้นน่ะ เขามองคุณอยู่นานแล้ว ระวังตัวหน่อยนะครับ..สายตาของเขาดูหื่นมากเลย" ผมพูดบอก  พี่ธานมองผมอย่างไม่ไว้ใจ  ลูกค้าคนนี้พอหันไปเห็นว่าเทรนเนอร์ที่ผมหมายถึงคือพี่ธาน  เธอก็ยิ้มเขิน ๆ ไม่พูดไม่จา  พี่ธานหน้าเหวอ  ผมยักคิ้วให้อีกครั้ง  ทิ้งขี้ไว้ให้พี่ธานเสร็จแล้วจึงเดินเข้ามาในห้องน้ำเพื่อจัดการทำความสะอาดตัวเอง


- - - - - - - - - - - - - - -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-04-2016 18:20:45 โดย เบบี้ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

18:25 น. Yummy Honey Toast

"ไง..ชอบไหม" ผมถามเมฆหลังจากอาหารของเราถูกนำมาเสิร์ฟสองจานใหญ่  เมฆดูจะตื่นเต้นและตื่นตาตื่นใจกับสีสันฉูดฉาดบนจานฮันนี่โทสต์  ส่วนพี่ชายของเขาก็เอาแต่ดื่มชาบ้าง  ตักไอศกรีมกินบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ

วันนี้ผมให้สมุทรจอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ที่ค่ายมวยเพราะผมรับปากว่าจะไปส่งทั้งสองคนที่บ้าน  สมุทรบอกว่าเขารับปากดาวไว้ว่าจะไปรับเธอที่มหาวิทยาลัยเพราะวันนี้เธอเลิกดึก  ผมก็เลยอาสาจะขับรถไปรับดาวและไปส่งทั้งสามคนที่บ้านให้เลยทีเดียว 

"มื้อนี้ผมขอจ่ายเองแล้วกันนะครับ" สมุทรพูด

"ไม่ได้ ฉันเป็นคนล้างสมองน้องนาย..เดี๋ยวฉันจ่ายเอง" ผมพูดเสียงแข็งกึ่ง ๆ บังคับเพราะรู้อยู่แล้วว่าสมุทรคงไม่ได้เต็มใจมาเท่าไหร่นักหรอก

"ไม่ได้ครับ คุณจ่ายมาหลายครั้งแล้ว"

"หึ..” ผมหลุดหัวเราะพลางยิ้มมองหน้าเขา

“คิดมากเรื่องเล็กน้อยนี่นะ เวลาที่ฉันอยู่กับพวกลูกน้องฉันก็จ่ายตลอด" ผมตอบส่ง ๆ ไปที  ส้อมยังไม่หยุดจิ้มขนมปังเข้าปากไปด้วย  ร้านนี้มันร้านโปรดผมเลยจริง ๆ

"แต่ว่านาย..ฉันยกให้กรณีพิเศษ" ผมพูด  เหลือบมองสมุทรอีกครั้งอย่างอดแอบหยอดไม่ได้  สมุทรมองผมด้วยหางตานิด ๆ ท่าทางไม่สะทกสะท้านใด ๆ จนแทบอ่านไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่  สายตาเรียบนิ่ง  ครู่เดียวริมฝีปากของเขาดันแฝงไปด้วยความกรุ้มกริ่มนิด ๆ และนั่นกำลังทำให้ผมรู้สึกอยากแดกอีกฝ่ายขึ้นมาทั้งอย่างนี้  ผมอมยิ้มมองไม่วางตา  อยากได้แบบไหนก็จัดให้ได้ทั้งนั้น

"หน้าตานายเหมือนกำลังพูดว่า คุณกำลังจีบผมอยู่เหรอครับ" ผมแกล้งพูดออกไปตรง ๆ



ปึก!   ..ผมถลึงตาโตพลางยิ้มกว้างให้เพราะดันถูกสมุทรนำเท้าเตะเข้ามาที่เท้าผมอย่างแรงเหมือนปรามให้ผมหยุดพูดอะไรต่อหน้าเมฆ 

"นี่มันสองพันสิบห้าแล้วนะ เปิดใจกว้าง ๆ หน่อยน่า" ผมแซวอย่างไม่จริงจังอะไร

"ผมไม่ได้โลกทัศน์แคบขนาดนั้นหรอกครับ แต่ปากคุณน่ะ..ทำไมถึงได้ชอบพูดอะไรไม่เข้าท่า เกินควร" สมุทรบ่นด้วยสีหน้าจริงจัง 

".........." ผมอมยิ้มไม่ตอบโต้กลับ  สมุทรจ้องมองผมเขม็งอย่างปราม ๆ ผมจึงเลิกคิ้วให้

"แล้ว..แฟนเก่านาย ทำไมยังไปมาหาสู่กันอยู่ล่ะ" ผมได้โอกาสจึงถามออกไป  เท้าแขนลงบนโต๊ะ  นำมือเชยใบหน้าเอาไว้โดยหันหน้าไปมองสมุทรเหมือนกำลังชวนพูดในหัวข้อที่สบาย ๆ แต่ดูเหมือนจริง ๆ แล้วจะไม่สบายสำหรับคนถูกถามเท่าไหร่เพราะสมุทรไม่ยอมตอบ  เขาเลือกที่จะหยิบเหยือกเพื่อรินน้ำชาใส่แก้วให้ผมกับแก้วของเขาไปอย่างเงียบ ๆ
 
"คบกันมากี่ปี เคยรักกันแค่ไหน ที่จริง..ถ้ารักกันขนาดนั้นก็คงไม่เลิกกันหรอกใช่ไหม" ผมพูดไปเรื่อยอย่างต้องการกวนอารมณ์ให้เขารำคาญใจเล่น 

"คุณไฟครับ ผมคิดว่าเรามีหัวข้ออื่นให้สนทนากันเยอะแยะไปนะครับ ผมหมายถึงเรื่องอื่น" สมุทรพูดพร้อมถอนหายใจเบา ๆ

“พี่นายนี่ดุจังแฮะ” ผมยักคิ้วยิ้ม ๆ ให้เมฆ  เมฆตั้งหน้าตั้งตากิน  มันมองผมตาแป้วไม่ตอบอะไร

"ก็ได้..พูดเรื่องอื่น แต่ฉันไม่รับประกันความปลอดภัยของหูน้องนายนะ" ผมยักไหล่  สมุทรมองผมตาโตก่อนถอนหายใจ

"ผมกับเธอรู้จักกันได้หลายปีแล้วครับ คบกันได้ประมาณสองปี เราตัดสินใจแยกทางกันเพราะหลาย ๆ สาเหตุ" สมุทรตัดสินใจเล่าออกมาอย่างรวบรัดและรวดเร็ว  ผมยิ้มกะล่อนมองอย่างพอใจ

"เพราะฐานะเหรอ" ผมยิงคำถามออกไปอีก  ไม่ได้สนใจว่าจะเสียมารยาทต่ออีกฝ่ายรึเปล่า

"..นั่นก็ด้วยครับ" สมุทรตอบไม่มองหน้า

"โอเค" ผมเบะปากพอใจในสิ่งที่ได้รู้เพิ่มเติม  ตั้งตัวตรงเตรียมจะกินต่อเพราะกลัวว่าไอศกรีมจะละลายซะหมด

"อยากถามฉันบ้างไหมล่ะ ฉันตอบได้หมดนะ..สิบแปดบวก ยี่สิบห้าบวก สามสิบบวก..ไม่จำกัดหัวข้อ" ผมยิ้มเจ้าเล่ห์

"คุณเคยไม่กวนใครบ้างไหมครับ" สมุทรยิงคำถามแทบจะทันที

".........." ผมเงียบ  ชะงักมือที่จิ้มขนมปังเอาไว้พร้อมกลอกตาขึ้นอย่างใช้ความคิดย้อนไปถึงความหลังอย่างหนัก  สมุทรกับเมฆรอคำตอบมองหน้าผมเขม็งเลย 

"ใครจะไม่เคย บ้าเปล่า" ผมตอบส่ง ๆ ที่จริงก็นึกไม่ค่อยออกเท่าไหร่

"แต่ปกติ ฉันจะไม่ค่อยกวนคนที่ฉันไม่ชอบขี้หน้าอะนะ" ผมเบ้ปาก

"งั้นเหรอครับ" สมุทรพูด  เรามองหน้ากันและอมยิ้มนิด ๆ ให้เห็น  ผมยักคิ้วให้เขาด้วย   

"ปากเปื้อนแล้ว" สมุทรหันไปเห็นน้องชายตัวเอง  เมฆยิ้มเขิน  พยายามจะนำมือเช็ดปากตัวเองทั้งที่ไม่รู้ว่าเปื้อนตรงไหน สมุทรรีบหยิบกระดาษทิชชู่มาพับแล้วเช็ดมุมปากที่เปื้อนของเมฆให้จนสะอาดเอี่ยม

"เช็ดมือซะครับ" สมุทรหันมายื่นกระดาษทิชชู่แผ่นใหม่ให้ผม  ผมขมวดคิ้วงง ๆ ว่าอีกฝ่ายจะให้ผมเช็ดมือทำไม

"มือคุณเปื้อน เป็นเด็กรึไง" อีกฝ่ายบ่น ๆ ผมพลิกมือทั้งสองมือดูอย่างตกใจ  ไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนกินมูมมามขนาดนั้นแต่ก็พบว่าที่นิ้วมือข้างซ้ายเปื้อนวิปปิ้งครีมอยู่จริง ๆ

"เช็ดให้หน่อยสิ" ผมบอกพร้อมยื่นมือไปตรงหน้าสมุทร  อีกฝ่ายมองมา  ถอนหายใจน้อย ๆ แต่ก็ยอมจับมือซ้ายของผมไปแล้วเช็ดให้ง่าย ๆ  ผมมองหน้าสมุทรที่กำลังมองมือผมขณะที่เช็ดอยู่อย่างตั้งใจ  อยู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนกับว่าความคิดที่คิดในใจอย่างอิจฉาเมฆเมื่อครู่นี้นั้นมันดันตอบสนองผมได้อย่างรวดเร็วเกินตั้งรับไปหน่อย  ก็ไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่สมุทรทำให้อยู่ในตอนนี้เท่าไหร่หรอกนะครับเพราะผมก็ตั้งใจอยากให้เขาทำแบบนี้ให้อยู่แล้ว  เรียกว่าตั้งใจอ่อยสุด ๆ   
 
"ขอบคุณ เดี๋ยวรอบหน้าจะทำเปื้อนอีก" ผมพูด  สมุทรไม่ตอบโต้แต่อมยิ้มไม่มองหน้าผม  รอยยิ้มที่ปรากฏออกมาดูไม่น่าไว้ใจอย่างที่ผมไม่ได้เห็นบ่อยนัก  ผมคิดว่าความจริงแล้วเขาก็มีความเจ้าเล่ห์แฝงอยู่ในตัวนะครับแต่เขาแค่ไม่รู้ตัว  และเพราะมีบุคลิกที่เรียบร้อยสุภาพมันจึงค่อนข้างกลบอะไร ๆ ทำนองนั้นไปได้น่ะ

"อยากเอาไปให้พี่ดาวกินด้วย" เมฆพูดขึ้น 

"ไม่ได้หรอก เดี๋ยวไอศกรีมละลายนะ" สมุทรบอก  เมฆหน้าหงอยผิดหวังอีกครั้ง

"ซื้อเค้กไปฝากแทนไหม" ผมถาม  เมฆมองตาลุกวาวขึ้นมา

"กินเสร็จแล้วเดี๋ยวไปเลือกกัน" ผมบอก  เมฆผงกหัวยิ้มเขิน ๆ

"ลืมขนมยายแล้วมั้งเนี้ย หือ" สมุทรกัดฟันยิ้ม ๆ นำมือบีบจมูกเมฆอย่างแซว ๆ

"ไม่ลืมสักหน่อย~" เมฆฉีกยิ้มกว้างแก้ตัวทันควัน  ผมอมยิ้มมอง  เรากินกันไปคุยกันไปเรื่อย ๆ ไม่มีหัวข้ออะไรที่จะล้วงลึกความลับใครเป็นพิเศษ  หลังจากกินเสร็จผมก็พาเมฆไปเลือกเค้กที่ตู้เค้กกันสองคน  ส่วนสมุทรนั่งเฝ้าอยู่ที่โต๊ะ  พอเลือกเสร็จแล้วจึงจ่ายเงินออกจากร้านมา   

"ถือดี ๆ อย่าแกว่งแขนสิ" สมุทรบอกน้องชายของเขาที่ถือกล่องเค้กไปและแกว่งแขนไปมาด้วยท่าทางตื่นเต้น  เมฆหยุดมือตามที่ถูกเตือน  ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องออกไปรับดาว  ผมจึงออกปากบอกให้พวกเราเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ก่อน  สมุทรพาเมฆไปที่แผนกเครื่องเขียน  เขาได้ของที่ต้องการติดไม้ติดมือกลับบ้านมาด้วย  ผมสังเกตดูตลอด  เห็นว่าสองพี่น้องเลือกของกันอย่างมัธยัสถ์ดี  หลังจากนั้นส่วนใหญ่ร้านที่เลือกเขาเป็นร้านที่ผมต้องการทั้งสิ้น  ผมแวะซื้อของที่จะนำไปทำบุญเตรียมไว้ด้วย  ส่วนใหญ่เป็นของใช้ทั่วไปจึงไม่ได้ทำให้สมุทรติดใจถาม  เขายังคงทำหน้าที่ประหนึ่งหนึ่งในลูกน้องเดินตามผมและช่วยถือของอย่างไม่ปริปากบ่น 

"ใบนี้เท่าไหร่ครับ" ผมถามพนักงานขายเครื่องหนังยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่งของดีไซเนอร์ชาวไทย  อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของพายุแล้ว  คิดว่าซื้อเตรียมไว้เลยดีกว่า  กันพลาดและกันลืมนะครับ

"สี่หมื่นหกพันบาทค่ะ" เธอยิ้มตอบ  ผมเอื้อมมือหยิบกระเป๋ามาดูรวม ๆ

"ใบนี้รุ่นใหม่ล่าสุดเลยนะคะ ของเพิ่งวางเมื่อวานนี้เองค่ะ..สะพายได้หลายแบบนะคะ" เธอยิ้ม  รีบหยิบกระเป๋าขึ้นสาธิตวิธีการสะพายในดูในลักษณะแบบต่าง ๆ ซึ่งสามารถสะพายแบบเป้ก็ได้หรือสะพายข้างหรือว่าถือก็น่าจะใช้ถนัดมือเช่นกัน

"ออกแบบมามีทั้งหมดสามสีค่ะ มีเพียงสีละใบเท่านั้นเองนะคะคุณลูกค้า" พนักงานยิ้มเชียร์ใหญ่  ผมพยักหน้าตอบน้อย ๆ เท่านั้นเพราะขี้เกียจปั้นหน้ายิ้มให้  กวาดตามองกระเป๋าใบนี้ทั้งสามสีที่วางโชว์อยู่ด้านหน้าร้านหรา  ก่อนจะกดโทรศัพท์โทรหาพี่ธาน

"ครับคุณไฟ" พี่ธานรับ

"พี่ซื้อของขวัญให้พายุรึยัง" ผมถาม 

"ครับ..จองมาแล้ว ได้อาทิตย์หน้าน่ะครับ" พี่ธานตอบ

“จิ..เตรียมพร้อมดีเกินไปแล้วมั้ง” ผมบ่นยิ้ม ๆ เรื่องทำนองนี้ทีไรพี่ธานชนะผมอีกตามเคย  รายนี้นี่ใส่ใจคนในบ้านเป็นพิเศษอยู่แล้วละครับ   

"ซื้ออะไรให้ล่ะ" ผมถาม

"หึ รองเท้านะครับ ยี่ห้อใหม่ของดีไซเนอร์ที่สตอกโฮล์ม ไม่ค่อยดังหรอกครับ..ก็เลยไม่มีร้านวางขายอยู่แถบเอเชีย ผมเลยต้องสั่งไว้ก่อนน่ะครับ" พี่ธานอธิบาย

"งั้นเหรอ..ปิดปากเงียบเลยน้าพี่ใหญ่" ผมแซว  ก้มหน้ามองรองเท้าตัวเองไปพลางอย่างใช้ความคิด

"คุณไฟดูอะไรไว้งั้นเหรอครับ"

"เปล่าหรอก..เจอกระเป๋าน่ะ มันน่าจะชอบ" ผมตอบ

"งั้นเท่านี้นะครับ ผมว่าผมเอาใบนี้แหละ" ผมตัดบท  ใช้เวลาเลือกมากกว่านี้ก็เสียเวลาเปล่า  เพราะยังไงผมก็มักจะถูกไอ้น้องชายตัวดีทั้งสองคนรีดไถเงินเป็นประจำอยู่แล้ว

"ครับ" พี่ธานตอบและหัวเราะน้อย ๆ

"ผมเอาใบนี้นะครับ เอาสีเขียว" ผมชี้มือไปที่กระเป๋าหนังใบสีเขียวเข้ม  ถึงแม้ว่าสีน้ำตาลและสีหนังอีกสองใบจะสวยเช่นกัน  แต่รูปทรงนี้สีเขียวดูสะดุดตามากกว่า  อีกทั้งปกติพายุเป็นคนชอบสีเด่น ๆ ผมคิดว่าถ้ามันมาเลือกเองมันก็คงจะเลือกสีเขียวแน่ ๆ

"คุณลูกค้าเลือกใบนี้นะคะ" พนักงานหยิบกระเป๋าและย้ำถามยิ้ม ๆ ผมพยักหน้าตอบ  เธอนำกระเป๋าใบนี้ไปที่เคาน์เตอร์  ผมเดินตามไปและยื่นบัตรเครดิตให้  สมุทรจับมือเมฆให้เดินตามหลังมา  ระหว่างที่พนักงานนำกระเป๋าไปใส่กล่องและใส่ถุงให้  กว่าจะคิดเงินเสร็จก็ใช้เวลานานพอดู  หลังจากซื้อของเสร็จ  คาดคะเนเวลาได้แล้วจึงออกเดินทาง  สมุทรเป็นฝ่ายขับรถ  ผมนั่งฝั่งข้าง ๆ คนขับและครั้งนี้เมฆจึงจำเป็นที่จะต้องไปนั่งข้างหลังแทน  ถึงแม้ว่าตอนแรกเมฆจะถูกผมแกล้งว่าให้เขามานั่งตักผมได้ก็เถอะแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะกลัวน่ะนะ  ก็เลยไม่ยอมให้ได้

"สวัสดีค่ะ" ดาวยกมือไหว้ผมยิ้ม ๆ เธอดูแปลกใจที่เห็นผมมาด้วย  ดาวมองสมุทรและมองมาที่รถของผมครู่หนึ่ง  เป็นการกวาดตาอย่างรวม ๆ เมฆรีบเปิดประตูรถออกมา

"พี่ดาว!" เมฆวิ่งเข้าไปจับมือดาวให้ไปที่รถ

"จ้า ๆ" ดาวหัวเราะและรีบเดินตามไป  สมุทรอมยิ้มมองทั้งสองคน  ผมจึงเข้าไปเปิดประตูรถให้เธอ  การที่ดาวเลือกที่จะไม่ถามอะไรซึ่งผมคิดว่าเธอเป็นคนที่ฉลาดปรับตัวให้เข้ากับสังคมของพี่ชายตัวเองเป็นอย่างดี

"ขอบคุณค่ะ" ดาวก้มหัวยิ้ม ๆ เมฆขึ้นรถไปก่อน  เมื่อดาวขึ้นไปแล้วผมจึงปิดประตูรถให้  หันกลับมาอีกทีก็เจอกับสายตาของพี่ชายของทั้งสองคนที่ยืนมองผมซะเขม็งเชียว 

"อะไร" ผมยักไหล่ถามอย่างไม่เข้าใจ 

"เปล่าครับ" สมุทรตอบปัดแล้วกลับไปขึ้นรถ  ผมแสยะยิ้มน้อย ๆ ไม่รู้ว่าตัวเองชอบใจอะไรเหมือนกันแต่ก็พออ่านออกละนะว่าเจ้าตัวเป็นห่วงน้องสาว  ระหว่างทางกลับบ้าน  ผมเริ่มชวนดาวคุยก่อนเพราะไม่อยากให้ในรถเงียบจนเกินไป  เมื่อเธอเริ่มผ่อนคลายลงบ้างแล้ว  คราวนี้เธอก็เป็นฝ่ายชวนผมคุยบ้างจนถึงบ้านนู่นละครับ 

"พี่หยามา" ดาวพูดขึ้นเสียงใส  ผมสังเกตเห็นรถยนต์คันเดิมคุ้นตา  เพราะส่วนตัวเป็นคนช่างสังเกต  จึงสามารถจำได้ดีว่ารถยนต์คันที่จอดอยู่หน้าปากซอยนี้เป็นรถยนต์คันเดียวกันกับของผู้หญิงคนที่มาเมื่อครั้งก่อนหน้า  ซึ่งก็คือแฟนเก่าของไอ้คนข้าง ๆ ผมนี่ละ

ดาวรีบลงจากรถไปพร้อมกับเมฆ  ทั้งคู่ดูตื่นเต้นดีใจ  ผมเองก็ลงด้วย  สมุทรนำกุญแจรถมายื่นคืนให้ 

"ขอบคุณมากนะคะพี่ไฟ" ดาวยกมือยิ้มไหว้ เมฆเห็นอย่างนั้นก็รีบยกมือไหว้ตามเธอทันที  เหมือนกลัวว่าถ้าไม่ไหว้ผมซะตอนนี้  เดี๋ยวจะต้องได้โชว์ไหว้ขอบคุณเดี่ยว ๆ คนเดียวแน่อย่างนั้น  ในมือก็ถือกล่องเค้กไว้ไม่ยอมปล่อย  ผมพยักหน้าตอบ  นำมือขยี้หัวเมฆเบา ๆ อย่างหมันเขี้ยว 

"ไม่เป็นไร" ผมยิ้มตอบให้เธอ

"งั้นหนูกับเมฆไปที่บ้านก่อนนะคะ" ดาวจับมือเมฆไว้  สมุทรพยักหน้า  ทั้งสองคนรีบวิ่งไปทันที

"ดูตื่นเต้นกันน่าดูนะ" ผมพูด  สมุทรไม่ตอบ  คิดว่าผู้หญิงที่ชื่อหยาอะไรนั่นคงสนิทสนมกับคนที่บ้านสมุทรเป็นอย่างดี   
"งั้นฉันกลับก่อนแล้วกัน" ผมตัดบท

"ครับ ขอบคุณนะครับ" สมุทรบอก  ผมพยักหน้าตอบ  กลับมาขึ้นรถแล้วขับออกมา  เมื่อผมขับออกมาได้สักระยะหนึ่งผมก็เห็นว่าสมุทรก็เดินกลับเข้าซอยไป..


- - - - - - - - - - - - - - -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-04-2016 18:27:21 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

21:50 น. The Rest Bar, RATIO HOTEL

"แล้วไหงมาร้านกูแบบที่กูไม่ต้องเชิญได้" ไอ้คินว่า  มันนั่งลงขนาบข้างผมโดยไว 

"เซ็ง ๆ" ผมตอบส่ง ๆ

"นี่กูชวนพี่ธานมาด้วย เห็นว่าอยู่แถว ๆ นี้พอดี" ผมบอก  พนักงานรีบเข้ามารินเบียร์เพิ่มให้ผม   

"เซ็งอะไรว้า ไหนดูกระหม่อมหน่อยซิ" ไอ้คินทำเสียงแซว  มันไม่พูดเปล่า  นำมือมากุมหัวผมทั้งสองมือแล้วกดหัวผมไปดูด้วย

"ไอ้เหี้ย" ผมด่าพร้อมกับปัดมือมันออก  ไอ้คินหัวเราะ

"เออ ไอ้ไฟ..กูมีเรื่องจะบอกมึงอยู่พอดี" มันทำหน้าเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา  ผมเหลือบเห็นพี่ธานเดินเข้ามาในร้านพอดีจึงโบกมือส่งสัญญาณให้ 

"ขออนุญาตครับ" พี่ธานยิ้ม  ผงกหัวน้อย ๆ แล้วนั่งลง

"ดื่มอะไรสั่งเลยครับพี่ธาน" ไอ้คินบอก

"เรื่องอะไรวะ" ผมกลับมาเรื่องเดิมที่ไอ้คินเกริ่นไว้

"เห็นเขาลือกันว่าไอ้กริดจีบเด็กมึงอยู่เหรอวะ" ไอ้คินถามพร้อมยิ้มน้อย ๆ ด้วยสีหน้าเกรงใจที่จะเล่าจนผิดสังเกต

"ใครเด็กกู เดียร์น่ะเหรอ" ผมขมวดคิ้วสงสัย  เพราะนึกออกอยู่แค่คนเดียวที่เห็นว่าไอ้กริดเล็งไว้อยู่

"ริศาต่างหากเล่า!" ไอ้คินกระแทกเสียงว่า  ผมขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม

"ริศามาเกี่ยวอะไร" ผมว่า  หันไปมองหน้าพี่ธานขำ ๆ

"กูจะไปรู้ไง..กูเห็นเขาลือกันว่ามันจ้องจะจีบริศาอยู่ อ่าว..นี่ตกลงมึงยังไงของมึงวะ ไม่รู้เรื่องเลย" ไอ้คินพูดแกมบ่น  มันหยิบเครื่องดื่มของมันขึ้นดื่มบ้าง  ผมกัดลิ้นตัวเองนิด ๆ อย่างใช้ความคิด

"ไม่รู้ว่ะ ไม่ได้สนใจ" ผมเบะปากตอบ  หยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดูเพราะเห็นว่าหน้าจอมีไฟกะพริบเตือน

"แต่ว่า นี่มึงยังคั่วกับเดียร์อยู่อีกเหรอวะ" ไอ้คินทำหน้าอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา 

“อย่าใช้คำว่าคั่ว กูคน..ไม่ใช่พริก” ผมส่ายหัวหน่าย ๆ เพราะมันชอบดึงเรื่องยาวไปเรื่อยเปื่อย  เมื่อมองลงไปที่โทรศัพท์มือถือผมกลับถึงกับผงะและรีบปลดล็อกหน้าจอในทันที  ชื่อของคนที่บันทึกเอาไว้และไม่เคยแม้แต่จะส่งข้อความถึงกันปรากฏให้เห็นเต็มสองตา  ผมไม่เคยคิดเลยด้วยว่าจะได้รับอะไรไม่ทันตั้งตัวจากอีกฝ่ายแบบนี้  จึงรีบกดเปิดข้อความที่ได้รับจากสมุทรขึ้นอ่าน  ปลายสายส่งข้อความมาสั้น ๆ ได้ใจความว่า..

สมุทร:  "ขอบคุณนะครับสำหรับวันนี้"
.. ผมอมยิ้มออกมาในทันทีอย่างควบคุมหน้าตัวเองไม่ได้  สายตาจ้องมองหน้าจออยู่อย่างนั้นแล้วอ่านประโยคสั้น ๆ นั่นซ้ำไปซ้ำมาอย่างกับประโยคแม่งยาวเป็นเรียงความอย่างนั้น

"ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรของมึง" ไอ้คินเสนอหน้าเข้ามาจะดู  ผมรีบนำโทรศัพท์ออกห่างมันในทันที

"ฮันแน่~ ใครส่งอะไรมาเหรอครับคุณไฟ ทำเสือยิ้มยากกูยิ้มหน้าบานได้ขนาดนี้" ไอ้คินแซว  มันอ้าปากซะกว้างเหมือนมีเรื่องสนุก ๆ ให้แซวพร้อมกับหันไปมองหน้าพี่ธานอย่างหาแนวร่วม  พี่ธานอมยิ้มนิด ๆ

"ไอ้คนที่พูดบอกกูว่าเซ็ง ๆ เมื่อกี้นี้มันไปไหน คนเดียวกันเปล่าวะ สาด..เขิน ๆ" ไอ้คินเล่นไม่เลิก 

"เขินเหี้ยไร พูดมากว่ะ" ผมว่า  ดันหัวมันออกไปไกลเพราะเริ่มจะรำคาญมันแล้ว

"พี่ธานรู้ปะครับเนี่ยว่ามันจีบใครอยู่" ไอ้คินหันไปถาม

“แต่ถ้าพี่ไม่รู้ บนโลกนี้ก็ไม่มีใครรู้แล้วนะ” มันกระแทกเสียง  ผมกับพี่ธานหัวเราะ

"ไม่ ๆ ๆ ไอ้เชี้ยนี่มันเคยจีบใครแล้วเคยยิ้มประหลาดแบบนี้ด้วยเหรอ" ไอ้คินเริ่มทำหน้าจับผิดชี้หน้าผมด้วย  คราวนี้พี่ธานแสยะยิ้มกว้างจนน่าถีบจริง ๆ ผมกลอกตาไปอีกทางพร้อมกับเบนหน้าหนียิ้ม ๆ เช่นกัน

"ที่จริง..ผมก็พอจะรู้อยู่บ้างนะครับ ถ้าเดาไม่ผิด" พี่ธานตอบ 

"ใครอะ!" ไอ้คินกระแทกเสียง ๆ หลงเลย

"ถ้าคุณไฟไม่อนุญาต ผมก็บอกไม่ได้หรอกครับ" พี่ธานพูด  ผมเหล่ตากลับไปมองพี่ธานแล้วยักคิ้วให้ด้วยเพราะถึงพี่ธานพูดความจริงออกมา  ผมก็ไม่รู้สึกอะไรอยู่แล้วละนะ  อาจจะมีเขินบ้าง  แต่แน่นอนว่าในความเขินของผมก็มีความสะใจในอารมณ์อยู่พอสมควร

"กูบอกให้เอาปะล่ะ" ผมพูด  เข้าไปกอดคอไอ้คินมาใกล้  ไอ้คินพยักหน้าตอบแทบหลุด

"อีกฝ่ายน่ะ..” ผมเกริ่น

“เป็นคนที่ทำให้เป้ากูตุงแทบระเบิดได้ทั้งที่ไม่ต้องทำอะไรเลย มึงคิดว่าไง กูเจอคนที่โคตรเจ๋งไปเลยใช่ไหมล่ะ หึ..ดีใจกับกูล่ะสิ" ผมแสยะยิ้มเหี้ย ๆ ให้  พร้อมกับตีแก้มไอ้คินเบา ๆ อย่างหยอก ๆ 
 
"กูละสงสารคน ๆ นั้นฉิบหายเลยว่ะเพื่อน" ไอ้คินพูดหน้านิ่งตายไปเลย   

"หึ ๆ ๆ ๆ" ผมกับพี่ธานหลุดหัวเราะออกมาเพราะขำหน้าของมัน  ดูท่ามันจะจริงจังน่าดู

"ผมว่าผมไม่อยากรู้จักแล้วล่ะ" ไอ้คินทำหน้าเอือม ๆ หันไปบอกพี่ธาน  พี่เขายิ้มกว้างคล้ายเห็นด้วย  ไอ้คินเป็นคนจมูกไว  แต่จมูกไวน้อยกว่าไอ้โปรดไปหน่อย   

"ห่าเอ๊ย พายุโทรมา" ผมบ่นเป็นนัยเพื่อให้ไอ้คินหุบปากสักเดี๋ยว  เพราะปกติผมไม่ค่อยได้รับสายโทรเข้าจากน้องชายตัวดีเท่าไหร่หรอกนะครับ  แสดงว่าคงเป็นเรื่องสำคัญน่าดู

"ว่า.." ผมกดรับ

"พรุ่งนี้วันอะไร" พายุถามเสียงเข้มจัดมาเลย

"วันที่สาม หวยไม่ออกนี่" ผมกวนตอบ

"เฮีย!" ปลายสายกระแทกเสียง  ผมหัวเราะเบา ๆ

"ไหนเฮียบอกว่าพรุ่งนี้จะไปทำบุญด้วยกันไง แล้วนี่ยังไม่ถึงบ้านอีก" มันเริ่มบ่น

"เออน่า กูจำได้"

"แล้วนี่อยู่ไหน" พายุทำเสียงจับผิด

"ร้านไอ้คิน" ผมตอบ

".........." ทีนี้ทำเอาพายุเงียบไปสนิทเลย 

"กำลังจะกลับแล้ว เข้านอนไปเหอะน่า..กูถึงบ้านก่อนห้าทุ่มแน่นอน" ผมรับปากมันเพราะไม่อย่างนั้นคงโดนงอนเป็นแน่

"เร็ว ๆ ล่ะ แต่ขับรถไม่ต้องเร็วมากก็ได้" มันพูดอย่างยอมความ

"เออ" ผมตอบและชิงตัดสายก่อนเลย

"แม่กูโทรตามละ กลับก่อน" ผมตัดบทแล้วหยิบน้ำเปล่ามาดื่มจนหมดแก้ว

"อ่าว อะไรวะ" ไอ้คินบ่นหน้างอ

"มันบอกให้กูกลับบ้านเร็ว ๆ แต่ขับรถไม่ต้องเร็ว ตกลงมันจะให้กูกลับเร็วหรือไม่เร็ว" ผมบ่น

"หึ ๆ" ไอ้คินหัวเราะ  พี่ธานรีบลุกตาม

"พรุ่งนี้กูต้องไปทำบุญให้พ่อกูที่เขาใหญ่ รับปากมันไว้แล้ว..เอาไว้เจอกันมึง" ผมบอก 

“อ่าวเหรอ” ไอ้คินพยักหน้าเข้าใจ  อยู่ ๆ มันก็เปิดกระเป๋าสตางค์  หยิบเงินออกมายื่นให้ผมปึกหนึ่ง  น่าจะประมาณห้าพันเห็นจะได้

“อะไร..ไม่เอา” ผมว่าพร้อมปัดมือมันออก

“จิ..เอาไปเหอะน่า ฝากทำบุญหน่อย” มันขมวดคิ้ว  นำเงินมายัดใส่มือผมกึ่งบังคับ  ผมยิ้มน้อย ๆ ไอ้นี่มันใจดีผิดกับผม  ขนาดผมแกล้งมันไว้เยอะตั้งแต่ที่ได้รู้จักกัน  ไม่ว่าจะเรื่องไถเงินมันหรือเรื่องอื่น ๆ ที่ทำให้มันขายหน้า  มันก็ยังคงเป็นคนนิสัยแบบนี้อยู่เหมือนเดิม 

"ค่าเหล้าไม่ต้องจ่าย ห่า..ดื่มไปได้ไม่กี่อึก" มันดักคอผม  ผมกับพี่ธานหัวเราะ  เราร่ำลาและแยกย้ายกันออกจากร้านมา 


- - - - - - - - - - - - - - -


12:30 น. เขาใหญ่

วันนี้ผมเดินทางมาทำบุญที่วัดหลวงลุงโดยออกจากบ้านตั้งแต่ตีสี่  เดินทางมากับพายุแค่สองคนและพากังฟูมาด้วย  ปกติเวลามาทำบุญกับพายุเราก็จะมากันแค่สองคนแบบนี้อยู่แล้ว  ลูกน้องทุกคนจะทราบดี ครั้งนี้ผมเป็นคนขับ  พี่ธานเป็นคนเดียวที่ทราบดีกว่าใครว่าผมจะไปที่ไหนบ้าง  ทุก ๆ ปีไม่ผมหรือพายุก็มักจะหายตัวกันไปในวันนี้เป็นประจำ  อันที่จริงก็ไม่เชิงว่าหายตัวไปโดยขาดการติดต่อแต่แค่อยากมาอย่างสงบ ๆ ก็เท่านั้น 

ผมสั่งงานว่าถ้าวันนี้พี่ธานไปไหนให้พาสมุทรไปกับพี่เขาด้วย  คิดว่าวันนี้น่าจะเป็นโอกาสดีที่พี่ธานจะได้สอนสมุทรขับบิ๊กไบท์อย่างจริงจัง  ส่วนไอ้เข้มยังคงต้องไปตามสืบเรื่องต่อเพราะยังจับมือใครดมไม่ได้ว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ตลาดนั้นตัวการจริงมาจากใคร  ไอ้หินมีเรียน  ไอ้รุ่งมีฝึกมวย  ส่วนไอ้เด่นผมให้ออกไปช่วยไอ้เข้มในวันนี้  ขณะเดียวกันก็ให้มันสองคนเลยไปดูความคืบหน้าของการซ่อมแซมที่ค่ายมวยศรไกรด้วย 

พายุกับผมมาถึงวันตั้งแต่เช้ามืด  ถนนโล่งจึงทำให้ขับรถได้สะดวกสบายบวกกับที่ผมขับรถค่อนข้างเร็ว  ส่วนพายุตอนแรกก็ชวนผมคุยอยู่ดี ๆ ครู่เดียวมันก็หลับไปจนถึงวัด  วันนี้ป้าอิ่ม  แม่บ้านคนอื่น ๆ รวมไปถึงพายุตื่นตั้งแต่ตีสามกว่า ๆ เพื่อลุกขึ้นมาทำอาหารที่จะนำมาถวายพระ  เมื่อถึงวันแล้วผมกับพายุก็นำอาหารไปตั้งโต๊ะเตรียมไว้ในที่เดียวกับคนอื่น ๆ ในโรงครัว  ระหว่างรอพระเข้าศาลาญาติโยมที่มากันแต่เช้าจึงมานั่งสมาธิรอ  พายุนั่งสมาธิตัวแทบไม่กระดิกอีกตามเคย  มันนั่งนิ่งมากในเวลาเกือบ ๆ สองชั่วโมงจนผมยอมใจ  ระหว่างนั่งสมาธิลุกไปเข้าห้องน้ำถึงสองครั้งเพราะเป็นคนดื่มน้ำเยอะและเนื่องจากอยู่ในป่าอากาศเลยค่อนข้างเย็น เสียงนกเสียงไก่ดังเป็นระยะ ๆ เสียงซึ่งบ่งบอกถึงชีวิตที่สุขสงบในแบบที่ผมแทบไม่ได้ยินมานานมากแล้ว 

หลวงลุงเห็นผมและพายุแล้วตั้งแต่ที่ท่านมาถึงศาลา  หลวงลุงเพียงแต่มองมาทางเราช่วงสบตาและผมคิดว่าท่านคงทราบด้วยดีว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของเราสองพี่น้อง  เสร็จจากพระให้ธรรมะและญาติโยมนั่งสมาธิระหว่างฟังธรรมไปประมาณเกือบ ๆ สี่สิบนาทีก็ถวายสังฆทาน  ผมกับพายุนำของที่ซื้อเตรียมไว้ทั้งส่วนของมันและของผมไปถวายพร้อม ๆ กัน  นำเงินก้อนหนึ่งซึ่งร่วมจากส่วนของผม  พายุ  พี่ธานและไอ้คินรวบรวมอยู่ในซองเดียวนำไปให้กับไวยาวัจกร 

เสร็จจากนั้นพายุก็เข้าไปถือบาตรให้กับหลวงลุงเพื่อเดินไปตักอาหาร  ผมไม่ใช่คนดีถึงขนาดเข้าใกล้พระได้อย่างสนิทใจจึงเลือกที่จะนั่งมองอยู่ห่าง ๆ ดีกว่า  ความเงียบทำให้อดีตย้อนกลับมาหาผมอีกครั้ง  ระหว่างที่รอพระเข้าไปฉันอาหาร  ผมกับพายุออกมานั่งรอที่ด้านนอกศาลา  พายุเข้าไปตักขนมหวานมากิน  มันคงหิวนั่นแหละครับเพราะตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย  ส่วนผมยังไม่รู้สึกอยากจึงกินโยเกิร์ตไปสองถ้วยอย่างลวก ๆ เพื่อไม่ให้ท้องว่างจนเกินไป  หลังจากที่หลวงลุงฉันอาหารเสร็จ  เราสองคนก็เข้าไปกราบท่านรวมถึงท่านเจ้าอาวาสด้วย  สนทนากันอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงพวกผมก็ขอตัวกลับออกมา  ท่านจะได้ทำกิจของสงฆ์ไป

"อากาศโคตรดีเลย" ผมลงจากรถมาได้จึงถอดแจ็คเก็ตที่ใส่อยู่ออก  ตอนนี้เรามาอยู่ที่ตลาดในชุมชนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเพื่อเจาะจงมาที่ร้านข้าวต้มกุ๊ยเจ้าประจำของครอบครัวเราที่ตั้งอยู่ที่นี่  เวลาที่พวกเรามาที่เขาใหญ่  เราก็มักจะแวะเวียนมากินเสมอ ๆ รสชาติข้าวต้มกุ๊ยเหมือนกับรสชาติฝีมือของแม่พายุไม่มีผิดเพี้ยนเลย     

"กังฟูลงมา" พายุเปิดประตูรถให้ลูกรักของมัน  กังฟูดูจะตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้ออกมาเที่ยวทางไกลแบบนี้  ปกติถ้าพายุหรือผมไม่ว่างก็ไม่ค่อยมีใครได้เล่นกับมันหรอกครับ  เพราะทุกคนกลัวมันกันหมดนั่นแหละ

"หิวววว!" พายุร้องบ่นทั้งที่เมื่อสองชั่วโมงก่อนมันเพิ่งจะกินไปหยก ๆ

"มาเร็ว" ผมเรียกมันทั้งสองตัว  พายุจับสายจูงให้กังฟูเดินตามมา 

"เฮ้ย เฮีย!" พายุอุทาน  น้ำเสียงมันทำให้ผมหันไปด้วยความตกใจ

"อะไร" ผมขมวดคิ้ว

"ย่า..มา ได้ไงวะ" พายุพูดตะกุกตะกัก  มันตาโตชี้มือไปอีกทาง  ผมเสียวสันหลังวาบ  หันไปมองก็เห็นย่าเต็มสองลูกตาตนเองจริง ๆ   

"พายุ!" ย่าหันขวับมาอย่างกับมีเรดาร์ ผมทำท่าจะก้าวขาหนีแต่ก็ไม่ทันแล้ว  หางตาเห็นย่าเดินจ้ำอ้าวเข้ามาเลย

"เจ้าไฟ แกหยุดเลยนะ!" ย่าเรียกเสียงดังจนชาวบ้านที่อยู่ละแวกนี้หันมามอง 

"โฮ่ง!" กังฟูเห่าใส่  ย่าผงะและชะลอฝีเท้าลงอย่างกับมีใครไปกดปิดสวิตช์

"หนูริศาล่ะ ไปตามหนูริศามาซิ" ย่าหันตัวไปสั่งคนติดตามที่พามาด้วย  ผมกับพายุมองหน้ากันเลิ่กลั่ก  ครู่เดียวริศาก็เดินมา  เธอยิ้มกว้างทันทีที่เห็นหน้าผม 

"นี่แกเพิ่งออกมาจากวัดกันรึ งั้นกลับไปด้วยกันก่อนสิ..ย่ากำลังจะไป" ย่ายิ้มอย่างดีใจ

"สวัสดีค่ะไฟ" ริศายิ้มทัก 

"สวัสดีค่ะน้องพายุ" เธอหันไปทักทายพายุด้วย

"สวัสดีครับ" พายุผงกหัวทักทายกลับ 

"ตกลงยังไง.." ย่าพูดเร่ง 

"ผมเพิ่งออกมาจากวัดครับย่า แล้วทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย" ผมพูดบอก  คิดว่าย่าคงรู้อยู่แล้วเป็นแน่ว่าวันนี้พายุและผมจะต้องมาที่วัดของหลวงลุงเพื่อมาทำบุญให้กับพ่อ  และผมไม่คิดด้วยว่าพี่ธานหรือพายุจะเป็นคนบอกย่าในเรื่องนี้  ยิ่งพี่ธานยิ่งไม่มีทางไปกันใหญ่ นอกจากพ่อที่เสียไปแล้วก็ไม่มีใครสามารถปริปากพี่ธานได้นอกจากผม

"นี่มันจะบ่ายโมงแล้วนะครับ พระฉันมื้อเดียวนะครับย่าและก็เสร็จเรียบร้อยไปแล้วด้วย" พายุว่าให้  ย่าหน้าสลดไปนิดหน่อยเหมือนเถียงไม่ออก   

"งั้น..เดี๋ยวย่าไปกับคนของย่าแล้วกัน แกสองคนจะกลับแล้วใช่ไหมล่ะ ฝากหนูริศากลับไปด้วยเลยสิ" ย่ายิ้มออกมาได้อีกครั้ง  ผมเหลือบมองพายุเพื่อขอให้มันช่วย  พายุกระดุกสายจูงอย่างแผ่วเบาทำให้ลูกรักของมันเริ่มขู่รำคามในลำคอตามที่ผมต้องการ

"........." ริศาเงียบไปดื้อ ๆ เธอมองต่ำลงไปที่กังฟูและสีหน้าเธอดูหวาดกลัวในทันที 

"คงไม่ได้หรอกครับ ขอโทษด้วยนะครับพี่ริศา กังฟูต้องนั่งเบาะหลังน่ะ..ตัวมันใหญ่" พายุพูด

"แล้วริศาไม่ได้ตั้งใจจะมาทำบุญอยู่แล้วหรอกเหรอครับ" ผมแกล้งถามต้อนไปอย่างนั้น  ริศากับย่ามองหน้ากันก่อนที่ย่าจะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

"ค่ะ ก็..ตั้งใจจะมาอยู่แล้วน่ะค่ะ" ริศาอมยิ้มตอบอย่างเสียไม่ได้ 

"งั้นผมกับพายุขอตัวนะครับย่า เดี๋ยวต้องรีบกลับบ้าน" ผมตัดบทโต้ง ๆ ย่าทำหน้าไม่พอใจ

"นี่ตกลง แกสองคนจะไม่ไปวัดกับย่าก่อนเรอะ!" ย่าว่าเสียงหลง  หลุดความเป็นตัวเองออกมาอีกแล้ว  ช่างเป็นคุณย่าที่เอาแต่ใจจริง ๆ

"ย่าอยากให้ยุกลับไปกับเฮียแล้วย่าถูกหลวงลุงดุเอาไหมล่ะครับ" พายุตอบย่ามันด้วยความฉลาดของมันที่มักจะใช้ได้ผลสำหรับย่าเสมอ

"........." ย่ากัดฟันแน่น  ริศามองตามผมตลอดเวลาแต่ผมไม่ค่อยหันไปมองเธอ  ผมยกมือไหว้ลาย่าและฉีกยิ้มให้ริศาเล็กน้อยก่อนเดินหนีออกมาเลย
 
"ย่าโทรไปถามอาม้าแน่ ๆ เลยเฮีย" พายุวิเคราะห์  มันเดินตามหลังผมมา  ผมหัวเราะน้อย ๆ

"ดูย่าเขาเอาจริงนะ เรื่องพี่ริศา" มันพูด  ผมยิ้มมุมปากน้อย ๆ เพราะก็จริงอย่างที่พายุว่า  แค่ดูเพียงนิดเดียวก็อ่านเกมของย่าออกหมดดุ้นแล้วละ

"ถ้ากูไม่เอาซะอย่าง กูก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าย่าจะทำอะไรกูได้" ผมพูด  คิดให้เป็นเรื่องสนุกไป 


ร้านแปะยิ้ม ข้าวต้มกุ๊ย
"หวัดดีฮะแปะ!" พายุส่งเสียงทักทายอย่างดีใจที่ไม่ได้เจออาแปะเจ้าของร้านมานาน 

"หวัดดีครับ" ผมยกมือไหว้แก

"อ่าว อาไฟ..อาพายุ!" อาแปะยิ้มกว้างด้วยสีหน้าดีใจเช่นกัน  เมียแกและคนงานที่ร้านของอาแปะยิ้มกว้างทักทายพวกเราอย่างสนิทสนมคนลูกค้าในร้านหันมามอง

"ไปยังไงมายังไงกันล่ะ อ๋อ..นี่ใช่วันครบรอบของเตี่ยลื้อรึเปล่า" อาแปะทัก  ความจำยังคงดีไม่เปลี่ยน  อีกทั้งสุขภาพร่างกายก็แข็งแรงมากอีกด้วย  ถ้าพ่อผมแข็งแรงได้อย่างอาแปะแกสักนิดก็คงดี

"ครับ..ยุกับเฮียเพิ่งกลับจากวันมาน่ะครับ" พายุยิ้มตอบ

"ผมขอนั่งข้างนอกนะครับแปะ" พายุชี้ไปที่โต๊ะที่ตั้งอยู่นอกร้านที่เหลือเพียงหนึ่งโต๊ะ  คงเพราะไม่อยากปล่อยทิ้งกังฟูไว้หน้าร้านคนเดียว

"ได้ ๆ" อาแปะพยักหน้า  กวักมือให้ผมยกใหญ่
 
"นั่งก่อน ๆ" เมียอาแปะรีบเข้ามาจัดโต๊ะให้เราสองคนพี่น้อง  ผมผงกหัวขอบคุณน้อย ๆ ก่อนนั่งลง

"เอาอะไรสั่งได้เลยนะ อาหลิน..ไปรับออเดอร์ซิ" อาแปะสั่งเสียงดังลั่น  ผมยื่นเมนูอาหารไปให้พายุ  ก่อนมองสำรวจไปรอบ ๆ ร้าน  ที่นี่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน  ห้องแถวไม้สองชั้นไม่รู้กี่สิบปีมาแล้ว  ยังคงเป็นประตูบานพับแบบสมัยก่อน  โต๊ะไม้รูปวงกลมสไตล์จีน  บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง  ลูกค้ายังคงเต็มร้านทั้งที่เกือบจะบ่ายโมงเข้าไปเต็มแก่แล้ว  เสียงเอะอะของทั้งอาแปะและเมียแกที่พูดคุยกับลูกค้าทุกคนอย่างสนิทสนมเป็นกันเอง  คนงานในร้านยังคงเสียงดังพูดข้ามหัวลูกค้าโต๊ะต่อโต๊ะ  แต่ทุกโต๊ะกลับมีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม 

"เอาข้าวต้มกี่ถ้วยอะเฮีย" พายุถามตาไม่มองผมเพราะมัวแต่มองเมนู

"สามถ้วยครับ" ผมสั่งคนมารับออเดอร์  สั่งไปแค่สามถ้วยพอเพราะร้านอาแปะแกให้ข้าวต้มถ้วยเบ้อเริ่ม

"เอาผักหวานไฟแดง คะน้าหมูกรอบ" ผมสั่งก่อน  นึกอยากกินอยู่พอดี  หมูกรอบร้านของอาแปะอร่อยจนน้ำตาแทบไหลเลยละ

"เป็ดพะโล้" ผมพูดอีก

"โห่ รอด้วยสิ!" พายุเงยหน้าว่าผมเสียงหลง  ผมยิ้ม

"มึงอยากสั่งอะไรมึงก็สั่งไปสิ ห่า" ผมบ่น  เสือกสั่งช้าเองแล้วมาโวยวาย

"เอายำปลาสลิด ใส่ไข่เค็มด้วยได้ไหมครับ" พายุเงยหน้าถาม 

"ได้จ้ะ" เธอหัวเราะน้อย ๆ

"ปลาสลิดก็เค็ม ไข่เค็มก็เค็ม" ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจมัน

"ขาไก่น้ำแดง" พายุสั่ง

"เอา..ยำผักกาดดองด้วยครับ" ผมสั่งต่อ

"พอยัง" ผมถามพายุ

"พอตั้งแต่ขาไก่น้ำแดงแล้วมั้ง" มันประชดใส่ผมจนคนรับออเดอร์หัวเราะ

"เท่านี้ครับ" ผมบอกเธอ  เธออ่านไล่รายการอาหารย้ำให้ฟังอีกครั้งก่อนเดินไปสั่งอาหารกับอาแปะ  กุ๊กฝีมือดีเสมอต้นเสมอปลายประจำร้านนี้  ซึ่งผมจัดให้เป็นร้านในตำนานของครอบครัวผมเลยนะครับ 

"กังฟูหิวไหม" พายุก้มตัวลงขยี้หัวถามกังฟูที่นอนอยู่ข้าง ๆ มัน  กังฟูเงยหน้ามองเรา 

"กินขาเฮียไฟรองท้องก่อนก็ได้นะ" พายุยิ้ม  ผมยิ้มไม่ว่าอะไร  รู้อยู่แล้วว่ามันกวนตีน

"สั่งเป็ดพะโล้ให้กังฟูกินได้ไหมเฮีย แต่ก็..เกรงใจแปะ" พายุบ่นพึมพำด้วยสีหน้าคิดหนัก

"เป็ดตายอีกเป็นฟาร์มกูก็จ่ายให้มึงได้ แต่มึงจะเอาเป็ดพะโล้มาให้หมากินเนี่ยนะ ไอ้เหี้ย..มึงช่วยสำรวจดูก่อนว่าในร้านตอนนี้นี่รวมกันแล้วกี่ตีน" ผมว่าขำ ๆ จนพายุหลุดหัวเราะชอบใจ

"แล้วมึงจะไม่ได้มาเหยียบร้านแปะอีกเลยนะ" ผมพูดไปหัวเราะไป

"เฮียอะ" พายุบ่นยิ้มเขิน ๆ

"ทนก่อนนะกังฟู เดี๋ยวซื้อเป็ดกลับไปให้กินที่บ้าน เอาแต่เนื้อเนอะ..เนื้ออร่อย" พายุก้มลงกระซิบบอก  กังฟูเงยหน้ามองหงอย ๆ สงสัยกลิ่นอาหารในตอนนี้คงโชยเตะจมูกของมันน่าดู ผมเหลือบมองไปรอบ ๆ ตัวเองขณะที่นั่งอยู่

"แล้ว..พี่สมุทรฝีมือเป็นไง" พายุถาม  สีหน้าสนใจขึ้นมา  ผมอมยิ้มไม่ตอบ  เป็นรอยยิ้มให้มันเดาคำตอบเอาเอง

"เฮียชอบกวน" มันบ่น  ผมหัวเราะน้อย ๆ หยิบน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้ว

“อ้า~” ผมส่งเสียงด้วยความสะใจ  น้ำที่ดื่มเข้าไปทำให้รู้สึกชุ่มคอ  พายุส่ายหัวน้อย ๆ พร้อมถอนหายใจ  มันเท้าแขนลงบนโต๊ะพร้อมกับหยิบแก้วน้ำของตัวเองขึ้นจิบบ้าง 

".........." เราจบบทสนทนาลงดื้อ ๆ ผมกับพายุนั่งหันหน้าเข้าหากัน  มันมองตาผมไม่พูดอะไร  ผมจึงอมยิ้มมุมปากให้  ท่ามกลางความเงียบที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน  มือของผมหมุนโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะเล่นไปพลางเพื่อรอคำพูดจากน้องชาย  พายุหันหน้าออกไปทางขวามือ  ผมอมยิ้มในใจกับปฏิกิริยาจากประสาทสัมผัสที่ไวมากของพายุ  ไวมากกว่าลูกน้องของผมทุก ๆ คน  ไม่เว้นแม้แต่พี่ธาน

"ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เหมือนมีคนตามเรา..อยู่เลยนะ" พายุพูดเว้นวรรคเหมือนไม่แน่ใจแต่น้ำเสียงยังคงปกติ  ผมฉีกยิ้มในทันทีที่ได้ยินคำพูดที่แอบคิดไว้ในใจอยู่ได้สักพักหนึ่งแล้ว  ซึ่งตอนแรกผมกะปล่อยผ่านไปเพราะคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองก็ได้เนื่องจากไม่มีสิ่งผิดสังเกตเกินควร  แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พายุพูดออกมาแบบนี้คล้ายกับเป็นสิ่งรับรองความจริง  เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ผมเชื่อในประสาทสัมผัสของมันน่ะนะ

"ตามมาถึงนี่ได้ สงสัยเราคงถูกให้ความสำคัญน่าดู..รู้สึกพิเศษจัง” ผมชมอย่างรู้สึกชอบใจ 

“เอาซะต่อมเสียวกูเต้นตุบ ๆ เลย" ผมแสยะปากยิ้ม ๆ




............ไฟ...........

จากผู้เขียน: เนื่องจากช่วงนี้มีปัญหาเกิดขึ้นกับเบบี้มากมาย  เบบี้อาจมาต่อไม่ได้สักระยะหนึ่งนะคะ(แต่คงไม่นานมากขนาดที่หายไปเลย)  ก่อนหน้านี้ที่ได้ลงให้นั้น คือวันที่ 25 มีนาคม นี่ก็ผ่านมาร่วม ๆ สามอาทิตย์ได้  หลังจากลงตอนล่าสุดคือตอนที่ 20 นี้  ที่มาลงให้ก่อนเพราะตอนต่อเนื่องจากตอนที่ 19  ซึ่งทางเบบี้เองยังไม่สามารถรับปากได้ว่าตอนต่อไปจะสะดวกมาต่อได้คือเมื่อไหร่  ถ้าสามารถเคลียร์สิ่งต่าง ๆ และหาเวลามาลงให้ได้ก็จะรีบมาลงให้ทันทีค่ะ :)


ขอบคุณค่ะ
เบบี้

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-04-2016 18:52:39 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
ไม่ได้เข้าเล้านานมาก สองวันนี้ว่างเลยเข้ามาดู เห็นหนูบี้
กับนิยายเรื่องใหม่ ก่อนอื่นมาให้กอด  :กอด1: ให้หายคิดถึงก่อน
อ่านไล่สองวัน ตาลายแต่สนุกมาก เนื้อเรื่องต้องหาข้อมูลมาก กับตัวละครถึงจะมากแต่ไม่สับสน
สรุปเอาว่า  FC  หนูบี้กลับมารายงานตัวเพิ่มอีกหนึ่ง
ปล. ช่วงเวลาที่ห่างหายไป เวลาคิดถึงก็เอาเรื่องเก่า ๆ  เหล่า แก็งค์ข้าวกับต้าร์ มาอ่านเล่น ๆ
      ก็เพลินดี เอาว่ารักและคิดถึงกันเสมอ ๆ นะ ครับ หนูเบบี้  :mew1:

ขอ  :man1: ตอบ ..ยินดีต้อนรับกลับเช่นกันค่ะ ~
ขอบคุณที่สนับสนุนผลงานมาเสมอนะคะ
  :mew1:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
คุณไฟรู้สึกว่าคู่แข่งน่ากลัวใช่ใหม



สมุทรใจร้ายไปนะ คุณไฟอ่อยหลายรอบแล้วก็ไม่ตกหลุมซะที



กรี๊ดดดดดด น้องเมฆของป้าาาาาา



กอดดดดดดดด คิดจุงเบย

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
ไฟขี้อ้อนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
พี่ไฟนี่ขี้อ่อยจริงๆ  :-[

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ไฟกวนประสาทอะ แต่เราก็ชอบนะน่ารักดี5555

ออฟไลน์ PingPong_Hunlay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รอนาน แต่จุใจสุดๆ ชอบไฟฟฟฟฟ :ling1:

ออฟไลน์ namaquaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
สมุทรทนได้ยังไง คุณไฟน่ารักแถมยังขี้เต๊าะขนาดนี้55555555 :-[ :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9
นานแค่ไหนก็จะรอ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
ไฟ..อ่อยแล้วอ่อยอีก..
สมุทรก็ไม่อ้อยตาม!!!

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
คุณไฟฟฟฟ ทำไมขี้อ่อยขนาดนี้
สมุทรก็คุณไฟขยันอ่อยขนาดนี้ก็ใจอ่อนเร็วๆนะ
อยากให้รักกันแล้ววว

เบบี้สู้ๆนะ
รอได้เสมออ :กอด1:

ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
จะมีเรื่องอีกแล้ววววว ดีๆนะ เอากังฟูไล่กัดมันเลย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ Youch06

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
อยากได้ใจเขาก็ต้องได้ใจคนรอบข้างเขาก่อนใช่ไหมคะคุณไฟ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เพิ่งเห็นว่ามีเพิ่มขึ้นอีก สองบทแน่ะ ฮ่าๆๆๆ  ป้าอ่านข้ามหรือยังไงเนี่ย



คุณย่าคะ ทำไม  คุณย่า ถึงวุ่นวาย เรื่องยายริศานี่จัง




เรื่องอยากให้หลานมีครอบครัวก็เข้าใจค่ะ




แต่กำหนดว่าต้องคู่คนนี้เท่านั้น มันน่ารำคาญมากกว่า



#ไม่ปลื้มคุณย่า #รักไฟสมุทร  #รักพายุ  #รักน้องเมฆ #รักธานพายุ

ออฟไลน์ tutu

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
 :กอด1: รออ่านได้อยู่แล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด