21:50 น. The Rest Bar, RATIO HOTEL"แล้วไหงมาร้านกูแบบที่กูไม่ต้องเชิญได้" ไอ้คินว่า มันนั่งลงขนาบข้างผมโดยไว
"เซ็ง ๆ" ผมตอบส่ง ๆ
"นี่กูชวนพี่ธานมาด้วย เห็นว่าอยู่แถว ๆ นี้พอดี" ผมบอก พนักงานรีบเข้ามารินเบียร์เพิ่มให้ผม
"เซ็งอะไรว้า ไหนดูกระหม่อมหน่อยซิ" ไอ้คินทำเสียงแซว มันไม่พูดเปล่า นำมือมากุมหัวผมทั้งสองมือแล้วกดหัวผมไปดูด้วย
"ไอ้เหี้ย" ผมด่าพร้อมกับปัดมือมันออก ไอ้คินหัวเราะ
"เออ ไอ้ไฟ..กูมีเรื่องจะบอกมึงอยู่พอดี" มันทำหน้าเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา ผมเหลือบเห็นพี่ธานเดินเข้ามาในร้านพอดีจึงโบกมือส่งสัญญาณให้
"ขออนุญาตครับ" พี่ธานยิ้ม ผงกหัวน้อย ๆ แล้วนั่งลง
"ดื่มอะไรสั่งเลยครับพี่ธาน" ไอ้คินบอก
"เรื่องอะไรวะ" ผมกลับมาเรื่องเดิมที่ไอ้คินเกริ่นไว้
"เห็นเขาลือกันว่าไอ้กริดจีบเด็กมึงอยู่เหรอวะ" ไอ้คินถามพร้อมยิ้มน้อย ๆ ด้วยสีหน้าเกรงใจที่จะเล่าจนผิดสังเกต
"ใครเด็กกู เดียร์น่ะเหรอ" ผมขมวดคิ้วสงสัย เพราะนึกออกอยู่แค่คนเดียวที่เห็นว่าไอ้กริดเล็งไว้อยู่
"ริศาต่างหากเล่า!" ไอ้คินกระแทกเสียงว่า ผมขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม
"ริศามาเกี่ยวอะไร" ผมว่า หันไปมองหน้าพี่ธานขำ ๆ
"กูจะไปรู้ไง..กูเห็นเขาลือกันว่ามันจ้องจะจีบริศาอยู่ อ่าว..นี่ตกลงมึงยังไงของมึงวะ ไม่รู้เรื่องเลย" ไอ้คินพูดแกมบ่น มันหยิบเครื่องดื่มของมันขึ้นดื่มบ้าง ผมกัดลิ้นตัวเองนิด ๆ อย่างใช้ความคิด
"ไม่รู้ว่ะ ไม่ได้สนใจ" ผมเบะปากตอบ หยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดูเพราะเห็นว่าหน้าจอมีไฟกะพริบเตือน
"แต่ว่า นี่มึงยังคั่วกับเดียร์อยู่อีกเหรอวะ" ไอ้คินทำหน้าอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
“อย่าใช้คำว่าคั่ว กูคน..ไม่ใช่พริก” ผมส่ายหัวหน่าย ๆ เพราะมันชอบดึงเรื่องยาวไปเรื่อยเปื่อย เมื่อมองลงไปที่โทรศัพท์มือถือผมกลับถึงกับผงะและรีบปลดล็อกหน้าจอในทันที ชื่อของคนที่บันทึกเอาไว้และไม่เคยแม้แต่จะส่งข้อความถึงกันปรากฏให้เห็นเต็มสองตา ผมไม่เคยคิดเลยด้วยว่าจะได้รับอะไรไม่ทันตั้งตัวจากอีกฝ่ายแบบนี้ จึงรีบกดเปิดข้อความที่ได้รับจากสมุทรขึ้นอ่าน ปลายสายส่งข้อความมาสั้น ๆ ได้ใจความว่า..
สมุทร: "ขอบคุณนะครับสำหรับวันนี้"
.. ผมอมยิ้มออกมาในทันทีอย่างควบคุมหน้าตัวเองไม่ได้ สายตาจ้องมองหน้าจออยู่อย่างนั้นแล้วอ่านประโยคสั้น ๆ นั่นซ้ำไปซ้ำมาอย่างกับประโยคแม่งยาวเป็นเรียงความอย่างนั้น
"ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรของมึง" ไอ้คินเสนอหน้าเข้ามาจะดู ผมรีบนำโทรศัพท์ออกห่างมันในทันที
"ฮันแน่~ ใครส่งอะไรมาเหรอครับคุณไฟ ทำเสือยิ้มยากกูยิ้มหน้าบานได้ขนาดนี้" ไอ้คินแซว มันอ้าปากซะกว้างเหมือนมีเรื่องสนุก ๆ ให้แซวพร้อมกับหันไปมองหน้าพี่ธานอย่างหาแนวร่วม พี่ธานอมยิ้มนิด ๆ
"ไอ้คนที่พูดบอกกูว่าเซ็ง ๆ เมื่อกี้นี้มันไปไหน คนเดียวกันเปล่าวะ สาด..เขิน ๆ" ไอ้คินเล่นไม่เลิก
"เขินเหี้ยไร พูดมากว่ะ" ผมว่า ดันหัวมันออกไปไกลเพราะเริ่มจะรำคาญมันแล้ว
"พี่ธานรู้ปะครับเนี่ยว่ามันจีบใครอยู่" ไอ้คินหันไปถาม
“แต่ถ้าพี่ไม่รู้ บนโลกนี้ก็ไม่มีใครรู้แล้วนะ” มันกระแทกเสียง ผมกับพี่ธานหัวเราะ
"ไม่ ๆ ๆ ไอ้เชี้ยนี่มันเคยจีบใครแล้วเคยยิ้มประหลาดแบบนี้ด้วยเหรอ" ไอ้คินเริ่มทำหน้าจับผิดชี้หน้าผมด้วย คราวนี้พี่ธานแสยะยิ้มกว้างจนน่าถีบจริง ๆ ผมกลอกตาไปอีกทางพร้อมกับเบนหน้าหนียิ้ม ๆ เช่นกัน
"ที่จริง..ผมก็พอจะรู้อยู่บ้างนะครับ ถ้าเดาไม่ผิด" พี่ธานตอบ
"ใครอะ!" ไอ้คินกระแทกเสียง ๆ หลงเลย
"ถ้าคุณไฟไม่อนุญาต ผมก็บอกไม่ได้หรอกครับ" พี่ธานพูด ผมเหล่ตากลับไปมองพี่ธานแล้วยักคิ้วให้ด้วยเพราะถึงพี่ธานพูดความจริงออกมา ผมก็ไม่รู้สึกอะไรอยู่แล้วละนะ อาจจะมีเขินบ้าง แต่แน่นอนว่าในความเขินของผมก็มีความสะใจในอารมณ์อยู่พอสมควร
"กูบอกให้เอาปะล่ะ" ผมพูด เข้าไปกอดคอไอ้คินมาใกล้ ไอ้คินพยักหน้าตอบแทบหลุด
"อีกฝ่ายน่ะ..” ผมเกริ่น
“เป็นคนที่ทำให้เป้ากูตุงแทบระเบิดได้ทั้งที่ไม่ต้องทำอะไรเลย มึงคิดว่าไง กูเจอคนที่โคตรเจ๋งไปเลยใช่ไหมล่ะ หึ..ดีใจกับกูล่ะสิ" ผมแสยะยิ้มเหี้ย ๆ ให้ พร้อมกับตีแก้มไอ้คินเบา ๆ อย่างหยอก ๆ
"กูละสงสารคน ๆ นั้นฉิบหายเลยว่ะเพื่อน" ไอ้คินพูดหน้านิ่งตายไปเลย
"หึ ๆ ๆ ๆ" ผมกับพี่ธานหลุดหัวเราะออกมาเพราะขำหน้าของมัน ดูท่ามันจะจริงจังน่าดู
"ผมว่าผมไม่อยากรู้จักแล้วล่ะ" ไอ้คินทำหน้าเอือม ๆ หันไปบอกพี่ธาน พี่เขายิ้มกว้างคล้ายเห็นด้วย ไอ้คินเป็นคนจมูกไว แต่จมูกไวน้อยกว่าไอ้โปรดไปหน่อย
"ห่าเอ๊ย พายุโทรมา" ผมบ่นเป็นนัยเพื่อให้ไอ้คินหุบปากสักเดี๋ยว เพราะปกติผมไม่ค่อยได้รับสายโทรเข้าจากน้องชายตัวดีเท่าไหร่หรอกนะครับ แสดงว่าคงเป็นเรื่องสำคัญน่าดู
"ว่า.." ผมกดรับ
"พรุ่งนี้วันอะไร" พายุถามเสียงเข้มจัดมาเลย
"วันที่สาม หวยไม่ออกนี่" ผมกวนตอบ
"เฮีย!" ปลายสายกระแทกเสียง ผมหัวเราะเบา ๆ
"ไหนเฮียบอกว่าพรุ่งนี้จะไปทำบุญด้วยกันไง แล้วนี่ยังไม่ถึงบ้านอีก" มันเริ่มบ่น
"เออน่า กูจำได้"
"แล้วนี่อยู่ไหน" พายุทำเสียงจับผิด
"ร้านไอ้คิน" ผมตอบ
".........." ทีนี้ทำเอาพายุเงียบไปสนิทเลย
"กำลังจะกลับแล้ว เข้านอนไปเหอะน่า..กูถึงบ้านก่อนห้าทุ่มแน่นอน" ผมรับปากมันเพราะไม่อย่างนั้นคงโดนงอนเป็นแน่
"เร็ว ๆ ล่ะ แต่ขับรถไม่ต้องเร็วมากก็ได้" มันพูดอย่างยอมความ
"เออ" ผมตอบและชิงตัดสายก่อนเลย
"แม่กูโทรตามละ กลับก่อน" ผมตัดบทแล้วหยิบน้ำเปล่ามาดื่มจนหมดแก้ว
"อ่าว อะไรวะ" ไอ้คินบ่นหน้างอ
"มันบอกให้กูกลับบ้านเร็ว ๆ แต่ขับรถไม่ต้องเร็ว ตกลงมันจะให้กูกลับเร็วหรือไม่เร็ว" ผมบ่น
"หึ ๆ" ไอ้คินหัวเราะ พี่ธานรีบลุกตาม
"พรุ่งนี้กูต้องไปทำบุญให้พ่อกูที่เขาใหญ่ รับปากมันไว้แล้ว..เอาไว้เจอกันมึง" ผมบอก
“อ่าวเหรอ” ไอ้คินพยักหน้าเข้าใจ อยู่ ๆ มันก็เปิดกระเป๋าสตางค์ หยิบเงินออกมายื่นให้ผมปึกหนึ่ง น่าจะประมาณห้าพันเห็นจะได้
“อะไร..ไม่เอา” ผมว่าพร้อมปัดมือมันออก
“จิ..เอาไปเหอะน่า ฝากทำบุญหน่อย” มันขมวดคิ้ว นำเงินมายัดใส่มือผมกึ่งบังคับ ผมยิ้มน้อย ๆ ไอ้นี่มันใจดีผิดกับผม ขนาดผมแกล้งมันไว้เยอะตั้งแต่ที่ได้รู้จักกัน ไม่ว่าจะเรื่องไถเงินมันหรือเรื่องอื่น ๆ ที่ทำให้มันขายหน้า มันก็ยังคงเป็นคนนิสัยแบบนี้อยู่เหมือนเดิม
"ค่าเหล้าไม่ต้องจ่าย ห่า..ดื่มไปได้ไม่กี่อึก" มันดักคอผม ผมกับพี่ธานหัวเราะ เราร่ำลาและแยกย้ายกันออกจากร้านมา
- - - - - - - - - - - - - - -
12:30 น. เขาใหญ่วันนี้ผมเดินทางมาทำบุญที่วัดหลวงลุงโดยออกจากบ้านตั้งแต่ตีสี่ เดินทางมากับพายุแค่สองคนและพากังฟูมาด้วย ปกติเวลามาทำบุญกับพายุเราก็จะมากันแค่สองคนแบบนี้อยู่แล้ว ลูกน้องทุกคนจะทราบดี ครั้งนี้ผมเป็นคนขับ พี่ธานเป็นคนเดียวที่ทราบดีกว่าใครว่าผมจะไปที่ไหนบ้าง ทุก ๆ ปีไม่ผมหรือพายุก็มักจะหายตัวกันไปในวันนี้เป็นประจำ อันที่จริงก็ไม่เชิงว่าหายตัวไปโดยขาดการติดต่อแต่แค่อยากมาอย่างสงบ ๆ ก็เท่านั้น
ผมสั่งงานว่าถ้าวันนี้พี่ธานไปไหนให้พาสมุทรไปกับพี่เขาด้วย คิดว่าวันนี้น่าจะเป็นโอกาสดีที่พี่ธานจะได้สอนสมุทรขับบิ๊กไบท์อย่างจริงจัง ส่วนไอ้เข้มยังคงต้องไปตามสืบเรื่องต่อเพราะยังจับมือใครดมไม่ได้ว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ตลาดนั้นตัวการจริงมาจากใคร ไอ้หินมีเรียน ไอ้รุ่งมีฝึกมวย ส่วนไอ้เด่นผมให้ออกไปช่วยไอ้เข้มในวันนี้ ขณะเดียวกันก็ให้มันสองคนเลยไปดูความคืบหน้าของการซ่อมแซมที่ค่ายมวยศรไกรด้วย
พายุกับผมมาถึงวันตั้งแต่เช้ามืด ถนนโล่งจึงทำให้ขับรถได้สะดวกสบายบวกกับที่ผมขับรถค่อนข้างเร็ว ส่วนพายุตอนแรกก็ชวนผมคุยอยู่ดี ๆ ครู่เดียวมันก็หลับไปจนถึงวัด วันนี้ป้าอิ่ม แม่บ้านคนอื่น ๆ รวมไปถึงพายุตื่นตั้งแต่ตีสามกว่า ๆ เพื่อลุกขึ้นมาทำอาหารที่จะนำมาถวายพระ เมื่อถึงวันแล้วผมกับพายุก็นำอาหารไปตั้งโต๊ะเตรียมไว้ในที่เดียวกับคนอื่น ๆ ในโรงครัว ระหว่างรอพระเข้าศาลาญาติโยมที่มากันแต่เช้าจึงมานั่งสมาธิรอ พายุนั่งสมาธิตัวแทบไม่กระดิกอีกตามเคย มันนั่งนิ่งมากในเวลาเกือบ ๆ สองชั่วโมงจนผมยอมใจ ระหว่างนั่งสมาธิลุกไปเข้าห้องน้ำถึงสองครั้งเพราะเป็นคนดื่มน้ำเยอะและเนื่องจากอยู่ในป่าอากาศเลยค่อนข้างเย็น เสียงนกเสียงไก่ดังเป็นระยะ ๆ เสียงซึ่งบ่งบอกถึงชีวิตที่สุขสงบในแบบที่ผมแทบไม่ได้ยินมานานมากแล้ว
หลวงลุงเห็นผมและพายุแล้วตั้งแต่ที่ท่านมาถึงศาลา หลวงลุงเพียงแต่มองมาทางเราช่วงสบตาและผมคิดว่าท่านคงทราบด้วยดีว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของเราสองพี่น้อง เสร็จจากพระให้ธรรมะและญาติโยมนั่งสมาธิระหว่างฟังธรรมไปประมาณเกือบ ๆ สี่สิบนาทีก็ถวายสังฆทาน ผมกับพายุนำของที่ซื้อเตรียมไว้ทั้งส่วนของมันและของผมไปถวายพร้อม ๆ กัน นำเงินก้อนหนึ่งซึ่งร่วมจากส่วนของผม พายุ พี่ธานและไอ้คินรวบรวมอยู่ในซองเดียวนำไปให้กับไวยาวัจกร
เสร็จจากนั้นพายุก็เข้าไปถือบาตรให้กับหลวงลุงเพื่อเดินไปตักอาหาร ผมไม่ใช่คนดีถึงขนาดเข้าใกล้พระได้อย่างสนิทใจจึงเลือกที่จะนั่งมองอยู่ห่าง ๆ ดีกว่า ความเงียบทำให้อดีตย้อนกลับมาหาผมอีกครั้ง ระหว่างที่รอพระเข้าไปฉันอาหาร ผมกับพายุออกมานั่งรอที่ด้านนอกศาลา พายุเข้าไปตักขนมหวานมากิน มันคงหิวนั่นแหละครับเพราะตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย ส่วนผมยังไม่รู้สึกอยากจึงกินโยเกิร์ตไปสองถ้วยอย่างลวก ๆ เพื่อไม่ให้ท้องว่างจนเกินไป หลังจากที่หลวงลุงฉันอาหารเสร็จ เราสองคนก็เข้าไปกราบท่านรวมถึงท่านเจ้าอาวาสด้วย สนทนากันอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงพวกผมก็ขอตัวกลับออกมา ท่านจะได้ทำกิจของสงฆ์ไป
"อากาศโคตรดีเลย" ผมลงจากรถมาได้จึงถอดแจ็คเก็ตที่ใส่อยู่ออก ตอนนี้เรามาอยู่ที่ตลาดในชุมชนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเพื่อเจาะจงมาที่ร้านข้าวต้มกุ๊ยเจ้าประจำของครอบครัวเราที่ตั้งอยู่ที่นี่ เวลาที่พวกเรามาที่เขาใหญ่ เราก็มักจะแวะเวียนมากินเสมอ ๆ รสชาติข้าวต้มกุ๊ยเหมือนกับรสชาติฝีมือของแม่พายุไม่มีผิดเพี้ยนเลย
"กังฟูลงมา" พายุเปิดประตูรถให้ลูกรักของมัน กังฟูดูจะตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้ออกมาเที่ยวทางไกลแบบนี้ ปกติถ้าพายุหรือผมไม่ว่างก็ไม่ค่อยมีใครได้เล่นกับมันหรอกครับ เพราะทุกคนกลัวมันกันหมดนั่นแหละ
"หิวววว!" พายุร้องบ่นทั้งที่เมื่อสองชั่วโมงก่อนมันเพิ่งจะกินไปหยก ๆ
"มาเร็ว" ผมเรียกมันทั้งสองตัว พายุจับสายจูงให้กังฟูเดินตามมา
"เฮ้ย เฮีย!" พายุอุทาน น้ำเสียงมันทำให้ผมหันไปด้วยความตกใจ
"อะไร" ผมขมวดคิ้ว
"ย่า..มา ได้ไงวะ" พายุพูดตะกุกตะกัก มันตาโตชี้มือไปอีกทาง ผมเสียวสันหลังวาบ หันไปมองก็เห็นย่าเต็มสองลูกตาตนเองจริง ๆ
"พายุ!" ย่าหันขวับมาอย่างกับมีเรดาร์ ผมทำท่าจะก้าวขาหนีแต่ก็ไม่ทันแล้ว หางตาเห็นย่าเดินจ้ำอ้าวเข้ามาเลย
"เจ้าไฟ แกหยุดเลยนะ!" ย่าเรียกเสียงดังจนชาวบ้านที่อยู่ละแวกนี้หันมามอง
"โฮ่ง!" กังฟูเห่าใส่ ย่าผงะและชะลอฝีเท้าลงอย่างกับมีใครไปกดปิดสวิตช์
"หนูริศาล่ะ ไปตามหนูริศามาซิ" ย่าหันตัวไปสั่งคนติดตามที่พามาด้วย ผมกับพายุมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ครู่เดียวริศาก็เดินมา เธอยิ้มกว้างทันทีที่เห็นหน้าผม
"นี่แกเพิ่งออกมาจากวัดกันรึ งั้นกลับไปด้วยกันก่อนสิ..ย่ากำลังจะไป" ย่ายิ้มอย่างดีใจ
"สวัสดีค่ะไฟ" ริศายิ้มทัก
"สวัสดีค่ะน้องพายุ" เธอหันไปทักทายพายุด้วย
"สวัสดีครับ" พายุผงกหัวทักทายกลับ
"ตกลงยังไง.." ย่าพูดเร่ง
"ผมเพิ่งออกมาจากวัดครับย่า แล้วทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย" ผมพูดบอก คิดว่าย่าคงรู้อยู่แล้วเป็นแน่ว่าวันนี้พายุและผมจะต้องมาที่วัดของหลวงลุงเพื่อมาทำบุญให้กับพ่อ และผมไม่คิดด้วยว่าพี่ธานหรือพายุจะเป็นคนบอกย่าในเรื่องนี้ ยิ่งพี่ธานยิ่งไม่มีทางไปกันใหญ่ นอกจากพ่อที่เสียไปแล้วก็ไม่มีใครสามารถปริปากพี่ธานได้นอกจากผม
"นี่มันจะบ่ายโมงแล้วนะครับ พระฉันมื้อเดียวนะครับย่าและก็เสร็จเรียบร้อยไปแล้วด้วย" พายุว่าให้ ย่าหน้าสลดไปนิดหน่อยเหมือนเถียงไม่ออก
"งั้น..เดี๋ยวย่าไปกับคนของย่าแล้วกัน แกสองคนจะกลับแล้วใช่ไหมล่ะ ฝากหนูริศากลับไปด้วยเลยสิ" ย่ายิ้มออกมาได้อีกครั้ง ผมเหลือบมองพายุเพื่อขอให้มันช่วย พายุกระดุกสายจูงอย่างแผ่วเบาทำให้ลูกรักของมันเริ่มขู่รำคามในลำคอตามที่ผมต้องการ
"........." ริศาเงียบไปดื้อ ๆ เธอมองต่ำลงไปที่กังฟูและสีหน้าเธอดูหวาดกลัวในทันที
"คงไม่ได้หรอกครับ ขอโทษด้วยนะครับพี่ริศา กังฟูต้องนั่งเบาะหลังน่ะ..ตัวมันใหญ่" พายุพูด
"แล้วริศาไม่ได้ตั้งใจจะมาทำบุญอยู่แล้วหรอกเหรอครับ" ผมแกล้งถามต้อนไปอย่างนั้น ริศากับย่ามองหน้ากันก่อนที่ย่าจะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"ค่ะ ก็..ตั้งใจจะมาอยู่แล้วน่ะค่ะ" ริศาอมยิ้มตอบอย่างเสียไม่ได้
"งั้นผมกับพายุขอตัวนะครับย่า เดี๋ยวต้องรีบกลับบ้าน" ผมตัดบทโต้ง ๆ ย่าทำหน้าไม่พอใจ
"นี่ตกลง แกสองคนจะไม่ไปวัดกับย่าก่อนเรอะ!" ย่าว่าเสียงหลง หลุดความเป็นตัวเองออกมาอีกแล้ว ช่างเป็นคุณย่าที่เอาแต่ใจจริง ๆ
"ย่าอยากให้ยุกลับไปกับเฮียแล้วย่าถูกหลวงลุงดุเอาไหมล่ะครับ" พายุตอบย่ามันด้วยความฉลาดของมันที่มักจะใช้ได้ผลสำหรับย่าเสมอ
"........." ย่ากัดฟันแน่น ริศามองตามผมตลอดเวลาแต่ผมไม่ค่อยหันไปมองเธอ ผมยกมือไหว้ลาย่าและฉีกยิ้มให้ริศาเล็กน้อยก่อนเดินหนีออกมาเลย
"ย่าโทรไปถามอาม้าแน่ ๆ เลยเฮีย" พายุวิเคราะห์ มันเดินตามหลังผมมา ผมหัวเราะน้อย ๆ
"ดูย่าเขาเอาจริงนะ เรื่องพี่ริศา" มันพูด ผมยิ้มมุมปากน้อย ๆ เพราะก็จริงอย่างที่พายุว่า แค่ดูเพียงนิดเดียวก็อ่านเกมของย่าออกหมดดุ้นแล้วละ
"ถ้ากูไม่เอาซะอย่าง กูก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าย่าจะทำอะไรกูได้" ผมพูด คิดให้เป็นเรื่องสนุกไป
ร้านแปะยิ้ม ข้าวต้มกุ๊ย"หวัดดีฮะแปะ!" พายุส่งเสียงทักทายอย่างดีใจที่ไม่ได้เจออาแปะเจ้าของร้านมานาน
"หวัดดีครับ" ผมยกมือไหว้แก
"อ่าว อาไฟ..อาพายุ!" อาแปะยิ้มกว้างด้วยสีหน้าดีใจเช่นกัน เมียแกและคนงานที่ร้านของอาแปะยิ้มกว้างทักทายพวกเราอย่างสนิทสนมคนลูกค้าในร้านหันมามอง
"ไปยังไงมายังไงกันล่ะ อ๋อ..นี่ใช่วันครบรอบของเตี่ยลื้อรึเปล่า" อาแปะทัก ความจำยังคงดีไม่เปลี่ยน อีกทั้งสุขภาพร่างกายก็แข็งแรงมากอีกด้วย ถ้าพ่อผมแข็งแรงได้อย่างอาแปะแกสักนิดก็คงดี
"ครับ..ยุกับเฮียเพิ่งกลับจากวันมาน่ะครับ" พายุยิ้มตอบ
"ผมขอนั่งข้างนอกนะครับแปะ" พายุชี้ไปที่โต๊ะที่ตั้งอยู่นอกร้านที่เหลือเพียงหนึ่งโต๊ะ คงเพราะไม่อยากปล่อยทิ้งกังฟูไว้หน้าร้านคนเดียว
"ได้ ๆ" อาแปะพยักหน้า กวักมือให้ผมยกใหญ่
"นั่งก่อน ๆ" เมียอาแปะรีบเข้ามาจัดโต๊ะให้เราสองคนพี่น้อง ผมผงกหัวขอบคุณน้อย ๆ ก่อนนั่งลง
"เอาอะไรสั่งได้เลยนะ อาหลิน..ไปรับออเดอร์ซิ" อาแปะสั่งเสียงดังลั่น ผมยื่นเมนูอาหารไปให้พายุ ก่อนมองสำรวจไปรอบ ๆ ร้าน ที่นี่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ห้องแถวไม้สองชั้นไม่รู้กี่สิบปีมาแล้ว ยังคงเป็นประตูบานพับแบบสมัยก่อน โต๊ะไม้รูปวงกลมสไตล์จีน บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง ลูกค้ายังคงเต็มร้านทั้งที่เกือบจะบ่ายโมงเข้าไปเต็มแก่แล้ว เสียงเอะอะของทั้งอาแปะและเมียแกที่พูดคุยกับลูกค้าทุกคนอย่างสนิทสนมเป็นกันเอง คนงานในร้านยังคงเสียงดังพูดข้ามหัวลูกค้าโต๊ะต่อโต๊ะ แต่ทุกโต๊ะกลับมีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม
"เอาข้าวต้มกี่ถ้วยอะเฮีย" พายุถามตาไม่มองผมเพราะมัวแต่มองเมนู
"สามถ้วยครับ" ผมสั่งคนมารับออเดอร์ สั่งไปแค่สามถ้วยพอเพราะร้านอาแปะแกให้ข้าวต้มถ้วยเบ้อเริ่ม
"เอาผักหวานไฟแดง คะน้าหมูกรอบ" ผมสั่งก่อน นึกอยากกินอยู่พอดี หมูกรอบร้านของอาแปะอร่อยจนน้ำตาแทบไหลเลยละ
"เป็ดพะโล้" ผมพูดอีก
"โห่ รอด้วยสิ!" พายุเงยหน้าว่าผมเสียงหลง ผมยิ้ม
"มึงอยากสั่งอะไรมึงก็สั่งไปสิ ห่า" ผมบ่น เสือกสั่งช้าเองแล้วมาโวยวาย
"เอายำปลาสลิด ใส่ไข่เค็มด้วยได้ไหมครับ" พายุเงยหน้าถาม
"ได้จ้ะ" เธอหัวเราะน้อย ๆ
"ปลาสลิดก็เค็ม ไข่เค็มก็เค็ม" ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจมัน
"ขาไก่น้ำแดง" พายุสั่ง
"เอา..ยำผักกาดดองด้วยครับ" ผมสั่งต่อ
"พอยัง" ผมถามพายุ
"พอตั้งแต่ขาไก่น้ำแดงแล้วมั้ง" มันประชดใส่ผมจนคนรับออเดอร์หัวเราะ
"เท่านี้ครับ" ผมบอกเธอ เธออ่านไล่รายการอาหารย้ำให้ฟังอีกครั้งก่อนเดินไปสั่งอาหารกับอาแปะ กุ๊กฝีมือดีเสมอต้นเสมอปลายประจำร้านนี้ ซึ่งผมจัดให้เป็นร้านในตำนานของครอบครัวผมเลยนะครับ
"กังฟูหิวไหม" พายุก้มตัวลงขยี้หัวถามกังฟูที่นอนอยู่ข้าง ๆ มัน กังฟูเงยหน้ามองเรา
"กินขาเฮียไฟรองท้องก่อนก็ได้นะ" พายุยิ้ม ผมยิ้มไม่ว่าอะไร รู้อยู่แล้วว่ามันกวนตีน
"สั่งเป็ดพะโล้ให้กังฟูกินได้ไหมเฮีย แต่ก็..เกรงใจแปะ" พายุบ่นพึมพำด้วยสีหน้าคิดหนัก
"เป็ดตายอีกเป็นฟาร์มกูก็จ่ายให้มึงได้ แต่มึงจะเอาเป็ดพะโล้มาให้หมากินเนี่ยนะ ไอ้เหี้ย..มึงช่วยสำรวจดูก่อนว่าในร้านตอนนี้นี่รวมกันแล้วกี่ตีน" ผมว่าขำ ๆ จนพายุหลุดหัวเราะชอบใจ
"แล้วมึงจะไม่ได้มาเหยียบร้านแปะอีกเลยนะ" ผมพูดไปหัวเราะไป
"เฮียอะ" พายุบ่นยิ้มเขิน ๆ
"ทนก่อนนะกังฟู เดี๋ยวซื้อเป็ดกลับไปให้กินที่บ้าน เอาแต่เนื้อเนอะ..เนื้ออร่อย" พายุก้มลงกระซิบบอก กังฟูเงยหน้ามองหงอย ๆ สงสัยกลิ่นอาหารในตอนนี้คงโชยเตะจมูกของมันน่าดู ผมเหลือบมองไปรอบ ๆ ตัวเองขณะที่นั่งอยู่
"แล้ว..พี่สมุทรฝีมือเป็นไง" พายุถาม สีหน้าสนใจขึ้นมา ผมอมยิ้มไม่ตอบ เป็นรอยยิ้มให้มันเดาคำตอบเอาเอง
"เฮียชอบกวน" มันบ่น ผมหัวเราะน้อย ๆ หยิบน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้ว
“อ้า~” ผมส่งเสียงด้วยความสะใจ น้ำที่ดื่มเข้าไปทำให้รู้สึกชุ่มคอ พายุส่ายหัวน้อย ๆ พร้อมถอนหายใจ มันเท้าแขนลงบนโต๊ะพร้อมกับหยิบแก้วน้ำของตัวเองขึ้นจิบบ้าง
".........." เราจบบทสนทนาลงดื้อ ๆ ผมกับพายุนั่งหันหน้าเข้าหากัน มันมองตาผมไม่พูดอะไร ผมจึงอมยิ้มมุมปากให้ ท่ามกลางความเงียบที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน มือของผมหมุนโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะเล่นไปพลางเพื่อรอคำพูดจากน้องชาย พายุหันหน้าออกไปทางขวามือ ผมอมยิ้มในใจกับปฏิกิริยาจากประสาทสัมผัสที่ไวมากของพายุ ไวมากกว่าลูกน้องของผมทุก ๆ คน ไม่เว้นแม้แต่พี่ธาน
"ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เหมือนมีคนตามเรา..อยู่เลยนะ" พายุพูดเว้นวรรคเหมือนไม่แน่ใจแต่น้ำเสียงยังคงปกติ ผมฉีกยิ้มในทันทีที่ได้ยินคำพูดที่แอบคิดไว้ในใจอยู่ได้สักพักหนึ่งแล้ว ซึ่งตอนแรกผมกะปล่อยผ่านไปเพราะคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองก็ได้เนื่องจากไม่มีสิ่งผิดสังเกตเกินควร แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พายุพูดออกมาแบบนี้คล้ายกับเป็นสิ่งรับรองความจริง เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ผมเชื่อในประสาทสัมผัสของมันน่ะนะ
"ตามมาถึงนี่ได้ สงสัยเราคงถูกให้ความสำคัญน่าดู..รู้สึกพิเศษจัง” ผมชมอย่างรู้สึกชอบใจ
“เอาซะต่อมเสียวกูเต้นตุบ ๆ เลย" ผมแสยะปากยิ้ม ๆ
............ไฟ...........
จากผู้เขียน: เนื่องจากช่วงนี้มีปัญหาเกิดขึ้นกับเบบี้มากมาย เบบี้อาจมาต่อไม่ได้สักระยะหนึ่งนะคะ(แต่คงไม่นานมากขนาดที่หายไปเลย) ก่อนหน้านี้ที่ได้ลงให้นั้น คือวันที่ 25 มีนาคม นี่ก็ผ่านมาร่วม ๆ สามอาทิตย์ได้ หลังจากลงตอนล่าสุดคือตอนที่ 20 นี้ ที่มาลงให้ก่อนเพราะตอนต่อเนื่องจากตอนที่ 19 ซึ่งทางเบบี้เองยังไม่สามารถรับปากได้ว่าตอนต่อไปจะสะดวกมาต่อได้คือเมื่อไหร่ ถ้าสามารถเคลียร์สิ่งต่าง ๆ และหาเวลามาลงให้ได้ก็จะรีบมาลงให้ทันทีค่ะ
ขอบคุณค่ะ
เบบี้