The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 446104 ครั้ง)

ออฟไลน์ www.maxdevil

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
คิดถึงจะแย่แล้วววววว

ออฟไลน์ MyMine104

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ยังรอคุณไฟอยู่นะคะ :m15:

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
มารอค่ะ คิดถึง คุณไฟกับสมุทร  :ling2:  :oo1:

ออฟไลน์ taltal020441

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ spsygk

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
โอ้ยย ฮาาาา. คู่แข่งมาแล้ว

ออฟไลน์ Fenfen2537

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชั้นนกำลังขอร้อง อ้อนวอนได้โปรดอัพพ~~~
 o18 o18 o18

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
รอด้วยคนค่า :t3: :t3: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3

ออฟไลน์ J029

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
พึ่งได้เข้ามาอ่าน ชอบๆๆๆๆๆๆ ชอบหนูเมฆ น้องน่ารัก ฮืออออ อยากให้น้องมีบทเยอะๆ ขำเวลาคุณไฟอยู่กับลูกน้อง อย่างกับเปิดคณะตลก555555555

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1034
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0

ออฟไลน์ tempo_oil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
สนุกมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ เรารออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0

ออฟไลน์ JaaJaaJaaJaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
 :o12: :o12: :o12: :o12:พี่มารอไฟสมุทรที่ท่าน้ำทุกวันเลยยยยยยยย :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1034
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
คิดถึงสมุทร

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
รอจนกว่าจะมา :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ตอนที่ 22
..ไฟ..




"เข้าไปในบ้านก่อนสิหยา" ยายของสมุทรบอกเธอ  ตอนนี้สมาธิของผมไปจับจ่ออยู่กับการมาและการไปของแต่ละคนที่ด้านนอก  สายตาเหลือบไปมอง  เมื่อประตูมุ้งลวดเปิดออกผู้หญิงที่ชื่อหยาก็เดินเข้ามา  เธอชะงักมองหน้าผมด้วยความตกใจที่พบว่ามีคนแปลกหน้าร่วมอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย

"หวัดดีฮะ" เมฆยกมือไหว้เธอ  ท่าทีดูคุ้นเคย

"สวัสดีจ้ะ" หยายิ้มรับ  เธอผงกหัวยิ้ม ๆ ทักทายผม  ผมเพียงผงกหัวตอบเล็กน้อย  พร้อมด้วยสายตาที่เมินเฉยเพราะไม่ต้องการทำความรู้จักกันเป็นพิเศษ  ขณะเดียวกันสมุทรก็กลับเข้ามาในบ้านพร้อมกับผู้ชายที่ชื่อสูง

"คุณไฟครับ..นี่พี่สูงครับ เป็นลูกของลุงเสือ" เจ้าตัวแนะนำ  สูงหยุดยืนมองผมด้วยท่าทีนอบน้อม

"สวัสดีครับ" ผมลุกขึ้นและกล่าวทักกลับพอเป็นพิธี 

"สวัสดีครับ" สูงผงกหัวยิ้มกว้าง  เขาก้มหัวไว้เล็กน้อยคล้ายกับเกรงใจอะไรอยู่สักอย่าง 

"เอ่อ นี่หยาครับ หยา..นี่คุณไฟ เจ้านายผมเอง" สมุทรบอก

"สวัสดีค่ะ" เธอยกมือไหว้ทักทายอีกครั้ง  ผมผงกหัวน้อย ๆ เท่านั้น  สถานการณ์ดูเกร็ง ๆ ไปกับบรรยากาศการแนะนำตัวที่ไม่เป็นปกติธรรมชาติ

"เรามีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ" หยาหันไปพูดบอกสมุทร

"ได้สิ..งั้นเดี๋ยวขึ้นไปคุยกันข้างบนก็ได้" สมุทรยิ้มนิด ๆ  เจ้าตัวดูเกรงใจที่จะพูดคุยตรงนี้เพราะมีผมอยู่ด้วยเป็นแน่ 

"ขอตัวก่อนนะคะ" เธอหันมาบอกเราทุกคน 

"ตามสบายเลย" สูงตอบรับ  สังเกตได้จากสายตาแล้วทั้งหยาและสูงน่าจะรู้จักกันมาพอสมควร  ผมมองสมุทรที่เดินขึ้นไปบนบ้านพร้อมกับเธอ  เมื่อทั้งคู่หายตัวไปแล้วบ้านจึงกลับมาเงียบลงอีกครั้ง 

"เอ่อ..ขอบคุณนะครับที่ช่วยเหลือค่ายของเราไว้" จู่ ๆ คนตรงหน้าก็พูดขึ้น  ผมหันไปมองหน้าเขาในทันที  ด้วยความแปลกใจ ไม่คิดว่าสมุทรจะบอกเรื่องนี้กับใครด้วย  ทั้งที่ผมกำชับแล้วว่าห้ามเขาปริปาก  ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งอย่างไม่คิดจะตอบรับใด ๆ
 
"ผมเป็นคนเค้นสมุทรเองน่ะครับว่าไปเอาเงินมาจากไหน เกรงว่าเขาจะไปเอามาจากที่ ๆ ไม่ดี"

“หึ..ผมก็ไม่ใช่ที่ ๆ ดีนักหรอก” ผมอมยิ้มมุมปากตอบห้วน ๆ จึงทำให้อีกฝ่ายชะงักไปครู่

“ขอโทษครับ อาจทำให้คุณไม่พอใจ แต่ผมอยากขอบคุณจากใจจริง ๆ” เขาย้ำบอกด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม  ผมกวาดตามองอีกฝ่ายหัวจรดเท้าและยังคงนิ่งเฉยไปด้วยความเงียบ   

"ไม่เป็นไร..” ผมเอ่ย  สูงเงยหน้าขึ้นสบตาผมทันที

“ผมเองก็ดึงนักมวยค่ายคุณมาแบบไม่ชอบธรรมด้วยเหมือนกัน" ผมพูด  เขาตัวสูงเท่า ๆ กันกับผม  รูปร่างท่าทางแล้วไม่ใช่คนที่ดูไม่เอาไหนอะไร

"เจ้าตัวเป็นคนมีฝีมือ" ผมเอ่ย

"ครับ..มีฝีมือเกินไปที่จะอยู่ค่ายอย่างผม" สูงยิ้มเจื่อนด้วยใบหน้าปนเศร้า  ผมนิ่งมองและไม่ปฏิเสธ

"ถ้าผมมีเมื่อไหร่ จะรีบใช้คืนในทันทีเลยครับ" เขาบอก  ผมไม่ตอบกลับในทันทีเพราะกำลังใช้ความคิดว่าควรพูดสิ่งใดในสถานการณ์เช่นนี้  ผมไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ  เวลาที่เห็นใครตรงหน้ากระทำการใดที่แสดงออกว่าเราควรเชื่อใจ  ใจผมมักสะดุดนิ่งและแบ่งเผื่อไว้ 50/50 เสมอ

"ก็ดี.." ผมตอบรับห้วน ๆ ได้เท่านี้  ไม่ใช่ว่าต้องการเงินคืน  ผมตั้งใจอยู่แล้วว่านี่จะเป็นการให้แบบให้เปล่า  นั่นหมายถึงว่าผมไม่คาดหวังที่จะได้คืนจากสมุทร  แต่การตอบรับเช่นนี้ก็เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาจะได้เงินง่าย ๆ จากผมไปเสมอ  แน่นอนว่าผมไม่ไว้ใจคนตรงหน้า  ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นอย่างไร  เขาจริงใจต่อสมุทรแค่ไหน ?  สมุทรมีมุมที่โง่บรมมากกว่าที่เห็นหรือเปล่า ?  ดังนั้น การให้เงินไปโดยง่ายในครั้งนี้อาจเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก็ได้

"เดี๋ยวยังไง ผมขอตัวก่อนนะครับ..ต้องไปดูแลที่ค่ายต่อ" สูงยิ้มบอก  ผมพยักหน้ารับ 

"ไปแล้วนะเมฆ"

"หวัดดีฮะ" เมฆรีบยกมือไหว้  สูงหันมาผงกหัวให้ผมอีกครั้งยิ้ม ๆ ก่อนออกจากบ้านไป  เสียงร่ำลายายที่นั่งอยู่ทางด้านนอก  ผมได้แต่เท้าเอว  ตามองไปทางบันไดบ้าน  ด้านบนบ้านเงียบมากจนผมไม่ได้ยินอะไร  แค่อดสงสัยไม่ได้ว่ามันเป็นเรื่องจำเป็นถึงขนาดต้องพากันไปคุยบนบ้านเลยงั้นหรือ  มองแป๊บเดียวก็วิเคราะห์ฉากหลังได้อย่างไม่ยากเลยว่า  สองคนนี้ได้เสียกันแล้วอย่างแน่นอน 

"นี่.. มืดมน" ผมนั่งลงอีกครั้ง  เมฆหันมามอง

“ตกลงชอบชื่อนี้งั้นเหรอ ?” ผมเลิกคิ้วถามด้วยอดกวนไม่ได้  เมฆส่ายหัวหน้ามุ่ยทำเอาผมหัวเราะขึ้นจมูกได้นิดหน่อย 

"พี่ชายนายน่ะ เขาพาผู้หญิงมาบ้านบ่อยไหม" ผมถาม  คนฟังเงียบไปครู่และจ้องหน้าผมเขม็งเหมือนไม่ค่อยเข้าใจ  ผมสูดหายใจเข้าลึกยาวเพื่อคิดประโยคที่ให้เด็กฟังแล้วเข้าใจง่ายที่สุด  คุยกับเด็กนี่มันเลือกใช้คำยากจริง ๆ นะครับ

"ฉันหมายถึง ผู้หญิงน่ะ ? นอกจากพี่หยาของพี่ชายนายแล้ว..เขาเคยพา คนอื่น มาบ้าน อีกไหม" ผมอธิบายเน้นเป็นคำ ๆ  เมฆนั่งนึก  ซึ่งเป็นการนึกที่ค่อนข้างยาวนานมากจนผมชักเริ่มมีอารมณ์

“ตอบเร็ว ๆ สิวะ” ผมเร่ง

"..ไม่เคย" เมฆส่ายหัวตอบ

“ไม่เคย ‘ครับ’ สิ!” ผมขมวดคิ้วเตือน  อีกฝ่ายเหสายตาลง

“..ครับ” มันเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงค่อยเบาลงไปในลำคอ  ก่อนจะตั้งใจทำการบ้านต่อ  ผมเอนหลังพิงเก้าอี้  ไอ้ที่บอกว่าไม่เคยน่าจะวิเคราะห์ออกไปได้หลายประเด็น  “หนึ่ง”..สองคนนี้รักกันมาก  “สอง”..ให้เกียรติและเป็นห่วงครอบครัวจึงไม่ค่อยพาสาวมาบ้าน  แต่กรณีพาออกไปนอกบ้านอันนี้มองไม่เห็นจึงถือว่าไม่นับอยู่ในกรณี  “สาม”..ไม่นอกลู่นอกทางเรื่องใต้สะดือ  หรืออาจมีความหมายอื่น ๆ อีกแต่ไม่ขอวิเคราะห์ต่อแล้วกัน

เวลาผ่านไปเกือบ ๆ ครึ่งชั่วโมงที่ตั้งแต่สมุทรและหยาขึ้นไปบนบ้าน  ผมเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้  ไม่ใช่เพราะสงสัยว่าสองคนนั้นขึ้นไปบนบ้านทำไม  แต่รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ผิดที่ผิดเวลา  เจ้าของบ้านที่เป็นลูกน้องของผมที่ดูไม่ค่อยสนใจผมนัก  หากเป็นลูกน้องคนอื่นไม่มีทางกล้าปล่อยผมทิ้งไว้แบบนี้แน่  ระหว่างที่นั่งอยู่มีคำถามผุดขึ้นมาตลอดว่า "ควรนั่งอยู่ต่อ" หรือ "กลับออกไปดี" คิดไปคิดมาแบบที่หาจุดจบและคำตอบไม่ได้  เวลาได้ล่วงเลยมาทีละนิด  ถ้าผมยังเลือกที่จะอยู่ต่อจนถึงอาหารมื้อเย็นและถ้าผู้หญิงคนนี้อยู่ร่วมโต๊ะด้วย  บรรยากาศมันจะโอเคหรือไม่  มันผิดจังหวะก็ตรงที่ผมดึงดันที่จะเข้าบ้านสมุทรมาเองเสียแต่แรกและดันมารู้สึกแปลก ๆ เวลาที่มีคนไม่คุ้นเคยมาร่วมหายใจด้วย  ก่อนหน้านี้ก็ทราบดีว่าเจ้าของบ้านไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่นักหรอก 

..การคิดวกไปวนมา  สุดท้ายผมก็เลือกที่จะนั่งอยู่ต่อ  รู้สึกเหมือนเก้าอี้มันดูดก้นผมไว้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น  อยากรู้ว่าผู้หญิงคนที่ชื่อหยามีลักษณะนิสัยอย่างไร  สนิทกับคนในบ้านหลังนี้แค่ไหนและคำถามอีก ฯลฯ  ดาวเข้า ๆ ออก ๆ ระหว่างหน้าบ้านกับหลังบ้านเป็นระยะ  เธอวุ่นกับการจัดเตรียมอาหารและคอยสอบถามผมเป็นตลอดด้วยความเป็นห่วงและเกรงใจ  ผมนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือไปพลางและสอนการบ้านเมฆไปด้วยจนหยาเดินลงมา  เธอหยุดยืนมองมา  ผมยังคงทำเมินแกล้งว่าไม่ได้ยินและไม่เห็นอะไร 

"ขอตัวกลับก่อนนะคะ" หยาพูดขึ้นทำให้ผมต้องละสายตาจากโทรศัพท์ขึ้นมองเธอ  อีกฝ่ายฉีกยิ้มให้นิดหน่อย  เมื่อเราสบตากันเธอก็หลบสายตาผมไปในทันที 

"ดาว..พี่หยากลับแล้วนะ" เสียงตะโกนจากสมุทรทำลายความเงียบนี้ลงไปได้  เขายืนหยุดอยู่ตรงปากประตูกลางบ้านที่แบ่งระหว่างหน้าบ้านและทางเข้าครัว
 
"ค่า!" ดาวส่งเสียงตอบ  เสียงวิ่งดังตามติดมาทันที

"กลับแล้วเหรอคะพี่หยา ไม่อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนเหรอ ดาวหุงเผื่อไปแล้วนะเนี่ย" ดาวถามด้วยสีหน้าผิดหวัง

"พี่ต้องเข้าเวรน่ะ เอาไว้คราวหน้านะ" หยายิ้มบอกแล้วเข้าไปลูบหัวดาวเบา ๆ

"พี่ไปแล้วนะเมฆ" เธอหันมาลา  เมฆผงกหัวยกมือไหว้อีกครั้ง  สงสัยว่าที่บ้านคงเห็นว่าไอ้เด็กนี่พูดไม่ค่อยเป็น  เลยสอนให้ไหว้ดะเอาไว้ก่อนลูกเดียว  ช่างเป็นการปลูกฝังความมืดมนอะไรเช่นนี้

"กลับก่อนนะคะ" หยาผงกหัวให้ผมอีกครั้ง  ผมผงกหัวตอบ  เธอออกไปใส่รองเท้าที่หน้าบ้าน  สมุทรเดินตามหยาไป  เขาเดินผ่านผมโดยก้มหัวให้ผมเล็กน้อย  เสียงคนข้างนอกพูดคุยร่ำลากัน  เมื่อเสียงเงียบลงไปแล้วผมจึงเดาได้ว่าสมุทรคงเดินออกไปส่งเธอ  ประมาณห้านาทีให้หลังเขาก็กลับเข้าบ้านมาอีกครั้ง.. 

"ขอโทษด้วยนะครับ" สมุทรบอก  ผมไม่ตอบ  เพียงช้อนสายตาไปอีกทางเท่านั้น  มืดกดปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้ววางมันไว้บนโต๊ะอย่างเก่าเพราะความจริงมันหมดประโยชน์มานานแล้ว 

"ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าบอกคนที่ค่ายน่ะ" ผมเปลี่ยนเรื่อง  รู้สึกคาใจเรื่องนี้ที่สุดมาได้ครู่ใหญ่ ๆ  ผมไม่ชอบให้ใครขัดคำสั่งเรื่องงาน  ไม่เว้นใครทั้งนั้น 

"ขอโทษครับ" อีกฝ่ายชะงัก  เหสายตาลงต่ำ 

“ฉันจะเตือนความจำไว้อย่าง..” ผมเอ่ย  อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมอง  เมฆหยุดทำการบ้านลงดื้อ ๆ 

“ไม่ว่ายังไง สถานะของฉันก็ยังเป็นเจ้านายของนาย” ผมเตือนเสียงเย็น  ใช่ว่าผมล้ำเส้นในบางส่วนของชีวิตเขาเกินกว่าเจ้านายและลูกน้อง  แต่เรื่องงานเขาไม่ควรล้ำเส้นในส่วนที่ผมไม่อนุญาต  ทำงานอยู่กับผมเขาจำเป็นต้อยแยกแยะให้ได้ว่าเรื่องไหนที่ผมชอบ  และเรื่องไหนที่ผมไม่ชอบ

“.........” สมุทรยืนเงียบ  เขาแทบไม่ขยับตัวและไม่มองหน้าผมอีก 

"ถ้านายเชื่อใจคนพวกนั้น..ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ที่ฉันไม่ให้บอก..เพราะเงินสามารถทำให้คนบางคนตอแหลได้อย่างไม่น่าเชื่อ” ผมพูดเรียบ ๆ  เมื่อเขามองมาผมจึงจ้องสบตาอีกฝ่ายเขม็ง

“ถ้านายไม่ปกป้องตัวเอง มันก็เรื่องของนาย”

“ซึ่งถ้านายชอบวัดใจ.. ฉันเองก็ชอบเหมือนกัน” ผมจงใจพูดกวนพลางอมยิ้มมุมปากเล็กน้อยเพื่อเตือนเขาเป็นนัยยะ  สองสิ่งในชีวิตที่ผมได้พบเจอมาตั้งแต่เด็ก  สองสิ่งที่วงการนี้ทำให้ผมเห็นว่าคนเราสามารถเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาได้  สันดานที่เก็บซ่อนไว้เบื้องลึกนั้นแตกออก  คือหนึ่ง “ความตาย”  และสองคือ “เงิน”
 
"ครับ ผมเข้าใจ ขอโทษด้วยครับที่ขัดคำสั่ง" สมุทรพยักหน้ารับด้วยใบหน้าสำนึกผิดและไม่มีคิดที่จะตอบโต้ผมอีก
 
"ช่างมันเถอะ" ผมปัดไปที  เพราะถือว่าได้พูดในส่วนที่ควรพูดแล้ว

"เดี๋ยวผมขอตัวไปช่วยดาวทำกับข้าวดีกว่า จะได้เสร็จเร็ว ๆ" เขาบอก  ผมพยักหน้าส่ง ๆ อนุญาต  สมุทรเดินเข้าครัวไป
 
“คำว่า ‘ตอแหล’ น่ะ พี่นายใช้บ่อยไหม ?” ผมถามเมฆ  อีกฝ่ายมองมาก่อนส่ายหัวแทนคำตอบ
 
“หึ..งั้นเหรอ โทษทีแล้วกัน” ผมเบะปากไปที  รู้อยู่แล้วล่ะว่าไม่น่าจะมีคำ ๆ นี้หลุดออกมาจากคน ๆ นี้ได้
 
พ่อของผมเคยบอกว่าพ่อและแม่ของสมุทรเป็นคนสุภาพ  อ่อนน้อมถ่อมตน  ประหยัดมัธยัสถ์  ซึ่งผมว่าของแบบนี้เป็นเรื่องยากที่จะสอนให้เป็นเหมือนต้นแบบอย่างพ่อและแม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มได้  การปลูกฝังของครอบครัวก็มีส่วนอยู่  แต่โดยรวมแล้วการที่คนเราจะเป็นอย่างไรมันก็ปัดไม่ได้ว่าวัดกันที่สิ่งที่นำติดตัวมาก่อนเกิด  ที่ถึงแม้สิ่งแวดล้อมจะพร่ำบอกให้คนเราใฝ่ดีหรือใฝ่ต่ำให้ตาย  สันดานดิบก็จะสอนให้เขาเลือกที่จะไม่เป็นไปตามสิ่งนั้น ๆ  ผมเชื่อเรื่องที่ว่าการมาเกิดของคน ๆ หนึ่งในครอบครัวหนึ่ง  มันมีเหตุมีปัจจัยแบ่งอยู่ 50/50 เพื่อการคัดเลือกให้คนเราได้เกิดมาในครอบครัวที่มีพื้นฐานเหมือนตนเอง  ผม  พายุ  ไอ้ดินหรือพี่ธาน  แม้จะไม่ได้เกิดมาในท้องแม่เดียวกัน  แต่เมื่อเป็นครอบครัวเดียวกันจึงไม่ได้มีพื้นฐานแตกต่างสุดโต่งไปจากต้นตระกูลนัก  สมุทร  ดาวหรือว่าเมฆก็ไม่ได้แตกต่างไปจากผู้ให้กำเนิดพวกเขาเลยเช่นกัน   
 
..ระหว่างการนั่งรออยู่ที่โต๊ะ  ผมและเมฆส่วนใหญ่ใช้กระแสจิตคุยกัน  เพราะส่วนตัวผมก็ขี้เกียจขยับปากและขี้เกียจเลือกคำพูดมาใช้ด้วย  ให้หลังประมาณครึ่งชั่วโมงอาหารก็เสร็จพร้อมตั้งโต๊ะ  บรรยากาศของบ้านนี้ยังคงเดิม ๆ อย่างที่ผมเคยสัมผัสได้ก่อนหน้า  เป็นครอบครัวที่อบอุ่นคนละแบบกับครอบครัวของผม  หลังจากที่กินอาหารเสร็จทุกคนช่วยกันยกจานชามเข้าไปเก็บ  ผมนั่งคุยกับยายสมุทรเป็นเพื่อนจนดาวเสร็จธุระออกมา  เธอก็ขอตัวลาผมเพื่อพายายขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบน

“ยายนายก็ไม่ค่อยดีแล้ว ทำไมไม่ให้นอนข้างล่างล่ะ” ผมถาม

“เคยมีงูเข้ามาในบ้านน่ะครับ ตอนนั้นผมไม่อยู่..ดาวกลัว” สมุทรที่กำลังทำความสะอาดโต๊ะอยู่เงยหน้าขึ้นตอบผม

“..แต่ยายไม่กลัวหรอกครับ” เขาขยายความยิ้ม ๆ พร้อมก้มหน้าเช็ดต่อ  ผมหลุดหัวเราะ  อีกฝ่ายเหลือบมองมาและยิ้มกว้างจนเห็นฟัน  ผมได้แต่จ้องมอง  หลายครั้งที่ผมปัดไม่ได้ว่าผมละสายตาจากรอยยิ้มนี้ของเขาได้ยาก  เพราะมันเป็นรอยยิ้มที่ซื่อตรงจนแทบหาความเลวร้ายไม่พบเลยจริง ๆ  นั่นคงเป็นเสน่ห์ของเขาละมัง

“ติดมุ้งลวดให้แล้วแต่ดาวก็ยังกลัวอยู่ดี” สมุทรพูดแกมบ่น 

“ดาวนอนกับยาย ?” ผมถาม 

“ครับ..เมฆด้วย” สมุทรตอบ  พร้อมนำผ้าที่เพิ่งเช็ดโต๊ะเสร็จไปใส่ตะกร้า 

“เมฆเป็นภูมิแพ้น่ะครับ ข้างบนสะอาดกว่า” อีกฝ่ายพูดก่อนหยิบผ้าอีกผืนหนึ่งที่สะอาดกว่าผืนก่อนมาเช็ดมือซ้ำอีกครั้ง
 
"พี่สมุทร" เมฆเดินมาในมือถือแผ่นกระดาษโบรชัวร์

"หือ ?" สมุทรหันกลับไปมองพร้อมหยิบโบรชัวร์ออกจากมือของเมฆไปดู  ผมเห็นว่านั่นเป็นโบรชัวร์คอร์สเรียนกังฟู  อีกทั้งยังเป็นของโรงเรียนพายุอีกด้วย  เมื่อสมุทรอ่านเสร็จเขาก็เหลือบสายตามามองผมเล็กน้อย

“สาบานได้ว่า ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น” ผมอมยิ้มพูดดักคอก่อนเลย  ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าไอ้มืดมนไปได้โบรชัวร์แผ่นนั้นมาจากที่ไหน
 
"ทำไมครับ" สมุทรยังเฉย  เขาละสายตาจากผมแล้วก้มลงถามเมฆ 

"เมฆอยากเรียน" เมฆตอบ

"ไม่ได้" สมุทรตอบพร้อมกับคืนโบรชัวร์ไปให้

“มาก็เรียนครับ” เมฆพูด  แต่พี่ชายของมันยังนิ่งเฉยด้วยใบหน้าขึงขัง

“พี่บอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้สิ” สมุทรย้ำไม่มองหน้าใคร

"ทำไม ก็เรียนไปสิ..ถ้าเรื่องเงินละก็เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง" ผมพูดแทรก

"ไม่ได้ครับ" สมุทรย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทำเอาเมฆหน้าหงอยลงชัดเจน
 
"ขึ้นไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้อ่านหนังสือแล้วเข้านอน" สมุทรก้มลงอุ้มเมฆขึ้น 

"ลาคุณไฟก่อน" เขาสั่งพร้อมหันตัวให้เมฆหันหน้ามาทางผม  เมฆยกมือไหว้ผมน้อย ๆ  ไม่ยอมเงยหน้ามามอง  ดูท่าจะงอนพี่ชายตัวเองซะแล้ว  สมุทรอุ้มเมฆพาไปส่งที่ตีนบันได  พอเมฆขึ้นบ้านไปแล้วเขาจึงเดินกลับมาและนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้าม  ไม่ไกลจากผมนัก 

"ทำไมถึงไม่ให้เรียน ฉันไม่เห็นว่าจะมีอะไรเสียหายตรงไหน" ผมถามเรื่องเดิม

"อย่าพูดเรื่องนี้เลยครับ" สมุทรปัด

"พายุสอนดีนะ ในประเทศไทยมีโรงเรียนสอนกังฟูสักกี่โรงเรียนกันเชียว" ผมว่า

"ถึงไม่เรียน น้องผมก็ยังมีชีวิตปกติสุขดี" สมุทรย้อนทันที  คำพูดฟังประชดประชันติดปลายเสียงอยู่นิดหน่อย
 
"แต่บางครั้งมันก็จำเป็น.." ผมย้อนอย่างไม่ยอมความเช่นกัน

"นายปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ามันจำเป็น" ผมประชดกลับบ้าง  พลางอมยิ้มมุมปากตอบให้

"ถ้าไม่จำเป็น คงไม่เทียวไปซ้อมอยู่ทุกวัน ..ใช่ไหมครับ ?" ผมเลิกคิ้ว

"หยุดพูดได้แล้วครับ แล้วก็เลิกทำหน้าตาเหมือนรู้อะไรไปหมดสักที" อีกฝ่ายว่า

"งั้นเหรอ" ผมตอบด้วยน้ำเสียงแหบ ๆ  อมยิ้มพลางกวาดตามองอีกฝ่ายด้วยรู้สึกชอบใจในคำพูดเชิงว่าปรามเมื่อครู่

"ฉันว่าเป็นเรื่องที่ดีนะที่น้องนายสนใจอยากจะเรียน คนเราก็ต้องมีเรื่องที่สนใจเป็นพิเศษกันบ้าง โดยเฉพาะกับน้องนายแล้วยิ่งควรสนับสนุนไปกันใหญ่” ผมเบ้ปากพูด  คนตรงหน้านั่งฟังเงียบ ๆ

“ดูหน้าหมอนั่นสิ ..ซื่อบื้อออก" ผมพูดว่าอย่างจงใจ  ทำเอาสมุทรทำท่าเหมือนจะอมยิ้มออกมาแต่ก็ไม่ยิ้มออกมาตรง ๆ ซะทีเดียว  ทำไมผมถึงมองว่าคนตรงหน้ามีปฏิกิริยาที่น่าแกล้งอยู่ตลอดเวลาก็ไม่ทราบ

"เรื่องหน้าตาก็มีผลทำให้คนอื่นเข้าใจผิดกันได้ เป็นธรรมดาของมนุษย์โลกที่กล้าเหยียบคนที่ภายนอกดูอ่อนแอกว่า..ขนาดฉันยังชอบเลย" ผมยักคิ้ว  เอนหลังพิงสบาย ๆ พูดให้ฟัง  อีกฝ่ายส่ายหัวยิ้ม ๆ

“มีอำนาจก็ใช้! ทางที่ดีบ้าง..ไม่ดีบ้าง มีกำลังก็อยากแสดง..วางท่า โอ้อวด เสร่อ มีปากก็ต้องพูด..เรื่องดีบ้าง เรื่องจังไรบ้าง พูดทำให้คนอื่นเจ็บปวดต้องมีเยอะกว่าพูดเรื่องที่มีความสุขอยู่แล้ว ก็มันสนุกปากนี่นะ..เป็นธรรมดา” ผมพูดเพ้อเจ้อไปเรื่อยด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ

“คุณไฟครับ” สมุทรเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม  ผมอมยิ้มมุมปากมองเขาและยอมเงียบลง  เราต่างนั่งอยู่ในความเงียบร่วม ๆ ห้านาที  อีกฝ่ายนั่งสงบเสงี่ยมคล้ายรอให้ผมเป็นฝ่ายออกคำสั่ง

"ตอนที่พายุไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนระยะสั้น ๆ ที่อเมริกา สมัยมัธยมต้น..” ผมเล่าถึง  เงยหน้ามองเพดานพร้อมถอนหายใจเมื่อต้องนึกถึงความหลัง 

“มันถูกรุ่นพี่เจ้าถิ่นที่นั่นหาเรื่อง เพราะว่า..ผู้หญิงอเมริกันที่คุณครูสั่งให้ดูแลมันน่ะดันเป็นดาวเด่นในหมู่โจร แล้วเธอก็ติดพายุแจ” ผมเล่าปนหัวเราะ  สมุทรอมยิ้มนิด ๆ

“พายุน่ะ น็อกฝรั่งตัวใหญ่กว่าด้วยมือเปล่าทีเดียวหลายคนกลางสนามบาส กลายเป็นฮีโร่ของเพื่อน ๆ ที่ฉันต้องรีบให้ทำเรื่องกลับประเทศไทยแทบไม่ทัน ฉันที่เป็นพี่..ดุด่ามันว่ามึงไม่ควรทำแบบนี้ แต่ในใจกลับรู้สึกภูมิใจกับมันสุด ๆ” ผมแสยะยิ้ม  สมุทรหลุดหัวเราะ

“ใช่แล้ว..ไอ้ซื่อบื้อนั่นมันน้องชายฉันเอง อะไรทำนองนั้น" ผมพูดติดตลกไปที  เมื่อเห็นอีกฝ่ายยิ้มผมจึงเงียบลง

"เดี๋ยวฉันให้คนมาติดแอร์ให้นะ" ผมเปลี่ยนเรื่อง

"ตอนกลางวันไม่ร้อนตายเลยเหรอ" ผมบ่น  รู้สึกว่าตรงนี้เพิ่งจะมาเย็นก็ตอนช่วงเย็น ๆ นี่ล่ะ  คิดว่าตอนกลางวันคงร้อนระอุมากเป็นแน่

"พวกผมอยู่กันได้ครับ" สมุทรพูด  คิ้วของเขาเริ่มขมวดเข้าหากันนิด ๆ

"เดี๋ยวฉันให้คนมาติดแอร์" ผมย้ำคำเดิม

"ไม่ครับคุณไฟ อย่ามาทำอะไรไม่เข้าท่า"

"ตอนกลางวันยายนานจะได้อยู่สบาย ๆ" ผมอ้าง  ครั้งนี้สมุทรเงียบทันที

"ขอบคุณนะครับ..แต่ผมบอกว่าไม่เอาก็ไม่เอาสิครับ อย่าทำให้ผมลำบากใจได้ไหม" สมุทรส่ายหัวน้อย ๆ  เขาไม่ยอมมองหน้าผมเลย

"งั้นติดเฉพาะข้างล่างนี้ก็ได้ เผื่อให้น้อง ๆ นายได้ทำการบ้าน อ่านหนังสือเย็น ๆ อยากเปิดเมื่อไหร่ก็เปิด ไม่เปิดมันก็ไม่ได้ร้องขอข้าวกินสักหน่อย" ผมบอก

"ตามนั้นนะ" ผมสรุปให้  อีกฝ่ายถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  ผมนั่งเงียบมองหน้าเขา  สมุทรเองก็เงียบด้วยเช่นกัน  อีกฝ่ายหันหน้าไปทางอื่นอยู่พักหนึ่ง  พอหันกลับมาก็สบตาเข้ากับผมที่จ้องเขาอยู่ก่อนหน้าแล้วพอดี  สายตาที่จ้องตอบมาทำให้ผมหลุดอมยิ้มมุมปากด้วยรู้สึกชอบใจ  ผมจับจ้องมองอยู่อย่างนี้จนคนตรงหน้าเหสายตาไปทางอื่น

"จะกลับรึยังครับ" เขาถามขึ้น

"ไล่เหรอ ?" ผมถามกลับห้วน ๆ

"ครับ..เจ้านายมาขลุกอยู่บ้านลูกน้องแบบนี้ เหมาะควรแล้วเหรอครับ" สมุทรหันกลับมามองตอบเอาคืน

"ก็เหมาะกว่าพาผู้หญิงขึ้นไปคุยบนห้องอะนะ" ผมเบ้ปากน้อย ๆ  เอนหลังพิงพนักเก้าอี้

"คุยนอกห้องครับ ไม่ได้คุยในห้อง" สมุทรสวนทันควัน 

"ให้เกียรติกันน่าดู" ผมเบะปาก  พยักหน้าหงึก ๆ

"คุณต้องการอะไรกับประเด็นนี้ของผมครับ"

"ก็ไม่มีอะไร แค่เป็นคนขี้สงสัย..ไม่ได้รึไง" ผมย้อน  สมุทรไม่ตอบโต้อีก  เขาเลือกที่จะเงียบคงเพราะรำคาญผมแล้วละมัง

“มีเซ็กส์ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่” คำถามนี้ทำเอาสมุทรหันขวับมามอง  สายตาเรียบนิ่งเริ่มบอกว่าไม่พอใจ

“ให้เดา..เกินครึ่งปีแล้วแน่ ๆ  อึดอัดแย่เลยนะ ?” ผมกวาดตามองยิ้ม ๆ

“ผมทราบดีครับว่าคุณเป็นเจ้านายผม แต่ผมจะรู้สึกขอบคุณมาก..หากคุณไฟจะช่วยระวังเรื่องที่พูดอยู่ให้ผมสักหน่อย” สมุทรพูดเตือน  สายตาที่สุขุมกำลังแฝงไปด้วยความดุดันที่เจ้าตัวมี

“ฮึ!” ผมหัวเราะชอบใจ  แลบลิ้นออกมากัดพลางยิ้มมอง

“ฉันรู้สึกถูกใจอะไรบางอย่างล่ะนะ” ผมบ่นลอย ๆ

“กลับก่อนแล้วกัน" ผมตัดบท  ลุกขึ้นพลางถอนหายใจนิดหน่อย  สมุทรลุกตามในทันที  เมื่อเดินออกมาจากบ้าน  เจ้าของบ้านก็เดินตามหลังผมมาเงียบ ๆ จนถึงรถ

"ขอบคุณนะครับ" สมุทรพูดขึ้นโต้ง ๆ  ผมที่กำลังจะเดินไปถึงหน้าประตูฝั่งคนขับก็ต้องหยุดชะงัก  นิ้วที่แกว่งกุญแจรถยนต์อยู่ก็หยุดด้วย  รอยยิ้มนิด ๆ ผุดขึ้นมาที่มุมแก้มเมื่อได้ยิน  ผมจึงหันตัวกลับไปมอง 

"..ครับ" ผมยิ้มกะล่อนตอบรับ  อีกฝ่ายคล้ายกับจะหลุดยิ้มแต่เขาดันเบือนหน้าหนีผมไปดื้อ ๆ ซะก่อน  ผมยิ้มกว้างกลับมาขึ้นรถ  ยิ้มทำไม..นี่กูก็ยังงงตัวเอง


... ... ... ... ... ... ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-07-2016 15:04:20 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

วันพฤหัส : ร้านอาหาร FOX

วันนี้ผมมาพบพลอยตามที่นัดกันเอาไว้เมื่อสองวันก่อน  เมื่อเช้าผมเข้าค่ายมวยทั้งเช้า  อยู่ซ้อมและเคลียร์งานที่นั่น  กลับมาอาบน้ำแต่งตัวและเดินทางมาที่นี่พร้อมกับสมุทรและไอ้เด่น  ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะให้ไอ้เด่นเป็นคนขับรถมาให้  โดยให้สมุทรอยู่ซ้อมที่ค่ายมวยจนถึงตอนเย็นเลย  แต่เนื่องจากพลอยโทรมาขอนัดเป็นอาหารมื้อกลางวันที่ร้าน FOX ซึ่งค่อนข้างใกล้กับบ้านของผม  ผมจึงให้สมุทรเดินทางมาด้วยกัน  เดี๋ยวจะปล่อยให้ว่างไปซะเปล่า ๆ

"หวัดดี" พลอยยิ้มทัก  เธอลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นผมมาถึง  สายตาของเธอมองไปที่คนแปลกหน้าก็คือสมุทรที่ตามหลังผมเข้ามาในร้านด้วย 

"นี่สมุทร สมุทร..นี่พลอย" ผมแนะนำส่ง ๆ

"สวัสดีครับ" สมุทรผงกหัวทักทาย 

"สวัสดีค่ะ" พลอยผงกหัวยิ้มทักตอบเช่นกัน  ตามสัญชาตญาณจึงจับสังเกตพลอยได้ในทันที

“ขี้ข้าน่ะ” ผมพูดแทรกความคิด  พลอยชะงัก  ส่งสายตาไม่พอใจมาให้ผม  ผมยักคิ้วยิ้ม ๆ  ทำไมถึงจะดูไม่ออกว่าสายตาที่ดูสนใจของเธอที่มองสมุทรมันต่างจากที่เอาไว้มองลูกน้องของผมคนอื่น ๆ

"จะนั่งไหมครับ" ผมลอยหน้าลอยตาถาม 

"นั่งสิคะ" เธอตอบปนประชดนิด ๆ  ผมอมยิ้มเดินไปที่ฝั่งของเธอและจับเลื่อนเก้าอี้ให้พอเป็นพิธีก่อนเดินย้อนกลับมาฝั่งตรงข้าม  สมุทรรู้หน้าที่เป็นฝ่ายเลื่อนเก้าอี้ให้ผมนั่ง 

"ผมขอตัวนะครับ" อีกฝ่ายกุมมือเข้าหากัน  ก้มหน้าก้มตาพูดขออนุญาต

"อือ" ผมพยักหน้าตอบ  เขาผงกหัวให้ผมและพลอยอีกครั้งก่อนออกจากร้านไป 

"อะแฮ่ม" ผมกระแอมคอไม่มองหน้าเธอพร้อมเอื้อมมือรับเมนูจากพนักงาน
 
"ลูกน้องใหม่เหรอ ? ไม่เคยเห็นหน้า" พลอยมองค้อนเขิน ๆ ปรามมาให้ผม

"ใช่" ผมตอบ 

"สั่งอาหารแล้วเหรอ" ผมถาม

"ยัง..ก็รอไฟนั่นแหละ" พลอยตอบ  เธอรับเมนูจากพนักงานไปเปิดดูเช่นกัน  เราต่างสั่งอาหารมาคนละสองอย่าง  พนักงานทวนเมนูทั้งหมดก่อนจากไปทำหน้าที่  ขณะเดียวกันพนักงานอีกคนก็เข้ามารินน้ำเปล่าเตรียมเสิร์ฟให้

"ไม่ดื่มอะไรเหรอ" พลอยถาม  ผมส่ายหัว  เอนหลังพิงเก้าอี้พลางมองหน้าเธอที่ไม่ได้พบมาหลายอาทิตย์

"ไม่ต้องมาทำตาหวานเลย ดิฉันไม่หลงหรอกนะคะ" พลอยอมยิ้ม  เตะเท้าเข้ามาที่เท้าของผมงอน ๆ  ผมฉีกยิ้มมองไม่วางตา  เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในตอนนี้เลยละมังที่ผมอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจที่สุด

"ทำไม..ชอบแบบนั้นเหรอ" ผมเบ้ปาก  พยักพเยิดหน้าไปด้านนอกร้านเพื่อหมายถึงเป้าหมายของเธอที่เพิ่งออกจากร้านไป

"ก็ดูดีดีอะนะ" พลอยไม่ปฏิเสธ 

"ได้เจ้านายแล้วยังจะเอาลูกน้องอีก มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอ" ผมว่า  เท้าศอกขึ้นบนที่วางแขนพร้อมนำมือเท้าคางมองหน้าเธอสบาย ๆ

"จิ..ไฟ" พลอยเขม่นปราม  เพราะพนักงานเสิร์ฟเพิ่งเสิร์ฟน้ำให้เราเสร็จและยังเดินไปไม่ได้ถึงไหนไกล 

"ทำไมถึงรับคนติดตามใหม่ล่ะ แล้วพี่ธานไปไหน"

“เกิดเรื่องนิดหน่อย อันนี้เป็นคนติดตามจำเป็นน่ะ” ผมตอบปนหัวเราะ  พลอยยิ้ม

"พี่ธานก็งานเยอะ..ให้ไปโฟกัสเรื่องอื่นบ้าง รายนั้นแก่แล้วนี่นะ" ผมกวนทำเอาพลอยหัวเราะชอบใจ

"เอาพี่ธานไหมล่ะ ? ฉันให้" ผมวกกลับมาเรื่องเดิม  พลอยได้เจอลูกน้องผมครบทุกคนแล้ว  แต่เธอดูไม่ได้สนใจใครออกนอกหน้าอย่างที่เห็นสมุทรเมื่อครู่นี้  ขนาดพี่ธานเองพลอยก็ยังเฉย ๆ เลยด้วยซ้ำ

"ไม่เอาหรอก เฮอะ! เล่นกับไฟ" พลอยทำหน้าผวาประกอบ

“ฉันดูออกหรอกนะว่าคนไหนไฟ คนไหนฟืน พี่ธานน่ะไฟ..ส่วนนายน่ะฟืน” เธอกระแทกเสียงต่อว่า

"หึ ๆ ๆ" ผมหลุดหัวเราะ  หน้าของเธอตลกดี 

"แต่คนนี้นี่ใช้ได้เลย" พลอยขยิบตายิ้มเจ้าเล่ห์หมายถึงสมุทร  ผมนิ่งลง  รู้สึกไม่ชอบที่จะรับฟังขึ้นมาตงิด ๆ ชอบกล 

"ดูยังไงว่าใช้ได้ไม่ทราบ เธอนี่มันใจง่ายจริง ๆ" ผมบ่น  เหสายตากวาดไปมองที่ลูกค้าโต๊ะอื่น ๆ อย่างสำรวจ  ด้วยเพราะติดเป็นนิสัย

"ปากนี่นะ!" พลอยกัดฟันหมันไส้ผม  พร้อมเขวี้ยงผ้ากันเปื้อนมาโดนเข้าที่หน้าของผมพอดี  ผมหยิบออกยิ้ม ๆ

"เพราะเขาดูเป็นคนไม่ใช่คนแบบเธอยังไงล่ะ" พลอยตอบ

"ยังไงไม่ทราบ ? ฉันอ่อนโยนกับเธอสุด ๆ  อยากได้แบบไหนก็ตามใจตลอด นี่ตกลงไม่เคยมีความดีเลยสินะ" ผมกวนกลับอย่างไม่ยอม  ทำเอาพลอยหน้าแดงก่ำอย่างกับสั่งได้ในทันที 

"ฉันไม่น่าหลวมตัวเลย" เธอกระซิบกระซาบต่อว่าตัวเอง

"สายไปแล้วมั้ง" ผมยิ้มอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว  พลอยเงียบลง  เธอหยิบแก้วน้ำขึ้นจิบนิด ๆ

"สนใจหมอนั่น ในลักษณะไหน..ไว้หน้าฉันหน่อยก็ได้มั้ง" ผมเตือน  เพราะอย่างไรผมกับพี่ธานก็ไม่เคยทับทางกัน  จะมีก็แต่บางครั้งผมจะเอ่ยปากอนุญาตเท่านั้น

"ทำไม หึงเหรอ" พลอยย้อน  ผมดุนลิ้นออกมากัดพลางแสยะยิ้มไม่ได้ให้คำตอบกับเธอ 

"เธอไม่ได้หวงฉันด้วยซ้ำ" เธอว่า  เราต่างมองตากัน 

"จะให้หวงแค่ไหน คุณเองก็ไม่ได้ต้องการให้ผมหวงด้วยซ้ำ" ผมพูดบ้าง

"นี่ตกลงว่าเธอหวงฉันหรือหวงลูกน้องกันแน่" พลอยทำหน้าขึงขังขึ้นมา

"หวงลูกน้อง" ผมแสยะยิ้มตอบทันที

"ไฟ!" พลอยขึ้นเสียงหน้ามุ่ย  ผมหัวเราะ

"หมอนั่นดีกว่าฉันตรงไหน เธอพูดไม่รักษาน้ำใจฉันก่อนเอง” ผมยักไหล่น้อย ๆ

“หมอนั่นน่ะ เก่งไม่ได้ครึ่งฉันหรอก..เดาได้เลย" ผมยิ้มให้

"ดูเขาเป็นคนสุภาพ แล้วก็น่าจะอ่อนโยน ให้เกียรติผู้หญิงมากกว่าใครบางคนแถว ๆ นี้" พลอยเบะปากประชด

"นั่นมันภาพลวงตารึเปล่า" ผมตอบอย่างไม่แคร์ว่าเธอจะว่ายังไง   ตามจริงแล้วผมก็เห็นสมุทรในมุมเดียวกันกับที่พลอยมองเห็นเหมือนกัน  แต่แค่ไม่คิดว่าเป็นส่วนที่ต้องเอามาพูดยอมรับต่อหน้าคนอื่นน่ะนะ

"พูดกันแค่ไม่กี่คำก็หลงเขาซะแล้ว นี่ตกลงเธอเป็นนักธุรกิจจริง ๆ รึเปล่าเนี่ย หึ..ตอนที่อยู่ห่างหูห่างตาฉันคงไม่ได้ไปเดินตามใครต้อย ๆ หรอกนะ"

"ไฟ!" พลอยขึ้นเสียงครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่ทราบ  ผมหัวเราะจึงทำให้เธอสะบัดหน้าไปอีกทาง  ผมนั่งเฉย  พลอยไม่ยอมหันหน้ามาทางผมเลยสงสัยจะงอนจริงซะแล้ว  ผมนำเท้าสะกิดเท้าเธอเบา ๆ  อีกฝ่ายจึงเหล่หางตามามอง 

"หายงอนเถอะน่า ได้กันตอนทะเลาะเดี๋ยวได้ท้องกันพอดี แบบนั้นผมเดือดร้อนแย่" ผมพูด

“ไม่สิ..มีพ่อกับแม่เป็นคุณกับผม ลูกต่างหากที่จะเดือดร้อน” ผมขยายความ  ทำให้พลอยพยายามอดกลั้นตัวเองไม่ให้หลุดหัวเราะออกมาอย่างเห็นได้ชัด 

"ไฟนี่นิสัยแย่จริง ๆ" พลอยบ่น  ผมยื่นผ้าเช็ดปากกลับไปให้  เธอรับไปด้วยท่าทีเขิน ๆ

"ช่วงนี้เป็นไงบ้างล่ะ" เธอถาม  น้ำเสียงและสีหน้ากลับมาเป็นปกติตามเดิมแล้ว

"ก็เรื่อย ๆ เก็บตัวนักมวยน่ะ มีแข่งที่พัทยาอีกไม่กี่อาทิตย์"

"ไฟก็ซ้อมด้วยเหรอ"

"อืม ก็ไม่ได้ซ้อมหนักเหมือนเตรียมขึ้นชกหรอก แต่หนักเป็นปกติ" ผมตอบขำ ๆ

"แล้ว..ไปได้ลูกน้องแบบนั้นมาจากไหน" พลอยกลับมาเรื่องเก่า  ผมจิปากเซ็ง ๆ  ดูเธอจะสนใจสมุทรเข้าให้จริง ๆ

"เรื่องมันยาว" ผมตอบ

"นายนั่นจนนะ" ผมพูด

"อ้อ..ฉันรวย เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาหรอก" พลอยย้อนอย่างไม่แคร์  ผมคิดว่าเธอต้องการกวนอารมณ์ผมมากกว่า  ผมช้อนตาขึ้นมองหน้าเธอด้วยนึกหมันไส้ขึ้นมาตงิด ๆ

"เดี๋ยวจะโดนนะ" ผมขู่  อีกฝ่ายชะงัก  เหหน้าไปทางอื่นไม่ยอมสบตาผม  เราเงียบลงครู่หนึ่ง  พลอยเท้าแขนลงบนโต๊ะมองมา  ผมนั่งนิ่งเงียบเพื่อรอดูท่าทีของเธอ

"พลอยรู้ว่าไฟไม่ได้หวงพลอยหรอก แถมรู้ด้วยว่าตอนนี้ไฟรู้สึกยังไง" พลอยอมยิ้ม 

"พลอยเองก็ไม่คิดจะรักไฟอยู่แล้วละนะ เพราะคนอย่างไฟ ไม่มีทางหลงรักพลอย" พลอยพูดจ้อไม่หยุด  ผมอมยิ้มมุมปาก  ตั้งใจฟังที่เธอพร่ำพูดอยู่

"ดังนั้น..เราควรแยกสถานะกันรึเปล่า ถ้าพลอยสนใจลูกน้องของไฟจริง ๆ ในแง่ของความจริงจัง ไฟก็ควรจะยินดีกับพลอยสิ" เธอทำหน้าทะเล้น

"ก็นะ.." ผมเอ่ยสั้น ๆ  ตามองต่ำลงนึกคำพูด

"งั้นจนกว่าหมอนั่นจะตกหลุมพรางของเธอ ก็เตรียมถุงยางไว้เยอะ ๆ ก็แล้วกัน" ผมกลอกตาค้อนมองอย่างเป็นการขู่นัย ๆ  พลอยนิ่งไปแทบไม่กระดิก  ตามที่ผมพูดนั่นล่ะ..เอาให้สนุกสนานจนกว่าจะพอ

"จิ! นิสัย!!" พลอยสะบัดหน้าหนี  ดูท่าจะงอนผมอีกแล้ว  พนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟ  เราต่างอยู่ในความเงียบจนพนักงานเดินจากไป 

"ขอเบอร์หน่อย" พลอยพูดแกมสั่ง

"ไม่ให้" ผมตอบ

"เอ๊ะ" เธอขึ้นเสียง 

"อยากได้ก็ไปขอกับเจ้าตัวเอง ฉันไม่ให้" ผมพูดเสียงแข็ง 

"ได้ ฉันขอเองก็ได้" พลอยทำเมินใส่ผม
 
"นี่เอาจริงเหรอเนี่ย" ผมถามอย่างชักเริ่มหงุดหงิด

"คนเราเจอคนที่ถูกชะตาในชีวิตไม่กี่คนหรอกนะ..คุณไฟ" พลอยอมยิ้ม  สีหน้าเธอดูจริงจังจนผมถึงกับถอนหายใจออกมา 

"ตามใจ" ผมตัดบท  พลอยเปลี่ยนเรื่องคุยหลังจากนั้น  เธอคงเห็นว่าผมเริ่มเซ็งจัดที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของสมุทร  อาหารถูกนำมาทยอยเสิร์ฟให้หลังไม่ถึงสิบนาที  ผมกับพลอยใช้เวลานั่งคุยกันไปและกินกันไปเกือบ ๆ ชั่วโมงก็พร้อมแยกย้าย  ผมเรียกคิดเงิน  เดินออกมาส่งพลอยที่หน้าร้านและพบว่าทั้งสมุทรและไอ้เด่นนั่งอยู่ที่เก้าอี้ม้านั่งด้านหน้าร้านรออยู่แล้ว  พอทั้งสองคนเห็นผม  ทั้งคู่ก็ลุกขึ้นยืนในทันที 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-07-2016 15:07:58 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

"สวัสดีครับคุณพลอย" ไอ้เด่นผงกหัวทักทาย 

"สวัสดีค่ะ" พลอยยิ้มกว้าง  เธอหันไปมองหน้าสมุทรและจับจ้องไม่วางตาด้วยทีท่าที่อยากทำความรู้จักมากกว่าก่อนหน้า  สมุทรหลบสายตาของเธอคล้ายไม่กล้าสู้ตอบ  ผมยืนล้วงกระเป๋ามองทั้งคู่ที่ต่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวจนทำให้คิ้วของผมแทบขมวดชนกัน

"สมุทรคะ" พลอยเอ่ย

"ครับ" สมุทรขานรับ  เงยหน้าขึ้นมองหน้าพลอยอีกครั้ง

"ฉันขอเบอร์โทรศัพท์ของเธอได้รึเปล่า" พลอยถามตรง ๆ  ต่อหน้าผมโต้ง ๆ เลย  สมุทรเองก็คงตกใจ  เขาหันมามองหน้าผมทันควัน  ผมเบือนหน้าไปทางอื่นเพราะไม่ต้องการแสดงสีหน้าท่าทางใด ๆ  อยากให้อีกฝ่ายตัดสินใจด้วยตัวเอง

"เอ่อ..คุณพลอยมีธุระอะไรกับผมหรือครับ ติดต่อผ่านคุณไฟได้เลยนะครับ" สมุทรเอ่ยแบ่งรับแบ่งสู้

"เปล่าหรอก ก็แค่อยากทำความรู้จักเป็นการส่วนตัวน่ะ" พลอยตอบ  เพียงไม่กี่วินาทีหลังจากที่พลอยพูดจบสถานการณ์ตรงหน้าก็เงียบอย่างกับเป่าสาก

“รังเกียจฉันเหรอ ?” เธอถาม 

"เปล่าครับ แต่ผมคิดว่าคงไม่เหมาะน่ะครับ" สมุทรปฏิเสธ 

"ไม่เห็นเป็นไรเลย ไฟก็อนุญาตฉันแล้วด้วย" พลอยพูด

"แต่ว่า.." สมุทรอ้ำอึ้ง  มองหน้าผมสลับกับพลอยตลอดเวลา

"น่า..ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เอาโทรศัพท์มือถือของสมุทรมาสิ" พลอยแบมือไปตรงหน้า  สมุทรนิ่งไปครู่แต่ก็ยอมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมายื่นให้กับพลอย  ผมหันกลับไปมอง  เห็นพลอยกดเบอร์โทรศัพท์ของเธอเข้าเครื่องของสมุทรพร้อมกดโทรออกเรียบร้อย   

"ขอบคุณ" เธอยิ้มกว้าง  ยื่นโทรศัพท์มือถือกลับไปให้เจ้าของ 

"งั้นฉันกลับแล้วนะ" พลอยหันมาลา  ทำหน้าระรื่นดูความสุขเชียว  ผมจ้องเธอเขม็ง  น่าแปลกที่ผมควรจะรู้สึกเสียหน้าเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อหน้าไอ้เด่นด้วย  ผมควรรู้สึกเหมือนถูกเหยียบหน้าเข้าเต็ม ๆ  เพราะคนของผมดันมาสนใจลูกน้องของผมเอง  แต่เปล่า ผมกำลังหงุดหงิดในอกแบบบอกไม่ถูก  หงุดหงิดเพราะคิดไปว่าไม่แน่..พลอยอาจจะทำให้สมุทรชอบเธอก็ได้ 
"ถือว่าเธอเป็นคนเริ่มเองนะ งั้นก็เตรียมตัวครางจนเข้าโรงบาลได้เลย" ผมพูดแกล้งต่อหน้าทุกคน  จงใจจะหักหน้าเธอ

"เอ๊ะ! ไฟ เธอพูดอะไรน่ะ" พลอยหน้าเหวอ  ร้องเสียงหลง

"หมอนี่ก็รู้อยู่แล้วว่าเธอนอนกับฉัน มีปัญหาอะไรตรงไหน ไว้เจอกันแล้วกัน..อยากเมื่อไหร่จะโทรหา" ผมโบกมือลาอย่างขอไปที  ไม่สนพลอยที่หน้าดำหน้าแดงไม่รู้ว่าอายใครบ้างกันแน่ 

"ไอ้บ้า! ไอ้ไฟบ้า!!!" พลอยตะโกนดังลั่น  ผมยิ้มกว้าง  เธอยังเป็นผู้หญิงที่น่าเอ็นดูสำหรับผมอยู่ดีนั่นละ  ไป ๆ มา ๆ แล้วผมเองก็ไม่เคยรู้สึกรำคาญพลอยเลยด้วยซ้ำ  ผมตรงดิ่งกลับไปที่รถ  ไอ้เด่นกุลีกุจอวิ่งตามมาขนาบข้างผมติด ๆ  และเปิดประตูรถรอไว้ให้ผมได้ทันก่อนที่ผมจะถึง



ตืด  ๆ ๆ   ..โทรศัพท์มือถือสั่นเตือนขึ้น  ใจหนึ่งคิดว่าพลอยจะโทรมาต่อว่าอีกแต่ดันเป็นสายเข้าจากพี่ธาน  ไอ้เด่นสตาร์ทรถ  เมื่อสมุทรขึ้นมานั่งมันจึงเคลื่อนตัวรถออกทันที

"ครับ" ผมรับสาย

"คุณไฟครับ เอ่อ..คุณพายุโทรมาบอกว่าคุณดินมีเรื่องที่โรงเรียนน่ะครับ ฝ่ายปกครองเพิ่งติดต่อมาให้ผู้ปกครองเข้าไปพบเดี๋ยวนี้" พี่ธานรายงานเข้าประเด็น  ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเหนื่อยหน่าย

"มีอะไรอีก" ผมถาม

"เอ่อ..ไม่ทราบครับ คุณพายุบอกผมเท่านี้ คุณพายุไม่ว่างไปแทนเลยสั่งให้ผมโทรมาบอกคุณน่ะครับ"

"โอเค บอกไอ้ยุไปว่าเดี๋ยวผมจะไปเอง" ผมบอก

"ได้ครับ" พี่ธานรับคำสั่งก่อนที่ผมจะตัดสายลง

"ไปที่โรงเรียนไอ้ดิน" ผมสั่ง

"ครับ" ไอ้เด่นรับทราบ  มันใช้เวลาขับรถไปถึงโรงเรียนของพายุไม่ถึงยี่สิบนาทีเพราะใช้เส้นทางลัดที่ปกติรถไม่ติดนัก  ผมพยายามไม่คิดการไกลว่าเพราะอะไรไอ้ดินถึงก่อเรื่องขึ้นอีกทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้มันถูกผมขู่เอาไว้แล้ว  ซึ่งผมไม่คิดว่ามันจะกล้าขัดคำสั่งของผมในระหว่างที่อยู่ในเขตเคอร์ฟิว 

เมื่อถึงโรงเรียน ไอ้เด่นรู้หน้าที่ว่าตรงไหนคือห้องปกครองและควรจอดรถไว้ที่ไหนที่ใกล้ที่สุด  เพราะผมเดินทางมาด้วยเหตุถูกเรียกแบบนี้หลายครั้งแล้ว  สมุทรและไอ้เด่นเดินตามหลังผมมาจนถึงห้องปกครอง  ใต้ตึกของห้องพักอาจารย์ค่อนข้างวุ่นวาย  มีนักเรียนชุดมัธยมศึกษาตอนปลายนั่งรออยู่  ทุกคนที่นั่งอยู่หันมามองพร้อมยกมือไหว้ผม  ผมเพียงพยักหน้ารับ  จำไม่ได้และไม่เคยจำว่าใครเป็นใครบ้างแต่คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของไอ้ดิน
 
"สวัสดีครับ" ป้าง  เพื่อนสนิทของไอ้ดินที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงปากประตูเข้าห้องปกครองหันมาเห็นผม  อีกฝ่ายยกมือขึ้นไหว้หน้าจ๋อย  มันเป็นเพื่อนสนิทของไอ้ดินมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นแล้ว  ผมเห็นหน้ามันบ่อยครั้งเพราะไอ้ดินพามาเที่ยวเล่นที่บ้านเสมอ   

"มันอยู่ไหน" ผมถาม

"ในห้องครับ" ป้างตอบ  อีกฝ่ายหลบตาผมและไม่พูดอะไรอีก  ผมเข้าไปในห้องปกครอง  คุณครูที่อยู่ในห้องต่างหันมาเป็นตาเดียว  ก็แน่ล่ะ..ทุกคนคงไม่ได้พิสมัยกับสิ่งที่ไอ้ดินก่อเป็นประจำนักหรอก  ผมมองเข้าไป  เห็นไอ้ดินนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องประชุมกระจกอีกฝั่งหนึ่ง  หน้าของมันบอบช้ำไปหมด  คู่กรณีนั่งอยู่ตรงกันข้าม  และผมแน่ใจด้วยว่านั่นจะต้องเป็นคู่กรณีของไอ้ดินแน่ ๆ  เพราะคนที่นั่งอยู่นั่นคือ “ไอ้กี” น้องชายคนโปรดของไอ้กริด 

"คุณไฟคะ ขอเชิญในห้องเลยค่ะ" คุณครูท่านหนึ่งเข้ามาผายมือเชิญผม  ผมจำหน้าเธอได้แต่ไม่เคยถามชื่อเสียงเรียงนามสักครั้ง 

"รออยู่นี่แหละ" ผมสั่งทั้งคู่ก่อนเดินเข้าไปในห้องประชุมคนเดียว

"สวัสดีครับ" คุณครูหัวหน้าฝ่ายปกครองลุกขึ้นยืนยกมือไหว้  ผมเองก็ยกมือไหว้ตอบด้วย

"เชิญนั่งก่อนครับ" เขาบอก  ผมเข้าไปเลื่อนเก้าอี้นั่งลงข้าง ๆ ไอ้ดิน  เมื่อมันเห็นหน้าผม  อีกฝ่ายก็ก้มหน้าก้มตาหนี  ในห้องในตอนนี้มีเพียงหัวหน้าฝ่ายปกครอง  ไอ้ดิน  ไอ้กีและผมเท่านั้น  ให้หลังที่ผมนั่งไม่ถึงนาที “สมยศ” พ่อของไอ้กีและไอ้กริดก็ปรากฏตัว 

"สวัสดีครับคุณสมยศ เชิญนั่งครับ" คุณครูลุกขึ้นยกมือไหว้อีกครั้ง  ในห้องเงียบกริบสนิท  สมยศเหลือบมองมาที่ผมเล็กน้อย  ผมนั่งเฉยไม่คิดจะทักทายถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ใหญ่กว่าหลายรอบ

"มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ" สมยศถามทันที  พร้อมกับเลื่อนเก้าอี้นั่งลงที่ข้าง ๆ ลูกชายของตน

"ทั้งคู่ทะเลาะวิวาทกันน่ะครับ ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ทางเราได้เคยตักเตือนแล้ว" คุณครูตอบเข้าประเด็นอย่างฉะฉาน  เขานั่งลงที่เดิมด้วยสีหน้าค่อนข้างหนักใจ  หน้าที่คือหน้าที่  หากคุณครูไม่เข้าข้างใครเป็นพิเศษผมก็ไม่คิดที่จะต่อว่าหรอกครับ 

..ผมสำรวจใบหน้าของน้องชายไอ้กริด  รอยช้ำเต็มใบหน้าไม่ต่างจากไอ้ดินนัก  คงเล่นกันน่วมนานน่าดู 

"นายปฐพีเป็นคนเริ่มลงมือก่อนนะครับคุณไฟ เขาเป็นคนสารภาพเอง" คุณครูมองหน้าผม  ผมผงกหัวน้อย ๆ รับทราบ 

"ถ้าจะไล่ออกก็ได้ครับ เอาตามที่คุณเห็นสมควร" ผมพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดเพราะไม่มีอารมณ์มาต่อเถียงด้วย  และเอือมระอาที่จะพูดอ้อนวอนขอร้องใครในเรื่องนี้ 

"พี่ไฟ" ไอ้ดินหันกลับมา  มันเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกผม  แต่ผมยังคงไม่มองหน้ามันอยู่ดี

"ทางโรงเรียนเองก็เห็นใจนะครับ เราตักเตือนอยู่หลายครั้งแล้ว สองคนนี้ยกพวกก่อเรื่องวิวาทกันบ่อยมาก ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ทางเราเองก็อยากที่จะประนีประนอมอยู่เหมือนกัน" คุณครูพูด

"มีเรื่องอะไรถึงกับต้องลงไม้ลงมือกัน" สมยศถามขึ้น  ไอ้กีเองก็ไม่กล้าสบตาพ่อของตนเช่นกัน

"พ่อถามแกอยู่" เขาขึ้นเสียงใส่ลูกของตน 

"มันหาเรื่องผมก่อน" ไอ้ดินพูดแทรก

"ฉันไม่ได้ถามเธอ" สมยศมองขวางมาทางไอ้ดิน

"ผมเปล่านะพ่อ" ไอ้กีเงยหน้าตอบ 

"มันกวนผมก่อน" ไอ้ดินว่า  มันยังยืนยันคำเดิม  ผมมองไปที่สมยศ  อีกฝ่ายก็มองตอบผมเช่นกัน 

"ครั้งนี้นายปฐพีลงมือก่อนก็จริงนะครับ แต่มีพยานเห็นว่าลูกคุณหาเรื่องอีกฝ่ายก่อน แต่ยังไงก็ตาม..ทั้งคู่จงใจมีเรื่องกันด้วย" คำพูดนี้ของคุณครูทำให้ทุกคนสงบลงได้ 

"ทางอาจารย์ใหญ่และผม..เราปรึกษากันแล้ว ว่าจำเป็นต้องให้พักการเรียนของทั้งคู่ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ทางเราจำเป็นต้องไล่ออกนะครับ เพราะถือว่าเราได้ตักเตือนมาหลายครั้งแล้ว"

"ระยะสั้นหรือระยะยาวครับ" ผมถาม 

"ระยะสั้นครับ แค่หนึ่งอาทิตย์" คุณครูตอบ  ผมพยักหน้าเข้าใจ

"แล้วลูกผมล่ะ อีกฝ่ายลงมือก่อนนะ" สมยศถามเอาความทำเอาคุณครูหน้าเสีย

"คุณจะเอาเท่าไหร่" ผมเข้าประเด็น  สมยศอมยิ้มเล็กน้อยที่ดูเหมือนผมจะเข้าใจอะไรได้โดยง่าย  ผมยังคงนิ่งเฉยเพราะไม่คิดที่อยากจะมีเรื่อง

"หนึ่งแสน" สมยศตอบ

"ผมให้ห้าหมื่น" ผมยื่นคำขาดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ 

"ถ้าคุณไม่รับก็ตามสบาย น้องชายผมก็เจ็บเหมือนกัน" ผมว่า 

“ฮึ..พวกไม่มีพ่อแม่ญาติพี่น้องก็อย่างนี้ละนะ โตกันเอง” สมยศแสยะหัวเราะ  ดูปฏิกิริยาก็รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการเงินก้อนเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้  ผมแสยะยิ้มมุมปากนิด ๆ อย่างไม่รู้สึกใด ๆ ต่อคำพูดเหน็บกัด

“พวกที่มีพ่อแม่ก็ไม่ได้ดึงโซ่ที่คอลูกให้ควบคุมตัวเองได้ดีสักเท่าไหร่” ผมอมยิ้มพูดตาลอยมองทั้งคู่ตรงหน้า  อีกฝ่ายหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

"เงินสด เดี๋ยวนี้" สมยศกระแทกเสียงแกมสั่ง  ผมหัวเราะขึ้นจมูก  เหลือบมามองไอ้ดิน  มันนั่งหงอยพูดไม่ออก  ผมลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปที่หน้าห้อง  ไอ้เด่นรีบตรงเข้ามาหาอย่างรู้งาน

"ไปเอาเงินสดมาห้าหมื่น" ผมสั่ง  ใช้น้ำเสียงให้ได้ยินกันเพียงแค่คนของผมเท่านั้น  ลูกน้องคนสนิทของผมจะรู้ดีว่ารถยนต์คันที่ผมใช้ประจำจะมีเงินสดสำรองอยู่ในรถอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนบาท  เมื่อไหร่ที่ขาดพี่ธานจะเป็นคนรับเงินจากผมเพื่อนำไปใส่ให้เต็มเสมอ 

"ครับนาย" ไอ้เด่นพยักหน้ารับเดินออกไปพร้อม ๆ กับสมุทร  ผมกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งโดยนั่งลงที่เดิม  ทุกคนเงียบกริบไม่มีใครพูดอะไรสักคำจนไอ้เด่นและสมุทรกลับมาถึง  สมุทรเคาะห้องสองสามครั้งเป็นการขออนุญาตและเป็นฝ่ายเปิดประตูถือเงินเข้ามาวางให้ตรงหน้าผม  ผมลุกขึ้นยืน  ดันเงินปึกละหมื่นเป็นจำนวนห้าปึกไปตรงหน้าของสมยศ

"ขอโทษด้วยแล้วกันครับที่น้องชายผม อารมณ์ร้อนไปหน่อย" ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ  เพราะคนตรงหน้าไม่มีทางทำให้ผมรู้สึกแย่หรือดูถูกตัวเองไปได้  ผมไม่ได้รู้สึกแย่ที่ต้องพูดขอโทษแทนน้องตัวเองกับคนแบบสมยศและไอ้กี  เพราะคำ ๆ นี้สำหรับคนแบบนี้มันคงไม่ได้มีความหมายสำคัญด้วยซ้ำ  ซึ่งอย่างไรก็ตามไอ้ดินก็เป็นฝ่ายผิด 

"กลับ" ผมสั่ง  ไอ้ดินลุกขึ้นยกมือไหว้ลาคุณครู  ผมเองก็ลาเขาด้วย  อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนยกมือไหว้ตอบด้วยสีหน้าท่าทางหนักใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า  และเหมือนความเป็นครูของเขาจะไม่สามารถทำอะไรระหว่างเราได้เลย  ไอ้เด่นรีบเปิดประตูห้องให้  ไอ้ดินทิ้งช่วงเดินตามหลังไม่กล้าเข้ามาเดินขนาบข้างผมอย่างทุกที  เพื่อน ๆ ของมันที่นั่งรอฟังผลอยู่ต่างเงียบสนิท  ไม่มีใครส่งเสียงใด ๆ จนเกือบถึงรถ

“เปิดท้ายรถ” ผมสั่ง  สมุทรผงกหัวและรีบทำตามที่สั่งทันที  ผมหยิบไม้เท้าซ่อนมีดหัวมังกรที่พายุซื้อมาให้จากประเทศจีน  เมื่อไอ้ดินเห็นว่าผมหยิบอะไรออกมา  มันก็ก้มหน้าก้มตาน้ำตาไหลไม่หยุด  มือที่ถือไม้เท้าอยู่ตวัดควงให้ได้น้ำหนัก  เมื่อสัมผัสได้ว่าแน่นมือดีแล้วจึงวาดแขนขึ้นสูงเต็มเหนี่ยว


เพี้ย!!!   ..เสียงฝ่ามือที่ฟาดเข้าที่หน้าไอ้ดินสุดแรงดังสะท้อน  เสียงที่ดังกว่านั้นคือเสียงของไม้เท้าที่ผมปล่อยออกจากมือก่อนที่จะถึงใบหน้าของไอ้ดินนั้นตกกระทบกับพื้น  แม้สุดท้ายจะไม่ใช่การฟาดจากอาวุธ  แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายตัวเซกระแทกล้มลงไปไม่เป็นท่า

“อึก” มันก้มหน้าร้องไห้หมดสภาพ  ผมเพียงเหล่มอง  ไม่รู้สึกสงสารมันเลยแม้แต่นิดเดียว  สมุทรเข้าไปช่วยพยุงไอ้ดินเอาไว้ด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก  การลงไม้ลงมือกับคนในครอบครัวคงเป็นเรื่องที่ไม่ควรให้อภัยสำหรับเขา  แน่นอนว่าหน้าที่พยุงไอ้ดินขึ้นมาต่อหน้าผมโดยที่ผมไม่ได้สั่งแบบนี้  นอกจากพี่ธานแล้วก็ไม่มีใครกล้าทำ

“มึงรู้ใช่ไหมว่ากูจะใช้ของแบบนั้นกับใคร” ผมพูดเสียงเย็นตักเตือน  ผมไม่ได้ใช้ไม้เท้าฟาดมันอย่างที่มันคาด  ไม้เท้าสเตนเลสมีน้ำหนักผสมด้วยลายไม้อย่างดี  หัวมังกรผสมเงินแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์  ความแข็งแรงทนทานที่ไม่ควรเอาร่างกายไปรองรับ  ผมจะใช้มันในยามฉุกเฉินในบางครั้ง  ตั้งแต่ที่ผมฟาดคนร้ายสลบไปภายในครั้งเดียว  ลูกน้องผมก็ยังไม่เคยกวนใจทำให้ผมได้ใช้มันซ้ำต่อหน้าพวกมันอีกเลย   

"นี่สำหรับ..ที่มึงไม่หักห้ามใจตัวเอง" ผมพูดด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้ายใด ๆ

"อึก ฮือ~" ไอ้ดินแทบร้องไห้โฮ  มันพยายามกลั้นไม่ให้น้ำเสียงออกมาแล้ว  มือปาดเลือดที่ไหลออกจากจมูกทั้งน้ำตา 

"ลุกขึ้น" ผมสั่งเรียบ ๆ  สมุทรออกแรงยกตัวไอ้ดินที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้น  มันยืนตัวสั่นก้มหน้าก้มตา  ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ยืนมองมันอยู่อย่างนั้นอยู่ครู่หนึ่ง  เห็นว่าเลือดออกที่มุมปากข้างที่ผมตบไปด้วย  ผมรู้ว่าสาเหตุไม่น่าจะเกิดจากไอ้ดิน  ฟังจากที่คุณครูพูดเมื่อครู่ก็พอจะเดาอะไร ๆ ออก  ผมไม่โกรธเพราะอย่างน้อย ๆ มันก็รักษาคำพูดที่ให้ไว้กับผมได้บ้าง 

"อึก~ ดิน..ขอ โทษ" มันพูดสะอึกสะอื้น  นำแขนปาดน้ำตาตัวเองอย่างลวก ๆ  ผมเดินเข้าไปหาพร้อมกับคว้าหัวมันเข้ามากอดอย่างแรงจนมันเซตัวเข้ามาซบหน้าลงที่อกของผม  ซึ่งกลับกลายเป็นว่ามันดันร้องออกมาหนักขึ้นกว่าเดิม

"ดินไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ดิน..ไม่ได้อยากทำให้เฮียเสียใจ" ไอ้ดินพร่ำพูดไปน้ำตามันก็ไหลเปื้อนเสื้อผมจนรู้สึกว่าเสื้อที่อกคงเปียกไปหมดแล้ว  ผมอมยิ้มนิดหน่อย  ยังดีที่คนอย่างไอ้ดินสำนึกได้อยู่  อย่างน้อยมันก็ยังดื้อน้อยกว่าผมสมัยที่เป็นวัยรุ่นเยอะเลย

“ถ้าสักวันไม่มีกูอยู่ พวกมึงต้องดูแลตัวเอง” ผมพูด

“มึงต้องอดทนให้มากกว่านี้ ทำตัวให้มันสมชื่อหน่อย” ผมเตือนยิ้ม ๆ  เพราะนึกถึงคำของพ่อขึ้นมา  ด้วยความที่ไอ้ดินเป็นเด็กใจร้อน  พ่อของผมมักจะเตือนไอ้ดินเสมอว่า  ที่ให้มันชื่อ “ดิน” เพราะแผ่นดินเป็นของมีค่า  ไม่ว่าใครจะทำร้ายดีกับพื้นดินอย่างไร  มันทั้งอดทนและแข็งแรง   

"รู้ไว้นะไอ้ดิน เพราะว่ามึงเป็นน้องกู ไม่ว่ามึงจะทำให้กูโกรธกี่ครั้ง..มึงก็คือน้องกู" ผมพูดอย่างไม่อายใครที่ยืนอยู่ในตอนนี้ 

"..มึงจำไว้ให้ดี" ผมย้ำบอกเสียงเข้ม  การย้ำที่ให้คนอย่างมันเอาไปตีความด้วยตัวเองว่าเมื่อไหร่ที่ผมไม่เห็นว่ามันเป็นน้องขึ้นมา  มันจะไม่ได้อะไรจากผมเลยสักอย่างเดียว

ผมให้ไอ้เด่นขับรถมอเตอร์ไซค์ของไอ้ดินกลับบ้าน  สมุทรจึงทำหน้าที่ขับรถแทนโดยมีผมและไอ้ดินนั่งไปด้วย  ระหว่างทางผมไม่ได้สอบถามอะไรจากไอ้ดินเพราะผมยังไม่มีอารมณ์  อีกอย่างปล่อยให้มันได้คิดทบทวนด้วยตัวเองบ้าง  ให้เราอารมณ์สบาย ๆ ทั้งคู่แล้วค่อยสอบถามถึงสาเหตุอีกทีหนึ่งคงดีกว่า  สมัยที่ผมเป็นวัยรุ่นและก่อเรื่องมา  พ่อก็ทำกับผมแบบนี้เหมือนกัน   

เมื่อกลับถึงบ้านเราต่างแยกย้ายกันไป  ผมเข้าห้องทำงาน  ไอ้ดินขึ้นไปอาบน้ำ  สมุทรไปอยู่ที่โรงฝึกกับไอ้เด่นที่มาถึงบ้านก่อนหน้ารถยนต์ไม่กี่นาที  ผมใช้เวลาอยู่ในห้องทำงาน  เห็นงานแล้วรู้สึกท้อแท้ใจขึ้นมาบ้าง  บางทีก็แอบคิดว่าจุดจบจะอยู่ที่ตรงไหน  เงินหลายร้อยล้านที่ผมถืออยู่ในตอนนี้  ถ้าผมหยุดทุกอย่างแล้วมันจะสามารถดูแลลูกน้องที่ค่ายทุก ๆ คนได้อย่างไม่ขัดสนไหม  ถ้าเกิดเดือดร้อนขึ้นมาในยามฉุกเฉิน  ถ้า ๆ ๆ เต็มไปหมด..


ก๊อก  ๆ ๆ

"คุณไฟครับ ผมเองนะครับ" พี่ธานพูด

"ครับ" ผมขานรับ  พี่ธานเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา

"ได้เวลาที่สมุทรต้องไปค่ายมวยแล้วนะครับ เขาให้ผมมาถามคุณว่าไปได้รึเปล่า"

"เชิญตามสบาย" ผมอนุญาต  พี่ธานนิ่งมองมา

"เป็นอะไรรึเปล่าครับ" พี่เขาถาม

"หึ เปล่า" ผมหลุดยิ้มนิด ๆ  แต่อีกฝ่ายกลับตรงมาที่โต๊ะทำงานของผม  ผมมองอย่างสงสัยว่าพี่เขาจะทำอะไร  พี่ธานเข้ามาเปิดขวดโหลลูกอมที่วางอยู่และหยิบลูกอมออกมาให้ผมหนึ่งเม็ด 

"อย่าคิดมากสิครับ" อีกฝ่ายยิ้มบอก  ผมหัวเราะนิด ๆ พลางเหล่มองก่อนที่พี่เขาจะเดินออกจากห้องไป  มือเอื้อมหยิบลูกอมมาแกะกิน  เอนตัวพิงพนักเก้าอี้  ตาลอยมองไปบนเพดาน

"มีอะไรให้ชีวิตกูต้องหวัง เพื่อให้อยู่ต่อไปบนโลกนี้อีกวะ" ผมบ่นพร้อมเอนหลังไปมากกว่าเดิม  หลายครั้งที่รู้สึกได้แต่ความวางเฉยในชีวิต  ตั้งแต่เล็กจนโตผมได้ทุกอย่างที่อยากได้  ได้ทำทุกอย่างที่อยากทำ  แม้กระทั่งฆ่าคนผิดในความรู้สึกที่เคยเจ็บปวดสาหัส  เดินผ่านจุด ๆ นั้นมาจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว  ตั้งแต่แม่กับพ่อเสียไป  การพยายามทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อเป็นหลักในชีวิตมันก็จางลง  ความเป็นตัวของตัวเองยังคงเหมือนเดิม  ได้แต่ทำหน้าที่ของคนเป็นพี่  และคิดว่าสักวันหน้าที่ที่รับช่วงต่อจากพ่อและแม่นี้ของผมก็คงจะหมดลงไปเอง  แต่บางครั้งมันก็ว่างเปล่าจนรู้สึกว่า  ถ้าน้อง ๆ ไม่มีผมมันก็อาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้แล้วละมัง  ถ้าหมดจากพายุและไอ้ดิน  ผมจะพยายามทุก ๆ อย่างไปเพื่ออะไรอีก..




..........(ไฟ).........

จากผู้เขียน:
.. ต้องขอโทษด้วยค่ะที่ห่างหายไปค่อนข้างนาน  เนื่องจากว่าต้องจัดการงานเขียนของหนังสือเรื่องอื่นที่กำลังจัดทำอยู่  ซึ่งที่ผ่านมาธุระส่วนตัวยุ่งมาก ๆ จนแทบไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นสักและสุขภาพไม่ค่อยดีดั่งใจสักเท่าไหร่  เขียนตอนที่ 22 นี้เพิ่งเสร็จเมื่อครู่เลยนำมาลงให้ก่อน  หากมีเวลาจะมาต่อตอนต่อ ๆ ไปให้อีกค่ะ



เบบี้

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2016 22:04:47 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ pornvrin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
อิพี่ไฟใจร้ายยยยยย...แต่ดินก็สมควรโดนอะนะ

จริงๆ อยากจะถามเหมือนกัน ตอนตั้งชื่อนี่นึกยังไงถึงตั้งว่าไฟ...ร้อนไปหมดดดดด XD

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
พี่ไฟ!!!!!!!!!!!

คิดถึงมาก

ชอบเวลาพี่อารมณ์หงุดหงิดกับสมุทร บางทีก็เผลอยิ้มแบบเจ้าเล่ห์  ชอบพี่ไฟจริงๆ

ขอบคุณเบบี้มากๆรอมานาน

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
สู้ๆค่าาาา 

สุขภาพแข็งแรงๆนะคะ

นักอ่านรอๆกันนนนนนนน เสมอออออ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
สมุทรเนื้อหอมไปใหนใครก็อยากได้





คุณไฟโหดร้าย ใจร้าย ปากร้าย






น้องเมฆ น่ารัก เดี๋ยวหนูต้องได้ไปฟึกกังฟูแน่ๆจ้ะ





สมุทรก็อย่าไป ขุ่นใจกับปากเสียๆของคุณไฟนะ นางปากเสียแบบนี้แหละ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด