The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 446171 ครั้ง)

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
น่าเห็นใจไฟมาก ๆ เลยค่ะ ชีวิตเหมือนขาดเป้าหมาย เหมือนสิ่งที่ยึดเหนี่ยวมาตลอดกำลังถูกสั่นคลอน คงต้องให้สมุทรเข้ามาดูแลใจแทนพี่ธารอย่างเต็มตัวสักที  :mew1:  แบกรับภาระไว้หนักเหลือเกิน พ่อไฟของป้า  :o8:


รอตอนต่อไปค่ะ


ปล.ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ ช่วงนี้เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวร้อนๆ หนาวๆ


 :katai3:

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1034
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
บางทีก็เหนื่อยแทนไฟนะ มีแต่เรื่องที่ต้องแก้ปัญหา
คงมีแต่รอยยิ้มของสมุทรละมั้ง ที่ทำให้ไฟอารมณ์ดีได้  :กอด1:
เฮียไฟ สู้ๆ o13

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
มีแต่เรื่องไม่หยุดหย่อน
คุณไฟอย่าท้อนะ 
คุณไฟคือเสาหลักของบ้าน อดทนไว้ ฮึบๆ 

ปล. หอมแก้มน้องมืดมนดังฟอดให้สมกับความคิดถึง

ออฟไลน์ konjingjai

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +226/-4
ที่ไฟหงุดหงิดแปลว่าหึงใช่ป่ะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ Rhythm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
คุณไฟก็เดินหน้าจีบสมุทรไปเลยสิคะ จะได้ไม่ต้องมาหงุดหงิด หึงเค้าอย่างงี้ :hao3:

ตอนที่ไฟเอาไม้เท้าฟาดหน้าดิน เราอึ้งไปเลยนะ แต่พอไฟคว้าน้องมากอด ก็ซึ้งเลย มันคงเป็นวิธีการสอนน้องในแบบของเฮีย (ที่แอบโหดไปมาก) ไม่รู้ทำไมเราชอบดิน ตั้งแต่ที่มีเรื่องกับกีช่วงต้นเรื่อง แล้วมาสะอึกสะอื้นร้องไห้ขอโทษเฮียล่ะ น่าเอ็นดู น้องดูเด็กน้อยจริงๆ

ออฟไลน์ tempo_oil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
ทำไมเรารู้สึกหน่วงแปลกๆ เห้ออออออ


ยอมรับว่าครั้งแรกที่เห็นว่าอัพแล้ว นี่ตกใจแทบกรี๊ด 55555

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ   คนแต่งรักษาสุขภาพด้วยนะคะ คนอ่านรอได้ค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอให้หายป่วยไวๆค่ะ

เมฆน่ารัก ไฟก็บ้าไปกวนน้อง
แล้วทำไมนั่งเฝ้าขนาดนั้น อยากรู้หรืออิจฉาน่ะ เอาให้แน่

สมุทรก้าวเข้ามาแล้วออกยากนะ ทำใจเหอะ

ไฟต้องเจออะไรอีกเยอะ ผ่านมาเยอะ ก็ยังดีที่ยังมีช่วงเฟลบ้าง แต่ยังมีสมุทรนะ 555
บ้านนี้เค้าเลี้ยงแบบเผชิญหน้าจริงๆค่ะ ดินโดนเลย


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ oniisanbaka

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านตอนนร้แล้วรู้สึกหน่วงอย่างรุนแรง ฮือออ ไฟจ๋า ลดความโหดลงบ้างก็ด้าย สงสารน้องดิน เจ็บน่าดูนะนั่น

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบบบ สมกับที่รอ อ่านเท่าไรก็ไม่จุใจ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
งานคุณภาพ ยอดเยี่ยมเสมอ :mew1: :mew1: :mew1:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ lookfa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
หลงรัก น้องมืดมน
 :กอด1:

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 951
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
ไฟนี่ตัดคู่แข่งซะแบบไม่ไว้หน้าผ้หญิงเลยอย่างร้าย

 :pig4:

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ความรับผิดชอบ ในหน้าที่ ผู้นำครอบครัว บนบ่า
เจ้าตัวคงยังไม่รู้ว่า เกิดความรู้สึก หวงในตัวสมุทร  :z1:
+1 ให้พร้อมกำลังใจ นะ เบบี้  :mew1:

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
ถ้าสักวันไม่มีกูอยู่ พวกมึงต้องดูแลตัวเอง ไฟรักน้องนะสอนดี แต่แรงอ่ะ

ออฟไลน์ spsygk

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
รอรักกับสมุทรไงงงง  ฮิ้วว

ออฟไลน์ kawoat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
บางครั้งก็สงสารดินนะ เป็นกระสอบทรายเชียว ฮ่าๆๆๆๆ
แต่ก็เข้าใจแหละว่าทำไมน่ะนะ

สู้ๆ จ้าคนเขียน รอติดตามต่อไปนะ

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
รอบนี้พี่ไฟไม่ค่อยโหดกับดินเท่าไหร่ แกรู้แหละว่าดินไท้ใช่ฝ่ายเริ่ม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
จะรักกันตอนไหนล่ะสองคนนี้
คุณไฟดูมีอะไรมากมายให้คิด
แล้วแบบนี้จะคิดจริงจังกับสมุทรเมื่อไหร่ค้าาาา
ส่วนสมุทรก็มีหยาไม่พอมาตอนนี้มีคุณพลอยอีก
ลุ้นกันเหนื่อยเลย

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ตอนที่ 23
..ไฟ..



6:30 น.

วันนี้ผมไม่มีซ้อมตอนเช้า  ปกติจะต้องพักร่างกายเพื่อให้กล้ามเนื้อได้พักหายใจบ้าง  แต่เนื่องจากว่าใกล้ถึงการแข่งขันที่พัทยาเข้ามาทุกที ๆ  ผมเองก็ต้องทำร่างกายไว้ให้พร้อมด้วยถึงแม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นชกเองก็ตาม  พี่ธานสั่งให้พวกลูกน้องของผมตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง  เราอบอุ่นร่างกายและออกไปวิ่งเพิ่งกลับมาถึงเมื่อครู่  ไอ้เด่นเปิดเพลงดังลั่นโรงฝึก  ไอ้ดินจึงโผล่หัวออกจากบ้านใหญ่ได้โดยไม่ต้องมีใครปลุก  ผมคิดว่ามันไม่กล้านอนตื่นสายมากกว่าเพราะกลัวโดนผมดุ  เพราะนี่ไม่ใช่ปิดเทอมของมัน  มันเป็นผู้รับโทษอยู่  ดังนั้นควรรู้หน้าที่ของตัวเองและไม่มีสิทธิ์พัก  ผมจะไม่พูดบอกสอนอะไรทั้งนั้นจนกว่าผมจะสุดทนน่ะนะ 

"สมุทรมาแล้วครับ" พี่ธานบอก  ผมที่กำลังเช็ดเหงื่ออยู่หันไปมองสมุทรที่เพิ่งขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามา  วันนี้พี่ธานนัดให้เขามาซ้อมรวมด้วยกันที่นี่

“สั่งให้ไอ้หินไปซื้อแอร์ให้หน่อยสิ” ผมบอกโดยสั่งงานไปตามความถนัดของแต่ละคน

“ทำไมครับ” พี่ธานถาม

“ติดในห้องชั้นล่างของบ้านสมุทรน่ะ” ผมตอบไม่ได้มองหน้าพี่ธานแต่พอหันกลับมาอีกที  ลูกน้องผู้จงรักภักดีของผมมาตั้งแต่ตอนที่ผมยังเป็นเด็กก็อมยิ้มรออยู่แล้ว

“ห้องน่าจะประมาณยี่สิบสี่ตารางเมตรกว่า ๆ  ดูแบบ..หมื่นแปดถึงสองหมื่นบีทียูมาก็แล้วกัน” ผมสั่งโดยไม่สนใจรอยยิ้มนั่น
 
“ได้ครับ” พี่ธานยิ้มรับ

“เอายี่ห้อที่ดีที่สุดน่ะ..แบบประหยัดไฟด้วยก็ดี ให้มันมาเอาบัตรผมไป สั่งให้ช่างไปติดตั้งอะไรให้เรียบร้อยเลย ถ้ามีให้ต่อประกันอะไรก็ให้ต่อไปเลยนะ..จัดการให้เรียบร้อย แล้วบอกให้มันตามงานมาด้วยล่ะ”

“ได้ครับ” พี่ธานยิ้มรับอีกครั้ง

“เลิกทำน้ำเสียงแบบนั้นเถอะน่า..ผมขนลุก” ผมกลอกตาดำอย่างรับไม่ได้

“หึ ๆ ๆ” อีกฝ่ายหลุดหัวเราะ

“เลิกยิ้มด้วยครับ ถึงเป็นพี่ผมก็ซื้อให้แบบนี้เหมือนกัน” ผมว่าแต่อีกฝ่ายกันดันไม่หยุดหัวเราะซะงั้น

"พรุ่งนี้เช้าพี่สอนเข้าขับหน่อยสิ อีกฝ่ายยังไม่เคยเรียนขับบิ๊กไบค์น่ะ เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน" ผมสั่ง

"มีธุระที่ไหนรึเปล่า" ผมถามถึง

"ไม่หรอกครับ พรุ่งนี้เช้าผมจะเข้าสนามแข่งน่ะครับ ผมเลื่อนไปเป็นเข้าสายหน่อยก็ได้" พี่ธานตอบ

"อือ..ก็ดี เออ..ผมมีงานให้พี่ไปสืบหน่อย พอดีเมื่อคืนไอ้คินโทรมาบอกว่ามีคนขายที่ดินที่ชลบุรี ผมอยากรู้ทำเลแถวนั้น หลายสิบไร่เหมือนกัน เห็นว่าเจ้าของเขารีบขายใช้หนี้น่ะ" ผมพูดพร้อมหยิบขวดน้ำมาเปิดออกดื่ม

"ได้ครับ" พี่ธานพยักหน้ารับทราบ  สมุทรเดินมาที่โรงฝึก  เขายกมือไหว้พี่ธานและหันมาผงกหัวทักทายผม 

"บอกอนาคตดีนะ.." ผมอมยิ้มพูดกับพี่ธาน  ตอนนี้สมุทรถูกดักทางโดยไอ้ดินไปเรียบร้อยแล้ว

"อะไรครับ..?" พี่ธานอมยิ้มถามกลับงง ๆ

"นี่ไม่ใช่ยุคก่อนกรุงศรีนะ ใครเขาไหว้คนรักกันล่ะ" ผมแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมยักไหล่กวน ๆ 

"หึ ๆ ๆ" อีกฝ่ายได้ยินถึงกับหลุดหัวเราะไม่ยั้ง

"เมื่อวานคุณยังทำหน้าเบื่อโลกอยู่เลยแท้ ๆ  เขาถามผมด้วยว่าคุณพูดอะไรให้ผมฟังรึเปล่า ท่าทางเขาดูเป็นห่วงคุณอยู่เหมือนกันนะครับ" พี่ธานเล่าถึง  แม้ผมจะไม่แสดงอาการตื่นเต้นใด ๆ ออกไป  แต่ก็ต้องยอมรับว่าคำพูดสุดท้ายเมื่อครู่นี้ทำให้รู้สึกดีต่อโสตประสาทพอสมควร 

"หมายความว่าไง" ผมแกล้งงงไปงั้น

"ไม่รู้สิครับ" พี่ธานตอบหน้าซื่อ 

"เรื่องพลอยละมั้ง" ผมเดา

"คุณพลอย..ทำไมเหรอครับ ?"

"ยัยนั่นขอเบอร์สมุทรน่ะ"

"หะ" พี่ธานอุทานตาโต  ผมเบ้ปากเล็กน้อยย้ำประมาณว่า “เรื่องจริง” 

"แล้วคุณไม่ห้ามละครับ คุณก็มีสิทธิ์..แค่คุณออกคำสั่ง เขาก็คงไม่กล้าให้หรอก"

"ไม่เอาหรอก ประเด็นนี้ขอบายแล้วกัน" ผมตอบปัดพลางหัวเราะ

"ของอย่างนี้ห้ามไปก็เท่านั้น ถ้าเขาจะรักจะชอบกันขึ้นมาจริง ๆ  คนห้ามไม่หมาเหรอ" ผมขมวดคิ้วยิ้ม ๆ มองหน้าพี่ธาน

"คุณนี่คิดมากกว่าที่ผมคิดนะครับ" อีกฝ่ายแซว   

"ก็นะ..เหมือนฤดูหมาอยากผสมพันธุ์ไง ห้ามไปจะช้ำเลือดช้ำหนองซะเปล่า ๆ" ผมเบ้ปากนิดหน่อย

"คุณสนใจเขาไม่ใช่เหรอครับ เดี๋ยวก็โดนแย่งไปจริง ๆ หรอก"

"ผมก็บอกแล้วว่าผมเซนซิทีฟ" ผมยักคิ้วกวนปัดไปงั้น  จะให้ผมไปจีบสู้กับผู้หญิงนี่นะครับ  คงจะชนะหรอก  สมุทรขอตัวจากไอ้ดินเข้าไปในห้องแต่งตัวทางด้านหลัง 

"ดินไปซ้อมบ้างดีกว่า" ไอ้ดินยิ้มพูดกับตัวเองแล้วเดินตรงไปที่โรงเก็บรถจักรยานของมัน
 
"เดี๋ยวพี่เอาตารางฝึกให้สมุทรนะ ให้เขาคุมพวกนั้นไป" ผมสั่ง

"ได้ครับ" พี่ธานขานรับพร้อมหยิบตารางซ้อมมา  ไม่นานนักสมุทรก็ออกมาจากห้องแต่งตัวโดยใส่กางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว

"เดี๋ยวนายคุมพวกนั้นฝึก..นี่นาฬิกา ตารางตรงพี่ธาน เอากลับไปจำด้วยก็ดี" ผมบอก  สมุทรรับกระดาษจากพี่ธานไปดู
 
"เสร็จจากนี้แล้วเดี๋ยวจะล่อเป้า" ผมบอก

"ครับ" สมุทรผงกหัวก่อนเรียกพวกไอ้เด่น  ไอ้เข้มและไอ้หินเพื่อให้มารวมตัว  ผมกับพี่ธานแยกตัวกันมาซ้อมต่างหากโดยจับเวลาเริ่มที่กระโดดเชือกเป็นอันดับแรก  ใช้เวลายี่สิบนาทีที่ลานกลางแจ้งด้านหน้าโรงฝึก  ลูกน้องผมไม่ใช่คนไม่เอาใครหรือดื้อรั้นนัก  ดังนั้นใครที่ผมจัดมาให้คุมพวกมันแสดงว่าผมเลือกแล้วและทุกคนมักจะเชื่อฟังเป็นอย่างดี  ส่วนผู้ฝึกจะทำให้ลูกน้องผมเคารพได้หรือไม่นั้นก็ต้องขึ้นอยู่ที่เจ้าตัวเอง

ยี่สิบนาทีผ่านไปผมเห็นพายุเดินออกมาจากบ้าน  มันที่กำลังจะเดินผ่านพวกผมไปโบกมือทักทายน้อย ๆ  ผมได้เพียงแต่พยักหน้าทักทายกลับและไม่หยุดกระโดดเชือกเพื่อจะทำให้ครบรอบ 

"ฟู่!" การหายใจเริ่มหายใจทางปากมากขึ้น  ผมเดินไปหยุดยืนอยู่ที่ ๆ วางลูกบอล  พี่ธานยืนคุมตรงหน้าเพื่อช่วยดูลักษณะการเคลื่อนลำตัวของผม  การเคลื่อนไหวด้วยตัวเองจะช่วยให้เรามีสมาธิอยู่กับการเอี้ยวตัวในการหยิบลูกบอลไขว้ไปข้างหลัง  เป็นการฝึกกล้ามแขน  กล้ามหลัง  กล้ามหน้าท้อง  เพราะลูกบอลมีน้ำหนักค่อนข้างมาก  พี่ธานยืนคุมผมจนเสร็จเมื่อถึงตาของพี่ธานผมก็เป็นฝ่ายคุมพี่เขาต่อ  เราสลับหน้าที่กันแบบนี้โดยไม่หยุดพักใด ๆ  เพราะระหว่างที่เรายืนคุมอีกฝ่ายอยู่นั้นนั่นก็ถือว่าเป็นการได้พักให้หายใจแล้ว 

เราฝึกซ้อมในทุกการเคลื่อนไหวในทุก ๆ สัดส่วนของร่างจนครบ  ไม่ว่าจะวิดพื้น  เวทเทรนนิ่ง  การออกกำลังขา  แข่งโหนบาร์  แข่งยกยางรถยนต์  ตีเข่า  เตะกระสอบทรายและอีก ฯลฯ  เสร็จจากนั้นก็ถึงเวลาที่ต้องลงนวม  ตามเวลาของผมกับพี่ธานและฝั่งของสมุทรเสร็จพร้อมกันเปี๊ยบ  แสดงว่าฝั่งนั้นได้จับเวลาตรงตามตารางที่ผมวางไว้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน  การซ้อมในเช้านี้เป็นไปอย่างดุเดือดกว่าสองสามวันที่ผ่านมา  พายุออกมายืนดูได้ไม่นาน  อีกฝ่ายดูจะคันไม้คันมือจึงขอเป็นคู่ซ้อมให้กับไอ้หิน  ส่วนตัวของไอ้หินไปแบบไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่นัก  เพราะพายุเดาใจค่อนข้างยาก  แต่สุดท้ายไอ้หินก็ยอมไปเพราะนั่นคือคำสั่งที่นาน ๆ จะลงมาที่โรงฝึกแบบนี้ที  เสร็จจากลงนวมเสร็จเรียบร้อย  เรียกได้ว่าเหนื่อยจนคอแห้งผากกันหมดทุกคน  ผมว่านี่ล่ะที่เรียกว่า “สะใจสุด ๆ”  เราพักพูดคุยอยู่ประมาณสิบนาทีและจบด้วยการฝึกฟุตเวิร์ค  โดยมีพายุคอยอยู่จับเวลาให้จึงทำให้พวกผมได้ฝึกไปพร้อม ๆ กันทีเดียวทั้งหมด

"ตาย ๆ ๆ" พี่ธานยิ้มแซวสภาพของไอ้เด่นกับไอ้หินที่หอบลิ้นห้อยไปแล้ว

“หึ ๆ” ผมหัวเราะ 

"เอา..พอ!" ผมอนุญาตบอกเลิกการฝึก  พวกมันพร้อมใจกันโอดครวญในทันที  สมุทรเพียงยืนยิ้มมอง  เจ้าตัวก็เหงื่อโชกจนเปียกไปทั้งตัวเช่นกัน  แต่ดูเหมือนจะไม่หมดสภาพเท่ากับลูกน้องของผมอย่างไอ้เด่นและไอ้หิน  ขนาดพวกมันอยู่กับผมมานาน  ฝึกกันมาหลายอย่าง  เจออะไร ๆ ด้วยกันมาก็เยอะแต่พอบทจะขี้เกียจ  หมดแรงพวกมันก็เป็นเอาเสียดื้อ ๆ  ส่วนสมุทร ผมไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตกับการฝึกซ้อมมวยมาอย่างไรบ้าง  หนักเบาเอาจริงเอาจังแค่ไหน  แต่การที่เขาสามารถควบคุมลูกน้องของผมวันนี้ได้ตรงตามเวลา  สามารถคุมสถานการณ์ให้พวกมันอยู่ในโอวาทได้  ผมก็ถือว่าเขาสอบผ่านได้ในระดับหนึ่ง

"พี่สมุทรเล่นปิงปองเป็นปะครับ" พายุถาม 

"ก็..พอเป็นครับ แต่ไม่เก่ง" สมุทรยิ้มตอบ

"งั้นช่วยเป็นคู่ซ้อมให้ยุหน่อยได้ไหม" พายุถามด้วยแววตามีความหวัง  สมุทรหันมามองหน้าผม 

"เสิร์ฟลูกให้เฉย ๆ น่ะ ไม่ถึงขนาดตีโต้หรอก" ผมขยายความแทนพายุ  หากใครในบ้านสามารถตีโต้กับพายุได้ก็ไปคัดตัวนักกีฬาได้เลย  เพราะพายุเล่นปิงปองฝีมือเข้าขั้นเก่งเลยล่ะ  ผมเป็นคู่ซ้อมให้มันมาตั้งแต่จำความได้แต่ไม่สามารถตีโต้อย่างการแข่งขันจริง ๆ ได้  ต้องยอมรับว่าคนเรามีทักษะทางด้านกีฬาไม่เหมือนกัน  บางทีพายุคงอยากซ้อมอยู่บ้านบ้าง  แต่ก็ไม่มีใครเต็มใจจะฝึกให้มันซักคนเพราะถ้าทำอีกฝ่ายโมโหก็อาจจะพาลหงุดหงิดไปได้อีกหลายวัน   

"งั้นก็ได้ครับ" สมุทยพยักหน้ารับ

"ใครมาแต่เช้า" พายุขมวดคิ้วมองไปที่ประตูรั้วหน้าบ้าน  ลุงทองรีบกุลีกุจอกดเปิดประตูรั้วให้แบบนั้นแสดงว่าลุงแกต้องรู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นใคร

"แขกมึงไง ไอ้ยุ" ผมพูดเพราะรถยนต์คันที่ขับเข้ามาเป็นรถยนต์ที่บ้านของย่าผม 

"กูอยากจะบ้า" ผมบ่น  หลับตาพร้อมถอนหายใจแรง  งานเข้าแต่เช้า

"ไอ้รุ่งขึ้นชกวันนี้นี่ใช่ไหม" ผมยืนเท้าเอวขมวดคิ้วมองหน้าพี่ธาน  อยากรีบสั่งงานให้เรียบร้อยก่อนที่จะไปเจอหน้าของย่า  การมาหาแบบนี้ได้คงมีเรื่องกะทันหันหรืออาจทำให้ผมอารมณ์เสียเป็นแน่

“ใช่ครับ” พี่ธานผงกหัว

"งั้นพี่ธานกับไอ้เด่นไปดูมันชกแทนผมหน่อยก็แล้วกัน"

"ได้ครับนาย!" ไอ้เด่นยิ้มกว้างด้วยความดีใจ

"ต่อหน้านาย ให้มันน้อย ๆ หน่อย" พี่ธานปรามดุ ๆ  ผมแสยะยิ้มเพราะไอ้เด่นหน้าเจื่อนไปแล้ว

"แต่ว่าผมตั้งใจว่าจะรายงานเรื่องบัญชีให้คุณก่อนนะครับ" พี่ธานบอก

"ไม่เป็นไร พี่เอาเอกสารทิ้งไว้ในห้องทำงานนั่นแหละ เดี๋ยวผมดูเอง ถ้ามีอะไรเอาไว้คุยกันตอนเย็น" ผมสั่ง

"ได้ครับ” พี่ธานตอบ

"ไปอาบน้ำอาบท่าไป" ผมไล่พวกมัน  ไอ้เข้ม  ไอ้เด่นและไอ้หินขานรับพร้อมผงกรับทราบก่อนเดินจากไปพร้อมกัน
 
"ถ้ามันชนะละก็..ก่อนกลับมาบ้าน มันอยากกินอะไรพี่ก็ซื้อติดไม้ติดมือกลับมาแล้วกันนะ เดี๋ยวผมให้เงินทีหลัง" ผมสั่งเสีย  พี่ธานอมยิ้มน้อย ๆ

"งานเข้าเฮียเต็ม ๆ" พายุอุทาน  ผมหันไปมองตามสายตาของพายุทันที  เห็นคนที่เพิ่งลงมาจากรถไม่ใช่เพียงแค่ย่าของผมคนเดียวแต่กลับมีริศามาด้วย 

"อาซ้อมาหาถึงที่เลย" พายุยิ้มแซว

"เดี๋ยวกูซัด" ผมกัดฟัน  ง้างขาจะเตะมัน  พายุหลบยิ้ม ๆ   

"แล้วใครละครับนั่นน่ะ ?" มันบ่นอีก  รถยนต์คันแปลกตาขับเข้ามาจอดติดกับท้ายรถคันของย่า  ผมส่ายหัวเซ็ง ๆ  เดินไปหยิบขันแล้วตักน้ำในโอ่งตรงลานด้านนอกมาล้างหน้าอย่างลวก ๆ  พี่ธานยื่นผ้าขนหนูเตรียมไว้ให้พร้อม  ผมจึงนำมาเช็ดเหงื่อแล้วหันกลับไปที่รถคันแปลกตานั่นอีกครั้งและก็พบว่าไอ้กริดลงมาจากรถคันนั้นพร้อม ๆ กับลูกน้องของมัน  ผมได้แต่นิ่งมอง  ทั้งแปลกใจ  ตกใจและไม่ชอบใจผสมปนเปกัน  ไอ้กริดไม่เคยมาที่บ้านของผมมาก่อน  ครั้งนี้เป็นครั้งแรกแบบที่ไม่ได้นัดหมายใด ๆ ล่วงหน้า  ย่าและริศายืนอยู่ที่หน้าบ้านพร้อมกับคนขับรถ  พวกเธอมองมาที่พวกเราเหมือนรอให้เดินเข้าไปหา  ผมจึงตัดใจเดินตรง  พี่ธาน  พายุและสมุทรจึงประกบตามหลังมา

"หวัดดีครับ" ผมยกมือไหว้

"สวัสดี" ย่าพูดทัก  สายตาเหล่มองผมมาอย่างเย้ยหยันตามสไตล์แก 

"สวัสดีค่ะคุณไฟ" ริศายกมือไหว้  ผมเพียงผงกหัวตอบน้อย ๆ  และยังวางท่าทีที่จงใจจะไม่ทักไอ้กริดก่อน 

"ไงไฟ" ไอ้กริดเดินเข้ามาขนาบข้างกับริศาพร้อมทักทายด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง  ผมยังคงเมินหน้าไปอีกทางซึ่งเป็นคนละทางกับที่ย่า  ริศาและไอ้กริดยืนอยู่ 

"พอดีคุณกริดเขามีเรื่องอยากจะคุยกับเราน่ะ ย่าก็เลยให้มาด้วยกัน" ย่าพูดขึ้น  ผมจึงเหสายตากวาดมองไปที่เธอ

"วันหลังย่าต้องนัดไฟก่อน" ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยพร้อมจ้องไปที่ตาเธอเขม็ง

"ฉันเป็นย่าแกนะ" อีกฝ่ายขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ  ก็เอาแต่ใจตัวเองที่หนึ่งขนาดนี้  จะไม่พอใจรึก็ไม่แปลกหรอก

"วันหลัง.. ย่าต้องนัดผมก่อน" ผมย้ำเสียงเข้มลงอีกครั้ง  สรรพนามที่จงใจเปลี่ยนทำให้อีกฝ่ายชะงัก  เหสายตาไปอีกทางด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์  ริศาหน้าถอดสี  ผมเดินหนีเข้าบ้านมาโต้ง ๆ โดยไม่เอ่ยปากเชิญใคร  ทั้งพี่ธาน  พายุและสมุทรก็ไม่มีใครทักท้วงใด ๆ เช่นกัน 

"ไปเอาเสื้อให้กูหน่อย" ผมหันไปสั่งพายุ  พายุรีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสองเพื่อไปเอาเสื้อให้ผมที่ห้องนอน 

"นายไปอาบน้ำก่อนเถอะ" ผมสั่งสมุทร  เพราะอีกฝ่ายดูรอคำสั่งจากผมอยู่นานแล้ว

"ครับ" เขาพยักหน้า

"อาบห้องพี่ได้เลยนะ" พี่ธานบอก

"ขอบคุณครับ" สมุทรยิ้มรับ  เขาผงกหัวเล็กน้อยก่อนเดินตรงเข้าห้องนอนของพี่ธานไป  ลุงทองเดินนำย่าเข้ามาด้วยความนอบน้อม  ริศากับไอ้กริดก็ตามหลังมาด้วยไม่ห่าง  ผมอารมณ์ขึ้นทันทีที่เห็นแต่ไม่ได้กระโตกกระตากแสดงอารมณ์ออกไป  เพราะอย่างน้อย ๆ ย่าก็ฉลาดพอ  เพราะเธอคงสั่งไม่ให้ลูกน้องของไอ้กริดเดินตามตูดเจ้านายเข้ามาด้วยอย่างทุกที  ผมไม่มองหรือพูดเชิญใครสักตาจนย่าเดินผ่านผมเข้าห้องรับแขกไปด้วยท่าทางเชิดหยิ่ง  พี่ธานกลับเข้าไปในห้องนอน  ออกมาอีกครั้งก็ใส่เสื้อยืดเรียบร้อยแล้ว  พายุวิ่งลงมาพร้อมกับเสื้อยืดในมือ  ผมรับมาใส่ลวก ๆ  แม่บ้านพากันนำน้ำเข้าไปเสิร์ฟ   

"ย่ารู้ได้ไงว่าเช้านี้กูอยู่บ้าน" ผมขมวดคิ้วบ่นไปทางพายุ

"ยุไม่ได้บอกนะ แต่ยุว่าย่าเดา..ก็เฮียชอบตื่นเช้ามาซ้อมไง" พายุตอบ

"แล้วคุณย่ารู้จักกับไอ้กริดได้ยังไงครับ" พี่ธานถาม  ครั้งนี้ไร้คำตอบ

"ความเครียดทำให้ผมมวนท้อง" ผมพูดไปงั้นและรีบสงบสติอารมณ์เพราะไม่ต้องการมวนท้องต้อนรับเช้าวันใหม่แบบนี้ด้วย  พายุและพี่ธานตามผมเข้ามาในห้องรับแขกที่เงียบสนิท  ไอ้กริดนั่งอยู่ที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับริศาและย่า  ส่วนย่ากับริศานั่งด้วยกัน  เธอคงรู้ว่าที่ประจำของผมอยู่ตรงไหนเธอจึงเลือกที่จะไม่นั่ง  เมื่อผมนั่งลงแม่บ้านจึงรีบปลีกตัวออกไป  พี่ธานและพายุยืนประกบอยู่ไม่ห่างมากนัก

"ย่ามีอะไรครับ ?" ผมเปิดประเด็น 

"ก็พอดีย่าเห็นว่าแกน่าจะซ้อมเช้านี้ ย่าก็เลยแวะมาหาน่ะ" ย่ายิ้มบอก

"ย่าครับ.." ผมย้ำเสียง  ยิ้มให้เธอนิด ๆ  เพื่อขอให้เธอเข้าประเด็นเดี๋ยวนี้

"คืออย่างนี้ค่ะไฟ" ริศาเกริ่น

"คือว่า คุณกริดน่ะค่ะ..เขามีโครงการที่จะทำรีสอร์ตที่ภูเก็ต แล้วต้องการที่ดินติดทะเล ริศาก็เลยแนะนำที่ดินของคุณไฟไปเพราะเห็นว่าทำเลดี คุณกริดไปเห็นแล้วก็ถูกใจมากเลยค่ะ จึงอยากจะมาขอพูดคุยกับคุณน่ะค่ะ" ริศายิ้มบอก

“ไม่ว่าจะมาในฐานะไหน แม้จะเป็นคนในครอบครัว..ก็ต้องรู้จักมารยาทและพื้นที่ส่วนตัว จิตใต้สำนึกไม่ได้บอกสอนเหรอครับว่าต้องนัดก่อน แบบนี้มันเหมือนไม่ให้เกียรติเจ้าของบ้าน และจงใจข้ามหัวกัน” ผมเหล่มองไปทางริศา  อีกฝ่ายหลบสายตาผมลง

“ไหน ๆ ฉันก็มาแล้ว ทำไมเธอต้องว่าหนูริศาแบบนั้นด้วย” ย่าโวย  เธอเข้าไปลูบแขนริศาอย่างปลอบโยน

"นี่มันเรื่องของธุรกิจไม่ใช่เหรอครับ แต่กลับทำอะไรไม่เป็นมืออาชีพเอาซะเลย ทำไมคุณกริดไม่เข้ามาคุยกับผมด้วยตัวคุณเอง..ในฐานะนักธุรกิจล่ะครับ" ผมยิ้มกวนไปทางไอ้กริดอย่างจงใจ 

ผมเริ่มศึกษาและซื้อที่ดินไว้เก็งกำไรตั้งแต่เริ่มเรียนรู้งานกับพ่อ  สมัยที่พ่อของผมยังอยู่  ผมไม่เคยสนใจว่าที่ดินนั้น ๆ จะทำเลไม่ดีหรือไม่อย่างไร  ผมเชื่อว่าสักวันทำเลมันจะดีของมันด้วยตัวมันเองไปตามกาลเวลาและการพัฒนาของโลกนี้ที่เปลี่ยนไปค่อนข้างรวดเร็ว  เมื่อผมมีเงินส่วนตัวและพบที่ดินตรงไหนที่ถูกใจผมก็จะซื้อไว้ทันที  แรก ๆ มักซื้อด้วยเงินเก็บของตัวเองในที่ดินที่มีราคาไม่แพงมากนัก  โดยปล่อยเก็งกำไรออกไปและไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ไม่เคยไม่ได้กำไรคืน  อย่างน้อยที่สุดก็สองสามแสน
 
เมื่อรู้หลักและได้เงินมากขึ้นก็ขยับขยายไปในพื้นที่ที่มีราคาแพงมากขึ้น  พื้นที่ทางเศรษฐกิจบ้าง  ที่นาบ้าง  จนพ่อไว้ใจและปล่อยให้ผมได้ใช้เงินซื้อที่ดินได้ตามสมควร  แน่นอนว่าผมไม่กล้าดีขนาดตัดสินใจด้วยตัวเองหรอกครับ  ทุกครั้งที่จะตัดสินใจทำอะไรก็มักจะเอาไปปรึกษาพ่อก่อนเสมอ  มีครั้งหนึ่งที่ผมไปซื้อที่ไว้ในราคาไร่ละ 4 ล้านบาท  ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นมองไม่ค่อยออกว่าพื้นที่นั้นจะสร้างรายได้ให้คนซื้อได้อย่างไร  แม้จะเป็นที่ดินที่อุดมสมบูรณ์แต่ก็อยู่บนภูเขากันดารทีเดียว  ผมซื้อทิ้งไว้อย่างนั้นเหมือนเป็นการลองเสี่ยงดู  วัดใจเอาเงินโปรยเปล่า  เวลาผ่านไปเกือบปีอยู่ ๆ ก็มีถนนตัดผ่านเข้ามา  ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผมสามารถปล่อยขายออกไปต่อไร่ได้ไร่ละ 6 - 7 ล้านบาท  วันนั้นมันทำให้ผมคิดได้ว่า.. บางทีเราก็ต้องเสี่ยงก้าวเดินไปแม้จะมองไม่เห็นทางข้างหน้า  ซึ่งมันใช้ได้ผลหลายครั้งทีเดียว 

"ผมเห็นคุณไฟสนิทกับคุณริศานะครับ ก็เลยรบกวนเธอให้มาช่วยเจรจาให้" ไอ้กริดอมยิ้มตอบ  ผมถือว่ามันรักษาอาการได้ดีมาก  มันแทนตัวเองว่า "คุณ" กับ "ผม" ในลักษณะเดียวกันกับที่ผมพูดในตอนแรก 

"ได้ค่านายหน้างั้นเหรอครับ ฮิ ๆ ๆ ๆ" ผมแซวพลางหัวเราะคิกคัก  แต่กลับดันไม่มีใครตลกด้วย 

"แถวไหนล่ะ" ผมเม้มปาก  เลิกตาพร้อมยิงคำถามดี ๆ

"ชายหาดป่าตอง ที่ดินของคุณไฟ..สิบไร่ใช่ไหมล่ะครับ" ฝ่ายตรงข้ามพูดเชิงถามกลับ

"ฮึ!" ผมหลุดหัวเราะ  แม่งฮาหน้ามันว่ะ

"คุณจะซื้อเท่าไหร่ล่ะ ?" ผมถาม  ไอ้กริดไม่ใช่คนแรกที่มาขอซื้อที่ดินผืนนี้จากผม  ที่ผ่านมาไม่ว่ากับใครผมยังไม่เคยคิดที่จะปล่อยขายออกไป  ที่ดินที่ภูเก็ตผมเป็นเจ้าของอยู่ทั้งหมดสามที่  ฝั่งติดหาดป่าตองพื้นที่ทั้งหมดสิบไร่นี้เป็นส่วนที่วิวสวยที่สุดเท่าที่มีอยู่ในตอนนี้  นอกนั้นที่อยากได้ก็ซื้อสู้ไม่ทันจริง ๆ  ส่วนที่มีอยู่ที่อื่น ๆ วิวก็ไม่สวยเท่าที่นี่ด้วย 

"คุณให้เท่าไหร่ล่ะ ?" ไอ้กริดย้อนถามกลับคล้ายลองเชิง

"ล่าสุดที่โทรเข้ามา..อีกฝ่ายขอซื้อผมเจ็ดร้อยล้าน ผมยังไม่ขาย ปี ๆ นึงค่ายมวยผมใช้เงินตั้งหลายสิบล้าน ฮ่า ๆ ๆ เจ็ดร้อยล้านหมดเร็วจะตาย คุณคิดว่า..ผมควรจะขายให้คุณสักเท่าไหร่ดีล่ะครับ" ผมทำท่าสบาย ๆ  เล่นน้ำเสียงพลางจ้องหน้ามันกลับทำเอาไอ้กริดนิ่งไป 

"ไฟ..แกจะยื้อไว้ทำไม ที่ดินแกก็ตั้งเยอะแยะ จะขายเท่าไหร่ก็บอกคุณกริดเขาไปสิ" ย่าท้วงด้วยน้ำเสียงปราม ๆ ผม

"มันอยู่เฉย ๆ ของมัน ก็ไม่ได้ร้องขอข้าวกินนี่ครับ" ผมย้อนตอบอย่างไม่แคร์ใคร  ทุกคนเงียบลง  ไอ้กริดก้มหน้าเล็กน้อยเหมือนกำลังใช้ความคิดและสติที่จะเล่นละครเป็นคนดีต่อหน้าย่าของผม

"ผมขอซื้อแปดร้อยล้าน" มันหันมาพูด 

"........" ผมเงียบ  พร้อมกับเบะปากกะพริบตาถี่ ๆ อย่างจงใจกวนส้นตีนมัน 

"พันห้าร้อยล้าน ผมจะเอาไปคิดดู" ผมเสนอ

"ผมหมายถึง..ถ้าคุณให้ราคานี้ได้ ผมจะลองเอาเก็บไปคิดดูเฉย ๆ นะครับ" ผมฉีกยิ้มให้

"ไฟ!" ไอ้กริดกระแทกเสียงถลึงตาโต  น่าแปลกเพราะไม่มีคำว่า "ไอ้" นำหน้าชื่อของผม

“ตลาดของผม..ติดหนึ่งในห้าของประเทศ แม้จะมีพวกแมงหวี่คอยสร้างชื่อเสียงไม่ดี ๆ อยู่เสมอ แต่ก็เป็นรายได้ที่อยู่ตัวมากแล้วครับ” ผมจงใจเตือนสติกวน ๆ ว่าสถานะระหว่างผมกับมันนั้นต่างกัน

“ทุกวันนี้..น้ำพริกผักต้มที่ตลาด ชุดนึงอย่างมากก็แค่สามสิบสี่สิบบาท ผมก็อิ่มไปมื้อนึงแล้ว ส่วนเสื้อผ้าถ้าผมซื้อเอง ห้าร้อยนี่ก็แพงสำหรับเสื้อยืดของผมแล้วนะครับ ผมก็เลย..ยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินมากมายขนาดนั้นน่ะ” ผมมองหน้าไอ้กริดด้วยสายตาที่ว่างเปล่า  ไอ้กริดกัดฟันแน่นพร้อมเหวี่ยงหน้าไปอีกทาง  เลือกที่จะไม่ตอบโต้ผมกลับ 

"วันนี้ผมขอตัวก่อนแล้วกัน" มันตัดบทโต้ง ๆ  ลุกขึ้นยืนจับสูทด้วยใบหน้าถมึงทึง  ย่าจ้องมองมาทางผม  ผมทำเป็นมองไม่เห็น
 
"เดี๋ยวสิคะคุณกริด" ริศาลุกขึ้นยืนทันที   

"คุณไฟเขาคงไม่เต็มใจที่เห็นผมมาในวันนี้ เอาไว้คุยกันตอนที่อารมณ์ดีกว่านี้คงจะดีกว่า" ไอ้กริดหันมามอง  น้ำเสียงฟังไม่น่ารื่นหู  คำพูดก็ยังประชดประชันอีก
 
"ก็ดีครับ..ถือว่าเรียนให้ทราบไว้ล่วงหน้า ว่าถ้าคุณต้องการพบผมในเรื่องส่วนตัว กรุณาอย่าแตะมือใครเข้ามาแบบนี้อีก บ้านผมไม่ใช่สนามกรีฑา ถ้ามีครั้งหน้า..ผมคงไม่ให้ลูกน้องผมใจดีกับพวกคุณแบบนี้" ผมช้อนตาขึ้นมอง  ปากไอ้กริดขมุบขมิบด้วยท่าทางหมันไส้ผมพอดู 

"ลาละครับคุณย่า ขอบคุณมากครับที่เป็นธุระให้" ไอ้กริดยกมือไหว้ส่ง ๆ  ก่อนจะเดินออกจากห้องไป  ผมหันกลับไปมองพายุ  ส่งสัญญาณให้มันไปจัดการเคลียร์แขกให้เรียบร้อย  พายุพยักหน้ารับทราบและตามไอ้กริดไปในทันที

“หึ..ฮ่า ๆ ๆ! คุณย่างั้นเหรอ ?” ผมแสยะหัวเราะเสียงดังลั่นแล้วจู่ ๆ ก็หยุดหัวเราะลงห้วน ๆ  ในห้องเงียบลงอีกครั้ง  ริศานั่งลงหน้าเจื่อนบอกบุญไม่รับ  ผมเอื้อมหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มหมดแก้ว  เพิ่งได้สติกลับมาเมื่อกี้นี้เอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-08-2016 23:43:42 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

"แกตั้งใจหักหน้าฉัน ต่อหน้าคนอื่นงั้นรึ" ย่าพูดขึ้นเสียงแข็ง

"ย่าเอามันเข้ามาในบ้านนี้โดยไม่บอกไฟก่อนสักคำ ย่าให้เกียรติเจ้าของบ้านมากเลยสินะครับ" ผมพูดเสียงเข้มด้วยน้ำเสียงเช่นเดียวกันกับเธอ  รู้สึกหงุดหงิดจนเกือบจะกลายเป็นโมโหอยู่แล้ว 

“ใช่สิ นี่มันบ้านแกนี่นะ ฉันลืมไปเสียสนิท” ย่าประชด  หึ..ประชดเก่งละที่หนึ่ง

“ไฟไม่ใช่พ่อนะครับย่า” ผมพูด

“แต่ฉันเป็นคนที่คลอดพ่อแกออกมา! ไม่อย่างนั้นแกไม่ได้มานั่งเถียงฉันฉอด ๆ แบบนี้หรอก” ย่ากระแทกเสียงตาโต  ผมหลับตาพร้อมสูดหายใจเข้าลึกยาว

"เอ่อ..คุณไฟคะ เป็นความผิดของริศาเองน่ะค่ะ คือ.." ริศาพยายามจะอธิบาย  คล้ายกับต้องการให้ผมและย่าผ่อนคลายลง
 
"ผมไม่สนหรอกนะว่าคุณกับไอ้กริดจะรู้จักกันได้ยังไง เพราะอะไร" ผมพูดแทรกเธอทันควัน  ไม่ให้โอกาสเธอได้แก้ตัว
   
“ขอเตือนว่าอย่าทำแบบนี้อีก" ผมพูดเสียงเย็น  จ้องหน้าเธอเขม็งเอาความ  ริศาก้มหน้าลง 

"ถ้าแกไม่ขายที่ตรงนี้ให้คุณกริด ฉันจะขายที่ดินที่พ่อแกยกให้ฉันให้กับเขาแทน" ย่ายื่นคำขาด  สีหน้าอยากเอาชนะของย่าแสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้ง  ย่าถือว่าย่าคือย่า  ลูกสาวสุดเอาแต่ใจจากตระกูลผู้ดีเก่า  อยากได้อะไรฉันต้องได้  ย่าที่ชอบเอาชนะปู่  เอาชนะลูก ๆ ของตัวเอง  นี่ละย่าผม  ผมชอบเธอนะครับ  พื้นฐานแล้วเธอไม่ใช่คนไม่ดี  ดังนั้นมันเหมือนเป็นการประลองไหวพริบเวลาที่สู้กับคนอย่างเธอน่ะ 

.. ที่ดินของย่าที่มีอยู่ที่ภูเก็ตเป็นผืนเดียวกับที่พ่อเคยซื้อไว้ตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่ม ๆ  และที่ดินนั้นพ่อยกให้กับย่าก่อนที่จะเสียชีวิตลง  เป็นที่ดินวิวสวย  ทำเลดี  ราคาเหยียบพันล้านขึ้นไปอย่างไม่ต้องสงสัย  เศรษฐีมากมายเข้ามาทาบทามขอซื้อเพื่อจะนำไปลงทุนทางธุรกิจ  แต่ย่าก็ไม่เคยขาย  เธอเคยเปรย ๆ กับผมไว้ว่าเธอจะยกที่ดินผืนนี้ให้กับพายุ  ซึ่งผมทราบแล้วก็สบายใจเพราะปกติเธอไม่ใช่คนผิดคำพูด

"ถ้าย่าเห็นดีว่าอย่างนั้น.. ก็เชิญตามสบายครับ" ผมย้อนอย่างไม่ยอมทำให้อีกฝ่ายตาโตหนักกว่าเดิม  ย่าเป็นผู้หญิงฉลาด  การอ้างแบบนี้ก็เพื่อต้องการประชดผมที่ผมไม่ยอมอ่อนข้อให้เธอ  นี่ไม่ใช่การอ่อนข้อให้กับไอ้กริดนะครับ  ในสายตาของย่าเหมือนผมหักหน้าเธอมากกว่า  เชื่อเถอะว่าย่าไม่กล้าทำแบบที่พูดหรอก  ที่ดินเป็นพัน ๆ ล้านที่ซื้อมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกายของลูกชายสุดที่รัก  ย่าไม่ทำแบบนั้นแน่ 

"เรียกร้องสิทธิ์ความเป็นย่าพอรึยังครับ ? ผมจะได้ขึ้นไปอาบน้ำ" ผมพูด

"ไอ้ไฟ!" ย่าตะคอกหน้าแดงก่ำ

"พายุ! แกดูเฮียแกนะ!" ย่าโวย  ลุกขึ้นยืนพร้อมกับคว้ากระเป๋าไปคล้องแขน

"ย่าทำอะไรให้เฮียโกรธละครับ" พายุถามหน้าซื่อจนผมเกือบจะหลุดยิ้ม
 
"แกต้องพูดว่าเฮียแกทำอะไรให้ฉันโกรธต่างหาก นี่พวกแกเลี้ยงดูกันยังไง หะ ? ธาน!" เธอกระแทกเสียงไม่เลิก  เพ่งตามองมาที่พี่ธาน  เจ้าตัวที่ยืนกุมมืออย่างสงบเสงี่ยมอยู่ทางด้านหลังผมก้มหน้าลงคล้ายยอมรับผิดแต่โดยดีในทันที

“คุณไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงใส่คนของผมนะครับคุณผู้หญิง” ผมเตือนเรียบ ๆ

“ไอ้ไฟ! แกจะลองดีกับคนอย่างฉันใช่ไหม” เธอกัดฟันแน่น 

"ย่าครับ ทำแบบนี้..ไม่ดีเลย" พายุปรามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลทำให้ย่าเม้มปากเข้าหากันเหมือนเถียงกลับไม่ถูก

"ย่ามาเหรอ!" ไอ้ดินโวยวายมาเสียงหลง  ทำลายบรรยากาศซะสิ้น  ผมมองย่าด้วยแววตากรุ้มกริ่มที่ย่าไม่กล้าต่อปากต่อคำผมอีกคงเพราะกลัวโดนหลานรักอย่างพายุเบรก

"ย่า!" ไอ้ดินวิ่งเข้ามาในห้อง  มันกระโจนเข้าไปกอดย่าด้วยท่าทางดีใจ  ย่ายิ้มกอดมันตอบ

"ไงเรา" เธอลูบหัวไอ้ดินน้อย ๆ

"มีแต่แกนี่แหละที่รักย่าที่สุด" ย่าพูดชมประชด

“ดินรักย่าที่สุดดด~” ไอ้ดินเล่นเสียงทะลึ่ง ๆ เล่นตอบ

“อย่าเอาความรักที่คนอื่นมีให้มาประชด เพราะความเอาแต่ใจของตัวเองได้ไหมฮะย่า” พายุเตือนด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ อีกครั้ง

“ใช่ฮะ..ย่าก็รู้อยู่แล้วว่าพวกเรารักย่า ไม่งั้นไม่กล้าประชดหรอก” ไอ้ดินสมทบหน้าซื่อตาใสอีกคน

“หึ!” ผมนำมือปิดปากยิ้ม ๆ  ย่าหน้าเปลี่ยนสีทำท่าจะงอนจริง ๆ

"ดิน..ส่งย่ามึงด้วยเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวกูให้พันนึง" ผมสั่ง  ไอ้ดินชะงัก  มันเอนตัวมองหน้าย่าอย่างจับผิด

"ฉันไปแน่ แกไม่ต้องมาไล่! ใช่สิ..นี่มันบ้านแกนี่นะ ฉันจะมาเหยียบแต่ละทีก็ต้องบอกต้องกล่าวด้วย" ย่ากัดฟันว่าทำท่าจะเดินออกไป

"คุณเทวี.." ผมเรียกย่าไว้ก่อน  อีกฝ่ายหยุดชะงัก  เหล่ตามองมาที่ผม

"รักนะครับ" ผมยิ้มมุมปากนิด ๆ  ย่าเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยใบหน้าที่ปั้นไม่ถูก

"ฉันไม่หายโกรธหรอกนะ" เธอย้อนเสียงแข็งวางมาดตามเดิม

"ผมก็ไม่ง้อเหมือนกันครับ" ผมเบะปากตอบปัดส่ง ๆ ทันทีเช่นกัน  ทำเอาย่าสะบัดหน้าจ้ำเท้าออกไป  ไอ้ดินเห็นเป็นเรื่องสนุก  มันหัวเราะวิ่งตามย่าไปพร้อม ๆ กับพายุ

"งั้น..ริศาขอตัวนะคะ" เธอเอ่ย  ผมยังคงนั่งตัวตรงหน้าตรงไม่คิดที่จะมองเธอ

"คุณจะมีส่วนได้ส่วนเสียกับไอ้กริดยังไงผมไม่สนหรอกนะครับ แต่อย่าเอาย่าเข้ามายุ่ง" ผมบอกโต้ง ๆ อย่างไม่ไว้หน้า 

"คุณไฟคะ ริศาไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยนะคะ" เธอตอบ  น้ำเสียงฟังดูไม่พอใจที่ผมด่วนสรุป  ผมกลอกตาจ้องไปที่เธอ 

"ผมพูดแล้วไงครับว่าผมไม่สน" ผมย้อนบอกเสียงเย็นตามเดิม  อีกฝ่ายสลดลงไปได้บ้าง  เธอเงียบ  ผมก็เงียบ 
 
"ถ้าริศาบอกว่าคุณกริดเขาสนใจริศา คุณไฟจะว่ายังไงคะ" เธอพูดขึ้น

"เชิญครับ" ผมตอบทันที 

"คุณไม่แคร์ริศาเลยใช่ไหม" ริศาว่าด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

"ผมว่าผมพูดกับคุณรู้เรื่องแล้วนะครับ"

"แต่ริศา.." เธอเอ่ย  ทำท่าจะเถียงแต่ก็ต้องชะงักลงอีกครั้งเมื่อเงยหน้ามาสบตากับผม 

"ผมไม่หึงคุณหรอกครับริศา จะไม่มีทางหึงด้วย คุณเองก็น่าจะรู้ว่าเพราะอะไร" ผมพูด  ใช้นำเสียงปกติธรรมดาเพราะความจริงแล้วก็ไม่อยากปฏิเสธให้เธอเสียใจ  ริศาเงียบไปครู่ใหญ่ ๆ  เธอตัดสินใจลุกขึ้น  หยิบกระเป๋าไปถือไว้ในมือและยืนประชันตรงหน้าผม

"ริศาไม่รู้ว่าอะไรในตัวของริศาที่ทำให้คุณไม่ชอบ ริศาพร้อมที่จะปรับปรุงตัว" เธอพูด  ผมยังเลือกที่จะเงียบและไม่มองหน้าเธออีก 

“ริศาชอบคุณนะคะ” เธอทิ้งคำพูดเสร็จก็เดินจากไป  ผมถอนหายใจแรง  ในห้องสงบลงเป็นบ้านที่น่าอยู่อีกครั้ง  ให้หลังไม่ถึงห้านาทีเสียงด้านนอกก็เงียบลงทำให้ผมทราบว่าย่าคงจะกลับออกไปแล้ว

"ความจริงแล้ว..ผมคิดว่าเธอดูชอบคุณมากเลยนะครับ" พี่ธานพูดขึ้น

"พอเถอะน่า" ผมปราม  รีบถอดเสื้อยืดออกเพราะรู้สึกอึดอัดที่ใส่ทับเข้าไปทั้งที่เหงื่อยังไม่แห้งดี 

"ไอ้กริดนี่มันก็กล้าดีนะครับ" พี่ธานพูด 

"กล้า หน้าด้าน สะเออะ..มีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่นะครับ" ผมว่า  พี่ธานหัวเราะ

"เฮ้อ! อาบน้ำก่อนนะ" ผมลุกขึ้น

"วันนี้ก็ขอให้โชคดีนะครับ" พี่ธานพูดส่งท้าย  ผมชะงัก  หันหน้ากลับไปแสยะยิ้มมองพี่เขาด้วยนึกหมันไส้ขึ้นมาที่ทำเป็นรู้ดี  อีกฝ่ายยิ้มกว้าง  ผมเบะปากพยักหน้ารับยิ้ม ๆ  ก่อนชี้หน้าคาดโทษให้ระวังตัว  วันนี้เตรียมตัวเพื่อเข้าตลาด  อาบน้ำแต่งตัวเสร็จลงมาก็เจอสมุทรรอผมอยู่ที่โถงหน้าบ้านอยู่ก่อนแล้ว  ผมโยนกุญแจรถให้ซึ่งเป็นคันใหม่ที่สมุทรยังไม่เคยขับ

"ตองสี่ สีดำ" ผมบอก

"ครับ" สมุทรรับทราบ

"เฮีย!" ผมแกล้งทำเป็นหูทวนลมไปใส่รองเท้าไป

"เฮียยย!!!" เสียงไอ้ดินเรียกดังแว่วมาแต่ไกล  เสียงวิ่งดังตามมาติด ๆ  วิเคราะห์แล้วน่าจะมากกว่าสองขา

"ใกล้วันแข่งแล้ว ขอดินออกไปซ้อมจักรยานกับเพื่อนนะ" ไอ้ดินวิ่งเข้ามาเกาะแขนผมไว้  พายุที่ตามหลังมายืนมอง 

"พี่ยุไปด้วย" มันบอก 

"เอาลุงทองไปด้วย กลับก่อนหกโมงละ" ผมอนุญาต

"คร้าบ" พวกมันขานรับ

"อะไร ?" ผมถามห้วน ๆ  เพราะพวกมันยังเสือกจับแขนผมไว้ไม่ปล่อย  แถมยังมาทำตาปริบ ๆ อีก 

"ขอเงินด้วยได้ไหมครับ หนึ่งพันที่เฮียบอกไง" ไอ้ดินบอกด้วยน้ำเสียงไพเราะเชียว 

"ไม่ให้ครับ ผมไม่ได้พูดสักหน่อยว่าผมจะให้คุณวันนี้" ผมยิ้มตอบพร้อมสะบัดแขนออก

"เฮีย! ไม่! ..ม่ายยย~" อีกฝ่ายร้องเสียงหลง  ทิ้งตัวคุกเข่าลงกับพื้น  ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ เดินหนีทันที 

"ไปตลาด" ผมสั่งหลังจากขึ้นรถมาแล้ว  สมุทรขานรับเบา ๆ  ระหว่างทางไปตลาดเราไม่มีบทสนทนาใด ๆ  อีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนค่อยคุยนัก  เป็นคนขับรถใจเย็นมากทีเดียว  ส่วนผมก็ไม่มีอะไรจะพูด  บทจะไม่มีอารมณ์ชวนคุยก็ไม่อยากคุยขึ้นมาจนถึงที่หมาย
 
ผมออกตรวจเขตก่อสร้างก่อนอันดับแรก  สมุทรเชี่ยวชาญทางนี้มากกว่าผม ๆ เลยอยากให้เขาเก็บรายละเอียดของงานให้  งานส่วนที่ต้องต่อเติมตลาดคืบหน้าไปมากแล้ว  ผมอยากให้ตลาดเสร็จเร็วที่สุดเพราะงานยิ่งช้าเท่าไหร่ก็หมายความว่าเงินส่วนที่จะต้องเข้ามาก็ห่างออกไปเท่านั้น  พวกช่างเองก็ทำงานกันไม่หยุดถึงดึกดื่นเที่ยงคืน  พวกเขาคงรู้ว่าผมส่งให้ลูกน้องมาแอบดูที่นี่แทบจะทุกวัน  เรียกได้ว่าตามติดชีวิตสุด ๆ  ผมกลับขึ้นมาบนออฟฟิต  พี่สาวนำบัญชีมาให้ผมดู  สมุทรอยู่ในห้องทำงานกับผมด้วยเพราะผมต้องการให้เขาเรียนรู้งานไปทีละเล็กทีละน้อย   


ตือดึง~   ..เสียงข้อความเข้าเตือน  พี่สาวหยุดบทสนทนาเหมือนรอให้ผมได้เช็กธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย  เมื่อเห็นหน้าจอโทรศัพท์ก็ถึงกับถอนหายใจออกมา  พลอยส่งข้อความมาทางไลน์  ผมเปิดอ่านอย่างรักษาท่าที

พลอย: ฉันกับลูกน้องเธอคุยกันแล้วนะ น่ารักมากเลย สุภาพมาก!
ปลายทางส่งข้อความมาอย่างนั้น  ผมเบ้ปากเล็กน้อย  เหลือบมองหน้าสมุทรครู่หนึ่ง  ท่ามกลางความเงียบในห้องทำงานทำให้อีกฝ่ายก็เหลือบมองผมอย่างระแวงเช่นกัน 
 
ไฟ:  ใครอยากรู้ไม่ทราบ
ผมส่งกลับไปแค่นั้นแล้วกดปิดเสียงในทันที

"ต่อเลยครับ" ผมอนุญาตพี่สาวให้เธออธิบายงานต่อ 

"เรื่องที่คุณไฟให้ติดต่อพนักงานรักษาความปลอดภัยเพิ่มน่ะค่ะ สาวได้มาเพิ่มอีกห้าคนนะคะ ตรงตามที่คุณไฟขอทุกอย่าง" พี่สาวบอก

"ดูประวัติแล้วเหรอ" ผมถาม

"เรียบร้อยแล้วค่ะ" พี่สาวตอบ

"นัดสัมภาษณ์เลยแล้วกัน พรุ่งนี้เลยได้ไหม ลองติดต่อถามเขาดู ผมจะสัมภาษณ์เอง" ผมบอก

"ได้ค่ะ" เธอผงกหัว  เสร็จจากงานเรียบร้อยพี่สาวก็ขอตัวออกจากห้องไป  ผมจึงกดเปิดโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง 

"นายคิดว่าถ้านายเป็นพ่อค้าในตลาด มันจะมีอะไรที่ขาดเหลืออีกไหม" ผมชวนคุย  เพราะตั้งแต่นั่งกันมาผมกับสมุทรพูดกันนับคำได้เลย

“ตอนนี้ยังไม่มีนะครับ” อีกฝ่ายตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้  ผมแสยะยิ้มเพราะถูกใจไอ้คำพูดที่ประมาณว่า “ตอนนี้ยัง” แต่ในอนาคต
“ไม่แน่”

"ผมว่าโดยรวมแล้วแบ่งโซนได้ชัดเจนดี" สมุทรขยายความ

"ฉันอยากให้เสร็จไว ๆ  เสร็จแล้วฉันจะได้โล่งใจสักที" ผมพูดแกมบ่น  หยิบสมุดบัญชีรายรับรายจ่ายเก็บเข้ากระเป๋า 

"แล้ว..พ่อค้าแม่ค้าที่เคยประท้วง เขา..เอ่อ ปกติดีแล้วเหรอครับ"

"หึ ก็นะ" ผมหัวเราะ

"ก็ไม่ได้ประท้วงเพราะเดือดร้อนจริง ๆ สักหน่อย" ผมว่า

"หมายความว่ายังไงครับ"

"บทพอนายจะซื่อ นายก็เอาซะซื่อบื้อเลยนะ" ผมบ่นไปงั้น  เพราะบางทีเขาก็ซื่อจริง ๆ นะครับแต่พอบางเรื่องที่จะรู้ทันฉลาดขึ้นมา  ก็ดันฉลาดไปโต้ง ๆ เสียอย่างนั้น

"เป็นไงล่ะ..?" ผมเปลี่ยนประเด็น  เท้าแขนลงบนโต๊ะพร้อมเท้าคางหันหน้าไปทางคู่สนทนา

"อะไรครับ" สมุทรถามกลับด้วยแววตาไม่เข้าใจ

"พลอยน่ะ เป็นไง" ผมเลิกคิ้ว  อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง

"ผมทราบครับว่าคุณอาจจะโกรธ" สมุทรพูด

"ฉันไม่ได้โกรธ" ผมแทรกทันที  สมุทรเงียบจ้องมองหน้าผม ๆ จ้องตาเขากลับ

"ใช่..ฉันไม่ได้โกรธหรอก" ผมบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ  พร้อมหันกลับมานั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้

"มันเป็นสิทธิ์ของเธอ สิทธิ์ของนาย" ผมขยายความ 

"ผู้หญิงคนเมื่อเช้า แฟนคุณเหรอครับ" สมุทรถาม  ผมหันไปมองหน้าเขาทันที 

"เปล่า" ผมตอบ

"นั่นสินะครับ ก็คุณมีคุณพลอยอยู่แล้ว ผมยังคิดอยู่เลยว่าคุณเหมาะกับคุณพลอยมากกว่า"
 
"คำก็พลอยสองคำก็พลอย นายเลิกพูดชื่อยัยนี่สักทีเหอะน่า" ผมว่า  รำคาญหู

"อีกอย่าง..เธอชอบนาย ไม่ได้ชอบฉัน"

"คุณพลอยเขาจะมาชอบผมได้ยังไงละครับ" อีกฝ่ายย้อนด้วยน้ำเสียงเอาเรื่องเหมือนกัน

"เราเป็นแค่คู่นอนกัน.." ทันทีที่ผมตอกกลับจึงทำให้คนฟังนิ่งลงไปได้บ้าง 

"ไม่มีพันธะอะไรมากไปกว่านี้ เราเสน่หากันเรื่องบนเตียง แล้วก็ถือเป็นเพื่อนร่วมโลกที่ดีต่อกัน" ผมบอก  สายตาของเขาเหลงเล็กน้อย  ดูเหมือนกำลังใช้ความคิดคิดไปตามคำพูดของผมอยู่ 

"ผม..ไม่เข้าใจอะไรแบบนั้นหรอกครับ"

"หึ นายจะบอกฉันว่า..ผมรับไม่ได้ครับงั้นเหรอ ?" ผมแสยะยิ้ม  สมุทรยังคงจ้องหน้าผมเขม็ง

"พลอยเป็นคนดีนะ สวย รวย เก่ง เข้าใจนิสัยผู้ชายด้วย เพอร์เฟคสุด ๆ  ถ้านายจะชอบเธอก็ไม่แปลกหรอก สบายใจได้ ฉันไม่ได้ชอบพลอยสักนิด" ผมพูด

“ไม่ใช่สเปกน่ะ” ผมถอนหายใจเอ่ยทิ้งท้าย 

“แต่ที่จริงก็มีส่วนที่สเปกอยู่” ผมแก้คำพลางกลอกสายตาไปทางสมุทร

"คุณบอกว่าคุณไม่โกรธ แต่ดูเหมือนคุณกำลังไม่พอใจนะครับ" สมุทรพูด  ผมหลุดอมยิ้มนิดหน่อย

"ฉันไม่ได้ไม่พอใจที่พลอยจะชอบนาย" ผมพูดตรง ๆ  ให้อีกฝ่ายไปตีความเอาเอง  พอพูดจบก็ตัดบทสนทนาโดยการต่อสายโทรหาพี่ธานทันที 

"ฮัลโหล" ผมทักปลายสาย

"ครับ" พี่ธานขานตอบ

"ผมส่งแผนที่ที่ดินที่ชลบุรีเข้าไลน์เรียบร้อยแล้ว ส่งคนไปดูด้วยนะครับ" ผมบอก

"ได้ครับ"

"เดี๋ยวนี้เลย ติดต่อเอารายละเอียดมาด้วย" ผมสั่ง  อยากจะรู้ว่าเจ้าของจะบอกขายราคากับลูกค้าแต่ละคนตรงกันไหม  เพราะจากที่ผมทราบราคามาจากไอ้คินนั้นราคาไม่สูงเท่าไหร่นัก  ถือว่าสมเหตุสมผลดี

"ครับ" พี่ธานขานตอบเสร็จผมจึงตัดสายลงก่อน

"วันนี้นายต้องเข้าค่ายมวยช่วงบ่ายใช่ไหม" ผมถามเพื่อความแน่ใจ  จำได้เพียงราง ๆ

"ครับ" สมุทรตอบ

"อาทิตย์หน้าต้องเดินทางไปพัทยานะ เตรียมตัวไว้ให้พร้อมแล้วกัน" ผมบอก

"ครับ" สมุทรผงกหัวแต่สายตากลับลังเลเป็นกังวล

"น้องนายอยู่กันได้ใช่ไหม"

"ได้ครับ เดี๋ยวฝากให้คนที่ค่ายคอยไปดู"

"คนที่ชื่อสูงอะไรนั่น ไว้ใจได้แค่ไหน" ผมถาม

"เราโตมาด้วยกันนะครับ พี่สูงเป็นคนดี"

"หึ..คำนิยามของคำว่าคนดีที่นายว่าคืออะไร" ผมกวน

“ไม่ดื่มเหล้า ?” ผมเบ้ปากทาย  สมุทรยังคงนิ่งมองคล้ายกับเลือกที่จะไม่สู้เถียงผมดีกว่า

“เฮ ๆ ๆ  เปอร์เซ็นต์ของคนที่ไม่ดื่มเหล้าแล้วจังไรน่ะ ถ้าเอามาวัดทำโพลละก็ ฉันว่าน่าจะเทียบไปพอ ๆ กับคนที่ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์เลยมั้ง” ผมว่า  แน่นอนว่าผมกำลังกวนเขาอยู่

“คุณไฟครับ” อีกฝ่ายปรามด้วยท่าทางนิ่งขรึม  ผมชอบเวลาที่เขาเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงแบบนี้  มันแบบว่า..ฟังแล้วกระตุ้นดีเป็นบ้า

“อ๋อ หรือ..ใส่ถุงยางระหว่างมีเซ็กส์ ใช่..อันนี้ฉันก็ถือว่าเป็นข้อดีอะนะ” ผมแสยะยิ้ม

"คุณทำไมชอบกวนผมนัก" สมุทรต่อว่าออกมา 

"หึ" ผมหัวเราะในลำคอ  การถูกต่อว่าด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ ก็น่าฟังดี  "คุณทำไมชอบกวนผมนัก" งั้นเหรอครับ  ลูกน้องผมยังไม่กล้าพูดกับผมแบบนี้เลยสักคน  ถึงพูดจริง ๆ  ผมคงตบพวกมันปากแตกไปแล้ว

“สำหรับฉันน่ะ แค่ซื่อสัตย์ก็พอ..” ผมเอ่ย 

“หายากใช่ไหมล่ะ คนซื่อสัตย์น่ะ” ผมพูดปนอมยิ้ม  เหล่ตามองไปทางสมุทรเพื่อกำลังบอกเขาว่าผมไม่ได้พูดเล่นอยู่  เพราะองค์ประกอบของความเป็นคนซื่อสัตย์มันทำยาก  ดังนั้นการที่จะพบคนแบบนี้ได้ยากนั้นก็ไม่แปลก 

“คนที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อคนอื่น จะไม่มีทางแม้กระทั่งซื่อสัตย์ได้กับตัวเอง พ่อเคยบอกฉันน่ะ หึ..ฟังแล้วรู้สึกเกือบหมดความเป็นคนเลยใช่ไหมล่ะ นายก็คิดว่ามันเป็นงั้นไหม” ผมยิ้มให้  เป็นการพูดเตือนไปในตัวว่า  ทำงานกับผม  ผมไม่ขอเขาอย่างอื่นเลยนอกจากคำ ๆ นี้

"ไปเถอะ ขับรถไปส่งฉันหน่อย เสร็จแล้วนายก็ขับรถกลับไปบ้านแล้วก็ไปค่ายมวยได้เลย ไม่ต้องรอฉัน" ผมลุกขึ้นสั่ง  หยิบกระเป๋าและเอกสารติดมือมา

"คุณจะไปไหนครับ"

"บ้านไอ้โปรด เดี๋ยวบอกทาง"


- - - - - - - - - - - - - - -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-08-2016 14:02:49 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

บ้านเพียรสุข
 
"อ่าว ไม่ให้ลูกน้องมึงอยู่รอเหรอ" ไอ้โปรดถามหน้าฉงน  มันเห็นว่าสมุทรขับรถกลับออกไปแล้ว  ซึ่งถ้าเป็นปกติผมอาจจะให้ไอ้เด่นอยู่รอ

"ไม่อะ..ต้องไปซ้อม" ผมส่ายหัว

"ที่ค่ายอะนะ" มันถาม  ผมพยักหน้าพร้อมทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน
 
"ลูกน้องมึงคนใหม่ที่ชื่อสมุทรน่ะนะ"

"อือ" ผมพยักหน้าอีก  ไอ้โปรดทำหน้านึกพลางเบ้ปากออกมานิด ๆ

"ให้สิทธิ์พิเศษแปลก ๆ" อีกฝ่ายพึมพำ

"อย่ามาทำเป็นรู้ดี มันใกล้วันแข่งแล้ว" ผมว่า 

"แล้วนี่ทำไมยังไม่อาบน้ำ" ผมมองมันหัวจรดเท้า 

"กำลังเงี่ยน ๆ เลยนั่งรอมึง จะชวนให้เป็นเพื่อนชักว่าวเสร็จแล้วค่อยอาบทีเดียวเลย" มันตอบหน้าตาย  เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์แล้วหยิบเหล้าออกมาหนึ่งขวด

"เสียใจด้วยแล้วกัน กูไม่มีอารมณ์" ผมตอบกลับเซ็ง ๆ  ไอ้โปรดหัวเราะน้อย ๆ  นำแก้วเหล้ามายื่นให้ผม

"ร้านมึงที่ทำกับป๋าจงไปถึงไหนละ"

"กำลังก่อสร้าง เอาจริง ๆ กูก็ไม่รู้สึกอยากทำเท่าไหร่แล้วว่ะ รู้สึกเหมือนว่าจะมีปัญหาตามมายังไงบอกไม่ถูก" ผมบ่น 

"เป็นธรรมดา ก็ร้านเหล้านี่หว่า ถึงมึงเปิดที่ปฏิบัติธรรมก็ยังมีปัญหาอยู่ดี ต่างกันตรงที่..มึงแค่ไม่โดนตามฆ่าแค่นั้นเอง" ไอ้โปรดยิ้มว่า

"สัตว์" ผมด่าพลางหัวเราะน้อย ๆ

"ชวนกูมานี่จะไปไหน" ผมถาม

"เดี๋ยวกูต้องบินยาวอีกเป็นอาทิตย์ เลยอยากไปทำให้สมองโล่ง ๆ หน่อย" มันตอบพร้อมนั่งลงข้าง ๆ

"เอาแบบ โล่งขนาดที่..ให้หมดน้ำไปเลย" ผมได้แต่นั่งฟังมันพร่ำเรื่องไม่เป็นเรื่อง

"ตอนนี้กูรู้สึกเหมือนน้องชายกูจะออกได้ประมาณยี่สิบน้ำอะนะ" ไอ้โปรดทำหน้าซีเรียส  มันมักทำหน้าแบบนี้ในเรื่องที่ไม่ควรเสมอล่ะ  ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ

"แล้ว..มึงเป็นไงวะ กับคุณตุล" ไอ้โปรดอมยิ้มเจ้าเล่ห์

"ก็ไม่มีอะไร ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกัน กูไม่ได้ให้เบอร์ไว้ด้วยแหละ"
 
"กูก็อยากได้คุณตุลบ้างเหมือนกันน้า แต่ดันเสือกไม่ใช่สเปกเขา" มันทำหน้าเซ็ง  ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบอึกหนึ่งก่อนเทตัวลงทำท่าจะนอนไปบนโซฟา

"มีน้ำผลไม้ไหม กูไม่มีอารมณ์แดกเหล้าเลย" ผมพูดจากใจจริง  รู้สึกอารมณ์มันเนือย ๆ อย่างไรบอกไม่ถูก

"เหี้ยนี่เรื่องมากอีก" เจ้าของบ้านบ่นอย่างหัวเสีย  แต่ก็ยอมลุกกลับไปที่เคาน์เตอร์ให้  ไอ้โปรดกลับมาอีกครั้งพร้อมกับขวดน้ำส้มยี่ห้อดังจากต่างประเทศ

"ห่า..น้ำส้มสำเร็จรูป กูแดกน้ำเปล่าดีกว่างี้" ผมบ่นอย่างหงุดหงิดแต่ก็รับขวดมาเปิดออกอย่างช่วยไม่ได้  บ่นไปงั้น  ใจจริงก็อยากกินอะไรหวาน ๆ อยู่  ผมว่าน้ำส้มสำเร็จรูปรสชาติมันคล้าย ๆ ยาน้ำสมัยเป็นเด็ก  ห่วยแตกสุด ๆ

"คืนนี้กูนอนนี่แล้วกันนะ" ผมบอกมันไว้ก่อน

"อื้อ" ไอ้โปรดพยักหน้าส่ง ๆ ไปที  มันหยิบโทรศัพท์มาตั้งหน้าตั้งตากด  ผมเงียบมองโทรทัศน์ตรงหน้า  เปลี่ยนช่องวนกลับไปมาไร้จุดหมาย  ไอ้โปรดดื่มต่ออยู่แก้วสองแก้วก็ขอตัวไปอาบน้ำ  ผมนั่งเล่นโทรศัพท์ไปพลาง ๆ  อ่านหนังสือพิมพ์บ้าง  พลอยส่งข้อความมาหาเป็นระยะเพราะเธอเห็นว่าผมอ่านข้อความจากเธอแล้วแต่ผมดันไม่ตอบกลับ  เธอเลยส่งมาไม่ยั้งเหมือนจะต้อนให้ผมตอบเธอให้ได้  พอไอ้โปรดอาบน้ำเสร็จเราจึงออกเดินทางไปหาไอ้คินที่โรงแรม  ผมกับไอ้โปรดไม่ได้นัดไอ้คินไว้ก่อนล่วงหน้า  มันเลยไม่ได้รีบเคลียร์งานเพื่อมาพบเราสองคน  ผมเลยตัดสินใจไปนั่งกินอาหารเย็นฆ่าเวลาที่ห้องอาหารญี่ปุ่นในโรงแรมนั่นละ  กะว่าไอ้คินเสร็จงานก็จะได้ออกไปพร้อม ๆ กันเลยเพราะผมก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรอยู่แล้ว

"คุณไฟครับ" น้ำเสียงที่ทำให้มือที่กำลังจะคีบปลาดิบเข้าปากถึงกับชะงัก  เมื่อหันไปก็พบว่าตุลยืนอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ

"อ่าว สวัสดีครับ" ผมวางปลาดิบและตะเกียบกลับลงบนจานอย่างเดิม 

"สวัสดีครับคุณโปรด" ตุลผงกหัวทักทายอย่างกันเอง

"สวัสดีครับ" ไอ้โปรดผงกหัวยิ้ม ๆ

"มากินอาหารเย็นเหรอครับ" ผมเป็นฝ่ายตั้งคำถามก่อนพร้อมลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ ตัวของตุลเพื่อสำรวจสถานการณ์

"ก็ไม่เชิงหรอกครับ พอดีมาคุยงานกับลูกค้าที่นี่แล้วก็เลยชวนกันมากินอาหารก่อนกลับน่ะครับ" ตุลยิ้มตอบ  ผมเพียงแต่ยิ้มมอง  เขาเหสายตาลงนิด ๆ เหมือนทำท่าทางไม่ถูกขึ้นมาดื้อ ๆ

"เดี๋ยวคืนนี้พวกเราจะไปต่อกัน ไปด้วยกันไหมครับ" ไอ้โปรดชวน  ผมมองขวางไปทางเพื่อนรักแต่มันกลับไม่ยอมสบตาผมซะงั้น

"ที่ไหนเหรอครับ" ตุลถามด้วยแววตาสนใจ

"ยังไม่ทราบเลยครับ รอไอ้คินอยู่น่ะ" ผมตอบปัด

"เหรอครับ" ตุลพยักหน้านิด ๆ  เขาสบตาผมเล็กน้อยและเอาแต่ยิ้มให้

"จะไปด้วยกันก็ได้นะครับ" ผมเอ่ยชวนเพราะดูท่าทีเหมือนอีกฝ่ายกำลังรออยู่อย่างนั้น

"ถ้าคุณไฟไม่ว่าอะไรละก็" ตุลพูด

"หึ..ไม่ว่าอะไรหรอกครับ แต่ว่าเดี๋ยวผมให้ไอ้คินนัดสถานที่อีกทีนะครับ เราสองคนมีธุระที่ต้องไปทำก่อนน่ะ" ผมพูด

"ได้ครับ" อีกฝ่ายเข้าใจโดยง่าย

"งั้น..เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ ไว้เจอกัน" ตุลพูด  ผมอมยิ้มให้  เขาผงกหัวลาอีกครั้งก่อนกลับไปที่โต๊ะของตน  ผมมองตาม  ก่อนจะนั่งลงที่เดิมเลยเอื้อมมือตบหัวไอ้โปรดไปทีนึง

"มึงจะไปไหนของมึง" ไอ้โปรดกินไปขำไป 

"เออน่า..รีบแดกให้เสร็จ จะได้รีบไป" ผมตัดบทส่ง ๆ 

“แต่กูยังไม่อิ่มสักหน่อย” มันโวยวาย

“ก็เพราะปากมึงไง” ผมว่า

“ฮ่า ๆ ๆ” ไอ้โปรดหัวเราะลั่น  ผมถอนหายใจแรง  กวาดปลาดิบตรงหน้าเข้าปากทีเดียวด้วยความเร่งรีบ

"หึ..สัตว์ มึงนี่ตั้งใจเว้นระยะห่างโจ่งแจ้งฉิบหาย ถึงมึงไม่ทำอย่างนี้..เขาก็รู้ตัวอยู่แล้ว" ไอ้โปรดสะบัดหัวหน่าย ๆ

"ทำเพื่อย้ำให้อีกฝ่ายแน่ใจ" ผมพูดเรียบ ๆ

"คืนนี้มึงก็ไม่ต้องหาคู่แล้วงี้ เหลือแต่กูงี้" อีกฝ่ายเริ่มบ่นพร้อมทำเสียงทิ้งท้ายแปลก ๆ  ผมหัวเราะ  ขำหน้าของมัน  เราค่อนข้างรีบกินพอสมควร  อาหารมาเสิร์ฟเพิ่มอีกสามอย่าง  ผมกับไอ้โปรดจัดการกินด้วยความรวดเร็วหลังจากนั้นไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำ
 
"ไปไหน" ไอ้โปรดถามหลังจากที่ออกมาจากร้าน

"ไหน ๆ ก็ออกมาแล้ว ไปดูที่ป๋าจงหน่อยแล้วกัน" ผมตอบพร้อมกับโยนกุญแจรถให้มันเพราะขามาผมเป็นคนขับ  ไอ้โปรดรับกุญแจรถไปง่าย ๆ  ผมอยากไปดูความคืบหน้าว่าไปถึงไหนแล้ว  อันที่จริงตั้งใจว่าจะดูงานพรุ่งนี้โดยให้สมุทรไปด้วยกัน  แต่ถึงไปวันนี้ก็ดีเพราะไม่ต้องเสียเวลาสำหรับพรุ่งนี้ด้วย   

"แถวทรัพย์โชคนะ ?" มันถาม

"เออ" ผมตอบ  ไอ้โปรดกดเปิดเพลงทันทีที่ขึ้นรถ  มันเป็นคนขับรถค่อนข้างเร็วและใจร้อนมากคนหนึ่ง  นั่งรถกับมันต้องทำใจในบางครั้ง  ถ้ามันอารมณ์ดีมันก็จะขับเหมือนปุถุชนปกติ  ถ้ามันอารมณ์ไม่ดีมันก็จะเหวี่ยงตลอดทาง  ลูกน้องผมเคยนั่งไปกับมัน  เข็ดอ้วกแตกอ้วกแตนกันเกือบทุกคนยกเว้นพี่ธาน 

"มึงว่ามีเปอร์เซ็นต์มากน้อยแค่ไหน กับการที่ผู้ชายจะยอมผู้ชายวะ" ผมถามขึ้นระหว่างทางทำเอาไอ้โปรดหลุดหัวเราะนิด ๆ เหมือนเป็นประเด็นตลก

"กูหมายถึง..ผู้ชายแท้ ๆ  ที่ไหนจะชอบใจที่ถูกผู้ชายจีบ เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ต้องถูกเกลียดแน่นอนอยู่แล้วนี่หว่า" ผมวิเคราะห์

“ผู้ชายแท้ ๆ จะรักผู้ชายได้..นอกจากอยู่ที่ใจแล้ว อีกฝ่ายแม่งต้องคนดีมาก ๆ เลยที่ยอมรับเรื่องนี้ได้” ไอ้โปรดพูดปนหัวเราะ

“ขนาดนั้นเลย ?” ผมเบ้ปาก

“ขนาดนั้น” ไอ้โปรดพยักหน้า  เบะปากตอบเช่นกัน

"นึกไงถามแบบนี้ ปกติกูไม่เห็นมึงสนใจด้วยซ้ำ" มันว่า

"เปล่า" ผมปัดไปที  เท้าข้อศอกลงที่ขอบประตูหน้าต่าง  คู่สนทนาเงียบไปสักพักหนึ่ง  ผมเองก็เงียบด้วยเพราะกำลังคิดเรื่องเรื่อยเปื่อย

"แล้วแต่โชคชะตามั้ง" ไอ้โปรดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงส่ง ๆ ไปทีอย่างต้องการขยายความให้กับประเด็นเดิม 

"เพราะผู้ชายแท้ ๆ ที่คิดอยากลากขึ้นเตียงเฉย ๆ  กับคนที่อยากได้มาเป็นของตัวเองคนเดียว มันไม่เหมือนกัน" มันว่า  ผมเหล่ตาไปมองและแสยะยิ้มตั้งใจฟัง  นาน ๆ ทีมันจะพูดมีสาระกับเขาบ้าง  อีกฝ่ายอมยิ้มพร้อมยักไหล่น้อย ๆ เหมือนกับกำลังบอกผมว่า "กูพูดเรื่องจริงอยู่นะ"

"แต่ก่อนกูให้มึงจีบผู้ชายแท้ ๆ  ก็ไม่เห็นว่ามึงจะสนใจใครหน้าไหนเลยนี่ว่าจีบไปแล้วจะเกลียดมึงรึเปล่า" มันว่า  ผมเงียบ
 
"ชอบใครอยู่ ?" ไอ้ปากดีถามซะตรง  ผมแสยะยิ้มมุมปาก  เลือกที่จะไม่ตอบโดยการเบือนหน้ามาทางหน้าต่างแทน 

"เกลียดรอยยิ้มมึงฉิบหาย หึ..ไง เห็นไอ้คินเล่าเปรย ๆ ว่ามีคนทำให้มึงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ต่อหน้ามันได้ด้วย"

"นั่นสิ" ผมบ่นพึมพำถึง

"อีกฝ่ายดูท่าจะบื้อไม่เบา" ผมว่า

"ฮ่า ๆ ๆ"

"ก็ยังดีที่มึงได้ชอบใครเป็นสักคน กูนึกว่ามึงจะตายด้านจนไม่ชอบใครแล้วซะอีก" ไอ้โปรดพูดแกมบ่น

"ที่จริง กูก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ แค่เอ่อ..ถูกใจน่ะ" ผมบอกไว้ก่อน

"กูเข้าใจ" ไอ้โปรดตอบรับแค่นั้น  โดยตัดบทจบแบบที่ทำให้ผมถึงกับอมยิ้ม  ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายดูเหมือนจะเข้าใจอย่างที่ผมพูดเป็นอย่างดี  การขับรถต่อเป็นไปอย่างเงียบ ๆ  จนถึงที่ก่อสร้างผับ  ผมกับไอ้โปรดลงจากรถ  แยกย้ายกันเดินดูความเรียบร้อยของงาน  เกือบตกเย็นเต็มแก่แล้วแต่คนงานก่อสร้างก็ยังทำงานไม่หยุดมือ  ผมเปิดโทรศัพท์มือถือดูแบบร้านที่สถาปนิกเคยส่งโครงสร้างมาให้  เดินดูแบบพร้อมมองภาพจริงไปคร่าว ๆ  อีกทั้งถ่ายรูปไว้ด้วยเผื่อจะนำส่งให้กับป๋าจง 

“แบบสวยดีนี่หว่า” ไอ้โปรดก้มมองมาที่หน้าจอโทรศัพท์ของผม  ผมเงยหน้ากวาดตามองรอบ ๆ อีกครั้ง  แขนขยับขึ้นเท้าเอวยืนมองด้วยท่าประจำที่บางครั้งทำจนเคยชิน

“มึงชอบเท้าเอวเวลาตรวจงาน ไอ้เหี้ย..เหมือนหาเรื่อง เมื่อกี้ป้าก่อสร้างแอบนินทามึงกันว่า นายไม่พอใจงานแหงเลย” ไอ้โปรดเล่าด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบทำให้ผมหลุดหัวเราะ

"ด้านโน้นลานจอดรถเหรอวะ" มันชี้มือไปอีกฝั่งหนึ่งของเขตก่อสร้าง

"เออ..จอดได้เกือบห้าสิบคัน" ผมตอบ 

"เจ๋งว่ะ กูเกลียดฉิบหาย ร้านดัง ๆ แต่ไม่มีที่จอดรถ ให้ลูกค้าลำบากไปอีก" ไอ้โปรดเท้าเอวบ่น

“มึงเท้าเอวอยู่” ผมเหล่มอง

“อะ ไอ้เหี้ย” มันสวนด่ากลับยิ้ม ๆ  อยู่ ๆ เสียงรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบท์คันแปลกตาก็ขับเข้ามาในบริเวณเขตก่อสร้าง

"โปรด" ผมเรียกโดยทำเป็นไม่หันไปมองฝั่งนั้นอีก  หางตามองเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง  ด้วยสัญชาตญาณทำให้รู้ได้ในทันทีว่าจะต้องเกิดเรื่องอีกไม่กี่นาทีนี้เป็นแน่  ไอ้โปรดยืนจ้องหน้าผมนิ่งเขม็งเช่นกัน  ประสาทสัมผัสมันฉลาดดี

"ท้ายรถมึงมีเสื้อสำรองไว้เปลี่ยนรึเปล่าวะ"

"ก็พอมีอะนะ แต่..ถ้าเหงื่อออกไม่เยอะ กูก็จะขอบคุณมึงมาก" อีกฝ่ายตอบเหมือนรู้ชะตากรรมเช่นกัน



ปัง!!!!   ..ทันทีที่เสียงปืนดังขึ้นจากฝั่งถนน  ด้วยความรวดเร็วจึงคว้าหัวไอ้โปรดมาหลบในทันใด 

"ช่วยวิ่งสุดชีวิตกลับไปที่รถที" ผมสั่งเสียงเรียบ

"งานถนัด..ก็กูรู้จักคำนี้ตั้งแต่รู้จักกับมึง" ไอ้โปรดเบะปากหน้าทะเล้น

“ไป!” ผมตะโกนไล่พร้อมผลักตัวไอ้โปรดให้ออกห่าง  คนงานพากันแตกตื่น  เมื่อเหลือบมองไปที่เป้าหมาย  ผู้ชายสองคนร่างสันทัด  หนึ่งคนคร่อมอยู่บนรถ  อีกคนทำท่าจะลงจากรถมา  ผมหันกลับไปมองที่ไอ้โปรดอีกครั้งว่ามันใกล้ถึงแล้วหรือยัง 

เนื่องจากรถของเราจอดห่างจากตรงที่เรายืนอยู่พอสมควร  มือปืนลงมาจากมอเตอร์ไซค์แล้ว  มันจงใจเดินมาที่ผมเพียงคนเดียวอย่างอุกอาจ  ผมตัดสินใจวิ่งเข้าไปในเขตก่อสร้างเพื่อหาที่กำบังเพื่อจะหาทางลัดกลับไปที่รถ  ตอนนี้ผมไม่มีอาวุธใด ๆ และไม่มีแม้แต่อะไรที่จะป้องกันตัวได้  ดูท่าแล้วอีกฝ่ายต้องการมาเล่นงานผมแน่  เมื่อวิ่งเข้าไปหลบในตึก  เสียงคนงานร้องกันดังระงมชัดเจนกว่าเดิมทำให้แทบไม่ได้ยินเสียงจากอีกฝั่งเลย  เสียงปืนที่ยิงไล่ตามหลังอีกนัดนั้นเงียบไปแล้ว  ผมได้ยินเพียงเสียงรถยนต์ของไอ้โปรดที่ขับออกไปค่อนข้างเร็ว  สายตาหันไปเห็นว่ามีทางออกไปทางด้านหลังของเขตก่อสร้าง  ผมจึงรีบวิ่งออกไปทันที  เสียงล้อรถเสียดสีไปตามถนนดังก้อง  เสียงเศษกรวดกระทบกับสังกะสี  เมื่อโผล่ตัวออกมาจากป่าหญ้าอีกทีก็พบรถของไอ้โปรดจอดอยู่ไม่ไกลนัก 

"หลบไป" ผมวิ่งไปเปิดประตูฝั่งคนขับ  ไอ้โปรดกระโดดไปนั่งฝั่งข้าง ๆ คนขับจนแทบเสียท่า

"มึงจะทำเหี้ยอะไร" ไอ้โปรดถามด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก  ผมคาดเข็มขัด  เร่งคันเร่งพุ่งหน้ารถเข้าป่าหญ้าก่อนหันท้ายรถกลับไปที่เป้าหมายในทันที 

"หมอบลงไป ..มาเสี่ยงดวงกันหน่อย" ผมบอกพร้อมใส่เกียร์ถอยหลังเตรียมพร้อม

"กูจะแดกมัน" ผมแสยะยิ้ม  เหล่มองไปที่เจ้าของรถที่ลงไปนั่งด้านล่างแล้ว

"ประกันไม่น่าจะรับเรื่องนี้" สิ้นเสียงที่ไอ้โปรดพูดเสียงเครื่องยนต์ก็ดังขึ้นแทรก  ก่อนที่มันจะโวยวายเสียงหลงว่า “รถกูเพิ่งซื้อมา!” ซะดังลั่น  เสียงปืนดังขึ้นอีกสองนัด  พวกมันกะเล็งมาที่รถอย่างจงใจ  ผมถอยท้ายรถกลับไปอย่างรวดเร็วและไม่มีลังเลใด ๆ ทั้งสิ้น  มือปืนยังคงยืนนิ่งอยู่กลางถนนอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว  มืออาชีพแน่นอนแบบไม่ต้องสงสัย 

“เอาเลย” ผมกัดฟันยิ้ม ๆ ด้วยรู้สึกสะใจขึ้นมา  ความเร็วของรถทำให้ยิ่งขับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ  เสียงความเร็วปะทะกับเสียงลูกปืนที่กระทบกับรถ  วัดใจกันไปว่ามันหรือผมที่จะยอมก่อน  และถ้ามันหวังว่าผมจะยอมให้ละก็  มันคิดผิด 

"ปอดแหกเอ๊ย!" ผมสบถ  มือปืนวิ่งกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์  อีกนิดเดียวผมก็จะถึงมันอยู่รอมร่ออยู่แล้ว

"ไอ้โปรด มึงมีปืนไหมวะ" ผมถามไปอย่างนั้นทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่มี 

"ปืนนะไม่ใช่เซ็กส์ทอย กูจะพกไว้ยัดตูดรึไงล่ะ" มันว่า  ขยับตัวกลับมานั่งดี ๆ  ผมได้แต่จิปากสบถเซ็ง ๆ วนรถกลับมาจอดตั้งท่ารอ

“อย่าตามมันไปนะไฟ กูใจไม่ดีไอ้เวรเอ๊ย” ไอ้โปรดสบถหน้าเสีย  ผมหัวเราะและเลือกที่จะขับต่อไปอีกทางซึ่งเป็นคนละเส้นทางกับที่มือปืนขับหนีไป

"อยู่กับมึงอยู่นี่ดีฉิบ พอเบื่อ ๆ รู้สึกห่อเหี่ยวเจียนตายทีไร ก็มีเรื่องมาให้กูรู้สึกว่ากูยังมีลมหายใจได้ทุกที" มันบ่น

"ชีวิตต้องสู้สินะ" ไอ้โปรดพึมพำตาค้างไม่เลิก  ทั้ง ๆ ที่มันควรจะชินได้แล้ว

"หึ ๆ" ผมได้แต่หัวเราะ  มือกดโทรศัพท์ต่อสายหาพี่ธาน

"ครับ คุณไฟ"

"ตามรถให้ผมหน่อย บิ๊กไบท์..ทะเบียน BB 4471 สีดำ น่าจะทำสีมา" ผมพูด  พี่ธานขานรับทราบเป็นระยะ

"ถามพี่ศรก็ได้ มีคนมาดักยิงผมเมื่อกี้ ที่เขตก่อสร้างร้านป๋าจง" ผมบอก

"แล้วคุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ" ปลายสายถามด้วยความตกใจ

"ยังสบายดี" ผมตอบ

"คิดว่าเป็นใครครับ" พี่ธานถาม  ซึ่งถ้าเป็นคนปกติทั่วไปคงถามว่า "แจ้งความรึยัง ?" น่ะนะ

"ผมคิดว่าน่าจะเป็นคนของไอ้กริด เดาอะนะ ไม่ได้ปักใจเชื่อซะหมดหรอก" ผมตอบ

"แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น" พี่ธานพูดเชิงถาม

"ผมก็ไม่ว่าอะไร ก็มีคนคิดไม่ดีกับผมทุกวันอยู่แล้ว" ผมยิ้มนิด ๆ

"อีกอย่าง..ผมว่าก็ดีนะ ไอ้โปรดดูเหมือนจะไม่ได้วิ่งเร็วขนาดนี้มานานพอควรแล้ว เอาซะหางจุกตูดเลย" ผมพูดติดตลก 

"คุณนี่ก็" พี่ธานถอนหายใจ  ติดหัวเราะทิ้งท้ายนิดหน่อย  ไอ้โปรดด่าแทรกเข้ามาเบา ๆ 
 
"ไปจัดการให้ด้วยแล้วกัน" ผมพูด 

"ได้ครับ เดี๋ยวผมจะรีบให้ไอ้เข้มไปจัดการ" พี่ธานรับปาก 

"คืนนี้ผมไม่กลับนะ ฝากบ้านด้วย" ผมบอก

"คุณจะไปไหนครับ แล้วนี่พกอะไรไปด้วยรึเปล่า ผมว่าผมไปหาคุณดีกว่านะครับ" พี่ธานพูด

"เปล่า..อยู่กับไอ้โปรดนี่แหละ ว่าจะนอนโรงแรมไอ้คิน มีอะไรโทรมาแล้วกันนะครับ" ผมตัดบท

"ครับ ระวังตัวด้วยนะครับ"

"ครับ” ผมตอบพร้อมกดวางสาย

"น้องชายมึงใช้งานได้กับทุกคนสภาพรึเปล่าวะไอ้โปรด" ผมถามด้วยน้ำเสียงจริงจังปนสงสัย

"ถ้ากูจะแข็งตลอดเวลาขนาดนั้น วัน ๆ กูไม่ต้องทำมาหากินละฉิบหาย ขายตัวได้อย่างเดียว" มันสบถ

"ฮ่า ๆ ๆ" ผมหัวเราะลั่น

"กูก็ว่า..อุตส่าห์ตั้งใจอยากจะให้มึงเอาไอ้นั่นของมึง ยัดตูดมือปืนแทนกูสักหน่อย" ผมพูดบ่นไปที  แต่ก็แอบคิดจริงอยู่เหมือนกัน  พอดีพอเห็นว่าเป็นมือปืนแล้วมักไม่มีอารมณ์

"มึงนี่โรคจิตว่ะ" ไอ้โปรดบ่นด้วยน้ำเสียงรับไม่ได้  ผมขำ  คนแบบมันมีสิทธิ์มาว่าผมด้วยงั้นเหรอครับ

"ไอ้กริดอีกแล้วเหรอวะ" ไอ้โปรดถาม

"อือ แต่ก็ไม่แน่ใจนะ พอดีเมื่อเช้ากูดันไปสะกิดใจมันเข้านิดหน่อย"

"แล้วมึงจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่" ไอ้โปรดเข้าประเด็นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง  ผมได้แต่เงียบ

"ถึงกูตายตอนนี้ ความจริงกูก็ไม่มีห่วงอะไรน่ะนะ" ผมพูดคนละเรื่อง

"กูเบื่อว่ะ มึงชอบพูดเรื่องตายจนเป็นธรรมชาติ" ไอ้โปรดหันหน้าหนีเหมือนไม่อยากจะรับฟัง  ผมอมยิ้ม  นำมือไปลูบหัวปลอบมันน้อย ๆ

"ที่ผ่านมากูเจอเรื่องบัดซบมากกว่านี้ กูก็ยังมีชีวิตมานั่งแลกลิ้นกับมึงได้ตั้งหลายครั้ง บางทีกูก็คิดนะว่า..ดวงกูนี่มันแข็งสุด ๆ ไปเลย" ผมพูดติดตลก  แต่ความหมายลึก ๆ แล้วไอ้โปรดก็คงรู้ดีว่าผมพูดเรื่องจริง

"สบายใจเถอะ งานศพมึง..กูจัดให้สมเกียรติแน่นอน ข้าวต้มน่ะมันเชยไปแล้ว อย่างมึงนี่กูจัดเป็ดปักกิ่งมาทั้งฟาร์มเลย" ไอ้โปรดอมยิ้มกวน ๆ

"ถ้าเป็นงั้นจริง.. กูฝากมึงรักพายุกับไอ้ดินแทนส่วนของกูด้วยแล้วกัน ไม่ต้องห่วงหรอก ในพินัยกรรมก็มีของขวัญลาตายจากกูให้มึงด้วย" ผมตอบรับยิ้ม ๆ

"ไฟ!" ไอ้โปรดกระแทกเสียงหน้าเสีย  ผมหลุดหัวเราะ  บางครั้งก็ใจหาย  บางครั้งก็รู้สึกเฉย ๆ  ก็ชีวิตผมอยู่กับความตายทุก ๆ วันอยู่แล้ว  จะให้มาคาดหวังว่าตัวเองจะมีชีวิตยืนยาว  มันไม่ใช่เหตุปัจจัยที่จะคิดแบบนั้นได้..




..........(ไฟ).........
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-08-2016 23:57:19 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9
ไฟนี่กวนดีจริงๆ :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อยากอ่านพาร์ทสมุทรบ้างอะ ว่าคิดอะไรอยู่

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ konjingjai

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +226/-4
กวนจริงๆพ่อพระเอก

ออฟไลน์ lookfa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
ไฟมีความหวั่นไหว
ต้องออกตัวละนะ เดี๋ยวโดนแย่งไม่รู้ตัว 55555
 :impress2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด