The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 446061 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
รู้ว่าชีวิตพี่ไฟเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาตลอด

แต่ก็อยากให้พี่ไฟมีความสุขกับสมุทรก่อนอยู่ด้วยกันไปนานๆ  :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณเบบี้ค่ะ






ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
แรงสมชื่อจริงๆนะไฟ

ออฟไลน์ askmes

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
มีชีวิตที่พร้อมจะตาย  ถ้ามองในแง่สัจจธรรม ก็เป็นเรื่องธรรมดา
แต่ในชีวิตจริง คงตื่นเต้นน่าดู
มาลุนกันดีกว่า ว่าไอ้มือปืน จะถูกดุ้นของใครยัดใส่  :z2:
+1 ให้เป็นกำลังใจนะครับ หนูบี้

ออฟไลน์ นางสาวกานาเลส

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ช่วงนี้คุณไฟพูดเรื่องความตาย บ่อยไปนะ ฮืออออออ จะเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าหนออออ อยากอ่านพาร์ทสมุทรอีกเสียงค่ะ อิอิ

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
ชีวิตไฟนี่เสี่ยงมากกกก
สมุทรมาทำให้ไฟอยากอยู่ต่อยาวๆหน่อยเหอะ

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
ชีวิตไฟนี่มันตื่นเต้นตลอดเวลา แต่เป็นคนที่มีไหวพริบทันคนดีจัง
ชอบไฟจัง  :mew1:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ชีวิตของไฟนี่ร้อนแรงอย่างชื่จริงๆ

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
สนุกมาก
ไฟบ้าดีเดือดกวนทีนสุด
รอวันที่เค้าได้กัน
ขอบคุณค่ะ^^

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
5555 เป็นไฟก็ลำบากไปนะ
จะบอกชอบชัดๆ ก็ยาก จะอยู่ใช้ชีวิตยาวๆก็ลำบาก
กวนก็ที่หนึ่ง ยั่วโมโหก็เก่ง แล้วสมุทรจะรักยังไงล่ะนั่น

โปรดไม่ชินมั้ง มากระหน่ำขนาดนี้ให้ชินยากนะไฟ

อยากรู้ ถ้าสมุทรรู้ว่าไฟโดนบุก สมุทรจะทำไง

รออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ kawoat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
บางทีเราก็มองว่าไฟใช้ชีวิตประมาทไปถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกริด
ไม่ใช่ขาดความรอบคอบนะ แต่มันรู้สึกว่าไฟหละหลวมในความปลอดภัย
อารมณ์เหมือนรู้ว่ามีงูอยู่ในบ้าน รู้นะ คอยระวังด้วย แต่ไม่คิดกำจัด
ไฟทำตัวเหมือนเป็นคนมีหลักการนะ แต่เรามองไม่เห็นหลักการในการเฝ้าระวังความปลอดภัยของชีวิตเลย
รู้ว่าพระเอกยังไงก็คงไม่ตาย มีน้อย%มากที่จะมาตาย แต่มันขัดใจกับความประมาทจริงๆ ทั้งๆ ที่แจ้งตำรวจ
หรือลงบันทึกประจำวันก็ได้ ไม่ทำโอเคมันไม่เท่ ไม่คูล ก็แล้วทำไมไม่โต้กลับทั้งๆ ที่ตอนมีเรื่องที่ค่ายมวยสมุทรโดนเผา
แหมโชว์เก่งซะเหลือเกิน แต่พอมาเป็นเรื่องของชีวิตตัวเองและความปลอดภัยของคนรอบข้างกลับเพิกเฉย
เพื่อนไฟอาจจะทำใจรับได้นะ แต่ถ้าเป็นเราถ้าเพื่อนเห็นความเป็นห่วงของเราเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยใส่ใจ ยิงมุกตลกกลบเกลื่อน
อ้างความตายว่าเป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอ หลายๆ อย่างที่ไฟแสดงออกมามันเหมือนหักหาญน้ำใจความห่วงใยของเพื่อนมาก

ขอโทษทียาวไปหน่อยมันอัดอั้นมานาน สุดท้ายนี้ขอบคุณที่มาต่อจ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2016 15:04:53 โดย kawoat »

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
เฮียพูดลาจนนึกว่าจะไปบวชได้เลย ปลงกับชีวิตได้มากเลย  แล้วสมุทรจะคู่กับใครล่ะคะ คงต้องได้ตามคุณไฟไปแน่ๆ. แต่ตอนนี้เริ่มแย้มแล้วว่าชอบสมุทรจนคิดมากว่าเค้าจะรังเกียจ. ไฟแบบนี้น่ารักค่ะ ชอบ ชอบที่เห็นมุมที่ไม่มั่นใจของไฟบ้าง  :L2:


รอตอนต่อไปนะคะ


 :katai3:

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เกิดเรื่องตื่นเต้น กับคุณไฟเมื่อไร



ทำไม ชอบเกิดตอนสมุทรไม่อยู่ด้วยทุกที



แบบนี้เมื่อไรสมุทรจะได้โชว์แมน โชว์มวยแบบโหดๆล่ะ



คุณไฟ จะไปปลดปล่อยอีกแล้วนะ สมุทรล่ะ เคยได้ปลดปล่อยที่ใหนบ้างใหมเนี่ย



ทำแต่งานหาเงินงกๆไม่มีเวลาสบายเลย



คุณไฟรีบไปติดแอร์ให้ที่บ้านสมุทรน่ะดีแล้ว น้องเมฆกับยายจะได้อยู่เย็นๆบ้าง



สมุทร มองออกใช่ใหมว่าคุณไฟเขาหวงนายไม่ใช่หวงแพร ฮ่าๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ น้ำแข็งใส

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +130/-1
หลงรักไฟเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  :mew1:

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
ชอบไฟ ตอนนี้จัง เป็นได้หลายอารมณ์ กับย่ายังไม่ยอมเลย

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 951
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
ไฟนี่ปากร้ายยกับทุกคนยกเว้นพี่ธาน555

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ตอนที่ 22 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.720
ตอนที่ 23 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.750
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _



ตอนที่ 24
..ไฟ..




07:15 น. : RATIO HOTEL

เมื่อคืนนี้พี่ธานส่งข้อความรายงานมาว่าไอ้รุ่งและนักมวยที่ค่ายของเราคนอื่น ๆ ชนะการแข่งขัน  รูปการจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่ค่ายก็ถูกส่งแนบมาให้ดูด้วย  ความคืบหน้าของคนที่มาปองร้ายผมเมื่อวานยังคงเป็นปริศนา  ที่ร้านทำสีรถบิ๊กไบท์ที่เป็นพักพวกของคนในวงการบอกว่าลักษณะรถและเลขทะเบียนที่ให้มานั้นไม่ตรงกันกับที่เคยทำรถให้กับลูกค้า  ตอนนี้ยังคงมืดแปดด้าน  ถามว่าตามตรงแล้วผมอยากรู้ไหมว่าใครเป็นคนจ้างวานมา  พูดตามตรงคือไม่ได้อยากรู้

ระหว่างที่อยู่ที่ผับกับไอ้โปรดและไอ้คินเมื่อคืนนี้  ตุลเดินทางมาที่ผับพร้อมกับเพื่อน ๆ ของเขา  โดยไอ้คินเป็นคนโทรบอกเรื่องสถานที่ให้อีกฝ่าย  เราแยกย้ายกันคนละทางในตอนประมาณตีหนึ่ง  ไอ้คินไปกับผู้หญิงของมัน  ไอ้โปรดไปกับเพื่อนของตุล  ผมเดินทางกลับมาที่โรงแรมของไอ้คินพร้อมกับตุลโดยรถของเขา 

"เออ อย่าสายล่ะ" ผมสั่งไอ้เด่นก่อนตัดสายลง  ไอ้เด่นจะมารับผมที่โรงแรมพร้อมกับสมุทร  ความจริงแล้วผมตั้งใจให้สมุทรมาเห็น  ไม่ใช่เพื่อคาดหวังให้อีกฝ่ายหึง  แต่เพราะต้องการให้เขารู้ไว้แต่เนิ่น ๆ ว่าไม่ว่าที่ผ่านมาหรือตอนนี้ “ผมมีรสนิยมแบบนี้”  ซึ่งอาจจะเป็นคำตอบที่เขาเคยสงสัยในตัวผมอยู่บ้างก็ได้  ลูกน้องคนสนิทของผมทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว  พวกมันแค่ไม่ปริปากเท่านั้น  ดังนั้นเพื่อให้คำตอบที่กระจ่างแก่อีกฝ่าย  คิดว่าให้เขาเห็นกับตาไปเลยน่าจะเป็นคำตอบที่ดีแบบไม่กระอักกระอ่วนกันทั้งสองฝ่าย   

"อาหารมาแล้วนะครับ" ตุลบอก  พนักงานนำอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้ถึงห้อง  อีกฝ่ายเก้ ๆ กัง ๆ  หลบสายตาผมในทันที  ผมและตุลคงเป็นอะไรที่พนักงานคาดเดาได้ด้วยสายตา  คู่ของผมใส่เพียงชุดคลุมอาบน้ำ  ส่วนผมนุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวเท่านั้น  วันนี้เช้าผมต้องเข้าตลาดเพราะเมื่อช่วงค่ำวานนี้พี่สาวได้โทรมาบอกว่าได้นัดพนักงานรักษาความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว  โดยทุกคนจะมาสัมภาษณ์งานในช่วงสายของวันนี้

ผมลุกขึ้นหยิบแบงก์ห้าร้อยออกมาหนึ่งใบแล้วนำไปเสียบใส่ในกระเป๋าเสื้อของพนักงาน  อีกฝ่ายผงกหัวด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมจนทำให้ผมแทบหลุดยิ้ม 

“ขอบคุณ” ผมบอกพร้อมตบเข้าที่กระเป๋าเสื้อเบา ๆ สองสามที  พนักงานก้มหน้าก้มตาออกจากห้องไปแล้ว  ตุลรีบจัดแจงโต๊ะให้  ผมจึงกลับไปนั่งที่เดิม  ตุลเลื่อนรถวางอาหารมาใกล้กับโต๊ะกินอาหารที่ผมนั่งอยู่  ทั้งผมและตุลยังไม่มีใครอาบน้ำแปรงฟันแต่อย่างใด  เพียงแค่ล้างหน้าล้างตาอย่างลวก ๆ เท่านั้น

"เช้านี้ผมก็ต้องกลับแล้วเหมือนกัน ต้องรีบเข้าบริษัท..มีประชุม" ตุลพูดขึ้น  มือรินกาแฟร้อนใส่ในแก้วของผมด้วย  ผมไม่ตอบใด ๆ  ได้แต่นั่งมองเงียบ ๆ 

"คุณไฟใส่น้ำตาลไหม ?"

"ผมไม่ใส่น้ำตาลครับ" ผมตอบ  ตุลอมยิ้มน้อย ๆ  ผมเหลือบมองอีกฝ่ายที่หยิบน้ำตาลก้อนใส่เข้าไปในแก้วของตัวเองถึงสี่ก้อน

“ใส่เยอะไปรึเปล่า” ผมทัก

“หึ..คุณไม่กินหวานต่างหาก” ตุลย้อนตอบด้วยใบหน้ายิ้มเขิน  ผมอยากแก้ตัวออกไปว่า “ผมกินหวานนะ” แต่ก็ไม่อยากบอก  คนใกล้ตัวจะรู้ว่าผมชอบกิน Honey Toast กับไอศกรีมวนิลามากเลยล่ะ

“ปกติตอนเช้าคุณไฟกินอะไรเหรอครับ”

“ผลไม้” ผมตอบ  คำตอบของผมทำให้ตุลหลุดหัวเราะ  ผมอมยิ้ม  หยิบแก้วกาแฟขึ้นจิบ   

"คุณไฟเป็นคนที่ตรงไปตรงมาดีนะครับ" ตุลพูด

"หะ ?" ผมอ้าปากเลิกคิ้ว  งงที่อยู่ ๆ ตุลก็เอ่ยเปิดประเด็นโต้ง ๆ แบบนี้  อีกฝ่ายหลุดยิ้ม  ผมกวาดตามองอย่างไม่ไว้ใจ  มือวางแก้วลงก่อนหยิบขนมปังขึ้นทาเนยไปด้วยอย่างไม่คิดที่จะซักเอาความต่อ

"ผมเป็นนักธุรกิจนะ ที่จริงก็พอจะดูคนออกอยู่บ้าง ก็วงการนี้น่ะ..มันมีแต่คนพลิกลิ้นเก่งตลอดเวลา มีแต่คนเก่ง..ที่โกหกเก่งเป็นไฟ" ตุลเบ้ปากติดตลก  ขณะเดียวกันมือของเขาก็คนกาแฟไปพร้อมด้วย
 
"ยังไง ?" ผมยิ้มถามก่อนกัดขนมปังเข้าปาก 

“เดี๋ยวนะครับ” ตุลท้วง  ตากลอกมองมาที่ขนมปังในมือของผม

“คุณไฟไม่ดื่มกาแฟใส่น้ำตาล แต่ดันเอาน้ำตาลโรยไปบนขนมปังเนี่ยนะ” เขากระแทกเสียงงง ๆ

“หึ ๆ” ผมยิ้มกว้างไม่ปฏิเสธ

“ไม่ดีเหรอ ความจริงแล้วผมกินอะไรไม่เรื่องมากอยู่นะ” ผมพูดขำ ๆ  ตุลได้แต่ยิ้มฟัง

“ถ้าอยู่บนเครื่องจะเสิร์ฟไข่ปลาคาเวียร์หรืออะไรหรูขนาดไหนผมไม่สนหรอก ผมชะเง้อรอแต่ตะกร้าขนมปังที่มันควรจะเป็นของผม บางทีมันก็น่าอายที่จะขอเนยสดกับน้ำตาลเพิ่มน่ะนะ ก็ทน ๆ กับสายตากะหลับกะเหลือกจากพนักงานไป ที่จริงพวกเขาควรจะชอบสิ ผมไม่เรื่องมากสักหน่อย แค่เอามาให้แล้วรบกวนปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว ผมไม่ขออะไรเพิ่มหรอก กินเสร็จผมก็จะนอนแล้ว” ผมเล่าขำ ๆ 

“ฮ่า ๆ ๆ” ตุลหลุดหัวเราะ  แล้วผมก็เป็นแบบที่ว่าจริง ๆ ซะด้วย  บางครั้งการกระทำนี้มันค่อนข้างน่าอายอยู่นิดหน่อย  ครั้งหนึ่งชาวต่างชาติเคยมองเหล่ผมเมื่อเห็นว่าผมโรยน้ำตาลลงไปบนขนมปังแล้วกินสด ๆ อย่างนั้น  เป็นการสบตาซึ่งกันและกันแบบที่ต่างคนต่างไม่เข้าใจในอารมณ์

“ผมเดาได้เลยว่าที่จริงแล้วคุณเป็นคนประหยัด” ตุลทำจมูกยู่ใส่  คำพูดเขาทำให้ผมยิ้มได้นิดหน่อย

“ไม่ดีเหรอ ? ความจริงแล้ววัน ๆ นึงคนเราจะกินอะไรสักเท่าไหร่เชียว บางทีผมก็แย่งข้าวลูกน้องกิน แบบนั้นมันอร่อยกว่า อิ่มเร็วกว่าปกติด้วย ดังนั้นใช้คำว่า ‘ใช้เงินเป็น’ ดีกว่าไหมครับ” ผมพูดปนหัวเราะ  นึกถึงหน้าไอ้เด่นเวลาที่ตาละห้อยตอนที่ถูกผมแกล้งโดยการแย่งของกินที่มันชอบแล้วรู้สึกสนุกทุกที

“คงสนิทกันมากสินะครับ” ตุลพูดเดา  ผมไม่ตอบ

"คุณชอบมองตาคนอื่น..” อีกฝ่ายพูดขึ้นโต้ง ๆ  หยิบแอปเปิลเข้าปาก  ตากลอกมองมาที่ผมอย่างเจ้าเล่ห์  ผมเหตาลงมองอาหารตรงหน้าพร้อมเท้าข้อศอกลงบนโต๊ะ

“แม้กระทั่งบนเตียงคุณก็ยังมองตลอด" เขาขยายความพร้อมอมยิ้มน้อย ๆ

“มันทำให้.. ยิ่งมีอารมณ์น่ะ” ตุลแสยะยิ้มยั่วยวนหน้าทะเล้น  ทำให้ผมหลุดยิ้มกว้างในทันที  เราต่างหัวเราะ  ผมเบะปาก  ผงกหัวไปอย่างยอมรับว่าผมก็ชอบมองจริง ๆ นั่นละ

"เฮ้อ..บางคนสักแต่ว่าสอดใส่แล้วก็ขยับเอวลูกเดียว ทำเอาเสียอารมณ์อยู่เหมือนกัน" ตุลถอนหายใจบ่นหน้าขยาด

"หึ แคะ ๆ" ผมหลุดหัวเราะ  แทบสำลักขนมปังที่กำลังกลืนเข้าไป 

"หึ ๆ" อีกฝ่ายหัวเราะมองมา  ผมนำมือกุมหน้าตัวเองอย่างเหลือเชื่อที่จู่ ๆ ตุลก็พูดในสิ่งที่ผมไม่คาดว่ามันจะออกมาจากปากของเขา

"คู่นอน..ไม่ได้ระบายอารมณ์เพราะอยากได้ไอ้นั่นอย่างเดียวซะเมื่อไหร่ คุณไฟว่ามันจริงไหมละครับ" ตุลยิ้มน้อย ๆ  สายตาว่างเปล่าไม่มีความหมายลึกซึ้ง

"ก็จริงมั้งครับ" ผมตอบ  ความจริงแล้วก็เห็นด้วยอยู่พอสมควร  เราต่างเงียบลงครู่หนึ่ง  ตุลหยิบน้ำเปล่าขึ้นจิบ  ผมมองตามจนเราหันมาสบตากัน

"คุณชมผมหลายครั้งแล้วนะ หวังอะไรรึเปล่า" ผมแกล้งแซวเล่น ๆ  เพราะอยากรู้ในสิ่งที่คิดว่าควรรู้ไว้ก็ดี

"บ้า..ชมไม่ได้เหรอ ก็คิดอย่างนั้นจริง ๆ นี่ฮะ" ตุลยิ้มเขิน

"ตาคุณมีเสน่ห์มาก" เขาพูดอีก  ผมหยุดมือที่กำลังจะหยิบขนมปังอีกแผ่นหนึ่งมาทาเนย

"พูดจริง ๆ นะ แววตาคุณไฟเหมือนเด็กเลย ดูอยากรู้อยากเห็น เปลี่ยนอารมณ์ไว แต่เวลาคุณมองสิ่งที่คุณอยากมองคุณกลับมองอย่างตรงไปตรงมา คุณไม่จำเป็นต้องมองผมแบบนั้นบนเตียงก็ได้ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า..ขี้อ้อนสุด ๆ" ตุลฉีกยิ้มอธิบายออกมาหมดเปลือก  ท่าทางเขินอายเมื่อครู่กลับดูมั่นใจในตัวเองขึ้นมาดื้อ ๆ

“ผมเปล่าอ้อนสักหน่อย” ผมปฏิเสธ  ความจริงแล้วผมอาจเผลอทำไปอยู่บ้างละมัง

“ก็ได้ งั้นเปลี่ยนคำใหม่..สายตาคุณมันเจ้าชู้เกินเยียวยาเลย” ตุลย้อนเสียงแข็งอย่างไม่ยอมแพ้  ผมชะงัก  เราจ้องตากันยิ้ม ๆ

"ใช้คำว่าอยากรู้อยากเห็นฟังดูเพราะกว่า ก็ผมยังอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นนี่นะ" ผมตอบปัด  ไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ยอมรับเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นเป็นประเด็นสนุก ๆ ไป  และตุลก็หลุดหัวเราะออกมาจริง ๆ  เขากลอกตาคล้ายปรามผม  ท่าทางเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาผิดหูผิดตาจากที่อยู่บนเตียง 

"ไม่มีแฟนจริง ๆ เหรอครับ" ตุลถามโต้ง ๆ  ผมที่กำลังจะหยิบผลไม้ขึ้นกินถึงกับชะงัก 

"ไม่มีครับ" ผมตอบด้วยน้ำเสียงเรียบทุ้ม

"ยังไม่เจอคนที่ทำให้หลงรักได้สินะ" อีกฝ่ายพูดคล้ายเดา

"หึ..ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ" ผมปัดไปที

"ถ้าผมไม่ได้ชอบคน ๆ นั้นจริง ๆ  คิดว่าไม่คบกันคงจะดีกว่า ผมไม่ต้องมีพันธะ อีกฝ่ายก็ไม่ต้องมาเสียใจ เสียเวลาเพราะผมด้วย ผมไม่ได้รู้สึกอยากมีน่ะครับ ที่ผ่านมาก็ยังไม่พร้อมดูแลใคร คงเพราะยังไม่เจอคนที่อยากดูแลมั้ง" ผมอมยิ้มอย่างมีนัยยะ  ตุลนิ่งไปครู่  เขาขยับมือหยิบส้อมจิ้มลงในจานสลัด

"คิดดีนี่ครับ ผมว่า..ยังดีกว่าพวกที่อยากมีแฟนจนตัวสั่นแต่หยุดเพื่อใครไม่ได้เป็นไหน ๆ" ตุลเบะปากคล้ายกับประชดสักอย่างอยู่

"พูดถึงแฟนเก่าคุณอยู่งั้นเหรอ" ผมแกล้งถาม  ตุลเหลือบมองก่อนยักไหล่น้อย ๆ แทนคำตอบ 

"ถ้ามีใครสักคนแล้วไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นกว่าเดิม สำหรับผม..อย่ามีเลยจะดีกว่า ที่จริงแล้ว ความรักไม่ได้ทำให้ชีวิตเพอร์เฟคเสมอไปนี่ครับ ผมคิดงั้นนะ" ตุลพูด

"ซึ่งตอนนี้ผมก็คิดเข้าข้างตัวเองอะนะว่าผมเพอร์เฟคอยู่" ตุลทำหน้าทะเล้น

"ก็ไม่แปลกนี่ครับ ไม่ได้โหยหาอยากได้อะไรอีก..นั่นก็คือเพอร์เฟคแล้ว" ผมเห็นด้วย   
 
"หึ..คุณไฟนี่แปลกคน ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็แบ่งเขตกับตุลแท้ ๆ  ยังมาให้กำลังใจกันอีก" ตุลอมยิ้มส่งสายตาเจ้าเล่ห์มา
 
"รู้ทันซะแล้ว" ผมยักคิ้วยิ้ม ๆ รับมุกอีกฝ่ายกลับ 

เรากินอาหารเช้าโดยเปลี่ยนเรื่องคุยไปเป็นเรื่องธุรกิจของเขา  ตุลเป็นคนเปิดเผยและค่อนข้างตรงไปตรงมา  เขาเล่าเรื่องธุรกิจของเขาให้ผมฟังอย่างไม่มีปิดบัง  ไม่เหมือนกับพลอยที่ทั้งผมและเธออาจมีหลายครั้งที่ไม่อยากเล่าถึงอาชีพส่วนตัวของกันและกันอยู่บ้าง  ผมคิดว่าตุลก็แค่อยากระบายให้คนที่ไม่ใช่สายงานตัวเองได้ฟัง  ผมไม่มีปัญหาใด ๆ  และพร้อมเป็นผู้ฟังที่ดี  การที่คนเราระบายเรื่องใด ๆ ก็ตามอย่างหมดเปลือก  ผมถือว่าคน ๆ นั้นกำลังให้ความไว้วางใจในตัวของเราอยู่  ดังนั้นเราก็ควรเคารพอีกฝ่ายที่เขาไว้ใจเราด้วยน่ะนะ

"คุณตุลไปก่อนเลยก็ได้ครับ ไม่ต้องรอผมหรอก" ผมบอก  ตอนนี้เรามายืนอยู่ที่ด้านหน้าโรงแรมแล้ว  ไอ้เด่นโทรบอกผมว่าใกล้ถึงเต็มที  ผมยืนรอมาได้ห้านาทีโดยมีตุลยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วย

"ไม่เป็นไรครับ ผมอยากรอเป็นเพื่อนนี่" ตุลพูด  ผมได้แต่ยิ้มให้  ผมรู้สึกว่าเราสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม  รถยนต์ของที่บ้านขับเข้ามาไว ๆ  หลุดจอดที่ด้านหน้าผมพอดิบพอดี  ไอ้เด่นกับสมุทรลงมาจากรถ  วันนี้ไอ้เด่นเป็นคนขับ  ทั้งสองคนมองมาที่ผมไม่วางตา 

"งั้นเดี๋ยวผมเดินไปส่งที่รถ" ผมบอก

"ขอบคุณครับ" ตุลยิ้มเขิน  ออกเดินนำผมไปก่อน  รถยนต์ของตุลจอดอยู่ไม่ไกลนัก  อีกฝ่ายกดเปิดรถผมจึงเปิดประตูฝั่งคนขับให้ 

"หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะครับ" ตุลพูด  ผมยิ้มนิดหน่อย  สองจิตสองใจเพราะความจริงแล้วก็อยากจะให้นามบัตรกับเขาไปแต่ยังรู้สึกปนระแวงในความสัมพันธ์อยู่ดี  ถ้าอีกฝ่ายไม่พูดออกมาตรง ๆ  ผมก็คงไม่กล้าที่จะทำอะไรเกินขอบเขตของตัวเอง   


จุ๊บ~

"หึ" ผมหลุดหัวเราะ  อยู่ดี ๆ  ตุลก็เข้ามาหอมลงที่ปากของผมและคนหอมดูท่าจะเขินเสียเองอีกด้วย 

"ไปนะครับ ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาดี ๆ"

"ขอบคุณเหมือนกันครับ" ผมบอก  ตุลเข้าไปนั่งในรถ  ผมขยับประตูเพื่อจะปิดให้

"เออ! ตุลลืมบอกไปเลย" อีกฝ่ายแทบจะชะโงกหน้าออกมา  ผมหยุดมือด้วยความแปลกใจ

"ลูกน้องคุณไฟนี่ มีแต่หุ่นดี ๆ ทั้งนั้นเลยนะครับ แบบว่า..ดูดีมากเลย" ตุลยิ้มกว้าง  ขยิบตาด้วยท่าทางขี้เล่น

"ฮ่า ๆ ๆ" ผมหัวเราะลั่น 

"โชคดีครับ" ผมบอกอีกครั้งก่อนปิดประตูให้จริง ๆ  และยืนรอจนตุลขับออกไปจึงเดินกลับมาที่รถ  ไอ้เด่นก้มหน้าทันทีที่เห็นผม  สมุทรเองก็หลบตาหนีทั้งที่เมื่อครู่เขายังมองดูผมอยู่ด้วย  ผมเดินไปด้านหลังฝั่งเดียวกับด้านคนขับ  ไอ้เด่นจึงรีบเปิดประตูรถให้
 
"เข้าตลาดนะ" ผมบอก

"ครับนาย" มันพยักหน้ารับ

"มีอะไรคืบหน้าบ้างไหม" ผมถามขึ้นหลังจากที่รถเคลื่อนออกมาได้สักพัก  นิ้วนำกดที่เบ้าตาตัวเองเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย 

"เห็นว่าไอ้เข้มมีความคืบหน้าของตลาดหนึ่งมิตรที่นายให้ไปสืบน่ะครับ แต่เรื่องมือปืนเมื่อวานยังไม่ได้ความอะไร พี่ธานเลยสั่งให้มันไปตามเรื่องต่อวันนี้" ไอ้เด่นรายงาน

“เหรอ” ผมขานรับ  ถอนหายใจน้อย ๆ  หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง

“แล้ววันนี้ต้องออกมารับฉันตอนเช้า พี่ธานบอกนายรึเปล่าว่าจะสอนขับรถให้ตอนไหน” ผมถามเพราะมีการเปลี่ยนแผน  การเปลี่ยนสรรพนามถึงเจ้าตัวที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็คงจะรู้ว่าผมจงใจพูดอยู่กับใคร

“เมื่อวานที่คุณให้ผมกลับมา พี่ธานสอนเรียบร้อยแล้วละครับ สอนก่อนที่ผมจะเข้าค่ายมวย” สมุทรเอี้ยวใบหน้าหันกลับมามอง  ผมพยักหน้าน้อย ๆ รับทราบ

“ไอ้หินจัดการเรื่องแอร์ให้เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ผมถามอีก  ในรถเงียบสนิทอยู่ประมาณหนึ่งวิเห็นจะได้

“เรียบร้อยแล้วครับ ขอบคุณมากครับที่เป็นธุระให้” สมุทรพูด  ผมไม่ตอบ  อีกฝ่ายจึงหันกลับไป 

"แล้ววันนี้พี่ธานไปไหน" ผมถามถึง

"เข้าสนามแข่งครับ แล้วเห็นว่าจะไปดูเรื่องที่ดินที่ชลบุรีให้คุณด้วย คงจะกลับค่ำ ๆ" สมุทรตอบ

“ทำไมทำงานชักช้า ฉันสั่งไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” ผมเริ่มบ่น  ทั้งคู่ตรงหน้าเงียบสนิท   

"แล้วค่ายนายไปถึงไหนแล้ว" ผมซักต่อ

"เสร็จไปประมาณห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วครับ" สมุทรหันหน้ามาตอบ 

"ฉันอยากให้นายไปช่วยดูงานก่อสร้างที่ร้านที่ฉันทำกับป๋าจงด้วย แวะเวียนไปดู เดี๋ยวฉันจะเอาแบบจากสถาปนิกให้" ผมบอก 

"ได้ครับ" สมุทรขานรับ

"แล้วคุณ เอ่อ..เรื่องเมื่อวานนี้ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ" จู่ ๆ สมุทรก็หันกลับมามองหน้าผมอีกครั้ง  ครั้งนี้สีหน้าเปลี่ยนไปจากก่อนหน้า  เขาดูเป็นกังวล

"ฉันไม่เป็นไร" ผมตอบ 

"พี่ใหญ่หัวเสียใหญ่เลยครับที่นายให้พี่สมุทรกลับ" ไอ้เด่นว่า  ผมหลุดยิ้มนิด ๆ  เพราะพอจะเข้าใจว่าพี่ธานมักจะบ่นพวกมันให้หลังผมเสมอ 

"นายโดนดุงั้นเหรอ" ผมถามสมุทร

"เปล่าหรอกครับ พี่เขาเข้าใจว่าผมต้องกลับมาซ้อม" สมุทรตอบ

"ถึงผมอยู่ ผมคงช่วยอะไรไม่ได้มาก.. ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ" สมุทรพูดเสียงเบา  สายตาเขาเหลงต่ำ

"ช่างเถอะ ถึงไอ้เด่นอยู่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรนักหรอก" ผมตอบปัดติดตลกไปที

"โธ่ นายครับ" ไอ้เด่นทำเสียงตัดพ้อทันควันทำให้สมุทรอมยิ้มน้อย ๆ ออกมา  เขาหันกลับไปนั่งเหมือนเดิม  ผมสังเกตเห็นว่าขณะเดียวกันก็มีสายเขา  สมุทรหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาแอบดู  เจ้าตัวจ้องหน้าจออยู่ครู่หนึ่งเหมือนชั่งใจว่าควรจะกดรับดีหรือไม่  ผ่านไปประมาณหลายวินาทีสุดท้ายเจ้าตัวก็กดรับ 

"ครับ" สมุทรทัก  ผมเงี่ยหูฟัง  ในรถเงียบสนิทจนได้ยินเลยว่าปลายสายเป็นเสียงของผู้หญิง

"น่าจะกลับเวลาเดิมครับ อืม..หยาไปที่บ้านก่อนได้เลย" ผมเหลือบมองสมุทรอยู่ตลอดเวลาที่เขาพูดโทรศัพท์อยู่  ปลายสายพูดต่ออยู่พอสมควรที่ทำให้คนฝั่งนี้ตั้งใจเงียบฟังอย่างเดียว  น้ำเสียงที่ปกติก็สุภาพเป็นทุนอยู่แล้วยิ่งฟังดูอ่อนโยนเป็นกันเองมากขึ้นจน น่าหมันไส้เป็นบ้า

"ครับ ผมทำงานอยู่นะ ได้..เดี๋ยวบอกดาวให้ ครับ..สวัสดีครับ" สมุทรตัดบทและรีบร้อนตัดสายทันที

"ฮันแน่~ แฟนเหรอครับ" ปากไอ้เด่นทำหน้าที่อย่างไม่เสียเวลาเปล่า  ผมเงียบรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ  แล้วนี่เป็นเหี้ยอะไร ในใจแม่งตื่นเต้นไปหมด

"เปล่า เพื่อนพี่น่ะ" สมุทรตอบยิ้ม ๆ

"เพื่อนอะไรครับ พูดซะหวาน..เพราะเชียว" ไอ้เด่นกระแทกเสียงใสแซวไม่เลิก

"ก็เขาเป็นคนมีมารยาทไงเขาก็เลยพูดเพราะ! พูดเพราะกับมึงด้วย" ผมกัดฟันสบถอย่างสุดทน  เอื้อมมือเข้าไปผลักหัวไอ้เด่นอย่างแรงจนหน้ามันเกือบทิ่มเข้าหาพวงมาลัย  แม่งหงุดหงิดฉิบหาย!

"นายฮะ! ผมทำอะไรผิด!!" ไอ้เด่นโวยวายเสียงดังลั่นรถ  สมุทรหัวเราะ  ผมได้แต่ยิ้มมอง 

"หุบปาก!" ผมสบถ  เท้าคางเบี่ยงหน้าไปมองถนนที่ด้านนอก  นึกหงุดหงิดบ่นกับตัวเองในใจไม่ได้ว่า "ตกลง..สเปกกูเป็นอย่างนี้นี่งั้นเหรอวะ ?"

  ใช้เวลาสัมภาษณ์พนักงานรักษาความปลอดภัยเสร็จสิ้นไปประมาณหนึ่งชั่วโมง  ผมตั้งใจว่าจะให้สมุทรและไอ้เด่นมาตรวจดูตลาดเป็นระยะ ๆ  เพราะก่อนหน้านี้เคยเกิดกรณีที่พนักงานรักษาความปลอดภัยชุดก่อน ๆ  ทำงานอย่างหละหลวม  ขี้เกียจและหลายครั้งที่ไม่รอบคอบ  ซึ่งผมได้ไล่พนักงานชุดนั้นออกไปนานแล้ว  สำหรับบางชุดมีข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่บ้างซึ่งหลายครั้งที่ผมได้เรียกให้มาปรับทัศนคติอยู่เรื่อย ๆ  ผมเข้าใจดีว่างานนี้เป็นงานตากแดดตากลมและในขณะเดียวกันก็ต้องเอาใจลูกค้าที่เข้านอกออกในอยู่เสมอ  ลูกค้าที่ต่างพ่อต่างแม่จึงมาในทุกรูปแบบ  พนักงานจึงจำเป็นต้องอดทนให้ได้  พวกเราต่างรู้ดีว่าหากยิ่งขยันก็ยิ่งได้เงินดี  เพราะทิปส์ที่แต่ละคนได้รับจากลูกค้าผมไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว  ลูกค้าหยิบยื่นเงินให้ใครเพิ่มอันนั้นก็ถือว่าเป็นความโชคดีของคน ๆ นั้นไป  ตอบแทนในการทำงานหนักของพวกเขา  แต่ในทางเดียวกันผมก็ต้องคอยให้คนลงไปตรวจตราอยู่เสมอ  ซึ่งจะให้ผู้หญิงลงไปทำหน้าที่นี้ก็ไม่เหมาะควรนัก  บางคนหัวรั้นพอสมควร  กลุ่มคนพวกนี้ต้องเจอไม้แข็งถึงจะเอาอยู่  ปกติพนักงานจะเจอพี่ธานหรือผม  แต่ผมจะไม่ให้พี่ธานมาทำที่นี่เป็นหลักแล้ว  ดังนั้น ผมอาจมอบหน้าที่นี้ให้กับสมุทรเป็นหลักแทน 

.. เสร็จจากที่ตลาด  ผมสั่งให้ไอ้เด่นขับไปที่ห้างสรรพสินค้า Bangkok Land  ใช้เวลาเซ็นเอกสารและดูบัญชีที่นั่นอยู่เกือบ ๆ สองชั่วโมงถึงได้พักเพื่อกินข้าวกลางวัน   

"นายครับ ผมขอสั่งอีกจานได้ไหมครับ" ไอ้เด่นขออนุญาตด้วยน้ำเสียงหงอย ๆ  ผมเหลือบมองจานก๋วยเตี๋ยวของมันที่กินใกล้หมดเต็มทีแล้ว 

"มึงนี่ชักกินมากเกินแรงที่ทำงานไปแล้วนะ" ผมว่า  ไอ้เด่นยิ้มเจื่อนเขิน ๆ

"อยากกินก็ไปสั่ง" ผมไล่  เห็นหน้ามันแล้วก็ห้ามไม่ลง 

"ขอบคุณคร้าบ" ไอ้เด่นผงกหัวยิ้มกว้าง

"นายเอาอะไรอีกไหม" ผมถามสมุทรที่นั่งอยู่ข้าง ๆ  ดูเหมือนเขาจะเรียบร้อยแล้ว

"ไม่แล้วครับ" สมุทรตอบ

"สั่งกวางตุ้งใส่น้ำซุปมาให้กูหน่อย" ผมเอาหลังมือสะกิดแขนไอ้เด่น

"บอกเฮียไปว่า กูขอแบบ..เอากวางตุ้งมาทั้งไร่เลย" ผมสั่ง

"หึ ๆ  ได้ครับนาย" ไอ้เด่นหัวเราะ

"เดี๋ยวผมไปสั่งให้ครับ" สมุทรรีบลุกขึ้นก่อนไอ้เด่น 

"เด่นจะเอาอะไร" เขาถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ 

"เอาเส้นเล็กน่องไก่ครับ ฝากด้วย..ขอบคุณครับ" ไอ้เด่นยิ้มอย่างดีใจที่มีคนลุกไปแทน  มันกำลังติดลมกับอาหารตรงหน้าของมัน  สมุทรจัดการสั่งอาหารให้  พอเขาสั่งเสร็จจึงกลับมานั่ง  เส้นเล็กแห้งของผมหมดจานไปแล้ว  ไม่เหลือแม้แต่เส้นเดียว  ร้านนี้เป็นเจ้าประจำของผมตั้งแต่ที่พ่อเริ่มก่อตั้งที่นี่  ทั้งเส้นเล็ก  ทั้งเส้นบะหมี่เหลืองเด้งสู้ลิ้นสุด ๆ  แบบว่าอร่อยลืมโลกไปเลย 

"โอ้โห่ เจ้าของร้านเขาให้ประชดนายรึเปล่าครับเนี่ย" ไอ้เด่นอ้าปากตาค้างเมื่อชามกวางตุ้งของผมถูกนำมาเสิร์ฟ  มันพูนแทบเป็นรูปภูเขา  ผมหัวเราะมอง  ชอบใจจริง ๆ

"กินผักเข้าไปมึงอะ ไอ้ห่า..เป็นคนป่ายังไงแดกแต่เส้น" ผมบ่น  มือคีบผักในชามกวางตุ้งของตัวเองใส่ชามก๋วยเตี๋ยวให้ไอ้เด่น  มันกินอิ่มหนำสำราญอย่างกับคนอดยากจนลืมกินผักไปเลย

“นายครับ..” อีกฝ่ายขมวดคิ้วหน้าแดงที่ผมแซวมันอย่างนั้น  ผมอมยิ้มก้มหน้าก้มตากินต่อแต่ไอ้เด่นยังคงนิ่งค้างเติ่งอยู่ท่าเดิม

“ทำไม กูแซวไม่ได้ ?” ผมเลิกคิ้วถาม

“เปล่าครับ แต่ว่า..” มันอ้ำอึ้งจะแก้ตัว  กลอกตามองไปทางสมุทรเล็กน้อย  สมุทรหลบสายตาเหมือนเกรงว่าตนเองจะเสียมารยาทต่อเราทั้งคู่

“ต้องให้กูง้อไหม ?” ผมถามห้วน ๆ  คีบตะเกียบทิ่มลงไปบนชามเพื่อตั้งกาดรอ

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ” ไอ้เด่นก้มหน้าก้มตาตอบทันที

"หึ.." ผมเหลือบมองไปอีกทาง  เนื่องจากได้ยินเสียงคนข้าง ๆ หัวเราะ  สมุทรยิ้มกว้างมองมาที่ผมกับไอ้เด่นแต่กลับไม่พูดอะไร  พออีกฝ่ายเห็นว่าผมหันไปมองเขา  เขาก็หันหน้าหนี  หลังกินอาหารกลางวันเสร็จ  ผมก็เดินเอ้อระเหยไปที่ร้านเค้ก  สั่งไอศกรีมเค้กมาหนึ่งปอนด์และสั่งแบบเป็นชิ้น ๆ  เพิ่มอีกสี่ชิ้นด้วย

"ฝากให้เมฆกับดาวด้วย" ผมยื่นกล่องเค้กแบบแบ่งชิ้นส่งไปให้สมุทร 

"ขอบคุณครับ" สมุทรรับไปง่าย ๆ ผิดทุกครั้ง  ไอ้เด่นรับกล่องที่เป็นเค้กปอนด์ส่วนของผมไปถือไว้

"เดินไปสิวะ" ผมเตะขาไอ้เด่นเบา ๆ  เพราะมันอยู่หน้าสุดแต่เสือกไม่เดินออกไปสักที  สมุทรยิ้มมองไอ้เด่นที่รีบเร่งฝีเท้าก้าวขานำพวกเราออกไปก่อน

"ปกตินายชอบกินรสอะไร เค้กน่ะ ?" ผมหันไปถามสมุทร
 
"นอกจากไอติมกะทิของนาย" ผมขยายความถึง

"ใบเตยมั้งครับ" สมุทรตอบ 

“กวนตีนอยู่เหรอ” ผมกลอกตาขึ้นมอง  อีกฝ่ายกลั้นอมยิ้มไว้น้อย ๆ 

“นมสดครับ” สมุทรพูดขึ้น  ผมเพียงรับฟังเงียบ ๆ  นมสดงั้นเหรอ ? งั้นรอบหน้าควรจะเป็นนมสดกับช็อกโกแลตงั้นซินะ

"แล้วดาวล่ะ" ผมหันกลับไปถามอีกครั้ง

“ถามถึงน้องผมทำไมครับ” อีกฝ่ายเหล่ตามองมา

“ฉันอยากรู้เกี่ยวกับตัวน้องสาวนายหมดนั่นแหละ” ผมกวนกลับ

“งั้นเกรงว่าผมคงตอบให้ไม่ได้” สมุทรพูดเสียงแข็ง

“งั้นเกรงว่าผมคงจะต้องไปถามเธอด้วยตัวผมเองแล้วละมั้งครับ” ผมยักคิ้วยิ้ม ๆ  สมุทรชะงัก

"สตรอว์เบอร์รีครับ" สมุทรตอบทันที

“ขอบคุณ” ผมยิ้มกว้าง 

"คุณนะ.." สมุทรทำท่าเหมือนจะพูดอะไร

"ไอ้เด่นมันจะเดินไปไหนของมัน" ผมพูดแทรกปัดประเด็นในทันที

เราเดินทางกลับบ้านหลังจากเสร็จภารกิจของวันนี้  ไอ้เด่นขอตัวผมออกไปซ้อมสนุกเกอร์ที่โต๊ะประจำ  ผมอนุญาตให้มันไปเพราะเห็นว่าอีกไม่ถึงเดือนมันจะมีลงแข่งขันแล้ว  และให้สมุทรได้พัก  ส่วนผมกลับขึ้นมาล้างหน้าล้างตา  เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดสบาย ๆ  และตรวจรายการบัญชีของกิจการที่เชียงใหม่ต่อ  ผมต้องการเคลียร์งานส่วนนี้ให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้เพราะอาทิตย์หน้าผมจะไม่มีเวลามาทำมันได้  ผ่านไปสองชั่วโมงยังไม่เห็นวี่แววว่างานจะเสร็จจึงออกมาเดินยืดเส้นยืดสายด้านล่าง  ตอนนี้ที่บ้านเงียบเป็นพิเศษ  เห็นว่าพายุยังไม่กลับจากที่เรียน  ส่วนไอ้ดินออกไปเรียนพิเศษ 

"คุณไม่ต้องทำหรอกครับ" ผมหันไปตามเสียงที่ทางห้องโถง  ซึ่งเป็นทางเข้าไปในครัวใหญ่ด้านหลังบ้าน

"ไม่เป็นไรครับ ผมทำได้" เสียงของสมุทรพูดตอบ  ผมจึงรีบเดินตามไปดูว่าเขากำลังทำอะไรกันอยู่ 

"หลอดไฟมันขาดน่ะครับ ขั้วมันหมดอายุแล้ว" น้ามิ่งพูด  ผมหยุดยืนมองสมุทรที่กำลังปีนบันไดขึ้นไปถอดหลอดไฟบนเพดานตรงทางเดินไปห้องครัว  ส่วนน้ามิ่งยืนมองอยู่ข้างล่าง 

"เดี๋ยวผมเปลี่ยนให้เลยครับ น้าส่งมาเลย" อีกฝ่ายบอก  น้ามิ่งจัดการส่งอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้  ผมยืนกอดอกพิงผนังห้องมองเงียบ ๆ  สมุทรจัดการเปลี่ยนขั้วหลอดไฟทั้งหมดเสร็จภายในไม่กี่นาที  เขาก็ปีนบันไดลงมา

"สมุทร..หนูซ่อมพัดลมเป็นไหมลูก มาดูให้ป้าหน่อยได้ไหม" เสียงของป้าอิ่มเรียกแว่ว ๆ

"ครับป้า" สมุทรขานรับ

"ไปเถอะ เดี๋ยวหลอดอื่นน้าทำเอง พัดลมติดผนังน่ะ..สงสัยมดคงเข้าไปทำรังอีก นี่น้าก็แก้มาหลายรอบแล้ว ไม่รู้ขยันเข้าไปทำไมจริงจัง" น้ามิ่งส่ายหัวบ่นเซ็ง ๆ  สมุทรยิ้มน้อย ๆ ตรงเข้าไปในครัว

"อ่าว คุณไฟ" น้ามิ่งทัก

"อันนี้เป็นของที่มีอยู่แล้วใช่ไหมครับ ต้องซื้ออะไรเพิ่มไหม" ผมถาม

"อ๋อ..มีอยู่แล้วครับ คุณพายุให้เงินมาซื้อตั้งแต่เดือนก่อนแล้วครับ" น้าแกตอบ

"ครับ งั้นฝากด้วยนะ" ผมบอกก่อนแอบย่องเข้าไปใกล้ ๆ กับปากประตูห้องครัว  ทางนั้นมีกระจก  สามารถมองลอดเข้าไปด้านในครัวได้  สมุทรกำลังจัดการปีนขึ้นไปบนเคาน์เตอร์เพื่อถอดชิ้นส่วนของพัดลมออกมาทีละชิ้นเพื่อดูว่าเกิดจากสาเหตุอะไร  ป้าอิ่มและแม่บ้านพากันยืนมอง  ครู่หนึ่งก็ทราบสาเหตุที่พัดลมไม่ทำงานเพราะมดเข้าไปทำรังที่สวิตซ์อย่างที่น้ามิ่งว่าเอาไว้  เสียงพวกป้า ๆ พากันบ่นระงมเป็นเสียงเดียวกัน  ผมหัวเราะกับภาพตรงหน้าเพราะสมุทรเอาแต่เงียบ  เขาซ่อมไปยิ้มไปไม่บ่นอะไรสักคำ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-08-2016 14:16:25 โดย เบบี้ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

"อ่าว..คุณไฟ อยากได้อะไรหรือคะ" ผมแทบสะดุ้ง  กำลังมองเพลิน  น้าจ้อนแม่บ้านก็หันมาเห็นผมเข้าพอดี  ผมเลยต้องเดินเข้าไปในครัวอย่างเนียน ๆ  เพื่อไม่ให้ตัวเองดูเหมือนเป็นพวกถ้ำมอง

"เปล่าครับ" ผมตอบ  สมุทรหันตัวกลับมา

"คุณต้องการเรียกใช้ผมรึเปล่าครับ" อีกฝ่ายถาม

"เปล่า" ผมตอบปัดอีกครั้ง

"เอ่อ..ที่จริง อยากได้สับปะรดปั่นสักแก้ว" ผมพูดไปงั้น  แต่ถ้าได้กินก็ดี
 
"เดี๋ยวป้าทำให้นะคะ" ป้าอิ่มยิ้มรับ  รีบกุลีกุจอเปิดตู้เย็น 

"เอากากด้วยเหมือนเดิมนะคะ" เธอถาม  ผมพยักหน้าตอบ  สมุทรหันกลับไปซ่อมพัดลมต่อ  ขี้ผงที่มดไปทำรังหล่นร่วงเต็มพื้นห้องครัวจนเปื้อนไปหมด  ผมขยับตัวขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์โดยหันหน้าไปทางฝั่งของสมุทรเพื่อที่จะได้มองได้ถนัด ๆ
   
"ช็อคกันมดก็เอาไม่อยู่เหรอครับ" ผมถาม

"ค่ะ" น้าจ้อนตอบทันที

"น้าคอยขีดตลอด แต่เผลอไม่ได้เลย..ก็มาตลอดเหมือนกันค่ะ" แกบ่น 

"ป้าไม่อยากฆ่ามันเลยนะคะ เลยไม่อยากจะฉีดยา ปล่อยให้เสีย..ซ่อมไปไอ้มิ่งมันก็บ่นไป" ป้าอิ่มพูด  มือก็หั่นสับปะรดไปด้วย  ผมยิ้มฟังไม่ว่าอะไร

"ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ครับ ให้มันขึ้นไปเถอะ..ยังไงก็มีคนซ่อมเพิ่มมาอีกคนแล้ว" ผมพูดแซว

"จริงสินะคะ" ป้าอิ่มกับน้าจ้อนหัวเราะ  สมุทรอมยิ้มน้อย ๆ

"ใช้ได้แล้วครับ" สมุทรบอก  มือกดเปิดพัดลมเพื่อทดลองดูการใช้งาน  เมื่อมันกลับมาใช้งานได้อย่างเดิมเรียบร้อยแล้วอีกฝ่ายจึงกดปิดทันที  เขาคงกลัวว่าขี้ผงที่ตกอยู่บนพื้นมันจะกระจาย 

"ขอบคุณมากนะจ๊ะ" ป้าอิ่มยิ้ม  ผมมองตามสมุทรที่เดินไปหยิบไม้กวาดกับที่ตักผงมาจัดการกวาดสิ่งสกปรกที่อยู่บนพื้นห้อง  น้าจ้อนเอ่ยปากห้ามแต่อีกฝ่ายก็กวาดต่อจนเอี่ยม  เธอจึงเป็นฝ่ายหยิบผ้าไปเช็ดทำความสะอาดที่เคาน์เตอร์ซ้ำต่ออีกทีหนึ่ง  ครู่เดียวครัวก็กลับมาสะอาดเอี่ยมเหมือนเดิมและน้ำสับปะรดของผมก็เสร็จพร้อมพอดีอีกด้วย 

"นี่ของสมุทรนะลูก" ป้าอิ่มบอกพร้อมเลื่อนแก้วน้ำสับปะรดมาวางข้าง ๆ แก้วของผม 

"ขอบคุณครับ" สมุทรผงกหัวน้อย ๆ อย่างเกรงใจ  แก้วของสมุทรเล็กกว่าแก้วของผมเพราะป้านิดกรองเนื้อสับปะรดออกให้กับเขาด้วย  ผมหยิบแก้วของผมขึ้นดื่ม  สมุทรมองตามมาด้วยสายตาสงสัย

"นี่คุณกินทั้งกากเลยเหรอครับ" สมุทรทัก 

"ฉันว่ามันอร่อยกว่าไม่มีกาก" ผมตอบส่ง ๆ ไปที

"หึ" อีกฝ่ายหลุดหัวเราะ  ป้าอิ่มและน้าจ้อนออกจากครัวไปแล้ว 

"เดี๋ยวนายต้องไปค่ายแล้วใช่ไหม" ผมถามเพราะเห็นว่าเขาชำเลืองมองไปที่นาฬิกาบนเพดาน

"ครับ" เขาผงกหัวก่อนจิบน้ำสับปะรดอย่างช้า ๆ  วันนี้ผมไม่เข้าค่ายมวย  อยากจะพักนะครับ

"งานเทรนเนอร์เป็นไง" ผมถามไปจิบน้ำสับปะรดไปทีละน้อย  ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วจะดื่มแบบจัดหนักรวดเดียวให้จบหมดแก้ว  กินน้ำผลไม้ที่มีกาก  ถ้าจิบช้า ๆ ผมว่ามันเหนื่อยใจจะกินน่ะครับ

"ก็ดีครับ ลูกค้าน่ารักดี"

"หมายถึงหน้าตาเหรอ ?" ผมกวนทันทีทำเอาอีกฝ่ายเงียบลง 

"ห้ามจีบลูกค้านะ กฎของค่ายน่ะ" ผมดักคอ 

“..แต่จีบคนในค่ายได้” ผมเจ้าเล่ห์มอง  อีกฝ่ายเหล่ตาปราม ๆ ส่งมาให้ 

“ที่สำคัญคือ..จีบได้เฉพาะผู้ชายนะ ผู้หญิงห้ามจีบ กันปัญหาการตั้งครรภ์แล้วหาพ่อไม่เจอน่ะ ผู้ชายเยอะซะด้วย พูดยาก” ผมถอนหายใจแกล้งทำท่าเป็นหนักใจ  สมุทรส่ายหัวน้อย ๆ เบือนหน้าหนี  ผมเงียบลง  สมุทรเองก็ไม่พูดอะไรตามเคย  เขาดื่มน้ำทีละนิดไม่ต่างกับผมนัก  อีกฝ่ายคงเกรงใจที่จะดื่มจนหมดทีเดียวมากกว่า 

"ฉันมีอะไรกับผู้ชายด้วย" ผมพูดบอกโต้ง ๆ  สมุทรหันมาจ้องตาผมไม่กะพริบ  ไม่รู้ว่าเขากำลังตกใจที่ผมมาพูดไม่ทันให้เขาได้ตั้งรับหรือเพราะไม่ต้องการรับฟังความจริงกันแน่
 
"นายเคยถามฉันใช่ไหมล่ะ ก่อนหน้านี้น่ะ" ผมบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ  ปกติธรรมดาเหมือนกับเพื่อนที่กำลังเล่าสู่กันฟัง

"ไอ้โปรดก็มีอะไรกับผู้ชาย..มันเป็นเกย์ พี่ธานก็มีอะไรกับผู้ชาย พวกเรานอนกับผู้ชายได้เป็นเรื่องปกติ” การขยายความจากผมทำให้คนตรงหน้าเหสายตาลง  เขายืนนิ่งไปแล้ว

".........." ผมจ้องมองดูปฏิกิริยาจากเขาไม่วางตา  สมุทรเอาแต่เงียบ  เขาพยายามที่จะสบตาผมเป็นระยะแต่ก็เป็นการสบตาที่ไม่นานนัก  ผมไม่ว่าอะไรเพราะถ้าเขาจะตกใจก็คงไม่แปลก

"คุณกำลังจะบอกว่า คนเมื่อเช้านั่นแฟนคุณเหรอครับ"

"เปล่า..คู่นอนน่ะ" ผมตอบตรง ๆ

"เราแค่หลับนอนกันเฉย ๆ  ไม่ได้มีพันธะอะไรกัน..วิน ๆ ทั้งสองฝ่าย" ผมบอก 

"นายคิดว่าเปอร์เซ็นต์มากน้อยแค่ไหนที่ฉันควรจะเดาว่า นายกำลังรู้สึกรับไม่ได้อยู่น่ะ" ผมอมยิ้ม

"รับไม่ได้เรื่องไหนครับ ? เรื่องที่คุณเที่ยวนอนกับคนอื่นไปทั่วเป็นปกติ หรือเรื่องที่คุณนอนกับผู้ชายได้" สมุทรย้อนถามกลับด้วยน้ำเสียงฉะฉาน  สีหน้าเอาความอย่างผู้ใหญ่คนหนึ่งที่คล้ายกับกำลังปรามการกระทำของเด็กอยู่อย่างนั้น  ผมกลอกตาดำไปทางอื่นอย่างจงใจทำทะเล้น 

"บอกให้ก็ได้ว่าฉันไม่สนหรอกนะว่านายจะรับได้หรือไม่ได้ที่ฉันนอนกับผู้ชาย" ผมเบะปากอธิบาย

“แค่อยากให้รู้เอาไว้ จะได้ไม่ต้องแอบเดาเอาเองในใจ” ผมแซว

"แต่ถ้านายรับไม่ได้เรื่องที่ฉันนอนกับคนอื่นไปทั่วมากกว่า ประเด็นนี้นี่น่าสนใจแฮะ" ผมแสยะยิ้ม    สมุทรนิ่งมองผมไม่วางตา  ผมยิ้มตอบให้อย่างไม่รู้สึกรู้สาใด ๆ

"เหมือนกำลังได้รับความสำคัญยังไงบอกไม่ถูก" ผมพูดแกมหยอกไปอย่างนั้น  ทั้งที่ความจริงแล้วผมก็ไม่ได้รู้ห่าเหวอะไรเลย

"หึ..หลงตัวเองไปหน่อยไหมครับ" อีกฝ่ายแสยะยิ้มกลับ

"ผมแค่กำลังคิดว่า เพิ่งได้รู้จักคนที่ไม่มีศีลธรรมอย่างมากอย่างใกล้ชิดแบบนี้เป็นครั้งแรก" สมุทรอธิบายเสียงเรียบ  เอาอยู่ตามสไตล์เขา

"โอ้ งั้นเหรอ! ศีลธรรม สะกดคำนี้ไม่ถูกตั้งแต่ขึ้นม.ต้นแล้วแฮะ ขอบคุณนะที่เตือนสติว่ามีคำ ๆ นี้อยู่บนโลกด้วย" ผมเบ้ปากส่ง ๆ ไปที  เราสบตาและพากันเงียบสงบศึก  ผมอมยิ้มนิดหน่อยและยอมเป็นฝ่ายหลบสายตาไปทางอื่นก่อน

"พ่อคุณเป็นคนดีนะครับ.." สมุทรพูดขึ้น  ผมชะงัก  อยู่ดี ๆ  เขาก็พูดอะไรของเขา

"ไม่ว่าเรื่องอะไรจะเกิดขึ้น ผมไม่เอามาปนกันหรอกครับ พ่อคุณเป็นคนดี..พ่อกับแม่ของผมเคยบอกอย่างนั้น แล้วผมก็ไม่คิดว่าคนที่คุมลูกน้องที่เป็นคนนิสัยน่ารักในบ้านหลังนี้ โดยพื้นฐานจะเป็นคนไม่ดีไปได้" สมุทรบอก  รอยยิ้มที่อ่อนโยนบนหน้าของเขาทำให้ผมพูดไม่ออก  บอกไม่ถูกว่ากำลังรู้สึกอย่างไร  แต่คำพูดตรง ๆ นี้มันเหมือนกับมีใครเอาอะไรมาทุบสิ่งที่ไม่เคยมีออกไปซะดื้อ ๆ เลย

"แม้จะขาดศีลธรรมในบางเรื่องอยู่มากก็เถอะ ผมพยายามไม่มองน่ะนะ" อีกฝ่ายพูดแทรกขยายความ

"หึ..เมื่อกี้ฉันเกือบจะอยู่ร้องไห้แล้วนะ" ผมว่าปนหัวเราะ  สมุทรยิ้มกว้าง

"ฉันไม่ใช่คนดีหรอก" ผมพูด  มีเรื่องอีกเยอะแยะที่สมุทรยังไม่รู้  และผมคิดว่าถ้าเขารู้เขาอาจจะรับไม่ได้มากกว่านี้ก็ได้ 

"ถ้าคัดมาตรฐานคนดีละก็ ฉันไม่มีทางได้เข้ากลุ่มแน่ ๆ" ผมยิ้มบอก

"รู้อะไรไหมครับ.." สมุทรเอ่ย

"คนที่รู้ว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี ยังดีกว่าคนที่ไม่รู้จักการกระทำของตัวเองเป็นไหน ๆ" 

"ปลอบอยู่งั้นเหรอ ?" ผมยิ้มกวน  ตาลอยมองหน้าอีกฝ่าย 

"งั้นมั้งครับ" อีกฝ่ายเบะปากยิ้ม ๆ กวนกลับเช่นกัน

“แต่ถึงอย่างนั้น..คนเราไม่ดีก็ไม่มีสิทธิ์แก้ตัวเวลาทำอะไรผิดโดยอ้างว่าตัวเองไม่ใช่คนดี เรื่องไม่ดี..หากรู้ตัว มันเป็นเรื่องที่ควรปรับปรุงน่ะครับ ไม่ใช่ปล่อยให้มันเป็นไปจนเป็นเรื่องธรรมดาเพราะความเคยชินของตัวเอง” ผมรับฟังอย่างเปิดรับโดยไม่ทักท้วงใด ๆ 

“มนุษย์เราเกิดมาเพื่อพัฒนาทางด้านจิตใจนะครับ ไม่ใช่วัตถุ” สมุทรอมยิ้มเจ้าเล่ห์คล้ายแซวผม  ผมอมยิ้มมุมปากน้อย ๆ  ชอบใจที่เขาดันมาปิดเกมแบบนี้

"ผมต้องไปแล้ว" อีกฝ่ายตัดบท

"โอเค" ผมพยักหน้ารับทราบ  เข้าใจว่าการเข้าค่ายมวยตรงเวลาถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด  ผมยกแก้วน้ำสับปะรดขึ้นดื่มจนหมด  สมุทรเองก็ทำเช่นกัน  เขารอรับแก้วเปล่าจากผมเพื่อนำไปเก็บใส่อ่างล้างจานให้  ผมกระโดดลงจากเคาน์เตอร์  ชั่งใจมองคนตรงหน้าว่าจะแกล้งอะไรอีกฝ่ายทิ้งทวนสำหรับวันนี้ดี

"นี่.." ผมเรียก  สมุทรที่กำลังนำผ้าเช็ดมืออยู่หันกลับมามอง

"ฉันมีเรื่องไม่ดี ๆ  อยากสารภาพกับนายไว้อย่าง" ผมทำหน้าเครียด  สมุทรสบตาผมตรง ๆ  เหมือนกำลังตั้งใจฟังด้วยความเห็นใจ 

"แบบว่า..คนที่คิดอยากจับนายแก้ผ้าแล้วพาขึ้นเตียงเนี่ย แบบนี้ยังถูกเรียกว่าคนดีอยู่ได้ไหมนะ ?" ผมถามหน้าซื่อ

"คุณไฟ!" สมุทรอุทานหน้าเหวอ  น้ำเสียงของเขามันดังจนทำเอาผมขำก๊ากออกมา

"หมายถึงชวนให้นอนเป็นเพื่อนต่างหากเล่า ก็..อากาศมันร้อน คิดอะไรของนาย" ผมยักคิ้ว

"คุณนี่มัน.." สมุทรกัดฟันแน่น  ทำท่าเหมือนจะต่อว่าผมแต่ก็ดันไม่พูดออกมา 

"ผมขอถอนคำพูด" เขาพูดเสียงแข็ง

“ทั้งหมดเลยเหรอ ?” ผมเหวอ

“ทั้งหมดเลยครับ” อีกฝ่ายย้ำ 

"แย่จัง" ผมแสยะปากทำหน้าเศร้า  สายตาของอีกฝ่ายดุปรามมาไม่หยุด   

"คร้าบ ๆ  งั้นเจอกันพรุ่งนี้” ผมยิ้มบอกพร้อมโบกมือยอมความ  เราเงียบมองหน้ากันแต่ดูเหมือนเขาจะรู้ทันว่าผมยังไม่หมดมุกดี

“แบบว่า..ฉันจะรอเจอหน้านาย อย่างใจจดจ่อเลย" ผมขยิบตาบอกด้วยน้ำเสียงทะลึ่ง ๆ  ไม่ทันให้อีกฝ่ายได้ขึ้นเสียงต่อว่ากลับผมก็เดินหนีออกมาทันทีเลย


- - - - - - - - - - - - - - -


20:30 น. : บ้านเลิศประสงค์

"เหมาะเจี๊ยะ!!!" พายุยิ้มกว้าง

“แม่งเอ๊ย!" ผมสบถเซ็ง ๆ  เล่นไพ่นกกระจอกกันทีไร  ทั้งผม  ทั้งพี่ธานยังไม่เคยมีใครเอาชนะพายุได้เลยสักที 

"เลิก!" ผมกวาดไพ่กระจายเต็มโต๊ะ  ทุกคนหัวเราะ

"แพ้แล้วพาล" พายุบ่นอุบอิบ  กวาดเงินส่วนของผมและของพี่ธานไปยิ้ม ๆ  เริงร่าอย่างกับหมาเห็นกระดูก

"นวด ๆ" พายุตบบ่าตัวเองสองสามที  พี่ธานหัวเราะ  ไอ้ดินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ  รีบลุกขึ้นไปนวดให้พี่ชายมันทันควัน  ผมเอนหลังพิงพนักโซฟายิ้ม ๆ

"เอาไปนะ อั๊วให้" พายุว่า  มันทำเสียงแปร่ง ๆ  ติดสำเนียงจีนพร้อมกับยื่นเงินให้ไอ้ดินไปห้าร้อย

"พายุจะมีแข่งปิงปองอีกเมื่อไหร่" พี่ธานถาม

"เดือนหน้าฮะ" พายุตอบ  ทั้งคู่ช่วยกันเก็บไพ่เข้ากล่องอย่างเดิม 

"พี่ธานกับเฮียจะไปดูไหม" มันถาม

"รอบชิงค่อยดู เสียเวลาเข้าห้องน้ำ" ผมเบ้ปาก  ตามองรายการการแข่งขันสนุกเกอร์บนหน้าจอทีวีตรงหน้า

“กวน...” พายุกัดฟันด่าโดยทิ้งน้ำเสียงละไว้ในฐานที่เข้าใจ

"พี่ธานไปดูไหม" พายุถามซ้ำคงเพราะสิ้นหวังจากผม

"ไปอยู่แล้วครับ" พี่ธานยิ้มตอบ  รายนี้รักน้องเป็นบ้าอยู่แล้ว

"งั้นดินไปกับพี่ธานด้วย" ไอ้ดินบอก

"นายครับ" ไอ้เข้มเดินเข้ามา  ผมกลอกตามองหน้ามัน

"นี่รูปเจ้าของตลาดหนึ่งมิตรครับ" ไอ้เข้มก้มตัวเข้ามาใกล้  มันยื่นซองสีน้ำตาลมาให้ผมทั้งสองมือ  ในซองมีรูปหน้าตาของเจ้าของตลาดอยู่สี่ใบและรูปของพนักงานในตลาดทั้งหมด

"เจ้าของตลาดเป็นคนสั่งให้น้าน้อยทำจริง ๆ ครับ" ไอ้เข้มบอก  ผมนำรูปใส่กลับเข้าไปในซองอย่างเดิมก่อนยื่นให้พี่ธาน 

"ไม่รู้จัก" ผมพูดลอย ๆ  คิดย้อนหลังกลับไปในอดีตว่าเคยรู้จักกับพวกนี้มาก่อนหรือไม่

"ดิสเครดิตตลาดเรา กำจัดคู่แข่งงั้นเหรอ สมัยนี้..อะไรแบบนี้ยังมีอีกรึไง" พายุพูดแกมบ่น  คำพูดมันทำให้ผมหัวเราะ

"นายจะให้ผมทำยังไงต่อครับ" ไอ้เข้มถาม

“ผู้บริหารล่ะ หุ้นในตลาดมีใครบ้าง ไอ้สุพจน์นี่เป็นเจ้าของคนเดียวเหรอ” ผมถาม 

“จากที่ทราบเหมือนกับว่าจะหุ้นกับญาติพี่น้องนะครับ” มันตอบ  ผมเงียบลงครู่หนึ่ง

“ฉันอยากรู้ว่ามันเป็นหนี้ที่ไหนบ้างรึเปล่า แล้วมันรู้จักกับใครที่เป็นศัตรูของเราไหม” ผมพูด

“ได้ครับ” ไอ้เข้มผงกหัว

"ไปพักผ่อนเถอะ" ผมบอก  ไอ้เข้มขานรับก่อนเดินออกจากห้องไป

"เฮีย..โทรศัพท์" ไอ้ดินชี้มือไปที่โทรศัพท์มือถือของผมที่วางอยู่ข้าง ๆ กับโทรศัพท์บ้าน  มันน่าจะสั่นมาได้แป๊บนึงแล้ว

"รับสิ" ผมสั่งส่ง ๆ  เพราะขี้เกียจจะเอี้ยวตัวไปดู  ไอ้ดินรีบกระโดดมาหยิบโทรศัพท์ไปกดรับให้ทันควัน

"สวัสดีครับ ผมดิน..น้องเล็กของบ้านพูดสายแทนเฮียไฟอยู่คร้าบ" ไอ้ดินพูดทักเสียงใส 

"หึ ๆ" พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ 

"พี่พลอย" ไอ้น้องเล็กบอกพร้อมยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้  ผมรับมา

"ผมขึ้นห้องแล้วนะ" ผมบอกพี่ธาน

"อย่านอนดึกล่ะ" ผมหันไปสั่งเสียทั้งพายุและไอ้ดินทิ้งท้ายก่อนออกมา

"สวัสดีค่ะคุณไฟ" พลอยทัก  ใช้น้ำเสียงและคำพูดประชดประชันนิด ๆ

"หึ..มีอะไร" ผมยิ้ม  ผมไม่ได้ติดต่อกับพลอยมาตั้งแต่วันที่เธอส่งข้อความมาบอกผมว่าเธอติดต่อกับสมุทร  ส่วนเธอเองก็เงียบ ๆ ไปด้วย

"ช่วยอะไรหน่อยสิ" ปลายสายพูด

"อะไร ?" ผมถาม  รู้สึกแปลกใจนิด ๆ  เพราะปกติเธอไม่ค่อยเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากผมนัก

"ฉันอยากชวนสมุทรออกไปกินข้าวด้วยกันพรุ่งนี้น่ะ แต่เห็นว่าอีกฝ่ายบอกว่าวันอาทิตย์ก็มีงานเทรนเนอร์"

"แล้วไง..?" ผมย้อน

"ก็..พลอยอยากให้ไฟอนุญาตให้เขาหยุดงานพรุ่งนี้ให้หน่อย" พลอยทำเสียงอ้อนนิด ๆ

"อีกฝ่ายสั่งเธอมาเหรอ" ผมถามกลับ

"เปล่า ฉันจะได้ไปบอกเขาไงว่าเธออนุญาตให้หยุดแล้ว เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่กล้าโทรมาขอลางานกับเธอเพราะออกไปกับฉันอยู่ดีใช่ไหมล่ะ" พลอยว่า  ผมเงียบฟังเพราะก็จริงอย่างที่เธอว่า

"ไฟ"

"อะไร" ผมขานห้วน ๆ

"ให้สมุทรหยุดเถอะนะ วันอื่นฉันไม่ว่างเลย มีแค่วันพรุ่งนี้ที่ว่างแค่วันเดียวเอง วันจันทร์ก็ต้องไปภูเก็ตแล้วด้วย..นะ" พลอยขอร้อง

"ก็ตามใจเธอสิ" ผมตอบ  ถอนหายใจบางเบาคิดว่าปลายสายคงไม่ได้ยิน 

"........" อยู่ ๆ พลอยก็เงียบไป  ผมเองก็เงียบด้วย  ไม่มีอะไรจะพูด 

"งั้น..แปลว่าอนุญาตแล้วนะ" เธอย้ำให้แน่ใจอีกครั้ง

"อนุญาตแล้วครับ" ผมย้ำบอกเธอ  ปลายสายหัวเราะคิกคักเบา ๆ  ชอบใจ

"แค่นี้ใช่ไหม" ผมถาม

"อื้อ ขอบคุณนะ" พลอยตอบเสียงใส  ผมได้ยินอย่างนั้นเลยตัดสายลง  ทิ้งโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงด้วยอารมณ์จืดชืดบอกไม่ถูก  และไม่ต้องการลำดับเหตุการณ์ด้วยว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์กันไปถึงไหนแล้วบ้าง  ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียง  ตาเหลือบมองไปที่จอโทรทัศน์สีดำมืด  จะเอื้อมมือไปหยิบรีโมทก็ยังขี้เกียจเลย



ตืด  ๆ  ๆ 

"เฮ้อ!" ผมถอนหายใจแรง  หันหน้าไปมองโทรศัพท์อีกครั้งอย่างนึกหงุดหงิด  คิดว่าเป็นสายจากพลอยเข้ามาอีก  พอเห็นว่าปลายสายไม่ใช่พลอยและเป็นคนที่เพิ่งเคยโทรมาครั้งนี้ครั้งแรก  ผมถึงกับดีดตัวลุกขึ้นนั่งผึงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับแทบจะทันที

"ฮัลโหล" ผมพูด 

"สวัสดีครับ เอ่อ..คุณไฟครับ" สมุทรทักมา 

"อืม" ผมขานตอบในลำคอ  แล้วนี่กูตื่นเต้นทำไม

"คุณพลอยโทรมาบอกผมว่าคุณไฟ อนุญาตให้ผมหยุดงานวันพรุ่งนี้หรือครับ" สมุทรถามด้วยน้ำเสียงเกรงใจ 

"ใช่" ผมตอบ  น้ำเสียงเดิมเรียบ ๆ คงเดิม  ปลายสายเงียบไปครู่

"ทำไมละครับ คือผมไม่ได้.." อีกฝ่ายเอ่ย

"ก็เธอโทรมาขอฉันตรง ๆ  ว่าอยากให้พรุ่งนี้นายหยุด" ผมพูดแทรก 

"ถึงงั้น..นายปฏิเสธพลอยไปแล้วรึไงล่ะ" ผมถามลองเชิง   

"เปล่าครับ" สมุทรตอบเสียงเบาลง

"หึ.." ผมหัวเราะ 

"ช่างมันเถอะ หยุดงานวันเดียวไม่เป็นไรหรอก" ผมบอกปัดเพื่อให้อีกฝั่งสบายใจ  เขาดูเป็นคนจริงจังกับการทำงาน  ดังนั้น..ก็คงห่วงหน้าพะวงหลังเป็นธรรมดาละมัง 

"ขอบคุณครับ" สมุทรพูด

"งั้นเท่านี้นะครับ ขอโทษที่ผมต้องโทรมารบกวนดึกดื่น"

"อืม" ผมตอบในลำคอด้วยน้ำเสียงโทนเดิม  รอจนปลายสายวางสายไปก่อน   

"รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนดีในรอบสิบปี" ผมบ่นใส่หน้าจอโทรศัพท์ขำ ๆ


- - - - - - - - - - - - - - -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-08-2016 14:25:30 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

วันอาทิตย์ : ค่ายมวย 

"ตามตารางแล้ว คุณไฟมีอะไรอยากแก้ไขไหมคะ" พี่นีถาม 

"ไม่มีครับ ผมชอบ" ผมตอบ 

วันนี้ลุกขึ้นอาบน้ำอาบท่าตั้งแต่เช้ามืด  อบอุ่นร่างกายและออกวิ่งพร้อม ๆ กับลูกน้องในค่าย  พายุกับไอ้ดินก็มาด้วย  เราวิ่งกันเกือบยี่สิบกิโล  เป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกลกว่าปกติ  เสร็จจากการวิ่งก็ลงซ้อมพร้อมกับทุกคน  หลังจากที่ผมซ้อมเสร็จ  ล้างหน้าล้างตาลวก ๆ  และเลือกที่จะปล่อยตัวให้เหงื่อแห้งไปเอง  ระหว่างที่ฆ่าเวลาพักเหนื่อยจึงเข้ามาเคลียร์งานในออฟฟิต  วันนี้พนักงานจากต่างสาขาก็มาด้วยเนื่องจากพี่นีนัดให้พนักงานทุกคนมาประชุมใหญ่ก่อนเดินทาง

"โรงแรมนี้สวยดีนะ" ผมพูดกับพี่ธานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ  โรงแรมแต่ละที่ ๆ พี่นีคัดมาให้ผมเลือก  โดยก่อนหน้านี้ผมได้เลือกหนึ่งในรายชื่อแล้ว  เสร็จจากนั้นพี่นีก็ติดต่อไปกับทางโรงแรมเพื่อขอรับเอกสารเพิ่มเติม  ซึ่งผมเพิ่งได้ดูรูปภาพโดยรวมจริงเพิ่มในวันนี้เอง 

"ครับ" พี่ธานเห็นด้วย 

"คุณไฟจะให้รุ่งนำหน้าไปก่อนพร้อมกับพวกเราแน่นอนใช่ไหมคะ" พี่นีถามถึง

"ใช่ครับ ผมกับพวกพี่ธานจะตามไปวันเสาร์เช้า" ผมตอบ  ทุกคนพยักหน้ารับ
 
"แล้ว..สมุทรล่ะคะ ?" พี่นีถามอีก

"สมุทรจะไปพร้อมพวกผม" ผมพูด

“โอเคค่ะ” เธอผงกหัวรับทราบ

"อันนี้เป็นค่าใช้จ่ายของโรงแรมทั้งหมดนะคะคุณไฟ" พี่นีจัดการยื่นเอกสารมาให้โดยทันที  ผมถอนหายใจแต่ก็รับมาอ่านอย่างละเอียด  ระหว่างนั้นพี่นีก็ชี้แจงเรื่องต่าง ๆ  ให้กับพนักงานแต่ละสาขาได้ฟัง   

ปกติถ้าพนักงานเพิ่งเข้าทำงานใหม่  ผมจะคอยตรวจสอบข้อมูลหลังจากที่อีกฝ่ายหามาให้เสมอ  อย่างเช่น  ค่าใช้จ่ายโรงแรม  ค่าเดินทาง  ค่ากินอยู่ของคนในค่าย ฯลฯ  ผมให้พนักงานรับงานไปทำก็จริงแต่หลายครั้งผมจะสุ่มตรวจด้วยตัวเองโดยไม่บอกอีกฝ่ายว่าราคาที่เขานำมาให้ผมเซ็นเช็คนั้นมันถูกต้องหรือไม่  โกงกันหรือเปล่าอะไรทำนองนั้น  ซึ่งที่ผ่านมาพี่นีไม่เคยมีประวัติเสียหายเลย  จากที่เคยแอบสุ่มตรวจบ่อย ๆ  เดี๋ยวนี้จึงกลายเป็นนาน ๆ ที  ผมถือว่าพี่นีทำงานได้ดีมาโดยตลอด  หาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้กับค่ายของผมเสมอ  ซื่อสัตย์ต่อที่ค่าย  ผมชอบการทำงานของเธอมากพอสมควรเลยนะครับและไม่รู้ด้วยว่าหากไม่มีเธอ  ผมจะโชคดีได้คนแบบนี้มาร่วมงานอีกรึเปล่า   

"ห้องของเราห้องตั้งเกือบสองหมื่นเลยเหรอ" ผมขมวดคิ้วนิด ๆ  แต่พี่ธานกลับเห็นเป็นเรื่องน่าหัวเราะ

"นับวัน..คุณยิ่งเหมือนคุณท่านขึ้นทุกวันแล้วนะครับ" พี่เขายิ้มน้อย ๆ  สงสัยหมายถึงความขี้เหนียว

"พี่นีครับ อันนี้ราคาลดให้แล้วเหรอ" ผมถาม  เพราะก่อนหน้านี้เคยเปิดดูทางหน้าเว็บไซต์ของโรงแรมแล้วดูเหมือนจะราคาสูงกว่านี้

"ใช่ค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ" พี่นีเดินก้มลงมองมาเหมือนกลัวว่าจะมีปัญหา 

"เปล่าหรอกครับ ลดราคากว่านี้ไม่ได้เหรอ เห็นราคาแล้วรู้สึกอยากนอนรวมกับคนในค่ายขึ้นมาตงิด ๆ" ผมบ่นติดตลกไปงั้นแต่ถ้าได้ก็ดี  ทุกคนได้ยินถึงกับหัวเราะ

"แต่ถ้าไม่เอาห้องนี้ก็ไม่ได้ซะด้วยนี่นะครับ คุณพายุคงไม่ยอมหรอก" พี่ธานพูด 

“มีน้องนี่มันลำบากจริง ๆ” ผมบ่นพลางอมยิ้มนิดหน่อย  หยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าเพื่อเซ็นจ่ายค่าโรงแรมให้เรียบร้อย 
 
"นี่ครับ ฝากด้วย" ผมบอกเธอ  พี่นีขานรับพร้อมรับเช็คไปอย่างนอบน้อม

"อันนี้ค่าเดินทางค่ะ" เธอจัดการส่งยอดต่อไปมาให้ผมในทันที  ทุกคนในห้องที่มองอยู่พากันหัวเราะอีกครั้งที่เห็นสีหน้าเซ็งจัดจากผม 

"เอาน่า..นายน้อย" พี่ธานเข้ามาบีบนวดขาให้ผมแซว ๆ

"จิ พี่น่ะหุบปากไปเลย" ผมยิ้มว่าเพราะดันรู้สึกเขินขึ้นมา
 
"รถทัวร์หนึ่งคัน รถตู้หนึ่งคัน" ผมอ่านรายละเอียดของรถ

"โอ้ รถแบบใหม่เหรอครับ" พี่ธานอุทานเมื่อเห็นภาพรถทัวร์คันแปลกตากว่าปีก่อน ๆ  รูปทรงใหม่สวยหรูทีเดียว

"ค่ะ..บริษัทบอกว่าเพิ่งซื้อรถใหม่เข้ามาเดือนที่แล้วเอง" พี่นียิ้มตอบ

"กำชับไปรึเปล่าครับว่าขอพนักงานขับรถประสาทปกติน่ะ" ผมขมวดคิ้วพูดประชดไปที  เพราะหลายครั้งที่เดินทางกับค่ายก็เจอมาเยอะ  ครั้งหนึ่งเคยเจอแย่ที่สุดเลยเมื่อสองปีก่อน  ขับรถได้ส้นตีนมาก ๆ  พายุที่ปกติควบคุมอารมณ์ได้ค่อนข้างดี  มันเคยด่าคนแปลกหน้าบนท้องถนนอยู่ครั้งหนึ่งว่า “คนขับรถส้นตีน คือคนขับรถส้นตีน” ซึ่งผมก็เห็นด้วยอยู่บ้างในบางครั้งน่ะนะ

"เรียบร้อยแล้วค่ะ" พี่นีตอบพลางหัวเราะ

"ห้าหมื่นห้า" ผมกัดฟันเซ็นเช็คออกไปอีกใบ 

“เอ่อ ขอเบิกเงินสดค่าน้ำมันด้วยค่ะคุณไฟ” พี่นีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  ผมนิ่งมองหน้าเธอด้วยสายตาที่ว่างเปล่า  เสียงหัวเราะจากพี่ธานอยู่ข้าง ๆ หู

“พักร้อนไงครับ” อีกฝ่ายเข้ามากระซิบเป่าหูผม 

“พี่นี่เหมือนไอ้เด่นเข้าไปทุกทีแล้ว” ผมว่าพร้อมเอาศอกดันตัวพี่ธานออกอย่างรำคาญ

“ผมต้องลดตัวไปเหมือนมันด้วยเหรอครับ” อีกฝ่ายว่า  ผมหัวเราะหยิบเงินสดที่เตรียมไว้ออกมาจากกระเป๋า  นับให้พี่นีไปสองหมื่นบาท  ค่าใช้จ่ายเรื่องค่าน้ำมันไม่น่าจะถึงแต่ให้เงินก้อนไว้เลย  คิดเหลือดีกว่าขาด

“จดบัญชีมาให้ผมหลังจบงานด้วยนะครับ” ผมสั่งเสีย

“ได้ค่ะ” พี่นีรับเงินยิ้ม ๆ 
 
"ถ้าไอ้นพแพ้ ผมจะเอาศพมันหมกใต้ท้องรถทัวร์นี่แหละ" ผมหันไปบอกพี่ธานด้วยสีหน้าจริงจัง   

"ฮ่า ๆ ๆ" พี่ธานหัวเราะร่า  เมื่อหมดหน้าที่ของผมแล้วผมจึงขอตัวออกมา  ให้พวกพนักงานได้ทำงานไปได้สะดวก 

"ดูเหมือนก็ไม่มีอะไรผิดปกตินะ" ผมพูด  ยืนเท้าเอวมองไปรอบ ๆ บริเวณค่าย  ตั้งแต่ให้คนคอยสังเกตการระหว่างค่ายมวยทุกสาขาของผมและเรายังทำงานได้อย่างราบรื่นดี

"ยิ่งเงียบ ยิ่งไม่น่าไว้ใจ" พี่ธานพูด  ผมยิ้มเพราะก็เห็นด้วย  สายตาของอีกฝ่ายเหล่มองมา  ผมจึงเหล่ส่งสายตาด้วยความหมายเดียวกลับไปให้

"คุณยังสนุกอยู่เลยนะครับเวลาที่มีเรื่องทำนองนี้" พี่ธานพูดไม่มองหน้าผม

"ก็พี่ดูสนุกอะ" ผมกวน  พี่ธานหันกลับมายิ้มกว้าง  ผมยักคิ้วให้ 

"ทำไมวันนี้สมุทรหยุดละครับ" อีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องโต้ง ๆ  ผมเมิน  ก้มลงหยิบรองเท้าวิ่งมาใส่

"มีอะไรรึเปล่าครับเนี่ย" พี่เขาซักด้วยสีหน้าเป็นห่วงทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง  ใส่รองเท้าเสร็จจึงนั่งเงียบเบือนหน้าไปคนละทาง  แต่พี่ธานกลับยังยืนจ้องผมไม่เลิก

"เมื่อคืนพลอยโทรมาขอให้หมอนั่นลางานออกไปกับเธอน่ะ" ผมตอบตัดรำคาญไปที  ประโยคเดียวที่น่าจะอธิบายทุกอย่างให้พี่ธานเข้าใจได้เคลียร์ทั้งหมด 

"แล้วคุณก็ยอม ?" พี่ธานขึ้นเสียงนิด ๆ  ด้วยความแปลกใจ

"แล้วพี่จะให้ผมทำยังไง" ผมหลุดหัวเราะ  ลุกขึ้นยืนประชันหน้ากับพี่ธานที่มีสีหน้าตะลึงอึ้งไปแล้ว

"ผมไม่ใช่เจ้าของชีวิตเขานะ ตามจริงแล้วผมเป็นแค่เจ้านาย"

"ทำไมคุณไม่ทำอะไรสักอย่างละครับ ทำไมปล่อยไว้แบบนี้" พี่ธานยิ้มอ่อน

"ผมพยายามหยอดหมอนั่นตั้งหลายครั้งแล้ว บอกตามตรงนะ..ถ้าเจ้าตัวจะไม่รู้บ้างเลย ไม่เรียกว่าซื่อบื้อก็เข้าขั้นโง่เลยล่ะ" ผมว่าพร้อมผายมือออกอย่างไม่คิดมาก

“ถ้าสมมุตผมทำแบบที่ผมทำกับสมุทรกับไอ้เด่นละก็ ป่านนี้ผมคงได้เสียกับไอ้เด่นไปนานแล้วแน่ ๆ” ผมกระแทกเสียงอธิบาย

“ด้วยความเคารพ..คุณเอาไปเปรียบเทียบกับไอ้เด่นได้ยังไงครับ ไอ้นั่นมันบ้า” พี่ธานย้อนเสียงหลงเช่นกัน

“หึ ๆ ๆ” ผมหัวเราะ  ขำหน้าพี่ธาน  ผมเท้าเอวยืนมองพี่ธานยิ้ม ๆ  อีกฝ่ายทำหน้าซีเรียสอย่างกับว่านี่คือเรื่องคอขาดบาดตายอย่างนั้น

"ไม่มีผู้ชายคนไหน ถ้าไม่สนใจแล้วมานั่งมองอีกฝ่ายตลอดเวลาที่มีโอกาสหรอกน่า" ผมพูดด้วยน้ำเสียงปกติคงเดิม

ใช่ครับว่าผมสนใจสมุทร  แต่พื้นฐานของความจริงบนโลกนี้โดยเฉพาะกับการอยู่ในประเทศไทยด้วยแล้ว  เราต้องดูอีกฝ่ายด้วยว่าเขามีท่าทีอย่างไร  โดยเฉพาะผู้ชายที่ไม่เคยชอบกับผู้ชายมาก่อนในชีวิต  คนเรานิสัยไม่เหมือนกัน  เกิดมาร้อยพ่อพันแม่และต่างสังคม  ความคิดความอ่านก็ต่างกัน  จะให้ผมวัดสมุทรจากมุมมองของผมซะหมดทีเดียวคงเป็นไปไม่ได้  และจะให้เอาความคิดของอีกฝ่ายมาใส่ในหัวของผม ๆ ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน

.. มากไปกว่านั้น การทำตัวหมาหยอกไก่ใส่อีกฝ่ายก็เพื่อการไว้หน้าเราทั้งคู่  แน่นอนว่าผมคิดว่าสมุทรเองก็น่าจะพอสะกิดใจอยู่บ้าง  ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ตั้งคำถามกับผมเมื่อมีโอกาส  อีกอย่างคงจะไม่มีผู้ชายปกติทั่วไปคนไหนมาคอยพูดหรือทำสายตาแปลก ๆ  ใส่ผู้ชายด้วยกันแบบที่ผมปฏิบัติกับเขา  แต่ทั้งอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังนิ่งเฉยเพราะความเป็นคนใจเย็นเป็นพื้นฐาน  บอกตามตรงว่ามันทำให้อ่านปฏิกิริยาออกได้ค่อนข้างยากมากทีเดียว  และยิ่งผมแคร์มันก็ยิ่งทำให้ผมลังเลที่จะตีความหมาย 

"ถ้าคุณคิดว่าเขาซื่อบื้อ งั้นก็พูดไปตรง ๆ เลยสิครับ" พี่ธานแนะนำ

"พูดไปตรง ๆ ?" ผมทำหน้าประหลาดใส่พี่ธาน  พี่เขาพยักหน้ายิ้มให้

"ผมบอกแล้วนะ สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อวานนี้เลย..ผมพูดโคตรตรงเลยว่าอยากพาเขาแก้ผ้าขึ้นเตียง" ผมเล่าหน้าตาย

"คุณไฟ! ผมก็บอกแล้วไงครับว่าให้คุณเลิกพูดสองแง่สองง่าม" พี่ธานขึ้นเสียงถลึงตาโต

"ก็มันอดไม่ได้นี่นา" ผมพูดปนหัวเราะ

“ก็หมอนั่น..เวลากลั้นอมยิ้ม น่ามองเป็นบ้า” ผมยิ้มยอมรับผิดแต่โดยดีทำให้พี่ธานหลุดหัวเราะเช่นกัน

"พี่ใหญ่ครับ ผู้ชายจะรู้สึกดีเหรอครับที่มาถูกเพ่งเล็งจากผู้ชายด้วยกันน่ะ" ผมเลิกคิ้วเปิดประเด็นที่ค่อนข้างซีเรียส  พี่ธานนิ่งไป 

"ขนาดพวกเราเอง เวลาที่ถูกใครชอบจริงจังขึ้นมา..ก็ยังปฏิเสธอีกฝ่ายโจ่งแจ้งเลย" ผมรำลึกความหลัง 

"ก็นะ..ก็พวกเรามันคนนิสัยไม่ดีนี่ครับ" พี่ธานพูด

"ฮ่า ๆ ๆ" ผมหัวเราะลั่น

“ผมก็แค่ เห็นว่าคุณสนใจเขากว่าคนอื่น ๆ จริง ๆ” พี่ธานพูดด้วยใบหน้าจริงจัง  ผมนิ่งลง

"เอาเถอะน่า พี่จะมาเครียดแทนผมทำไม ผมก็ไม่ได้ชอบขนาดจะต้องเจียนตายสักหน่อย" ผมปัดไปที  ถึงแม้อาจจะต้องรู้สึกเซ็ง ๆ อยู่บ้างถ้าคนที่สนใจถูกแย่งไปต่อหน้าต่อหน้า  แต่ก็ต้องยอมรับละนะ

"ไปแต่เนิ่น ๆ  ไม่ถลำลึกอะไรแบบนั้น ?" พี่ธานเดา  ทำน้ำเสียงคล้ายประชด  ผมยักไหล่ตอบ 

"สมุทรดูเป็นคนดีโดยพื้นฐานนะครับ ผมว่า..เขาน่าจะมีวิธีการรับมือในการปฏิเสธคุณแบบไม่ให้คุณเจ็บปวดอยู่แน่ ๆ" อีกฝ่ายอมยิ้มเจ้าเล่ห์  ผมมองค้อนทันทีที่ได้ยิน

“พี่กำลังยุให้ผมจีบเขาแบบจริงจัง แต่อีกนัยยะนึง..พี่ก็ไม่แน่ใจว่าผมจะจีบติดรึเปล่า แต่อย่างนั้นพี่ก็ยังยุผมงั้นเหรอ น่าสนใจจริง ๆ” ผมพูดเสียงเย็นลงเรื่อย ๆ  พี่ธานมองผมด้วยสายตาหวาดระแวง

"ผมจำไม่ค่อยได้แล้วว่า..." ผมพูดพลางทิ้งลมหายใจเบา ๆ  อีกฝ่ายก้าวขาไปด้านหลังอย่างเนิบช้า

"ผม.. ไม่ได้ลงไม้ลงมือกับพี่เพราะเห็นถึงความเป็นพี่เป็นน้องตั้งแต่เมื่อไหร่" ผมหุบยิ้มลง

"คุณไฟครับ" พี่ธานผายมือห้ามเตือนยิ้ม ๆ  ทันทีที่ผมปล่อยหมัดออกไปไม่ฟังเสียง  อีกฝ่ายก็เบี่ยงตัวหนีได้ในทันที  ผมแสยะปากมองเป้าหมายอย่างรู้สึกหมันเขี้ยวขึ้นมาพร้อมเหวี่ยงหมัดซ้ายชกเข้าที่ลำตัวอย่างไม่ยั้งแรง  พี่ธานถอยเซไปทางด้านหลัง  เราต่างยิ้มให้กัน   

"พี่กล้าเดินหนีผมงั้นเหรอ" ผมพูดเสียงเย็น  อีกฝ่ายชะงักเขิน ๆ  เราประชันหน้ากันอีกครั้ง

“ผมเตือนพี่หลายครั้งแล้วใช่ไหมว่าพี่ปากชักเหมือนไอ้เด่นเข้าไปทุกที” ผมชี้หน้าคาดโทษ  พี่ธานกลั้นหัวเราะ  อีกมือหนึ่งก็กุมท้องตัวเองไว้  ผมพุ่งเข้าหาพร้อมล็อกคอพี่ธานกดเข้ามาอย่างแรง  อีกฝ่ายไม่หลบแล้วและปล่อยให้ผมปล้ำมวยได้สบาย ๆ

"อุก!" เจ้าตัวตัวงอแน่นิ่งไปเมื่อถูกผมตีเข่าเข้าที่ล้ำตัวซ้ำ 

"เอาจริงเหรอครับเนี่ย" พี่ธานร้อง  ผมฉีกยิ้มอย่างพอใจ  ลำแขนกอดคอพี่เขาไว้จนแทบขยับตัวหนีไม่ได้

"นายทำอะไรพี่ใหญ่ครับ!" ไอ้รุ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาพร้อมกับไอ้เข้มและไอ้เด่น 

"ลูกพี่มึงปากเสียไง!” ผมด่ากลับเสียงดัง  นักมวยในค่ายต่างหันมามอง 

“พวกมึงมาก็ดีแล้ว..” ผมเอ่ยเสียงเย็นพร้อมเหวี่ยงตัวพี่ธานออก  ไอ้เข้มรีบเข้ามารับตัวลูกพี่ของมันไป 

“มาโดนด้วยกันให้หมดนี่เลย!" ผมสบถ  พอทำท่าจะวิ่งเข้าหา  พวกมันก็พากันประสานเสียงว่า “ขอโทษครับ” แล้ววิ่งกระจัดกระจายกันไปคนละทาง  รวมถึงไอ้เข้มก็ทิ้งพี่ธานปล่อยไว้ให้ผมด้วย 

"ไอ้พวกปัญญาอ่อน เอะอะโวยวายกันไปหมด" ผมบ่นไล่หลังยิ้ม ๆ   

"อารมณ์ดีแล้วสินะครับ" พี่ธานทัก  ผมหันควับไปมองอย่างไม่เข้าใจ  อีกฝ่ายยกมือขึ้นเหมือนขอยอมแพ้พร้อมเดินออกไปตั้งหลักไกลจากผมพอสมควร

"ก็คุณดูหงุดหงิดมาตั้งแต่เช้าแล้ว" พี่ธานยิ้มบอก

"พี่เองก็ปากมากอย่างที่ไอ้โปรดว่าจริง ๆ นั่นแหละ" ผมถอนหายใจเซ็ง ๆ

“ก็ผมเป็นมือขวาคุณนี่ครับ” พี่ธานอมยิ้มเจ้าเล่ห์

“คนแบบพี่น่ะ โดนไอ้โปรดสักทีนึงก็น่าจะดีมั้ง” ผมแสยะยิ้มยักคิ้วขู่

“ทำไมคุณต้องพูดเรื่องน่ากลัวแบบนั้นกับผมด้วยครับ” พี่ธานบ่นหน้าเครียดทำเอาผมหลุดหัวเราะดังลั่นกับปฏิกิริยาที่ได้รับในทันที



..........(ไฟ).........


ที่จริงอยากต่อตอนนี้ให้นานแล้ว  แต่ผู้เขียนเพิ่งพื้นคืนชีพจากอาการป่วยเลยเพิ่งเสร็จ  :impress3:  สำหรับตอนที่ 25 อาจจะมาต่อได้อีกทีน่าจะนานกว่า 5 วันเลยนะคะ  ขอบคุณค่ะ  ..เบบี้ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-08-2016 13:47:22 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เมื่อไรเขาจะจีบกันแบบจะ จะ  ซะที



คุณไฟก็หยอดแบบไม่จริงจัง สมุทรก็ทำซึนไม่รู้ไฒ่ชี้



ชะนีรอบตัวสมุทรก็ยิ่งเยอะ



เดี๋ยวคุณไฟก็ไม่ ทันชะนีแต่ละนางหรอก



สมุทรนี่เสน่ห์ล้นเหลือ



ชอบพี่ธารตามใจพายุจัง น่ารักที่สุด

ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ไฟกับสมุทรนี่จะโป๊ะเช๊ะกันเมื่อไหร่ง่ะ 555555

ไฟก็ได้แต่หยอดไปเรื่อยๆสินะ เฮ้อ 

เชียร์ธานโปรดด้วยนะคะ อิอิ

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
อยากให้คุณไฟโดนสมุทร...อย่างจริงจริงจังจัง :hao6:  :katai4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
อืมมมมมม.

บางทีก็รู้สึกว่าสมุทรแคร์ ไฟ นะ
แต่ก็อย่างว่าแหละ นิ่งเกิ๊นนน
พูดขนาดนั้น ยังนิ่งได้ ก็นะ...
รอได้เสมอจ้าาา.  หายป่วยแล้ว ขอให้ฟื้นไวๆนะคะ

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
ควรสงสารไฟหรือสมุทรดี555555

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
เนื้อเรื่องไม่ไปไหนเลยอ่า กะสมุทรก็ไม่เหงมีท่าทีอะไร
คือสมุทรเป็นพระเอกแน่หรอ สงสารไฟเลย

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
มารอดูความเจ้าเลห์ของไฟ ว่าจะถูกสมุทร สาดจนเย็นเป็นน้ำแข็งเมื่อไหร่  :hao6:
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ หนูบี้  รักษาสุขภาพด้วยนะครับ  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด