The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 446088 ครั้ง)

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1034
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
 :mew1: :mew1: ชอบๆ ไฟหยอดบ่อยๆเลย อยากรู้ว่าสมุทรจะจัดการยังไง

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
ไฟรุกสมุทรขนาดนี้ แต่ยังนิ่งได้ สุดยอดมาก  อยากเห็นเวลาเป็นแฟนกันจะสวีทแบบไหนนี่ยังจินตนาการไม่ออกเลย  :serius2:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
"ผมก็ไม่คิดว่าคนที่คุมลูกน้องที่เป็นคนนิสัยน่ารักในบ้านหลังนี้ โดยพื้นฐานจะเป็นคนไม่ดีไปได้" สมุทรบอก  ....

สารภาพได้ว่าอ่านตอนนี้แล้วมันดีกับใจเหลือเกิน ลุ้นกับคุณไฟในทุกๆประโยค  ชอบเวลาที่สองคนนี้อยู่ด้วยกัน เคมีดูเข้ากันมาก แอบห่วงความรู้สึกกันและกัน

มีความสุขมากๆเลยค่ะ ขอบคุณเบบี้นะ

ออฟไลน์ konjingjai

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +226/-4
ยังเชียร์คู่นี้อยู่นะ

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ไฟ เอาจริงแล้วใช่ไหม หยอกแกมหยิกนะคะ สมุทรเหวอขั้นสุด

5555 สมุทรรู้ทัน รู้ทางตลอด แต่ก็อึ้งตอนโดนยิงตรง ก็ปกติไหมอะ

ไฟขี้หวง ขี้หึงนะนั่น ขนาดแค่ชอบนะ ยังไม่ได้คบ แถมตัวเองเปิดทางให้คนอื่นเองด้วย
ถ้าคบกันแล้ว สมุทรคงเดี้ยง 5555 เพราะไฟไม่ยอม

สมุทรฮอตไปนะคะ ใครเจอก็อยากเข้าหานะ แย่แน่ไฟ

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
คุณไฟเข้าโหมดจริงจังได้แล้วฝฝว
เอาแบบบอกไปเลยว่าสนใจจะจีบเงี้ย
แล้วบอกไปเลยไม่อยากให้ไปกะคุณพลอยอ้ะ
เข้าโหมดตริงจังได้แล้วน้า
อยากเห็นตอนรักกันแล้ววว

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
เมื่อไหร่ไฟจะเอาจริงซักที ทำเป็นหมาหยอกไก่อยู่นั่นแหละ
สมุทรอาจจะรอให้ไฟพูดแบบจริงๆจังๆอยู่ก็ได้ พอดีสุนัขจะคาบไปซะก่อนนะ  :hao6:

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 951
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
ไฟนี่ก็ขยันหยอดนะแต่หยอดแบบทั้งกวนทั้งกาม555




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
เมื่อไหร่เค้าจะคบกัน!!!..

นึกภาพไม่ออกจริงๆว่าถ้าคบกันมันเป็นยังไงนะ!!!

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ MRchai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 286
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
อ่านยาวๆสะใจดีครับ

ออฟไลน์ tutu

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2

ออฟไลน์ toou

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-3
หยอดอีกกกกกกก  หยอดสมุทรเยอะๆเลยค่ะคุณไฟ สู้เค้านะ!

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
สนุกมากค่าาา

ชอบเรื่องแนวนี้มากๆเลย

อยากให้ไฟเริ่มจีบสมุทรแบบจริงจังซะที

อยากเห็นฉากฟินๆของทั้งคู่มากกว่านี้

ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆมาให้อ่านค่ะ^^

ออฟไลน์ เอวา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อยากให้สมุทรได้กะไฟสักทีงิ 5555 ขอมากไปป่ะเนี่ย
ปล.เป็นกำลังใจให้ไรท์นะค่ะ

ออฟไลน์ ren

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
    • " Welcome To Y Entertainment "
ตอนนี้เป็นตอนที่รู้สึกว่า  คุณไฟ น่ารักมากก 
อืมนี่ตอนที่ 24 แล้วเหรอ  คืออ่านได้เพลินๆนะ  ^^

คุณไฟกำลังขยับก้าวเท้ามาเรื่องความรักทีละนิดๆ
รอลุ้นสมุทร  ว่าจะยังไงต่อน้า 



ออฟไลน์ maminmeaw

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
รอตอนต่อไปนะจ๊ะ

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

[ พ. 10 ส.ค 59 ] ตอนที่ 24 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.780
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _



ตอนที่ 25
..ไฟ..




07:10 น. บ้านเลิศประสงค์
"กินข้าวเช้าพร้อมหน้าพร้อมตาในรอบหลายอาทิตย์ เพราะใครบางคนไม่ต้องไปโรงเรียนสาย" ผมพูดกลางโต๊ะอาหารเช้าที่มีผม  พี่ธาน  พายุและไอ้ดิน  คนที่ถูกว่าถึงอมยิ้มเคอะเขิน

"ยุ..มึงทำข้าวเช้าเหรอวะ" ผมเอ่ยปากบ่นเมื่อป้าอิ่มนำโจ๊กหมูมาเสิร์ฟให้  แค่เห็นก็รู้เลยไม่ต้องเดา  สีขาวนวลสะอาดตาอย่างกับเชฟจาก Hong Kong มาเอง  จืดสนิทแน่ไม่ต้องเดาอีกนั่นแหละ

"ไม่ดีรึไงล่ะ มีน้องบ้านไหนบ้างตื่นแต่เช้ามาทำข้าวให้กินแบบนี้" พายุตอบหน้ามุ่ย

“วันหลังก็ช่วยทำอะไรที่ไม่ร้อนได้ไหมวะ มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบ” ผมบ่น  พายุมองเลิ่กลั่ก

“หึ ๆ” ผมกับพี่ธานหัวเราะ  ผมถอนหายใจน้อย ๆ  ลงมือคนโจ๊ก  อากาศก็ร้อนแล้วยังต้องมานั่งกินโจ๊กร้อน ๆ อีก  ประเทศไทย

"ขอผลไม้หน่อยครับ" ผมบอกแม่บ้าน  ถ้าให้กินโจ๊กไปทั้งอย่างนี้รู้สึกไม่มีอารมณ์เลย  อย่างน้อยก็ขอกินผลไม้นำไปก่อนให้รู้สึกสดชื่นขึ้นบ้างก็ยังดี

"ได้ค่ะ..คุณพายุซื้อฝรั่งมาเมื่อวาน หวานมากเลยนะคะ" ป้าอิ่มยิ้ม  เธอนำจานผลไม้เสิร์ฟลงที่ตรงกลางโต๊ะ  มีทั้งสับปะรด  ฝรั่งและแอปเปิล  ซึ่งผมจัดเข้าปากหมดทุกอย่างเลย

“ถ้าโลกนี้ไม่มีสับปะรด ผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง” ผมบ่นด้วยสีหน้าจริงจัง  ทุกคนหัวเราะมองเพราะรู้ว่าผมชอบกินสับปะรดมาก

"บ่ายนี้ยุจะทำโดนัทนะ ใครอยากกินรสอะไรบ้าง" พายุยิ้มถาม

"กูเอาสตรอว์เบอร์รีกับบาวาเรียนนะ" ผมสั่งทันที  ชอบกิน

"พี่เอาบาวาเรียนเหมือนกัน" พี่ธานยิ้ม

"ดินกินทุกอย่าง แต่ชอบแบบมีอัลมอนด์" ไอ้ดินพูดไปกินไป  ผมกับพี่ธานหัวเราะ
 
"เอ่อ..ขอเพิ่มสตรอว์เบอร์รีกับช็อกโกแลตให้ด้วยอย่างละสามสี่ชิ้นแล้วกัน เอาเป็น..สตรอว์เบอร์รีสาม ช็อกโกแลตสาม แล้วก็บาวาเรียนสาม" ผมพูด  นึกอยากเอาไปฝากเมฆและดาวขึ้นมา   

"........." ความสงบที่อยู่ ๆ ก็ก่อตัวขึ้น  ผมทำเมินที่ทั้งสามคนจงใจเงียบและหันมาจ้องหน้าผมกันเป็นตาเดียว  มือผมคนโจ๊กไปพลางก่อนตักกินไม่มองใคร

"ใส่กล่องให้ด้วยล่ะ" ผมพูดแกมสั่ง  เมื่อช้อนตาขึ้นมองก็เจอกับสายตารู้ทันจากพี่ธานเป็นคู่แรก

"เฮียจะให้พี่ยุเขียนบนหน้าโดนัทด้วยปะ ?" ไอ้ดินทำเสียงใสแซวคล้ายกับรู้ว่าผมไม่ได้จะกินโดนัทพวกนี้เอง

"ไม่กวนตีนผมสิครับ" ผมเตือนเรียบ ๆ

"หึ ๆ ๆ" ทั้งสามคนหัวเราะพร้อมใจ 

อาหารเช้าเป็นไปด้วยความสงสัยที่ไม่ถูกถาม  ซึ่งก็ดีแล้วไม่งั้นพวกมันจะถูกถีบ  เราแยกย้ายกันไปหลังจากนั้น  ไอ้ดินออกจากบ้านพร้อมกับพายุเพราะพายุต้องไปส่งมันที่โรงเรียนเรียนพิเศษและพายุมีหน้าที่ที่ จะต้องรับมันกลับบ้านด้วย  สมุทรเดินทางมาถึงจวนเจ็ดโมงสี่สิบนาที  ผมจึงสั่งให้พี่ธานไปบอกกับอีกฝ่ายว่าให้เขาซ้อมล่อเป้ากับไอ้เด่นล่วงหน้าไปเลย  ไอ้รุ่งยังคงเก็บตัวอยู่ที่ค่าย  ส่วนไอ้หินไปอ่านหนังสือที่มหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้าแล้ว  เห็นว่าใกล้ช่วงสอบมิดเทอมเต็มแก่  ผมจึงไม่ค่อยเรียกใช้งานมันนัก  ไอ้เข้มออกไปสืบเรื่องมือปืนตั้งแต่เสร็จอาหารมื้อเช้า  ที่บ้านจึงเหลือแต่ไอ้เด่นเท่านั้น

"คุณไฟตั้งใจจะซื้อที่ดินผืนนี้ที่ชลบุรีจริง ๆ ใช่ไหมครับ ที่มันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่" พี่ธานถาม  เรานั่งคุยอยู่ในห้องนั่งเล่น  ผมละสายตาจากสมุทรและไอ้เด่นที่ซ้อมอยู่ที่โรงฝึกมานั่งลงที่โซฟา

"ซื้อไว้ก็ไม่เสียหายอะไร ผมว่ามันถูกดี" ผมตอบ   

"เดี๋ยววันที่ไปชกที่พัทยาผมว่าจะไปดูเองสักหน่อย อยากรีบซื้อไว้เลย เห็นไอ้คินว่ามีคนสนใจเยอะอยู่เหมือนกัน"

"ไป ๆ มา ๆ ไม่ใช่โก่งราคาขึ้นอีกนะครับ" พี่ธานพูดแกมบ่น

"ผมได้ข่าวมาว่าครอบครัวของไอ้โชอยากตั้งโรงงาน มีแผนอยู่น่ะนะ บ้านนั้นน่ะซื้อไม่ทันคนอื่นเขาหรอก หลายปากหลายสมอง กว่าจะวางแผนเสร็จที่ดินดี ๆ  คงถูกกว้านซื้อไปหมดแล้ว ผมซื้อไว้..เผื่อได้พึ่งพากัน" ผมพูดเว้นจังหวะพลางนึกถึงไอ้โช  คิดว่าถ้าไอ้โชอยากได้ผมก็จะขายให้มันในราคาที่ซื้อมา  มันรักทะเล  มาอยู่กรุงเทพเอาเข้าจริง ๆ  เดี๋ยวก็จะคลั่งตายซะเปล่า ๆ

“ผมอยากได้ที่ดินติดทะเลอีก ถ้ามี..รีบบอกผมด้วยนะ สุราษฎร์ก็ดีนะ..ผมชอบ” ผมพูด

“ได้ครับ” พี่ธานยิ้มน้อย ๆ

"แล้วคุณโชจะกลับมาเมื่อไหร่ละครับ"

"ยังไม่รู้เลย มันไม่เคยเตรียมอะไรสำหรับที่นี่สักอย่าง ลอยชายไปมา ถ้ามันมาก็คงมาตัวเปล่า..มีแต่หมอยกับกางเกงใน" ผมอดบ่นไม่ได้

“หึ ๆ  คุณนี่” พี่ธานปิดปากยิ้ม ๆ 

"เราไม่ได้ขึ้นเชียงใหม่มานานแล้วนะ" ผมเพิ่งนึกขึ้นได้  เพราะเห็นข้อมูลในสมุดโน้ตของตัวเองที่เพิ่งเปิดดู 

"เสร็จจากแข่งที่พัทยา ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นผมว่าจะขึ้นไปดูสักหน่อย อย่าบอกใครที่นั่นล่ะ"

"ได้ครับ แต่..ตัวเลขก็ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ" พี่ธานบอก

"อืม..ผมเห็นแล้ว ตรวจดูในเว็บไซต์ก็ไม่มีใครร้องเรียนอะไร แต่แค่อยากขึ้นไปให้เห็นกับตาน่ะ" ผมพูด

"ครับ" พี่ธานผงกหัว

"ไอ้กริด..มันก็เงียบไปเลยนะเรื่องป๋าจง” พี่ธานเอ่ยเว้นวรรคคล้ายกับเกรงใจที่จะพูดถึง 

“ไม่รู้ว่าป๋าไปพูดยังไง" ผมบ่น  หลาย ๆ เรื่องที่ประดังประเดไม่ใช่ปัญหาใหญ่  ถึงผมจะแอบคิดว่าอาจเป็นฝีมือของไอ้กริดแต่ผมก็ไม่ได้ปักใจเชื่อเสียทีเดียว  ผมพยายามไม่เก็บเล็กผสมน้อยในปัญหานั้น ๆ  เพราะมันจะทำให้ผมปวดหัวเกินปัญหา

"ที่ ๆ มันอยากได้ที่ภูเก็ต มันจะเอาไปทำอะไร คนอย่างมันนี่นะจะลงมือทำธุรกิจเอง มีดีนอกจากเกาะพ่อมันไปวัน ๆ  หรือเกาะชายเสื้อคนอื่นเพื่อหุ้นทำธุรกิจด้วยเหรอ" ผมพูด 

"หน้าตามัน..ไม่ใช่คนที่จะกล้ายอมเสียเงินหลายร้อยล้านเพื่อที่ดินไม่กี่ไร่ได้หรอกครับ" พี่ธานวิเคราะห์

"พี่กำลังจะบอกว่า มันต้องการมากวนประสาทผมงั้นซิ ?" ผมเท้าแขนลงที่หน้าขายิ้มสบาย ๆ 

"ผมแค่สงสัยว่ามันรู้จักกับคุณริศาได้ยังไง" พี่ธานจ้องหน้าผม
 
“ข่าวลือที่ว่ามันพัวพันกับคนใหญ่คนโตในวงการการเมือง..” พี่ธานเอ่ย

“อาจจะจริงก็ได้” ผมพูดแทรกทันที  เราต่างเงียบเสียงลงเพื่อใช้ความคิด  ที่ผ่านมาผมไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายเพื่อสอดรู้เรื่องของใครเกินจำเป็น  เรื่องบางเรื่อง..รู้เพื่อรู้  ไม่ว่าจะเป็นวงการสีขาว  วงการสีดำหรือวงการเทา ๆ  หากคน ๆ นั้นไม่ได้เอาเปรียบหรือติดหนี้ผมอยู่  อย่างที่ผมเคยพูดว่าพวกเราต่างก็ระวังตัวและเรียนรู้ซึ่งกันและกันว่าอะไรควรอะไรไม่ควรเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ  การเสือกเรื่องคนอื่นที่ไม่มีผลประโยชน์ต่อผมหรือคนสำคัญของผม.. ผมถือว่าเป็นการเสือกที่เสียเวลาเปล่า

"ผมไปรู้มาว่ามันน่ะ.. เกลียดเกย์สุด ๆ" พี่ธานพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเบา

"หึ..ไปรู้มาจากไหน" ผมเหล่ตามอง

"ไม่นานมานี้ครับ คุณจำเพื่อนของมันที่คุณโปรดไปแข่งรถด้วยได้ไหมครับ ผมไปได้ยินคนในสนามคุย ๆ กัน กลุ่มมันน่ะ..เกลียดเกย์ตัวพ่อเลย" พี่ธานแสยะยิ้มมุมปาก  ผมนิ่งฟัง

“มันไม่คิดเหรอว่าเกย์ก็อาจจะเกลียดมันด้วยเหมือนกัน” ผมพูดปนหัวเราะ  พี่ธานได้แต่ยิ้มน้อย ๆ

“ก็นะ..มันเป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคล” ผมเล่นเสียง

"งั้นพวกมันก็เป็นศัตรูของไอ้โปรดตัวจริงเสียงจริงเลยน่ะสิ" ผมปั้นหน้าเหลือเชื่อ

"ถ้ามันระแคะระคายเรื่องที่คุณเองก็โอเคกับผู้ชายละก็" พี่ธานพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำลง

"ไม่มีผลอะไรกับผมอยู่แล้ว" ผมย้อนเสียงห้วนทันที  ทั้งย่าและริศาเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าผมหลับนอนกับผู้ชายแต่แค่ไม่พูดออกมาเป็นคำพูดก็เท่านั้น

“อีกอย่าง..ที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยปิดบังสักหน่อย” ผมว่า

"แล้วคุณพายุละครับ ?" พี่ธานเอ่ยถึง  ผมชะงัก  เหลือบสายตามองไปที่อีกฝ่าย

"ผมก็แค่เป็นห่วงน่ะครับ" พี่เขาหลบสายตาผมในทันที

"ฝีมือระดับไอ้กริดเอาพายุไม่อยู่หรอก" ผมพูดเรียบ ๆ  แฝงไปด้วยมุกตลกที่ตัวเองก็ขำไม่ออก  แม้ความจริงคือถึงมาเป็นสิบคนพายุก็ยังเอาอยู่  แต่สิ่งที่พี่ธานกำลังกังวลคือ..ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น  ผมนั่งเงียบอย่างใช้ความคิด  เพราะความกังวลจากพี่ธานเลยทำให้สิ่งที่ผมไม่อยากนึกถึงดันนึกถึงขึ้นมาอีกครั้ง  พี่ธานเองก็ก้มหน้าก้มตาเงียบไปแล้ว 

"ตั้งแต่พ่อเสีย..ผมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้พายุเดือดร้อน แต่ถ้าผมเอาไม่อยู่ขึ้นมา ผมฝากด้วยแล้วกัน" ผมพูด

"คุณทำไมชอบพูดเหมือนนายท่านเลยครับ" พี่ธานเงยหน้าขึ้นต่อว่าหน้าเครียด  การหงุดหงิดต่อหน้าผมที่น้อยครั้งที่ผมจะได้เห็น 

"ก็พ่อลูกกันนี่" ผมได้แต่ยิ้มตอบ  อีกฝ่ายถอนหายใจ  เหสายตาหนีเหมือนกำลังกักเก็บอารมณ์

"แต่ก่อนน่ะ..บ้านเรามีเรื่องแทบไม่เว้นแต่ละวัน ไปงานศพกันเป็นเรื่องธรรมดาอย่างกับเปลี่ยนที่กินข้าวเย็นอย่างนั้น” ผมพูดปนหัวเราะเมื่อต้องนึกถึงอดีต

"พี่ทัพเล่นสนุกกับผมกับพายุไว้ที่เขาใหญ่..แล้วจู่ ๆ ก็หายไป เชื่อฟังผิดปกติไปหมด" ผมพูด

"ช่วงนี้มันสงบ จนบ้างทีผมรู้สึกใจหายเลย" ผมอมยิ้ม  บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตัวเองกำลังพูดอยู่ในความรู้สึกอย่างไร

"ชอบแบบไหนมากกว่ากันละครับ" พี่ธานถาม  เราสบตากันยิ้ม ๆ  รอยยิ้มที่สื่อออกมาไม่ได้ต่างความหมายกันเลยแม้สักนิดเดียว

"พี่ล่ะ..?" ผมถามกลับ

"ผมไม่เลือกหรอกครับ คุณเลือกแบบไหน ผมก็ชอบทั้งนั้น" พี่เขาตอบ

"3P งั้นเหรอ ?" ผมได้ช่องกวนเปลี่ยนบรรยากาศทันควัน

"หึ!" พี่ธานหลุดหัวเราะคล้ายกลั้นเอาไว้ไม่ทัน

"พอเป็นเรื่องจริงจังขึ้นมา พายุกลับไม่เคยขอในสิ่งที่ต้องการเลย ถ้ามันพูดขอตรง ๆ  ผมก็อาจจะให้มันก็ได้แท้ ๆ" ผมพูดตาลอย

"หมายถึง..จะเอาเก็บไปพิจารณาดูเฉย ๆ น่ะนะ" ผมทิ้งท้ายกวน ๆ  พี่ธานส่ายหัวเล็กน้อย

"ไปเถอะครับ เริ่มงานที่เรารักกันดีกว่า" ผมถอนหายใจตัดบทพร้อมลุกขึ้น

"วันนี้วันครบรอบเก็บดอกเบี้ยนี่" ผมนึกขึ้นได้ 

"ครับ เที่ยง ๆ ผมเริ่มงาน" พี่ธานบอก  ผมพยักหน้ารับทราบ

"เช้านี้ผมว่าจะไปสนามยิงปืนสักหน่อย แล้วต้องเข้าไปที่ห้างอีก..มีบริษัทมาขอเช่าที่รายปีน่ะ สัญญายาวสามปีเลย ดีเป็นบ้า..เสร็จแล้วจะเข้าค่ายมวยต่อเลย" ผมบอกแผนของผมในวันนี้

"งั้นผมไปด้วยนะครับ ความจริงไอ้เข้มจะเข้ามาสมทบกับผมสาย ๆ วันนี้เหมือนกัน"

"ได้..งั้นฝากบอกเด็กใหม่พี่ด้วยแล้วกันว่าให้เขาอาบน้ำได้แล้ว" ผมพยักหน้าส่งสัญญาณไปทางโรงฝึก

"อาบห้องพี่นะ ผมว่าจะช่วยตัวเองสักหน่อย" ผมปัดไปทีแล้วลุกหนีออกมาไม่ทันให้พี่ธานซักเอาความ  ตามจริงแล้วผมยังไม่พร้อมเจอหน้าสมุทรตรง ๆ  มันเหมือนกับในใจยังคงมีคำถามว่าเมื่อวานนี้เขากับพลอยไปไหนมาบ้าง  พลอยไม่ติดต่อมาเลยเช่นกัน  เรียกว่าเงียบสุด ๆ  เมื่อวานผมเปิดไปดูเฟซบุ๊กของทั้งสมุทรและของพลอย  สมุทรไม่โพสอะไรมาร่วมสองอาทิตย์แล้ว  ส่วนพลอยปกติที่ชอบโพสนั่นนี่กลับเงียบฉี่เช่นกัน  จะบอกว่าการมีเฟซบุ๊กของเขาค่อนข้างไร้ประโยชน์เลยก็ได้นะครับ  ผมเชื่อ


- - - - - - - - - - - - - - -


15:01 น. : ค่ายมวยชัยโรจน์

“เฮ้อ~” ผมหันขวับไปมองหน้าไอ้เด่นทันทีที่เห็นมันถอนหายใจเบา ๆ  อีกฝ่ายที่เพิ่งปิดประตูรถให้ผมถึงกับชะงัก  มันได้สติมองผมด้วยความตกใจก่อนก้มหน้าก้มตาหนี 

“ถอนหายใจทำไม.. แม่ตาย ?” ผมตาขวาง  ถามเสียงห้วนเพราะรู้สึกไม่ชอบที่ได้ยินอะไรทำนองนี้  ผมเป็นเจ้านายมัน  ผมมีสิทธิ์คนเดียวที่จะถอนหายใจอย่างนั้น  ก็ไม่อยากจะจับผิดหรอกนะครับแต่ปกติพวกมันค่อนข้างระวังการกระทำต่อหน้าผมพอสมควร

“ก็วันนี้นายไม่ยิ้มเลยครับ” ไอ้เด่นพูดแก้ตัวงึมงำกลัวความผิด  ผมเห็นด้วยหางตาว่าสมุทรยืนรออยู่อีกฝั่งหนึ่งของตัวรถแล้ว  เราเพิ่งกลับมาจากเสร็จภารกิจของวันนี้  พี่ธานบังคับสอนสมุทรให้เรียนรู้จักพื้นฐานเบื้องต้นเกี่ยวกับปืน  ซึ่งผมเป็นคนแอบสั่งให้พี่ธานทำอย่างนั้นเอง  คิดว่าถ้าพี่ธานเป็นคนพูดสมุทรน่าจะเกรงใจและเต็มใจทำตามมากกว่า

“ปกติแล้วกูยิ้มบ่อยรึไง” ผมบ่น

“แต่เดี๋ยวนี้นายยิ้มบ่อยขึ้นนะครับ” ไอ้เด่นเงยหน้ายิ้มกว้าง   

“ไปเอากระเป๋าเสื้อผ้ามา” ผมเปลี่ยนเรื่อง  ขี้เกียจพูดอธิบายเพราะที่ไม่ยิ้มก็ไม่มีเหตุผลในตัวอยู่แล้ว  ไม่ได้อารมณ์เสียแต่ก็ไม่ได้อารมณ์ดี  แค่ไม่มีเรื่องทำให้ยิ้ม  ไอ้เด่นรับหน้าที่นำกระเป๋าของผมที่ท้ายรถมาให้  ผมเดินนำเข้ามาในค่ายก่อน  สมุทรจึงตามมาติด ๆ

“ดื่มน้ำไหมครับ” เขาถาม 

“ไม่ล่ะ” ผมตอบไม่มองหน้าเขา  รู้เพียงว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องหน้าผมเขม็ง

“อะไร ?” ผมมองหน้า

“เปล่าครับ” สมุทรก้มหน้าลงเล็กน้อย 

“หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้ลุง ๆ  ทั้งหลาย

“นี่ ๆ  รายชื่อนักมวยที่พัทยามาแล้ว” ลุงลอยกวักมือเรียกผมด้วยสีหน้าตื่นเต้น  ผมรีบเข้าไปหา  แกหยิบกระดาษออกมากางให้ดู 

“ไอ้ยุทธมันส่งพยัคลงจริง ๆ” ลุงแกกระแทกเสียง  “พยัค” คือนักมวยมือดีและมีชื่อเสียงที่สุดของค่ายหาญสิงห์  นั่นก็คือค่ายของเสี่ยยุทธนั่นละ 

“เสี่ยปรีดาส่งใครครับ” ผมถาม

“ยังไม่ขึ้นชื่อ” ลุงขันตอบ

“ได้ข่าวว่า มีการเปลี่ยนหุ้นน่ะ อยู่ ๆ ก็เปลี่ยนเก้าอี้เป็นเสี่ยเจียนซะเฉย” ลุงลอยเข้ามากระซิบ 

“เรื่องมันยาว” ลุงแกยักคิ้วให้  ผมอมยิ้มมุมปากไม่คิดถามเรื่องนี้ต่อ

“ไอ้นพเจอใคร” ผมซัก

“โรเจอร์ของค่ายทัพนคร” ลุงลอยตอบ  ผมพยักหน้ารับทราบ 

“หึ..งานหนักไม่เบา” ผมยิ้มแกมบ่น  ลุงลอยหัวเราะในลำคอคล้ายเห็นด้วยกับผม 

“งานหนักไม่เบา” ผมพึมพำซ้ำ ๆ  เดินไปที่ข้างเวที  บนนั้นไอ้นพกำลังซ้อมอยู่กับครูมวยอย่างขะมักเขม้น 

“นพ!” ผมเรียก

“ครับ” ไอ้นพหยุดซ้อมรีบวิ่งมาหาผมทันที 

“พักก่อน เดี๋ยวซ้อมกับฉัน” ผมสั่ง

“ได้ครับ” มันพยักหน้ารับงง ๆ

“จนกว่าจะถึงวันชกผมจะเป็นคู่ซ้อมให้นพเอง” ผมหันกลับไปบอกลุงลอย  อีกเพียงแค่ห้าวันก็จะถึงวันชกจริงแล้วและผมอยากให้เวลาที่เหลือได้คลุกคลีกับไอ้นพด้วยตัวเอง
 
“เอางั้นก็ได้” ลุงลอยผงกหัวรับทราบ  ไอ้เด่นยืนถือกระเป๋ารอผม  ผมรับมาถือไว้เพื่อนำเข้ามาเปลี่ยนที่ห้องอาบน้ำ  สมุทรกับไอ้เด่นเองก็ตามเข้ามาเปลี่ยนด้วยเช่นกัน  หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จก็แยกย้ายกันไปคนละมุมตามหน้าที่ของตนเอง  ผมเริ่มจากอบอุ่นร่างกายก่อนเป็นอันดับแรกและขึ้นซ้อมกับไอ้นพในทันทีโดยมีลุงลอยและลุงขันคอยชี้แนะอยู่ใกล้ ๆ 

“ฟู่! เหนื่อยเหมือนกันว่ะ” ผมออกปากบ่นหลังจากซ้อมเสร็จ  เราสองคนแทบไม่ได้พักเลยร่วม ๆ สองชั่วโมง  แถมยังใส่กันหนักไม่ยั้งทั้งคู่  เวลาที่ซ้อมกับไอ้นพมักได้รู้สึกเหมือนซ้อมกับพี่ธานยังไงอย่างนั้น  อึด ถึก ควาย อดทนสุด ๆ

“หึ นาน ๆ ทีผมจะได้ยินคุณบ่นแบบนี้นะครับ” ไอ้นพพูดไปหอบไป  ลุงลอยรีบนำน้ำมาให้ผม

“พรุ่งนี้เหมือนเดิมนะ เดี๋ยวฉันมาซ้อมด้วย” ผมบอกไว้ก่อนล่วงหน้า

“ขอบคุณครับ” อีกฝ่ายผงกหัวยิ้ม ๆ  ผมยื่นแก้วกลับให้ลุงลอยเมื่อดื่มเสร็จแล้วลงจากเวที

“คุณพายุโทรมาครับนาย” ไอ้เด่นวิ่งนำโทรศัพท์มือถือมาให้  ผมนำหูเข้าไปแนบแทนที่จะรับมาถือดี ๆ ด้วยตัวเอง  ไอ้เด่นจึงอำนวยความสะดวกยื่นโทรศัพท์ขึ้นสูงให้เสมอกับหูของผม

“ว่าไง” ผมทัก

“ทำโดนัทเสร็จแล้วนะ จะให้ยุเอาไปให้ไหม” พายุถาม  ผมชะงักเพราะคำพูดมันเหมือนรู้โดยไม่ต้องถามข้อมูลจากผมเลยว่าผมจะนำไปให้คนอื่นภายในวันนี้  สายตาชำเลืองไปที่สมุทรที่กำลังนำนวมมาเก็บเข้าที่ชั้นวาง  อีกฝ่ายเหลือบตามาสบเข้ากับผมพอดี

“ไม่ต้องอะ..เอาไว้นั่นแหละ เดี๋ยวกูไปเอา” ผมตอบ

“โอเค” พายุรับปากก่อนตัดสาย  ไอ้เด่นนำโทรศัพท์มือถือกลับไปเก็บ

“สมุทร” ผมเรียก

“ครับ” อีกฝ่ายขานรับ  เดินตรงมาหาผมทันทีเพราะเขาก็มองผมอยู่ก่อนหน้าอยู่แล้วน่ะนะ

“วันนี้พายุทำโดนัทน่ะ เลยทำไว้เผื่อน้องนายด้วย ก่อนกลับบ้านเดี๋ยวไปเอาด้วยแล้วกัน” ผมพูดบอกโดยเว้นข้อมูลบางส่วนออกไป  สมุทรนิ่งมอง  สายตาเหมือนปรับอารมณ์ตามรูปประโยคไม่ทันก่อนอมยิ้มน้อย ๆ มาให้

“ขอบคุณครับ”

“เอ่อ..” อีกฝ่ายอ้ำอึ้งทำท่าเหมือนมีอะไรจะพูด  ผมจึงหันไปมองเขาโดยไม่เดินไปไหน

“คุณจะกลับแล้วเหรอครับ”

“ใช่” ผมตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

“คือว่า เอ่อ”

“อะไร ?” ผมย้ำถามคิ้วขมวด  เห็นแล้วรำคาญตา  ก็อีกฝ่ายไม่ยอมพูดซักที

“คุณโกรธอะไรผมรึเปล่า” สมุทรถามทันที

“เปล่านี่” ผมตอบทันควันเช่นกัน

“........” เราเงียบลง  อีกฝ่ายสบตาคล้ายกับยังมีคำถามเหลืออยู่แต่ก็ไม่พูดออกมา   

“คุณว่างแล้วเหรอครับ” เขาเบี่ยงประเด็น 

“ทำไม..?” ผมถามกลับ 

“คือเมฆกับดาวถามถึงคุณน่ะ” สมุทรตอบ  ผมนิ่งฟัง  จะว่าตกใจที่ได้ยินก็ไม่เชิง  แต่คิดว่าเหนือคาดที่ได้ยินมากกว่า

“วันนี้ใกล้ ๆ บ้านมีงานวัดน่ะครับ สุดสัปดาห์นี้ผมพาพวกเขาไปไหนไม่ได้ก็เลยรับปากไปว่าคืนนี้จะพาไปงานวัดให้ก่อน คือ.. ถ้าคืนนี้คุณว่าง..” สมุทรพูด  น้ำเสียงค่อนข้างเป็นไปอย่างตะกุกตะกักนิด ๆ  มันไม่ใช่อาการเกร็งหรือตื่นเต้นขณะที่พูด  แต่เป็นการพูดที่ปนไปด้วยความไม่แน่ใจมากกว่าว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นควรดีหรือไม่

“คือ..ฉันว่าง” ผมพูดแทรกก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ  ใบหน้าของผมยังคงไม่แสดงอาการอย่างก่อนหน้า  เรื่องอะไรผมจะแสดงอาการว่าตอนนี้น่ะ.. กูโคตรว่างเลยล่ะ  ใจกูแม่งไปถึงงานวัดละเนี่ย!

“งั้น..ไปด้วยกันไหมครับ” อีกฝ่ายยิ้มออกมาได้  ผมนิ่งมอง

“เมื่อวานก็พาพลอยไปงานวัดงั้นเหรอ ไม่ยักรู้แฮะว่ายัยนั่นเที่ยวอะไรแบบนี้เป็นด้วย” ผมอดเหน็บถึงไม่ได้  ใจจริงอยากรู้อะไรมากกว่านี้ละนะแต่ถ้าให้ถามตรง ๆ มันก็คงไม่ใช่เรื่อง

“แค่ออกไปกินข้าวกันน่ะครับ” สมุทรบอก  หลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็เงียบอีกครั้ง  ต่างฝ่ายต่างไม่ได้มองหน้ากัน  จะว่าคำตอบจากสมุทรทำให้ผมสบายใจขึ้นมาหน่อยก็คงใช่  ไม่ใช่สบายใจว่าทั้งคู่ไม่ได้เกินเลยกันอย่างที่ถ้าเป็นกรณีผมอาจจะจบที่เตียง  แต่รู้สึกค่อนข้างพอใจที่เขากล้าพูดบอกผมออกมาตรง ๆ  ปกติถ้าเป็นลูกน้องคนอื่นผมคงซักจนสะอาดเอี่ยมไปแล้ว  แต่กลับเขาผมไม่คิดที่จะแตะต้องเกินจำเป็น

“งั้นฉันกลับก่อนแล้วกัน ส่วนโดนัทเดี๋ยวฉันเอาไปให้นายที่บ้านเอง” ผมตัดบทก่อนที่บรรยากาศมันจะงงงวยไปมากกว่านี้

“ครับ” อีกฝ่ายผงกหัวรับทราบ 

“ไอ้เด่น!” ผมตะโกนเรียก

“คร้าบนาย” มันขานตอบเสียงใส  รีบวิ่งมาทั้งที่ยังไม่ถอดนวมออก

“กลับบ้าน” ผมสั่ง  เดินนำไปเข้าห้องอาบน้ำก่อน  ไอ้เด่นอุทานงง ๆ  แต่ไม่นานมันก็ตามผมเข้ามาที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าติด ๆ  ผมเดินทางกลับบ้านโดยที่ไอ้เด่นเป็นคนขับรถเหมือนเดิม  วันนี้มันรับหน้าที่ขับทั้งวัน  ผมอาบน้ำแต่งตัว  ไม่ได้รีบร้อนอะไรนักเพราะคิดว่าสมุทรคงอยู่ซ้อมอีกสักพักถึงจะกลับบ้านได้ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2016 17:37:22 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ตั้งแต่จำความได้ผมก็ไม่ได้ไปเดินเที่ยวเล่นที่งานวัดมาตั้งแต่สมัยเรียนจบมัธยมปลายแล้วละมั้ง  การเลือกเสื้อผ้าจึงได้เลือกใส่แบบสบาย ๆ  ที่เดี๋ยวนี้นาน ๆ ครั้งถึงจะได้ใส่ที  เสื้อยืดแขนสั้นสีขาว  กางเกงยีนและรองเท้าผ้าใบ  ปกติไม่ค่อยได้ใส่แบบนี้บ่อยนักถ้าไม่ใช่วันที่อยู่กับครอบครัวหรือเพื่อนสนิทจริง ๆ 

“เฮียจะไปไหน” พายุตะโกนถาม  มันเพิ่งลงมาจากบนบ้านและผมก็เพิ่งออกมาจากห้องครัว  ไปเอากล่องโดนัทที่พายุเตรียมไว้ให้มา  ก่อนออกมาก็เลยชิมโดนัทลงท้องไปแล้วหนึ่งชิ้น

“อร่อยดีนะ” ผมตอบคนละเรื่อง

“ไปไหน..” มันลากเสียงยานคาง   

“ข้างนอก” ผมตอบส่ง ๆ

“จะกลับมากินข้าวเย็นไหม วันนี้ยุทำข้าวหน้าเป็ดนะ”

“ไม่กิน มึงกินกันเหอะ” ผมปัดไปที  เดินมานั่งใส่รองเท้าที่ตรงห้องโถงปากประตูบ้าน

“เป็ดนุ่มละลายในปากเลยนะ!” มันโวยวายจะเอาชนะให้ได้

“หึ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะ  ลุกขึ้นยืนหันไปมองหน้าน้องชาย

“ขอบคุณนะ” ผมยักคิ้วพร้อมชูกล่องโดนัทในมือ  พายุพยักหน้างึก ๆ รับทราบ

“วันนี้ก็ไม่ต้องออกไปไหนล่ะ” ผมสั่ง

“รู้แล้ว” มันตอบห้วน ๆ

“พูดให้มันเพราะ ๆ หน่อยได้ไหม” ผมว่า  อีกฝ่ายอมยิ้มทำหน้าทะเล้น  เดินหน้าเชิดหนีเข้าห้องนั่งเล่นไป 

“หน้าตากวนส้นตีนได้ใคร” ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ ก่อนเดินออกมา

“นายจะไปไหนครับ!” ไอ้เข้มวิ่งตาลีตาเหลือกมาจากทางโรงฝึก

“จิ..จะมีใครถามกูอีกไหม กูจะได้ตอบทีเดียว” ผมกระแทกเสียงเหวี่ยงใส่  อยู่ ๆ ก็รู้สึกรำคาญใจขึ้นมาซะงั้น  แม่ง..ขากูจะถึงประตูรถอยู่แล้วเนี่ย

“ขอโทษครับ ไอ้เด่นไม่ได้ไปด้วยเหรอครับ” ไอ้เข้มหน้าถอดสี 

“กูไปเองได้ ไปแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับแล้ว” ผมตอบเพราะรู้ว่าพวกมันคงเป็นห่วง

“พี่ใหญ่ของมึงยังไม่ถึงบ้านอีก ?” ผมเลิกคิ้วเชิงถาม

“ยังครับ”

“บอกด้วยแล้วกันเดี๋ยวกูมา ไม่เกินเที่ยงคืนหรอก”

“ครับ” ไอ้เข้มพยักหน้า

“แล้ว..เอ่อ แต่ว่า..จะให้ผมบอกพี่ใหญ่ว่านายไปไหนครับ” มันยังไม่เลิกซักด้วยน้ำเสียงที่เบาลงเรื่อย ๆ

“งานวัด!” ผมตอบห้วน ๆ  อีกฝ่ายพึมพำตามหลังด้วยน้ำเสียงงง ๆ ว่า “งานวัด”  ผมชี้มือไปที่ประตูรั้วให้มันไปจัดการเปิดให้และรีบตรงไปที่รถยนต์  ไอ้เข้มวิ่งไปหยิบรีโมทประตูรั้วกดเปิดในทันที  ผมขับรถตรงไปที่บ้านของสมุทรใช้เวลาค่อนข้างนานเอาเรื่องเนื่องจากเวลานี้เป็นเวลาเลิกงาน  รถเลยติดฉิบหายไปเลย  นี่ถ้ารถกูมีปุ่มกดให้เหาะได้ก็คงดี


  - - - - - - - - - - - - - - -


ย่านมารัต  ซอย 6

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ยายสมุทร  เธอนั่งอยู่ในบ้านอยู่กับเมฆ 

“อ่าว สวัสดีจ้ะ เชิญ ๆ” ยายยิ้มกว้าง  เมฆจ้องมองมา  ผมวางกล่องโดนัทไปตรงหน้ามันอย่างเจาะจง  สายตาของอีกฝ่ายจับจ้องตามในทันที  มันกะหลับกะเหลือกมองหน้าผมสลับกับกล่องโดนัท  ผมเลยยักคิ้วด้วยใบหน้านิ่ง ๆ กวนกลับไปให้  เมฆก้มหน้าก้มตาเข้าไปเกาะแขนยายทันควัน  ยายหัวเราะน้อย ๆ  คงเพราะเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แล้ว

“น้องชายผมเป็นคนทำเองนะครับ เขาฝากมาให้” ผมบอก  เลื่อนกล่องโดนัทไปตรงหน้ายายกับเมฆทั้งสองมือ  เมฆลุกขึ้นจากเก้าอี้ชะโงกดูขนมในกล่องด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น

“ขอบคุณมากนะจ๊ะ” เธอยิ้ม

“มาแล้วเหรอครับ” สมุทรลงมาจากบนบ้าน  เขาใส่ชุดสบาย ๆ  กางเกงยีนกับเสื้อยืดสีหม่น ๆ ธรรมดา ๆ  ผมไม่ได้ขานตอบหรือมีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบกลับไป  ไอ้อาการแปลก ๆ  ลักษณะแบบทำตัวไม่ถูกเฉพาะบางสถานการณ์เช่นนี้มันคืออะไรสักอย่าง  ซึ่งมันชอบเกิดขึ้นตอนที่ผมมาที่บ้านของเขาตลอดเลย

“นั่นโดนัทเหรอครับ” สมุทรมองไปที่กล่องตรงหน้าเมฆ
 
“ใช่” ผมตอบ

“ขอบคุณรึยัง หือ ?” สมุทรไม่ดุเปล่า  อีกฝ่ายเข้าไปดึงกล่องกลับออกมาด้วยความรวดเร็ว  เมฆมองตามด้วยสีหน้าตกใจ

“ขอบคุณฮะ~” มันรีบยกมือไหว้ปลก ๆ  หน้าถอดสีจนผมเกือบจะหลุดหัวเราะ  สมุทรยิ้มอ่อน ๆ  วางกล่องกลับไปตรงหน้าเมฆอย่างเดิม

“ต้องให้พี่เตือนเรื่องเดิม ๆ ถึงเมื่อไหร่กัน” สมุทรบ่น

“กินได้วันละไม่เกินสองชิ้นแค่นั้นนะ” พี่ชายพูดดักคอน้องของตน

“งั้นวันนี้หนูกินอันนี้ ..กับอันนี้” เมฆอมยิ้ม  รีบชี้มือไปที่ชิ้นที่ตนต้องการ

“วันนี้กินได้แค่ชิ้นเดียวครับ เพราะเมื่อเช้าเมฆกินช็อกโกแลตไปแล้วนะ” สมุทรบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนุ่ม  แต่ผมว่าเขากำลังปรามด้วยใบหน้าเรียบ ๆ  โดยไม่แสดงออกมากกว่า  เพราะแม้อย่างนั้นเขาก็สามารถทำให้เมฆเงียบลงแบบไม่กล้ามีปากเสียงใด ๆ  ไปแล้ว

“สวัสดีค่ะพี่ไฟ” ผมหันไปมอง  ดาวยิ้มแป้นสดใสเช่นทุกครั้ง

“สวัสดีครับ” ผมยิ้มทัก  เธอยกมือไหว้ก่อนผงกหัวให้อย่างน้อมนอบอีกครั้ง

“เดี๋ยวรอแป๊บนึงนะคะ ดาวกำลังทำข้าวเย็น ใกล้เสร็จแล้วค่ะ” เธอบอก

“ครับ” ผมพยักหน้า 

“โดนัท!” ดาวเหลือบไปเห็น  เธออุทานตาโตพร้อมเข้าไปคว้าถุงโดนัทออกมาจากเมฆอย่างกับตั้งใจแกล้ง

“พี่ดาว!” เมฆร้องเสียงหลง  ตัวดีดผึงลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้

“ไปช่วยพี่ทำกับข้าวเลย มาอ้อนยายอยู่ได้..นิสัย” ดาวทำปากยู่ใส่  เธอถือกล่องโดนัทกลับเข้าหลังบ้านไปหน้าตาเฉยทำให้เมฆรีบวิ่งตามไปติด ๆ

“ได้ผล” ผมเบะปากมองตามวิธีการควบคุมน้องของเธอ

“หึ” สมุทรหัวเราะ

“คุณกำลังทำให้ระบบการจัดการบ้านผมเสีย” อีกฝ่ายบ่นด้วยสายตาปราม ๆ

“คุณยายสบายดีนะครับ” ผมเปลี่ยนเรื่องทันที

“สบายดีจ้ะ” เธอตอบ

“ร้อนไหม เปิดแอร์ไหมลูก” เธอยิ้มถาม  ผมนำหลังมือปิดปากหัวเราะเบา ๆ  มองหน้าสมุทร  หลานชายทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้  แถมไม่ยอมสบตาผมอีกด้วย

“ซื้อขนมหน่อยจ้า!” เสียงลูกค้าดังมาจากด้านหน้าบ้าน

“คร้าบ” สมุทรขานตอบ  เขารีบเปิดประตูบ้านออกไป  ผมผงกหัวให้ยายเล็กน้อยพร้อมลุกตามไปในทันที  ยายเองไม่ได้ว่าอะไร  ดูเหมือนเธอกำลังติดละครอยู่นะครับ

ผมนั่งลงที่โต๊ะไม้หินอ่อนหน้าบ้าน  สมุทรหันกลับมามองผมเล็กน้อยโดยไม่เอ่ยทัก  ผมมองเขาที่กำลังตักขนมหวานขาย  แดดด้านนอกค่อนข้างร้อนแต่ก็มีลมพัดมาให้ความเย็นได้อยู่บ้าง  คงเพราะพระอาทิตย์เริ่มตกดินเข้าไปทุกทีแล้ว  ขนมดูเหมือนขายจวนใกล้หมด  ลูกค้าทยอยเข้ามาซื้อไม่ขาดสาย  ผมเท้าคางมองแผ่นหลังของคนตรงหน้าที่ตักขนมใส่ถุงอย่างค่อยเป็นค่อยไป  ท่าทางการขายที่สุภาพ ๆ ของเขายิ่งทำให้ผมแทบละสายตาไปไหนไม่ได้ 

.. แต่ก่อนสมัยที่แม่ยังมีชีวิตอยู่  เวลาที่เธอเห็นผู้ชายขายของอย่างขยันขันแข็ง  เธอมักจะพูดด้วยน้ำเสียงปนเอ็นดูว่า “ผู้ชายขายของด้วยท่าทางอยากขายนี่น่าเอ็นดูจริง ๆ เลยนะ”  ซึ่งผมมักจะได้ยินพ่อพูดตัดบทแม่อยู่เสมอว่า “มันน่าเอ็นดูมากกว่าผู้ชายทำมาหากินอาชีพอื่นยังไง”  ด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยชอบใจเสมอ  ตอนนั้นผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าแม่กำลังหมายถึงอะไรกันแน่  แต่ไม่แน่ว่าความรู้สึกของผมในตอนนี้อาจจะคล้าย ๆ กับความรู้สึกที่แม่เคยมีก็เป็นได้

“อันนี้ผมแถมให้นะครับคุณป้า พรุ่งนี้ยายจะทำฝอยทองแล้วนะครับ” สมุทรยื่นถุงขนมให้ก่อนรับเงินจากลูกค้ามา 

“ขอบใจจ้า ไว้เดี๋ยวมาอุดหนุนนะ” เธอรับเงินทอนจากสมุทรก่อนเดินจากไป  ลูกค้ารายสุดท้ายหมดไปแล้ว  สมุทรเช็ดโต๊ะตรงแท่นขายจนสะอาดเอี่ยมอีกครั้ง  เขาหันตัวกลับมา  เราปะทะสายตากันพอดี  ผมจึงยิ้มมุมปากนิด ๆ ให้  อีกทั้งไม่คิดที่จะเหสายตาหนีอีกด้วย  ก็ผมมองเขาอยู่นานแล้วและไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องหลบ

สมุทรเดินไปที่กระติกน้ำ  เขาตักน้ำมาสองแก้ว  นำมาวางตรงหน้าผมหนึ่งแก้วและดื่มเองหนึ่งแก้ว  อีกฝ่ายนั่งลงตรงข้ามผมเงียบ ๆ  เขาพยายามที่จะไม่สบตาผมทุกครั้งที่เขาเหลือบตามาและยังเห็นว่าผมยังคงมองเขาอยู่   

“วันนึงได้กำไรเท่าไหร่” ผมถาม  มองดูจากสายตาที่มาแต่ละครั้ง  มีขนมไทยวางขายไม่ต่ำกว่าห้าอย่าง  ผมคิดว่าการขายอาหารทำนองนี้เป็นงานที่หนักเอาการ  ถึงแม้ขนมจะมีปริมาณน้อยก็เถอะครับ

“เกือบ ๆ พัน วันไหนทำมากหน่อยก็พันกว่าบาท ขนมบางอย่างต้นทุนสูงน่ะครับ” สมุทรตอบ  เราสบตากันอยู่อย่างนั้น  ผมจ้องตาเขาตลอดเวลา

“สรุปว่า..กำไรที่ได้ ยังไม่เท่าราคาต้นทุนเลยสินะ” ผมพูด

“บางวันก็ทำนองนั้นครับ” อีกฝ่ายตอบ

“ตื่นมาทำตั้งแต่กี่โมง”

“ยายกับดาวตื่นตั้งแต่เกือบตีห้าครับ ผมตื่นมาช่วยช้าหน่อย..ปกติก็เกือบหกโมง เริ่มตั้งร้านก่อนผมออกไปทำงาน บางทีก็ตั้งช่วงบ่ายนะครับ ตอนเช้าไม่ค่อยมีคนซื้อเท่าไหร่..นอกจากเวลาเช้าที่คนออกมาจ่ายตลาดกัน” 

“มันคุ้มเหนื่อยเหรอ” ผมพูด  นี่ไม่ได้ตลก  แค่คิดตามก็เหนื่อยแล้ว

“ไม่คุ้มหรอกครับ” สมุทรตอบทันที  เขาอมยิ้มนิด ๆ  ติดปลายเสียงให้เห็นคล้ายกับพูดไม่จริงจังเท่าไหร่นัก

“แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่มีกิน” เขาเสริม  ผมเหสายตาลง  หัวเราะขึ้นจมูกนิด ๆ  เห็นด้วยกับที่เขาพูด 

“สำหรับผม แค่ไม่มีหนี้..ชีวิตก็ไม่ได้ยากอะไรเท่าไหร่” สมุทรว่า

“ตอนนี้ก็ไม่มีไม่ใช่ไง” ผมพูด  อีกฝ่ายหันกลับมามอง

“ครับ” เขายิ้มน้อย ๆ

“แต่ก็ไม่ใช่ไม่เคยไม่มี” สมุทรขยายความ

“ตอนได้เลี้ยงน้องเต็มตัวก็เพิ่งรู้นี่ละครับว่าทำไมบางครอบครัวลูกถึงมาพร้อมกับหนี้ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะควบคุมให้สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น..ไม่ให้เกิดขึ้น” สมุทรพูดคล้ายบ่นด้วยใบหน้าสบาย ๆ

“หึ ๆ  ก็นะ..ค่าอาหาร ค่าขนม ค่าเทอม ค่าชุด ค่าเรียนพิเศษ ค่านันทนาการ ค่า..ค่า ๆ ๆ มาบ่อยจนขี้เกียจถอนเงินเลย” ผมเท้าหน้าบ่นร่ายให้ฟังทำเอาสมุทรยิ้มกว้าง

“ทุกคนก็มีช่วงเวลาที่ลำบากกันทั้งนั้นแหละนะ” ผมพูดส่ง ๆ  เบือนหน้าไปอีกทาง 

“แต่คุณคงไม่เคยรู้สึกถึงความลำบากตอนไม่มีเงินให้ถอนหรอกใช่ไหมล่ะครับ” สมุทรย้อนแกมเหน็บกัด  ผมเหล่ตากลับไปมองหน้าเขาพลางอมยิ้ม  ก็ไม่ปฏิเสธน่ะนะ

“มันคนละอารมณ์กันนะครับ อะไรแบบนั้น” อีกฝ่ายจ้องตาผมตอบ  สายตาที่แฝงนัยยะด้วยความเจ้าเล่ห์นิด ๆ

“ก็ไม่เชิง..” ผมเบ้ปาก  เท้าแขนลงบนโต๊ะพลางนึกย้อนถึงอดีต

“เคยไปติดอยู่ในป่าแบบไม่มีจะกินครั้งนึง นอกจากน้ำก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องสองวันเต็ม ๆ  ก็แค่รู้สึกว่า อ๋อ..อยากกินในสิ่งที่ไม่มีทางได้กินมันเป็นแบบนี้นี่เองสินะ” ผมพึมพำ

“หึ” สมุทรก้มหน้าหลุดหัวเราะ
 
“ทำไมถึงไปติดอยู่ในนั้นละครับ ?”

“ความลับ” ผมขยิบตายิ้ม ๆ

“อยากมาเป็นฉันดูไหมละ ฉันก็อยากลองใช้ชีวิตแบบนายดูเหมือนกัน” ผมพูด

“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ชอบอะไรยุ่งยากน่ะ..ขอบคุณ” สมุทรปฏิเสธทันที

“หึ ๆ” ผมหัวเราะ  เป็นการจบบทสนทนาลงดื้อ ๆ  เราเพียงแต่นั่งมองคนที่เดินผ่านไปมาจนดาวออกมาเรียกให้เข้าไปกินอาหารเย็น  ขณะที่กินข้าวอยู่นั้นมีลูกค้ามาเรียกซื้อขนมอยู่เรื่อย ๆ  เรากินอาหารเสร็จเร็วกว่าปกติ  สมุทรบอกกับผมว่าเขาตั้งใจจะขายขนมให้หมดก่อนถึงจะออกไปงานวัดได้  เมฆรีบนำการบ้าน  ส่วนดาวก็ดูเหมือนว่าเธอเองก็มีการบ้านเหมือนกัน  เธอนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์  เราเดินทางไปงานวัดตอนเกือบ ๆ หนึ่งทุ่มครึ่งเห็นจะได้  วัดที่ไปอยู่ไม่ไกลจากบ้านของสมุทรนัก  ห่างจากซอยของบ้านเขาไปแค่สองซอยเท่านั้น  เป็นงานวัดที่ค่อนข้างใหญ่  คนมาหนาตาพอควรเลยล่ะ 

“คนเยอะเหมือนกันนะ รู้งี้หนูเอาขนมมาวางขายก็ดีอะ” ดาวบ่นถึง 

“ไม่เอา..เดี๋ยวได้เกิดเรื่องอีก มันคุ้มซะที่ไหนล่ะ” สมุทรพูดด้วยสีหน้าแกมดุนิด ๆ  ดาวเม้มปากไม่เถียงต่อ  ผมก้มลงมองเห็นเมฆเพราะจู่ ๆ อีกฝ่ายก็หยุดยืนนิ่ง  เมื่อมองตามสายตาของเมฆไปก็พบว่ามันกำลังจับจ้องไปที่ร้านลูกชิ้นอย่างเอาเป็นเอาตายทีเดียว

“เมฆครับ” สมุทรเรียก  เมฆหันกลับไปมองพี่ชายเก้ ๆ กัง ๆ  แล้วหันกลับไปที่ร้านลูกชิ้นอีกครั้ง  พอมันอ้าปากจะหันกลับไปเรียกสมุทรอีกรอบก็พบว่าสมุทรพยุงยายเดินต่อไปแล้ว  ผมยิ้มมองเพราะภาพตรงหน้าดูตลกดี  เมฆวิ่งเข้าไปกอดแขนดาวเอาไว้พร้อมออกแรงดึงจะให้เธอกลับไปที่ร้านลูกชิ้นด้วยกัน

“ไม่ได้..” ดาวกระซิบปราม  ฝืนตัวไม่ยอมไปตามแรงดึง

“หนูอยากกิน” เมฆบอก

“เมฆ..อย่าดื้อสิ เดี๋ยวพี่สมุทรก็ไม่พามาอีกหรอก” เธอว่า  ทำท่าจะก้มลงอุ้มเมฆแต่มันปล่อยแขนดาวออกอย่างประท้วง  เธอถลึงตาใส่น้องชายพลางเหลือบมายิ้มเจื่อน ๆ ให้ผมที่มองอยู่นิดหน่อย   

“อยากโดนดุเหรอ” ดาวเตือน

“.........” เมฆยืนนิ่ง  หน้าหงอยเป็นลูกหมา  ดาวเหลือบไปที่ร้านลูกชิ้นด้วยสีหน้าลังเลใจ

“เมฆ” สมุทรหยุดเดิน  หันกลับมาย้ำเรียกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นกว่าก่อนหน้า  ผมเดาได้เลยว่าเขาจะต้องสั่งห้ามไม่ให้น้องกินอาหารพวกนี้เป็นแน่ 

“มาเร็ว” ดาวแบมือออกตรงหน้าเมฆ  อีกฝ่ายส่ายหัวด้วยท่าทางงอน ๆ

“งั้นก็ตามใจนะ” เธอเบะปากให้อย่างไม่แคร์เช่นกัน  แล้วเดินหนีไปหาสมุทรเลย  ทั้งสามคนเดินต่อไปแล้ว  ยายเดินค่อนข้างช้า  จึงทำให้เราไม่ต้องรีบร้อนไปด้วย  คือยังไง ๆ ก็เดินตามทันอยู่ดีนะครับ

“ไปเลือกสิ” ผมพูด  เมฆเงยหน้าขึ้นมอง  ผมพยักหน้าส่งสัญญาณไปทางร้านลูกชิ้น  เมฆจ้องตาผมด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ 

“เร็ว..” ผมเร่งเสียง  ทำให้อีกฝ่ายรีบวิ่งตรงไปที่ร้านเป้าหมาย 

“รับอะไรดีจ้ะ” แม่ค้ารีบลุกขึ้นยิ้มถาม  เมฆยืนจด ๆ จ้อง ๆ  มองไปที่ไม้ลูกชิ้นที่อยู่ตรงหน้าพอดีเป๊ะ  มันชี้นิ้วไปที่ลูกชิ้นไม้นั้นด้วยท่าทางไม่มั่นใจ

“เท่าไหร่ ..ฮะ ?” เมฆถามเสียงเบา  ผมเกือบจะหลุดหัวเราะเพราะท่าทางมันตลกมากจริง ๆ

“สิบบาทจ้ะ” แม่ค้ายิ้มตอบ

“เอากี่ไม้ดีจ๊ะ” เธอถาม  เมฆไม่ตอบ  แต่หันกลับมามองหน้าผมคล้ายรอคำอนุญาต  ผมเหล่มองไปที่มันโดยไม่ให้คำตอบดี ๆ  อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะตัดสินใจทำยังไง  เมฆหันกลับไปมองแม่ค้าก่อนชูนิ้วชี้ขึ้นทีละนิด  นิ้วมันยังไม่ทันชูขึ้นสุดดี  มันก็เหนิ้วงอกลับเข้าเก็บเหมือนจะไม่สั่งแล้วซะงั้น

“อย่างเดียวเหรอ” แม่ค้าเหลือบมามองหน้าผม  เหมือนเมฆจะสติหายไปแล้ว  มันเอาแต่กวาดตามองอาหารที่อยู่ตรงหน้าไปทั่ว

“ฉันให้อีกอย่างนึง” ผมพูด  เมฆชี้ไปที่ไส้กรอกพันหมี่ทอดชิ้นเล็ก ๆ

“เอาดี ๆ สิ ชี้แล้วป้าเขาจะรู้ไหม” ผมอดนำนิ้วตีเข้าที่แก้มมันเบา ๆ  เพื่อกระตุ้นนิสัยไม่กล้าของมันไม่ได้ 

“ขายยังไงครับ” เมฆถามเสียงค่อย  แม่ค้าอมยิ้ม

“ชิ้นละสามบาทจ้ะ เอากี่ชิ้นดี” เธอยิ้มรับอย่างใจเย็น

“ห้าชิ้นครับ” ผมตอบแทนพร้อมกับเอื้อมหยิบไส้กรอกไม้ใหญ่ส่งให้แม่ค้าไปอีกหนึ่งไม้เพื่อจะกินเอง  เมฆมองตาม

“ไม้นั้นของฉัน” ผมดักคอมันก่อนเลย

“น้ำเปล่าขวดนึงด้วยครับ” ผมบอก  แม่ค้าขานรับ  ผมหยิบไส้กรอกไม้ของผมออกมาจากถุงก่อนเพราะมันชุ่มน้ำจิ้มกำลังพอดี  นำคาบไว้ในปากทั้งอย่างนั้นก่อนส่งถุงไปให้เมฆ  มันมองถุงอาหารด้วยหน้าตาชื่นมื่น  มือที่ว่างล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์เพื่อจ่ายเงิน  หันกลับไปมองอีกทีก็เห็นว่าดาวยืนมองมาทางพวกเราอยู่ก่อนแล้ว  เธออมยิ้มให้ผมนิด ๆ  ผมขยิบตาส่งให้เธอประมาณว่าให้เธอเงียบ ๆ เอาไว้  ตอนนี้สมุทรกับยายหายไปไหนแล้วไม่ทราบ 



ปึก!!!   ... ผมชะงักเท้า  อยู่ดี ๆ  คนที่เดินนำหน้าก็สะดุดขาตัวเองล้มหน้าทิ่มไป

“กูละเชื่อ” ผมบ่น  นำไส้กรอกออกจากปากพลางถอนหายใจและเคี้ยวไปด้วย  แม่ค้าขายลูกชิ้นเห็นเหตุการณ์อุทานด้วยความเป็นห่วง  ไอ้ตัวที่ล้มคลุกฝุ่นคงเพิ่งได้สติ  มันลุกขึ้นยืนและไม่วายที่จะหยิบถุงและไม้ลูกชิ้นที่หล่นออกจากปากถุงเสียบกลับเข้าถุงเหมือนเดิมติดมือขึ้นมา 

“........” เมฆยืนมองถุงหน้าสลด  ผมเข้าใจดีว่ามันกำลังรู้สึกยังไง  คนอื่นจะหาว่าผมที่บ้านมีเงินกำลังตอแหลอยู่ก็ได้ที่ทำเป็นเข้าใจความรู้สึกของเด็กคนนี้  แต่ผมคิดว่าผมเข้าใจความรู้สึกของมันในตอนนี้เป็นอย่างดีทีเดียว  แบบว่าของที่ชอบหกไปต่อหน้าต่อตานี่มันเจ็บปวดจริง ๆ  ผมเข้าไปคว้าถุงออกจากมือของเมฆ  มันมองตามโดยไม่พูดอะไร 

“ฝากทิ้งด้วยครับ” ผมยื่นถุงกลับให้คนขายเพราะมองหาถังขยะใกล้ ๆ ไม่เจอ 

“ได้จ้ะ” เธอรับถุงไปด้วยใบหน้าเจื่อน ๆ

“เอาแบบเมื่อกี้อีกถุงนึง” ผมสั่ง  แม่ค้าขานรับเสียงใสทันที  ผมหยิบกระดาษทิชชู่ที่ร้านนี้วางขายอยู่ก่อนนั่งยอง ๆ ลงนำเช็ดมือให้เมฆ

“เมื่อกี้เล่นตลกให้ดูงั้นเหรอ” ผมพูดไปเช็ดไป  เมฆไม่พูดไม่จา  แบมือที่เปื้อนให้ผมเช็ดง่าย ๆ

“ให้ตายเถอะ นี่ฉันยังไม่เห็นว่ามันมีอะไรให้นายสะดุดได้เลยนะ..ชีวิตนี้นี่จะมืดมนไปไหน” ผมว่าขำ ๆ  ปัดฝุ่นออกจากตัวเมฆจนกลับมาเป็นผู้เป็นคน  โชคดีที่ไม่มีแผล  เราได้ถุงอาหารมาใหม่  จ่ายเงินไปใหม่พร้อมเพิ่มค่ากระดาษทิชชู่หนึ่งห่อด้วย

“ขอบคุณครับ” เมฆบอก   

“มีคนยอมตามใจซะแล้วสิ” ดาวอมยิ้มแซวผมทันที  ผมอมยิ้ม

“เอาไหม เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้” ผมถาม

“ไม่ค่ะ” เธอผงกหัวยิ้ม ๆ

“ไปไหนแล้วล่ะ” ผมถามถึงสมุทร

“ยายอยากดูลิเกน่ะค่ะ” เธอตอบเขิน ๆ  คว้ามือเมฆเดินนำไป  ผมเดินตามหลังเธอ  เมฆนำลูกชิ้นไม้ใหญ่ออกมากินระหว่างที่เดินไปด้วย  พอไปหยุดยืนอยู่ที่ด้านหน้าโรงลิเกผมก็เห็นสมุทรกำลังมองหาพวกเราอยู่ก่อนหน้าแล้ว  พอเจ้าตัวเห็นว่าเมฆถือของติดไม้ติดมือมาด้วย  สายตาคู่นั้นก็เหลือบมาจ้องผมเขม็งอย่างเอาเรื่องทันควัน  ผมทำไม่รู้ไม่ชี้  เคี้ยวไส้กรอกหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ เขา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2016 23:09:23 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

“คุณไฟครับ..” สมุทรเอ่ย  สีหน้าเตรียมเข้าโหมดต่อว่า  น้ำเสียงปราม ๆ ที่ผมชอบที่จะได้ยิน

“ร้านลูกชิ้นกับงานวัดเป็นของคู่กันมาตั้งแต่ฉันจำความได้แล้วนะ” ผมพูดก่อนเลย  สมุทรเงียบลง  ผมยักไหล่น้อย ๆ  ประมาณว่า “หรือไม่จริง”

“มันไม่ได้มีทุกวันสักหน่อย ให้น้องกินสักไม้สองไม้จะเป็นไรไปล่ะ” ผมพูด  ดาวพายายกับเมฆไปนั่งที่เก้าอี้พลาสติกเยื้อง ๆ กับหน้าโรงลิเก

“หน้าโรงเรียนก็มีขายครับแบบนี้ เวลาที่เขางอแงแล้วเขาได้ของที่ต้องการ เขาก็จะคิดว่าถ้ารอบหน้าเขาทำตัวแบบนี้..เขาก็จะได้อีก” สมุทรเข้ามากระซิบ 

“อ๋อ..นี่มันเป็นหลักการเดียวกับการเลี้ยงหมานี่” ผมตีหน้าซื่อไม่เลิก  อีกฝ่ายถอนหายใจน้อย ๆ  ผมยิ้ม  ไม่เถียงต่อเพราะนี่คงเป็นวิธีเลี้ยงน้องในแบบของเขา  ซึ่งสำหรับคนบางคนมันก็เป็นจริงตามที่สมุทรพูด  แต่ละครอบครัวก็มีวิธีการเลี้ยงคนใกล้ชิดแตกต่างกันออกไป  โดยวัดจากพื้นฐานนิสัยของคนในครอบครัวตัวเอง  ผมเองก็มีวิธีไม่ได้แตกต่างจากสมุทรสักเท่าไหร่นักหรอก

“บางทีคุณก็ทำตัวเหมือนเด็กเลยนะครับ” สมุทรขมวดคิ้ว

“ชอบแฮะ” ผมแสยะยิ้มตอบอย่างไม่รู้สึกใด ๆ  ให้เขาคิดตีความเอาเอง

“นายหมายความว่า ถ้าน้องนายเห็นว่าขออะไรกับฉันแล้วได้ของ รอบหน้าเขาก็จะขอฉันอีกแล้วก็ติดฉันในที่สุดซินะ” ผมเปลี่ยนประเด็นทำเอาสมุทรถึงกับเงียบไปเลย 
 
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันไม่ได้รู้สึกไม่โอเค” ผมพูดยิ้ม ๆ  อ้าปากกินไส้กรอกส่วนที่เหลือส่วนสุดท้ายเข้าปากจนหมด  สมุทรถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

“หึ ๆ  น้องนายเป็นเด็กมืดมนที่ซื่อบื้อแต่ก็เป็นเด็กดี บางทีนายก็ต้องให้รางวัลเข้าอยู่เรื่อย ๆ รู้ไหม” 

“รางวัลในความซื่อบื้อน่ะ” ผมยักคิ้ว  ใบหน้าของสมุทรเหมือนอ่อนใจแล้วที่จะสู้กับผม

“ผมทราบแล้วครับ แต่กรุณาเลิกเรียกน้องผมว่าซื่อบื้อหรือมืดมนสักทีเถอะ” สมุทรกลั้นอมยิ้มนิดหน่อย  ผมยิ้มกว้าง  กวาดตามองใบหน้าของเขา  แม่ง..ยิ้มทีกูจะบ้า  อีกฝ่ายคงรู้ว่าสายตาของผมเริ่มมองเกินเหตุ  เขาจึงทำเป็นหันกลับไปมองครอบครัวของตน

“ฝากยายกับน้องผมสักครู่ได้ไหมครับ เดี๋ยวผมมา” สมุทรบอก

“ได้” ผมพยักหน้ารับ  สมุทรเดินจากไป  ผมเข้าไปหยุดเฝ้าอยู่ด้านหลังใกล้ ๆ กับยาย  ได้แต่ยืนรอเพราะไม่มีที่นั่งเหลือเลย  คนมาดูลิเกเยอะมาก  สมุทรกลับมาอีกครั้งพร้อมกับไอศกรีมกะทิสำหรับทุกคน  เขาบอกกับผมว่าอยากให้ผมลองชิมเจ้านี้ดูเพราะเป็นเจ้าประจำของเขา  รสชาติใช้ได้เลยทีเดียว 

ผมดูลิเกไม่ค่อยเป็นและไม่ค่อยอินเท่าไหร่นัก  แต่ถ้าถามว่าดูได้ไหมก็ดูได้  บางฉากสนุกดี  ถึงแม้ผมจะดูไม่เป็นแต่ผมคิดว่าลิเกเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งที่ไม่ใช่จะแสดงกันได้ง่าย ๆ  สมุทรชวนผมคุยบ้างจนผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีลิเกก็ปิดฉากลง  พวกแม่ยกพากันไปอออยู่ที่ด้านหน้าเวทีกันให้ชุลมุน  พวกเราลุกออกมาเดินงานวัดต่อ  ผลัดกันเล่นซุ้มเกมในงานวัด  ส่วนใหญ่ดาวดูจะตื่นเต้นกว่าใคร  เธอเล่นแข่งกับผมสองคน  บางครั้งสมุทรก็เข้ามาช่วยเธอบ้าง  เช่น พวกเกมปาเป้าหรือปากระป๋อง  ส่วนคนที่ตื่นเต้นกับของรางวัลมากที่สุดดูเหมือนจะเป็นเมฆมากกว่า 

“ดาวจะเอาตัวไหน” ผมถาม

“เอาตัวนั้นค่ะ” เธอชี้ไปที่ตุ๊กตากระต่าย

“น้อง..เติมซิ” ผมกวักมือเรียกเด็กที่ทำงานแลกเงินที่ร้านปืนยาว  ที่จริงเด็กมันยืนมองผมอยู่ก่อนหน้าอยู่นานแล้วแต่ผมทำเป็นไม่เห็น  มันเดินเข้าหายิ้มหน้าเจื่อนมาเลย

“เอ่อ พี่ครับ” มันพูดแทบกระซิบ  ก้มหน้าก้มตาทำท่ามีลับลมคมใน

“คือว่า เจ้าของร้านอยากรบกวนให้พี่เล่นตานี้เป็นตาสุดท้ายได้ไหมครับ” อีกฝ่ายพูด  ผมเหล่มองตาขวางทันที 

“คือว่าพี่ กวาดตุ๊กตาของเราไปแถบนึงเลยอะครับ” เด็กชี้นิ้วไปที่ฝั่งของตุ๊กตาที่ผมยิงได้ทั้งหมดแบบที่เพิ่งแลกเงินไปเพียงแค่ร้อยเดียวเท่านั้น 

“หึ” ผมหลุดหัวเราะ

“นั่นใช่ปัญหาของฉันเหรอ ? ขออีกตัวนึง ฉันจะเอาตัวนั้น” ผมพูด  ชี้นิ้วไปที่ตุ๊กตาตัวที่ดาวอยากได้ 

“ไม่ต้องหรอกครับ เกรงใจเขา” สมุทรละมือจากที่พยุงยายอยู่เข้ามาห้ามผม

“ก็ที่ซื้อมายังไม่หมดเลย เติมให้หมด” ผมชี้นิ้วไปที่กระสุนส่วนของผมที่เหลืออยู่อีกสามนัด
 
“คุณไฟครับ” สมุทรย้ำเสียงอ่อน

“ออกไปน่า ขออีกตัวเดียว” ผมว่าไม่ฟังเสียงใคร  ทันทีที่เด็กในร้านยอมวางกระสุนให้  ผมก็เล็งปืนขึ้นทันที  เสียงกระสุนที่ปล่อยออกไปจังเข้าที่ตุ๊กตาตัวเป้าหมายพอดีในเวลาไม่ถึงวิ

“ใส่ถุงให้ด้วยคร้าบ” ผมตะโกน  ฉีกยิ้มอย่างพอใจพร้อมวางปืนลง  พนักงานผงกหัว  รีบกลับไปที่หลังร้านแล้วหยิบถุงใบใหญ่เพื่อนำตุ๊กตาที่ผมยิงได้ทั้งหมดแปดตัว  ทั้งเล็กและใหญ่ใส่เข้าไปในถุงใบนั้น 

“ขอบคุณครับ” สมุทรบอก  เขารับถุงนั้นมาพาดบ่าเพราะถือด้วยท่าปกติไม่ได้เนื่องจากถุงค่อนข้างใหญ่มาก  ดาวจึงทำหน้าที่พยุงยายแทน

“พี่ไฟแม่นมากเลยอะค่ะ”

“อย่าลืมซักก่อนล่ะ มีแต่ขี้ฝุ่นทั้งนั้นเลย” ผมบอก

“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอยิ้มกว้าง  เราเดินต่อกันเรื่อย ๆ  จนเกือบครบรอบแต่เพราะสมุทรเกรงว่ายายจะเหนื่อย  เราจึงแวะซื้อน้ำมะพร้าวกับน้ำส้มเป็นการจบงานก่อนเดินทางกลับบ้าน

การมางานวัดในครั้งนี้ก็ทำให้นึกถึงบรรยากาศสมัยมัธยมเหมือนกัน  พวกเรามักตื่นเต้นอย่างกับเป็นเด็กประถมเสมอนั่นละ  ตอนนั้นผมไปงานวัดพร้อมกับพี่ธานและไอ้โปรด  ผมกับไอ้โปรดชอบลากให้พี่ธานไปที่ซุ้มปืนยาวยิงตุ๊กตามาก  เวลาที่ได้เห็นคนในร้านหน้าเหวอ ๆ  เพราะตุ๊กตาร่วงเรียงกันถี่ ๆ ด้วยฝีมือของพี่ธานแล้วมันฮาสุด ๆ  ตอนแรกผมก็ไม่ได้ชอบใจอะไรนักหรอกครับ  พอดีไอ้โปรดมันชอบเล่นสนุก  หลัง ๆ ผมก็เลยสนุกไปกับมันด้วย  ได้ตุ๊กตากลับมาเยอะมากจนบางทีเจ้าของร้านถึงกับออกปากขอให้พวกเราเลิกแบบนี้นี่ละ  ตุ๊กตาที่ได้มาส่วนใหญ่ก็นำไปบริจาคให้เด็ก ๆ  เพราะพวกเราก็ไม่ใช่คนคลั่งอะไรทำนองนี้  ยิงไปเพราะความสนุกล้วน ๆ

“ขึ้นไปอาบน้ำแล้วเข้านอนเลยนะ” สมุทรสั่งเมฆ  เราถึงบ้านกันเรียบร้อย  ผมร่ำลายาย  เธอขึ้นไปบนบ้านพร้อมกับดาวแล้ว

“เมฆ..” สมุทรย้ำเสียงอีกครั้งเพราะเมฆมัวแต่มีสติก้มลงดูถุงของเล่นที่เราเล่นเกมมาได้เมื่อกี้นี้

“ฮะ” เมฆขานรับแต่กลับไม่ลุกขึ้นหรือเงยหน้ามองดี ๆ  สมุทรยืนเงียบมองน้องชายตัวเองอยู่อย่างนั้น  ผมหย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้ตรงโต๊ะกินข้าว  ความเงียบที่เกิดขึ้นทำให้ครู่เดียวเมฆยอมเงยหน้าขึ้นมองสมุทรพร้อมลุกขึ้นยืนในทันที

“ไปเข้านอน ดึกแล้วครับ” สมุทรบอก  เมฆพยักหน้ารับทราบ  มันหันกลับมาทางผมพร้อมยกมือไหว้น้อย ๆ  แล้ววิ่งขึ้นบ้านไป  สมุทรรินน้ำนำมาวางตรงหน้า  ผมรับมาดื่มทันทีเพราะรู้สึกกระหายอยู่เหมือนกัน 

“ขอบคุณนะครับ” สมุทรพูดโต้ง ๆ  ผมมองว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร

“สำหรับตุ๊กตาน่ะ” อีกฝ่ายอมยิ้มนิด ๆ  ผมยิ้มมุมปากเล็กน้อย  สมุทรนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงหน้าผม  หน้าจอโทรศัพท์มือถือของเขาสว่างขึ้นทำให้ต่างดึงดูดสายตาของเราทั้งคู่  เจ้าของหยิบมันขึ้นมาดู  ผมจึงละสายตาไปทางอื่นแทน  เขาก้มลงอ่านครู่หนึ่งก็วางมันกลับลงบนโต๊ะอย่างเดิม  ดูเหมือนเขาจะกังวลอยู่กับโทรศัพท์มาตั้งแต่ก่อนกลับบ้านแล้วแต่ผมไม่คิดทัก  ก็ไม่ได้เป็นคนเสือกขนาดนั้น 

“วันที่ต้องเดินทางไปพัทยา มีอะไรก็บอกแล้วกันนะ ฉันจะให้ผู้หญิงที่ค่ายเข้ามาแทนให้ ถ้าพี่สูงของนายไม่ว่าง” ผมบอก

“ครับ ขอบคุณ” สมุทรผงกหัวน้อย ๆ  ผมเอนหลังพิงไปที่พนักเก้าอี้  เป็นอาการที่น่าจะบอกให้เขารับรู้ได้ว่าไอ้เจ้านายคนนี้ยังไม่กลับง่าย ๆ แน่  ความเงียบทำให้เราทั้งคู่ปฏิบัติตัวไม่ถูก  แต่อย่างนั้นผมก็ยังไม่หยุดมองสมุทรด้วยแววตาที่แฝงในหลายความหมาย  ทั้งนี้เขายังคงนิ่งเฉย  สีหน้าควบคุมได้ดีอีกตามเคยหรือว่านั่นคือธรรมชาติของเขาละครับ   

“ให้ผมขับรถคุณไปส่งไหมครับ” สมุทรถามขึ้นโต้ง ๆ

“นายมีวิธีไล่ฉันออกจากบ้านได้แย่มากนะ” ผมกวาดตามองกรุ้มกริ่ม

“แล้วไง.. หลังจากนั้นก็จะนอนห้องฉัน ?” ผมเลิกคิ้ว

“ผมจะขึ้นแท็กซี่กลับครับ” เขาคุมเกม  ตอบด้วยคำพูดเรียบ ๆ  ไม่ได้มีความตื่นตระหนกกับประโยคยียวนของผมแต่อย่างใด  ผมอมยิ้มนิดหน่อย 

“งั้นก็ไม่จำเป็น” ผมสรุป

“เข้านอนกี่โมง” ผมเลือกที่จะถามอีกครั้ง  อีกฝ่ายนั่งเงียบ  ผมอมยิ้มมุมปากมองเขาไม่วางตา  สมุทรเหสายตาหลบเล็กน้อยก่อนจะช้อนตาขึ้นจ้องตอบอย่างสุภาพ

“สี่ทุ่มครับ” สมุทรตอบ  ผมพลิกนาฬิกาข้อมือ  นี่ก็ใกล้สี่ทุ่มเต็มแก่แล้ว

“เบื่อไหมครับ” เขาถาม

“งานวัดน่ะเหรอ” ผมพูด  สมุทรพยักหน้า

“สนุกดี” ผมยิ้มให้เล็กน้อย   

“........” เมื่อเราสองคนเลิกที่จะพูดต่อ  ความเงียบทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองสบายใจที่อยู่กับเขาเงียบ ๆ แบบนี้  ถึงให้ผมนั่งมองอีกฝ่ายเฉย ๆ  ผมก็คงจะทำได้นานไม่เบื่อเลยละมัง 

“ฉันมีคำถามอยากถามนายเยอะแยะ อยากให้ฉันลองถามดูไหม” ผมพูด  ขยับขาขวาขึ้นไขว่ห้างด้วยสีหน้าชวนให้อีกฝ่ายหมันไส้

“ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณ” สมุทรตอบทันที

“หึ ๆ” ผมหัวเราะในลำคอ  ความสงบเงียบจากในบ้านและนอกบ้านทำให้ได้ยินเสียงดนตรีจากงานวัดแว่ว ๆ  ของบางอย่างในบ้านที่เป็นพลาสติกสั่นนิด ๆ  สมุทรดูกระอักกระอ่วนคงเป็นเพราะสายตาของผมที่มันดันไม่ยอมละไปจากคนตรงหน้าอย่างที่ควร

“คุณกำลังมองผมแบบไหนรู้ตัวไหม” สมุทรพูดขึ้นโต้ง ๆ  แววตาดุ ๆ  คล้ายหมดความอดทนมันทำให้ผมหลุดยิ้มเจ้าเล่ห์โดยอัตโนมัติ

“แบบไหนล่ะ” ผมลองถามกลับ

“มองเหมือนผมเป็นผู้หญิง” สมุทรว่า

“ผิดแล้วมั้ง..” ผมพูดปนหัวเราะ

“ฉันมองเพราะฉันอยากมอง กำแพงกั้นเรื่องเพศ..ในสามัญสำนึกของฉันมันไม่มี” ผมตอบ  สมุทรจ้องผมเขม็ง  สีหน้านิ่งขรึมเริ่มปรากฏออกมาทับใบหน้าสุภาพ ๆ ก่อนหน้านั้นทีละนิด  ผมหุบยิ้มลงเช่นกัน 

“คุณไฟครับ..” น้ำเสียงเรียกปราม  เป็นการเรียกเหมือนย้ำให้ผมหยุดการกระทำในตอนนี้

“แล้วถ้าสมมุติตอนนี้นายเป็นผู้หญิง นายคิดว่าฉันกำลังคิดอะไร” ผมถามเสียงเย็นลง   

“โทษทีครับที่ผมไม่ใช่ผู้หญิง” สมุทรพูดห้วน ๆ 

“เห็นน่า..กล้ามใหญ่เต็มตัวซะขนาดนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงฉันก็คงไม่เอาเหมือนกัน” ผมพูดกวนเปลี่ยนบรรยากาศทำเอาอีกฝ่ายหลุดอมยิ้มออกมานิดหน่อย

“นายเป็นคนเริ่มประเด็นนี้เองนะ ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ได้มองนายแบบนั้นเลยสักนิด แต่ถ้านายเรียบเรียงคำพูดซะใหม่ บางทีอาจจะใช่ก็ได้” ผมต้อนด้วยสีหน้าจริงจัง

“กลับกัน..ถ้าคุณเป็นผู้หญิงอยู่ตอนนี้ คุณกำลังจงใจให้ท่าผม ผมเรียบเรียงคำพูดใหม่แบบนี้ดีกว่าไหมครับ” สมุทรต้อนกลับคล้ายไม่ยอมอ่อนความให้  คำพูดเหนือคาดที่ทำให้ผมนิ่งลงครู่หนึ่งก่อนแสยะยิ้มด้วยความพอใจ   
 
“หึ..เกินคาดแฮะ ไม่คิดว่านายจะใช้คำว่า ‘ให้ท่า’ กับผู้หญิงด้วย” ผมแซว 

“ก็คุณเป็นผู้ชายนี่ครับ” อีกฝ่ายแก้คำพูดย้อนได้ทัน

“แล้วไง ก็เลยใช้คำว่าให้ท่ากับฉันได้งั้นซิ ?” ผมมองอีกฝ่ายตาหวาน  อยากรู้จริง ๆ ว่าจะตอบกลับมายังไง  สีหน้าของสมุทรเปลี่ยนจากเดิมนิดหน่อย

“ขอโทษครับ ผมไม่ได้จะหมายความไปในทางที่ไม่ดี” เขาพูด

“ก็นะ..ฉันไม่ได้ว่าอะไร” ผมหัวเราะ

“งั้นถ้าผู้หญิงให้ท่านาย ๆ ก็ดูออกงั้นซินะ ไม่ได้โง่” ผมปัดมือไปมาด้วยน้ำเสียงหยอก ๆ

“นายกำลังจะบอกว่า มันอยู่ที่นายจะเอาหรือไม่เอา” ผมพูดตรง ๆ  สายตาของเราต่างจ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

“โอเค ถ้างั้น..นายก็พูดถูก ฉันให้ท่า แล้วไงต่อดี ?” ผมอมยิ้มมุมปากพลางยักคิ้วท้าทาย

“คุณตั้งใจจะทำอะไรครับ” น้ำเสียงของสมุทรเริ่มแกว่ง

“อึดอัดรึเปล่าล่ะ” ผมย้อนถาม  ถ้าผมไม่ได้แปลคำถามของสมุทรผิดไป  ผมคิดว่าผมน่าจะเข้าใจว่าเขากำลังถามถึงการกระทำของผมในตอนนี้อยู่

“นิดหน่อยครับ” อีกฝ่ายตอบนิ่ง ๆ

“แสดงว่าไม่มาก” ผมเบ้ปากกวนอารมณ์  เราเงียบลงอีกครั้ง  ผมหยิบน้ำในแก้วที่เหลือขึ้นดื่มจนหมด  คุยกับหมอนี่แล้วใช้สมองหนักเป็นบ้า 

“ผมไม่ได้ยอมมาทำงานเพื่อเล่นเป็นคู่นอนกับคุณนะครับ เข้าใจซะใหม่ด้วยครับว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นั้นมันชักเริ่มไม่เหมาะ” คำพูดคล้ายเตือนจากเขาทำให้ผมยิ้มกว้าง

“หมายความว่าอยากให้ฉันจริงจัง ?” ผมเลิกคิ้ว  แม้จะเวลานี้ก็อดกวนไม่ได้อยู่ดี

“คุณไฟ” สมุทรย้ำเสียงเข้ม  ช้อนตามองผมอย่างเอาความ 

“งั้นนายก็เข้าใจใหม่ซะด้วย..ว่าฉันเองก็จำไม่ได้ว่าถ้าอยากได้แค่คู่นอนเฉย ๆ  ตัวเองต้องทำถึงขนาดนี้” ผมพูดหาเรื่องกลับเช่นกัน  อารมณ์ของอีกฝ่ายนิ่งลงได้บ้าง  สีหน้าเต็มไปด้วยความครุ่นคิด

“ฉันน่ะ..” ผมเอ่ย  เราไม่ได้มองหน้ากันแล้ว  น้ำเสียงของผมที่ทิ้งลงก่อนถอนหายใจน้อย ๆ  ส่วนตัวยังไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรต่อดี  ไม่ว่าจะประเด็นไหน  ปากมันหนักไปหมด

“โอเค คือว่านะ...” ผมเอ่ยเปิดซ้ำอีกครั้ง  คำเตือนจากพี่ธานผุดขึ้นมาในหัว  ผมจึงตัดสินใจที่จะเลิกกวนเขาชั่วขณะ 

“ที่จริงฉันไม่ชอบเท่าไหร่ที่นายออกไปกับพลอย” ผมพูด  สมุทรมองหน้าผมอีกครั้ง   

“แต่ไม่ใช่เพราะฉันหวงพลอย แต่ก็..ไม่ว่าเรื่องอะไรที่ฉันบอกกับนายเกี่ยวกับพลอยก่อนหน้านี้ ฉันไม่ได้โกหก” ผมอธิบาย

“จริง ๆ แล้ว คือฉัน...” การทิ้งน้ำเสียงลงอีกครั้งด้วยเพราะผมไม่รู้ว่าผมควรจะพูดความรู้สึกในตอนนี้ออกไปดีหรือไม่  ตามจริงแล้วผมคิดว่ามันยังไม่เหมาะเท่าไหร่  ผมจะไม่พูดหากประเด็นมันไม่เริ่มแบบนี้  ความลังเลที่มีมันไม่ใช่ความลังเลต่อผมเพียงคนเดียว  อีกด้านหนึ่งผมกำลังมีความลังเลต่อคนตรงหน้าด้วย  ตอนนี้จิตใต้สำนึกคล้ายกับกำลังจะบอกกับผมว่าผมควรเลือกที่จะหุบปากเงียบไว้ก่อนเสียดีกว่า 

.. สายตาที่เรามองกันไม่มีแม้แต่ความโกรธเคือง  ดุดัน  ต้อนปรามอย่างอารมณ์ที่เราต่างมีอยู่เมื่อครู่เลยสักนิด  ผมคิดว่าเขาก็คงดูออกว่าสายตาของผมที่สื่ออยู่นั้นไม่ได้ต่างจากเขาเลย  ต่างคนต่างกำลังอ่านกันและกันด้วยความสงบ  ผมได้ยินเสียงฝีเท้าคล้ายกับมีคนเดินเข้ามาใกล้ขึ้นมาเรื่อย ๆ  สติของผมจึงกลับมาอีกครั้ง

“สมุทร~” เสียงผู้หญิงส่งเสียงเรียกมาจากทางประตูบ้าน  น้ำเสียงคุ้นหูที่ผมได้ยินเพียงไม่กี่ครั้งก็จำได้แทบจะทันทีว่าเป็นใคร 

“หยา” สมุทรขานรับลุกขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตกใจ  ขณะเดียวกันเธอก็เปิดประตูเข้ามา  สีหน้าของเธอไม่สู้ดีนัก  ผมยังคงนั่งเฉย  อารมณ์แปรปรวนกลับมาไม่ชอบใจเหมือนกับมีใครไปเปิดฝาที่ปากขวดออก  แล้วก็มีควันในขวดระเหยออกมาทีละนิด  ด้วยความที่มีอะไรมาขัดใจก็ยิ่งทำให้ตอนนี้อยากกวนทุกคนไปเสียอย่างนั้น  ผมช้อนตามอง  ยียวนหน้าด้านนั่งรับแขกใหม่มันอยู่อย่างนี้ไม่ลุกไปไหน 



................(ไฟ)...............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2016 17:47:35 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
โถ่ คุณไฟ สู้ๆเข้าละกัน  :katai4:
ขอบคุณมากๆค่ะ สนุกมาก

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
 :angry2:หยาาาาาาาาาา หยามาทำไม
รอตอนต่อไปค่ะ^ ^

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
โอ้ยยยยย ไม่ไหวๆตัดฉับ!!!!   :serius2: :serius2:
ความรู้สึกมันกำลังลุ้นถึงความกล้าหาญที่พี่ไฟจะเอ่ย....ความรู้สึกลึกๆออกมา :-[

 หากแต่มันมีเธอโผล่เข้ามานะหยา มันใช่เวลาที่เธอจะมาบ้านสมุทรในเวลานี้ไหม ฉันกำลังลุ้นอยู่เชียว เกลียดเธอจริงๆ :angry2: :angry2:

ชอบเวลาพี่ไฟหัวเราะน้องมืดมนมันฮาแต่แฝงไปด้วยความน่ารัก :mew1: :mew1:

สมุทรู้ว่าคุณไฟคิดยังไง อาจจะยังไม่แน่ใจทั้งสองฝ่าย คงต้องใช้เวลาน่าจะไม่นานนี้แน่ๆ

บอกเลยว่าอ่านตอนนี้แล้วยิ้มแก้มจะแตก ลุ้นกับพี่ไฟเขินแทนเฮียแกจริงค่ะ

ขอบคุณเบบี้มากๆค่ะ :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
หยา มาขัดจังหวัดทำไมวะ  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

กะลังลุ้นว่าไฟจะพูดว่ายังไงต่อ  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
โหดร้ายยยยย
ไม่ว่าจะโหมดหมาหยอกไก่ หรือโหมดจริงจัง
เหมือนสมุทรจะไม่สนใจคุณไฟเลย   T_________T

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
บางทีก็ปลงกับแทนไฟน้อ จีบไม่เห็นวี่แววเลย
สงสัยว่าจะปห้วรึเปล่า 55555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบมากกกก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
 ไฟ สมุทร  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด