The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 446169 ครั้ง)

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
กำลังจะดี แต่มาเจอเรื่องอีกละ
ไฟไม่ได้สวีทก้บสมุทรเลย

สมุทรมานิ่งๆ รู้ทาง รู้ทัน ทำดีค่ะ
ไฟขาลุยมาก กล้าเสี่ยง กล้าบุก ระวังไว้บ้างนะ

พายุโหดมากกก ดินแย่แน่โดนคุมตัวหนัก

พี่ธานก็รู้ทาง เตรียมการให้หมดเลย เตรียมสมุทรด้วย 5555

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
นี่ละไฟสมชื่อ สมุทรจะเอาอยู่ไหมน้อ :katai2-1:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
หึหึหึ!!!เล่นกับใครไม่เล่น ไฟคนนี้ไม่ง่ายนะ อยากตายมากรึไงมึง โด่วววววว 55555 /ไฟเฟี้ยวฟ้าวเฮี้ยวฮ้าวได้ใจจริง หยิ่งทะนง ดีมาดีกลับ ร้ายมาก็ร้ายกลับไปเท่าตัวชอบมากอ่ะ /เรื่องมืดมน ค่ายมวยสมุทร ลูกน้อง ครอบครัวตัวเอง คิดเป็นระบบบจัดการทุกอย่างรวดเร็วดี ปึปปับ รู้จักใช้คน เป็นงาน ไฟคนจริงมันต้องงี้ดิ แต่ก็ห่วงไฟมากมาย มีคนจ้องล้มเยอะจริง ยังไงก็ระวังนะไฟ /ช่วงนี้พักให้สมุทรหายใจหายคอ เดี๋ยวค่อยรุกต่อใช่ะม่ะ 5555 แต่ก็แบบแอบมีโมเม้นท์น่ารักๆทำให้ยิ้มได้ 555 /อยากให้ความรู้สึกที่ไฟแบกรับทุกอย่าง บางเวลาก็อยากให้พักปล่อยวางไว้กับใครสักคนจริงๆ เมื่อไหร่สมุทรจะเห็นใจไฟบ้างงงงงงงงงงง(ยังๆ ยังอีกนาน) 55555555555 /โอ๊ยยยยสนุกค่ะ ลุ้นจังว่าจะขึ้นชกเป็นไงบ้าง แค้นแทนอ่ะ เอาให้พวกมันหน้าหงายไปเลยนะ  สวะมากวางยาเกือบถึงตาย เอาคืนๆแค้นนนนนนนนนน อินมากค่ะ 55555 ชอบอ่ะ รอตอนต่อไปค่ะ สู้ๆ ฮึบๆ  :katai4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2016 23:00:00 โดย blove »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

[ ศ. 2 ก.ย 59 ] ตอนที่ 27 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.900

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _


ตอนที่ 28
..ไฟ..




สถานการณ์กลับตึงเครียดมากขึ้นเมื่อคนในค่ายต่างรู้ว่าผมจะขึ้นชกแทน  แน่นอนว่าเป็นการขึ้นอย่างไม่ถูกกฎอยู่แล้ว  ผมสั่งให้พายุ  สมุทรและไอ้เข้มออกไปสืบเรื่องคนวางยาไอ้นพ  ส่วนผม  พี่ธาน  พี่นีและพนักงานในค่ายคนอื่น ๆ ประชุมเป็นการส่วนตัวอยู่ในห้อง  อย่างแรกเลยคือถ้าหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนของฝั่งนั้นว่าสมุทรขึ้นชกแทนไอ้นพได้  ความน่าจะเป็นของการจับคู่มวยสำหรับขึ้นชกในรอบต่อไปจะเป็นอย่างไร 



ก๊อก  ๆ ๆ

“เฮีย..ยุเอง”

“เข้ามา” ผมอนุญาต

“ป๋ามาด้วยล่ะ แต่เห็นว่าไปหาเสี่ยเจียนแล้ว” พายุยิ้มบอกด้วยใบหน้าเก็บความดีใจไว้ไม่อยู่  ป๋าที่มันว่าก็มีคนเดียวคือป๋าจง  คงเป็นใครอื่นไม่ได้ที่จะทำให้น้องชายผมยิ้มแป้นขนาดนี้
 
“แล้วก็..ยุเห็นเฮียกานต์มาด้วย เพิ่งมาถึงเมื่อกี้” มันส่งข่าว  ผมชะงักก่อนแสยะยิ้มออกมากับประโยคนี้  มือชี้หน้ามันน้อย ๆ บอกความชอบใจแสดงความขอบคุณ  หยิบโทรศัพท์มือถือกดโทรออกหาเฮียกานต์และลุกเดินออกมาคุยเป็นการส่วนตัว

“หวัดดี” ปลายสายทักคล้ายรู้แกวอยู่แล้วว่าจะได้รับสายจากผม

“เฮียจะแทงข้างใครเหรอครับ ในเมื่อคนของผมเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ ผมก็นึกว่าเฮียเป็นแฟนคลับตัวยงของค่ายผมซะอีก” ผมเข้าประเด็นแซว ๆ  คาดเดาเอาว่าเฮียกานต์น่าจะรู้เบื้องหลังทุกอย่างไม่มากก็น้อย

“หึ..ฉันก็กำลังคิด ๆ อยู่เหมือนกัน แกว่าไงดีล่ะ” เฮียถามกลับปนหัวเราะ 

“ผมมีเรื่องจะรบกวนให้ช่วยหน่อยน่ะครับ” ผมเอ่ยตามตรง

“ว่ามาสิ” เฮียกานต์ขานรับโดยง่ายไม่มีการลังเล  แกเป็นคนตรงไปตรงมาแบบนี้อยู่แล้ว  ไม่คือไม่ เอาคือเอา  จะว่าเป็นเจ้าของบ่อนที่ผมค่อนข้างชอบมากทีเดียว

“ขอทราบชื่อเจ้ามือใหญ่ครั้งนี้ด้วยครับ” ผมพูดเสียงเย็น

“หึ ถามคำตามตอบยากจังนะ ฉันมันเจ้าของบ่อนเล็ก ๆ  ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาใครจะคุ้มกะลาหัวละวะ” เฮียตอบทีเล่นทีจริง  ผมเงียบฟัง  ปลายสายเองก็เงียบไปครู่หนึ่งเช่นกัน

“ถือว่าฉันพูดทิ้งส่ง ๆ ให้ลมได้ยินก็แล้วกันนะ” อีกฝ่ายเอ่ยพลางถอนหายใจ

“เจ้ามือเจ๊ปราณี..ถือหุ้นร่วมกับเสี่ยปรีดา แล้วก็อริมึง..ไอ้กริด” คำตอบจากปลายสายทำเอาสมองผมหยุดนิ่งไปได้เหมือนกัน 

“ฟังดูดีนะครับ” ผมชม

“เอิ่ม..เหมือน สุภาษิตฝนตกขี้หมูไหลอะไรแบบนั้น” ผมเบะปากว่าติดตลก

“หึ ๆ ๆ” เฮียกานต์หัวเราะชอบใจ

“ค่ายของเสี่ยยุทธกับไอ้สมัครก็รวมอยู่ในนั้นด้วย เป็นทีมเวิร์คที่แข็งแกร่งดีแกว่าไหมละ ? โทษทีว่ะ..เงินเดินหลายร้อยล้านแน่นอน ข่าวใหม่ล่าสุด..วงในบอกว่ามันวางจุดแทงที่ต่างประเทศด้วย ไอ้ไฟ..มึงเจอศึกใหญ่จริง ๆ  กูก็นึกว่ามึงเตรียมตัวไว้แล้วซะอีก” เฮียพูดคล้ายบ่น  สรรพนามที่ใช้เปลี่ยนไป  ปนไปด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นคล้ายเป็นกังวล

“มันเชิญผมแต่แรกทำไมวะเฮีย ถ้ามันไม่อยากให้ใครมาขัดขา”

“หักหลังกันเองบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา” เฮียกานต์ตอบทันควัน

“เอาไงว่ามา นี่กูอยากมาดูมวยดี ๆ พักผ่อนอารมณ์สักหน่อย ไอ้นพทิ้งกูไปแบบนี้ กูหมดอารมณ์ร่วมพอดี” เฮียกระแทกเสียงคล้ายรำคาญอีก

“หึ เฮียนี่สเปกแปลกดีนะ” ผมหลุดยิ้ม  เฮียกานต์ปลื้มนักมวยค่ายผมเป็นพิเศษ  จะแต่ก่อนหรือตอนนี้ก็ยังเหมือนเคย

“หึ เหมือนมึงไง” เฮียย้อนเอาได้  ผมยิ้มกว้าง 

“อยากจะให้ช่วยอีกเรื่องนึงนะครับ ไม่หนักหนาอะไรหรอก อันนี้ค่อนข้างเป็นความลับระหว่างเรา แบบว่า..เรามาร่วมมือกันช่วยใช้เงินของพวกหมูพวกนั้นน่ะ” ผมเอ่ย

“เท่าไหร่ ?” เฮียถามห้วน ๆ

“แล้วผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าเฮียไม่ได้ร่วมกับพวกนั้นด้วย” ผมกวนกลับ  ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ไม่ได้ไว้ใจเฮียกานต์เสียทีเดียว  โลกนี้ว่าบัดซบแล้ว วงการนี้มันบัดซบกว่าที่เห็น

“แล้วมึงโทรหากูทำเตี่ยมึงเหรอวะ พูดมานี่ไม่ได้ไว้หน้ากูเลยนะ กับคนอย่างเจ๊ปราณีน่ะกูไม่ร่วมงานด้วยหรอก มึงไม่รู้ฉายาเหรอ..เจ๊ปราณีไม่ปราศรัย” เฮียกานต์ตอบ  เราต่างหลุดหัวเราะพร้อมกัน

“ผมเชื่อเฮียอยู่แล้วล่ะ งั้นผมสามสิบ เฮียเจ็ดสิบ..ของสมนาคุณคือ เฮียจะได้ดูมวยแบบที่เฮียอยากดูแน่นอน” ผมแสยะยิ้ม

“หึ ๆ ๆ ดี! กูชอบตรงที่มึงไม่ห่วงที่จะเสียเปรียบเรื่องเงินนี่แหละ” เฮียกานต์กระแทกเสียงด้วยความสะใจอีกครั้ง  เรื่องบางเรื่องสำหรับผมเงินมันไม่สำคัญ  ถ้าหากจุดประสงค์ที่ต้องการทำนั้นไม่ใช่เรื่องเงิน  การจะเสียเงินบ้างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายก็เป็นสิ่งที่ต้องยอมน่ะนะ

“เจอกันที่ห้องพักของฉัน ห้อง 444”

“ได้ครับ แต่ผมพายุจะไปแทนผม เอาเป็นว่าอย่าแกล้งน้องชายผมล่ะ” ผมตอบ

“ก็ถ้าน้องมึงไม่มีปฏิกิริยาน่ารัก ๆ  กูจะเอาเก็บไปคิดดูอะนะ” เฮียตอบกวน ๆ  ผมแสยะยิ้มก่อนหันตัวกลับไปมองพายุที่ยืนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ที่วงสนทนา 

“แลกกับรายรับต่อปีบ่อนที่มาเก๊าของเฮีย ผมยกมันให้เลย” ผมพูด

“หึ..มึงพูดแล้วนะ เฮ้อ..ผู้หญิงที่กูพามาด้วยวันนี้เรียกว่าเป็นแม่พันธุ์เกรดเอบวก ๆ  แต่ก็ยังไม่ถูกใจกูเท่าน้องมึงเลยจริง ๆ  น้องมึงมันสายพยศ แบบว่าหมดตัวกูก็ยอมเสียเลยล่ะ” เฮียกานต์บ่นด้วยน้ำเสียงทะลึ่งไม่หยุด 

“ฮ่า ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะลั่น  เราร่ำลาอีกครั้งก่อนตัดสายลง  ผมกวักมือเรียกพายุให้มาหา

“กูลงห้าล้าน..ตกลงกับเฮียไว้เรียบร้อยแล้วว่ากำไรแบ่งสามสิบเจ็ดสิบ ลงในนามเฮียกานต์ทั้งหมด ห้ามใครรู้เรื่องนี้ว่ากูมีส่วนได้ส่วนเสียกับการแทง คู่อื่นที่กูไม่ได้ขึ้นชกให้เฮียเลือกข้างได้ตามสบาย กูขอแค่รอบชิง แต่ว่า..ให้มึงเลือกแล้วกัน” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์  พายุเหล่มองด้วยแววตาไม่ไว้ใจ 

“บอกเฮียว่าขอเช็คทันทีหลังจบเกม จัดการตามนี้ มึงก็..หว่านเสน่ห์ใส่เฮียเขาหน่อย เผื่ออีกฝ่ายจะแบ่งให้กูสักสี่สิบ” ผมยักคิ้ว

“คนที่ถูกวางยาน่าจะเป็นเฮียมากกว่านะ” มันว่าเข้าให้  ผมหลุดหัวเราะ

“แล้วตกลงได้เรื่องอะไรบ้าง”

“เครื่องดื่มที่พี่นพได้ขวดล่าสุดหลังจากชั่งน้ำหนัก ไม่แน่ใจว่าอาจจะเป็นขวดนั้นรึเปล่า แต่ไม่มีใครยอมรับว่าเป็นคนถือคนสุดท้าย โบ้ยกันไปโบ้ยกันมา” พายุตอบ

“ฝากด้วยแล้วกัน” ผมตบไหล่พายุเพราะเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่ผมจะต้องมานั่งคิดเรื่องนี้ 
 
“พี่ธาน เข้ม ไปกับพายุ” ผมปัดมือไล่  พี่ธานรีบลุกจากเก้าอี้เดินตามพายุออกไปติด ๆ

“ตกลงทุกอย่างตามนี้นะคะ คู่ของคุณไฟน่าจะเริ่มประมาณ เอ่อ..ห้าโมงยี่สิบค่ะ” พี่นีรายงาน

“โอเคครับ” ผมพยักหน้ารับ  พวกเราแยกย้ายกันทำตามหน้าที่  สมุทรเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ผมเปลี่ยนทันทีที่ทุกคนออกไปจากห้อง  ยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมงกว่า ๆ สำหรับการเตรียมตัวให้พร้อม  ผมถอดเสื้อเชิ้ตออก  สมุทรมารับจากมือผมเพื่อนำไปแขวนให้เรียบร้อย  ในห้องเงียบกริบสนิท  อีกฝ่ายไม่เอ่ยปากพูด  เขาเพียงยืนมองรอว่าผมจะสั่งอะไร  เสียงเข็มขัดถูกปลดออกได้ยินอย่างชัดเจน  ผมจงใจมองหน้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเพราะอยากดูปฏิกิริยาต่อไป  สมุทรเงยหน้าขึ้นสบตาผมเข้าพอดี

“อยากดูเหรอ ?” ผมถามหน้าตาเฉย  อีกฝ่ายเหมือนเพิ่งได้สติ 
 
“งั้นผมให้ห้านาทีนะครับ รีบเปลี่ยนให้เรียบร้อย” สมุทรพูดเร็วเป็นจรวดพร้อมพลิกนาฬิกาข้อมือดู  อีกทั้งไม่รอให้ผมตอบรับใด ๆ  เขาก็ออกจากห้องไปทันที

“หึ ๆ ๆ” ผมกลั้นหัวเราะ 

“พี่ธานไม่น่าจะสอนนะ อะไรแบบนั้น” ผมบ่นกับตัวเอง  หึ.. “งั้นผมให้อีกห้านาทีนะครับ” งั้นเหรอ  ฟังแล้วขยี้หูเป็นบ้า  สมุทรเข้ามาให้หลังจากหมดห้านาทีตามที่บอก  ผมเปลี่ยนเป็นใส่กางเกงมวยเรียบร้อยเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการยืดกล้ามเนื้อ 

“พี่เอิร์ธตามนักมวยออกไปแล้วนะครับ เขาบอกให้ผมแจ้งให้คุณทราบ” สมุทรบอก

“อืม” ผมพยักหน้ารับ  ป่านนี้ทุกคนคงออกไปรอเชียร์การชกคู่ของไอ้ใส  มันเป็นนักมวยที่ครูมวยและผมตัดสินใจให้ขึ้นชกเวทีใหญ่ครั้งนี้เป็นครั้งแรก

“คุณต้องการจะทำอะไรก่อนดีครับ” สมุทรถามด้วยท่าทางสุภาพและดูเป็นห่วงในหน้าที่  ผมลุกขึ้นยืนทำให้เราประชันหน้ากันพอดี 

“.........” อีกฝ่ายยืนเงียบมองหน้าผมรอคำตอบ  ผมอมยิ้มนิด ๆ พร้อมเหสายตาลงต่ำครู่หนึ่ง  ไม่รู้ว่ายิ้มทำไมเหมือนกัน

“ฉันอยากยืดเส้นสักหน่อย” ผมบอก  สมุทรพยักหน้ารับทราบ  เขารีบจัดเตรียมอุปกรณ์ในทันที  ระหว่างนั้นจึงขึ้นไปนั่งรอบนเตียงนอนที่อยู่กลางห้อง  อุปกรณ์เตรียมพร้อมวางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงไม่ถึงนาที  ผมนั่งห้อยขามองเงียบ ๆ  สมุทรเริ่มเป็นฝ่ายบังคับร่างกายของผมให้เป็นไปตามลำดับของการบริหารจากเริ่มต้น  ร่างกายของผมถูกผ่อนคลายเป็นไปอย่างเงียบเชียบ  เสียงจากด้านนอกกึกก้องสะท้อนแว่วเข้ามาบ้างแต่ก็ไม่เป็นการรบกวนนัก  คงเพราะโครงสร้างของตัวอาคารถูกออกแบบมาอย่างดีแน่
   
“มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง” ผมถาม  ตาลอยมองโทรทัศน์ที่กำลังถ่ายทอดสดจากเวทีทางด้านนอก 

“ลูกน้องคุณบางคนครับ พี่ธานสั่งให้เฝ้าที่นี่” สมุทรตอบ  มือของเขาจับข้อศอกผมขึ้นอย่างเบามือ  มันจึงบิดไปตามแรงจนรู้สึกตึง 

“ช่วยปิดโทรทัศน์ทีสิ” ผมพูดเพราะไม่อยากดู  สมุทรนิ่งไปเสี้ยววินาที  ผมว่าเขาคงสงสัยแต่ไม่ถามอะไร  ลุกขึ้นเดินไปปิดโทรทัศน์ก่อนเดินกลับมา 

“เด่นโทรมารึยัง นพเป็นไงบ้าง” ผมหลับตาลง   

“ที่โทรมาหาผมล่าสุดบอกว่ายังอยู่ในห้องฉุกเฉินครับ จะให้ผมโทรไปถามไหมครับ”

“ไม่ต้อง” ผมตอบ

“จับมือผมไว้ครับ” สมุทรพูด  เขานำมือมาจับมือผมไว้ตรงหน้าทั้งสองมือ  ผมลืมตาขึ้นมอง  แขนของผมถูกยืดตรงออกไปทางด้านหน้าจนตรง 

“ยิ้มอะไรครับ” อีกฝ่ายถามหน้านิ่งเฉย  ผมมองเฉยไม่คิดตอบเช่นกัน  อีกทั้งควบคุมรอยยิ้มมุมปากของตัวเองก็ไม่ได้ด้วย

“ก้มตัวลงด้วยครับ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มออกคำสั่ง  ผมก้มหัวลงช้า ๆ  ฝ่ามือของสมุทรแตะลงที่ท้ายทอยผมเบา ๆ เพื่อบังคับน้ำหนักไม่ให้ผมลงหนักมากจนเกินไป

“ระหว่างที่ฉันก้มหัวอยู่นี่ นายก็แอบยิ้มอยู่ใช่ไหมละ ?” ผมพูด  หยุดยิ้มไม่ได้  ใกล้เคียงคนบ้า..ก็กูนี่ล่ะ

“หายใจเข้าลึก ๆ ครับ” สมุทรพูด  ผมหายใจเข้าลึกยาวตามที่อีกฝ่ายบอก

“อย่าลืมหายใจออกล่ะ..” อีกฝ่ายประชดเอาคืนเข้าให้  ผมเงยหน้ากลับขึ้นช้า ๆ  สมุทรมองมาด้วยแววตาที่ปรับอารมณ์ไม่ทัน  ที่ผมแซวว่าเมื่อครู่เขายิ้มอยู่  มันจะต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แน่เพราะใบหน้าของเขาดันซ่อนมันไว้ไม่ทันซะแล้ว  แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดจะพูดทัก  เพียงเงียบและเก็บแววตาสนอกสนใจของตัวเองไว้เท่านั้น  การผ่อนคลายกล้ามเนื้อใช้เวลาเกือบสิบนาทีหลังจากนั้น  ไม่มีทั้งการพูดคุยหรือแซวเล่นอีก  บรรยากาศที่ไร้บทสนทนาที่ควรจะอึดอัดนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น  ผมไม่รู้สึกแบบนั้นเลย 

“ฉันขออยู่คนเดียวสักพัก” ผมพูดขึ้นหลังจากเสร็จจากการยืดกล้ามเนื้อ

“ได้ครับ มีอะไร..ผมรออยู่หน้าประตูนะครับ” สมุทรผงกหัวน้อย ๆ  เขาออกจากห้องไป  ผมลุกขึ้นเปลี่ยนไปนั่งที่โซฟาให้เป็นกิจจะลักษณะ  ทุกการขึ้นชกการใช้เวลาอยู่กับตัวเองสักพักเป็นเรื่องที่ช่วยได้มากสำหรับผม  ได้พยายามเพื่อจะหยุดคิดเรื่องวุ่นวายบนโลกภายนอก  เสียงหน้าประตูเงียบไปแล้วทำให้ผมรู้สึกสงบมากยิ่งขึ้น  ผมนั่งนิ่งอยู่อย่างนี้จนเวลาผ่านไปพักใหญ่ ๆ  รู้ตัวอีกทีก็เมื่อได้ยินเสียงของพายุจากทางด้านนอก  ไม่มีใครเปิดประตูเข้ามารบกวนตามที่ผมสั่งไว้กับสมุทร  ผมจึงนั่งต่ออยู่อีกสักพักหนึ่งก่อนที่จะลุกขึ้นไปเปิดประตูด้วยตัวเอง

“เรียบร้อยไหม” ผมมองหน้าพายุ

“เรียบร้อยแล้วครับ” พายุตอบ 

“ผมขอตัวไปที่หน้าเวทีนะครับ แล้วสักครู่จะกลับมา” พี่ธานพูด

“อืม ไปเถอะ” ผมอนุญาตก่อนกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งโดยมีพายุ  สมุทรและไอ้เข้มตามเข้ามาด้วย 

“คุณไฟครับ คุณป๋อมาขอพบครับ” ลูกน้องโผล่หน้ามาไม่ทันให้พักหายใจ  ผมพยักหน้าอนุญาต  ครู่เดียวลุงป๋อก็เดินเข้ามาพวกเราจึงลุกขึ้นทันที  ลุงป๋อเป็นเจ้าของค่ายศิษย์ป. และเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของสนามแข่งนี้เช่นเดียวกัน 

“หวัดดีครับลุง” ผมยกมือไหว้

“เป็นไงบ้าง..ไอ้ป๊อดมันตกใจใหญ่ บอกว่าไอ้นพถูกวางยารึ” ลุงแกยิงคำถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ครับ” ผมผงกหัวน้อย ๆ  ผายมือให้แกนั่งลงก่อน  สมุทรและไอ้เข้มขยับเยื้องตัวออกไปยืนห่างในทันที

“ไอ้ป๊อดเป็นไงบ้างครับ” ผมถามถึงลูกของแกที่อายุอานามเท่ากันกับผม 
 
“ไม้หลักปักเลนเหมือนเดิม” ลุงแกตอบยิ้ม ๆ ก่อนเงียบลง

“ขอโทษด้วยนะ” ลุงป๋อก้มหน้าลงเล็กน้อยพลางนำมือกุมเข้าหากัน   

“ไม่เป็นไรหรอกครับ” ผมบอก  ลุงป๋อหันหน้ามามอง  สายตาของแกสำรวจมาที่ร่างกายของผม

“นี่แกอย่าบอกนะว่า..” อีกฝ่ายตกใจ

“ครับ ทางออกนี้ดีที่สุดแล้ว” ผมพูด 

“แล้วพวกมันยอมรึ โดยเฉพาะไอ้ปรีดา”

“ผมคุยกับเสี่ยเจียนเรียบร้อยแล้วครับ”

“งั้นเหรอ..งั้นก็ดี” ลุงผงกหัวขึ้นลงสองสามทีพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่

“คู่สองของลุงใช่ไหม มันไม่ได้บอกให้ลุงทำอะไรเหรอครับ” ผมตะล่อมถาม

“ก็นะ..” ลุงแกยิ้มเจื่อน

“ลุงบอกไปแล้วว่าลุงไม่เอาด้วยน่ะ ไอ้หมัดเลยได้ชกกับพยัค ก็สูสีดีนะ..ถ้าคนของลุงจะแพ้ก็ยอมรับได้ ไม่ติดใจอะไรหรอก” ลุงป๋อพูดคล้ายบ่น  พยัคเป็นนักมวยมือดีที่สุดของค่ายเสี่ยยุทธ  ส่วนหมัดเป็นนักมวยมือดีของค่ายลุงป๋อ  แน่นอนว่าถ้าจะให้หมัดไปชกกับค่ายอื่น ๆ เช่น ค่ายของสมัคร  มีหวังการแข่งขันได้ป่วนกว่านี้แน่  เพราะหากลุงป๋อไม่เล่นด้วยแบบนี้  การแบ่งคู่ชกก็จะไม่ลงตัวเป็นไปตามที่พวกมันวางแผนเอาไว้ 

“พยัคมันแพ้ไม่ได้หรอกครับ” ผมพูด  ทำให้ลุงป๋อหันมาจ้องหน้าผมในทันที

“ถ้าคู่แรกพวกมันไม่ชนะก็จะส่งผลต่อตัวพวกมันเอง ไม่ว่ายังไง..มันก็ต้องชนะ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง   

“ให้ไอ้หมัดหลบให้ดีแล้วกันครับ ยอมมันไปซะ” ผมหันหน้ากลับมา  นี่ไม่ใช่การบอกให้ลุงป๋อเปิดทางให้ผม  หากค่ายของลุงป๋อชนะมันก็ดี  แต่แน่นอนว่ามันจะส่งผลต่อความปลอดภัยของลุงแกเอง   

“แกตั้งใจจะทำอะไร” ลุงป๋อถามเสียงเบาลงคล้ายลังเล

“..........” ผมไม่ตอบ  รักษาความเงียบไว้  สายตาของเราทั้งคู่ต่างจ้องไปที่โต๊ะตรงหน้า

“การที่นักมวยถูกวางยา เหมือนเป็นประเพณีเลยไหมครับ” ผมยิ้มนิด ๆ  คำถามที่ตามจริงเราก็รู้ดีว่าเราแทบยิ้มไม่ออกด้วยซ้ำ

“ค่ายผม ไม่ใช่ค่ายที่จะให้พวกมันเลือกใช้วิธีเดียวกันกับแบบที่พวกมันเอาไว้ใช้กับค่ายอื่น ๆ ได้ คนพวกนี้น่ะ..ไม่เห็นกีฬาเป็นกีฬา บางทีก็ต้องตอบกลับบ้างน่ะครับ ผมน่ะ..คิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรเกินเลยนะ” ผมตอบ  คำพูดที่ออกมาจากก้นบึ้งคล้ายกับกำลังระบายให้ญาติผู้ใหญ่ฟัง  ลุงป๋อผงกหัวรับรู้เงียบ ๆ เท่านั้น 

บอกตามตรงว่าความจริงผมค่อนข้างแค้น  ถึงแม้ผมพยายามไม่คิดเพื่อให้ตัวเองอารมณ์เสีย  แต่เมื่อภาพของไอ้นพลอยขึ้นมามันก็อดคิดไม่ได้ทุกทีว่าที่ผมทำอยู่นี้มันถูกต้องแล้ว  ทุกครั้งที่ผมเป็นฝ่ายมองอยู่ห่าง ๆ กับการที่เห็นข่าวแต่ละค่ายถูกวางยา  ส่วนใหญ่เป็นค่ายเล็ก ๆ ที่ไม่มีปากเสียงที่จะสามารถต่อกรกับพวกมันได้  ทำกันจนได้ใจเห็นเป็นเรื่องธรรมดา  การแจ้งความที่สุดท้ายก็ไม่ส่งผลดีต่อค่ายเล็ก ๆ และมีแต่จะย่ำแย่ลง  ในใจผมได้แต่ย้ำบอกกับตัวเองว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นกับค่ายของผม  เพราะผมไม่แน่ใจว่าผมจะมีวิธีอื่นในการจัดการพวกมันนอกจากวิธีแบบนี้ของผมไหม  คำตอบที่ตอบได้คือ “ผมไม่มี”

“ถ้าพ่อแกอยู่คงไม่ให้แกทำแบบนี้แน่” ลุงป๋อพูดขึ้นทำลายความเงียบ  แกอมยิ้มอ่อนโยน  มือเอื้อมตบบ่าผมไว้

“หึ..คงได้ทะเลาะกันก่อนขึ้นเวทีแน่ ๆ ครับ” ผมยิ้มเห็นด้วย

“แต่ที่ผ่านมาผมมีปู่เป็นไอดอลน่ะ” ผมขยายความติดตลกทำเอาลุงป๋อหัวเราะก๊ากออกมาเสียดัง  ในวงการเราไม่มีใครไม่รู้จักปู่ของผม  เผลอ ๆ สมัยนั้นโด่งดังเป็นที่นับหน้าถือตามากกว่าพ่อของผมซะอีก  ปู่น่ะ..ขึ้นชื่อเรื่องความดื้อรั้นและกะล่อนที่สุดในบ้าน  แก่แล้วก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่  แต่ผมกลับชอบปู่สุด ๆ  เราเข้ากันได้ดีจนคนในบ้านพากันส่ายหัวเลยละครับ  ผมยังสงสัยไม่หายเลยว่าพ่อผมน่ะเหมือนใคร

“ระวังตัวด้วยแล้วกัน” ลุงป๋อลุกขึ้น   

“ขอบคุณครับ” ผมผงกหัวรับ  พายุออกไปส่งลุงป๋อแทนให้ผม  สมุทรและไอ้เข้มยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับจนพายุกลับเข้ามา  มันนั่งลงข้าง ๆ พร้อมกับยื่นขวดน้ำเปล่ามาให้

“แย่นะ มีปู่เป็นไอดอลน่ะ ใช้ชีวิตยาก” ผมบ่นหน้านิ่ง

“หึ ๆ” พายุหลุดหัวเราะชอบใจ   

“เปิดเอง” มันว่า  หมายถึงขวดน้ำเปล่าที่อยู่ในมือของมัน  ผมรับมาพลางมองมันยิ้ม ๆ

“อันนี้ยุซื้อมาเอง ให้กังฟูดมกลิ่นแล้วด้วย” มันรายงาน 

“หึ” ผมหลุดหัวเราะ  อยากย้อนกวนมันกว่านี้ว่า “วันหลังก็พกเครื่องกรองน้ำเองซะเลยสิ” แต่เดี๋ยวจะเป็นการทำให้น้องชายงอนเอาได้

“มันปิดฝาอยู่ หมามึงฉลาดขนาดนั้นเลย” ผมเลิกคิ้ว  เรารู้กันดีว่ากระบวนการวางยามีหลายรูปแบบ  โลกเราพัฒนาไปอย่างไรคนพวกนี้ก็มีกลกลวงที่สามารถพัฒนาไปตามนั้น  ฉลาดเรื่องเลว ๆ จนเหลือเชื่อเลยล่ะ 

“ชี่..กังฟูฉลาดจะตาย” พายุเบ้ปากใส่ 

“แล้วนี่มึงเอามันไปไว้ไหน” ผมถามเพราะยังไม่เห็นลูกรักของมันแม้แต่เงา

“ห้องทำงานของพนักงานที่นี่ ตรงประตูทางเข้า ฝากไว้..ให้คนของเฮียดูให้” มันตอบ  ผมเปิดขวดน้ำออกพร้อมยกดื่ม  พอผมดื่มเสร็จเจ้าของขวดน้ำก็คว้าขวดไปปิดฝาพร้อมโยนใส่ถังขยะอย่างไม่ไยดี

“จะกินแล้วเอาขวดใหม่..มาเอาตรงยุนะ” พายุสั่งเสร็จสรรพ  ผมจ้องมองอีกฝ่ายตาเยิ้ม

“ไม ? กลัวกูตายเหรอ” ผมแซว  นำมือจับปลายคางมันมาอย่างนึกหมันเขี้ยว

“หยุดพูดไปเลย” พายุค้อนตอบเสียงแข็ง  ปัดมือของผมออกอย่างแรง 

“เข้าใจไหมครับพี่สมุทร ห้ามเฮียกินน้ำนะ” พายุหันกลับไปถามผู้ดูแลผมที่ยืนเป็นเสาหินอยู่ทางด้านหลัง

“ได้ครับ” สมุทรขานรับ  ผมนั่งยิ้มหุบปากเงียบไม่ว่าอะไร  ห้ามกูกินน้ำ  จะขำแต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้

“งั้นพายุไปหากังฟูก่อนนะ” มันลุกขึ้นโต้ง ๆ

“เอาไอ้เข้มไปด้วย” ผมบอก

“รู้แล้วน่า” มันปัดส่ง ๆ  เดินสะบัดตูดออกจากห้องไป  ไอ้เข้มจ้ำเท้าตามติดในทันที  ผมถอนหายใจแรง  เอนหลังพิงพนักโซฟา  เงยหน้าขึ้นพร้อมหลับตาลง

“นั่งเถอะ” ผมพูดลอย ๆ อนุญาตให้คนที่อยู่ร่วมห้องด้วยนี้ได้พักขาบ้าง  เสียงการเดินของสมุทรทำให้รับรู้ได้ว่าเขานั่งลงแล้ว  ผมหลับตาอยู่อย่างนั้น  เราต่างเงียบไร้บทสนทนาอยู่พักใหญ่ ๆ 

“ขอโทษครับคุณไฟ จวนได้เวลาแล้วครับ นวดน้ำมันเลยสมุทร” พี่ธานกลับเข้ามาพร้อมสั่งการ  สมุทรผงกหัวขานรับ 

“ไอ้รุ่งไปไหน ทำไมมันไม่อยู่เฝ้านาย ไอ้ห่านี่ไม่รู้หน้าที่เลย!..ไปตามมันมาซิ” พี่ธานปิดประตูห้องพร้อมโวยวายแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก  ผมหัวเราะน้อย ๆ ลุกขึ้นเดินไปที่เตียง 

“นวดแบบ ปิดห้องลงกลอนได้ไหม” ผมยักคิ้ว  อดกวนไม่ได้
 
“กรุณาหยุดทะลึ่งแล้วเชิญขึ้นเตียงด้วยครับ” สมุทรย้อนเสียงเข้ม 

“หึ ๆ ๆ” ผมกลั้นหัวเราะ  ว่าแล้วว่าปฏิกิริยาของอีกฝ่ายจะต้องทำให้ผมขำได้

“ต้องถอดกระจับด้วยไหม” ผมยังไม่หยุดแกล้ง  คนฟังเหล่สายตามาอย่างคาดโทษ  ผมเพียงยิ้มและยอมขึ้นนั่งบนเตียงดี ๆ  อุปกรณ์การนวดที่เตรียมไว้ที่หัวเตียงก่อนหน้านี้ถูกเปิดออกอย่างไม่ลังเล  เสียงดนตรีแนวฮิพฮอพดังมาจากทางด้านนอก  ผมสังเกตการทำงานของสมุทรทุกการเคลื่อนไหวที่ไม่มีความลนลานแม้ในที่นี้จะเหลือเขาทำหน้าที่หลักอยู่เพียงคนเดียว  มันทำให้ผมคิดถึงอดีตไม่ได้ว่าที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตอย่างไร  บางทีมันอาจไม่ได้ต่างจากผมนักเลยก็เป็นได้ 

“..........” ผมที่นั่งห้อยขาอยู่ก้มลงมองสมุทรที่นั่งยอง ๆ ตรงหน้าเพื่อนวดน้ำมันที่น่องให้  อีกฝ่ายช้อนตาขึ้นมองตอบเล็กน้อย  มือของเขาขยับอย่างเชื่องช้าด้วยน้ำหนักที่ค่อนหนักแน่นจนทำให้กล้ามเนื้อรู้สึกผ่อนคลาย 

“จะให้ผมเปิดโทรทัศน์หรืออะไรไหมครับ” สมุทรถาม   

“ไม่” ผมตอบ 

“ฉันไม่ชอบ บางทีมัน..หนวกหูน่ะ” ผมขยายความเสียงเบาเพื่อบอกให้อีกฝ่ายทราบไว้แต่เนิ่น ๆ ว่าผมชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร
..น้ำมันมวยถูกเทใส่มือ  การนวดเริ่มจากที่ขาส่วนล่างก่อนเป็นอันดับแรก  ผมปิดตาสนิท  รับรู้ถึงสัมผัสจากน้ำหนักมือและวิธีการนวดของเขาว่าถูกต้องเป็นที่น่าพอใจหรือไม่  อย่างน้อย ๆ อีกฝ่ายคงได้เป็นพี่เลี้ยงนักมวยผ่านมือมามากพอสมควร  ผมไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนี้นักหรอก 

“ถ้าหนักหรือเบาไปบอกได้นะครับ” อีกฝ่ายพูดขึ้นหลังจากที่เราต่างฝ่ายต่างเงียบร่วม ๆ สิบนาที  จากที่นั่งก็เปลี่ยนกลายเป็นนอนคว่ำหน้าลงบนเตียงแล้ว  คำพูดของเขาทำให้รอยยิ้มของผมหลุดไว้เพียงที่มุมปาก  มือทั้งสองของสมุทรลูบจากข้อเท้าไล่มาถึงต้นขาของผมโดยลูบขึ้นลูบลงอยู่อย่างนี้จากช้าเป็นเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ฉันนึกว่านายจะถามว่า ‘ชอบแบบนี้ไหมครับ ?’ ซะอีก แบบนั้นอาจจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นอะนะ” ผมพูดตอบทั้งที่ยังหลับตาอยู่   

“มีแต่จะทำให้กวนใจคนนวดน่ะครับ” สมุทรย้อน  ผมหัวเราะในลำคอ

“ตรงไหนที่นวดแล้วรู้สึกชอบเป็นพิเศษไหมครับ” เขาถาม  ทำให้ผมแทบดีดตัวลุกขึ้นตั้งศอกในทันที  สมุทรชะงักมองอย่างสงสัย

“ต้นขาด้านในน่ะ” ผมเอี้ยวหน้ากลับไปตอบหน้าตาย  อีกฝ่ายส่งสายตามองปรามมา  ผมยิ้มกว้างพลางยักคิ้วกวน

“ผมจะพยายามทำให้เป็นพิเศษแล้วกันครับ” สมุทรตอบเสียงเข้มแต่คำพูดกลับแฝงไปด้วยความประชดประชัน  ผมหัวเราะอีกครั้ง  อีกฝ่ายสั่งให้ผมพลิกตัวกลับมานอนหงายเพื่อนวดด้านหน้าต่ออย่างต่อเนื่อง 

“มือด้าน ๆ แบบนี้ มีอะไรให้คุณเล่นสนุกมากนักรึไง” เจ้าตัวเอ่ยปากบ่นคล้ายค้างคาใจอย่างนั้น 

“แต่ฉันชอบนะ ..มือด้าน ๆ น่ะ” ผมบอกทั้งที่ยังหลับตาอยู่

“สำหรับฉันมันหมายความว่า..ห้าสิบเปอร์เซ็นต์มักทำงานหนัก อยู่ด้วยแล้วไม่น่าจะอดตาย” ผมขยายความก่อนหรี่ตาขึ้นมองคนตรงหน้า  อีกฝ่ายหยุดมือไปแล้ว  ใบหน้าที่นิ่งขรึมหลุดรอยยิ้มที่มุมปากน้อย ๆ ปรากฏให้เห็น  ผมยิ้มกว้างให้  สมุทรหัวเราะพร้อมส่ายหัว  ผมมองใบหน้านี้แทบไม่กะพริบตา  รอยยิ้มของเขาในตอนนี้มัน.. ขยี้ใจเป็นบ้าเลย


ก๊อก  ๆ ๆ

“ขออนุญาตครับ” ผมหันไปมอง  พี่ธานเปิดประตูเข้ามาก่อนหยุดยืนอยู่ที่ตรงนั้น  สายตามองมาที่ผมและสมุทร  แม้แววตาจะไม่แสดงออกใด ๆ แต่ผมก็รู้ดีว่าพี่ใหญ่กำลังปิดบังตัวเองไว้แค่ไหน     

“เชิญครับพี่ใหญ่ หยิบมีดตรงนั้น..แล้วรีบไปฮาราคีรีตัวเองซะ” ผมชี้มือสั่ง  พี่ธานยิ้มกว้างทันที  คงรู้ว่าผมหมายถึงอะไร

“ว่าไง หมอนวดคนใหม่..ตัวใหญ่ขนาดนี้ไหวไหม” พี่ธานเอ่ยปากแซวแต่ตาดันเหลือบมาที่ผม

“หึ ๆ” สมุทรหัวเราะ  ไม่รับคำอีกทั้งไม่ปฏิเสธ

“หากมีอะไรให้ใจเย็น ๆ ก็แล้วกันนะ พี่เข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องง่าย นายน้อยเขาถูกใจมือคนอื่นยากน่ะ..ปกตินวดผิดน้ำหนักก็ไล่ตะเพิดไปแล้วนะ” พี่ธานพูดบอกสมุทรทำให้อีกฝ่ายอมยิ้มเขิน ๆ ออกมา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-09-2016 22:49:15 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

“วานไปเอาเอกสารที่รถให้พี่หน่อยสิ ซองสีน้ำตาลอยู่หน้ารถ แล้วช่วยตามคุณพายุกลับมาที่นี่ด้วย” พี่เขายื่นกุญแจรถไปให้  สมุทรนำผ้าขึ้นเช็ดมือก่อนรับกุญแจจากมือพี่ธานแล้วออกจากห้องไป  ผมมองตามหลังสมุทรจนแผ่นหลังพ้นออกไปจากประตูห้อง 

“เซ็กซี่เป็นบ้าเลยว่าไหม” ผมขบฟันบ่นในทันทีอย่างไม่มีการเว้นช่วง

“ฮ่า ๆ ๆ” พี่ธานหัวเราะโผงซะดังจนตัวแทบหงายหลัง  ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ เพราะดันมาหัวเราะเอาง่าย ๆ กับเรื่องที่ไม่น่าหัวเราะซะอย่างนั้น

“หลงเสน่ห์มากไปไหมครับ โดนของรึไง” พี่ธานว่าพร้อมเทน้ำมันมวยใส่มือของตน

“เฮ้อ ก็นะ” ผมถอนหายใจยอมรับ  เอนตัวนอนลงอย่างเก่า  พี่ธานวางมือนวดลงบนลำตัวผมก่อนเป็นอันดับแรก

“เฮ้! พี่นี่..อืมหือ!” ผมอุทาน  ลุกขึ้นขมวดคิ้วใส่อีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ

“อะไรครับ ?” พี่ธานหน้าถอดสีผายมือออกอย่างงง ๆ

“แขนมีสองข้างนี่ทำไมไม่นวดเข้าไป พี่ทำแบบนี้..หมอนั่นกลับมาก็ไม่ทำแล้วสิ” ผมกระซิบต่อว่า  ถลึงตาใส่ด้วยนึกหงุดหงิดใจ

“อ้าก!” ผมกัดฟัน  ข่มน้ำเสียงคำรามของตัวเองเอาไว้

“แล้วทำไมคุณไม่บอกผมก่อนละครับ ผมก็ทำทุกอย่างเป็นปกติ” อีกฝ่ายทำท่าจะหลุดยิ้มอีก

“..........” ผมกับพี่ธานมองหน้ากันพลางยิ้มกริ่ม  ไม่มีคำพูดระหว่างเราอยู่ครู่หนึ่ง

“อารมณ์เหมือนพวกชอบลักหลับคนอื่นเลยนะครับ” พี่ธานพูด

“ประมาณนั้น” ผมเห็นด้วย  เท้าศอกทั้งสองข้างพยุงตัวเองไว้เพื่อให้มองคนตรงหน้าได้ถนัด   

“รอยยิ้มอีกฝ่ายดึงดูดความสนใจของผมมากเกินไปหน่อยน่ะ” ผมบ่นติดตลก

“หึ..ผมก็คิดเหมือนกันว่ารอยยิ้มสมุทรบางทีก็ไร้เดียงสาจริง ๆ” พี่ธานพูดพร้อมลงมือนวดต่อ

“เขาไม่ใช่คนซื่อทีเดียวนะ แต่ยิ้มแบบ..ยิ้มน่ะ” ผมพึมพำงงกับคำขยายความของตัวเอง 

“ครับ..ไม่ใช่ยิ้มลวง ๆ แบบพวกเรา” พี่ธานว่า  คำพูดนี้จากพี่ธานทำให้ผมหลุดหัวเราะได้นิดหน่อย 

“รู้อะไรไหมครับ..?” ผมนอนลงตามเดิม  สายตาเหล่มองที่อยู่ดี ๆ พี่เขาก็เอ่ยปากเปิดประเด็น

“เขาว่ากันว่า ถ้าหากคนเราหลงรอยยิ้มใครแบบหัวปักหัวปำแล้วละก็ แสดงว่าโดนดีเข้าให้แล้วละครับ” พี่ธานอมยิ้มเจ้าเล่ห์
 
“ใครว่าเหรอครับ..? ไอ้ที่ว่ากันว่าน่ะ” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งกลับอย่างไม่ยอม

“ผมไงครับ” พี่ธานตอบ

“ฮ่า ๆ ๆ” เราต่างหัวเราะทันที  เรายังคุยกันอยู่เรื่อย ๆ แต่เพียงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเท่านั้น

“พี่ธานครับ ได้แล้วครับ” สมุทรกลับเข้ามาพร้อมพายุ

“ใส่ไว้ในกระเป๋าพี่ให้หน่อย ขอบคุณ” พี่ธานบอก  สมุทรรีบจัดการในทันที  เมื่อเรียบร้อยแล้วเขาก็กลับมาทำหน้าที่เดิมต่อ
 
“รีบนวดต่อเลย มือพี่ธานทำให้ฉันหมดอารมณ์จะชกแล้ว” ผมพูด  สมุทรผงกหัวให้พี่ธานเล็กน้อย  เขาหยิบขวดน้ำมันเทใส่มือโดยเริ่มนวดแขนให้ผมเป็นอันดับแรก  ทุกคนอยู่ในความเงียบ  ผมนอนมองสมุทรอย่างจงใจมอง  เห็นด้วยหางตาว่าพี่ธานเพียงส่ายหัวยิ้มน้อย ๆ เท่านั้น 

“อะไร ?” ผมขมวดคิ้วมองพายุที่จู่ ๆ มันก็มาหยุดยืนข้างเตียง   

“ผ้าเย็น” มันไม่ตอบเปล่านำผ้าเย็นมาวางลงบนหน้าผมทันที

“ไอ้ยุ!” ผมโวยเพราะมันจงใจวางผ้าเย็นปิดหน้าผมเต็ม ๆ  พี่ธานรีบหยิบออกให้ 

“กวนตีนกูทำไม” ผมว่า  เหลือบหันไปเห็นไอ้เข้มเดินเข้ามาพร้อมกับกังฟู

“แล้วนี่มึงเอาหมาเข้ามาในนี้ได้ยังไง” ผมขึ้นเสียง  ไอ้เข้มก้มหน้าลง

“ยุขออนุญาตเรียบร้อยแล้ว ก็มัน..คนเยอะ กังฟูอยู่ข้างนอกคนเดียวน่าเป็นห่วงออก พอยุบอกว่าเฮียอยากเจอกังฟู พนักงานเขาก็อนุญาตเอง ช่วยไม่ได้” มันตอบหน้าตาย  ทำตาปริบ ๆ เหมือนโยนว่าเป็นความผิดผมซะงั้น

“แม่งเอ๊ย แต่ละคน” ผมบ่น  คว้ามือยิบผ้าเย็นของพายุเมื่อครู่มาปิดหน้าแล้วนอนลงตามเดิม กูเกลียดโลกภายนอก!

หลังจากนวดน้ำมันเสร็จ  การชกรอบชิงของรุ่นไม่เกินห้าสิบเจ็ดกิโลกรัมก็ได้ผู้ชนะ  เป็นไอ้ใสคนของค่ายผมไปตามคาด  แต่ก็เรียกว่าหืดขึ้นคอสำหรับมันอยู่เหมือนกัน  อันที่จริงผมก็ไม่ได้คาดหวังนักหรอก  ถึงไอ้ใสจะได้อันดับสองหรือสามผมก็ไม่โทษอะไรเพราะได้เข้าถึงรอบรองชนะเลิศก็ถือว่าทำได้ดีมากแล้ว 

การแข่งขันมวยไทยคาดเชือกกำลังจะเริ่มขึ้นอีกในไม่ช้า  การชกในแต่ละคู่จะชกเพียงสามยกเท่านั้นการชกทั้งหมดสี่คู่จะต้องจบผลแพ้ชนะภายในวันนี้  เรียกว่าเป็นงานหนักทีเดียว  เวลาผ่านไปไม่นานก็ได้ทราบผลการชกของคู่แรกว่าเป็น “สีหมอก” คือไอ้ป้องจากค่ายของสมัคร  ผมจึงแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวอยู่พักหนึ่งเพื่อฝึกชกลมอุ่นร่างกายอยู่ในบริเวณที่พี่ธานจัดไว้ให้  พอจวนใกล้เวลาของการชกในคู่ที่สองจบลงผมจึงเข้าไปเก็บตัวในห้องพักอีกครั้ง  ทุกคนต่างรู้ว่าไม่ควรรบกวนผมขณะที่ใกล้เวลาขึ้นชก  ในห้องนี้จึงมีผมเพียงคนเดียวเท่านั้น..



ก๊อก  ๆ  ๆ

“เข้ามา” ผมขานตอบ

“พยัคดูท่าจะชนะคะแนนครับ พร้อมไหมครับ..ต้องเตรียมสแตนบายแล้ว” พี่ธานกลับเข้ามา  ผมเพียงพยักหน้าตอบ  สมุทรตามหลังพี่ธานมาติด ๆ พร้อมกับเชือกในมือ  อีกฝ่ายย่อตัวนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าผมพร้อมยื่นเชือกมาให้
 
“ให้ผมทำให้ไหมครับ” เขาถาม

“ไม่เป็นไร” ผมตอบก่อนรับเชือกมาพันมือด้วยตัวเองเพราะมันถนัดกว่า  สมุทรยังคงจดจ่อมองอยู่ที่มือของผมนิ่ง ๆ ไม่ลุกขึ้นไปนั่งดี ๆ  สีหน้าของเขาเหมือนมีเรื่องที่อยากจะพูดหรือดูเป็นกังวล

“มีอะไรรึเปล่า” ผมถามด้วยน้ำเสียงปกติ  เวลาแบบนี้ผมเองก็หมดกะจิตกะใจจะกวนเขาด้วยเหมือนกัน

“เปล่าครับ” สมุทรเหลือบตาขึ้น  ผมหยุดมือที่พันเชือกอยู่พร้อมมองตอบ 

“ถ้าผมจะบอกว่าโชคดี มันคงฟังดูตลกสำหรับคุณนะครับ” อีกฝ่ายคลี่ยิ้ม

“หึ..ไม่หรอก ฉันอยากฟังจะแย่” ผมหัวเราะนิดหน่อย  มือขยับทำงานต่อ  คนตรงหน้าเงียบลงเสียดื้อ ๆ จนผมพันมือซ้ายจนเสร็จ

“เพราะแบบนี้ ผมถึงได้เกลียดวงการเฮงซวยนี่” สมุทรพูดขึ้น  ผมหยุดมือมอง 

“คุณอยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าทำไม..” ผมได้แต่เงียบฟัง  เราสบตากันครู่หนึ่งก่อนพากันเหสายตาลงคล้ายยอมรับในความหมายที่สมุทรกำลังสื่อ

“มันจะวนอยู่แบบนี้ครับ แล้วมันจะไม่มีทางจบ” สมุทรพูด  สายตาว่างเปล่าเหมือนกับว่าหมดความหมายกับสิ่งที่ตนกำลังพูดอยู่อย่างนั้น

“ฉันรู้” ผมตอบ

“..แต่ฉันชินซะแล้ว” ผมขยายความพลางยิ้มให้เล็กน้อย  ไม่ว่าจะวงการนี้หรือวงการไหน ๆ ก็มักจะมีเรื่องทำให้กลายเป็นวงจรอุบาวท์อยู่เสมอ  ซึ่งมันจะเป็นแบบนี้  มันไม่สามารถหยุดเพราะความดีของใครคนหนึ่งได้  ในเมื่อคนไม่ดีพร้อมใจกันมีมากกว่าคนดี  การขับเคลื่อนที่ผิดบาปจึงไม่สามารถหยุดสนิทได้

“มันชินไปแล้วละนะ” ผมว่า 

“แต่ฉันอยากให้นายลองเปิดใจกลับมารักมันดู” ผมพูด  สมุทรเงียบเฉย

“มวยยังเป็นมวย รากเหง้ามันไม่ได้เปลี่ยนไปนี่..คนเราต่างหากที่เปลี่ยนตัวเราเองเพื่อความอยู่รอด”   

“ฉันคิดว่าฉันทำให้นายรักมันได้นะ พอมีวิธีอยู่..ลองดูไหมละ ?” ผมได้จังหวะตีประตูกวนอีกฝ่าย  สมุทรเหล่ตาคล้ายรู้ทัน  เขาหัวเราะขึ้นจมูกนิดหน่อยเหมือนเหนื่อยใจจะต่อกร   

“ขอบคุณครับ แต่ขอปฏิเสธ” อีกฝ่ายตอบพร้อมลุกขึ้นยืนโต้ง ๆ ปิดบทสนทนาก่อนเดินจากไปซะเฉย  พี่ธานที่ทำท่าทำทางแกล้งทำเป็นยืนพิงกำแพงกดโทรศัพท์มือถืออยู่เหลือบตามองมาที่ผมในทันทีที่หลังของสมุทรพ้นประตู  ผมดุนลิ้นพร้อมแสยะยิ้มมองตอบ  มือเริ่มขยับพันต่ออีกข้าง

“โดนปฏิเสธเหรอครับ ?” พี่ธานยิ้มเจ้าเล่ห์
 
“อยากตายรึไงครับ” ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ

“นี่เป็นโอกาสดีนะครับ” พี่เขาเดินเข้ามา
 
“อะไร ?” ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

“อีกฝ่ายอยู่ที่นี่..แถมไม่ต้องกลับบ้าน” พี่ธานเบิกตาโต 

“ใช่ ผมลืมได้ไง” ผมเล่นเสียงกระเส่าตอบในทันทีจนพี่ธานหลุดหัวเราะ

“ผมแค่แนะนำเท่านั้นนะครับ ไม่ได้เปิดช่องให้คุณวางแผนทำเรื่องไม่เข้าท่า” พี่ใหญ่เอ่ยปากปรามรู้แกว

“เฮ้อ..มีแต่เรื่องไม่เข้าท่าเต็มหัวผมไปหมด” ผมตอบปัดอย่างไม่แคร์  พี่ธานฉีกยิ้มพร้อมส่ายหัวคล้ายระอา

“นายครับ ใกล้ได้เวลาแล้วครับ” ไอ้รุ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา

“เออ” ผมขานรับพร้อมลุกขึ้น  เมื่อออกมาจากห้อง  ครูมวยต่างรีบมาประกบตัวผมเพื่อพาเดินออกไปที่ด้านหน้าเวที  เสียงโห่ร้องดังกึกก้องเมื่อโฆษกประกาศรายชื่อนักมวยที่จะขึ้นชกในคู่ถัดไป  ผมไม่รู้ว่าพวกของเจ๊ปราณีในตอนนี้นั่งอยู่ฝั่งไหน  แต่ที่แน่ใจคือเหตุการณ์หน้าเวทีนี้ถูกจับจ้องมองจากหัวใหญ่หัวโตอยู่เป็นแน่

“ถ้าผมชนะไอ้โรเจอร์ ผมจะเจอใครรอบต่อไป” ผมถามพี่ธาน

“ก่อนเข้ารอบชิง..ไอ้ป้องจะเจอกับพยัค ถ้าเป็นไปตามแบบของพวกมัน คุณต้องเจอไอ้บูรณ์ครับ” พี่ธานกระซิบตอบที่ข้างหู
 
“หึ..ก็สมเหตุสมผลดี” ผมหัวเราะขึ้นจมูกและคาดว่าไม่น่าจะผิดแผนตามนี้  ค่ายของผมเดินไปที่มุมดำเพื่อเตรียมตัว  ค่ายมวยทัพนครมุมน้ำเงินที่ส่งนักมวยขึ้นชกการแข่งขันในวันนี้คือ “โรเจอร์”  เราทั้งสองค่ายไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน  ต่างพบเจอและเคารพกันในฐานะผู้ร่วมอาชีพมาโดยตลอด  แต่เหตุการณ์ในวันนี้เราคงจะมองหน้ากันยากหน่อยแล้วละมังเพราะผมตั้งใจที่จะโค่นโรเจอร์ให้จบตั้งแต่ยกแรก  ไม่อย่างนั้นมันจะกินแรงผมสำหรับการชกในรอบลึกต่อไป..   


- - - - - - - - - - - - - - -


“สี่คู่ที่ผ่านมาเดาทางค่อนข้างยากนะครับ ตามตรงคงทั้งได้ทั้งเสีย” พี่ธานพูด  ตอนนี้พวกผมอยู่ในห้องพักเรียบร้อยแล้ว  ผลชนะเป็นฝั่งผมตามที่ตั้งใจไว้  การน็อกโรเจอร์ไม่ได้จัดการจนอีกฝ่ายถึงกับต้องหามส่งโรงพยาบาล  แต่เป็นการตัดกำลังเพื่อให้มันลุกขึ้นมาชกต่อไม่ไหวเท่านั้น  คู่ที่สี่เพิ่งชกเสร็จไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าและผลเป็นไอ้บูรณ์ที่ชนะตามที่หลาย ๆ คนคาด  นักมวยของแต่ละค่ายแยกย้ายเข้าห้องพักของตน  คู่ถัดไปจะเป็นคู่ชกจากค่ายส.โชคเจริญของสมัครและค่ายหาญสิงห์ของเสี่ยยุทธ 

“กระบวนการผลิตเงินของจริงเริ่มแล้วงั้นสินะ” ผมพึมพำ

“ไอ้กริดกับเสี่ยยุทธนั่งอยู่ที่สิบสามนาฬิกาจากมุมเรา” พายุเดินเข้ามารายงาน  ผมฟังเฉย 

“เฮียอยากรู้แค่นี้เหรอ” มันถาม

“อยากรู้แค่นี้” ผมตอบไม่มองหน้าใคร   

“สีหมอกจากค่ายส.โชคเจริญ ปะทะกับพยัค! จากหาญสิงห์!” ทุกคนในห้องพักต่างเงียบสนิทเมื่อได้ยินเสียงสะท้อนจากด้านนอกเวทีประกาศการชกของคู่ต่อไป 

“ฉันจะเตรียมตัวแล้ว” ผมพูดขึ้น  ทุกคนต่างลุกขึ้นพร้อมเพรียงเมื่อผมลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปนั่งที่เตียงนอน  พี่ธาน  สมุทร  ลุงลอยและไอ้รุ่งจัดแจงหน้าที่ในการดูแลผม 

..หากเป็นไปตามที่พวกผมคิดเอาไว้  เสี่ยยุทธและสมัครคงวางแผนให้ไอ้ป้องเป็นฝ่ายชนะ  ถึงแม้คู่นี้จะดูออกยากเสียหน่อยแต่ด้วยผลชนะที่ผ่านมาของพยัคเป็นที่รู้ดีว่าโชกโชนกว่าไอ้ป้องมาก  ถ้าหากไม่มีผมไม่แน่ว่าพยัคอาจได้เจอกับไอ้บูรณ์ก็ได้  ดังนั้น..นี่ไม่ใช่การสับขาหลอกเซียนมวย  แต่ผมกำลังมั่นใจว่าต้องมีคนแทงข้างผมไม่มากก็น้อย  ถ้าหากมีไอ้นพอยู่ละก็  แปดสิบเปอร์เซ็นต์มักไม่มีใครแทงฝั่งตรงข้ามเลย 

“ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งนะ กูนึกว่ามึงตายห่าไปแล้วซะอีก” ผมเอ่ยปากทัก  การเดินสวนทางออกจากห้องพักทำให้คนของเราต่างหยุดชะงักเช่นกัน  ไอ้บูรณ์อมยิ้มมุมปากเล็กน้อย 

“กูก็ไม่คิดว่าคนแบบมึงจะมีลมหายใจจนกระทั่งวันนี้เหมือนกัน” ไอ้บูรณ์ย้อนตอบ  ส่วนตัวผมคิดว่าตามจริงแล้วผมกับไอ้บูรณ์มีเคมีในการชกที่เข้ากันได้ดีทีเดียว  ไอ้บูรณ์ไม่ใช่คนไม่ดีแต่ก็ไม่ใช่คนดีเหมือนกัน  ผมคิดว่ามันเป็นคนดีกว่านี้ได้แต่มันไม่เลือกก็เท่านั้น   

“ไม่ยักรู้..ว่าคนอย่างมึง ยอมเป็นเบ๊ให้เสี่ยปรีดาไปแล้ว” ผมพูดพร้อมเดินเข้าหาโดยทิ้งคนของเราไว้ที่ด้านหลัง

“หึ..ก็กูไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง มีทางเลือกเยอะแบบมึงนี่” อีกฝ่ายแสยะยิ้มกวนตีน

“หึ ๆ ก็จริงว่ะ! รวยจนลืมใช้เงินเลยอะบางที ฮ่า ๆ ๆ!” ผมหัวเราะลั่นยอมรับง่าย ๆ  คนของค่ายเสี่ยปรีดาที่อยู่ทางด้านหลังของไอ้บูรณ์คงได้ยินชัดเจนจึงมองตาขวางมา 

“ฮึ..มึงนี่ กวนส้นตีนเสมอต้นเสมอปลายดีนะ” ไอ้บูรณ์บ่น

“คนเรามันบารมีต่างกัน ถึงมึงจะประชดมา..แม่งก็เป็นเรื่องจริงอยู่ดี” ผมยิ้มตอบตาใสซื่อ

“.........” เราทั้งคู่ยืนนิ่งเงียบลง  สายตาของมันที่มองมาความหมายคงไม่ต่างจากสายที่ผมใช้มองมันเท่าไหร่นัก

“กูจะบอกอะไรให้..” ผมเอ่ย

“วันนี้ ก็กูจะเอาให้มึงคลานเป็นหมาลงเวทีเหมือนอย่างทุกครั้ง” ผมฉีกยิ้มท้าทาย  ไอ้บูรณ์จ้องเขม็งไม่ตอบโต้ใด ๆ
 
“ที่กูต้องทำ..เพราะมึง ดันคิดจะเอาชนะกู เพื่อไปยอมแพ้คนอย่างไอ้ป้องนี่นะ” ผมพูดพร้อมถอนหายใจแรง  ประโยคนี้ทำเอาไอ้บูรณ์หน้าขยับได้นิดหน่อยที่ดันไปรู้ทัน 

“ถ้ากูเป็นมึงละก็ พ่อกูคงอับอายที่จะดูกูชกจนจบ มึงกับกู..ควรจะเจอกันรอบชิง มึงไม่คิดงั้นเหรอ ?” ผมเลิกคิ้วเชิงถาม  ไอ้บูรณ์กัดสันกรามด้วยสีหน้าหนักใจถึงกับพูดไม่ออก  หากครูมวยมองอยู่ยิ่งคงเป็นเรื่องน่าละอายต่อผู้ที่สั่งสอนวิชาให้ 
   
“ครั้งนี้กูอาจชนะมึงก็ได้ อยากเห็นฝีมือของเจ้าของค่ายผู้โด่งดังเต็มแก่ว่าจะพัฒนาไปแค่ไหน” อีกฝ่ายประชด

“ปลื้มใจจัง” ผมทำตาปริบ ๆ ยิ้มเล่นเสียงเล็กเสียงน้อยทำเอาอีกฝ่ายขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ

“ถ้ามึงจะชนะกูให้ได้ละก็ มึงต้องชนะไอ้ป้องด้วย” น้ำเสียงของผมเปลี่ยนลง  ขาขยับเข้าไปใกล้เพื่อให้ประโยคนี้เราได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น

“กูเองก็ไม่อยากเห็นหน้าหล่อ ๆ ของมึงมีแผลหรอก แต่มือขวากูน่ะ..เกลียดเจ้าของค่ายมึงเข้าไส้เลยว่ะ” ผมปั้นยิ้มกล่าวถึงพี่ธาน  ไอ้บูรณ์ช้อนตามองเอาเรื่อง

“รู้อะไรไหม..?” ผมเอ่ยก่อนที่เราทำท่าจะแยกกัน  เสียงแว่ว ๆ จากด้านนอกส่งสัญญาณเต็มแก่

“คนเราชอบโทษว่าเป็นเวรกรรม ทั้ง ๆ ที่ทางที่ผิด..เราก็เป็นฝ่ายเลือกเดินไปเองทั้งนั้น” ผมบอก  บอกแม้กระทั่งหมายถึงตัวผมเองด้วย

“มึงก็รู้ว่าเสี่ยปรีดาไม่ใช่คนที่มึงจะฝากชีวิตไว้ได้ มึงปฏิเสธไม่ได้ด้วยว่ามึงรู้ดีแก่ใจ”

“มาเป็นนักมวยค่ายกูไหมล่ะ ? ถ้าพ่อกูไม่ชอบมึงขนาดนั้น..กูคงไม่ชนะมึง ศักดิ์ศรีน่ะ..ทิ้ง ๆ ไว้บ้าง กูหมายถึง..ยกเว้นกรณีวันนี้น่ะนะ บอกให้รู้..แม่ครัวที่ค่ายกูทำน้ำพริกหนุ่มอร่อยสุด ๆ  ได้ข่าวมาว่ามึงชอบยัดห่านี่” ผมเบะปาก

“เออ..อีกอย่าง กูสงสัยมานานละ ไอ้ที่แว่ว ๆ มาว่าแม่มึงไปได้ผัวฝรั่งแล้วคลอดมึงเอาไปทิ้งไว้ที่ค่ายมวยนี่จริงปะวะ” ผมหัวเราะกวนให้ทุกคนได้ยิน  ความจริงคือไอ้บูรณ์เป็นลูกครึ่งจริง ๆ  มันไม่ค่อยพูดเรื่องนี้ออกสื่อหรือให้ใครรู้เท่าไหร่นักเพราะเห็นว่าแม่เลี้ยงดูมันมาตัวคนเดียวตั้งแต่ที่มันยังเล็ก  แต่ด้วยเพราะรูปร่างหน้าตาของมันดันสื่อชัดเจนว่ามีส่วนผสมจากชาติอื่นนอกจากชาติไทยแน่ ๆ  เป็นใบหน้าที่พ่อให้มาแบบปิดไม่มิดเลยล่ะ

“ไอ้ไฟ..” ไอ้บูรณ์กัดฟันข่มน้ำเสียงคล้ายขู่เตือน

“มาทำให้เวทีเป็นสีขาวกันเถอะ” ผมยิ้มพูดแทรกคนละเรื่องด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง  ทำเอาอีกฝ่ายปรับอารมณ์แทบไม่ทัน 

“มึงแม่งหล่อว่ะ กูชอบ!” ผมกระแทกเสียงดังลั่นวกกลับมาหยอกเรื่องเดิม  ไอ้บูรณ์ถลึงตาใส่หน้าเหว่อ  มือของผมสะกิดแก้มของมันสองสามทีก่อนเดินจากมา  เสียงดังกระหึ่มเมื่อเราทั้งสองค่ายปรากฏตัวที่ด้านหน้าเวที 

“..หรือว่าเปิดโรงงานน้ำพริกด้วยดีนะ ?” ผมบ่นพึมพำคนเดียว  พี่ธานกับสมุทรที่ได้ยินหัวเราะเบา ๆ

“อย่าประมาทนะครับ” พี่ธานพูดพร้อมถอดชุดคลุมออกให้

“เมื่อกี้..ตามสถานการณ์แล้ว ผมคิดว่าคุณกวนอยู่เป็นอย่างมาก อีกฝ่ายคงหมันไส้คุณเต็มแก่แล้วครับ” พี่ธานพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  ผมหัวเราะยอมรับ.. แบบนั้นละที่ต้องการ

“ถ้าไอ้บูรณ์ชนะคุณไม่ได้ มันโดนน่วมแน่” พี่ธานพูด

“เนื้อเต้นไปหมด เหมือนกลับไปหลายปีก่อน พี่คิดว่าไง..” ผมฉีกยิ้ม  ยังไม่หยุดกวนอารมณ์พี่ธาน  อีกฝ่ายถอนหายใจน้อย ๆ

“ดูหน้าคุณพายุสิครับ จะกินหัวคุณอยู่แล้ว” พี่ธานเข้ามากระซิบ  ผมไม่หันไปมองเพราะพอจะนึกภาพออก  พายุคงหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยที่ผมทำเรื่องในตอนนี้ให้เป็นเล่นไปหมด  ที่จริงจะให้ผมบอกว่า “ผมค่อนข้างเอาจริงเลยทีเดียว” ก็คงไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-09-2016 22:55:22 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

“นักมวยผู้ออกอาวุธสวยงาม ฉายานามในวงการมวยเรียกเขาว่าฉลามขาว ชกคู่ต่อสู้แบบกัดไม่ปล่อย..ไฟ ศิษย์ลมหวน!” โฆษกมวยเอ่ยแซว

“ชื่อผมไม่เหมาะเป็นกับเวทีมวยเลยพี่ว่าไหม ฟังกี่รอบก็ไม่ชอบทุกที” ผมบ่นประชดไปถึงพ่อที่เสียไปแล้ว  พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ ไม่แสดงความคิดเห็น

“วันนี้มันแน่นอนครับ คู่นี้เคยชกกันมาก่อนแล้วที่เวทีบางปะกอกเมื่อหกปีก่อน เป็นไฟต์ที่พวกเราคงจะจำกันได้ติดตาว่านักมวยจากค่ายชัยโรจน์ชนะน็อกไปแบบเหนือการคาดหมายจริง ๆ  ซึ่งตั้งแต่นั้นมาก็ยังไม่มีครั้งไหนที่ไอ้หนึ่ง.บริบูรณ์จะเอาชนะเขาได้” โฆษกพูด

“ใช่ครับใช่ วันนี้ก็ไม่รู้ว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกรึเปล่า มุมดำ..ลูกชายคนโตของอดีตนักมวยและครูมวยชื่อดังอย่างลมหวน เรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริง ๆ  ออกอาวุธมวยโบราณสวยมากครับคนนี้ เป็นเจ้าของค่ายสืบทอดต่อจากพ่อของเขาด้วย สูงยาวเข่าดี วันนี้สาว ๆ ดูมวยกันเพลินตาเลยทีเดียว..หล่อเหลาทั้งคู่ครับ แหม่..ไม่รู้ว่าจะเจ้าชู้ด้วยรึเปล่านะครับนี่” โฆษกอีกคนพูดปนหัวเราะ

“หึ ๆ  อันนี้ต้องถามสาว ๆ เอานะครับ” โฆษกคนก่อนหน้ากล่าวสมทบ 

“พูดด้วยเรื่องเชิงมวย..อาวุธสวยทั้งคู่เหมือนกัน จัดว่าเป็นนักมวยไทยฝีมือดีที่น่าจับตามองสำหรับนักมวยรุ่นใหม่เลยทีเดียว”

..เสียงส่งสัญญาณให้นักมวยขึ้นบนเวทีดังขึ้น  เราสองคนต่างประชันหน้ากัน  ผมฉีกยิ้มกว้าง ๆ ให้กับไอ้บูรณ์  ถือว่าเป็นการชกที่สมศักดิ์ศรีในการกลับมาพบกันหลังจากที่ต่างก็ไม่ได้ขึ้นเวทีใหญ่ ๆ ด้วยกันทั้งคู่

การชกระหว่างไอ้บูรณ์กับผมอาจเดาเกมได้ยากสำหรับนักพนัน  แม้ส่วนตัวผมจะรู้ตัวว่าการชกกับไอ้บูรณ์นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย  แต่ต้องขอเข้าข้างตัวเองว่า “ผมจะชนะ”  การได้คู่ชกที่สมน้ำสมเนื้อสำหรับผมเป็นการดับความลังเลที่จะแสดงฝีมือ  รวมถึงความกลัวในใจก็หมดลงไปได้  นี่คงเป็นความรู้สึกส่วนตัวที่แปลก  ผมไม่เคยรู้สึกกลัวต่อคนที่เสมอกันหรือกับคนที่เก่งกว่า  เพราะหากแพ้ก็คงเป็นการแพ้ที่สามารถยอมรับได้  แน่นอนว่า “อย่าประมาท” คือคำพูดติดปากที่พี่ธานมักเตือน  ในหัวของผมหากได้ยินคำพูดนี้มันมักจะเชื่อมโยงคำพูดของพายุเสมอว่า “อยู่กับปัจจุบัน”  หากมองเผิน ๆ คงไม่มีความหมายอะไรนักสำหรับบางคน  “ปัจจุบัน” คือปัจจุบัน  ผมถือว่าในหลายครั้งมันใช้ได้ผลสำหรับผมมากทีเดียว 

“หมัดยังไวเหมือนเดิมเลยนะ ทำเอากูเสียวสันหลังเลย” ผมแสยะยิ้มชมทันทีที่ล็อกคออีกฝ่ายเข้ามาปล้ำได้  เหงื่อชโลมตัวเราทั้งคู่ทั้งที่เพิ่งยกที่สองเท่านั้น  ไอ้บูรณ์สู้สุดกำลังที่มีแบบที่เราต่างยียวนกันก่อนหน้า  เพียงเท่านี้ผมก็ถือว่าสมศักดิ์ศรีของไอ้นพแล้ว  ผมไม่มีทางที่จะน็อกคู่ต่อสู้ตรงหน้านี้หากมีโอกาส  และถ้าหากมันยังมีศักดิ์ศรีเหลือให้ผมนับถืออยู่บ้าง  มันก็คงจะไม่น็อกผมเช่นกัน  การต่อสู้ที่ปล่อยอาวุธแบบไม่มียั้งมือคงทำให้เสี่ยปรีดาเป็นบ้าเป็นหลังไปแล้วแน่ ๆ  ถึงแม้ว่าไอ้บูรณ์จะถูกผมต้อนเสียจนมุมอยู่หลายครั้ง  แต่ผมต้องยอมรับว่าหมัดขวาของมันที่ถือว่าเป็นของดีประจำตัวเล่นเอาผมจุกที่ซี่โครงอยู่ไม่น้อย  มันซ้ำอยู่ที่เดิมอยู่อย่างนั้นเมื่อมีโอกาส  จนหมดยกที่สาม  การประกาศชนะคะแนนจากกรรมการทำให้ใบหน้าของทุกคนต่างโล่งใจ 

..ปลายหางตาเหลือบมองไปเห็นเสี่ยยุทธกับเสี่ยปรีดานั่งอยู่ที่นั่งโซนวีไอพีด้วยใบหน้าถอดสี  ผมกับไอ้บูรณ์ยกมือไหว้และกอดกันเพียงเล็กน้อย  คำกล่าว “ขอบคุณ” เบาแว่วให้ได้ยินที่ข้างหูกันและกันเท่านั้น  เราผละตัวออกจากกันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เวทีมวยปล่อยว่างอีกครั้ง  นักมวยกลับมาที่ห้องเก็บตัวและรีบทำความสะอาดร่างกายอย่างลวก ๆ  ผมมีเวลาพักเพียงแค่ไม่ถึงสิบห้านาทีก็ต้องขึ้นชกในคู่ต่อไป  ซึ่งเสียเปรียบตรงที่ก่อนหน้านี้ไอ้ป้องได้มีเวลาพักร่างกายนานมากกว่าผม
 
“..........” ความเงียบในห้องพักทำให้ผมได้ยินเสียงฝ่ามือของพี่ธานและสมุทรที่กำลังนวดไปตามลำขาของผม  แม้จะเป็นการนวดที่นุ่มนวลแต่ผมกลับได้ยินเสียงชัดมากทีเดียว  พายุนั่งนิ่งเงียบอยู่ที่เก้าอี้โซฟาตรงหน้า  ไม่รู้ว่าสายตาของมันจับจ้องอะไรอยู่  มันไม่พูดไม่จามาสักพักแล้ว  ผมมองเฉยอยู่ครู่หนึ่ง  กังฟูนั่งตัวตรงจ้องหน้าเจ้านายตัวเองเขม็งคล้ายอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน  ทุกครั้งที่พวกเราอยู่ในสถานการณ์เกินควบคุมมันมักจะมีความรู้สึกเล็ก ๆ ที่สะกิดเตือนให้ผมรู้ว่าผมรักมันมากกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก

..ผมหัวเราะน้อย ๆ ไร้เสียง  มือคว้ากล่องกระดาษทิชชู่ที่วางอยู่บนเตียงข้างมือก่อนเล็งไปที่เป้าหมาย 


โป๊ก!   ..เสียงกล่องกระดาษทิชชู่ถูกปัดออกทันทีทันใดจนกล่องกระเด็นไปกระทบกับกำแพงอีกฝั่งหนึ่ง  ผมอมยิ้มมุมปากชอบใจที่เห็นว่ามันเหม่อแต่สัญชาตญาณก็คือสัญชาตญาณจริง ๆ
 
“เฮีย!” เจ้าตัวหันมามองด้วยสีหน้าโกรธจัด  กังฟูก็มองผมทันทีเช่นกัน   

“หิวน้ำ” ผมบอกเสียงเรียบ  พายุก้มลงเก็บกล่องกระดาษทิชชู่มาถือไว้ก่อนก้มลงหยิบขวดน้ำเปล่าออกมาจากกระเป๋าเป้ส่วนตัวของตน  มันเดินมาพร้อมยื่นขวดให้โดยที่ยังไม่ได้เปิดฝา

“เปิดให้หน่อย” ผมเบือนหน้าหนี  สมุทรรับกล่องกระดาษทิชชู่จากพายุกลับมาวางที่เดิม  เสียงเปิดขวดได้ยินชัดเจน  ผมรับน้ำมาจิบนิดหน่อยเท่านั้น

“พวกมันจงใจให้บูรณ์ชกซ้ำที่เดิมเพื่อกินแรงคุณ ผมว่าพวกมันคงรู้ว่าเราคิดอะไร..ไอ้บูรณ์เป็นคนเดียวที่เอาคุณไหว ส่วนไอ้ป้องแทบไม่เป็นอะไรเลย” พี่ธานพูด  ผมได้แต่เงียบฟัง 

“ที่พี่ธานพูด หมายถึงเฮียกำลังเสียเปรียบอยู่” พายุจ้องเขม็ง  ผมยังคงเงียบตามเดิม  พี่ธานหยุดมือไปแล้วแต่สมุทรยังคงทำหน้าที่นวดแขนให้ผมต่อ

“สี่คู่วันเดียวกูก็เคยชนะมาแล้ว” ผมพูดถึงอดีตเวทีมวยที่ต่างประเทศโดยไม่มองหน้าใคร

“อือ..เป็นวันที่เฮียฉี่เป็นเลือดด้วย ทั้งผ้าขนหนูทั้งห้องน้ำมีแต่เลือดเหม็นเน่าของเฮีย เฮียถอดกางเกงเองไม่ไหวด้วยซ้ำ ไม่ต้องบอกยุก็จำได้” พายุว่าเสียงแข็ง  สมุทรชะงักมือหยุดนวดไปเสียดื้อ ๆ ทำให้ผมเหลือบไปมองหน้าเขา  อีกฝ่ายจ้องผมด้วยแววตาที่ผมอ่านความหมายไม่ออกนัก 

“เฮียไม่ได้อายุยี่สิบอยู่นะ” มันเตือนความจำ

“งั้นเหรอ กูก็นึกว่ากูยี่สิบมาเจ็ดรอบซะอีก” ผมตอบยิ้ม ๆ  พายุค้อนด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ  วันนั้นตัวผมที่เต็มไปด้วยคราบเลือดกลับไม่มีน้ำตาออกมาสักหยดเดียว  ความรู้สึกมันตื้อไปหมด  จำได้เพียงว่าใบหน้าของพายุทำให้ผมไม่สามารถเอ่ยปากแซวมันอย่างทุกทีได้ด้วยซ้ำ  หน้าของมันที่พยายามข่มอารมณ์โกรธผมเอาไว้กลับเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา  แต่มือกลับไม่หยุดที่จะทำความสะอาดเนื้อตัวของผมด้วยมือของมันเอง  วันนั้นเป็นวันที่ผมได้รับชัยชนะแต่กลับไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนั้นมาก่อนเลยในชีวิต

“กูกำลังจะขึ้นชก มึงจะมาพูดในแง่ลบทำไม” ผมมองตาขวางปราม

“..........” เราทั้งสี่คนพากันเงียบกริบพร้อมกัน  ทุกคนนิ่งเฉยอยู่อย่างนี้สามสี่นาทีจนผมต้องถอนหายใจออกมา

“ขอผมอยู่กันสองคน” ผมพูด  พี่ธานกับสมุทรผงกหัวน้อย ๆ ก่อนปิดประตูห้องออกไป

“มานี่สิ” ผมเรียก  ผายมือออกเล็กน้อย

“ยุเหม็นเหงื่อเฮีย” มันต่อว่าหน้างอ

“หึ ๆ” ผมหลุดยิ้มเพราะมันกลับพุ่งตัวเข้าหา  พายุซบหน้าผากลงที่ไหล่  ฝ่ามือของผมลูบท้ายทอยของมันไปพลาง

“มึงคิดว่าไอ้ป้องเก่งแค่ไหน เก่งกว่ากูอีกงั้นเหรอ” ผมถาม  ชวนคุยไปงั้น

“ที่จริงแล้ว มันค่อนข้างห่วย” พายุตอบงึมงำในลำคอ  ผมหัวเราะ

“แล้วมึงจะห่วงอะไร” ผมบ่น

“อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ขนาดพี่นพยังเป็นแบบนั้นเลย ถ้าเกิดพวกมันเล่นไม่ซื่อล่ะ” มันย้อนด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก

“มันจะไม่มีทางเกิดขึ้น..” ผมกระซิบบอก  พายุเงียบลง  ผมเองก็ด้วย

“ยุจะเป็นคนโยนผ้าขาวเอง” มันกวนไม่เลิก

“ผ้าขาวซักยากมึงกูรู้” ผมกวนกลับ  พายุผละตัวออกตามองจ้องมา

“กูอยากทำสมาธิสักหน่อย” ผมบอก

“อืม งั้นยุนั่งรอตรงนี้นะ” พายุผงกหัวยิ้มออกมาได้  มันเดินกลับไปนั่งที่โซฟาเพื่อปล่อยให้ผมได้มีเวลาส่วนตัว  เปลือกตาหลับตาลงช้า ๆ  ข้างนอกไม่ดังเท่าไหร่จึงทำให้ผมสร้างสมาธิได้ง่าย  คนที่อยู่ร่วมห้องด้วยกันในตอนนี้ทำให้ผมรู้สึกสบายใจ  ใจจึงสงบลง  บนโลกนี้คงจะมีเพียงไม่กี่คนที่จะทำให้เรารู้สึกสบายใจได้กระทั่งเราหลับตาอยู่  ความคิดทุกอย่างเมื่อครู่ทยอยจางหายไป  ผ่านไปสักพักหนึ่งผมจึงลืมตาขึ้น  ขณะเดียวกันพายุก็หันหน้ามองมาพอดี 

“ไปบอกพี่ธานว่ากูพร้อมแล้ว” ผมบอก  เมื่อประตูห้องเปิดออกอีกครั้งโดยพายุ  การเคลื่อนไหวของผู้คนก็กลับเข้ามา  สมุทรถือเชือกมาหาผมอย่างมีเป้าหมายแน่ชัด   

“เชือกครับ” เขายื่นมาให้  ผมรับมาพันมืออย่างเนิบช้า

“มีอะไรจะบอกไหม ?” ผมถามไม่มองหน้าเขา

“ผมเคยชนะไอ้ป้องด้วยการแย็บหมัดบ่อย ๆ  อีกฝ่ายดูเหมือนไม่ชอบอะไรแบบนั้นนะครับ เขาหงุดหงิดง่าย” สมุทรพูด

“หึ ๆ” ผมแสยะหัวเราะ  พอจะมองภาพออก 

“แล้วนายก็เลยจบมันด้วยการปล่อยหมัดซ้ายของนาย ?” ผมลองเชิงถาม  ช้อนตามองคู่สนทนา  เขาไม่ตอบ  เพียงแต่พยักหน้าให้น้อย ๆ

“อีกฝ่ายชอบเตะน่ะครับ ถนัดขวา..” สมุทรพูด

“ผมหมายถึง คุณห้ามเผลอปล่อยคอให้มันเห็น”

“ฮึ” ผมหัวเราะอีกครั้ง  เพราะเขาดันเตือนด้วยใบหน้าเอือมระอา 

“เอางี้ไหม..?” ผมเอ่ย  มือหยุดพันเชือกก่อนเงยหน้าขึ้นมองสมุทรตรง ๆ 

“ถ้าฉันสามารถเอาชนะมันด้วยเข่าของฉันละก็ นายต้องไปเดทกับฉัน” ผมคลี่ยิ้มเปื้อนใบหน้านิดหน่อย
   
“นี่ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นนะครับ” อีกฝ่ายเตือนเสียงเข้ม

“ฉันดูล้อเล่นตรงไหน ?” ผมเลิกคิ้วถาม

“เหรอครับ..คุณกำลังทำสายตากะลิ้มกะเหลี่ยอยู่” สมุทรตอกกลับ  ผมหลุดยิ้มทันที

“แล้วผมคิดว่า ดูเหมือนคุณกำลังใช้คำว่า ‘เดท’ ผิดรูปประโยคกับผมอยู่” 

“ผิดรูปประโยคยังไงไม่ทราบ ? มีอะไรตรงตัวกว่าคำว่าเดทอีกไหมละ ? ฉันก็แค่ชวนนายเดท..นายเรียนรู้ฉัน ส่วนฉันก็เรียนรู้นาย ทิ้งคำว่าเจ้านายกับลูกน้องกันสักวัน” ผมพูดตรง ๆ  ไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว  ถ้าไม่พูดตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเหมาะอีกรึเปล่า 

“..........” สมุทรเงียบเสียดื้อ ๆ  เขาจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าที่วางเฉย  ก็ดีแล้ว..แค่สีหน้าของเขาไม่ได้ดูลำบากใจหรือตกใจ  ก็ดีพอสมควรแล้ว   

“ตกลงไหม ?” ผมย้ำถาม  อยู่ดี ๆ ใจผมมันก็เต้นตึกตักผิดรูปจังหวะปกติขึ้นมา  นี่ถ้ากูถูกคนตรงหน้าปฏิเสธละก็.. กูจะเอาหน้าหนีไปมุดที่แผ่นดินไหนดีวะเนี่ย! แม่งเอ๊ย เพิ่งคิดได้!

“คุณหมายถึงชนะด้วยเข่าของคุณ ?” อีกฝ่ายย้ำถามด้วยใบหน้ามั่นอกมั่นใจ  มองไว้ไม่มีผิด..จริง ๆ แล้วเขาก็มีเล่ห์เหลี่ยมพอให้เนื้อเต้นได้เลยล่ะ

“ใช่..ด้วยเข่าของฉัน” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบ 

“แต่ถ้านายอึดอัด..รังเกียจ ? ก็ไม่ต้องก็ได้นะ ฉันไม่เอามาปนกับเรื่องงานอยู่แล้ว” ผมพูดแทรกพร้อมหันหน้าหนี  การยับยั้งความคิดของเขาเพื่อที่จะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย

“ก็ได้ครับ ถ้าคำตอบของผมจะทำให้คุณหยุดทำกะล่อนกับผมในตอนนี้เพื่อโฟกัสกับการชก” สมุทรพูดขึ้น  ผมหันขวับกลับไปมองตาเกือบโต

“เอาเป็นว่าผมตกลง เพราะยังไง..มันก็อาจจะห้าสิบห้าสิบอยู่แล้ว ไอ้ป้องก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียวนะครับ ขอเตือนให้ระวังตัวด้วย” เขาพูดย้ำด้วยรอยยิ้มกวนโอ๊ย  ผมแสยะยิ้มมองไม่วางตา  พี่ธานเดินเข้ามาแทรกบทสนทนาพอดี  อีกฝ่ายเหลือบตามองเราทั้งคู่กะหลับกะเหลือก  สมุทรผงกหัวน้อย ๆ ปลีกตัวออกไป

“มีอะไรที่ผมควรรู้ไหมครับ” พี่ธานถาม  แววตามองมาอย่างรู้ทัน  ผมไม่ตอบ  เมื่อพันมือเสร็จจึงลุกขึ้นยืน 

“ถึงคืนนี้ผมจะต้องตาย ผมก็จะหนีนรกกลับมาอีก” ผมยักคิ้วบอก  พี่ธานปิดปากกลั้นหัวเราะทั้งที่ยังไม่รู้สาเหตุ

“เฮ้อ เป้าหมายใหม่ของการชนะ” ผมเบะปากยิ้ม ๆ

“โดนท้าทายเอาซะเลือดลมสูบฉีดเลย” ผมว่า  พี่ธานส่ายหัวไปมายิ้ม ๆ  ไร้คำพูดระหว่างเราทั้งคู่อีก 

การประกาศรายชื่อของนักมวยรอบชิงชนะเลิศเป็นชื่อของไอ้ป้องขึ้นก่อนที่จะประกาศชื่อของผม  เสียงโห่ร้องกึกก้องดังระงม  ฟังแทบไม่ออกว่าเชียร์ใครเป็นใครบ้าง  ผมคิดว่าเซียนมวยหลายคนคงจะดูออกว่าเบื้องหลังมีการเล่นไม่ซื่ออยู่

การชกแบ่งออกเป็นสามยก  ยกละสามนาที  เกินคาดนิดหน่อยที่ไอ้ป้องไม่มีท่าทีตื่นตระหนกต่อคู่ต่อสู้อย่างผมแต่อย่างใด  แต่ก็เป็นไปตามคาดที่สายตาของมันมีแต่ความเกลียดชังที่มีให้กับผม  และแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการเอาชนะ  ความแข็งแกร่งของศิลปะการต่อสู้ก็ทำให้เราคลั่งความรุนแรงจนบางทีเราก็หลงลืมไปว่า  ศาสตร์ของมวยไทยแท้จริงแล้วไม่ใช่แค่การแสดงถึงความแข็งแกร่งเท่านั้น  แต่เป็นการต่อสู้ที่สวยงาม  ที่ต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ไปคู่ขนาดกัน 

..คำเตือนของสมุทรหลุดเข้ามาในหัวเป็นครั้งคราว  ผมปล่อยหมัดแย็บออกไปเพื่อลองเชิงดูปฏิกิริยาจากฝั่งตรงข้าม  อีกฝ่ายถนัดลูกถีบจริงอย่างที่สมุทรว่าเอาไว้  มันขยันถีบจนน่ารำคาญเป็นบ้า

“เฮ้!” เสียงร้องเฮดังลั่นเมื่อไอ้ป้องพลาดท่าจากการตั้งใจปล่อยจระเข้ฟาดหางใส่ผม  โดยผมสามารถหลบได้จนอีกฝ่ายเกือบล้มลงหน้ากระแทก  ระหว่างยกแรก ผมแทบไม่ทำอะไรเลยนอกจากปัดป้องอาวุธจากฝั่งตรงข้ามและปล่อยหมัดแย็บลองเท่านั้น 

การชกสไตล์ของสมุทรวนเข้ามาในหัว  หมอนั่นเคลื่อนไหวค่อนข้างช้า  ดูลังเลแต่กลับปล่อยอาวุธใส่อย่างมั่นคง  ซึ่งไม่ใช่สไตล์การชกของผมเท่าไหร่  แต่ปัดไม่ได้ว่าเป็นการชกที่น่าสนใจและใช้ได้ผล ณ ตอนนี้  ผมคืบคลานปลายเท้าอย่างมีจังหวะโดยมุ่งตำแหน่งที่ต้องการจะไปโดยให้คู่ต่อสู้เป็นคนบังคับทิศทาง  ไอ้ป้องสบตาผมครั้งคราว  สายตาของมันเริ่มสับสนที่คงรู้ว่าผมไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างอย่างจริงจังเสียทีจนยกแรกหมดลง   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-09-2016 00:07:53 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

“เก็บความรู้พอรึยังครับ” พี่ธานประชดทันทีเมื่อผมเข้ามุม

“หึ..” ผมหัวเราะ  เบื่อคนรู้ทันจริง ๆ  ลุงลอยและพี่ธานช่วยกันเช็ดเหงื่อออกจากตัว  เหงื่อออกไม่เยอะเท่าที่ควรเพราะการบังคับลมหายใจให้เป็นไปค่อนข้างช้า  ตาเหลือบมองไปที่ด้านข้างเวที  พายุมองผมอยู่ที่เดิม  นั่นคือองศาประจำที่ไม่ว่าผมขึ้นชกเมื่อไหร่มันก็จะอยู่ที่องศานั้นเสมอ 

“มันชอบถีบสุ่มสี่สุ่มห้าดีนัก นาคาบิดหางไปเลย” ลุงลอยพูด

“ครับ” ผมสบตาลุงแกรับปาก  เสียงระฆังดังส่งสัญญาณ 

การชกในยกนี้ผมยังคงเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับตั้งรับตามเดิม  แต่ต้องไม่ใช่แบบนั้นเสียทีเดียว  ครั้งนี้ผมจะเป็นฝ่ายเริ่มปล่อยอาวุธหนักขึ้นบ้าง  ไอ้ป้องได้ใจปล่อยหมัดเร็วแรงเมื่อแรกเริ่ม  ทุกครั้งที่ผมเบี่ยงตัวหลบก็มักจะมีโอกาสทำให้ปล่อยอาวุธกลับไปได้  การชกหมัดต่อหมัดเพื่อสร้างสีสันให้ผู้ชม  แบบนี้สนุกกว่าเป็นไหน ๆ  ช่องโหว่เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อไอ้ป้องถีบมาที่หน้าท้องด้วยคิดว่าเป็นโอกาสของตน  เท้าซ้ายของผมรับน้ำหนักตัวตั้งหลักไว้ได้ในทันที  มือขวาตั้งฝ่ามือรับปลายเท้าจากคู่ต่อสู้  ออกแรงจับไว้แน่นพร้อมพลิกบิด  ทันทีนั้นเจ้าของร่างกายหน้าถอดสี  เพียงไม่กี่เสี้ยววินาทีที่ผมดึงส้นเท้าของไอ้ป้องเข้าหาตัว  เข่าของผมก็แทงเข้าที่น่องของมันเต็มแรงจนอีกฝ่ายล้มลง 

“เฮ้ !!!!” เสียงเชียร์ดังระงมขึ้นอีกครั้ง  กรรมการเข้ามานับทันใด  ไอ้ป้องลุกขึ้นได้  มันกัดฟันแน่นพร้อมกับสายตาที่เกรี้ยวโกรธหนักกว่าก่อนหน้า  ผมเอียงคอเล็กน้อย  ตามองไปที่คนตรงหน้าอย่างไร้ความหมาย  รอยยิ้มแสยะออกให้ทีละนิด  ทันทีนั้นเองผมก็แทบไม่ได้ยินเสียงภายนอกอีก  ลำตัวพุ่งเข้าหาและรับหมัดจากไอ้ป้องอย่างจงใจคลุกวงใน
 
“แฮก ๆ ๆ” เสียงหอบแรงจากคนตรงหน้า  ผมล็อกคอไอ้ป้องไว้แน่นจนหลังของมันเซเข้าขอบเวที 

“พวกมึงจะจัดการกูไม่ใช่เหรอ เอาเลยซี่..กูอยู่นี่แล้วไง” ผมกัดฟันกระซิบปนหัวเราะ 

“อ้าก!” ไอ้ป้องร้องคำราม  เข่ากระทุ้งตัวดันผมออกแทบกระเด็น  ผมยิ้มกว้าง  ตัวเซออกมาพร้อมผายมือออกอย่างท้าทาย  โดยปกติแล้วผมไม่เคยคิดทำท่าทางเช่นนี้กับใครบนเวทีเพราะมันถือเป็นการไม่ให้เกียรติคู่ต่อสู้  แต่สำหรับวันนี้ยกให้ไอ้นพเป็นกรณีพิเศษก็แล้วกัน  อีกฝ่ายพุ่งสู้เข้าหา  ปลายเท้าผมกวาดออกหลอกคล้ายกับจะจระเข้ฟาดหางเพื่อจนใจให้มันหลบเอาได้  เมื่อหมุนตัวกลับมาหลักยืนมวยทรงตัวไว้  เท้าขวายกขึ้นถีบเข้าที่ยอดอกของไอ้ป้องจนตัวมันกระเด็นไปไกล  หลังกระแทกเข้ากับมุมเวทีฝั่งของตน  เสียงโฆษกและเสียงคนเชียร์ไม่รู้ใครเป็นใคร  ผมเดินดุ่ม ๆ เข้าหาอย่างไม่สนว่ากรรมการที่เข้ามาแทรก  ไอ้ป้องพยายามที่จะลุกขึ้นอีกครั้ง  เมื่อกรรมการส่งสัญญาณมือให้ชกต่อได้  ผมก็คว้าตัวมันเข้ามาปล้ำมวยอย่างไม่ให้ใครได้พักแม้แต่จะหายใจ

“รสชาติเป็นไง ชอบไม่ใช่เหรอ..มอญยันหลักน่ะ ฮี่ ๆ ๆ” ผมแสยะหัวเราะ

“ไอ้สัตว์!” มันกัดฟันถลึงตาโต 

“จุ ๆ หยาบคายจัง” ผมเบ้ปาก  คนดูโห่ร้องเป็นจังหวะจะโคนไปกับการปล้ำตีเข่าของเราทั้งคู่ที่แลกเข่าแทงกันอย่างไม่มียั้ง  ผมแทบจะไม่ป้องกันตัวเองอย่างที่ควร  ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามน้ำของคู่ชก  เจ้ามือรับแทงมวยจะต้องเป็นบ้าตายยันนาทีสุดท้ายเป็นแน่  นั่นละที่ต้องการ  ครู่หนึ่งเมื่อผมเริ่มแน่ใจว่าขาของไอ้ป้องเกินที่จะรับน้ำหนักของตัวเองเอาไว้ได้  ส่วนตัวผมยังไม่รู้สึกเหนื่อยจนขาดใจ  ตอนนี้รับรู้ได้เพียงว่าชายโครงที่ไอ้บูรณ์เล่นงานผมไว้นั้นมันเริ่มออกอาการเมื่อถูกชกซ้ำ ๆ จากไอ้ป้องจนทำให้ผมหายใจไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควร  หมัดแลกหมัดต่อหมัดไม่เว้นช่วง  เลือดของไอ้ป้องไหลออกมาทางจมูก  หางตาของผมกำลังมีบางอย่างไหลเข้าตาจนทำให้มองไม่ชัดเช่นกัน  ทันทีนั้นระฆังก็ดังขึ้นอีกครั้ง..

“แกปล่อยการ์ดทำไมบ่อยนักวะ!” ลุงลอยโวยวายด้วยสีหน้าโกรธจัด  แกรู้ดีที่สุดว่าไม่ว่าผมจะเหนื่อยแค่ไหน  ผมเป็นหนึ่งในนักมวยไม่กี่คนในค่ายที่การ์ดไม่เคยตกเลย

“ตาผมเป็นไง ?” ผมถามถึง  พี่ธานใส่ถุงมือยางนำสำลีเช็ดเลือดที่หางคิ้วออกให้

“ปกติดีครับ” พี่ธานตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ  ลุงลอยถอดฟันยางออก  น้ำถูกกรอกใส่ปากก่อนที่ผมจะพ่นมันออกมา

“สมุทรมันชกแบบนั้นของมันไปได้ยังไงเป็นปี ๆ  ไอ้บ้าเอ๊ย..โดนยำน่วมเลย” ผมสบถอย่างอดบ่นไม่ได้ 

“หึ ๆ ๆ” พี่ธานขำ 

“ไฟ!” ลุงลอยจับหน้าผมไปทั้งสองมือ  แกเหลือกตาถลึงโต

“ครับ” ผมมองหน้า

“เลิกทำแบบเมื่อกี้ได้แล้ว รีบจัดการซะ!” ลุงลอยกระแทกเสียงเข้ม  ผมอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนอ้าปากรับฟันยางกลับเข้ามา  พี่ธานมัดเชือกที่หลุดออกเก็บเข้าที่ตามเดิมจนเรียบร้อย  ลมหายใจถูกสูดเข้าลึกแรง  สติกลับมาเป็นคนเดิม  การเริ่มของจริงทำให้รู้สึกอย่างกับว่านี่คือยกแรกอย่างนั้น  เสียงระฆังดังขึ้น  โฆษกมวยพูดอะไรสักอย่างแต่ผมไม่สนใจจะฟังมันอีก  หมัดแย็บถูกปล่อยออกตามที่สมุทรแนะนำ  แต่ครั้งนี้ไม่ใช่การแย็บอย่างยกก่อน ๆ เพื่อต้องการลองเชิงอีกฝ่าย  นี่คือการแย็บเร็วในสไตล์ของผม

“แย็บ ๆ ๆ!” เสียงตะโกนพากษ์จากครูมวยฝั่งของผมดังประสานพร้อมกับเสียงเชียร์ของคนดู  ผมไม่ปล่อยให้การ์ดตก  อีกทั้งไม่เปิดช่องว่างให้ไอ้ป้องปล่อยอาวุธใด ๆ อย่างยกก่อน ๆ ได้อีกด้วย  การกวาดปลายเท้าเป็นไปอย่างระวังพร้อมบุกเข้าหาอย่างมั่นคง 

“เออ! แทงเข้าไป! แทง ๆ ๆ ๆ!!!” โฆษกต่างประสานเสียง

“เป็นที่รู้กันว่าลูกของลมหวนนี่เป็นมวยเข่าจริง ๆ  คลุกแทงวงในอย่างไม่กลัวคู่ต่อสู้เลยครับท่านผู้ชม สีหมอก ส.โชคเจริญจะรอดรึเปล่า! รอดรึเปล่า ไส้จะไหลรึเปล่า โอ้โอ๊ย..สับขาหลอก!” 

“ไม่มีการลองเชิงเลยครับสำหรับยกนี้ ฉลามขาวของเราบุกลูกเดียว กรรมการไม่มีเวลาให้สับมือกันเลยทีเดียว”

“เฮ้!!!”

“ฟืด! ฮ้า.. ฮา” เสียงหอบหายใจทั้งจากผมและไอ้ป้องต่างปะทะกัน  ชายโครงของผมที่ถูกมันชกซ้ำเข้าเมื่อครู่ถึงหลายหมัดเริ่มแสดงอาการเจ็บ  เสียงเตะเข้าที่ลำตัวสลับซ้ายขวาทั้งจากผมและมันดังอย่างต่อเนื่อง  ตับ ๆ ๆ ๆ ๆ!  จนเรียกเสียงแห่งความสะใจจากผู้ชมเป็นทำนอง

“เหลี่ยมเข่า! เหลี่ยมเข่า!! โดนยัดไส้เข้าให้แล้วครับสีหมอก..สีหมอกจะแก้เกมได้หรือไม่ แทบไม่ได้ปล่อยอาวุธก้านคอเลยครับวันนี้ แหม่..บุกไม่เกรงใจเลือดที่หางคิ้วเลยนะครับไฟ ศิษย์ลมหวน” ทันทีที่หมดเสียงพากษ์  ไอ้ป้องออกแรงที่มีรั้งขอของผมเพื่อจงใจแก้เกมแทงเข่าผมกลับ  ผมหดคอหนีโดยอัตโนมัติ  ตัวที่ชุ่มเหงื่อช่วยให้หลุดออกมาได้ง่ายมากขึ้น  ขาซ้ายปัดหลบหลีกพร้อมเสียบเข่าขวาย้อนกลับทันใด 

“สีหมอกเสียทรงแล้ว โอ้ว!”

“ไม่จบด้วยท่านี้สิ” ผมพึมพำพูดถึงคนตรงหน้า  กรรมการเริ่มสับมือ  ไอ้ป้องไม่รอช้า  มันฮุกหมัดขวาสวนเข้าที่หน้า  ตัวผมเบี่ยงหลบหลีกได้ทัน  แขนคว้ากึ่งล็อกคอของมันมาเป็นหลัก  ได้จังหวะนั้นจึงปล่อยเข่ากระแทกเข้าที่หน้าจนอีกฝ่ายหงายหลังหมดท่าลงนอน

“โว้ว! สีหมอกเจอศิษย์ลมหวนหักคอเอราวัณล้มไปแล้วครับคุณผู้ชม!!”

“แม่งเอ๊ย” ผมกัดฟันสบถอย่างนึกหงุดหงิด  ลืมตัว..ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนี้สักหน่อย  กรรมการเริ่มนับอีกครั้ง 

“แฮก! ฟืด ๆ” ผมสูดหายใจเข้าเป็นจังหวะ  ยืนมองหวังให้ไอ้ป้องมีแรงลุกขึ้นมาสู้กันต่อ  ผมไม่ต้องการให้มันน็อกไปทั้งอย่างนี้  ไม่ใช่ท่านี้  ต้องไม่ใช่แบบนั้น 

ไอ้ป้องนำมือดันตัวลุกขึ้นสุดแรงที่มี  เมื่อมันพยักหน้าส่งสัญญาณว่าตนสามารถชกต่อได้  การชกจึงเริ่มขึ้นอีก  ผมยิ้มกว้างด้วยนึกชอบใจ  อีกฝ่ายกัดฟันสบถคำรามเรียกพละกำลัง  ทั้งเลือดทั้งเหงื่อกลิ่นคละคลุ้ง  ไอ้ป้องสู้สุดแรงที่มีเหลืออย่างไม่ย่อถอย  เลือดที่หางตาเริ่มไหลลงเปื้อนจนแทบปิดเปลือกตาของผมอีกครั้ง  ทันทีนั้นผมจึงลำคอหดลง  ลำตัวปิดการ์ดเพื่อป้องกันตนเอง  ปิดหัวไหล่ห่อพร้อมซ่อนคาง  รับรู้ถึงลมหายใจที่หอบแรงและจับจังหวะของปลายเท้าให้โยกไปด้วยน้ำหนักที่เป็นปกติแบบที่ต้องการ  ผมช้อนตาขึ้นมองคู่ต่อสู้  ไอ้ป้องปล่อยหมัดบ้าพลังบุกเข้ามา  ผมจับจังหวะรอให้อีกฝ่ายปล่อยอาวุธที่มันถนัด  พอมันเตะซ้ายผมจึงเตะขวา  ใกล้หมดเวลายกสุดท้ายเต็มทีแล้ว 

..ผมจะน็อกมัน  นั่นคือความตั้งใจ  เสียงการก้าวบุกคล้ายต่างพร้อมออกฤทธิ์ของแม่ไม้ที่ตนมี  ต่างฝ่ายต่างจะทำสิ่งที่ตนถนัด  ผมที่ไวกว่าทำให้ไม่ถึงวินาทีเข่าของผมก็กระโดดสวนเข้าที่ปลายคางในจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้ป้องพุ่งตัวเข้ามา



ตึง !!!!!   ..เสียงกระแทกเวทีดังลั่นสนามแข่งขัน

“โอ้!! สีหมอกเจอเข่าลอยล้มลงไปแล้วครับ!!!” โฆษกแทบกรีดร้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน  ผมยืนมองผลงานที่นอนตัวกระตุกอยู่กลางเวที  กรรมการเริ่มนับแต่เสียงโห่ร้องแทบไม่สนใจคนเจ็บเสียแล้ว  เลือดที่ไหลปิดตาข้างหนึ่งทำให้ผมมองเห็นไม่ค่อยชัดนัก  ไอ้บูรณ์ยืนหลบมุมอยู่ทางด้านหลังของเจ้านายตน  ผมยักคิ้วให้  อีกฝ่ายอมยิ้มน้อย ๆ ตอบที่มุมปากก่อนเดินจากไป  ฟันยางเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลาย  ผมปลิ้นมันออกมาพลางฉีกยิ้มให้เสี่ยปรีดาที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ที่โซนวีไอพี  ผมไม่สนด้วยซ้ำว่าโฆษกกำลังพูดห่าเหวอะไร  ไม่สนแม้เปลพยาบาลกำลังลอยขึ้นมาบนเวทีและคนที่กำลังจะถูกหามไม่มีท่าทีว่าจะลุกขึ้นได้เร็ว ๆ นี้

ระยำ.. ถือว่ายังโดยน้อยไปด้วยซ้ำหากต้องเทียบกับสภาพของไอ้นพ  กรรมการชี้ขาดให้ผมเป็นฝ่ายชนะขาดลอย  แขนของผมถูกยกขึ้นไปพร้อม ๆ กับพวกพี่ธานและลุงลอยที่กระโดดขึ้นมาบนเวที  ตัวถูกอุ้มลอยขึ้นง่าย ๆ  ผมรับถ้วยรางวัลมาถือไว้ครู่เดียวก็ยื่นให้ลุงลอยแกเป็นคนรับผิดชอบต่อ

เสียงจ้อกแจ้กจอแจในห้องพักจนฟังไม่ได้ศัพท์  ทุกคนในค่ายต่างดีใจที่ค่ายของเราชนะมันทั้งสองรุ่น  พี่ธานพาผมเดินมานั่งที่เตียง  ชายโครงขยับแรงขึ้นกว่าเดิมคล้ายประท้วงร่างกายให้ทราบ  ทันทีที่ก้นของผมแตะลงที่เบาะ  มือของพายุก็แตะเข้าที่ระหว่างเอวของผมอย่างจัง

“ไอ้ยุ! ระยำเอ๊ย!!” ผมสบถด้วยความหงุดหงิด  มือปัดมือพายุออกอย่างแรง  อีกฝ่ายหน้าเสีย  เมื่อผมได้สติจึงถอนหายใจออกมา  พายุมองค้อนผมตลอดเวลาแต่มือกลับไม่หยุดขยับเปิดขวดน้ำให้ 

“สัตว์..มึงจะฆ่ากูรึไง!” ผมบ่น  มันยื่นขวดน้ำมาให้

“ไม่ตายหรอกน่า ไปกวนมันอยู่เมื่อกี้..ปล่อยให้มันซ้ำชายโครงอยู่ได้ยังไม่เห็นบ่นสักคำ” พายุขึ้นเสียงใส่  ผมฟังเงียบ ๆ  น้ำที่ดื่มค่อนข้างลำบากทำให้หกเลอะเทอะ  สมุทรนำผ้าสะอาดมาเช็ดปากให้พร้อมกับเช็ดเหงื่อที่ตัวผมให้ด้วย  ไอ้รุ่งกุลีกุจอเช็ดเลือดที่หางคิ้ว   

“ไปเอาเงินมา” ผมสั่งเสียงแหบ  ทุกคนหยุดปากเงียบลง

“ไปเอาเงินมาเดี๋ยวนี้” ผมพูดซ้ำตาขวาง  พายุถอนหายใจก่อนเดินออกไปตามที่สั่ง  ผมปัดมือส่งสัญญาณให้พี่ธานกับไอ้เข้มตามไปด้วย 

“ยังห่วงเงินอีกนะครับ คุณนี่มันจริง ๆ” คนข้าง ๆ เอ่ยปากบ่น  ผมเหลือบมอง  สมุทรไม่แม้สบตาแต่จับมือผมไปเพื่อจัดการแก้เชือกออกให้อย่างเบามือ  ผมไม่ย้อนอะไรสักคำ.. เหนื่อย

“ติดต่อไอ้เด่นซิ” ผมพูดขึ้น  สมุทรหยิบโทรศัพท์กดโทรออก  ครู่หนึ่งเขาก็ถือโทรศัพท์นำมาแนบที่ข้างหูให้ผม

“ครับนาย” ปลายสายทัก

“ไอ้นพเป็นไงบ้าง” ผมถาม

“ปลอดภัยแล้วครับ เพิ่งเข้าห้องพิเศษเรียบร้อยเมื่อกี้นี้เองครับ” ไอ้เด่นตอบเสียงใส

“ดี..เดี๋ยวกูกำลังจะไปที่นั่น มึงรอก่อนแล้วกัน” ผมสั่ง

“ได้ครับนาย” ปลายสายรับปาก  ผมเบี่ยงหน้าออกเล็กน้อยเป็นการบอกให้สมุทรจัดการวางสายลงได้  เขากดตัดสาย  เก็บโทรศัพท์มือถือเข้าที่เดิมแล้วทำหน้าที่แก้เชือกต่อ  ครูมวยเข้ามาแสดงความยินดี  ผมได้แต่ยิ้มรับให้กับทุกคน  เหงื่อผมแห้งดีแล้วเพราะสมุทรเป็นคนจัดการเช็ดให้  ให้หลังไม่นานนักพายุก็กลับมาพร้อมกับเช็คจากเฮียกานต์และเงินรางวัลที่ควรได้รับจากการแข่งขันชนะ

“ผมจะไปดูไอ้นพหน่อย” ผมกระซิบบอกพี่ธาน

“ก็ดีครับ ผมว่าคุณไปให้หมอตรวจที่โรงพยาบาลดีกว่า” พี่ธานพูด

“ขอโทษนะคะ” ทีมพยาบาลประจำค่ายเดินเข้ามา

“ไม่ครับ เราจะไปโรงพยาบาล ขอบคุณ” พี่ธานกันท่าพยาบาลออกห่างไม่ไว้หน้า  ผมลุกขึ้นเดินกลับเข้าห้องพักเพื่อจะเปลี่ยนกางเกง  พี่ธานไม่อนุญาตให้ใครเข้ามานอกจากพี่เขา  อีกฝ่ายปิดห้องทันทีก่อนที่ผมจะถอดกางเกงออกด้วยซ้ำ 

“เฮียว่าไง ?” ผมถามถึง  กางเกงและกระจับหลุดออกไปแล้ว  พี่ธานเบี่ยงตัวยืนคุมอยู่ที่หน้าห้องโดยไม่ได้หันหน้ามา
 
“คาดว่าน่าจะได้ไปเยอะพอสมควรครับ ยิ้มร่าเลย..บอกขอบคุณคุณด้วย” พี่ธานตอบ  ผมอมยิ้ม  ก้มลงใส่กางเกงใน

“ไม่อยากใส่เลย” ผมบ่น  กูเบื่อกางเกงใน

“ใส่เถอะครับ” พี่ธานย้อนทันทีทำเอาผมแทบหลุดขำ

“คัดคนไปเฝ้าไอ้นพด้วย” ผมสั่ง

“ผมกับพี่นีเตรียมคนไว้พร้อมแล้วครับ” พี่ธานตอบ  ผมพยักหน้า  ผมใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นอย่างลวก ๆ เพื่อไม่ให้อุจาดตาเท่านั้น  เมื่อเปิดประตูออกมาจากห้องสมุทรก็แทรกตัวเข้าไปเก็บข้าวของของผมในทันที  ผมลาครูมวยและทุก ๆ คนในค่ายเพราะวันนี้ผมคงไม่มีอารมณ์ที่จะไปพบปะทุกคนหลังอาหารมื้อเย็นอีก  พี่ธาน  พายุ  สมุทรและไอ้เข้มพาตัวผมหลบหลีกออกจากนักข่าวที่ยืนรอสัมภาษณ์อยู่ที่หน้าห้อง  มันคงแปลกมากที่ผมไม่ให้สัมภาษณ์ใครแม้กระทั่งกับเจ้าของสนามแห่งนี้  แต่ช่างเถอะ ผมถือว่างานของผมจบไปตั้งแต่ที่ผมได้รับเงินแล้ว 

“นั่นมัน..ใช่ผู้กองมาดรึเปล่าครับ” พี่ธานทัก  ผมหันไปมองตามก็พบผู้กองมาดกำลังเดินเข้าไปในสนามแข่งพอดี  อีกฝ่ายไม่ทันสังเกตเห็นพวกเรา

“เขามาทำอะไรที่นี่” พี่ธานบ่น 


ก๊อก  ๆ   ..ผมเคาะนิ้วลงที่ท้ายรถเพื่อเป็นการบอกให้เปิดออก  สมุทรเปิดท้ายรถทันทีโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากสั่ง  การที่ผมไม่ต้องอ้าปากขยายความแบบนี้คล้ายกับได้ร่วมงานกันมานาน  ซึ่งมันทำให้ผมหัวเราะได้นิดหน่อยเพราะเขาฉลาดดี  เมื่อท้ายรถถูกเปิดออก  พี่ธานก็ก้มลงเปิดกล่องไม้เท้าให้อย่างรู้ใจเช่นกัน  ผมยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง  ในกล่องนั้นมีไม้เท้าอยู่ทั้งหมดสามแบบ  ผมหยิบอันที่คุ้นมือที่สุดออกมา  ไม้เท้าหัวสุนัขที่พายุเป็นคนซื้อมาให้อีกนั่นล่ะ  ลำไม้เคลือบทองแท้  ผมว่ามันเป็นน้องชายที่พิถีพิถันสุด ๆ เท่าที่ผมเคยพบเจอมาเลย

“ไปโรงพบาบาล” พี่ธานสั่ง  สมุทรผงกหัวรับทราบพร้อมเปิดประตูรถรอ 

“..สัญญาให้ไว้ยังจำ” ผมแสยะปากร้องลอย ๆ กวนใครบางคนที่ยืนคุมรอปิดประตูรถให้อยู่




..............(ไฟ)..............

จากผู้เขียน:
.. สำหรับตอนต่อไปยังไม่ทราบว่าจะมาเร็วได้ที่สุดเมื่อไหร่นะคะ  ตั้งแต่ที่ต่อตอนที่ 27 ไปเมื่อวันศุกร์ที่ 2 ที่ผ่านมา  ส่วนตัวก็พยายามเร่งสำหรับตอนที่ 28 แล้ว  แต่เร็วได้สุดเท่านี้จริง ๆ ค่ะ T T ช่วงนี้เบบี้มีงานต้องเคลียร์อีก  แต่จะพยายามไม่ปล่อยเว้นให้นานจนเกินไปค่ะ (หวังว่า)  :m15: ปล.สำหรับตอนนี้หากมีคำผิดที่ใดต้องขออภัย  เพราะไม่สามารถตรวจทานได้ไหว(อีก)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-09-2016 23:12:47 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ลงเล่นเองแบบนี้ สนามแตกแน่ ๆ
หลังจากนั้น คงได้ตามเช็ดตามเก็บ ในแบบฉบับของไฟ เป็นแน่แท้  :เฮ้อ:
+1 ให้เป็นกำลังใจนะครับ หนูบี้  :กอด1:

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
หน้าสิ่วหน้าขวานขนาดนี้ยังมีเวลามาจีบกันได้หวานจนนนนนน ไฟรุกหนักมากเค้าจะไปเดตกันแล้วววว
ขอบคุณและรอติดตามตอนต่อไปค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5

ออฟไลน์ A-ram 70

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 765
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
คู่นี้บอกเลย สมน้ำสมเนื้อมาก :haun4:

#ทีมสมุทร

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9

ออฟไลน์ cassper_W

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2052
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-1
หนุกงะ รอให้คุณไฟกะคุณทะเลเข้าด้ายเข้าเข็มกัน แหม  น้ำกะไฟจะมารวมกันไงน้อ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
ลุ้นทุกตัวอักษรจริงๆ ถึงจะตื่นเต้น ลุ้นระทึก แต่ไฟก็หยอดสมุทรได้ทุกเวลาจริงๆ 55555
ต่อไปก็รอเวลาออกเดทกันแล้วซิ o13

ออฟไลน์ konjingjai

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +226/-4
ว่างเมื่อไรค่อยมาต่อก็ได้ครับ   รอได้เสมอ

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
บรรยายเห็นภาพเลยอย่างกะดูมวยในสนาม  ลุ้นละทึก สุดยอด  มันส์หยด


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คุณเบบี๋ สุดยอดดดดดด มันส์มาก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
อ่านอย่างสนุก อารมณ์ร่วมมาเต็มๆ ลุ้นระทึก
ไฟ ใช้พลังเต็มเปี่ยม มีลูกเล่น ลูกหลอก
สมเป็นหลานรักที่ถ่ายทอดลูกกะล่อนจากปู่
เสี่ยปรีดา เจ๊ปราณีไม่ปราศรัย และกริด คงแทบกระอัก
เฮียกานต์ สนพายุ ชอบบบบบ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:  อยากเผือกด้วย
รอ สมุทร ไฟ เดท ตอนใหม่ อย่างใจจดใจจ่อ :mew1: :mew1: :mew1:
    :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ปลายฝน ต้นหนาว

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ถือว่าคืบหน้า กร๊าซซซซ ชอบคุณไฟมาก อยากได้  :ling1: :ling1: :hao7:

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
มันสนุกทุกตอน ทุกตัวอักษร เหมือนไปนั่งดูมวยอยู่ข้างๆสนาม โหย รอตอนต่อไปแทบไม่ไหวแล้ว  ไฟเก่งมาก รักนะ :katai4:

ออฟไลน์ namaquaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
คุณไฟของบ่าวววววววววว เต๊่าะได้ทุกสถานการณ์จริงๆ
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 951
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
ไฟนี่ไม่ว่าสถานะการณ์ไหนก็สามารถหยอดสมุทรได้ทุกที่ทุกเวลารอเวลาเค้าไปเดทด้วยกันอิิ

หลงรักพี่ธานดูเป็นพี่ใหญ่สำหรับน้องๆมากนะแบบรู้ทันไปซะทุกเรื่องด้วย

ขอบคุณค่ะมาอ่าน2ตอนรวดตาแทบแฉะ :pig4:

ออฟไลน์ flowerloveyaoi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ขอบคุณมากค่ะ มาต่อยาวจุใจมากกก~ มาต่ออีกเร็วๆนะ

คุณไฟนี่รุกหนักจริงๆแต่เราชอบ555 สมุทรจ๋าหวั่นไหวเร็วๆนะแล้วรุกคุณไฟบ้าง อิอิ 
แล้วมาดูกันว่าใครจะเป็นคนบ้ารักกัน นี่รอมานานละ แต่น่าจะเป็นคุณไฟสินะ~

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
ไฟกวน_ีนสุดๆ  ชอบพี่ธานแฮะตามไฟทันตลอด สมุทรทำใจเถอะนายกวนอารมณ์สุดๆ

ออฟไลน์ aommyga40

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ JaaJaaJaaJaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ toou

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-3
ในที่สุดก็เอ่ยปากจีบตรงๆ เค้าขอเดทกันล๊าวววววววววววว

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ความรู้สึกเราหยั่งกะนั่งอยู่ข้างเวทีแน่ะ มันส์มาก o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด