The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 446062 ครั้ง)

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ตอนที่ 29
..ไฟ..




พัทยา : โรงพยาบาล

“คุณไฟไปตรวจร่างกายก่อนเถอะครับ ทางนี้ผมจะดูเอง” พี่เอิร์ธสีหน้าเคร่งเครียดผิดทุกที  ผมพยักหน้ารับ  ตายังคงมองไอ้นพที่ยังนอนไม่ฟื้นอยู่บนเตียง  แต่สภาพของมันเป็นผู้เป็นคนขึ้นแล้ว 

“ฝากด้วยแล้วกันนะ” ผมบอก 

คนที่อยู่เฝ้าที่นี่มีพี่เอิร์ธกับลุงขันและลูกน้องของผมอีกคน  พี่นีจะเป็นคนจัดการส่งคนมาเปลี่ยนให้พี่เอิร์ธกับลุงขันกลับไปในเช้าวันรุ่งขึ้น  ผมกลับไปที่ห้องตรวจ  สมุทรจองคิวตรวจไว้รอเรียบร้อยแล้ว  หมอสั่งให้ทำอะไรก็ทำ  การตรวจไม่ได้ละเอียดถึงกับต้องสแกนร่างกาย  ส่วนใหญ่ผมเลยไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่  ได้แต่นั่งเงียบทำตามคำสั่งเท่านั้นเพราะพี่ธานคงฟังแทนแล้ว  พยาบาลทำแผลที่บอบช้ำให้ตามร่างกาย  ส่วนหางคิ้วที่แตกต้องเย็บหลายเข็มตามระเบียบ
   
“ไม่เจ็บหรือคะ ?” พยาบาลถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ  ผมเหล่มองหน้าเธอที่อยู่ต่ำกว่า  อีกฝ่ายหลบตาทันที 

“ครับ..ก็ เจ็บนะ” ผมตอบ  เจ็บรึเปล่าก็ไม่รู้เพราะกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่  พี่ธานยืนถือไม้เท้าของผมดูสถานการณ์อยู่ไม่ห่างตัว  ส่วนสมุทรกับไอ้เด่นรออยู่ด้านนอก  ผมกวาดตามองดูร่างกายตัวเองเมื่อได้สติ 

“คุณพยาบาลครับ คือว่าผมเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้” ผมพูดตาลอยมองไปบนเพดานห้อง  พวกเธอหยุดมือที่กำลังทำงานอยู่ขึ้นมองหน้าผมด้วยแววตาสงสัย

“เอ่อ..ช่วยพันผ้าที่เอวผมเหมือนเจ็บหนักไม่ได้เหรอครับ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ  ตอนนี้ไม่ใช่ว่าไม่มีแรงที่จะพูด  แต่เหมือนกับว่าได้ถูกสูบพลังไปค่อนข้างเยอะเลยทำให้ขี้เกียจจะขยับร่างกายมากกว่า

“คือ ตามจริงแล้วผมคิดว่าผมก็เจ็บมากอยู่นะ ทำไมผ้ามันถึงได้บางนักละครับ” ผมเลิกคิ้วเจาะจงมองไปที่นางพยาบาลทางด้านซ้ายมือ  เธอชะงักไปครู่ก่อนอมยิ้มออกมา 

“จะเอาไว้ไปอ้อนสาวรึไงคะ” หนึ่งในสามคนยิ้มแซวทำให้ทุกคนพากันยิ้มร่า  คุณหมอสาวใหญ่ท่านเดิมเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับกระดาษในมือ  เธอยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้กับลูกน้อง  ผมว่าเธอคงได้ยินบทสนทนาทั้งหมดแล้วถึงได้ทำสายตากระหยิ่มยิ้มปรามมาทางผม  ผมอมยิ้มแฝงด้วยนัยยะหลาย ๆ อย่างให้เธอตีความเอาเอง 

“มันก็น่าจะใช้ได้ผลอยู่นี่ครับ ใช่ไหมครับคุณหมอ ?” ผมอมยิ้มเจ้าเล่ห์ถาม  เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกาวน์มองเฉยมาทางผมครู่หนึ่ง 

“เจ้าชู้ขนาดนี้ ใครโชคร้ายกันนะ” เธอย้อน  ใบหน้าท่าทางไม่ใช่แค่รู้ทันแต่เป็นผู้หญิงที่ฉลาดทันคนน่าดู  นางพยาบาลสามคนพากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่  รวมไปถึงคนของผมก็ด้วย  อยู่ดี ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนหัวใจมันเต้นเร่า ๆ อย่างกับเพลงต้อนรับฤดูร้อนอย่างนั้น  มันแบบว่า.. เหมือนยกภูเขาก้อนแรกออกจากอกและผมกำลังจะทำอะไรตามที่ผมอยากทำ 

“ผิดจรรยาบรรณอยู่นิดหน่อยนะ แต่จะทำให้แล้วกันนะคะ” คุณหมอตัดบท  ผมแสยะยิ้ม

“ตามจริงแล้ว ไม่ทำให้เสียจรรยาบรรณหรอกครับ ผมจะทำอาการให้เป็นไปตามเนื้อผ้าสุด ๆ เลย” ผมยักคิ้ว 

“หึ ๆ ๆ” คุณหมอหัวเราะพร้อมตรงเข้ามาตรวจความเรียบร้อยให้ผมอีกครั้ง  นางพยาบาลแยกตัวออกทันที 

“โดนซะขนาดนี้ โชคดีที่ซี่โครงไม่หัก..คุณนี่แข็งแรงจริง ๆ” เธอพูดแกมบ่น  จับแขนผมยกขึ้นช้า ๆ  ตัวผมปฏิบัติตามว่าง่าย
 
“หลังจากนี้พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ ให้ร่างกายได้ฟื้นตัวสักหน่อย คุณช้ำไปทั้งตัวเลย” เธอช้อนตาขึ้นมอง  ผมยิ้มให้

“..แต่ช้ำกว่านี้ก็คงเคยเป็นมาแล้วละมั้ง” เธอประชดเสียงห้วนซะเฉย

“คุณหมอตอนเป็นสาวคงสวยน่าดูนะครับ” ผมตอบคนละเรื่อง  ตามจริงตอนนี้เธอก็ยังสวยอยู่  แถมยังอึ๋มสุด ๆ ทั้ง ๆ ที่ชุดกาวน์ปิดสัดส่วนซะมิดชิด  แต่ส่วนสำคัญของเธอกลับยื่นชี้หน้าผมชัดเจนทีเดียว
   
“ตอนนี้ก็สาวอยู่ย่ะ” เธอย้อนเสียงแข็งโดยที่มือไม่หยุดทำแผลที่คิ้วให้ผม   

“ผู้ชายเจ้าชู้ที่ดูเหมือนคุณหมอไม่ค่อยถูกใจ ก็ชอบผู้หญิงอย่างคุณหมอทั้งนั้นละครับ ตามจริงแล้ว..คุณหมอก็คงชอบแบบผมเหมือนกัน แต่คนแบบคุณหมอน่ะ..ต้องการสามีแบบที่อยู่ในโอวาทมากกว่า แต่ใครจะรู้ละครับ..ว่าลึก ๆ แล้ว คุณหมอก็อยู่ในโอวาทอีกฝ่ายเหมือนกัน” ผมพูดแทบกระซิบ  คุณหมอจ้องผมเขม็งจะเอาชนะให้ได้  พยาบาลก้มหน้างุดกลั้นหัวเราะแทบแย่แล้วละมัง

“ถ้างั้นฉันขอเดา ว่าคนที่คุณกำลังพันแผลไปตบตานี่ ก็คงไม่ต่างจากสามีของฉันเท่าไหร่นักหรอกละมั้งคะ” เธอเลิกตากวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้  เราพลางมองตากันแทบไม่กะพริบ  คำพูดของของเธอทำให้ผมยิ้มกว้างออกมา

“ผมอยากอยู่ในโอวาทจะแย่อยู่แล้วละครับ” ผมตอบเสียงแหบพร่าแกล้งกวนทะลึ่ง  อีกฝ่ายหลุดยิ้มทันที

“คุณหมอนี่ฉลาดจังนะครับ คนเป็นสามีคงน่าสงสารแย่” ผมเปลี่ยนน้ำเสียงติดตลก 

“คิก ๆ ๆ” พยาบาลหัวเราะ  ทำให้คุณหมอมองปรามไปทางพวกเธอ 

“รับยาแล้วกลับไปพักผ่อนนะคะคุณไฟ เลิศประสงค์ ยินดีที่ได้เจอตัวจริงค่ะ” คุณหมอพูดเสียงฉะฉาน  ผมลุกจากเตียง  พยาบาลหยิบเสื้อมาให้  ผมรับมาสวมใส่โดยเพิกเฉยที่จะทักต่อสายตาของพวกเธอที่จงใจมองมาบนร่างกายของผม

“ให้มันน้อย ๆ หน่อย” คุณหมอปรามพวกเธอลอย ๆ  พยาบาลยิ้มเขินที่หัวหน้าของพวกเธอดันรู้ทัน 

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มบอก

“ใบรับยาค่ะ” พยาบาลคนเดิมยื่นกระดาษมาให้  ผมส่งต่อให้พี่ธาน  อีกฝ่ายรับไปพร้อมส่งไม้เท้ากลับมาทันที  คุณหมอยืนนิ่งกวาดตามองมาที่ของในมือผมเงียบ ๆ  ก่อนเหลือบขึ้นจ้องหน้าผมอย่างจับผิด  ผมนิ่งเฉย  รู้อยู่หรอกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

“วันหลังอย่าเอาอาวุธเข้ามาในโรงพยาบาลซิคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มน่าฟังผิดเมื่อครู่ 

“ก็แค่ของช่วยพยุงร่างกายนะครับ” ผมตอบเสียงเรียบ 

“หึ..ไม่ยักรู้ะนะคะ ว่าสมัยนี้เขาผลิตของน้ำหนักขนาดที่คนปกติถือยังเมื่อยไว้พยุงผู้ป่วยด้วย” เธอย้อน

“หึ..คุณหมอนี่ถูกใจผมจัง” ผมจ้องเธอพลางยิ้ม  คนถูกชมยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ต่าง

“ขอตัวครับ” ผมตัดบท  เมื่อนึกอะไรขึ้นได้กะทันหันจึงหยุดเดินหันกลับไปอีกครั้ง
 
“ถ้าผมแกล้งอ้วกนี่ มันจะเป็นอาการที่เหมาะควรรึเปล่าครับ ?” ผมถาม

“ก็พอได้นะคะ แต่ถ้าใช้กับดิฉันมันจะไม่ได้ผล” เธอตอบกวน ๆ

“งั้นเหรอครับ..” ผมผงกหัวกวนประสาท

“ผมเคยนอนอยู่ดี ๆ แล้วเลือดก็ไหลออกมาจากจมูกเอง ถ้าผมทำแบบนั้นอีก ไม่ได้งั้นเหรอครับ” ผมยักไหล่กวนเธอไม่หยุด  ก็เธอลูกเล่นเยอะดีนี่นะ

“ก็ได้นะคะ แต่คุณไม่ได้ถูกซ้อมขนาดนั้นสักหน่อย แค่ผ้าพันแผลที่พันเกินจริงนั่นยังไม่พออีกเหรอคะ” คุณหมอตอบชัดถ้อยชัดคำ 

“อีกฝ่ายอยู่ในวงการเดียวกันกับคุณรึเปล่าล่ะ ?”

“ก็..ทำนองนั้นครับ แต่เขาค่อนข้างซื่อบื้อน่ะ” ผมเบ้ปาก

“ซื่อบื้อกับโง่แยกหมวดกันนะคะ แต่ถ้าคุณอยากจะลองใช้ดูก็ได้..น่าสนุก!” เธอทิ้งน้ำเสียงลงห้วน ๆ ด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น  ผมแสยะยิ้มมองเธอไม่วางตา 

“พรุ่งนี้ตาข้างที่คิ้วแตกจะบวมขึ้นเล็กน้อย” เธอพูดโต้ง ๆ  เราทุกคนเงียบกริบตั้งใจฟัง

“เอาเป็นว่าไม่ต้องตกใจนะคะ มันจะบวมอยู่สักพักหนึ่ง ประโยชน์ของมันคือ..มันจะช่วยลดสายตากะล่อน ๆ ของผู้ป่วยลงได้บ้างน่ะค่ะ” เธออมยิ้มขยายความ  ทีนี้เองพยาบาลพากันยิ้มกว้างเปิดเผยกันยกใหญ่

“แบบนั้นผมก็แย่สิครับ” ผมพูด 

“ลาจริง ๆ แล้วครับ ฝากบอกสามีคุณหมอด้วยนะครับว่า.. น่าสงสารจัง” ผมขยิบตาให้เธอเล็กน้อย  พยาบาลหลุดหัวเราะก่อนที่ผมจะเดินหนีออก 

“ผมชอบเธอนะ พี่ว่าไง..แต่แก่ไปหน่อย ไม่อย่างนั้นผมจะยกพี่ให้เธอเลย ได้อาซ้อนิสัยแบบนี้..คงถูกใจพายุน่าดู” ผมพูดด้วยสีหน้าเป็นจริงเป็นจังพลางนำหลังมือตีอกพี่ธานเบา ๆ  อีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้างไม่มีปากเสียง

“หุ่นยังเซี๊ยะอยู่เลย” ผมพึมพำถึงเธอในห้อง  ขาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องตรวจ  ตามองไปทางสมุทรและไอ้เด่นที่ลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นผมปรากฏตัว  จุดสนใจคือ..ของเล่นใหม่อยู่ตรงหน้าตอนนี้มากกว่า 

“พี่เคยรู้สึก อยากมีเซ็กส์กับใครสักคนจนทนไม่ไหวไหม” ผมถามลอย ๆ ตามองตรงเป้าหมาย

“แบบว่า.. อยากได้จังน้า อะไรประมาณนั้น” ผมขยายความด้วยน้ำเสียงติดตลก  ก่อนเงียบปากลงเมื่อสมุทรตรงเข้ามาหา  ผมเมินเดินหนีทันที  ทุกคนเดินตามหลัง  พี่ธานไปจัดการเรื่องยาพร้อมกับสมุทร  ส่วนไอ้เด่นอยู่เฝ้าผมที่โซฟารับรอง  หลังรับยาเสร็จจึงเดินทางกลับโรงแรมทันที  ส่วนพายุกับไอ้เข้มกลับถึงโรงแรมตั้งแต่เสร็จจากแยกกันที่สนามมวยแล้ว

“ผมอยากอาบน้ำ” ผมพูดทันทีที่ถึงห้อง  ตอนนี้นอกจากอาการปวดตามเนื้อตัวคือรู้สึกขยะแขยงเหงื่อตัวเองสุด ๆ  ถ้าหากไม่ได้อาบน้ำคงนอนไม่หลับเป็นแน่  พายุโผล่หน้าออกมาจากห้องพักของตัวเองในทันทีที่พี่ธานโทรรายงานให้มันทราบว่าผมเดินทางมาถึงโรงแรมแล้ว  อีกฝ่ายที่อาบน้ำเรียบร้อยตามผมมาที่ห้องพักเพื่อจัดการชงชาสมุนไพรเตรียมไว้ให้  ส่วนพี่ธานหายเข้าไปในห้องน้ำของผมพร้อมกับสมุทร  ไม่รู้ว่าสองคนนั่นนัดแนะอะไรกัน  พูดโน่นนี่เสียงเบากระซิบกระซาบเรื่องการเตรียมของในห้องน้ำให้กับผม
   
.. เสื้อผ้าถูกถอดออกเมื่อเข้ามาในส่วนของห้องนอน  เหลือเพียงกางเกงในด้วยความเคยชิน  เสื้อผ้ากองอยู่ที่พื้น  สมุทรเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี  อีกฝ่ายหยุดเดินไปดื้อ ๆ  ตาชะงักมองมาเมื่อเห็นว่าผมกำลังทำท่าจะถอดกางเกงในออกโต้ง ๆ  ผมหยุดการเคลื่อนไหวของการกระทำที่เป็นไปอย่างเคยชินนี้โดยไม่คิดจะสนใคร  ผมแกล้งค้างทุกสิ่งไว้อย่างนั้น  สายตาช้อนมองคนตรงหน้านิ่ง ๆ พร้อมขยับมือทำท่าจะเลื่อนขอบกางเกงในลงมากกว่าเดิม  ทำให้สมุทรก้มหน้าหลบในทันที

“ขอโทษครับ” สมุทรพูดคล้ายกลัวว่าตนจะเสียมารยาทแล้วแทบจ้ำเท้าออกจากห้องไป   

“หึ” ผมหัวเราะในลำคอ  เดินไปหยิบผ้าขนหนูที่วางอยู่บนเตียงขึ้นมาพันร่างกายก่อนถอดกางเกงในออก  อยู่ ๆ ดันเสือกระวังเรื่องความหน้าด้านของตัวเองขึ้นมาซะอย่างนั้น  พี่ธานออกมาจากห้องน้ำพอดีจึงก้มลงเก็บเสื้อผ้าของผมที่กองอยู่บนพื้นขึ้นนำไปใส่ตะกร้าสำหรับส่งซักให้   

“พรุ่งนี้เราต้องไปดูที่ดินที่ชลบุรี คุณจะเปลี่ยนแผนไหมครับ ผมว่าพักผ่อนตามที่หมอบอกก็ดีนะครับ” พี่ธานพูดด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“ไปเถอะ ผมไหว” ผมตอบพร้อมถอนหายใจติดปลายเสียง  พี่ธานผงกหัวรับทราบเงียบ ๆ

“ผมกับพี่.. แล้วก็หมอนั่น” ผมชี้มือออกไปนอกห้อง

“โอเคครับ” พี่ธานรับปากก่อนยืนจ้องหน้าผม

“อะไร” ผมถาม

“คืนนี้ให้ผมสั่งให้เขามานอนเฝ้าคุณไหมครับ ?” อีกฝ่ายตอบด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ทำเอาผมหลุดยิ้มมุมปากได้เล็ก ๆ

“มันจะทำให้จิตใต้สำนึกผมกระสับกระส่ายน่ะ ผมไม่ได้มีอะไรกับใครมาหลายอาทิตย์แล้วด้วย” ผมตอบเป็นเรื่องธรรมดา  พี่ใหญ่อมยิ้มเห็นด้วย

“คุณพายุคงโมโหแน่ถ้าคุณคิดจะออกไปหิ้วใครทั้งที่ร่างกายเป็นแบบนี้ ดังนั้น..ผมเซอร์วิสให้พิเศษได้ครับ” พี่เขาว่า

“อู้ ~ พี่มีความสามารถทำได้ขนาดนั้นเลยรึไง” ผมหัวเราะขึ้นจมูกพร้อมกวาดตาท้าทาย

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเองครับ” พี่ธานตอบรับ  เปิดประตูห้องเดินออกไปหน้าตาเฉย  แต่ก็ถือว่ายอมรับได้ละนะ  ผมยิ้มกว้างเข้าห้องน้ำโดยไม่คิดทักท้วงใด ๆ  ปล่อยให้พี่ใหญ่จัดการไปตามที่ปากว่า  ส่วนตัวเองก็อยากจะดูเหมือนกันว่าอนาคตจะเป็นแบบไหน   

การแช่ตัวอยู่ในน้ำอุ่น ๆ กับกลิ่นอโรมาทำให้รู้สึกผ่อนคลายหายเหนื่อย  พี่ธานมักเตรียมน้ำอุ่นไว้ในอุณหภูมิตามที่ผมชอบ  ผมไม่ได้ขัดเนื้อตัวด้วยซ้ำเพราะมันจะยิ่งสร้างแผลให้ตัวเอง  เพียงนำมือลูบตามสมควร  เมื่อร่างกายผ่านน้ำเรียบร้อยแล้วจึงทำธุระส่วนอื่น ๆ ให้เสร็จ  หยิบกางเกงในกับกางเกงขาสั้นมาใส่อย่างลวก ๆ โดยไม่ได้ใส่เสื้อ

“ชา” พายุพูด  มันนั่งรอผมอยู่ที่โซฟาพร้อมกับไอ้เด่น  มือชี้ไปที่ชุดชาที่รินไว้ให้พร้อมแล้ว  ผมนั่งลงที่โซฟา  ไอ้เด่นกุลีกุจอเลื่อนแก้วชามาให้ผมถือได้ถนัด  เมื่อจับแก้วดูจึงรู้ว่ามันอุ่นพร้อมสำหรับดื่มโดยไม่ร้อนจนเกินไปแบบที่ผมไม่ชอบ
   
“เข้มไปไหน” ผมถามก่อนจิบชาไปพลาง ๆ

“พี่ใหญ่สั่งให้ไปอาบน้ำแล้วครับ” ไอ้เด่นตอบ

“เมื่อกี้ป๋าโทรมา ถามว่าเฮียเป็นไงบ้าง” พายุบอก 

“.........” ผมนั่งเงียบมองพายุที่กำลังแกะซองยาจากโรงพยาบาลเตรียมให้  มันอ่านซองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  อ่านละเอียดอย่างกับเตรียมทำข้อสอบอย่างนั้น  ก็ปล่อยให้มันทำไปครับเพราะมันเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว  เอาที่มันสบายใจ

“นี่ยา..น้ำ” พายุพูดทีละขั้นตอน  มือเลื่อนแก้วขนาดเล็กที่ใส่ยาเตรียมพร้อมไว้ให้นำมาวางตรงหน้า  ผมรับมาดื่มต่อหน้าเพื่อที่จะได้จบ ๆ ไป  พี่ธานกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกล่องยาอเนกประสงค์ 

“ไปพักผ่อนกันเถอะไป” ผมบอก

“อืม งั้นยุไปนอนแล้วนะ” พายุพูด  ผมพยักหน้า

“ผมขอตัวนะครับ” ไอ้เด่นเอ่ย  มันสองคนออกจากห้องไปพร้อมกัน  พี่ธานนั่งลงข้าง ๆ  ลงมือทำแผลให้ผมใหม่อีกครั้งตามที่หมอเขียนใบสั่งเอาไว้  ผมนั่งเฉยให้ทำแต่โดยดี  โทรทัศน์ฉายสารคดีสัตว์ทำให้นึกถึงไอ้โชขึ้นมา  มือของพี่ธานค่อนข้างเบาทำให้ไม่ค่อยรบกวนสมาธินัก  เราสองคนผลัดกันทำแผลให้กันและกันแบบนี้มาตั้งแต่จำความได้แล้ว..

“..ผ่านมาไม่รู้กี่ร้อยครั้งแล้ว” ผมพึมพำ

“อะไรเหรอครับ” พี่ธานถาม

“เปล่า” ผมปัด 

“เขาเคยถามถึงแผลเป็นของคุณไหมครับ” พี่ธานถาม  คงหมายถึงคนที่ตอนนี้อยู่ในห้องนอนของตน  ไม่ว่าจะแผ่นหลังหรือด้านหน้า  รึที่ขา  บนตัวผมมีแต่แผลเป็นชวนให้น่าสงสัยทั้งนั้น 

“ไม่เคย” ผมตอบยิ้ม ๆ

“เขาเงียบปากดีพี่ว่าไหม” ผมชมถึง

“ครับ ไม่ถามสิ่งที่ไม่ควรถาม” พี่ธานหัวเราะน้อย ๆ

“แต่เรื่องนี้เขาจะถามผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ” ผมเบะปากไม่สน  แต่อีกฝ่ายไม่ถามเลยนี่สิที่มันน่าหงุดหงิด  พี่ธานหัวเราะในลำคอ 

“เมื่อกี้ผมสั่งเขาแล้วว่าให้นอนเฝ้าคุณคืนนี้นะครับ ต่อหน้าคุณพายุ..อีกฝ่ายดูลังเลนิดหน่อย แต่เขาคงรู้ว่าคุณพายุเป็นห่วงคุณ ก็เลยรับทราบแล้วครับ” พี่ธานส่งสารแทบกระซิบ  ผมหันไปมองหน้าพี่เขาทันควัน

“แต่ปกติผมนอนแก้ผ้านะ..” ผมขมวดคิ้วบ่นถึงปัญหาใหญ่

“กรุณาใส่กางเกงนอนสักวันเถอะครับ” พี่เขาพูดด้วยน้ำเสียงอะลุ่มอล่วย 

“..........” ผมเงียบ  กลั้นอมยิ้มจ้องตาสู้พี่ธาน

“ก็ได้” ผมรับปาก  แม่งเกือบจะหลุดยิ้ม  อีกฝ่ายถอนหายใจคล้ายโล่งอก

“แล้ว.. ถ้าผมของขึ้นขึ้นมาทำไง ?” ผมกวน

“รบกวนแจ้งให้ผมทราบล่วงหน้าด้วยครับ” พี่ธานกวนกลับ

“หึ ๆ” ผมหลุดหัวเราะ

“อีกฝ่ายคงแอบสงสัยว่าทำไมผมไม่เฝ้าด้วยตัวเอง” พี่ธานบ่นยิ้ม ๆ

“ก็ผมชอบหุ่นแบบเขามากกว่าพี่นี่” ผมตอบให้แทนทันทีทำให้พี่ธานช้อนตาขึ้นปราม  ผมเบะปากน้อย ๆ เป็นการย้ำว่า “ผมพูดจริงอยู่นะ”

.. ครู่เดียวให้หลัง  สมุทรออกมาจากห้องนอน  เขาอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว  กางเกงนอนขายาวลายทางกับเสื้อยืดสีขาวธรรมดา ๆ  หุ่นที่ถูกใจจะใส่แบบไหนมองยังไงก็ไม่เบื่อจริง ๆ นั่นล่ะ  พี่ธานเอ่ยปากขอไปอาบน้ำและสั่งให้สมุทรมาทายาให้ผมต่อ  ทั้งผมและพี่ใหญ่ต่างปั้นหน้าเป็นปกติคล้ายไม่มีอะไรแฝงนัยยะ  ผมคิดว่าสมุทรก็ดูไม่ออกหรอก  ตามจริงแล้วพี่ธานน่ะแสดงละครเก่งตัวพ่อเลย   

“กินยาเรียบร้อยรึยังครับ” สมุทรเอ่ยถาม

“กินแล้ว” ผมตอบไม่มองหน้าเขา 

“ขอโทษนะครับ” อีกฝ่ายเอ่ยเสียงนุ่มทุ้ม  ผมเพียงเหลือบมองด้วยหางตา  ครู่หนึ่งปลายนิ้วชี้ของเขาก็แตะยาลงที่ริมฝีปากล่างของผม  อีกฝ่ายไม่สบตาผมสักนิด  เอาแต่จับจ้องอยู่ที่เป้าหมายที่ต้องการจัดการให้เสร็จ  แต่กลับเป็นผมซะอีกที่มองเขาอยู่ตลอด  อยู่ ๆ ก็รู้สึกอยากทำอะไรบ้า ๆ ขึ้นมา  ผมไม่สนหรอกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่แต่ผมมั่นใจว่าทุกการเคลื่อนไหวของเราทั้งคู่มันไม่ปกติ  ในความเงียบระหว่างเรามันมีจุดเล็ก ๆ ของความไม่เป็นธรรมชาติระหว่างเจ้านายกับลูกน้องอยู่  ผมคิดว่าเขาเองก็รับรู้ได้ 

.. ทันทีนั้นเสียงกล่องอเนกประสงค์ก็ปิดลง  เราสบตากันและกัน  ผมจงใจกวาดตามองโดยไม่ได้ยิ้มอย่างเคย  ใบหน้าอีกฝ่ายเรียบขรึมอย่างไรผมก็ทำตามอย่างนั้น  สมุทรเหตาลงต่ำก่อนลุกขึ้นยกกล่องยาไปเก็บ  ผมมองตามจนอีกฝ่ายกลับมา  ครั้งนี้เขาไม่ได้นั่งลงข้าง ๆ ผมอย่างเดิมแต่เลือกที่จะนั่งลงที่โซฟาอีกตัว  โทรทัศน์ตรงหน้ายังคงเป็นที่จับจ้องจากผม  ในหัวกำลังประมวลสิ่งต่าง ๆ ว่าจะแกล้งอะไรคนที่จะนอนร่วมห้องในคืนนี้ดี  หรือว่า..ไม่แกล้งดี ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2016 17:47:15 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ผ่านไปสักพักหนึ่ง ผมลุกขึ้นจากโซฟาโดยไม่พูดใด ๆ  สมุทรไม่ได้ลุกตามในทันทีมันทำให้ผมเอะใจอยู่นิดหน่อย  การเดินไปถึงประตูห้องที่ไม่กระโตกกระตาก  ครู่เดียวให้หลังก็ได้ยินเสียงลุกจากที่นั่งทำให้ผมอมยิ้มออกมาได้  สมุทรเดินตามมาจนถึงปากประตูห้องนอน  ผมจึงหันกลับไปหน้าซื่อ  อีกฝ่ายชะงักด้วยแววตาตกใจอย่างเห็นได้ชัด
 
“พี่ธานสั่งให้ผมนอนกับคุณคืนนี้น่ะครับ” เขาอธิบายการกระทำของตน

“นอนกับฉัน ?” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย 

“นอนเฝ้าคุณครับ” คนตรงหน้าขยายความเสียงเข้ม  ผมทำหน้าเฉยเกรงว่าไก่จะตื่น  ตาดำกลอกไปทางทำไม่รู้ไม่ชี้เกี่ยวกับสิ่งที่เขาพูด  ขาเดินเข้าห้องโดยไม่ได้ปิดประตู  ความรู้สึกอยากแกล้งทำให้ในตัวรู้สึกผิดแปลก  สมุทรเดินตามหลังมาเงียบ ๆ  เสียงประตูห้องนอนถูกปิดเบาแทบไม่ได้ยิน  เมื่อผมหันตัวกลับไปมอง  เขายืนนิ่งสนิทอยู่ที่เดิม  ดูท่าแล้วผมกำลังถูกอ่านความคิดจากสายตาคู่นั้นอยู่แน่ 

“นายนอนฝั่งนั้นแล้วกัน” ผมชี้มือรักษาท่าทางปกติ  เตียงขนาด Super King Size รองรับพอสำหรับผู้ชายหุ่นอย่างเราสองคนได้สบาย  สมุทรเดินอ้อมเตียงไปอีกฝั่งหนึ่งก่อนยืนจ้องเตียงคล้ายรอให้ผมเป็นฝ่ายเจิมลงเสียก่อน  ผมกวาดตามองเขาหัวจรดเท้า  อีกฝ่ายที่จ้องเขม็งสู้กลับทำให้อมยิ้มมุมปากได้นิดหน่อย  สู้กลับคล้ายกับกำลังบอกผมอย่างแน่วแน่ว่า “อย่าแม้แต่จะคิด” อย่างนั้น

“นายนอนก่อนเถอะ ฉันนึกขึ้นได้ว่าฉันมีเรื่องจะคุยกับพี่ธาน” ผมพูด

“ผมรอได้ครับ” สมุทรตอบรับ  ท่าทีเกรงใจแสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้งในทันที 

“เรื่องส่วนตัวน่ะ” ผมอมยิ้มเจ้าเล่ห์ติดให้เห็น  ทำให้เขายอมเงียบปากลง

“นายอยู่ในนี้แล้วกัน ส่วนถ้า..อยากรอก็รอ” ผมตัดบทห้วน ๆ อย่างไม่แยแส
 
“ครับ” สมุทรผงกหัวน้อย ๆ  พอผมออกมาจากห้องของผม  พี่ธานก็โผล่ออกมาจากห้องนอนของตัวเองพอดี  เราหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง  ประสานสายตามองคล้ายต่างอ่านออกเสียหมดจด  ผมแสยะยิ้มให้พี่ใหญ่  อีกฝ่ายกะพริบตาเอ่ยปรามรอยยิ้มจากผม

“มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับ” อีกฝ่ายถามเสียงนุ่ม  ผมเดินตรงเข้าหา  กัดฟัน เม้มริมฝีปากออกมาอย่างหยอกล้อในสถานการณ์  พี่ธานนิ่งรอคำตอบ   

“ขอผมใช้ห้องน้ำหน่อย” ผมตอบ

“ครับ ?” อีกฝ่ายอ้าปากค้าง

“ผมนอนไม่หลับหรอก ถ้าหลังถึงเตียงทั้งที่อารมณ์แบบนี้..หมอนั่นจะไม่กล้านอนกับผมอีกแน่นอน” ผมยิ้มบอกตาใสไร้การปิดบังใด ๆ

“อยู่ดี ๆ  ไหงเป็นแบบนี้ละครับ” อีกฝ่ายถามด้วยแววตาปนฉงน

“พอดี ดันคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปหน่อยน่ะ” ผมยอมรับตรง ๆ ว่าเมื่อครู่ดันคิดไปถึงไหนต่อไหน  การถูกมองด้วยสายตาแข็งกร้าวแบบนั้นที่บอกว่ามีเส้นบาง ๆ แสดงถึงความเย็นชาอยู่ไม่น้อย  มันทำให้รู้สึกอยากบดขยี้และเอาชนะขึ้นมา

“ตอนถูกรู้ทันจากคนที่อยากให้รู้นี่มันได้อารมณ์จริง ๆ นะ” ผมปั้นหน้าทำเป็นเครียด  พี่ธานหลุดยิ้ม  เบี่ยงตัวเปิดประตูให้ผมโดยไม่ทักท้วงใด ๆ อีก   

“กูต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ” ผมสบถบ่นกับตัวเอง 

ประตูห้องน้ำไม่ได้ถูกปิดสนิท  ผมเปิดแง้มค้างไว้อย่างไม่สนใจว่าจะมีใครผลีผลามเข้ามา  พี่ธานเพียงปิดตรงประตูห้องนอนเท่านั้น  แน่นอนว่าเวลาแบบนี้พี่เขาเป็นคนเดียวที่รู้หน้าที่ตัวเองดีที่สุดกว่าใคร  มือเลื่อนขอบกางเกงลงอย่างไม่ค่อยสะดวกมือนัก  ผ้าที่พันตัวอยู่ทำให้โค้งตัวได้ยาก  แม้สิ่งที่อยู่ใต้เนื้อผ้าในตอนนี้จะไม่ได้ชูชันเรียกร้องความสนใจแต่อารมณ์ร้อนวนอยู่รอบท้องน้อยเมื่อครู่มันบอกกับผมว่าถ้าผมปลุกมันขึ้นมาเพียงไม่กี่นาทีมันก็คงจะลุกสู้มือเป็นแน่ 

“ฮา ~” เสียงลมหายใจที่เริ่มถี่แรง  อาการตื่นตัวทันทีที่มือขยับ  ทำให้ความคิดเมื่อครู่นั้นแน่ชัดว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ  ลิ้นไล่เกลี่ยไรฟันเบา ๆ ด้วยรู้สึกสะใจในความคิดของตัวเองอย่างแปลกพิกล  ผมไม่ใช่เด็กวัยรุ่นสิบปลาย ๆ ที่น้องชายจะแข็งทันทีทันใดอย่างกับสั่งได้อย่างนี้  ความแปลกใหม่ในตอนนี้อย่างกับเพิ่งได้พบของน่าสนใจมากขึ้น  ไม่มีอะไรทำให้ผมรู้สึกสบายใจที่ในจินตนาการที่มีแต่ร่างกายของคนที่รออยู่ในห้องนอนในตอนนี้  จิตใต้สำนึกกำลังบอกผมว่า “โอเค..แบบนี้มันโคตรดีสุด ๆ ไปเลยไม่ใช่รึไง” 

เนื้อตัวที่บอบช้ำจากการแข่งขัน  แผลที่เพิ่งถูกรักษาไปหมาด ๆ  ความเจ็บปวดไม่ได้ส่งผลใด ๆ นอกจากจะยิ่งทำให้รู้สึกดีมากขึ้นกว่าเดิม  ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีสิ่งที่ใจเร่งเร้าอยากให้ออกมาสู่โลกภายนอกก็พุ่งกระเด็นเกือบจะติดพนังห้องน้ำอีกด้านหนึ่ง  ฟันขบสบถกับตัวเอง..แม่งเอ๊ย  สมองโล่งอย่างกับเพิ่งได้ก้าวขาข้ามผ่านมาอีกโลกยังไงอย่างนั้น 

“หึ..” ผมหัวเราะมอง  คราบน้ำรักที่เพิ่งปลดปล่อยออกมาเจือจางไปพร้อมกับน้ำที่เปียกอยู่บนพื้น  มีการทำลายหลักฐานเกิดขึ้นอย่างลวก ๆ  ทำอะไรไว้ก็ต้องเก็บน่ะนะ  สบู่ล้างมือของพี่ธานยังใช้ยี่ห้อประจำเหมือนเคย  ไม่รู้ว่าถ้าผมใช้มันไปแล้วจะทำให้คนในห้องได้กลิ่นแปลกจมูกแล้วสงสัยในตัวผมบ้างรึเปล่า  เมื่อผมเปิดประตูออกมาก็พบพี่ธานนั่งรออยู่ที่โซฟาหน้าโทรทัศน์  อีกฝ่ายอมยิ้มมุมปากต้อนรับ

“สงสารอีกฝ่ายนะครับ” พี่ธานยักคิ้วไปถึงคนในห้อง   
 
“สงสารผมไม่ดีกว่าเหรอ จำไม่ได้แล้วว่าเคยใช้มือตัวเองแบบนี้ตอนอายุเท่าไหร่” ผมทำตากรุ้มกริ่มบ่นกลับ

“หึ ๆ ๆ” พี่ใหญ่หัวเราะ 

“ผมคิดมาหลายครั้งแล้ว..” ผมพูดขึ้นด้วยสีหน้าเครียด ๆ 

“ว่าเอาออกตอนเจ็บแผลนี่มัน ค่อนข้างสุดยอดผิดปกติ” ผมถอนหายใจบ่น   

“ที่จริงพวกเราเป็นมานานแล้วครับ ไอ้ Masochism น่ะ” พี่ธานตอบหน้าตาเฉย

“ฮ่า ๆ ๆ” ผมหัวเราะเห็นด้วย  อีกฝ่ายเองพูดเองกลับส่ายหัวเล็กน้อยเช่นกัน

“ขอบคุณที่ให้ใช้ห้องน้ำนะครับพี่ใหญ่ ฮา~ รู้สึกเหมือนพร้อมเล่นสนุกแล้วล่ะ ฝันดีครับ” ผมยิ้มกว้าง  พี่ธานปิดปากยิ้มมองพร้อมส่ายหัวแบบที่ไม่คิดจะห้ามปรามเจ้านายอย่างผม  ไม่กี่วินาทีผมก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง  สมุทรนั่งรอผมอยู่ที่เตียงฝั่งของเขา  อีกฝ่ายเบือนหน้ามาเมื่อได้ยินเสียงปิดประตู

“นั่งรอเหมือนนางทาสสมัยก่อนกรุงศรีเลยนะ” ผมเริ่มปากหมาได้อย่างเก่าแบบไม่รู้สึกกระตุ้นต่อมล่างใด ๆ ของตัวเอง  สมุทรชะงัก  ไม่ถึงสองวินาทีเขาก็ถอนหายใจออกทางจมูกเฮือกหนึ่งพร้อมลุกขึ้นยืน  การกระทำแบบที่ทำให้ผมกลั้นหัวเราะไว้ได้  เมื่อผมซุกตัวเข้าใต้ผ้าห่มดีแล้ว  สมุทรจึงจัดการปิดไฟและดูความเรียบร้อย  เขายืนจ้องผมเขม็งอยู่ที่ข้างเตียงอยู่ครู่หนึ่งอย่างกับสุนัขรอคำสั่งเจ้านายอย่างนั้น

“เชิญ” ผมเอ่ยปากอนุญาต  อีกฝ่ายผงกหัว  ทิ้งหัวเข่าลงบนเตียงก่อนแทรกตัวเข้ามาใต้ผ้าห่มด้วยท่าทางเกรงอกเกรงใจ  สมุทรนอนหงายลงบนกลางหมอนพอดิบพอดี  ห้องที่ไร้เสียงรบกวนทำให้ได้ยินแต่ความเงียบ  ผมขยับหมอนเข้าไปใกล้คนข้าง ๆ  ปากก็ไม่สามารถหุบยิ้มกะล่อนลงได้ซะทีเดียว

“ถ้าคุณคิดจะทำอะไรละก็ กำลังคิดผิดอยู่นะครับ” คนข้าง ๆ พูดทักเสียงเย็นโดยไม่มีทีท่ากระโตกกระตากแต่อย่างใด   

“หึ ๆ” ผมหัวเราะในลำคอด้วยความพอใจ

“ก็มันหนาว” ผมพูด

“สมควรอยู่หรอก ไปใส่เสื้อนอนสิครับ” อีกฝ่ายหันหน้ามาย้อนเอาให้  ผมนิ่งมองหน้าตาเฉย  แม่ง..กูดันขุดหลุมฝังตัวเองซะงั้น

“ตามจริงแล้วฉันชอบแก้ผ้านอน แก้ผ้าได้ไหมล่ะ ?” ผมขึ้นเสียงกวนอารมณ์  สมุทรชะงัก  ตากลอกไปมาอย่างลังเลก่อนถอนหายใจแรงแก้ปัญหาซะงั้น  หมอนของผมหยุดอยู่ที่กลางเตียงเยื้องไปทางฝั่งของสมุทรพอดี

“ฉันชอบนอนกลางเตียงน่ะ” ผมแก้ตัว  ยังไม่มีปฏิกิริยาใดตอบรับจากคนข้างเคียง  ตามสัญชาตญาณแล้วรับรู้ได้ว่าสมุทรคงตาสว่างไม่ต่างจากผมในตอนนี้แน่  เราต่างหุบปากเงียบนานร่วม ๆ ห้านาทีผมจึงตัดสินใจหันหน้าไปทางฝั่งที่อีกฝ่ายนอนอยู่  สายตาที่เหลือบมองเพดานเมื่อครู่ของสมุทรกำลังกะพริบเหลือบลงต่ำในทันทีที่รับรู้ว่ามีการเคลื่อนไหวจากผม 

“ไม่ง่วงรึไงครับ ?” น่าแปลกที่อีกฝ่ายเอ่ยปากถามก่อน  น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่แฝงรวมความดุอยู่ด้วยนิดหน่อย
 
“ก็ง่วง” ผมตอบง่าย ๆ  ได้จังหวะอีกครั้งจึงขยับหมอนเข้าไปใกล้มากขึ้นทีละนิด 

“คุณไฟครับ” สมุทรย้ำเรียกเสียงเข้ม

“ครับ” ผมขานตอบเสียงซื่อ

“กรุณาหยุดอยู่แค่นั้น” สมุทรเอ่ยปากเตือนทันที  โดยที่ตัวของเขายังนอนนิ่งไม่ไหวติงและไม่แสดงอาการตกใจใด ๆ อีกด้วย  ผมหลุดยิ้มกว้าง  ถอนหายใจพร้อมลุกเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงมองไปทางเขา

“ไม่เหมือนคนเจ็บตัวอยู่เลยนะครับ” คนข้าง ๆ ยอมหันหน้ามามอง   

“เจ็บจะตายอยู่แล้ว” ผมกะพริบตาซื่อ ๆ อีกครั้งแก้ต่าง  แม้ในห้องนี้ค่อนข้างมืดแต่เพราะผมเปิดไฟหรี่ในห้องน้ำเอาไว้จึงทำให้พอมีแสงส่องลอดเข้ามาได้บ้าง  อีกทั้งผ้าม่านทึบแสงก็ปิดหน้าต่างไว้เพียงแค่ครึ่งเดียวอีกด้วย 

“โรแมนติกนะว่าไหม ?” ผมพูดคนละเรื่อง  พยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองหลุดยิ้มสุด ๆ  ใจจริงตอนนี้อยากหัวเราะอยู่หรอกนะครับ  ก็หน้าอีกฝ่ายมันตลกจะตาย

“.........” สมุทรไม่ตอบ  สายตากลอกหนีกลับไปที่เพดานเช่นเดิม
 
“วันนี้โทรหาที่บ้านเรียบร้อยแล้วเหรอ” ผมชวนคุย

“เรียบร้อยแล้วครับ”

“คุณควรจะนอนได้แล้วนะครับ คุณพายุดูเป็นห่วงคุณมากนะครับรู้ไหม” อีกฝ่ายพูด  ผมนอนฟังเงียบ ๆ  พอสมุทรพูดจบไปได้สักพักหนึ่งผมก็ยังไม่ตอบโต้จนทำให้เขาถึงกับต้องหันมามองและก็พบรอยยิ้มจากผม

“แล้วนายล่ะ ห่วงฉันไหม”

“ไม่ได้ห่วงเท่ากับที่คุณพายุมีหรอกครับ” สมุทรตอบตรง ๆ

“ตอบได้ดี” ผมเบะปากชม  สมุทรเงียบลงแล้ว  ผมนอนมองรูปร่างของคนตรงหน้า  ความนิ่งเฉยของเราทั้งคู่อย่างกับในห้องนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่  นี่ถ้าผมไม่ใช้ฝ่ามือทั้งห้าไปก่อนหน้านี้แล้วละก็  น้องชายสุดรักสุดหวงของผมมันคงจะขึงขันแล้วเป็นแน่  เพิ่งรู้ว่าตัวเองหื่นมากก็ตอนนี้  ปกติที่ผ่านมาไม่คิดว่าความหื่นกามที่ตัวเองมีคือปัญหาที่ควรแก้ไขเท่าไหร่หรอก

“คุณจะจ้องผมให้มันได้อะไรขึ้นมา” สุดท้ายสมุทรก็พูดขึ้น  น้ำเสียงของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นห้วนขึ้นนิดหน่อย

“นายเคยบอกว่าปากฉันสวยนี่ ..ลองจูบกันไหม ?” ผมเอ่ยกลับ

“ไม่ครับ ขอบคุณที่ถาม” อีกฝ่ายเมินหน้าหนีทันที  ผมกลั้นหัวเราะ

“เอาใหม่...” ผมตัดบท

“ขอฉันจูบนายได้ไหม” ผมพูดอีกครั้ง  ครั้งนี้เราทั้งคู่ต่างเงียบปากทันที  ผมอ่านอีกฝ่ายไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่  ไม่รู้ว่าเพราะมองไม่ค่อยเห็นการแสดงออกทางสีหน้า  หรือเพราะแท้จริงแล้วเขาไม่รู้สึกอะไรเลยกันแน่ถึงได้เก็บปฏิกิริยาได้เก่งนัก 

“ผม..ไม่ได้ชอบผู้ชายครับ” สมุทรมองหน้าผม

“ฉันรู้อยู่แล้วล่ะน่า” ผมตอบปัดปนหัวเราะนิด ๆ เพื่อไม่ให้เขาคิดมาก 

“แต่เจ็บนิด ๆ แฮะ เหมือนกำลังถูกปฏิเสธว่าขยะแขยงอะไรแบบนั้น” ผมพูด  แม้จะฟังดูทีเล่นทีจริงในคำพูดและน้ำเสียง  แต่ตามตรงแล้วในใจก็แอบหวั่น ๆ ไปตามคำพูดของตัวเองไม่น้อยเหมือนกัน

“ผมเปล่าหมายถึงแบบนั้นนะครับ” สมุทรรีบแก้ตัว  เราต่างสงบลงพลางสบตากันเล็กน้อย

“ผมหมายถึง ผม..เอ่อ ไม่ได้มีความสนใจ ใน..ทำนองนั้น เท่าไหร่” สมุทรอธิบายตะกุกตะกัก  ผมเงียบจ้องมองเขาที่หลบตาผมลงแล้ว   

“ฉันไม่ได้สนว่านายชอบผู้ชายรึเปล่า ฉันสนแต่ว่านายชอบฉันรึเปล่า” ผมพูดพลางอมยิ้ม

“เหมือนตัวตลกเหรอครับ.. ผมน่ะ ?”

“วันนั้นฉันก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ เฮ้อ!” ผมบ่นเซ็ง ๆ

“ฉันไม่เคยเห็นใครเป็นตัวตลก นอกจากศัตรูน่ะนะ” ผมบอกเสียงเรียบ  ทั้งผมและเขาต่างก็ไม่ละสายตาไปจากกันมากนัก  อีกฝ่ายคล้ายกับกำลังบอกผมว่าเขาจริงจังในทุกการสื่อสารอยู่ในตอนนี้ไม่ต่างจากผมเลย  และที่ผมไม่ละสายตาไปจากเขาก็เพื่อบอกอีกฝ่ายว่าผมก็ไม่ได้เล่นตลกดาษดื่นกับใครไปทั่วเช่นกัน

“อีกอย่าง..ฉันไม่บ้าอยากจูบกับตัวตลกหรอกน่า รสนิยมคงไม่แปลกขนาดนั้น” ผมแสยะปากหน้าแขยง  สายตาของสมุทรเปลี่ยนเป็นอ่อนลง  ดูเหมือนเขาเกือบจะยิ้มที่เห็นปฏิกิริยาจากผม  ทันทีนั้นผมจึงขยับตัวเข้าไปอีกเล็กน้อย  เพียงไม่ถึงช่วงหนึ่งของแขนด้วยซ้ำตัวของผมก็เกือบจะติดกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว  แต่แล้วสายตาดุกร้าวก็เผยปรากฏให้ผมเห็นอีกครั้งหนึ่ง  แต่ไม่รู้ทำไมผมดันยิ้มออกมาที่อีกฝ่ายรู้ทันแบบนี้

“นายแน่ใจนะว่าลึก ๆ แล้วนายไม่ได้สนใจฉันเลยน่ะ ?” ผมกวน

“ถ้าผมตอบออกไป คุณที่มั่นใจในตัวเองแบบคุณ อาจจะร้องไห้ก็ได้นะ” อีกฝ่ายกวนกลับ

“หึ ๆ” ผมหัวเราะก่อนจะเงียบลง  เขาก็นอนเงียบอยู่สักพักหนึ่งเหมือนกัน

“ผมขอโทษนะครับที่ชกคุณวันนั้น”

“มาพูดอะไรตอนนี้” ผมตอบเสียงห้วน  ส่วนตัวก็ไม่อยากนึกถึงเท่าไหร่นักหรอก

“.........” ความเงียบก่อตัวขึ้นอีกครั้ง  แน่นอนว่าให้อารมณ์ผิดกับก่อนหน้านี้  ผมคิดว่าเขาอยากได้คำตอบที่แน่ชัดจากปากของผมว่าทำไมผมถึงได้เป็นแบบนั้น  ผมตอบไม่ได้แน่ชัดหรอกครับ  ที่จริงเขาน่าจะเดาได้บ้างอยู่แล้วจากสิ่งที่ผมได้สื่อออกไป  จะมาเอ่ยทำไมให้มากหัวข้อ

“ฉันขี้หวงน่ะ” ผมพูดขึ้น

“เป็นนิสัยที่ถูกปั้มติดหลังมาตั้งแต่ออกมาจากท้องแม่” ผมขยายความ

“หวงไปหมด.. ถ้าอยากหวง” ผมบอกส่ง ๆ ไปที  คนตรงหน้าไม่ได้หันกลับมามองผมอีก  ผมคิดว่าเขาคงจะอ่านรูปประโยคนี้ออกอยู่บ้างถึงได้ไม่ยอมหันมามองหน้าผมตรง ๆ

“นอกจากคำสั่งของพ่อของคุณ คุณมาบ้านผมในฐานะอะไร ?” สมุทรถาม  ผมไม่ตอบในทันที  อีกฝ่ายจึงหันหน้ามาเร่ง

“แล้วกรุณาช่วยเลิกขยับตัวเข้ามาใกล้สักทีจะได้ไหมครับ คุณเห็นผมโง่รึไง” อีกฝ่ายขมวดคิ้วบ่นเสียงแข็ง

“หึ ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะโดยไม่วายที่จะขยับตัวเข้าหาจนตัวของผมแทบประชิดติดกับคนตรงหน้า

“ตอบคำถามด้วยครับ” สมุทรตัดความหันหน้ากลับไป  ตาจ้องมองเพดานอีกครั้ง 

“ก็ฉันอยากไป” ผมตอบ

“ในฐานะครับ” อีกฝ่ายย้ำคำถามเดิม

“ก็ฉันอยากไป..” ผมพูดซ้ำคำเดิมเช่นกัน  ครั้งนี้ขยับตัวเท้าแขนขึ้นคร่อมคนตรงหน้าในทันทีอย่างไม่ให้เสียโอกาส

“..........” สมุทรสบตามองมา  แต่ปฏิกิริยาของเขายังคงนิ่งขรึมเช่นก่อนหน้า  ผมเพียงอมยิ้มมุมปากนิดหน่อย 

“ให้เดา...” ผมเอ่ยแทบกระซิบ

“คงถูกคร่อมมาเยอะสินะ” ผมแซวท่าทีของเขาที่ไม่มีเป็นเดือดเป็นร้อน  อีกฝ่ายจ้องตาผมเขม็งคล้ายไม่ยอมโอนอ่อนลงเช่นกัน

“คนแบบคุณเยอะซะด้วยนี่ครับ” สมุทรประชดกลับด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ไม่ต่างทำให้ผมหลุดยิ้มที่มุมปากได้มากกว่าเดิม
 
“จะหยุดไหมครับ ?” เขาปรามเสียงนุ่ม  คำสั่งแต่ดันเสือกน่าฟังฉิบเป๋ง 

“ใจเต้นเลยแฮะ” ผมยิ้มกว้างเป็นการบอกว่า “ไม่หยุด”

“ความถูกต้องบนโลกใบนี้น่ะ เป็นแค่มาตรฐานที่มนุษย์ตั้งขึ้นมา นายไม่คิดว่างั้นเหรอ” ผมถาม  ยิ้มกริ่มเป็นนัยยะ  ปลายจมูกเฉียดปลายจมูกของอีกฝ่ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  สมุทรนอนเฉย  มีเพียงสายตาของเขาที่ตามการกระทำของผมไปอย่างรวดเร็ว  มันทำให้ผมได้แต่ยิ้มในใจต่อปฏิกิริยาที่แปลกใหม่เช่นนี้  เราต่างเงียบคล้ายลองเชิงซึ่งกันและกัน  ความสงสัยในตัวเขาที่ผมเคยมีซึ่งในตอนนี้ผมก็ยังมีอยู่  เขานิ่งเสียจนผมชักไม่แน่ใจว่าเขาผ่านร้อนผ่านหนาวอะไรมาบ้าง  หรือใต้จิตสำนึกของเขานั้นมีความบ้าในกามอารมณ์บ้างหรือเปล่า  หากไอ้เข้มหรือไอ้เด่นที่ว่าโชกโชนในวงการนี้มากับผม  ถ้าพวกมันเป็นสมุทรในตอนนี้พวกมันคงไม่มีปฏิกิริยาแบบนี้แน่ที่มาถูกผมขึ้นคร่อมเข้าให้   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2016 17:54:38 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

“หลายครั้งที่ผมปรามคุณแล้วผมไม่เคยได้รับเลย ครั้งนี้ผมก็จะพูดอีก..” สมุทรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ

“เอาเลย พูดเลย” ผมเบ้ปากอนุญาตให้เขาทำตามที่อยากทำ 

“กรุณาลงไปจากตัวผมด้วยครับ” เจ้าตัวสั่ง  คำสั่งที่ออกมาจากเสียงที่น่าฟังแต่มันกลับช่างเย็นชาจริง ๆ  ผมเลือกที่จะมองสมุทรด้วยสายตานิ่งเฉยอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว  รอยยิ้มที่ไม่ปรากฏอยู่บนใบหน้าผมที่ปกติคนภายนอกมองว่าผมหยิ่งยโสและดูไม่ใช่คนดีนัก  หากทำแบบนี้ไม่แน่ว่าสมุทรเองก็คงลังเลอยู่บ้างไม่มากก็น้อย  ผมขยับใบหน้าเข้าไปใกล้กับหน้าของเขาขึ้นเรื่อย ๆ  ดวงตาที่เริ่มกะพริบถี่มากขึ้นกว่าเดิมทำให้ผมรู้ว่าสมุทรกำลังคิดวิธีที่จะจัดการผมอยู่  ลมหายใจปะทะซึ่งกันและกัน  มุมปากผมยิ้มเผยให้อีกฝ่ายเห็น  ปลายจมูกแตะลงที่ปลายคางของเขา  กลิ่นกายแบบผู้ชายโชยเข้ามา  ทันทีนั้นผมจึงช้อนตาขึ้นมอง  สมุทรจ้องตอบกลับมา  สายตาที่เราต่างประสานกันลึก ๆ แล้วเราเองก็เย็นในความรู้สึกไม่ต่างกันสักเท่าไหร่นัก  และนั่นก็คงไม่แปลกเลยที่ดวงตาคู่นี้จะทำให้คนรักเก่าของเขาโวยวายเช่นนั้นที่โรงแรม  ผมแทบไม่แปลกใจเลยสักนิดเดียว

..ปลายจมูกของผมจงใจไล่เกลี่ยไปตามปลายคางและโครงรูปหน้าของสันกรามของเขาอย่างเนิบช้า  เสียงการเต้นของหัวใจชักไม่ปกติ  มันเป็นการเคลื่อนตัวที่บางเบามากจนตัวเองก็รับรู้ได้ว่าในตัวเริ่มร้อนรุ่มขึ้นอีกครั้ง   

“ไม่คิดจะทำอะไรสักอย่างเหรอ” ผมขยับตัวกระซิบเตือนสมุทรที่ข้างหู  ใช่..ที่จริงกูเตือนตัวกูเองด้วย  ปากแตะลงเข้าที่ข้างแก้มของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาพร้อมช้อนตาขึ้นมอง  หากเขาไม่หยุดผมในตอนนี้  ผมคงได้เป็นบ้าแน่ ๆ

“ครับ..ผมกำลังจะทำอยู่” อีกฝ่ายตอบนิ่ง ๆ  ผมแสยะยิ้มค้างตัวรออยู่อย่างนั้น

“โอ๊ย!!!” ตัวผมสะดุ้งโยน  ร้องอุทานพร้อมผละออกมาจากสมุทรในทันที  อีกฝ่ายจงใจบีบมือมาที่แผลผมอย่างไม่ยั้งแรงมือเลยแม้แต่นิดเดียว

“ซี๊ด! สมุทร!” ผมกัดฟันแน่น  นอนขดตัวด้วยเพราะระบมที่ซี่โครง  สมุทรลุกขึ้นนั่งมองมาด้วยใบหน้านิ่งสงบ  เมื่อผมตั้งสติได้จึงสบตาตอบพร้อมฉีกยิ้มกะล่อนให้อย่างไม่ลดละ

“นายนี่มัน.. ใจร้ายเป็นบ้า” ผมบ่น

“กับคนที่กำลังล่วงละเมิดทางเพศลูกน้องนี่นะครับ” สมุทรต่อว่า   

“ก็ลูกน้องน่าล่วงละเมิดทางเพศนี่” ผมตอบพร้อมส่งสายตาไม่เลิกทั้งที่ยังนอนอยู่อย่างนั้น  ใบหน้าของสมุทรก็เกือบจะหลุดยิ้มเช่นกัน  ความนิ่งขรึมไม่ได้มีมากถึงกับจะทำให้สถานการณ์ระหว่างเราตึงเครียด 

“นอนได้แล้วครับ” สมุทรพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเหมือนอยากให้จบการเล่นนี้สักที

“จริง ๆ แล้ว..นายเป็นประเภทเดียวกันกับฉันใช่ไหมล่ะ ?” ผมกวาดตา  อีกฝ่ายไม่โต้ตอบ  เอาแต่จ้องผมเขม็ง

“สายตาเย็นชาแบบนั้น มันพูดแทนหมดเลย” ผมต้อน  นำนิ้วชี้กวาดขึ้นกลางอากาศใกล้กับใบหน้าของสมุทร

“แต่ในสายตาผม คุณน่ะ..ปิดกั้นตัวเอง และไร้ความรู้สึกยิ่งกว่าผมซะอีกครับ คนที่ปากยิ้มโดยที่ตาไม่ยิ้มด้วยแบบคุณ มาว่าผมได้ด้วยเหรอ” อีกฝ่ายย้อนเข้าให้  ดูท่าจะทำให้ไม่พอใจซะแล้ว 
 
“ชอบจัง” ผมหัวเราะขึ้นจมูกแกมบ่น

“ขอให้เจอดีเข้าสักวันนะครับ” อีกฝ่ายว่าอย่างเหลืออดพร้อมล้มตัวลงนอนอีกครั้ง

“ฮา~ อยากเจอจนเนื้อเต้นไปหมดแล้ว” ผมทำเสียงกระเส่าและยังคงนอนด้วยท่าที่ตะแคงตัวตั้งแต่แรกอยู่นั้น  พอผมเท้าข้อศอกข้างซ้ายตั้งตัวขึ้น  อีกฝ่ายก็ตะแคงหันหลังหนีให้ผมในทันที 

“แน่ใจนะว่าจะนอนหันหลังให้กันแบบนั้น” ผมพูดเชิงถาม  สมุทรนิ่งไปครู่ก่อนเอี้ยวตัวหันมามองผมตาขวาง  คิ้วผมยึกยักให้โดยอัตโนมัติ  ขยับตัวขึ้นไปนอนบนหมอนดี ๆ  ซึ่งมันก็ใกล้กับหมอนของสมุทรมาก  อีกฝ่ายยอมพลิกตัวนอนหงายกลับมาเป็นปกติ  ต่างคนต่างนอนหงายบนหมอนของใครของมัน  สงบศึกได้เสียที  ไม่อย่างนั้นคืนนี้คงไม่ได้นอนกันดีเป็นแน่
 
“สมุทร” ผมเรียก  ทั้งที่ยังคงนอนไม่ขยับ

“ครับ” อีกฝ่ายขานรับ

“สุดท้ายแล้ว..จิตใต้สำนึก มักจะเป็นคำตอบที่แท้จริงให้คนเรานะ” ผมพูดแกมบ่นถึงตัวเองและอะไรหลาย ๆ อย่าง  สมุทรไม่ตอบ  เขาเงียบลงพักหนึ่ง

“ผมเคยอยากทำความรู้จักกับคุณ..” อยู่ดี ๆ อีกฝ่ายก็เกริ่นไม่มีปี่มีขลุ่ย  ผมหันหน้าไปมอง  เขาหลับตาลงแล้ว

“เพราะได้ยินชื่อของคุณออกมาจากปากของพ่อกับแม่บ่อย ๆ” ผมเงียบฟัง  สมุทรลืมตาขึ้นอย่างเนิบช้า  สายตาที่เหลงต่ำของเขาทำให้ผมรู้สึกหนักอึ้งอยู่ในอก  คล้ายระแวงในคำพูดต่อไปจากอีกฝ่าย

“เราปฏิเสธไม่ได้นะครับ ว่าความทรงจำสมัยเด็ก..มันฝังอยู่ในหัวเป็นเลิศกว่าอะไรจริง ๆ” สมุทรบ่นพลางยิ้มน้อย ๆ  ผมเงียบปากเพราะไม่คิดจะปฏิเสธเช่นกัน

“พ่อบอกปัดที่จะให้ผมรู้จักกับคุณ แกพูดว่า..เอาไว้ก่อน แบบส่ง ๆ ไปที”

“ผมเคยได้ยินพ่อคุณบอกว่าอยากให้ผมเป็นเพื่อนกับคุณ แต่พ่อผมดันปฏิเสธว่า..มันไม่เหมาะ ผมไม่เหมาะที่จะเป็นเพื่อนกับคนแบบคุณ อย่างที่คุณพูดนั่นล่ะครับ..ผมน่ะ อาจจะต้องเป็นเบ๊คุณตั้งแต่เกิดแล้วก็ได้ ผมน้อยใจพ่อมาก..ตอนนั้นเลยคิดอยู่หรอกว่าก็ดีแล้วล่ะ ไม่ได้อยากเป็นเบ๊ให้คนแบบคุณสักหน่อย ใครก็ไม่รู้ สุดท้าย..ไม่ยักคิดว่าจะมีวันที่ได้มาเป็นลูกน้องคุณจริง ๆ” สมุทรพูดปนหัวเราะ  คำพูดที่แฝงไปด้วยความหมายนัยยะมากมายที่แม้เขาจะไม่อธิบายให้กระจ่างผมก็เข้าใจดี   

“ถ้าคุณไม่ได้เป็นเจ้านายผมตอนนี้ ผมก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าอาจจะเป็นเพื่อนกับคุณให้ก็ได้น่ะนะ” อีกฝ่ายพูดอย่างไร้เยื่อใย  ในหัวของผมกำลังประมวลคำพูดของสมุทรวนไปมา  คำพูดของเขาทำให้ปากผมหนักอึ้งซะอย่างนั้น  ทั้งหมันไส้  ทั้งอยากเอาชนะ 

“ทุกคนก็มีหน้าที่ของตัวเอง..” ผมพูดขึ้น  ณ ตอนนี้สิ่งที่เราทั้งคู่มองอยู่คงเป็นเพดานห้องตรงหน้า

“หน้าที่ที่เอาไว้เลี้ยงปากท้อง ลูกน้องก็มีหน้าที่ในส่วนของงานตัวเอง..ที่ควรสำนึกว่าอะไรคืองานของตัวรึเปล่า ทำ..สิ่งที่ควรทำ” ผมบอก

“ที่บ้านฉัน หน้าที่กับความสัมพันธ์แยกกัน ลูกน้องคือเพื่อน เพื่อน..คือคนในครอบครัว” ผมตัดบท  ก่อนพลิกตัวตะแคงหันหลังให้สมุทรเพื่อเป็นการบอกกับเขาว่า  “ผมขอจบบทสนทนาไว้เพียงเท่านี้”



- - - - - - - - - - - - - - -



06:40 น.

แต๊ก ~~

เสียงนาฬิกาเดินย่องเบาอย่างกับไม่ได้เดิน  ผมนอนตะแคงมองคนร่วมเตียงมาร่วม ๆ สิบห้านาทีเห็นจะได้  เขาหลับสนิทเชียว  หนึ่งสิ่งที่ผมได้รู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวของสมุทรคือ  เขาไม่ใช่คนนอนกรน  และไม่ค่อยเปลี่ยนท่าในการนอนนัก

..ความจริงแล้วผมควรนอนตื่นสายกว่านี้แต่เพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายเนื้อตัวเท่าไหร่นัก  ร่างกายจึงปลุกตัวเองให้ตื่นไปโดยอัตโนมัติ  สมุทรเริ่มขยับตัวเล็กน้อย  ตาหรี่ลืมขึ้นช้า ๆ ก่อนที่จะหันหน้ามาทางผม

“ตื่นนานแล้วเหรอครับ” เขาถามด้วยสีหน้าตกใจ  เหมือนเกรงในความผิดต่อหน้าที่การงาน

“ชั่วโมงนึงได้” ผมตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย   

“ได้ข่าวว่าปกติตื่นเช้านี่” ผมแซว  ที่จริงไม่ใช่การ ‘ได้ข่าว’ แต่เป็นการสังเกตด้วยตัวเองล้วน ๆ

“ขอโทษครับ” สมุทรขยับตัวลุกขึ้น

“วันนี้เราต้องออกไปไหนรึเปล่าครับ”

“ไปเดทไงเล่า ถามได้..ลืมเหรอ ?” ผมบ่นพร้อมพลิกตัวนอนหงาย  สมุทรที่นั่งอยู่มองผมเงียบ ๆ  ผมพลิกตัวมาอีกด้านเพื่อที่จะลุกขึ้นอาบน้ำ  น้ำหนักตัวหนักขึ้นกว่าเมื่อวานมากจึงทำให้การเคลื่อนตัวเริ่มแรกค่อนข้างเชื่องช้านิดหน่อย  ขาห้อยลงจนปลายเท้าแตะบนพื้นพรมอยู่สักพักหนึ่งเพื่อให้ร่างกายปรับสภาพ 

“คุณนอนพักอีกสักนิดดีกว่าไหมครับ” สมุทรลุกจากเตียงไปแล้ว  เขาเดินมาหยุดยืนตรงหน้าผม 
 
“ไม่” ผมปัด  ตาสว่างเต็มที  ไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิดเดียวแล้วจะนอนต่อให้เมื่อยไปทำไม 

“ตาคุณบวมมากเลยนะครับ” สมุทรมองด้วยสีหน้าไม่สู้ดี  กูก็ว่า  ทำไมรู้สึกหนัก ๆ ที่เบ้าตา  คำทำนายที่คุณหมอรู้ดีคนเมื่อวานนี้เป็นจริงเข้าให้ซะแล้ว..

“ฉันอยากอาบน้ำ” ผมขมวดคิ้วพูดเบี่ยงประเด็น  สมุทรนิ่งไปหนึ่งอึดใจ  ผมนั่งมึนเมินไม่สนใจ

“ทำไมคุณถึงเป็นคนรั้นแบบนี้ครับ”

“หุบปากน่า เป็นแม่ฉันรึไง..” ผมว่ากลับ  อีกฝ่ายถอนหายใจเล็กน้อย

“ทำตามหน้าที่ด้วยครับ หรือต้องให้ผมไปทำเอง” ผมเลิกตามองขวาง  สมุทรหลบตา  เดินหนีเข้าห้องน้ำไปเพื่อจัดการตามหน้าที่ของตน

“อย่างกับตัวเองรั้นน้อยเมื่อไหร่” ผมกัดฟันบ่นไล่หลัง 

สมุทรจัดการเตรียมน้ำใส่อ่างให้ผมในอุณหภูมิเดียวกันกับที่พี่ธานรู้เปี๊ยบ  พร้อมจัดเตียงเข้าที่เรียบร้อยอย่างกับแม่บ้านของทางโรงแรมมาเอง  เสร็จหน้าที่แล้วก็ออกจากห้องไปโดยที่ผมไม่ต้องออกปากไล่  เพราะเมื่อไหร่ที่ผมต้องการเวลาส่วนตัว  ขอให้ผมอยู่คนเดียว

.. มือกดเปิดไอพอตของทางโรงแรมพร้อมเลือกเพลงที่ชอบให้เหมาะควรแก่เช้าวันใหม่ในอารมณ์แบบนี้  คลอไปพร้อม ๆ กับการแต่งตัว  ตากวาดมองงานในตู้เสื้อผ้า  เสื้อผ้าของผมที่เตรียมมาถูกนำใส่ไม้แขวนจัดเรียงเข้าตู้ไว้ให้เรียบกริบเป็นที่น่าพอใจ  เสียงพูดคุยเบา ๆ จากด้านนอกทำให้ผมทราบว่าพี่ธานเองก็ตื่นแล้วเช่นกัน 

เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสไตล์ฮาวายลายดอก  พื้นสีแดงฉูดฉาดที่เพื่อนรักชอบซื้อมาฝากจากต่างประเทศ  ไอ้โปรดชอบให้ผมใส่เสื้อเชิ้ตฮาวาย  มันบอกว่าผมใส่ขึ้นเหมือนจิ๋กโก๋ยุค 70s  เสื้อสไตล์ฮาวายจึงเต็มตู้เสื้อผ้าผมไปหมด  ตามจริงแล้วผมก็ชอบด้วยเหมือนกัน  ซื้ออะไรมาให้ฟรีก็ชอบทั้งนั้น  เนื้อผ้าพลิ้วใส่สบาย  อีกทั้งผมเป็นคนชอบของสีสดเป็นทุนอยู่แล้วด้วย  ทั้งไอ้โปรดและพายุรู้ในส่วนที่ผมชอบและพวกมันมักจะเลือกสิ่งที่คิดว่าเหมาะสมมาให้เสมอ  อะไรที่ได้รับ  เสื้อทรงไหนมาผมก็นำมาใช้ทั้งนั้น  แล้วแต่สถานการณ์  แล้วแต่โอกาสไป  ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใส่แนวอย่างวันนี้เท่าไหร่นักถ้าไม่ได้อยู่กับเพื่อน ๆ หรือเที่ยวส่วนตัว   


- I’m the man. Do wicked things. -

“หึ..” หนวดที่ไม่ได้ถูกโกนออกในตอนเช้าวันนี้เห็นในกระจกยังอดชอบใจให้ตัวเองไม่ได้  ชายเสื้อเชิ้ตซุกเข้าในกางเกงผ้าวูลสีเทาทรงคร็อปแพนท์  กระดุมเสื้อปลดออกจนเกือบเห็นแผ่นอกอย่างชัดเจน  นาฬิกาเรือนทองทั้งเรือน  แหวนวงใหญ่สามวงติดที่มือข้างเดียวกับนาฬิกา  รสนิยมการเลือกของของพายุดีคงที่เสมอต้นเสมอปลาย  ดังนั้น ไม่ว่าผมจะหยิบอะไรมาผสมในตัวมันก็เลยเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ  ถุงเท้าสีดำซ่อนข้อที่เตรียมเรียงเป็นคู่ ๆ ไว้ให้พร้อม  ทุกคนรู้ดีว่าผมไม่ชอบใส่รองเท้าโดยไม่ใส่ถุงเท้า  ไม่ว่าชุดไหน ๆ ก็ต้องสวมถุงเท้าเสมอ  ปลายเท้าข้างขวาเขี่ยรองเท้าหนังกลับพื้นสีกรมท่าตัดกับขลิบสีน้ำตาลแยกออกมาเพื่อตัดสินใจว่าวันนี้จะใส่คู่นี้ 


- Nothing can stop me. Nothing can stop me -

“This is my way. Nothing can stop me.” เสียงเคาะประตูพร้อมการขออนุญาตจากพี่ธานแทรกเข้ามาในขณะที่ปากของผมยังคงขยับคลอตามเพลงจังหวะฮิพฮอพที่มีเนื้อร้องซ้ำ ๆ อยู่ที่เดิม  จนไม่รู้ว่าแม่งจะร้องเนื้อเดิม ๆ นี้ยันจบเพลงเลยรึไง  ประตูห้องเปิดเข้ามาพอดีกับที่มือของผมกำลังปาดเจลใส่ผมเสร็จหมาด ๆ  พี่ธานหยุดยืนที่หน้าประตู  มือแตะปิดประตูเบา ๆ  ผมยักคิ้วทักทายยามเช้า  นำหวีปาดผมไปทางด้านหลังพลางมองหน้าพี่ใหญ่  อีกฝ่ายฉีกยิ้มอ่อน ๆ  ตากวาดมองผมอย่างเจ้าเล่ห์ด้วยความหมายไม่ต่างกันนัก   

“นี่คือชุดของวันนี้งั้นเหรอครับ”

“ไม่ดีเหรอ ? ชุดมาทะเลไงครับพี่ใหญ่ หัวจรดเท้านี่กลั่นกรองมาแล้วนะ พูดงี้น้องพายุเสียใจแย่” ผมตอบพลางอมยิ้มมุมปาก  เท้าก้าวถอยห่างจากกระจกเล็กน้อยเพื่อสำรวจมองตัวเองในมุมกว้างอีกครั้ง

“ไม่ได้ว่าไม่ดีครับ..ดูเหมือน Gangster คุมถิ่นเอเชียแถว Miami ในยุค 1970s ดีครับ” พี่ธานขยายความหน้าประหลาด

“หึ! ฮ่า ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะดังลั่นด้วยความพอใจ  พี่ธานหลุดขำเช่นกัน  ตามองไปที่กล่องเก็บแว่นตา  พี่ธานรู้งานเข้ามาเปิดกล่องแว่นตาที่เตรียมไว้ออกทั้งหมดทันที  เราต่างเงียบลง  ผมหยิบแว่นกันแดดอันที่เหมาะกับชุดที่สุดมาเสียบเข้าที่ระหว่างกลางเสื้อ  พอทำแบบนี้จึงยิ่งทำให้น้ำหนักของเสื้อถูกรั้งให้หย่อนลงไปมากกว่าเดิม 

“ยิ่งคุณตั้งใจแต่งตัวแบบนี้ ในตัวคุณ..แทบไม่มีอะไรเหลือให้เขาไว้ใจได้เลยครับ” พี่ธานพูด  ผมเงียบ  ช้อนตาขึ้นมองพี่ใหญ่พร้อมดุนลิ้นไว้ที่กระพุ้งแก้มยิ้ม ๆ

“รู้ดีจังนะครับ” ผมพูดเรียบ ๆ

“พูดให้ฟังน่ะครับ” อีกฝ่ายตอบกลับเสียงเรียบเช่นกัน

“ใจต่างล่ะ ที่จะวัดว่าควรเชื่อได้รึเปล่า ไม่ใช่เหรอครับพี่ใหญ่ ?” ผมถาม  พี่ธานนิ่งมองด้วยแววตาแฝงความหมายเช่นกัน

“ครับ ผมจะอธิฐานให้อีกฝ่ายมองเห็นเร็ว ๆ นะครับ” พี่เขายิ้มตอบ   

“Awesome!” ผมเปลี่ยนน้ำเสียงที่ใช้พร้อมชี้หน้าพี่ธานหน้าทะเล้น

“ไม่กวนเขาไม่ได้เหรอครับ ?” อีกฝ่ายถามทีเล่นทีจริง

“This is the real me.” ผมมองตัวเองในกระจก  อีกฝ่ายเงียบไปแล้ว  ผมไม่เคยไม่เป็นตัวของตัวเอง  ไม่แม้กระทั่งกับคู่นอน  แต่การเป็นตัวของตัวเองในบางครั้งมันก็แค่เป็นบางมุม  มุมในด้านที่ผมตั้งใจเปิดหรือปิดไว้เพื่อใช้กับคน ๆ นั้น  บางทีคนเราก็ต้องการทดสอบตัวเองด้วยการเปิดเผยทุก ๆ ด้านที่ตัวเองเป็นกับคนที่เราต้องการให้เห็นเท่านั้น  ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะอยู่ในสถานะใดสำหรับเราก็ตาม  เพราะนั่นคือการทดสอบอีกฝ่ายเช่นกัน

“แล้วจะไม่ทำแผลที่ท้องหน่อยเหรอครับ” พี่ธานมองมาที่เอวของผมอย่างเป็นกังวล

“เฮ..ผมทายาเองไปแล้ว รำคาญ..เอาไว้เจ็บอีกทีตอนเย็นแล้วกัน” ผมขยิบตากระซิบปราม  พี่ธานยิ้มอ่อน ๆ อีกครั้ง

“เขาอาบน้ำอยู่เหรอ” ผมถาม

“ครับ” พี่ธานเอื้อมเปิดประตูให้

“ล็อกห้องรึเปล่า” ผมแกล้งทำหน้าตาเลิ่กลั่ก  พี่ธานหัวเราะ

“พี่แต่งตัวสบาย ๆ ก็ได้นะ วันนี้ไม่ต้องซีเรียสนักหรอก” ผมบอก  พี่ธานยิ้มมีเลศนัยรู้ทันไม่ถามเอาความอีก
 
ผมออกมานั่งรอที่ห้องนั่งเล่น  พี่ธานนำน้ำมาเสิร์ฟพร้อมแกะซองยาเพื่อให้ผมได้กินยาก่อนอาหาร  อีกฝ่ายขอตัวกลับเข้าห้องตัวเองเพื่อจัดการธุระส่วนตัว  ผมนั่งรอทั้งคู่อยู่เกือบสิบห้านาที  ปกติผมจะต้องเสร็จทีหลังลูกน้อง  แต่วันนี้คงอารมณ์ดีมากไปหน่อย  ก็นะ..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2016 18:01:05 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
“Show me something, baby~” ผมร้องคลอตามเสียงเพลงจากโทรทัศน์  มือหนึ่งเปิดกล่องแอปเปิลที่สมุทรหั่นเตรียมใส่ไว้ในตู้เย็นออกมากิน  บรรยากาศทำให้นึกถึงไอ้โปรดและไอ้โชขึ้นมา  ผมเดินออกจากครัวพร้อมหนีบกล่องแอปเปิลมาด้วย  สมุทรที่แต่งตัวเสร็จออกจากห้องมาพอดี  อีกฝ่ายชะงักกวาดตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า  ผมฉีกยิ้มให้ทั้งยังเคี้ยวแอปเปิลอยู่ในปาก

“มีอะไร” ผมเลิกคิ้วแกล้งถามหน้าซื่อไปอย่างนั้น 

“เอ่อ..เปล่าครับ คุณดู..แปลกตากว่าทุกทีนะครับ” สมุทรตอบ

“แบบนี้ดีกว่าไหมละ ฉันจะได้ใส่ทุกวันเลย” ผมถามตาใสไม่เลิก

“คุณใส่อะไรก็ดูดีทั้งนั้นละครับ แต่ผมขอให้คุณดูเรื่องกาลเทศะจะดีกว่า ถ้าคุณใส่แบบนี้เข้าไปเซ็นเอกสารที่ห้างหรือตลาด มันคงไม่เหมาะ” สมุทรตอบเป็นจริงเป็นจัง

“พูดยาวเป็นบ้า” ผมทำหน้าเซ็ง  หยิบแอปเปิลอีกอันเข้าปากพร้อมคาบมันค้างไว้อย่างนั้นไม่เคี้ยวเข้าไปดี ๆ  สมุทรยอมเงียบปากแล้ว  ผมเดินตรงเข้าหา  เราจ้องตากันไม่กะพริบ  ความเงียบที่เกิดขึ้นชั่วครู่ทำให้เราต่างได้ยินเสียงแอปเปิลที่ผมเริ่มขยับฟันเคี้ยวเข้าไปในปากได้อย่างชัดเจนได้ “แกรบ~”

.. ใบหน้าของผมตอนนี้คงแฝงไปด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย  มือหยิบแอปเปิลอีกชิ้นที่อยู่ในกล่องขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ยังไม่ยอมละไปจากสายตาคู่ตรงหน้า  สมุทรจ้องผมเอาเป็นเอาตายไม่ต่างนัก  สายตาที่กำลังบอกผมว่าเขาจะไม่ยอมลงให้ผมเป็นแน่  ผมนำแอปเปิลที่อยู่ในมือจ่อไปที่ปากของสมุทร  อีกฝ่ายเหลือบมองแอปเปิลเล็กน้อยแต่ยังคงไม่มีปฏิกิริยาที่จะยอมรับเข้าปากไปง่าย ๆ

“ไม่กินฉันจูบ” ผมพูดเสียงเรียบ  อีกฝ่ายกลอกตาคล้ายอ่อนใจก่อนเผยปากออกช้า ๆ รับแอปเปิลเข้าปากไปง่าย ๆ  ผมดุนลิ้นยิ้มอย่างพอใจ 

“เฮ้อ กินง่ายไปมั้ง น่าเสียใจจัง” ผมถอนหายใจยื่นหน้าเข้าไปใกล้พร้อมทำเสียงเล็กเสียงน้อยกวน  ทำให้อีกฝ่ายทำท่าจะหลุดยิ้มออกมาเช่นกัน  แอปเปิลที่เราต่างเคี้ยวอยู่ในปากรสชาติค่อนข้างหวาน  เมื่อมันหมดแล้ว ลิ้นเกลี่ยไปตามไรฟันด้านในด้วยรู้สึกหมันเขี้ยวคนตรงหน้าขึ้นมาที่เขายังคงมองสู้ผมไม่เลิก  เสียงเพลงจากโทรทัศน์เปลี่ยนไปเป็นเพลงอื่น  นิ้วมือข้างที่ถือกล่องทัพเพอร์แวร์อยู่เคาะไปตามทำนองเบา ๆ 

“สู้ให้ได้ตลอดนะ” ผมเตือน  คำเตือนที่ละประโยคปิดท้ายว่า “..ฉันชอบ” เอาไว้  พร้อมพยายามที่จะส่งยิ้มให้เขาสบายใจ  แต่ไม่รู้ว่าแววตาที่กำลังอยากมีอะไรกับเขาอย่างเอาเป็นเอาตายในตอนนี้ของผมนั้นมันกลบทุกอย่างมิดไปแล้วหรือไม่  แต่พ่อใครสน.. ก็มันเรื่องจริงนี่นะ

“เช็ดไม้เท้าซะ” ผมเดินกลับมานั่งลงที่โซฟา  มือชี้ไปที่ไม้เท้าที่วางอยู่บนโต๊ะระหว่างโซฟา

“กล่องทำความสะอาดพี่ธานบอกแล้วใช่ไหมว่าอยู่ไหน” ผมพูด  สมุทรขานรับ  มือหยิบรีโมทโทรทัศน์ขึ้นเพื่อเปลี่ยนช่อง  เขานำกล่องทำความสะอาดมานั่งลงที่โซฟาอีกตัวโดยนั่งทำความสะอาดไม้เท้าไปอย่างเงียบเชียบละเอียดละออทีเดียว  เราไม่ได้พูดคุยกันเลยระหว่างที่นั่งรอพี่ธาน  ปกติผมก็ไม่ใช่คนชอบชวนคนไม่สนิทพูดบ่อยอยู่แล้ว  ถึงผมจะอยากคุยกับเขาอยู่บ้างแต่คิดว่าไม่พูดบ้างคงจะดีกว่า..

“ทีอย่างนี้ละตื่นสายเชียวนะ” ผมบ่นพายุ  มันงัวเงียออกมาจากห้องนอน  ผมให้พี่ธานเข้าไปปลุกมันเพื่อที่จะได้ลงมากินข้าวเช้าของโรงแรมพร้อมกัน  ถ้าให้ไอ้เข้มหรือไอ้เด่นปลุกมันไม่ตื่นหรอกครับ

“..........” พายุมองผมตาปรือ  สภาพของมันยังคงใส่ชุดนอนโดยมีชุดคลุมอาบน้ำสีเหลืองทองลายประหลาดที่ไม่น่าจะหาซื้อได้ในประเทศไทยคลุมทับไว้อีกทีหนึ่ง

“เฮียแต่งตัวได้ น่าโดนมาก” มันตอบเสียงเครือคนละเรื่อง 

“หึ ๆ ๆ” ผมหัวเราะในลำคอ  นำแขนอีกข้างที่ไม่ได้ถือไม้เท้าอยู่กอดไหล่พายุเข้ามาเพื่อให้เดินไปด้วยกัน  พี่ธานและสมุทรตามมาขนาบข้าง  พร้อมด้วยไอ้เข้มและไอ้เด่นที่ดูแล้วก็คงเพิ่งตื่นเช่นกันตามหลังมาติด ๆ  ประตูลิฟต์เปิดออกไม่ทันได้กดรอนาน  คนในลิฟต์สามคนชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อสบตากับผม  ผมจึงฉีกยิ้มในลักษณะเป็นมิตรกลับไปให้ 

“ไปรึเปล่าคะ” เธอถามหน้าประหม่า

“ไปครับ” พี่ธานยิ้มสุภาพตอบให้แทนก่อนเข้าไปในลิฟต์เพื่อกันประตูลิฟต์ให้ผมและพายุได้เข้าสะดวก 

ห้องอาหารของโรงแรมไม่พลุกพล่านนัก  ด้วยคงเพราะตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก  อีกทั้งการจัดโซนที่นั่งของทางโรงแรมก็เป็นสัดส่วนดี  เราแยกย้ายกันตักอาหารของตนเองโดยนั่งรวมอยู่ที่โต๊ะเดียวกัน  ผมตักเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ตอนนี้จึงเป็นตาของพายุและพี่ธาน

“วันนี้ฉันจะออกไปดูที่ดินกับพี่ธาน นายสองคนอยู่กับพายุ” ผมสั่งไอ้เข้มกับไอ้เด่นไว้ก่อนที่พายุจะกลับมาถึงโต๊ะ

“ครับนาย” ทั้งคู่ผงกหัวรับ

“อย่าให้คลาดสายตาล่ะ” ผมเตือน

“แต่..ถ้าคุณพายุปล่อยกังฟูกัดพวกผมละครับ” ไอ้เด่นพูดใบหน้าเจี๋ยมเจี่ยม

“มึงอย่าควายน่า มันไม่ปล่อยหรอก..ก็แค่ขู่” ผมบ่นด้วยความรำคาญ

“ก็คุณพายุชอบขู่นี่ครับนาย บางทีก็เอาจริงด้วย” ไอ้เด่นบอก  ผมเงียบ  เพราะก็จริงของมัน

“เดี๋ยวกูออกค่ารักษาพยาบาลให้เองน่า กูก็อยากรู้เหมือนกันว่ามึงหรือกังฟูที่เลี้ยงเสียข้าวสุก” ผมตอบปัดประเด็นอย่างไม่แคร์  ไอ้เข้มหลุดอมยิ้มน้อย ๆ ทำให้น้องชายมันถึงกับหันไปค้อนใส่  เมื่อนึกขึ้นได้จึงเปิดกระเป๋าสตางค์ออกแล้วนับเงินให้กับทั้งสามคนออกไปคนละห้าพันบาท 

“เผื่ออยากได้อะไร” ผมวางเงินตรงหน้าไอ้เข้มและไอ้เด่น  ก่อนนำอีกก้อนหนึ่งวางลงตรงหน้าสมุทรที่อยู่ทางด้านขวามือ

“เอ่อ ค่าอะไรครับ” สมุทรมองหน้าผมด้วยสีหน้าสงสัยและยังไม่ยอมที่จะเก็บเงินไปดี ๆ  ผมหลุดยิ้มกว้างและไม่ตอบคำถาม  ปกติแล้วถ้าเงินไม่มากจริง ๆ ลูกน้องผมมักไม่เคยถามปากมากแบบนี้

“เผื่ออยากได้อะไรน่ะครับ” ไอ้เข้มขยายความให้เด็กใหม่ที่มีอายุมากกว่ารับทราบอย่างสุภาพก่อนที่มันและน้องชายจะเอ่ยปากขอบคุณผม  สมุทรผงกหัวให้ผมเล็กน้อยแล้วหยิบเงินเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อไป   

ผมนั่งรอ  ตาเหลือบมองไปที่พายุที่กำลังตักอาหารอยู่ตรงโซนอาหารยุโรปว่าเมื่อไหร่มันจะเสร็จสักที  ตกลงว่ามันเลือกกับข้าวมาแดกหรือว่ามันไปเดินจ่ายตลาดกันแน่  พี่ธานเดินอยู่ใกล้ ๆ กับพายุไม่ห่างนัก  ถ้าพายุไม่เสร็จอีกฝ่ายก็กลับมาที่โต๊ะไม่ได้ด้วย 
และด้วยความที่ส่วนตัวแล้วผมเป็นคนชอบมองไปรอบ ๆ ในสถานที่ที่ตนเองอยู่  จึงทำให้มักได้เห็นอะไรแปลกตาเสมอ  ครั้งนี้ก็เช่นกัน  ผมสังเกตเห็นผู้หญิงโต๊ะหนึ่งกำลังพูดคุยด้วยท่าทางตื่นเต้น  พวกเธอจ้องมองไปทางพายุอยู่สักพักหนึ่งเห็นจะได้  แต่เป้าหมายยังคงยืนทำหน้าซื่อบื้อเลือกอาหารที่อยากกินอย่างเพ่งพินิจ  มันเข้าไปหาพี่ธานพร้อมกับยื่นจานเปล่าให้พี่ธานอีกใบหนึ่ง  มันเลือกอาหารอย่างไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนกำลังมองอยู่  สายตาของพี่ธานเหลือบมองไปที่ผู้หญิงพวกนั้นคล้ายรู้ตัวแล้ว  ปฏิกิริยาที่ทำให้ผมแสยะยิ้มมองเป็นเรื่องสนุก  ผู้หญิงหนึ่งในสี่คนตัดสินใจลุกขึ้นยืน  เธอจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่  ผมที่ยาวสลวยพลิ้วไหวอย่างมั่นใจในตัวเอง  ตัวของเธอค่อนข้างเล็กและผิวค่อนข้างขาว  มองรวม ๆ แล้วก็เหมาะกับพายุอยู่ไม่น้อย   

ครู่เดียวเท่านั้นเธอก็ประชิดตัวตรงหน้าน้องชายของผมเสียแล้ว  พี่ธานเลือกที่จะเฝ้าโดยเว้นระยะให้อย่างรักษามารยาท  เธอแนะนำตัวเองก่อนตามสเต็ปและถามชื่อของเป้าหมาย  ริมฝีปากบาง ๆ ที่ขยับในสถานการณ์เช่นนี้ทำให้วิเคราะห์จากสายตาได้ไม่ยากว่าเธอพูดอะไรไปบ้าง  พายุส่ายหัวน้อย ๆ ด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่ก็ยอมรับกระดาษแผ่นเล็กมาจากผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้น  เมื่อเธอกลับไปที่โต๊ะของเธอ  คนของผมจึงเดินกลับมา  พี่ธานสบตากับผม  ทั้งโต๊ะเห็นสถานการณ์ทั้งหมดและเมื่อไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ จากผมทุกคนจึงยังนั่งเงียบไม่กระดิก 

“วันนี้จะออกไปดูที่ดิน” ผมพูดขึ้น  พายุที่นั่งลงข้าง ๆ ผมหันมามอง

“ไอ้เข้มกับไอ้เด่นจะอยู่กับมึง ตลอดเวลายกเว้นตอนมึงเข้าห้องน้ำ ดังนั้น..ถ้ามึงคิดวางแผนที่จะอยู่คนเดียว ปล่อยไอ้กังฟูเพื่อไล่พวกมันละก็..” ผมพูดยาวก่อนหยุดคิดครู่หนึ่งว่าจะเอาอะไรมาดัดนิสัยน้องชายคนนี้ของผมดี

“ไอ้ที่กูคิด ๆ ไว้เรื่องปรับปรุงโรงเรียนของมึงปีหน้า..จะเป็นโมฆะ” ผมสรุป  พายุจ้องเขม็งเอาความ  ผมอมยิ้มให้มันก่อนหันหน้ากลับมา  นิ้วกระดิกเคาะโต๊ะเบา ๆ  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นก้มหน้าก้มตามองจานอาหารตรงหน้าตัวเองอย่างกับตนมีความผิดแล้วอย่างนั้น 

“เอาหมาอีกตัวด้วย” พายุพูดขึ้นเสียงแข็ง

“อ๋อ..นี่ท้าทาย ?” ผมยิงฟัน  เบิกตาถาม

“ก็วันนั้นเฮียบอกว่าเอาไว้ค่อยคุยกันอะ” มันหันมาโวยใส่ 

“แค่ตัวเดียวก็จะเต็มบ้านแล้วพายุ” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงอะลุ่มอล่วยแต่แฝงไปด้วยความกวนโมโหน้องชาย  พูดเองก็เกือบจะหัวเราะเองจึงได้แต่กลั้นขำไว้สุด ๆ  พี่ธานยิ้มมอง

“เออน่า..เอาไว้ค่อยคุยกัน” ผมปัดไปทีก่อนหันตัวกลับมาหยิบส้อมเพื่อจิ้มสลัดกินก่อนเป็นอันดับแรก  รับรู้ได้อยู่ว่ายังคงมีสายตาอาฆาตจากน้องชายจับจ้องมาที่ผมอยู่เนือง ๆ ไม่ลดละ  ผมไม่สนใจ  เคี้ยวสลัดไปพลางหันไปยิ้มให้พายุไปพลาง  มือข้างขวาแตะลงที่กระดาษแผ่นที่มันเพิ่งได้รับมาจากผู้หญิง
 
“ชอบเหรอ ?” ผมตั้งคำถามโดยยังไม่ละสายตาไปจากน้องชาย  ผมคิดว่ามันเองก็คงรู้ว่าผมหมายถึงอะไร 

“ไม่ได้ชอบ” พายุตอบ

“แล้วรับมาทำไม”

“ก็เขาให้” อีกฝ่ายตอบซื่อ ๆ  หันตัวกลับไปตั้งหน้าตั้งตาลงมือกินทำเป็นตัดบทใส่ผม  ผมแสยะหัวเราะไม่มีสาเหตุพร้อมกางแขนออกกว้าง  ข้างซ้ายนำฟาดลงบนพนักเก้าอี้ตัวที่พายุนั่งก่อนเอี้ยวคอหันไปมองทางโต๊ะของผู้หญิงพวกนั้น  ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าพวกเธอได้จ้องมองสถานการณ์ตั้งแต่ก่อนหน้าอยู่แล้ว  เจ้าของกระดาษหลบตาทันทีที่เราปะทะสายตากัน  ตอนนี้มีเพียงพายุกับพี่ธานเท่านั้นที่กำลังลงมือกิน  พี่ใหญ่กินไปอมยิ้มไปตลอดเวลา  ผมหยิบกระดาษแผ่นนั้นวางลงตรงหน้าของไอ้เข้ม  อีกฝ่ายมองรอคำสั่งจากผม  ที่ผมเจาะจงเลือกไอ้เข้มเพราะว่าหน้ามันเหมาะสมกับอะไรเด็ดขาดเช่นนี้ดี 

“เอาไปคืน” ผมสั่ง

“ครับนาย” ไอ้เข้มผงกหัวน้อย ๆ หยิบกระดาษพร้อมลุกจากไป  พายุกินต่อไม่สนใจใด ๆ  นั่นแปลว่าตามจริงแล้วมันไม่สนเลยสักขี้เล็บเดียว  ผมหันกลับไปมองที่โต๊ะดังกล่าว  ไอ้เข้มวางของกลางลงบนโต๊ะพร้อมพูดว่า “นายผมให้เอามาคืนครับ” เท่านั้น  มันไม่รอเสียงตอบรับก็เดินกลับมาทันที  ผมหัวเราะ

“เดี๋ยวยุก็จะเอาไปทิ้งอยู่แล้วแท้ ๆ” พายุหันมาบ่น 

“อีกฝ่ายรอ จะให้เธอรอทำไม” ผมว่า

“เฮียทำแบบนั้น เธอเสียหน้า” มันขมวดคิ้วต่อว่า

“ไม่ใช่ญาติกูนี่” ผมตอบกลับห้วน ๆ 

“นี่มึงเลือกแคร์ผู้หญิงมากกว่าพี่มึงเหรอ” ผมหมันไส้  คว้าหน้าพายุอย่างแรงจนมันตัวเซไถลเข้าหา

“เฮีย!” เจ้าของร่างกายขึ้นเสียงเสียงหลง  ผมยิ้มกว้าง  ออกแรงล็อกคอพายุมากอดพร้อมนำหนวดที่ปลายคางที่ไม่ได้ถูกโกนในเช้าวันนี้ถูไถไปที่ซอกคอของมัน 

“ไอ้เฮีย!!!” พายุโวยวายเสียงดัง  มันออกแรงผลักผมออกอย่างแรง  หน้ามันแดง  หูก็แดงไปหมด

“โกรธเหรอ หือ ?” ผมขบฟัน  นำมือเขี่ยคางหยอกกวนมันไม่เลิก 

“ฮื้ย! ยุเจ็บนะ” มันนำมือปัดคอตัวเองอย่างแรง  ขยับตัวทำท่าขนลุกด้วยใบหน้ามู่ทู่จนดูตลก  ผมกับพี่ธานหัวเราะ

“โรคจิต” พายุบ่นงึมงำ 

“เรียกชื่อเล่นกูทำไมครับ” ผมย้อนทันที  ทุกคนอมยิ้ม  ผมนำแขนออกจากเก้าอี้ของพายุหันตัวกลับมานั่งกินดี ๆ 



.............(ไฟ)............


จากผู้เขียน:  สำหรับตอนต่อไป..ยังไม่ขอรับปากว่าจะเป็นช้าเร็วอย่างไรเมื่อไหร่นะคะ  เพราะสำหรับตอนที่ 29 นี้ก็มาต่อให้อย่างเร็วได้ที่สุดแล้วและค่อนข้างยาวด้วย  บทเลยพยายามไม่ให้รู้สึกค้าง  ตอนหน้าเดท  หลายคนเดาและทวงว่าได้เดท ... :a5: :a5: :a5:


ขอบคุณค่ะ
เบบี้

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2016 18:20:56 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
เย้ๆๆๆๆๆ เบบี้มาแล้ววววว คิดถึงมากกกกกกกกกกก

 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ ปลายฝน ต้นหนาว

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เยยยยยยยยย่ :katai4: :katai4: :katai4:
คุณไฟนี่เราไม่รู้จะใช้อะไรมาบรรยาย ความคุณไฟนี่มัน หึ้ยยยย
สมุทรคงเหนื่อย ยอมคุณไฟก็หายเหนื่อยแล้วว :hao7:
พี่ธานรู้ใจคุณไฟมากเลย ห้ามเฉพาะที่มันเกินไปอย่างเดียว แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ห้ามแค่เตือนๆ
พายุกับคุณน่าร๊ากก ชอบหยอกน้อง



ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
เป็นหนึ่งตอนที่ให้ความรู้สึกหลากหลายอารมณ์มาก
ไฟสมุทร/สมุทรไฟ ^ ^

ออฟไลน์ Sadistic_seme

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ไฟหื่นอ่ะ ฮ่าๆ สมุทรคิดหนักอิอิ ลุ้นมากว่าจะได้จูบไหม นี่ถ้าจูบไฟคงยิ่งกว่านี้ :mew1:

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
ไฟนี่มันกวนจริงๆ  เมื่อไหร่สมุทรจะใจอ่อน  :hao6:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
รอวันที่ไฟได้โดนสมใจ :hao7:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
มันเป็นอะไรที่่ดีมากกกรู้สึกดีจริงๆนะ ตั้งใจอ่านทุกตัวอักษร เราคงบ้าไปแล้วแน่( เหมือนที่ไฟชอบบ่นกับตัวเอง555+)

เขินมากกกกลุ้นกับพี่ไฟขนาดนอนเตียงเดียวกัน สมุทรก็นิ่งไม่ไหวติง แกล้งขยับใกล้เข้าไปแล้ว แต่..สมุทรก็ยังคงเป็นพ่อพระ  หรือ..ลึกๆแล้วแอบขำพี่ไฟอยู่ก็เป็นได้ อิอิ

พี่ไฟร้ายมากแอบมีหอมแก้มไปแล้วหนึ่งครั้ง ถือว่ากำไรสุดๆค่ะพี่ อ้อนต่อไปค่ะ ...กำลังดีทีเดียว :)


ขอบคุณเบบี้มากๆค่ะ  :กอด1: :L2:







ออฟไลน์ namaquaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ชอบคุณไฟจริงๆ :mew1:

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
ขอจุ๊บให้หายคิดถึงเบบี้  ไฟก็แซะไปเรื่อยเผื่อสมุทรใจอ่อน  กวนแบบนี้ถ้าจะอีกนาน

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1034
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
เข้ามากรี๊ดก่อน แบบว่าคิดถึงมากๆ  :m3: :m3:

ออฟไลน์ cassper_W

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2052
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-1
สมุทรเปลี่ยนชื่อเป็นน้ำแข็งไหม???!!!!!!

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
ความจังไรของพี่ไฟ ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง
5555555555555
ชอบตรงเน้ จะเอาก็แสดงชัดๆไปเลย!!
นี่ชัดยังวะ !?
แต่เหนื่อยแทนพี่ไฟ สมุทรยากมากอ่ะ ยากจริงๆ
ตอนได้กันคงดีพิลึก คึคึ
พายุน่ารักมาก น้องเฮียอ่ะ น่าเอ็นดูวววว
เบบี้สู้วววว

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ตอนนี้ยาวสะใจเลยค่ะ

ไฟขี้แกล้ง โดนกันทั่วถึงเลย
สงสัยแกล้งแก้เครียด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9

ออฟไลน์ KaniSui

  • ♪(*^ ・^)ノ⌒☆
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-0
จะชอบเขาอะไรขนาดนี้ จากที่เป็นบ้าอยู่แล้ว ก็ดูเป็นบ้ายิ่งกว่าเดิมอีก 5555
ชอบใจความดุของสมุทร แต่คือคนยังไม่รักเนอะ แค่ไม่รังเกียจกันก็พอแล้ว อย่าถึงกับผลักไสเลย กลัวพี่ไฟใจขาดตายซะก่อน ยังไม่อยากเห็นบทโศก 55555

แล้วชอบว่าเขาปากมากงี้ คือชอบเขานะ นี่จีบจริงป่าว สงสารสมุทรเลยอ่า มีคนบ้ามาจีบ

พี่ธานก็เข้ากันกันดีเหลือเกิน รู้ใจกันไปหมด



สไตล์เสื้อผ้าบ่งบอกถึงตัวคนใส่นะคะ ไม่ใช่เป็นมาเฟียหรือกุ๊ยอะไรนะ …กวนตีนล้วน!!!!

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 951
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
ไฟเจ้าเล่ห์มากทั้งหยอดทั้งรุก  :-[ สมุทรนี่ก็นิ่งได้นิ่งดี

ขอบคุณที่มาต่อค่ะ :L1:

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
เฮียหยอกน้องยุได้หื่นมาก สมหน้าตาโดยเฉพาะตอนไปทำกับสมุทร ทำเอาคนอ่านรู้สึกว่าตัวเองหื่นตาม เพราะอยากให้เผด็จศึกสำเร็จในเร็ววัน  :jul1: แอบเชียร์ให้สมุทรอ้อล้อกับคุณไฟบ้าง คงไม่มีใครยอมใครเลยทีเดียว  :o8:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:

ออฟไลน์ aehJTS

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-8
โอ้วววได้นอนด้วยกันแล้ว ถึงแม้จะใส ๆ ต่างคนต่างนอนก็เถอะ :-[
แต่จะว่าไปไอ้คุณไฟกว่าจะจีบสมุทรติดคงอีกชาติ เพราะระดับความกวนนี้เหรียญทองเลย
แต่ไม่เป็นไรเตาะ ๆ ไปก็ฟินดี :really2:

 :pig4: ค่ะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
คงนึกว่าจะต้อนสมุทรได้ง่าย ๆ เจองานหินเข้าอย่างจัง :z10:
ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่  :z1:
+1 ให้เป็นกำลังใจนะครับ หนูบี้  :กอด1:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0

ไฟฟฟฟฟฟฟ คิดถึงงงงงงง มาทียาวดีค่ะ มาเมื่อไหร่ไฟก็ยังเป็นไฟ ชอบแกล้งชอบแหย่ยังไงก็ยังงั้น เพิ่มเติมคือหื่นขึ้นมาก แค่สายตาแข็งกราวเสียงนุ่มทุ้มของเขายังทำของขึ้น 55555 มาโซจริง ทรมานตัวเองแต่มีความสุข ทั้งสงสารทั้งฟิน 55555 ลุ้นมากกก ไม่ลุ้นบู๊นะ แต่ลุ้นฉากบนเตียง ค่อยๆ เขยิบเถิบๆเข้ามา อะๆได้คร่อมละ จะได้จูบไหม เชี่ย โคตรจะไม่ง่ายอ่ะ 55555 ตายเฮียไฟคือตอนนี้สมุทรไม่หวั่นไหวไรเลย(???) มองไม่เห็นแสงของไฟ 5555 สมุทรจะหวั่นไหวยังไงหว่ะ ท่าจะมาแบบนี้ เต๊าะไปอีกกี่ชาติ อดทนไปอีกกี่สิบปี 555 โคตรเห็นใจไฟอ่ะ มองหน้าของขึ้นไปแล้วเขายังไม่หวั่นไหวไรเลย 555 //สมุทรนี่ก็นะ ไฟเขาจริงจังเว้ย เสน่ห์ไฟจะกระแทกตากระแทกใจทำให้สมุทรหวั่นไหว ข้ามกำแพงได้ไหม วันนี้ไม่ชอบ วันหน้าเชื่อว่าไฟรุกไหว(ถ้าไม่หมดความอดทนไม่ไปซะก่อนอะนะ55)ถึงวันนั้นละ หึ!!เอาให้โงหัวไม่ขึ้นเลยนะไฟ หึงแรงไรงี้ (มันจะมีหรอว่ะ55) ต้องรอจนเหงือกแห้งไปอีก อืมมม ประเมินระยะเวลาไม่ได้เลย สมุทรเสียงแข็งขนาดนี้ เหอออออ 5555  ไปเดทจะช่วยไรไหมหนิ ยียวนพอดีๆนะ 5555//พี่ธามนี่ไม่มีจุดไหนไม่รู้ทัน ตลกดี เวลาทันกัน ขำตามอ่ะ ไม่มีพี่ธามแย่เลย คนรู้ใจขนาดนี้ ทำอะไรได้ไม่ต้องเกรงอึดอัด //เฮียไฟแหย่พายุได้กวนดีจริงๆ ขี้หวง น่ารักกกสองพี่น้อง //ขอบคุณมากนะค่ะที่มาต่อ คิดถึงเฮียไฟมากกก รอตอนต่อไปไปอีกค่ะ 55 สู้ๆนะคะ

ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
โถ่ อุตส่าลุ้นว่าคุณไฟจะสมหวังมั้ย
สักจุ๊บก็ไม่ได้เหรอ

รอวันเดทนะคะ 55555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด