The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 446132 ครั้ง)

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
คุณไฟทำไมดูหื่นขนาดนี้ล่ะ
แต่เสียดายอดจูบ
สมุทรนะสมุทรยอมให้จูบหน่อยก็ไม่ได้

ออฟไลน์ pornvrin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
มายาวมากกกกก ขอบคุณนะบี้ อ่านกันจุใจทีเดียว 55555

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
เฮียไฟขี้แหย่ชอบแหย่สมุทรอยู่เรื่อย สมุทรก็ใจแข็งจัง :hao7:

ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
ฉันรักพี่ไฟฟฟฟ พี่ไฟขาของเค้าาา แต่จริงๆยกให้สมุทรก็ได้นะ  :laugh:

สมุทรแอบโหดใช่เล่นนะเนี่ย ซัดซะพี่ไฟจุกไปเลย แต่ก็ดันไปเหย่เค้าก่อนนี่เนอะ

ตอนหน้าเดทแล้วๆๆๆ (หรือเปล่า) รอให้สมุทรใจอ่อนอยู่น๊า  :katai2-1:

ออฟไลน์ sexysunn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
 อ่านแล้วแบบ  :haun4:  ชอบบ
เข้ามาเล้าวันละหลายรอบเพราะเรื่องนี้เลย   มาตามอ่านเมนท์คนอื่นด้วย 

คุณเบบี้แต่งนิยายแบบนี้ อยากรู้จังชีวิตจริงจะเป็นสาววายมั้ย   แต่แนวนิยายในการเขียน ส่วนใหญ่ตัวละครดูห้าวๆ แมนๆ 
ดูมีชีวิตจริง  ถ้าเบบี้เห็นคู่ผู้ชายตัวใหญ่แบบนี้สองคนนี่จิ้นมั้ยถามจริง   

มันใช่อะ  มันใช่

ออฟไลน์ JaaJaaJaaJaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
บังคับจูบแม่งงงงงงงงง  :katai1:  :katai2-1:

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
ใครอยู่ใกล้ไฟนี่คงประสาท แข็งมาก 55555

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เบื่อคุณไฟ ทำอ่อย ทีเล่นทีจริง อยู่นั่แหละ



จีบแบบตรงๆไปเลย จะหน้าแตก จะอกหักก็ ลุยให้เต็มที่



นี่คือทำอาการเป็นหมาหยอกไก่อยู่นั่นแหละ



สมุทรเป็นผู้ชายเต็มตัวนะไม่ใช่ผู้หญิงหรือตุ๊ด จะได้ชอบให้ผู้ชายอีกคนมากระลิ้มกระเหลี่ยบ่อยๆ



ถ้าคิดว่าคุณชอบสมุทรจริงๆ ก็แสดงออกเต็มที่ไปเลย ไม่ใช่ล้อเล่นไปวันๆแบบนี้



ยิ่งสมุทรต้องทำงน เป็นลูกน้องด้วยแบบนี้ มันอึดอัดนะ ต่อให้สมุทรเป็นคนดี



มีความอดทนแค่ใหน มันก็น่าอึดอัดอยู่ดี ถ้าวันนึงสมุทรมีใจให้คุณไฟแล้วจะยังไง



ในเมื่อคุณไฟยังทำเล่นๆหัวๆกับสมุทรอยู่เลย หรือ ต้องให้เป็นทั้งลูกน้องทังนายบำเรอเหรอ



ส่วนสมุทร จะปฎิเสทแบบจริงจังไปเลยก็ไม่ทำ  :ling1: :ling1: อร๊ายยยยย อึดอัด



คิดถึงน้องเมฆน้อยเด็กมืดมนของป้าดีกว่า



เบื่อพวกผู้ใหญ่ท่าเยอะโน๊ะ กอดดดดดน้องเมฆ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
5555 ตลกไฟ อาการหนักนะ ชอบแกล้ง กวนประสาท ชอบความรุนแรง

ชอบสมุทรทันตลอด ไม่หลงเกมส์ด้วย
พี่ธานคือรู้ใจจริง รู้ทุกการเคลื่อนไหวอะ

พายุโดนแหย่แล้ว โกรธง่ายไปอีก 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
มีความรู้สึกว่าเรื่องนี้บรรยากาศเซ็กซี่จัง
รับรู้ถึงแรงดึงดูดระหว่างไฟกับสมุทร

เรารอสงครามบนเตียงแล้วนะ จะมีเตียงพังมั๊ย  อร๊ายยยยย (มโนไปไกลมาก 55555)

:haun4:  :haun4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไฟ มีความท้าทาย กวนตีน และโรคจิตอยู่ในตัว
แต่เหนืออื่นใด การมองการณ์ไกล ความมีสติรอบคอบ
ระมัดระวังตัวนั้น ไฟตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
ขอบคุณเบบี๋มาก  สนุกมาก
เป็นอะไรที่อ่านแล้วลุ้นตามทุกเรื่องตลอด
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
   

ออฟไลน์ spsygk

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 :katai4:  ต้องลุ้นตลอดด 5555

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
โอ้ยย...บรรยายคำจำกัดความของอิไฟไม่ถูกจริง...ๆ

สรุปเป็นผู้ชาย..แร้งส์!!5555

สนุกมากๆค่ะ
รอตอนต่อไป!!!

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

[ อา. 2 ต.ค 59 ] ตอนที่ 29 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1020

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _



ตอนที่ 30
..ไฟ..




ถนน 316 : ตลาดศรี

“ติดต่อทางนั้นไปว่าผมจะเจรจาขอซื้อ แจ้งราคาเดิมไปก่อน..โอนคนละครึ่ง ถ้าอีกฝ่ายไม่ตกลง ผมไม่เอา” ผมส่งงานกันลืม  พี่ธานผงกหัวรับทราบ  เราสามคนเพิ่งกลับมาจากชลบุรีและผมสั่งให้ตรงมาที่ตลาดศรีแห่งนี้เพราะต้องการดูงานของตลาดใหม่เพิ่งเปิด  เมื่อเช้าพวกเราออกจากโรงแรมแต่เช้าจึงทำให้มีเวลาว่างเหลือค่อนข้างมาก 

“อยากกินโอเลี้ยง” ผมหันไปมองหน้าสมุทรแกมสั่ง

“ครับ” สมุทรผงกหัวน้อย ๆ รับทราบ

“พี่ธานเอาอะไรดีครับ” เขาถาม

“ชามะนาวแล้วกัน” พี่ธานตอบ  สมุทรเดินจากไปอย่างมีเป้าหมาย  ผมหันกลับมามองหน้าพี่ธานอีกครั้ง 

“ถ้าผมจะบอกว่าพี่กลับโรงแรมไปก่อนได้เลย..จะเหมือนไล่รึเปล่า ? ที่จริงผมอยากไล่นะ แต่ขอถามความคิดเห็นดูก่อน ในฐานะพี่ใหญ่” ผมพูด  เก็บแฝงแววตากรุ้มกริ่มที่จงใจกวนพี่ธานเอาไว้ด้วย
 
“ถึงคุณไล่ผม..แต่เห็นทีวันนี้คงจะไม่ได้ครับ” อีกฝ่ายตอบด้วยคำพูดเด็ดขาด  ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสุภาพชน 

“ไม่เอาน่า” ผมขมวดคิ้วบ่นทันควัน

“คุณไฟครับ คุณเจ็บอยู่..แล้วสมุทรก็ไม่ยอมใช้ปืน เหตุการณ์แบบนี้บอกตามตรงว่าผมยังไม่สบายใจเลยครับ” พี่เขาพูดหน้าเครียด

“ไม่ยักรู้ว่าพี่จริงจังกับเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ แบบนี้ด้วย” ผมเบ้ปาก  พี่ธานสงบลง

“อีกอย่าง..ตอนนี้พี่ก็ไม่ได้พกเหมือนกัน ?” ผมเบิกตา  ผายมือออกไปทางพี่ธานเล็กน้อย
 
“จะให้ผมพกก็ได้ครับ” พี่เขาย้อนทันที

“จิ! พี่ใหญ่” ผมเบือนหน้าหนีพร้อมถอนหายใจเซ็งจัด

“พี่ก็รู้..เดี๋ยวนี้มีแต่ไอ้พวกระยำสังคมที่ควงปืนไปมาเป็นว่าเล่นทำให้เราอยู่ยากไปหมด ถ้าเราถูกตำรวจจับข้อหานี้ขึ้นมา..คงขายขี้หน้าแย่นะครับ” ผมบ่นติดตลกทำให้พี่ธานกวาดตามองผมด้วยแววตาที่เกือบจะหลุดซีเรียสกับเรื่องก่อนหน้า

“แล้วพี่คิดว่าผมมีโอกาสเยอะนักรึไง เมื่อวานผมเสนอหมอนั่นว่าถ้าผมชนะ เขาจะยอมเดทกับผม” ผมยักไหล่

“ใช่..เดทในความหมายของผมกับอีกฝ่ายคงไม่เหมือนกันแน่” ผมขยายความ

“แถมไอ้โปรดยังปากดีบอกว่าผมไม่น่าจะมีทางจีบอีกฝ่ายติด”

“แต่อยู่ดี ๆ  ผมก็ดันมั่นใจว่าผมจะจีบติดขึ้นมา แล้วถ้าพี่ยังติดหนึบผมแบบนี้ นี่ล่ะอุปสรรค” ผมทำหน้าทะเล้น  พี่ธานกลั้นอมยิ้มเอาไว้  เราหันข้างวางฟอร์มให้กันชั่วขณะหนึ่ง

“ยิ้มทำไมครับ อยากตายรึไง” ผมมองหัวจรดเท้าทำให้อีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม  พอผมเดินเข้าหาพี่ธานก็ก้าวถอยหลังในทันที

“พี่ก็คิดเหมือนไอ้โปรดงั้นเหรอ คิดดีนี่” ผมแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์

“จิ! ฉี่~” ผมจิปากพลางกัดฟันไว้แน่นด้วยรู้สึกเหมือนถูกหยามขึ้นมา  พี่ธานผายมือขึ้นคล้ายบอกปฏิเสธ  เราหยุดสบตานิ่งอยู่ครู่หนึ่ง

“รู้อะไรไหมครับ..?” พี่เขาเอ่ย  ผมเท้าเอวทั้งที่ไม่ยอมหันตัวกลับไปมองพี่ธานดี ๆ  ได้เพียงแต่เหลือบสายตามองเหล่ไปที่เป้าหมายเท่านั้น

“ผมจะยอม เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคุณทำแบบนี้”

“ผมขอรอที่รถนะครับ นายใหญ่” พี่ธานสรุปพร้อมสรรพนามปิดประโยคกึ่งบังคับ

“ไม่เอาน่า” ผมถอนหายใจ

“อย่าให้ผมกลับเลยครับ ผมขอร้อง” พี่เขาย้ำ  สีหน้าตึงเครียดตรงหน้าทำให้ผมยอมเงียบลง

“โอเค” ผมพยักหน้ายอมรับ  อีกฝ่ายจริงจังขนาดที่เอ่ยปากไล่ต่อไม่ลง  พ่อค้าแม่ขายและคนที่มาเดินตลาดต่างมองผมกับพี่ธานกะหลับกะเหลือก  ไม่นานให้หลังสมุทรก็กลับมาพร้อมกับถุงโอเลี้ยงและชามะนาวอย่างละถุง

“อ่าว สมุทรไม่กินเหรอ” พี่ธานถาม

“ไม่ครับ” สมุทรยิ้มตอบ  ผมรับโอเลี้ยงมาดูด  ยืนรอให้พี่ธานเป็นฝ่ายเอ่ยปากบอกลา 

“เดี๋ยวสมุทรอยู่กับคุณไฟนะ พี่มีธุระต้องไปทำแป๊บนึง”

“ได้ครับ” สมุทรพยักหน้ารับ 

“ฝากด้วยนะ” พี่ธานย้ำ  เหลือบตามองมาทางผมครู่เดียว  ผมยักคิ้วตอบให้ก่อนที่พี่ใหญ่จะเดินจากไปด้วยใบหน้าของพี่ผู้นิ่งขรึมที่เล่นละครตบตาเก่งชนะเลิศ

“บายครับพี่ใหญ่~” ผมฉีกยิ้มพร้อมโบกมือลาพี่ธานเป็นงานเป็นการ  เมื่อก้าวขาเดินต่อสมุทรก็จ้ำเท้าตามหลังมาทันที  ผมตั้งใจเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ  ที่ตั้งใจมาที่ตลาดนี้เพราะต้องการมาดูการบริหารงานของที่นี่เนื่องจากเป็นตลาดเปิดใหม่  อีกทั้งยังได้เสียงตอบรับไปในทางที่ดีอีกด้วย  ในมุมมองของผมเจ้าของสถานที่ค่อนข้างมีบุญเก่า  ตลาดแห่งนี้ขายได้ดีเกิดจากบริเวธรอบ ๆ ที่เป็นพื้นที่ชุมชนเก่าแก่  จุดนี้จึงทำให้เป็นจุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ค่อนข้างหนาตา   

ตลาดจัดโซนอาหารที่ขายสำหรับกินได้เลยแยกโซนจากอาหารสดอย่างชัดเจน  ทำให้เลือกเดินได้สะดวก  นอกจากนี้ยังมีโซนขายของทั่วไปซึ่งสามารถเดินต่อเข้าไปถึงย่านชุมชนเก่าแก่ได้ด้วย  บางบ้านถือโอกาสนี้ใช้หน้าบ้านของตนเปิดเป็นร้านขายของจิปาถะ ฯลฯ  ผิดกับที่ตลาดของผมที่อยู่แยกจากตัวชุมชนไปมาก 

“สะอาดดีนะครับ” สมุทรเอ่ยชม 

เราไม่ได้พูดคุยกันตั้งแต่ที่พี่ธานแยกตัวออกไป  โอเลี้ยงในมือของผมพร่องไปแล้วครึ่งถุงทำให้น้ำแข็งที่ละลายเริ่มกวนใจ  มันคอยแต่จะหยดลงไปที่ก้นถุงและทำให้เปื้อนรองเท้าบ้างในบางครั้งจนรู้สึกน่ารำคาญ  ผมจึงยื่นถุงเจ้าปัญหาไปให้สมุทรถือแทน  อีกฝ่ายรับไปถือไม่มีปากเสียง  ร้านขนมรังผึ้งที่เรากำลังจะเดินผ่านส่งกลิ่นหอมเพิ่งอบเสร็จสดใหม่ทำให้ผมถึงกับต้องหยุดยืนที่หน้าร้าน  แม่ค้าชะงักมือที่เพิ่งนำขนมชิ้นล่าสุดออกมาจากเตา  สายตาของเธอเพ่งมองผมตั้งแต่ศีรษะและหยุดการกระทำดังกล่าวอยู่เพียงแค่ครึ่งท่อน  ควันลอยพวยพุ่งปะทะหน้าเราทั้งคู่  เมื่อควันจางลงเราจึงสบตากัน  เธอต้อนรับพร้อมรอยยิ้มกว้าง ๆ ทักทาย

“เพิ่งอบเสร็จร้อน ๆ เลยจ้า” แม่ค้าบอกสรรพคุณ 

“เอาชิ้นนึงครับ” ผมสั่ง  อยากลองกินแค่นิดเดียว  กลิ่นมันหอมมากจนอดใจไม่ลองไม่ได้

“ได้จ้ะ” เธอขานรับ  คีบขนมรังผึ้งชิ้นล่าสุดนั้นใส่กระดาษห่อสะอาดก่อนยื่นมาให้  ผมจ่ายเงินไปพร้อมรับมาชิมไม่สนใจคนข้าง ๆ ที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน

“ฉันจะไม่ถามหรอกนะว่านายจะเอารึเปล่า” ผมพูดไปกินไปไม่มองหน้าสมุทร  ตาจ้องมองร้านริมทางที่เดินผ่าน

“เพราะถ้านายอยากกินเดี๋ยวฉันจะป้อน” ผมหันไปเลิกคิ้วให้

“ผมไม่ได้อยากกินครับ” อีกฝ่ายปฏิเสธพร้อมอมยิ้มไว้ให้เห็นนิดหน่อย

“ใช่..อย่ากินเลย กินมาตั้งหลายเจ้าก็ไม่เห็นเจอผึ้งสักตัว” ผมยักไหล่หมายถึงขนมในปาก  สมุทรหลุดหัวเราะ  รอยยิ้มธรรมชาติที่เห็นฟันเรียงขาวสะอาดตาดึงดูดสายตาอีกเหมือนเคย 

“ของดอง” ผมอุทาน  มองเห็นร้านขายของดองตรงหน้าใกล้ ๆ
 
“คุณชอบเหรอครับ” สมุทรถามหน้าเหวอ

“พายุชอบกิน ฉันก็ชอบ..นาน ๆ ที”

“เอามะม่วงดองครับ” ผมสั่ง 

“องุ่น..มะปราง แล้วก็กระท้อนด้วย เอาถุงใหญ่หมดเลยครับ” ผมชี้นิ้วบอก  แม่ค้าดูตกใจที่เห็นผมสั่งถึงหลายอย่าง  เป็นการสั่งไปเผื่อพอสำหรับพวกคนอื่น ๆ ด้วย  จัดว่าเป็นของโปรดของคนในค่ายเลยก็ว่าได้  แม่ค้าจัดใส่ถุงมัดให้อย่างดี  เมื่อจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้วสมุทรจึงรับหน้าที่นำถุงไปถืออย่างเคย

“เดินไปย่านชุมชนไหมครับ ผมเห็นมีร้านอาหารเปิดขายตามบ้านด้วย คุณหิวรึเปล่า” สมุทรถาม  ผมมองหน้าเขาเพราะสีหน้าที่แสดงออกนั้นเหมือนเขามีความสนใจอยากที่จะไปจึงได้เอ่ยปากชวน 

“เอาสิ” ผมตามใจ  เราเดินพ้นโซนขายอาหารต่อจนสุดทาง  ไม่มีอะไรสะดุดตาให้ผมเลือกซื้อ  ตอนนี้เกือบสิบเอ็ดโมงเต็มแก่แล้ว  ใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันแต่กลับไม่รู้สึกหิวสักนิด

“เฉาก๊วยโบราณ ของโปรดพี่ธาน” ผมพูด  ขาหยุดยืนหน้าร้านเฉาก๊วยที่ตั้งอยู่เยื้อง ๆ กับหน้าร้านขนมเบื้องโบราณ  สมุทรหัวเราะเบา ๆ ที่ได้ยิน

“นายล่ะ หิวรึเปล่า” ผมถาม

“ไม่หรอกครับ แต่ร้อน ๆ แบบนี้ผมยังไงก็ได้” เขาตอบ

“งั้นนั่งพักร้านนี้แล้วกัน” ผมสรุปด้วยความรวดเร็ว  เราสองคนหาที่นั่งเหมาะ ๆ  ด้วยเพราะไม่มีลูกค้าจึงเลือกนั่งได้ตามสบาย  เราทั้งคู่สั่งเฉาก๊วยคนละถ้วย  สมุทรสั่งเฉาก๊วยโบราณ  ส่วนผมสั่งเฉาก๊วยชาไทย  คาดว่าเจ้าของร้านเฉาก๊วยกับร้านขนมเบื้องน่าจะเป็นญาติพี่น้องกัน

“รับอะไรเพิ่มไหมจ๊ะ” แม่ค้าอายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณย่าออกมาต้อนรับ

“ขอน้ำเปล่าสองแก้วครับ” ผมตอบ

“เอาข้าวเหนียวมะม่วงไหมจ๊ะ ของเราอร่อยน้า” เธอยิ้ม

“ไม่ครับ ขอบคุณ” ผมตอบ  ไม่นานให้หลังเฉาก๊วยและน้ำเปล่าของเราทั้งคู่ก็ถูกนำมาเสิร์ฟ  รสชาติของชาไทยที่ไม่หวานจนเกินไปและความนุ่มของเฉาก๊วยถือว่าใช้ได้ทีเดียว 

“บทคุณจะกินง่าย คุณก็กินง่ายดีนะครับ” คนตรงหน้าพูดขึ้น

“ชมหรือประชดไม่ทราบ” ผมว่า  สมุทรไม่ตอบ  เขาเพียงช้อนตามองผมด้วยแววตาแฝงความหมายก่อนก้มลงตักเฉาก๊วยกินต่อ  บทสนทนาไม่เกิดขึ้นระหว่างที่กินกันอย่างเนิบ ๆ   

“ตอนเด็ก ๆ  ฉันชอบมาเดินตลาดมาก เวลาที่แม่บ้านจะออกไปจ่ายตลาด ฉันมักจะเกาะไปด้วยทุกที” ผมบอก  รสชาติของน้ำชาไทยเริ่มจางลงเพราะน้ำแข็งที่ค่อย ๆ ละลาย

“ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงชอบไปนัก” ผมพูดแกมบ่น 

“ผมก็เหมือนกัน” สมุทรเสริม  เราหัวเราะนิดหน่อยก่อนจบหัวข้อนี้ลง 
 
การเล็มเฉาก๊วยในแก้วเป็นไปโดยไม่รีบร้อน  สังเกตการกินของสมุทรแล้ว  เขาเป็นคนที่กินเรียบร้อยแต่ค่อนข้างไว  เพียงแป๊บเดียวเขาก็ฟาดเฉาก๊วยจนหมดเรียบเหลือแต่น้ำแข็ง  ส่วนผมเป็นคนที่กินอาหารไวแต่อิ่มเร็ว  ยิ่งถ้าได้รับรู้รสชาติแล้วและถ้าจู่ ๆ เกิดเบื่อหรืออิ่มขึ้นมาก็มักจะหยุดกินในทันที.. 

.. ซอยถัด ๆ ไปส่วนใหญ่ขายพวกเสื้อผ้าและของเล่นสมัยก่อน  เช่นพวกลูกแก้ว  หมากเก็บ  โยโย่  เก็บฝึกสมอง  เป่าลูกโป่งวิทยาศาสตร์อะไรพวกนั้นก็ได้พบหนาตาที่นี่ 

“เคยสงสัยไหมว่าเป่าไปเพื่ออะไร แต่เจอทีไรเหมือนมีพลังบางอย่าง..เป็นต้องซื้อมันทุกที” ผมบ่นถึง  ตาจ้องมองไปที่ของเล่นตรงหน้า  มันคือลูกโป่งวิทยาศาสตร์ในตำนานเลยก็ว่าได้

“เด็กสมัยนี้เขาก็ไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนสมัยเราหรอกครับ ผม..ก็ไม่ค่อยตื่นเต้นกับของเล่นสมัยนี้เท่าไหร่”

“หึ หัวโบราณจังนะคุณสมุทร” ผมแสยะหัวเราะมอง  สมุทรอมยิ้มไม่ปฏิเสธ

“มีเกมยิงห่วงน้ำด้วย!” ผมชี้นิ้วไปด้วยความตกใจ  สมุทรยิ้มกว้างเอื้อมตัวหยิบขึ้นมาให้ผมดู  คุณลุงเจ้าของร้านยืนขนาบข้างมองพวกเรายิ้ม ๆ  ใบหน้าของแกอ่อนโยนและดูอยากขายของเป็นอย่างมาก  แต่ตั้งแต่ผมมายืนอยู่ที่หน้าร้าน  แกยังไม่เอ่ยปากพูดเลยสักคำเดียว

“มันยังเล่นได้อยู่เหรอครับ” สมุทรถามด้วยความสงสัยไม่ต่างจากผม

“เล่นได้อยู่นะ” ลุงแกตอบ

“ผมเอาอันนี้” ผมชี้ไปที่ของในมือของสมุทร

“เอ่อ สองอัน” ผมสั่ง  ลุงเจ้าของร้านพยักหน้า  กุลีกุจอเปิดกล่องเพื่อหยิบเกมยิงห่วงน้ำชิ้นใหม่อีกอันมาให้

“คุณไฟครับ ?” สมุทรเลิกคิ้วยิ้ม ๆ เหมือนเหลือเชื่อว่าผมเอาไปทำไมหลายอัน

“อีกอันให้เมฆนะ” ผมบอก  คนข้าง ๆ พึมพำเสียงเบาว่า “คุณนี่มันจริง ๆ”  ขณะเดียวกันสายตาเหลือบไปเห็นกล่องหมากฝรั่งสมัยเด็กที่กินเป็นประจำ  จำไม่ได้แล้วว่าตอนนั้นขายกล่องละเท่าไหร่

“อันนี้ด้วยครับ สองกล่อง” ผมบอก  มือชี้ไปที่กล่องหมากฝรั่ง  ลุงแกหยิบทุกอย่างนำไปใส่ถุงพลาสติก  สิ่งของที่สมัยก่อนรู้สึกแพงแต่ตอนนี้มันกลับถูกจนแทบน้ำตาไหล  เราเดินจากมาและตรงตามตรอกซอยลึกเข้าไปเรื่อย ๆ 

“เฮ้อ ขายไปทำไมวะ ถูกจนน้ำตาแทบกระเด็น” ผมบ่นถึงชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไปของลุงเจ้าของร้าน  มือที่เพิ่งแกะซองนำหมากฝรั่งเข้าปากก็เก็บซองกลับใส่ถุงลงอย่างเดิม

“แต่ก่อนกว่าจะซื้อได้แต่ละชิ้น ต้องเจียดเงินค่าขนมมาซื้อนะ” ผมบ่นติดตลก  ยื่นถุงไปตรงหน้าคนข้าง ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายถือ  สมุทรรับไปยิ้ม ๆ คล้ายเห็นด้วย  ดูเหมือนวันนี้เขาจะยิ้มบ่อยมากเป็นพิเศษ

“สมัยเด็กนายชอบเล่นอะไร” ผมหันไปมองอีกฝ่ายที่เดินเยื้องอยู่ทางด้านหลังผมไปเล็กน้อยคล้ายกับยังไม่ลืมหน้าที่ของตน

“ลูกแก้วครับ ที่มีติดมือบ่อย ๆ ก็ลูกแก้ว”

“เล่นกับดินกับทราย..ง่ายดี” เขาขยายความ  ผมเบะปากยิ้ม ๆ

“ส่วนฉันชอบเอาแบงก์กาโม่ไปใส่กระเป๋าตังของพ่อกับแม่ รับรองว่าอันนี้สนุกยิ่งกว่าลูกแก้วของนายอีก” ผมพูดถึงความหลัง

“หึ ๆ  ผมพอจะดูออกครับว่าคุณคงชอบอะไรทำนองนั้น”

“ก็ว่าไป” ผมรับคำง่าย ๆ 

เราเดินต่อไปเรื่อยจนสุดซอย  มีทางเลี้ยวแยกออกเป็นสองทาง  ทางซ้ายซึ่งน่าจะเป็นทางที่สามารถกลับเข้าไปในตัวตลาดเดิม  ส่วนทางขวาผมไม่ทราบว่าออกไปแล้วจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน  ด้วยความที่เกรงว่าคนที่มาด้วยจะเริ่มเบื่อจนออกปากชวนกลับ  ซึ่งก็ไม่คิดว่าเขาจะกล้าชวนหรอกนะ  แค่กันไว้ดีกว่าแก้  เท้าจึงตัดสินใจเดินเลี้ยวไปทางด้านขวาแทน

“เอ่อ..ใช่ คุณไฟครับ ที่จริงคุณควรจะกินข้าวด้วยนะครับเมื่อกี้นี้ คุณยังไม่ได้กินยาก่อนอาหารกลางวันเลย” สมุทรทักขึ้น  ตามองนาฬิกาข้อมือของตนด้วยใบหน้าห่วงหน้าพะวงหลัง

“ลืมไปแล้ว” ผมตอบส่ง ๆ เมินหน้าหนี  อีกฝ่ายเงียบ

“ยาอยู่ในรถไม่ใช่เหรอ ?” ผมพูด  เผื่อว่าเขาจะตัดใจไม่บังคับให้เราต้องกลับไปที่รถในตอนนี้

“ครับ..งั้นเดี๋ยวผมกลับไปเอาให้นะครับ” สมุทรทำท่าจะไปจริง ๆ

“ไม่ต้องหรอกน่า! เดี๋ยวก็กลับแล้ว..กินยา กลับโรงแรม แล้วก็ไปกินข้าวที่โรงแรมพอดี” ผมรีบสรุปให้เสร็จ  เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายไปเนื่องจากขี้เกียจรอ  ผมถอนหายใจพร้อมก้าวเดินต่อ

“ไม่มีอะไรให้น่าดูแล้วมั้ง” ผมออกปากบ่น  มืออีกข้างที่ไม่ได้จับไม้เท้าอยู่ล้วงเข้ากระเป๋าสบาย ๆ  สมุทรเดินตาม  มือถือของพะรุงพะรังแต่คิดว่าคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงสำหรับเขา  เราเดินผ่านซอยอีกสองซอยถัดไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าจะมีอะไรอีกหรือไม่  ยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งใกล้เขตชุมชนมากขึ้นเท่านั้น  นั่นหมายถึงมันกำลังสิ้นสุดร้านค้าเต็มทีแล้ว
 
“วันนี้ไม่รวมเดทนะ” ผมพูดท้วงขึ้นก่อน  แม่งไม่คุ้มสักหน่อย

“แต่คุณพูดเองเมื่อเช้านี้ว่าวันนี้คือเดท” สมุทรย้อนเอาเรื่อง  ผมเมิน  คอตั้งตรงพลางกลั้นอมยิ้มไว้ 

“ฉันลืมไปว่าวันนี้ยังเป็นวันทำงานอยู่” ผมหันกลับไปมองหน้าอีกฝ่ายพร้อมเลิกคิ้ว  ย่นปากเข้าหากันกวนอารมณ์  สมุทรจ้องหน้าผมครู่หนึ่งและพ่นลมหายใจออกมา

“คุณนี่มันเชื่อถือไม่ได้จริง ๆ” อีกฝ่ายกัดฟันบ่นด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก 

“หึ ๆ” ผมหัวเราะในลำคอเพราะเพิ่งได้เห็นสีหน้าแบบนี้ของเขาเป็นครั้งแรก

“อย่าพูดอะไรที่ทำให้ฉันเจ็บปวดสิ มันจะกระทบกระเทือนถึงแผลได้นะ” ผมโยนความผิด  ก้าวขาเลี้ยวเข้าซอยขวามือโดยทันทีเพราะคาดว่าน่าจะเป็นทางที่ทะลุกลับไปที่ตลาดได้ 

ผู้ชายอย่างผมคงต้องยอมรับอย่างเห็นแก่ตัวว่า  รูปลักษณ์ภายนอกเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจทางเพศของเราได้เป็นอันดับแรก  เราทุกคนชอบมองของที่สบายตาอยู่แล้ว  ผมมักรับรู้ได้ถึงกลิ่นบางอย่างที่แม้ผู้หญิงหรือผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าจะไม่สมบูรณ์แบบทั้งหมด  แต่จะต้องมีกลิ่นของฟีโรโมนที่สามารถทำให้เราแทบคลั่งได้  นั่นล่ะคือประเด็นหลัก

.. ผู้ชายแต่ละคนมีสัญชาตญาณของความเป็นผู้นำที่มีมากน้อยไม่เท่ากัน  เคยมีคนพูดว่าผู้ชายมีสัญญาตญาณของนักล่า  ผมไม่คิดอย่างนั้น  สำหรับผม ผู้หญิงบางคนมีสัญชาตญาณนี้เยอะกว่าผู้ชายบางคนเสียอีก  ความเป็น “แม่” ที่ทำทุกอย่างได้เพื่อลูก นั่นคือความเป็นผู้นำแบบที่เปรียบหาไม่ได้แล้ว 

ผมไม่ค่อยล่าเนื้อเท่าไหร่  ไม่เคยกระเหี้ยนกระหือรือออกล่าเพื่อให้ได้คู่นอนมา  ไม่ใช่คนประเภทที่จะสนอกสนใจที่จะคบใครพร้อมกันได้ถึงหลายคน  ผมไม่ได้กำลังจะบอกว่าผมไม่สามารถมีอารมณ์ทางเพศกับคนหลาย ๆ คนได้  แน่นอนว่าผมมักมีอารมณ์ทางเพศกับสิ่งน่าสนใจได้เสมอนั่นละ  แต่ในกรณีพิเศษ ผมกำลังหมายถึงกรณีพิเศษแบบที่ว่า  ผมไม่เคยออกตัวจีบใครเพื่อให้ได้มาพร้อมกัน  มากไปกว่านั้นมักจะหมดความสนอกสนใจ “ใครสักคน” ในทันทีที่ได้เรียนรู้ตัวตนอีกฝ่ายเพียงแค่คำพูดไม่กี่ประโยค  แต่ลึก ๆ แล้วผมเชื่อเหลือเกินว่าในชีวิตของเราอย่างน้อยจะต้องได้เจอ #ใครสักคน ที่ทำให้เราอยากปล่อยตัวเองให้หลงกายหยาบนั้นได้แน่  ที่ผ่านมาผมไม่เคยตั้งคำถามว่าถ้าเมื่อเจอแล้วผมจะจัดการอย่างไรกับมันได้  เดินเข้าหาอย่างกับสิงโตที่จ้องจะตะครุบเหยื่ออย่างนั้นหรือ ? หึ..มันก็จะดูบ้าดีเดือดไปนิดหน่อย

“..........” ความคิดทำให้ผมหยุดเท้าที่จะเดินต่อ  คนที่เดินขนาบข้างหยุดด้วยเช่นกัน  เบื้องหน้าเป็นซอยลึกยาวออกไปไกล  บ้านใกล้เรือนเคียงแถว ๆ นี้ค่อนข้างเงียบสงบกว่าซอยที่เราเพิ่งเดินผ่านมา  หูผมเงียบฟังถึงความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างเรา  และเมื่อเริ่มก้าวขาเดินต่ออีกครั้งสมุทรก็ก้าวเดินตามทันที  ความรู้สึกรับรู้ได้ตลอดเวลาว่าอีกฝ่ายกำลังมองการกระทำของผมอยู่  มันทำให้รอยยิ้มผุดออกมาที่มุมปากอย่างห้ามไม่ได้  นั่นไม่มีสาเหตุ

นี่หรือเปล่า ???
.. การเฝ้าคอยที่จะได้เห็นหน้า
.. การหยอกเอินที่สนุกแม้จะเล็กน้อย
.. การเคลื่อนไหวของร่างกายที่ค่อนข้างไม่เป็นธรรมชาติ
.. การกระทำที่พยายามดึงดูดให้อีกฝ่ายสนใจ
.. การทำให้อีกฝ่ายหลุดยิ้มเพราะเรา
.. การกระทบกันของร่างกายที่แม้เพียงนิดเดียวก็ทำให้หัวใจผิดเพี้ยน
.. การหลงใหลที่สามารถปิดบังความผิดในการกระทำนั้นได้
.. การสนอกสนใจที่มากไปจนหักห้ามตัวเองไม่อยู่

“..แล้วก็เป็นบ้า” ผมพึมพำกับตัวเอง  คำตอบในใจที่ไม่เคยถาม  ไม่เคยตรวจสอบตัวเองให้แน่ชัดเพราะคิดว่ามันไม่สำคัญ  ตอนนี้กลับพยายามยืนยันเป็นคำตอบที่ตักเตือนผมอย่างชัดเจนว่า  ความรู้สึกไม่เพียงพอกับคนข้าง ๆ นี้มันคือหลุมที่กำลังพยายามถีบให้ผมตกลงไป

“คุณว่าอะไรนะครับ ?” สมุทรรีบจ้ำเท้าให้ทันพร้อมก้มหน้ามาถามด้วยแววตาสงสัย  ผมหยุดเดิน  เบื้องหน้าตอนนี้คือใบหน้าของเขา 

“หลุมดำน่ะ” ผมตอบลอย ๆ  สมุทรเบิกตาฉงน  อีกฝ่ายมองลงไปบนพื้นถนนเหมือนพยายามที่จะหาคำตอบ  เมื่อเขามองแล้วไม่พบ “หลุมดำ” ที่ผมพูดถึงบนพื้นถนนเขาก็หันมามองหน้าผมอีกครั้ง

“ฉันกำลังคิดว่า..” ผมเอ่ยก่อนทิ้งน้ำเสียงลงครู่หนึ่ง  เรามองกันไม่วางตา

“ตอนนายแก้ผ้า จะต้องดูดีกว่าตอนใส่เสื้อผ้าแน่ ๆ ..ก็เลยรู้สึก” ผมทิ้งจังหวะเพราะสมุทรนิ่งไปแล้ว

“อยากจูบขึ้นมา” ผมกวาดตามอง  รอยยิ้มแทบไม่ปรากฏออกมาบนใบหน้าของผมแต่ไม่รู้ทำไมผมแน่ใจว่าอีกฝ่ายคงเห็นอยู่แน่ว่าผมกำลังยิ้มอยู่  ร่างกายที่ต่างยืนนิ่งสนิทของเราทั้งคู่  มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ขยับมองแววตาของกันและกัน  ผมขยับตัวเข้าไปใกล้  สมุทรยังคงไม่ขยับหนีจึงทำให้ผมหยุดการกระทำของตัวเอง  เลือกที่จะจ้องเข้าไปในดวงตาอีกฝ่ายเท่านั้น

“เจอแล้วล่ะ” ผมยิ้มบอกกับตัวเอง  หรือบอกเขาก็ไม่ทราบ  สมุทรกะพริบตาเล็กน้อย  ผมหันตัวกลับมาเดินต่อพลางแสยะยิ้มออกมาด้วยความพอใจในคำตอบ  ผมเคยคิดมาเสมอว่าคนที่จะทำให้ผมสนใจเป็นพิเศษกว่าคนอื่นได้จะต้องมีความหมายมากพอให้ผมได้เสียเวลา  ผมไม่เคยรู้เลยว่าจะคน ๆ นั้นจะเป็นคนลักษณะไหน  แน่ละว่าเมื่อได้คำตอบแล้วคนนั้นที่ผมเลือกจะต้องไม่ทำให้ผมเสียใจที่ได้รู้สึกชอบน่ะนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2016 12:13:19 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

.. เสียงซอกแซกของฝีเท้าที่มีน้ำหนักการเดินประหลาดหูกำลังเดินตามหลังมา  น้ำหนักของการก้าวเดินที่เป็นสัญญาณเตือนผมได้ว่า “งานเข้า” อีกแล้ว  ทั้งผมและสมุทรหยุดยืนอยู่กึ่งกลางซอยพอดิบพอดีอย่างกับมีอะไรดลใจให้คนแปลกหน้าเข้าถึงได้ง่าย  เมื่อหันหลังกลับไปมองก็พบชายแปลกหน้าสี่คนตามที่คาด   

“เหมือนจะมีแขกไม่ได้รับเชิญแฮะ” ผมแสยะยิ้มทักทาย  ปลายไม้เท้าตวัดขึ้นพาดบ่าตนเองติดสนุก

“สวัสดี” ผมพูด  ความมืดมนตรงหน้าคือเสื้อผ้าสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้าที่ไร้ความปราณีต  ในหนังเป็นอย่างไรดูเหมือนความจริงก็ไม่ต่างกันนัก  หรือไม่แน่ว่าพวกมันอาจจะแต่งตัวตามตัวละครในหนังก็เป็นได้ 

“ไม่ทราบว่าวันนี้มัน..วันตาย ‘พ่อ’ ใครงั้นเหรอครับ ?” ผมเบิกตาถามปนหัวเราะ

“หึ..วันตาย ‘พ่อ’ มึงไง” อีกฝ่ายแสยะปากตอบ

“ฮึ! ฮิ ๆ ๆ ๆ” ผมกัดฟันกลั้นหัวเราะชอบใจกับคำตอบที่ได้รับ

“ถุย!” ปากพ่นหมากฝรั่งออกยิ้ม ๆ เพื่อที่จะเตรียมตัวให้พร้อมกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

“วางของซะ” ผมสั่งสมุทร  เขาเดินไปที่ริมถนนเพื่อนำถุงอาหารที่พวกเราซื้อมาวางเรียงไว้ให้เรียบร้อย  ทันทีที่สมุทรเงยตัวขึ้น  คนฝั่งตรงหน้าก็ไม่รอช้าวิ่งตรงเข้าหาเราสองคนในทันที  ผมเบี่ยงตัวหลบ  ร่างกายที่เคลื่อนไหวปกป้องตนเองเป็นไปโดยอัตโนมัติแบบที่เคยชิน

“สมุทร!” ผมตะโกนแกล้งเรียกเมื่อนึกเรื่องสนุกขึ้นได้  เจ้าของชื่อหันมามองตามเสียงด้วยความตกใจ  เมื่อเขาเห็นว่าผมตั้งใจยืนรอรับหมัดจากศัตรู  สมุทรที่เพิ่งจัดการเคลียร์คู่ต่อสู้เสร็จก็พุ่งเข้ามาคว้าแขนผมออกจากการเป็นเป้าหมายในทันควัน

“เอาเลย..วู้!” ผมสบถ  ยิ้มกว้างหยอกศัตรูด้วยรู้สึกสนุกขึ้นมา  สมุทรเคลื่อนตัวความรวดเร็ว  หมัดต่อหมัดที่เขาปล่อยเป็นระวิงเพื่อปกป้องผมแทนตัวผมเอง  เสียงสบถบ่นด้วยความไม่พอใจหลุดออกมาว่า “คุณไฟ!”  ดูท่าแล้วคงรำคาญใจน่าดูแต่ก็ไม่มีเวลามากพอที่จะได้บ่นจริงจัง  ผมหัวเราะ  เพียงพยายามเบี่ยงตัวหลบไม่ให้โดนทำร้ายจริง ๆ เท่านั้น  ซึ่งสมุทรเองก็อ่านจังหวะออกได้ทันอีกด้วย   

“ใช่..นั่นแหละ อาฮะ~” ผมพยักหน้ายิ้มชมถึงผลลัพธ์ตรงหน้า  ไอ้ตัวที่โดนหมัดซ้ายจากคนของผมถึงกับล้มทั้งยืนไม่เป็นท่า
   
“หมัดซ้ายหมอนี่เจ๋งโคตรเลยใช่ไหมล่ะ” ผมบ่นติดตลกตาวาวมอง  สองคนที่เหลือแบบพอมีสติอยู่ยืนกัดฟันแน่นด้วยสีหน้าแค้นจัด  มันยังคงยืนมองเราทั้งคู่เหมือนรอดูปฏิกิริยา  ผมหุบยิ้มลงทีละนิดพลางเอียงคอเล็กน้อยมองตาลอย..

“ไม่พอใจอะไรตรงไหน ?” ผมเอ่ยปากถาม  ไม่มีเสียงตอบรับระหว่างใคร  คนที่นอนอยู่บนพื้นเริ่มขยับร่างกายอีกครั้ง 

“ไม่น่าเลย” ผมถอนหายใจบ่นอย่างเหนื่อยหน่ายอย่างชักเริ่มหมดอารมณ์เล่นให้ยืดเยื้อ  มือควงไม้เท้าพร้อมจ้ำขาพุ่งเข้าหาอย่างไม่รีรอ  ดวงตาที่เบิกโตจนเห็นตาขาวได้ชัดเจนของคนตรงหน้าถอยหลังออกไปแต่ก็ไม่ทันหนี  ปลายไม้เท้าที่แสนภาคภูมิใจจากน้องชายฟาดเข้าที่ก้านคอแรงพอให้เป้าหมายสลบลง  เสียงชกต่อยดังขึ้นอีกครั้ง  มันคงรบกวนชาวบ้านแถว ๆ นี้จนทำให้ผู้คนออกมามุงดู  แต่ไม่นานนักทุกคนต่างก็หนีกลับเข้าถิ่นของตนไป  พร้อมกับเสียงประตูบ้านปิดดังคล้ายกับมันล็อกมิดชิดไม่ให้คนแปลกหน้าได้บุกเข้าไปได้

“มึง.. ขะ..มึงไม่รอดแน่” เสียงขู่ที่พยายามเปล่งลอดไรฟันออกมาจากแรงของเท้าที่กดอยู่ที่คอหอยทำให้รู้ว่ามันยังคงแรงไม่พอ  เมื่อลองกดปลายเท้าหนักขึ้นกว่าเดิมอีกฝ่ายจึงเริ่มทุรนทุราย  มือจับข้อเท้าของผมไว้คล้ายร้องขอชีวิต

“หึ คำกล่าวเปิดศึกเหรอ” ผมผลิยิ้ม

“..ความจริงคือ”

“พวกพี่กำลังรบกวนวันดี ๆ ของผมอยู่น่ะครับ แบบว่า..เมื่อกี้กำลังโคตรดีเลย” ผมบอก  ตาดำของอีกฝ่ายกลอกขึ้นไปข้างบนหนักกว่าเก่า  ลมหายใจที่ติดขัดรุนแรงเริ่มแผ่วเบาลงเป็นสัญญาณว่ากำลังจะจากไป 

“คุณไฟครับ..” สมุทรเรียกชื่อผมแว่ว ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างแปลกหู  ฟังดูเหมือนผมกำลังทำผิดอยู่อย่างนั้นล่ะ 


ปัง !!! 

“เวรเอ๊ย!” ผมสบถ  จัดการเตะก้านคอคนตรงหน้าเพื่อให้จบไปทีละราย  อย่างน้อยมันยังหายใจซึ่งคงไม่ไปรบกวนจิตใจคนที่มากับผมในวันนี้  เมื่อผมหันไปมองที่ต้นเสียงที่อยู่ปากซอยก็กับพบชายแปลกหน้าอีกหลายชีวิต  แย่หน่อยที่ของในมือของหนึ่งในนั้นทำให้ผมต้องรีบถอย 

“ไป” ผมสั่ง  สมุทรได้ยินอย่างนั้นกลับยังมีอารมณ์เข้าไปคว้าถุงอาหารที่วางไว้ก่อนวิ่งตามผมมา  เสียงโหวกเหวกโวยวายจากคนในชุมชนระงมขึ้นอีกครั้ง  ไม่มีการเอ่ยปากขอทาง  เพียงแต่จ้ำเท้าโดยเร็วที่สุดเพื่อให้ชีวิตนี้ปลอดภัย  เสียงคนด้านหลังวิ่งตามมาติด ๆ ด้วยความรวดเร็ว  ผมตัดสินใจเลี้ยวไปทางซ้ายเพื่อที่จะได้ออกห่างจากตัวตลาดได้มากขึ้น 

“ทางนี้ครับ!” ปลายนิ้วของสมุทรแตะเข้าที่แขนของผมเพื่อส่งสัญญาณบอก  เขาคงเห็นที่เหมาะ ๆ  ผมตามไปติด ๆ  เราได้มุมสงบแบบที่ฟ้าเป็นใจ  ฝั่งตรงข้ามตะโกนสั่งแยกย้ายให้ออกตามหา

“ตาไวดีนะ” ผมเอ่ยปากยิ้มชม

“หาที่ซ่อนเก่งมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ มันคงเป็นข้อดี” อีกฝ่ายตอบพร้อมหอบติดปลายเสียงเล็กน้อย  ผมหุบปากเงียบเพราะรู้ว่าเขานั้นประชดถึงความหลัง   

“นี่คือผลของการไม่พกปืน” ผมพูด  ซอกปูนของตัวบ้านเก่า ๆ หลังหนึ่งที่มีของหน้าบ้านรกกระจัดกระจายเต็มพื้นที่  ผมมองไปที่ประตูทางเข้าบ้านมีฝุ่นเกาะเกรอะกรัง  กลอนประตูล็อกจากด้านนอก  สภาพเหมือนกับไม่ได้เปิดมานานแล้วหลายเดือน  สมุทรวางถุงอาหารลงบนพื้น 

“คุณช่วยใช้ชีวิตแบบที่ไม่ต้องพกปืนได้ไหมละครับ แบบนั้นง่ายกว่า” สมุทรว่าเข้าให้ 

“ฉันก็ใช้ของฉันปกติ พวกนั้นต่างหากเล่าที่เข้าใจอะไรยาก” ผมย้อนบ่น  ผมไม่รู้หรอกว่าคนพวกนี้ใครสั่งมา  แต่ที่ผ่าน ๆ มาผมไม่เคยคิดล้างแค้นใครแบบสุดโต่ง  ถ้านั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมแค้นฝังใจตามจริง  ถ้าใครคิดเอาชนะผมในพื้นฐานเหตุผลที่ผมสามารถยอมรับได้ผมก็ยอมรับและก็จบเรื่องไป  แต่กรณีนี้นั้นไม่ใช่สำหรับบางคนโดยเฉพาะคนในวงจรอุบาวท์ที่ผมต้องพบเจอ  พวกมันงี่เง่าจนหาคำเปรียบไม่ได้เลยละ


.. เราสองต่างยืนประชันหน้าเข้าหากัน  การจ้องต่างเอาชนะในเหตุผลของตนเอง  เสียงคนโหวกเหวกดังมากใกล้ ๆ ทำให้สมุทรก้าวถอยหลังหลบตามสัญชาตญาณจนหลังของเขาติดกำแพงด้านในสุด  ผมเดินเข้าหาเช่นกัน  ระยะความใกล้ในตอนนี้ทำให้ผมอมยิ้มออกได้นิด ๆ อย่างนึกสนุกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 

“ตามจริงแล้ว แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ” ผมพูด  มือซ้ายเท้าลงที่กำแพงข้างหนึ่ง
 
“ขอเตือนนะครับ ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่คุณจะมาทำตัวแบบนี้กับผม” สมุทรปราม  แสดงสีหน้าขึงขังผิดทุกที  เสียงฝีเท้าที่วิ่งด้วยความเร็วยังคงได้ยินอยู่เป็นระยะ  พ่อค้าแม่ขายร้องแว่วไกล ๆ  ข้างนอกที่ดูไร้ความสงบกลับยิ่งทำให้รู้สึกตื่นเต้นพิกล

“ไม่เอาน่า..ก็นี่มันเดท นายเรียนรู้ฉัน ฉันก็เรียนรู้นายไง แล้วนี่ก็..ชีวิตฉันที่นายควรเรียนรู้” ผมยกคิ้วข้างหนึ่งอย่างเคยชิน

“คุณเพิ่งพูดไปเมื่อกี้นี้เองว่าวันนี้ไม่นับ”

“โอเค ไม่นับ” ผมพยักหน้ารับซื่อ ๆ   

“มันไปทางนั้นรึเปล่า! ไปดูซิ ไอ้ควายเอ๊ย!!” พวกมันตะโกนสั่งงานกลางซอยดังลั่น  ผมกับสมุทรรักษาความเงียบเอาไว้จนด้านนอกเงียบไปแล้ว 

“ปกติฉันไม่ค่อยหลบเท่าไหร่อะนะ” ผมถอนหายใจพูดถึง 

“รักตัวเองบ้างเถอะครับ” สมุทรพูดแกมบ่น  เราสบตากันอีกครั้ง

“ฉันรักตัวเองมากพออยู่แล้ว” ผมตอบ 

“.........” สมุทรเหสายตาลงและดูท่าแล้วเขาคงไม่คิดที่จะเถียงเอาความเรื่องนี้ต่อจากผมอีก 

“อย่ามองฉันแบบนั้น” ผมพูด  ใบหน้าของเราต่างห่างกันเพียงแค่คืบเท่านั้น  คนถูกตำหนิจึงเหลือบสายตาลงตามที่บอก

“คุณเองก็อย่ามองผมแบบนั้น” สมุทรเตือนเสียงเย็น

“แบบไหน ?” ผมกระซิบถามกลับ  ในใจอดยิ้มไม่ได้ที่ถูกอีกฝ่ายจับได้เสียแล้ว  สมุทรไม่ให้คำตอบ  ขาที่ขยับเข้าหาคนตรงหน้าไม่ได้ทำให้เขาคิดหลบหนีแต่อย่างใด  เราจ้องกันเขม็งโดยไม่สนร่างกายที่เคลื่อนไหว  ไม้เท้าที่อยู่ในมือขวาจึงนำมันวางพิงกำแพงเอาไว้  ทันทีที่มือของผมว่างสมุทรก็จับเข้ามาที่ข้อมือของผมเพื่อห้ามปรามอย่างรู้แกวว่าผมคิดจะทำอะไร  ..ผมยิ้มให้ ข้อมือพลิกหนีมือของอีกฝ่ายได้ทัน 

.. ผมดันลำตัวเข้าแนบประชิดมากขึ้นจนสมุทรเริ่มเปลี่ยนสีหน้า  อีกฝ่ายตาโตด้วยความตกใจ  ปลายจมูกของเราชนเข้าหากันค่อนข้างแรงจนลมหายใจกระทบ  สมุทรไม่ยอมแพ้  ครั้งนี้เขาจับข้อมือของผมไว้แน่น  เราต่างคนต่างสู้แรงกันด้วยความเงียบที่เกิดขึ้น  แม้จะไม่เอ่ยปากพูดแต่การกระทำต่างรู้ดีว่ามันคืออะไร  ข้อมือข้างขวาของผมถูกล็อกไว้แน่นเสียแล้ว  เมื่อเป็นอย่างนั้นผมจึงกระแทกลำตัวเข้าหาจนหลังของสมุทรติดกำแพงแบบแทบไร้อากาศที่จะแทรกผ่านไปได้  ทำไมไม่ทราบ ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าสายตาของเขาในบางครั้งมันเองก็พยายามที่จะได้คำตอบบางอย่างไม่ต่างจากที่ผมเป็นอยู่

“คุณไฟ..ผมเตือนแล้วใช่ไหมครับว่าอย่าให้มันเกินเลย” สมุทรพูดเสียงเข้ม  น้ำเสียงที่ดุดันและปนไปในทางเกือบเย็นชาของเขาทำให้ความหวั่นใจที่เก็บซ่อนไว้ลึกสุดเหวว่าจะถูกอีกฝ่ายเกลียดขี้หน้าเอาได้นั้นผุดเตือนขึ้นมา

“ก็ฉันอยากให้มันเกินเลยนี่” ผมบอกไม่ฟังเสียง  ริมฝีปากพลางคลอเคลียอยู่ที่ปากอีกฝ่ายแผ่วเบา

สมุทรเบือนหน้าหนีด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยพอใจนักทำให้ผมชะงักได้อยู่ครู่หนึ่ง  ท่าทีของเขาทำให้ผมเริ่มสองจิตสองใจ  ใบหน้าที่เบือนหันข้างคล้ายปฏิเสธทำให้รู้สึกไม่ค่อยดี  แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับไม่สามารถชนะความอยากเอาชนะคนตรงหน้านี้ไปได้  ผมจ้องอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้นอยู่พักหนึ่ง  ร่างกายเริ่มขยับเข้าหาไปเอง  มันค่อนข้างเก้ ๆ กัง ๆ เพราะลังเล  ปลายจมูกแตะเข้าที่ข้างแก้มอย่างเนิ่บช้า  เราต่างค้างตัวหยุดนิ่งไปทั้งอย่างนั้น  ทีท่าที่อ่อนลงของเจ้าตัวทำให้ผมเริ่มขยับปลายจมูกเกลี่ยเรื่อยมาจนถึงริมฝีปาก  สมุทรมองต่ำลงมาถึงการกระทำของผมในขณะนี้  กลิ่นกายของเขาเตะเข้าที่จมูกอ่อน ๆ มันยิ่งทำให้เหตุผลในตัวหายไปกับความเงียบ  ทันทีที่สายตามองต่ำลงไปที่ปากของคนตรงหน้าปากของผมก็เผยออกตั้งรับ

.. แน่นอนว่ารสชาติภายนอกไม่หวานหอมอย่างกับตอนจูบกับผู้หญิงหรอก  แต่อย่างนั้น ปากที่ประกบแนบชิดคล้ายกับจะเป็นจูบอย่างธรรมดากลับทำให้รู้สึกลึกลงไปในความหมายมากกว่าตอนที่จูบกับใครก็ได้  ในใจมีคำพูดประท้วงขึ้นมาถึงคนตรงหน้าว่า “ได้โปรด” อย่าหยุดฉันตอนนี้  ใจตัวเอง.. อยากรับรู้ให้มากกว่านี้อีกสักหน่อย  รสชาติหวาน ๆ จากเครื่องดื่มที่เราเพิ่งดื่มมายังคงได้รสเจืองจางอยู่อ่อน ๆ  อีกฝ่ายค่อนข้างขัดขืน  เมื่อผมหยุดขยับ  นำปากออกทิ้งช่วงพักหายใจ  สายตาที่ประสานกันทำให้ผมสังเกตเห็นว่าคิ้วที่ขมวดของสมุทรนั้นค่อย ๆ คลายลง  เมื่ออีกฝ่ายล้มเลิกที่จะปรามผมจึงประกบปากไปอีกครั้ง  ลิ้นสอดแทรกรุกล้ำเข้าไปอย่างไม่มีการขออนุญาตอีก  ลมหายใจที่ติดขัดระหว่างเราที่พยายามจะเอาชนะกันและกันเริ่มแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ จนลมหายใจประสานไปในทิศทางเดียวกัน  จังหวะและน้ำหนักที่ไม่เก้งก้างทำให้ในตัวผมร้อนวูบวาบแบบที่ไม่ควรเป็นในสถานการณ์เช่นนี้  มากไปกว่านั้นหัวใจมันก็เต้นเร่า ๆ แบบที่ไม่มั่นใจในจูบของตนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน


“.........” ผมจ้องมองปากของสมุทรเงียบ ๆ  ปลายนิ้วโป้งเขี่ยลูบปากของเขาไว้อย่างเบามือ  มันทำท่าจะขยับ  ก่อนที่อีกฝ่ายจะหลุดคำพูดใดออกมาผมก็ประทับจูบไปอีกครั้ง  มือประคองต้นคอสมุทรไว้เพื่อให้จูบได้ถนัดกว่าก่อนหน้า  เสียงจูบที่ดังบ้างเป็นบางครั้งคราวหลุดลอดออกมาพร้อม ๆ กับเสียงเรียกชื่อเพื่อบอกปรามการกระทำ “คุณไฟ” แล้วมันก็หายไป  รสจูบแบบที่แม้จะเคยพบเจอคนที่จูบเข้ากันได้เป็นอย่างดีแต่กลับไม่เคยรู้สึกแบบที่ทำกับคนตรงหน้านี้มาก่อน  ผมหยุดการกระทำ  ดวงตาที่ต่างฝ่ายต่างมองลึกลงไปในแววตาของกันและกันคล้ายต้องการอ่านความรู้สึก

“พอใจรึยังครับ” สมุทรถาม  น้ำเสียงเขาคล้ายยอมให้ผมได้ทำตามใจเท่าที่อยากทำ

“ดูไม่ออกเหรอ..” ผมย้อน  อาการของผมตอนนี้ที่อยู่ ๆ ก็ไม่คิดจะปิดบังความหมายใดต่อหน้าเขา  ไม่เข้าใจว่าเขาดูไม่ออกหรือ  ตอนนี้ทั้งใบหน้าและแววตาของผมมันคงเผยออกไปหมดเปลือกจนน่าขายหน้าแล้วเป็นแน่
 
“.........” สมุทรนิ่งมอง  ผมก้มหน้าลงเล็กน้อยพร้อมทิ้งช่วงใช้ความคิด

“ยัง..” ผมยอมรับความจริงก่อนเงยหน้าขึ้น  มือที่เท้ากำแพงอยู่ขยับออก  ลำตัวขยับออกห่าง  ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกในตอนนี้มันคืออะไร

“ผมเห็นมันมาทางนี้จริง ๆ นะพี่!!” เสียงตะโกนดังลั่นขึ้นอีกครั้ง  สมุทรหน้าถอดสีทันทีเมื่อเห็นว่าผมทำท่าจะเดินออกไป  อีกฝ่ายเข้ามาคว้าแขนผมดึงกลับ  ผมบิดลำแขนออกไม่เชื่อฟังเพราะรำคาญ  อีกฝ่ายขมวดคิ้วด้วยสีหน้าหงุดหงิด  ดึงเสื้อที่ลำตัวผมอย่างแรงจนคว้าเอวผมไปไว้ได้  ความแรงทำให้ผมเซเข้าหาจนตัวเราประชิดกันอีกครั้ง  อีกฝ่ายชะงักกับการกระทำของตนน่าดู  ผมยิ้มด้วยความพอใจที่ดูเหมือนเขาจะเป็นห่วงผมมากกว่าที่คิด 

“ฉันควรดีใจที่นายดูเป็นห่วงฉันดีไหมนะ” ผมยิ้มหยอก

“ผมเป็นห่วงคุณครับ” สมุทรตอบเสียงนุ่มเช่นเคย 

“.........” ผมกวาดตามอง  คำพูดเล็กน้อยแค่นี้ทำให้เรารู้สึกดีได้ด้วยงั้นเหรอครับ น่าตลก
 
“ในฐานะอะไร ..เจ้านาย ?” ผมเลิกคิ้วถาม  อีกฝ่ายชั่งใจคิดครู่หนึ่ง

“ครับ” เขาขานรับ  เราจ้องกันเขม็ง  ความคิดของผมกำลังเคาะรบกวนอยู่ในหัว  มันทำท่าจะปะทุออกมาเสียดื้อ ๆ  อยากเอาชนะ ความดื้อดึง ความว่างเปล่า ความสงบนิ่งของสายตาคู่นี้ อยากได้คนตรงหน้า  ใจเริ่มเต้นแรงไม่เป็นส่ำ  ทั้ง ๆ ที่เกรงถึงความจริงข้างหน้าที่ดูเหมือนจะเร็วเกินควร  ปากที่หนักอึ้งยิ่งขยับยากกว่าทุกครั้ง  หนักอย่างกับต้องมนต์เหมือนกับพยายามบอกปราม  แต่สุดท้ายกลับอดกลั้นที่จะเอาชนะตัวเองให้ “หยุด” ไว้ไม่ได้

“ฉันชอบนาย” ผมพูดออกไป  คำพูดนี้ที่ทำเอาสมุทรสงบลง  แววตาของเขาที่เกือบจะเบิกโตเปลี่ยนไปในความหมาย 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2016 12:20:33 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

“..คิดว่างั้นนะ” ผมอมยิ้มขยายความก่อนผละตัวออกห่าง  ดูกับว่าเขายังไม่ได้สติ  มือคว้าไม้เท้าติดมือออกมาพร้อม  ตอนนี้อยากเคลียร์เรื่องตรงหน้า  การบอกเตือนควรจบวันนี้แบบเรื่องต่อเรื่อง  เสียงเรียกปรามให้ผมหยุดจากสมุทรแว่วตามหลัง  แต่ไม่ทันแล้ว ผมเดินออกมาหยุดยืนที่กลางซอยไม่คิดเชื่อเขา 

“ตามหาผมอยู่งั้นเหรอครับ” ผมทักทายทุกคน  พวกที่กำลังยืนสับสนอยู่ไม่ไกลนักหันกลับมา  คนตรงหน้าหกคน  แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นมีปืนและดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของพวกมันเสียด้วย  สมุทรตามผมมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ

ลูกน้องของฝั่งนั้นได้รับคำสั่งเพียงแค่สบตา  พวกมันต่างเดินเข้าหา  สมุทรก้าวขาออกตัวขึ้นขวางที่ด้านหน้าผมเอาไว้  ผมมองเฉยเพราะต้องการปล่อยให้อีกฝ่ายจัดการ  อีกทั้งต้องการจะดูอย่างจริงจังด้วยว่าเขาจะสามารถจัดการได้มากน้อยแค่ไหน  ชายห้าคน  ส่วนสูงไล่เลี่ยสลับบ้างยืนล้อมสมุทรในทันที  เสมือนกับข่มกันตามระดับขั้นตอน  ผมอมยิ้มพลางกางขาออกเล็กน้อย  มือกุมหัวไม้เท้าไว้ตรงหน้าทั้งสองมือ  เสียงการปะทะร่างกายเริ่มดังขึ้น  อาจจะดูหมาไปสักหน่อยที่ห้าต่อหนึ่งแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าถูกใจผมพอดู  เป็นการฉายภาพที่น่าสนใจ  และนี่คือโลกแห่งความเป็นจริงที่เขาควรจะรู้ได้แล้วว่า  บนถนนแห่งความเป็นจริงนี้เขาไม่สามารถชกมวยปาหี่ต่อหน้าผมได้ 

“อะ!” เสียงร้องดังทรมานเมื่อฝ่ายหนึ่งถูกสมุทรเตะเข้าที่ลำตัวพร้อม ๆ กับฮุกหมัดซ้ายเข้าที่ชายโครงซ้ำสอง  การต่อสู้ที่ยังคงนิ่งขรึมและแข็งแรงบอกกับผมว่าคนอย่างเขาคงได้เจอเรื่องทำนองนี้มานับไม่ถ้วนแล้ว  คำตอบที่ย้ำคำตอบที่รู้อยู่แล้ว  ถึงแม้เขาพยายามจะปกปิดความจริงแค่ไหน  แต่ความจริงก็คือความจริง

“เฮือก!!!” สมุทรคำรามดังก้อง  น้ำเสียงที่เค้นออกมาจากในลำคอทำให้ผมหลุดยิ้ม  ตอนหมอนี่เริ่มหงุดหงิดนี่มันเซ็กซี่เป็นบ้าจริง ๆ ละนะ



ปึก!!!  ..หลังของคนที่ถูกถีบกระเด็นไกลออกไปถึงหลายเมตร  เจ้านายของพวกมันเห็นผลงานถึงกับตวัดตามองขวางมาที่ผมเขม็ง  ผมส่งแววตาที่ไร้ความหมายให้พร้อม ๆ กับมุมปากที่ผลิขึ้นสูงอย่างเย้ยหยัน

เสียงคำรามดังอย่างต่อเนื่อง  ศาสตร์มวยโบราณปรากฏออกมาให้เห็นเป็นบุญตาเป็นครั้งคราว  มันสวยมากจนผมมองแทบไม่กะพริบ  แน่นอนว่าเขาพยายามที่จะไม่ทำอย่างนั้น  แต่ดูเหมือนร่างกายมันไม่เป็นไปตามที่สั่งเสียเลย  ปกป้องตัวเอง  ไร้การควบคุมให้ได้ดั่งใจ  ไม่ถึงนาทีให้หลัง ห้าคนตรงหน้าก็กองอยู่กับพื้นเรียบร้อยไปแล้ว  สมุทรยืนนิ่ง  ตามองพื้นถนนหรือผลงานของตนอยู่ก็ไม่ทราบ  ลึกลงไปในความรู้สึกแล้วเจ้าตัวคงเอียนเรื่องพวกนี้เต็มที  อกของเขากระเพื่อมอย่างหอบเหนื่อย  ขณะเดียวกันนั้นสายตาผมก็เหลือบไปเห็นพี่ธานวิ่งมาถึง  หนึ่งในนั้นที่มีสติเหลือครบถ้วยอยู่เพียงผู้เดียวเริ่มแสดงความไม่พอใจให้เห็นกว่าเก่า


.. ผมแสยะยิ้มมุมปาก  คิ้วข้างขวาเลิกสูงขึ้นเหนือด้วยความเคยชิน  ตวัดชี้ปลายไม้เท้าขึ้นกลางอากาศพลางนำมันดันตัวสมุทรให้เขาหลีกทางออก  เพื่อเป็นการบอกว่า..ผมจะจัดการส่วนที่เหลือนี้เอง 

“ถ้าพี่ไม่เก็บผมวันนี้งานพี่ก็ไม่จบนะครับ จะดูถูกกันไปมั้ง..ทำไมไม่หาคนที่มันมีฝีมือกว่านี้มาหน่อยล่ะ” ผมอมยิ้มกรุ้มกริ่มมอง  การเอ่ยพูดเป็นไปอย่างเรียบ ๆ ไม่แสดงอารมณ์  อีกฝ่ายกัดฟันแน่น  จ้ำเท้าเดินเข้าหาพร้อมควักปืนขึ้นจ่อกระบาลผม  ทำให้ผมได้แต่เพียงฉีกยิ้มยืนรับ

“อย่าเสี่ยงดีกว่าครับ” ผมพูด  การยืนอยู่ของพี่ธานแม้จะห่างออกไปหลายเมตรจากเป้าหมายแต่รุ่นของปืนและฝีมือมันต่างกัน  สายตาของอีกฝ่ายหลุกหลิกที่จะมองไปทางด้านหลังของตนเพื่อหาคำตอบ  ทันทีนั้นผมก็พลิกข้อมือของมัน  ทำให้ปืนร่วงลงกระทบกับพื้นจนเจ้าของหน้าถอดสี  ไม่เสียเวลาเปล่า  กระบอกปืนถูกปลายไม้เท้าเกี่ยวขึ้นมาและนั่นจึงเปลี่ยนสถานะของเจ้าของในทันที  เสียงกระสุนถูกปลดออกร่วงกราวกระทบกับพื้น  ก่อนตัวปืนจะถูกโยนไปไกลอย่างไร้เยื่อไย 

.. ความเงียบของพวกเราทำให้รู้ว่าตามจริงแล้วในตอนนี้เสียงรอบข้างของคนในชุมชนสงบอย่างกับชุมชนร้าง  คนตรงหน้าตั้งกาดเตรียมพร้อมสู้กันด้วยฝีมือ  ผมยืนรับซื่อ ๆ  หมัดที่ปล่อยมาจากฝั่งตรงกันข้ามเจาะจงเข้าที่ชายโครงของผมอย่างรู้แก้ว

“อึก!” ผมกัดฟันร้องด้วยความเจ็บ  ทั้งอย่างนั้น ปลายไม้เท้าสวนแทงกลับเข้าที่ท้องของคนตรงหน้าจนมันเซถอยหลังไปตามแรงด้วยใบหน้าตาเหยเก  แบบนั้นที่อยากเห็นว่าจะทนได้สักเท่าไหร่  ความแข็งและน้ำหนักที่มีทำมาจากอุปกรณ์อย่างดีจากแหล่งที่มาหลากหลายชนิด  ความคมของด้ามปลายแม้จะไม่คมมากนักแต่ถ้าคนตรงหน้ายังสู้แรงผมกลับอยู่อย่างนี้  ไม่แน่ว่ามันอาจจะทะลุเข้าไปด้านในก็ได้  ดวงตาเบิกออกเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มที่ย้ำสอบถามกับมันว่า “จะจัดการยังไงต่อ ?”  เสียงคำรามดังลั่นไม่ยอมแพ้จากอีกฝ่ายพร้อมออกแรงดันไม้ออกจากท้องของตนสุดแรงเกิด  เมื่อมันทำท่าจะเสียการทรงตัวล้มลง  ไม้เท้าก็ฟาดเสยขึ้นที่หน้าไม่ให้อีกฝ่ายได้ล้มลงโดยง่าย  มันเซไปอีกด้าน  พร้อมทำท่าจะล้มอีกครั้ง 


ผลัวะ!!!   .. ผมฟาดซ้ำทันทีด้วยความเร็วแรง  ผลลัพธ์ที่กองลงกับพื้นไม่ได้ทำให้หายหงุดหงิดใจได้เท่า ๆ กับที่เลือดของมันสาดกระเด็นมาโดนกางเกงของผมจนเห็นเด่นชัด  ผมหลับตาลงครู่หนึ่ง  ลมหายใจลอดไรฟันพลางพึมพำบ่นไม่ได้ความหมาย 


ผลัวะ!!!! 

“อ้าก!!” เจ้าตัวร้องจ้าอีกครั้งเมื่อถูกตีซ้ำเข้าที่ขาคล้ายกับถูกตัดกำลังทั้งหมด  มันนอนแน่นิ่งไม่คิดที่จะคลานตัวเองให้ไปต่อ  หน้าแดงก่ำไม่รู้เพราะเหนื่อยหรืออะไรแน่  แต่อีกสักพักมันจะคงเปลี่ยนเป็นสีอื่น  ผมยืนมองพลางนำปลายไม้เกลี่ยขาอีกฝ่ายตั้งแต่ต้นขาต่ำลงเรื่อย ๆ  ขามันสั่นนิดหน่อย  ด้วยเพราะของสุดรักของผมมีน้ำหนักมากทำให้การฟาดครั้งต่อ ๆ ไปจึงไม่เกิดเสียงดังกวนใจเท่าที่ควร  ต้นขา สะบ้า แข้ง อีกครั้งและอีกครั้งจนร่างกายตรงหน้านิ่งเงียบ  เสียงที่หอบแรงคือเสียงหายใจ  ขากระตุกเล็กน้อยคล้ายเจ้าของร่างกายพยายามจะตรวจสอบว่ายังใช้การได้หรือไม่ 

“อึดดีนี่..คว-ยกูแข็งเลยว่ะ ฮึ!” ผมอดยิ้มชมไม่ได้  ใช้ไม้เท้าเขี่ยแก้มอีกฝ่ายแกมหยอก
 


ผลัวะ!  ผลัวะ!!  ผลัวะ!!! 

น้ำหนักของฟันที่ขบกัดคล้ายก้นบึ้งลึกลงไปรู้สึกยังไม่พอ  ลิ้นที่ไม่อยู่สุข  น้ำเสียงที่ฟาดซ้ำต่อระบายอารมณ์ชักเริ่มกวนใจ  เลือดที่สาดกระจายติดไม้เท้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งทำให้เห็นแล้วหงุดหงิด  เมื่อได้สติหยุดมืออีกครั้ง  กวาดตามองไปทั่ว  บางคนเพิ่งตื่นจากการสลบ  พวกมันพยายามขยับตัวเพื่อที่จะดูลูกพี่ของตน  แต่น่าแปลก..ที่ไม่มีใครคิดที่จะขยับตัวขึ้นมาเสียอย่างนั้น
 
“นิ่งไว้ครับ” ผมเอ่ยปากเตือนพร้อมทิ่มปลายไม้เท้าลงที่แก้มเป็นการย้ำว่า “อย่าขยับ”  ใบหน้าของมันถูติดขนาบไปกับพื้นดิน  ลมหายใจพ่นทิ้งทางจมูกครั้งหนึ่งเพื่อรวบรวมสติ  ปลายเท้าเหยียบลงที่ฝ่ามือขวาที่แบแผ่หราอยู่  ปลายนิ้วของคนที่ถูกเหยียบกระดิกขัดขืนเล็กน้อย  ผมหย่อนตัวนั่งยองลง  ออกแรงทิ้งน้ำหนักเน้นไปที่เท้าข้างที่เหยียบมือ  อีกฝ่ายตาปรือพยายามที่จะมองมาทั้งที่หายใจติดขัด 

.. ผมขยับใบหน้าหาลูกตาดำของคนตรงหน้าเพื่อที่จะได้สบตากันตรง ๆ ก่อนเริ่มบทสนทนา

“ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจนะครับ ..มองผมสิ” ผมพูดเสียงนุ่ม  ปลายผมที่ถูกทาเจลจัดทรงไว้อย่างดีเมื่อเช้านี้ตกปรอยลงมาโดนหางตา  จู่ ๆ ใจก็เต้นเร่า ๆ ขึ้นอย่างไร้เหตุผล
 
“ผมกูเสียทรงเลยเนี้ย! มองหน้ากู!!” 

“ซี๊ดดด” ลำคอขยับหมุนพร้อมหลับตาลงทันที  สิ้นเสียงตวาดจึงรับรู้ได้ว่ารอบตัวเงียบสงัดเป็นใจ  มือที่ว่างอยู่ลูบปลายผมกลับขึ้นเพื่อจัดทรงให้กลับไปทางด้านหลังอย่างเดิม 

“หายใจออกรึเปล่า” ผมกลับมาควบคุมยิ้มถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร  ตาลอยมองอย่างใจเย็น  น้ำหนักของปลายไม้เท้ากดซ้ำที่เดิมด้วยน้ำหนักเท่าเดิม  เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบออกมาดี ๆ  จึงค่อย ๆ ขยับเลื่อนจากแก้มลงมาที่คอหอยแทน

“คะ..เคอะ! อะ!!” เจ้าของร่างกายเริ่มหายใจลำบาก  ตาเบิกถลึง  เส้นเลือดในตาเห็นเด่นชัด  เลือดออกปากไหลย้อนเป็นทางดูน่าแขยง  มือข้างที่ผมเหยียบเอาไว้พยายามที่จะขยับหนีอย่างไม่เป็นผล  ส่วนมืออีกข้างที่ว่างอยู่นั้นพยายามออกแรงจับมาที่ไม้เท้าเพื่อสู้ให้นำออกจากคอของตน  มือที่เปื้อนเลือดทำให้จับไม่ถนัดนัก  ยิ่งมันจับไม้สู้ผมเท่าไหร่ผมก็ยิ่งกดย้ำไปที่คอหอยมันหนักกว่าเดิมเท่านั้น 
 
“หายใจไว้ครับ อย่าตายนะ” ผมขอ

“ผมขี้เกียจเก็บงานน่ะ มันเหนื่อยกว่าอะไรซะอีก” ผมผลิยิ้ม

“ปล่อยครับ มันแพง” ผมพูดเรียบ ๆ  คนตรงหน้าปล่อยมือออกจากไม้เท้าตามที่ขอ  เมื่ออีกฝ่ายทำท่าหมดแรงจะขาดอากาศหายใจไปจริง ๆ ผมจึงนำไม้เท้าออกจากคอมันให้เป็นอิสระ 

“ฮ้า! ฮา..แคะ ๆ” อีกฝ่ายสำลักหน้าทิ่มลงพื้นหมดสภาพ  ผมนั่งรอมองให้มันได้ตั้งสติก่อนที่จะถามสิ่งที่ต้องการ

“เรามาคุยกันดี ๆ ดีกว่าไหม” ผมเสนอ  เลื่อนปลายไม้เท้าทิ่มไปลงบนพื้นดิน  ทั้งอย่างนั้นมันยังคงไม่ไปไหนไกล  เสียบจ่อต่ำอยู่ที่ปลายคางอีกฝ่ายเท่านั้น 

“ใครส่งมาครับ ?” ผมถาม 

“........” อีกฝ่ายไม่ตอบ  ตาดำหลบไปอีกทาง

“ถุย!” น้ำลายที่มันถมออกมามาพร้อม ๆ กับเลือดในปาก 

“เอาเงินใครมาบ้าง มึงก็ลองเดาดูเองสิ”

“พูดได้ดีนี่” ผมเบะปากยิ้มน้อย ๆ  เท้าออกแรงกดขยี้จนมันร้องดังระงม  หัวไม้เท้าถูกบิดออกด้วยความรวดเร็วดัง “แกรก~” ไปพร้อม ๆ กับอารมณ์ที่ไม่คงที่  เจ้าของร่างกายตาเหลือกมองด้วยความตกใจ  มีดปลายแหลมคมที่ถูกซ่อนอยู่ออกมาพบโลกภายนอก  ความเงาสะท้อนสู้แดดได้ไม่นานนัก ..ฉึกกก!!!  ปลายด้ามก็กดมิดเสียบเข้าไปที่แขนของคนตรงหน้า  เปลี่ยนที่อยู่ใหม่ให้เสียแล้ว 

“อ้ากกก!! ฮื้อ..ระยำเอ๊ย!!!” อีกฝ่ายปากสั่นร้องลั่น  ตัวเกร็ง  น้ำตาไหลออกมาเป็นทาง  เลือดพุ่งกระฉูดจนกระเด็นติดเสื้อและหน้าของผม 

“ถุย!!! มึงสิระยำ” ผมพ่นน้ำลายใส่  ฟันบดขยับ  ลิ้นไล่เกลี่ยไรฟันจนแทบตามลมหายใจของตัวเองไม่ทัน  ผมหลับตาลง  รวบรวมสติก่อนปล่อยลมหายใจออกอีกครั้ง

“ผมถามว่าใครส่งมา..” ผมเลิกตามองถามซ้ำอีกครั้ง  สายตาของอีกฝ่ายที่มองมาเริ่มอ่อนลงบ้างแล้ว
 
“บอกไม่ได้” มันตอบ  ผมเบ้ปากเข้าใจ  มือขยับด้ามมีดหมุนอย่างช้า ๆ

“อ้ากกก! อย่า!!” เจ้าตัวร้องด้วยความทรมาน  แต่ไม่รู้ว่าตกลงนั่นหัวเราะหรืออยากร้องไห้กันแน่

“ฮือออ~ อึก” อีกฝ่ายนอนหอบไร้เรี่ยวแรงพึมพำคำเดิม “บอกไม่ได้” ซ้ำ ๆ จนน่าหนวกหู

“กูถามว่าใครส่งมึงมา!” ผมสบถ  ปลายมีดกดซ้ำลึกลงไปแทบทะลุทำให้เสียงร้องดังโหยหวนลั่นซอย

“ฮื่ออ..เสี่ย! เสี่ยปรีดา อึก”ทันทีที่ได้ยินคำตอบผมจึงนิ่งลง  ดึงมีดออกให้เป็นอิสระ  แต่เปล่า เลือดที่ไหลออกมาจากรูนั่นคงกำลังบอกว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น 

“ฟัง” ผมเอ่ย  นำไม้เท้าที่แทงอยู่ปลายคางของมันช้อนปลายคางขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายมีสติมองหน้าผมดี ๆ  ปลายมีดที่เปื้อนเลือดป้ายไปที่เสื้อของคนตรงหน้าเพื่อเช็ดออกอย่างลวก ๆ

“ฟังผมพูดให้ดีนะครับ...” น้ำเสียงของผมแทบทิ้งหายเข้าไปในคอก่อนเว้นช่วงไปครู่

“วันนี้ผมจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ผมพูด  สายตาที่เหม่อลอยมองภาพตรงหน้าไม่แน่ใจเหมือนกันว่ากำลังต้องการมองอะไร

“ใจกว้างใช่ไหมละครับ ?” ผมอมยิ้ม  อีกฝ่ายเพ่งมองคล้ายไม่เข้าใจ

“ผมขอให้คุณเปลี่ยนอาชีพซะ ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป” ผมบอก  สายตาของเราทั้งคู่ต่างมองกันนิ่งสนิท  ผมมีแต่เพียงความว่างเปล่าที่แสนซื่อตรงที่จะบอกเตือนเท่านั้น  ไม่มีอะไรแฝงนัยยะไปมากกว่าที่เป็นอยู่

“ถ้าหากคุณยังไม่เลิกพันแข้งพันขาผมแบบนี้ คราวหน้าช่วยฆ่าผมให้ตายด้วยนะครับ” ผมพูด  ดวงตาคู่ตรงหน้าลังเลในคำขอจากผม

“ฆ่าผมให้ตายคนแรก”

“เอาให้ตาย ทำให้แน่ใจว่า..ผมตายแล้ว” ผมย้ำจุดยืนของตัวเองที่จะไม่เปลี่ยนแปลง  และถึงแม้จะถูกกระทำอย่างที่ขอขึ้นมาจริง ๆ ก็จะขอจากไปโดยไม่มีความโกรธแค้นใด ๆ ด้วย

“เพราะถ้าผมไม่ตาย และคุณทำให้คนของผมเดือดร้อน..ผมจะจองล้างจองผลาญคุณไปเรื่อย ๆ  โคตรเหง้าคุณจะไม่มีที่ซุกหัวนอน ผมจะทำให้พวกเขา..ระเหเร่ร่อนเจียนตาย แล้วยอมฆ่าตัวตายเองไปทีละคน ส่วนคุณจะเป็นคนสุดท้าย แบบนี้..ยุติธรรมดีไหมครับ” ผมพูด  และผมคิดว่าผมกำลังยิ้มให้เขาอยู่อย่างเป็นมิตรพอให้เชื่อในคำสัจนี้  กระเป๋าสตางค์ของมันถูกดึงออกมาจากกางเกง  บัตรประชาชนถูกยึดด้วยเจ้าของคนใหม่

“ขอเรียนให้ทราบ...”

“เงิน..ได้มาโดยยุติธรรมดีแล้ว” ผมขยายความเพื่อขอให้เข้าใจว่าไม่ว่าจะผมหรือเจ้านายของมันก็ระยำด้วยกันทั้งคู่  ผิดแค่ เจ้านายของพวกมันมักไม่ยอมรับความจริงเวลาที่คนอื่นทำระยำกับตัวเองกลับบ้างก็เท่านั้น

“หวังว่าจะไม่เจอกันอีกนะครับ”


ฉึก!!!!

เสียงโหยหวนที่ไม่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกใด  มันทำให้ลึกลงไปแล้วรับรู้ว่าแม้จะพยายามปกปิดความรู้สึกไว้แค่ไหน  แต่ความจริงคือความจริง  ตัวขยับขึ้นยืนเมื่อเสร็จภารกิจ  การขยับที่อยู่ ๆ ก็เชื่องช้าลงดื้อ ๆ  มือข้างที่สะอาดปาดเลือดที่ปรกเปื้อนตาออกอย่างเนิบช้า  แค่อยากมองให้เห็นชัดกว่าที่เป็น  ภาพตรงหน้าคือพี่ธานที่กำลังลดปืนลงและมองมาที่ผม  ดวงตาคู่ตรงหน้าในความหมายเดียวกันที่ต่างมองเห็นกันและกันมาแล้วไม่รู้กี่ร้อยครั้ง  ขาก้าวข้ามคนที่นอนอยู่เพื่อเป้าหมายคือการกลับถิ่นที่พัก  มีดถูกเสียบเก็บเข้าที่เก่าของมัน  หัวล็อกสนิท  ไม้เท้ากลับมาเป็นไม้เท้าตามเดิม  ผิดเพี้ยนเสียหน่อยตรงที่มันไม่สวยเงางามอย่างเก่า.. 



..............(ไฟ)............


จากผู้เขียน:
.. อยากให้ลองสังเกตการกระทำและความคิดของไฟในแต่ละครั้งให้ดีนะคะว่าทำไมตัวละครถึงได้ดำเนินชีวิต(รัก)แบบนั้น  การทำหมาหยอกไก่ใส่สมุทร  ในหลายตอนผู้เขียนคิดว่าได้บรรยายในบางมุมความคิดของไฟไปบ้างแล้ว  ทั้งแบบที่ไฟพูดคุยกับพี่ธานหรือเปิดใจกับโปรด  นั่นคือวิธีการในแบบที่ดำเนินตามพื้นฐานนิสัยของไฟและสมุทร  จนถึง ณ ตอนที่ 30 นี้  บางท่านอาจคิดว่าไม่คืบหน้า  เหมือนเพิ่งจีบกัน  แต่ในมุมของผู้เขียนนั้นทั้งคู่ต่างเรียนรู้  และคอยสังเกตซึ่งกันและกันในมุมของเจ้านาย/ลูกน้อง/หรือเพื่อนที่เพิ่งได้พบกันอยู่พอสมควร(เนอะคะ/ฮิ ๆ)  และแล้วก็ได้ :haun4: เดทกันเลือดสาด :jul1:

เบบี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2016 13:34:41 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ I-nam

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :ling1: :ling1: :o8:  :-[ เขาจูบกันแล้ววววว :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อร๊ายยย อีไฟได้จูบสมุทรแล้วววววว จะดีใจกะอีไฟหรือเสียใจกะสมุทรดีอิอิ o18 o18 o18

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
มันเหมือนเดทกันอยู่ในสมรภูมิรบ 555555555 เลือดสาดจริงๆ  :haun4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2016 14:17:12 โดย rujaya »

ออฟไลน์ kung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
คือดีและโคตรดี เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราไม่คิดว่าจะอ่านเพราะชอบอ่านแนวมหาลัยใสๆกวนๆมากที่สุด แต่ตั้งแต่เริ่มอ่านเรื่องนี้ตั้งแต่แรกนู้นนนนจนถึงตอนนี้ ขอบอกว่ามันสุดยอดมากค่ะ การบรรยายความคิดทั้งไฟและสมุทร แม้จะแทบไม่เคยมีฉากsweetหวานแหววไรเลยแต่มันรู้สึกยิบๆในใจเราตลอด บู๊เลือดสาดแค่ไหนแต่ทำไมเราอ่านไปเขินไปแบบนี้ คุณเบบี้คือเก่งมากจริงๆมันสนุกทุกตอนเลย แม้บางตอนจะหมั่นความอิไฟไปบ้าง555 #ขอบคุณเบบี้นะคะ :mew1:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
ชอบเวลาพี่ไฟอยู่กับสมุทร มีความสุขยังไงก็ไม่รู้  :mew1: :o8:

ปากตรงกับใจดีจังค่ะพี่ไฟ ชนะเลิศ!!!!!   :กอด1:

ชอบก็บอกว่าชอบ. อยากจูบก็บอกว่าอยากจูบ
มันดีเว่อร์

จูบครั้งนี้เหมือนสมุทรยอมตามใจพี่ไฟนิดๆนะอิอิ


ขอบคุณเบบี้จ้า

















ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
นิยายรักโรแมนติค เลือดสาด หวานๆ โรคจิตหน่อยๆ
ชอบบบบบบบบบบบบบบ >w<

ออฟไลน์ นางสาวกานาเลส

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
คุณไฟฟฟฟ เท่ห์มากเลยค่ะ ตอนนี้สมุทรน่าจะรู้สึกตัวบ้างแล้ว ว่าคุณไม่จริงจัง ไม่หมาหยอกไก่นะจ๊ะ ฉากในตรอกเหมือนจะหวายแต่พออกมากลางซอยเท่านั้นแหละ เลือดสาดจริงๆ

ออฟไลน์ aehJTS

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-8
โอ้ยยยยฟินจูบ อาจแตกต่างแต่ฟินมาก :-[
แต่เป็นเดทที่สยองสมกับเป็นไฟ  o18

 :pig4: ค่ะ

ออฟไลน์ น้ำแข็งใส

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +130/-1
เดทกลางตลาดศรี เลือด :pighaun:

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
ได้ข่าวว่าวันเลือดสาดนี้ไม่ถูกนับว่าเป็นการเดท  :z3: การเดทอันหอมหวานในฝันของช้านนนนนน !!!!!! ทำกันได้ลงคอ  :o12: 


ปล. แม้คุณไฟจะตอบโต้อริอย่างดุเดือดเลือดพล่าน  แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็หาสู้การเผยความในใจต่อสมุทรไม่  :L2: มันพีคตรงนี้.



รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:

ออฟไลน์ Youch06

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ถ้าไม่ชอบก็คงไม่ยอมให้ทำหรอก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด