The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 446162 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
โถ่...เฉลยซะละ ลุ้นต่ออีกหน่อยก็ดีนะ

จริงๆเราไม่ได้อยากรู้ว่าใครจะรับจะรุก เราชอบอ่านความเป็นไปของความรู้สึกของไฟและสมุทรที่แสดงออกมาแต่ละตอนมากกว่า

 :กอด1: :กอด1:


ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
ขอบคุณค่ะ ก็ดีใจที่เป็นอย่างที่คาดเอาไว้  :laugh: เพราะหลายตอนก็ค่อนข้างจะบอกชัดเจนอยู่ เลยพอเดา ๆ ได้ และจากเรื่องก่อนที่เคยอ่านผ่านมา ก็มีสไตล์คล้ายกัน ดังนั้นไม่ซีเรียสนะคะเรื่องฝ่าย และอยากให้กำลังใจคนเขียนด้วยไม่อยากให้เครียด  :3123:


รอตอนต่อไปนะคะ


 :katai3:

ออฟไลน์ Sadistic_seme

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ขอบคุณที่เบบี้มาอธิบาย แอบเสียดาย :hao5: จริงๆก็อยากอ่านยาวๆๆ อยากอ่านคู่พี่ธาน คู่พายุ คู่โปรด และอื่นๆ(เอ๊ะ เยอะไปไหม ฮ่าๆ)แต่ก็แล้วแต่เบบี้เลยจ้า เอาเท่าที่กำลังไหวเน้อ ชอบตัวละครไฟกับสมุทรมากๆแต่คิดว่าไฟรุกก่อนเพราะเฮียคงรอให้สมุทรรุกไม่ไหวแน่ๆ  :m20:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
“Holy ..shit!”  >> “ฟู่~ ขอบคุณสวรรค์ที่ให้กูมีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้” : เชี้ยยยยยไฟฟฟฟ~~กูลั่นแรง โอ๊ยยยยยมึงงงงงง ขำตายกับพี่ธานเลยอ่ะ 5555555 //ช่วงแรก สงสารไฟ กว่ามันจะยอมรับใจ กว่าจะเจอคนที่ใช่ อยากปักหลักกับคนนี้ มันไม่ง่ายเลย แล้วต้องมาเจอเย็นชาไร้ใจให้ชายแบบสมุทรอีก ตอนสารภาพนี้แบบ โฮรรรไฟกู ถึงใจกล้าแต่มันก็กลัวหวั่นวิตกกังวลแปปๆ แม้จะรู้ก็ยังไม่ยอมรับฟังไม่อยากให้เขาพ่นคำปฎิเสธออกมาตรงๆ แถได้เลี่ยงไปก่อน บ้าๆแบบนั้น บางทีก็แอบป๊อดแอบมีอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้นะ เอ็นดู๊ววว 55555 //แต่ก็เข้าใจสมุทรนะ แต่ก็อย่างว่า ลองเล่นด้วยหน่อย แล้วจะรู้ไฟมันน่ารัก???? ป่าวไม่อ่ะ กวนตีน มีแต่หื่นนน 5555 ป่าวๆจะได้เห็นอีกมุมๆหนึ่ง มุมจริงจัง มาแบ่งเบาภาระช่วยปลดปล่อยความทุกข์ความกดดันเก็บกดต่างๆที่ไม่อาจบอกใครได้ให้บ้างอยู่เคียงข้างมัน (ปล.มาบอกสมุทรให้โอกาสตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วละ เพราะไฟมันไม่สนไรแล้ว บังคับเสร็จสับ 5555 สนไม่สนไม่รู้กูรุกอย่างเดียว 555) ไฟมันรู้ จะรุก ควรจะต่อหรือหยุด มีขอบเขตถึงไหน ใช่ป่ะไฟ ถ้าสมุทรใจร้ายต่อเนื่อง ไฟเต็มที่แล้ว ก็นะ ห่างกันสักพักดีม่ะ??? อิอิ //สมุทรเตรียมตัวเลย ไฟคนจริง เอาจริงแน่ 55555 ชอบบไฟมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก กับพี่ธานนี้สุดๆ อ่านทีไรขำตาม สองคนนี้โคตรจะทันกัน 555555 //รอมาต่อเลยค่ะ //ใครจะรุกรับไม่สน ขอให้เขาเอากันเถอะเป็นพอ 5555555 แต่ไฟมันมาโซซะชอบเหลือเกินทรมานตัวเองยิ่งเจ็บปวดยิ่งมีความสุข มันบ้า 555555 สมุทรซาดิสต์ให้ถึงละ 555555555555  :pig4:

ออฟไลน์ นางสาวกานาเลส

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ณ จุดนี้ จะรุกรับ หรือสลับกันยังไงก็ได้หมอ่ะ ขอให้คุณไฟจีบสมุทรติดก่อนเถอะ 55555555555555555555555555

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
55555 จะรอดหรือจะร่วงน่ะไฟ ทำแต่ละอย่าง สมุทรคงรับได้
ไฟรุกหนักมาก คือชัดเจนว่าอยากได้มากแล้ว

สงสารพายุ มาเห็นช็อตเด็ด 5555
 
ธานก็เป็นใจเหลือเกิน รู้ใจกันดี

สงสารสมุทรหนักมากก ไม่มีคนเข้าข้าง

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

[ ส. 11 พ.ย 59 ] ตอนที่ 31: http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1110

[ อ. 15 พ.ย 59 ] ชี้แจงจากผู้เขียนเกี่ยวกับบทบาท(รุก/รับ)ของตัวละคร  รวมถึงแจ้งความเป็นไปของ The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ในอนาคต.. http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1140



_ _ _ _ _ _ _ _ _ _

ตอนที่ 32
..ไฟ..




คนในค่ายต่างทยอยกันกลับมาถึงโรงแรม  ผมเดินไปทักทายพวกครูมวยและพี่เลี้ยง  เย็นวันนี้จะเข้าไปเยี่ยมไอ้นพที่โรงพยาบาล  มันจะถูกส่งตัวจากโรงพยาบาลที่พัทยาเข้ากรุงเทพในวันพรุ่งนี้เช้าโดยมีพี่นีเป็นฝ่ายดำเนินเรื่อง  บรรยากาศในค่ายกลับมาปกติมากแล้ว  แต่นอนว่าเรื่องคนวางยายังคงคาใจทุกคนอยู่มาก  ผมไม่สนหรอกครับว่าคนนอกค่ายคนไหนจะเล่นงานเรื่องนี้เพราะมีจุดประสงค์มุ่งหมายที่ตัวผม  ไม่มีใครที่จะทำร้ายความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างสูงสุดได้เท่ากับคนใน  ซึ่งที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่าผมไม่ได้เชื่อใจใครทุกคนร้อยเปอร์เซ็นต์  ถ้าหากเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะผมเลี้ยงศัตรูไว้ให้อยู่ดีกินดี  คนที่ผิดก็คงเป็นที่ผมเองนี่ละมัง
 
“ไง..? ฉีกยิ้มให้ฉันได้แสดงว่าซ้อมต่อได้เลยใช่ไหม” ผมทักไอ้นพที่นอนซมอยู่บนเตียงผู้ป่วย  หน้าตามันสดใสขึ้นมากแล้ว

“ออกไปก่อน” ผมสั่ง  ทุกคนต่างผงกหัวรับพร้อมออกจากห้องไปไม่เว้นแม้แต่พี่ธาน 

“ตามที่ตกลงกันไว้ถือเป็นโมฆะนะ” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์  เลื่อนเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียง  ไอ้นพเพียงยิ้มน้อย ๆ  มันเอาแต่เงียบ  คงเพราะรู้ว่าผมมีจุดประสงค์ในการมาวันนี้ 

“ฉันจะให้เงินนายก้อนนึงเข้าบัญชี แต่ไม่มีสิทธิ์เบิกใช้จนกว่าจะสิ้นปี” ผมเอ่ย  บัญชีที่ว่าคือบัญชีเงินออมของนักมวยแต่ละคนที่มีพนักงานของทางค่ายเป็นผู้ดูแล   

“ขอบคุณครับ แต่..อย่าเลยครับคุณไฟ” ไอ้นพพูดแทรกด้วยใบหน้าร้อนรน 

“ผมไม่ได้ขึ้นชก แถมคุณยังต้องมาเจ็บตัวเพราะผมอีก พ่อโกรธผมมากเลย”

“ก็ต้องโกรธอยู่แล้ว” ผมพูดเสียงแข็งเบ้ปากถึงความจริงจนไอ้นพชะงัก  หลบสายตาลงทันที
 
“มึงกินอะไรเข้าไป” ผมถามคำถามที่คาใจไว้นาน  ตามจริงแล้วต้องการจะรู้ว่า “ใครให้มึงกินอะไร” มากกว่า

“ผมจำไม่ได้แล้วครับว่าใครเอาน้ำมาให้ผมกินบ้าง” ไอ้นพเงยหน้าขึ้นสบตา  ผมเพียงกะพริบตาลงอย่างเนิบช้า ใจเย็น  คาดเดาไว้อยู่แล้วว่าคำพูดประเภทนี้ต้องออกจากปากคนอย่างมัน 

“คนที่ดูแลมึงคือพี่เอิร์ธ กูไม่สนหรอกนะว่าพี่เอิร์ธทำรึเปล่า แต่เพราะพี่แกดูแลมึงไม่ดี เอาเป็นว่ากูจะไล่พี่แกออกก็แล้วกัน” ผมสรุป

“คุณไฟ! พี่เอิร์ธแกไม่ทำอย่างนั้นหรอกครับ คุณ..คือ พี่เขา ไม่กล้าหักหลังคุณหรอกนะครับ” มันรีบแก้ตัวตะกุกตะกักยกใหญ่

“อย่างนั้น ฉันควรจัดการยังไงดี ?” ผมถาม  ดวงตาจ้องมองอย่างหยอก ๆ พร้อมเลิกคิ้วขึ้นเป็นการอนุญาตให้คนตรงหน้าแสดงความคิดเห็นได้  ไม่บ่อยนักที่ผมจะเอาอำนาจที่เกี่ยวกับการทำงานในด้านอื่นมาผสมใช้กับการควบคุมคนในค่ายมวย  ผมค่อนข้างให้อิสระ  และปฏิบัติตัวเองเหมือนกับเป็นคนในค่ายมวยคนหนึ่ง  เป็นเจ้านายในฐานะของเจ้าของค่าย  แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้อำนาจนี้ในบางครั้งมันก็คือสิ่งที่ผมเป็นจริง ๆ นั่นละ  ถึงแม้ผมหรือพี่ธานไม่เคยประกาศกร้าวถึงอดีตของครอบครัวที่ผ่านมา  แต่สายตาที่ถูกมองจากทุกคู่ในค่ายมันบอกเป็นนัยยะอยู่แล้วว่าลึก ๆ พวกมันเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าการที่ผมปฏิบัติตนเหมือนคนในค่ายมวยคนหนึ่งนั้นเป็นเพียงการแยกแยะเพื่อให้เกียรติตามสายงานก็เท่านั้น


.. ไอ้นพนั่งนิ่ง  สีหน้าวิตกกังวลจนเริ่มซีดเผือก  ท่าทางของมันทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่ามันจะต้องรู้อะไรอยู่บ้างเป็นแน่ 
 
“กูเคยคิดเล่น ๆ นะ ว่าถ้าสมมุติมึงขึ้นชกกับกู ใครจะชนะวะ ?” ผมยิ้มเพื่อให้ผ่อนคลาย

“ผมไม่ชนะหรอกครับ” มันแก้ตัวเสียงเจื่อน

“ฝีมือระดับมึงก็ต้องยอมอ่อนให้กูได้ชนะอยู่แล้วน่ะนะ รู้อยู่หรอก ถ้ากูแพ้คงขายขี้หน้าแย่” ผมบ่นปนหัวเราะ

“ไม่หรอกครับ คุณไฟ..” น้ำเสียงของไอ้นพเบาลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเงียบสนิท

“ถ้ามึงไม่เจ็บขนาดนี้กูซ้ำมึงไปแล้ว” ผมมองเฉยพร้อมถอนหายใจแรงทิ้งท้าย

“ขอโทษครับ” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้ารู้สึกผิด  ผมเลือกที่จะนั่งนิ่งไม่คิดเอ่ยซักต่อ  การมาที่นี่ก็มาเพื่อให้มันเล่าอยู่แล้ว  ดังนั้น มันควรเลือกที่จะเอ่ยปากเล่าด้วยตัวมันเอง

“คือ..ผมก็ไม่แน่ใจ” ไอ้นพอึกอักพูดขึ้น  ริมฝีปากของมันไม่ค่อยปกตินัก 

“ผมจำได้ราง ๆ ว่า พี่เอิร์ธ ไปเข้าห้องน้ำ” มันกลืนน้ำลายลงคอทิ้งช่วง  กุมมือเข้าหากันไว้ระหว่างท้อง

“ตอนนั้นวุ่นวายมากครับ มีนักข่าวเข้ามาขอสัมภาษณ์ผม ผมจำได้แค่ว่า..ไอ้มงคลเดินเข้ามา ผมก็หยิบน้ำที่มันเตรียมไว้ให้มากินโดยไม่ทันคิดอะไร” 

“ผมไม่รู้จริง ๆ ครับนายว่าใครทำกันแน่ ผมไม่อยากปักใจว่าเป็นใคร..” ไอ้นพมองมาน้ำตาคลอ  ผมมองเฉยอย่างไร้ความรู้สึก  สายตาที่มองมาคล้ายกับกำลังพยายามร้องขอเพื่อไม่ให้ผมเอาผิดใคร 

“ผมเชื่อใจทุกคน ผมไม่อยากโทษใครจริง ๆ ครับ” ไอ้นพก้มหน้าลง  หลังจากนั้นเราต่างก็เงียบอยู่สักพักใหญ่
   
“ต่อไปนี้ทำตัวปกติ” ผมพูดขึ้น 

“ไม่ว่ากับใคร ไม่ต้องเล่าว่ากูถามอะไรบ้าง เสร็จจากนี้กูอนุญาตให้มึงพักสองอาทิตย์ ส่วนเรื่องเงินไม่ต้องห่วง กูเคยบอกว่าจะให้ กูก็จะให้” ผมจับหัวไม้เท้าดันตัวลุกขึ้นยืน 

“อย่างที่มึงบอก..” ผมทิ้งน้ำเสียงลง 

“เชื่อใจทุกคน” ผมอมยิ้มมุมปากน้อย ๆ

“กูเคยโกรธพ่อกูมากว่าทำไมถึงได้เชื่อใจลูกน้องเกินเหตุ กูโกรธ..เพราะครั้งแล้วครั้งเล่าเราก็รู้ดีแก่ใจว่า คนที่จะเห็นคุณค่าของความซื่อสัตย์ของคนอื่นน่ะมีน้อย”

“กูซ้ำเติมพ่อกูทุกครั้งที่แกถูกหักหลังกลับมา ความเสียใจพวกนั้นมันควรเป็นความผิดที่พ่อควรได้รับ พ่อจะได้จำสักที ดูเหมือนมันจะย้อนกลับมาที่กูซะแล้ว” ผมเล่ายิ้ม ๆ
 
“รายจ่ายที่ค่ายต่อปีหลายสิบล้าน และมันก็จะเพิ่มขึ้นทุกปี สำหรับกู..นี่ไม่ใช่เรื่องสนุกนพ” ผมบอก  ตามจริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องสนุกเลย  ผมไม่เคยอยากให้อะไร ๆ เป็นแบบนี้  ความเครียดทำให้ผมมวนท้อง  แต่วงจรมันขับเคลื่อนมาแบบนี้  ในเมื่อผมเดินเข้ามาในวงการนี้ผมจำเป็นที่จะต้องก้าวตามไปในหมู่ชนส่วนมาก  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องไม่ทิ้งอุดมการณ์ของครอบครัวที่เคยทำมา  โดยควบคุมไม่ให้ทุกอย่างมันออกนอกกรอบเกินเลยจนเกินไป 

.. ไอ้นพนั่งฟัง  มันปาดน้ำตาตัวเองลวก ๆ

“เอาเป็นว่าตอนนี้กูเชื่อมึง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม” ผมเหสายตาลง  ก้าวเดินออกมาโดยที่ไอ้นพกำลังจะยกมือไหว้ลา  ผมถือว่าการซื่อสัตย์ต่อตนเองคือศักดิ์ศรีอย่างหนึ่งของการเป็นมนุษย์  เมื่อไหร่ที่เราไม่ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง  เราจะไม่มีทางทำกับคนอื่นได้  ไม่มีใครที่จะรู้ดีที่สุดว่าเราได้ย่ำยีศักดิ์ศรีของเราไปแล้วเท่าไหร่  ได้เท่ากับตัวของเราเอง

“ได้เรื่องอะไรไหมครับ” พี่ธานถามหลังจากที่คนดูแลของไอ้นพร่ำลาผมและกลับเข้าห้องพักผู้ป่วยไป

“ส่งคนจับตาดูพี่เอิร์ธกับไอ้มงคลไว้” ผมออกคำสั่ง  ดวงตาลอยมองตรงไปที่ทางเดินด้านหน้า  น้ำเสียงที่ใช้เป็นไปเพื่อได้ยินเพียงแค่ผมและพี่ธานเท่านั้น 

“ได้ครับ” พี่เขาผงกหัวรับทราบโดยไม่ถามข้อมูลเพิ่มเติม  ผมยืนนิ่งเงียบอยู่พักใหญ่  ทั้งพี่ธาน  สมุทรและไอ้เด่นที่ยืนเฝ้าอยู่ห่าง ๆ ก็รักษาความเงียบไว้เพื่อผมเช่นกัน 


- - - - - - - - - - - - - - -


ที่โรงแรมวันนี้ผมสั่งจองปิดห้องอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติสำหรับคนในค่ายโดยเฉพาะ  เป็นการกำชับด้วยว่าให้สังสรรค์กันแต่พองามเพราะวันพรุ่งนี้จะต้องเดินทางกลับ  คิดว่าคนเก่าคนแก่ก็คงทราบดีอยู่แล้วว่าผมไม่ชอบให้เมาเกินควร  เสียงร้องเพลงคาราโอเกะดังแว่ว ๆ จากด้านใน  นึกเสียดายแทนคนที่อยู่เฝ้าไอ้นพที่โรงพยาบาล  พวกนั้นคงอยากมาร่วมวงด้วยเต็มแก่เป็นแน่ 

“มานั่งทำไมตรงนี้ละครับ” น้ำเสียงนุ่มสุภาพเอ่ยถาม  ผมไม่ได้หันกลับไปมองในทันทีเพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นเสียงของใคร  สมุทรยืนอยู่ด้านข้าง  ผมเพียงกลอกตามองไปทางเขาเล็กน้อยก่อนกลอกสายตากลับมาที่สระว่ายน้ำตรงหน้าตามเดิม   

“นายล่ะ ออกมาทำไม”

“..คิดถึงเหรอ ?” ผมอมยิ้มกวน  ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่ยืนอยู่ 

ผมออกมานั่งดื่มที่บาร์ใกล้ ๆ กับสระว่ายน้ำได้สักชั่วโมงหนึ่งแล้ว  เป็นการปลีกตัวออกมาเพราะต้องการอยู่คนเดียว  ส่วนเรื่องเอนเตอร์เทนในงานให้พี่ธานเป็นคนดูแลไป

“นั่งสิ” ผมเชิญเพราะถ้าไม่เชิญอีกฝ่ายก็คงไม่เอ่ยปากขอนั่งด้วยตัวเอง  สมุทรผงกหัว  เลื่อนเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ตรงกันข้ามนั่งลง  บริเวณส่วนนี้จัดเตรียมไว้สำหรับลูกค้าที่ต้องการนั่งดื่มสบาย ๆ ในยามเย็นเท่านั้น  มีพนักงานเสิร์ฟคอยยืนเฝ้าอยู่เป็นจุด  ไม่มีดนตรีสด  มีเพียงเสียงเพลงคลอจากลำโพงที่แอบซ่อนไว้ตามพุ่มไม้ต่าง ๆ  ดังนั้น ลูกค้ามากมายที่เลือกนั่งดื่มที่ตรงนี้จึงรักษาความเงียบของแต่ละโต๊ะไว้เพื่อรักษาบรรยากาศสงบนี้ด้วย 

“คุณพายุให้มาบอกว่า ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากให้คุณหยุดดื่มได้แล้วน่ะครับ” สมุทรพูดด้วยน้ำเสียงอะลุ่มอล่วย  คงหมายถึงขวดแชมเปญที่วางอยู่บนโต๊ะที่ถูกผมดื่มไปได้ครึ่งขวดแล้ว

“นาน ๆ ทีน่ะ” ผมพูดโดยยังไม่ได้หันไปมองหน้าคู่สนทนา

“ครับ..แต่ที่จริงคุณถูกสั่งห้ามดื่ม” สมุทรสวนทันควัน 

“.........” ผมเงียบ  รอยยิ้มที่มุมปากฝั่งที่สมุทรจะมองไม่เห็นผลิออกมาอย่างพอใจที่ได้ยิน  เมื่อเขาเห็นว่าผมไม่คิดที่จะตอบโต้กลับ  เจ้าตัวก็เว้นระยะแห่งความเงียบไปช่วงหนึ่งเช่นกัน

“คิดมากเรื่องนพเหรอครับ” สมุทรถาม

“เปล่า” ผมปัด 

“กำลังคิดว่า ..ทำไมตัวเองยังหายใจอยู่น่ะ” ผมขยายความถึงความจริง


.. เราต่างอยู่ในความเงียบร่วมหลายสิบนาที  ผมไม่ได้ตั้งใจพูดเพื่อให้ใครคิดมากแต่แค่พูดออกไปจากใจเท่านั้น  ณ ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกอึดอัดต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น  แต่ก็ไม่รู้ว่าคนข้าง ๆ อึดอัดที่เห็นผมเงียบอย่างนี้รึเปล่าไม่ทราบ  ผมหันหน้าไปทางสมุทรช้า ๆ ก็พบกับสายตาที่จับจ้องมาทางผมก่อนหน้าอยู่แล้ว

“ก็เคยคิดนะว่าจะหยุดทำธุรกิจทุกอย่างแล้วนอนอยู่บ้านใช้เงินเฉย ๆ” ผมยิ้มติดตลก

“แต่ไม่รู้ทำไม รู้สึกอยากทำงานตลอดทุกที” ผมทำหน้าตื่นประกอบ  สมุทรหลุดยิ้มกว้าง  ผมหยุดบทสนทนาลงก่อนมองรอยยิ้มของเขาที่หุบลงเรื่อย ๆ เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่อ่อนโยน  สายตาผมเหลงต่ำ  หันหน้ากลับมาจ้องสระว่ายน้ำอีกครั้ง

“..ไม่เคยตัดใจได้สักที” ผมบ่นปนหัวเราะ

“ทำไมไม่ตาย ๆ ไปสักที ทุกอย่างก็เตรียมไว้พร้อมแล้ว แต่พอมีคนมาจะเอาชีวิตทีไร..ก็อดคิดไม่ได้ว่าจะสู้ให้ถึงที่สุด ให้ตายกันไปข้างนึง นายว่ามันน่าขำไหมละ สุดท้ายทุกคนก็รักชีวิตตัวเองกันทั้งนั้น” ผมพูดพลางถอนหายใจติดปลายเสียง

“คุณเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอครับว่าทุกคนก็มีช่วงเวลาที่ลำบากเหมือนกันทั้งนั้น” สมุทรเอ่ย  ผมหันกลับไปรักษาความเงียบโดยไม่คิดตอบกลับ  ไม่คาดมาก่อนว่าเขาจะจำคำพูดของผมได้ด้วย  ใบหน้าของเราที่หันมาทางเดียวกันแต่สายตากลับมองตกลงบนโต๊ะด้วยกันทั้งคู่

“แต่ผมว่าช่วงเวลาที่ลำบากของคุณดูเยอะไปหน่อยนะ” อีกฝ่ายแซว 

“หึ” ผมหัวเราะ

“ผมเองก็เคยคิดอยู่หลายครั้งตอนที่พ่อเสีย ว่าชีวิตผมต้องลำบากอีกแค่ไหน..” สมุทรคลี่ยิ้ม  สายตาช้อนขึ้นมองผม

“เหนื่อยใจจนบางครั้งก็นึกเล่น ๆ ว่า ไม่เป็นไรหรอก..ไม่แน่วันพรุ่งนี้เราอาจจะตายก็ได้ ตอนนั้นนับวันรอให้เป็นคิวของตัวเองตลอดเลย” เขาหัวเราะด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่  ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกไม่ดี  แม้ผมจะบอกว่าผมไม่ใช่ต้นเหตุโดยตรงแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าลึก ๆ แล้วมันใช่

“โทษที” ผมพูดแทรก  อีกฝ่ายชะงัก  ตาเบิกมองมาคล้ายตกใจ

“ผมไม่ได้จะว่าคุณหรอกนะครับ” เขาแก้ตัว  ผมหัวเราะในลำคอ

“แม้กระทั่งแม่ ก็ไม่เคยโทษว่าเป็นความผิดของใคร” สมุทรขยายความถึงความหลัง  ผมเงียบ  สมุทรเองก็เช่นกัน
 
“แม่บอกว่า..” สมุทรพูดขึ้น  น้ำเสียงของเขาเบามากอยู่ในลำคอเท่านั้น

“ความเป็นตัวเราเป็นตัวดึงดูดให้ได้เจอกับใครสักคนหนึ่ง” อีกฝ่ายเบือนหน้าไปทางสระว่ายน้ำ  สายตาจับจ้องอยู่อย่างนั้นคล้ายกับกำลังนึกถึงความหลัง  คำพูดที่เกือบจะทำให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองได้ก็คงเป็นสิ่งที่ทำให้คนพูดไม่อยากพูดถึง

“พื้นฐานลึก ๆ แล้วเราเป็นยังไง มันจะเป็นตัวเชื่อมให้เราได้เจอคนที่มีลักษณะคล้ายกัน”

“เหมือนกับแม่พยายามบอกผมว่า ไม่ให้ผมเสียใจกับการเกิดมาเป็นครอบครัวเดียวกัน อะไรทำนองนั้น” สมุทรพูดปนหัวเราะแห้ง ๆ

“ผมกับแม่ไม่เคยทะเลาะกันเลย ดาวก็ไม่เคยดื้อหรือทำตัวให้น่าเป็นห่วง เพื่อนสนิทที่เข้ามาในชีวิตก็อยู่ด้วยแล้วสบายใจ แปลกไหมละครับ ผมคิดว่าแค่นั้นก็พอแล้ว” สมุทรอมยิ้ม

“เรามีรอยยิ้มให้กันทุกวัน ทั้ง ๆ ที่แต่ละวันผ่านไปอย่างยากลำบาก เหมือนกับว่า..บางสิ่งบางอย่างได้มาก็ต้องแลกกัน ถ้าถามว่าตอนนั้นให้ผมได้สุขสบายดีแต่ต้องแลกกับการที่ผมไม่ได้เจอพวกเขา ผมก็ไม่เอาเหมือนกันละนะ” เขาหัวเราะ  ผมอมยิ้มมองให้กับคำพูดของคนตรงหน้าที่คล้ายกับเขาได้เปิดเข้ามานั่งอยู่ในใจผมอย่างนั้น

“ผมยอมลำบาก”

“บางทีคนเราก็ต้องยอมลำบากเพื่อให้ได้อะไรมา เป็นเป้าหมายที่มีไม่เหมือนกัน” สมุทรบอก

“คุณจะหยุดก็ได้นี่ครับ..” เขาจ้องผมเขม็ง  การเอ่ยที่อยู่ ๆ ก็ทิ้งห้วนประโยคลง  ผมคิดว่าเขาคงอยากพูดอะไรทำนองนี้ที่คาใจมานานแล้ว  ผมเงียบเฉย ทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยินประโยคเมื่อครู่นี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2016 18:52:33 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

“ขอโทษค่ะ ขออนุญาตเติมแชมเปญนะคะ” พนักงานเข้ามาแทรกพอดิบพอดี  ผมผงกหัวอนุญาต  เธอรินแชมเปญใส่แก้วให้ผมในขณะที่ต่างฝ่ายต่างก็หุบปากเงียบสนิทจนเกือบวังเวง

“คุณผู้ชายอีกท่าน ไม่ทราบว่ารับเครื่องดื่มเป็นอะไรดีคะ”

“เอ่อ ไม่ครับ” สมุทรตอบปฏิเสธด้วยท่าทางเกรงใจ

“แฟนผมเอง เขาหล่อไหม” ผมยิ้มถาม  คนที่ถูกเอ่ยถึงตาเบิกโตทันที

“เอ๊ะ” พนักงานอุทานด้วยสีหน้าแปลกใจ  พอนึกตามได้เธอก็ยิ้มเก้อเขินออกมา  ผมจ้องมองหน้าเธอเพื่อรอคำตอบ

“ค่ะ” เธอผงกหัวน้อย ๆ

“ผมกับเขาใครหล่อกว่ากัน ?” ผมไม่เลิกก่อกวนสมุทร  พนักงานอมยิ้มแต่ผมคิดว่าเธอเกือบจะหลุดหัวเราะมากกว่า  นิ้วมือชี้น้อย ๆ ให้คำตอบมาทางผม

“ผมก็ว่างั้น” ผมเบะปากเท้าแขนยอมรับหน้าด้าน ๆ 

“หน้าหมอนี่ค่อนข้างเชยนะว่าไหม” ผมชวนคุย  เธอไม่ตอบ  ได้แต่นำมือปิดปากกลั้นหัวเราะเอาไว้

“แต่ดูดีนะคะ” เธอแก้ต่าง

“ฮึ!” ผมหลุดหัวเราะชอบใจ

“ขออนุญาตค่ะ” เธอยิ้มกว้างพร้อมผงกหัวน้อย ๆ ขออนุญาตชักเท้าถอยหลังออกตัวกลับไป  ผมมองตามทรวดทรงองค์เอวทางด้านหลังของเธอ

“หุ่นดีนะ” ผมชม

“ชอบผู้หญิงแบบนี้ไหม ก้นเธอสวยดี” ผมเลิกคิ้วถามสมุทร

“คุณไฟครับ” สมุทรปรามหน้าเข้ม  ผมหัวเราะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ 

“เคืองที่ฉันว่าหน้านายเชยงั้นเหรอ”   

“โทษทีครับที่ผมเชย” สมุทรพ่นลมหายใจหันหน้าหนีทางอื่น  ผมอมยิ้มมองคนตรงหน้าที่หุบปากเงียบไปแล้ว  เมื่อเราต่างไม่พูดจึงได้ยินเสียงกีตาร์จากเพลงได้ชัดเจน   

“เอาน่า ยังไงฉันก็ชอบความเชยของนายอยู่ดี” ผมพึมพำตาช้อนมองไม่วางตา  บทสนทนาเงียบลงดื้อ ๆ เพราะสมุทรที่ไม่คิดจะตอบโต้กลับ  เจ้าตัวคงรู้ว่าผมตั้งใจมองอยู่เขาจึงไม่ยอมหันกลับมาสบตาผมเลย  เพลงรักในทำนองอคูสติกดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนจบเพลงและขึ้นเพลงใหม่  สมุทรยอมหันหน้ากลับมาทำให้เราสบตากันพอดี  ผมอมยิ้มมุมปากต้อนรับให้อีกฝ่ายที่ยอมเป็นฝ่ายหันกลับมาในที่สุด 

“คุณนี่เป็นคนหน้าไม่อายจริง ๆ” สมุทรต่อว่าด้วยน้ำเสียงเหนื่อยเต็มทน  ผมยิ้มกว้างทำให้เขาเกือบจะหลุดยิ้มออกมาเช่นกัน

“ติดเชื้อมาจากปู่น่ะ” ผมยักคิ้ว  ย่าของผมสมัยเป็นสาวน่ะพยศอย่างกับอะไร  ถึงอย่างนั้นปู่ก็ยังเอามาทำแม่ของลูกได้  ดังนั้น ผมคิดว่าคนตรงหน้าก็อาจมีหวังก็ได้น่ะนะ ใครจะรู้


.. บทสนทนาในหัวข้อก่อนหน้าจบลงอีกครั้ง  ครั้งนี้เป็นการทิ้งช่วงอยู่นานกว่าครั้งก่อนพอสมควร  ต่างฝ่ายต่างมองกันไปคนละทางเหมือนกับมีเรื่องให้คิดอยู่ในใจ

“ทำไม..คุณถึงไม่แจ้งความละครับ”

“เรื่องอะไร ?” ผมถามกลับห้วน ๆ แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ

“เรื่องที่คุณโดยลอบทำร้ายวันนี้” สมุทรตอบ  ผมเงียบไว้ครู่หนึ่งเพราะรู้สึกรำคาญใจที่จะอธิบายขึ้นมา

“ถ้าแจ้งความวันนี้ เรื่องจะโยงไปถึงคดีวางยาของไอ้นพ แล้วฉันก็รับปากเสี่ยเจียนไว้แล้วว่าจะไม่แจ้งความ” ผมตอบส่ง ๆ ไปที  คว้ามือหยิบแก้วแชมเปญขึ้นดื่มจนหมด

“งั้น.. ก็เรื่องที่คุณถูกลอบยิงวันนั้น” สมุทรพูดด้วยแววตาไม่เข้าใจ  ผมจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น  ด้วยความเงียบที่ก่อตัวขึ้นสมุทรเองก็คงเพิ่งรู้ตัวว่าได้ถามในสิ่งที่ไม่ควรถามออกมา


- I’m in a trouble. –

เมื่อบทสนทนาไม่เกิดขึ้นจึงทำให้ได้ยินเสียงเพลงชัดอีกครั้ง  ผมไม่รู้ว่าผมควรจะพูดอะไรกับคนข้าง ๆ  พอ ๆ กับที่เขาคงมีคำถามมากมายที่อยากจะถามผม   

“นายคิดว่าโลกที่เราอยู่ จะมีคนช่วยเหลือเราจากหน้าที่จริง ๆ สักกี่คน เงินซื้อไม่ได้ สักกี่คน..” ผมเอ่ยในทำนองบ่นให้ฟัง  ไม่อยากให้เป็นประเด็นที่เครียดจนเกินไป 

“พวกเสี่ยปรีดาน่ะรักเงินยิ่งกว่าอะไร รองลงมาก็ชื่อเสียง พวกมันใช้ชีวิตกันแบบนี้..”

“แต่ฉันไม่สนหรอกนะว่าใครจะเป็นตายยังไง ส่วนฉัน..ก็แค่พยายามไม่ให้ตัวเองเดินตกไปอีกฝั่งจนมองไม่เห็นเชือกก็แค่นั้น”

“.........” สมุทรได้แต่เงียบสนิท 

“นายไว้ใจใครในวงการมวยได้เหรอ ?” ผมหันไปสบตา 

“คนที่ใช้ชีวิตธรรมดา ๆ ยังตอแหลเป็นไฟ มันไม่มีอะไรแปลกหรอกถ้าจะเจอแต่คนไว้ใจไม่ได้ในวงการแบบนี้ ถ้าทุกอย่างบนโลกนี้มันเป็นไปตามกฏที่ควรเป็นอย่างที่นายว่า โลกก็คงไม่มีสงคราม หน้าบ้านชนชั้นกลางก็คงจะไม่มีใบปลิวเงินกู้นอกระบบเกลื่อนเป็นขยะ”

“มันง่ายขนาดนั้นไหมละ ? ถ้าทุกอย่างมันง่ายขนาดนั้น ครอบครัวนายก็คงไม่หนีตายหัวหดก้นขวิดหรอก” ผมบอกออกไปเสียหมดเปลือก  รู้ดีว่าเป็นคำพูดที่ไม่ควรแตะแต่ก็อดไม่ได้

“ว่าไม่ได้..เหตุผลก็เพราะต้องกินต้องใช้กันทั้งนั้นนี่นะ” ผมหัวเราะขึ้นจมูกปัดประเด็นไปที

“แค้นไหมครับ” สมุทรถาม 

“เรื่องวันนี้น่ะเหรอ ? ไม่..” ผมตอบเสียงเบา  เรามองหน้ากันแทบไม่กะพริบ

“ไม่เท่าไหร่” ผมขยายความยิ้ม ๆ  อีกฝ่ายอมยิ้มเล็กน้อย 

“เวร..ระงับไม่ได้ด้วยการผูกเวรหรอกนะครับ”

“นั่นมันเป็นเงินส่วนที่ฉันควรจะได้อยู่แล้ว” ผมแทรก  เพราะตามทันว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร  เขากำลังจะบอกผมว่าผมควรหยุดตั้งแต่แรกแล้ว

“แค่ไม่กี่วันที่เดินทางมานี่ฉันหมดไปกี่แสน ค่าข้าวค่าน้ำ ค่าที่พักค่าเดินทาง ค่าเหงื่อไอ้นพที่ซ้อมมาเป็นปี ๆ อีกกี่แสน ? ค่าใช้จ่ายนักมวยแต่ละวันจนกว่าจะได้คิวขึ้นชกสักเวที นายก็รู้ว่ามันเยอะแค่ไหน สิ่งที่ควรได้รับคือให้ฉันเอาเงินไปจ่ายให้ทนายประจำตระกูลเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมที่สู้กันไม่รู้กี่ปีถึงจะจบงั้นเหรอ หึ..หวานหมูพวกมันแหละ”

“ถ้าลองคิดแบบระยำ ๆ เลยนะ ขึ้นชกสิบครั้ง..นักมวยถูกวางยาไปแล้วห้าเวที แบบนั้นฉันไม่ฉิบหายเหรอ ?” ผมเพ่งมอง  ไม่ได้ต้องการคำตอบแต่เพียงต้องการให้เขามองในมุมของผมบ้างก็เท่านั้น

“ทั้ง ๆ ที่นายก็รู้ดีแก่ใจอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร พูดไปก็ไม่จบหรอก มีแต่จะเถียงกันซะเปล่า ๆ” ผมตัดบท

“ฉันเหนื่อยจะพูดเรื่องนี้แล้วด้วย นายไม่คิดว่าการที่นายออกมานั่งกับฉันแบบนี้..จะมีเรื่องบันเทิงมาให้ฉันสบายใจหน่อยรึไง” ผมเสนอกลับ

“ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมเคยมีอาชีพเป็นตลกนี่นะ” สมุทรย้อน

“ตลกเขาก็ไม่ได้เล่นตลกเกลื่อนกลาดไปทั่วสักหน่อย” ผมอมยิ้มตาวาวทำให้อีกฝ่ายหยุดยิ้มเช่นกัน

“เพราะความน่าไม่อายของคุณเมื่อกี้ เลยทำให้พนักงานพากันแอบมามองเรา..ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” สมุทรเหลือบตาไปทางด้านหลังของผมก่อนเหลือบกลับมามองขวางใส่ผมด้วยคำพูดและสายตาทิ่มแทง  เห็นเป็นอย่างนั้นผมเลยยิ้มมองด้วยความหมายที่มากกว่าเดิม  สมุทรจ้องกลับด้วยใบหน้านิ่งขรึม  เราสู้กันด้วยสายตาที่ต่างความหมายอยู่พักหนึ่งเห็นจะได้  ครู่หนึ่งอีกฝ่ายก็ยอมเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีไปก่อน  แต่ผมยังคงปฏิบัติเช่นเดิมจนเขาหันกลับมาอีกครั้ง  และแววตาของเราต่างก็เปลี่ยนไป

“ที่นายไม่ปฏิเสธฉันตรง ๆ เพราะนายคิดว่าฉันมันเป็นคนประเภทไม่จริงจังในความสัมพันธ์ใช่ไหม คิดว่า..เดี๋ยวฉันเบื่อก็คงจะหยุดไปเอง” ผมวิเคราะห์  เปลือกตาของเขากะพริบอย่างเนิบช้า ใจเย็น

“ครับ..” สมุทรตอบรับโดยง่าย 

“และเพราะผมคิดว่าความสัมพันธ์จะไม่มีทางเกิดขึ้น..ถ้าคนสองคนไม่ได้มองอยู่ในระดับเดียวกัน”

“แต่ทำไมฉันรู้สึกว่านายมองระดับเดียวกันกับฉันอยู่” ผมเบะปากพลิกวิกฤตในทันที 

“บางที.. เวลาอาจทำให้คนเรามองอยู่ในระดับเดียวกันโดยไม่รู้ตัวก็ได้” ผมเท้าคางมองตอบสายตาที่แน่วแน่ตรงหน้า

“นายไม่คิดว่าฉันเซ็กซี่เหรอ ? ไม่เอาน่า..ฉันรู้ว่านายก็แอบคิดอยู่บ้างล่ะ” ผมแสยะยิ้ม

“เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองจังเลยนะครับ” สมุทรยิ้มเย้ยหยัน
 
“ก็ทำนองนั้น” ผมยักไหล่รับ

“ช่วยไม่ได้..อยู่กับนายทีไร ฉันมีอารมณ์ทุกที” ผมบอก  หางคิ้วข้างขวายกขึ้นสูง

“คุณ!” สมุทรอึกอัก  ใบหน้าเปลี่ยนความหมาย

“หูนายแดงน่ะ..” ผมทำปากเตือนส่งสัญญาณไปทางใบหูของเขา

“ในฐานะที่ฉันดูร้ายกาจในสายตานาย ขอบอกให้รู้ว่าคนเจ้าชู้น่ะมีหลายแบบ” ผมตั้งท่านั่งหลังตรงเป็นงานเป็นการ 

“มีแบบขาดศีลธรรมไปโดยสิ้นเชิง แบบกึ่ง ๆ มีศีลธรรม กับแบบมีศีลธรรมผุดขึ้นมานาน ๆ ที ส่วนคนแบบนายก็เจ้าชู้ได้ ถ้าจะเจ้าชู้ แล้วที่สำคัญ..” ผมทิ้งน้ำเสียงลง

“ฉันคิดว่าเป็นประเภทที่ควรระวังมากที่สุดด้วย ประเภทนี้จะไม่แสดงออกว่าตัวเองเจ้าชู้ น่ากลัวใช่ไหมละ ตามตรงแล้วฉันเกลียดประเภทนี้ที่สุด” ผมเบะปากทำหน้าเอือมประกอบ

“ถ้าคุณคิดว่าเป็นอย่างนั้น คงงั้นมั้งครับ แต่ผมคิดว่าผู้ชายประเภทที่น่ากลัวที่สุดคงเป็นพวกหว่านเสน่ห์ไปทั่วด้วยสายตา แต่พอเอาเข้าจริง กลับ..ไม่เอา” สมุทรย้อนเลิกคิ้วยียวน  ท่าทีของเขาที่ทำให้ผมยิ้มมุมปากได้สูงขึ้นกว่าเดิม
 
“โอเค” ผมพยักหน้าทำเสียงเล็กเสียงน้อยโดยไม่คิดที่จะปฏิเสธ  เพราะผมก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ

“นายหึงฉันงั้นเหรอ ?” ผมยิ้มกว้างด้วยใบหน้าดีใจ  สมุทรได้ยินถึงกับชะงัก  พอเขาคิดได้ว่าตัวเองขุดหลุมฝังตัวเองซะแล้วเขาก็ถอนหายใจออกมา

“จริง ๆ แล้วนายกำลังกังวลว่าฉันก็ส่งสายตาแบบนี้กับคนอื่นไปทั่วใช่ไหม ? เฮ้อ โอเค..ต่อไปผมจะไม่ทำแล้วครับ” ผมตีหน้าซื่อ

“คุณไฟครับ” สมุทรปราม

“ครับ ?” ผมขานรับไม่รู้ไม่ชี้ทำให้สมุทรส่ายหัวคล้ายเหนื่อยที่จะห้ามต่อ

“นายมีเซ็กส์ครั้งแรกเมื่อไหร่” ผมยิ้มถาม  เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อีกครั้ง

“จิ ทำไมคุณถึงชอบถามเรื่องไม่เป็นเรื่อง” อีกฝ่ายคิ้วขมวดผูกเป็นโบ

“ก็อยากรู้ไม่ได้รึไง ไม่เห็นจะประหลาดตรงไหน” ผมว่า  สมุทรถอนหายใจน้อย ๆ และเลือกที่จะไม่ให้คำตอบเพื่อสยบความเคลื่อนไหวของปากผม

“ฉันถูกบ๊วบให้ตั้งแต่ขึ้นป.หกแล้ว เคยสงสัยเหมือนกันว่า ‘ทำไมไอ้แท่ง ๆ นี้มันถึงได้ตั้งกันวะ’ ตอนนั้นหนักใจแทบแย่แน่ะ” ผมทำเสียงประหลาดใจเมื่อนึกถึง

“หยุดพูดเดี๋ยวนี้ครับ” สมุทรพูดเสียงแข็ง 

“แล้วก็เริ่มมีเซ็กส์จริง ๆ ตอนขึ้นม.หนึ่ง ก็ช่วยไม่ได้ โตเร็วไปหน่อย” ผมยังไม่หยุดเล่า  สมุทรนั่งนิ่งจ้องผมตาขวางเอาเป็นเอาตาย  ผมเลยยอมเงียบปากลงแล้วฉีกยิ้มให้  เพราะแม่งตลก

“..ฉันไม่เคยมีแฟน” ผมพูดโต้ง ๆ  การเปลี่ยนประเด็นทำให้สายตาที่มองมาเริ่มกะพริบได้บ้างแล้ว

“คนที่เคยไปไหนมาไหนได้ด้วยนาน ๆ คงคิดว่าฉันเป็นแฟน แต่ฉันไม่เคยคิดว่าคนพวกนั้นเป็นแฟน” ผมบอก  สายตามุ่งมองไปที่พุ่มไม้ทางด้านหลังของสมุทร 

“ฉันก็เคยคิดว่าอยู่เหมือนกันว่าแบบนี้มันแปลกรึเปล่านะ แต่ก็นะ..ไม่เคยคิดอยากมี” 
 
“คุณไม่เคยรักใครเลยเหรอครับ” สมุทรถามกลับเสียงนุ่มปนไปด้วยแววตาที่สงสัยและดูเป็นห่วงมากกว่าจะเหลือเชื่อ  ผมเงียบ  เหลือบตามองลงไปที่พื้นอย่างใช้ความคิด

“ก็..ไม่รู้สิ รักมั้ง..แต่ ไม่ได้รักแบบนั้น รักแบบ..เพื่อนมนุษย์” ผมอธิบาย  ใช่..รักแบบเพื่อนมนุษย์  มันถูกต้องในประเด็นของผมที่สุดแล้ว

“แต่ดูเหมือนตอนนี้กำลังจะได้เจอแล้วล่ะ” ผมยิ้มกว้าง  เหวี่ยงประเด็นกลับมาที่เดิมอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว  จากที่สมุทรดูอ่อนโยนและเห็นอกเห็นใจผมอยู่เมื่อครู่เขาก็เปลี่ยนอารมณ์ทางสีหน้าในทันควันเช่นกัน

“ครับ..งั้นก็ขอให้สำเร็จนะครับ” อีกฝ่ายเหล่มองด้วยท่าทางมั่นใจ 

“อู้~ รู้ตัวซะด้วย” ผมตาวาว  ได้ทีแซวย้อนเข้าให้  เขาคงทนฟังอยู่ไม่ไหว  จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นเดินหนีไปซะเฉย

“ไม่เอาน่า! อย่างอนสิครับที่รัก!!” ผมตะโกนเสียงดังลั่นเพื่อจงใจให้พนักงานในละแวกนี้ได้ยินกันอย่างทั่วถึง  สมุทรชะงักหันขวับกลับมาหน้าตาตื่น

“ขึ้นไปรอบนห้องนะ ผมดื่มเสร็จแล้วเดี๋ยวจะตามไป!!” ผมยิ้มกว้าง  มองเห็นปากของสมุทรขยับพะงาบ ๆ เหมือนมันกำลังจะต่อว่ากลับมา  แต่แล้วมันก็ปิดสนิทลงไปพร้อม ๆ กับสันกรามที่ปูดนูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  ผมกัดฟันไว้แน่นแทบหักเพราะตัวเองก็เกือบจะหลุดขำ  สมุทรส่ายหัวนิดหน่อยจ้ำอ้าวกลับเข้าโรงแรมทันที

“ฮึ!” ผมหัวเราะขึ้นจมูก

“ฮ่า ๆ ๆ  จี้ฉิบเลยว่ะ ทำเหี้ยอะไรของกูวะเนี่ย” ผมตัวงอก้มหน้าลงติดกับโต๊ะ  แม่งเอ๊ย.. กูจะกลั้นขำจนชักไหมเนี้ย



- - - - - - - - - - - - - - -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2016 21:43:06 โดย เบบี้ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

เช้าวันรุ่งขึ้นเราต่างทยอยเดินทางกลับกรุงเทพ  ในส่วนของผมออกสายกว่ารถของทางค่ายไปเกือบชั่วโมงเพราะไม่มีสิ่งจำเป็นที่จะต้องรีบร้อนให้กลับจึงได้มีโอกาสจอดรถเพื่อแวะกินข้าวและซื้อของในร้านที่ไม่เคยแวะมาก่อน  ความสบายใจจวนเกือบจะหมดลงเมื่อเราเข้าถึงตัวเมืองเพราะพี่ธานได้รับสายจากที่บ้านว่ามีแขกมาขอพบผม  ซึ่งเป็นสัญญาณที่บอกผมว่า “ไม่น่าจะใช่เรื่องที่ดี”

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับคุณไฟ” คนในบ้านยืนพร้อมเพรียงรอต้อนรับ  ผมเพียงผงกหัวทักทาย  หยุดยืนอยู่ที่ปากประตูเพราะสังเกตเห็นรถยนต์ของพี่ทัพจอดอยู่ตั้งแต่มาถึง   

“อีกคันนั่นรถใคร ?” ผมถามถึงคันที่ไม่คุ้นตา

“มากับคุณทัพครับ” ลุงทองตอบ 

“ไอ้ดินล่ะ”

“อยู่ที่ห้องนอนครับ” ลุงตอบ  สมุทรและไอ้เด่นนำรถจอดเทียบเข้าที่ลานจอดรถ  แม่บ้านกุลีกุจอเข้าไปจัดการยกสัมภาระออกมาและแบ่งแยกทำตามหน้าที่   

“มึงขึ้นไปเช็กวงจรปิด” ผมสั่งพายุ 

“ครับ” พายุขานรับเข้าบ้านไปคนแรก  สมุทรกับไอ้เด่นหยุดยืนอยู่หลังพี่ธาน  ปลายไม้เท้าขยับก้าวไปทางด้านหน้าก่อนที่ขาจะก้าวตาม  จุดหมายคือห้องรับแขกที่ไม่รู้ว่าปัจจุบันรับแขกหน้าใหม่มาแล้วกี่คน  วันนี้ก็คงมีแขกหน้าใหม่มาแบบไม่ได้รับเชิญอีกตามเคย

“..........” คนในห้องหยุดบทสนทนาลงในทันทีที่ผมปรากฏตัว  พี่ทัพลุกขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มรับ  ผมหยุดมองตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาถึงขนาดนี้กลับยังห้อยบัตรเจ้าหน้าที่คล้องคอมาด้วย

ชายแปลกหน้าสองคน  คนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ พี่ทัพ  อายุอานามน่าจะราว ๆ เดียวกับไอ้เด่น  ส่วนอีกคนนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้าม  หน้าตาไม่ห่างจากวัยของพี่ทัพนัก  อีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังพี่ทัพ  หนึ่งในนั้นเคยพบหน้ามาก่อนแล้วที่เขาใหญ่  ผมอมยิ้มเลิกตาทักทาย  จำได้คร่าว ๆ ว่าน่าจะชื่อทิวอะไรนั่น  อีกฝ่ายหลบตาลงในทันที  แม่บ้านนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ผมโดยเฉพาะ  เพราะเครื่องดื่มของแขกคนอื่นถูกเสิร์ฟต้อนรับเรียบร้อยแล้ว  ไม่มีใครเริ่มบทสนทนาจนแม่บ้านเดินจากไป     

“โทษทีที่มากะทันหัน” พี่ทัพเอ่ย  ผมมองเฉยอยู่พักหนึ่ง  การยืนของคนร่างใหญ่แบบนี้ถึงหลายคนทำให้ห้องรับแขกที่กว้างขวางดูเล็กลงไปนิดหน่อย  ผมเดินไปที่โซฟาตัวกลางที่ว่างอยู่คล้ายกับแขกที่มาเยี่ยมก็รู้จักมารยาทอยู่บ้างว่าไม่ควรแตะต้องมัน  มือแตะลงที่กระเป๋าเสื้อที่หน้าอกของพี่ทัพเบา ๆ  อีกฝ่ายยืนเฉยจ้องมองการกระทำของผมโดยไม่พูดอะไร  นิ้วชี้เกี่ยวขอบกระเป๋าเสื้อออกเพื่อช่วยจัดให้เป็นระเบียบ  เห็นขัดลูกตา 

“นอกจากพี่แล้วผมไม่ชอบให้คนในเครื่องแบบมาป้วนเปี้ยนในบ้าน ได้กลิ่นแล้วจะอ้วก” ผมพูดเสียงเรียบ  พี่ทัพถอนหายใจเบา ๆ  แต่กลับได้ยินเสียงจิจ๊ะจากปากของคนข้าง ๆ ดังลอดสวนออกมา  ผมแสยะยิ้มมุมปาก  เหล่ตามองไปที่เป้าหมายที่ยังไม่ได้ทำความรู้จัก  อีกฝ่ายแสดงสีหน้าไม่พอใจ  ไม้เท้าจึงถูกขยับขึ้นจนปลายแตะไปยังป้ายคล้องคอของเจ้าตัว



ปึก!!   ..เจ้าของป้ายชื่อปัดปลายไม้เท้าออกอย่างแรง  ตาขวางมองเอาเรื่อง

“หึ ๆ  ดุซะด้วย” ผมแสยะยิ้มก่อนหย่อนก้นนั่งลงที่โซฟา 

“ไอ้เต้ มึงนี่” พี่ทัพเอ่ยห้ามทำให้คนของพี่แกสงบลงได้ 

“มีเรื่องอะไร ?” ผมถาม 

“เห็นว่ามึงขึ้นชกเองเหรอ” พี่ทัพถามกลับ  ผมไม่ตอบ  ขาขวาขยับไขว้ห้างอย่างเคยชินโดยไม่สนสายตาทุกคู่ที่กำลังมองมา

“เจ็บตรงไหนรึเปล่า”

“นิดหน่อย” ผมตอบ 

“เอ่อ..นั่นผา คู่หูใหม่อั๊ว แล้วนี่เต้ ลูกน้องในทีม” พี่ทัพแนะนำ 

“.........” การนั่งเฉยเป็นไปอย่างไม่คิดขานรับหรือมองหน้าใคร  สายตาจับจ้องไปที่หน้าจอโทรทัศน์สีดำสนิทด้านหน้า  ความเงียบทำให้ได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนที่เป็นเสมือนพี่ชาย  เจ้าตัวก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนเงยหน้าขึ้นเพื่อเปิดประเด็น

“ที่อั๊วมา เพราะมีเรื่องอยากให้ลื้อช่วย” พี่ทัพพูด  น้ำเสียงที่เน้นย้ำหนักแน่นบอกได้ว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่  ตั้งแต่ที่ผมเคยออกปากออกไปในครั้งนั้น  หากไม่จำเป็นจนสุดทาง พี่ทัพมักไม่เคยออกปากในทำนองนี้เลย

“มิตรหรือศัตรู ?” ผมถาม  แต่กลับไร้เสียงตอบรับจากคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

“งั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม” ผมขยายความ

“งั้นเหรอ งั้นเราต้องคุยกันยาวหน่อยละมั้ง ทำอย่างกับไม่มีเรื่องติดตัว หึ!” ไอ้เต้พูดโผงขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ไอ้เต้ มึงหุบปาก” พี่ทัพว่า  คำขู่นั้นทำให้หัวเราะขึ้นจมูกได้นิดหน่อย 

“เรื่องอะไรที่ว่าน่ะ ?” ผมเบิกตาเลิกคิ้วยิ้มถาม  มือขวาขยับหมุนหัวไม้เท้าเล่นไปพลางจนเสียงดัง “แกรก ๆ” เป็นที่สนใจของคนที่ร่วมห้องอยู่ด้วยกัน 

“ออกเงินกู้ ? เข้าออกบ่อนเป็นว่าเล่น คนของมึงซ้อมคนปางตายไปแล้วกี่คน..นึกว่าพวกกูไม่รู้รึไง” ไอ้เต้ตอบกลับด้วยสีหน้าเอาเรื่อง 

“จุ ๆ” ผมปรามพลางแสยะยิ้ม

“คุณ..”
 
“ช่วยเรียกผมว่า ‘คุณ’ ด้วยครับ  ‘มึง’ มันฟังแล้วไม่รื่นหูเอาซะเลย..ฮึ” ผมฉีกปากหัวเราะออกมา

“สารวัตรก็รู้งั้นเหรอครับ” ผมพูดเชิงถาม  เปลี่ยนสรรพนามการเรียกตัวพี่ทัพ 

“ไฟ” พี่ทัพเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายพร้อมเปลี่ยนการเรียกตัวผมด้วยเช่นกัน

“ผมไม่ชอบลูกน้องคนนี้ของพี่เลย บอกตามตรงว่านอกจากหน้าตามันจะเหมือนเด็กมีปัญหาทางครอบครัวแล้ว ปากมันก็ไม่น่าพิสมัยสักนิด”

“อบรบหน่อยสิครับ”

“หมาน่ะ..ต้องฝึกให้เชื่องก่อนเอาออกนอกบ้านนะครับสารวัตร เพราะเวลาที่เราต้องคอยกระตุกปลอกคอเตือนบ่อย ๆ  มันน่ารำคาญออก” ผมขมวดคิ้วแกมบ่น

“มึงว่าใครวะ!?” ไอ้เต้ขึ้นเสียงลุกขึ้นยืน  ผมนั่งเฉย  เอียงคอพลางช้อนตาขึ้นยิ้มมอง

“ไอ้เต้ นั่งลง” พี่ทัพสั่ง  เจ้าของชื่อยังคงยืนค้ำหัว  ไม้เท้าถูกวางลงบนโต๊ะกลางโซฟาก่อนเอนหลังพิงอย่างผ่อนคลาย
 
“เป็นคำพูดที่ไม่ตรวจสอบอะไรเลยนะ” ผมพูด  น้ำเสียงเรียบเฉยไม่แสดงถึงความไม่พอใจใด

“ไม่ยักรู้..ว่าเงินฉัน ได้ไปง่ายขนาดนั้น” แววตาของผมปนไปด้วยรอยยิ้มที่พยายามสื่อ  ผมไม่เคยปล่อยเงินกู้ให้ตาสีตาสาไม่รู้หนังสือและไม่เอาเปรียบคนที่เล่นไม่ซื่อกับผมก่อน  แม้แต่กับชนชั้นกลางก็ไม่คิดแตะ  เงินน้อยเหนื่อยง่าย  คนใหญ่คนโตที่กล้าเข้ามาหาคล้ายกับเป็นเส้นสาย  มุมมองภายนอกเหมือนกับมาเพื่อหยิบยืมกลาย ๆ  เราเก็บความลับของคนกู้  ถ้าลูกค้าประวัติดีเราก็ไม่เคยมีปัญหากัน  ดอกเบี้ยผมน่ะถูกยิ่งกว่าบริษัทถูกกฏหมายรายใหญ่บางรายซะอีก  หึ..น่าขำ

“ฟังดูไม่แฟร์เลยนะครับคุณตำรวจ ถ้าคุณคิดจะเปิดผมคนเดียวละก็ ผมจะช่วยทำงานให้ด้วยแล้วกัน ที่คุณมาก็เพราะรู้ไม่ใช่เหรอครับว่าผมรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง” ผมขยิบตาขวายิ้ม ๆ  อีกฝ่ายหน้าถอดสีด้วยเถียงไม่ออก   

“ไฟ” พี่ทัพเรียกสติ 

“ไม่ครับ” ผมตอบปัดทันที  น้ำเสียงที่ทุ้มลงในลำคอที่ใช้กับพี่เขาคนเดียวเป็นการบอกว่าผมไม่สนุกด้วยแล้ว

“คนของพี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามารยาทในการปฏิบัติต่อเจ้าของบ้านน่ะเป็นยังไง”

“ไอ้เต้..อั๊วจะพูดอีกแค่ครั้งเดียวว่าให้ลื้อนั่งลง” พี่ทัพดุทำให้ครั้งนี้ไอ้เต้ยอมนั่งลงโดยง่าย 

“ไปหาคนอื่นสิครับ คนอื่น..ที่มันจนตรอกกว่าผม” ผมเสนอตาลอยมองพี่เขา

“จนตรอกเหมือนหมาที่วิ่งไปทางไหนก็เจอแต่ทางตัน ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด” ผมยิ้ม  มุมปากที่ผลิยิ้มออกทั้งสองข้างให้พี่ทัพมันแทบไม่มีความหมายใด ๆ เลย

“เชิญกลับไปได้แล้วครับ บ้านนี้ไม่ต้อนรับ” คนที่เพิ่งถูกสั่งให้นั่งลงทำท่าฮึดฮัดทันทีที่ได้ยิน 

“ทางเราต้องการความร่วมมือจากคุณจริง ๆ นะครับ” พี่ผาพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“มันไม่ใช่ปัญหาของผมครับ” ผมตอบ  สายตายังคงมองตรงไม่เจาะจงที่ใครเป็นพิเศษ

“หึ พูดหมา ๆ!” ไอ้เต้สบถ

“ช่วยไม่ได้ ก็มึงอ้าปากบ่อยซะขนาดนี้ หมามันจะวิ่งออกมาเข้าปากกูบ้างก็ไม่แปลก” ผมยิ้มตอบ

“มึง!” มันลุกขึ้นอีกครั้ง  ครั้งนี้ผมลุกขึ้นด้วยเช่นกัน  พี่ผาที่รู้แกวทำท่าจะเข้ามาคว้าของสำคัญของผมแต่ไม่ทันให้หยิบได้ถนัด  ไม้เท้าก็ถูกคว้าติดมือขึ้นด้วยความรวดเร็วแทงไปที่คอหอยของเป้าหมายจนอีกฝ่ายชะงัก 

“ไฟ..ใจเย็น” พี่ทัพลุกขึ้นปราม  สันกรามที่กัดขบไว้แน่นพยายามอย่างที่สุดกับการควบคุมอารมณ์นี้  ขณะเดียวกันพายุก็เดินเข้ามาทำลายความเงียบ  การที่มันเจาะจงเดินตรงดิ่งมาหาผมทำให้ทุกคนมองตามมาอย่างสงสัย
 
“เครื่องดักฟังอยู่ใต้โต๊ะ” พายุกระซิบที่ข้างหูก่อนก้าวขาออกห่างไปคืบหนึ่ง  ผมแสยะยิ้มตาวาวมองหน้าไอ้เต้  สายตาอีกฝ่ายกระอักกระอ่วนคล้ายรู้เสียแล้วว่าผมทราบอะไร 

“ไฟ” พี่ทัพพูด

“วันหลัง..บอกคนของพี่ด้วยว่าถ้าไม่อยากตายห่าอยู่ในนี้ก็ช่วยรู้สถานะตัวเองด้วย” ผมพูด  มือออกแรงกระแทกไม้เท้าย้ำแรงก่อนสะบัดออก  ไอ้เต้ถลึงตาด้วยความแค้น  เสียงสะอึกในลำคอ  ตัวเซถอยหลังไปตามแรงที่ถูกกระแทก

“คนแบบนี้เหรอที่พี่ร่วมงานด้วย หึ..สมควรหรอกที่ปิดคดีไม่ได้”

“มึง!” ไอ้เต้สบถพร้อมพุ่งเข้ามาด้วยความโมโหอีกครั้ง  ผมถีบเข้าที่ท้องมันก่อนที่จะบุกเข้ามาหา  ไอ้เต้หงายหลังล้มลงโซฟา  พี่ทัพเข้ามาแทรกกลางห้าม  เสียงชักปืนจากพี่ผาจ่อมาในขณะเดียวกับที่กระบอกปืนของพี่ธานและไอ้เด่นก็จ่ออยู่ที่พี่เขาเช่นกัน

“ฮึ!” ผมหันกลับไปมองพี่ผายิ้ม ๆ  หยุดทุกอย่างก่อนก้มลงหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้ววางลง

“ที่นี่เราอยู่กันแบบไหนรู้ไหมครับ ?” ผมยิ้มถามพี่เขา

“แบบที่..ไม่ว่าจะจนมุมแค่ไหน ก็ไม่เอาปืนจ่อหัวกัน” ผมตอบ  พี่ผาเหลือบตามองพี่ทัพเล็กน้อย

“แล้วคนที่ชักปืนจ่อหัวผมนี่เหรอครับ ที่ผมควรจะร่วมมือด้วย ?” ผมเบิกตาถาม 

“ลูกน้องผมเขาใจร้อนนะ อาธาน..ประวัติไม่เบาว่าไหม ? แต่ก็นะ..ผมน่ะ พร้อมตายอยู่แล้วล่ะครับ คิดว่าพร้อมกว่าคุณเยอะเลย” ผมยิ้มบอกอย่างเหนื่อยหน่ายต่อสถานการณ์เช่นนี้  หย่อนตัวนั่งลงที่เดิม  อะไร ๆ มันเปลี่ยนไปแล้ว  ผมไม่ใช่ลูกชายคนโตที่เคยมีพ่อที่คาดหวังให้ครอบครัวของเราเดินหน้าต่อไปอย่างแต่ก่อน  ทุกอย่างมันเป็นระบบระเบียบของมันอย่างเหมาะควรแล้ว

“เอาสิ..ลูกพี่มึงกำลังจะตาย เป็นมึง..มึงจะทำยังไง” ผมเบิกตาถามเอาความจากไอ้เต้  อีกฝ่ายกัดฟันแน่น
 
“ตายแทนเหรอ ? หึ ๆ ๆ” ผมหัวเราะติดตลก

“ไม่.. ความจริงคือมึงจะปล่อยให้ลูกพี่มึงตาย ก็มันช่วยไม่ได้นี่นะ เสร็จแล้วมึงก็กลับบ้านไปพร้อมกับน้ำตาลูกผู้ชาย โทษตัวเองเป็นปี ๆ แต่กลับมีข้าวตกถึงท้องทุกมื้อ วนไปมาอยู่แบบนี้ แบบว่า..มีชีวิต” ผมเบะปากพูดแกมบ่น

“ไฟ” พี่ทัพปรามอีกครั้ง

“ลองพูดดูสิ ผมจะยอมตายแทนเอง ..พูดดูสิครับ” ผมมองอย่างท้าทาย

“ไอ้ไฟ! มึงใจเย็นก่อนได้ไหมวะ!!” พี่ทัพสบถ  ผมเงียบ หลับตาลงในทันที  ไม่ได้รู้สึกดีเลยที่ต้องทำแบบนี้กับพี่ชายคนสนิท  ความสัมพันธ์ระหว่างเรา พี่ทัพเองก็รู้ดีว่ามันมากกว่าคนรู้จัก  นับถือกันมากกว่าคำว่าพี่ชายของเพื่อนหรือเพื่อนของน้องชาย  ความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ควรกลับมายุ่งเหยิงเพราะอะไรแบบนี้ 

“ผมเย็นเป็นน้ำเลย” ผมลืมตาขึ้น

“เทียบไม่ติดเลยกับที่คนของพี่ทำระยำที่บ้านผม” ผมบอก  ตามองไปที่โต๊ะตรงหน้าพลางยิ้มน้อย ๆ

“แม่งเอ๊ย! ไอ้ผา..วางปืนลง!!” พี่ทัพตะคอกอย่างหมดความอดทน  พี่ผาเหสายตาลงครู่หนึ่งก่อนยอมลดปืนลงก่อน  พี่ทัพถอนหายใจแรง  นั่งลงพร้อมนำมือลูบหน้าตัวเอง  ในห้องเงียบลงสนิท..

“เอาขยะของคุณกลับไปซะ” ผมพูด  คนถูกโยงถึงหน้าถอดสีแต่ยังไม่ยอมขยับตัว
 
“เอาคืนให้เขาไป..” ผมพยักพเยิดหน้าไปที่โต๊ะกลางโซฟาสั่งพายุ  ไอ้เต้นิ่งมอง  โต๊ะสั่งทำที่มีน้ำหนักมากหลายกิโลถูกยกขึ้นตะแคงข้างโดยพายุ  ขยะที่ว่านั่นแปะหราอยู่ที่ใต้โต๊ะอย่างที่พายุบอก

“ไอ้เต้!!!” พี่ทัพขึ้นเสียงตาขวางขึ้นมองหน้าลูกน้องตน

“ขอโทษครับ” เจ้าตัวก้มหน้าสำนึกผิด 

“ถ้าเขายังไม่หยิบกลับไปเองดี ๆ ผมจะสั่งให้คนของผมเอายัดปากเขากลับไปนะครับ เก็บไว้เผื่ออมตอนตาย” ผมหัวเราะ

“ไอ้ไฟ..พอได้แล้ว! ไว้หน้ากูบ้าง” พี่ทัพว่าขมวดคิ้วเป็นปม

“นี่มันบทครับ”

“ที่พวกพี่มาบ้านผม เรากำลังเล่นนอกบทกันอยู่..หรือไม่ใช่ ?” ผมบอก

“คนของพี่ไว้หน้าผมไหม”

“พี่..ไว้หน้าผมรึเปล่า” ผมถามกลับมองตาลึกลงไป  พี่ทัพถอนหายใจเบือนหน้าหนีอีกทาง

“อั๊วขอโทษ”

“ไว้อั๊วจะมาใหม่ ตอนที่ลื้อเย็นกว่านี้” พี่เขาลุกขึ้น

“ผมไม่ทำ” ผมบอกดักไว้ก่อน

“..........” พี่ทัพยืนนิ่งมองต่ำมาที่ผมครู่หนึ่งโดยไม่เอ่ยอะไรอีก  เดินผ่านหลังโซฟาที่ผมนั่งอยู่ไปลูบไหล่พี่ธานก่อนออกจากห้องไป  ไอ้เต้ก้มลงเก็บของ ๆ ตนออกด้วยสีหน้าหงุดหงิดเต็มกลืนกลับออกไป

“ขอโทษด้วย” พี่ผาพูด  ผมเหลือบตาขึ้นมอง

“..ผมก็ด้วย” ผมบอก  อีกฝ่ายผงกหัวน้อย ๆ คล้ายรับคำและเดินออกไปพร้อมกับคนที่เหลือ  ผมนั่งเฉยอยู่อย่างนั้น  ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าทยอยออกไปทีละคน 

“เฮีย..” ไอ้ดินเอ่ยทักเบาลงในทันทีคงเพราะเห็นสิ่งผิดปกติ  ผมยังคงจ้องแก้วน้ำไม่ขยับไปไหน  อีกส่วนหนึ่งรับรู้ว่าไอ้ดินหยุดชะงักอยู่ที่หน้าประตูห้องไม่ยอมก้าวผ่านเข้ามา

“มีอะไร” พายุเอ่ยถามแทน  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นเข้ามายกโต๊ะกลับไปเป็นอย่างเดิม

“เอ่อ..เปล่าฮะ คือ..แค่อยากคุยกับเฮีย เรื่องเบิกเงินค่าแข่ง” ไอ้ดินตอบตะกุกตะกักไม่เต็มเสียง  พายุไม่ตอบคงเพราะรู้ว่าผมได้ยินแล้ว  ผมลุกขึ้นยืน..

“เคลียร์บ้านให้เรียบร้อย” ผมสั่ง  หมายถึงทุกจุด  ทุกคนผงกหัวรับทราบ  ไอ้ดินมองมาตาปริบ

“เอารายละเอียดให้พี่ธาน พี่อยากพักก่อน” ผมบอก  วางมือลงบนหัวไอ้ดินเบา ๆ  เพื่อเป็นการบอกว่าผมไม่ลืมที่จะทักทายการกลับมาถึงบ้าน

“ครับ” อีกฝ่ายขานรับ



...............(ไฟ)..............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2016 19:09:31 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1034
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
+1 ไว้ก่อน เดียวมาอ่าน  :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
อู้วว หายคาใจ สลับกันนี่ละเยี่ยมมาก ในแง่ของ ผช แมน ๆ แมนทั้งแท่งแบบ สมุทร คิคิ

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
ไฟจีบสมุทรได้หวานมากหวานจริงๆ รอวันสมุทรใจอ่อน/ไฟสู้ๆ >\\<

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ pornvrin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
หูยยยยยย เค้าชอบพี่ไฟโหมดนี้อะ มันจี๊ดมากกกกกก

ออฟไลน์ konjingjai

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +226/-4
ต้องตั้งชื่อเรื่องว่ารักในดงปืนแล้วล่ะ 5555

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
ชีวิตไฟดูเครียดมากกกก
ไม่นับตอนหยอดสมุทรนะ 555555
คือแต่ละคนที่เข้ามาหาหรืออยู่รอบตัวนี่ไว้ใจยากมาก
และพร้อมจะนำเรื่องมาให้ด้วย
สมุทรมาช่วยเติมให้ชีวิตไฟมีความสุขกว่านี้หน่อยเร็วววว

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
ตอนหลังๆแอบเครียดกันนิดหน่อย แต่ชอบพี่ไฟตรงที่เด็ดขาดแบบนี้จัง โหดแบบมีมารยาทสุดๆอะ

แล้วก็นะ....พี่ไฟแม่งโคตรรรรกวนตีนเลย กร๊ากกกกกก แต่ก็โคตรรักอะ รักตัวละครตัวนี้จริงๆ นี่ก็แอบสงสารสมุทรนิดๆนะ เล่นอะไรไปคุณไฟก็วกกลับมาเรื่องนั้นได้ทุกที ทำเอาสมุทรไปไม่เป็นหลายรอบเลย รีบใจอ่อนได้แล้วน๊าสมุทร คุณไฟเค้าหงายไพ่จนจะหมดแล้วเนี่ย  :hao7:

ออฟไลน์ NOPKAN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-1
ลุ้นแทบตาย นึกว่าจะนองเลือดซะแล้ว คุณไฟเท่อ่ะ >///<

ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
คุณไฟเสี่ยงตายวันละสิบรอบ
กว่าสมุทรจะใจอ่อน
คงได้ตายก่อน

 :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
พี่ไฟ~~สิ่งที่พี่ทำมันถูกต้องมาตลอดค่ะ
อย่าคิดมาก น้องเป็นห่วงค่ะ

ความซื่อสัตย์มันยังเป็นสิ่งสำคัญเพื่อดำรงตนในความสุจริต เชื่อว่าลูกน้องก็รักพี่ไฟไม่แพ้กัน แม้บางคนเท่านั้นที่อาจจะมีความโลภครอบงำบ้าง
เป็นกำลังใจให้พี่นะ
.........
กับสมุทร เหมือนความพิเศษมีมากขึ้น ดูอบอุ่น เหมือนใส่ใจในความรู้สึกกันและกันมากกว่าเมื่อก่อน น้องอ่านแล้วน้องเขินยังไงก็ไม่รู้ค่ะ มันดีต่อใจมากกกก แม้จะจิกกัดพูดแกล้งโน่นนี่ แต่รอยยิ้มที่ทั้งสองคนมีให้กันมันมีความสุขจริงๆ

ปล1.คุณทัพควรหาลูกน้องที่มีมารยาทกว่านี้การมาขอความช่วยเหลือใครไม่ควรกร่าง แน่มากใช่ป่ะ บังอาจทำให้พี่ไฟอารมณ์เสีย เกลียดจริง!!!

ปล2.ขำน้องดิน ไม่กล้าเดินเข้ามาหาเฮีย นางคงกลัวโดนด่า แค่เฮียเดินเข้าไปลูบหัวแล้วเดินออกไป ทำไมเราน้ำตาซึมนะ มันดีอ่ะ พี่น้องรักกัน

ขอบคุณเบบี้ค่ะ  :กอด1:





ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
ฮือออ นี่ก็รู้สึกมีความสุขเวลาสมุทรด่าอะไร
คงจิตเหมือนพี่ไฟ ถถถถถ
แบบว่าเวลามองตาขวาง กัดฟัน มันโดนจัยยย
แล้วพี่ทัพมีอะไร อยากรู้เลย
แต่คนชื่อเต้นี่ส้นตีนมาก มารยาทขั้นพื้นฐานไม่เคยเรียนเหรอ
ถึงได้แสดงความไร้มารยาทขนาดนี้ออกมา
มาขอความช่วยเหลือควรมาแบบนี้?
เลือกได้ขนาดนั้นเชียวเราะ

ออฟไลน์ นางสาวกานาเลส

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ไฟแลดูเหนื่อยกับชีวิตมากกกก เฮ้อมมมม 55555555555555 เอาสมุทรเปลือยกายมาปลอบใจคุณไฟซักตอนสิคะ

ออฟไลน์ น้ำแข็งใส

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +130/-1
ไฟเป็นคนรักสงบแต่มีเรื่องให้ต้องออกรบตลอดเลย  :mew2:

ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
ชีวิตไว้ใจใครไม่ได้เลยงี้เหรอ แอบสงสารไฟ

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ขุ่นพระ เขาพูดกันไม่กี่คำ แต่ละประโยคต้องตั้งใจอ่านเป็นอย่างมาก  เข้าใจยาก แต่ทำไม? .. อ่านแล้ว ฟินนนน  :ruready

ดูเหมือนคนรอบตัวไฟ จะมีอะไรให้ต้องห่วงไฟมากขึ้นทั้งนั้นเลยเนอะ อย่างน้อย ไฟยังโชคดีที่มีพี่ธาน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด