The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 446094 ครั้ง)

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
เกิดเป็นไฟไม่ง่ายเลยจริงๆ มีความเสี่ยงทุกอย่างแม้แต่เรื่องความรัก 5555

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
สมุทรคงอ่อนใจ ก่อนใจอ่อนกับไฟอ่ะ ไฟมีเรื่องเข้าหาตลอดไม่ต้องเดินไปหาเรื่องเลย :mew5: :mew5:

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ชอบทุกอย่างที่เป็นไฟ ความเด็ดขาด ชัดเจน และกวนตีน 5555 ขอบคุณคุณเบบี้ค้าบบ

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
อ่านแล้วหน่วง :mew5:

ออฟไลน์ namaquaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
คุณไฟทำเราหลงรักอีกแล้วววว ชอบ
 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
เหนื่อยแทนไฟ 
เกิดเป็นคุณไฟชีวิตไม่ง่ายเลย 
รอบตัวมีแต่คมหอกและดาบ
อยู่วงการนี้มันไม่ง่ายเลยเนอะ 
เหมือนขี่หลังเสือจะลงก็ไม่ได้
จะอยู่เฉยๆเป็นเสือซ่อนเล็บ หมาก็ชอบมากระตุกหนวดแหย่ให้ต้องออกโรงอยู่เรื่อย   
 
ถึงโลกของคุณไฟจะสีเทา 
อย่างน้อยตอนนี้ก็มีสมุทรมาเป็นจุดสีชมพูเล็กๆให้พอได้ชื่นใจ แอร๋มม 5555


ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
เครียดตอนกลับมาบ้านเนี่ยแหละ น่าจะอยู่เที่ยวสักเดือนค่อยกลับมา  :กอด1:



รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:

ออฟไลน์ Sadistic_seme

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ไฟจีบสมุทรได้กะล่อนมากแต่บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ หุหุ ถ้าเราเป็นสมุทรนี่มีหวั่นไหวอ่ะ :o8: :-[
พวกตำหนวดนี่มันจริงๆเล้ยย มาเหยียบถึงบ้านเขาก็ช่างกล้าติดเครื่องดักฟังนะ :m16:


ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
คุณไฟทำเราหลงรักอีกแล้วววว ชอบ
 :กอด1: :กอด1:

เหมือนกันเลยค่ะ ตกหลุมรักคุณไฟซ้ำแล้วซ้ำเล่า :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
เมื่อไรจะฟีทเจอริ่งกันสักทีน้อออออออ พี่ไฟรอจนจะมอดแล้วข่ะ

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 951
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
ไฟขยันกวนสมุทรได้ทุกวัน5555

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
รักคุณไฟจังเลย โคตรเท่ นิ่งมากๆ ชอบคนที่คิดวิเคราะห์แยกแยะเป็น :katai4:
รอตอนต่อไปค่า สนุกสุดๆ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
หู้วววววว!!! สมควร!! มาขอร้องแกมข่มขู่ไม่พอ พูดแล้วยังทำแบบนั้นอีก มันใช่ไหม เล่นกับใคร หึ!! //มุมมองในด้านธุรกิจ+สังคมสิ่งแวดล้อมที่ไฟเป็นอยู่นี้ หาข้อแย้งไม่เห็นด้วยไม่ได้เลย ไฟพูดมาคือมันใช่ อำนาจเงินชื่อเสียงมันเกิดขึ้นจริง //ไม่ว่าเรื่องอะไรชั่วโมงบินของไฟกับสมุทรมันต่างกันจริง ตอนนี้เห็นชัดเลย อืมมมันก็นะ สมุทรต้องเรียนรู้อีกเยอะ //ไฟก็ชัดเจนความรู้สึกแบบหมดเปลือกเลย 5555 บอกออกไปให้เคลียร์ เหย้าแหย่นิดหน่อยพอให้กระชุ่มกระชวยหัวจายยยยยยย สมุทรโดนไปซะหลายดอก ก็คนมันหน้าไม่อายอ่ะ ขึ้นๆว้อยยย 55555 ยิ่งทำให้มีน้ำโห ฮึดฮัดๆแบบนั้น ไม่รู้รึไงไฟมันยิ่งช้อบชอบบบ  555555 //ยิ่งได้รู้จักไฟ มันเก่งมากจริงๆ หน้าที่ความรับผิดชอบงาน+ด้านความเป็นอยู่  คลุกคลีด้านมืดด้วยแบบนี้ แต่ยังคงรักษาความเป็นตัวเองความเป็นคนไว้ได้ ปรบมืออออ! 5555 ไฟตรู~~ มันดูเก่ง ความคิด(ชั่ว)ดี ความคิดได้ ความหื่น ความกะล่อน ความโหด ความจริงจัง ความทันเล่ห์เหลี่ยม ความหน้าด้าน #ไฟคนจริง //แล้วก็นะสมุทร ที่บอกว่า ⏩ “ครับ..งั้นก็ขอให้สำเร็จนะครับ” จ๊ะ สมพรปากนะ 5555555555 ไฟมันก็คงวอแววันละนิดจิตแจ่มใส ค่อยๆตอดเล็ดตอดน้อยไป ไม่นานหร๊อกกก สำเร็จตามที่อวยพร 555555555 #ไฟสมุทร ชอบบบบบ มันส์ดีจริงๆ

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
กระชากอารมณ์กันตันหลอดดดด~ :katai1:

ออฟไลน์ Maree

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เฮียไฟมาแล้วววววววว
ลุ้นจริงๆ ว่าเมื่อไหร่เฮียไฟจะจีบสมุทรติด *ถือป้ายไฟเชียร์เฮีย

รอตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
คุณไฟ...ในโหมดดาร์ก....!!!!

รอตอนหน้าค่ะ....

รอร่วมให้กำลังใจหยอดสมุทรต่อ!!!!

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ aehJTS

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-8
อย่างกับไปดินเนอร์กันแนะ  :-[
ทำไมเรามองว่าไฟเป็นคนใจเย็น
เพราะถ้าใครเจอคนแบบไอ้เตคงได้เห็นเลือด

 :pig4: ค่ะ

ออฟไลน์ karashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
    • นิยาย นิยายแจ่มใส นิยายมือสอง
เป็นไฟนี่ก็ไม่ง่ายเลยอ่ะ เจอแต่เรื่องเครียดๆ  แต่สมุทรคงจะเครียดกว่าเพราะเจอไฟจีบ  :m20: ชอบตอนไฟคุยกับคุณหมอ แบหมอเจ๋งอ่ะ  พี่ธานนี่เป็นพี่ใหญ่จริงๆด้วย เก้านิ้วแหนะเขินจัง   :haun4:  :-[  รอตอนต่อไปค่ะ สนุกมาก โดยเฉพาะตอนไฟมีงานเข้าทุกตอนตื่นเต้นสุดๆ  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

[ อังคารที่ 22 พ.ย 59 ] ตอนที่ 32 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1170


_ _ _ _ _ _ _ _ _ _

ตอนที่ 33
..ไฟ..




“ลุง! แข็งใจไว้ พี่ทัพกำลังมาแล้วนะ เราจะออกไปด้วยกัน”
“รีบ..อะ เอาคุณไฟ หนีไปเดี๋ยวนี้”
“ลุง..”
“ไม่!! พี่ธาน..ปล่อย! ระยำเอ๊ย! ปล่อยกู!!”
“กูจะฆ่ามัน!! ไอ้สัตว์! กูจะฆ่ามัน!!!!”



“ขออนุญาตครับ” ผมผงะหลุดออกจากภวังค์

“กินอะไรหน่อยนะครับ” พี่ธานพูด 

“ผมไม่หิว” สายตาผมยังคงจับจ้องอยู่ที่สวนริมสระว่ายน้ำตรงหน้า  รู้เพียงว่าอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้แล้ว
 
“.........” พี่เขาเลือกที่จะไม่พูดใด ๆ แต่ดื้อดึงวางเครื่องดื่มเสิร์ฟลงบนโต๊ะ  สมุทรตามหลังมาติด ๆ พร้อมกับถาดอาหาร  เขาจัดแจงนำมาจัดโต๊ะโดยที่พี่ธานยังคงยืนเงียบมองคล้ายรอตรวจดูความเรียบร้อยให้พอใจ  ผ่านมาสองวันแล้วที่พี่ทัพกลับไป  พี่เขาไม่ได้ติดต่อมาหาผมอีกแต่ฉลาดเลือกที่จะติดต่อผ่านพี่ธานแทน  บอกปัดไม่ได้ว่าการมาของพี่ทัพทำให้อยู่ ๆ ความหดหู่ใจที่ได้ฝังลึกไว้ชวนกลับมาให้นึกถึง  โชคดีหน่อยที่ช่วงนี้ไม่มีงานเร่งและส่วนตัวผมไม่คิดวางแผนที่จะทำอะไรสำคัญเป็นพิเศษ
 
“ตั้งแต่เช้าคุณกินแค่น้ำข้าวโพดเอง กินหน่อยเถอะครับ เลยเที่ยงมามากแล้ว” พี่ธานบอก  ผมไม่ตอบ  เถียงสู้ไปยังไงอาหารก็จัดเตรียมไว้ให้เสร็จแล้วอยู่ดี  สมุทรกลับเข้าบ้านไปอีกครั้ง 

“เดี๋ยวผมจะเข้าไปดูที่ตลาดนะครับ อยู่นี่ก็เรียกใช้สมุทรได้ วันนี้..ไหน ๆ คุณก็หยุดพักแล้ว ผมอยากให้เลิกคิดอะไรด้วย ผมหมายถึงทุก ๆ เรื่องน่ะครับ คุณเองก็ยังไม่หายดี การเลิกคิดคือการพักที่ดีที่สุดของร่างกายนะครับ” พี่ธานยิ้มบอก  เมื่อรุ่งเช้าพี่ธานบอกกับผมว่า  พี่ทัพพูดเป็นนัยยะว่ามีการลักลอบส่งยาเสพติดผ่านที่ตลาดของผม  ตัวพี่ทัพเองยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดแต่เป็นการได้รับข่าวมาอีกทีหนึ่ง  ผมคิดว่าเมื่อวานก่อนที่พี่ทัพมาก็คงมาเพราะจะสืบเรื่องนี้ด้วย

“ครับ” ผมตอบ

“ขอตัวนะครับ” พี่ธานก้มหัวลง  ผมพยักหน้าอนุญาต  ยังคงมองอาหารตรงหน้าและนิ่งเฉย  โทรศัพท์ไม่ได้ถูกเปิดมาตั้งแต่เมื่อคืน  เห็นว่าวันนี้พายุออกไปเรียน  ส่วนไอ้ดินออกไปข้างนอกกับไอ้หิน  เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีเห็นจะได้  อาหารคงเริ่มเย็นชืด  เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ทางด้านหลังแต่แล้วเสียงก็เงียบ  เป็นอยู่อย่างนี้อยู่สองครั้งจนสมุทรปรากฏตัวตรงหน้าผมพร้อมกับจานผลไม้ 

“ทำไมไม่กินละครับ”

“ไม่หิว” ผมถอนหายใจ  บนจานผลไม้มีแอปเปิล สับปะรดและฝรั่งที่มากกว่าส่วนอื่นหน่อย

“อยากได้อะไรเพิ่มไหมครับ” สมุทรถาม

“นายมั้ง..?” ผมเท้าแขนมองเป็นการตอบส่ง ๆ ไปที  แต่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอ่อน ๆ ของเขาทำให้ผมชะงัก  สมุทรเลื่อนเก้าอี้ตรงข้ามนั่งลง

“แปลกแฮะ” ผมทัก 

แปลกตาที่อีกฝ่ายยอมนั่งลงง่าย ๆ โดยที่ไม่ต้องออกปากขอหรือยื้อให้ทำ  สมุทรเงียบมองเหมือนรอดูว่าผมจะกินอาหารตรงหน้าเมื่อไหร่  แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้น  สระว่ายน้ำด้านหน้าถูกแดดสะท้อนจนรู้สึกแสบตา  ความเงียบสงบที่ควรสบายใจกลับไม่ได้ช่วยให้รู้สึกอยากทำอะไรขึ้นมาจริง ๆ
 
“กินหน่อยเถอะครับ” อีกฝ่ายพูดขึ้นหลังจากที่เราเงียบมาร่วมห้านาที

“ยังไม่หิวน่ะ” ผมตัดบทพร้อมลุกขึ้นเดินกลับเข้าบ้านมา  เสียงเรียกชื่อตามหลังครั้งหนึ่งแต่แล้วก็เงียบไป  ผมตรงขึ้นห้องทำงาน  บนโต๊ะทำงานมีเอกสารที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อยกองอยู่ทางซ้ายมือพร้อมกับกระดาษและโน้ตย่อจากพี่ธานว่า “ของคุณดินครับ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”

เก้าอี้ทำงานถูกหมุนได้องศาก่อนหย่อนตัวนั่งลง  หยิบเอกสารของไอ้ดินขึ้นอ่านอย่างคร่าว ๆ เพราะอย่างไรมันก็คงผ่านตาพี่ธานมาก่อนหน้าแล้ว  ตัวเลขงวดแรกสองหมื่นบาทถ้วน  ผมจึงหยิบเงินสดออกจากเซฟเตรียมพร้อมไว้จะได้ไม่ลืม 


หลังเอนพิงพนักเก้าอี้  ขาพาดไปที่ที่พักเท้าใต้โต๊ะ  ลมที่ถูกถอนออกทางปากครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่ทราบสาเหตุ  พยายามมาโดยตลอดที่จะเลิกคิดเรื่องในอดีต  มีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน  แต่มนุษย์ธรรมดาก็คือมนุษย์ธรรมดา  สุดท้ายพอมีเหตุการณ์มาสะกิดเพียงนิดเดียวอดีตก็ย้อนกลับมาแบบเดิมซ้ำ ๆ อย่างกับการฉายภาพซ้ำของฟิล์มที่ไม่มีวันสึกหรอ  ผมถอนหายใจซ้ำอีกครั้งหนึ่ง  หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นเพื่อเปิดเครื่อง  เมื่อหน้าจอสว่างข้อความต่าง ๆ ก็เตือนให้ทราบทันใด  ผมเลือกที่จะคว่ำหน้าจอไว้บนโต๊ะ  หยิบเอกสารเล่มบนสุดกางออกพร้อม ๆ กับเปิดเพลงที่สบายหูที่สุดคลอไปพลาง  สายตาที่มองตัวเลขบนสมุดบัญชียิ่งทำให้ตาพร่าเบลอด้วยเพราะสมองไม่ได้ทำงานขนานไปกับมันด้วย  พอเห็นท่าไม่ดีกลัวว่างานจะผิดพลาดจึงเลือกที่จะปิดสมุดลง  เดินตรงไปที่โซฟาตัวยาวในห้องทำงานก่อนเทตัวนอนลงอย่างกับคนเพิ่งเหนื่อยจากการไปออกรบมาอย่างนั้น



ก๊อก  ๆ ๆ

“คุณไฟครับ” สมุทรเรียกจากด้านนอก  คาดคะเนว่าน่าจะชั่วโมงหนึ่งได้แล้วที่นอนแอ้งแม้งอยู่อย่างนี้  ผมนอนฟังเฉยไม่คิดขานตอบจนคนข้างนอกเงียบไป  สักพักหนึ่งฝั่งนั้นก็เคาะประตูขึ้นอีกครั้ง

“เฮีย.. ยุเองนะ” พายุพูดคล้ายบอกให้ทราบก่อนเปิดประตูเข้ามาทันทีอย่างไม่รอคำอนุญาต

“ยุซื้อไอติมมาให้ล่ะ รสวานิลลา..มีทุกยี่ห้อเลย” พายุบอกเสียงใส

“หึ” ผมหลุดหัวเราะ  ตอนแรกนึกว่ามันจะเอาอาหารมายัดเยียดให้กินอย่างคนอื่นซะอีก  แต่การบอกเฉย ๆ ก็เหมือนยัดเยียดละนะเพราะสมุทรที่ตามหลังพายุเข้ามาด้วย  มาพร้อมกับถาดเสิร์ฟไอศกรีมไว้ให้พร้อม  ผมยังคงนอนเฉยไม่คิดขยับ  พายุหยุดยืนข้าง ๆ จ้องมองมาด้วยสีหน้าเหมือนสำรวจมากกว่าอยากจะพูดอะไร

“เฝ้าให้กินให้หมดด้วยนะครับ” พายุหันไปสั่งเสียสมุทรก่อนออกจากห้องไปหน้าตาเฉย  สมุทรยืนชะงักอยู่ที่เดิมคล้ายงงงวย  เจ้าตัวมองถ้วยไอศกรีมอยู่ครู่หนึ่งก่อนช้อนตามองมา  ผมนอนเฉยมองเขากลับเช่นกัน  อีกฝ่ายยืนค้ำหัวอยู่อย่างนั้นไม่พูดไม่จา
   
“ถ้าป้อนละก็นะ..” ผมส่งสารบอกลอย ๆ เพื่อให้เขาพิจารณาเอาเอง


- You know that you can treat my heart. So, let’s do something more. -

“.........” ผมกางแขนออกขึ้นนำเทินไว้บนหัว  ความหมายของเพลงที่คลออยู่นั้นคงทำให้ใบหน้าของผมในตอนนี้มันเปื้อนยิ้มนิด ๆ อยู่เหมือนกันละมัง  ตามจริงแล้วก็ไม่ได้มีอารมณ์อยากจะยิ้มสักเท่าไหร่  แต่เนื้อหาของเพลงมันเข้ามาสะกิดต่อมพอดี

“ไม่สมเป็นคุณเลยนะครับ” สมุทรพูดเสียงนุ่ม  คำพูดคล้ายต่อว่าแต่น้ำเสียงกลับฟังดูอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง

“ไม่สมเป็นนายเหมือนกัน” ผมย้อนตอบ  อีกฝ่ายยังคงนิ่งเพื่อสยบทุกอย่าง

“ฉันบอกว่า.. ถ้าป้อนละก็นะ” ผมพูดซ้ำย้ำจุดยืนเดิม  คนตรงหน้ายังคงนิ่งเฉย  ผมว่าเขากำลังชั่งใจคิดอยู่มากกว่า  ไอศกรีมคงทยอยละลายลงทีละนิดแล้ว  สมุทรถอนหายใจทิ้งเล็กน้อยพร้อมก้มตัววางถาดลงบนโต๊ะก่อนหยิบถ้วยไอศกรีมขึ้นไปถือไว้ในมือ  เราจ้องมองกันเขม็ง  รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของผมเกิดขึ้นเพราะความพอใจ  ขาข้างซ้ายขยับตั้งชันขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณบอกกับเขาว่า  ผมอนุญาตให้เขานั่งลงที่ตรงนี้ “เท่านั้น”


.. โซฟายาวที่ผมนอนอยู่มีพื้นที่ว่างเพิ่มขึ้น  สมุทรหย่อนก้นนั่งลงจริง ๆ  ทันทีนั้นผมจึงนำขาซ้ายพาดวางลงไปบนตักของคนตรงหน้าในทันที  อีกฝ่ายชะงักตาโต  เมื่อเขาได้สติ สายตาก็เหลือบขวางมาคล้ายกับไม่พอใจในการกระทำของผม  ผมยิ้มกว้างส่งกลับไปให้  ขาซ้ายกับขาขวาขยับเข้าแนบเอวของสมุทรมากกว่าเดิมอย่างไม่สนใจ  อีกฝ่ายจงใจถอนหายใจเสียแรง  สายตาที่เปลี่ยนจุดหมายมองไปที่โต๊ะตรงหน้าเป็นสายตาที่ข่มอารมณ์เย็นชาของตนไว้พอควร  มันว่างเปล่าจนจับความรู้สึกได้ชัดเจนสำหรับผม  แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังหัวเราะออกมาได้อยู่ดี 

“จะกินรึยังครับ” สมุทรถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำกว่าก่อนหน้า  ผมออกแรงขาโดยเกี่ยวตัวของสมุทรเพื่อยึดไว้เป็นหลักพร้อมยันตัวลุกขึ้นนั่ง   


จุ๊บ ~   .. ริมฝีปากประทับหอมลงที่หัวไหล่อีกฝ่ายจนเกิดเสียง  ใบหน้าสมุทรหันขวับมาทันควัน  มากไปกว่านั้นคือสายตาที่จ้องขวางมาที่ผม  ผมมองตอบอย่างไม่ไยดีว่าเขาจะไม่พอใจแค่ไหน  ความในใจผมได้พูดออกไปแล้ว  ดังนั้นในบางเรื่องผมขอไม่แคร์ว่าเขาจะคิดห้ามการกระทำไหนของผมหรือไม่  สงครามประสาททางสายตาจบลงเมื่อสมุทรมุ่งมองไปทางอื่นก่อนเหมือนเป็นฝ่ายยอมตัดปัญหา  เราต่างหุบปากสนิท  ปลายคางของผมขยับเทินไปบนไหล่ของสมุทรอย่างเชื่องช้า คล้ายหมดแรง  เพลงเมื่อครู่เล่นไปจนจบเพลงแล้ว  Intro เพลงใหม่ก็เริ่มต่อขึ้น
   
“จะกินรึยังครับ”

“..ยังไม่หิว” ผมตอบเสียงเนือย  ขยับใบหน้าจนแก้มซ้ายแนบลงบนไหล่ของสมุทร  ระดับสายตามองเห็นตุ๊กตาตั้งโชว์ที่อยู่ติดผนังห้องทางด้านหลังโซฟา  ตัวมันมักจะขยับน้อย ๆ เมื่อถูกลมกระทบ  จำได้ว่าน่าจะเป็นของที่ไอ้ดินซื้อมาจากที่ไหนสักที่ตอนมันไปเที่ยวไต้หวันกับป๋าจง

“คุณไฟ..” สมุทรเรียก  น้ำเสียงของเขาเหมือนกำลังจะหมดความอดทนแล้ว  ผมไม่ขานรับ  พออีกฝ่ายขยับตัวทำท่าจะยัดเยียดให้ผมกินไอศกรีมมันก็เหมือนมีอะไรมาเคาะเข้าที่จุดดำ ๆ ในตัวซ้ำ ๆ

“กูบอกว่ายังไม่หิวไงเล่า!” ผมตวาดอย่างรำคาญ  มองหน้าอีกฝ่ายที่การกระทำของเขามันไม่สบอารมณ์ผมสักนิด  สมุทรมองมาด้วยสายตาแปลกใจทำให้ผมหลบตาลง  ลมหายใจพ่นออกเรียกสติครั้งหนึ่ง  เขาเองก็ทำเช่นกัน  เจ้าตัววางถ้วนไอศกรีมกลับลงบนโต๊ะด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก

“ออกไปซะ” ผมพูด 

“.........” สมุทรนั่งเฉย  สันกรามของเขาปูดขึ้นเล็กน้อยเป็นนัยยะบอกว่าอีกฝ่ายกำลังขบฟันไว้แน่น  สายตาและใบหน้าตั้งตรงมุ่งมองไปแค่ด้านหน้าเท่านั้น  พอเขาทำท่าจะลุกขึ้นขาผมกลับรัดตัวอีกฝ่ายไปโดยอัตโนมัติ  มือจับเข้าที่ต้นแขนห้ามปรามเพื่อเป็นการบอกว่า “ผมเปลี่ยนใจแล้ว”  สมุทรหันกลับมา  ดวงตาของเราทั้งคู่คงสื่อความหมายไม่ต่างกัน  ต่างฝ่ายต่างข่มอารมณ์แปลก ๆ ที่ซ่อนลึกไว้ใต้ตม  เขาสะบัดแขนออกอย่างแรงประท้วงการกระทำของผม  ลำแขนที่ถูกเกร็งทำให้เห็นเส้นเลือดเด่นชัด  ผมคว้ามือตะบบเข้าไปจับไว้ที่เดิมอีกครั้งด้วยน้ำหนักที่แรงกว่าเก่า  สายตาที่ต่อสู้กันแทบไม่กะพริบนี้มีเพียงแรงของร่างกายที่ยื้อกันไว้เท่านั้น  เมื่อดูท่าว่าคนตรงหน้าจะสู้ไม่เลิก  ด้วยความหงุดหงิดใจ  มือข้างซ้ายที่พยายามจับแขนอีกฝ่ายจึงขยับขึ้นสูงเปลี่ยนตำแหน่ง  เสียงหลังมือตีกระทบเข้าที่แก้มสมุทรเสียงดัง “แปะ!”  เจ้าของร่างกายชะงัก  ผมขบกรามไว้แน่นเพ่งมอง  เราต่างหยุดยื้อแล้ว  ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยพอใจมากกว่าเดิมจึงเลือกหันหน้าหนีไปอีกทาง


.. ผมเอื้อมมือบีบหน้าเจ้าตัวเพื่อให้เขาหันกลับมามองทางนี้  สมุทรขืนแรงไว้ไม่ยอม  เมื่อผมออกแรงบีบหนักมากขึ้น ใบหน้าที่อยากมองถึงได้ยอมหันกลับมา  ผมชะงัก  ดวงตาคู่ตรงหน้ามองมาคล้ายลังเลในตัวผม  มือคลายแรงลงเรื่อย ๆ  การกระทำของเราทั้งคู่จึงชะลอ ..และเริ่มสงบลง

“โทษที” ผมบอก  มือถูกปล่อยทิ้งไปตามแรงโน้มถ่วง  หน้าผากซบลงที่ไหล่ของสมุทรอย่างเดิมอีกครั้ง  ความว่างเปล่าในใจไม่รู้มาจากที่ใด  เมื่อร่างกายไร้การขยับในห้องจึงแทบไม่ได้ยินเสียงใด ๆ เลยนอกจากเสียงเพลง  ครู่หนึ่ง รับรู้ได้ถึงนิ้วมือที่แตะลงมาที่ต้นคอของผมอย่างแผ่วเบา  ผมหลับตาลง  ความอุ่นจากฝ่ามือที่กดทับลงมานั้นคล้ายกับพยายามบอกผมกลาย ๆ ว่า “ไม่เป็นไร”   

.. ไม่รู้กี่เพลงต่อกี่เพลงที่หมุนไป  เราสองคนยังคงอยู่ในท่านี้  สมุทรไม่แม้แต่จะขยับตัว  มือของเขาก็ยังลูบอยู่ที่เดิมจนอารมณ์ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ  ผมจึงขยับใบหน้าพลิกกลับมาอีกด้านเพื่อจ้องมองเขา  สมุทรคงรู้ตัวแล้วจึงเหลือบตามองมาเช่นกัน 

“เดี๋ยวผมไปเอามาให้ใหม่นะครับ”   

“ไม่ต้อง” ผมบอก 

“มันละลายหมดแล้วครับ” สมุทรบอก  ผมจึงมองไปที่ถ้วยไอศกรีมซึ่งมันละลายเป็นน้ำแล้วจริง ๆ  สมุทรยกถ้วยไอศกรีมขึ้น  ผมยอมปล่อยขาออก  อีกฝ่ายออกจากห้องไปพร้อมกับถ้วยไอศกรีมนั้น 

ผมถอนหายใจแรง  เสยผมขึ้นกุมหัวไว้ทั้งสองมือพร้อมสูดหายใจเข้าลึกยาว  ไม่นานนักสมุทรก็กลับมาพร้อมกับไอศกรีมถ้วยใหม่  ดูเหมือนว่ามันจะลูกใหญ่กว่าเดิมด้วยซ้ำ  ผมมองดูและไม่เอ่ยปากพูดอีก  ต้องการจะดูว่าเขาจะเลือกนั่งที่เดิมหรือที่ตรงไหนด้วยตัวของเขาเอง

“ถ้วยเล็กนิดเดียวเองนะครับ ตั้งสี่ห้าร้อย” สมุทรพูดคล้ายบ่น
 
“หึ..” ผมหลุดยิ้ม  เขานั่งลงที่เดิมตรงหน้า  เมื่อเป็นดังนั้นผมจึงเกี่ยวขาไปบนตัวเขาด้วยท่าเดิมอย่างก่อนหน้าเช่นกัน  อีกฝ่ายมองมาแต่สีหน้าผ่อนคลายกว่าครั้งก่อน

“ก็บอกแล้วไงว่าไอติมกะทิสมัยนี้มันไม่มีรสถูกปากน่ะ” ผมบ่น

“ดีขึ้นแล้วล่ะ” ผมอมยิ้ม 

“งั้นก็กินเองได้แล้วสินะครับ” สมุทรยื่นถ้วยมากึ่งบังคับ

“ไม่ถนัด แขนขวามันอยู่ด้านหลัง ฉัน..ถนัดขวา” ผมตีหน้าตาย  ตามจริงแล้วผมถนัดทั้งซ้ายและขวา  สามารถเขียนหนังสือได้ถนัดทั้งสองมือมาตั้งแต่เด็กแล้ว
 
“งั้นก็นั่งดี ๆ สิครับ” สมุทรว่า  ผมตัดใจ  หยิบถ้วยออกจากมือของเขาพร้อมนั่งดี ๆ เป็นผู้เป็นคน  การตักไอศกรีมกินเป็นไปอย่างเงียบเชียบโดยมีคนข้าง ๆ นั่งมองผลงาน

“ไปเดทกันเถอะ” ผมพูดขึ้นโต้ง ๆ  ตักไอศกรีมเข้าปากไปอีกคำ   

“พี่ธานกับคุณพายุอยากให้คุณอยู่พักผ่อนมากกว่านะครับ” คำพูดฟังดูปฏิเสธ  ผมหันหน้าไปมองพร้อมจ้องด้วยความหมายว่า “กู อยาก ออกไป ข้างนอก!”

“.........” สมุทรเงียบลงและเบือนหน้าหนี  ผมจึงหันกลับมามองถ้วยไอศกรีมและกินต่อ

“มีเซ็กส์กันไหม ?” ผมชวนไปกินไป

“ตั้งแต่เช้าคุณยังไม่ได้ทำแผลเลย พี่ธานสั่งผมไว้ด้วยน่ะครับ” เขาตั้งใจเมินทำเป็นไม่ได้ยิน

“งั้นต้องไปเดท..” ผมย้ำคำเดิม 

“คุณไม่ยอมทำตามที่พี่ธานสั่งงานผมไว้เลยสักอย่าง ผมเพิ่งเคยรู้สึกว่าตัวเองทำงานไม่ตรงไปตามเป้าหมายก็ตอนที่ทำงานกับคุณนี่ล่ะ” สมุทรย้อนกลับเสียงเข้ม

“.........” ผมแสยะปากเล็กน้อยแต่ไม่ตอบรับใด ๆ  จะว่าพอใจก็พอใจละมัง  มือตะแคงถ้วยไอศกรีมเพื่อให้ตักกินได้ง่ายมากขึ้น  การไม่โต้ตอบต่อเป็นการทิ้งช่วงเพื่อบอกอีกฝ่ายว่า “ถ้าเขาไม่ทำ ผมก็ไม่!” ถ้าเขายั่วอารมณ์มา  ผมจะยิ่งกวนตีนกลับ

“คุณไฟครับ” สมุทรเรียกอีกครั้งคล้ายรอฟังคำตอบรับ

“อะไร ?” ผมถามเสียงห้วนหันหน้าไปมอง  เลิกตาเบิกกว้างจงใจกวน  อีกฝ่ายขยับปากเล็กน้อย  ท่าทางเหมือนมีเรื่องจะพูดสักอย่าง  ผมยังตีหน้าเฉยเพราะอยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะจัดการยังไงต่อ  สมุทรถอนหายใจแรง

“เปลี่ยนเป็นวันอาทิตย์แทนได้ไหมครับ” เขาเสนอ  หน้าเครียดเชียว

“นานไปเปล่า เดทกันนี่ต้องมีฤกษ์ด้วยรึไง” ผมบ่นด้วยน้ำเสียงรับไม่ได้

“ผมจะไปให้ครับ ถ้านอกเวลางาน” สมุทรขยายความด้วยทีท่าหนักแน่น 

“..ก็ได้!” ผมกระแทกเสียงยอมรับในเหตุผล   

“นายพูดแล้วนะ”

“แต่ที่จริง ถ้านายพูดว่า ‘ผมก็ชอบคุณเหมือนกันครับ’ ตอนนี้เลย เราไม่ต้องไปเดทให้เสียเวลาก็ได้นะ” ผมบ่นงึมงำ  ยื่นถ้วยไอศกรีมไปให้

“อิ่มแล้ว”


- - - - - - - - - - - - - - -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2016 17:54:44 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

วันอังคาร : เขตตลาดชโนทัย

“มีอะไรเคลื่อนไหวไหม” ผมถาม  ไอ้เข้มถูกผมสั่งให้มาเฝ้าดูลาดเลาที่บริเวณตลาดตั้งแต่เช้ามืดแล้ว  เมื่อวานที่พี่ธานเข้ามาสืบก็ไม่พบอะไรเช่นกัน   

“ยังไม่พบอะไรเลยครับ” ไอ้เข้มตอบ  ผมล้วงมือเข้ากระเป๋าแจ็คเก็ตพลางมองไปรอบ ๆ 

“ไปพักเถอะ” ผมอนุญาต  ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงเต็มแก่แล้ว  ไอ้เข้มผงกหัวรับทราบ  เสียงเครื่องยนต์รถมอเตอร์ไซค์คันโปรดของมันกระหึ่มขึ้นจนชาวบ้านแถวนี้หันมองมา  เมื่อพวกเขาพบว่าผมยืนอยู่ด้วยทุกคนจึงหันหน้ากลับไป   

“เฮ้อ เพิ่มงานให้กูทำจริง ๆ” ผมบ่นเสียงเนือยจ้ำเท้าเดินต่อเข้าไปใกล้ในบริเวณตลาดสด  สมุทรและไอ้เด่นขนาบข้างตามหลัง  พ่อค้าแม่ขายที่เห็นต่างยกมือไหว้ทักทาย 

“ขายดีไหมครับ” ผมหยุดยืนหน้าร้านขายถั่วต้มซึ่งเป็นร้านของยายแมวที่ขายอยู่กับตลาดเรามานานหลายปีแล้ว  แกมักขายถั่วต้มเป็นหลัก  บางวันจะมีเผือกเผาและข้าวโพดต้มมาแจมบ้าง 

“ก็เรื่อย ๆ จ้ะ” ยายตอบ  ขณะเดียวกันมือของเธอก็หยิบถุงพลาสติกถุงเล็กกรอกถั่วต้มใส่ถุงยื่นมาคล้ายบอกให้ฟรี  ผมเหลือบมองราคาบนป้ายกระดาษที่เขียนขึ้นอย่างลวก ๆ  รับถุงมาพร้อมยื่นแบงก์ยี่สิบไปให้

“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ยายให้”

“เอาไปเถอะครับ ของซื้อของขาย” ผมปฏิเสธ  ถึงผมรับของเธอมาฟรีผมก็ลดค่าเช่าแผงให้เธอไม่ได้อยู่ดี  ไอ้เด่นรีบเข้ามารับถั่วต้มจากมือผม  ผมเลยสะกิดให้มันเปิดถุงออกมันก็ทำตาม  มือหยิบถั่วต้มขึ้นมาแกะกินต่อหน้าคนขาย  ยายมองกะหลับกะเหลือกเหมือนรออะไรสักอย่าง 

“ข้าวโพดต้มด้วยครับ ถุงนึง” ผมชี้นิ้วไปกินไป  กลิ่นมันหอมดี  ยายยิ้มกว้างรีบนำข้าวโพดต้มที่ใส่ถุงมัดเตรียมขายไว้อยู่แล้วใส่ถุงหิ้วอีกชั้นหนึ่ง  ไอ้เด่นรับเงินจากผมและไปรับถุงข้าวโพดต้มมาแทน   

“ตลาดเรียบร้อยดีไหมครับ มีอะไรอยากให้ปรับปรุงไหม” ผมถาม  ที่จงใจถามยายแกเพราะปกติแล้วดูเธอเป็นคนไม่ค่อยพูดนัก  คำพูดไหนจะหลุดออกมาจากปากเธอทีก็จัดว่ายาก  เรียกว่าเป็นคุณยายที่ค้าขายอย่างไม่ปากมาก  ไม่เคยมีปัญหา  ซึ่งผมสังเกตอยู่หลายครั้งว่านี่คงเป็นนิสัยโดยปกติของเธอ

“ก็ดีนี่จ๊ะ” แกตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้

“ถ้ามีอะไรให้บอกผมนะครับ” ผมพูดเชิงสั่ง

“ได้จ้ะ” ยายรับคำ  ผมหันข้างให้กับตัวร้าน  จกมือเข้าไปในถุงถั่วต้มนำมาแกะกินอย่างหยุดไม่ได้

“ทำไมกูต้องเชื่อลูกน้องพี่ทัพด้วยวะ” ผมขมวดคิ้วบ่นตาลอยมองไปที่แผงอื่น ๆ  เริ่มสองจิตสองใจอะไรพิกล  แดดที่สว่างจ้าแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ต้องหยิบแว่นตากันแดดขึ้นสวม

“นี่ดีกว่า” ผมแสยะยิ้มตัดบทดื้อ ๆ  ทิ้งเปลือกถั่วต้มลงถังขยะพร้อมปัดมือเข้าหากันเพื่อให้สะอาด  เดินจ้ำอ้าวมุ่งไปที่ร้านส้มตำร้านหนึ่งริมฝั่งนอกตลาดสดไม่ไกลนัก  สองผัวเมียค้าขายส้มตำที่เดินทางมาจากภาคอีสานและปักหลักร้านขายอยู่ที่ตลาดเรามานานกว่าห้าปีแล้ว  เมื่อทั้งสองเห็นผมถึงกับชะงักในทันที 

“หวัดดีครับ” ผมทักทาย  สมุทรกับไอ้เด่นเว้นห่างจากผมอย่างรู้หน้าที่  การเข้าหาพุ่งติดประชิดแผงหน้าร้านจนกลิ่นปลาร้าในครกโชยเตะจมูก 

“หอมดีนะครับ” ผมยิ้มชม  พร้อมสูดกลิ่นปลาร้าเข้าเต็มปอด

“เอ่อ..คุณไฟ วันนี้กินอะไรดีคะ” พี่แดงยิ้มถาม 

“เปล่าหรอกครับ พอดีว่ามีเรื่องจะมาถามหน่อย” ผมอมยิ้มมองหน้าเธอ  สายตาของทั้งคู่ที่มองมามีความหมายผิดปกติ  ทำให้รู้ได้ทันทีว่าจะต้องมีเรื่องปกปิดอยู่บ้างเป็นแน่

“ช่วงนี้มีเด็กวัยรุ่นอายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปดมากินส้มตำร้านพี่แดงบ้างรึเปล่าครับ พวกที่แบบว่า..แบบที่พวกพี่ไม่น่าจะชอบให้มานั่งน่ะ” ผมพูด  ทั้งสองคนหยุดมือที่กำลังทำงานและหน้าถอดสีไปพอดู

“เพราะถ้าหากมี พอจะบอกผมได้ไหมครับว่าปกติพวกเขาไปสุมหัวกันที่ไหน”

“เอ่อ คุณไฟคะ..” พี่แดงเอ่ยปากตะกุกตะกัก

“บอกเสร็จแล้ว พี่ก็แค่เงียบปากไว้เท่านั้นน่ะครับ” ผมหุบยิ้มลง  พี่เอ๋ผัวของพี่แดงเข้ามายืนขนาบข้างเมียแต่ก็ยังรักษาความเงียบเอาไว้  ทั้งสองคนต่างมองหน้ากันไปมาสักพัก

“แถว ๆ  ข้างตึกห้องเช่าฝั่งตะวันตกของคุณที่ตอนนี้ยังไม่มีคนเช่าน่ะครับ ได้ยินว่า พวกมันมักไปกันที่นั่น” พี่เอ๋ให้คำตอบ  ผมเงียบ  ลิ้นขยับไปมาพลางเหล่ตามองไปยังทั้งคู่

“รู้มานานแค่ไหนแล้ว” ผมซัก  เสียงห้วนลงด้วยอารมณ์ไม่ชอบใจที่บังคับไม่อยู่

“กะ..ก็ สักพักได้แล้วครับ ตามจริง..พวกเราก็อยากจะบอกคุณอยู่เหมือนกัน แต่..” พี่เอ๋ตอบหน้าเจื่อน  ผมเหตาลง  ขยับใบหน้าหันหนีเพราะไม่ต้องการใส่อารมณ์กับพวกเขาไปมากกว่านี้

“พวกเรา..เห็นว่า ลูกพี่ของพวกมันเป็นเจ้าใหญ่ พวกเราก็เลยไม่กล้ายุ่งน่ะค่ะ คิดว่าเดี๋ยวคุณก็น่าจะทราบ..เอง” พี่แดงขยายความหน้าหดลงทีละนิด  ผมมองหน้าเธออยู่สักพักหนึ่ง

“วันหลัง มีอะไรบอกผมได้ทุกเรื่อง” ผมพูดเสียงเย็นลง  นิ้วชี้เคลื่อนกระดิกอยู่ที่ตู้อาหาร  ทั้งคู่ช้อนตาขึ้นมองกะหลับกะเหลือก

“ที่นี่คือที่ของผม ไม่ใช่ที่ของเจ้านายพวกมัน เข้าใจนะครับ ?” 

“ค่ะ/ครับ” ทั้งคู่ผงกหัว

“ดีครับ..ขอบคุณ” ผมตัดบทเท่านั้น  หันตัวกลับมาทางสมุทรและไอ้เด่นอีกครั้ง  มือล้วงเข้าไปในถุงถั่วต้ม  หยิบออกมาแกะกินต่อ  สมองที่กำลังคิดเรื่องอื่นทำให้กรามขยับเคี้ยวเนิบช้ากว่าปกติ  ก่อนทิ้งเศษเปลือกลงบนถังขยะเล็ก ๆ ของร้านส้มตำ  จุดหมายต่อไปคืออาคารพาณิชย์ฝั่งตะวันตกที่ปัจจุบันเป็นสองห้องสุดท้ายที่ยังว่างอยู่เพราะไม่มีใครมาขอเช่าเนื่องจากเหตุผลว่าเป็นมุมอับ 

“ไข..” ผมชี้มือสั่ง  เม็ดถั่วเข้าไปในปากอีกเม็ด  เราไม่ได้พกกุญแจมา  ดังนั้นหน้าที่นี้ไอ้เด่นควรรับทราบ  กิ๊บหนีบผมที่พกติดตัวอยู่เสมอถูกเสียบเข้าไป  เสียงสะเดาะกุญแจแทบไม่ได้ยิน  ครู่เดียวแม่กุญแจก็ถูกถอดออก  สมุทรยืนมองไอ้เด่นที่ลุกขึ้นและทั้งคู่สบตากันงง ๆ

“ฉันคิดว่านายก็ทำได้น่า แค่อย่ามายุ่งกับตู้เซฟของฉันก็พอ” ผมแซว  นำหลังมือตีเข้าที่หน้าอกของสมุทรอย่างหยอก ๆ สองสามที  ไอ้เด่นอมยิ้มชอบใจ  เมื่อเจ้าตัวไม่ออกปากบอกปฏิเสธแสดงว่าก็คงมีความจริงอยู่บ้างน่ะนะ

ประตูถูกปิดลงในทันทีที่พวกเราเข้ามาในบริเวณตึก  ความเย็นในตึกทำให้รู้สึกสบาย  ผมเดินนำขึ้นไปที่ชั้นสามซึ่งเป็นชั้นสุดท้าย  ฝุ่นมีไม่มากนักเพราะผมสั่งให้คนมาทำความสะอาดอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว  เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นแต่ยังพอมีเก้าอี้ของผู้เช่ารายเดิมทิ้งไว้ให้นั่งอยู่บ้าง  กล้องส่องทางไกลขนาดพกพาสะดวกถูกหยิบออกมาจากคอของสมุทร  มันเป็นของผมเอง  และผมสั่งให้เขาคล้องคอมาแบบนี้ตั้งแต่ออกจากบ้านแล้ว  ผมแค่ลองสั่งเล่น ๆ  น่าขำตรงที่เจ้าตัวยอมทำตามอย่างไม่มีปากเสียงอีกด้วย
 
.. เมื่อได้กล้องมาถือจึงส่องกล้องเหไปทางสมุทร  อีกฝ่ายหันหน้ามานิ่ง ๆ  ตาจ้องมาที่เลนส์กล้องที่ผมส่องเขาอยู่  ผมยิ้มให้น้อย ๆ  เจ้าตัวคงรู้ว่ากำลังถูกส่องด้วยความหมายแปลก ๆ เขาจึงเบือนหน้าหนีทำเป็นไม่สนใจ  ไอ้เด่นขยับเก้าอี้มาให้  ผมจึงลากเก้าอี้ไปใกล้กับประตูหน้าต่างเพื่อที่จะดูภายนอกได้สะดวก


- 30 นาทีผ่านไป –

“ให้มันได้อย่างนี้สิวะ” ผมบ่น  ถอนหายใจอย่างแรง  ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้วแต่กลับยังไม่มีวี่แววอะไร 

ผมหันหลังกลับพร้อมโยนกล้องให้ไอ้เด่นไปทำหน้าที่ต่อจากผมก่อนลุกขึ้นเดินไปหยิบข้าวโพดออกมาหนึ่งฝัก  หักแบ่งครึ่งอย่างเคยชิน  ทำให้น้ำจากฝักข้าวโพดไหลย้อยเปื้อนลำแขน  สมุทรที่สังเกตเห็นรีบหยิบกระดาษทิชชู่ที่เขาพกติดตัวมาด้วยนำมาเช็ดทำความสะอาดให้ในทันที  แม่ง.. กูชอบไอ้ซื่อบื้อนี่ฉิบเป๋ง

ผมยืนนิ่ง  ยื่นแขนให้อีกฝ่ายเช็ดหน้าตาเฉย  พอหันกลับไปสังเกตไอ้เด่นที่กำลังตั้งอกตั้งใจส่องกล้องไม่ทันได้หันมามองเราทั้งคู่  ผมจึงขยับใบหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้นจนสมุทรชะงักเขม่นตาปรามมา  ผมยิ้มให้  ปลายจมูกสูดกลิ่นกายอีกฝ่ายอย่างจงใจ  ริมฝีปากเฉียดแก้มของเขาไปอย่างรวดเร็วก่อนหยุดปากอยู่ที่ข้างใบหู  “เมื่อคืน ในฝันฉัน..นายเร่าร้อนสุด ๆ จนฉันเกือบตายแน่ะ” ผมกระซิบบอก 

“นายครับ เหมือนจะมาแล้ว” ไอ้เด่นส่งเสียง  ทำให้สมุทรผละตัวออกห่างจากผมในทันที  ผมยิ้มกว้าง  ยื่นข้าวโพดอีกครึ่งฝักให้สมุทรนำไปเก็บแล้วกลับไปรับกล้องส่องทางไกลจากไอ้เด่นมาส่องดูก็พบเป้าหมายตามที่มันบอกจริง ๆ 

“เฮ้อ! พี่ธานน่าจะอยู่น้า” ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย  เสียงกัดข้าวโพดดัง “กรุบ~” แล้วหย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้ตามเดิม

“ไปเอาตัวมา..” ผมออกปาก  ขาขวาขยับขึ้นไขว่ห้างอย่างเคยชิน 

“ให้ไวด้วย” ผมขยายความ  ทั้งสองคนแทบวิ่งลงบันไดไป  เสียงฝีเท้าจางหายไกลไปเรื่อย ๆ  ร่างกายที่นั่งอย่างหมดแรงทำให้ไหล่ซ้ายเอียงไปทางซ้ายเล็กน้อย  มือขวาที่ถือข้าวโพดต้มอยู่ขยับมาจ่อที่ปากทันทีที่ของในปากหมดลง 

.. ผมแหงนหน้าขึ้นมองด้านบน  แม้แต่บนเพดานก็ไม่พบหยากไย่ให้กวนใจสักนิด  ถึงไม่มีคนมาเช่าแต่มันน่าพอใจจริง ๆ น่ะนะ

“เงี่ยนฉิบ!” จิตใต้สำนึกเมื่อครู่ทำให้พึมพำสบถออกมา  ข้าวโพดถูกแทะจนหายไปครึ่งหนึ่ง  ความเงียบสงบรอบตัวทำให้ได้ยินเสียงเคี้ยวข้าวโพดอย่างชัดเจน  และเสียงท่อนล่างกำลังเรียกร้องหาบางอย่าง --ความหื่นกระหาย 

“อียายคนนี้แม่งต้มอร่อยฉิบ!” ผมสบถบ่นอย่างเหลือเชื่อกับน้ำข้าวโพดที่เพิ่งดูดและมันหวานหอมแทรกแซมไปด้วยรสเค็ม ๆ

“..รึกูหิว ?” ผมเอ๊ะใจสับสนตัวเอง  ขณะเดียวกันก็ยกข้อมือขึ้นสูงเหนือหัวให้ขนาบสายตาไปกับเพดานที่มองอยู่  เวลาถูกจับ(ผิด)ทันที  ผ่านไปจวนสิบนาที สมุทรและไอ้เด่นก็กลับขึ้นมาพร้อมกับวัยรุ่นชายหนึ่งคน  หญิงหนึ่งคน  ผมแสยะยิ้มพอใจกับเวลาที่ได้รับ  สีหน้าหวาดกลัวของทั้งคู่ซีดเผือกอย่างกับเห็นผีนั่งอยู่อย่างนั้น 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2016 16:53:53 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

“นั่ง” ไอ้เด่นสั่งผู้ชายที่มันจับตัวมาพร้อมเตะเข้าที่ขาพับของอีกฝ่ายจนมันทรุดลงกับพื้นไม่เป็นท่า   

“เอาผู้หญิงไปมัด” ผมสั่งสมุทร  ชี้มือไปที่กระเป๋าเป้ขนาดกลางที่ไอ้เด่นพกมาด้วย  กระเป๋าวางอยู่บนโต๊ะ  สมุทรที่จับตัววัยรุ่นผู้หญิงยังคงยืนนิ่งคล้ายกับลังเลที่จะทำตามคำสั่ง  ผมหัวเราะขึ้นจมูก  ดูดน้ำข้าวโพดอย่างแรงอีกครั้งจนรสหวานอร่อยถูกกลืนลงคอ   

“เดี๋ยวผมทำให้ครับ” ไอ้เด่นเอ่ยปากทำท่าจะขยับ

“กูไม่ได้สั่งมึง” ผมเอ่ย  มือที่ถือข้าวโพดอยู่ชี้ไปที่ไอ้เด่นโดยที่สายตายังคงจับจ้องสมุทรไม่ไปไหน

“.........” สมุทรหลบตา

“อย่า อย่าทำอะไรหนูเลย” เธอร้องขอ  ขยับตัวทำท่าจะหนีแต่ไม่เป็นผล  ถูกสมุทรล็อกแขนไว้แน่น  สมุทรมองผมตอบอยู่ครู่หนึ่ง  ดวงตาที่ไม่ละจากเขาของผมกำลังทำให้ผมรู้สึกไม่แน่ใจว่าถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมทำตามที่สั่ง  ผมจะไม่ซัดเขาได้หรือไม่ 

“มัด..ผู้หญิง เดี๋ยวนี้” ผมย้ำสั่งอีกครั้ง  สันกรามของคนที่ถูกรับคำสั่งบูดขึ้นนิดหน่อย  น้ำลายถูกกลืนลงคอ  สีหน้าลำบากใจเหตาลงต่ำก่อนขยับตัวทำตามที่ผมสั่งแต่โดยดี  กระเป๋าเป้ของไอ้เด่นถูกเปิดออก  เชือกที่เตรียมมามัดไปที่ผู้หญิงร่างเล็กที่พยายามต่อสู้ให้หยุดนิ่งไปอย่างง่ายดาย  ผมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ตามเดิม  ลมหายใจถูกพ่นออกมาทางไรฟันด้วยรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับนิสัยของหมอนี่ขึ้นมา

“จะ! จับผมมาทำไม!” วัยรุ่นชายมองเพื่อนของตนก่อนตะโกนถาม  ผมไม่ตอบ  แทะข้าวโพดต้มต่อมองหน้ามันไปพลาง 

“ปล่อยพวกเราไปเถอะ” มันร้อง  อยู่ดี ๆ เหงื่อของมันก็ออกมามากผิดปกติ 

“กินข้าวโพดไหม ?” ผมถาม  อีกฝ่ายขมวดคิ้ว

“จ..จับ ผมมาทำไม” คำถามเดิมถูกถามขึ้นอีกครั้ง  แต่น้ำเสียงดูท่าจะไม่แน่ใจว่าควรเอ่ยปากดีไหม   

“กูถามว่ากินข้าวโพดไหม ?” ผมถามกลับคำเดิมเช่นกัน

“..อึก” อีกฝ่ายสะอึก  ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมตอบ  ในห้องเงียบลงอีกครั้งเมื่อหมดคำถาม  ข้าวโพดเกลี้ยงฝักแล้ว  ไม่เหลือแม้แต่เม็ดเดียว  แม้แต่น้ำในฝักก็เกลี้ยงเชียว  ขาขวาที่ไขว่ห้างอยู่ขยับอ้าออกกว้างลงอย่างช้า ๆ จนเท้าทั้งสองข้างแตะที่พื้น  นิ้วหมุนฝักข้าวโพดไปมาวนเป็นวงกลม 


ปึก !!!!   .. ข้าวโพดถูกเขวี้ยงออกไปที่เป้าหมายตรงเผง  ฝ่ายที่ก้มหน้าเมื่อครู่ถูกฝักข้าวโพดกระแทกจนหงายหลังล้มลง  ไอ้เด่นตบเข้าที่ท้ายทอยมันอย่างแรงทันควันเพื่อให้มันกลับมานั่งในท่าเดิม  เลือดไหลซึมออกที่จมูก  ลมหายใจของมันดูเหมือนจะหอบแรงขึ้นทีละน้อย 

ผมยิ้มกว้างให้กับสายตาเคียดแค้นที่ถูกส่งมาก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นเดินไปที่กระเป๋าเป้  หยิบกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดมืออย่างใจเย็น  ขวดน้ำเปล่าที่พกมาด้วยถูกเปิดออก  ยกดื่มจนเหลือเพียงครึ่งขวด  น้ำถูกอมไว้ในกระพุ้งแก้มอยู่ครึ่งหนึ่ง  ก่อนที่ผมจะละเลียดกลืนลงคออย่างช้า ๆ เพื่อรับรู้ได้ถึงน้ำที่ไหลผ่านคอไปสู่ท้อง  เสียงกลืนเสียงสุดท้ายดัง ..อึกกก! ทิ้งท้ายให้ได้ยิน

“ซี๊ด ฮ้าา ~” ปากเผยอออกกว้าง  เสียงร้องเปล่งออกมาด้วยความพอใจ  “น้ำเปล่า” คือสิ่งสำคัญต่อชีวิตของผมจริง ๆ นั่นละนะ  มือจัดการปิดฝาอย่างมิดชิดและก้มลงนำขวดวางไว้ที่เดิม

“ข้าวโพด เห็นว่าบำรุงสายตานะรู้ไหม” ผมยิ้มพูด

“แถมขี้คล่องอีกต่างหาก! หึ ๆ ๆ” ผมกระแทกเสียงบอก  มือล้วงกระเป๋าจ้องมอง  ปากเม้มเข้าหากันอย่างใช้ความคิด  เมื่อขาก้าวเดินเข้าหาวัยรุ่นชาย  อีกฝ่ายก็ดันทำหน้าแปลก ๆ แสดงให้เห็น  สายตาของผมกำลังมองคนที่มักจะถูกเรียกใช้กับเด็กว่า
“อนาคตของชาติ”  ซึ่งมันช่างไม่มีความหมายใดสำหรับผม  อนาคตของชาติงั้นเหรอ  อนาคตของชาติคือคนดีมีจิตสำนึกต่างหากล่ะ

“กล้าดียังไง ถึงได้มาปล่อยของในที่ของกู” ผมถาม  โดยเลือกใช้น้ำเสียงเรียบเฉย

“ผมเปล่า..” มันตอบ  เหงื่อไหลย้อยที่ข้างแก้มเห็นชัดเจน 

“กูถามว่า ‘มึงกล้าดียังไง ถึงได้มาปล่อยของในที่ของกู’ ..ครับ ?” ผมก้มตัวนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้ามัน  อีกฝ่ายหลบตาพร้อมขยับตัวถอยหลัง  ผมคว้าคอเสื้อของมันมาอย่างแรง  มือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงที่ดูท่าจะไม่ได้ซักมาหลายเดือนจนเจ้าของมันดิ้นพล่านพยายามหนี



แกรก ~   .. ถุงพลาสติกที่ห่อสิ่งผิดปกติตกลงบนพื้น  เจ้าของมันถึงกับตาเบิกโต   

“ผะ..ผม ขอโทษ” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นบอกด้วยสีหน้าร้อนรน  มือผมหยิบถุงดังกล่าวกำขึ้นมาช้า ๆ อย่างแทบตามไม่ทันลมหายใจของตัวเองว่ายังหายใจสม่ำเสมอปกติดีรึเปล่า  กำปั้นฟาดไปที่ใบหน้าของคนตรงหน้าเต็มแรง

ผลัวะ!
“มึง!!” 

ผลัวะ!!
“กล้าดี!!!”

ผลัวะ!!!   ..“ยังไงงง! !!” เสียงสะท้อนแว่วหายไป  ผมสูดหายใจเข้าปอดเต็มแรงทันทีที่เสียงเงียบลง

“อึก ปล่อย..ปล่อยพวกผมไปเถอะนะครับ ผม..จะ จะไม่มาที่นี่อีกแล้ว” มันขยับตัวโดยเท้าแขนไว้บนพื้น  เลือดไหลย้อยออกจากปากกับจมูกเป็นทาง

“เปล่า ฉันกำลังชมต่างหาก..ว่ากล้าดี” การเอ่ยชมออกอักขระเสียงชัดเจน  อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองตาค้าง  ผมฉีกยิ้มให้  คนตรงหน้าจึงเผยรอยยิ้มน้อย ๆ ขึ้นเช่นกัน  แต่แล้วรอยยิ้มที่ผลิออกจากผมก็หุบลงทีละนิด  มือกระชากศีรษะของมันมาอย่างแรงจนใบหน้าของเราห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตร

“รู้ไหม กูเกลียดเด็กเวรอย่างพวกมึงที่สุด” ผมถลึงตา

“เวร ..โคตรเวร” ผมหัวเราะพูดในลำคอ  ลิ้นถูกแลบออกมากัดไปพร้อม ๆ กับที่กำลังมองคนตรงหน้า
 
“มึงจะทำระยำตำบอนที่ไหนก็ได้ กูไม่สน แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่..ตรงไหนก็ตามที่มึงได้กลิ่นว่าเป็นที่ของกู”

“คะ..ครับ” มันก้มหน้าก้มตาผงกหัวรับทราบ 

“ดีแล้ว” ผมบอก  ปล่อยมือออกจากหัวก่อนตีแก้มมันเบา ๆ

“ทีนี้..ไหนลองบอกมาหน่อยซิ ว่ารับของมาจากใคร”

“คนที่สั่งให้มึงมาส่งของแถวนี้น่ะ มีคนสั่งใช่ไหม” ผมอมยิ้มถาม  อีกฝ่ายเบะปากเล็กน้อย  ก้มหน้าลงเนื้อตัวเริ่มสั่นเทิ้ม  เมื่อเห็นท่าว่าไม่น่าจะได้คำตอบโดยง่ายผมจึงลุกขึ้นยืน

“บอกอนาคตให้เอาไหม..?”

“จะเจ็บตัวหรือไม่เจ็บตัว สุดท้าย มึงก็ต้องบอกออกมาอยู่ดี ..เลือกสิ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงโทนเดิม

“อึก! เอ็ม บอกไปเถอะ กูกลัว” ผู้หญิงออกปากร้องขอ  ริมฝีปากที่แห้งผากของเธออย่างกับคนที่ไม่ได้รับเครื่องดื่มมีประโยชน์มานาน

“เธอฉลาดดี” ผมชมยิ้ม ๆ

“ผม..บอก ไม่ได้” มันเงยหน้าขึ้นมอง

“แต่มันจะทรมานนะ”

“ทรมาน..จนยานรกพวกนั้นก็ช่วยให้นายขึ้นสวรรค์ไม่ได้เลย” ผมพูดด้วยความเป็นห่วง
 
“อึก!” อีกฝ่ายสะอึกหน้าเสีย

“ได้โปรด..ผม ปล่อยผมไปเถอะนะครับ ผมจะไม่มาที่นี่อีก ผมสัญญา ผมสัญญา!” น้ำเสียงร้องขอดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง  ครั้งนี้มันกลับดังกว่าครั้งก่อน ๆ  ขาของผมถูกกอดรัดเข้าไปอย่างแรง

“ได้สิ” ผมรับคำโดยง่าย  ไอ้เด่นกระชากตัวมันออกจากขาผมทันควันทำให้คนที่รู้ชะตากรรมน้ำตาไหลออกมา  ผมกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง  เมื่อปืนถูกควักออกมาจากกระเป๋าเป้เสียงร้องไห้จากผู้หญิงก็ดังขึ้นกว่าเดิม  กระสุนถูกปลดออกจากลำปืนหนึ่งนัดก่อนนำปืนวางลงข้าง ๆ ขวดน้ำ 

“ฮือออ หนูขอโทษ หนูจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว” ผมหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ  ผู้หญิงที่หน้าซีดเผือกในทีแรก  ตอนนี้กลับมีแต่คราบน้ำตาเปื้อนหน้าเธอไปหมด 

“ชู่ ~” ผมปราม  เพ่งดวงตามองลึกลงไปที่นัยตาของเธอ  แต่แล้วปากเธอก็เบะสั่นหนักขึ้นคล้ายกับพยายามจะกลั้นน้ำตาเอาไว้

“ใจเย็น ๆ” ผมบอก  อีกฝ่ายหุบปากลงตามที่สั่ง

“ไม่ร้องนะครับ อ้าปากสิ” 

“อึก..หนู ขอโทษ” เธอร้องไห้ออกมาอีกครั้ง  ผมถอนหายใจจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง

“หมอนี่ขี้ใจอ่อนน่ะ” ผมชี้นิ้วไปที่สมุทรที่ยืนทำหน้าอย่างกับญาติเสียอยู่ข้าง ๆ

“ถ้าเธอร้องไห้ไปมากกว่านี้ คนของฉันก็จะแย่ไปด้วย” ผมหัวเราะติดหางเสียงนิดหน่อย 

“อึก!” อีกฝ่ายกัดริมฝีปากสะกดกลั้น  เข้าใจอะไรง่ายดี  แต่อย่างนั้น น้ำตาของเธอยังคงไหลออกมาหนักขึ้น
 
“บอกให้ใจเย็น ๆ ไง แล้วก็แค่อ้าปากครับ” ผมพูด   

“เล่นยารึเปล่า ?” ผมเลิกคิ้วถาม

“อะ..อึก” เธอผงกหัวยอมรับทั้งน้ำตา

“มันจะทำให้ความสวยลดลงนะ” ผมยิ้มน้อย ๆ
 
“แล้ว พ่อกับแม่ล่ะ ?”

“พ่อ..ตายไปแล้ว” เธอตอบเสียงเครือในลำคอ  ตาเพ่งมองลงไปที่ของในมือผม

“แม่ล่ะ” ผมซักต่อ  นำมือที่ถือกระสุนอยู่ขึ้นปิดตาของเธอไว้เพื่อเป็นการบอกว่าไม่อนุญาตให้มอง  น้ำตาของเธอที่ไหลออกไม่หยุดเปื้อนฝ่ามือผมเล็กน้อย

“แม่..อยู่ อยู่ต่างจังหวัด”

“คิดถึงไหม ?” ผมถาม

“อึก!” เธอสะอึก  เบะปากจนมันสั่นไม่ได้รูป 

“ฉันก็คิดถึงแม่ฉันเหมือนกัน หึ..แต่เธอเสียไปแล้วน่ะ” ผมกระแทกเสียงบอกปนหัวเราะ

“เอาล่ะ อ้าปากครับ” ผมพูดปนพ่นหายใจออกทางจมูก  อีกฝ่ายสะอึกสะอื้นไม่ยอมอ้าปากตามที่สั่ง  ครั้งนี้ผมไม่เอ่ยปากพูดอีก  นำมือออกจากใบหน้าของเธออย่างเนิบช้าพลางจ้องมอง  เธอสบตาผมครู่หนึ่งและสุดท้ายก็ยอมเผยปากออก

“นั่นล่ะ” ผมชมที่เธอยอมรับกระสุนเข้าปากไปโดยดี  พร้อมจับปลายเส้นผมที่ติดเข้าไปในปากของเธอออกให้อย่างเบามือ  ผมยาวดำถูกนำไปทัดหูจนเห็นใบหน้าได้ชัดมากขึ้น

“อมไว้..เพราะถ้าเธอคายมันออกมาเมื่อไหร่ ฉันจะเอาไอ้นั่นปิดปากกับจมูกของเธอ” ผมมองไปที่แล็คซีนที่วางอยู่ใกล้กับกระบอกปืน  ไม่รู้ว่าตามจริงแล้วเธอจะเข้าใจว่าผมหมายถึงแล็คซีนหรือไม่  ผมกับสมุทรสบตากันครู่หนึ่ง  เจ้าตัวหลบตาลงต่ำในทันทีคล้ายกับเป็นอาการบอกว่า “ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ผมจะไม่มอง” 

แจ็คเก็ตถูกถอดออก  วางพาดไปบนพนักเก้าอี้เป็นระเบียบก่อนนั่งลงพร้อมคว้าขวดน้ำมาเปิดขึ้นดื่มอีกครั้ง  นาฬิกาที่ข้อมือยังไม่เดินไปตามเลขตามที่ต้องการ  ผมอยากได้เลขคู่  จึงจำเป็นที่จะต้องนั่งรออย่างใจเย็นอีกสักหน่อย


- 12:46 น. - 
ผมพยักหน้าส่งสัญญาณให้ไอ้เด่นจัดการตามสมควร  เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังระงมได้ไม่นานนักมันก็เงียบไป  ไอ้เด่นจัดการตามขั้นตอนที่เคยได้สั่งสมมา  การทรมานร่างกายไม่ใช่เรื่องน่าสนุก  แม้อย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเท่าไหร่นักต่อการกระทำของตนเอง  น้ำตานองหน้าผู้หญิงที่มองเพื่อนที่กำลังถูกกระทำอย่างกับหมา  ปากของเธอขยับคล้ายกับจะร้องพูดออกมาแต่แล้วก็ไม่ทำ  ดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวแบบนั้นอดเคยสงสัยไม่ได้ว่าในเมื่อกลัวความตายแล้วเดินทางมาทางนี้ทำไม  คำถามที่ตอบได้ยาก  บางที โชคชะตาก็ทำให้คนเราต้องเดินไปในทางที่คดเคี้ยวละมัง

“อ้ากกกก! ฮื่อ! ฮื่ออ! ฮื่อออ!”

เสียงสะท้องดังกังวาน  ทำให้สมุทรเหลือบตาขึ้นมองฝีมือของไอ้เด่นบ้างครั้งคราว  หันมามองผมบ้างในครั้งคราว  ถึงแม้ผมจะไม่มองเขาสักตาแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมสามารถรับรู้ความหมายของสายตาที่ถูกมองมาเป็นอย่างดี  พื้นห้องสีขาวเปื้อนไปด้วยสีแดงที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงปัดมือขึ้นกลางอากาศเพื่อให้ไอ้เด่นหยุดการกระทำ  มือที่ชุ่มเลือดนั่นจึงหยุดทันที
 
“จะเอาถึงตายเลยรึไง แล้วใครจะมาเช่าต่อ” ผมบ่นปนถอนหายใจ  นำถุงมือยางมาใส่ทั้งสองมือ  หยิบผ้าคลุมสีดำกับเชือกที่เตรียมไว้ติดมือขึ้นมา  หยุดยืนมองร่างที่นอนหมดสภาพ  อีกฝ่ายพยายามลืมตาขึ้นอ่านสถานการณ์  ผมนั่งลงข้าง ๆ กระชากศีรษะมันขึ้นพร้อมนำผ้าคลุมหัวมันในทันที  เชือกถูกพันไปรอบคอทำให้ร่างกายมีปฏิกิริยาดิ้นทุรนทุราย  นิ้วมือกรีดเชือกไว้เพียงปลายนิ้วสัมผัสก่อนลุกขึ้นดึงขึงไปจนปลายเชือกผูกติดเข้ากับลูกกรงที่หน้าต่าง

“อึก ฮะ..ปล่อยผม!” มันตะโกน  ผ้าที่คลุมหัวอยู่กระพือแรงขึ้นเรื่อย ๆ คงเพราะกำลังหาช่องทางหายใจ  ผมขยับเชือกรูดกระตุ้นทำให้ร่างกายเซไถมาตามแรงดึง  มือที่สั่นของมันพยายามหาทางจับเชือกที่คอตัวเอง  มันพยายามที่จะนำของที่คอตนออก

“ผะ..ผม คะ ผมจะ ฮื่อ ฮื่อออ!” 

“ว่าอะไรนะ ?” ผมย้ำถาม  หลังพิงลูกกรงประตูหน้าต่าง  ยืนตาลอยมองคนที่อาจกำลังจะโกหก  มือทำหน้าที่กระตุกเชือกสองสามทีอย่างเร่งเร้าไปพลาง  แต่ดูเหมือนมันจะตอบได้ลำบากแล้ว

“เอ็ม!” ผู้หญิงร้องโผงออกมาทำให้ลูกกระสุนที่อยู่ในปากเธอหล่นตกกระทบพื้นดัง “แกรก”  น่าหนวกหู  ตาผมช้อนมองขึ้นไปที่เป้าหมายที่ทำให้ไม่สบอารมณ์ทันควัน  อีกฝ่ายหน้าถอดสีเมื่อได้สติ  ทำท่าจะก้มตัวนั่งลงเพื่อนำของที่เพิ่งตกลงบนพื้นใส่ปากอย่างเดิม  แต่คงลืมไปว่าตนเองถูกมัดอยู่ 

“ฮึก! อย่า หนู ขอโทษ” เสียงร้องแก้ตัวปนไปด้วยความร้อนใจ  ฟันที่บดขบไว้ในปากไม่ได้ทำให้รู้สึกหายหงุดหงิดขึ้นได้  เท้าเดินจ้ำเข้าหาไปพร้อม ๆ กับเสียงร้องไห้โฮ 

“อย่าทำเธอ” สมุทรออกตัวยืนขวางเธอไว้แทบมิด  ผมแสยะหัวเราะที่หมอนี่มันกล้าดี  ท่าทางแน่วแน่คล้ายไม่ยอม

“ไม่ได้สั่ง ..อย่าเสือก” ตากลอกขึ้นมอง  คิ้วขยับกระตุกขึ้นอย่างไม่ได้บังคับให้เป็น  ปากหุบรอยยิ้มลงในทันที 

“อะ..เอ็ม ฮื่อออ~”

“ผะ! ผม! จะบอกแล้ว ผมจะบอกจริง ๆ อึก”

“..........” ผมยืนเฉยจ้องสมุทรอยู่ครู่หนึ่ง  ผู้หญิงทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรงเมื่อได้ยินอย่างนั้น  การที่ผมเงียบยิ่งทำให้มันพยายามเอาตัวรอด  มือควานหาผมทั้งที่มองไม่เห็นสิ่งรอบตัว  ผมแสยะยิ้มมุมปากให้สมุทรเล็กน้อยที่ดูเหมือนเขาจะรอดตัว  ก่อนเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเป้าหมาย  นิ้วชี้เคาะลงที่หัวมันสองสามทีเพื่อเป็นการบอกว่าผมอยู่ตรงหน้ามันแล้ว  เจ้าตัวสะดุ้ง 

“ว่ามาสิ..” ผมนั่งยองลงกระซิบเสียงเย็น

“คะ..คือ ผม รู้แค่” อีกฝ่ายพูดตะกุกตะกักไม่ถนัด  ผมพยักหน้าให้ไอ้เด่น  มันจึงขยับแก้เชือกออกให้จนเชือกถูกคลายปลดออกจากคอ  เมื่อผ้าคลุมถูกเลิกออกจากหัวก็เผยให้เห็นใบหน้าซีดขาวที่เต็มไปด้วยคราบเลือด น้ำตา น้ำลาย  ทุกอย่างที่ไม่น่าพิสมัย   

“รับของ..มาจาก อึก!”

“คนของผับ Blackfoot ครับ ไอ้เอก มัน..มันเป็นหลานของป้าน้อย ที่ขายหมู..ตลาดคุณ ฮึก!”



...............(ไฟ)..............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2016 16:46:29 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
เย้ๆ มาล้าววววว    :mew1: :mew1: :mew1:
เดี๋ยวไปอ่านก่อน
คิดถึงมากกกกกกกกก
 :3123: :3123: :3123:

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
สมุทรก็ยังคง still strong อยู่วันยังค่ำ 5555 คุณไฟก็ยังคงมีอารมณ์กับสมุทรง่ายๆเหมือนเดิมเช่นกัน ทำไมดูจะรักกันย๊ากยาก

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ นางสาวกานาเลส

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ดูท่าทางจะไม่ได้รักกันง่ายๆแน่ 5555555555555

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
ในความตึงเครียดยังมีความโรแมนติค 5555555

อ่านไปด้วยความระทึก เจ้าพ่อไฟโหดได้ใจมาก  o13

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
จะโหดไปไหนพี!!!!!!!!!
แต่ก็นะ ....มาเล่นถึงถิ่น ไม่ถึงตายก็เหมือนตาย

 ไอ้เอกมึงไม่ตายดีแน่ ใครหนุนหลังแกงานนี้มีเฮ โดนล้างบางเป็นแน่แท้ ฮึฮึ


ขอบคุณเบบี้จ้า  :L2:




 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด