[ อังคารที่ 20 ธ.ค 59 ] ตอนที่ 35
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1290_ _ _ _ _ _ _ _ _ _
ตอนที่ 36
..ไฟ..08:30 น. : โรงพยาบาล WITPA“อะไร ?” เฮียกานต์มองขวางมาที่เช็คในมือผม
“ของยู” ผมตอบ
“ไม่จำเป็น” เฮียตอบเสียงแข็ง ความไม่พอใจแสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง แน่นอนว่าการทำเช่นนี้คล้ายกับเอาเท้าไปสะกิดศักดิ์ศรีของคนระดับเฮียแกอยู่บ้างเหมือนกัน
“ผมอยากให้เฮียพายูไปที่เซี่ยงไฮ้สักพัก” ผมบอก เก็บเช็คเข้ากระเป๋าเสื้อ
“มึงคิดว่ามันง่ายไหมละ แม่งดื้ออย่างกับอะไร ขนาดกูเอ่ยปากว่าจะปิดบ่อนมันยังไม่ยอมเลย” เฮียขึ้นเสียงบ่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดผิดทุกครั้ง
“เขารู้มากเกินไปแล้ว” ผมพูด ดวงตาของเฮียกานต์เบิกกว้างขึ้นกว่าเดิมนิดหนึ่งก่อนจะนิ่งลง
“ดูเหมือนสิ่งที่เขารู้จะเกี่ยวข้องกับคดีใหญ่ อยู่ต่อไปเฮียก็จะลำบากไปด้วย”
“เฮียควรเอาเขาไป เดี๋ยวผมจะคุยกับเขาเอง” ผมตัดบทสรุปเด็ดขาด ลุกขึ้นตรงเข้าห้องพักผู้ป่วย พายุที่นำเข้าไปเยี่ยมยูตั้งแต่มาถึงกำลังชวนคุยอย่างออกรส ถ้าเป็นกับยูละก็น้องชายผมมักพูดมากเป็นพิเศษ ส่วนยูก็จะกลายเป็นคนพูดน้อยไปโดยง่ายหากอยู่กับพายุ
“เฮียจีบพี่สมุทรล่ะ วันนี้พี่เขาก็มาด้วยนะครับ รออยู่ข้างนอกน่ะ” พายุพูดเสียงเนือย ๆ
“ไปพามาให้ดูหน้าหน่อยสิ” ยูบอก
“พูดมาก” ผมเข้าไปทางด้านหลังของพายุที่นั่งเก้าอี้อยู่ข้าง ๆ เตียง มือเคาะลงกลางหัวน้องชายปากสว่างเบา ๆ
“ไหนบอกไม่ยากรู้ไง” ผมอมยิ้มมุมปากแซวคนบนเตียง ยูกลอกตาหน้าทะเล้น พายุลุกขึ้นเพื่อสละเก้าอี้ให้ผมนั่ง ส่วนมันย้ายไปนั่งที่โซฟาแทน
“ผมมีบ้านที่เซี่ยงไฮ้ เป็นชื่อของแม่พายุน่ะ” ผมเปรยขึ้นมองยูที่เบือนหน้าไปทางหน้าต่างทีละน้อย สายตาทอดลอยไปไกลคล้ายไร้จุดหมาย
“ไปอยู่ที่นั่นก่อนสักพัก หายดีแล้วค่อยเข้ามาเก๊ากับเฮีย อยู่ที่นั่น..เฮียดูแลคุณได้เต็มที่กว่า” ผมพูด
“........” ยูยังคงรักษาความเงียบนี้ไว้อย่างนิ่งเฉย ผมหยุดพูดเพื่อรอความคิดเห็นของเขาอย่างใจเย็น การพูดเช่นนี้ของผมยูเองก็น่าจะทราบดีว่าไม่ใช่การแนะนำแต่เป็นการบังคับต่างหาก
“แถวนั้นมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะไหม” ยูพึมพำ ใบหน้ายังคงไม่หันกลับมา
“คุณไง” ผมกวนตอบ รอยยิ้มปรากฏผุดที่มุมปากของเขาน้อย ๆ
“แล้ว..ห้องนอนฉันจะใหญ่แค่ไหน ?”
“ใหญ่มาก ก็ผมรวย” ผมตอบด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายทำให้ยูหันหน้ากลับมามองพร้อมยิ้มชอบใจ ผมเองก็ยิ้มให้เขาเช่นกัน
“บอกแล้วไงว่าให้เลิกสอดรู้” ผมต่อว่าเสียเลย
“Nosy ?” ยูย้ำคำพร้อมแสยะปากประชด
“เปล่าสอดรู้สักหน่อย ฉันไม่ได้อยากไปรู้เรื่องระยำพวกนี้สักนิด” ยูบ่นด้วยสีหน้าไม่แยแส ผมเพียงกวาดตามองใบหน้าเขาทุกการเคลื่อนไหวจนอีกฝ่ายหุบปากเงียบลง
“คุณ..รู้แม้กระทั่งว่าใครเป็นนายของไอ้กาย ตำรวจยังงมอยู่ที่เดิมกันอยู่เลย คุณไปรู้มาได้ยังไง” ผมถอนหายใจ
“ใคร ๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นล่ะน่า นายก็รู้ว่าพวกเราอยู่กับแบบไหน ก็แค่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง ส่วนเรื่องนี้ที่นายไม่รู้ ก็เพราะว่านายมันไม่สนหัวใครจนกว่าเรื่องจะเข้ามาหานายเองไงล่ะ” ยูพูดด้วยใบหน้ายิ้มอ่อน ๆ แดกดันมาว่าเป็นความผิดของผมเสียอย่างนั้น ผมอมยิ้ม อย่างไรผมก็ไม่ปฏิเสธละนะ
“ในเมื่อคนอื่นยังไม่กล้าแตะต้อง คุณก็อย่าหาเรื่องใส่ตัวนักสิ” ผมบ่น
“ปอดแหกน่า อย่างมากก็แค่ตาย” ยูมองเขม็งมาที่ผมด้วยใบหน้านิ่งสงบ คำบอกเล่าคล้ายพูดเล่นสนุกปากแต่หากเป็นคน ๆ นี้แล้วมันลึกซึ้งกว่านั้นแน่ เราจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพ่นหัวเราะในลำคอออกมาพร้อม ๆ กัน บทสนทนาถูกทิ้งช่วงลงทีละน้อย
“ฉันไปคนเดียวได้ ไอ้บ้ากามนั่นบอกว่าจะปิดบ่อนที่นี่ ฉันไม่ได้ขอสักหน่อย” ยูเปิดประเด็นเสียงแข็ง
“คุณก็อยากให้เขาปิดอยู่แล้วนี่” ผมมองอย่างรู้ทัน คนบนเตียงถึงกับชะงัก หันหน้าหนีด้วยสีหน้าแอบเคือง
“ยู..” ผมเรียก
“วันมะรืนนี้คุณต้องเดินทาง เราจะไม่ให้โรงพยาบาลทำเรื่องส่งตัว ไหวใช่ไหม ?” ผมถาม
“หึ..สบาย” ยูยิ้มตอบ
“ไม่ต้องติดต่อพี่กิ่ง ผมจะบอกเธอเอง ห้ามคุณติดต่อใครจนกว่าจะออกจากเซี่ยงไฮ้”
“ฉัน..” ยูจ้องมองมา
“ไม่ได้จะเอาเรื่องของพวกมันไปบอกใครได้นอกจากนาย” เขาขยายความ
“หึ..ก็นะ” ผมยิ้มกว้างเข้าใจในความหมาย
“แล้วมีอะไรอีกไหมที่ยังไม่ได้บอกผม” ผมถาม ยูเงียบด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ไอ้กริดเกลียดนายน่าดู” ยูยิ้มกว้างบอก
“หึ ๆ ๆ” ผมกับพายุหัวเราะ
“เรื่องนั้นเฮียรู้อยู่แล้วล่ะ” พายุพูดยิ้ม ๆ
“ก็มีแต่คนรักผมนี่น้า มันจะเกลียดผมสักคนก็ช่วยไม่ได้” ผมเล่นเสียง เอนหลังพร้อมเงยหน้าขึ้นถอนหายใจ
“หลงตัวเองชะมัด” ยูเบะปาก
“ผมจะไม่มาที่นี่อีก” ผมพูดขึ้น ตั้งคอตรงเพ่งมองเขา
“ดังนั้นคุณต้องเชื่อฟังเฮีย แล้วถ้าคุณอยากจะพยศละก็ ควบคุมมันไว้แล้วค่อยเก็บไว้ไปทำนอกประเทศ” ผมย้ำเพื่อดักทางนิสัยของเขาที่มีต่อเฮียกานต์
“ก็ถ้ามันไม่กวนฉันละก็นะ” ยูทำเมินถึงประเด็นดังกล่าว
“ถ้าอีกฝ่ายทำท่าจะทิ้งคุณขึ้นมา ก็โทรบอกผมแล้วกัน” ผมอมยิ้มสรุป ยูเพียงยิ้มน้อย ๆ ด้วยดวงตาไร้ความหมาย
“อ้า ๆ ขาให้เฮียเขาไปเถอะน่า เดี๋ยวลูกน้องที่นั่นจะงงว่าทำไมอาซ้อของพวกมันถึงได้เล่นตัวนัก อีกฝ่ายจะคลั่งอยู่แล้วมั้ง” ผมยักคิ้วเจ้าเล่ห์ทำเอายูหน้างอหงิกได้ทีเดียว
“ถ้าให้ชั่วโมงละล้านจะเก็บเอาไปคิดดูนะ” ยูเชิดตอบ พายุหัวเราะชอบใจ
“กลัวว่าอ้าแล้วจะถูกรักมากกว่าเดิมแล้วทำใจยอมรับไม่ได้งั้นสินะ” ผมแซวต่อทันที
“นายนี่มัน ..หยุดพูดได้แล้ว!” ยูขมวดคิ้วว่าเสียงแทบหลง
“หยุดหัวเราะด้วยพายุ”
“งั้นก็ยกเฮียให้พายุไหมละ ? เฮียเขาเอ่ยปากขอจนผมจะใจอ่อนอยู่แล้ว เอางั้นก็ได้นะถ้าคุณยอม” ผมเสนอ
“อยากได้ก็เอาไปสิ” ยูแสยะปาก
“หึ..” ผมกับพายุมองหน้ากันยิ้ม ๆ
“หยุดทำหน้าประหลาดเลยนะไอ้พี่น้องนรกพวกนี้นี่” ยูบ่นเสียงแข็ง
“ผมโอนเงินให้เรียบร้อยแล้วนะ” ผมตัดบทพร้อมลุกขึ้น วางมือลงบนหัวของยูอย่างเบามือ
“บอกว่าไม่เอา ๆ พูดยากจริง” ยูบ่นเซ็ง ๆ
“ติดต่อมาด้วยล่ะ พวกเรารออยู่” ผมพูดบังคับเป็นนัยยะ ครั้งนี้เลิกที่จะใช้คำพูดว่า “มีอะไรก็ติดต่อมาได้นะ” เพราะคนอย่างยูถึงแม้ว่าจะมีอะไรเดือดร้อนก็คงจะไม่ยอมติดต่อมาหากเขาไม่จนมุม
“ไว้ยุจะไปหานะครับ” พายุพูด
“อื้อ” ยูผงกหัว ผมเข้าไปใกล้มากขึ้น ก้มลงหอมหน้าผากของเขาเป็นการบอกลา
“ดูแลตัวเองด้วย” ผมบอก
“พวกนายก็ด้วย” ยูยิ้มเล็กน้อย เราสบตากันครู่หนึ่งก่อนที่ผมจะเดินนำออกมาก่อน พายุยกมือไหว้ยูอีกครั้ง ด้านฝั่งของห้องนั่งเล่นทั้งลูกน้องของผมและลูกน้องของเฮียกานต์ยืนรออยู่อย่างเงียบสงบ จากห้องพักที่กว้างขวางก็ดูอึดอัดไปถนัดตาเมื่อต้องเต็มไปด้วยผู้ชายร่างเท่าใหญ่เท่า ๆ กัน เฮียกานต์ลุกจากโซฟาในทันที
“เรียบร้อยแล้วครับ” ผมบอก อีกฝ่ายมีสีหน้าโล่งใจปรากฏชัด
“วันมะรืน เอาไฟล์ทที่เช้าที่สุด”
“ไม่มีปัญหา” เฮียพยักหน้ารับ
“นี่ที่อยู่บ้านผมที่เซี่ยงไฮ้ แล้วก็เบอร์คนดูแล เฮียไปถึงแล้วเขาจะเอากุญแจไปให้” ผมยื่นกระดาษรายละเอียดให้เฮียกานต์
“ฝากด้วยครับ” ผมบอก
“แล้วมึงล่ะ..?” เฮียถาม ผมไม่ตอบในทันที ตาตกลงต่ำครู่หนึ่งก่อนช้อนตาขึ้นมอง
“ก็..ผมหวังว่ามันคงไม่มีอะไร” ผมตอบ
“เอาเถอะ ถ้ามึงต้องการความช่วยเหลือก็บอกแล้วกัน” เฮียพูดพร้อมวางมือลงที่ไหล่ผมด้วยน้ำหนักที่มั่นคง
“ขอบคุณครับ” ผมยิ้ม เฮียกานต์จ้องมองมาคล้ายกับรู้ว่าผมมีเรื่องที่จะพูดบอกอีก
“ถึงแม้อีกฝ่ายจะทำเหมือนตัวคนเดียวบนโลกนี้ แต่ครอบครัวผมเป็นคนดูแลเขานะครับ ผมไม่อยากให้เฮียลืม” ผมย้ำถึงจุดยืนที่เราเองก็ต่างรู้ดี
“ท้าทายงั้นเหรอ ?” เฮียแกมองตอบไม่สบอารมณ์ ผมหัวเราะมุมปากเล็กน้อยกับประโยคที่คล้ายกับกำลังรับปากว่า
“กูจะดูแลเป็นอย่างดี” “แล้วเจอกันนะจ๊ะยาหยี” เฮียขยิบตาให้พายุที่ยืนอยู่ด้านหลังผม
“เดี๋ยวไม่ยกพี่ยูให้เลย” พายุปรามหน้าดุทำเอาเฮียยิ้มชอบใจใหญ่
“..ลืมแนะนำไปหน่อย” ผมแทรก
“ไปถึงแล้วพาเขาไปดู Art book กับร้านเครื่องเขียนด้วยนะครับ เผื่ออีกฝ่ายจะอารมณ์ดีบ้าง ส่วนเฮียก็เตรียมเงินไปให้พอด้วยแล้วกัน เฮียก็รู้ว่าเขาลูกผู้ดีเก่า แต่..ขนหน้าแข้งเฮียคงไม่ร่วงหรอกมั้ง ยังไง..ดวงเขาก็คงเรียกเงินเข้าคาสิโนให้เฮียได้อีกพอดู” ผมแสยะลิ้นออกมายิ้ม ๆ แค่นึกก็จั๊กกะเดียมหัวใจแล้ว
“เหมือนมึงกำลังสนุกอยู่เลยนะ” เฮียมองเอือม
“หึ ๆ ก็ไม่ได้สนุกแบบนี้มานานแล้วนี่นะ” ผมอ้าปากกว้าง
“โชคดีครับพี่ชาย” ผมตัดบท เฮียกานต์พยักหน้า ผายมือขวาขึ้นยิ้ม ๆ ผมจับมือแกตอบก่อนที่เราจะกอดลาพอเป็นพิธี ลูกน้องเฮียกานต์ต่างโค้งลาผมอย่างพร้อมเพรียง สมุทรเปิดประตูห้องให้ผมกับพายุในขณะที่ลูกน้องของผมกำลังโค้งร่ำลาเฮียกานต์ พยาบาลสองคนที่กำลังจะเดินสวนเข้าห้องมาพากันหยุดชะงัก ก้มหน้าหลบลง คนของผมออกมาครบทุกคนแล้วแต่สมุทรยังคงเปิดประตูอ้ารอเอาไว้ พยาบาลทั้งสองคนจึงเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ เขายิ้มสุภาพให้พร้อมบอก
“เชิญครับ” เธอเผยรอยยิ้มน้อย ๆ ผงกหัวขอบคุณเขาแล้วแทรกเดินเข้าไป
“มีอะไรคืบหน้าไหม” ผมถาม หยุดยืนรอที่หน้าลิฟต์ มือล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบลูกอมออกมา ไอ้เด่นกดตัวเลขในชั้นที่ต้องการไปถึง
“พี่เอิร์ธปกติครับ แต่ไอ้มงคล..ออกไปนอกค่ายตอนกลางคืนบ่อย ๆ ส่วนรูปของหลานป้าน้อยอยู่ในโทรศัพท์มือถือของนายแล้วครับ” ไอ้เข้มตอบ
“ดูเหมือน มงคลกับหลานป้าน้อยน่าจะรู้จักกันน่ะครับ ไม่ใช่ข้อมูลแน่นอน ผมขอเวลาอีกสักหน่อยครับนาย” ไอ้เข้มก้มหัวลงเล็กน้อย
ลูกอมรสมิ้นท์ถูกนำเข้าปากก่อนช้อนตาดำขึ้นมองพลางผลิยิ้ม..
“ให้” ผมเอ่ยปากอนุญาต ไอ้เข้มผงกหัวน้อย ๆ รับทราบ ขณะเดียวกันลิฟต์ก็มาถึง ประตูเปิดออก เรารอจนคนในลิฟต์ออกจนหมดก่อนที่จะเข้าไป ประตูลิฟต์ถูกกดปิดทันทีโดยไอ้เด่น ผมเงยหน้าขึ้นมองจอที่ฉายภาพกล้องวงจรปิดในตัวลิฟต์ มือขวาปาดผมด้านข้างหูไปทางด้านหลังให้เรียบกว่าเดิมพร้อมยิ้มให้ตัวเองบนจอ
“โคตรหล่อ” ผมชมตัวเอง พี่ธานหลุดยิ้มกว้างทำให้สมุทรที่ยืนอยู่ด้านข้างพี่เขาก้มหน้าลงด้วยใบหน้ากลั้นอมยิ้มเช่นกัน
“คุณจะไล่ป้าน้อยออกไหมครับ” พี่ธานถาม
“ไม่” ผมฉีกยิ้มตอบ ลิ้นที่แลบออกมาถูกฟันบนกัดเอาไว้
“ในเมื่อพวกเขาอยากให้ผมดูโง่ ผมก็จะเป็นคนโง่แบบนี้ต่อไป คนเรา..ก็ไม่ได้ฉลาดไปซะทุกเรื่องอยู่แล้วนี่นะ
คึ!” ผมเกร็งตัวพ่นหัวเราะในคอ
น่าสนุก!- - - - - - - - - - - - - - -
[ วันอาทิตย์: 06:50 น. ] บ้านเลิศประสงค์พยากรณ์อากาศบอกว่าเช้าวันนี้กรุงเทพจะอากาศดี ความเย็นขณะที่นั่งอยู่ในสวนกระทบครั้งคราวก็พอทราบได้ว่ามีความจริงอยู่บ้าง และอาจมีพายุจากผลของอากาศแปรปรวนที่จะเริ่มเข้าประเทศไทยในช่วงบ่าย ผมไม่เชื่อมันหรอกจนกว่าจะพบกับความจริง เหงื่อที่เพิ่งออกกำลังกายเสร็จไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อนหน้าเริ่มแห้งลง เสียงพูดคุยยามเช้าดังแว่วมาจากทางหลังบ้าน พวกลูกน้องของผมเพิ่งตื่นและคงกำลังเดินมาทางนี้เพื่อจะลัดไปที่โรงฝึกเป็นแน่ คู่หูผมออกกำลังกายเสร็จก็ขอตัวเข้าไปอาบน้ำก่อนแล้ว
“นายซ้อมเสร็จแล้วเหรอครับ” ไอ้เด่นแทบผงะที่เห็นผมนั่งอยู่ มันผงกหัวปลก ๆ ด้วยสีหน้าตกใจคงสังเกตเห็นว่าผมใส่แต่กางเกงขาสั้น
“เออ” ผมตอบ มันกุลีกุจอเข้ามาเติมน้ำเปล่าใส่แก้วให้เมื่อเห็นว่าแก้วว่างเปล่า
“ถ้ามึงไปเดทกับกู มึงคิดว่าเราควรจะไปไหนกัน ?” ผมจ้องไอ้เด่นเขม็ง
“เอ๊ะ” อีกฝ่ายอุทานด้วยสีหน้างงงวย ครู่หนึ่งมันก็ทำหน้าใช้ความคิดหาคำตอบ
“ไป..ที่ ๆ นายชอบก็ได้ครับ ผมไปไหนก็ได้” มันยิ้มตอบแบ่งรับแบ่งสู้
“แล้วมึงเขินทำเหี้ยไร ไปให้พ้นส้นตีนกูเลย” ผมพูด เอาตีนยกขึ้นเขี่ยกลางอากาศทำให้ไอ้เด่นรีบกระโดดโหยงถอยหลังเก้อเขิน
“หน้าตามึงนี่ชวนหงุดหงิดจริง ๆ” ผมถอนหายใจยาว แก้วน้ำถูกยกขึ้นดื่มครึ่งแก้วก่อนวางลง
“นายจะไปเดทเหรอครับ” ไอ้เด่นถาม ยืนเว้นระยะห่างจากขาผมออกไปประมาณสองเมตร ไอ้เข้มเดินมาและหยุดยืนอยู่ด้านหลังน้องชายอย่างสนใจในประเด็นที่กำลังเกิดขึ้น
“เออ” ผมตอบเสียงห้วน
“กูนึกไม่ออก นอกจากโรงแรม” แขนถูกปล่อยทิ้งแกว่งลงกลางอากาศทั้งสองข้างขณะนั่งอยู่ ใบหน้าเอียงเล็กน้อย ตากลอกขึ้นมองต้นไม้ใบหญ้าที่แกว่งอยู่บนหลังคาศาลานั่งเล่น
“ไปที่ ๆ อีกฝ่ายอยากไปสิครับ” ไอ้เข้มเสนอ ผมเหล่ตามองไปที่มัน
“มึงอยากไปไหนล่ะ ?” ผมยิงคำถามกลับทันที คนถูกถามชะงักวิหนึ่งเห็นจะได้
“ผมอยากไปทะเลครับ” มันตอบกลับซื่อ ๆ ไอ้เข้มแตกต่างจากไอ้เด่นบ้างในบางมุม มันเถรตรงแบบไม่ปัญญาอ่อนเหมือนน้องชาย
“ไกลไป แล้วมึงก็เพิ่งกลับมาไม่ใช่เรอะ” ผมหลุดขำ
“ฝ่ายนั้นเขาก็เพิ่งกลับมาเหรอครับ” ไอ้เข้มถามกลับ ไอ้นี่บทจะฉลาดก็ฉลาดขึ้นมา ผมไม่ตอบ กวาดตาพลางแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์มองอย่างพอใจในคำถามที่ถูกย้อนมาอย่างสงสัย
“พี่ธานมา!” ไอ้หินวิ่งหน้าตั้งออกมาจากบ้าน มันสะดุ้งด้วยความตกใจที่เห็นผมนั่งอยู่ ก่อนผงกหัวทักทายยามเช้าแล้ววิ่งหนีไปก่อนใครเพื่อน พี่ธานเดินออกมาจากประตูฝั่งห้องนั่งเล่น อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย จ้องเขม็งมาที่ไอ้เข้มและไอ้เด่นที่ยืนอยู่ ไม่ทันให้พี่แกได้เอ่ยปากด่ามันสองคนก็ร่ำลาผมลวก ๆ แล้ววิ่งตามก้นไอ้หินไปติด ๆ พี่ธานหยุดยืนเท้าเอวจ้องไปที่โรงฝึกด้วยท่าทางรำคาญใจก่อนจะหันกลับมา
“นัดเขาไว้กี่โมงเหรอครับ” พี่เขาถามแล้วเลื่อนเก้าอี้นั่งลง
“บ่ายโมง” ผมตอบ
“ระวังตัวด้วยนะครับ”
วันนี้เป็นวันที่ผมกับสมุทรนัดกันไว้ และด้วยเหตุผลเพราะผมอ้างว่านี่คือการไปเดท ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครทราบนอกจากพี่ธาน อีกทั้งผมออกปากสั่งให้ทุกคนพักผ่อนได้ตามสบาย กึ่ง ๆ บอกพี่ธานนั่นละว่า “ไม่ให้ตามไป” อีกฝ่ายคงเป็นห่วงและอ่านสถานการณ์ออกว่าผมไม่ได้พูดเล่น ด้วยสถานการณ์ที่กึ่งดำกึ่งขาวเช่นนี้พี่เขาคงลำบากใจมากที่ต้องปล่อยให้ผมไปลำพัง
“ยูเดินทางแล้วใช่ไหม” ผมถาม
“ครับ” พี่ธานผงกหัว
“ขอโทษนะคะ คุณไฟอยากให้ป้าจัดโต๊ะอาหารเช้าที่ไหนดีคะ” ป้าอิ่มยิ้มถาม
“ที่นี่ก็ได้ครับ” ผมตอบเพราะขี้เกียจเคลื่อนย้ายตัวแล้ว
“ได้ค่ะ” เธอผงกหัวแล้วกลับเข้าบ้านไป ผมนั่งมอง เห็นไกล ๆ ที่หน้าบ้านว่าพายุกำลังเดินออกมาพร้อมกับกังฟูทั้งชุดนอนของมัน
“อาทิตย์หน้าไอ้ดินก็กลับไปเรียนแล้วนี่นะ” ผมนึกขึ้นได้
“ทำเรื่องย้ายให้มันไปอยู่โรงเรียนประจำกับแม่ดีไหมนะ”
“งอนตายเลยครับ” พี่ธานยิ้มบอก ผมหัวเราะเห็นด้วย
“ผมอยากให้มันเรียนสายอาชีพมากกว่าเข้ามหาลัย”
“คนอย่างมัน จบมหาลัยไปก็ไปกองรวมอยู่ในกลุ่มคนทำงานไม่ตรงสายอาชีพอยู่ดี” ผมบ่นขำ ๆ พี่ธานยิ้มอย่างไม่ปฏิเสธ บทสนทนาเรื่อยเปื่อยไปหลายเรื่องจนอาหารเช้าถูกเสิร์ฟพร้อม พายุพากังฟูมาด้วย มันนั่งสงบเสงี่ยมเฝ้าเจ้านายอยู่ข้างสระว่ายน้ำ ดูท่าคงอยากกระโดดลงไปเต็มแก่ แต่เพราะถูกฝึกมาอย่างดีจึงยับยั้งใจไว้ได้ ส่วนไอ้ดินตื่นช้ากว่าหมาหน่อย มันลุกมานั่งร่วมโต๊ะทั้งขี้ตา วันนี้อาหารเช้าเป็นอีกวันที่เริ่มต้นวันอย่างสบาย ๆ ไม่รู้ว่าเพราะเปลี่ยนที่เปลี่ยนบรรยากาศด้วยรึเปล่าน่ะนะ
- - - - - - - - - - - - - - -