The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 446158 ครั้ง)

ออฟไลน์ NOPKAN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-1

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เฮอะๆ.....ไฟ จิตอยู่แล้ว บ้าดีเดือดด้วย
ไม่เก่งจริง ไม่เป็นไฟอย่างนี้หรอก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
อย่างเต้ว่าแหละ ไฟเหมือนคนวิตถาร บ้าด้วย
ก็เล่นไม่ใส่กางเกง กินไวน์กับพี่ทัพ พี่ธาน กร๊ากกกกก
เบื่อชะนีพลอย ทะลึ่งชอบคนของไฟ
น่าสั่งสอนให้ไม่กล้าเสนอหน้าอีก :z6: :z6: :z6:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
เข้าใจเต้ที่จะกลัวไฟนะ
555555
ชอบสมุทรขึ้นมาเลย
ต้านทานความจังไรของคนๆนี้ได้ยังไง
เนื้อคู่ชัดๆ ก๊ากกกกก

ออฟไลน์ konjingjai

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +226/-4
เหมือนมันจะมีงานใหญ่รออยู่

ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
งืออออ แค่อยากอยากได้เสียง โฮวววววว อะไรจะหวานเบอร์นั้นคะพี่ไฟ คิดถึงเค้าก็บอกไปเลยยยย จริงๆสมุทรอาจจะแอบยิ้มอยู่ก็ได้นะ  :hao7:

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9

ออฟไลน์ JaaJaaJaaJaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกก ถ้าเรามีเงินสะกหลายสิบล้านเราจะขอซื้อไปทำละครจริงๆ เราชอบมาก นี่คิดถึงนักแสดงของตัวละครหลักแต่ละตัวไว้หมดแล้วนะเนี่ย !!!!! อินขั้นสุด

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
คุณไฟฟฟฟ
นี่พระเอกหรือตัวโกงถามจริงๆ
ทำไมมันกวนมันบ้าได้ขนาดนี้
ปวดหัวแทนสมุทรเลย 55555555

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
ในที่สุดคุณไฟก็ใจอ่อนช่วยพี่ทัพจนได้   แต่ไม่รู้ว่าสมุทรจะใจอ่อนให้คุณไฟเมื่อไร รู้สึกจะมีเรื่องที่ได้อยู่เหนือเจ้านายบ้างก็น่ารักดีอารมณ์แบบเป็นต่ออ่ะ  :laugh:


รอตอนต่อไปค่ะ


 :katai3:

ออฟไลน์ Sadistic_seme

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ไฟโหดและจัญไรมาก แต่ยังมีความมุ้งมิ้งเมื่อจีบสมุทร ฮ่าๆ สมุทรไม่สะทกสะท้านแถมยังต่อปากต่อคำได้อีก ไม่มีใครเหมาะเท่านี้อีกละ เพราะงั้นสมุทรต้องเสียสละตัวเองเป็นแฟนไฟ จะได้มีคนปรามให้ไฟอยู่กะร่องกะรอยได้บ้าง 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ไฟนี่จิตจริงๆ แต่เพราะงี้แหละเลยน่าสนุก

ออฟไลน์ Ball

  • He exists now only in my memory.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-0
เพิ่งได้มาตามอ่านค่ะเบบี้ จะบอกว่าชอบไฟมากกกกกกก
โอ้ยยย ช่างเป็นคนที่ผีบ้าดีจริงๆ 555555
นี่ชอบทุกการกระทำของไฟเลย คือเป็นคนที่สุดตีนจริงๆนะคะ
นี่สงสารสมุทรปนชื่นชมและอิจฉาอยู่ลึกๆ?
ใช้ชีวิตรับมือกับคนแบบนี้มันทั้งน่าอิจฉาน่าสงสารและน่าชื่นชม
อิจฉาเพราะอยากเจอคนแบบนี้บ้าง น่าสงสารเพราะสมุทรไม่ยังคุ้นชินกับความเป็นไฟเท่าไหร่
พูดง่ายๆคือปากกับสายตาของไฟ ฮ่าๆ แต่เดี๋ยวอีกหน่อยก็รู้เรื่องเลย อิอิ
ส่วนน่าชื่นชม เราว่านิสัยสมุทรก็มีทั้งเสน่ห์และความน่ารำคาญ
ในการเป็นสุภาพบุรุษเกินไปสักนิด ความเป็นคนดีเกินไปสักหน่อย
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเวลาเจอคนแบบนี้มักจะอดคิดไม่ได้ว่า
ก้ดีนะ อย่างน้อยก็ยังมีคนแบบนี้อยู่ และเราเห็นด้วยที่ว่า
ความเป็นเราจะดึงดูดคนที่คล้ายๆกับเราให้เราเจอกัน
ดังนั้นเราก็คิดว่าลึกๆทั้งคู่เหมือนกัน แต่แค่นิสัยต่างกันในพื้นฐาน
การใช้ชีวิต สังคม ความรับผิดชอบที่หล่อหลอมขึ้นมา

จริงๆเรารู้สึกได้ว่าไฟเป็นคนที่น่ารักมากนะคะ เราค่อนข้างชอบนิสัยไฟมากเลยทีเดียว
แบบว่าถ้าเราเป็นสมุทร เราว่าวันนึงเราตกหลุมรักไฟแน่นอนอะ
บังเอิญชอบและมีความคิดแนวเดียวกับไฟ นั่นคือชอบคนซื่อสัตย์
เราว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเกิดมาเป็นมนุษย์อย่างมากพอๆกับคำว่าจิตสำนึก
แต่กลับหาได้ยากมากๆในปัจจุบัน ก็ไม่รู้เหมือนกันอะนะว่าทำไม

เราว่าลึกๆแล้วสมุทรชอบไฟนะ แค่ยังไม่คิดต่อว่าชอบแบบไหน
และยังไม่พร้อมกับอะไรหลายๆอย่าง เหนื่อยใจในการรับมือ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยอมให้
บางทีโมโหจนอยากจะต่อยให้คว่ำ แต่เพราะรู้ว่าทำไปก็ทำให้หยุดไฟไม่ได้
สุดท้ายก็จะอ่อนให้ ลงให้ จนกลายเป็นไม่เคยได้โกรธจริงๆจังสักที
ต่อไปสมุทรก็จะยิ่งเป็นแบบนี้ ค่อยๆรับ ค่อยๆเห็นว่าไฟมันน่ารักจะตาย
สุดท้ายก็รักไปซะแล้ว  นี่คิดไปเองค่ะ ฮ่าาาาาา

ชอบค่ะ ชอบมากๆๆๆ ขอบคุณเบบี้จริงๆที่แต่งนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา
เราจะเป็นกำลังใจและรอติดตามต่อไปนะคะ

ปล.เมฆเป็นเด็กตลกที่น่าแกล้งมากจริงๆ
และพี่ธานนี่เป็นผู้ชายที่มีภาพลักษณ์เป็นสมุทรที่มีสันดานเป็นไฟใช่มั้ยคะ? ฮ่าๆ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-12-2016 16:58:21 โดย Ball »

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
โคตรสนุกเลย  :katai4: :katai4:
รอตอนต่อไปนะค้า

ออฟไลน์ จอมจุ้น6002

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ผู้ชายอย่างไฟ ให้ความรู้สึกว่าทั้งรักและเกลียดชัง

ออฟไลน์ MooMiew

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
อ่านถึงตอนที่22ละ สะเทือนใจมากๆ กับเรื่องของพี่น้องครอบครัว ขอเม้นก่อนนะ

ไฟเลี้ยงน้องได้ดีมากเลยอะ มีวิธีการสั่งสอนที่สุดยอดเลย ในห้องปกครองเราว่าไฟจัดการได้โหดมาก เด็ดขาดสุดๆ ด้วยความโมโหแหละ พี่แกไม่ไว้หน้าใคร ไม่สนใจใครเลย แค่ทำหน้าที่ผู้ปกครองให้จบ แล้วเดินกลับมาที่รถหยิบเอาไม้เท้าออกมานี่ใจหายเลยอะ พี่! หน้าห้องปกครอง กลางรร.เลยนะพี่! แต่ก็ตบหน้าแทนเรานี่ใจหายแว้บบบ เจ็บแทนดิน แต่ก็เอ้อ ไม่ยอมเชื่อพี่ไง ไม่อดทนเองอ่ะ สมแล้วดินเอ๋ย ละพอพี่ไฟคว้าดิสไปซบอกนี่ คนอ่านน้ำตาแตกเลยจ้า สวมวิญญานดินแล้วร่ำไห้แทน แง้ พี่ไฟ ดินขอโทษษษ ง่าา แถมมีสั่งสอนตบท้าย พี่ไฟโคตรเท่เลยยย  :-[

ส่งท้ายบทยิ่งสะเทือนใจนะ เออ พี่ไฟเขาก็ผ่านอะไรมายแล้วอะเนอะ มีหลุมในจิตใจ คงเคว้งแล้ว อยากได้อะไรยึดเหนี่ยวเยียวยาจิตใจใช่ม้าาา เอาเป็นน้ำเย็นๆ จาก(มหา) สมุทรซักคน เอ้ย แก้วมั้ยพี่ อิอิ  :hao7:

ขอไปอ่านต่อก่อนละ  :katai5:

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
เหมือนโดนไฟจีบ...มีความเขินแทน!!!

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

[ อังคารที่ 20 ธ.ค 59 ]  ตอนที่ 35 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1290



_ _ _ _ _ _ _ _ _ _

ตอนที่ 36
..ไฟ..




08:30 น. : โรงพยาบาล WITPA

“อะไร ?” เฮียกานต์มองขวางมาที่เช็คในมือผม

“ของยู” ผมตอบ 

“ไม่จำเป็น” เฮียตอบเสียงแข็ง  ความไม่พอใจแสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง  แน่นอนว่าการทำเช่นนี้คล้ายกับเอาเท้าไปสะกิดศักดิ์ศรีของคนระดับเฮียแกอยู่บ้างเหมือนกัน

“ผมอยากให้เฮียพายูไปที่เซี่ยงไฮ้สักพัก” ผมบอก  เก็บเช็คเข้ากระเป๋าเสื้อ

“มึงคิดว่ามันง่ายไหมละ แม่งดื้ออย่างกับอะไร ขนาดกูเอ่ยปากว่าจะปิดบ่อนมันยังไม่ยอมเลย” เฮียขึ้นเสียงบ่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดผิดทุกครั้ง

“เขารู้มากเกินไปแล้ว” ผมพูด  ดวงตาของเฮียกานต์เบิกกว้างขึ้นกว่าเดิมนิดหนึ่งก่อนจะนิ่งลง

“ดูเหมือนสิ่งที่เขารู้จะเกี่ยวข้องกับคดีใหญ่ อยู่ต่อไปเฮียก็จะลำบากไปด้วย”

“เฮียควรเอาเขาไป เดี๋ยวผมจะคุยกับเขาเอง” ผมตัดบทสรุปเด็ดขาด  ลุกขึ้นตรงเข้าห้องพักผู้ป่วย  พายุที่นำเข้าไปเยี่ยมยูตั้งแต่มาถึงกำลังชวนคุยอย่างออกรส  ถ้าเป็นกับยูละก็น้องชายผมมักพูดมากเป็นพิเศษ  ส่วนยูก็จะกลายเป็นคนพูดน้อยไปโดยง่ายหากอยู่กับพายุ 

“เฮียจีบพี่สมุทรล่ะ วันนี้พี่เขาก็มาด้วยนะครับ รออยู่ข้างนอกน่ะ” พายุพูดเสียงเนือย ๆ 

“ไปพามาให้ดูหน้าหน่อยสิ” ยูบอก

“พูดมาก” ผมเข้าไปทางด้านหลังของพายุที่นั่งเก้าอี้อยู่ข้าง ๆ เตียง  มือเคาะลงกลางหัวน้องชายปากสว่างเบา ๆ

“ไหนบอกไม่ยากรู้ไง” ผมอมยิ้มมุมปากแซวคนบนเตียง  ยูกลอกตาหน้าทะเล้น  พายุลุกขึ้นเพื่อสละเก้าอี้ให้ผมนั่ง  ส่วนมันย้ายไปนั่งที่โซฟาแทน

“ผมมีบ้านที่เซี่ยงไฮ้ เป็นชื่อของแม่พายุน่ะ” ผมเปรยขึ้นมองยูที่เบือนหน้าไปทางหน้าต่างทีละน้อย  สายตาทอดลอยไปไกลคล้ายไร้จุดหมาย

“ไปอยู่ที่นั่นก่อนสักพัก หายดีแล้วค่อยเข้ามาเก๊ากับเฮีย อยู่ที่นั่น..เฮียดูแลคุณได้เต็มที่กว่า” ผมพูด

“........” ยูยังคงรักษาความเงียบนี้ไว้อย่างนิ่งเฉย  ผมหยุดพูดเพื่อรอความคิดเห็นของเขาอย่างใจเย็น  การพูดเช่นนี้ของผมยูเองก็น่าจะทราบดีว่าไม่ใช่การแนะนำแต่เป็นการบังคับต่างหาก

“แถวนั้นมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะไหม” ยูพึมพำ  ใบหน้ายังคงไม่หันกลับมา

“คุณไง” ผมกวนตอบ  รอยยิ้มปรากฏผุดที่มุมปากของเขาน้อย ๆ   

“แล้ว..ห้องนอนฉันจะใหญ่แค่ไหน ?”

“ใหญ่มาก ก็ผมรวย” ผมตอบด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายทำให้ยูหันหน้ากลับมามองพร้อมยิ้มชอบใจ  ผมเองก็ยิ้มให้เขาเช่นกัน

“บอกแล้วไงว่าให้เลิกสอดรู้” ผมต่อว่าเสียเลย

“Nosy ?” ยูย้ำคำพร้อมแสยะปากประชด

“เปล่าสอดรู้สักหน่อย ฉันไม่ได้อยากไปรู้เรื่องระยำพวกนี้สักนิด” ยูบ่นด้วยสีหน้าไม่แยแส  ผมเพียงกวาดตามองใบหน้าเขาทุกการเคลื่อนไหวจนอีกฝ่ายหุบปากเงียบลง

“คุณ..รู้แม้กระทั่งว่าใครเป็นนายของไอ้กาย ตำรวจยังงมอยู่ที่เดิมกันอยู่เลย คุณไปรู้มาได้ยังไง” ผมถอนหายใจ

“ใคร ๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นล่ะน่า นายก็รู้ว่าพวกเราอยู่กับแบบไหน ก็แค่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง ส่วนเรื่องนี้ที่นายไม่รู้ ก็เพราะว่านายมันไม่สนหัวใครจนกว่าเรื่องจะเข้ามาหานายเองไงล่ะ” ยูพูดด้วยใบหน้ายิ้มอ่อน ๆ  แดกดันมาว่าเป็นความผิดของผมเสียอย่างนั้น  ผมอมยิ้ม อย่างไรผมก็ไม่ปฏิเสธละนะ

“ในเมื่อคนอื่นยังไม่กล้าแตะต้อง คุณก็อย่าหาเรื่องใส่ตัวนักสิ” ผมบ่น

“ปอดแหกน่า อย่างมากก็แค่ตาย” ยูมองเขม็งมาที่ผมด้วยใบหน้านิ่งสงบ  คำบอกเล่าคล้ายพูดเล่นสนุกปากแต่หากเป็นคน ๆ นี้แล้วมันลึกซึ้งกว่านั้นแน่  เราจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพ่นหัวเราะในลำคอออกมาพร้อม ๆ กัน  บทสนทนาถูกทิ้งช่วงลงทีละน้อย

“ฉันไปคนเดียวได้ ไอ้บ้ากามนั่นบอกว่าจะปิดบ่อนที่นี่ ฉันไม่ได้ขอสักหน่อย” ยูเปิดประเด็นเสียงแข็ง

“คุณก็อยากให้เขาปิดอยู่แล้วนี่” ผมมองอย่างรู้ทัน  คนบนเตียงถึงกับชะงัก  หันหน้าหนีด้วยสีหน้าแอบเคือง

“ยู..” ผมเรียก 

“วันมะรืนนี้คุณต้องเดินทาง เราจะไม่ให้โรงพยาบาลทำเรื่องส่งตัว ไหวใช่ไหม ?” ผมถาม

“หึ..สบาย” ยูยิ้มตอบ

“ไม่ต้องติดต่อพี่กิ่ง ผมจะบอกเธอเอง ห้ามคุณติดต่อใครจนกว่าจะออกจากเซี่ยงไฮ้”

“ฉัน..” ยูจ้องมองมา

“ไม่ได้จะเอาเรื่องของพวกมันไปบอกใครได้นอกจากนาย” เขาขยายความ

“หึ..ก็นะ” ผมยิ้มกว้างเข้าใจในความหมาย

“แล้วมีอะไรอีกไหมที่ยังไม่ได้บอกผม” ผมถาม  ยูเงียบด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“ไอ้กริดเกลียดนายน่าดู” ยูยิ้มกว้างบอก

“หึ ๆ ๆ” ผมกับพายุหัวเราะ

“เรื่องนั้นเฮียรู้อยู่แล้วล่ะ” พายุพูดยิ้ม ๆ

“ก็มีแต่คนรักผมนี่น้า มันจะเกลียดผมสักคนก็ช่วยไม่ได้” ผมเล่นเสียง  เอนหลังพร้อมเงยหน้าขึ้นถอนหายใจ

“หลงตัวเองชะมัด” ยูเบะปาก

“ผมจะไม่มาที่นี่อีก” ผมพูดขึ้น  ตั้งคอตรงเพ่งมองเขา

“ดังนั้นคุณต้องเชื่อฟังเฮีย แล้วถ้าคุณอยากจะพยศละก็ ควบคุมมันไว้แล้วค่อยเก็บไว้ไปทำนอกประเทศ” ผมย้ำเพื่อดักทางนิสัยของเขาที่มีต่อเฮียกานต์

“ก็ถ้ามันไม่กวนฉันละก็นะ” ยูทำเมินถึงประเด็นดังกล่าว

“ถ้าอีกฝ่ายทำท่าจะทิ้งคุณขึ้นมา ก็โทรบอกผมแล้วกัน” ผมอมยิ้มสรุป  ยูเพียงยิ้มน้อย ๆ ด้วยดวงตาไร้ความหมาย 

“อ้า ๆ ขาให้เฮียเขาไปเถอะน่า เดี๋ยวลูกน้องที่นั่นจะงงว่าทำไมอาซ้อของพวกมันถึงได้เล่นตัวนัก อีกฝ่ายจะคลั่งอยู่แล้วมั้ง” ผมยักคิ้วเจ้าเล่ห์ทำเอายูหน้างอหงิกได้ทีเดียว

“ถ้าให้ชั่วโมงละล้านจะเก็บเอาไปคิดดูนะ” ยูเชิดตอบ  พายุหัวเราะชอบใจ

“กลัวว่าอ้าแล้วจะถูกรักมากกว่าเดิมแล้วทำใจยอมรับไม่ได้งั้นสินะ” ผมแซวต่อทันที

“นายนี่มัน ..หยุดพูดได้แล้ว!” ยูขมวดคิ้วว่าเสียงแทบหลง

“หยุดหัวเราะด้วยพายุ” 

“งั้นก็ยกเฮียให้พายุไหมละ ? เฮียเขาเอ่ยปากขอจนผมจะใจอ่อนอยู่แล้ว เอางั้นก็ได้นะถ้าคุณยอม” ผมเสนอ

“อยากได้ก็เอาไปสิ” ยูแสยะปาก

“หึ..” ผมกับพายุมองหน้ากันยิ้ม ๆ

“หยุดทำหน้าประหลาดเลยนะไอ้พี่น้องนรกพวกนี้นี่” ยูบ่นเสียงแข็ง

“ผมโอนเงินให้เรียบร้อยแล้วนะ” ผมตัดบทพร้อมลุกขึ้น  วางมือลงบนหัวของยูอย่างเบามือ

“บอกว่าไม่เอา ๆ พูดยากจริง” ยูบ่นเซ็ง ๆ

“ติดต่อมาด้วยล่ะ พวกเรารออยู่” ผมพูดบังคับเป็นนัยยะ  ครั้งนี้เลิกที่จะใช้คำพูดว่า “มีอะไรก็ติดต่อมาได้นะ”  เพราะคนอย่างยูถึงแม้ว่าจะมีอะไรเดือดร้อนก็คงจะไม่ยอมติดต่อมาหากเขาไม่จนมุม

“ไว้ยุจะไปหานะครับ” พายุพูด

“อื้อ” ยูผงกหัว  ผมเข้าไปใกล้มากขึ้น  ก้มลงหอมหน้าผากของเขาเป็นการบอกลา 

“ดูแลตัวเองด้วย” ผมบอก

“พวกนายก็ด้วย” ยูยิ้มเล็กน้อย  เราสบตากันครู่หนึ่งก่อนที่ผมจะเดินนำออกมาก่อน  พายุยกมือไหว้ยูอีกครั้ง  ด้านฝั่งของห้องนั่งเล่นทั้งลูกน้องของผมและลูกน้องของเฮียกานต์ยืนรออยู่อย่างเงียบสงบ  จากห้องพักที่กว้างขวางก็ดูอึดอัดไปถนัดตาเมื่อต้องเต็มไปด้วยผู้ชายร่างเท่าใหญ่เท่า ๆ กัน  เฮียกานต์ลุกจากโซฟาในทันที

“เรียบร้อยแล้วครับ” ผมบอก  อีกฝ่ายมีสีหน้าโล่งใจปรากฏชัด 

“วันมะรืน เอาไฟล์ทที่เช้าที่สุด”

“ไม่มีปัญหา” เฮียพยักหน้ารับ

“นี่ที่อยู่บ้านผมที่เซี่ยงไฮ้ แล้วก็เบอร์คนดูแล เฮียไปถึงแล้วเขาจะเอากุญแจไปให้” ผมยื่นกระดาษรายละเอียดให้เฮียกานต์   

“ฝากด้วยครับ” ผมบอก

“แล้วมึงล่ะ..?” เฮียถาม  ผมไม่ตอบในทันที  ตาตกลงต่ำครู่หนึ่งก่อนช้อนตาขึ้นมอง

“ก็..ผมหวังว่ามันคงไม่มีอะไร” ผมตอบ

“เอาเถอะ ถ้ามึงต้องการความช่วยเหลือก็บอกแล้วกัน” เฮียพูดพร้อมวางมือลงที่ไหล่ผมด้วยน้ำหนักที่มั่นคง

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้ม  เฮียกานต์จ้องมองมาคล้ายกับรู้ว่าผมมีเรื่องที่จะพูดบอกอีก

“ถึงแม้อีกฝ่ายจะทำเหมือนตัวคนเดียวบนโลกนี้ แต่ครอบครัวผมเป็นคนดูแลเขานะครับ ผมไม่อยากให้เฮียลืม” ผมย้ำถึงจุดยืนที่เราเองก็ต่างรู้ดี 

“ท้าทายงั้นเหรอ ?” เฮียแกมองตอบไม่สบอารมณ์  ผมหัวเราะมุมปากเล็กน้อยกับประโยคที่คล้ายกับกำลังรับปากว่า “กูจะดูแลเป็นอย่างดี”

“แล้วเจอกันนะจ๊ะยาหยี” เฮียขยิบตาให้พายุที่ยืนอยู่ด้านหลังผม
 
“เดี๋ยวไม่ยกพี่ยูให้เลย” พายุปรามหน้าดุทำเอาเฮียยิ้มชอบใจใหญ่
 
“..ลืมแนะนำไปหน่อย” ผมแทรก

“ไปถึงแล้วพาเขาไปดู Art book กับร้านเครื่องเขียนด้วยนะครับ เผื่ออีกฝ่ายจะอารมณ์ดีบ้าง ส่วนเฮียก็เตรียมเงินไปให้พอด้วยแล้วกัน เฮียก็รู้ว่าเขาลูกผู้ดีเก่า แต่..ขนหน้าแข้งเฮียคงไม่ร่วงหรอกมั้ง ยังไง..ดวงเขาก็คงเรียกเงินเข้าคาสิโนให้เฮียได้อีกพอดู” ผมแสยะลิ้นออกมายิ้ม ๆ  แค่นึกก็จั๊กกะเดียมหัวใจแล้ว

“เหมือนมึงกำลังสนุกอยู่เลยนะ” เฮียมองเอือม

“หึ ๆ  ก็ไม่ได้สนุกแบบนี้มานานแล้วนี่นะ” ผมอ้าปากกว้าง

“โชคดีครับพี่ชาย” ผมตัดบท  เฮียกานต์พยักหน้า  ผายมือขวาขึ้นยิ้ม ๆ  ผมจับมือแกตอบก่อนที่เราจะกอดลาพอเป็นพิธี  ลูกน้องเฮียกานต์ต่างโค้งลาผมอย่างพร้อมเพรียง  สมุทรเปิดประตูห้องให้ผมกับพายุในขณะที่ลูกน้องของผมกำลังโค้งร่ำลาเฮียกานต์  พยาบาลสองคนที่กำลังจะเดินสวนเข้าห้องมาพากันหยุดชะงัก  ก้มหน้าหลบลง  คนของผมออกมาครบทุกคนแล้วแต่สมุทรยังคงเปิดประตูอ้ารอเอาไว้  พยาบาลทั้งสองคนจึงเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ  เขายิ้มสุภาพให้พร้อมบอก “เชิญครับ” เธอเผยรอยยิ้มน้อย ๆ ผงกหัวขอบคุณเขาแล้วแทรกเดินเข้าไป 


“มีอะไรคืบหน้าไหม” ผมถาม  หยุดยืนรอที่หน้าลิฟต์  มือล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบลูกอมออกมา  ไอ้เด่นกดตัวเลขในชั้นที่ต้องการไปถึง 

“พี่เอิร์ธปกติครับ แต่ไอ้มงคล..ออกไปนอกค่ายตอนกลางคืนบ่อย ๆ  ส่วนรูปของหลานป้าน้อยอยู่ในโทรศัพท์มือถือของนายแล้วครับ” ไอ้เข้มตอบ

“ดูเหมือน มงคลกับหลานป้าน้อยน่าจะรู้จักกันน่ะครับ ไม่ใช่ข้อมูลแน่นอน ผมขอเวลาอีกสักหน่อยครับนาย” ไอ้เข้มก้มหัวลงเล็กน้อย

ลูกอมรสมิ้นท์ถูกนำเข้าปากก่อนช้อนตาดำขึ้นมองพลางผลิยิ้ม.. “ให้” ผมเอ่ยปากอนุญาต  ไอ้เข้มผงกหัวน้อย ๆ รับทราบ  ขณะเดียวกันลิฟต์ก็มาถึง  ประตูเปิดออก  เรารอจนคนในลิฟต์ออกจนหมดก่อนที่จะเข้าไป  ประตูลิฟต์ถูกกดปิดทันทีโดยไอ้เด่น  ผมเงยหน้าขึ้นมองจอที่ฉายภาพกล้องวงจรปิดในตัวลิฟต์  มือขวาปาดผมด้านข้างหูไปทางด้านหลังให้เรียบกว่าเดิมพร้อมยิ้มให้ตัวเองบนจอ

“โคตรหล่อ” ผมชมตัวเอง  พี่ธานหลุดยิ้มกว้างทำให้สมุทรที่ยืนอยู่ด้านข้างพี่เขาก้มหน้าลงด้วยใบหน้ากลั้นอมยิ้มเช่นกัน

“คุณจะไล่ป้าน้อยออกไหมครับ” พี่ธานถาม

“ไม่” ผมฉีกยิ้มตอบ  ลิ้นที่แลบออกมาถูกฟันบนกัดเอาไว้

“ในเมื่อพวกเขาอยากให้ผมดูโง่ ผมก็จะเป็นคนโง่แบบนี้ต่อไป คนเรา..ก็ไม่ได้ฉลาดไปซะทุกเรื่องอยู่แล้วนี่นะ คึ!” ผมเกร็งตัวพ่นหัวเราะในคอ  น่าสนุก!



- - - - - - - - - - - - - - -



[ วันอาทิตย์: 06:50 น. ]  บ้านเลิศประสงค์

พยากรณ์อากาศบอกว่าเช้าวันนี้กรุงเทพจะอากาศดี  ความเย็นขณะที่นั่งอยู่ในสวนกระทบครั้งคราวก็พอทราบได้ว่ามีความจริงอยู่บ้าง  และอาจมีพายุจากผลของอากาศแปรปรวนที่จะเริ่มเข้าประเทศไทยในช่วงบ่าย  ผมไม่เชื่อมันหรอกจนกว่าจะพบกับความจริง  เหงื่อที่เพิ่งออกกำลังกายเสร็จไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อนหน้าเริ่มแห้งลง  เสียงพูดคุยยามเช้าดังแว่วมาจากทางหลังบ้าน  พวกลูกน้องของผมเพิ่งตื่นและคงกำลังเดินมาทางนี้เพื่อจะลัดไปที่โรงฝึกเป็นแน่  คู่หูผมออกกำลังกายเสร็จก็ขอตัวเข้าไปอาบน้ำก่อนแล้ว   

“นายซ้อมเสร็จแล้วเหรอครับ” ไอ้เด่นแทบผงะที่เห็นผมนั่งอยู่  มันผงกหัวปลก ๆ ด้วยสีหน้าตกใจคงสังเกตเห็นว่าผมใส่แต่กางเกงขาสั้น

“เออ” ผมตอบ  มันกุลีกุจอเข้ามาเติมน้ำเปล่าใส่แก้วให้เมื่อเห็นว่าแก้วว่างเปล่า

“ถ้ามึงไปเดทกับกู มึงคิดว่าเราควรจะไปไหนกัน ?” ผมจ้องไอ้เด่นเขม็ง

“เอ๊ะ” อีกฝ่ายอุทานด้วยสีหน้างงงวย  ครู่หนึ่งมันก็ทำหน้าใช้ความคิดหาคำตอบ

“ไป..ที่ ๆ นายชอบก็ได้ครับ ผมไปไหนก็ได้” มันยิ้มตอบแบ่งรับแบ่งสู้

“แล้วมึงเขินทำเหี้ยไร ไปให้พ้นส้นตีนกูเลย” ผมพูด  เอาตีนยกขึ้นเขี่ยกลางอากาศทำให้ไอ้เด่นรีบกระโดดโหยงถอยหลังเก้อเขิน

“หน้าตามึงนี่ชวนหงุดหงิดจริง ๆ” ผมถอนหายใจยาว  แก้วน้ำถูกยกขึ้นดื่มครึ่งแก้วก่อนวางลง

“นายจะไปเดทเหรอครับ” ไอ้เด่นถาม  ยืนเว้นระยะห่างจากขาผมออกไปประมาณสองเมตร  ไอ้เข้มเดินมาและหยุดยืนอยู่ด้านหลังน้องชายอย่างสนใจในประเด็นที่กำลังเกิดขึ้น 

“เออ” ผมตอบเสียงห้วน

“กูนึกไม่ออก นอกจากโรงแรม” แขนถูกปล่อยทิ้งแกว่งลงกลางอากาศทั้งสองข้างขณะนั่งอยู่  ใบหน้าเอียงเล็กน้อย  ตากลอกขึ้นมองต้นไม้ใบหญ้าที่แกว่งอยู่บนหลังคาศาลานั่งเล่น

“ไปที่ ๆ อีกฝ่ายอยากไปสิครับ” ไอ้เข้มเสนอ  ผมเหล่ตามองไปที่มัน
   
“มึงอยากไปไหนล่ะ ?” ผมยิงคำถามกลับทันที  คนถูกถามชะงักวิหนึ่งเห็นจะได้

“ผมอยากไปทะเลครับ” มันตอบกลับซื่อ ๆ  ไอ้เข้มแตกต่างจากไอ้เด่นบ้างในบางมุม  มันเถรตรงแบบไม่ปัญญาอ่อนเหมือนน้องชาย

“ไกลไป แล้วมึงก็เพิ่งกลับมาไม่ใช่เรอะ” ผมหลุดขำ

“ฝ่ายนั้นเขาก็เพิ่งกลับมาเหรอครับ” ไอ้เข้มถามกลับ  ไอ้นี่บทจะฉลาดก็ฉลาดขึ้นมา  ผมไม่ตอบ  กวาดตาพลางแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์มองอย่างพอใจในคำถามที่ถูกย้อนมาอย่างสงสัย 

“พี่ธานมา!” ไอ้หินวิ่งหน้าตั้งออกมาจากบ้าน  มันสะดุ้งด้วยความตกใจที่เห็นผมนั่งอยู่  ก่อนผงกหัวทักทายยามเช้าแล้ววิ่งหนีไปก่อนใครเพื่อน  พี่ธานเดินออกมาจากประตูฝั่งห้องนั่งเล่น  อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย  จ้องเขม็งมาที่ไอ้เข้มและไอ้เด่นที่ยืนอยู่  ไม่ทันให้พี่แกได้เอ่ยปากด่ามันสองคนก็ร่ำลาผมลวก ๆ แล้ววิ่งตามก้นไอ้หินไปติด ๆ  พี่ธานหยุดยืนเท้าเอวจ้องไปที่โรงฝึกด้วยท่าทางรำคาญใจก่อนจะหันกลับมา 

“นัดเขาไว้กี่โมงเหรอครับ” พี่เขาถามแล้วเลื่อนเก้าอี้นั่งลง

“บ่ายโมง” ผมตอบ

“ระวังตัวด้วยนะครับ”

วันนี้เป็นวันที่ผมกับสมุทรนัดกันไว้  และด้วยเหตุผลเพราะผมอ้างว่านี่คือการไปเดท  ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครทราบนอกจากพี่ธาน  อีกทั้งผมออกปากสั่งให้ทุกคนพักผ่อนได้ตามสบาย  กึ่ง ๆ บอกพี่ธานนั่นละว่า “ไม่ให้ตามไป”  อีกฝ่ายคงเป็นห่วงและอ่านสถานการณ์ออกว่าผมไม่ได้พูดเล่น  ด้วยสถานการณ์ที่กึ่งดำกึ่งขาวเช่นนี้พี่เขาคงลำบากใจมากที่ต้องปล่อยให้ผมไปลำพัง   

“ยูเดินทางแล้วใช่ไหม” ผมถาม

“ครับ” พี่ธานผงกหัว

“ขอโทษนะคะ คุณไฟอยากให้ป้าจัดโต๊ะอาหารเช้าที่ไหนดีคะ” ป้าอิ่มยิ้มถาม

“ที่นี่ก็ได้ครับ” ผมตอบเพราะขี้เกียจเคลื่อนย้ายตัวแล้ว 

“ได้ค่ะ” เธอผงกหัวแล้วกลับเข้าบ้านไป  ผมนั่งมอง  เห็นไกล ๆ ที่หน้าบ้านว่าพายุกำลังเดินออกมาพร้อมกับกังฟูทั้งชุดนอนของมัน

“อาทิตย์หน้าไอ้ดินก็กลับไปเรียนแล้วนี่นะ” ผมนึกขึ้นได้

“ทำเรื่องย้ายให้มันไปอยู่โรงเรียนประจำกับแม่ดีไหมนะ”

“งอนตายเลยครับ” พี่ธานยิ้มบอก  ผมหัวเราะเห็นด้วย

“ผมอยากให้มันเรียนสายอาชีพมากกว่าเข้ามหาลัย”

“คนอย่างมัน จบมหาลัยไปก็ไปกองรวมอยู่ในกลุ่มคนทำงานไม่ตรงสายอาชีพอยู่ดี” ผมบ่นขำ ๆ  พี่ธานยิ้มอย่างไม่ปฏิเสธ  บทสนทนาเรื่อยเปื่อยไปหลายเรื่องจนอาหารเช้าถูกเสิร์ฟพร้อม  พายุพากังฟูมาด้วย  มันนั่งสงบเสงี่ยมเฝ้าเจ้านายอยู่ข้างสระว่ายน้ำ  ดูท่าคงอยากกระโดดลงไปเต็มแก่  แต่เพราะถูกฝึกมาอย่างดีจึงยับยั้งใจไว้ได้  ส่วนไอ้ดินตื่นช้ากว่าหมาหน่อย  มันลุกมานั่งร่วมโต๊ะทั้งขี้ตา  วันนี้อาหารเช้าเป็นอีกวันที่เริ่มต้นวันอย่างสบาย ๆ  ไม่รู้ว่าเพราะเปลี่ยนที่เปลี่ยนบรรยากาศด้วยรึเปล่าน่ะนะ


- - - - - - - - - - - - - - -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2016 12:21:13 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

12:40 น. : สวนรถไฟ

พี่ธานขับรถมาส่งผมและกลับออกไปเพื่อทำธุระต่อ  ตามจริงผมก็สงสัยอยู่หรอกว่าผมมาก่อนเวลานานไปรึเปล่า  เพิ่งเป็นครั้งแรกที่สมองทำงานเป็นจริงเป็นจังในการคำนวณเวลาเพื่อมาพบใคร  กว่าจะได้คำตอบรู้ตัวอีกทีก็มาถึงไปเสียแล้ว 

โดยปกติผมหรืออีกฝ่ายที่ผมต้องการเจอคงจะนัดพบกันที่ร้านอาหาร  ผับหรือห้างสรรพสินค้า  ที่ใดสักที่หนึ่งที่สะดวกสบายต่อทั้งสองฝ่าย  แต่สำหรับสมุทรเขาเป็นคนบอกให้ผมเลือก  และเพื่อเป็นกลางต่อเขาและต่อผม  ผมจึงเลือกที่นี่  นึกภาพสถานที่ไม่ออกว่าควรจะเป็นที่ไหนถึงจะเหมาะ  ตามตรงแล้วก็เพิ่งเคยจะคิดจริงจังกับการออกมาพบปะใครแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยละมัง

เวลาบ่ายโมงตรงคือเวลาที่ผมกับสมุทรนัดกันไว้  ไม่ว่านัดกับใครผมก็มักไปก่อนเวลาเสมอ  สักห้าหรือสิบนาทีเพื่อไม่ให้น่าเกลียด  การรอเพื่อให้ตรงเวลาจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร  แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมา  ความคิดที่ว่าถ้าหากอีกฝ่ายมาช้ากว่าเวลาที่นัดไว้นั้นหน้าผมจะปั้นเป็นรูปอะไร  เส้นผมที่ไม่ถูกใส่เจลจัดทรงอย่างทุกทีขยับไปตามแรงลมที่เข้ามากระทบเป็นระยะ  เสียงใบไม้เกลี่ยไปตามพื้นถนน  เสียงคนจักรยานปั่นผ่านนาน ๆ ครั้ง  ผมไม่ได้มาที่นี่นานแค่ไหนแล้วนะ  ตั้งแต่สมัยที่พายุยังเป็นเด็กโน่นละมัง  สมัยที่พี่ธานกับผมยังเห่อน้องเล็กที่เพิ่งเกิด  ไม่รู้มาก่อนเลยว่าที่นี่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ 


แดดสาดกระทบจนเริ่มรู้สึกร้อนขึ้นเรื่อย ๆ  เงาต้นไม้เห็นเป็นรูปร่าง  ผมเดินเรื่อยเปื่อยอย่างเนิบช้าไร้จุดหมาย  พออยู่คนเดียวก็ทำให้นึกถึงเรื่องเมื่อตอนสายไม่ได้  เสื้อผ้าที่คิดว่าจะใส่กลับไม่ถูกหยิบมาใส่เสียอย่างนั้น  ไอ้ความที่ว่าต้องการใส่เสื้อผ้าที่เป็นตัวเองมันอาจจะดูกวนบาทาและเด่นเกินไปสำหรับคนที่กำลังจะมาถึงก็ได้  ผมจึงหยุดความคิดนั้นลงและเลือกอะไรง่าย ๆ แทน  กางเกงยีนส์สกินนี่สีดำถูกชายเสื้อยืดสีขาวสกรีนลายโง่ ๆ ที่หน้าอกสอดชายไว้ด้านในอย่างลวก ๆ  รองเท้าผ้าใบกับแจ็คเก็ตยีนส์ที่ใส่ทับมาด้วยความเคยชิน  และที่ขาดไม่ได้คงเป็นนาฬิกาข้อมือ 

“อย่าสายล่ะ..ไอ้โง่” ผมบ่นกับตัวเองแล้วหย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้ม้านั่งใต้ต้นไม้  ตาทอดมองไปยังพื้นหญ้าบริเวณกว้างตรงหน้า  แห้งเหี่ยวบ้าง ชุ่มชื้นบ้าง  โทรศัพท์มือถือถูกยกขึ้นมาเปิดดู  ผมกับสมุทรไม่ค่อยได้ติดต่อกันทางข้อความหรือไลน์มากนัก  ตามจริงแล้วมีเพียงผมมากกว่าที่ส่งข้อความไปหาเขาทางไลน์  ส่วนใหญ่เป็นเรื่องงาน  และอาจมีข้อความบ้า ๆ บอ ๆ จากผมที่อีกฝ่ายตอบกลับมาบ้าง ไม่ตอบกลับมาบ้างเท่านั้น  ผมเองก็ไม่ชอบเล่นอะไรทำนองนี้จึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรำคาญมากน้อยแค่ไหนถ้าหากผมทักไปมาก ๆ เข้า

ยิ่งเข็มนาฬิกาเลื่อนไปอย่างไร้วี่แววมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้รู้สึกกระวนกระวายขึ้นทีละนิด  ความมั่นใจที่ว่าจะไม่ถูกกระทำอย่างผิดคำพูดยังคงมีอยู่แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกสบายอกสบายใจได้เท่าไหร่  ผมนั่งรออยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนกระทั่งเข็มยาวชี้เลยเลขที่เรากำหนดเอาไว้  บ่ายโมงตรงผ่านมาแล้ว  เวลาในโทรศัพท์ก็ยืนยันตรงกับนาฬิกาที่ข้อมืออย่างนั้น  การถอนหายใจไม่ได้พ่นออกมาโต้ง ๆ แต่ในใจกำลังปฏิบัติแทนอยู่  ผมเลือกที่จะนั่งอยู่ที่เดิมด้วยเหตุผลมากมายโดยไม่รีบร้อน  โทรศัพท์สั่นเตือนและหน้าจอก็โชว์สายโทรเข้าจากคน ๆ นั้น  ผมนั่งมองเฉย  ความรู้สึกมั่นใจว่าสายที่โทรเข้ามาจะไม่เป็นไปในทางบวกมันร้อยเปอร์เซ็นต์จนน่าขำ  และก่อนที่ปลายสายจะตัดใจตัดสายลงเพราะรอนาน  ผมจึงกดรับสายในที่สุด 

“ฮัลโหล คุณไฟครับ” ปลายสายรีบร้อนพูด

“อืม ฟังอยู่” ผมขานรับเรียบ ๆ

“เอ่อ คุณอยู่ไหนแล้วครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงเกรงใจ

“.........” ผมเลือกที่จะเงียบ  ปลายสายก็เงียบไปครู่หนึ่งเช่นกัน  เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังอยู่รอบ ๆ ตัวเขา  ผมคิดว่าเขาเองก็คงได้ยินแต่ความเงียบสงบรอบ ๆ ตัวผมแทนคำตอบแล้วด้วย

“ขอโทษนะครับที่ช้า แต่ผมกำลังไปครับ” สมุทรพูดคล้ายสรุปให้ฟัง  ผมยังคงเงียบ  ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกโล่งอกขึ้นมา

“คุณไฟครับ” อีกฝ่ายย้ำเรียกอีกครั้ง 

“ก็รีบมาซะสิ” ผมตัดบทตอบปัด  แล้วชิงตัดสายลงเพื่อบอกให้เขารู้ว่า “กูมาถึงตั้งชาตินึงแล้ว”     

ลมหายใจถูกพ่นออกอย่างแรงขณะที่ยืนขึ้น  ไม่เคยรออะไรแล้วร้อนใจแปลกประหลาดอย่างนี้มาก่อนในชีวิต  รวมถึงการอดทนรอแบบสร้างเหตุผลให้ตัวเองนี่ก็ด้วย  ผมเดินเล่นฆ่าเวลาไปตามถนนที่ทอดยาว  ต้นไม้สูงทอดยาวตามข้างถนนยังไม่สามารถสู้แรงของแดดประเทศไทยไว้ได้  อากาศยามบ่ายที่เริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ต้องถอดแจ็คเก็ตยีนส์ออก  นิ้วเกี่ยวปกนำเสื้อพาดบ่า  แน่นอนว่าคนที่เป็นฝ่ายรออยู่นาฬิกามักเคลื่อนตัวไปช้าเสมอ  แต่ก็ช่างเถอะ ก็อีกฝ่ายบอกว่ากำลังมานี่นะ 


“คุณไฟครับ!”

เสียงคุ้นหูทำให้เท้าต้องหยุดชะงัก  คนด้านหลังเงียบไปแล้ว  เสียงฝีเท้าของเขาก้าวตามมาอย่างรีบเร่งประมาณสองสามก้าวก็ชะลอและหยุดลง  ผมหันหน้ากลับไปทางด้านหลังพลางสบตากับคนที่เพิ่งมาถึง  อีกฝ่ายยังหายใจไม่สม่ำเสมอเป็นปกติ  เหงื่อซึมที่หน้าผากเขานิดหน่อย  ผมยังคงยืนหันข้าง  เบือนใบหน้ากลับมาก่อนจะก้าวเท้าเดินต่อ 

“ขอโทษนะครับที่ผมมาสาย พอดี..ผมติดธุระด่วนน่ะครับ” สมุทรเดินตามหลังพร้อมอธิบาย  ผมไม่ขานตอบใด ๆ  เขาจึงเงียบปากลง

“คุณ ..มานานแค่ไหนแล้วครับ ?” อีกฝ่ายเอ่ยถาม  ผมหยุดเดินทันทีแล้วหันตัวกลับไปประชันหน้า  สมุทรจ้องมองอย่างรอคำตอบ  เสียงจักรยานที่เพิ่งปั่นผ่านพวกเราไปหลายคันเป็นครอบครัวทำให้ได้รับลมเย็นได้เสี้ยววินาที  สายตาที่มองอยู่ในระดับเดียวกันมีระยะห่างไม่มากนัก  มันไม่ถึงหนึ่งเมตรด้วยซ้ำ   

“ปกติ..คนที่เป็นฝ่ายชวน เขาต้องเป็นฝ่ายรอด้วยรึเปล่า แล้วมันต้องนานแค่ไหน สงสัยน่ะ ?” ผมถามอย่างซื่อตรง  ปกติแบบนี้มันปกติรึเปล่า..ก็แค่นั้น

“ขอโทษครับ” สมุทรเลี่ยง

“ก็แค่สงสัย” ผมย้ำจุดยืนให้ฟัง  นี่ไม่ใช่การกระแทกแดกดันเพื่อให้เสียบรรยากาศแต่แค่อยากรู้ก็เท่านั้น

“.........” เขาเหตาลงต่ำเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร  ดวงตาของเราทั้งคู่ตกลงต่ำไปคนละทิศ  บริเวณรอบ ๆ เงียบสงบ  เกิดคำถามขึ้นอีกว่าปกติก็เงียบแบบนี้ทุกวันหรือไม่  ผมเหลือบมองสีหน้ารู้สึกผิดของคนตรงหน้า  วันนี้เขาใส่เสื้อยืดสีดำผิดตาจากทุก ๆ วันที่มักเห็นเขาใส่แต่สีขาว  กางเกงยีนส์สีเข้มทรงหลวมกับรองเท้าผ้าใบง่าย ๆ ไม่ต่างจากผม  สมุทรคงสังเกตเห็นว่ากำลังถูกจ้องอยู่  ทันทีนั้นผมจึงก้าวตรงเข้าหาอีกฝ่ายอย่างไม่ให้เสียโอกาส  ใบหน้าที่ยื่นเข้าประชิดทำให้เขาเหลือบมองมาที่การกระทำผมอย่างงุนงง  ผมเอนลำตัวลงต่ำเล็กน้อยเพื่อให้ตนเองขยับได้ถนัด  ตาของสมุทรเบิกกว้างแต่ยังคงนิ่งเฉยอยู่กับที่ ริมฝีปากแตะปากของเขาเบาบางเพียงกระทบ พร้อมช้อนตาขึ้นมอง  เจ้าตัวตกใจจังงังจนผมผละปากออก  สายตาของเขายังนิ่งเรียบไม่บอกอารมณ์ตามเคย  คงแย่หน่อย เพราะสายตาผมเองก็คงเป็นแบบเขาเช่นกัน

“ฉันหิวแล้ว” ผมพูดส่ง ๆ ไม่ได้มองหน้าเขา

“เลี้ยงด้วยล่ะ ไถ่โทษที่นายสาย” ผมบอก  เบี่ยงตัวหันกลับไปทางเดิมที่เดินมา  บัดซบก็ตรงที่อีกฝ่ายทำให้ผมรู้สึกขาดความมั่นใจได้อย่างไม่เคยมีมาก่อน  บัดซบกว่านั้นคือผมดันไม่โกรธและกำลังยอมรับความรู้สึกตัวเองอยู่  สมุทรเดินตามหลังโดยไม่มีคำพูดใด ๆ สักคำ  แม้ผมจะเดินช้าแต่เขาก็ไม่ยอมแซงไป  เราต่างเดินอย่างไร้บทสนทนาจนมาถึงประตูทางออก

“ไม่ได้เอารถมา” ผมส่งสารบอกคนข้าง ๆ

“จะไปไหนครับ” อีกฝ่ายถามกลับ

“ที่ ๆ นายอยากไป” ผมตอบไม่มองหน้า  สมุทรเงียบ  ผมจึงหันไปมอง

“น่านน่ะเหรอครับ ? ไกลไปนะ” อีกฝ่ายตอบหน้านิ่ง  ผมผลิอมยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากด้านซ้ายเพราะเหมือนเขาจะพูดจริง

“จะไปก็ได้นะ ถ้าอยากไป” ผมตอบด้วยใบหน้าแบบเดียวกัน  เขาหลุดยิ้ม

“งั้น..ไปกินข้าวก่อนนะครับ” สมุทรบอก  ผมผงกหัว  มือซ้ายล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างไม่คิดที่จะขยับตัวไปไหน  สมุทรจึงเป็นฝ่ายเดินออกไปที่ริมถนนเพื่อเรียกแท็กซี่  แดดส่องผ่าหัวอีกฝ่ายที่กำลังชะเง้อมองหารถ  ทีแรกดูเหมือนจะไร้วี่แววเพราะไม่ค่อยมีรถผ่าน  แต่ไม่นานนักโชคก็เข้าข้าง  หลายครั้งผมว่าหมอนี่มีบุญทางด้านนี้อย่างเหลือเชื่อ  รถแท็กซี่สีชมพูสะท้อนกับแสงแดดจนกระทบแสบตา  มันจอดเทียบตรงหน้า  มีลูกค้าผู้หญิงออกมาจากรถคันดังกล่าวพร้อมกับเด็ก ๆ  สมุทรเปิดประตูฝั่งด้านข้างคนขับก้มลงถามสองสามประโยค  เขาก็หันกลับมาหาผมคล้ายกับบอกว่า “มาขึ้นสิครับ” ประมาณนั้น


ตรอกซอกซอยเข้ามาลึกพอควรจากถนนใหญ่เลียบทางด่วน  จวนบ่ายสองโมงครึ่งรถแท็กซี่จอดสนิทที่หน้าร้านอาหารร้านหนึ่งที่ผมไม่เคยมามาก่อน  ด้านนอกกำแพงร้านประดับตกแต่งด้วยไม้เลื้อย  ทางเข้าร้านเงียบสงบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  ดูลึกลับพอดู  สมุทรเลือกที่จะเบี่ยงตัวให้ผมเดินนำเข้าไปก่อน  คนเรียกแท็กซี่เป็นคนชำระค่าแท็กซี่อีกด้วย  ผมก็ไม่ได้ทักท้วงที่จะช่วยออกเงินด้วยน่ะนะ  เขามาสายเขาก็จ่ายไปสิ 

เมื่อเข้ามาในบริเวณร้านก็พบว่าเป็นร้านที่ประดับตกแต่งแบบร้านอาหารในสวน  ตัวอาคารร้านเป็นปูนสีขาว  ดูเหมือนจะเป็นบ้านทรงเก่ามาก่อนจะมาทำใหม่  ตัดกันได้ดีกับพืชพันธุ์ไม้สีเขียวรอบตัวร้าน  พนักงานต้อนรับออกมายืนอยู่หน้าประตูเพื่อต้อนรับลูกค้า  ผมเลือกที่จะเดินตรงไปหาเธอพร้อมบอกจำนวนคนที่มาอย่างไม่รอการตอบรับก่อนพุ่งเข้าไปในตัวร้านเพื่อสำรวจการตกแต่งภายใน  พนักงานจึงเปลี่ยนไปสอบถามเพิ่มเติมกับสมุทรที่ตามหลังมาแทน  การตกแต่งด้านในอาคารเป็นกระจกล้อมรอบคงเพื่อให้มองเห็นสวนด้านนอกได้อย่างสบายตา  ดอกไม้ที่ประดับตกแต่ง  ชั้นวางหนังสือ  รวมไปถึงฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ให้กลิ่นของความเป็นอังกฤษโบราณผสมอยู่อย่างค่อนข้างสุดโต่ง  ฟอร์นิเจอร์ดูแล้วไม่ได้ใช้ของมีราคาสูงนัก  บางอย่างน่าจะมือสองแต่ก็ดูดีไปอีกแบบ  ร้านมีรสนิยมขนาดที่ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าผู้ชายที่มาด้วยกันในวันนี้รู้จักร้านแบบนี้ได้อย่างไร  ถ้าให้พูดอย่างไม่เสียมารยาทแล้ว  เขาก็พอมีพอใช้ไม่อดอยากอยู่หรอก  แต่มุมมองการใช้ชีวิตในแบบของเขาไม่น่าจะรู้จักร้านแบบนี้ได้น่ะนะ

“คุณไฟอยากนั่งข้างในหรือด้านนอกครับ” สมุทรเข้ามาถาม  ถึงแม้เราจะอ้างว่านี่คือการออกเดท  แต่เขาพยายามดูแลผมตามหน้าที่อยู่  ผมทราบดีว่าคนแบบเขาคงจะละสิ่ง ๆ นี้ไปง่าย ๆ ไม่ได้  พนักงานที่เคาน์เตอร์สามคนที่มองผมอยู่สบตาเข้ากับผมพอดี  ผมจึงจ้องตอบพลางยิ้มประดิษฐ์ให้พวกเธอ

“ด้านนอก” ผมตอบโดยยังไม่ละสายตาไปที่อื่นจนพวกเธอเป็นฝ่ายหลบตาไปก่อน  พนักงานต้อนรับคนเดิมยืนรอเพื่อนำทางให้ผมกับสมุทรได้เดินออกจากตัวร้าน  ผมเป็นฝ่ายเลือกที่นั่งในมุมที่ดูท่าจะสงบที่สุดของสวน  คงเพราะเลยเวลาเที่ยงมามากลูกค้าจึงซาลง  พนักงานต้อนรับนำเมนูมาวางไว้ก่อนจากไป  ผมหยิบมันขึ้นเปิดออก  อย่างแรกคือการตรวจสอบราคาอาหารโดยรวมทั้งหมดอย่างสนอกสนใจ  ตามจริงราคาก็ไม่แพงเท่าไหร่  อาหารเริ่มที่จานละร้อยไปถึงห้าร้อยโดยประมาณ 

“รู้จักร้านนี้ได้ไง ?” ผมเอ่ยถามไม่มองหน้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

“เป็นร้านของญาติ ของเพื่อนที่เคยทำงานด้วยกันน่ะครับ” สมุทรตอบฉะฉานทันที  แม้จะรู้สึกโล่งใจแต่กลับมีคำถามอื่นเข้ามาแทรกต่อท้าย

“ที่บริษัทเคยมาจัดเลี้ยงที่นี่ครั้งนึง แล้วผม..ก็เคยพาดาวมากินครั้งนึงน่ะครับ ตอนนั้นเป็นวันเกิดของเธอ” เขาอธิบายเรียบ ๆ  อย่างไม่มีความสงสัยในตัวผม

“งั้นเหรอ” ผมขานรับห้วน ๆ

“อย่าดูถูกคนที่มีน้องสาวสิครับ” อีกฝ่ายพูดขึ้นอย่างรู้ทัน  ผมช้อนตามองยิ้ม ๆ  แม้เขาจะรู้ทันว่าผมสงสัย  แต่ตามจริงแล้วเขาก็รู้ทันผิดประเด็นที่ผมคาดไว้นิดหน่อยอยู่ดีละนะ

“แต่ถึงยังไงมันก็แพงสำหรับผมนะครับ คุณก็สั่งให้มันพอดี ๆ หน่อยแล้วกัน” สมุทรส่งสายตาปรามทีเล่นทีจริง

“หึ..” ผมหัวเราะ

“ฉันกินอะไรก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องร้านนี้สักนิด” ผมว่า  แม้จะรู้สึกดีอยู่บ้างก็เถอะที่อีกฝ่ายดูจะใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นพิเศษ

“หรือไง ? ปกติสาวที่นายพาไปต้องไปร้านทำนองนี้สินะ” ผมเบิกตากวน  สมุทรนิ่งมองกลับ

“ไม่เหมือนก็เหมือนละมั้งครับ คุณก็ดู..เรื่องมากอยู่นิดหน่อย” อีกฝ่ายตอบเสียงแข็งประชด

“ชิ อย่าเอาฉันไปรวมกับอะไรพวกนั้น” ผมเบะปากรับไม่ได้

“หวงเหรอครับ คุณเป็นเด็กรึไง” สมุทรเลิกคิ้วตาใสจงใจกวน  ผมชะงัก  ไม่คาดว่าเจ้าตัวจะกล้าแหย่จึงยังไม่ตอบในทันที  นั่งเงียบจ้องหน้าเขาก่อนผลิยิ้มมุมปากพลางเหล่มอง

“..งั้นมั้ง” ผมยอมรับทำให้สายตาของเขาเริ่มอ่อนลง

“ก็ถ้าร้านนี้นายเคยพาใครพิเศษนอกจากครอบครัวมา เพราะงั้นก็เลยพาฉันมา มันก็เป็นเรื่องน่าชวนอ้วกแตกออกนี่นา” ผมแสยะลิ้นทำใบหน้ารับไม่ได้  อีกฝ่ายยิ้มอ่อน ๆ ส่ายหัวอย่างเอือมระอา 

“ไม่ได้อยากรู้ทั้งหมดหรอกนะครับคำตอบน่ะ” สมุทรบ่นเสียงห้วน  ตัดบทโดยการก้มหน้าอ่านเมนูหนีผม  เสียงพนักงานเดินกลับมาที่โต๊ะเราอีกครั้ง

“หึ..งั้นก็อย่าถามสิ คำถามจากนายฉันพร้อมตอบเสมอแหละ” ผมพูดเสียงฟังชัด  ละสายตาจากสมุทรก้มลงมองเมนูโดยไม่สนพนักงานที่ยืนรอข้าง ๆ เช่นกัน  เธอคงได้ยินทุกคำพูดชัดทีเดียว  เราต่างเงียบอ่านเมนูอยู่หลายนาที  ผมชั่งใจอยู่ว่าควรจะกินอาหารมื้อหลักดีหรือว่ากินของหวานดี  มันก็รู้สึกหิวอยู่หรอก  แต่พอมาเห็นภาพของหวานที่ชอบและอากาศแบบนี้ก็ดันลังเลใจขึ้นมา

“ฉันเอา Honey Toast กับเอสเปรสโซ่เย็น” ผมตัดสินใจบอกสมุทรพร้อมตัดใจปิดเมนูลง 

“หึ..” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็หัวเราะ  เขาเงยหน้าขึ้นมองผมทั้งรอยยิ้ม

“อะไร” ผมขมวดคิ้ว

“ผมนึกอยู่แล้วว่าคุณต้องสั่งน่ะ” สมุทรตอบ

“ก็อยากกิน ผิดรึไง” ผมว่า  เอนตัวพิงเก้าอี้ก่อนเหลือบตามองพนักงาน 

“เอา Honey Toast กับเอสเปรสโซ่เย็นครับ” สมุทรยิ้มบอกเธอด้วยน้ำเสียงสุภาพตามเคย

“แล้วก็ข้าวซอยเป็ดที่นึงครับ น้ำมะนาว น้ำเปล่าด้วยครับ..สองแก้ว”

“ค่ะ ขอทวนเมนูนะคะ” เธอผงกหัวยิ้ม ๆ ทวนอาหารที่เราสั่งทั้งหมดแล้วหยิบเมนูกลับเข้าร้านไป 

“คุณนี่ชอบกินอะไรแบบนี้จริง ๆ” สมุทรวกกลับมาเรื่องเดิม 

“นายก็ชอบกินอะไรแบบนั้นเหมือนกัน” ผมประชดถึงอาหารที่เขาสั่ง  อีกฝ่ายไม่เถียง  เหลือบตามองจ้องมาที่ผมที่มองเขาอยู่  เราเงียบอยู่อย่างนั้นชั่วครู่เห็นจะได้

“มีชุดผลไม้รวมด้วยนะครับ เอาไหม” สมุทรถามหนีบรรยากาศ  ผมพยักหน้าตอบเพราะกำลังอยากกินผลไม้อยู่พอดี  เจ้าตัวลุกจากเก้าอี้อย่างแทบซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ไม่มิด  ผมมองตามหลังสมุทรที่กลับเข้าไปในตัวร้านและกำลังสั่งอาหารเพิ่มกับพนักงานที่เคาน์เตอร์

“กวนใจกันเกินไปแล้ว” ผมเท้าข้อศอกลงบนโต๊ะพลางบ่น  มือรับน้ำหนักของใบหน้าเอาไว้  ปากพึมพำคุยกับดอกไม้ในแจกันกลางโต๊ะ  อีกฝ่ายคงไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองกำลังให้ความหวังอยู่  เปล่าหรอก เขาอาจไม่ได้ให้ความหวัง  แต่การเอาใจใส่เล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นดูเหมือนจะเป็นลักษณะพิเศษในแบบของเขาที่ทำออกมาเป็นปกติธรรมชาติ  โดยลืมนึกไปเสียว่าการกระทำเช่นนี้นั้นไม่ควรทำกับคนที่ชวนให้ออกมาเดทด้วย 


สมุทรกลับมาที่โต๊ะอีกครั้งพร้อมกับนิตยสารกีฬาสองเล่ม  ผมเหลือบอ่านชื่อนิตยสารโดยยังคงนั่งอยู่ในท่าเดิมไม่ขยับ  เขาเปิดหนังสืออ่านต่อหน้าโดยไม่ทักใด ๆ  น้ำเปล่าถูกนำมาเสิร์ฟก่อนเป็นอันดับแรก  คนที่เอ่ยปากขอบคุณเธอคือสมุทร  บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบสงบ  สวนด้านนอกถูกคลอด้วยเพลงบรรเลงจากเสียงเปียโน  ลูกค้ามีไม่มาก  ในตัวร้านมีอยู่ไม่กี่โต๊ะ  ส่วนด้านนอกหนาตามากกว่าหน่อย  การจัดวางโต๊ะเป็นแบบค่อนข้างส่วนตัว  เว้นพื้นที่ห่างสองสามเมตรจึงไม่รบกวนให้กวนใจ  ผมหยิบสมุดโน้ตของทางร้านที่วางอยู่ข้าง ๆ แจกันหาอะไรทำแก้เซ็งพร้อมกับปากกา  บนกระดาษถูกพิมพ์ชื่อและโลโก้ร้านดูน่ารัก  ปากกาหัวกดเป็นตุ๊กตาหมี  ผมเปิดสมุดออก  ค้างมือใช้ความคิดไม่นานเท่าไหร่  กระดาษถูกฉีกออกจากสมุดพร้อมข้อความสั้น ๆ และนำไปวางลงตรงกลางหน้านิตยสารที่คนร่วมโต๊ะกำลังกางอ่านอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ

“.........” สมุทรแอบเหลือบมองกระดาษแผ่นนั้นอย่างเงียบ ๆ  เขาคงเห็นชื่อของตัวเองอยู่บนกระดาษแล้ว  ผมกลั้นหัวเราะเพราะอีกฝ่ายละสายตาจากกระดาษแล้วอ่านหนังสือต่อได้โดยไม่สะทกสะท้าน  เป็นการกระทำที่จงใจพอดูว่ากระดาษแผ่นนั้นไร้ค่า  ในเมื่อเข้าเลือกที่จะอ่านต่อ  ผมก็เลยวาดรูปต่อเช่นกัน 

กระดาษแผ่นที่สองถูกวางลงที่เดิมรบกวนสมาธิอีกฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง  ผมจ้องรอดูปฏิกิริยา  กระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่ถูกวาดรูปหมีส่งจูบทำให้ครั้งนี้สมุทรช้อนตาไปอีกทางอย่างสะกัดกั้นอารมณ์  ดูเหมือนเขาจะรำคาญแต่ใบหน้าคับคล้ายว่าจะหลุดยิ้ม  พนักงานนำเครื่องดื่มของเรามาเสิร์ฟพอดีแต่ก็ไม่สามารถทำลายความเงียบพิลึกนี้ได้  ยิ่งพวกผมเงียบ  เธอจึงเงียบ  บรรยากาศจึงสงัดไปกันใหญ่

“ขอบคุณครับ” สมุทรพูด  เธอผงกหัวน้อย ๆ ก่อนไป  สมุทรมองผมอย่างนิ่งสงบ  ผมกะพริบพร้อมฉีกยิ้มยียวนเพราะอ่านออกได้จากสายตาว่าอีกฝ่ายกำลังจะเอาคืนแน่  มือของเขาขยับนิตยสารที่ถืออยู่แล้วนำมันตั้งลงบนโต๊ะ  ทำให้กระดาษโน้ตสองแผ่นนั้นหล่นร่วงลงบนโต๊ะอย่างไร้เยื่อใย

“ใจร้าย” ผมทำตาปริบ ๆ หุบยิ้มหน้าเป็น  อีกฝ่ายแบหนังสือกางอ่านต่อหน้าตาเฉย
 
“นั่นมันผลงาน Masterpiece ของฉันนะ” ผมพูดซื่อ ๆ 

“งั้นคุณก็เก็บไปสิครับ” สมุทรตอบส่ง ๆ ไปทีโดยตายังไม่ละจากหนังสือ  นิ้วพลิกกระดาษเปลี่ยนเป็นหน้าถัดไป   

“ก็ได้..” ผมรับคำง่าย ๆ  หยิบกระดาษสองแผ่นนั่นมาวาดรูปเพิ่มเติม  โดยใส่คำว่า “มาเดทครับ” ลงไปบนกระดาษที่มีชื่อของเขา  การกระทำของผมยังคงถูกเมินเฉย  ผมจึงหยิบมันไปเสียบหราอยู่บนแจกันดอกไม้กลางโต๊ะ  สมุทรเงยหน้าขึ้นมองตามอย่างสงสัย

“คุณไฟ” เจ้าตัวเสียงหลง  หยิบกระดาษแผ่นนั้นออกทันควัน

“หึ ๆ” ผมหัวเราะ

“เอามา” ผมหุบยิ้มทวงของคืน  เขามองด้วยความระแวง

“ไม่ให้ครับ” 

“ฉันบอกให้เอามา” ผมย้ำเสียง  อีกฝ่ายไม่ตอบ  รีบเก็บกระดาษดังกล่าวใส่กระเป๋ากางเกงตัดปัญหา

“ผมไม่ไว้ใจคุณ” สมุทรว่า  ซึ่งเขาคงไม่ทราบว่าการที่เขาทำอย่างนั้นเป็นการเข้าทางผมพอดี  ผมแกล้งทำหน้าเซ็งไปงั้นเองทั้งที่พอใจอยู่พอสมควร 

ระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟผมจึงหยิบนิตยสารกีฬาอีกเล่มที่สมุทรยังไม่ได้อ่านนำมาเปิดอ่านฆ่าเวลา  เราต่างนั่งอ่านคล้ายแวะพักกันไปคนละมุมโลก  บทความน่าสนใจมากมายทำให้การอ่านเป็นไปอย่างไม่น่าเบื่อ  อาหารที่ถูกนำมาเสิร์ฟจึงดูเร็วไปภายในพริบตา  ผมกินผลไม้นำหน้าก่อนเช่นทุกครั้ง  Honey Toast สานต่อรองลงมา  ร้านนี้ทำได้รสชาติอร่อยถูกปาก  ข้าวซอยเป็ดของสมุทรตกแต่งแบบ Fusion Food เอาใจคนสมัยใหม่และดูเหมือนจะตอบโจทย์ลูกค้าที่มาด้วย  จานมันใหญ่มากแต่อีกฝ่ายกลับกินซะหมดไม่เหลือสักหยดเดียว  ระหว่างที่กินเราก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไหร่  พอผมไม่ชวนคุยเขาก็ไม่ค่อยพูดน่ะนะ

“อิ่ม” ผมถอนหายใจเอนหลังพิงพนักเก้าอี้  ขณะเดียวกันก็แอบเห็นว่าอีกฝ่ายมองมา  ผมจึงแกล้งทำเป็นไม่เห็นและนั่งเฉยไปอย่างนั้น 

“คุณจะไปไหนต่อครับ”

“ไม่รู้สิ ตามจริงคือไม่มีแผน” ผมพูดส่ง ๆ   

“ปกติเขาไปที่ไหนกันล่ะ” ผมย้อนถามทำให้อีกฝ่ายเงียบทิ้งช่วงไปพอควร

“ผม..ก็ไม่ทราบที่ไหนเป็นพิเศษหรอกครับ” เขาตอบตาใส

“หึ” ผมหัวเราะขึ้นจมูก 

“งั้น..” ผมเอ่ยพลางช้อนตาจ้องมอง

“ที่ ๆ อยากพาฉันไปเป็นพิเศษก็ได้” ผมบอก  สมุทรมองตอบก่อนเบือนหน้ายกมือขึ้นส่งสัญญาณให้พนักงานเพื่อเรียกเก็บเงิน  ผมนั่งรอลุ้นว่าอีกฝ่ายจะพาไปที่ไหน  เขาไม่พูด  ทำท่าอย่างกับเป็นความลับ  เราออกมาจากร้านโดยเดินเท้าไปถึงหน้าปากซอย  แดดเริ่มหุบลงไปบ้างแล้วแต่กลับรู้สึกอบอ้าวอยู่  การเดินจึงเป็นไปอย่างเนิบช้าทั้งคู่

“นายน่าจะเอามอเตอร์ไซค์ไปรับฉันนะ” ผมพูด

“ก็คุณไม่ได้บอกผมนี่ครับ”

“ฉันผิดงั้นซิ” ผมถอนหายใจเซ็ง ๆ  สมุทรหันมาจ้องหน้าผมก่อนอมยิ้ม  ผมเหล่ตาตอบ  อยู่ ๆ เจ้าตัวก็เดินตรงเข้าร้านขายของชำข้างทางไปโดยไม่บอกกล่าว  ไม่ถึงสามนาทีเขาก็กลับออกมาพร้อมกับยื่นกระดาษทิชชู่ขนาดพกพา  ผมรับมาซับเหงื่อ  รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย

เราตกลงกันว่าจะใช้รถไฟฟ้าเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป  แต่ต้องขึ้นแท็กซี่ไปต่อรถไฟฟ้าอีกทีหนึ่ง  ซึ่งผมก็ตามใจไม่ได้ท้วงอะไร  สมุทรจัดการเลือกซื้อตั๋วรถไฟฟ้าให้ผมเสร็จสรรพ  ดูเหมือนเขาจะมีบัตรรายเดือนอยู่แล้วก็เลยไม่ต้องซื้อของตัวเอง 

ด้วยคงเพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ช่วงบ่ายพอดีที่นั่งบนรถไฟฟ้าจึงมีเหลือว่างไม่มาก  ผมเลือกที่จะยืนใกล้กับประตูทางออกโดยพิงหลังขนาบกับกระจกที่คั่นระหว่างเก้าอี้นั่ง  ส่วนสมุทรยืนหันข้างอยู่ตรงหน้าไม่ห่างจากผมมากนัก  อีกฝ่ายจับราวโหน  ส่วนผมมีที่พิงจึงไม่ต้องอาศัยราวจับ  ผมมองใบหน้าด้านข้างที่กำลังเอาแต่จับจ้องไปที่กระจกมืด ๆ ที่ประตู  เสียงพูดคุยของวัยรุ่นทางด้านหลังดังแว่วขนานไปกับเสียงของเครื่องยนต์ “ที่พารากอนลดราคาอะ เลิกเรียนแล้วไปดูนะ”, “วันก่อนกูเจอดาราด้วย ชื่อห่าอะไรวะ จำไม่ได้”, “ตารางเรียนเข้ากี่โมงวะ กูไปซื้อชานมไข่มุกก่อนจะทันไหม”  และอีก ฯลฯ ที่หูได้ยินชัดเจน  การจับจ้องจากผมที่เจ้าตัวน่าจะรับรู้ได้เป็นอย่างดีนั้นไม่มีปฏิกิริยาใด  ลำคอตั้งตรงแทบไม่กระดิกมานานแล้ว  ปลายเท้าขวาของผมกระแทกชนเข้าไปโดนเท้าซ้ายของสมุทร  มันค่อนข้างแรงจนอีกฝ่ายหันมามอง  ผมมองอย่างไมม่ละสายตา  แม่งน่ารักฉิบหาย  ทำไมกูถึงเห็นว่าคนเรียบ ๆ แบบนี้น่ารักไปได้กัน

“ที่ ๆ กำลังจะไป รบกวนช่วยสำรวมหน่อยก็ดีนะครับ” อีกฝ่ายเอ่ยปากดักทางพร้อมเบือนหน้ากลับไป  กระจกบนรถไฟฟ้าสะท้อนให้เห็นใบหน้าของเขาที่แอบแฝงด้วยความเจ้าเล่ห์จนทำให้ผมยิ้มกว้าง  คำพูดกึ่งประชดประชันที่รับรู้ได้เลยทันทีว่าจุดหมายปลายทางจะเป็นที่ใด 




...............(ไฟ)..............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2016 12:36:55 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2016 12:24:14 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ Youch06

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เป็นคู่ที่ลุ้นจนเหงื่อแตกอ่ะ ขนาดอากาศไม่ได้ร้อน 555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
นี่เค้ามาเดทกันจริงๆใช่มั๊ย  :hao4:

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
หลงหัวปักหัวปำ :m20: ที่ต่อไปคือที่ไหนนะ #ไฟสมุทร
รอตอนต่อไปค่ะ^^

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉันเสียที5555 มาเป็นเพลง ไฟเก่งทุกเรื่องแต่เรื่องจีบสมุทรนี่เราสงสารไฟจัง  :hao4: :hao4:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
เดี๋ยวๆๆๆๆ ตกลงเขาจะไปไหนกัน?? สมุทรจะแกล้งไฟใช่ไหม? ถึงบอกต้องสำรวม งานยากสำหรับไฟนะนั่น 555555 โอ๊ยยย เขาพูดกันน้อย แต่ทำไมมันดู .. ตะมุตะมิ เนอะ ว่ามะ  :o8:

ฉันรักเรื่องนี้จริงๆ   :c5:  ขอบคุณนะเบบี้  :mew1:

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9
เมื่อไหร่สมุทรจะใจอ่อนน้า :hao3: :hao3: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ moohamja

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คงไม่ใช่พาไปวัดนะ 555

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1034
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
หรือสมุทรจะพาไฟไปเดทในวัด ถึงต้องสำรวม    :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Sadistic_seme

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ไฟตกหลุมรักเข้าเต็มๆเลยนะเนี่ย ถอนตัวไม่ทันละคุณไฟ :o8: :-[ เดาว่าสมุทรคงพาไปวัดแน่เลย

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
เดาไม่ออกว่าที่ไหนคือต้องให้สำรวม  รู้สึกหลัง ๆ มานี้เวลาอยู่ด้วยกันจะได้อมยิ้มบ่อยขี้นนะคะ. ซึ่งมันดีต่อหัวใจคนอ่านมากเลยค่ะ  :กอด1:


รอตอนต่อไปนะคะ.


 :katai3:

ออฟไลน์ น้ำแข็งใส

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +130/-1
การออกเดททำให้ ไฟไบโพลาร์ กลายเป็นหนุ่มน้อยริรักไปซะแล้ว

น่ารักไม่เบาเลย  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด