❖กุหลาบซ่อนหนาม❖ Mp+ตบจูบ ❖ บทส่งท้าย : อาลัว บัวลอย ❖ 06-02 ❖
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณทีมใคร????

ทีมปิญญ์ # หล่อเลวแบบนี้ใช่เลย จัดหนักจัดเต็ม
26 (15.3%)
ทีมขนมผิง # แกมาทำร้ายชั้นเรอะ ไม่ยอม ฉันจะเอาคืน
38 (22.4%)
ทีมแฝดลูกหมู # ปล่อยให้พ่อๆไปเคลียกันเอง มุ้งมิ้งกันสองคน
106 (62.4%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 170

ผู้เขียน หัวข้อ: ❖กุหลาบซ่อนหนาม❖ Mp+ตบจูบ ❖ บทส่งท้าย : อาลัว บัวลอย ❖ 06-02 ❖  (อ่าน 291114 ครั้ง)

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199
กำลังสนุกเลย
มาต่อไวๆนะครับ
อยากให้ผิงสู้มากกว่านี้ร้ายกว่านี้
ยังไงก็มาลงเร็วๆนะครับ
 :pig2:

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
ยินดีน้อมรับทุกคำติชมจ้า ยอมรับว่าอาจจะมีหลายจุดที่มองข้ามไปต้องขอขอบคุณคนอ่านที่น่ารักช่วยชี้จุดให้เราเห็น
แต่บางจุดต้องขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่า จะมาเฉลยทีหลังเนอะ อาจจะดำเนินเรื่องช้าไปบ้าง แต่ก็จะพยายามเต็มที่ค่ะ
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยที่แต่งออกแนวซีเรียสและชิงชังแบบนี้ เลยตกหล่นอยู่บ้าง ยงไงก็ขอขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกคนที่คอยติดตามค่ะ จะพยายามทำให้ขนมผิงเข้มแแข็งขึ้นมากกว่าเดิมหลายๆเท่า แต่พระเอกก็เป็นปิญญ์เนอะ ต่อให้เลวยังไงก็มีหัวใจค่า

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
11 หวงเกินเหตุ

 

              วันรุ่งขึ้นปิญญ์ชานนท์เข้ามาถึงบริษัทตั้งแต่พนักงานยังมาถึงกันไม่ครบดีด้วยซ้ำ เขาไม่สามารถบังคับให้จิตใจของตัวเองสงบพอที่จะพักผ่อนและหลับสนิทได้เลย มือใหญ่หยิบรูปอีกใบที่ล้างไว้เปลี่ยนใส่กรอบรูปที่อยู่บนโต๊ะโดยที่ไม่สามารถหาเหตุผลขึ้นมาอธิบายสิ่งที่เขาทำได้เลย

              เสียงเคาะประตูทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมองและวางกรอบรูปนั้นลงบนโต๊ะ

              “เข้ามาได้”เขาวางท่าทีนิ่งสงบเหมือนกับทุกทีก่อนจะหยิบแฟ้มเอกสารวิเคราะห์ราคาหุ้นฉบับล่าสุดออกมาเปิด

              “ผลตรวจดีเอ็นเอครับ ส่วนนี่ก็การ์ดเชิญจากมณีรัตน์”ซองจดหมายสองซองถูกวางลงบนโต๊ะ

              “การ์ดเชิญอะไร?”ปิญญ์ชานนท์เลิกคิ้วถามอย่างข้องใจ

              “อีกสองวันจะมีงานเปิดตัวประธานบริษัทคนใหม่ของมณีรัตน์ครับ”

              “จำเป็นต้องจัดงานเปิดตัวกันเลยรึไง”

              “เห็นว่าทางฝ่ายนั้นค่อนข้างที่จะไม่รู้จักใครในวงการธุรกิจเลย คาดว่างานนี้น่าจะจัดมาเพื่อทำความรู้จักกันน่ะครับ”

              “หึ เป็นแค่มือใหม่ที่ยังไม่รู้จักใครแต่กล้าจะเล่นของสูงสินะ ตกลงเป็นคนยังไงกันแน่”

              “อีกแค่สองวันเราก็จะรู้แล้วนะครับ”

              “ไม่ว่าจะเป็นใคร ฉันก็ไม่คิดจะสนมันอยู่แล้วในเมื่อยังไงคนพวกนั้นมันก็เหมือนๆกันหมด”

              ปิญญ์ชานน์หยิบซองแรกที่ใส่การ์ดเชิญขึ้นมาดู แม้แต่ชื่อแส้ก็ยังไม่มีระบุอยู่ในการ์ดเชิญ อีกฝ่ายเป็นคนประเภทไหนกันแน่ ทั้งที่ดูน่าจะฉลาดมีความสามารถแต่กลับตกเป็นเหยื่ออีกรายของขนมผิงไปซะได้

              “แล้วก็มีอีกเรื่องนะครับ อีกสามวันคุณเชตุพลจะกลับมาจากแคนนาดา เขาฝากบอกมาว่ามีเรื่องจะคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว”

              “เรื่องอะไรกัน อย่าบอกนะว่าเรื่องของเดหลีอีกแล้ว ถ้าเป็นเรื่องของเดหลีละก็บอกไปเลยว่าฉันไม่ได้มีเวลาว่างจาคุยเรื่องไร้สาระขนาดนั้น”ปิญญ์ชานนท์พูดถึงว่าที่คู่หมั้นที่ทางผู้ใหญ่จัดเอาไว้ให้

              “แต่ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่นะครับ ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องราคาของหุ้นที่เขาถืออยู่มากกว่า”เลขาหนุ่มอธิบาย

              “งั้นก็จัดเวลาให้เขามาพบฉันตอนที่ว่าแล้วกัน”

              “ครับ”

              “ถ้าไม่มีอะไรนายก็ไปทำงานต่อได้เลย”เขาโบกมือเป็นเชิงไล่

              “เอ่อ เรื่องเมื่อวานที่บอกให้ผมติดต่อไปทางบริษัทจัดหางาน ทางฝ่ายนั้นเขาแจ้งมาว่าตอนนี้ทางมณีรัตน์ก็แจ้งไปว่าต้องการคนเหมือนกับทางเรานะครับ”

              “แล้วยังไง นายคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางนั้นไม่ได้รึยังไงกัน”พอเอ่ยถึงมณีรัตน์ปิญญ์ชานนท์ก็เริ่มไม่พอใจขึ้นมา

              ภายในไม่กี่วันที่ผ่านมาชื่อของมณีรัตน์เข้ามาวนเวียนในหัวของเขาจนเต็มไปหมดจนเขาชักเริ่มทนไม่ไหวหากจะต้องได้ยินชื่อนี้อีกครั้ง

              “ฝ่ายนั้นแจ้งมาว่าเขาไม่สามารถบังคับให้ตัวผู้หางานเลือกงานได้ แล้วอีกอย่างฐานของเงินเดือนของเราก็น้อยกว่ารวมถึงสวัสดิการ มีแนวโน้มสูงมากที่เราอาจจะได้คนงานมาไม่ทันที่จะต่อสัญญา”

              “งั้นก็ทำเรื่องไปยังฝ่ายบุคคลให้ปรับฐานเงินเดือนพนักงานฝ่ายผลิตให้หมดให้เท่ากับของมณีรัตน์ ให้มันรู้ไปว่าจะไม่มีใครอยากทำงานกับเรา”

              “แต่ถ้าทำแบบนั้นผู้ถือหุ้นคนอื่นๆจะคัดค้านเอาได้นะครับ”

              “ใครจะไปสน ถ้าไม่มีคนผลิตรายได้มันก็หายไปเหมือนๆกัน ใครไม่พอใจก็ให้มาเจอกับฉันเป็นการส่วนตัวได้ ไปได้แล้ว ฉันต้องการความเป็นส่วนตัว วันนี้ยกเลิกนัดที่มีให้หมด”ปิญญ์ชานนท์สั่งด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

              หลายสิ่งหลายอย่างมันโถมเข้ามาจนเขาแทบจะตั้งรับไม่ทัน เขามัวแต่เอาไปพะวงกับเรื่องของขนมผิงที่ในเวลานี้มีคนคอยตามติดกันไม่ให้เขาเข้าใกล้ อีกทั้งยังจะเรื่องงานที่ปัญหาเริ่มมีเข้ามาไม่รู้จบ

              ราคาของหุ้นที่ตกลงไปมีทางเดียวที่จะแก้ได้ก็คือการได้เซ็นสัญญาระยะยาวกับสิงคโปร์ ซึ่งปัญหาที่ตามมาติดๆก็คือบุคลากรทางด้านการผลิตไม่เพียงพอที่จะตอบสนองต่อกำลังการผลิตได้ และนั่นเป็นตัวแปรสำคัญในการต่อสัญญาระยาวที่กำลังจะหมดลงครั้งนี้

              ปึง!!

              ปิญญ์ชานนท์ทุบมือลงบนโต๊ะเพื่อบัลดาลโทสะอย่างเหลืออด ปัญหามากมายวิ่งเข้ามาใส่เขาราวเป็นการจงใจของใครบางคน และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม คนคนนั้นก็ทำมันสำเร็จได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้เขาแทบอย่างจะบ้าคลั่งกับปัญหาที่ไม่เคยเจอมาก่อน

              แต่ว่าเขาเองก็จะไม่ยอมง่ายๆเด็ดขาด ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันจะต้องเป็นไปตามที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม เขาเท่านั้นที่จะต้องเป็นฝ่ายเดินนำไม่ใช่ให้ใครหน้าไหนมาเดินแซงหรือเดินผ่านเขาไปได้

 

              ----------------------------------------------------------

 

              “เมื่อสักครู่สำนักงานจัดหางานเขาแจ้งมาว่าทางอนันตไพลินต้องการที่จะได้คนงานเพิ่มอย่างที่คุณคาดเอาไว้ครับ”

              “กะไว้แล้วไม่มีผิด แล้วยังไงมีใครสนใจรึเปล่า”ผมถามคุณแทนทัพกลับไป

              “ตอนนี้เห็นว่ายังไม่มีใครสนใจนะครับ แต่มีข่าวลือออกมาว่าทางนั้นตั้งใจจะปรับฐานเงินเดือนขึ้นมาสู้กับเรา แต่ยังไงผมก็คิดว่าผู้ถือหุ้นรายอื่นๆของเขาก็คงไม่ยอมเพราะสถานการณ์มันค่อนข้างจะไม่อำนวยสักเท่าไร”

              “ผมก็คิดว่าอย่างนั้น ให้มันได้อย่างนี้สินะ”ขนมผิงยิ้มอย่างพอใจ

              “ดูเหมือนว่าคุณกำลังมีความสุขอยู่นะครับ”

              “แน่นอนผมมีความสุข”ตอบในขณะที่หมุนเก้าอี้หันหลังไปมองวิวด้านนอกอย่างสบายใจ

              “มันไม่ดีนะครับ มีความสุขอยู่บนความทุกข์ของคนอื่น”

              “นานๆทีก็ปล่อยให้ผมมีความสุขบ้างจะเป็นอะไรไป คุณทัพอย่าว่าผมเลยนะ”

              “งั้นก็ตามใจครับ แต่อย่าทำให้มันเกินตัวล่ะครับ ผมไม่อยากให้คุณทำงานหนักเกินไป”อีกฝ่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

              “ไม่เป็นอะไรหรอก หนักกว่านี้ผมก็เจอมาแล้ว ว่าแต่ต้นเดือนหน้าทันทีที่พนักงานที่มายื่นใบสมัครเข้ามารายงานตัวครบคุณรีบแจ้งทางฝั่งคุณเฉียนด้วยล่ะ ผมต้องการที่จะจับเขาเซ็นสัญญาก่อนที่ทางอนันตไพลินจะได้รู้ตัว”

              “แต่ผมไม่อยากให้คุณเร่งเลยนะครับ ค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า”

              “ผมต้องการแน่ใจว่าผมจะได้มันมาไว้ในกำมือก่อนที่จะเจ้าของมันจะทันรู้ตัวไปซะก่อน”ขนมผิงแสยะยิ้มร้ายทั้งที่ยังจ้องมองไปยังวิวด้านนอก

              มันแน่นอนอยู่แล้วที่คนกระหายชัยชนะอย่างเขาจะรีบทำเพื่อให้มันจบๆ ขนมผิงต้องการที่จะเห็นอีกฝ่ายล้มทั้งยืนจนแทบจะอดทนรอไม่ไหว

               “แล้วก็เรื่องข่าวลือในบริษัท ผมคิดว่าอีกไม่นานมันจะเล็ดลอดออกไปภายนอก จะให้เก็บเรื่องนี้เอาไว้หรือว่าจะปล่อยให้คนนอกรู้ตามที่ควรจะเป็นดีครับ”

              “เอาสิ ปล่อยให้มันเป็นตามที่มันควรจะเป็นนั่นแหละ”

              ข่างลือที่เกี่ยวกับสถานะของแม่ของเขาที่มาก่อนภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายกำลังถูกแพร่งพรายไปทั่วบริษัท และอีกไม่นานมันคงจะถูกปล่อยไปถึงหูพวกคนใจดำที่มันถือดีมาตีตราบาปลงกับแม่ของเขา

 

              -----------------------------------------------------------

             

              วันนี้ขนมผิงเลิกงานเร็วกว่าปกติ ริมฝีปากได้รูปแย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดีกับผลงานที่ออกมาอย่างดีเยี่ยม ตาคู่สวยจ้องมองไปยังถนนด้านนอกของตัวรถโดยที่คมสันผู้ติดตามส่วนตัวเป็นคนขับรถให้

              “ปะป๊มาแล้วววว”

              “ปะป๊าฮับบบบ”

              ยังไม่ทันจะก้าวเข้าบ้าน เสียงแหลมเล็กก็พากันร้องดีใจ เวียงลงเท้าตึงตังวิ่งมาหาเขาด้วยท่าทางตื่นเต้นที่เขาเลิกงานเร็วกว่าปกติ อีกทั้งเมื่อวานเขาไม่ได้กลับมานอนที่บ้านเพราะมัวแต่ทำงานจนดึกจึงจ้องไปนอนที่คอนโดแทน

              “เดี๋ยวปะป๊าถอดรองเท้าก่อนนะครับ”

              ขนมผิงยกมือห้ามก่อนที่สองตัวอ้วนจะกระโดดโถมมาให้เขารับ

              “คิดถึงปะป๊า”ปลากริมเงยหน้าอ้อน ตาคู่กลมโตจ้องมองมาตาแป๋วชวนให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

              “หลิ่มก็คิดถึง”เจ้าตัวเล็กกว่าเองก็ไม่ยอมแพ้

              “ปะป๊าก็คิดถึงเหมือนกันครับ ไหนวันนี้เรียนอะไรบ้างเล่าให้ปะป๊าฟังหน่อยสิครับคนเก่ง”ขนมผิงถามถึงบทเรียนที่พี่เลี้ยงสอนให้

              “กอไก่ขอไข่ฮับ”

              “มีช้างแล้วก็มีเสือด้วยยยย”

              สองแฝดพากันพูดถึงบทเรียนเสียงเจื้อยแจ้ว

              “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ท่องให้ปะป๊าฟังด้วยนะ ตกลงไหม”

              “ฮับบบบบ”

              “ฮับผม”

              สองแฝดพากันพยักหน้ารับจนหัวคลอนในขณะที่เขาเดินเข้าบ้านพร้อมกับร่างจ้ำม่ำเดินขนาบข้าง

              “แม่ก็นึกว่าวันนี้จะไม่กลับมาซะแล้ว”ลำดวนทักลูกชาย

              “ไม่กลับได้ยังไงล่ะครับ ลูกผิงรออยู่ตั้งสองคน”ขนมผิงบุ้ยปากก่อนจะเดินเข้าไปกดจมูกลงบนแก้มนุ่มของมารดา

               “ก็ดีแล้ว วันนี้แม่ทำกับข้าวไว้ตั้งเยอะ พ่อเขาก็บ่นว่าผิงเอาแต่ทำงานจนช่วงนี้ไม่ค่อยได้เห็นหน้า”

              “ก็มีเด็กๆไว้คอยอยู่แทนแล้วไงครับ ผิงแค่อยากให้งานออกมาดี”

              “แต่แม่ไม่เห็นว่าจะต้องขยายบริษัทอะไรอย่างที่ผิงทำอยู่ตอนนี้เลย พ่อเขาบอกว่าแค่นี้ก็มากพอแล้วไม่เห็นจะต้องทำอะไรให้มันเหนื่อยไปมากกว่านี้”

              ลำดวนดึงให้ลูกชายนั่งลงบนโซฟาก่อนจะตามด้วยเด็กๆที่ปีนขึ้นมานั่งขนาบข้างอย่างรู้งาน

              “ผิงแค่อยากทำให้พ่อภูมิใจ”บอกออกไปทั้งที่มันเป็นเพียงส่วนเล็กๆของเป้าหมายที่วางเอาไว้

              “แม่รู้ว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่ แต่แม่ไม่อยากให้เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้เลยนะ”

              “ผิงคิดว่าผิงทำได้ ผิงว่าเราเลิกคุยเรื่องนี้กันดีกว่า ผิงไม่อยากคุยต่อหน้าลูกๆ”

              ขนมผิงรู้ดีว่ามารดาของตนต้องการที่จะให้เขาเลิกเกลียดชังอีกฝ่าย หากแต่มันเป็นไปไม่ได้เลยเมื่อสิ่งที่คนพวกนั้นทำมันช่างเลวร้ายเกินกว่าที่จะทำใจให้ลืมได้ง่ายๆ

              “ตามใจแล้วกัน แล้วพรุ่งนี้ว่างไหม เด็กๆอยากไปกินไอติมข้างนอกกันอีกแล้ว เมื่อวานแม่ก็พึ่งจะพาไปแหมบๆ ให้ไปอีกพรุ่งนี้คนแก่อย่างแม่คงไปไม่ไหว”คุณยายมือใหม่พูดพลางส่ายหน้ากับการที่ต้องรับมือคู่แฝดตัวแสบเวลาออกไปข้างนอก

              “เมื่อวานแม่พาเด็กๆไปข้างนอกมาเหรอครับ”ขนมผิงพอได้ยินก็ถามทันที

              เริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าเด็กๆไปไหนมาไหนโดยที่ตัวเองไม่รู้มาก่อน

              การที่เขายอมไม่เก็บลูกเอาไว้ข้างตัวก็เพื่อที่จะกันไม่ให้ลูกๆไปเจอกับคนที่ไม่อยากจะให้เจอ เพื่อที่เขาจะได้แน่ใจว่าจะไม่มีวันสูญเสียเด็กๆให้กับปิญญ์ชานนท์ไป แต่การที่จู่ๆแม่ของเขามาบอกว่าพาปลากริมกับสลิ่มออกไปข้างนอกโดยไม่บอกเขาสักคำมันทำให้เขาค่อนข้างไม่พอใจสักเท่าไร

               “ผิงบอกแล้วไงว่าไม่ให้พาเด็กๆออกไปข้างนอก”

              “ผิง มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน เราไม่สามารถเก็บเด็กๆไว้แต่ในบ้านนะลูก เด็กๆต้องออกไปดูโลกข้างนอกบ้าง อีกเดี๋ยวปีหน้าก็ต้องเข้าโรงเรียน”

              “แต่ผิงไม่อยากให้แม่พาเด็กๆออกไป อย่างน้อยแม่ก็น่าจะบอกกันก่อน ผิงไม่อยากให้เขาเข้าใกล้เด็กๆ”

              “แล้วเขาที่ว่าคือใครล่ะ จนป่านนี้แม่ก็ยังไม่รู้สักทีว่าเขาคือใคร แม่เองก็ไม่อยากจะขุดคุ้ยเพราะคิดว่ามันไม่จำเป็น แต่วันหนึ่งเด็กๆโตขึ้นมาก็ต้องอยากรู้เข้าสักวัน”ลำดวนเองก็เริ่มไม่พอใจเมื่อลูกชายทำราวกับหวงแหนเด็กๆมากเกินตัว

              “ไม่ได้!! ยังไงก็ไม่ได้ ผิงไม่ให้แม่พาลูกๆผิงออกไปไหนแล้ว”

              “ผิง ผิงจะเอาความคิดของตัวเองมาตัดสินไม่ให้เด็กๆออกไปดูโลกภายนอกไม่ได้นะ เราจะขังเด็กๆเอาไว้แต่ในบ้านไม่ได้”

              “ผิงไม่ได้ขัง ผิงแค่อยากให้ลูกๆอยู่ในสายตา ผิงไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ลูกๆของผิงเท่านั้น”

              “แค่พาไปกินไอติมแค่นี้เอง แม่ว่ามันไม่น่าจะมีอะไรเลวร้ายหรอก”

              สิ่งที่ลำดวนแย้งทำให้ขนมผิงหยุดคิด มันอาจจะเป็นเพราะว่าปิญญ์ชานนท์ส่งคนมาตามติดเขามากเกินไปถึงแม้ว่าช่วงนี้จะไม่ได้มาเอง

              แต่นั่นมันก็ไม่มีอะไรบ่งบอกได้เลยว่าปิญญ์ชานนท์จะไม่เข้ามาใกล้กับเด็กๆอีกในเวลาที่ออกไปข้างนอกโดยที่ไม่มีเขาอยู่

              “นะฮับปะป๊า กิมอยากกินไอติม”เจ้าตัวแสบคนพี่กระตุกแขนเสื้อของขนมผิงจากทางด้านหลังเรียกให้หันไปมองหยดน้ำตาที่คลอบนหน่วนตาคู่กลม

              “นะฮับ ปะป๊า หลิ่มชอบกินติมมากเลยฮับ”สลิ่มเงยหน้ามองตาใส

              “ก็ได้ครับ แต่ห้ามไปไกล และห้ามไปนาน ก่อนไปต้องบอกผิงก่อน ผิงไม่อยากให้เด็กๆกลับมาแล้วไม่สบาย”

              “ไม่เป็นอะไรหรอกน่า หวงเกินไปก็ใช่ว่าจะดีนะ”ลำดวนกล่าวเตือน

              ใครจะหาว่าเขาหวงลูกมากเกินไปเขาก็ยอมถ้าหากมันจะช่วงปกป้องลูกของเขาเอาไว้ได้

              “เย้ ปะป๊าใจดี กิมรักปะป๊าฮับ”เจ้าตัวโตรีบกระโดดโถมตัวเข้ามากอดคอ ฝังจมูกลงบนแก้มของเขา

              “หลิ่มก็รักปะป๊า”คราวนี้สลิ่มยืนขึ้นมาทำท่าจะโถมตัวใส่บ้าง

              ดีที่ขนมผิงคว้าตัวเอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นคงจะโดนลูกแฝดพากันทับตายเสียก่อน

               “งั้นสัญญากับป๊านะครับว่าจะไม่คุยกับคนแปลกหน้า ต้องอยู่กับพี่นิวพี่แนนตลอดนะครับ”ต่อรองและยื่นนิ้วก้อยไปให้เด็กๆ

              “ฮับ/ฮับ”

              “ดีมาก พรุ่งนี้ปะป๊าจะพาไปกินไอติมเอง”

              “เย้ จะได้เจอคุงยุงแย้ว”สลิ่มกระโดดโลดเต้นบนโซฟาตัวยาว

              แต่คำพูดของสลิ่มทำให้ขนมผิงชะงักแล้วหันกลับไปมองผู้เป็นแม่ด้วยสายตาสงสัย

              “แม่ไม่ได้บอกอะไรผิงรึเปล่า”

              “เด็กๆก็พูดไปเรื่อยแหละ อย่าไปใส่ใจ”

              “เย้ คุนยุงปินป้อนไอติม”คราวนี้ปลากริมกระโดดตามบ้าง

              “แม่!! เมื่อวานเด็กๆไปเจอกับใครมา!!”ขนมผิงถามเสียงแข็ง

              “ก็แค่คุณปิญญ์นะ เจอแค่แปบเดียวเองไม่มีอะไรหรอก”ลำดวนหลบตา

              สำหรับแม่ของเขาแล้ว ในสายตาปิญญ์ชานนท์ก็คือคนที่เขาเกลียดเพราะเป็นพวกเดียวกับอนันตไพลินที่ใส่ร้ายครอบครัว แต่สำหรับเขาปิญญ์ชานนท์คือคนที่เขาทั้งเกลียดทั้งชัง เป็นราวกับสัตว์นรกที่ไม่มีจิตใจของความเป็นคนอยู่เลยสักนิด

              “แต่คุนยุงพาไปกินติมด้วยนะฮับ ถ่ายรูปด้วยเนอะหลิ่มเนอะ”

              “ช่ายๆ คุนยาย เปิดรูปๆ เอามาอวดปะป๊า”เด็กๆพากันโบกไม้โบกมือ

              “รูปอะไร”ขนมผิงคาดคั้น

              “ไม่มีอะไรหรอก แค่รูปเด็กๆให้ถ่ายตอนกินไอติม”

              “ไหนเอามาให้ผิงดู”

              “อย่าดูเลย แค่รูปเด็กๆ ไม่มีอะไรหรอก”

              “ถ้าแค่รูปเด็กๆทำไมผิงจะดูไม่ได้”

              ขนมผิงคาดคั้นจนลำดวนยอมส่งโทรศัพท์ให้ มือผอมเปิดรูปในโทรศัพท์แล้วเลื่อนดูก็เจอเข้ากับรูปเด็กๆที่นั่งประกบข้างอยู่บนตักเจ้าของใบหน้าคมคาย จู่ๆมือที่ถือโทรศัพท์นั้นก็เกร็งจนสั่นแทบจะควบคุมไม่ได้

              อีกแล้วที่ปิญญ์ชานนท์เข้าใกล้เด็กๆโดยที่เขาไม่รู้ อีกแล้วที่ต้องรู้สึกราวกับว่ากำลังสูญเสียสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต มันเพราะอะไรกันคนเลวแบบนั้นถึงได้เข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตของเขากับเด็กๆอยู่ได้ ทั้งที่เป็นฝ่ายผลักไสเขากับเด็กๆราวกับสิ่งที่มีชีวิตที่ถูกโยนทิ้งขว้างเมื่อไม่ต้องการ

              “ต่อไปนี้ไม่ว่าจะยังไงก็ห้ามไม่ให้เด็กๆออกไปข้างนอกเด็ดขาดถ้าผิงไม่อนุญาต หากผิงรู้ว่ามีใครพาเด็กๆออกไปล่ะก็ผิงจะพาเด็กๆออกไปอยู่ข้างนอก วันนี้ผิงไม่กินข้าวเย็น ผิงอยากพักผ่อน”

              พูดจบก็เดินขึ้นไปชั้นบนโดยที่ไม่สนใจว่าผู้เป็นแม่จะตกใจกับการกระทำของเขามากแค่ไหนและเด็กๆจะมีท่าทีกวาดกลัวยังไง เขาขอเพียงแค่ไม่มีใครเข้ามาเพื่อที่จะแย่งลูกๆไปจากเขาก็พอ

 

              -----------------------------------------------------

 

              งานเลี้ยงในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรูโรงแรมเดียวกับที่จัดงานฉลองเรียนจบให้กับคุณวุฒิ มันทำให้ขนมผิงรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเพราะเมื่อเกือบสี่ปีที่ผ่านมาที่นี่ก็เหมือนนรกดีดีสำหรับเขานั่นเอง

              เสียงเพลงที่เปิดคลอไปเบาๆพร้อมแขกเริ่มมากันเยอะขึ้น ผู้บริหารหรือผู้ร่วมลงทุนทางธุรกิจหลายคนต่างก็เดินทักทายกันเพื่อคุยกันตามภาษาของคนที่เอื้อผลประโยชน์ต่อกันก็เท่านั้น

              วันนี้แล้วสินะที่ทุกคนจะได้รู้ความจริงทั้งหมด วันนี้ขนมผิงจะได้เห็นสีหน้าของคนที่ถือตนเองเหนือกว่าคนอื่นๆอย่างปิญญ์ชานนท์เมื่อรู้ว่าเขาเป็นใครและได้ทำอะไรได้บ้าง

              “ผิง พี่กะแล้วว่าผิงต้องมา”เสียงนุ่มคุ้นหูทักขึ้นจากทางด้านหลังเรียกให้ขนมผิงหันไปมองเจ้าของเสียงด้วยรอยยิ้ม

              ถึงแม้ว่าจะแปลกใจแต่มันก็ไม่ค่อยจะเกินความคาดหมายสักเท่าไรที่คุณวุฒิจะโผล่มาในงานเลี้ยงนี้

              “ผิงก็กะเอาไว้เหมือนกันว่าพี่วุฒิจะมา”

              “แล้วเด็กๆล่ะ เอามาด้วยไหม พี่ซื้อขนมติดรถมาเยอะเลยกะว่าต้องเจอผิงแน่แน่”

              “เด็กๆอยู่กับพี่เลี้ยงตรงเก้าอี้ตรงนั้นครับ”ตอบพลางชี้นิ้วไปยังริมห้องจัดเลี้ยงที่เด็กๆกำลังเล่นอยู่กับพี่เลี้ยงทั้งสองคน

              “พี่อยากไปทักทายเด็กๆหน่อย ไปกันเถอะ”มือใหญ่เอื้อมมือมาจับมือของขนมผิงเอาไว้แล้วจูงให้เดินตาม”

              ขนมผิงจ้องมองข้อมือของอีกฝ่ายที่โพล่พ้นแขนเสื้อสูทออกมาเล็กน้อย นาฬิกาเรือนแพงที่อีกฝ่ายสวมอยู่เรียกรอยยิ้มขึ้นมาประดับบนใบหน้านั้นได้เป็นอย่างดี

              ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นจุดเปลี่นของจุดยืนที่เขายืนอยู่โดยเฉพาะในสายตาของคุณวุฒิกับปิญญ์ชานนท์ แต่ยังไงซะการที่ได้ตอกหน้าพวกคนที่ได้ตราหน้าแม่ของเขามันก็คุ้มที่จะเสี่ยง…แม้ว่ามันอาจจะทำให้ความห่างเหินระหว่างเขากับคุณวุฒิเปลี่ยนไปก็ตาม

              ขนมผิงไม่อยากจะคาดเดากับผลลัพธ์ที่จะตามมาเลยว่าท่าทีของคุณวุฒิจะมีต่อเขายังไงเมื่อได้รู้ความจริงว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นใคร สิ่งเดียวที่เขาหวังมากที่สุดในตอนนี้ก็คือการได้เห็นสีหน้าของคนเลวพวกนั้น

              “เย้ คุนยุงหมอ”เจ้าสองตัวกลมในชุดทักซิโดน่ารักหันมาทักทายทันทีที่ได้เห็นเจ้าของร่างสูงดูใจดี

              “คุนยุงหมอใจดี”

              “ว่าไงครับ ไม่เจอลุงหมอตั้งนานคิดถึงกันรึเปล่า”

              “คิดถึงฮับ คิดถึงหนมด้วย”ปลากริมยิ้มเผล่

              “ช่ายคิfถึงหนมอาหย่อย”

              “ขนมกับเจ้าของขนมคิดถึงใครมากกว่าครับ”คุณวุฒิย่อตัวไปเสมอเด็กๆแล้วถาม ไม่วายยกมือลูบหัวเด็กๆด้วยความเอ็นดู

              “คิดถึงสองอันเลยฮับ” 

              “ช่าย คิดถึงสองอันเลย”สลิ่มยิ้มจนตาหยี

              “จริงเหรอครับ ลุงหมอว่าถ้าคิดถึงลุงหมอมากกว่าลุงหมอจะไปเอาขนมหลังรถมาให้สักหน่อย”

              พอได้ยินที่คุณวุฒิพูดเจ้าสองแสบก็พากันตาลุกวาว ยิ้มกว้างดีใจกันยกใหญ่

              “อย่าติดสินบนเด็กสิครับ”ขนมผิงพูดหยอกอย่างใจเย็นมองดูคุณหมอเด็กคุยกับเด็กๆสนุกสนาน

              “งั้นกิมคิดถึงยุงหมอมากกว่า”

              “ช่ายๆหลิ่มด้วย คิดถึงยุงหมอมากกว่า”

              “เปลี่ยนใจเร็วกันจังเลยนะครับ เหมือนใครแถวนี้ก็ไม่รู้”คุณวุฒิหันมาแซว

              “อย่าใส่ร้ายกันสิครับ”

              “ก็มันจริงไหมล่ะ ว่าแต่คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นรู้จักกับผิงรึเปล่า พี่เห็นเขาคอยตามผิงตลอดเลย”ใบหน้าดูใจดีพยักหน้าไปทางร่างสูงใหญ่ของคมสันที่ยืนคุมเชิงอยู่ไม่ไกล

              “นั่นเป็นคนของพ่อนะครับ คอยดูแลความปลอดภัยของเด็กๆ”

              “งั้นเหรอ พี่ก็ว่าแล้วว่าแปลกๆ ว่าแต่พี่เห็นผิงพูดถึงพ่อมาหลายครั้งแต่พี่ยังไม่เคยได้ทักทายท่านเลย ใจคอจะไม่แนะนำให้พี่รู้จักบางเลยเหรอ”

              “เดี๋ยวก็ได้รู้เองล่ะครับ อีกไม่นาน”ฝืนยิ้มออกไป

              ต่อจากนี้คุณวุฒิจะอยู่จะไปก็ต้องขึ้นอยู่กับความคิดของอีกฝ่าย

              “ผิงว่าไงพี่ก็ว่าตาม ว่าแต่ผิงเห็นพี่ปิญญ์บ้างไหม มาพร้อมกันแท้ๆกลับหายไปซะได้”

              “ไม่รู้สิครับ ผิงไม่ค่อยได้สนใจคุณปิญญ์สักเท่าไร”ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

              ถึงแม้ว่าตาคู่สวยกำลังจะจ้องมองร่างสูงของคนที่พูดถึงอยู่อีกฝั่งของห้องจัดเลี้ยงก็ตาม ขนมผิงจงใจยกยิ้มยั่วเมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตาราบกับต้องการจะท้าทาย

              เพราะมีผู้ติดตามคอยคุมเชิงอยู่ใกล้ตัวทำให้ปิญญ์ชานนท์ไม่กล้าที่จะเข้ามาวุ่นวายกับขนมผิงเหมือนครั้งก่อนๆ ยิ่งตอนนี้มีแขกทางสังคมที่ต้องไว้หน้า ทำให้อีกฝ่ายต้องระวังตัวไม่ให้เสียหน้าเหมือนครั้งที่แล้วมากขึ้น

              “คุณผิงครับได้เวลาแล้วครับ คุณพิศท่านรออยู่”แทนทัพเดินเข้ามาแตะแขนเบาๆเรียกให้ขนมผิงหันไปยิ้มรับ

              ทว่าตาคู่คมของแทนทัพกลับปรายตามองมายังคุณวุฒิที่กำลังเล่นอยู่กับเด็กๆไม่วางตา

              “อืม เดี๋ยวผมไป”ตอบรับเสียงเบา

              “นั่นใครครับ ทำไมผมไม่เคยรู้จักมาก่อน”แทนทัพถามออกไปจนได้

              “เขาเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของผมเอง รู้จักกันมานานแล้วล่ะ”ตอบพลางมองสีหน้าที่ดูไม่ดีเท่าไรของเลขาหนุ่ม

              “งั้นเหรอครับ ผมว่ารีบไปดีกว่าครับ คุณพิศท่านจะรอนาน”

              “เดี๋ยวผมตามไป”บอกย้ำอีกรอบแม้ว่าแทนทัพจะยังคงยืนรอออยู่ตรงนั้นก็ตาม

              “พี่วุฒิครับ เดี๋ยวผิงต้องไปหาคุณพ่อสักแปบนึง ถ้ายังไงก็อย่าลืมขนมเด็กๆนะครับ”ขนมผิงสะกิดแขนคุณวุฒิเบาๆ

              “ให้พี่ไปด้วยสิ จะได้ทำความรู้จักกับคุณพ่อของผิง”

              “อย่างพึ่งดีกว่าครับ ตอนนี้คุณพ่อท่านไม่ค่อยสะดวก”

              “อย่างนั้นเหรอ งั้นก็ได้ พี่ก็ว่าจะไปตามพี่ปิญญ์เหมือนกัน ไม่รู้ว่าหลบไปอยู่ไหน พี่ยิ่งไม่ค่อยรู้จักใครอยู่”

              “งันเดี๋ยวเจอกันนะครับ”

              บอกออกไปแบบนั้นทั้งที่ไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายจะยังยืนรอเขาอยู่ที่เดิมไหม หรือจะจะเดินถอยหนีไปเมื่อรู้ความจริงที่เขากำลังจะเปิดเผย

 

              -------------------------------------------------------------------
มีต่อ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 07:14:25 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
คนอ่านนับวันรอให้ความลับแตกจะแย่อยู่แล้ว  :katai5:

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
งานนี้จัดหนักให้อิคุณปิญ ล้มทั้งยืนทีเถอะ  :hao7:

ลูกก็อย่าให้ได้เข้าใกล้ เมียก็เอาให้แต๊ะไม่ได้  :hao6:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
เอาเข้าไปค่ะคุณปิญญ์ โทษได้ทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้ยกเว้นก็แค่ตัวเอง อยากจะรู้จริงๆ ว่าโตมากับคนแบบไหนทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้ก็ไม่รู้นะคะ

ออฟไลน์ Lookwa1007

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สงสารผิงจัง โดนตามรังควานตลอดเลย ขอให้แก้แค้นสำเร็จนะ

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
ขนมผิงสู้ๆๆๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
 o8 อันที่จริงตามกฎหมาย คนเป็นแม่เหมือนจะมีสิทธิ์มากกว่าคนเป็นพ่อนะ
หมอไม่มีสิทธิ์ตรวจให้ หากแม่เด็กไม่อนุญาต และถ้าฟ้องแย่งสิทธิ์
ดูทีศักยภาพในการเลี้ยงดูถ้าเท่ากันแล้วล่ะก็ จ้างทนายงัดกันยาวเลย

เพราะฉะนั้น อีขุ่นปิญญ์โรคจิตเงินใช้ไม่ได้ในกรณีนี้หรอก :a14:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
เอาใจช่วยพระเอกกะนายเอก

ให้โอกาสแก่กันและกัน

พระเอกก็ร้ายเกิน แบบนี้ตบๆ

นายเอกก็แรง ไม่อ่อนง่ายๆแน่

แล้วแบบนี้เมื่อไร่จะมีฉากหวานๆบ้าง

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
งานนี้ผิงชนะใสๆ ดีแล้ว สู้เพื่อลูกดัดนิสัยเสียๆปิญญ์ซะบ้าง

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
คนดี อ่อนโยน ช่างดูแลอย่างแทนทัพ ก็เป็นได้แค่พระรองซินะ
~_~ แค้นมาก ทำร้ายกันมาก พูดจาดูถูกเหยียดหยาม จะรักกันอย่างไร สองแฝดนั่นคงมีบทบาทไม่น้อย

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
ไหน ใครไม่รู้ว่าพระเอกคือใคร แสดงตัวมา คนเขียนนี่ฮาเลย
มีแต่คนรักขุ่นปิญญ์ ให้กำลังใจขุ่นปิญญ์ทั้งน๊านนน
 :laugh:  :laugh:

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
ไหน ใครไม่รู้ว่าพระเอกคือใคร แสดงตัวมา คนเขียนนี่ฮาเลย
มีแต่คนรักขุ่นปิญญ์ ให้กำลังใจขุ่นปิญญ์ทั้งน๊านนน
 :laugh:  :laugh:

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
เอาให้เต็มที่ค่ะน้องผิง
เบื่ออิตาโรคจิตปิญญ์เต็มทีแล้ว

ออฟไลน์ fahhee_zeze

  • Love you...YAOI~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เดี๋ยวขุ่นปิญญ์ได้ไส้ปลิ้นเมื่อรู้ความจริง #หมั่นไส้สุดคนนี้ :laugh3: :laugh3: :laugh3: :laugh3:

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
ขนมผิง สู้ๆ นะ ตีองร้ายกว่านี้ เอาให้ไอ้คุนปิญเหลือแต่ตัวเลยนะ ให้มันเป็นหมาจนตรอกเลย รอออวันนั้น

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
หืออออ ขุ่นปิญญ์นี่มันโรคจิตของแท้
ต้องการอัลไลจากขนมผิงเนี่ย
สรุปนายก็เอาดีเอ็นเอไปจนได้สินะ ร้ายมาก
นายนี่มันน่าโดนเล่นงานจนไม่เหลืออะไรจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
        สนุกคับ แต่ก็ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย ผัว-เมียทะเลาะกันเพราะผูกโกรธอยากทำให้อีกฝ่ายเจ็บจริงๆแล้วมีเรื่องธุระกิจมาเกี่ยวข้อง มันจะมีแต่พังมั้ยน่ะ น่าติดตามตอนต่อไปคับ ตอนใหม่มาเร็วๆนะคับ รอ รอ รอ

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
ไหนใครโหวตให้อีตาปิญญ์ มาปรับทัศนคติด่วน?
พวกเธอซาดิสมากกก ไปโหวตให้มานทามมายยยย
 :angry2: :angry2: :angry2:
(ก็มันเป็นพระเอกไม่ใช่รึไง)
 :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ kisssky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ความโกรธ ไม่ยอม แก้แค้น ทำร้ายกัน เพื่อความสะใจ

พาร์ทนี้ มีแต่คนเชียร์นายเอก ให้เอาคืน

เดี๋ยวพอพระเอกล้ม ก็คงบอกให้นายใจอ่อน แล้วก็คืนดีกันแน่เลย


ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199
ปิญญ์ต้องการอะไรจากสังคม
นายมันโรคจิตว่ะ
 :z6: ตามอยู่ได้

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
แอบมาดัน
 :กอด1:

มาดันด้วยอีกแรงใจ

ตอนต่อไปจะมาเมื่อไร่หนอ

ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199
มาช่วยดันอีกคน
เมื่อไรจะมารอๆ :katai3:

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :katai1:  ขี้อ่อยมากนู๋ผิงของเรา

ความจริงปิญ ไม่ควรมีสิทธิอะไรในตัวของผิงตั้งแต่ผลักไสไล่ส่งผิงแล้วนะ

แล้วตอนนี้ทำมาหวงก้างทุเรศอ่ะ ทีนี้ทำมาทวงสิทธิ ส้งตีงมาก

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
ต่อ
             

              ทางด้านของปิญญ์ชานนท์ อารมณ์ของชายหนุ่มในเวลานี้มันร้อนเสียยิ่งกว่ากลองเพลิงที่กำลังโหมลุกไหม้ รอยยิ้มแสยะที่ได้รับมาจากบุคคลที่อยู่อีกฟากของห้องทำให้เขารู้สึกขุ่นเคืองไม่ต่างจากรังผึ้งที่ถูกแหย่ให้ฝูงผึ้งแตกออกมา

              ความอิจฉาริษยาที่เกิดขึ้นในใจทำให้เขาแทบจะยอมรับไม่ได้ว่าตนเองนั้นอิจฉาลูกพี่ลูกน้องของตนมากเพียงใด ทำไมเขาจะต้องเว้นระยะและถูกผลักไสให้ออกห่างทั้งที่คุณวุฒิได้ใกล้ชิดทั้งตัวขนมผิงและเด็กๆอย่างสบายใจ ผิดกับเขาที่เป็นเจ้าของและมีสิทธิในตัวของขนมผิงมากกว่าใครๆแต่กลับไม่ได้ยืนอยู่ในที่ที่ควรจะยืน

              “พี่ปิญญ์ค่ะ เดหลีนึกว่าพี่ปิญญ์จะไม่มาซะอีก เห็นพ่อบอกว่าพี่ไม่ค่อยถูกใจฝ่ายนี้สักเท่าไร”

              หญิงสาวใบหน้าสวยโฉบเฉี่ยวเดินเข้ามาจับแขนของเขาพร้อมกับวาจาที่ใช้น้ำเสียงเหยียดไม่ต่างอะไรกับผู้เป็นพ่อ

              “แล้วเธอล่ะ มาทำไม”เขาถามกลับไป

              นึกแปลกใจไม่ต่างกันที่ว่าที่คู่หมั้นหรืออีกนัยน์หนึ่งก็คือลูกสาวของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเขาจะมางานนี้ด้วย

              “ก็คุณพ่อเขายังไม่กลับมาจากแคนนาดา เดหลีเลยต้องมางานนี้แทนคุณพ่อ ไม่คิดว่าพี่ปิญญ์จะมาด้วย ไม่งั้นมาพร้อมพี่ปิญญ์ซะยังจะดีกว่า”เธอพูดพร้อมกับยิ้มยั่วเย้าด้วยริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีหวานให้กับว่าที่คู่หมั้นหนุ่ม

              “ทำแบบนี้ไม่กลัวนักข่าวเอารูปไปลงเสียๆหายๆรึไง”ปิญญ์ชานนท์ตอบกลับด้วยท่าทีนิ่งเฉยแล้วปัดมือหญิงสาวออก

              ซึ่งนั่นทำให้เธอค่อนข้างไม่พอใจ ในเมื่อเธอเป็นถึงดาราที่กำลังเป็นดาวรุ่งในด้านบทบาทของนางร้ายที่กำลังมาแรง แล้วทำไมคนคนนี้ที่พ่อของเธอจับวางเอาไว้ให้ถึงได้ไม่เคยเหลียวแลเธอแม้แต่น้อย

              “ก็ดีสิค่ะ จะได้รู้ๆกันว่าเรากำลังจะหมั้นกันในอีกไม่ช้า จะไปสนใจทำไมคะ ยิ่งข่าวลงมากเท่าไรเดหลีก็ยิ่งดังมากขึ้น ดีซะอีก”

              “งั้นก็แล้วแต่เธอแล้วกัน”ชายหนุ่มตอบรับด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ

              สายตาของเขากำลังจ้องมองไปยังร่างสูงโปร่งของขนมผิงที่กำลังเดินไปพร้อมๆกับคนที่เขาเจอที่ห้างสรรพสินค้าในวันที่ขนมผิงอ้างไม่รู้จักเขา…อีกแล้วที่คนอย่างขนมผิงยอมให้คนอื่นเข้าใกล้ได้ง่ายๆโดยที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่ถูกกันออกมา

              ไม่นานคุณวุฒิก็เดินออกมาจากเด็กๆหลังจากที่ขนมผิงผละออกไป ถึงแม้ว่าใจจะค่อนข้างขุ่นเคืองกับขนมผิงที่เปลี่ยนใจไปกับคนอื่นต่อหน้าต่อตาทั้งที่ก่อนหน้าอยู่กับน้องชายของเขา แต่ตอนนี้เด็กๆที่ไม่มีใครยืนเฝ้านอกจากพี่เลี้ยงสองคนที่เคยเจอเมื่อครั้งก่อนก็ทำให้เขาละความสนใจจากขนมผิงและก้าวเข้าไปหาเด็กๆโดยไม่ใส่ใจหญิงสาวที่มองตามด้วยความไม่พอใจที่เขาผละออกไปโดยไม่บอกไม่กล่าว

 

              ในขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าไปถึงตัวเด็กๆ เสียงพิธีกรบนเวทีก็กล่าวทักทายแขกที่มาร่วมงานทำให้เขาละสายตามองไปมองเล็กน้อยก่อนจะก้าวเดินต่อไปหาเด็กร่างจ้ำม่ำสองคนที่อยู่ในชุกทักซิโดน่าชัง

              “คุนยุงปินก็มา”ลูกหมูคนพี่เอ่ยทักอย่างดีใจ

              “มากันเยอะแยะเลย”ลูกหมูคนน้องโบกมือให้

              “อ่อ คุณค่ะ คือว่าฉันไม่อยากให้คุณข้ามาคุยกับเด็กๆน่ะค่ะ หากคุณผิงรู้เข้าพวกเราจะแย่เอา”พี่เลี้ยงคนหนึ่งเข้ามากันเอาไว้ไม่ให้เขาเข้าไปถึงตัวเด็กๆ

              “ทำไมล่ะ ฉันดูน่าอันตรายขนาดนั้นเลยรึไง”เขาตอบด้วยท่าทีไม่พอใจขึ้นมา

              “ถือว่าช่วยกันเถอะนะค่ะ ฉันไม่อยากโดนตำหนิ”

              “นี่เธอคิดว่าฉันจะทำร้ายเด็กๆรึยังไง”

              “เปล่าหรอกค่ะ แต่พวกเราได้รับคำสั่งมาว่าห้ามไม่ให้ใครเข้าใกล้เด็กๆหากไม่ได้บอกเอาไว้ก่อน”หนึ่งในพี่เลี้ยงตอบ

              “มันจะมากไปแล้ว คิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงได้ถือดีกันลูกตัวเองออกจากคนอื่นอย่างนี้”

              “คุณไปเถอะค่ะ เราไม่อยากจะเดือดร้อนเพราะคุณ”

              “หึ คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมาสั่งฉันได้”เขายกยิ้มที่มุมปากอย่างดูแคลน

              “เอ่อ”พี่เลี้ยงสองคนเริ่มวางท่าทีกันไม่ถูกด้วยความหวาดเกรงกลัวว่าคนคนนี้จะพาลทำให้พวกเธอเดือดร้อน

              “คุนยุง ไปหาหนมกินกัน”

              “ช่าย ไปหาหนมกินกัน”

              เจ้าสองตัวแสบวิ่งลอดแขนพี่เลี้ยงทั้งสองมาจับมือของเขาด้วยความว่องไวทำให้พี่เลี้ยงมองตามกันเลิกลั่ก และทำท่าจะเข้ามาดึงเอาตัวเด็กออกห่างจากเขาหากเขาไม่ส่งสายตาปรามไปก่อน

              หัวใจที่ด้านชาของเขาคล้ายจะเต้นแรงขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเด็กๆวิ่งเข้ามาหาโดยที่เขาไม่ได้สั่งหรือว่าบอกอะไรเลย

              “ทำไมเธอสองคนถึงได้มาอยู่ตรงนี้ล่ะแล้วพ่อของพวกเธอไปไหน”เขาถาม

              จะว่าหลอกถามเอากับเด็กก็คงจะไม่ปฏิเสธเพราะเขาเองก็อยากรู้ว่าขนมผิงให้เด็กๆอยู่กับพี่เลี้ยงแล้วตนเองตามผู้ชายไปไหนกัน

              “ปะป๊าไปหาคุนตา คุนตาอยู่บนนั้น”ปลากริมชี้ไปยังด้านหน้าของเวทีทำให้ปิญญ์ชานนท์หันไปมองด้วยความสนใจ

              คุณตาที่ว่าคงจะหมายถึงพ่อของขนมผิง…หรือจะเป็นสามีใหม่ของคุณลำดวน แต่เมื่อเขาได้หันไปมองทางเวทีเขาก็เจอกับพิศณุประธานคนเก่าของมณีรัตน์ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาแปลกใจไม่น้อยจึงต้องหันกลับมาถามเด็กๆอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

              “มั่นใจนะว่าคนนั้นเป็นคุณตาของเธอน่ะ”

              “ฮับ คนนั้นคุนตา เป็นคุนพ่อของปะป๊า”สลิ่มพยักหน้า

              คำตอบที่ปิญญ์ชานนท์ได้รับทำให้เรื่องราวที่เขาได้รับรู้มาค่อยๆปะติดปะต่อขึ้นมาราวกับจิ๊กซอว์ไม่ครบส่วน ตกลงขนมผิงเป็นลูกเลี้ยงของพิศณุรึยังไงกันแน่ แล้วขนมผิงเกี่ยวข้องอะไรกับว่าที่ประธานคนใหม่ของมณีรัตน์ ทำไมถึงได้ดูสนิทสนมกัน แล้วทำไมถึงไม่มีข่าววงในเรื่องการกระทบกระทั่งทางสถานะภายในครอบครัวนี้ออกมาบ้างเลย

              หากขนมผิงเป็นลูกเลี้ยงแล้วลูกคนปัจจุบันที่จะขึ้นมาเป็นประธานแทนพิศณุจะพอใจได้อย่างไรที่พ่อของตนรับเอาเด็กกับผู้หญิงแบบนี้เข้าไปอยู่ในครอบครัว

              ยังไม่ทันที่เรื่องราวทั้งหมดจะถูกเรียบเรียง เสียงเกริ่นนำของพิศณุก็เรียกให้เขาหันไปมองด้วยความตั้งใจ

              “ผมขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับลกชายของผมนะครับ ผู้ที่จะก้าวขึ้นมาดูแลทุกอย่างแทนผมอย่างเต็มตัวนับจากวันนี้เป็นต้นไป”

              สิ้นเสียงร่างสูงโปร่งติดไปทางผอมก็เดินขึ้นไปบนเวที ปิญญ์ชานนท์แทบไม่เชื่อสายตากับสิ่งที่ได้เห็น

              มันหมายความว่ายังไงกันแน่ที่บอกว่าขนมผิงคือว่าที่ประธานคนต่อไป แล้วลูกชายของพิศณุล่ะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่!!

              “คุนยุงเป็นอะไรไปฮับ”ปลากริมกระตุกมือของเขา

              “คุนยุง”สลิ่มเรียกบ้างพลางเงยหน้ามองคุณลุงตาแป๋ว

              แต่เสียงเรียกอะไรในตอนนี้ก็ไม่สามารถปลุกปิญญ์ชานนนท์ขึ้นมาจากความคิดได้ เรื่องที่เกิดขึ้นมันเหมือนกับต้นไม้ที่ถูกฟ้าผ่าท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำและกำลังซ้ำเติมให้ต้นไม้นั้นถูกลมพัดจนใกล้จะโค่นลง

              หากขนมผิงคือว่าที่ประธานคนใหม่ แล้วปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในอนันตไพลินกรุ๊ปเป็นผลมาจากฝีมือของขนมผิงอย่างนั้นเหรอ?

              เป็นไปไม่ได้!! เรื่องนี้มันซับซ้อนเกิดกว่าที่เขาจะคาดเดาแล้วปะติดเรื่องราวได้ด้วยตัวเอง เขาพยายามห้ามไม่ให้ก้อนเนื้อในอกที่เต้นรัวราวกับกลองที่กำลังถูกกระหน่ำทุบตีไม่ได้เลย


-----------------------------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 07:15:21 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
12 ถ้อยคำที่ถูกเมิน

 

              ขนมผิงสบตาเข้ากับนัยน์ตาคู่ดุดันที่ภายในกำลังสั่นไหวราวกับต้นไม้ถูกลมพายุพัดในขณะที่ยืนแนะนำตัวอยู่บนเวที ตาคู่สวยจ้องตอบอีกฝ่ายด้วยแววตาอันเหยียดหยามเช่นเดียวกับที่เคยถูกอีกฝ่ายจ้องมอง

              ความเป็นจริงที่ถูกเปิดเผยทำให้เขาค่อนข้างสะใจกับปฏิกิริยาของอีกฝ่ายที่แสดงออกมา ใบหน้าคมคายนั้นซีดลงเล็กน้อยยามที่เงยหน้ามองเขาในจุดที่เหนือกว่า แต่นั่นมันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับขนมผิงเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ถูกต้อนให้จนมุม เขาต้องการที่จะต้อนปิญญ์ชานนท์ให้จนมุม ต้องการที่จะทำให้อีกฝ่ายเป็นราวกับหมาจนตรอก เพื่อที่จะได้ลิ้มรสชัยชนะที่แท้จริง

              ขนมผิงหันไปพยักหน้าเป็นสัญญาณให้กับคมสัน ดูท่าว่าพี่เลี้ยงเด็กคงจะทำงานได้ไม่ดีพอถึงได้ปล่อยให้ปิญญ์ชานนท์เข้าใกล้ลูกของเขาได้อีกแล้ว ถึงจะค่อนข้างจะหงุดหงิดที่อีกฝ่ายเข้าใกล้เด็กๆได้อีกครั้ง แต่ความสะใจที่มีอยู่มากกว่าที่ได้ยินมองอีกฝ่ายราวกับถูกตีด้วยของแข็งที่เคยดูแคลนมาก่อน

 

              ในขณะที่ปิญญ์ชานนท์กำลังจ้องมองไปยังร่างสูงโปร่งของขนมผิงพร้อมกับคำถามมากมายที่วนเวียนขึ้นมาในความคิด แขนของเขาก็ถูกดึงด้วยน้ำมือของผู้ชายคนเดียวกับที่คอยติดตามขนมผิงอยู่ตลอด แม้จะถูกดึงให้ออกห่างจากเด็กๆอย่างอย่างสุภาพแต่แฝงไปด้วยความรุนแรง ปิญญ์ชานนท์ยอมผละออกมาด้วยความรู้สึกที่หลากหลายจนทำให้ไม่สีสมาธิที่จะหยิบจับเรื่องไหนมาคิดก่อน เขาถูกถึงให้เดินออกมาจากห้องจัดเลี้ยงโดยที่มีสายตาสะใจของใครอีกคนมองตามมา

 

              นานพอดูกับการที่ขนมผิงถูกพาไปแนะนำตัวกับคนในงานอีกมากมาย แต่เขาก็ค่อนข้างจะพึงพอใจเมื่อคนพวกนั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนที่สามารถเอื้อประโยชน์ให้กับเขาได้ทั้งนั้น

              “ขอบคุณที่มาร่วมงานนะครัย ยังไงผมต้อองขอตัวนะครับ”ผมกล่าวกับแขกที่ไม่รู้ว่าเป็นรายที่เท่าไรแล้ว

              จะว่าไปตั้งเขาเองก็มัวแต่สนใจปฏิกิริยาของปิญญ์ชานนท์ปิญญ์จนลืมมองดูท่าทีของคุณวุฒิไปเสียสนิท พอมองไปรอบๆห้องจัดเลี้ยงก็พบว่าคุณวุฒิไม่อยู่แล้ว

              ลมหายใจร้อนพรูออกมาอย่างปลงใจ ยังไงซะมันก็เป็นหนึ่งในคำตอบที่เขาได้คาดเดาเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ถึงจะค่อนข้างรู้สึกผิดหวังแต่ขนมผิงก็เลือกที่จะพยายามปล่อยให้มันผ่านเลยไปเพราะว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาในเวลานี้

 

              ขนมผิงเข้ามาล้างมือในห้องน้ำเพื่อที่จะผละออกมาจากแขกที่มากหน้าหลายตาจนตาเริ่มลาย ในระหว่างที่กำลังล้างมือใจจดจ่ออยู่กับความคิดที่จะทำหลังจากนี้ว่าควรจะเอายังไงดีกับการต่อสัญญาเพื่อที่จะเร่งรัดเวลาให้อนันตไพลินล้มลงมาเร็วขึ้น

              แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเพื่อที่จะมองเงาสะท้อนในกระจก ตาก็ต้องกระตุกวูบกับสิ่งที่สะท้อนมาจากด้านหลัง เจ้าของดวงตาคมวาวโรจน์ที่ขนมผิงคิดว่ากลับไปแล้วกำลังยืนทางทับอยู่ด้านหลังของผมในระยะประชิด

              ทันทีที่สบตากันในกระจกหัวไหล่ทั้งสองข้างก็ถูกดึงให้หันหลังไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย สะโพกถูกดันให้ติดกับเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าไม่ให้ถอยหนีไปไหนได้อีก

              “ฉันต้องการคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมด!!”น้ำเสียงออกคำสั่งดังก้องภายในห้องน้ำอย่างแข็งกร้าว

              ยามค่ำคืนแบบนี้ทำให้ห้องน้ำที่อยู่ในชั้นของห้องจัดเลี้ยงดูเงียบสงัดไม่มีใครเข้ามาเลยสักคน ดูเหมือนว่าปิญญ์ชานนท์จะไม่ยอมเลิกลาง่ายๆสินะ ขนมผิงแสยะยิ้มออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นจ้องตอบอีกฝ่าย

              “ทำไมผมจะต้องอธิบายให้คุณฟังด้วยล่ะครับ คุณปิญญ์”

              มือที่ยังไม่แห้งดีบรรจงทาบลงบนเสื้อสูทตัวแพงของชายหนุ่มก่อนจะเช็ดไปมาจนแห้งอย่างใจเย็น จงใจแสยะยิ้มที่มุมปากเพื่อยั่วโมโห

              “มันจะมากไปแล้วนะขนมผิง!!”

              “ฮึก!”

              ขนมผิงสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกผลักผมออกจนแทบจะหงายหลังไปบนเคาน์เตอร์ ดูท่าทางปิญญ์ชานนท์คงจะโมโหอยู่มากกับสิ่งที่ไม่ได้

              “อะไรกัน อย่าใช้แต่กำลังสิครับ ตรงนี้น่ะ ใช้มันซะบ้างสิก่อนที่สิ่งที่เคยมีอยู่จะถูกแย่งเอาไปซะก่อน”

              ฝ่ามือของขนมผิงทาบลงไปบนขมับของอีกฝ่ายอย่างเบามือเป็นเชิงดูถูก แน่นอนว่าปิญญ์ชานนท์ปัดมันออกแทบจะทันทีด้วยความหงุดหงิด

              “นายจงใจทำทุกอย่างใช่ไหม คนอย่างนายนี่มันต่ำไม่เลิกจริงๆ นายจงใจหลอกฉันเพื่อที่จะเล่นสกปรกสินะ”

              หัวไหล่ทั้งสองข้างถูกกระชากให้ถลาเข้าไปหาแล้วบีบมันด้วยมือที่แข็งแรง ถึงจะเจ็บแต่ขนมผิงก็กัดฟันทนเพื่อที่จะมองดูใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสนในตอนนี้

              “ถ้าใช่แล้วจะทำไม แล้วถ้าไม่ใช่จะทำไมครับ หรือว่าคนอย่างคุณที่คิดว่าตัวเองสูงส่งจะคิดกลัวคนต่ำต้อยอย่างผมขึ้นมาแล้ว”

              “หึ!! ใครจะไปกลัวคนชั้นต่ำอย่างนาย นายมันก็แค่พวกที่ร่านไปวันวัน คิดทำแต่เรื่องสกปรก”

              “ไม่กลัวก็ดีแล้วครับ คราวนี้ผมจะได้ไม่ออมมือ ของอะไรที่มันเคยเป็นของคุณ ของอะไรที่คุณเชิดชูมัน ผมจะเอามันมาเป็นของผมให้หมด ระวังตัวเอาไว้แล้วกัน”ขนมผิงตอบอย่างใจเย็น ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มของผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า

              ปิญญ์ชานนท์ดูนิ่งเฉยไปชั่วครู่คล้ายกับกำลังครุ่นคิดหรือสับสนอะไรสักอย่าง มือผอมปัดเอามือที่บีบไหล่ทั้งสองข้างออก จงใจใช้มือผลักอกอีกฝ่ายให้ถอยหลังก่อนจะอาศัยจังหวะนั่นเดินหนีออกมาจากห้องน้ำ

              ในระหว่างที่เขากำลังจะก้าวออกมาจากห้องน้ำ ข้อมือก็ถูกรั้งเอาไว้แล้วกระชากเข้าไปหาจนเกือบล้มลงไปกองอยู่บนพื้นห้องน้ำ นัยน์ตาของปิญญ์ชานนท์ที่มองมานั้นวาวโรจน์ราวกับนัยน์ตาของสัตว์ร้าย

              “มีอะไรอีก อะ โอ้ย!!”

              หันไปเพื่อที่จะถามแต่ก็ถูกดึงให้เดินตามเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ด้านในสุด

              “ดูเหมือนนายมันจะยังไม่เชื่องสินะขนมผิง นายลืมไปแล้วรึไงว่าฉันเป็นใครแล้วนายเป็นใคร นายมันก็แค่คนชั้นต่ำไม่มีสิทธิมาเชิดหน้าใส่ฉันแบบนี้”

              “ปล่อยผม คุณปิญญ์ อึก!!”

              ไม่ทันขาดคำก็ต้องกัดฟันเมื่อถูกผลักให้ล้มลงไปบนพื้นห้องน้ำ แต่ที่ทำให้เจ็บยิ่งกว่าก็คือการที่หน้าผากของเขากระแทกเข้ากับชักโครกอย่างแรง ถึงมันไม่แรงมากพอที่จะปริแตก แต่ก็แรงพอที่จะทำให้บวมนูนออกมา

              ขนมผิงกองอยู่บนพื้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ด้วยแรงผลัก มือกุมหน้าปากด้วยความเจ็บปวด เงยหน้าจ้องมองไปยังใบหน้าคมคายอย่างเจ็บใจ

              สุดท้ายแล้วปิญญ์ชานนท์ก็ดีแต่ใช้กำลังอยู่ดี!!

              “นายมันหาเรื่องใส่ตัวเองนะ จะโทษฉันไม่ได้”

              ถึงแม้ว่านัยน์ตาแข็งกร้าวจะดูไหววูบแต่ริมฝีปากหยักก็ยังคงพล่ามวาจาที่เต็มไปด้วยถ้อยคำสกปรกอยู่ดี แรงกระแทกทำให้ขนมผิงรู้สึกมึนหัวเล็กน้อยก่อนจะยันตัวเองลุกขึ้นมา แล้วฝืนส่งยิ้มร้ายออกไป

              “ดูสิ คนที่คิดว่าตัวเองสูงส่งกำลังทำอะไรอยู่ คุณคิดว่าเรื่องที่ตัวเองกำลังทำอยู่มันเป็นเรื่องที่คนสูงส่งเขาทำกันรึไง”

              “อย่ามาทำปากดีนะขนมผิง”ปิญญ์ชานนท์ว่าพร้อมกับกระแทกเท้าปิดประตูห้องน้ำแล้วตรงเข้ามาผลักร่างสูงโปร่งให้หลังไปกระแทกกับผนังห้องน้ำ

              “นายลืมไปแล้วรึยังไงว่าฉันคนนี้เป็นผัวของนาย นายไม่มีสิทธิที่จะมาปากดีกับฉัน”

              ถึงจะยังมึนหัวไม่หาย แต่ถ้อยคำที่แทงใจดำมันกระแทกเข้ามาในโสตประสาททำให้ผมสะบัดหน้าไปมองเขาอย่างไม่พอใจ

              “หึ!! คุณพูดอะไรของคุณครับคุณปิญญ์ ผมไม่นับว่าคนที่ได้นอนกับผมแค่ครั้งสองครั้งจะเป็นผัวผมได้หรอกนะ บางทีผมอาจจะนอนกับคนอื่นๆมากกว่านอนกับคุณก็ได้ ใครจะไปรู้”

              ปิญญ์ชานนท์ไม่มีสิทธิที่จะมาเรียกเขาว่าเมียในเมื่อเป็นฝ่ายที่ที่จะผลักไสความรับผิดชอบที่พึงกระทำไปทั้งหมด

              และที่สำคัญ…ปิญญ์ชานนท์ไม่เคยรักเขา!!

              “นายนี่มันร่านกว่าที่ฉันคิดเอาไว้จริงๆ แค่ครั้งสองครั้งมันคงไม่พอสินะ งั้นฉันจะทำให้มันมีครั้งต่อๆไปเอง คราวนี้นายจะได้ยอมรับสักทีว่านายอยู่ในฐานะอะไรกันแน่”

              “คุณคิดว่า อื้อ”

              ยังไม่ทันที่จะตอบกลับริมฝีปากก็ถูกกระแทกเข้ามาอย่างรุนแรง มันแรงมากพอที่จะทำให้รู้สึกเจ็บจนชา ความตกใจทำให้ลิ้นอันน่ารังเกียจลุกล้ำเข้ามาในริมฝีปากของเขาอย่าง่ายดาย ลิ้นที่ทั้งร้อนทั้งชื้นเข้ามาเกี่ยวกระหวัดภายในโพลงปากของขนมผิงอย่าเกรี้ยวกราด และเริ่มรุนแรงขึ้นอย่างบ้างคลั่งในขณะที่ใบหน้าของเขาถูกตรึงเอาไว้ไม่ให้หันหนีและยอมรับจูบที่ไม่เต็มใจ

              มันทั้งหยาบโลนและรุกเร้าไปในคราวเดียวกัน ความรู้สึกในอดีตถูกปลุกขึ้นมาในทันทีในยามที่ปลาลิ้นนั้นไล่ให้เขาจนมุมและถูกยั่วเย้าให้คล้อยตามด้วยความหยาบคาย

              ความชื้นในโพลงปากเกิดขึ้นอย่างลามก เสียงจูบน่าเกลียดดังก้องเข้ามาในหู ลิ้นของอีกฝ่ายชักนำให้เขาขยับหนีและพยายามดันมันออก แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้ขนมผิงจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ จูบของปิญญ์ชานนท์ทำให้เขารู้สึกทั้งหวาดกลัวและเหนื่อยล้าเกินที่จะต่อต้านด้วยกำลังที่ด้อยกว่า ถึงจะไม่ต้องการแต่ก็ถูกต้อนให้จนมุมและคล้อยตามด้วยความไม่เต็มใจ

              ขนมผิงขย้ำมือลงบนเสื้อสูทตัวแพงของอีกฝ่ายอย่างเจ็บใจที่ไม่สามารถต่อต้านเรื่องน่ารังเกียจนี้ได้ และในที่สุดจูบที่น่าสะอิดสะเอียนก็จบลงสักที น้ำลายใสหนืดไหลย้อนลงมาที่มุมปากของเขา ท่าทีของปิญญ์ชานนท์เปลี่ยนไปเมื่อเห็นว่าเขาพ่ายแพ้ให้กับการคุกคามครั้งนี้

              ปิญญ์ชานนท์ผละออกเล็กน้อยก่อนจะหยิบแฟรชไดรฟ์อันเล็กใส่ลงมาในกระเป๋ากางเกงของขนมผิง ขนมผิงมองอย่างแปลกใจและค่อนข้างจะเริ่มกังวลขึ้นมาเมื่อไม่รู้ว่าสิ่งที่ปิญญ์ชานนท์ยัดเยียดมาให้นั้นคืออะไร

              “สิ่งที่อยู่ในนี้จะทำให้นายเดินมาหาฉันอีกครั้งเหมือนเมื่อสี่ปีที่แล้ว และครั้งนี้จะเป็นอีกครั้งที่นายจะยอมร้องครางเหมือนพวกขายตัวอยู่ใต้ร่างของฉัน ขนมผิง”

              ผลั๊วะ!!

              ถ้อยคำที่ดูถูกมันมากเกินไปที่ขนมผิงจะยอมทน ส่งหมัดเล็กๆไปกระทบบนริมฝีปากได้รูป ถึงมันจะไม่แรงมากแต่มันก็เพียงพอที่จะทำมีเลือดซึมออกมาที่มุมปาก

              “ดูเหมือนว่าจูบเดียวมันจะไม่ทำให้นายเชื่องสินะ ขนมผิง!!”

              ปึก!!!

              คราวนี้มันรุนแรงกว่าครั้งก่อน ปิญญ์ชานนท์ผลักให้ขนมผิงหันหน้าเข้าหาผนังห้องน้ำแอย่างแรง แรงจนรู้สึกจุก เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาที่สั่งให้คมสันเฝ้าเด็กๆเอาไว้แทนที่จะติดตามตนเองตลอด

              ตอนนี้ปิญญ์ชานนท์ไม่ต่างอะไรกับหมาบ้าโรคจิตที่พร้อมจะทำในสิ่งที่เหนือความคาดหมายทุกเมื่อ ร่างสูงใหญ่ตรงเข้ามาแล้วใช้มือข้างขึ้นกดลงบนลำคอของเขาทำให้เขาหายใจไม่สะดวก มืออีกข้างพลางปลดกระดุมเสื้อของเขาออกอย่างสะเปะสะปะจนน่าตกใจ

              “คุณคิดจะทำอะไรในนี้!!”

              “ทำให้คนอื่นรู้กันไปเลยไงว่านายเป็นเมียของฉัน คนอื่นจะคิดยังไงนะถ้ารู้ว่าประธานคนใหม่ของมณีรัตน์จะเป็นเมียของฉันคนนี้”

              “คุณจะบ้ารึไง!!”

              เพราะนั่นมันหมายถึงชื่อเสียงและหน้าตา ไม่ใช่แค่ของเขากับปิญญ์ชานนท์ แต่มันหมายถึงครอบครัวที่อยู่ข้างหลังอีกด้วย!!

              แต่ดูเหมือนว่าปิญญ์ชานนท์ไม่ต้องการที่จะต่อปากต่อคำกับขนมผิงอีกแล้ว มือใหญ่พยายามดึงเสื้อผ้าของขนมผิงจนหลุดลุ่ย จับให้ขนมผิงหันไปตอบรับริมฝีปากที่ระดมจูบลงมาอีกครั้ง

              พอเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากนั้นก็ซุกไซร้ลงบนลำคอ และนั่นมันมากเกินกว่าที่ขนมผิงจะรับไหวกับพฤติกรรมครั้งนี้ของปิญญ์ชานนท์ มือใหญ่หยิบเอาวัตถุสีดำวาวขึ้นมาก่อนจะจี้ลงไปบนบั้นเอวของอีกฝ่าย

              ตาคู่ดุเบิกกว้าง ร่างเกร็งแข็งไปชั่วครู่ก่อนที่ตาทั้งสองข้างจะปิดลงและล้มลงไปกองอยู่บนพื้นอย่างหมดสภาพ

              ถึงมันจะดูเลวร้ายแต่อีกฝ่ายก็เป็นคนผิดเองที่ทำให้เขาไม่มีทางเลือก ขนมผิงควรจะต้องสะใจกับเรื่องนี้ กับผลลัพธ์ที่อยู่เบื้องหน้า แต่ทำไมหัวใจของเขากลับรู้สึกไหววูบขึ้นมาจนต้องเบือนหน้าหนี

              ชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวออกจากห้องน้ำแล้วเดินหันหลังกลับไปดึงให้อีกฝ่ายลุกขึ้นนั่งพิงกับผนังห้องน้ำด้วยท่าทางที่ดีกว่าที่ควรจะเป็น

              อย่างน้อยกับกับปิญญ์ชานนท์ก็แตกต่างกัน แตกต่างตรงที่จิตใจของเขามันไม่ได้แข็งกร้าวมาตั้งแต่เริ่มเหมือนกับอีกฝ่าย

 

-----------------------------------------------------------------------
มีต่อ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 07:16:47 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด